Tag: อลาสก้า
-
ศิลปินหนุ่มจากอลาสก้า ผู้สร้างสรรค์ผลงานแฟชั่นต่างๆ ด้วยการใช้หนังปลาที่เขาจับได้
ทุกครั้งที่เราพูดถึงข้าวของเครื่องใช้จากหนังสัตว์ เช่น กระเป๋า เสื้อผ้า หรือรองเท้าหนัง เราก็จะนึกถึงขนแกะบ้าง หนังงูบ้าง ไม่ก็หนังจระเข้เป็นต้น แต่เราเคยนึกกันไหมว่าจะมีคนเอาหนังปลามาทำของใช้เหมือนกัน แน่นอนว่าเราคงไม่ทันฉุกคิด เพราะปกติหนังปลาเราก็จะใช้เป็นอาหาร ไม่ได้เลาะออกมาใช้เฉพาะส่วนเหมือนหนังสัตว์อื่นๆ แต่ Joel Isaak ศิลปินหนุ่มจากชนเผ่า Kenaitze ในอลาสก้าเขาได้ใช้ความเชื่อมโยงกับทะเลและตัวเขาเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นผลงานหนังปลาขึ้นมา . Joel นั้นจะใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติเช่นไม้ หรือหนังปลาเป็นหลักในการสร้างผลงาน ส่วนเหตุผลหลักๆ ที่ต้องใช้หนังปลานั่นก็เพราะ ชาวอลาสก้ามีประเพณีการหาปลาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ฉะนั้นเขาจึงมีทักษะในการหาปลาและใช้มันได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด เมื่อแนวทางแบบเก่าผนวกเข้ากับแนวคิดสมัยใหม่ของเขา จึงถือกำเนิดขึ้นเป็นรองเท้าหนังปลา เสื้อแจ็คเก็ตขับมอเตอร์ไซค์ หรือแม้กระทั่งหน้ากากก็ตาม . Joel บอกว่าหนังปลานั้นจริงๆ มันเป็นวัสดุที่แข็งแรงมากกว่าหนังสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเสียอีก ซึ่งมันจะแข็งแรงยิ่งขึ้นถ้าใช้การเย็บด้วยเทคนิคพิเศษ หนังปลาที่ใช้ก็ล้วนเป็นปลาที่เขาจับมาเอง ซึ่งหลังจากจับได้ก็จะจัดการพักปลาไว้ใกล้ๆ ชายหาด จากนั้นก็จะถลกหนังปลามาล้างและทิ้งไว้ให้แห้งเป็นเวลาสามวันก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการดัดแปลงเป็นสิ่งของต่างๆ แต่ที่สำคัญคือเขาจะไม่ทิ้งชิ้นส่วนใดๆ ของปลาให้สูญเปล่าเลย . สุดท้ายแล้ว Joel บอกว่าแม้สิ่งที่เขาทำมันจะดูไม่มีอะไรมากนัก แต่การใช้หนังปลามาสร้างผลงานของเขานั้นถือเป็นทุกอย่างในชีวิตของเขาและทำให้เขาผูกพันเข้ากับทะเล แซลม่อน และอลาสก้าแห่งนี้… ที่มา Great Big…
-
รู้หรือไม่? ครั้งหนึ่งรัสเซียเคยขาย ‘อลาสก้า’ ให้สหรัฐฯ ด้วยราคาแค่ 300 ล้านบาท!!
ปัจจุบันรัฐอลาสก้านับว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพราะแม้แต่พระเอกหนังดังขวัญใจฮิปสเตอร์อย่างเรื่อง ‘Into the Wild’ ก็ยังไปตายที่นั่น… แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าครั้งหนึ่งพื้นที่ทั้งหมดของอลาสก้าเคยเป็นของรัสเซีย ก่อนที่จะขายให้สหรัฐฯ ในปี 1867 ด้วยราคา 7.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 300 ล้านบาท) และสร้างมูลค่าอย่างมหาศาลให้กับสหรัฐฯ ในเวลาต่อมา อลาสก้ายุคก่อนเป็นของสหรัฐฯ ย้อนกลับไปในช่วงศตวรรษที่ 19 อาณาเขตของอลาสก้าที่อยู่ใต้การปกครองของรัสเซีย ถือเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจสำคัญของโลก ในยุคนั้นมีเมืองหลวงที่ชื่อ Novoarkhangelsk (Sitka) ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ใช้ในการรับซื้อสินค้าจากจีน เช่นผ้า ถ่านหิน แร่ธาตุ ชา ธัญพืช หรือแม้แต่ทองคำ นอกจากนั้นยังเป็นช่วงเวลาที่กลุ่มพ่อค้าชาวรัสเซียจำนวนมากต่างหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมการส่งออกงาของตัววอลรัส ซึ่งมีราคาสูงพอๆ กับงาช้าง โดยหลักๆ ในช่วงนั้นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีส่วนแบ่งในตลาดมากที่สุดตกเป็นของ Russian-American Company ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่ผูกขาดการค้ามากซะจนสามารถต่อรองกับรัฐบาลได้ จนช่วงเวลาต่อมาเขตอลาสก้าก็ถูกพัฒนาให้มีการใช้ธงและสกุลเงินเป็นของตัวเอง ตัวอย่างเหรียญทองส่วนหนึ่งจากอลาสก้าที่ถูกใช้แลกเปลี่ยนในยุคนั้น RAC ท่อน้ำเลี้ยงสำคัญของอลาสก้า Alexander Baranov พ่อค้าหัวใสชาวรัสเซีย ได้เปลี่ยนจากเมืองอลาสก้าที่มีแต่อุตสาหกรรมและเครื่องจักร ให้เพรียบพร้อมไปด้วยสถานศึกษา สถานพยาบาลให้แก่กลุ่มแรงงาน และถ่ายทอดความรู้ด้านการเพาะปลูกให้คนพื้นเมือง ภายใต้การบริหารงานของเขาทำให้กำไรของบริษัท…
-
เซอร์ไพรส์!! ชายหนุ่มตกใจหลังเห็นครอบครัว Lynx ออกมาทักทายหน้าบ้านในตอนเช้า
บางครั้งการปลูกบ้านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ อาจจะทำให้คุณได้สัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงามอย่างใกล้ชิด และบางทีบ้านของคุณเองก็อาจจะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญโผ่มาทักทายในตอนเข้าเหมือนกับชายหนุ่มคนนี้ก็ได้ คุณ Tim Newton ชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติในอลาสก้า ถึงกับตกใจไม่น้อยเมื่อเช้าวันหนึ่งในระหว่างที่เขากำลังจะออกไปรับอากาศอันแสนสดชื่นในยามเข้า แต่จู่ๆ เขาก็ได้พบกับครอบครัวของเจ้าแมวป่า Lynx พร้อมกับลูกๆ ของมันออกมาวิ่งเล่นอยู่ที่ระเบียงบ้าน เจ้า Lynx ตัวน้อยที่ออกมาทักทาย Tim ตั้งแต่เช้า “ตอนนั้นผมได้ยินเสียงแปลกๆ ด้านนอก มันเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังขูดกับโต๊ะที่ระเบียงบ้านผมอยู่ และเมื่อออกมาดูผมก็พบเจ้าแมวป่าพวกนี้พร้อมกับพี่น้องของพวกมันกำลังยึดโต๊ะของผมเป็นสนามเด็กเล่นกันอย่างสนุกเลย” ชายหนุ่มเล่า มอร์นิ่งฮะ!! และแน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงแค่ 1 หรือ 2 ตัวเท่านั้น แต่พวกเจ้า Lynx ยังพาพี่น้องของพวกมันมาอีกถึง 3 ตัวเลยทีเดียว “พวกมันวิ่งไปวิ่งมาและหยอกล้อกัน ผมเริ่มถ่ายรูปพวกมันและโชคดีมากๆ เลยที่ผมได้มีโอกาสเห็นพวกมันใกล้ๆ แบบนี้” Tim กล่าว จริงๆ แล้วพวกแมวป่าเหล่านี้ค่อนข้างที่จะพบเห็นได้ยาก และชายหนุ่มก็เห็นพวกมันไม่กี่ครั้งในป่า ดังนั้นการที่พวกมันออกมาเล่นที่ระเบียงหน้าบ้านครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากๆ สำหรับเขา แหม่… เพลินกันเลยสินะ!! หลังจากที่เล่นกันจนหนำใจแล้ว พวกแมวน้อยก็วิ่งออกไปที่ชานบ้านของเขา ตอนนั้นชายหนุ่มคิดว่าพวกมันคงกำลังจะกลับกันแล้ว แต่ที่ไหนได้เขากลับเจอแม่ของเจ้าตัวน้อยทั้ง…
-
ชาวเมืองใช้ชีวิตไม่ค่อยสุขี เพราะต้องอยู่ร่วมกับ “แก๊งนกอินทรี” เข้ายึดครองพื้นที่ บินโฉบไปมา…
การที่เราจะได้เห็นนกพิราบหรือนกกระจอกบินอยู่ในเมืองมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และก็ไม่ได้รับอันตรายจากนกเหล่านั้นสักเท่าไหร่ อย่างมากสุดก็คงเป็นเรื่องที่พวกมันชอบอึใส่เราก็เท่านั้นเอง และเมืองแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยนกเช่นเดียวกัน เพียงแต่มันแตกต่างกับที่เราคุ้นชินไปมากเลยเนี่ยสิ… เรามาทำความรู้จักกับเมือง Unalaska ในรัฐอะแลสกา เมืองเล็กๆ บนเกาะที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามน่าอยู่และบรรยากาศที่ดึงดูดน่าไปเที่ยวชมวิวทิวทัศน์ที่เป็นภูเขาเขียวขจี รายล้อมไปด้วยทะเลสุดลูกหูลูกตา เกาะเขียวขจีที่รายล้อมไปด้วยทะเลสุดลูกหูลูกตา นอกจากนั้นก็ยังมีท่าเรือที่ชื่อว่า Dutch Harbor ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในท่าเรือที่ใหญ่มากอีกด้วย ดูแล้วก็จะเหมือนกับเป็นเมืองที่จะใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุขผ่อนคลายกันไป แต่ความจริงแล้วมันกลับไม่ใชอย่างนั้นซะทีเดียว เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากนกที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้นมีมากมาย โดยพวกมันไม่ใช่นกที่เราจะได้เห็นกันทั่วไปแต่มันคืออินทรีหัวขาวที่บินกันว่อนอยู่ทั่วเมือง จนทำเอาชาวบ้านต้องอยู่กันอย่างยากลำบากไม่ใช่น้อย… แก๊งอินทรีหัวล้าน นกอินทรีหากเราไปรุกรานอาหารหรือพื้นที่อยู่อาศัยของมัน ก็อาจทำให้เกิดการโต้กลับด้วยทักษะการบินอันโฉบเฉี่ยว และจงอยปากอันแหลมคมเข้ามาทำร้านเราได้ ปัญหานี้จึงเกิดขึ้นแม้แต่การไปส่งจดหมาย เพราะพวกมันดันมาทำรังกันอยู่ข้างตู้ไปรษณีย์ซะอย่างนั้น เมื่อรังของมันอยู่ใกล้ๆ สัญชาตญาณของการปกป้องก็ทำให้พวกมันอาจสร้างอันตรายให้กับผู้ที่มาใช้บริการส่งจดหมายได้ จนถึงกับต้องทำป้ายปักไว้หน้าที่ทำการให้ระวังอินทรีโฉบมาจิกหัวของคุณ เพราะว่ารังมันอยู่ใกล้ๆ ยิ่งหากว่ารังมันถูกโจมตีด้วยแล้วละก็จะลำบากกันไปใหญ่เลยล่ะ ป้ายเตือนระวังอินทรีโฉบ เพราะมีรังมันอยู่ใกล้ๆ คลิปวิดีโอสัมภาษณ์ชาวเมืองถึงการใช้ชีวิตร่วมกับเหล่าอินทรี นอกจากนี้ เรือหาปลาที่กลับมาเทียบฝั่งก็จะถูกปล้นปลาที่หามาได้ไปต่อหน้าต่อตา หรือหากคุณวางถังใส่ปลาไว้หลังกระบะตอนจอดรถลงไปซื้อของละก็ รับรองได้ว่ามันจะต้องหายไปอย่างไร้วี่แววแน่นอน และไม่ใช่เพียงแค่อาหารเท่านั้น เพราะบางทีพวกอินทรีหัวล้านก็จะฉกเอาสิ่งของอื่นๆ ติดไปด้วยอย่างหน้าตาเฉย อย่างเช่นกล่องบิงโก… หลายคนคงจะรู้กันว่านกชนิดดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอเมริกา ด้วยความสง่างามที่ดูองอาจของพวกมันบวกกับกฎหมายการคุ้มครองสัตว์ชนิดนี้ที่เกิดขึ้นในปี 1940 จึงทำให้ผู้อยู่อาศัยในเมืองไม่สามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้มากนัก …
-
เสี่ยงตายรายได้งาม “นักจับปูอลาสก้า” อาชีพอันตรายที่สุดในโลก ออกรอบเดียวได้หลักล้าน!!
ใครที่กำลังเผชิญอยู่กับปัญหาการเงินติดขัด หรือรู้สึกว่างานที่ทำมันช่างได้ค่าตอบแทนที่ไม่เหมาะสมเอาซะเลย วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับอาชีพจับปูที่มีรายได้ดีสุดๆ สื่อหลายสำนักต่างเคยลงเรื่องราวของอาชีพนักจับปูอลาสก้ามาให้เราเห็นผ่านตากันบ้างแล้ว ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงที่ว่าเป็นอาชีพที่เสี่ยงอันตรายสูงมาก แต่ก็แลกมาด้วยค่าตอบแทนที่สูงจนน่าตกใจเช่นกัน อาชีพจับปูอลาสก้านั้นจะสามารถทำได้เฉพาะช่วงเดือน ตุลาคม – มกราคม ของทุกปีเท่านั้น เนื่องจากเป็นช่วงที่มีสภาพอากาศหนาวที่สุดในรอบปี และในช่วงที่สภาพอากาศหนาวที่สุดในรอบปีนี้เอง จะเป็นช่วงที่เหล่าปูอลาสก้าทั้งหลายเดินทางมาวางไข่ใต้ท้องทะเลลึกกัน ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสทองเดียวของพวกเขาในการล่าพวกมันมาขาย ส่วนใหญ่แล้วการเดินเรือหนึ่งครั้งจะใช้ระยะเวลาประมาณไม่เกิน 2 – 4 อาทิตย์/ปี เท่านั้น พวกเขาจะต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวสุดขั้ว ท่ามกลางมหาสมุทรที่มีคลื่นซัดกระหน่ำ The Bureau of Labor Statistics ได้จัดอันดับให้งานจับปูอลาสก้า เป็นงานที่มีความเสี่ยงสูงมากที่สุดติดอันดับต้นๆ มีการเก็บค่าเฉลี่ยและพบว่าในทุกๆ รอบของการเดินทางไปจับปู จะต้องมีลูกเรือเสียชีวิต 1 คนเป็นอย่างน้อย ลูกเรือทุกคนจะต้องทำงานอย่างหนักเกือบตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อแข่งขันกับเวลาในการจับปูอลาสก้า ทว่านั่นเป็นสาเหตุทำให้คนงานส่วนใหญ่ขาดสติในการทำงาน และเสียชีวิตจากการจมน้ำตาย หรือไม่ก็เสียชีวิตจากภาวะตัวเย็นเกิน ด้วยกฎหมายการออกล่าที่จำกัดระยะเวลา ทำให้พวกเขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อแข่งกับเวลา ทว่าด้วยความเสี่ยงที่สูงกว่าอาชีพอื่นๆ ทำให้คนจับปูเป็นอาชีพที่มีรายได้เฉลี่ยสูงกว่า 50,000 –…
-
21 ภาพที่ทำให้คุณอยากทิ้งทุกอย่าง แล้วเก็บกระเป๋าไปเที่ยว “อลาสก้า” ตอนนี้เลย!!
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า.. รัฐอลาสก้า เป็นรัฐที่มีขนาดใหญ่มากที่สุด และก็เป็นรัฐที่มีจำนวนประชากรน้อยที่สุดด้วยเหมือนกัน (ย้อนแยงไงไม่รู้เนาะ) ด้วยความที่มันมีพื้นที่ขนาดใหญ่ บวกกับประชากรอันน้อยนิด ทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางธรรมชาติ และวิวทิวทัศน์ที่เห็นแล้วอยากจะไปมันซะตอนนี้เลย ถ้าไม่ติดเรื่องตังค์อ่ะนะ! Anchorage คือเมืองที่ใหญ่ที่สุดแห่งรัฐอลาสก้า จุดพีคคือที่นี่มีเส้นขอบฟ้าที่ตัดกับภูเขาหิมะ สวยงามไม่เหมือนที่ไหนในโลก ถ้าคุณมาจับจังหวะช่วงเดือนมีนาคมพอดีละก็ อาจจะโชคดีได้เข้าไปชมการแข่งขันหมาลากเลื่อน ที่จัดเป็นประจำทุกปี ใกล้ๆ กับเมือง Anchorage มีทะเลสาบ Eklutna อยู่ ที่นี่จะเช่าเรือคายัคมาพายเล่นก็ชิลได้อี๊ก หรือในช่วงฤดูหนาว (กุมภา – เมษา) ลงมาทางทิศใต้ก็มี Alyeska Resort หนึ่งในสกีรีสอร์ทระดับโลก แล้วก็อย่าลืมที่จะทานดินเนอร์ฉ่ำๆ ด้วยเนื้อปลาแซลมอนของที่นี่ คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะสด เนื้อแน่นขนาดไหน หรือถ้าอยากรู้ว่าปลาแซลม่อนที่เรากินมาจากไหน ที่ Katmai National Park คุณจะได้เห็นพี่หมียืนจับปลาแซลม่อนแบบใกล้ชิดสุดๆ เลยล่ะ เช่นเดียวกับที่ Kenai Fjords National Park มีสิงโตทะเลรอต้อนรับอยู่เพียบ…
-
รู้จัก Zach ชายหนุ่มผู้เบื่อเมืองวุ่นวาย หนีไปใช้ชีวิตกับ “วาฬ” และ “หมี” ที่อลาสก้า
เชื่อว่าหลายคนที่อยู่ในเมืองใหญ่ๆ ทุกวันนี้ ต้องมีโมเมนต์ที่อยากหลีกหนีความวุ่นวาย การแก่งแย่งชิงดี ความเหน็ดเหนื่อย แล้วออกไปใช้ชีวิตในฝันท่ามกลางธรรมชาติ โดยไม่ต้องปฏิสัมพันธ์กับใคร แต่สุดท้ามันก็เป็นได้แค่ความคิด เพราะมันคงเป็นจริงไม่ได้ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องราวของชายหนุ่มคนนี้ เพราะเขาได้ทิ้งเมืองใหญ่อันแสนวุ่นวายไว้เบื้องหลัง แล้วไปใช้ชีวิตกับหมีและวาฬบนเกาะอันห่างไกลแถบอลาสก้า หนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Zach วัย 27 ปี เขาเกิดและเติบโตที่ประเทศญี่ปุ่น จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อหกปีก่อน เขารู้สึกเบื่อหน่ายสังคมเมืองที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เขาจึงย้ายมาอาศัยอยู่กับครอบครัวชาวประมง บนเกาะมาร์เบิล เกาะเล็กๆ ที่อยู่ทางตอนใต้ของเกาะอลาสก้าในแถบขั้วโลกเหนือ บนเกาะมาร์เบิลแห่งนี้ไม่มีแม้แต่ไฟฟ้าหรือถนน ประชากรมนุษย์ทั้งหมดมีแค่ตัวเขาและครอบครัวที่เขามาทำงานและอาศัยอยู่ด้วยเท่านั้น ส่วนสิ่งมีชีวิตที่เขาเจอบ่อยๆ ก็คงจะเป็นวาฬและหมี .. เขาบอกว่าบางทีเป็นเวลาเกือบครึ่งปีที่เขาก็ไม่ได้เจอมนุษย์คนอื่นเลยนอกจากครอบครัว ส่วนเมืองที่ใกล้ที่สุด ต้องใช้เวลาสองชั่วโมงในการเดินทางด้วยเครื่องบินเล็ก ทุกวันนี้เขาอาศัยอยู่ในกระท่อมเล็กๆ ของครอบครัว Eric และ Cindy Wyatt ซึ่งทั้งหมดประกอบอาชีพด้วยการทำฟาร์มหอยนางรม นอกจากนี้พวกเขายังปลูกผักและผลไม้รับประทานเองอีกด้วย ทุกๆ เดือนสองเดือน พวกเขาจะเข้าเมืองเพื่อหาซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อนำมาปั่นไฟฟ้าใช้ รวมทั้งซื้อผัก ผลไม้ หรือ เนื้อที่พวกเขาไม่สามารถหาได้บนเกาะ…
-
ช่างภาพสาวไปอลาสก้า เพื่อเก็บภาพหมีขั้วโลกและหิมะ แต่กลับพบว่าหิมะมันหายไป!!?
เราคงได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับสภาวะโลกร้อน และผลกระทบที่มีต่อระบบนิเวศทางธรรมชาติในหลายๆด้านกันอยู่บ่อยๆ แต่คงไม่มีเรื่องไหนที่จะสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้ดีเท่านี้อีกแล้ว เมื่อ ‘Patty Waymire’ ช่างภาพสาวตั้งใจออกเดินทางไปยังเกาะ Barter ในรัฐอลาสก้า ประเทศสหรัฐฯ แต่เธอกลับต้องแปลกใจ เพราะจุดหมายปลายทางของเธอ อันเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าหมีขั้วโลก กลับไม่มีแม้แต่หิมะ หรือธารน้ำแข็งอยู่เลย!! (แปลเนื้อหาจากคำบอกเล่าบางส่วนของช่างภาพ เพื่อสะท้อนมุมมองที่เธอมีต่อภาพที่ถ่าย และสถานการณ์ของสถานที่นั้น) ชาวบ้านในละแวกนั้นได้บอกกับเธอว่า เป็นปรากฏการณ์ทางสภาพอากาศที่แปลกสุดๆ เพราะปกติที่นี้จะเต็มไปด้วยหิมะ แต่ปีนี้กลับเป็นปีที่หน้าหนาว มีสภาพอากาศอุ่นที่สุดเท่าที่เคยมีมา หลังจากนั้นเธอจึงทำการเก็บภาพเหล่าหมีขั้วโลก ที่ต้องเผชิญกับสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป สะท้อนให้เห็นว่า ปรากฏการณ์โลกร้อน มันเกิดขึ้นจริงๆ และส่งผลกระทบต่อธรรมชาติมากขนาดไหน “ทุกครั้งที่ฉันกำลังเก็บภาพ สังเกตุเห็นได้ชัดว่า เหล่าหมีขั้วโลกต่างตกใจ และทำท่าทางเหมือนกำลังไตร่ตรอง ว่าเกิดอะไรขึ้นกับธรรมชาติของพวกมัน” Patty เล่า เป็นอย่างที่เรารู้กันดีว่าปกติแล้ว หมีขั้วโลกจะต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บ หิมะ และธารน้ำแข็ง แต่สำหรับปีนี้มันกลับเหลือเพียงแค่ เศษหินดินทราย และชายหาดเท่านั้น ภาพถ่ายสะท้อนความเป็นจริงของโลกชุดนี้ ถูกตั้งชื่อว่า ‘No Snow, No Ice’ อีกทั้งยังได้รับการคัดเลือกเข้าแข่งขันภาพถ่ายของรายการ National Geographic…
-
หนุ่มไปเที่ยว ‘อลาสก้า’ จะถ่ายวิวสวยๆ เจอแต่วอลรัส วอลรัส และก็วอลรัส เต็มไปหมดเล๊ยยย!!
สงสัยว่าจะไม่ได้มีแค่ ‘แมว’ เท่านั้นล่ะมั้ง ที่คิดจะยึดครองโลกนี้แบบไม่ทันให้เราได้ตั้งตัว เพราะล่าสุดจากการรายงานข่าวของ Dailymail เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ที่ผ่านมา ข่าวระบุว่า ช่างภาพนาม ‘Rick Beldegreen’ ได้เก็บภาพปรากฏการณ์อันน่าประหลาดใจบางอย่าง เมื่อจู่ๆเหล่าวอลรัสนับพันชีวิต ต่างขึ้นมารวมตัวกันบนชายหาดหนึ่งของเกาะ ‘Aleutian’ ในรัฐอลาสก้า ประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเดิมทีช่างภาพคนนี้ ได้เดินทางมาจากเมืองชาร์ลอตต์ รัฐนอร์ท แคโรไลน่า เพื่อตามเก็บภาพของเจ้าวอลรัส แต่ทว่าเขากลับต้องอึ้ง เมื่อมาถึงแล้วพบว่า พวกมันมารวมตัวกันเยอะเหลือเกิ๊นนนน และนี่ก็คือภาพที่ช่างภาพหนุ่มคนนี้มาเจอเข้า พวกมันนับพันตัวกำลังนอนเบียดกันอยู่ริมหาด อย่างสุขสบาย เหมือนว่าเมื่อคืนปาร์ตี้กันมาอย่างหนักเลยล่ะ ปกติแล้วพวกมันเป็นสัตว์น้ำ และสัตว์สังคม ที่มักจะอาศัยอยู่ในแถบขั้วโลกเหนือ แต่การที่จู่ๆมีวอลรัสนับพันตัว มานอนเบียดกันอยู่ริมหาด เป็นอะไรที่แปลกประหลาดมาก ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า พวกมันน่าจะอพยพมาพร้อมกัน เนื่องจากบริเวณน้ำแข็งที่ใช้อาศัยอยู่เกิดละลายลงมา ทำให้พวกมันต้องรีบย้ายหาที่นอนพักผ่อนแห่งใหม่ เห็นอ้วนๆกลมๆแบบนี้ ส่วนใหญ่แล้วตัวนึงจะมีน้ำหนักประมาณ 1.5 ตัน อาหารโปรดของมันก็คือหอยที่พบใกล้พื้นมหาสมุทร อีกทั้งยังใช้หนวดในการตรวจจับหาอาหารอีกด้วย ผิวหนังของมันจะหนามาก เพื่อการอยู่รอดในสภาพอากาศอันหนาวเหน็บ เมื่อโตเต็มที่อาจจะตัวใหญ่ได้มากถึง…
-
“นักจับปูอลาสก้า” อาชีพที่มาพร้อมกับความเสี่ยงในทะเลสุดอันตรายแต่รายได้มหาศาล!!
สุดยอดความอร่อยที่ใครๆ ต่างก็ยอมรับในมวลปูต้องยกให้กับ “ปูอลาสก้า” แล้วล่ะ เนื้อเยอะและแน่นสุดจะบรรยาย แต่มาพร้อมกับราคาที่แพงเอาเรื่องเลยล่ะ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าเป็นปูที่หายากและจะต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลแสนไกล กว่าจะจับมาได้ซักตัว นอกจากจะหายากแล้ว เหล่าชาวประมงผู้ที่ออกไปตามหาปูอลาสก้านั้นจะต้องพบกับความเสี่ยงในชีวิตตลอดเวลาที่ออกจากฝั่ง ซึ่งในทะเล Bering Sea ได้ชื่อว่าเป็นทะเลที่โหดที่สุด เพราะจะต้องพบกับกระแสน้ำอันโหดร้ายและสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างรุนแรง และช่วงเวลาที่ปูจะออกมานั้นมีเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น สำหรับปูที่ถูกจับตามองจากชาวประมงมากที่สุดก็คือ King Crab และ Opilio Crab เมื่อมีระยะเวลาอันจำกัด กัปตันเรือก็จะต้องตัดสินใจที่จะใช้เวลานานเท่าไหร่ในการจับปูแต่ละชนิดด้วย ชีวิตบนเรือจะต้องพบกับความเสี่ยงทุกเมื่อ จะนอนก็นอนไม่ได้ เพราะเรือสั่นตลอดเวลา ไหนจะต้องเจอกับพายุและคลื่นยักษ์อีก หนทางที่จะไปนั้นอาจจะคว้าน้ำเหลวอีกก็เป็นได้ เพราะคุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าจะมีปูอยู่ตรงนั้นรึเปล่า ต่อให้เสี่ยงแค่ไหน สิ่งที่คอยดึงดูดชาวประมงผู้แน่วแน่กับการตามหาปูอลาสก้านั้น ก็คงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของ “รายได้” อันมหาศาล ถ้าหากว่าสามารถจับปูได้เยอะ พอกลับขึ้นฝั่งแล้วก็จะกลายเป็นเศรษฐีทันทีเลยล่ะ เพราะราคาของปูอลาสก้านั้นสูงมากๆ เมื่อไปถึงบริเวณที่คาดว่าจะมีปูอยู่เยอะๆ แล้ว พวกเขาก็จะทำการหย่อนกรงจับปูลงไป และจะรอให้ปูเข้ามาอยู่ในกรงเป็นเวลาประมาณ 5-12 วัน จากนั้นก็จะย้ายไปบริเวณอื่น บางทีอาจจะได้เยอะ และบางทีอาจจะได้น้อย คอยยกขึ้นมาตรวจเป็นระยะๆ ถ้าหากว่ายกขึ้นมาแล้วไม่มีอะไรเลย ก็ถึงเวลาที่จะต้องย้ายจุดวางกรงแล้วล่ะ ปูทุกตัวจะต้องเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกก่อน ตัวไหนที่ได้ขนาดก็จะถูกเก็บไว้ภายในคลังท้องเรือ ตัวไหนที่ไม่ได้ขนาดก็จะถูกส่งกลับไปสู่ท้องทะเล…
-
ชมเจ้าหมาอลาสก้าพี่เลี้ยงแสนใจดี ผู้หลงรักเด็กทารกสุดน่ารักคนนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น!!!
หลายๆคนที่กำลังจะมีลูกน้อยมักจะกังวลว่า เจ้าหมาที่บ้านจะมีปัญหาอะไรกับเด็กที่กำลังจะเกิดมาหรือเปล่า แต่ความเป็นจริงแล้ว ส่วนมากพวกเขามักจะกลายเป็นเพื่อนสนิทกันมากกว่า อย่างเช่นเจ้าหมาพันธุ์อลาสก้ามาลามิวตัวนี้ นอกจากมันจะไม่ทำอะไรสมาชิคใหม่ในบ้านแล้ว มันยังช่วยดูแลเด็กทารกอย่างกับเป็นพี่เลี้ยงอีกด้วย แม่ครับดูสิ ของับข้อเท้าหน่อย ไม่เอาไม่ให้เลีย บอกแล้วว่าเราซี้กัน บอกแล้วว่าไม่เคยทะเลาะกัน น่ารักจริงๆเลยเนอะ แต่เห็นแบบนี้แล้ว ไม่ใช่ว่าจะวางใจได้ทุกตัวนะ ผู้ปกครองก็ต้องคอยดูแลดีๆ เดี๋ยวเกิดเรื่องขึ้นมา ป้องกันตอนนั้นก็คงไม่ทันแล้วล่ะ ที่มา Viralnova