Tag: อบอุ่น

มีเรื่องราวสุดน่ารักน่าหยิกเกิดขึ้นในนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อคุณพ่อคนหนึ่งแต่งตัวเป็น ไดโนเสาร์ ไปรับลูกสาวตัวน้อยที่โรงเรียนเพื่อสร้างเซอร์ไพรส์ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2018 ที่ผ่านมา ณ โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง หนูน้อยวัย 3 ขวบถึงกับหัวเราะร่าออกมาไม่หยุดหย่อน เมื่อเห็นคุณพ่อสวมชุดไดโนเสาร์ T-Rex มารับ     คุณพ่อเล่าว่าที่ต้องมาเซอร์ไพรส์ลูกสาวแบบนี้ก็เพราะเป็นรางวัลที่เธอมีพฤติกรรมในโรงเรียนเป็นเด็กดีมาตลอดนั่นเอง เหตุการณ์ดังกล่าวผู้เป็นแม่ได้บันทึกภาพวิดีโอเอาไว้และก็นำมาแชร์ลงโลกออนไลน์ ทำให้วิดีโอนี้กลายเป็นที่โด่งดังจนมีผู้คนเข้ามากดถูกใจกันถึง 150,000 ครั้งเลยทีเดียว!   ชมคลิปกันเลย   ในเหตุการณ์ คุณพ่อในชุด T-Rex ต้องเดินฝ่าสายตาของเด็กอนุบาลทั้งโรงเรียนรวมถึงผู้ปกครองคนอื่นๆ ที่ต่างจับจ้องกันอย่างประหลาดใจ รวมถึงผู้รักษาความปลอดภัยของโรงเรียนเองก็ตกใจที่ได้เห็นเช่นกัน แต่เขาก็ยอมอนุญาตให้คุณพ่อคนนี้เข้ามาเซอร์ไพรส์ลูกในโรงเรียนได้     คุณพ่อได้สร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับหลายๆ คนในโรงเรียนเป็นอย่างมาก และที่สำคัญที่สุด คนที่คุณพ่ออยากให้มีความสุขมากที่สุดก็คือ ลูกสาวตัวน้อยของเขานั่นเอง “ปะป๊า! ปะป๊า!” เสียงหนูน้อยตะโกนเรียนเจ้าได้โนเสาร์ยักษ์ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างปีติของผู้คนโดยรอบ สมใจอย่างที่เธอเคยบอกคุณพ่อเอาไว้ว่าอยากให้มีไดโนเสาร์มารับที่โรงเรียนจริงๆ     คุณแม่ของหนูน้อยกล่าวว่า “ลูกของเรารักษาสัญญาว่าจะเป็นเด็กดีที่โรงเรียน ฉะนั้นพวกเราก็ต้องรักษาสัญญากับเธอเหมือนกัน เป็นการเคารพกันและกันยังไงล่ะ”     เป็นครอบครัวที่น่ารักและดูอบอุ่นจริงๆ ขอให้เป็นเด็กแบบนีไปตลอดนะเจ้าหนูน้อย! ที่มา: dailymail, weibo…

ในเมือง Tukwila ชานเมืองของรัฐวอชิงตัน ดี.ซี. เองก็มีเรื่องราวน่าประทับใจเกิดขึ้นเช่นกัน เมื่อมีภาพที่ตำรวจนายหนึ่งก้มลงผูกเชือกรองเท้าให้เด็กน้อยถูกโพสต์บนอินเทอร์เน็ต ทำให้ชาวเน็ตต่างพากันรู้สึกอบอุ่นหัวใจกันถ้วนหน้า ในภาพจะเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งที่สวมชุดเครื่องแบบเต็มยศ นั่งคุกเข่าก้มตัวโดยมือทั้งสองข้างก็กำลังผูกเชือกรองเท้าให้กับเด็กหนุ่มตัวน้อย แล้วเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไรกันแน่ ทั้งสองคนในภาพมีความสัมพันธ์กันหรือไม่? อย่างไร? เราคงต้องไปฟังเหตุการณ์เต็มๆ กันจากเฟซบุ๊กเพจ Tukwila Police Department แล้วล่ะ…   ภาพนายตำรวจผูกเชือกรองเท้าให้เด็กน้อย   โพสต์เล่าเหตุการณ์จากทางเฟซบุ๊ก Tukwila Police Department   เนื้อหาในโพสต์มีใจความว่า: “จ่าสุภาพ และเจ้าหน้าที่ขี้อาย (ขอไม่เปิดเผยชื่อจริงนะ เพราะพวกเขาขี้อายมาก) ได้เดินตรวจตราอยู่ที่บริเวณ Cascade View Park เมื่อวานตอนบ่ายๆ (วันที่ 13 กรกฎาคม) แล้วพวกเขาก็พบกับเด็กน้อยคนนี้วิ่งสวนเข้ามาโดยสวมเพียงถุงเท้าที่ฉีกขาดและสกปรก แถมเท้าของเขายังมีเลือดออกเนื่องจากมีรอยแผลเหมือนถูกบาดบริเวณเท้าของเขา จ่าสุภาพจึงทำความสะอาดและแปะแผลให้ด้วยอุปกรณ์ทำแผลที่ติดตัวมา เมื่อถามเจ้าหนูว่ารองเท้าหายไปไหน เจ้าหนูจึงตอบว่าเขาไม่มีรองเท้าเลยสักคู่ เพราะรองเท้าที่เขามีนั้นมันเล็กเกินไปกว่าที่เขาจะสวมใส่ได้ จากนั้นจ่าสุภาพจึงรีบวิ่งไปหาซื้อรองเท้าคู่ใหม่ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ขี้อายชวนเจ้าหนูคุยเพื่อรอให้เขากลับมา เมื่อจ่าสุภาพกลับมาเขาไม่ได้มาพร้อมกับรองเท้าคู่ใหม่เท่านั้น เขายังพกไอศกรีมมาอีกด้วย! เขาช่วยเจ้าหนูผูกเชือกรองเท้าคู่ใหม่ และแล้วพวกเขาทั้ง 3 คนก็ถือไอศกรีมคนละแท่งแล้วกินไปพร้อมกันอย่างเอร็ดอร่อยก่อนจะจากกันไปด้วยรอยยิ้ม”   หลังจากภาพและเรื่องราวถูกเผยแพร่ลงบนโลกออนไลน์ ชาวเน็ตก็เข้ามาแสดงความปลื้มปริ่มกันเพียบ!   “ขอบคุณนะที่ทำดีกับเจ้าหนู”…

เด็กๆ ล้วนมีความใฝ่ฝันด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าในเวลานั้นเหล่าเด็กๆ จะต้องพบเจอกับสถานการณ์อย่างไร ก็มักจะมีสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นกับตนเองในอนาคตเสมอ แล้วเด็กๆ จะมีความสุขมากขนาดไหนเมื่อวันหนึ่งความฝันของพวกเขากลายเป็นจริง โดยเฉพาะเด็กที่เป็น “ผู้อพยพ” ซึ่งผ่านโลกที่มีแต่เรื่องราวแย่ๆ มามากมาย     องค์กร UNHCR จึงได้มีโครงการ Dream Diaries ที่ให้ศิลปิน 4 คนเดินทางไปยัง 5 ประเทศเพื่อพบปะเหล่าเด็กๆ ที่เป็นผู้อพยพ และสร้างสรรค์ภาพขึ้นมาตามจินตนาการของเด็กๆ เหล่านั้น ด้วยการตัดต่อภาพโดย Photoshop นั่นเอง “บางคนก็ใฝ่ฝันว่าอยากมีพลังวิเศษเพื่อที่จะหยุดสงครามซีเรียได้ คนอื่นๆ ก็อยากเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินบ้าง นักข่าวบ้าง บางคนก็อยากจัดงานวันเกิดในธีม Harry Potter และบางคนก็ใฝ่ฝันอย่างเรียบง่ายอย่างเช่นไล่จับผีเสื้อในทุกๆ วัน” ทีมศิลปินกล่าว “พวกเราทำให้ความฝันของเด็กๆ ดูมีชีวิตชีวา ถึงได้ตั้งชื่อโครงการนี้ว่า ‘Dream Diaries’ ยังไงล่ะ เด็กๆ อพยพจากบ้านเกิดมาโดยทิ้งทุกๆ อย่างไว้เบื้องหลัง แต่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้ทิ้งก็คือความฝันยังไงล่ะ ต่อให้พวกเขาเจอเรื่องโศกเศร้ามาขนาดไหน พวกเขาไม่เคยสูญเสียความสามารถและพลังที่จะฝัน”   และนี่ก็คือภาพความฝันของเด็กๆ ที่เหล่าศิลปินทำให้เกิดขึ้นจริงๆ . . . . .…

เกิดเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความแตกตื่นเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่ขบวนเสด็จพระสันตะปาปากำลังเคลื่อนตัวเพื่อพบปะประชาชนในเมือง Iquique ประเทศชีลี จู่ๆ ม้าของเจ้าหน้าที่อารักขาเกิดคลุ้มคลั่งเสียการควบคุมจนทำให้ตกลงมาที่พื้นอย่างรุนแรง     ทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่อารักขาพระองค์ในขบวนต่างก็ตกใจไปตามๆ กัน รวมไปถึงรถพระที่นั่งของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเองก็ถึงกับเสียหลักไปเล็กน้อย     แต่แทนที่จะขับต่อไป สมเด็จพระสันตะปาปากลับรับสั่งให้คนขับหยุดรถ และทรงดำเนินลงมาเช็กดูอาการบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่หญิงคนดังกล่าว   พระองค์ทรงก้มลงไปสอบถามอาการของเจ้าหน้าที่หญิงด้วยความเป็นห่วง และอยู่รอจนรถพยาบาลมาถึง   ก่อนที่จะดำเนินกลับไปประทับที่รถพระที่นั่ง แล้วทำการทักทายประชาชนต่อไป….   จากรายงานของสำนักข่าว DailyMirror โชคดีที่เจ้าหน้าที่หญิงไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงอะไรมากนัก   คลิปเหตุการณ์ดังกล่าวอัปโหลดโดยสำนักข่าว BBC   ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นและสร้างความประทับใจให้กับผู้คนมากมาย เมื่อชาวเน็ตได้ชมคลิปวีดิโออันสุดแสนจะประทับใจนี้ ต่างก็แสดงความคิดเห็นชื่นชมสมเด็จพระสันตะปาปาในความมีพระทัยของพระองค์…   คุณ Elizabeth Ford ให้ความเห็นว่า : “หลายๆ ครั้งที่บุคคลสาธารณะสร้างความหวังให้กับปวงประชา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสนั้นเปรียบเสมือนแสงไฟส่องทาง ในยามมืดมิด”   คุณ Mark Doyle ให้ความเห็นว่า : “ฉันไม่ได้เป็นคนนับถือศาสนานะ แต่การกระทำของพระองค์นั้นช่างน่านับถือยิ่งนัก”   คุณ Ian Yeh ให้ความเห็นว่า : “ในฐานะที่เป็นคนไม่นับถือศาสนา ฉันรู้สึกว่าสมเด็จพระสันตะปาปาเป็นคนที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง ทั้งความมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์…

การที่ต้องอยู่ห่างไกลครอบครัวนั้น สำหรับบางคนเป็นอะไรที่ทำใจได้ยากยิ่ง เนื่องจากความเป็นห่วง ความคิดถึงที่มีให้กับครอบครัวนั้น มันทำให้คนไกลรู้สึกทรมานใจยิ่งนัก ดังนั้นหลายคนที่ต้องออกไปทำงานห่างไกลครอบครัว จึงจำเป็นต้องหาทางติดต่อกับครอบครัวอยู่บ่อยๆ เพื่อลดความคิดถึงและห่วงหา แต่สำหรับบางคนนั้น การติดต่อกลับหาครอบครัวก็ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ มันอาจจะต้องแลกมาด้วยความพยายามอย่างมาก ดังเช่นแรงงานชาวจีนผู้นี้ที่เขาจะต้องมาที่สถานีรถไฟใต้ดินทุกๆ วัน เพื่อใช้บริการ “ไวไฟฟรี” ของสถานีในการโทรหาภรรยาและครอบครัว     นาย Ge Yuanzheng แรงงานก่อสร้างในเมืองทางจีนตะวันออก ซึ่งอพยพมาจากมณฑลเหอหนาน เขามีรายได้น้อยแถมยังต้องอาศัยอยู่ในหอพักแสนธรรมดากับเพื่อนร่วมงาน เขาจำเป็นต้องประหยัดเงินกระทั่งแม้ไปเที่ยวเขาก็ยังไม่กล้าไปสถานที่ดังๆ เนื่องจากกลัวจะเสียค่าใช้จ่ายที่มากเกินไป     Ge พยายามติดต่อครอบครัวทุกวัน แต่เขาเองก็ยังต้องประหยัดและเก็บออมเงินที่ได้มาแสนยากลำบาก เขาเลยเลือกที่จะใช้บริการดีๆ ของสถานนีรถไฟใต้ดินอย่างอินเทอร์เน็ตไวไฟฟรีนั่นเอง เขาเล่าว่าเขาต้องเดินมาที่สถานีทุกๆ คืนเพื่อใช้สัญญาณไวไฟติดต่อและพูดคุยสนทนากับครอบครัว โดยเมื่อเดือนก่อนก็มีคน ถ่ายรูป ของเขาขณะโทรหาครอบครัวมาโพสต์ลงอินเทอร์เน็ต     ครั้งแรกที่ภรรยาของ Ge เห็นภาพดังกล่าวบนอินเทอร์เน็ต เธอรู้สึก ไม่พอใจ ที่มีคนถ่ายรูปเขาที่อุตส่าห์เดินลัดเมืองมาเพื่อแค่โทรบอกรักภรรยา แต่เมื่อ Ge ได้อธิบายว่าเขาไม่เป็นไร ทุกๆ อย่างปกติดี เธอจึงให้กำลังใจเขาแทน เขาและภรรยานั้นมีลูกด้วยกัน 2 คน ลูกชายของเขาทำงานแล้ว ในขณะที่ลูกสาวของเขานั้นกำลังเล่าเรียนเพื่อที่จะเป็นพยาบาล ค่าส่งเสียเล่าเรียนของลูกสาวนั้นราวๆ…

เป็นเวลากว่าหลายปีที่สองสามีภรรยาได้ทำงานเป็นทีมร่วมทุกข์ร่วมสุขเพื่อดูแลเหล่าสัตว์ป่าในประเทศแอฟริกา อีกทั้งยังรณรงค์สร้างความตระหนักให้ทุกคนเห็นว่าการล่าช้างเพื่อเอางานั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ในปี 1977 หลังจากที่คู่รักได้ย้ายมาอยู่ที่อุทยานแห่งชาติ Nairobi สามีของ ด็อกเตอร์ Dame Daphne Sheldrick ก็ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคหัวใจ     แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงสืบสานเจตนารมย์ของผู้เป็นสามีต่อไปด้วยการก่อตั้งมูลนิธิที่มีชื่อว่า David Sheldrick Wildlife Trust ขึ้นมา ซึ่งเป็นสถานสงเคราะห์ช่วยดูแลเหล่าลูกช้างป่ากำพร้าแม่ทั้งหลาย จนพวกมันเติบโตสามารถดูแลตัวเองได้จึงจะปล่อยกลับไปสู่ป่าตามเดิม เจ้าลูกช้างบางตัวก็ต้องสูญเสียแม่ของตัวเองเพราะเหยียบกับดัก บางตัวก็ตกลงไปในบ่อน้ำแล้วขึ้นไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะถูกฆ่าเพียงเพื่อเอางาไปขายเท่านั้น หากไม่มีการช่วยเหลือจากมนุษย์เหล่าลูกช้างตัวน้อยๆ กำพร้าแม่ก็จะต้องตาย เพราะอาหารของพวกมันในช่วง 2 ปี แรกก็คือน้ำนมจากแม่ และต้องใช้เวลาอีก 2 ปีสำหรับการหย่านม     และคุณ Daphne ก็เป็นคนแรกที่สามารถคิดค้นและผลิตน้ำนมสูตรเฉพาะที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของลูกช้างป่าได้สำเร็จ ซึ่งส่วนประกอบของมันประกอบไปด้วยไขมันในผัก และน้ำมันมะพร้าว     ลูกช้างมากมายถูกส่งมายังสถานสงเคราะห์ DSWT (David Sheldrick Wildlife Trust) จากหลากหลายที่ทั่วประเทศแอฟริกา และพวกมันก็จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีด้วยความรักและความอบอุ่นจากเจ้าหน้าที่ในสถานที่แห่งนี้     เมื่อเหล่าลูกช้างเติบโตและแข็งแรงดี พวกมันก็จะถูกส่งต่อไปยังอุทยานแห่งชาติ Tsavo National Park…

ปกติแล้วเวลาที่เราเห็นคนแปลกหน้าที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนนั่งร้องไห้อยู่ เป็นเราจะทำยังไง จะเดินไปปลอบเขาคนนั้น หรือจะทำแค่มองแล้วก็คิดว่าเขาเจอกับอะไรมาถึงได้ร้องไห้กัน… โดยปกติแล้ว เราก็คงเลือกที่จะไม่เข้าไปยุ่งเพราะเราคงไม่อยากจะมีปัญหาตามมาหรือถูกมองว่าไปยุ่งเรื่องของเขา แต่กลับกันในเรื่องนี้การเข้าไปถามคนๆ หนึ่งว่าโอเคไหมต้องการอะไรหรือเปล่า กับทำให้เรื่องอบอุ่นหัวใจก่อตัวขึ้น… Katy Hurst หญิงคนหนึ่งที่ตั้งใจจะไปซื้ออาหารที่ร้านเบอร์เกอร์คิง ในเมืองอินดิเพนเดนซ์ รัฐมิสซูรี แต่แล้วเธอก็มองไปเห็นชายคนหนึ่งริมหน้าต่างกำลังนั่งร้องไห้ พร้อมกับเอามือกุมขมับอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าเธอไม่รู้จักชายคนดังกล่าวหรอก     แต่ในเวลาไม่นาน เธอก็จำได้ว่าชายคนนั้นคือชายไร้บ้านที่เธอมักจะเห็นบ่อยๆ ในชุมชนของเธอ ซึ่งเขามักไปไหนมาไหนพร้อมกับจักรยานที่มีตระกร้าอยู่ข้างหลังเสมอ ด้วยความที่เธอเป็นคนใจดี Katy เลยตัดสินใจเข้าไปพูดคุยกับชายแปลกหน้าว่าเขาเป็นอะไร ทำไมถึงร้องไห้ ซึ่งนั่นทำให้เธอได้รู้ว่าชายคนนี้ผู้คนเรียกเขาว่า Pops อายุ 57 ปี และเขาก็กำลังตัดสินใจจะฆ่าตัวตาย     พอได้ยินแบบนั้นด้าน Katy ก็คงจะยอมไม่ได้ เธอจึงเสนอให้ Pops ไปที่บ้านเธอ เธอจะช่วยให้เขารู้สึกอยากมีชีวิตอีกครั้ง เธอได้เสนอผ้าอุ่นๆ อาหารอร่อยๆ ที่พักดีๆ ให้กับชายไร้บ้านคนดังกล่าว Pops ได้บอกไว้ว่า เขาอยากจะจบชีวิต เขาอยากจะให้มันผ่านไปเสียที แต่ Katy ก็ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น เธอเริ่มดูแลเขาทีละอย่างตั้งแต่อาหารการกิน ที่พัก ไปจนถึงการเป็นอยู่และเข้าตรวจสุขภาพ…

ก่อนหน้านี้เราเคยนำเสนอเรื่องราวของหนูน้อยวัย 5 ขวบจากมอเร่ ประเทศสก็อตแลนด์ที่ได้แต่งงานกับเพื่อนรักของเธอ (สามารถย้อนอ่านได้ที่นี่ CatDumb) ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ได้สร้างความซึ้งใจ และความประทับใจแก่ผู้คนทั่วโลกเป็นอย่างมาก เพราะในระหว่างที่หนูน้อย Eileidh Paterson กำลังเผชิญหน้ากับโรคมะเร็งต่อมหมวกไตในเด็ก (Neuroblastoma) ระยะสุดท้าย เธอได้เลือกแต่งงานกับ Harrison Grier เพื่อนสนิทวัย 6 ขวบ ก่อนที่จะจากโลกนี้ไปอย่างสงบ     ล่าสุดทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า ภายหลังจากที่ Eileidh ได้เสียชีวิตไปในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาทางครอบครัวของหนูน้อยก็ได้ตัดสินใจที่จะตั้งองค์กรการกุศล Eileidh Rose Rainbow Trust ขึ้นมา เพื่อใช้ในการระดุมทุนช่วยเหลือครอบครัวอื่นๆ ที่ป่วยเป็นโรคเดียวกับ Eileidh อีกด้วย     โดยในขณะนี้องค์กรดังกล่าวได้มีการจัดตั้งโครงการขึ้นมาทั้งหมด 2 โครงการด้วยกัน ได้แก่ Home from Home ซึ่งเป็นบ้านที่ให้ทางครอบครัวได้มาอยู่กับลูกของพวกเขาให้ได้นานที่สุด ส่วนโครงการที่สอง สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยให้พ่อแม่ที่มีลูกป่วยเป็นมะเร็งได้รับเงินทุน รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่ต้องการ     หลังจากที่หนูน้อย Eileidh ได้อยู่ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต…

ในบางครั้ง ภาพเพียงภาพเดียวอาจสามารถที่จะเล่าเรื่องราวในชีวิตทั้งหมดได้ดีกว่าคำพูด และภาพถ่ายที่เราได้นำมาให้ชมในครั้งนี้ บอกเลยว่ามันเต็มไปด้วยอารมณ์แห่งความสุข กลิ่นอายของความรัก และความรู้สึกดีๆ อยู่เต็มเปี่ยม เชื่อเถอะว่าหากคุณได้เห็น 15 ภาพเหล่านี้ รับรองว่าคุณจะต้องรู้สึกดี เหมือนกับได้รับความรักเลยละ   Patton Oswalt นักแสดงตลก ฉลองรางวัล Emmy Awards เป็นระยะเวลาหลายเดือน หลังจากที่ภรรยาของเขาเสียชีวิต   ข้อความจากแม่ที่ประกาศตามหาลูกชายที่หายไป “แม่สัญญาว่าจะตามหาลูก จนกว่าจะหาเจอ”   ผู้เป็นแม่กำลังฟังเสียงหัวใจของลูกชาย ที่ได้บริจาคให้กับหญิงสาวคนนี้ หลังจากที่เขาเสียชีวิต   สามีของผู้หญิงคนนี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่เธอก็ยังคงรับประทานอาหารกับเขาทุกวัน   ข้อความที่ห้อยบนพวงมาลัยของคนขับรถแท็กซี่ “ถึงพ่อ… ขอบคุณมากที่ทำงานหนักเพื่อพวกเรา เรารักพ่อมากนะ”   ภาพสุดท้ายกับเพื่อนผู้ซื่อสัตย์   พ่อแม่ของหนูน้อยพิการคนนี้ สร้างรถเข็นของเขาให้กลายเป็นรถขายไอศกรีมสุดเท่ในวันฮาโลวีน   ในวันที่รู้สึกเศร้า ฉันได้เดินออกไปเดินเล่น และเมื่อฉันได้เห็นเจ้าเหมียว มันทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาทันทีเลย ขอบคุณนะ!!   พนักงานวัย 22 พาคุณตาออกเดทในรอบ 55 ปี หลังรู้ว่าเขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่อย่างโดดเดี่ยว…  …

สำหรับคนที่ชอบเดินทางไกลแล้วการได้ไปหยุดที่จุดพักรถถือเป็นสวรรค์ดีๆ นี่เอง เพราะว่าเราจะได้มีเวลาพักผ่อนจากการขับรถนานๆ อาจจะได้นอนพัก ทานอาหาร หรือเขาห้องน้ำ เติมพลังเพื่อการเดินทางครั้งต่อไป และที่หมู่บ้าน Walkhampton ในเมือง Devon ก็มีจุดนี้เหมือนกัน แต่ที่แปลกกว่าที่อื่นก็คือจุดพักรถนี้เป็นจุดเล็กๆ แต่ดูอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก และที่งงกว่านั้นคือไม่มีใครรู้เลยว่าใครเป็นใครทำ เพราะเห็นอีกทีก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว     ชาวบ้านที่นั่นเล่าว่า “มันเป็นสิ่งดีๆ และทำให้หมู่บ้านดูมีสีสันขึ้นมาเลย” เพราะว่าการตกแต่งนั้นทำออกมาเหมือนห้องนั่งเล่น ต่างจากที่อื่นๆ ซึ่งเราคุ้นตาจะมาเป็นรูปแบบศาลาริมทางไว้ให้เราได้พอพักผ่อนชั่วครู แต่ที่นี่เหมือนจะให้เรางีบหลับกันได้อย่างสบาย และบรรยากาศก็ดูเหมือนบ้านหลังน้อยๆ หลังหนึ่ง   ความจริงแล้วมันเกิดขึ้นมาตั้งแต่ฤดูร้อนปีที่แล้ว ตอนแรกมันก็๋เป็นเพิงที่พักธรรมดาสร้างด้วยหินแบบศาลาริมทางทั่วไป ในคืนนั้นอยู่ดีๆ บ้านหนังนี้ก็ถูกเปลี่ยนข้ามคืนด้วยเก้าอี้และโซฟา แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตลอดทั้งเดือน นอกจากนี้ในช่วงเทศกาลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฮาโลวีนหรือว่าจะเป็นตอนวาเลนไทน์ จุดพักรถนี้ก็จะเปลี่ยนไปตามเทศกาลเหล่านั้นด้วยการตกแต่งที่แตกต่างจากปกติ เพื่อให้เข้ากับเทรนด์ที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปตลอดปี     ตอนนี้ก็ยังเป็นปริศนาอยู่ว่าใครเป็นคนทำของเหล่านี้ขึ้นมา แต่มันก็ทำให้ที่ที่ไม่เคยมีอะไรให้ดูมีอะไรขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยเนอะ เดิมทีที่แห่งนี้เป็นจุดพักรถบัสซึ่งถูกสร้างมาในปี 2013 แต่หลังจากที่รถบัสหยุดให้บริการตรงเส้นทางสายนี้ ตอนนี้มันกลายเป็นจุดพักรถทั่วไปแล้ว ถือเป็นอีกความงดงามที่เกิดขึ้นโดยฝีมือใครก็ไม่รู้   ที่มา bbc

นี่คือเรื่องราวของเจ้าหมาที่อาศัยอยู่เพียงลำพังในป่าเป็นเวลากว่า 2 ปี… ผู้คนที่อาศัยอยู่ในตึกสำนักงานออฟฟิศในเขตเมือง Kennesaw รัฐ Georgia ได้ทำการให้น้ำให้อาหาร รวมไปถึงของเล่นกับมันมาตลอดในช่วงระยะเวลาสองปีนี้ และพวกเขาก็ตั้งชื่อให้มันว่า Shelby     คุณ Jason Flatt ผู้ก่อตั้งองค์กรช่วยเหลือ Friends to the Forlorn Pitbull Rescue เล่าว่าพวกเขาพยายามที่จะช่วยเหลือมันด้วยการพามันออกไปจากป่านี้ แต่ผ่านไป 2 ปี ก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้มันออกมาได้ ผู้คนที่อาศัยอยู่แถวนั้นเล่าว่าเจ้า Shelby นั้นเคยอาศัยอยู่กับครอบครัวที่อพาร์ตเม้นต์ใกล้ๆ นี้ แต่พอเจ้าของของมันย้ายออกไปก็ไม่ได้พามันไปด้วย จึงทำให้มันต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว และไม่ไว้ใจมนุษย์คนไหนอีกเลย…     ในทุกๆ วันเจ้า Shelby จะออกมานั่งอยู่บริเวณสนามหญ้าใกล้ๆ ชายป่าพร้อมกับจ้องมองไปยังอพาร์ตเม้นต์ที่มันเคยอยู่ ราวกับรอคอยให้เจ้านายของมันกลับมารับไปอยู่ด้วยอีกครั้ง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มา ในที่สุดก็มีคนแจ้งไปยัง Friends to the Forlorn Pitbull Rescue เพื่อช่วยเหลือเพราะว่าพื้นที่ป่าแห่งนั้นกำลังจะถูกรื้อไปทำเป็นอพาร์ตเม้นท์แห่งใหม่แล้ว แน่นอนว่าคุณ Jason เองก็ไม่ปฏิเสธ รีบตรงดิ่งมายังป่าที่เจ้า Shelby อาศัยอยู่  …

ในตลอดเวลาหนึ่งวัน เราทุกคนต่างล้วนต้องเจอทั้งเรื่องดี และเรื่องแย่ๆ ที่ชวนทำให้เสียสุขภาพจิตไปทั้งวัน แต่อะไรที่แย่ๆ เราสามารถรักษามันได้ด้วยเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นในสังคมมนุษย์โลกของเรา ล่าสุดเว็บไซต์ TheDodo ได้รายงานเหตุการณ์น่ารักๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ต้องบอกก่อนว่าตอนนี้ ชาวเมืองอิสตันบูลต่างเผชิญกับปัญหาหิมะตก แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาก็คือความหนาวสุดขั้วหัวใจในยามค่ำคืน ช่างเป็นอะไรที่ทรมาณสำหรับคนที่ไม่มีที่พักอาศัย เพื่อมอบความอบอุ่นให้กับตัวเอง แต่ทว่าในความหนาวเย็น ที่มาพร้อมกับความเหงา ยังมีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้น เมื่อชาวเมืองหลายคน ต่างให้ความสนใจช่วยเหลือเหล่าสุนัขจรจัด ที่ต้องต่อสู้กับความหนาวเหน็บยามค่ำคืน   หลายๆคนได้ช่วยบริจาคผ้าห่ม เพื่อให้พวกมันได้สัมผัสกับความอบอุ่น   Ali Celik ชายผู้ทำงานในบริเวณนั้นเป็นประจำ ได้เล่ากับ The Dodo ว่า “หน้าที่ของผมคือต้องจัดการกับกองหิมะที่กองอยู่เต็มตามถนน และคืนวันหนึ่งผมได้ไปเห็นคนแปลกหน้า 3-4 คน พยายามช่วยกันเอากล่องเปล่ามาทำเป็นที่นอน และเอาผ้าห่มมาปกคลุมร่างกาย ให้พวกมันได้นอนหลับอย่างอบอุ่น มันเป็นภาพที่ประทับใจมากครับ”   บางคนก็เอากล่องมาทำเป็นที่หลบความหนาวชั่วคราวให้พวกมัน   นอกจากนั้นแล้วห้างสรรพสินค้าบางแห่งในเมืองอิสตันบูล ก็ได้ใจดีสุดๆ อย่างเช่นที่ห้างขายเสื้อผ้า ‘Penti’ ได้เปิดประตูให้เหล่าสุนัขจรจัด เข้ามาพักพิงยามค่ำคืนได้ พวกมันจะได้ไม่ต้องทนกับความหนาวอีกต่อไป   เห็นไหมว่าพวกมันหลับสบายกันขนาดไหน ไม่ต้องกลัวว่าจะหนาวจนตัวสั่น  …

หลายคนอาจคิดว่าโลกเรามันไม่น่าอยู่ เพราะมักจะเกิดเหตุการณ์ร้ายๆ ไม่เว้นแต่ละวันอยู่เสมอ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว โลกใบใหญ่ใบนี้ยังมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นมากมายจนนับไม่ถ้วน และนั่นก็อาจจะทำให้คุณรู้สึกประทับใจ และมีความสุขหลังจากที่ได้รับฟังเรื่องราวเหล่านั้น และนี่คือภาพบอกเล่าเรื่องราวดีๆ ที่เต็มไปด้วยความประทับใจ ความสุข และรอยยิ้ม ที่จะทำให้เราได้เห็นว่า อย่างน้อยโลกของเราก็มีสิ่งดีงามให้เห็นและจดจำ หากได้รับชมแล้วจะรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาทันทีเลยละ   บุคคลปริศนาได้บริจาคเงินในตู้รับบริจาคเป็นจำนวนมากถึง 8,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 276,000 บาท ให้กับศูนย์ช่วยเหลือสัตว์   แม่เป็ดทำรังในร้านขายดอกไม้ พนักงานจึงทำป้ายห้ามรบกวนมาให้   ชายไร้บ้านยอมช่วยเหลือ และเลี้ยงดูน้องหมาจรจัดที่น่าสงสาร ถึงแม้ตัวเองจะยากจนก็ตาม   เมื่อสองสัตว์อย่างเหยี่ยว และนกฮูกได้ทำความรู้จักกัน จึงเกิดเป็นภาพน่ารักๆ อย่างที่เห็น   เจ้าจิงโจ้น้อยที่กำลังรอฟังนิทานก่อนนอน   เจ้าช้างได้รับขาเทียม หลังจากที่ต้องเสียขาไปเพราะเหยียบใส่ระเบิด ตอนนี้มันเดินไปไหนมาไหนได้สะดวกขึ้นแล้ว   สุดประทับใจ!! เมื่อร้านกาแฟในประเทศกรีซ เปิดให้สุนัขจรจัดเข้าไปนอนบนโซฟา เพื่อหลบความหนาวจากด้านนอก   น้ำใจของชายไรบ้าน ที่ช่วยเหลือกระต่ายน้อย หลังจากที่มันถูกทิ้งลงในแม่น้ำ และสุดท้ายความดีก็ทำให้ชายผู้นี้ได้รับงาน มีเงิน แถมยังมีคนบริจาคอาหารสัตว์ให้เพื่อตอบแทนความดีที่เขาทำ   ชายคนหนึ่งลงไปช่วยเจ้าเหมียวหลังจากที่ติดอยู่กลางน้ำท่วม…

เรื่องราวของเจ้าเหมียวน้อยอายุ 5 สัปดาห์ที่ถูกพบอยู่ที่ถนนไฮเวย์ เมื่อคุณ Carmen Bernard ที่อาศัยอยู่ในรัฐฟลอริดาไปพบเข้า ก็สังเกตเห็นได้ว่าขาของมันนั้นมีความผิดปกติงอม้วนไปด้านหลังเหมือนกับขนม Pretzel ยังไงยังงั้นเลย     คุณ Carmen ได้คาดการณ์ว่ามันอาจจะถูกรถชนจนทำให้ขาของมันมีสภาพเป็นแบบที่เห็น เธอก็เลยพามันไปหาสัตวแพทย์ในเช้าวันต่อมา และก็พบว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด เพียงแต่ว่ามันไม่สามารถเดินได้เหมือนอย่างปกติ หลังจากการตรวจสอบอาการของมันแล้วทางสัตวแพทย์ก็ได้สรุปว่าขาของเจ้าเหมียวน้อยเป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิดแล้ว โดยเกิดมาจากความผิดปกติทางพันธุกรรม และเท่านั้นยังไม่พอพวกเขาก็ได้ตรวจพบว่าตาทั้งสองข้างของมันบอดสนิทอีกด้วย โดยมีเฉพาะขาหลังทั้งสองข้างของมันนั้นที่มีความผิดปกติงอม้วนกลับไปข้างหลัง ส่วนข้างซ้ายนั้นก็มีอาการงออยู่เหมือนกันแต่มีอาการไม่หนักเท่าข้างขวา นั่นเป็นเหตุทำให้มันไม่สามารถเดินได้ แต่ขาหน้าที่เหลือยังคงใช้งานได้อย่างปกติดี ทางสัตวแพทย์ก็ได้มอบทางเลือกให้กับคุณ Carmen สองทาง อย่างแรกก็คือการทำการุณยฆาตให้มันหลับอย่างสบายตลอดไป หรืออีกทางหนึ่งก็คือต้องดูแลมันไปตลอดชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าคุณ Carmen เลือกอย่างหลังโดยไม่มีการลังเลใดๆ   เธอก็เลยตั้งชื่อให้เจ้าเหมียวน้อยตัวนี้ว่าเจ้า Pretzel   เมื่อเจ้า Pretzel มาถึงที่บ้านใหม่ มันรู้สึกกลัวต่อทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อมีอะไรเข้ามาใกล้มันก็จะทำการขู่ฟ่อ พร้อมกับลงมือตบตีอย่างไม่มีเยื่อใย นั่นอาจเป็นเพราะว่ามันไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์มาก่อนเลยก็เป็นได้ จึงทำให้มันรู้สึกตกใจ การที่มันมองไม่เห็นนั้นสร้างความเครียดให้กับมันมากพอดูเลยล่ะ แต่ในวันหนึ่งด้วยความพยายามของคุณ Carmen ที่คอยมอบความรักให้กับมัน และดูแลมันเป็นอย่างดี เจ้าเหมียวน้อยก็เริ่มหายใจเสียงครางออกมา พร้อมกับเอาหัวไปถูกับคุณ Carmen แล้วล่ะ แสดงให้เห็นว่ามันเริ่มที่จะเปิดใจบ้างแล้ว…

ไม่ว่าคนหรือสัตว์ก็ตามถ้าผ่านประสบการณ์ที่เลวร้ายมาในชีวิตจะทำให้พวกเขาไม่เปิดใจรับอะไรง่ายๆ เพราะฉะนั้นการช่วยเหลือและชนะใจพวกเขานั้นเราจะต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของเจ้าเหมียวขี้กลัว Rigby ที่อาศัยอยู่ตัวคนเดียวในที่ดินว่างเปล่า ข้างๆ บ้านของหญิงสาวคนหนึ่ง และมันก็มักจะโผล่มาให้เธอเห็นที่ข้างรั้วบ้านเธออยู่บ่อยๆ ก็เลยตัดสินใจที่จะรับมันมาเลี้ยงไว้ในบ้านซะเลย     มันอาศัยอยู่ในย่าน Brooklyn ด้วยตัวคนเดียว ดูเหมือนเจ้าเหมียวตัวนี้ขี้กลัวเอาซะมากๆ เลยล่ะ มันมักจะรักษาระยะห่างจากมนุษย์อยู่ตลอด “ฉันเห็นมันมาประมาณ 1 เดือนแล้ว และในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะทำอะไรซักอย่าง” คุณ Alley กล่าว ในทุกๆ เช้า และทุกคืน เธอจะมองหามันตลอด แต่อยู่มาวันหนึ่งด้วยการช่วยเหลือของคนแปลกหน้าที่ผ่านมาเห็นเธอกำลังจะจับเจ้าเหมียวอยู่พอดี ก็เลยทำให้เธอสามารถพามันกลับเข้ามาที่บ้านได้อย่างง่ายดาย เธอจึงตั้งชื่อให้มันว่า Rigby พอมาถึงที่บ้านปุ๊บเจ้า Rigby ก็รีบวิ่งตรงดิ่งเข้าไปหลบอยู่ในห้องน้ำหลังตรงหลังโถส้วม และไม่ออกไปจากตรงนั้นเลยเป็นเวลาถึง 2 วัน     Alley พยายามที่จะชนะใจของมันทุกวิถีทาง หลังจากที่เธอพยายามอยู่นาน ในที่สุดเจ้าเหมียวก็เหมือนจะรับรู้ในเจตนาดีของเธอ มันก็ออกมาจากห้องน้ำ “และตอนนี้มันก็กำลังสำรวจบริเวณประตูหลังบ้านอยู่” เจ้าเหมียวยังคงรู้สึกระมัดระวังตัวจากเธอ แต่อย่างไรก็ตามมันก็เหมือนจะเปิดใจขึ้นมาหน่อยนึงแล้วล่ะ ^^     และเมื่อเธอคิดว่าเจ้า Rigby เริ่มที่จะยอมรับเธอแล้ว แต่จู่ๆ มันก็เกิดกลัวขึ้นมาแล้วก็หนีเข้าไปหลบอีกครั้ง “มันรู้สึกกลัวอีกแล้ว มันมักจะวิ่งหนีไปหลบอยู่หลังหมอนที่พิงอยู่บนโซฟาทุกครั้งที่ฉันกลับมาถึงบ้าน”…

สองคู่รัก Rachel และ Aaron Halbert ที่คบกันมายาวนานกว่า 12 ปี ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะมีลูกกันด้วยวิธีการรับเลี้ยงลูกบุญธรรม แต่พวกเขาได้เลือกหนทางที่แปลกออกไปโดยเด็กๆ ที่เขารับมาเลี้ยงนั้นเป็น คนผิวสี ทั้งหมด     คุณ Aaron (สามี) เติบโตมาในประเทศฮอนดูรัส พ่อแม่ของเขาเป็นมิชชันนารีสอนศาสนาจากอเมริกา ซึ่งเขาและครอบครัวเป็นคนผิวขาวทั้งหมด ทางฝั่งของคุณ Rachel (ภรรยา) เติบโตในรัฐมิสซิสซิปปี้ในประเทศสหรัฐอเมริกาในตอนแรกนั้นเธอก็ไม่ได้มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติหรืออะไรทำนองนี้หรอก แต่ภายหลังจากที่ได้เดินทางไปยังเฮติ ก็ทำให้เธอเริ่มที่จะมองเห็นปัญหาสำหรับเหล่าคนผิวสีทั้งหลาย ทั้งเรื่องของการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของพวกเขา หรืออคติของเหล่าคนขาวที่มีต่อพวกเขา     คู่รักคู่นี้พยายามกันเป็นอย่างหนักเพื่อที่จะมีลูกเป็นของตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไม่ประสบผลสำเร็จ ก็เลยตัดสินใจที่จะไปรับุตรบุญธรรมมาเลี้ยง พวกเขาเดินทางไปยังหน่วยงานรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมในมิสซิสซิปปี้เพื่อติดต่อขอรับเลี้ยงบุตร โดยได้บอกกับพนักงานไว้ว่ารับเลี้ยงเด็กได้ทุกแบบ ที่ทำแบบนี้ก็เพราะว่าพวกเขาเชื่อว่า “ถ้าพระเจ้าอยากให้พวกเขามีลูกเป็นคนผิวขาวล่ะก็ ภรรยาของผมคงจะตั้งครรภ์ตามธรรมชาติไปนานแล้วล่ะ” คุณ Aaron กล่าว     คุณ Aaron รับลูกชายและลูกสาวมาเลี้ยง และพวกเขาก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ยกเว้นแต่คนรอบข้างที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่พวกเขาทำ “เราเห็นว่าเรื่องของการปกป้องเด็กไม่ใช่เพียงแค่การทำการกุศล หรือเป็นส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับวาระทางการเมือง แต่เป็นสิ่งหนึ่งที่ใกล้กับหัวใจของพระเจ้า” คุณ Aaron กล่าวถึงความตั้งใจของเขา “ไม่ว่าชีวิตของใครก็คงเคยมีความฝัน ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ คนหนุ่มหรือคนแก่…

ไม่ว่าแม่คนไหนๆ ต่างก็รักลูกด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้มีแต่เพียงมนุษย์ที่คิดแบบนี้ เจ้าแมวเหมียวสามสี Gemma ตัวนี้เองก็ด้วย เจ้า Gemma เป็นแมวจรจัดที่อาศัยอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับถนน Keele and Lawrence ในรัฐ Toronto มีครอบครัวของมนุษย์ครอบครัวหนึ่งไปพบเจอกับมันเข้า และพวกเขาก็เอาข้าวเอาน้ำไปให้กับมันวันละสองครั้ง แต่อยู่มาวันหนึ่งเจ้าเหมียวก็เดินมาอยู่ที่หน้าบ้านของพวกเธอพร้อมกับร้องเสียงดังราวกับว่ากำลังขอความช่วยเหลือ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่ปฏิเสธต้อนรับเจ้า Gemma เข้ามาในบ้านอย่างดีอกดีใจ     แต่เรื่องที่น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้นคือเจ้าเหมียวตัวนี้กำลังตั้งท้องอยู่ ซึ่งหลังจากที่ครอบครัวของมนุษย์เปิดบ้านต้อนรับมันเข้ามา เจ้าเหมียวก็คลอดลูกออกมาและมีเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น     “ฉันคิดว่าน่าจะมีลูกอยู่ในท้องของมันมากกว่านี้นะ” คุณ Lillian Szilagy หนึ่งในสมาชิกครอบครัวที่ช่วยเหลือมันกล่าว เธอสังเกตเห็นว่าหลังจากที่คลอดตัวแรกออกมาแล้วเจ้าเหมียวยังมีอาการอ่อนเพลียอยู่จึงคิดว่ามันอาจจะมีความเสี่ยง เธอก็เลยขอความช่วยเหลือจากผู้มีประสบการณ์ เพื่อให้มันได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีลูกเหมียวน้อยคลอดออกมาอีกเลย กลายเป็นว่ามันตั้งท้องลูกแค่ตัวเดียว คุณ Szilagy ก็เลยตั้งชื่อเจ้ามิ้วน้อยที่เกิดมาใหม่นั้นว่า Aggie     แสดงว่าเจ้าเหมียว Gemma นั้นมาขอความช่วยเหลือจากบ้านของมนุษย์ก็เพราะว่ามันรู้ตัวว่าตัวเองใกล้คลอดแล้ว แหม่ ช่างเป็นเหมียวที่ฉลาดจริงๆ นะ ^^     ตั้งแต่เจ้า Aggie เกิดมา แม่ของมันก็คอยอยู่ข้างๆ ตลอด ดูแลเอาใจใส่…

ในชีวิตประจำวันพวกเรามักจะพบเจอกับเรื่องราวมากมาย บางครั้งมันก็เป็นเรื่องที่แย่ ซะจนอยากจะร้องไห้ บางครั้งก็พบเจอเรื่องราวดีๆ และเรื่องราวดีๆ เหล่านั้นบางครั้งมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเราเองโดยตรง แต่มันก็ช่วยทำให้เรามีความสุขซะจนหัวใจพองโต เช่นเดียวกับเรื่องราวที่ #เหมียวหง่าว จะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังในวันนี้ เป้นเรื่องราวความน่าประทับใจของกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่บังเอิญไปได้ยินเสียงของเจ้าหมาร้องหงิงๆ อยู่ในซอกหิน แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่มองผ่านไป ร่วมแรงกันยกก้อนหินก้อนใหญ่เพื่อช่วยมันออกมา   กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งได้ออกมาเดินเล่นแถวชายหาด พอผ่านตรงบริเวณที่มีก้อนหินก้อนใหญ่กองทับกันอยู่มากมาย เขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างจากข้างในนั้น พวกเขาก็เข้าไปสำรวจในทันที แต่ก็มองไม่เห็นว่ามันคืออะไรกันแน่   พอลองเข้าไปสำรวจดูดีๆ แล้วก็พบว่ามีเจ้าหมาติดอยู่ข้างในนั้น ซึ่งการที่มันติดอยู่ในนี้ทำให้เป็นจุดที่สังเกตได้ยากมาก คือถ้าโชคไม่ดีจริงๆ มันก็คงต้องติดอยู่ในนั้นและคงต้องตายเพราะขาดน้ำและอาหาร   แต่ก็ยังมีคนใจดีที่เดินผ่านไปมาสังเกตเห็นกันอยู่บ้างและพวกเขาก็ได้นำน้ำและอาหารมาให้มัน แต่ก็ไม่มีใครสามารถช่วยมันออกมาได้เลย เป็นเวลาเกือบ 1 เดือนแล้วที่มันต้องติดอยู่ในซอกหินยักษ์นี้ออกไปไหนไม่ได้เลย กลุ่มวัยรุ่นจึงช่วยกันออกแรงงัดเจ้าก้อนหินยักษ์นี้เพื่อช่วยเหลือเจ้าหมา แต่ก็ทำไม่ได้…   พวกเขาก็เลยตัดสินใจไปแจ้งหน่วยงานของรัฐ และพวกเขาก็มาพร้อมกับเครื่องจักรขนาดใหญ่ เพื่อมาขนเจ้าก้อนหินยักษ์ออกไป แต่มันก็ยากลำบากพ่อดูเพราะนอกจากจะต้องขนออกไปแล้ว จะต้องคอยระวังไม่ให้กองหินถล่มลงไปทับเจ้าหมาที่ติดอยู่ข้างในอีก การช่วยเหลือกินเวลาไปถึง 5 วันด้วยกัน จนในที่สุดพวกเขาก็ช่วยมันออกมาได้สำเร็จ พร้อมกับตั้งชื่อให้มันว่าเจ้า Rook   ถึงแม้ว่าพวกเอ็งจะพบกับความลำบากแค่ไหน แต่ก็ยังมีผู้คนที่พร้อมจะช่วยเหลือเอ็งตลอดนะเหล่าสัตว์โลกทั้งหลาย ^^ ที่มา : lifebuzz

‘วันครบรอบวันเกิด’ ที่ในหนึ่งปีจะมีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หลายๆ คนก็คงอยากให้มันกลายเป็นวันที่พิเศษ แถมยังเป็นเรื่องที่พิสูจน์ถึงความเอาใจใส่ของคนรอบข้างที่มีต่อเราได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าในวันคล้ายวันเกิดนั้นเราจะต้องกลายเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด และถ้าหากไม่ได้รับความสนใจ หรือมีคนลืมวันเกิดของเราไปก็คงจะรู้สึกน้อยใจนิดๆ ได้เหมือนกัน ยิ่งเป็นคนที่สำคัญอย่างเช่นพ่อแม่หรือแฟนด้วยแล้ว ยิ่งทำให้รู้สึกน้อยใจเข้าไปใหญ่เลย ฮร่า   เหมือนกับเจ้าหนุ่มน้อย Braheim วัย 12 ปีคนนี้ ที่คิดว่าคุณพ่อลืมว่าวันนี้เป็นวันเกิดของตัวเอง เขาก็เลยรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย จนถึงกับออกอาการซึมไปเลย คุณพ่อของเขา Devon Fowler อายุ 36 ปี ได้เล่าให้ฟังว่า ณ ตอนนั้นเขายังตกงาน ก็เลยทำให้สภาพทางการเงินในช่วงนั้นรัดตัวมาก   และก่อนหน้าที่จะถึงวันเกิดหนุ่มน้อย Braheim ที่มีความฝันอยากจะเป็นนักเบสบอลอาชีพในอนาคต ก็ได้เอ่ยปากขอให้คุณพ่อซื้อไม้เบสบอลให้ แต่คุณ Fowler ก็บอกลูกชายว่าเขาไม่มีเงินพอที่จะซื้อไม้เบสบอลมาตลอด เขารู้ว่าเจ้าลูกชายของเขานั้นอยากได้ไม้เบสบอลเป็นอย่างมาก ก็เลยตั้งใจที่จะซื้อมาเซอร์ไพรส์วันเกิดลูกชายซึ่งตรงกับวันที่มีการแข่งขันพอดี ในตอนแรกนั้นเขากะจะมอบให้หลังจากที่แข่งเสร็จแล้ว แต่เขาอดทนเห็นเจ้าลูกชายแสดงอาการผิดหวังต่อไปไม่ไหว ก็เลยเลือกที่จะเฉลยซะตอนก่อนขับรถไปส่งที่สนามแข่งซะเลย     และเขาก็ได้ถ่ายคลิปเหตุการณ์นั้นและเอามาอัพลงโซเชียลด้วย และปรากฎว่ากลายเป็นที่โด่งดังในโซเชียลเลยทีเดียว โดยมียอดคนเข้าชมถึง 25 ล้านคน มียอดไลค์ 453,000 ไลค์ และยอดแชร์ 285,000…

จำได้มั้ยว่าเราถ่ายรูปรวมครอบครัวล่าสุดเมื่อไร??  เราทุกคนคงเคยถ่ายรูปในวัยเด็กร่วมกับครอบครัว แต่พอยิ่งโต การถ่ายรูปกับครอบครัวก็เริ่มเป็นไปได้ยากมากขึ้น อาจจะเพราะหน้าที่การงาน เลยทำให้เราไม่มีโอกาสได้ถ่ายรูปร่วมเฟรมกัน หรือนานๆ ครั้ง จนแทบจะจำไม่ได้เลย แต่กับครอบครัวนี้ พวกเค้าถ่ายรูปด้วยกันทุกปี ตังแต่เด็กจนโต เป็นเวลากว่า 24 ปี มาในชื่อโปรเจค ‘The Family’ ซึ่งภาพชุดนี้ถ่ายโดยช่างภาพ Zed Nelson และจุดเริ่มต้นของการถ่ายภาพเหล่านี้ก็มาจากช่างภาพคนนี้แหละ โดยในรูปประกอบไปด้วย พ่อ แม่ แล้วก็ลูกชาย โดยเขาได้วางแผนถ่ายรูปครอบครัวนี้ในวันเวลาเดิม ฉากหลังเดิม สถานที่เดิม โดยถ่ายเป็นประจำทุกปีและจะเป็นแบบนี้ตลอดไป เพื่อดูพัฒนาของของพวกเขา แม้ว่าพวกเค้ามีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา แต่ความทรงจำก็พวกเค้ายังก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีวันเปลี่ยนไป   ปี 1991   ปี 1992   ปี 1993   ปี 1994   ปี 1995   ปี 1996   ปี 1997   ปี 1998  …

เพื่อนๆ หลายคนคงจะเคยเห็นบทความ หรือคำกล่าวต่างๆ นาๆ ว่า ‘มนุษย์’ นั้นเป็นตัวการทำให้ธรรมชาติเสียหาย หรือแม้กระทั่งมนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่โหดร้าย เป็นตัวการทำให้สัตว์โลกต้องสูญพันธุ์กันเป็นว่าเล่น แต่ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวที่จะมายืนยันว่าจริงๆ แล้วมนุษย์นั้นก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่แสนเลวร้ายไปซะทั้งหมดหรอก   เรื่องมีอยู่ว่าในวันที่อากาศสดใสเหมาะแก่การออกไปแล่นเรือเป็นอย่างยิ่ง มีกลุ่มคนกำลังแล่นเรือเล่นอยู่ในอ่าว Swann Creek กันอย่างสนุกสนาน จู่ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องครางหงิงๆ ขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่ง…     แต่พวกเขาไม่ได้สนใจอะไรเลยเพราะคิดว่ามันเป็นเสียงนกร้อง จนเวลาผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง ก็มีคนเอะใจว่านี่มันไม่ใช่เสียงนกนี่นาและก็ออกตามหาที่มาของเสียงจนพบว่า ที่จริงแล้วมันคือเจ้าแรคคูนน้อย ที่กำลังว่ายน้ำป๋อมแป๋มอยู่ข้างๆ เรือนั่นเอง     แต่พอเห็นแล้วพวกเขาก็ตระหนักได้เลยว่า ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเหลือมันแล้วล่ะ เพราะสภาพของมันดูอิดโรย และสิ้นหวังเป็นอย่างมาก คาดว่าอาจจะว่ายน้ำแบบนี้มาไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงแล้ว     เขาจึงตัดสินใจที่จะช่วยเหลือมันด้วยการโยนห่วงนิรภัยลงไปอย่างรวดเร็วเจ้าแรคคูนก็ค่อยๆ พยายามไต่ขึ้นมาเกาะบนห่วงยางนิรภัย จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ขับเรือพามันกลับเข้าฝั่ง     ไปชมคลิปเหตุการณ์กันที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…   เป็นอย่างไรกันบ้างจ๊ะเพื่อนๆ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากว่าพวกเขาเอะใจช้ากว่านี้อีกสักหน่อย เจ้าแรคคูนอาจจะจมดิ่งลงสู่ก้นทะเลสาบไปแล้วก็ได้…ยินดีด้วยนะจ๊ะเจ้าแร็คคูน ต่อไปก็ต้องใช้ชีวิตอย่างระวังด้วยล่ะ อย่าให้ตกน้ำอีกนะ…

เพื่อนๆ หลายคนคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า ‘ไม่ควรมองคนที่ภายนอก’ กันมาบ้างแล้ว ซึ่งมันก็เป็นความจริง บางครั้งคนที่มีหน้าตาน่ากลัวก็อาจมีจิตใจดีก็ได้ หรือบางครั้งคนที่ไม่มีบ้านหรือไม่มีเงินความคิดเค้าอาจจะไม่ได้มีแค่ต้องการขโมยของของคนอื่นก็ได้… วันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวน่าประทับใจของชายหนุ่มผิวสีที่ใครๆ ก็มองว่าพวกเขาเป็นคนไม่ดี แต่จริงๆ แล้วจิตใจของเค้าดีมากๆ เลยล่ะ     เรื่องมีอยู่ว่าชายหนุ่ม Matt White ได้ทำการโพสต์สเตตัสลงบนเฟซบุ๊ค เล่าเรื่องราวที่เขาได้พบเจอมา… เขาเล่าว่า เขาได้พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อว่า Chauncey Jones ในระหว่างที่เขากำลังถือของช็อปปิ้งอยู่นั้น จู่ๆ ชายหนุ่ม Chauncey ก็เดินเข้ามาเสนอความช่วยเหลือการช่วยถือของให้ไปที่รถเพื่อแลกกับโดนัทซักกล่อง เขามองเข้าไปในตาของชายหนุ่มพบว่าในนั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง แถมชายหนุ่มยังดูหิวโหยแบบสุดๆ ชายหนุ่มเล่าว่าที่บ้านของเขายังมีแม่อีกคนที่รออยู่ บ้านเขาไม่มีอะไรเลย ไม่มีอาหาร ไม่มีรถ ไม่มีโทรศัพท์ ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับทำให้เขาต้องออกมาแสดงความช่วยเหลือเพื่อแลกกับอาหารเล็กน้อยอยู่แถวนี้ คุณ Matt ได้ยินแบบนี้ก็เลยพาเขาไปซื้อของมากมายทั้งซีเรียล ขนม พิซซ่า ผักแช่แข็ง ชีโต้ส แตงโม และอื่นๆ อีกหลายอย่าง พร้อมกับขับรถพาเขาไปส่งที่บ้าน และพอไปถึงที่บ้านก็พบว่าเรื่องที่เขาเล่านั้นเป็นความจริงทั้งหมด แม่ของเขาใจดีมากๆ เลย ในตอนนั้นดวงตาของหนุ่ม Chauncey ดูเปล่งประกาย…

ชีวิตของคนเราเลือกเกิดไม่ได้ เหล่าสัตว์ทั้งหลายเองก็เช่นกัน โดยเฉพาะเจ้าเหมียวน้อยทั้งหลายหากพวกมันไม่ได้รับการดูแลจากแม่ของมัน ไม่นานก็จะลาจากโลกนี้ไปเพราะมันช่วยเหลือตัวเองไม่ได้…   ห่างออกไปนอกเมือง Philadelphia รัฐ Pennsylvania มีถังขยะมากมายที่รอคอยให้พนักงานเก็บขยะขับรถไปรับพวกมันเพื่อนำไปย่อยสลาย ในทุกๆ วันพนักงานจะต้องทำงานอย่างหนักหน่วงขนขยะที่ส่งกลิ่นเน่าเหม็นโยนขึ้นรถเป็นประจำ แต่มีวันหนึ่งพนักงานได้สังเกตเห็นถึงความแปลกประหลาด หลังจากที่เขายกถังขยะขึ้นมาเทลงไปในรถ กลับได้ยินเสียงร้องเล็กๆ คล้ายกับเสียงลูกแมวน้อย พอค้นไปค้นมาอ้าว!? เจอลูกเหมียวยังมีชีวิตอยู่ เกิดสงสัยขึ้นมาว่าใครเป็นคนเอามันมาทิ้งไว้ในถังขยะกันล่ะเนี่ย??   เหล่าพนักงานทั้งหลายที่เป็นคนเจอมันก็เลยตกลงกันตั้งชื่อให้ว่า Grundgetta ตามตัวละครการ์ตูนเรื่องโปรดของพวกเขา หลังจากนั้นก็นำมันมาไว้ที่ ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Providence Animal Center เพื่อช่วยรักษา และตามหาบ้านใหม่ให้กับมันต่อไป   ลองไปชมความน่ารักของเจ้าเหมียว Grundgetta ในคลิปข้างล่างนี้ได้เลย (หากใครไม่เห็นคลิปก็จิ้มเบาๆ ที่นี่ ได้เลยนะจ๊ะ) หลังจากที่ทางศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Providence Animal Center ได้ทำการประกาศหาบ้านให้เจ้าเหมียว Grundgetta ผ่านทางเฟซบุ๊คได้ไม่นาน ก็มีคนติดต่อเข้ามาขอรับมันไปอยู่บ้านใหม่เรียบร้อยแล้วล่ะ ^^   เรื่องนี้ทำให้เห็นว่า…ถึงแม้ในสังคมเราจะมีคนที่ใจร้ายจนถึงขึ้นที่ว่านำเจ้าเหมียวตัวเล็กๆ ไปโยนทิ้งลงในถังขยะได้ลงคอ แต่กลับกันก็ยังมีผู้คนอีกมากมายที่พร้อมจะช่วยเหลือพวกมัน และพร้อมที่จะมอบความรักความสุขให้กับเหล่าสัตว์ที่น่ารักทั้งหลาย ที่มา : viralnova

การที่เบบี๋ตัวน้อย จะให้ความร่วมมือในการถ่ายภาพร่วมกับครอบครัวนั้น เรียกได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะเหมียว เพราะแน่นอนว่าทารกจะต้องมีร้องไห้ และงอแงบ้างละ แต่สำหรับครอบครัวจากรัฐ Indiana ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เพื่อนๆ กำลังจะได้เห็นกันนี้ ได้พากันไปถ่ายรูปครอบครัวน่ารักๆ เพื่อเป็นการต้อนรับ Pryor สมาชิกตัวน้อยของพวกเขายังไงละ ซึ่งในตอนแรกดูเหมือนหนูน้อย Pryor จะให้ความร่วมมือในการถ่ายภาพเป็นอย่างดี ก็ดูสิไม่งอแง แถมยังเงียบสงบอีกต่างหาก ภาพที่ออกมาก็เลยสวย และน่าประทับใจแบบนี้เลย…     แต่แล้วช่วงเวลาแห่งความประทับใจก็หายไป เพราะในขณะที่ทั้ง 3 กำลังถ่ายรูปครอบครัวอยู่นั้น เจ้าหนูทารก ก็ฉี่พุ่งเป็นน้ำพุคาอ้อมกอดของมามี๊ออกมาซะนี่ ก็เลยกลายเป็นรูปชอตสุดฮาเกินความคาดหมาย   โอ้วววว ก็ป๋มอั้นไม่ไหว เลยขอปล่อยตรงนี้ก็แล้วกัน ไม่ว่ากันน้า   Abbie Rogers ช่างภาพชาวออสเตรเลีย ผู้ที่ได้เก็บภาพถ่ายช็อตสุดเด็ดนี้เอาไว้ได้กล่าวว่า หลังจากที่เธอเดินเข้าไปจัดท่าทางให้หนูน้อย เธอก็สังเกตเห็นเจ้าหนูขยับตัวนิดหน่อย และพอจะเตรียมถ่าย หนูน้อยก็ฉี่พุ่งออกมา ซึ่งในขณะนั้นเธอก็ดันลั่นชัตเตอร์พอดิบพอดีซะด้วยสิ     แหมๆ เรียกได้ว่างานนี้ครอบครัวก็มีภาพถ่ายที่ทั้งฮา และน่าประทับใจรวมกันกันไป เพื่อเก็บไว้ให้เจ้าหนูชื่นชมตอนโต เขาจะได้รู้ว่าเคยสร้างวีรกรรมความแสบไว้มากแค่ไหน ที่มา : dailymail, buzzfeed

ส่วนใหญ่หลายๆ คนอาจจะเห็นเซเลปคนดัง เฉพาะผลงานในจอของเขา  ซึ่งบางคนก็ไม่เคยรู้มาก่อนด้วยซ้ำว่า คนดังบางคนนั้นเขามีลูกแล้วนะ และในวันนี้เหมียวจะพาเพื่อนๆ มาชมโฉมหน้าของยอดคุณพ่อเซเลป กับช่วงเวลาที่แสนอบอุ่น เมื่อพวกเขาได้อยู่กับลูกน้อย ซึ่งมันเป็นภาพที่น่ารัก และน่าประทับใจ ในแบบที่บรรดาแฟนๆ อาจจะไม่เคยเห็นมาก่อนแน่นอน   1.Justin Timberlake กับลูกชาย  Silas   2.David Beckham กับลูกสาว  Harper   3.Orlando Bloom กับลูกชาย  Flynn   4.Gerard Piqué กับลูกชาย  Milan และ Sasha   5.Brad Pitt กับลูกสาว  Shiloh   6.Matthew McConaughey กับลูกชาย  Levi   7.Jim Carrey กับลูกสาว  Jane   8.Bruce Willis กับลูกสาว  Mabel…

งานนี้เหล่าสาวกฮัลโหล คิตตี้ทั้งหลาย เตรียมกรี๊ดคอแตกกันได้เลย เพราะในวันนี้เราจะขอมาเปิดภาพเตียงนอนคิตตี้สุดอลัง ที่แฟนๆ คิตตี้เห็น จะต้องอยากได้เป็นที่สุดแน่ๆ และที่สำคัญเตียงนอนที่ว่านี้ ไม่ใช่เป็นเพียงนอนคิตตี้ธรรมดาๆ ทั่วไป ที่เราเคยเห็นกันหรอกนะ แต่นี่เป็นสุดยอดอภิมหาเตียงนอนคิตตี้ ที่ใหญ่ยักษ์ และอลังการงานสร้างฝุดๆ ไปเลย     ป้าดดดด ใหญ่อย่างที่บอกจริงๆ ด้วย นี่มันเป็นมากกว่าเตียงนอนซะอีก   น่านอนมากกก คงอุ่นน่าดูเลยนะเนี่ย   เห็นแล้วอยากได้กันใช่ไหมละ   โอ้ววว ใครที่ชอบคิตตี้งานนี้ต้องกรี๊ดสลบแน่นอน   เรียกได้ว่าช่วงนี้ก็ใกล้หน้าหนาวเข้ามาแล้วสิ แบบนี้สาวกคิตตี้ทั้งหลายต้องไปหาซื้อซะแล้วละ เอ…ว่าแต่ที่เมืองไทยจะมีขายมั้ยน้า….แต่ถ้าหากเพื่อนๆ คนไหนรู้แหล่งก็อย่าลืมบอกต่อกันด้วยนะเมี๊ยว ที่มา : 3dfirstaid