Tag: อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
-
ภาพสุดสะเทือนใจของนักประดาน้ำ ที่ว่ายน้ำท่ามกลางซากขยะมากมาย ในทะเลอินโดนีเซีย
เมื่อเราไปเที่ยวทะเล ภาพที่เราหวังจะได้เห็นจากการดำน้ำในทะเลลึกก็คือภาพของสัตว์น้ำนานาชนิดที่เราไม่สามารถหาดูได้ตามปกติ รวมไปถึงความสวยงามตามธรรมชาติอย่างปะการังอีกด้วย ทว่าภาพที่นักประดาน้ำคนหนึ่งได้จากการไปดำน้ำในทะเลของประเทศอินโดนีเซีย กลับกลายเป็นภาพทะเลที่มีแต่ขยะจำพวกพลาสติกล้อยเคว้งคว้างอยู่เต็มไปหมด ซ้ำร้ายแถบนั้นยังเป็นแหล่งอยู่อาศัยของปลากระเบนอีกด้วย เขาคิดว่าเรื่องนี้ควรได้รับการแก้ไขโดยด่วน ภาพถ่ายชุดนี้ถูกถ่ายโดย Jukka Saarikorpi นักประดาน้ำและช่างภาพใต้น้ำมืออาชีพ เขากับคู่หมั้น Aissa Paronen ตัดสินใจไปดำน้ำกันที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยหวังว่าจะได้เห็นความงดงามของธรรมชาติใต้ทะเลลึกของกลุ่มปลากระเบนในแถบนั้น ช่างภาพใต้น้ำ Jukka Saarikorpi และคู่หมั้น Aissa Paronen ทว่าเมื่อเขาดำน้ำมาจนถึงถิ่นที่ปลากระเบนจำนวนมากอาศัยอยู่ เขากลับพบว่าบริเวณนั้นมีแต่ถุงพลาสติกและขวดพลาสติกลอยเคว้งคว้างอยู่มหาศาล เขาอธิบายว่า “ในแถบนั้นมีพายุเศษขยะพลาสติกหมุนวนอยู่ ปลากระเบนที่อยู่แถบนั้นก็มักจะว่ายเข้าไปหาขยะพวกนี้ด้วย พลาสติกเหล่านี้ถูกกระแสน้ำพัดมาจากหลายแห่งจนสุดท้ายก็มารวมกันอยู่ในถิ่นอาศัของปลากระเบน” เขาเสริมอีกว่า “ตรงนี้มีปลากระเบนอาศัยอยู่มากกว่า 100 ตัว ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าขยะจะมารวมอยู่ในที่อาศัยของสัตว์ทะเลมากขนาดนี้ ถ้าหากปลากระเบนเผลอกินพลาสติกเข้าไปมันต้องส่งผลเสียร้ายแรงแน่ๆ เพราะพวกมันไม่สามารถย่อยพลาสติกได้” หลังจากที่เขากลับจากการดำน้ำครั้งนั้น เขาจึงนำภาพทั้งหมดที่ถ่ายมารวมถึงคลิปวิดีโอ อัปโหลดลงบนเฟซบุ๊กของตัวเอง และยังให้คนอื่นสามารถแชร์ภาพเหล่านี้ลงไปบนโซเชียลมีเดียอื่นๆ อีกมากมายด้วย เขาหวังว่าการแชร์ภาพเหล่านี้จะสามารถทำให้สังคมตระหนักถึงปัญหาขยะในท้องทะเลได้มากขึ้น และร่วมมือกันแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ คนในสังคมออนไลน์ก็ดูจะให้ความสนใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี แค่นับจากยอดเข้าชมโพสต์เฟซบุ๊กของเขาอย่างเดียว ก็มีคนเข้าชมไปแล้วกว่า 80,000 ครั้ง หากนับรวมยอดเข้าชมบนโซเชียลมีเดียอื่นด้วยอาจจะมียอดชมสูงหลายแสนครั้งเลยก็เป็นได้ ภาพเหนือระดับน้ำทะเลของบริเวณที่มีขยะพลาสติกอยู่…
-
ชาวบ้านกลัวนกถ่ายใส่รถหรู เลยเอาหนามเทียมมาติดบนต้นไม้ เพื่อกันไม่ให้นกมาเกาะ
เวลาที่ต้องไปทำธุระข้างนอกบ้าน ทุกที่ไม่ได้มีบริการโรงจอดรถไว้ให้เราตลอด บางครั้งเราจึงจำเป็นต้องขับรถไปจอดไว้ใต้ต้นไม้ข้างทาง และทิ้งไว้เป็นเวลานาน จึงไม่แปลกหากกลับมาจะพบว่านกที่เกาะอยู่บนต้นไม้ ทิ้งร่องรอยเป็นขี้นกไว้บนรถ ชาวบ้านในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเขตคลิฟตัน เมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษก็ประสบปัญหานี้เช่นเดียวกัน เพราะที่จอดรถของพวกเขาเป็นที่โล่งซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ตั้งอยู่ นกจึงขี้ใส่รถเป็นประจำ แต่พวกเขาก็ไม่ต้องการให้รถราคาแพงต้องมาเปื้อนขี้นก จึงได้คิดวิธีแก้ปัญหาแบบใหม่ขึ้นมา โดยพวกเขาได้เอาหนามเทียมที่ปกติติดไว้ไล่นกตามกำแพง ขึ้นไปติดไว้บนกิ่งของต้นไม้ใหญ่ตรงที่จอดรถ ชาวบ้านที่ว่านี้อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ Essendene House และ Heathfield House พวกเขาได้นำหนามเทียม ไปติดไว้บนกิ่งไม้ที่อยู่เหนือที่จอดรถทุกกิ่ง และแต่ละกิ่งก็ติดไล่ตั้งแต่ตรงโคนกิ่งไล่ไปจนถึงสุดปลายกิ่งเลย ด้วยความหวังว่านกจะไม่มาเกาะและขี้ใส่รถอีก หนามเทียมเหล่านี้ดูเหมือนจะใช้ได้ผลดีซะด้วย เพราะพอติดไว้แล้ว นกก็ไม่มาเกาะบนต้นไม้ต้นนี้อีกเลย ชาวบ้านในละแวกนั้นจึงไม่ต้องกังวลอีกว่านกจะมาขี้ใส่รถของพวกเขา แต่กลุ่มนักอนุรักษ์ธรรมชาตินั้นไม่เห็นด้วย ที่นำหนามเทียมมาติดไว้บนต้นไม้แบบนี้ เพราะแม้ว่ามันจะแก้ปัญหาเรื่องนกขี้ใส่ได้ แต่นั่นก็ส่งผลให้นกไม่สามารถมาเกาะพัก และทำรังบนต้นไม้ได้ด้วย Paula O’Rourke สมาชิกของกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติ ได้ออกมาพูดในฐานะตัวแทนของคนในชุมชนนั้นว่า “ฉันรู้ดีว่าเจ้าของที่ดินอาจจะมีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้ เพราะต้นไม้ต้นนั้นก็อยู่บนที่ดินของเขา แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่าทำแบบนี้ไม่ถูกต้องอยู่ดี” เธอยังเสริมอีกว่า “ถึงแม้เขาจะมีสิทธิ์ทำอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม แต่ว่าหนามเหล่านี้เป็นภาพขัดตามาก ทำไมเราต้องเห็นมนุษย์มาดัดแปลงต้นไม้จนนกไม่สามารถอาศัยอยู่ได้” ทางผู้อยู่อาศัยในอพาร์ตเมนต์เอง เมื่อเห็นกลุ่มนักอนุรักษ์ธรรมชาติออกมาต่อต้าน จึงได้ออกมาให้คำชี้แจ้งกับเหตุการณ์นี้ว่า “เราเพียงแค่เอานามเทียมมาติดไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้นกมาขี้ใส่รถเท่านั้น ถ้าไม่ทำอย่างนั้น…
-
คู่สามีภรรยาใช้เวลากว่า 25 ปี เปลี่ยนพื้นที่เสื่อมโทรม ให้กลายเป็นป่าเขียวขจี 750ไร่
การเป็นผู้ให้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เมื่อไหร่ที่เราได้มอบหรือแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่นถึงแม้ว่ามือเราจะว่างเปล่า แต่เชื่อแน่ว่าหัวใจเราจะเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจอย่างแน่นอน และวันนี้เราก็มีอีกหนึ่งเรื่องราวที่แสดงให้เห็นถึงการให้ที่ยิ่งใหญ่มามาฝากกัน โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ประเทศอินเดีย เมื่อสองสามีภรรยาได้ทำการซื้อพื้นที่ว่างเปล่าผืนใหญ่และเปลี่ยนพื้นที่นั้นให้กลายเป็นป่าได้ในที่สุด… ในปี ค.ศ. 1991 สองสามีภรรยาคุณ Anil และคุณ Pamela Malhotra ได้ซื้อพื้นว่างเปล่ากว่า 55 เอเคอร์หรือประมาณ 137 ไร่ในเมือง Karnataka ประเทศอินเดีย เพื่อทำการปลูกพันธุ์ไม้พื้นเมือง ผ่านมาแล้วกว่า 25 ปี ต้นไม้ที่ทั้งคู่ปลูกไว้ได้กลายเป็นผืนป่าที่มีพื้นที่กว่า 750 ไร่ ที่นี่กลายเป็นบ้านหลังใหม่ของพวกสัตว์ป่าน้อยใหญ่และยังเต็มไปด้วยพืชพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์อีกมากมาย หลังจากที่ได้มีโอกาสไปอันนีมูนกันที่ฮาวาย พวกเขาได้พบกับต้นไม้ที่เขียวขจีและสัตว์ป่าพันธุ์แปลกๆ มากมาย จึงเป็นสาเหตุให้ทั้งสองคนเริ่มหลงรักธรรมชาติตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา “พวกเราตระหนักถึงความสำคัญของป่า และปัญหาโลกร้อนที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ แต่ทว่าทางรัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่มีท่าทีจะมีมาตรดูแลป่าไม้ซักเท่าไหร่” คุณ Anil กล่าว ในปีค.ศ. 1986 ทั้งคู่เดินทางกลับมายังประเทศอินเดียเพื่อร่วมงานศพของพ่อคุณ Anil ในตอนนั้นปัญหาเรื่องมลพิษและการลักลอบตัดไม้ทำลายป่ากำลังเกิดขึ้นอย่างรุนแรงมาก และไม่ค่อยได้รับความสนใจจากภาครัฐเท่าที่ควร ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจขายทรัพย์สมบัติที่ฮาวาย และเริ่มต้นที่จะสร้างผืนป่าที่บ้านเกิด หลังจากที่ใช้เวลาคนหาพื้นที่ที่ต้องการอยู่นาน พวกเขาก็พบกับพื้นที่ที่เหมาะสมจะใช้ปลูกป่าของพวกเขา ซึ่งอยู่ในเมือง Kodagu ทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย “ผมพบที่แห่งนี้ได้จากการแนะนำของเพื่อนว่ามีชาวนาคนหนึ่งต้องการที่จะขายไร่กาแฟพื้นที่ 137 ไร่นี้เนื่องจากที่นี่ไม่สามารถที่จะเพาะปลูกกาแฟหรือพืชอื่นๆ ได้เลย” คุณ Anil บอก เนื่องจากฝนที่ตกอย่างหนักเกินไปจึงทำให้พื้นที่แห่งนี้ไม่เหมาะที่จะเป็นพื้นที่เกษตกรรม…
-
‘พิพิธภัณฑ์ศิลปะใต้น้ำ’ แห่งแรกของโลก ดูสวยปนน่ากลัว กระตุ้นให้คนใส่ใจในสิ่งแวดล้อม..!!
ปัจจุบันธรรมชาติใต้ทะเลนั้น ถูกคุกคามโดยมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงทำให้พันธุ์สัตว์และพืชลดน้อยลงตามกาลเวลาและอาจสูญพันธุ์ได้ในที่สุด Jason deCaires Taylor เป็นศิลปินที่ชอบสำรวจธรรมชาติใต้ท้องทะเลมาเป็นเวลานาน จนได้เห็นถึงความเปลี่ยนที่เกิดขึ้นมากมาย เขาจึงได้สร้างสวนประติมากรรมใต้น้ำแห่งแรกของโลกในปี 2006 ซึ่งตั้งอยู่นอกชายฝั่งทางตะวันตกของเกรเนดาในหมู่เกาะอินเดียตะวันตก โปรเจคนี้เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะและธรรมชาติ โดยการสร้างปากะรังเทียมขนาดขนาดใหญ่ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติใต้ทะเล ทั้งพันธุ์พืชและสัตว์ ในขณะเดียวกันก็เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้ระบบนิเวสทางทะเลด้วย เขาพยายามกระตุ้นให้เกิดการตระหนักด้านปัญหาสิ่งแวดล้อม เพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และเราเองก็สามารถไปชื่นชมความงามของธรรมชาติที่งดงามของโลกใต้น้ำนี้ได้ด้วย ปัจจุบันนี้ผลงานชิ้นนี้ติดหนึ่งใน 25 อันดับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ทาง National Geographic จัดไว้ด้วย ที่สำคัญยังเป็นประโยชน์ในการสร้างพื้นที่อนุรักษ์ทางทะเลแห่งชาติโดยรัฐบาลท้องถิ่นด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นรูปปั้นของมนุษย์และวิถีชีวิตในสังคมยุคปัจจุบัน ราวกับว่าโลกของเรากำลังถูกท่วมด้วยน้ำทะเลไปหมด สะท้อนปัญหาโลกร้อนและระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น แน่นอนว่ามันมีความสวยงามแบบเฉพาะตัว ขณะเดียวกันก็ดูน่ากลัวแบบแปลกๆ เช่นกัน ลองคิดว่าเรามาดำน้ำเล่นแล้วเจออะไรแบบนี้โดยที่ไม่รู้ตัวมาก่อน อาจจะคิดว่าหลงมาในอาณาจักรใต้น้ำอันลึกลับก็เป็นได้ ไม่ใช่แค่ศิลปะที่สวยงาม แต่ยังเป็นการช่วยสร้างความตระหนักให้ผู้คนช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย ที่มา designyoutrust ข้อมูลเพิ่มเติม Jason deCaires Taylor Instagram Facebook