Tag: อาน

  • 11 รูปทรงของ “เท้า” ที่จะบ่งบอกถึงลักษณะนิสัย เท้าแบบไหน นิสัยอย่างไร มาดูกัน!!

    11 รูปทรงของ “เท้า” ที่จะบ่งบอกถึงลักษณะนิสัย เท้าแบบไหน นิสัยอย่างไร มาดูกัน!!

    เคยสังเกตนิ้วเท้าตัวเองและคนรอบข้างบ้างหรือเปล่าว่ามันต่างกัน? บางคนนิ้วหัวแม่เท้าใหญ่ บางคนนิ้วก้อยเล็กจิ๋ว หรือแม้แต่บางคนก็มีนิ้วที่ความยาวเท่ากันทุกนิ้วเลย รู้กันหรือเปล่าว่ารูปทรงของนิ้วเท้านั้นมันเป็นมากกว่าการเลือกรองเท้าให้เหมาะสม แต่มันสามารถบอกลักษณะนิสัยของแต่ละคนได้ด้วยต่างหาก วันนี้เราขอเสนอ 11 รูปแบบของนิ้วเท้า ที่สามารถบ่งบอกได้ถึงลักษณะนิสัย มาดูกันว่าใครมีนิ้วเท้าแบบไหนและนิสัยจะตรงกับที่บอกหรือเปล่าน้าา…   1. Flame Foot   ใครที่มีนิ้วเท้านิ้วที่ 2 ยาวกว่าหัวแม่เท้าจะถูกจัดว่ามีรูปเท้าแบบ Flame Foot สามารถบ่งบอกได้ว่าคุณเป็นคนที่ คล่องแคล่ว เล่นกีฬา และ มีความคิดสร้างสรรค์ มีความกระตือรือร้นในการคิดหาไอเดียใหม่ๆ คุณมีความเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ แต่อารมณ์ก็จะแปรปรวนบางครั้งเมื่อเกิดความเครียด   2. Roman Foot   เป็นรูปเท้าโดยทั่วไปของคนสมัยนี้ ความยาวของนิ้วจะไล่ลงมาตั้งแต่หัวแม่เท้าจนถึงนิ้วก้อย คนที่มีเท้าลักษณะนี้จะเป็นคนที่ มีความสมดุล ชอบออกเที่ยว และ ชอบเข้าสังคม คนประเภทนี้จะมีความสุขกับการได้ท่องเที่ยว ได้สำรวจวัฒนธรรมต่างๆ และได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ   3. Wiggly Little Toe   ใครที่นิ้วก้อยเท้าชี้ออกไปทางอื่นจะถือว่ามีลักษณะนิ้วเท้าอยู่ในประเภทนี้ คนที่นิ้วเท้ามีลักษณะแบบนี้ (หรือคนที่สามารถขยับนิ้วก้อยได้) จะเป็นคนที่ ยังไม่พบความสงบ ชอบอยู่นอกกรอบ และ มักมองหาการเปลี่ยนแปลง…

  • 5 ลักษณะนิสัยของคนจาก “รูปโปรไฟล์” ไม่ใช่หลักสูตรหมอดู เป็นงานวิจัยจริงๆ จังๆ!!

    5 ลักษณะนิสัยของคนจาก “รูปโปรไฟล์” ไม่ใช่หลักสูตรหมอดู เป็นงานวิจัยจริงๆ จังๆ!!

    สำหรับเฟซบุ๊คก็เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่แสดงและยืนยันตัวตนของบุคคลนั้นๆ โดยเฉพาประเทศไทยนี่เรียกได้ว่าแทบจะเล่นกันทุกคนเลยทีเดียว วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีบทความดีๆ ที่จะทำให้เพื่อนๆ สังเกตบุคลิกต่างๆ ของคนแต่ละประเภทในเฟซบุ๊ค จากรูปโปรไฟล์ของพวกเขากัน สำหรับงานวิจัยนี้ก็ได้ถูกตีพิมพ์ลงใน AAAI Digital Library ซึ่งทำการวิจัยโดยวิเคราะห์จากรูปของผู้ใช้ทวิตเตอร์หลายพันคน (ซึ่งในกรณีนี้ก็เป็นรูปโปรไฟล์เหมือนกันนั่นแหละ) ซึ่งหลักๆ แล้วแบ่งออกได้เป็น 5 ลักษณะแหละ   อ่านนิสัยคนจากรูปโปรไฟล์   ลักษณะของคนที่มีความซื่อตรง รูปถ่ายของเขาจะดูมีความเป็นธรรมชาติสูง มีสีสัน และจะค่อนข้างดูสว่างๆ แถมมักจะชอบแสดงอารมณ์ในภาพ และหลากหลายบุคลิกที่พวกเขามี อาจกล่าวได้ว่าคนเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะทำในสิ่งที่ผู้คนรอบข้างคาดหวังและคิดว่าเขาจะทำ   ลักษณะของผู้ที่เปิดกว้าง และรับประสบการณ์ใหม่ๆ คนเหล่านี้จะมีแนวโน้มในการใช้ภาพที่ดีที่สุดที่พวกเขาเลือกสรรมาเป็นอย่างดี มีความคมชัด และมักมีความแตกต่างกับภาพก่อนๆ สูง แถมมีความอาร์ท แนวๆ ต้องอินดี้ไม่เหมือนใคร แต่ใบหน้าของพวกเขาจะเป็นสัดส่วนหลักของภาพเกือบทุกภาพที่เอาขึ้นรูปโปลไฟล์ล่ะ   ลักษณะของคนที่ชอบเข้าสังคม พวกเขาจะชอบใช้รูปภาพที่มีสีสันที่หลากหลาย และมักจะใช้ภาพที่ไม่ได้มีแต่พวกเขาคนเดียว อาจจะมีเพื่อนสักคนสองคน หรือทั้งกลุ่มรวมอยู่ในภาพ และลักษณะสำคัญที่สุดก็คือ มักจะฉีกยิ้มจนกว้างถึงใบหูเกือบทุกๆ ภาพเลยล่ะ     ลักษณะของผู้ที่มีความมั่นคงทางอารมณ์สูง มักจะใช้ภาพที่สีสันไม่ฉูดฉาดจนมากเกินไป และไม่แสดงออกทางสีหน้ามาก บางภาพอาจมีการปิดบังใบหน้าของพวกเขาไว้ส่วนหนึ่งอีกด้วย   ลักษณะของผู้ที่มีความพึงพอใจกับอะไรได้ง่ายๆ…

  • นี่คือขวดไวน์ที่สอดแทรก “เรื่องสั้น” มาให้อ่าน เพื่อเพิ่มความสุนทรีย์ระหว่างจิบไวน์!!

    นี่คือขวดไวน์ที่สอดแทรก “เรื่องสั้น” มาให้อ่าน เพื่อเพิ่มความสุนทรีย์ระหว่างจิบไวน์!!

    ไวน์ถือเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่คนนิยมดื่มกันมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เพราะด้วยรสชาติที่หวานขมแบบกลมกล่อม อีกทั้งมันยังช่วยให้เรามีอารมณ์ที่สุนทรีย์เป็นอย่างมากอีกด้วย เมื่อมีดนตรีบรรเลงระหว่างดื่ม ส่วนมากจนมักจะดื่มไวน์กันตอนที่ทานอาหาร หรือไม่ก็จิบเล่นๆ ตอนอ่านหนังสือหรือดูหนังดีๆ สักเรื่องพร้อมกับป๊อปคอร์น นั่นจึงเป็นเหตุผลให้โรงกลั่นไวน์แห่งหนึ่งในอิตาลีชื่อว่า Matteo Correggia และบริษัทออกแบบ Reverse Innovation ได้ออกแบบ Librottiglia ซึ่งเป็นขวดไวน์ที่ได้แนบเอาเรื่องสั้นติดมาข้างขวดด้วย Librottiglia เป็นภาษาอิตาลี มาจากการผสมของคำว่า หนังสือ และ ขวด เข้าด้วยกัน โดยที่เรื่องสั้นนั้นก็มีมากมาย เช่นนิทานเรื่อง “A Frog in the Belly” โดย Patrizia Laquidara เป็นนิทานพื้นบ้านที่โด่งดังในแถบนั้น เราไปชมการออกแบบขวดไวน์นี้กันเลย     ในตอนนี้มีเรื่องสั้นหลายเรื่องได้ถูกติดลงไปบนขวดขนาด 375 มิลลิลิตรแล้ว และวางขายในประเทศอิตาลีเท่านั้น หวังว่าไอเดียนี้จะแพร่หลายในต่างประเทศนะ เพื่อที่ว่าจะได้มีอะไรอ่านเพลินๆ ระหว่างดื่มด่ำไปด้วย ที่มา boredpanda

  • เปิดตัว “โรงเรียนแม่มดพ่อมดอิลเวอร์เมอร์นี” แห่งอเมริกา พร้อมประวัติอันยาวนาน!!

    เปิดตัว “โรงเรียนแม่มดพ่อมดอิลเวอร์เมอร์นี” แห่งอเมริกา พร้อมประวัติอันยาวนาน!!

    สำหรับคนที่เป็นแฟนๆ แฮร์รี่แล้ว ก็คงรอคอยการกลับมาของภาพยนตร์ Fantastic Beasts ที่กำลังจะเข้าโรงในปลายปีนี้ ซึ่งในภาคนี้จะเป็นการเล่าย้อนไปในอีกยุค โดยเล่าเรื่องราวของตัวละคร “นิวท์” ผู้เขียนหนังสือสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ ถ้าใครติดตามโลกเวทมนตร์ตลอดก็คงจะรู้ว่าโรงเรียนพ่อมดแม่มดนั้นไม่ได้มีแค่ฮอกวอตส์ เพราะในภาคถ้วยอัคนี เราได้เห็นโรงเรียนเพื่อนบ้านที่มาจากต่างประเทศด้วยอย่าง เดิร์มสแตรงก์ (เหมือนจะยังไม่เปิดเผยสถานที่ แต่คาดว่าตั้งอยู่แถวไซบีเรียหรือบัลแกเรียหรือทางเหนือของยุโรป) โบซ์บาตงของฝรั่งเศส และยังมีของญี่ปุ่นชื่อว่ามาโฮโทะโคะโระ   แต่เมื่อเรื่องราว Fantastic Beasts เกิดขึ้นที่อเมริกา ก็ต้องมีเรื่องราวของโรงเรียนพ่อมดแม่มดที่นั่นเช่นกัน ซึ่งวันนี้ก็เปิดตัวไปแล้วกับโรงเรียน “อิลเวอร์เมอร์นี” ทางเว็บไซต์ Pottermore ได้ลงเรื่องราวเกี่ยวกับโรงเรียนแห่งนี้ไว้แล้ว คาดว่าน่าจะมีส่วนสำคัญในภาพยนตร์ด้วย เราไปชมคลิปกันก่อนเลย     โรงเรียนเวทมนตร์แห่งอเมริกาเหนืออันยิ่งใหญ่แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่สิบเจ็ด ตั้งอยู่ที่จุดสูงสุดของภูเขาเกรย์ล็อค และซ่อนตัวจากการมองเห็นของคนธรรมดาด้วยเวทมนตร์อันทรงพลังหลากหลายแบบ ที่บางครั้ง ก็ปรากฏออกมาในรูปของวงเมฆหมอก   แน่นอนว่าใน “โรงเรียนพ่อมดแม่มดอิลเวอร์เมอร์นี” ก็มีการคัดสรรบ้านเช่นเดียวกันกับฮอกวอตส์ แต่จะมีบางกฎที่แตกต่างกันไปบ้าง โดยเฉพาะเรื่อง “ไม้กายสิทธิ์” โดยมีการอธิบายไว้ว่า… “โรงเรียนจะไม่อนุญาตให้เด็กนักเรียนถือไม้กายสิทธิ์จนกว่าจะเดินทางถึงอิลเวอร์เมอร์นี ยิ่งไปกว่านั้น จะต้องฝากไม้กายสิทธิ์ไว้ที่โรงเรียนอิลเวอร์เมอร์นีระหว่างช่วงปิดภาคเรียน และกฎหมายจะอนุญาตให้ถือไม้กายสิทธิ์นอกบริเวณโรงเรียนได้ก็ต่อเมื่อพ่อมดหรือแม่มดมีอายุครบสิบเจ็ดปีแล้ว”     และบ้านก็จะแบ่งเป็น 4 บ้านเหมือนกับฮอกวอตส์ ได้แก่   แวมปัส เป็นตัวแทนของร่างกาย ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นนักรบ   งูยักษ์ เป็นตัวแทนของจิตใจ…

  • ภาพเด็กญี่ปุ่น ‘อ่านหนังสือ’ อย่างเป็นระเบียบ ชาวเน็ตชม อยากให้เด็กไทยเป็นบ้าง!!!

    ภาพเด็กญี่ปุ่น ‘อ่านหนังสือ’ อย่างเป็นระเบียบ ชาวเน็ตชม อยากให้เด็กไทยเป็นบ้าง!!!

    เมื่อประมาณเที่ยงของวันที่ 25 มิถุนายนนี้ ได้มีการแชร์ภาพสุดแสนน่ารักของเด็กญี่ปุ่นที่สนามบินเชียงใหม่ เมื่อพวกเขานั่งอ่านหนังสืออย่างเป็นระเบียบ แถมยังไม่มีใครเล่นมือถือเลย ภาพเหล่านี้ถูกโพสต์โดยคุณ Burachai Sonthayanon ซึ่งบรรยายในภาพว่า “เด็กญี่ปุ่น รอขึ้นเครื่อง อ่านหนังสือกันหมด ไม่มีใครเล่นมือถือ ภาพนี้ขอก๊อปเพื่อนในไลน์มา ถ่ายที่สนามบินเชียงใหม่ ทำไงเด็กไทยจะสนใจอ่านหนังสือมากเท่าเขา ?” หลังจากโพสต์ไปไม่นาน ก็ได้มีการแชร์ออกไปมากมาย จนตอนนี้ยอดแชร์สูงถึง 6,500 ครั้งแล้ว . . .   จากการสอบถามไปยังพนักงานที่ทำงานอยู่ที่นี่ มีเด็กญี่ปุ่นประมาณครึ่งเครื่องบิน ต่อแถวเข้าไปอย่างเป็นระเบียบ แต่ละคนก็น่ารักมากๆ จากประสบการณ์ที่เคยไปญี่ปุ่น เด็กที่นั่นเขาไม่ค่อยติดมือถือเท่าไหร่ เวลาขึ้นรถไฟก็มีไม่กี่อย่าง ถ้าไม่อ่านหนังสือก็หยิบเครื่อง 3DS มาเล่น ซึ่งไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูจริงจังไปหมด นี่ก็เป็นเหตุการณ์น่ารักๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเรา ซึ่งหลายคนก็มองเป็นเรื่องที่แปลก เพราะเด็กบ้านเราเดี๋ยวนี้ติดมือถือ แท็ปเล็ตกันหมด น้อยครั้งที่จะเห็นเด็กๆ อ่านหนังสือจริงจังกันแบบนี้ ที่มา Burachai Sonthayanon

  • รู้จักกับ ‘Dyslexia’ โรคบกพร่องทางการอ่าน และเผยภาพความรู้สึกของคนเป็นโรคนี้!!

    รู้จักกับ ‘Dyslexia’ โรคบกพร่องทางการอ่าน และเผยภาพความรู้สึกของคนเป็นโรคนี้!!

    หลายคนอาจจะเคยได้ยินเชื่อโรค ‘ดิสเล็กเซีย’ กันมาบ้างแล้ว บางคนอาจจะรู้จักในชื่อโรคอ่านหนังสือไม่ออก ซึ่งความจริงแล้วไม่ถึงกับอ่านไม่ออกหรอก แต่มีความบกพร่องทางการอ่านเท่านั้น ซึ่งคนที่มีอาการมักจะสะกดคำไม่ได้ อ่านไม่ได้ เนื่องจากการมองเห็นตัวอักษรนั้นสลับตำแหน่งไปมาตลอด ความจริงแล้วโรคดิสเล็กเซีย (Dyslexia) ถือเป็นความผิดปกติด้านการเรียนรู้ (Learning Disorder) อย่างหนึ่งเลย อาจทำให้บางคนไม่สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้เหมือนคนทั่วไป เด็กหลายคนก็อาจจะประสบปัญหานี้ แต่ผู้ปกครองไม่ทราบ และคิดว่าลูกเราอาจจะไม่เก่งจริงๆ จนบางทีส่งผลให้ลูกเราไม่สามารถเรียนร่วมชั้นกับเพื่อนๆได้ เพราะไม่สามารถทำงาน ทำการบ้าน หรือเรียนแบบเดียวกับเพื่อนได้นั่นเอง     นอกจากนี้ยังส่งผลต่อไปเรื่อยๆ ถึงขั้นว่าทำให้เด็กกลายเป็นเด็กเกเรไปเลย เนื่องจากไม่สามารถรวมกลุ่มกับเพื่อนได้ ดังนั้นหลายที่จึงมีการรณรงค์ให้ผู้ปกครองตรวจสอบเด็กๆ ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการอ่านและการเขียนอยู่รึเปล่า เพราะอาจเข้าข่ายดิสเล็กเซียก็เป็นได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเด็กจะไม่สามารถเรียนรู้อะไรเลยได้ ถ้าเด็กมีความถนัดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และผู้ปกครองสามารถดึงศักยภาพของเด็กคนนั้นขึ้นมาได้ จะทำให้เด็กกลายเป็นอัจฉริยะไปเลยก็ได้นะ     นี่เหมียวไม่ได้พูดเอาเวอร์นะ เพราะมันมีตัวอย่างจริงๆ และบุคคลเหล่านั้นเราก็รู้จักกันเป็นอย่างดี โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ dyslexia.com ได้รวบรวมรายชื่อคนดังที่เป็นโรคนี้ มีตั้งแต่ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, ลีโอนาโด ดวินชี, ปีกัสโซ่, หรือจะเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอย่าง จอร์จ วอร์ชิงตัน ก็เป็นโรคนี้กันทั้งนั้น จากทั้งหมดนี้มีทั้งนักวิทยาศาสตร์ ศิลปิน นักการเมือง ซึ่งถ้าเรามองดูแล้วก็จะรู้ว่าพวกเขานั้นใช้ความพยายามในการเรียนรู้มากกว่าคนปกติ…