Tag: อินเดีย
-
เศรษฐีอินเดีย จ่ายค่าพิธีสมรสให้หญิงสาวทุกคนที่ “กำพร้าพ่อ” ถือเป็นการช่วยเหลือสังคม
เศรษฐีแห่งวงการค้าเพชรในอินเดียวได้จัดงานประจำปีขึ้นเพื่อมอบเงินช่วยเหลือหญิงสาวกำพร้าพ่อแม่ที่กำลังจะแต่งงาน Mahesh Savani เจ้าของ PP Savani Group ได้จ่ายค่าจัดงานสมรสให้กับคู่รักมากว่า 3,000 คู่แล้วเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา และปีนี้ เขาก็ได้ทุ่มเงินช่วยเหลือหญิงสาวกำพร้าอีก 261 ราย เข้าพิธีวิวาห์อย่างสมเกียรติที่มีนาย Vijay Rupani มุขมนตรีของรัฐคุชราตมาเป็นเจ้าภาพ นอกจากนี้งานดังกล่าวยังมีการถ่ายทอดสดลงบนเว็บไซต์ Youtube อีกด้วย ชมคลิปวิดีโอ Mahesh Savani และคู่บ่าวสาว Mahesh Savani โดยในงานคู่บ่าวสาวทุกคู่จะได้รับของขวัญพิเศษเป็นของใช้ภายในบ้านที่จำเป็นสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่ นอกจากนี้ทุกคู่ยังได้รับการประกันชีวิตเป็นจำนวนเงิน 200,000 รูปี (ประมาณ 92,500 บาท) ในการสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ Mahesh กล่าวว่าสิ่งที่เขาทำมันเปรียบเสมือนความรับผิดชอบต่อสังคมที่ต้องช่วยเหลือหญิงสาวกำพร้าที่ไม่มีเงินพอจะสามารถจัดงานสมรส ตามธรรมเนียมของประเทศอินเดียแล้ว ผู้เป็นพ่อจะต้องออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างในพิธีสมรสของลูกสาว นั่นหมายถึงว่า หากพ่อของหญิงสาวโสดคนใดเสียชีวิตหรือยากจนมาก หญิงสาวก็มีโอกาสแต่งงานน้อย เพราะพิธีแต่งงานในประเทศอินเดียนั้นมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างแพง เพราะครอบครัวฝ่ายเจ้าสาวจะถูกคาดหวังให้มอบเงินและของกำนัลคล้ายเงินสินสอดให้ฝ่ายเจ้าบ่าวเป็นปริมาณมาก บรรยากาศในงาน Mahesh…
-
พิธีวิวาห์ ‘ลูกสาวมหาเศรษฐี’ อินเดีย เลี้ยงฉลองด้วยคอนเสิร์ต Beyoncé แบบส่วนตัว!!
พิธีวิวาห์นั้นเป็นพิธีที่สำคัญของทุกๆ คนเลยก็ว่าได้ เพราะมันทำให้คู่รักหนุ่มสาวได้เกิดความรู้สึกผูกพันแน่นแฟ้นและรู้สึกเหมือนว่าได้เป็นของกันและกันอย่างแท้จริง และแน่นอนว่าหากเป็นพิธีวิวาห์ธรรมดาทั่วๆ ไป ก็คงไม่ต้องถึงกับเป็นข่าวเป็นคราวขนาดนี้ แต่นี่ เป็นพิธีวิวาห์ของลูกสาวอภิมหาเศรษฐีแห่งอินเดียนั่นเอง หญิงสาวนามว่า Isha Ambani ลูกสาววัย 27 ปีของนาย Mukesh Ambani อภิมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในอินเดีย เตรียมเข้าพิธีวิวาห์กับนาย Anand Piramal วัย 33 ปี ณ นครมุมไบในวันที่ 11 ธันวาคม 2018 งานสำคัญของครอบครัวเศรษฐีแบบนี้แน่นอนว่าต้องเล่นใหญ่กันสุดๆ มีการจัดงานเลี้ยงฉลองก่อนพิธีวิวาห์ยาว 3 วัน 3 คืนติดกัน พร้อมแขกผู้เป็นศิลปินดาราและคนดังมาร่วมงานมากมาย Anand Piramal (ซ้าย) และ Isha Ambani (ขวา) ยิ่งใหญ่ขนาดไหน…ก็ขนาดที่ว่าในงานเลี้ยงฉลองนั้นได้นักร้องสาวสุดโด่งดังอย่าง Beyoncé มาเปิดคอนเสิร์ตใหญ่แบบส่วนตัวในงานกันไปเลย (เล่นใหญ่มาก) Beyoncé ในงานวิวาห์ของ Isha Ambani ชมคลิปคอนเสิร์ต Beyoncé แบบส่วนตัวในงานวิวาห์ของลูกสาวมหาเศรษฐีอินเดีย …
-
เด็กสาวอินเดีย ถูกบังคับอยู่กระท่อมเนื่องจากมี “ประจำเดือน” สุดท้ายถูกพายุคร่าชีวิต…
เด็กหญิงวัย 14 ปีชาวอินเดียต้องกลายเป็นเหยื่อพายุไซโคลนเพียงเพราะเธอมี “ประจำเดือน” จึงถูกบังคับให้นอนอยู่แต่ในกระท่อม S. Vijayalakshmi ผู้เคราะห์ร้าย เธอเป็นเด็กหญิงวัย 14 ปีที่ติดอยู่ในกระท่อมแยกเดี่ยวเรียกว่า Gaokor กระท่อมนี้เปรียบเสมือนสถานที่สำหรับแยกหญิงที่มีประจำเดือนไปอาศัยชั่วคราว แต่ในขณะนั้น (ช่วงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2018) พายุไซโคลน Gaja ก็กำลังรุกเข้ามายังพื้นที่ตอนใต้ของรัฐทมิฬนาฑู ประเทศอินเดียพอดี ทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต ผลจากพายุ Gaja ทำให้มีผู้เสียชีวิต 46 รายและ Vijayalakshmi เองก็เป็นหนึ่งในนั้น พายุลูกนี้ได้กวาดล้างดินแดนไปราว 800 ตารางกิโลเมตรหรือ 500,000 ไร่ พื้นที่การเกษตรไปของทั้ง 12 เขตถูกทำลายราบคาบ ขณะเดียวกันสมาชิกในครอบครัวของ Vijayalakshmi นั้นปลอดภัยดีในเนื่องจากหลบภัยในบ้านของตัวเองที่ไม่ห่างไกลจากกระท่อม Gaokor นัก ฝ่ายยายของหญิงสาวกล่าวว่าไม่สามารถเข้าไปช่วย Vijayalakshmi ในกระท่อมได้เนื่องจากต้นมะพร้าวนั้นโค่นล้มทับกระท่อมจะไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ถึง หลังจากเข้าถึงตัวของ Vijayalakshmi เธอก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดโดยด่วน แต่พอไปถึงแพทย์ก็กล่าวว่าเธอได้เสียชีวิตแล้ว คลิปผู้ประสบภัยพายุ Gaja ในประเทศอินเดีย …
-
คู่รักชาวอินเดีย ตกลงมาเสียชีวิตหลัง “เซลฟี” บนหน้าผาในอุทยานแห่งชาติ Yosemite
ไปเที่ยวในสถานที่อันตรายโปรดอย่าชะล่าใจ แม้สถานที่นั้นจะสวยงามน่าถ่าย “เซลฟี่” ก็ตาม คู่รักชาวอินเดียคู่หนึ่งมีรายงานว่าตกจากหน้าผาของภูเขา Sierra Nevada ในอุทยานแห่งชาติ Yosemite ในแคลิฟอร์เนีย จากรายงานคาดว่าทั้งคู่ ไปยืนยังริมหน้าผาแล้วกำลังจะถ่ายเซลฟี่ด้วยกัน นั่นทำให้ทั้งคู่สูญเสียการทรงตัวและพลาดตกลงจากหน้าผาความสูง 244 เมตรในที่สุด ร่างของนาย Vishnu Viswanath วัย 29 ปี และนาง Meenakshi Moorthy วัย 30 ปี ถูกพบอยู่ที่พื้นด้านล่างของหน้าผาเมื่อวันพฤหัสที่ 25 ตุลาคม 2018 โดยผู้ลาดตระเวนในอุทยาน Jishnu Viswanath พี่ชายของ Vishnu กล่าวว่าทาง Moorthy ได้ใฝ่ฝันเอาไว้ว่าอยากเป็นบล็อกเกอร์ท่องเที่ยวแบบเต็มเวลา Meenakshi Moorthy และ Vishnu Viswanath ทั้งคู่มักออกท่องเที่ยวผจญภัยค้นหาความตื่นเต้นให้กับชีวิต โดนในอินสตาแกรมของพวกเขาจะมีภาพสถานที่ท่องเที่ยวที่ทั้งสวยงามและอันตรายหลายแห่ง โดยทางพี่ชายของ Vishnu ผู้เสียชีวิตกล่าวว่า ศพของทั้งคู่จะถูกฝังในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากสภาพศพไม่อำนวยให้ส่งกลับไปยังประเทศอินเดีย… https://www.instagram.com/p/BXDP6tvBLrP/?utm_source=ig_embed การท่องเที่ยวนั้นทำให้เกิดความสุขความบันเทิงได้ก็จริง แต่ก็ควรจะปลอดภัยไว้ก่อนนะจ๊ะทุกคน! ที่มา: nextshark, holidaysandhappilyeverafters, Mercury News และ National…
-
หญิงอินเดียทะเลาะกับรปภ. ตัดสินใจ “แก้ผ้า” เพราะไม่ต้องการให้ตำรวจพาไปโรงพัก
เมื่อพบเจอกับความอยุติธรรมหรือสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าใครก็ต้องโมโหกันทั้งนั้น อย่างเช่นหญิงสาวชาวอินเดียคนหนึ่งที่บังเอิญมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในอะพาร์ตเมนต์ที่เธอพัก จนเรื่องราวใหญ่โตถึงขั้นแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงก็เชิญให้ทั้งสองคนไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ แต่หญิงสาวกลับไม่ยอมไป เธอบอกว่าหากจะเชิญไปที่สถานีต้องมีตำรวจหญิงมาด้วย เธอจึงตัดสินใจจะขึ้นลิฟต์และกลับห้อง แต่ก็ถูกขัดขวางเอาไว้ จากนั้นเรื่องราวก็เข้มข้นขึ้น ต่างฝ่ายต่างปฏิเสธกันและกัน กระทั่งหญิงสาวโมโหกับความไม่ยุติธรรม ระเบิดอารมณ์ออกมาพร้อมถอดเสื้อผ้าออกและตะโกนด่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นราวตี 3 ของวันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา หญิงสาวชาวอินเดียดังกล่าวผู้เป็นทั้งนางแบบและนักเขียนคอลัมน์ ได้มีปากเสียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขณะที่กลับมายังที่พัก หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาควบคุมสถานการณ์จึงเชิญเธอและคู่กรณีไปที่สถานีตำรวจแต่เธอกลับยืนยันว่าต้องมีตำรวจหญิงมาด้วยเธอถึงจะยอมไป หรือไม่ก็ให้รอคุยกับทนายความของเธอ . หลังจากที่ตกลงกันไม่ได้ เธอจึงตัดสินใจที่จะขึ้นลิฟต์กลับไปยังห้องพักของตน แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขัดขวางเอาไว้ เธอจึงเกิดอารมณ์โมโหและเริ่มถอดเสื้อผ้าออกเพื่อประชด ตามกฎหมายของประเทศอินเดียแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีสิทธิ์เชิญสตรีไปยังสถานีตำรวจ หากเป็นกรณีที่จำเป็นจริงๆ ควรมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงมาด้วย เหตุการณ์ในครั้งนี้ใหญ่โตกระทั่งผู้บังคับการตำรวจพร้อมด้วยรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีต้องออกมามีส่วนร่วมด้วย แต่อย่างไรก็ตามหญิงสาวคนนี้ก็ต้องรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเนื่องจากพฤติกรรมไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ ที่มา: ck101 และ Facebook@sudeshmalikchd
-
อินเดียทุ่ม 19,000 ล้าน สร้าง “อนุสาวรีย์สูงที่สุดในโลก” แห่งใหม่ ปชช. วิจารณ์เปลืองงบ
ล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา ประเทศอินเดียได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่อีกครั้งโดยการเผย อนุสาวรีย์ที่สูงที่สุดในโลก สูงกว่าอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพถึง 2 เท่า! อนุสาวรีย์แห่งนี้มีชื่อว่า Statue of Unity หรืออนุสาวรีย์แห่งเอกภาพ ซึ่งอุทิศให้กับ Vallabhbhai Patel ผู้นำนักเคลื่อนไหวสังคมในประเทศ อนุสาวรีย์แห่งเอกภาพ มีความสูงโดยประมาณ 182 เมตร ซึ่งสูงเกือบเป็นสองเท่าของอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพในนครนิวยอร์กเลยทีเดียว ชมคลิปวิดีโอ Narendra Modi นายกรัฐมนตรีของอินเดียจะเป็นผู้นำในการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของอนุสาวรีย์นี้ ในวันที่ 31 ตุลาคม 2018 ซึ่งวันดังกล่าวถือได้ว่าเป็นวันคล้ายวันเกิดของ Vallabhbhai Patel ผู้ที่รวมชาวอินเดียให้เป็นหนึ่งอย่างพอดิบพอดี อนุสาวรีย์แห่งเอกภาพตั้งอยู่บนเกาะสาธุทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย เกาะแห่งนี้ถูกล้อมรอบโดยแม่น้ำ Narmada งบประมาณสำหรับการสร้างอนุสาวรีย์นี้อยู่ที่ประมาณ 19,000 ล้านบาท โดยใช้เวลาในการก่อสร้างเกือบ 5 ปีเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อเปิดตัวออกมาจะกลายเป็น “อนุสาวรีย์ที่สูงที่สุดในโลก” ทันที เพราะสูงกว่า Spring Temple Buddha ของประเทศจีนที่ครองตำแหน่งนี้อยู่ถึง 30…
-
ชมความเฟี้ยวของ “ตำรวจมุมไบ” ทำป้ายประชาสัมพันธ์เป็น Harry Potter สุดครีเอท!!
ปกติแล้วเรามักไม่ค่อยได้เห็นป้ายประชาสัมพันธ์ของทางกรมตำรวจที่ผสมผสานกับวัฒนธรรมกระแสหลัก (Pop Culture) สักเท่าไหร่ ส่วนมากที่เราจะเห็นก็เป็นดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของทางกรมตำรวจที่ดูไม่ต่างกันเท่าใดนักในแต่ละพื้นที่ ไม่ได้เน้นให้ความบันเทิงกับผู้พบเห็น แต่เน้นไปที่การให้ข้อมูลเสียมากกว่า ส่วนมากที่เรามักพบเห็นกันภายในประเทศ ก็จะมีลักษณะประมาณนี้ใช่ไหมล่ะ? แต่ถ้าอยากเห็นความเป็นตำรวจผสมผสานกับความบันเทิง ลองมาดูภาพประชาสัมพันธ์ของ กรมตำรวจนครมุมไบ ในประเทศอินเดียกันหน่อยดีกว่า บอกเลยว่าครีเอทีฟสุดๆ! เริ่มจาก Strager Things ซ้าย: “ฉันพบบางสิ่งแปลกประหลาด” ขวา: “โทรแจ้ง 100 ด่วน!” Harry Potter และสัญลักษณ์เครื่องรางยมทูตแบบตำร๊วจตำรวจ “ไม่จำเป็นจะต้องพึ่งเครื่องรางยมทูตเสมอไป หากจะหลีกเลี่ยงความตาย” (แค่ห้ามตรงไปก็พอแล้ว) และ Harry Potter กับแผนที่ตัวกวน (อันนี้คนที่ไม่เคยดู Harry อาจจะงง) ซ้าย: “ข้าขอสาบานอย่างจริงจังว่าข้านั้นหาความดีไม่ได้” (คำพูดก่อนเปิดใช้แผนที่) ขวา: “ถ้ามีพวกเราอยู่ใกล้ๆ จะไม่มีแผนลวงไหนที่สำเร็จไปได้” (ปกติแล้วคำพูดหลังใช้แผนที่เสร็จจะต้องพูดว่า “แผนลวงสำเร็จแล้ว”) หลังจากทวิตเตอร์ @mumbaipolice ได้โพสต์ภาพประชาสัมพันธ์ดังกล่าวลงบนโลกออนไลน์ ภาพเหล่านี้ก็กลายเป็นไวรัลที่มีชาวเน็ตให้ความสนใจกันอย่างแพร่หลาย ด้วยเหตุนี้ทำให้ทวิตเตอร์ตำรวจนครมุมไบมีผู้ติดตามมากขึ้นจะทะลุ 4.65 ล้านคนเลยทีเดียว!! …
-
หญิงอินเดีย “ซวย” ซ้ำสองทั้งรถคว่ำและรถชนในเวลาติดๆ กัน แต่กลับ “โชคดี” ที่ไม่เป็นไร
สำหรับการขับขี่ยานพาหนะไม่ว่าจะประเภทใดก็ตาม จำเป็นต้องฝึกให้ชำนาญ ขับขี่อย่างมีสติ และบางครั้งก็อาจจะต้องพึ่งพา ดวง และ โชค ด้วย… อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศอินเดียล่าสุด หญิงสูงวัยที่ขับขี่จักรยานยนต์ผ่านสี่แยกใหญ่เกิดรถพลิกคว่ำ หลายคนคงทราบดีว่าการจราจรในประเทศอินเดียนั้นค่อนข้างวุ่นวาย แต่ด้วยความโชคดีไม่มีรถคันไหนเข้ามาชนหรือเหยียบซ้ำ ผู้คนในละแวกกรูกันเข้าไปช่วยเหลือ แต่หลังจากที่เธอลุกขึ้นเธอก็พุ่งเข้าไปชนกันรถโดยสารอีกคันหนึ่ง ไม่รู้จะเรียก ดวงดี หรือ ดวงซวย รถโดยสารคันดังกล่าวนั้นสามารถเบรกไว้ได้ทัน ทำให้เธอไม่ถูกเหยียบนั่นเอง ชมคลิปเหตุการณ์ เธอมาแล้ว รถจักรยานยนต์ของเธอคว่ำลง แต่โชคดีไม่มีรถมาเหยียบซ้ำ ผู้คนในละแวกก็พากันเข้าไปช่วยเหลือให้เธอขึ้นมานั่งบนรถได้อีกครั้งหนึ่ง เมื่อเธอลุกขึ้นคร่อมรถได้ไม่ทันไร เธอก็พุ่งตรงออกไปยังรถบัสที่ขับมาด้วยความเร็ว โชคดีอย่างมากที่รถบัสดังกล่าวเบรกไว้ได้ทัน ทำให้รถของเธอคว่ำลงใต้ท้องรถบัสเท่านั้น แม้เหตุการณ์นี้เธอจะโชคดีที่รอดมาได้ แต่การกระทำของเธอก็ทำให้การจราจรในขณะนั้นติดขัดอย่างมากเลยทีเดียว ไม่รู้ว่ารถของเธอพุ่งออกไปด้วยสาเหตุใด อาจเกิดจากความสามารถในการขับขี่จักรยานยนต์ก็เป็นได้ อย่าลืมว่าการใช้รถใช้ถนนนั้นจำเป็นต้องมีความชำนาญในการบังคับยานพาหนะ รวมถึงการใช้เส้นทางต่างๆ การพึ่งดวงอย่างเดียวอาจทำให้จบไม่สวยแบบหญิงคนนี้ ที่มา: ck101 และ youtube
-
พนักงานบนเครื่องลืมเปิด ‘เครื่องควบคุมแรงดันอากาศ’ ทำให้ผู้โดยสาร 30 คนเลือดออกหู/จมูก!?
อย่างที่รู้กันดีว่า ‘การเดินทางโดยเครื่องบิน’ นั้นถือเป็นหนึ่งในการเดินทางที่รวดเร็วและปลอดภัย เพราะจะมีการเช็กความพร้อมทุกอย่างให้แน่ใจก่อนที่เครื่องจะขึ้นบิน รวมไปถึงการดูแลเรื่องความปลอดภัยต่างๆ ที่มีความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ แต่สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางไปกับสายการบิน Jet Airways จากเมืองมุมไบ ไปยังเมืองชัยปุระ ที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย ต้องเผชิญกับประสบการณ์เลวร้ายที่พวกเขาจะไม่มีทางลืมอย่างแน่นอน เพราะเจ้าหน้าที่บนเครื่องดันลืมเปิด ‘เครื่องควบคุมความดันอากาศ’ หรือที่เรียกกันว่า ‘Bleed Switch’ จนทำให้ความดันอากาศในเครื่องลดลงอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้ผู้โดยสารกว่า 30 คน จากทั้งหมด 166 คน มีเลือดไหลออกจากหูและจมูก นอกจากนี้อีกกว่า 10 คน มีอาการปวดหัว จากความประมาทของพนักงานบนเครื่องบิน จากรายงานของสำนักข่าว India Today TV ระบุเอาไว้ว่าหลังจากที่เครื่องขึ้นไปไม่นานก็วนกลับมาแลนดิ้งที่สนามบินมุมไบอย่างปลอดภัย หลังจากที่เครื่องลงจอดแล้วเจ้าหน้าที่แพทย์สนามบินที่สแตนด์บายรออยู่ด้านล่าง ก็เข้ามาตรวจสอบและพบว่ามีผู้โดยสารถึง 5 คนที่ต้องทำการแอดมิตเข้าโรงพยาบาล Nanavati Hospital อย่างเร่งด่วน ทางด้านคุณหมอ Rajendra Patankar คุณหมอที่รับผิดชอบเคสนี้ได้กล่าวว่า “ผู้ป่วยทุกคนกำลังอยู่ภายใต้การดูแลของเรา บางคนก็ถึงกับมีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยิน เพราะแรงกดอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจจะใช้เวลาฟื้นฟูเป็นสัปดาห์กว่าจะกลับมาหายดีอีกครั้ง นอกจากนี้ผมยังให้คำแนะนำกับผู้ป่วยอีกว่าอย่าเพิ่งโดยสารเครื่องบินจนกว่าอาการจะหายดี” แน่นอนว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าว…
-
แฮ็กเกอร์คิด ‘หลอกพังคอมพ์’ คุณยายวัย 83 ปี สุดท้ายได้บทเรียนแสนสาหัสกลับไปแทน
การกลั่นแกล้งและหลอกลวงบนโลกออนไลน์ (Scam) นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวเพราะบางครั้งเหยื่อของการกลั่นแกล้งนี้อาจต้องเสียเครื่องคอมพิวเตอร์ไปเลยก็ได้ ยิ่งเป็น คนชรา ก็ยิ่งมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากเป็นวัยที่ไม่ได้คลุกคลีกับคอมพิวเตอร์และภัยจากอินเทอร์เน็ตมากนัก ผู้สูงอายุจึงกลายเป็นเหยื่อชั้นดีของเหล่า Scammer แต่วันนี้ถึงเวลาที่พวกนักกลั่นแกล้งหรือเหล่า Scammer จะได้รับกรรมที่ก่อไว้กันบ้างแล้ว เมื่อช่องยูทูบที่ชื่อว่า Deeveeaar ได้ตั้งตนเป็นผู้ลงโทษเหล่า Scammer โดยการล่อลวงและกลั่นแกล้ง จนทำให้พวกเขาไม่อยากกลั่นแกล้งผู้อื่นอีก เรื่องราวเริ่มขึ้นจาก Scammer คนหนึ่งได้ขออนุญาตหญิงชราวัย 83 ปีคนหนึ่งเพื่อเข้าใช้คอมพิวเตอร์ของเธอ ซึ่งทุกอย่างก็ดูเป็นใจอย่างมาก Scammer: “ใครคือเจ้าของคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ครับคุณผู้หญิง คุณหรือคนอื่น?” คุณยาย: “ฉันเอง” Scammer: “คุณใช้โน้ตบุ๊กใช่ไหมครับ?” คุณยาย: “ใช่แล้ว มีแต่โน้ตบุ๊ก” Scammer: “งั้นช่วยเปลี่ยนไปใช้โน้ตบุ๊กทีได้ไหมครับ?” คุณยาย: “ได้เลย” Scammer: “เอาล่ะ ขอผมเข้าดูหน่อยก็แล้วกันนะครับ โอเคมั้ย?” Scammer รายนี้คิดว่าเขาทำสำเร็จแล้ว ขณะที่เขาใช้โปรแกรม Team Viewer เข้าดู เขามีการกล่าวชมเด็กๆ หลานๆ ที่เป็นรูปพื้นหลังหน้าจอคอมพ์คุณยายด้วย Scammer: “เห็นโปรแกรม Google Chrome…
-
คนดูช็อก…คุณยายอินเดียวัย 81 ปี “เสียชีวิตกลางรายการ” เนื่องจากภาวะหัวใจหยุดเต้น
หลายครั้งที่ ความตาย มาเยือนโดยไม่บอกกล่าว ไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ จะรู้สึกเศร้าหรือสนุกสนานก็ตามแต่ แต่เมื่อถึงเวลา ความตายก็จะมาหาทันที อย่างเช่นล่าสุด ศาสตราจารย์หญิง Rita Jitendra วัย 81 ปีชาวอินเดีย ขณะกำลังพูดคุยเสวนากับทางรายการ Good Morning J&K อยู่ จู่ๆ เธอก็เงยหน้าขึ้น อ้าปาก แล้วก็เงียบหายไป ขณะที่ก่อนหน้านั้นบรรยากาศการสนทนาเป็นไปอย่างสนุกสนาน แต่แล้วบรรยากาศเหล่านั้นต้องจบลงหลังศาสตราจารย์ไม่มีการตอบโต้ ร่างกายของคุณยาย Rita แน่นิ่งและถูกพบว่า เสียชีวิต กลางรายการ ศาสตราจารย์ Rita Jitendra รายการนี้ออกอากาศในช่วงเช้าเวลา 08.30 น. ทำให้การเสียชีวิตของคุณยาย Rita ประจักษ์ต่อสายตาทุกคนที่ชมรายการนี้ แม้ว่ากล้องจะรีบตัดภาพกลับมายังพิธีกร แต่ผู้ชมต่างก็ยังตะลึงกับภาพที่ตนได้เห็น ชมวิดีโอบันทึกจากรายการดังกล่าว หลังจากนั้น ทางรายการจึงหยุดการออกอากาศชั่วคราว แล้วส่งตัวคุณยาย Rita ให้กับแพทย์ฉุกเฉิน สุดท้ายทีมแพทย์ก็ไม่สามารถช่วยเหลือคุณยายได้ ทั้งนี้ แพทย์พบว่าสาเหตุการตายของคุณยาย Rita นั้นเป็นผลมาจากภาวะหัวใจหยุดเต้น หัวใจเต้นผิดจังหวะ รวมไปถึงโรคหัวใจ …
-
เด็กหญิงถูกล่อลวงไปข่มขืน โดยกลุ่มเด็กชาย 5 คน ด้วยสาเหตุดูหนังโป๊บนโทรศัพท์
สิ่งที่น่าสลดและหดหู่ใจที่เกิดขึ้นในประเทศอินเดียบ่อยครั้ง ปัญหาของการข่มขืนที่ไม่มีอัตราลดจำนวนลงได้ และเหยื่อส่วนใหญ่มักจะเป็นเด็กผู้หญิง เหตุการณ์ในครั้งนี้ มีผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชนชาย 5 ราย มีอายุตั้งแต่ 9 – 14 ปี ได้ทำการล่อลวงเด็กหญิงอายุเพียง 8 ขวบ ไปยังบ้านของเพื่อนที่รู้จักกัน ก่อนจะลงมือรุมโทรมข่มขืนเธอ ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานว่า การลงมือในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากกลุ่มเด็กชายรับชมสื่อลามกบนโทรศัพท์มือถือได้เพียง 2 วันเท่านั้น Naresh Rathore โฆษกเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำท้องที่เมือง Sahaspur กล่าวว่า “กลุ่มเด็กชายเลือกเด็กผู้หญิงคนนี้ เนื่องจากรู้ว่าเธอมักจะอยู่เพียงลำพังในบ้านในช่วงเวลาดังกล่าว การวางแผนก่อเหตุจึงเริ่มต้นเพียงแค่ไม่กี่วันก่อนลงมือ” กลุ่มเด็กชายต่างอาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับเหยื่อ เมื่อสบโอกาสที่เหยื่อออกมาเล่นภายนอกบ้าน จึงทำการล่อลวงเธอไปในที่ลับตาคน ภายหลังจากถูกจับกุมตัวทั้งหมด เยาวชนกลุ่มนี้ถูกตั้งข้อหาข่มขืน แต่อยู่ภายใต้กฎหมายการคุ้มครองเด็กจากการกระทำความผิดทางเพศของประเทศอินเดีย พวกเขาจะไม่ถูกคุมขังภายในเรือนจำทั่วไป โดยศาลเด็กและเยาวชน ได้ตัดสินให้ส่งตัวไปยังสถานพินิจเด็กและเยาวชนแทน ในระหว่างที่การสอบสวนยังคงดำเนินต่อไป ทางด้านฝ่ายเด็กหญิงกำลังพักฟื้นฟูสภาพจิตใจและร่างกายภายในบ้านของตนเอง ที่มา: timesofindia, news18, tribuneindia, mirror, dailymail
-
หน่วยตำรวจอินเดียออกคำสั่ง ให้เจ้าหน้าที่ ‘ลดพุง’ ใครไม่ทำโดนไล่ออก!!
เรื่องของ ‘สุขภาพ’ ถือเป็นสิ่งสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่เป็นตำรวจ เพราะจะต้องใช้ความคล่องตัวและร่างกายที่แข็งแรงเพื่อระงับเหตุด่วนเหตุร้ายต่างๆ อีกทั้งยังดีต่อสุขภาพของเจ้าหน้าที่ด้วย!! ด้วยการที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้ ทางด้านผู้อำนวยการของกรมตำรวจรัฐกรณาฏกะ (Karnataka State Reserve Police) หรือ KSRP จึงได้ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายลดพุงด่วน!! โดยที่หากใครลดไม่ได้ในเวลาที่กำหนด หรือปฏิเสธที่จะทำ จะถูกลงโทษทางวินัยโดยการไล่ออก!! ที่ต้องทำแบบนี้เป็นเพราะว่าจากสถิติในช่วง 18 เดือนหลังสุดนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตไปมากกว่า 100 ราย เพราะรูปแบบการใช้ชีวิต และการกินของพวกเขา หน่วย KSRP มีเจ้าหน้าที่มากกว่า 14,000 นาย และพวกเขาก็มีหน้าที่สำคัญในการดูแลความปลอดภัยในงานสำคัญต่างๆ รวมไปถึงการควบคุมเหตุการณ์การจลาจลและเหตุรุนแรง และขณะนี้ผู้อำนวยการก็ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงคัดกรองเจ้าหน้าที่ที่มีน้ำหนักเกิน จากนั้นก็ทำตารางการออกกำลังกายรวมไปถึงอาหารการกินเพื่อลดน้ำหนักให้พวกเขา “เราจะเริ่มกระบวนการและติดตามพวกเขาอย่างใกล้ชิด ทั้งการทานอาหารและการออกกำลังกาย” “ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ของเรากว่า 153 นายเสียชีวิต มี 24 นายเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุบนท้องถนน อีก 9 นาย เสียชีวิตเพราะฆ่าตัวตาย ส่วนที่เหลือเสียชีวิตจากโรคที่มาจากอาหารการกิน ทั้งโรคเกี่ยวกับหัวใจ และเบาหวาน” …
-
ปริศนาหลอน ครอบครัวอินเดีย “ผูกคอตาย” ยกบ้าน 11 ศพ เชื่อเกี่ยวข้องกับลัทธิลึกลับ
ล่าสุดบนทวิตเตอร์ ได้มีการเผยแพร่ข่าวการตายอย่างลึกลับของชาวอินเดีย เมื่อครอบครัวหนึ่งกลายเป็นศพหมดทั้งครอบครัวรวม 11 ชีวิต เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็น การฆาตกรรมและการฆ่าตัวตายหมู่ในครอบครัว หลายสำนักข่าวของอินเดียได้เผยแพร่โศกนาฏกรรมปริศนานี้ออกมาทั่วโลกอินเทอร์เน็ต ขณะเดียวกันผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวไทยชื่อว่า @washimarou ก็ได้นำเรื่องราวการตายอย่างลึกลับนี้มาเล่าต่อ โพสต์เล่าเรื่องการตายหมู่ของครอบครัว Bhatia ในอินเดีย เริ่มต้นวันที่ 1 กรกฎาคม 2018 รูปภาพศพขณะที่เจ้าหน้าที่พบเจอ ดูได้ที่นี่ (แต่ไม่แนะนำให้เข้าไปดู) ตำรวจสงสัยทั้งครอบครัวกำลังนับถือในลัทธิลึกลับ และได้ประกอบพิธีกรรมล้างบาป . ในบันทึกที่พบ มีการเขียนกล่าวถึงการล้างบาปด้วยพิธี Baar Puja (บูชาต้นไทร) เป็นการแขวนคอ ปิดตา ปิดหู ปิดปาก มือไพล่หลัง ห้อยลงมาในลักษณะเหมือนรากไทร ลูกชายที่ชื่อว่า Lalit ฝันเห็นพ่อผู้ล่วงลับ ทำให้เชื่อว่าประกอบพิธีกรรมนี้แล้ว “พ่อ” จะมาช่วย และเชื่อว่าพิธีกรรมนี้ทำให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากบันทึกที่พบ ทำให้ทราบว่าพิธีกรรมนี้ต้องทำต่อเนื่อง 7 วัน หมายความว่าพวกเขาเริ่มทำพิธีกรรมมาตั้งแต่ วันที่ 23-30 มิถุนายน…
-
ผวา!! ชายอินเดียจับ “งูเหลือม” พาดบ่าหวังเซลฟี่ แต่ถูกเจ้างูรัดคอเข้าทันใด
ถึงแม้ว่า งู จะเป็นสัตว์ที่หลายๆ คนหวาดกลัว แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่เลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงหรือไม่ก็ชอบนำมาถ่ายรูปลงโซเชียลโชว์เก๋ๆ และแม้ว่างูที่เราสามารถถ่ายรูปด้วยได้จะเป็นงูที่ไม่มีพิษ แต่อาวุธหลักของงูเหล่านี้ก็คือการ “รัด” และนี่จึงเป็นสาเหตุของความน่าใจหายในวันนี้ คลิปวิดีโอชายอินเดียถูกงูเหลือมพยายามรัดคอ ขณะนำมาถ่ายรูป คลิปวิดีโอดังกล่าวถ่ายภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมือง Jalpaiguri ของอินเดีย นาย Sanjay Dutta คือผู้ที่นำงูเหลือมที่ขนาดลำตัวยาวราว 10 เมตรมาพาดไว้บนไหล่และคอเพื่อจะถ่ายรูป แต่เขากลับดูเหมือนจะไม่สามารถควบคุมงูตัวดังกล่าวให้อยู่นิ่งได้ งูเหลือมขนาดมหึมาพยายามจะเลื้อยลำตัวไปรัดคอของนาย Sanjay ท่ามกลางความตื่นตระหนกของผู้ชมโดยรอบ . เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อเจ้างูเหลือมตัวนี้ได้เข้าไปกินแพะของชาวบ้าน นาย Sanjay จึงถูกเรียกให้ไปช่วยนำตัวงูออกมา แต่แทนที่เขาจะนำมันลงกระสอบ เขากลับยกมันขึ้นมาพาดบ่าเพื่อตั้งใจจะถ่ายรูป ทันใดนั้น งูเหลือมตัวดังกล่าวกลับพยายามที่จะพันตัวล้อมรอบ “คอ” ของนาย Sanjay จากคลิปวิดีโอจะเห็นได้ชัดเจนว่านาย Sanjay นั้นพยายามจะเดินออกจากฝูงชนขณะที่ถูกงูรัดคอ ผู้ชมโดยรอบต่างกรีดร้องด้วยความตกใจและพยายามหนี ขณะที่งูเหลือมตัวดังกล่าวก็พยายามจะรัดคอของนาย Sanjay ซึ่งเขาก็พยายามจะจับลำตัวและหางของงู แต่พบว่ามันลื่นจนควบคุมได้ยาก ผู้ช่วยของนาย Sanjay พยายามบอกให้เขารีบจับหางของงูเอาไว้ ซึ่งนาย Sanjay ก็ตกลง เขาจึงโชคดีที่ไม่ได้รับอันตรายใดๆ นอกจากความตื่นกลัวขณะที่จะโดนรัดคอ งูเหลือมตัวขนาดนี้ต้องบอกเลยว่าหากรัดคอขึ้นมาจริงๆ นาย Sanjay คงจากไปอย่างสงบเลยล่ะ… ที่มา: thesun,…
-
ภาพสุดท้ายเด็กหญิง 10 ขวบกับคนร้าย เดินจูงมือกันก่อนถูกฆ่าข่มขืน พบเป็นคนใกล้ตัวพ่อ
ในสังคมปัจจุบัน ความไว้เนื้อเชื่อใจกันถูกสั่นคลอนอยู่เสมอ แม้ว่าจะเคยรู้จักหน้าคร่าตากันมาก่อนก็ตาม เพราะสถานะความใกล้ชิดเหล่านี้นำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นภาพของเด็กหญิง ผู้เป็นลูกสาวของเจ้าของร้านขนมหวานในกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย กำลังเดินจูงมืออยู่กับอดีตคนงานร้านชื่อ Bholu วัย 24 ปี นาย Bholu นั้นเคยทำงานให้กับครอบครัวดังกล่าวมานานถึง 9 ปี ก่อนที่จะลงมือกระทำการข่มขืนเด็กหญิงอันเป็นลูกสาวของเจ้านายเก่าตัวเอง และภาพเดินจูงมือกันสองต่อสองคือภาพสุดท้ายที่เด็กหญิงยังมีชีวิต… หลังจากที่หายตัวไป เขาได้ลงมือข่มขืนเด็กหญิงและซ่อนศพเอาไว้ในถังภายในบ้านที่เขาอยู่ร่วมกับแม่ ก่อนจะเดินทางกลับมาทำงานตามปกติ ในช่วงเย็นวันเดียวกัน พ่อแม่ของเด็กรับรู้ถึงความผิดปกติของลูกสาว เหล่าอาสาสมัครพากันออกตามหาพร้อมกับนาย Bholu ที่แสร้งช่วยค้นหาด้วย จนกระทั่งได้รับเบาะแสจากเพื่อนบ้านของนาย Bholu ที่เห็นว่าอยู่กับเด็กเป็นรายสุดท้าย และความจริงอันโหดร้ายก็ปรากฎออกมาจากปากของเขาและแม่ของนาย Bholu… จากการชันสูตรศพของเด็กหญิง เจ้าหน้าที่ยืนยันแล้วว่าถูกข่มขืนก่อนถูกฆาตกรรม และทางตำรวจทำการจับกุมนายและสอบสวน Bholu ในข้อหาข้อความผิดทางเพศและกฎหมายเกี่ยวกับเด็ก พร้อมหลักฐานจากกล้องวงจรปิดและพยานผู้เห็นเหตุการณ์ในช่วงเวลาก่อนลงมือ… ที่มา: dailymail, metro, ndtv
-
แม่มังกร Emilia Clarke ที่จริงเธอมีเชื้อสาย “เอเชีย” กับเขาด้วยเหรอเนี่ย!!?
ในเวลานี้ น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักกับ Emilia Clarke ผู้โด่งดังอย่างมากในบทบาท Daenerys Targaryen หรือ แม่มังกร ในภาพยนตร์ซีรีส์ Game of Thrones แถมยังเป็น “นักยักคิ้ว” ในตำนานอีกด้วย (ฮา) และปัจจุบันเธอก็ยังคงโด่งดังอย่างต่อเนื่องพร้อมกับจำนวนแฟนคลับที่มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเธอมีบทบาทมากมายในโลกของภาพยนตร์ อาทิเช่นเรื่อง Me Before You และเรื่อง Solo: A Star Wars Story แต่เรื่องราวต่อไปนี้อาจจะทำให้แฟนๆ หรือคนที่ชื่นชอบ Emilia ต้องตกใจก็เป็นได้ เพราะเธอได้ออกมาเผยในการสัมภาษณ์ล่าสุดว่าเธอมีเชื้อสาย เอเชีย กับเขาด้วยเหมือนกัน! ในการให้สัมภาษณ์กับ Vanity Fair Emilia ได้เล่าเรื่องของคุณยายของเธอที่ต้องแต่งหน้าปกปิดสีผิวตลอดเวลาเพราะว่าคุณยายของเธอนั้นเป็นลูกครึ่ง อังกฤษ-อินเดีย Emilia Clarke นักแสดงสาววัย 31 ปี กล่าวว่า “การที่คุณยายต้องแต่งหน้าเพื่อปกปิดสีผิวนั้นมันสิ่งที่ยากลำบากมากในการพบปะผู้คน แต่เธอก็ทำมันอยู่เสมอ เธอเป็นนักสู้มากเลยจริงๆ” ในเดือนพฤศจิกายน 2017 เธอเผยกับสื่อว่า ยายของเธอที่เสียชีวิตไปตั้งแต่เธอมีอายุ 16 ปี นั้นชื่นชอบประเทศอินเดียอย่างมาก “มันเป็นเรื่องราวมหากาพย์เลยล่ะ…
-
ภัยเงียบของคนเก่ง ชีวิตของ Ranjan Das ซีอีโอวัย 40 ดูแลสุขภาพดี แต่เสียชีวิตเพราะนอนน้อย
การที่หนึ่งคนจะประสบความสำเร็จในด้านหน้าที่การงานได้ จะต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจไปมากแค่ไหนกัน? และสิ่งที่ทุ่มลงไปนั้น กำลังตอบแทนหรือกำลังบั่นทอนชีวิตของเรากันอยู่… สิ่งที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ คือเรื่องราวของ Ranjan Das นักธุรกิจระดับผู้บริหารอายุน้อย ด้วยวัยเพียง 42 ปี แต่มีหน้าที่การงานและความรับผิดชอบที่ใหญ่โต ซึ่งเขาก็จัดการได้เป็นอย่างดีเสียด้วย Ranjan Das นั้นเป็นกรรมการผู้จัดการและผู้บริหาร ของบริษัทซอฟต์แวร์ SAP ประจำภูมิภาคอินเดีย และเขาก็เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อสุขภาพสูงมากๆ ออกกำลังกายเป็นประจำ เข้ายิมทุกวันและเป็นนักวิ่งมาราธอนตัวยง ไม่ดื่มเหล้าและไม่สูบบุหรี่… โดยในทุกๆ วันเขาจะออกวิ่งบนถนนเส้น Carter ย่าน Bandra ในเมืองมุมไบ แต่แล้วในวันหนึ่ง หลังจากที่กลับมาบ้านหลังออกกำลังกายเป็นประจำ เขาล้มลงจากหัวใจวายอย่างรุนแรง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา (ปี 2009) จากการเสียชีวิตของ Ranjan Das กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในบริษัทห้างร้านของอินเดียขึ้นมาทันที เนื่องจากว่าเขามีสุขภาพดีมากๆ เป็นนักกีฬาตัวท็อป แต่กลับเสียชีวิตกระทันหันได้อย่างไร หรือมีสาเหตุมาจากการทำงานหนัก? ทั้งนี้ จากการสืบประวัติการใช้ชีวิตของเขา Ranjan Das เคยให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ…
-
หนุ่มอินเดียโมโหที่โดนลงโทษลุกนั่งร้อยครั้งจากคดีข่มขืน เลยทุบตีพ่อแม่และเผาเหยื่อทั้งเป็น
ในวันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม 2018 ที่ผ่านมา นาย Dhanu Bhuiyan และผู้สมรู้ร่วมคิดจำนวนหนึ่งได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีเผาเด็กสาววัย 16 ปีทั้งเป็นในรัฐฌารขัณฑ์ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของอินเดีย จากข้อมูลของทางตำรวจ หญิงสาวรายนี้ถูกฆ่าหลังจากที่ผู้ปกครองของเธอแจ้งผู้อาวุโสของหมู่บ้านว่าเธอถูกข่มขืน จากการให้ปากคำของพ่อแม่ เหยื่อรายนี้เชื่อว่าถูกลักพาตัวจากบ้านของเธอขณะที่พ่อแม่ของเธอกำลังเข้าร่วมงานแต่งงานของคนรู้จัก จากนั้นเธอก็ถูกข่มขืนโดยชายสองคนในป่าใกล้ๆ หมู่บ้าน Raja Kendua ทางหมู่บ้านได้ทำการลงโทษผู้ลงมือที่จับได้ทั้งสองคนด้วยการให้ลุกนั่งร้อยครั้ง และจากค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000 รูปี (ราวๆ 23,700 บาท) ทำให้ชายทั้งสองคนที่โมโหกับการลงโทษในครั้งนี้มากรวบรวมพรรคพวกรวมทั้งหมด 18 คน เข้าทำร้ายร่างกายผู้ปกครองของเหยื่อ ก่อนที่จะเผาหญิงสาวผู้เป็นเหยื่อทั้งเป็น “ทั้งสองตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าบุกรุกเข้าไปในบ้านเหยื่อ ทำร้ายร่างกายผู้ปกครองของเธอ และจุดไปเผาหญิงสาวทั้งเป็น ด้วยความช่วยเหลือของผู้สมรู้ร่วมคิดจำนวนหนึ่ง” Ashok Ram เจ้าหน้าที่ประจำสถานีตำรวจท้องที่กล่าว มารดาของเหยื่อที่ต้องใจสลายกับการจากไปของลูกสาว ในขณะนี้ตำรวจสามารถจับผู้ต้องหาได้เป็นจำนวน 15 คน จากทั้งหมด 18 คนแล้ว และกำลังตรวจสอบความเกี่ยวข้องของแต่ล่ะคนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนาย Bhuiyan ซึ่งเป็นตัวการหลักถูกจับได้ในขณะที่ซ่อนตัวอยู่ที่บ้านของญาติพี่น้อง อย่างไรก็ตามผู้ต้องสงสัยยังไม่ได้ให้ปากคำเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ในอินเดียนั้น สภาผู้สูงอายุในหมู่บ้านจะมีอิทธิพลอย่างมากพื้นที่ชนบทของอินเดีย และมักจะได้รับหน้าที่ในการยุติข้อพิพาทโดยไม่ต้องผ่านระบบตุลาการที่มีราคาแพง แต่ก็ไม่ได้มีอำนาจในทางกฎหมายจริงๆ อย่างไรก็ตามจากเรื่องในครั้งนี้ทำให้ ผู้อาวุโสในหมู่บ้านหลายคนถูกตั้งข้อหาออกคำสั่งผิดกฎหมาย และปลอมแปลงหลักฐาน…
-
17 ความจริงที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวประเทศ ‘อินเดีย’ มันเป็นอย่างนี้เองเหรอนายจ๋า!!
‘อินเดีย’ หนึ่งในประเทศที่มีผู้คนเยอะมากที่สุดในโลก แถมยังเต็มไปด้วยวัฒนธรรมต่างๆ อย่างมากมาย สำหรับที่นี่แล้วอะไรก็เกิดขึ้นได้ และที่สำคัญคือคุณต้องรู้เรื่องของพวกเขาเอาไว้มากๆ จะเป็นการดีที่สุด!! และนี่คือ 17 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับดินแดนภารตะแห่งนี้ ที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนทั้งชีวิต ต้องบอกเลยว่าพวกเขามีเรื่องให้เราประหลาดใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งมันจะเป็นยังไงนั้นไปลองดูข้างล่างเลยดีกว่า.. 1. ชาวอินเดียคนหนึ่งในเวลา 9 ปีในการปลูกป่าบนพื้นที่กว่า 1,360 เอเคอร์ ซึ่งต่อมาป่าแห่งนี้ได้กลายเป็นส่วนสำคัญต่อระบบสิ่งแวดล้อม 2. ในปี 2013 นายกรัฐมนตรีของประเทศอินเดีย ได้รับเงินเดือนเพียงแค่ 2,400 ดอลลาร์ (ประมาณ 76,000 บาท) เท่านั้น 3. ผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูในประเทศอินเดียเชื่อว่ามีพระเจ้ามากกว่า 300 ล้านองค์ ดังนั้นแล้วแต่ละหมู่บ้านจึงมีพระเจ้าเป็นของตัวเอง 4. ในประเทศอินเดีย มีคุกที่นักโทษสามารถเดินเข้าเดินออกไปไหนก็ได้ แถมนักโทษเหล่านั้นยังสามารถทำงานเฉกเช่นคนปกติธรรมดาได้อีกด้วย 5. ระบบนายจ้างที่ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศคือ ‘การรถไฟ’ เพราะพวกเขามีพนักงานมากกว่า 1.6 ล้านคน 6. มีการจัดงานศพสำหรับช้างที่ถูกรถไฟชนในอินเดีย …
-
ส่องเกาะลับแห่งมหาสมุทรอินเดีย “เซนทิเนล” ที่อาศัยของชนเผ่าดุร้าย ใครอยากลองดี เชิญ!!
มนุษย์นักสำรวจจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่ชื่นชอบการสำรวจพื้นที่ที่ยังไม่มีใครเคยไป เช่น ป่าเขาลึก เกาะร้าง หรือพื้นที่ทุรกันดาร เป็นต้น หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่ชื่นชอบการสำรวจลักษณะนี้ล่ะก็ เราขอแนะนำให้คุณรู้จักกับ เกาะเซนทิเนลเหนือ หนึ่งในหมู่เกาะอันดามันแห่งมหาสมุทรอินเดีย เกาะแห่งนี้ ถือเป็นเกาะต้องห้าม เพราะบนเกาะเป็นที่อยู่อาศัยของ ชนเผ่าเซนทิเนล ที่ว่ากันว่าดุร้าย ไม่เป็นมิตร และปิดกั้นตัวเองจากคนนอก หากใครฝ่าฝืนเข้าไปใกล้ หรือเข้าไปข้างในเกาะ จะถูกโจมตีใส่ในทันที บนเกาะไม่มีชนกลุ่มอื่นเลย นอกจากเผ่าเซนทิเนล ทั้งนี้ด้วยความเป็นห่วงเรื่องสุขภาพและปัญหาทางธรรมชาติ รัฐบาลอินเดียจึงพยายามติดต่อกับชนเผ่านี้ให้ได้ ครั้งหนึ่งเคยส่งฑูตนามว่า T.N. Pandit เข้าไปยังเกาะ เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจเขานำมะพร้าวและของใช้ต่างๆ เข้าไปมอบให้กับชนเผ่า ในครั้งแรก ชาวเผ่าเซนทิเนลก็ต้อนรับเขาโดยไม่มีการคำนับหรือการทักทายใดๆ แต่ T.N. Pandit ก็พบว่าชาวเผ่านั้นมีสุขภาพและชีวิตการเป็นอยู่ที่ดี เติบโตได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งความช่วยเหลือจากภายนอก ภารกิจนี้จึงหยุดลง เกาะเซนทิเนลเป็นหนึ่งในหมู่เกาะอันดามัน ตั้งอยู่กลางมหาสมุทรอินเดีย เกาะเซนทิเนล เป็นเกาะต้องห้ามเนื่องจากเป็นที่อาศัยของชนเผ่าดุร้ายไม่เป็นมิตร เผ่าเซนทิเนล ปฏิเสธการติดต่อกับโลกภายนอก และจะโจมตีอย่างไม่ยั้งมือ กับทุกคนที่กล้ารุกล้ำเขตแดนของเกาะ เพราะฉะนั้นอย่าอยากรู้อยากเห็นแล้วพยายามเฉียดเข้าไปใกล้จะดีกว่า การติดต่อกับโลกภายนอก อาจทำให้พวกเขาได้รับเชื้อโรคจากมนุษย์ภายนอก และนั่นอาจทำให้…
-
ระยะเผาขน… เจ้าบ่าวนั่งกลางงานแต่ง ถูกยิงไม่ทันได้ตั้งตัว แขกเหรื่อยัง ‘งง’ ว่าเกิดอะไรขึ้น!?
*เนื้อหาดังต่อไปนี้มีความรุนแรง โปรดระมัดระวังในการอ่านและรับชม* ท่ามกลางงานบุญงานเฉลิมฉลองต่างๆ คงจะไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงขึ้น อย่างเช่นในงานแต่งที่ประเทศอินเดียครั้งนี้ แทนที่จะมีความสุขทั้งเจ้าบ่าวและแขกผู้ร่วมงาน กลับกลายเป็นความป่าเถื่อนในทันที เจ้าบ่าวป้ายแดง Sunnil Verma วัย 25 ปี กำลังอยู่ในพิธีเฉลิมฉลองในรัฐอุตตรประเทศ อินเดีย ท่ามกลางวงของแขกเหรื่อที่มาร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง แต่แล้วหนึ่งในมือปืนที่แฝงตัวมาก็ควักปืนยิงเจ้าบ่าวกลางหน้าอกอย่างไม่ลังเล และไม่มีใครสังเกตเห็นเลย… วิดีโอระทึกขวัญนี้ถูกบันทึกไว้โดยช่างภาพในงานแต่ง เผยให้เห็นชายสวมใส่เสื้อสีแสด ทำการขึ้นลำและหันปากกระบอกปืนยิงมาที่เจ้าบ่าว ทางด้านเจ้าบ่าวทำได้เพียงแค่มองไปยังจุดกำเนิดวิถีกระสุน ก่อนที่จะกำหน้าอกของตนเอาไว้ เนื่องจากถูกยิงเข้าอย่างจังในระยะเผาขน อย่างไรก็ตามมือปืนผู้ก่อเหตุสามารถหลบหนีไปได้ และเจ้าบ่าวนั้นไม่อาจทนพิษบาดแผลได้ไหวจึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งทำการสอบสวนและตามตัวมือปืนมารับโทษให้ได้ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นอุบัติเหตุหรือตั้งใจฆาตกรรมกันแน่… คลิปภายในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่มา : expressdigest, dailymail
-
เด็กหนุ่มวัย 13 ต๊กกะใจ มีขนขึ้นที่ด้านหลังยาวเฟื้อย ขนชาวบ้านเชื่อว่าอาจเป็นเทพจุติลงมาเกิด
เด็กชายชาวอินเดียคนนี้มีชื่อว่า Sohail Shah วัย 13 ปี ผู้ที่เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติทางร่างกาย เพราะเขามีขนงอกออกมาที่หลังคล้ายกับหาง จนชาวบ้านเชื่อว่าเขาอาจจะเป็นเทพจุติลงมาเกิด ตามรายงานจากเว็บไซต์ Dailymail บอกว่าหางของเขานั้นมีความยาวราวๆ 45 เซนติเมตร ชาวบ้านเชื่อว่าขนหรือหางที่งอกออกมานั้น ทำให้เขากลายเป็นร่างอวตารของลิงหนุมาน ซึ่งหลังจากที่เรื่องของเขาถูกพูดถึงในวงกว้าง ก็ทำให้ชาวบ้านจากหมู่บ้านข้างๆ แห่กันมาดูเขาและสวดขอพร ชาวบ้านหลายคนขนเอาผลไม้เช่นกล้วยและมะม่วงใส่ถุงมาให้กับ Sohail เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับที่เขาจะให้ศีลให้พรกับชาวบ้าน เขากลายเป็นคนดังในโรงเรียน คนที่นั่นให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษโดยเฉพาะคุณครู ที่แทบจะไม่เคยดุด่าเขาเลย เพราะกลัวว่าจะไปทำให้พระเจ้าที่สถิตอยู่ในตัวเขาโกรธเกรี้ยว ยังไม่มีการเผยสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมเด็กหนุ่มคนนี้ถึงมีขนงอกออกมาที่หลัง แต่น่าจะเป็นผลมาจากความผิดปกติของท่อประสาท เพราะในช่วงเดือนแรกที่เด็กเกิดมาจะมีโครงสร้างที่เรียกว่าหลอดประสาทซึ่งจะก่อให้เกิดกระดูกสันหลังและระบบประสาท แต่ Sohail อาจเกิดมาพร้อมกับหางเนื่องจากข้อบกพร่องของหลอดประสาทเรียกว่า Spina Bifida ซึ่งเกิดจากการที่กระดูกสันหลังไม่ได้ถูกพัฒนาอย่างถูกต้อง Sohail เล่าว่าเขารู้สึกดีมากที่กลายเป็นคนดังและที่รักของคนอื่นๆ และยังบอกอีกว่าเขาไม่คิดจะตัดหางนี่ออกด้วย “ผมไม่ได้รู้สึกอายกับหางนี่เลย ผมเกิดมาพร้อมกับมันและมันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมไปแล้ว ผมเห็นคนปฏิบัติกับผมเหมือนเป็นพระเจ้าตั้งแต่ผมเกิด ผมเลยไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่อะไร พวกเขาเรียกผมว่าหนุมานและลูบเท้าผมเพื่อขอพร” นอกจากนี้เขายังเล่าอีกว่าหากเขาออกไปเดินตามท้องถนน ผู้คนจะเข้ามาขอพรกับเขาพร้อมกับผลไม้ นั่นทำให้เขารู้สึกพิเศษเข้าไปอีก ทางครอบครัวของ Sohail…
-
ชายผู้ติดอยู่ในร่างเด็ก อาการผิดปกติที่ทำให้เขาหยุดเจริญเติบโต แม้จะมีอายุ 23 ปีแล้วก็ตาม…
โดยธรรมชาติแล้ว ทุกชีวิตเมื่อเกิดมาจนผ่านไปจนถึงระยะเวลาหนึ่ง ร่างกายก็จะเจริญเติบโตขึ้นตามอายุด้วย แต่สำหรับชายชาวอินเดียผู้นี้แล้ว หากใครเห็นเขาเป็นครั้งแรก ก็คงจะคิดว่าเป็นเด็กในช่วงแรกเกิด ซึ่งในความเป็นจริงเขามีอายุ 23 ปีแล้ว… Manpreet Singh วัย 23 ปี จากทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย ประสบกับอาการผิดปกติที่ทำให้เขาต้องติดอยู่ในร่างกายแบบเด็ก มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ราวๆ 5 กิโลกรัมเท่านั้น แม้จะมีอายุถึงหลัก 20 แล้วก็ตาม อย่างไรก็ตาม เขามีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์พร้อมในช่วงแรกเกิดปี 1995 และหยุดการเจริญเติบโตก่อนที่เขาจะหัดเดินและหัดพูดได้ และปัจจุบันเขาก็ต้องได้รับการดูแลเหมือนเด็กน้อยอยู่ตลอด โดยที่มีคุณลุงและคุณป้าคอยพาไปทุกที่ ด้านนักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า Manpreet อาจจะเป็นโรคกลุ่ม Laron Syndrome อาการผิดปกติหายาก แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ เนื่องจากทางครอบครัวยังไม่มีเงินมากพอที่จ่ายเพื่อเข้ารับการตรวจร่างกาย ซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 220,000 บาท สำหรับผู้เป็นโรคกลุ่ม Laron นั้นจะขาดฮอร์โมนที่ชื่อว่า Insulin-like Growth Factor 1 (IGF-1) ที่ทำหน้าที่กระตุ้นเซลล์ให้เจริญเติบโตและแบ่งตัวออกเป็นเซลล์ใหม่ Manpreet…
-
ชายหนุ่มไปลองใช้ชีวิตอยู่ในสลัมของนครมุมไบ 5 วัน แล้วดูสิ เขาเปลี่ยนไปมากขนาดไหน?
นี่เป็นประสบการณ์อันล้ำค่าของนาย Jacob Laukaitis เขาเล่าว่าเมื่อเกือบ 3 ปีที่แล้ว เขาได้เดินทางไปเที่ยวที่มหานครมุมไบ ประเทศอินเดียเป็นเวลา 2 วัน เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเดินเท้าไปในเมืองสลัม แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เข้าไปถึงในเมืองจึงไม่รู้ว่าคนที่นั่นมีความเป็นอยู่ยังไง ภาพของ Jacob เมื่อครั้งที่เขาได้ไปเยือนอินเดียเป็นครั้งแรก และเมื่อไม่นานมานี้เขาก็ได้กลับไปที่นั่นอีกครั้ง เขาตัดสินใจเดินทางไปที่แหล่งชุมชนธาราวี ซึ่งเป็นแหล่งเสื่อมโทรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ เขาพักอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 5 วัน เพื่อให้เข้าถึงวิถีชีวิตของคนที่นั่นว่ามีความเป็นอยู่กันยังไง และแม้จะเป็นเพียงเวลาสั้นๆ แต่นั่นก็ทำให้เขาได้รับประสบการณ์ที่จินตนาการไม่ถึง “ประสบการณ์นี้มันเปิดหูเปิดตาผมมากกว่าที่ผมจินตนาการไว้ เพราะผมได้ใช้เวลากับคนท้องถิ่น ที่ซึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าของผมให้เหมือนกับวีถีชีวิตของพวกเขา” Jacob เล่า จากมุมมองของคนภายนอกแต่ละคนอาจจะภาพติดอยู่ในหัวเกี่ยวกับชุมชนแออัดในอินเดีย ว่าจะต้องมีเด็กๆ ผอมโซ บางคนต้องนอนตามข้างถนน บางคนไม่ได้เรียนหนังสือ บางคนต้องนอนรอบๆ เศษเนื้อเศษอาหาร และอีกมากมาย นาย Jacob เล่าว่าเรื่องที่เราๆ ได้ยินมามันก็ไม่ผิดนัก โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงสุขอนามัย ตัวอย่างเช่นในชุมชนธาราวี มีคนบอกว่าที่นั่นมีห้องน้ำน้อยมาก เฉลี่ยแล้วจะมี 1 ห้องน้ำ/คน 1,000 คน จากภาพเราจะเห็นว่าห้องน้ำที่โน่นดูเล็กและยากต่อการใช้งาน Jacob…
-
พิธีศักดิ์สิทธิ์ในอินเดีย ลากรถยนต์ไปไกลกว่า 30 เมตร ด้วย “องคชาต” เท่านั้น!!?
ในรัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ผู้คนจำนวนมากได้มารวมตัวกันเพื่อรับชมการลากรถด้วย “องคชาต” ที่กระทำโดยนักบวชในศาสนาท่านหนึ่ง (มีคลิปด้านล่าง) นักบวชดังกล่าวได้ฉายาว่า Penis Baba ผู้ที่ลากรถยนต์ได้ด้วยการใช้เชือกผูกระหว่างรถและองคชาต ของเขา เพียงกำลังของอวัยวะเพศ เขาสามารถลากรถได้ไกลกว่า 30 เมตร ภายใต้ผ้าขาวที่เขานุ่งห่ม ปลายเชือกด้านหนึ่งถูกมัดเอาไว้กับของลับ Penis Baba หันหน้าเข้าหารถ พร้อมเดินถอยหลังอย่างช้าๆ เพื่อลากรถให้ค่อยๆ ไหลไป ประชาชนหลายร้อยคนต่างรวมตัวกันเพื่อดูการกระทำที่เกี่ยวกับศาสนานี้ โดยชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งกล่าวว่า “ตอนเด็กๆ Penis Baba นั้นเคยหายตัวไปบำเพ็ญตบะและฝึกวิชาอยู่หลายปี” แต่ไม่รู้ว่าไปฝึกอะไรมาถึงกลับมาแสดงพลังขององคชาตได้แบบนี้ Penis Baba อธิบายว่า “นี้ไม่ใช่งานศิลปะ นี่เป็นพลังที่พระเจ้าประทานให้กับผู้อุทิศตน” ชมคลิปเหตุการณ์ได้ด้านล่างได้เลย ขณะเดียวกันก็พบว่า ในเมืองอัลลอฮาบาด ทางด้านเหนือของอินเดีย ผู้ที่เรียกตัวเองว่า สาธุ ท่านหนึ่งออกมาลากรถบรรทุกเล็กๆ ด้วยองคชาตเช่นเดียวกัน แต่ที่แตกต่างกับ Penis Baba คือชายที่เรียกตัวเองว่าสาธุนี้เปลือยกาย ใส่เพียงรองเท้าแตะคู่หนึ่งเท่านั้น…
-
เหตุการณ์สลด รถโรงเรียนประสบอุบัติเหตุตกเหว จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 30 คน
กลายเป็นข่าวที่สร้างความเศร้าสลดไปทั่วอินเดีย หลังสื่อท้องถิ่นรายงานถึงอุบัติเหตุรถโรงเรียนตกเหวในหุบเขา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นนักเรียนอายุไม่เกิน 10 ขวบ เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 9 เมษายน 2018 ที่ผ่านมา ซึ่งสถานที่เกิดเหตุนั้นอยู่ห่างจากนคร Shimla 325 กิโลเมตร ซึ่งรถโรงเรียนคันดังกล่าวนั้นเดินทางมาจากโรงเรียน Wazir Ram Singh Pathania Memorial school ในเขต Kangra รัฐหิมาจัลประเทศ พร้อมกับผู้โดยสาร 40 คน Santosh Patyalg เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นรายงานว่า “รถคันดังกล่าวได้ตกลงไปหุบเหวลึกกว่า 61 เมตร ซึ่งส่งผลให้เด็กนักเรียน 27 คน อาจารย์ 2 คนและคนขับเสียชีวิตทันที” นอกจากนี้ผู้เห็นเหตุการณ์ยังได้เล่ากับสื่อท้องถิ่นด้วยเช่นกันว่า พวกเขาเห็นรถลื่นไถลไปจนกับมุมถนน จากนั้นก็ตกลงไปดังภาพที่เห็น ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้เร่งกันกู้ซากและพยายามช่วยเหลือผู้โดยสารที่รอดชีวิตให้เร็วที่สุด . ด้าน Narendra Modi นายกรัฐมนตรีอินเดียที่ได้รับข่าวดังกล่าวก็รีบออกมาแสดงความเสียใจต่อญาติผู้เสียชีวิตทันที โดยเขาได้ทวีตข้อความว่า “ผมขออธิษฐานและขอแสดงความเสียใจแก่ผู้เสียชีวิตรวมถึงญาติจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย”…
-
ซูเปอร์สตาร์แห่ง Bollywood ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี หลังคร่าชีวิตสัตว์ป่าสงวนในประเทศอินเดีย
บนโลกของเรามีสัตว์สงวนอยู่หลากหลายชนิด ซึ่งเหตุผลที่ต้องมีการขึ้นทะเบียนสัตว์สงวน ก็เพื่อจะอนุรักษ์เผ่าพันธุ์ของสัตว์เหล่านั้นเอาไว้ เพราะฉะนั้นหากใครที่ทำผิดกฎหมายดังกล่าว เข่นฆ่าสัตว์เหล่านั้นไปโดยไร้เหตุผล คนคนนั้นก็สมควรที่จะได้รับโทษเฉกเช่นเดียวกับนักแสดงหนุ่มคนนี้ Salman Khan วัย 52 ปีดาราบอลลีวูดชื่อดังจากประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2018 เขาถูกตัดสินให้จำคุกนาน 5 ปี หลังจากที่เขานั้นเคยพรากชีวิตของ Blackbuck หนึ่งในสัตว์ป่าสงวนของประเทศอินเดียในปี 1998 Salman นักแสดงที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในอินเดีย ชายคนนี้คือนักแสดง นักร้อง และพิธีกรรายการทีวีซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากในประเทศอินเดีย หนังที่เขาเคยเล่นนั้นทำเงินได้เป็นหลายพันล้านบาท แต่ในปี 1998 เขาได้กระทำความผิดเอาไว้ในตอนที่เดินทางไปถ่ายหนังเรื่อง Hum Saath-Saath Hain บริเวณรัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย ใกล้กับพื้นที่คุ้มครองสัตว์ป่า จากการรายงานในชั้นศาลบอกว่า ตอนนั้นเขาพักอยู่ใกล้กับหมู่บ้าน Bishnois พื้นที่ที่ชาวบ้านนับถือสิ่งมีชีวิตทุกชนิด และสัตว์ในบริเวณนั้นเป็นสัตว์สงวนที่ได้รับการคุ้มครอง แต่เมื่อ Salman เห็นฝูง Blackbuck เขากลับคว้าปืนยิงพวกมันตายไปสองตัว ชาวบ้านที่เป็นพยานทั้ง 28 คนเล่าว่า พวกเขารีบวิ่งออกไปจากกระท่อมทันทีหลังจากที่ได้ยินเสียงปืน…
-
จะตกอีกดวงไหมเนี่ย ทางการอินเดียยืนยัน ขาดการติดต่อกับดาวเทียม GSAT-6A
ในวันที่ 2 เมษายน 2018 ทางการอินเดียได้ออกมายืนยันว่าดาวเทียมสื่อสารของประเทศได้ขาดการติดต่อไปหลังจากที่มีการปล่อยตัวขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ดาวเทียม GSAT-6A เป็นดาวเทียมที่ผลิตขึ้นเองภายในประเทศ มีน้ำหนัก 2,066 กิโลกรัม และใช้ต้นทุนในการสร้าง 2,700 ล้านรูปี หรือราวๆ 1,300 ล้านบาท ตัวดาวเทียมออกแบบมาเพื่อปรับปรุงการสื่อสารสำหรับกองกำลังติดอาวุธของอินเดีย การปล่อยดาวเทียม GSAT-6A ถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมากและนายกรัฐมนตรี Narendra Modi ได้มาแสดงความยินดีกับนักวิทยาศาสตร์ที่รับผิดชอบการปล่อยดาวเทียมนี้ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการปล่อยดาวเทียมตัวนี้ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศในปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาซึ่งเป็นการปฏิบัติการครั้งที่สาม ภายในเวลาไม่ถึงสองวัน องค์การวิจัยอวกาศแห่งอินเดีย หรือ ISRO ก็ได้ออกมากล่าวว่าพวกเขาขาดการติดต่อกับดาวเทียมดวงดังกล่าว หัวหน้าองค์การอวกาศและการวิจัยแห่งอินเดีย กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “มันเป็นความผิดปกติของแหล่งจ่ายไฟ” และทาง ISRO กำลังพยายามเรียกคืนระบบการติดต่อกับดาวเทียมดวงที่ว่าอยู่ เหตุการณ์นี้ถือเป็นความผิดพลาดของอินเดียซึ่งกำลังจะขึ้นเป็นหนึ่งในผู้ค้ารายใหญ่ของตลาดอวกาศ อย่างไรก็ตาม ทางอินเดียได้ปล่อยดาวเทียมกว่า 104 ดวงไปในปี 2014 ซึ่งมากกว่าทางรัสเซียที่ปล่อยดาวเทียมไป 39 ดาวในปีเดียวกัน และทางอินเดียก็ไม่ได้มีการสูญหายของดาวเทียมมานานกว่าทศวรรษแล้ว ที่มา bbc, phys
-
อินเดียประกาศยกเลิกโรงงานถ่านหิน พร้อมกับเดินหน้าส่งเสริมพลังงานสะอาดเต็มที่!!
โลกที่หมุนไป สภาพอากาศที่แย่ลงทุกวันทำให้คนเริ่มหันมาสนใจและรักษาบ้านของมวลมนุษย์กันมากขึ้น หลายประเทศเริ่มที่จะหันมาสนใจพลังงานทดแทนกันมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งล่าสุดอินเดีย ก็เป็นอีกประเทศที่ตั้งใจจะเอาดีด้านนี้บ้าง ในตอนแรกนั้นทางอินเดียได้วางแผนจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 4,000 เมกะวัตต์ในรัฐคุชราต ซึ่งถือว่าเป็นโครงการ Ultra Mega Power Projects (UMPP) หรือ โปรเจกต์พลังงานขนาดยักษ์ แห่งที่สองในอินเดีย แต่ว่าทางรัฐบาลของอินเดียนั้นได้ออกมาเปลี่ยนความคิดใหม่และบอกว่า ประเทศอินเดียในตอนนี้นั้นมีพลังงานมากพอแล้ว (จาก UMPP แห่งแรก) ทางรัฐอยากจะหันไปสนใจในเรื่องพลังงานทดแทนมากกว่า เพราะถ้ามองในเรื่องของผลระยะยาวมันส่งผลดีกว่านั่นเอง ฉะนั้นโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินจำเป็นจะต้องหยุดดำเนินการต่อทันที Chimanbhai Sapariya รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานบอกว่า “รัฐคุชราตเพิ่งจะสำเร็จโครงการ UMPP แรกไปเมื่อปีก่อน ฉะนั้นพวกเราจึงรู้ว่ายังไม่จำเป็นจะต้องเร่งเดินหน้าโครงการที่สองในเร็ววันนี้ สิ่งที่พวกเราต้องสนใจในตอนนี้คือพลังงานทดแทน ซึ่งทางรัฐบาลจะให้ความสนใจที่พลังงานแสงอาทิตย์เป็นอันดับแรก” จากการประกาศและเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้พื้นที่ในรัฐคุชราตนั้นมีการผสมผสานของการผลิตไฟฟ้าหลายรูปแบบ ซึ่งตอนนี้ทางรัฐคุชราตก็กำลังวางแผนจะติดตั้งโซลาเซลล์บนหลังคาบ้านเรือนทุกหลัง นอกจากนี้ทางรัฐบาลอินเดียก็ยังตั้งเป้าจะเป็นผู้นำด้านพลังงานแสงอาทิตย์อันหนึ่งของโลก แถมยังคาดว่าจะผลิตพลังงานได้มากถึงระดับเทราวัตต์ (1 ล้านล้านวัตต์) ในปี 2030 ด้วย งานนี้ก็ต้องรอดูแล้วว่าประเทศอินเดียจะทำสำเร็จหรือไม่!? ที่มา independent
-
หนุ่มอินเดียเสียชีวิต หลังถูกเพื่อนแกล้งใช้ ‘หัวฉีดลม’ อัดเข้าในก้นอย่างรุนแรง!?
เป็นอุทาหรณ์สอนคนขี้แกล้งได้อย่างดี สำหรับเหตุการณ์ที่พนักงานในโรงงานอุตสาหกรรม มีการกลั่นแกล้งกัน และได้ทำให้คนๆ หนึ่งเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิด ในวันที่ 15 มีนาคม 2018 พนักงานในโรงงานอุตสหกรรมชาวอินเดียวัย 40 ปีที่มีชื่อว่า Ravinder เขาถูกอัด “ลม” เข้าไปในช่องท้องผ่านทางทวารหนักอย่างรุนแรง ทำให้อวัยวะภายในแหลก มีเลือดตกค้างจำนวนมาก และเสียชีวิตในที่สุด Ravinder ผู้เสียชีวิต วัย 40 ปี เรื่องราวเกิดขึ้นจากการกลั่นแกล้งที่อันตรายของเพื่อนร่วมงานนามว่า Anjan Misra เขาให้การว่าขณะที่ Ravinder กำลังก้มลงเพื่อจะยกกองไม้ขึ้นจากพื้นนั้น เขาเห็นว่ากางเกงของ Ravinder หลวมและร่นต่ำลงจนเห็น “ร่องก้น” เขาจึงนำหัวฉีดลมยัดเข้าไปแล้วเปิดเครื่อง หัวฉีดลมแรงดันสูง ที่ปกติใช้เพื่อ “ตัด” บล็อกไม้ หลังจากนั้นเขาก็ยังถูกกลั่นแกล้งอีกสารพัด จนในเวลาต่อมาเขาก็ล้มลงและหมดสติไป เขาจึงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว แต่ก็ช้าไปสำหรับการช่วยชีวิตเขา Ravinder เสียชีวิตลงในวันนั้นเอง Mahendra Nath รองผู้บัญชาการตำรวจของรัฐเดลี ประเทศอินเดีย กล่าวว่า “หลังถูกกลั่นแกล้ง…
-
หนุ่มอินเดียประสบอุบัติเหตุขาขาด แต่หมอไม่มาสักที นานจนเขาต้องเอาขาที่ขาดมาเป็นหมอน
เรื่องราวสุดช็อกที่กำลังกลายเป็นกระแสพูดถึงไปทั่วสื่ออนไลน์ในอินเดีย เมื่อชายคนหนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุได้เอาขาที่ขาดของเขามาหนุนเป็นหมอนนอนรอการรักษา แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครมาดูเขาสักที (เนื้อหามีภาพที่รุนแรง) Ghanshyam Singh คนขับรถบัสชาวอินเดียวัย 28 ปีได้ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงหลังจากที่เขาพยายามหักรถหลบลูกวัวที่เดินอยู่บนถนน จนทำให้รถผลิกคว่ำ ส่งผลให้ขาซ้ายของเขาตั้งแต่ช่วงเขาลงไปขาดทันที และนอกจากนี้นักเรียนที่โดยสารมากับเขา 25 คนก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน อย่างไรก็ตาม Times of India ก็ได้รายงานว่าหลังจากที่เขาถูกส่งไปรักษายัง Maharani Laxmibai Medical College ในเมืองเจฮานซี่ ประเทศอินเดีย นอกจากการรักษาเบื้องต้นแล้วเขาก็ไม่ได้รับการดูแลอะไรเพิ่มเติมเลย เวลาผ่านไป Ghanshyam ก็ยังคงได้แต่รออย่างมีความหวัง เขาไม่ได้รับความสนใจแม้แต่หมอนบนเปลผู้ป่วย ซึ่งนั่นทำให้เขาตัดสินใจใช้เท้าที่ขาดของตัวเองมาเป็นหมอนแทน . ด้านญาติของเขาที่ได้ยินข่าวก็รีบเดินทางมายังโรงพยาบาลดังกล่าวทันที ซึ่ง Janki Prasad ผู้เป็นพี่เขยก็ได้เล่าว่า “ตอนที่พวกเรามาถึงเราก็เห็นเขาใช้ขาตัวเองเป็นหมอนไปเสียแล้ว และพวกเราก็พยายามติดต่อกับแพทย์ให้มารักษาเขาให้ไวที่สุด แต่ว่าผ่าไปกว่า 2 ชั่วโมงเขาก็ยังไม่ได้รับการรักษาสักที ซึ่งในช่วงที่รอผมตัดสินใจไปตลาดเพื่อซื้อหมอนให้กับเขา แต่ว่ายิ่งเรารอพวกเราก็รู้ได้เลยว่าไม่มีใครมาช่วยเขาแน่ๆ เราจึงตัดสินใจพาเขาไปยังโรงพบาบาลเอกชนแทน” สุดท้ายแล้ว เหตุการณ์นี้ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในการทำงานของทีมแพทย์ ซึ่งด้าน Dr.…
-
เสียววาบเลย….หนุ่มถูกพ่อแท้ๆ ตัดมือจนขาด เพราะดูหนังโป๊และสไลด์หนอนมากเกินไป
การเป็นพ่อเป็นแม่นั้น ก็มีบางครั้งที่อาจจะต้องลงโทษลูกของตัวเองบ้าง เพื่อการสั่งสอนให้ลูกๆ รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ แต่การที่จะลงโทษลูกนั้น การรู้ตัวและมีสติถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะสุดท้ายคนที่พ่อแม่กำลังลงมือสั่งสอน ก็ยังเป็นมนุษย์คนหนึ่งอยู่ดี หากการลงโทษนั้นรุ่นแรงจนเกินไป การสั่งสอนที่ทำไปอาจจะไม่ได้เกิดผลที่ดีเลยก็ได้ ดังเช่นข่าวนี้ที่ถือว่าเป็นตัวอย่างของการกระทำเกินกว่าเหตุ เมื่อทางตำรวจอินเดียได้ทำการจับกุมคุณพ่อชาวอินเดียคนหนึ่งในข้อหาทำร้ายร่างกายลูกชายวัยรุ่นของเขา ด้วยการตัดมือขวาหลังจากที่จับได้ว่าเขาดูหนังโป๊ออนไลน์ Mohammad Qayyum Qureshi วัย 45 ปี เขาเป็นคนขายเนื้ออยู่ที่เมือง Hyderabad รัฐ Telangana ประเทศอินเดีย ได้ทำการเข้ามอบตัวเมื่อวันจันทร์ที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา และรับสารภาพข้อกล่าวหาทั้งหมด จากรายงานของหนังสือพิมพ์ Hindustan Times นั้น Qayyum บอกว่าเขาได้ให้มีดเขียงสับเนื้อฟันเขาที่ระหว่างข้อมือและข้อศอกของลูกชาย นาย Mohammad Khalid Qureshi วัย 18 ปี ก่อนที่เหยื่อจะถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเอกชนใกล้ๆ ระหว่างการสอบปากคำ Qayyum อธิบายว่าเขาพบว่าลูกชายของเขา มีอาการเสพติดการดูหนังลามกเป็นอย่างหนัก แม้ว่าตนจะเตือนหลายครั้งแล้วก็ตาม โดยที่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคมนั้น เขาได้พบลูกชายแอบดูหนังโป๊บนมือถือ หลังจากที่ต่อสู้ขัดขืนแย่งโทรศัพท์กันอยู่…
-
อินเดียเปิดโครงการ ‘เสริมหน้าอกเอื้ออาทร’ เพื่อคนยากไร้ ทำฟรีได้ที่คลินิกของรัฐ!!
ที่รัฐทมิฬนาฑู ประเทศอินเดีย ได้มีการเสนอแนวคิดการผ่าตัดเสริมหน้าอกฟรี สำหรับผู้ที่ยากจน โดยทางเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้เสนอแนวคิดเหล่านี้ขึ้นมาเองเลยนะ… แน่นอนว่านโยบายนี้กำลังกลายเป็นประเด็นที่มีผู้กำลังสงสัยว่า รัฐบาลนั้นทำถูกหรือไม่ เนื่องจากมีคนแสดงความเห็นว่าควรมีการออกนโยบายในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและการดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐานมากกว่า นโยบายการผ่าตัดเสริมหน้าอกเพื่อความงามนี้ถูกนำเสนอขึ้นด้วยเหตุผลที่ว่า ยังมีผู้ยากไร้อีกจำนวนมากที่ประสบปัญหาเรื่องขนาดหน้าอก บางคนมีขนาดหน้าอกที่ใหญ่เกินไป ทำให้เกิดปัญหาปวดหลัง หรือในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่อยากจะเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง สำหรับผู้ยากไร้ที่ต้องการผ่าตัดหน้าอก สามารถติดต่อขอทำได้ฟรีที่คลินิกผ่าตัดที่ดำเนินการโดยรัฐภายในเมืองเจนไน ซึ่งก่อนที่จะทำการผ่าตัดหน้าอกฟรีนั้น จะต้องผ่านการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ เสียก่อนถึงจะได้สิทธิ์นี้ไป Dr. V Ramadevi หัวหน้าแผนกศัลยกรรมพลาสติกบอกว่า “ผมไม่ได้ตัดสินผู้หญิงที่ต้องการจะศัลยกรรม ถ้ามันดีพอ ผมก็จะแนะนำให้พวกเขาทำ” “โครงการนี้ถึงแม้ว่าจะได้รับคำชมจากหลายฝ่าย แต่นั่นก็ไม่ใช่โครงการสาธารณสุขที่ดีที่สุด” Dr. S Elango อดีตผู้อำนวยการด้านสาธารณสุขของรัฐทมิฬนาฑูกล่าวกับผู้สื่อข่าว เพราะเขาคิดว่าการผ่าตัดเสริมหน้าอกฟรีมันไม่ใช่เรื่องจำเป็น และเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเมื่อรัฐมุ่งประเด็นไปที่การผ่าตัดเสริมความงามมากกว่าการผ่าตัดช่วยเหลือชีวิต นอกจากนี้ นาย Vijaya Baskar รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขก็ออกมาแถลงว่า โครงการนี้จัดขึ้นมาเพื่อประชาชนคนยากจน ที่ต้องการศัลยกรรมเพื่อความงามเช่นกัน ถึงแม้ว่ารัฐจะไม่ช่วย พวกเขาก็อาจจะใช้วิธีอื่นที่มีความเสี่ยงมากกว่านั้น อย่างเช่นการกู้ยืมเงินมาเพื่อทำศัลยกรรม รัฐทมิฬนาฑูเป็นรัฐที่มักจะมีการนำเสนอนโนบายมากมายเพื่อเหล่าคนยากจน ทั้งการจัดงานแต่งงานฟรี ห้องอาหารฟรี รวมไปถึงนโยบายใหม่ล่าสุด อย่างการผ่าตัดเสริมหน้าอกฟรีสำหรับคนยากไร้… ที่ีมา odditycentral, storypick,…
-
ชาวไร่อินเดีย ปักภาพนางเอกหนังโป๊แทนหุ่นไล่กา ปกป้องผลผลิตได้ดีกว่าวิธีเดิมเย๊อะ!!
บางครั้งเพียงแค่ความรู้ทางด้านการเกษตรอาจจะไม่พียงพอสำหรับการทำให้ได้กำไรจากการทำไร่ทำสวน และแน่นอนว่าในแถบเอเชียอย่างพวกเรานั้นก็จะต้องมีการใช้เรื่องของความเชื่อเพื่อทำให้การปลูกพืชนั้นได้ผลดียิ่งขึ้น อย่างที่เราเคยเห็นกัน และชาวนาหลายๆ ท่านก็อาจจะมีวิธีการใช้หลักความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการทำขวัญข้าวหรือการหาหุ่นที่เปรียบเหมือนเทพมาว่างไว้ที่ท้องไร่ท้องนาเพื่อปัดเป่าความชั่วร้าย คุณ Chenchu Reddy ชาวไร่จากประเทศอินเดียผู้นี้ก็เป็นชาวไร่อีกหนึ่งคน ที่เลือกใช้ไสยศาสตร์ในการช่วยให้ได้ผลกำไรจากการปลูกพืชที่ดีขึ้น แต่ดูเหมือนว่าวิธีการที่เขาใช้นั้นจะแหวกแนวไปหน่อนนะ!! คุณ Chenchu Reddy ชาวไร่จากประเทศอินเดีย เจ้าของไอเดียการบูชาเทพแห่งท้องทุ่งแบบใหม่ คุณ Chenchu เองก็เป็นหนึ่งในชาวไร่ที่ได้รับความเดือนร้อนเนื่องจากผลผลิตในไร่ของเขาขายไม่ได้ราคาดีสักเท่าไหร่ แต่แทนที่เลือกบูชาเทพแห่งท้องทุ่งเหมือนกับชาวไร่คนอื่นๆ ชายคนนี้กลับเลือกที่จะใช้ภาพของดาราหนังผู้ใหญ่อย่าง Sunny Leone (ห้ามก๊อปชื่อไปค้นหานะ!!) แทน และดูเหมือนว่างานนนี้ดาราหนังโป๊ชื่อดังจะทำหน้าที่ของเธอได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว คุณ Chenchu ให้สัมภาษณ์ว่าตั้งแต่มีภาพของ Sunny ที่ใส่บิกินี่สีแดงมาตั้งที่ไร่ของเขา ผลผลิตทางการเกษตรก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยทีเดียว!! “ใช่แล้ว มันเริ่มต้นหลังจากที่ผมขาดทุนจากการทำไร่ ทั้งๆ ที่ผลผลิตของผมก็สวยงามและสมบูรณ์ดี ไร่ของผมอยู่ติดกับถนน และในปีนี้ผมเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกอีกกว่า 25 ไร่ และเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ผมเริ่มใช้ภาพของ Sunny เพื่อปัดเป่าความชั่วร้าย” ชายเจ้าของไร่กะหล่ำปลี พริก และกระเจี๊ยบให้สัมภาษณ์ การมีภาพของดาราหนังผู้ใหญ่ ทำให้ “ดวงตาปิศาจ” เลิกสนใจผลผลิตในไร่ของคุณ Chenchu และเอาแต่จ้องมองภาพของเธอ ซึ่งเขาให้สัมภาษณ์ว่าตั้งแต่ที่มีภาพของ Sunny นั้นทุกๆ อย่างก็เริ่มดีขึ้น …
-
ตำรวจจับชายอินเดีย โทษฐานทำร้ายร่างกายภรรยา แต่กลับพบว่าที่จริงเขาเป็นผู้หญิง!?
ในประเทศอินเดียเวลาแต่งงานกันฝ่ายหญิงจะเป็นคนเอาสินสอดให้กับฝ่ายชาย จึงมีบางครั้งที่สามีแต่งงานกับภรรยาเพื่อหวังสินสอด ในกรณีนี้สามีใช้กำลังทำร้ายร่างกายภรรยาจนเธอทนไม่ได้จึงไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจ พอจับตัวได้แล้วถึงได้รู้ความจริงว่าที่แท้สามีของเธอนั้นเป็นผู้หญิง!? ผู้เป็นสามีมีชื่อจริงว่า Krishna Sen เธอเป็นหญิงที่มีนิสัยห้าวและอยากเป็นผู้ชายตั้งแต่เด็ก จนเมื่อปี 2013 เธอก็ปลอมตัวเป็นผู้ชายผ่านทางโซเชียลมีเดีย ทั้งยังตัดผมสั้น แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าผู้ชายอยู่เสมอ และเปลี่ยนชื่อเป็น Sweety Sen เพื่อใช้ตัวตนนั้นจีบสาวออนไลน์ด้วย Krishna Sen (ชื่อชาย Sweety Sen) หญิงคนแรกที่ Sen จีบชื่อว่า Kamini เธอเป็นสาวจากเมือง Haldwani รัฐอุตตราขัณฑ์ ประเทศอินเดีย พวกเขาเริ่มติดต่อกันทางโซเชียลมีเดียเมื่อปี 2014 โดยหลอกเธอว่าเขาเป็นลูกชายของนักธุรกิจในเมือง Aligarth รัฐอุตตรประเทศ หลังจากนั้น 3 ปีจึงนัดเจอกันและแต่งงานกันในปีนั้น แต่พอแต่งงานกันได้ไม่นานสามีก็เริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ทั้งดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ แถมยังทำร้ายร่างกายเธอเพื่อข่มขู่เอาสินสอดด้วย ฝ่ายเจ้าสาวนั้นก็ดูไม่ออกเลยแม้แต่น้อยว่าสามีไม่ใช่ผู้ชาย ต่อมาในปี 2016 Sen ก็มีภรรยาเพิ่มอีกคนหนึ่งชื่อ Nisha สาวจากเมือง Kaladhungi รัฐอุตตราขัณฑ์ ทว่าหลังแต่งงานกันได้ 2 ปีเธอก็ดูออกว่าสามีของเธอเป็นผู้หญิง Sen จึงเสนอเงินให้กับเธอเพื่อให้เธอปิดเรื่องนี้เป็นความลับต่อไป…
-
ตำนานของชาวอารยัน ตัวตนที่แท้จริง กับการถูกลบเลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์
หากพูดถึงชาว “อารยัน” แล้วล่ะก็ หลายท่านอาจะเคยได้ยินชื่อ แต่ก็อาจไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วชาวอารยันเป็นใครกันแน่ เพราะปัจจุบันประวัติและจุดกำเนิดของชาวอารยันนั้นถูกบิดเบือนไปมากเหลือเกิน ที่หลายคนเข้าใจก็คือ ชาวอารยันคือชนกลุ่มคนผิวขาว ผมสีอ่อน ตาสีฟ้า และเป็นชนที่อยู่บนวรรณะสูงของอินเดีย ความเชื่อนี้คาดว่าเป็นเพราะจักรวรรดินาซี ที่ได้แพร่ขยายความคิดนี้ออกไปเพื่อใช้เป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อ มีเพียงช่วงศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 เท่านั้นที่ชาวอารยันมีความเท่าเทียบกันกับชาวเยอรมันและชาวนอร์ดิก และก่อนหน้าที่ความเข้าใจเกียวกับชาวอารยันจะถูกบิดเบือน คำว่า “อารยัน” ถูกกล่าวถึงว่าเป็นภาษาโบราณที่ได้เผยแพร่ออกสู่แผ่นดินย่อยของอินเดีย อารยันที่แท้จริง แรกเริ่มเดิมทีชาวอารยันเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีชีวิตอยู่ใน อิหร่าน ช่วงก่อนประวัติศาสตร์ และน่าจะอพยพเข้ามาสู่ตอนเหนือของอินเดียช่วง 1,500 ปีก่อนคริสตกาล ชาวอินเดียในทวีปย่อยเรียกผู้ที่อพยพเข้ามาใหม่ว่า “อารยา” และคำว่า อารยัน หรือ “Aryan” นั้นไปคล้ายกับภาษาเปอร์เซีย “ērān” ที่หมายถึงประเทศอิหร่านอีกด้วย ก่อนชาวอารยันอพยพเข้ามา อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุนั้นรุ่งเรืองมากในประเทศอินเดีย มีศาสนาเกิดขึ้นตั้งแต่ 5,500 ปีก่อนคริสตกาล มีการทำการเกษตรตั้งแต่ 4,000 ปีก่อนคริสตกาล และมีสังคมเมืองตั้งแต่ 2,500 ปีก่อนคริสตกาล และมีช่วงเวลาที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล…
-
แค่สลบแต่ยังไม่ตาย… ชายอินเดียบ้าบิ่น อัดคลิปเซลฟีบนรางรถไฟ ก่อนปลิวไปแต่ก็รอด!?
ในปัจจุบันอุบัติเหตุจากการโดนรถชน เป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากมายบนโลกใบนี้ และยิ่งถ้าเป็นรถไฟแล้วล่ะก็ คงไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีใครรอดชีวิตหากโดนเจ้ารถรางเหล็กนี้เข้าชนเข้าอย่างเต็มเปา แต่มีชายคนหนึ่งที่ทำให้ทั้งโลกต้องอึ้ง เมื่อเขาโดนรถไฟชนจนปลิวแล้วกลับมีชีวิตรอดกลับมาอย่างหน้าตาเฉย?? โดยเหตุการณ์รถไฟชนคนแล้วรอดครั้งนี้ เกิดขึ้นในนครไฮเดอราบาด เมืองหลวงของรัฐเตลังคานาและรัฐอานธรประเทศ ประเทศอินเดีย เมื่อมีชายชื่อว่า Shiva แสดงความบ้าบิ่นในชีวิตของเขาออกมา ด้วยการไปยืนถ่ายเซลฟีอย่างยิ้มแย้มบนรางรถไฟ แม้ว่ารถไฟกำลังจะแล่นเข้ามาใกล้ทุกขณะก็ตาม เค้ามีแต่ใจดีสู้เสือ อันนี้ใจดีสู้รถไฟ ภาพจากวิดีโอเซลฟีที่เขาถ่ายมานั้น ทำให้เราเห็นได้ว่าเขาดูไม่มีความเกรงกลัวต่อรถเหล็กแม้แต่น้อย หน้ำซ้ำยังทำหน้าตาระรื่นเหมือนยืนอยู่บนไหล่เขาซะอย่างงั้น ซึ่งอันที่จริงแล้ว ก็มีคนเตือนเขาว่ากำลังจะมีรถไฟเข้ามาจากทางด้านหลังของเขา และรถไฟขบวนดังกล่าวก็ได้ส่งสัญญาณเตือนแล้วว่ากำลังจะเข้ามาใกล้ แต่เขากลับบอกกับกล้องว่า ‘รอก่อน’ เหมือนกับว่าเขาต้องการจะให้รถไฟชนเพื่ออยากจะพิสูจน์อะไรซักอย่าง เข้ามาสิ กลัวที่ไหน เมื่อรถไฟแล่นเข้ามาและเขาไม่ยอมหลบออกไป ก็แน่นอนว่ารถไฟก็ต้องเข้าชนเขาเข้าอย่างเต็มเปา จนตัวของเขานั้นลอยขึ้นไปสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น และภาพจากกล้องของเขาก็ได้อันตรธานหายไป ตามแรงชนจากรถไฟขบวนดังกล่าว ไม่เห็นเป็นอะไรเล้ยย ไม่ต้องบอกก็คงจะเดาไม่ยากว่า คนที่โดนรถไฟชนจนปลิวเช่นนั้นคงจะเสียชีวิตอย่างแน่นอน แต่กับชายผู้นี้มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะว่าแรงจากการโดนรถไฟชนไม่สามารถทำอันตรายจนถึงชีวิตแก่เขาได้ สิ่งเดียวที่รถไฟขบวนนี้ได้ฝากเอาไว้บนร่างกายของเขา ก็มีเพียงแค่อาการบาดเจ็บที่หัวก็แค่นั้น จากการรายงานจากสื่อ NDTV ระบุเอาไว้ว่าในปัจจุบันมีพฤติกรรมที่เรียกว่า ‘เซลฟีเสี่ยงตาย’ เกิดขึ้นอย่างมากมายบนโลกใบนี้ และที่สำคัญคือในระหว่างเดือนมีนาคมปี 2014 – เดือนกันยายนปี 2016 การเซลฟีเสี่ยงตายเกิดขึ้นในประเทศอินเดียถึง 60% ของตัวเลขทั้งหมดบนโลกเลยทีเดียว…
-
ทารกคลอดก่อนกำหนด 12 สัปดาห์ กลายเป็นเด็กที่ตัวเล็กที่สุดในเอเชีย ขนาดเท่าฝ่ามือ
Manushi หนึ่งในทารกชาวอินเดีย ที่เกิดมามีขนาดตัวเล็กที่สุดในโลก เธอได้เกิดออกมาก่อนกำหนดคลอดถึง 12 สัปดาห์ มีน้ำหนักเพียง 0.88 ปอนด์ หรือประมาณ 4 ขีด เท่ากับน้ำหนักของช็อคโกแลตแท่งของ Cadbury เท้าของเธอนั้นมีขนาดเล็กเท่ากับเล็บนิ้วโป้งของพ่อของเธอ จากการวัดส่วนสูง เธอมีส่วนสูงเพียง 8.6 นิ้ว และถือว่าเป็นทารกที่ตัวเล็กที่สุดที่เคยเกิดมาในเอเชีย ตอนที่คลอดออกมานั้น เธอไม่ได้หายใจ เนื่องจากมีผิวหนังที่บางราวกับกระดาษ และอวัยวะที่ยังไม่พัฒนาได้เต็มที่ หลังจากที่ได้อยู่ในโรงพยาบาลนานถึง 6 เดือน เธอก็ได้กลับบ้าน ถึงแม้ว่าโอกาสรอดโดยไม่ได้รับความเสียหายทางสมองจะมีแค่ 0.5 เปอร์เซ็นต์ Seeta และ Giriraj แม่และพ่อของ Manushi ได้กล่าวว่า “เธอนั้น ทั้งสู้ สู้ และสู้กับความโชคร้าย และเธอก็ทำได้สำเร็จ” ค่าใช้จ่ายในการทำคลอดและรักษา Manushi นั้นอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านรูปี หรือราวๆ 5 แสนบาท แต่อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลก็ได้ลดค่ารักษาให้ เนื่องจากครอบครัวของเธอนั้นมีรายได้น้อย…
-
เด็กสาวชาวอินเดียไอเดียดี ‘คิดค้น’ กางเกงในอัจฉริยะ เพื่อป้องกันการถูกข่มขืน ดูแล้วล้ำ ใช้แล้วปลอดภัย
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คดีข่มขืนนั้นยังมีมาให้เห็นกันอยู่เป็นประจำ และมีอยู่ทั่วทุกมุมโลก ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ผู้หญิงทุกคนยังมีความเสี่ยงที่จะตกอยู่ในอันตรายจากการข่มขืน เด็กสาวชาวอินเดียคนหนึ่งต้องการลดปัญหาหญิงสาวถูกข่มขืน เธอจึงคิดค้นนวัตกรรมใหม่ขึ้นมา ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับหญิงสาวหากมีคนพยายามจะข่มขืนเธอ นั่นก็คือกางเกงในป้องกันการข่มขืนนั่นเอง Seenu Kumari กับกางเกงในป้องกันการข่มขืนที่เธอคิดค้นขึ้นมา เด็กสาวคนนี้ชื่อ Seenu Kumari เธอมีอายุ 12 ปี อาศัยอยู่ในเมือง Farrukhabad รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย เธอได้ประดิษฐ์สิ่งที่เธอเรียกว่ากางเกงในป้องกันการข่มขืน ในรัฐอุตตรประเทศที่เธออาศัยอยู่นั้น การคุกคามทางเพศและการข่มขืนเด็กนั้นเป็นเรื่องที่พบเห็นได้อยู่บ่อยครั้ง โดยผู้หญิงมักจะถูกจู่โจมบนท้องถนน ผู้ร้ายก็จะข่มขืนและถ่ายรูปเก็บเอาไว้ เพื่อนำไปขายเป็นเงินอีกต่อ ครอบครัวของเธอนั้นเป็นครอบครัวที่ยากจน เธอจึงอยากช่วยครอบครัวหารายได้อีกทางหนึ่ง การทำกางเกงในดังกล่าวจึงเป็นการช่วยเหลือครอบครัว และช่วยให้ผู้หญิงได้รับความปลอดภัยมากขึ้นไปด้วยเช่นกัน โดยกางเกงในที่ว่านี้ใช้ต้นทุนเพียงประมาณ 50 ปอนด์เท่านั้น (ประมาณ 2,000 บาท) ต้นแบบของกางเกงในป้องกันการข่มขืนที่เธอทำ เป็นกางเกงในสีชมพู ซึ่งเธอบอกว่ากันกระสุน และไม่สามารถใช้มีดตัดขาดได้ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับตัวล็อก ระบบ GPS และกล้องวิดีโอบันทึกภาพด้วย เธออธิบายความสามารถของกางเกงในตัวนี้ว่า “ฉันติดตั้งล็อกไปในกางเกงในด้วย ดังนั้นกางเกงในจะถูกถอดออกไม่ได้จนกว่าจะใส่เลขรหัสที่ถูกตัอง นอกจากนี้มันยังมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มาพร้อม GPS ซึ่งสามารถติดต่อกับที่อื่นได้”…
-
Mandeep Batwal สาวชาวอินเดียที่อายุเพิ่มตามกาลเวลา แต่ร่างกายกลับไม่โตตามวัย
เรื่องราวอันน่าประหลาดใจนี้เกิดขึ้นที่ประเทศอินเดีย หลังจากที่วัยรุ่นสาววัยผู้หนึ่งที่เกิดมาพร้อมกับขนาดร่างกายที่เล็ก และถึงเวลาจะผ่านไปนานกว่า 18 ปี สาวน้อยผู้นี้ก็ยังมีร่างกายที่เล็กและสูงเพียงแค่ 83 เซนติเมตรเท่านั้น!! ในหมู่บ้านของเธอทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย ชื่อของ Mandeep Batwal กลายเป็นที่พูดถึงในหมู่บ้านอย่างมาก มีทั้งคนที่รักเธอและบางส่วนที่คิดว่าร่างกายของเธอนั้นโดนคำสาปบางอย่าง ด้วยร่างกายที่สูงไม่ถึง 100 เซนติเมตร หญิงสาวกลายเป็นคนที่ตัวเล็กที่สุดในหมู่บ้าน เธอมีขนาดตัวพอๆ กับไม้คริกเก็ตและมีขนาดของฝ่ามือและเท้าเท่าเดิมมาตั้งแต่เธออายุได้แค่ 2 ขวบ ด้วยร่างกายที่เล็กพอๆ กับเด็ก ทำให้ Mandeep มักจะถูกเพื่อนๆ ของเธออุ้มไว้บนบ่าเวลาที่ออกไปเล่นด้วยกัน Raj Rani วัย 36 ปีแม่ของหญิงสาวกล่าวว่า “เราเป็นกังวลกับเธอมาก ตอนนี้เธออายุ 18 ปีแล้วแต่เหมือนกับเด็ก 4 ขวบเลย เธออ่อนแอมาก และไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงที่จะออกไปวิ่งเล่นเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ เราเคยส่งเธอเข้าเนอสเซอรี่พร้อมกับน้องสาวของเธอ แต่ Mandeep ก็ไม่สามารถเรียนรู้ได้เลย” การคลอดก่อนกำหนดอาจจะเป็นสาเหตุให้หญิงสาวมีพัฒนาการที่ไม่ปรกติ Mandeep ลืมตาออกมาดูโลกในขณะที่แม่ของเธอตั้งครรภ์ได้เพียงแค่ 28 สัปดาห์เท่านั้น Mandeep เกิดมาในครอบครัวแรงงาน พวกเขาไม่ค่อยมีเงินและพบหมอเพื่อตรวจอัลตร้าซาวด์ลูกคนแรกเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น “หลังจากที่เราแท้งลูกคนแรกซึ่งเป็นผู้ชาย จากนั้น Mandepp ก็เกิดมา เราดีใจมากที่มีเธอ…
-
ช้างน้อยแสนซนติดบ่อโคลนขึ้นไม่ได้ เจ้าหน้าจึงช่วยอาสา”แบกขึ้นหลัง” ไปส่งแม่ซะเลย
ในประเทศอินเดียเรามักจะพบเห็นเหตุการณ์ สัตว์ติดอยู่ในสถานที่ที่มันไม่ควรอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำ ห้วย ลำธาร ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของพวกมันได้ และสาเหตุหลักๆ ก็มาจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ ในประเทศยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร ทำให้สัตว์ที่ไม่รู้ประสีประสาต้องติดแหงกอยู่ตามภูมิประเทศต่างๆ เสมอ และเมื่อเร็วๆ นี้ก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกเช่นเดียวกัน โดยเหยื่อคราวนี้เป็นลูกช้างสุดน่ารักที่ติดอยู่ในลำคลอง และสิ่งที่มันทำให้มันไม่สามารถขึ้นมาได้ก็เพราะว่ามีโคลนที่ลื่นๆ คอยสกัดกั้นมันไว้อยู่ แต่ก็เป็นโชคดีของลูกช้างตัวนี้ที่มีคนใจดีไปเห็นแล้ว และได้ให้การช่วยเหลือชนิดที่ว่าแบกขึ้นหลังเลยทีเดียว นอนสบายเชียวนะ เจ้าช้างน้อย เหตุการณ์สุดน่ารักน่าชังนี้เกิดขึ้นในเมือง Ooty ทางตอนใต้ของประเทศอินเดียเมื่อมีลูกช้างหลงฝูงตัวหนึ่ง ไปติดแหงกอยู่ที่บ่อโคลนทำให้มันไม่สามารถขึ้นมาเดินพร้อมกับฝูงของมันได้ และเมื่อชาวบ้านไปเห็นจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้มาให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน เมื่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้รับการแจ้งเหตุดังกล่าว พวกเขาก็รีบไปกักตัวแม่ช้างเอาไว้ก่อนเพราะว่าแม่ของมันเริ่มมีอาการหัวเสียพังรถพังสิ่งต่างๆ และก็เริ่มวิ่งไล่ผู้คน เพราะว่ามันไม่สามารถช่วยลูกของมันขึ้นมาได้ จากนั้นพวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังบ่อโคลนที่เจ้าช้างน้อยตัวนี้ไปติดอยู่ เดินมาส่งมันกลับบ้านกันเป็นแถว เจ้าช้างน้อยที่ว่านี้ พวกเขาคาดเอาไว้ว่ามันน่าจะเป็นลูกช้างที่เพิ่งเกิดมาไม่นานนัก โดยมันน่าจะมีอายุเพียง 2-3 วันเท่านั้นนั่นจึงเป็นสาเหตุให้มันไปติดกับบ่อโคลนดังกล่าวนั่นเอง งานนี้ต้องใช้เจ้าหน้าที่หลายคนกว่าที่จะช่วยเหลือมันขึ้นมาได้ ทว่าเมื่อลูกช้างตัวนี้ปลอดภัยแล้ว มันก็วิ่งหนีอย่างตื่นกลัวตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมัน เจ้าหน้าที่จึงต้องตามจับอยู่นานสองนาน ก่อนที่มันจะยอมจำนนในที่สุด ฮึบ มาช่วยกันเร็วพวกเรา เจ้าช้างน้อยตัวนี้ได้หมดฤทธิ์ลงเพราะความเหนื่อยล้าและหิวโหย เจ้าหน้าที่จึงได้เอาน้ำตาลพร้อมกับน้ำมะพร้าวให้มันกิน และเมื่อมันมีแรงอีกครั้งมันก็เหมือนจะวิ่งหนีออกไปนอกถนนอีก ทีนี้เจ้าหน้าที่ไม่รอช้าจับมันแบกขึ้นหลังกลับเข้าป่าไปส่งคืนแม่ของมันที่คอยอยู่อย่างความเป็นห่วง ขึ้นมาได้ซะที…
-
อ้ออ๊อย!! เจ้าเสือดาวพลัดตกลงไปในบ่อน้ำ ทำหน้าตาน่าสงสารจนมนุษย์ต้องช่วยเหลือไว้
ด้วยความไม่รู้ภาษีภาษาของสัตว์ ทำให้บางครั้งมันก็มักจะพาตัวเองไปเผชิญอันตรายต่างๆ ด้วยความไร้เดียงสาและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของมัน และเมื่อเห็นสัตว์กำลังตกอยู่ในอันตรายซึ่งถ้าหากไม่ได้รับการช่วยเหลือก็อาจจะเสียชีวิต มีหรือที่มนุษย์โลกผู้มีจิตใจอารีอย่างเราๆ จะไม่ช่วยเหลือแม้ว่าสัตว์ที่ต้องช่วยนั้นจะเป็นสัตว์ป่าที่ขึ้นชื่อว่าดุร้ายอย่างเสือก็ตาม แง ช่วยหนูด้วย ตามรายงานในประเทศอินเดีย มีสัตว์มากกว่า 1,500 ตัวต้องเสียชีวิตจากการพลัดตกไปในบ่อน้ำซึ่งมีมากในประเทศอินเดียเมื่อช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมืองกูวาฮาติ ในรัฐอัสสัม ประเทศอินเดียและได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา เมื่อมีเสือดาวตัวหนึ่งเกิดพลัดตกลงไปในบ่อน้ำที่มีความลึกมากถึง 9.1 เมตรและกำลังร้องขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน สถานที่เกิดเหตุคือรัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย โดยชาวบ้านที่พบเห็นได้คาดการณ์เอาไว้ว่าเจ้าแมวยักษ์ตัวนี้ น่าจะพลัดตกลงไปในบ่อน้ำเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมงแล้ว และเมื่อมาพบเสือตัวนี้อยู่ในบ่อน้ำเข้า พวกเขาก็ไม่รอช้าที่จะโทรแจ้งผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ให้มาช่วยเสือตัวนี้ออกจากบ่อน้ำนี้ทันที เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงพวกเขาก็สรรหาวิธีที่จะนำเสือดาวตัวนี้ขึ้นมาให้ได้ แต่ด้วยความที่มันเป็นสัตว์ที่มีสัญชาตญาณเพชฌฆาตอยู่ทำให้การช่วยเหลือมันเป็นไปด้วยความลำบาก และต้องระวังตัวอยู่เสมอ ซึ่งต่างจากการช่วยแกะ ช่วยแพะที่ไม่มีภัยอันตรายเป็นอย่างมาก โดยปกติมันน่ากลัวใช่ไหมล่ะ ซึ่งหลังจากหาวิธีการช่วยเหลือมานาน พวกเขาก็ตกลงกันว่าเพื่อความปลอดภัยของทั้งคนและทั้งเสือ พวกเขาจะยิงยากล่อมประสาทไปที่ตัวเสือก่อนเพื่อให้มันไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ได้หลังจากนั้นก็จะส่งคนลงไปอุ้มมันขึ้นมา ในตอนนี้ไร้ซึ่งพิษภัยใดๆ สำหรับผู้โชคดีที่ได้ลงไปสัมผัสเสือตัวเป็นๆ ก็คือ Dr. Bijoy Gogoi สัตวแพทย์มืออาชีพ เขาลงไปด้วยการปีนบันไดลงไปพร้อมกับกำเชือกในมือเพื่อจะผูกเสือตัวนี้แล้วให้คนช่วยดึง และเมื่อลงไปด้านล่างแล้วเขาก็พบว่าเจ้าเสือได้เชื่องเป็นแมวหงอยจากฤทธิ์ของยากล่อมประสาทนั่นเอง …
-
Pooja Ganatra หญิงชาวอินเดีย ที่มีผิวสีขาว ผมแดง และนัยน์ตาสีฟ้าเหมือนสาวชาวไอริช
เรื่องราวของหญิงสาวชาวอินเดียที่เกิดมาพร้อมกับรูปร่างและหน้าที่แตกต่างจากพ่อและแม่ของเธอ ผมสีแดง ผิวสีขาวและจุดกระบนใบหน้านั้นทำให้เธอถูกรังแก เพราะคนอื่นๆ คิดว่าเธอเป็นโรค Pooja Ganatra สาวน้อยวัย 24 ปีจากเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย ที่เกิดมาพร้อมกับรูปร่างคล้ายๆ กับสาวชาว Gaelic จากประเทศไอซ์แลนด์ ลักษณะที่แปลกจากชาวอินเดียทั่วไปนี้คาดว่าน่าจะมีจากบรรพบุรุษของเธอ หรือที่เรียกว่า atavism Pooja และพ่อแม่ของเธอ บ่อยครั้งที่เธอมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นชาวต่างชาติ แต่อันที่จริงแล้ว Pooja เองเป็นสาวอินเดียแท้ๆ ที่เกิดมาจากพ่อแม่ที่เป็นชาวอินเดีย คุณ Rajesh พ่อของเธอเองเป็นชาวอินเดียแต่กำเนิดและมีผิวสีเข้ม ส่วน Hemaxi แม่ของเธอเองก็เป็นชาวอินเดียแต่กำเนิดเช่นกัน แต่ทางฝ่ายแม่นั้นกลับมีผิวขาวกว่าและมีกระบนใบหน้าเล็กน้อย Pooja เล่าถึงชีวิตของเธอในประเทศอินเดียบ้านเกิดว่า เธอรู้สึกแตกต่างจากคนอื่นๆ และก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้ใส่เสื้อแขนกุดขณะที่เรียนมหาวิทยาลัยอีกด้วย เนื่องจากสีผิวของเธอนั้นสะดุดตาคนอื่นมากเกินไป “ตอนที่ฉันเกิดมา ครอบครัวของฉันตกใจมาก พวกเขาไม่เคยเห็นใครแบบฉันมาก่อนเลย ทุกคนในครอบครัวฉันมีผิวสีน้ำตาลกันหมด แถมยังมีผมสีดำ และนัยน์ตาสีน้ำตาลอีกด้วย” หญิงสาวกล่าว ภาพของ Pooja ในตอนที่เธอยังเป็นเด็กสาว การเกิดมาพร้อมกับสีผิวที่ไม่เหมือนกับคนในครอบครัว ทำให้ทางครอบครัวคิดว่าเป็นโรคผิวหนัง พวกเขาต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาไปมาก และตัดสินใจว่าจะไม่มีลูกอีก “ฉันถูกส่งตัวไปรักษากับแพทย์ผิวหนัง เพราะพวกเขาคิดว่าฉันมีความผิดปรกติของร่างกายและอาจจะเป็นโรคผิวหนัง ฉันกลายเป็นตัวประหลาดในโรงเรียน พวกเด็กๆ มักจะแกล้งฉันอยู่บ่อยๆ…
-
พบ ‘ซากคล้ายไดโนเสาร์’ ในอินเดีย ที่ยังมีชิ้นเนื้อติดอยู่ คาดเป็นหลักฐานทางโบราณคดีชิ้นสำคัญ
ไดโนเสาร์คือสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่สูญพันธู์ไปเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว การศึกษาเกี่ยวกับพวกมันจึงหาข้อมูลได้ยาก ที่ผ่านมานั้นนักวิทยาศาสตร์ได้เพียงแต่ศึกษาข้อมูลของพวกมัน ผ่านทางเศษกระดูก รอยเท้า และฟอสซิลที่พบเท่านั้น แต่ล่าสุด มีการค้นพบซากสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ และถ้ามันเป็นซากไดโนเสาร์จริงๆ ละก็ มันจะกลายเป็นข้อมูลชิ้นสำคัญที่ทำให้เราได้ศึกษาไดโนเสาร์ได้ลึกซึ้งมากขึ้น เพราะซากชิ้นส่วนนี้มีความพิเศษไม่เหมือนกับสิ่งที่เคยพบมาก่อนนั่นเอง ซากลักษณะคล้ายไดโนเสาร์ที่ถูกค้นพบ ซากรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ที่ว่านี้ถูกค้นพบโดยบังเอิญ เมื่อมีช่างไฟฟ้าคนหนึ่งเข้าไปทำงานที่สถานีรถไฟใต้ดินร้างที่ถูกปล่อยทิ้งไว้กว่า 35 ปี ในเมืองแจสเพอ รัฐอุตตราขัณฑ์ ประเทศอินเดีย แต่มันมีความพิเศษกว่าซากหรือฟอสซิลอื่นๆ ที่เคยพบมา เนื่องจากซากชิ้นนี้ ยังมีชิ้นเนื้อของสิ่งมีชีวิตติดมากับกระดูกที่มีรูปร่างค่อนข้างสมบูรณ์ด้วย นักวิทยาศาสตร์ต่างตื่นเต้นกันมากที่พบซากในลักษณะนี้ ขณะนี้ซากที่พบก็ถูกส่งไปยัง Kamuan University แล้ว เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญด้านฟอสซิล Dr.Bahadur Kotlia ได้ทำการวิเคราะห์ จะได้รู้กันว่ามันเป็นไดโนเสาร์จริงหรือไม่ แล้วมันมีจากยุคใด ซากไดโนเสาร์นั้นมีความยาวประมาณ 28 เซนติเมตร จึงอาจจะตีความได้ว่ามันเป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งระหว่าง Deinonychus, Coelophysis และ Dromaeosarus ซึ่งทั้งสามสายพันธุ์นี้เป็นไดโนเสาร์พันธุ์เล็ก จัดเป็นไดโนเสาร์ในกลุ่ม Theropod ซึ่งเป็นกลุ่มสายพันธุ์เดียวกับไดโนเสาร์ T Rex นั่นเอง อย่างไรก็ตามนักอนุรักษ์…
-
คนขับแท็กซี่อินเดียได้รับรางวัลเกียรติยศ ‘ไม่บีบแตร’ มาตลอด 18 ปี รออะไรล่ะ ปรบมือสิ!!
การบีบแตรในบ้านเรานั้นมักจะเกิดขึ้นจากความไม่พอใจ การให้สัญญาณ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่นานๆ จะเกิดขึ้นสักที แต่ทว่าในอินเดียการบีบแตรเป็นอะไรที่ปกติ บีบกันจนรู้สึกว่าชีวิตนี้ถ้าวันไหนไม่ได้บีบมันจะเหมือนไม่ได้ขับรถกันเลยทีเดียว แต่แล้วคนขับรถคนหนึ่งนามว่า Dipak Das ก็สามารถพิชิตนิสัยปกติของชาวอินเดียที่ชอบบีบแตรลงได้ โดยชายคนนี้นั้นไม่ได้บีบแตรระหว่างขับรถมาเป็นเวลากว่า 18 ปีแล้ว จนองค์กรเพื่อสิทธิมนุษย์ที่ชื่อว่า Manush Mela ต้องออกมาให้รางวัล Manush Sanman หรือก็คือรางวัลไม่บีบแตรแก่เขา Dipak ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น Hindustan Times ว่า “ผมคิดว่า ถ้าคนขับรถทุกคนทำตามกฎหมายไม่บีบแตร เขาจะมีสมาธิในการขับรถมากขึ้น ถ้าคนขับรถทุกคนคำนึงถึงพื้นที่ ความเร็ว และระยะเวลาระหว่างขับขี่ พวกเขาจะไม่ต้องบีบแตรเลย” การไม่บีบแตรของ Dipak นั้นล้วนเกิดขึ้นจากตัวเขาเอง เพราะแม้ว่าลูกค้าที่โดยสารรถของเขาจะบอกให้เขาบีบแตรเท่าไหร่ก็ตาม เขาก็เลือกที่จะปฏิเสธไม่บีบแตรเสมอพร้อมตอบกับลูกค้าว่า “การบีบแตรไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหา” สุดท้ายแล้ว Dipak ก็หวังว่าเมืองโกลกาตาในประเทศอินเดีย จะเริ่มหันมาสนใจและกลายเป็นเมืองที่ไม่มีการบีบแตร ซึ่งอย่างไรก็ตามมันก็ดูจะเป็นเรื่องที่ยากจะเป็นไปได้อยู่ดี… จากภาพเราจะเห็นว่าการจราจรในอินเดียมันวุ่นวายแค่ไหน ที่มา odditycentral,hindustantimes
-
หนุ่มวัย 18 กลัวแม่ถูกข่มขืน เลยผลิตรองเท้าแตะที่สามารถช็อตไฟฟ้าได้ขึ้นมา
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2560 สำนักข่าวเดลีเมลมีรายงานว่า Siddharth Mandala หนุ่มวัย18 ปีจากไฮเดอราบาด ประเทศอินเดีย ผู้ที่กลัวว่าแม่ของเขาอาจจะตกเป็นเหยื่อของการถูกข่มขืน ได้คิดค้น Electroshoe รองเท้าแตะ “ป้องกันตัวเอง” ที่พร้อมจะมาช่วยในการโจมตีผู้ไม่ประสงค์ดีแบบฉับพลันได้!! จากการรายงานระบุว่า เนื่องด้วยอินเดียเป็นประเทศที่มีอัตราการข่มขืนที่สูงมาก และตัวของ Siddharth เองก็รู้สึกตกใจกับสถิตินี้เช่นกัน พร้อมกันนี้เขาก็รู้สึกเป็นห่วงผู้หญิงในครอบครัวของตัวเอง ดังนั้น จึงทำให้เขาได้ตัดสินใจผลิตรองเท้าสุดพิเศษดังกล่าวขึ้นมา ซึ่งรองเท้าแตะนี้ นอกจากจะสามารถช็อตไฟฟ้าได้แล้ว มันยังช่วยในการโจมตีผู้บุกรุกได้อย่างรวดเร็ว แถมส่งผลทำให้เป็นอัมพาตไปชั่วขณะอีกด้วย เมื่อเริ่มเปิดใช้งาน รองเท้าก็จะขับเคลื่อนด้วยเสียงฝีเท้า ยิ่งถ้าหากผู้ใส่เดินเร็วมากขึ้นเท่าไหร่ สัญญาณการแจ้งเตือนก็จะถูกส่งไปยังสถานีตำรวจในท้องที่ และครอบครัว โดยพวกเขาก็จะรับรู้ไปด้วยว่าเธอกำลังพบกับปัญหาอยู่ ทางด้าน Siddharth ได้ออกมาเผยว่า “ผมกับแม่ ได้เข้าไปร่วมชุมนุมการประท้วง เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเหยื่อถูกข่มขืนที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกโกรธมาก และดูเหมือนว่าการประท้วงจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย แม้ในบางครั้งการลงโทษผู้ข่มขืนอาจจะช่วยยับยั้งการข่มขืนได้ แต่ผมคิดว่าเราจำเป็นต้องจัดหาอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้หญิง นั่นเลยทำให้ผมต้องคิดค้นรองเท้าแตะที่เรียกว่า Electroshoe ขึ้น โดยในระหว่างการทดลองก็เกิดการผิดพลาดหลายครั้ง แต่ถึงอย่างไรผมก็จะพยายามพัฒนาต่อไป เพื่อให้มันได้กลายเป็นสินค้าในท้องตลาด และจะเสริมเทคนิคบางอย่างเข้าไปด้วยเช่น ให้มันกันน้ำได้” …
-
อินเดียทำการจับกุม ‘กลุ่มลา’ และขังพวกมันไว้ในคุกถึง 4 วัน ในข้อหาทำลายพืชผักราคาแพง
มีอยู่สถานที่หนึ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่พึงประสงค์จะเข้าไปนั่นก็คือ ‘คุก’ เพราะว่ามันเป็นสถานที่ที่รวมผู้กระทำผิดเอาไว้ข้างใน แต่ในประเทศอินเดียพวกเขาไม่ได้จับแต่คนเท่านั้น แต่สัตว์ที่กระทำผิดก็ต้องเข้าไปอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน เหตุการณ์สุดแปลกเกิดขึ้นที่คุกชื่อ Orai ในรัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดียเมื่อพวกเขาได้จับกลุ่มลาจำนวน 8 ตัวเข้าไปขังในคุกเป็นเวลากว่า 4 วัน โดยเริ่มจากวันที่ 23 พฤศจิกายน และปล่อยออกมาในวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เนื่องจากพวกมันไปทำลายพืชผักราคาแพงบริเวณใกล้ๆ กับคุกดังกล่าว ขณะปล่อยลาออกจากคุก ชายชื่อว่า Kamlesh ซึ่งเป็นเจ้าของลากลุ่มดังกล่าวบอกว่า เขารู้สึกตกใจอย่างมาก ที่จู่ๆ ลาของเขาหายไปโดยไร้ร่องรอย เพราะเขาไม่รู้ว่าลาของเขานั้นถูกขังคุกไปก่อนหน้านี้ และเมื่อเขารู้ว่าพวกลาอยู่ไหนเขาก็ไปอ้อนวอนผู้คุมให้ปล่อยสัตว์เลี้ยงของเขาออกมา แต่ก็ปรากฏว่ามันไม่ได้ผล Kamlesh จึงไปหานักการเมืองท้องถิ่นให้ช่วยเป็นธุระให้แก่เขา ในเวลาต่อมาพวกลาเหล่านี้ก็ได้รับการประกันตัวจากนักการเมืองท้องถิ่นจากพรรคภารตียชนตา และพวกมันก็ได้ออกมาสูดอากาศภายนอกที่พวกมันคุ้นชินในที่สุด คลิปการจับลาเข้าคุกและสาเหตุต่างๆ “เจ้าพวกลาพวกนี้ มันทำลายพืชผลราคาแสนแพงซะเหี้ยนเลย พืชเหล่านี้เป็นทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ที่เตรียมจะเอาไปปลูกไว้ข้างในคุก และเพื่อเป็นการสั่งสอนเจ้าของลา เราเลยจับสัตว์ของเขาขังคุกซะเลย” RK Mishara ผู้ดูแลคุกดังกล่าวบอก สำหรับราคาพืชผล ที่เจ้าสัตว์สี่ขาพวกนี้ได้ทำลายลงไปนั้น พวกเขาบอกว่ามันมีค่ามากถึง 60,000 รูปี (ราวๆ 30,000 บาท) เลยทีเดียว…
-
ชมภาพวิถีชีวิตของชาวบ้านบนเทือกเขาหิมาลัย กับการปลูก ‘ไร่กัญชา’ เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิต
ในช่วงปี 1980 การใช้กัญชาและฝิ่นในประเทศอินเดียนั้นถือเป็นเรื่องถูกกฎหมาย แต่หลังจากที่มีการประกาศทำสงครามกับยาเสพติดทั่วโลกในปี 1985 และมีการผ่านกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดหรือ NDPS ก็ทำให้พืชชนิดนี้กลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายในทันที แต่ถึงอย่างไรก็ตามปัจจุบันยังมีอีกหลายพื้นที่ที่มีการปลูกพืชชนิดนี้ ซึ่งทางคุณ Romesh Bhattacharji อดีตเจ้าหน้าที่ด้านคดียาเสพติดจากประเทศอินเดียได้เปิดเผยว่ามีการปลูกกัญชามากถึง 400 เมืองจากทั้งหมด 640 เมืองของประเทศอินเดียเลยทีเดียว และหมู่บ้านในพื้นที่ห่างไกลอย่างเทือกเขาหิมาลัยเองก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีการปลูกกัญชาเช่นกัน และที่นี่ยังขึ้นชื่อในเรื่องการผลิต Hash หรือผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกัญชาอีกด้วย ชาย 2 คนที่กำลังแบกผลผลิตกัญชาจากฟาร์มเพาะปลูก พวกเขาใช้เวลาในการเดินเท้า 2 ชั่วโมงในระยะทาง 3 กิโลเมตรจากหมู่บ้าน กระท่อมที่พักใกล้ๆ กับฟาร์มกัญชา เหล่าเกษตกรต้องพยายามย้ายที่ปลูกให้สูงขึ้น เพื่อป้องกันการบุกตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ หลังจากที่มีการบังคับใช้ข้อกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดหรือ NDPS เหล่าผู้สูงอายุที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กับเทวสถาน ซึ่งเชื่อกันว่าพวกเขาเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เริ่มการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวกัญชาในหมู่บ้านแห่งนี้ ภาพของการเผาป่าใกล้ๆ หมู่บ้าน พื้นที่เพาะปลูกส่วนมากถูกนำมาใช้ในการปลูกกัญชา มากกว่าการทำไร่เลื่อนลอยและเลี้ยงสัตว์ ที่มีการทำลายดินอย่างต่อเนื่อง การฆ่าสัตว์ของคนในหมู่บ้านเพื่อทำการสักการะเทพเจ้าก่อนทำการเพาะปลูก ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าการบูชาเทพนั้นจะช่วยให้ได้ผลผลิตที่ดี Charas หนึ่งในผลิตภัณฑ์จากกัญชา ซึ่งผลิตมาจากการปั้นยางสดๆ ของกัญชาด้วยมือ หนึ่งในเทคนิคการผลิตที่ขึ้นชื่อของหมู่บ้านแแห่งนี้ ภาพของเหล่าเด็กนักเรียนที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ในสนามเด็กเล่น ที่นี่มีเพียงแค่โรงเรียนประถมเท่านั้น และไม่มีโรงพยาบาลหรือว่าร้านค้าใดๆ…
-
ความเชื่อที่ยังคงอยู่.. การล่าแม่มดในอินเดีย จับผู้หญิงผูกไว้กับต้นไม้และทุบตีอย่างรุนแรง
ความเชื่อโบร่ำโบราณของหลายพื้นที่ยังคงมีอยู่สืบต่อกันมา จนอาจปลูกฝังเข้าไปในความคิดและเกิดออกมาเป็นพฤติกรรมความรุนแรงเช่นเดียวกับเหตุการณ์นี้ กับการล่าแม่มดในประเทศอินเดีย วันที่ 6 พฤศจิกายน 2017 เว็บไซต์ Dailymail ได้เผยคลิปวิดีโอหญิงสาว 5 คนถูกมัดติดกับต้นไม้ จากนั้นคนอื่นที่อยู่รอบๆ ก็เข้ามาทุบตีพวกเธออย่างรุนแรง โดยไม่มีการห้ามหรือเข้ามาช่วยเหลือแต่อย่างใด แม้แต่จากสามีของพวกเธอเอง พวกเธอถูกมัดติดกับต้นไม้เอาไว้อย่างไร้ทางสู้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในหมู่บ้าน Madhupur รัฐโอริศา ประเทศอินเดีย โดยคนในหมู่บ้านเชื่อว่าหญิงสาวเหล่านั้นเป็นแม่มด แอบทำพิธีกรรมหรือมีเวทมนต์ จึงถูกตราหน้าว่าเป็นตัวกาลกิณี พวกเธอและสามีถูกลงโทษด้วยพฤติกรรมอันป่าเถื่อน และไม่สามารถป้องกันตัวหรือหนีออกมาจากสถานการณ์นี้ได้เลย ภายในคลิปแสดงให้เห็นว่ามีคนถือกิ่งไม้ฟาดใส่พวกเธออยู่ตลอด อีกทั้งยังมีคนวิ่งเข้ามาตบซ้ำเข้าไปอีก หญิงชาวอินเดียถูกทุบตีอย่างหนัก เพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด เหยื่อทั้ง 5 คนกล่าวอีกว่าเรื่องทั้งหมดไม่เคยมีเจ้าหน้าที่เข้ามาควบคุมดูแลเลย จนกระทั่งมีคลิปนี้ออกมาถึงได้ยอมเข้ามาตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะอย่างนั้นจึงทำให้ 2 ปีที่ผ่านมาในเขต Mayurbhanj นั้น มีหลายเหตุการณ์ที่กลุ่มคนตัดสินคนอื่นๆ และลงโทษพวกเขากันเองโดยไม่มีการควบคุม ในเดือนตุลาคมปี 2017 ที่ผ่านมามีคน 3 คนถูกทุบตีอย่างทารุณ ไร้ความปรานีในหมู่บ้าน Gangraj หรือเหตุการณ์ที่หญิงสาวรายหนึ่งถูกตีจนตายเพราะมีอาการทางจิตและพยายามขโมยเด็กในหมู่บ้าน Domuhani ความรุนแรงที่มาจากความเกลียดชัง เพียงเพราะความเชื่อที่ถูกปลูกฝังมา ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าความเชื่อของคนสามารถกำหนดพฤติกรรมที่ออกมาได้มากกว่าการใช้เหตุผลในปัจจุบัน และบางครั้งความเมตตาหรือความผิดชอบชั่วดีก็ไม่อาจหยุดสิ่งนี้เอาไว้ได้เลย…
-
ดราม่าทั่วเน็ต!! สาวอินเดียถูกชาย 4 คนรุมข่มขืน แต่เมื่อไปแจ้งความ ตำรวจกลับไม่รับแจ้ง…
ในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการถูกข่มขืนเพราะมันเจ็บปวดทั้งกายและใจราวกับว่าตายทั้งเป็น และอาจจะเป็นการทำลายชีวิตของผู้หญิงคนนั้นไปเลยทีเดียว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม 2017 ที่ผ่านมาที่ประเทศอินเดียเมื่อมีเด็กสาวอายุ 19 คนหนึ่งถูกข่มขืนโดยชายกว่า 4 คนเป็นระยะเวลากว่า 3 ชั่วโมง หญิงสาวคนนี้ต้องไปแจ้งความกับตำรวจถึง 3 แห่งแต่ตำรวจกลับมองว่าเธอสร้างเรื่องขึ้นมาเองแม้ว่าพ่อแม่ของเด็กสาวคนนี้จะเป็นตำรวจก็ตาม ซึ่งในตอนสุดท้ายตำรวจก็ได้รับเรื่องดังกล่าวแต่ว่ารับในตอนที่เธอไล่ล่าและสามารถจับกุมชาย 2 คนที่ข่มขืนเธอด้วยตัวของเธอเองรวมทั้งได้รับความช่วยเหลือจากพ่อแม่ของเธอที่เป็นตำรวจ ขณะนี้กรมตำรวจในนครโพปาล รัฐมัธยประเทศได้ประกาศพักงานแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจอาวุโสที่ปฏิเสธการแจ้งความของหญิงสาวคนนี้แล้ว สำหรับเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันอังคารที่ 31 ตุลาคมเมื่อผู้หญิงคนนี้ได้ออกจากสถานที่เรียนพิเศษสำหรับสอบข้าราชการตำรวจ เพราะว่าเธอใฝ่ฝันอยากจะเป็นตำรวจเหมือนพ่อแม่ของเธอ ในช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่มชายคนหนึ่งซึ่งทราบชื่อภายหลังว่า Golu Bihari Chadha (ซึ่งเป็นคนที่มีคดีฆาตกรรมเด็กทารกติดตัวแต่ได้รับประกันตัวออกมา) พยายามกระชากแขนเธอไปเพื่อที่จะข่มขืนและแน่นอนว่าผู้หญิงคนนี้ก็ได้ต่อสู้กับชายคนดังกล่าว จนกระทั่ง Chadha ได้เรียกเพื่อนที่ชื่อว่า Amar Ghuntu ให้มาช่วยกันลากตัวเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายไปบริเวณใต้สะพานแห่งหนึ่ง หญิงสาวคนดังกล่าวก็ยังไม่คิดที่จะยอมแพ้ง่ายๆ แม้ว่าจะโดนชายฉกรรจ์ 2 คนรุมอยู่ก็ตามโดยเธอได้หยิบหินทุบไปยังชายทั้ง 2 ซึ่งนั่นก็ทำให้พวกเขาโมโหและใช้หินทุบเธอบ้างซึ่งแน่นอนว่าเธอย่อมสู้ไม่ได้ จากนั้นเธอก็ถูกกระชากเสื้อผ้าออกแล้วก็ถูกข่มขืนในเวลาต่อมา หลังจากเสร็จกิจแล้ว Chadar ก็ได้ไปซื้อบุหรี่ขณะที่ Amar นั้นยังข่มขืนสาวคนดังกล่าวอยู่แต่ปรากฏว่าเมื่อเขากลับมาเขาได้พาเพื่อนมาอีก 2 คนซึ่งทราบชื่อภายหลังว่า Rajesh และ Ramesh หลังจากนั้นทั้ง…
-
ยิ่งกว่ารักแท้… หนุ่มขอเพื่อนสาวที่เคยชอบสมัยมัธยมแต่งงาน แม้เธอจะเสียโฉมไปแล้วก็ตาม
อีกหนึ่งเรื่องราวที่อาจพูดได้ว่า เป็นความรักอันบริสุทธิ์ที่ไม่ได้มีเรื่องของรูปพรรณภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย หากแต่มันคือความรักที่เกิดจากความเป็นห่วง และความอยากดูแลเอาใจใส่… โดยทั้งหมดนี้คือเรื่องราวความรักสุดซึ้งของอดีตเพื่อนสมัยมัธยมชาวอินเดียระหว่าง Jayaprakash และ Sunitha ที่แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไป แต่ความทรงจำดีๆ ยังคอยย้ำเตือนให้เค้าอยู่ดูแลเธอมาเสมอ Jayaprakash เล่าว่า ครั้งแรกสุดที่เขาได้รู้จักกับ Sunitha ก็เมื่อปี 2004 ซึ่งในตอนนั้นทั้งคู่มีโอกาสได้ร่วมเรียนชั้นเดียวกัน และวินาทีแรกที่ได้สบตากับฝ่ายหญิง เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่านี่อาจเป็นรักแท้ที่เฝ้าตามหา “ผมยังจำวันแรกที่เธอเป็นนักเรียนใหม่ย้ายเข้ามาได้.. ผมไม่สามารถหยุดมองเธอได้เลย จากนั้นเวลาก็ทำให้เราทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน แต่หัวใจผมก็รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นเธอไปกับเพื่อนผู้ชายคนอื่นในตอนนั้น วันหนึ่งผมก็ได้ตัดสินใจที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธออีก” นับจากวันที่เรียนจบ พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้พบกันอีกเลย.. กระทั่งวันหนึ่ง Sunitha ก็ได้ติดต่อมาหาฝ่ายชาย ทั้งสองพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบซึ่งกันและกัน และนั่นก็ทำให้ Jayaprakash รู้สึกตกหลุมรักเธออีกครั้ง ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2011 ฝ่ายชายได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนเก่าและได้รู้ว่า Sunitha ประสบอุบัติเหตุจากรถยนต์ อาการบาดเจ็บของเธออยู่ในขั้นสาหัสถึงขั้นทำให้หน้าตาของเธอเสียโฉม “ครั้งแรกที่ผมไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาล ผมเห็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีเส้นผม ไม่มีจมูก ไม่มีปาก ไม่มีฟัน เหมือนคนอายุ 90 ได้ ตอนนั้นผมตกใจและช็อคมาก” จากนั้นความรู้สึกบางอย่างก็ได้บันดาลขึ้นมาจากก้นบึ้งจิตใจของฝ่ายชาย..…
-
เรื่องราวของหมู่บ้านในอินเดีย ที่แต่ง “เมีย” หลายคน แท้จริงเพื่อมาใช้ในการขนน้ำ!??
โดยทั่วไปหลายคนจะเข้าใจกันว่า การแต่งงานคือการยินยอมพร้อมใจที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันกับใครอีกคน หรือในบางครั้งก็อาจจะมากกว่านั้น อย่างเช่นศาสนาอิสลาม หรือกษัตริย์ในบางพื้นที่ที่มีภรรยาหลายคน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมีอำนาจ แต่สำหรับหมู่บ้าน Denganmal ในประเทศอินเดีย หมู่บ้านเล็กๆ ประชากรเพียงแค่ 500 คน ที่แต่ละครอบครัวก็นิยมมีภรรยาอยู่มากกว่าหนึ่ง ทว่ากลับเป็นเกิดจากเหตุผลแตกต่างจากความรัก หรือการแสดงอำนาจ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะผิดกฎหมายในอินเดีย เพราะพวกเขาไม่ใช่คนอิสลาม แต่การมีภรรยาเยอะของที่นี่ ก็เพื่อให้พวกเธอได้ออกไปตักน้ำกลับมา ซึ่งนับว่าเป็นความจำเป็นและสำคัญอย่างมากในการใช้ชีวิต . ลองคิดดูว่าถ้าหากมีภรรยาแค่คนเดียว เธอคนนั้นก็จะต้องทำงานบ้าน ทำอาหาร และเลี้ยงลูกในขณะที่สามีกำลังไปทำงาน แทบไม่มีเวลาได้หยุดพักเลย และปัญหาสำคัญที่สุดก็คือในหมู่บ้านจะต้องออกไปเติมน้ำมาใช้กันเอง โดยถ้าหากจะต้องทิ้งลูกเอาไว้เพียงลำพัง และเดินออกไปตักน้ำกลับมาด้วยระยะเวลานานถึง 12 ชั่วโมง อย่างนั้นก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีซักเท่าไหร่ ดังนั้นเหล่าสามีจึงตัดสินใจแต่งงานมีภรรยาเพิ่ม เพื่อให้คนที่เข้ามาใหม่ แบ่งเบาภาระในเรื่องนี้ พวกเธอเหล่านั้นจึงต้องออกไปตักน้ำกลับมาทุกวัน เพราะพวกเธอสามารถขนน้ำกลับมาได้ในปริมาณที่จำกัดเพียง 30 ลิตรเท่านั้น เพียงพอสำหรับการใช้ดื่ม ใช้อาบ หรือซักผ้าล้างจานเพียงแค่วันเดียว นับเป็นหน้าที่ที่ทรหดอย่างมาก เพราะการเดินในระยะทางที่ไกลขนาดนั้น บวกกับการแบ่งถังน้ำสองถังเอาไว้บนหัว มันไม่ใช่เรื่องง่ายเอาซะเลย การช่วยเหลือเดียวที่พวกเธอาจได้รับ คือช่วงมรสุมที่ทำให้ลำธารขยายใหญ่ขึ้น และการเดินทางก็จะสั้นลง ตอนนี้บางคนอาจเริ่มสงสัยแล้วว่า ทำไมผู้หญิงเหล่านั้นจึงต้องยอมแต่งงานใหม่ด้วย?…
-
เสือโคร่งขาวหายาก ถูกเสือเบงกอลรุมทำร้ายจนสิ้นใจ เหตุเพราะเจ้าหน้าที่ “ลืมปิดประตู…”
ข่าวนี้อาจจะมีภาพหรือเนื้อหาที่รุนแรง และไม่เหมาะกับบางคน ภาพจากคลิปวิดีโอเผยให้เห็นเหตุการณ์อันน่าเศร้า กับโชคร้ายของเจ้าเสือโคร่งขาวพันธุ์หายากจากอุทยานแห่งหนึ่งในเมืองบังคาลอร์ ประเทศอินเดีย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่าน หลังจากที่เจ้าเสือโคร่งขาว 2 ตัวที่ชื่อว่า Amar และ Shreyas ได้หลุดเข้าไปในกรงของเสือเบงกอล เนื่องจากเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลลืมปิดประตูกรง โชคดีที่ทางฝั่งเจ้า Amar สามารถหนีออกมาจากรงเสือเบงกอลได้สำเร็จ แต่ทว่าเพื่อนของมันเจ้า Shreyas เสือโคร่งขาววัย 9 ปี กลับไม่สามารถหนีออกมาได้และถูกพวกเสือเบงกอลรุมทำร้ายจนเสียชีวิต เจ้า Shreyas ที่กำลังถูกเสือเบงกอลรุมทำร้าย ภายในคลิปวิดีโอเผยให้เห็นถึงความพยายามในการเอาชีวิตรอดของเจ้าเสือ Shreyas มันพยายามต่อสู้ ขณะที่เหล่าเจ้าหน้าที่เองก็พยายามที่จะหยุดการต่อสู้นั้น โดยการกดแตรรถและตะโกนดังๆ แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ มันโดนรุมขย้ำจนบาดเจ็บหนัก แต่ก็ไม่ตายโดยทันที หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเจ้า เจ้าหน้าที่ได้พา Shreyas ไปทำการรักษา แต่บาดแผลที่รุนแรงทำให้มันต้องจากไปอย่างน่าเศร้าเมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา คุณ Jayaram เจ้าหน้าที่จากหน่วยพิทักษ์ป่ากล่าวว่าตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว “ตอนนี้เราได้มีการสั่งการให้ตรวจสอบถึงสาเหตุของเรื่องดังกล่าว เพื่อไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก เราจำเป็นต้องมีการลงโทษผู้ที่ละเลยหน้าที่” เจ้าเสือโคร่งขาวนี้จัดเป็นสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ และคาดการณ์ว่าไม่สามารถพบเห็นพวกมันได้ในป่าทั่วไป พวกเสือโคร่งขาวนี้ไม่ปรากฏตัวให้เห็นในธรรมชาติมานานกว่า 50 ปีแล้ว สาเหตุหลักที่ส่งผลกระทบต่อจำนวนประชากรของพวกมันก็คือการรุกรานถิ่นที่อยู่อาศัยของพวกมันโดยมนุษย์นั่นเอง คลิปวิดีโอการต่อสู้ของเจ้า Shreyas (คำเตือน: คลิปวิดีโอต่อไปนี้อาจมีภาพและเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม) เสือโคร่งขาวนั้นเกิดจากความผิดปรกติของยีนจากเสือเบงกอล ซึ่งโดยปกติแล้วการที่พวกมันจะผสมพันธุ์กันตามธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก…
-
“Hawa Mahal” พระราชวังที่สร้างขึ้นมาเหมือนรังผึ้ง เต็มไปด้วยเสน่ห์อันงดงามที่น่าหลงใหล
เมื่อกล่าวถึง “อินเดีย” ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางเข้าไปท่องเที่ยว รวมถึงไปแสวงบุญอีกมากมาย และนอกจากเรื่องของการทำบุญแล้ว สิ่งที่เป็นมนต์เสน่ห์ของอินเดียที่ผู้คนหลงใหลก็คงจะเป็นสถาปัตยกรรม รวมถึงพระราชวังที่มีทั้งความงดงาม หรูหรา และโดดเด่น และในครั้งนี้ #เหมียวขี้อ้อน จะขอพาเพื่อนๆ ทุกคนมารู้จักกับ “ฮาวามาฮาล” (Hawa Mahal) หรือ “พระราชวังแห่งสายลม“ (Palace of the Winds) ที่เรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์กสำคัญแห่งใหม่ ของประเทศอินเดียเลยก็ว่าได้ สำหรับฮาวามาฮาล ตั้งอยู่ในเมืองชัยปุระ รัฐราชสถาน สร้างขึ้นเพื่อให้บรรดาเหล่าสตรีในราชวงศ์เพื่อใช้สำหรับชมกิจกรรมต่างๆ บนถนนในเมือง ที่สำคัญนอกจากจะมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว ฮาวามาฮาลยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ และเป็นจุดเด่นที่สุดของเมืองแห่งนี้อีกด้วย ภาพการตกแต่งภายในราชวัง ฮาวามาฮาล ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1799 โดย Maharaja Sawai Pratap Singh และได้รับการออกแบบขึ้นมาโดยสถาปนิกที่ชื่อว่า Lal Chand Ustad ภาพมุมด้านบนของพระราชวัง ที่ทั้งอลังการงานสร้าง และงดงามเป็นอย่างมาก พระราชวังฮาวามาฮาล…
-
อินเดียเริ่มสร้างรถไฟหัวกระสุน โดยได้รับความร่วมมือจากญี่ปุ่น เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน การเดินทางถือเป็นกิจกรรมหลักของประชากรส่วนใหญ่ในแต่ละวัน ดังนั้น หลายๆ ประเทศจึงต้องปรับปรุงและพัฒนาระบบการขนส่งให้เหมาะสมกับความต้องการอยู่เสมอ ล่าสุดประเทศที่มีประชากรจำนวนมากอย่างอินเดียก็เริ่มสร้างรถไฟความเร็วสูงแล้ว เพื่อที่จะรองรับการเดินทางของประชากรทั่วประเทศ สำหรับรถไฟความเร็วสูงนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2022 โดยจะลดระยะเวลาการเดินทางจาก 8 ชั่วโมง เหลือเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งนี้อินเดียได้รับความช่วยเหลือจากญี่ปุ่น ในการสร้างรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งได้เกือบ 500 กิโลเมตร ระหว่าง Ahmadabad ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าของอินเดีย ไปยังศูนย์กลางทางการเงินของอินเดียที่เมืองมุมไบ นอกจากเสนอความช่วยเหลือแล้วด้านการสร้างแล้ว ญึ่ปุ่นยังให้ความช่วยเหลือด้านการเงินสำหรับทำโครงการนี้อีกด้วย โดยการให้กู้เงินและคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ ความร่วมมือดังกล่าวนี้ส่งผลให้ผู้นำอินเดีย Narendra Modi และญี่ปุ่น Shinzo Abe ได้ระดมแรงงานกว่า 4,000 คน เพื่อฝึกอบรมในการทำรถไฟความเร็วเร็วสูง ผู้นำญี่ปุ่นกล่าวว่า “นายกรัฐมนตรี Narendra Modi เป็นเพื่อนที่ดีของผม เขาเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล เขาได้ตัดสินใจที่จะสร้างรถไฟความเร็วสูงเมื่อ 2 ปี ก่อน เพื่อที่จะนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่อินเดีย” “เมื่อผมกลับที่นี่อีกครั้งในไม่กี่ปีข้างหน้า ผมคาดหวังว่าจะได้ชมทิวทัศน์อันสวยงามของอินเดีย ผ่านหน้าต่างรถไฟหัวกระสุน” ทางด้านนักวิเคราะห์บอกว่า การสร้างรถไฟความเร็วสูงจะช่วยเพิ่มการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภาคอุตสาหกรรมตะวันตกของอินเดียที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งยังช่วยลดความแออัดในเมืองด้วย…
-
หนุ่มรักสัตว์ของแท้ ผู้เลี้ยง “นก” กว่า 3,000 ตัว ทุกวันๆ แบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
หลายคนมีสัตว์เลี้ยงที่เราคอยดูแลพวกมันอยู่เสมอ ทั้งเจ้าหมาเจ้าเหมียวทั้งหลาย หรือแม้แต่นกสายพันธุ์ต่างๆ ชายคนนี้เองก็เป็นผู้ชื่นชอบนกและเลี้ยงไว้เช่นเดียวกัน ทว่าความเจ๋งก็คือเขาไม่ได้เลี้ยงแค่ตัวเดียวเนี่ยสิ Harsukh Bhai Dobariya หนุ่มชาวอินเดียผู้โด่งดังอย่างมาก โดยเฉพาะกับนกแล้วละก็ เขาเป็นที่รู้จักพอสมควรเลย เพราะจะมีนกแก้วและนกกระจอกราวๆ 3,000 ตัวมาหาเขาที่บ้านทุกๆ วัน เรื่องแบบนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2000 ในตอนที่เขาขาหัก ต้องนอนอยู่บนเตียงแทบจะตลอดเวลา จนเมื่อคนแถวบ้านมาซื้อข้าวฟ่างมุกจากเขา ทำให้เกิดไอเดียนำซังข้าวฟ่างวางล่อตาเจ้านกให้มากินตรงระเบียงบ้านของตัวเอง วันต่อมาพบว่ามีนกแก้วสองตัวกำลังกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ผ่านไปจำนวนของพวกมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งภายในหนึ่งเดือน ก็มีนกขาประจำมาราว 200 ตัวทุกๆ วัน ด้วยพื้นที่ที่จำกัด จึงนำเอาท่อน้ำเก่าๆ มาวางเรียงกันและเอาฝักไปห้อยไว้ ทำให้เจ้านกทั้งหลายที่มาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สามารถกินได้สะดวกมากยิ่งขึ้น แต่ที่พักใจกลางของเขาที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยเหล่านกมากมาย สร้างความเดือดร้อนให้คนข้างบ้านและผู้สัญจรไปมา ด้วยเสียงร้องที่มีให้ได้ยินกันตลอด แล้วยังเรื่องของขี้นกอีกก็เป็นปัญหาสำคัญ ทำให้เขาและครอบครัวตัดสินใจย้ายออกไปอยู่นอกเมืองในปี 2012 บนพื้นที่กว่า 16,000 ตารางเมตร และมั่นใจว่าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับใคร ทำให้สามารถให้อาหารพวกนกได้อย่างเต็มที่ เรียกว่าเป็นฟาร์มนกไปแล้ว ปัจจุบันเขาและครอบครัวให้อาหารนกราว 3,000 ตัวต่อวัน ที่บินกันมาเป็นระยะๆ เกาะอยู่บนแผงทรงตัวที่พวกเขาสร้างให้ จำนวนที่มากขนาดนี้ทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนซักข้าวฟ่างสองครั้งต่อวันกันเลย…
-
ลิงทั้งฝูงล้มตายอย่างประหลาด คาดเกิดจากหัวใจวายจาก “เสียงคำราม” ของเสือโคร่ง
เราคงจะเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับอาการหัวใจวายจากการตกใจกันบ้างใช่ไหม บ้างก็มาจากการแกล้งหรือการตกใจสุดขีด แต่น้อยครั้งที่เราจะเห็นมันเกิดขึ้นกับสัตว์ ที่สำคัญกว่าคือครั้งเดียวตายยกฝูง!!? เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ป่าแห่งหนึ่งในเขต Kotwali Mohammadi ของอินเดีย ซึ่งมีรายงานว่ามีคนพบลิง 12 ตัวนอนตายอยู่ข้างกัน และยังได้รับการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญด้านสัตวแพทย์ว่า พวกมันตายเพราะหัวใจวายจากอาการตกใจกลัวอะไรบางอย่าง (คาดว่าน่าจะเป็นเสือโคร่ง) แปลกดีใช่ไหมล่ะ? แต่เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากหลายฝ่าย รวมทั้งชาวบ้านเองก็บอกว่าบริเวณป่าดังกล่าวมีอยู่เสือเพ่นพ่านอยู่เยอะ ด็อกเตอร์ Sanjeev Kumar ผู้เชี่ยวชาญก็บอกเช่นเดียวกัน แต่เขาบอกว่ามันอาจจะมีปัจจัยอื่นเสริมเช่น ลิงอาจจะได้รับพิษจากอะไรบางอย่างมาก่อนแล้ว อาจจะเป็นอาหารหรืออะไรก็ตาม ทว่าเมื่อพวกมันเจอเสือคำรามใส่บวกกับพิษที่เป็นอยู่ จึงทำให้เกิดอาการหัวใจวายและตายพร้อมกันหมดนั่นเอง แต่ถึงแม้สื่ออินเดียจะรายงานตามคำบอกเล่ายังไง ชาวเน็ตก็ยังไม่ปักใจเชื่อซะทีเดียว พวกเขาต่างพากันไปในทิศทางเดียวกันว่า ฝูงลิงดังกล่าวถูกฟ้าผ่าจนทำให้พวกมันช็อคตายราวกับหัวใจวาย เพราะกระแสไฟฟ้าจากฟ้าผ่ามันแรงมากจนทำให้พวกมันตายได้นั่นเอง ชาวเน็ตหลายคนบอกว่าพวกมันถูกฟ้าผ่า อย่างคนนี้ก็บอกว่ามันเกิดขึ้นในบางครั้งกับกวางเรนเดียร์ แต่ไม่ว่าเรื่องจริงจะเป็นอย่างไร การตายของพวกมันก็ยังเป็นเรื่องประหลาดอยู่ดีนั่นเอง แล้วเพื่อนๆ คิดว่าพวกมันตายเพราะสาเหตุอะไรกัน ลองคอมเม้นต์มาดูนะ… ที่มา dailymail
-
เด็กอินเดียวัย 11 ขวบ ป่วยเป็นโรคพิเศษทำให้โตไวกว่าอายุถึง 8 เท่า!! แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้…
Shreyash Barmate เด็กชายวัย 11 ขวบจากอินเดียผู้ป่วยเป็นโรค Progeria หรือโรคชราในเด็ก ซึ่งมันทำให้เขาที่เป็นเด็กแต่กลับมีร่างกายที่แก่กว่าปกติราวกับว่า เขาอายุ 70 หรือ 80 เข้าไปแล้ว!! Shreyash นั้นอาศัยอยู่ที่รัฐมัธยประเทศ ประเทศอินเดีย ซึ่งแม้เขาจะเป็นเด็ก 11 แต่ร่างกายภายนอกของเขานั้นแก่ไปมากๆ แล้ว ทั้งแขนขาที่ผอมแห้งราวกับคนแก่ หัวที่โตและล้านกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ซึ่งจากบันทึกพบว่ามีเด็กที่ป่วยเป็นโรคนี้แค่ราวๆ 150 คนเท่านั้น แต่ถึงร่างกายของเขาจะไม่ปกติ Shreyash ก็ไม่ปล่อยให้โรคนี้มาสร้างความคิดลบกับเขา เขายังคงหัวเราะและยิ้มแย้มอยู่เสมอ และเขายังบอกว่าเขาอยากเป็นนักร้องด้วย แม้ว่าทีมแพทย์จะคาดว่าเขาจะเสียชีวิตอีก 2 ปีจากนี้ก็ตาม เด็กชายได้เล่ากับ The Sun ว่า “ผมเล่นได้ทั้งเครื่องดนตรี ร้องเพลงก็ได้ ปั่นจักรยานก็เก่ง และผมก็ยังชอบว่ายน้ำด้วย ที่สำคัญผมก็รู้ว่าผมป่วยเป็นอะไร แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะทำลายฝันของผมที่จะเป็นนักร้องชื่อดังหรอกนะ โตขึ้นผมจะโด่งดังมีชื่อเสียง ที่สำคัญผมจะเก่งกว่าคนอื่น และผมก็มีความสุขมากๆ เลยล่ะ” ด้าน Arvind Barmate ผู้เป็นพ่อก็บอกว่า เขามีลูกสองคนเป็นฝาแฝดก็คือ Shreyash…
-
พ่อแม่ลงทุนบินจากอินเดียมาหาลูกชายที่ฟลอริดา เพื่อทำร้ายร่างกายสะใภ้ โทษฐานไม่เชื่อฟัง
Devbir Kalsi วัย 33 ปี พร้อมพ่อแม่ของเขา Jasbir วัย 67 ปีและ Bhupinder วัย 61 ปี ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในข้อหาทำร้ายร่างกายและกักขังหน่วงเหนี่ยว หลังจากภรรยาของเขา Silky Gaind วัย 33 ปี แจ้งตำรวจ เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเริ่มจากการที่ Devbir ได้โทรเรียกพ่อแม่ของเขาจากอินเดียให้บินมายังฟลอริดา ที่บ้านของเขาในเมือง Riverview เพื่อช่วยจัดการสั่งสอนภรรยาของเขาที่ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งต่างๆ ของเขา ตัวภรรยานั้นถูกครอบครัว Kalsi ทุบตีอย่างหนัก และกักขังไว้ในห้องพร้อมกับลูกน้อย จากนั้นก็ทำการยึดโทรศัพท์มือถือมาด้วย เพื่อสั่งสอนให้เธออยู่ในโอวาทของพวกเขา และทุกครั้งที่ Silky พยายามจะสู้เธอก็จะถูกทำร้ายหนักกว่าเดิม ซึ่งร้ายแรงสุดๆ ก็คงจะเป็นการถูกสามีถือมีดและขู่ว่าจะแทงถ้ายังไม่ฟังในขณะที่เธอยังอุ้มลูกน้อยอยู่นั่นเอง แต่ยังไงก็ตามสุดท้ายแล้ว Silky ก็สามารถหาทางโทรกลับไปหาพ่อแม่ที่อินเดียของเธอจนได้ ซึ่งทำให้พ่อแม่ของเธอติดต่อมายังเจ้าหน้าที่ในรัฐฟลอริด้าและเดินทางมาช่วยเธอในเวลาต่อมา ด้านเจ้าหน้าที่เล่าว่าในช่วงเวลาที่พวกเขามาถึง ตอนแรกประตูถูกล็อคไว้และเมื่อพยายามจะพังเข้าไปก็จะถูกดันไว้โดยตัว Kalsi เอง ทว่าทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่พยายามพวกเขาจะได้ยินเสียงกรีดร้องให้มาช่วยเหลือลูกและตัวเธอเองดังออกมาตลอด นั่นทำให้เจ้าหน้าที่ยิ่งแน่ใจว่าต้องรีบเข้าไปช่วย สุดท้ายแล้วเรื่องก็จบลงที่ทั้งสามคนถูกจับ พร้อมถูกตั้งข้อหามากมายโดยหลักๆ แล้วก็จะเป็นคดีทำร้ายร่างกายและกักขัง แต่ภายหลังก็ถูกเพิ่มข้อหาเกี่ยวกับการทำร้ายเด็กรวมถึงมีอาวุธร้ายแรงไว้ครอบครองด้วย และทั้งหมดจะถูกส่งกลับไปดำเนินคดีต่อที่อินเดีย ทว่าตอนนี้ยังถูกกักขังไว้เพื่อรอการสอบสวนต่อไป……
-
ตำรวจหนุ่มอินเดียเสี่ยงชีวิต ถือระเบิดแล้ววิ่งให้ห่างจากโรงเรียน ช่วยเด็กๆ ได้กว่า 400!!
เหตุการณ์สุดระทึก เมื่อตำรวจหนุ่มคนหนึ่งยอมสละตัวเองวิ่งไปหยิบระเบิดที่ตกใกล้ๆ โรงเรียนแห่งหนึ่ง พร้อมถือมันวิ่งออกไปให้ห่างจากโรงเรียนเพื่อช่วยชีวิตนักเรียนหลายกว่า 400 ชีวิต!! คลิปเหตุการณ์โชว์ให้เห็นถึงความกล้าของ Abhishek Patel หัวหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจของอินเดีย กำลังถือระเบิดขนาด 20 ปอนด์ วิ่งหน้าตั้งเพื่อออกให้ห่างจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐมัธยประเทศ จากนั้นก็โยนระเบิดดังกล่าวทิ้งลงแม่น้ำไป Abhishek ได้ให้สัมภาษณ์ของสำนักข่าวท้องถิ่นได้ว่า “ใกล้ๆ นั้นมีนักเรียนกว่า 400 คน และเมื่อระเบิดถูกเจอบริเวณนั้นอะไรมันก็เกิดขึ้นได้ ฉะนั้นผมก็อยากจะเอามันออกไปให้ไกลมากที่สุดจากชุมชน เพราะถ้ามันระเบิดมันสามารถสร้างความเสียหายเป็นรัศมีถึง 500 เมตร” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยังเล่าอีกว่านี้มันเป็นครั้งแรกของที่ได้เจอกับระเบิด ฉะนั้นเขาก็ไม่รู้หรอกว่าจะต้องรับมือยังไง แต่เขาก็ยอมที่จะเสี่ยงเพื่อช่วยชีวิตคนอื่นๆ เขาบอกปิดท้ายว่า “ผมรู้นะว่ามันเสี่ยง แต่มันคือหน้าที่ของผมที่ต้องช่วยคนบริสุทธิ์ ยิ่งตรงนั้นมีเด็กๆ อยู่มากมายผมยิ่งต้องช่วยพวกเขา เพราะเด็กๆ เป็นอนาคตของชาติ” สภาพของระเบิดดังกล่าว สุดท้ายแล้วหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ก็เดินทางมาถึงและตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ทางด้านหัวหน้าคณะรัฐมนตรีของรัฐมัธยประเทศก็ได้มอบรางวัลให้แก่ Abhishek เป็นเงินจำนวนราวๆ 26,000 บาท เพื่อตอบแทนในความกล้าหาญของเขา… เจ้าหน้าที่กำลังเสริม มาตรวจเช็คระเบิดดังกล่าว ที่มา ladbible
-
ทำความรู้จักกับ ‘Bhupathy’s purple frog’ กบสีม่วงสายพันธุ์ใหม่ ที่เพิ่งถูกค้นพบในอินเดีย
กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่มากๆ เมื่อนักสัตววิทยาได้ค้นพบกบสีม่วงสายพันธุ์ใหม่ ในพื้นที่เทือกเขา Western Ghats ของประเทศอินเดีย โดยเจ้ากบสีม่วงสายพันธุ์นี้ มีลักษณะพิเศษคือ ผิวหนังสีม่วงระยิบระยับ และมีวงแหวนสีฟ้ารอบๆ ดวงตา พร้อมกับจมูกที่คล้ายกับหมู นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งชื่อให้สายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบนี้ว่า Bhupathy’s purple frog (Nasikabatrachus bhupathi) เพื่อเป็นเกียรติให้กับ Dr. Subramaniam Bhupathy นักสัตววิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ที่เสียชีวิตในเทือกเขาที่ค้นพบเจ้ากบตัวนี้เมื่อปี 2014 ทางด้านคุณ Elizabeth Prendini นักสัตววิทยาด้านสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ คลานจากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติของอเมริกากล่าว… “กบสายพันธุ์นี้ มีความเก่าแก่และความหลากหลายทางสายพันธุ์ที่ต่ำมาก ดังนั้นการได้ค้นพบสายพันธุ์ใหม่จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งและเป็นเรื่องที่พิเศษมาก” โดยส่วนมากแล้วกบสายพันธุ์นี้จะหากินอยู่ใต้ดิน โดยการใช้ลิ้นของพวกมันตวัดกินพวกมดปลวกที่อาศัยอยู่ในนั้น นอกจากนี้ในแต่ละปี พวกมันจะขึ้นมาบนดินช่วงฤดูฝนแค่เพียงปีละ 2 สัปดาห์เพื่อสืบพันธุ์เท่านั้น กบตัวเมียที่ได้รับการผสมพันธุ์แล้วจะทำการวางไข่ใกล้ๆ กับลำธาร หลังจากนั้นอีกประมาณ 1 หรือ 2 วัน ลูกอ๊อดตัวน้อยก็จะลืมตาออกมาดูโลก พวกมันจะมีการพัฒนาส่วนที่ปากคล้ายกับปลาซักเกอร์ จากนั้นจึงอาศัยอยู่รอบๆ ก้อนหินเพื่อกินพวกสาหร่ายเล็กๆ และจะใช้เวลาประมาณ 120 วันเพื่อพัฒนาเป็นตัวโตเต็มวัย ก่อนจะกลับไปอาศัยอยู่ใต้ดิน …
-
ทหารจีนกับอินเดียปะทะเดือดแถบชายแดนเทือกเขาหิมาลัย ด้วยการ “ปาหินใส่กัน” !??
ถ้าหากใครติดตามข่าวต่างประเทศกันอย่างต่อเนื่อง คงจะทราบข่าวเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างจีนและอินเดียในบริเวณชายแดนใกล้กับเทือกเขาหิมาลัย ล่าสุดได้มีข่าวเกี่ยวกับความรุนแรงในพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก เมื่อทหารของสองชาติได้ปะทะกันอย่างดุเดือด โดยมีก้อนหินเป็นอาวุธ!! จากการรายงานของสำนักข่าว Indian defense official รายงานว่าทหารจีนนั้นได้พยายามที่จะเข้ามาในเขตแดนของดังกล่าวจึงทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างทหารทั้งสองฝ่าย จนเกิดสงครามลูกหินแบบย่อมๆ เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นใกล้ๆ กับทะเลสาบ Pangong ซึ่งเป็นหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่สำคัญของเมือง Ladakh ประเทศอินเดีย “มันเป็นเรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้น มีการขว้างปาก้อนหินมาจากทหารฝ่ายจีน แต่อย่างไรก็ตามไม่นานสถานะการณ์ดังกล่าวก็ถูกควบคุมไว้ได้” นายทหารท่านหนึ่งให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว การกระทบกันครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเช้าของวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ในระหว่างที่ทหารทั้งสองฝั่งกำลังฝึกซ้อมอยู่ใกล้ๆ กับฐานที่มั่นของตนเอง และนี่คือตำแหน่งของทะเลสาบดังกล่าว พื้นที่ดังกล่าวนั้นอยู่ในรัฐชัมมูและกัศมีร์ของประเทศอินเดีย ซึ่งติดห่างจากชายแดนของประเทศจีนและอินเดียประมาณ 3,500 กิโลเมตร หนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจของรัฐกล่าวว่าการปะทะกันระหว่างทหารทั้ง 2 ชาติที่ชายแดนนั้นเป็นหนึ่งของเส้นควบคุมแท้จริงหรือพรมแดงระหว่างสองประเทศนั่นเอง “เหตุการณ์แบบนี้มักเกิดขึ้นบ่อยๆ ในช่วงหน้าร้อน แต่ไม่มีการใช้อาวุธในการจ่อสู้กันแต่อย่างใด” หนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกกับผู้สื่อข่าว AFP การเผชิญหน้าครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีข้อพิพาทกันระหว่างจีนและอินเดียเกี่ยวกับพื้นที่ชายแดนบริเวณทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเทือกเขาหิมาลัยเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อนหน้านี้ “การใช้หินเป็นอาวุธนั้นดูเหมือนจะเป็นการพิพาทกันที่แปลกไปจากทุกครั้ง นี่อาจจะเป็ความพยายามในการกระตุ้นและเพิ่มความตึงเครียดโดยที่ไม่ใช้อาวุธก็ได้” เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งกล่าว อย่างไรก็ตามเมื่อวันพุธที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมาได้มีการจัดประชุมระหว่างนายทหารระดับสูงที่ดูแลขอบเขตชายแดนจากทั้งสองประเทศ และได้มีการหยิบประเด็นนี้มาพูดในที่ประชุมด้วย แต่อย่างไรก็ตามจากการรายงานของ The Express ทั้งสองฝ่ายยังคงยึดตามสนธิสัญญาเดิมและยังคงมีการฝึกกันต่อไป นอกจากนี้ทางสำนักข่าว The…
-
หญิงสาวชาวอินเดียถูกครอบครัวตัวเองฆ่าตาย หลังพวกเขาเชื่อว่าเธอเป็นแม่มด!!?
ความเชื่อที่ว่าใครเป็นแม่มดต้องถูกกำจัดนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่มีกันมาอย่างช้านานแม้ว่าในปัจจุบันจะเลือนหายไปเกือบหมดแล้วก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่ามันยังมีความเชื่อนี้หลงเหลืออยู่บ้าง ซึ่งล่าสุดมันได้เกิดขึ้นที่ประเทศอินเดียนั่นเอง เธอคนนี้มีชื่อว่า Kanya Devi วัย 40 ปีจากรัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย ซึ่งเธอคนนี้ได้ถูกฆ่าตายด้วยเหตุผลที่ไม่น่าเชื่อว่ายังเกิดขึ้นในยุคนี้ นั้นก็คือเธอถูกคนในครอบครัวกล่าวหาว่าเธอเป็นแม่มด และตั้งใจจะฆ่าเธอทั้งเป็นโดยการบังคับให้เธอถอดเสื้อผ้าออก พร้อมกับบังคับให้กินถ่านร้อนๆ จากเตาเผา หลังจากการบังคับกินถ่านแล้ว คนในครอบครัวของเธอยังจัดการเธอด้วยการนำเหล็กร้อนๆ แทงลงไปบนตาของเธอทั้งสองข้างอย่างโหดเหี่ยม จนสุดท้ายเธอก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหวแล้วเสียชีวิตในเวลาต่อมา ด้านศพของเธอ ทางญาติๆ ก็ได้นำศพซ่อนไว้เพื่อไม่ให้ทางการรู้ แต่อย่างไรก็ตามตำรวจก็สามารถตามจนพบและจับผู้ต้องหาจำนวน 5 คนได้ ซึ่งในนั้นยังรวมถึงหลานๆ ของ Kanya ด้วย โฉมหน้าของผู้ต้องหาทั้งหมด… ด้านเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน แต่ทุกคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันถึงสาเหตุการฆ่าว่า พวกเขาเชื่อว่า Kanya เป็นแม่มดจึงจัดการฆ่าซะ แต่ทางตำรวจก็ยังไม่ปักใจเชื่อซะทีเดียว นอกจากนั้นยังเดาว่าอาจจะเป็นเรื่องของผลประโยชน์หรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ . แต่ยังไงจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม การฆ่าคนในครอบครัวด้วยวิธีอันเหี่ยมโหดดังกล่าวนั้น ถือเป็นเรื่องผิดศิลธรรมที่รับไม่ได้อย่างสูงที่สุดนั่นเอง… ที่มา dailymail
-
สุนัขจรจัดเดินเหม่อไปตกลงใน “คลองน้ำเสีย” แต่พอกลับขึ้นมาตัวดันกลายเป็นสีฟ้าซะงั้น!!?
เหตุการณ์สุดแปลก เมื่อมีคนไปเจอกลุ่มสุนัขจรจัด 5 ตัวบริเวณทางตะวันตกของอินเดีย ซึ่งมันมีลักษณะที่แปลกตาจากสุนัขปกติมากๆ โดยสุนัขบางตัวดันมีลำตัวเป็นสีฟ้าเฉย!!? Arati Chauhan เจ้าหน้าที่คุ้มครองสุนัขได้เล่าว่า ตอนที่เธอเห็นสุนัขทั้ง 5 เธอตกใจมากๆ ว่าทำไมสุนัขเกือบทั้งหมดถึงมีสีเป็นสีฟ้า เธอจึงหาต้นตอก็พบว่า เจ้าตูบทั้งหมดมันไปคุ้ยหาเศษขยะในคลองน้ำเสียเพื่อประทังชีวิต ทว่าคลองน้ำเสียดังกล่าวนั้นมีสารพิษที่สูงมากๆ ทำให้พวกมันได้รับสารพิษดังกล่าวเข้าไป จนเมื่อกลับขึ้นมาตัวมันจึงกลายเป็นดั่งที่เห็น ลองดูคลิปของสุนัขพวกนี้ดู จากรายงานยังบอกเพิ่มเติมว่าที่รัฐมหาราษฏระนั้นมีปริมาณการบริโภค และทิ้งของเสียที่มากถึง 13 เท่ากว่าที่มีการกำหนดไว้ ทำให้ทางกรมควบคุมต้องออกมาตรวจสอบในท้ายที่สุด เพราะพวกเขาบอกว่ามีชาวบ้านและโรงงานอุตสาหกรรมทิ้งสารพิษและของเสียลงน้ำเยอะมากๆ และมันก็ส่งผลเสียต่อสิ่งมีชีวิตรอบๆ ยังไงก็ตาม แม้ว่าสุนัขดังกล่าวจะมีสีฟ้าน่ารักเหมือนสเมิร์ฟ แต่ความจริงกลับไม่น่ารักเพราะคุณภาพชีวิตของมันย่ำแย่มากๆ นั่นเอง ยังไงซะก็หวังว่าจะมีเจ้าหน้าที่ลงมาจัดการช่วยเหลือไวๆ สักที… ที่มา metro
-
ชาวอินเดียประท้วง เด็กกว่า 60 เสียชีวิตใน 5 วัน ตำรวจคาดอ็อกซิเจนหมดเพราะไม่จ่ายบิล!?
เมื่อโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศอินเดีย ทำเด็กเสียชีวิตกว่า 64 ราย จนนำไปสู่การประท้วงในท้องถิ่น โดยภายหลังการสอบสวนนั้นคาดว่าเกิดขึ้นเพราะไม่มีออกซิเจนจ่ายให้กับคนไข้ เนื่องจากไม่ยอมจ่ายเงินที่ค้างชำระให้แก่บริษัทอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2560 ทางเว็บไซต์ Metro มีรายงานว่า ทางรัฐบาลของประเทศอินเดียได้สั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐอุตตรประเทศ เข้าตรวจสอบ และเฝ้าจับตาสถานการณ์ของทางโรงพยาบาล Baba Raghav Das Medical College Hospital อย่างต่อเนื่อง เหตุเกิดขึ้นภายหลังจากที่โรงพยาบาลดังกล่าว ได้ทำคนไข้เด็กกว่า 64 ราย (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กแรกเกิด) เสียชีวิตพร้อมๆ กันในช่วงเวลา 5 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้หลังจากการสืบสวนเบื้องต้นทางโรงพยาบาลได้ถูกตั้งข้อกล่าวหาเอาไว้ว่า สาเหตุที่ทำเด็กต้องจบชีวิตอย่างน่าสลด อาจเป็นเพราะระบบส่งออกซิเจนของโรงพยาบาลถูกตัดขาด เพราะไม่ยอมจ่ายค่าค้างชำระให้กับบริษัทผู้จัดจำหน่าย นอกจากนี้ ยังมีการเผยภาพเหตุการณ์อันน่าสะเทือนใจของผู้เป็นพ่อแม่เด็ก ที่กำลังพากันร้องไห้หลังจากที่ลูกของตนเสียชีวิต ขณะเดียวกันก็ได้มีพ่อแม่อีกหลายๆ คนได้ออกมาประท้วงโรงพยาบาลแห่งนี้ เพื่อเรียกร้องหาความยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก็ได้ออกมายอมรับว่า ระบบส่งออกซิเจนเกิดเหตุขัดข้องจริง แต่ทั้งนี้มันไม่ใช่สาเหตุทั้งหมดที่ทำให้เด็กเสียชีวิต เพราะส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเด็กป่วยเป็นโรคไวรัสสมองอักเสบ รวมถึงความผิดพลาดในการทำคลอดอีกบางเคสด้วย…
-
เด็กหนุ่มวัย 12 ปี ถูกกีดกันจากสังคม เพราะนิ้วมือขนาดยักษ์ที่ยาวถึง 30 เซนติเมตร!!
เรื่องราวอันแปลกประหลาดของเด็กหนุ่มที่เกิดมาพร้อมกับอาการผิดปรกติของร่างกาย Tarik ต้องทนทุกข์ทรมานกับนิ้วมือขนาดใหญ่ของเขาที่ยาวถึง 30 เซนติเมตร!! เด็กหนุ่มวัย 12 ปีจากรัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ที่เกิดมาพร้อมกับนิ้วมือขนาดใหญ่ ซึ่งแพทย์สันนิฐานว่าเขาอาจจะป่วยเป็นโรคเท้าช้างที่มือ ด้วยลักษณะที่ผิดปกติของร่างกายทำให้เด็กหนุ่มต้องกลายเป็นตัวประหลาดของหมู่บ้าน เขาถูกเรียกว่าปีศาจ และถูกกล่าวหาว่าร่างกายนั้นโดนคำสาปบางอย่าง ตอนนี้ Tarik ทำงานอยู่ที่โรงน้ำชาแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน เด็กหนุ่มถูกปฏิเสธการเข้าเรียน เนื่องจากเกรงว่านิ้วมือขนาดใหญ่ของเขาอาจทำให้เด็กคนอื่นๆ กลัวได้ หลังจากที่สูญเสียคุณพ่อไป ทางครอบครัวของเขาก็ยังคงพยายามหาทางรักษาให้กับเด็กหนุ่ม ส่วนตัว Tarik นั้นก็ยังคงมองโลกในแง่ดีและหวังว่าเขาจะสามารถหายเป็นปกติได้ในซักวันหนึ่ง “ผมอยากหายจากโรคประหลาดนี้ ผมอยากไปโรงเรียนได้เหมือนเด็กๆ คนอื่น และเล่นสนุกได้เหมือนพวกเขา หวังว่าซักวันผมคงจะหายเป็นปกตินะ” เด็กหนุ่มกล่าว “ในตอนแรกผมมีเพื่อนอยู่เหมือนกันนะ แต่ตอนนี้ผมไม่มีใครแล้ว พวกเขาไม่กล้าเล่นกับผมเพราะว่ากลัวความผิดปกติของมือผม คนในหมู่บ้านส่วนมากคิดว่าผมถูกคำสาป พวกเขาไม่รู้ข้อเท็จจริงทางการแพทย์เลยว่า โรคนี้สามารถรักษาให้หายได้ ” เด็กหนุ่มเสริม การมีนิ้วมือที่ใหญ่ ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของ Tarik นั้นค่อนข้างลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำ การทานอาหารและการหยิบจับสิ่งของต่างๆ ไม่ค่อยสะดวกและต้องใช้ความพยายามอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามทางคุณป้า คุณลุง และพี่ชายผู้ดูแล Tarik…
-
Daredevil นะนายจ๋า… หนุ่มชาวอินเดียอ้าง ปิดตาทำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะมีสัมผัสพิเศษ!?
คนโบราณสมัยไหนก็ไม่รู้เคยบอกว่า ‘ดวงตาเป็นเหมือนหน้าต่างของดวงใจ’ เราก็ไม่รู้หรอกว่าเขาหมายถึงอะไร เพราะเราก็เริ่มสับสนกับคำพูดนี้แล้วเหมือนกัน หลังจากที่ได้เห็นเรื่องราวของ Jeet Trivedi เขาไม่ใช่คนเด่นคนดังอะไร แต่เป็นเด็กหนุ่มชาวอินเดียวัย 17 ปี ที่อ้างว่า เขาสามารถทำกิจวัตรประจำวันทุกอย่างได้แม้จะถูกปิดตา ไม่ว่าจะเป็นขับรถ เล่นหมากรุก ปั่นจักรยาน เข้าห้องน้ำ เรียกได้ว่าทำทุกอย่างได้ดีไม่แพ้ Daredevil เลยทีเดียว หนุ่มวัย 17 ปีคนนี้เริ่มเป็นที่จับตามองของสื่อทั่วโลก หลังจากที่เจ้าตัวได้อ้างถึงสัมผัสพิเศษที่มีชื่อว่า ‘MidBrain Activation’ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมองเห็น แต่ก็สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้เหมือนปกติ โดยเจ้าตัวอ้างว่ามันไม่ใช่พลังวิเศษเหนือธรรมชาติ แต่เป็นการฝึกพัฒนาประสาทสัมผัสของร่างกายเราให้สามารถรับรู้สิ่งที่อยู่นอกเหนือจากจินตนาการออกไปได้ ซึ่งเขาถือว่าเป็นวิธีทางวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่ง ครั้งหนึ่งช่อง History เคยทดสอบให้ Jeet ลองขับมอเตอร์ไซค์ขณะปิดตา พร้อมกับหลบสิ่งกีดขวาง ซึ่งเจ้าตัวสามารถทำได้จริงๆ อาจจะฟังดูเป็นเรื่องที่อยู่เหนือจากสามัญสำนึกของเราไปซักหน่อย แต่ทางด้าน Bhara Patel ครูผู้สอนวิชานี้ให้แก่ Jeet Trivedi ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อนอกว่า “เป็นการฝึกสมองอย่างหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่เราจะใช้วิธีจากการจับย่านเสียงดนตรี แม้จะฟังดูเกินจริงแต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ลูกศิษย์ของผมสามารถพัฒนาได้อย่างเห็นผล” โดยปกติในชีวิตประจำวัน Jeet มักจะหมกตัวอยู่ในห้องสมุดทั้งๆ…
-
เด็กน้อยถูกใช้ในการประกอบพิธี “ไสยศาสตร์” โดยเจ้านายของผู้เป็นแม่ จนเสียชีวิตในที่สุด…
บทความนี้มีเนื้อหาและภาพที่รุนแรง อาจจะไม่เหมาะกับคนอ่านทุกคน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เรื่องราวสุดสลดนี้จากนเดีย เมื่อเด็กน้อยวัย 3 ขวบ พบว่าถูกใช้เป็นเครื่องสังเวยในการประกอบพิธีกรรมไสยศาสตร์ จนท้ายที่สุดเด็กน้อยก็ได้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา… เรื่องเกิดขึ้นรัฐเบงกอลตะวันตก ประเทศอินเดีย ซึ่งผู้เป็นแม่ได้นำตัวนำตัวลูกน้อยมาส่งโรงพยาบาลในสภาพย่ำแย่ และเรื่องสุดประหลาดใจก็เกิดขึ้นเมื่อทีมแพทย์พบว่าในตัวเด็กมีเข็มยาว 2 นิ้วอยู่เต็มร่างกายไปหมด ภาพเอ็กซ์เรย์ ทีมแพทย์ก็บอกว่าอาการของเด็กน้อยนั้นสาหัสมากๆ ที่สำคัญพวกเขายังพบว่าตามร่างกายของเด็กยังมีร่องรอยของการกระทำชำเราทางเพศอีกด้วย ฝั่งคุณแม่เองก็ได้ให้ปากคำว่า เธอถูกบังคับโดยอดีตเจ้านายของเธอ ให้นำลูกของตัวเองมาใช้ในการทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ จนท้ายที่สุดเธอทนไม่ไหวเลยต้องหนีออกมา ภาพของคุณแม่และลูกน้อยที่กำลังเดินทางไปยังโรงพยาบาล ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ยื่นฟ้องคดีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กจากการกระทำความผิดทางเพศ (POSCO) กับ Sanatan Thakur ชายวัยราวๆ 50 ปี ซึ่งเป็นอดีตนายจ้างของแม่เด็กในฐานะผู้ต้องสงสัย นี่คือเข็มทั้งหมด ที่ทีมแพทย์เจอในตัวเด็ก ด้านนาย Sanatan ที่รู้ตัวว่าจะถูกจับก็ยังคงพยายามหนีการตามจับจากเจ้าหน้าที่ จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้แต่อย่างใด ส่วนด้านเด็กน้อยที่ดูเหมือนว่าจะได้รับการรักษาเรียบร้อย แต่ไม่นานนักอาการก็ดูจะหนักขึ้นทำให้สุดท้ายเด็กน้อยก็ได้จากโลกใบนี้ไปอย่างน่าสงสาร แม้ว่าในตอนท้าย ทางตำรวจจะรู้ว่าใครเป็นคนร้ายและตามจับอยู่ แต่การจากไปของหนูน้อยผู้ตกเป็นเหยื่อก็ไม่สามารถจะแก้ไขอะไรได้ สุดท้ายเพื่อนๆ คิดว่านอกจากตัวเจ้านายเก่าแล้ว แม่ของเด็กก็เป็นฝ่ายที่ผิดด้วยไหมที่ยอมทนอยู่ได้ตั้งนาน หรือว่าเธอมีความจำเป็นกันนะ? ชาวเน็ตที่ได้อ่านต่างวิจารณ์แม่เด็กในแง่มุมต่างๆ กันไป…
-
สื่อต่างชาติเผย กว่า 50% ของผู้หญิงในอินเดีย ใช้ชีวิตยากลำบากและเสี่ยงถูกข่มขืน!?
ถ้าพูดถึงประเทศ ‘อินเดีย’ หลายคนอาจจะไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าวีถีชีวิตของผู้คนที่นี่จะเป็นอย่างไร และน้อยคนนักที่จะรู้ว่า… กว่า 636 ล้านคน (โดยเฉพาะผู้หญิง) ในอินเดีย ไม่มีห้องน้ำใช้และต้องเสี่ยงถูกข่มขืนอีกด้วย โดยข้อมูลทั้งหมดถูกนำมาเผยแพร่โดย Channel4News เพื่อเป็นการตระหนักให้ทั่วโลกรู้ถึงปัญหา และหวังว่าหญิงสาวทุกคนในอินเดียจะมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น Bhumi Pednekar นักแสดงสาวจากอินเดีย ได้ออกมาเรียกร้องต่อสื่อต่างชาติถึงเรื่องนี้ว่า ปัจจุบันในอินเดียมีผู้หญิงเกินกว่าครึ่งประเทศต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ประการแรกคือพวกเธอไม่มีห้องน้ำใช้ และประการที่สองเมื่อพวกเธอเข้าห้องน้ำกลางดึก พวกเธอก็เสี่ยงที่จะถูกข่มขืนด้วยเช่นกัน เด็กสาวชาวอินเดียเมื่อถึงวัยที่มีประจำเดือน พวกเธอมักจะลาออกจากโรงเรียน เนื่องจากไม่มีห้องน้ำ หรือในบางพื้นที่ๆ ยากจนจริงๆ พวกเธอไม่มีแม้แต่ผ้าอนามัย “มันเป็นปัญหาหลายเรื่องที่ทับซ้อนกันมายาวนานหลายสิบปี เนื่องจากในชนบทไม่มีห้องน้ำที่เพียงพอ ต่อมาสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเมื่อหญิงสาวไปใช้ห้องน้ำยามค่ำคืน พวกเธอมักจะถูกข่มขืน และนั่นก็ทำให้หญิงสาวในอินเดียหลายๆ คน ต้องปรับตัวตื่นนอนแต่เช้ามืดเพื่อไปเข้าห้องน้ำ ก่อนที่พวกเธอจะไม่ได้ใช้ห้องน้ำอีกเลยตลอดทั้งวัน” ถึงแม้ว่าบนฉากเวทีโลก อินเดียจะเป็นประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียเป็นอันดับ 3 และประธานาธิบดีอินเดียได้ออกมาชี้แจงว่าในเวที G20 ว่าจะแก้ปัญหาสุขลักษณะให้หมดไปภายในปี 2019 แต่ดูเหมือนว่ารากฐานของปัญหาในอินเดียจะหยั่งรากลึกลงไปมากกว่านั้น เพราะอินเดียเป็นประเทศที่ประชากรยึดถือและยึดมั่นในความเชื่อดั้งเดิมของพวกเขาสูงมาก อีกทั้งยังมีเรื่องของการแบ่งชนชั้นวรรณะ ที่แม้จะเคยมีการออกกฎหมายห้ามปรามเรื่องการแบ่งชนชั้นมาแล้ว แต่ด้วยความที่ยังยึดถือในประเพณีดั้งเดิม ทำให้กฎหมายก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ทั้งหมดอยู่ดี …
-
10 เมืองสำคัญ ในต่างประเทศ ที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าเป็น “เมืองหลวง”
โดยส่วนมากแล้วถ้าหากใครที่มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวของประเทศต่างๆ ก็คงจะคุ้นเคยกับชื่อเมื่องใหญ่ๆ กันเป็นอย่างดี และบางคนก็อาจจะเข้าใจกันผิดว่าเมืองใหญ่ๆ ที่พวกเราคุ้นหู คือเมืองหลวงของประเทศเหล่านั้น แต่ในความจริงๆ เมืองใหญ่ๆ อย่าง นิวยอร์ก อิสตันบลู หรือรีโอเดจาเนโร นั้นไม่ใช่เมืองหลวงแต่อย่างใดนะ อ่า.. แล้วจะมีเมืองไหนอีกบ้างนะที่พวกเรามักจะเข้าใจกันผิดไปชมกันเลย… 10. Ho Chi Minh ประเทศเวียดนาม หนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ที่นี่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม และเป็นเมืองที่มีขนาดประชากรมาร้อยละ 7.5 ของประชากรทั้งหมด ซึ่งนั่นอาจทำให้หลายๆ คนเข้าใจผิดว่านี่เป็นเมืองหลวงของเวียดนาม แต่จริงๆ แล้วเมืองของของประเทศนี้คือ ฮานอย ต่างหากล่ะ 9. Mumbai ประเทศอินเดีย หนึ่งในเมืองที่มีความสำคัญของประเทศอินเดีย มหานครแห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอาหรับ ซึ่งความเก่าแก่และชื่อที่คุ้นหูอาจทำให้หลายๆ คนคิดว่ามุมไป หรือ บอมเบย์ นั้นเป็นเมืองหลวงของประเทศอินเดีย แต่แท้ที่จริงแล้วเมืองหลวงของประเทศนี้คือ นิวเดลี ต่างหากล่ะ 8. Los Angeles ประเทศสหรัฐอเมริกา เมืองใหญ่ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ถูกหลายคนเข้าใจผิดมาโดยตลอดว่าเป็นเมืองหลวง เพราะมีผู้คนเยอะมากหลากหลายเชื้อชาติ แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่างเช่น Hollywood ที่เรารู้จักกันดี …
-
คุณลุงชาวอินเดียวัย 57 ปี กับอาชีพสุดอินดี้ ทำหน้าที่เป็น ‘ยามยืนนิ่งๆ’ มานานถึง 32 ปี…
พบกับเรื่องราวของ Abdul Aziz ชายชาวอินเดียวัย 57 ปี ผู้มีอาชีพสุดแปลก เขาทำหน้าที่เป็นหุ่นยามเฝ้าประตู และยืนนานถึงวันละ 6 ชั่วโมงมานานกว่า 32 ปีแล้ว คุณ Aziz หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘India’s Statue Man’ ผู้นี้ ได้เริ่มต้นการประกอบอาชีพนี้มาตั้งแต่ปี 1985 แล้ว หลังจากที่เขาได้เข้ารับงานรักษาความปลอดภัยในกับรีรอร์ท VGP Golden Beach ในเมืองเจนไน ประเทศอินเดีย ที่มาของการเฝ้ายามแบบนี้เกิดจากเจ้านายของเขาได้เดินทางไปยังประเทศอังกฤษ และได้เข้าชมพระราชวังบักกิงแฮม จนรู้สึกประทับใจกับทหารเฝ้าพระราชวังที่ยืนนิ่งมากๆ เขาจึงได้นำเอาไอเดียนี้มาใช้กับระบบการรักษาความปลอดภัยของที่นี่ พนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทดังกล่าวจะได้รับการฝึกฝนให้ยืนนิ่งๆ ถึง 3 เดือน พวกเขาจะต้องยืนนานถึง 4 ชั่วโมงโดยไม่ขยับเขยื้อนใดๆ เลย และไม่ได้รับอนุญาตให้เดิน ยิ้ม พูดคุย หรือแม้กระทั่งการปัดแมลง ถึงแม้ว่าในตอนแรกคุณ Aziz จะไม่เห็นด้วยกับไอเดียดังกล่าว แต่เขาก็ไม่อาจจะขัดคำสั่งของเจ้านายได้ ดังนั้นเขาจึงต้องยอมยืนนิ่งเป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมงต่อวันและต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างๆ ที่มาเยือนที่นี่ จริงๆ แล้วการยืนเป็นรูปปั้นนี้อาจจะมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ แต่สำหรับคุณลุงท่านนี้เขามีความพิเศษกว่าคนอื่นนั่นก็คือ เขาไม่กระพริบตาเลยแม้แต่ครั้งเดียวระหว่างที่ยืนเฝ้ายาม…
-
บริษัทในอินเดียเริ่มปรับตัว ให้พนักงานหญิง ‘ลาช่วงประจำเดือน’ ไม่ต้องทนปวดมาทำงาน
แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่มีวันได้สัมผัสความเจ็บปวดของการเป็นประจำเดือน แต่เราก็พอจะเข้าใจได้ว่าเมื่อไหร่ที่ช่วงนั้นของเดือนมาถึง เราไม่ควรปล่อยให้สาวๆ ต้องทำงานหนัก และดูเหมือนว่าปัญหาด้านนี้จะเป็นที่ตระหนักถึงมากขึ้นในประเทศอินเดีย เพราะหลายๆ บริษัทเอกชนเริ่มปรับตัวหันมาเพิ่มวันลาหยุดให้แก่พนักงานผู้หญิงในช่วงวันนั้นของเดือน Culture Machine เป็นหนึ่งในตัวอย่างบริษัทที่เพิ่มนโยบายนี้ให้พนักงานหญิงกว่า 75 ชีวิต หลังจากที่บริษัทได้ปล่อยคลิปวิดีโอเป็นภาพของพนักงานสาวพูดถึงการทำงานในช่วงวันนั้นของเดือน นอกจากนั้นบริษัทดังกล่าวยังส่งเรื่องไปถึงกระทรวงพัฒนาสตรีและเด็ก และกระทรวงเพื่อเรียกร้องให้มีการเพิ่มสวัสดิการดังกล่าวให้แก่ลูกจ้างทั่วประเทศ สำหรับเรื่อง ‘ประจำเดือน’ ของหญิงสาวในอินเดียนั้นถือว่าเป็นปัญหาที่ผูกติดอยู่กับประเพณีดั้งเดิมมาอย่างช้านาน ยกตัวอย่างเช่นทางความเชื่อของชาวฮินดู จะมีประเพณี Chhaupadi ซึ่งเป็นประเพณีโบราณที่ยังปฏิบัติกันอยู่ในหลายๆ พื้นที่ชนบทของประเทศ โดยมีความเชื่อที่ว่า ‘หญิงสาวที่เป็นประจำเดือนถือเป็นสิ่งสกปรก’ และพวกเธอจะต้องถูกขับไล่ให้ออกไปนอนนอกบ้าน และนั่นก็นำมาซึ่งข่าวโศกนาฎกรรมการเสียชีวิตของหญิงสาวตามชนบทที่มักจะเห็นได้บ่อยๆ ในสื่ออินเดีย คลิปวิดีโอที่บริษัทให้พนักงานออกมาพูดถึง ความยากลำบากในการทำงานระหว่างเป็นประจำเดือน นอกจากเรื่องประจำเดือนแล้ว อินเดียยังขึ้นชื่อในเรื่องของการกดขี่สิทธิทางเพศมาอย่างช้านาน ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าจากกระแสดังกล่าวอาจทำให้สังคมอินเดียหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น ในขณะที่บางประเทศทางฝั่งเอเชียอย่างเช่น ญี่ปุ่น และไต้หวัน การเพิ่มสวัสดิการลาหยุดช่วงประจำเดือนให้แก่พนักงานสาวถือว่าเป็นสิ่งที่บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไหนจะต้องรับมือกับความเจ็บปวด อารมณ์ที่แปรปรวนอีก ถ้ายังต้องมาทำงานอยู่ก็น่าเห็นใจเหมือนกันนะเนี่ย ที่มา: Reuters
-
ผู้หญิงชนเผ่าอินเดีย เจาะจมูกและสักใบหน้า ทำให้ดูอัปลักษ์ เพื่อป้องกันชายต่างเผ่าลักพาตัว
ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะใช้เงินไปกับเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะแพงแค่ไหนก็ยอมซื้อ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะผู้หญิงต่างก็อยากเป็นคนสวย และดูดีกันทั้งนั้น แต่สำหรับผู้หญิงในชนเผ่าที่เรียกตัวเองว่า Apatanis หรือ Tanis ไม่มีโอกาสทำให้ตัวเองดูสวยงามเหมือนผู้หญิงทั่วไป เพราะความสวยจะเป็นอันตรายต่อตัวเองได้ ภาพถ่ายของผู้หญิงในชนเผ่า Apatani ถ่ายในเดือนตุลาคม ปี 2016 ใน Ziro Valley รัฐอรุณาจัลประเทศ ประเทศอินเดีย Apatanis เป็นชนเผ่าที่อพยพมาอยู่ในที่ราบสูง Apatani ของประเทศอินเดีย พวกเขาเป็นที่รู้จักในฐานะชนเผ่าที่มีความเชี่ยวชาญในด้านเกษตรกรรม ส่วนประวัติศาสตร์หรือที่มาที่ไปของชนเผ่านั้นไม่ได้ถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร แต่มีเรื่องเล่าที่ถูกถ่ายทอดจากรุุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบันนี้ หนึ่งในเรื่องเล่าเหล่านั้นคือ เหตุผลที่ผู้หญิงในชนเผ่า Apatanis ที่ส่วนใหญ่แล้วจะต้องเจาะรูจมูกเป็นกว้าง และมีรอยสักอยู่ทั่วใบหน้าของพวกเธอ มีการเล่าว่าผู้หญิงในชนเผ่านี้ เป็นคนที่สวยมากและด้วยความสวยความงามเหล่านี้ จะทำให้พวกเธาถูกผู้ชายต่างชนเผ่ามาลักพาตัวไปเป็นภรรยา โดยที่ผู้หญิงไม่ได้มีความรู้สึกเต็มใจเลย หญิงชนเผ่า Apatani สองคนกำลังแบกข้าวเปลือกเพื่อเอาไปให้คู่รักใหม่ที่เพิ่งแต่งงาน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ผู้สูงอายุของชนเผ่าจึงตัดสินใจสักบนใบหน้าของผู้หญิงและเจาะรูจมูกของพวกเธอให้กว้างตั้งแต่เด็ก ทำให้มีลักษณะที่ดูอัปลักษณ์ เพื่อลดความสนใจของผู้ชายต่างเผ่า รอยสักบนใบหน้าจะเริ่มทำเมื่อเด็กหญิงมีอายุครบ 10 ขวบ และแม้ว่าสาเหตุของการทำแบบนี้จะไม่สวยงามเท่าไหร่นัก แต่ผู้หญิงบางก็ภูมิใจกับรอยสักและการเจาะรูจมูก เพราะมันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนพวกเขาไปแล้ว…
-
ชาวบ้านอินเดียรายล้อม ชายหนุ่มผู้ข่มขืนเด็กสาว มัดมือและรุมประชาทัณฑ์ตีไม่ยั้งมือ…
คนผิดก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย แต่บางคนทำผิดร้ายแรงจนเหยื่อหรือผู้ที่เกี่ยวข้องเห็นว่าบทลงโทษทางกฎหมายคงไม่สาแก่ใจ จึงเป็นเหตุทำให้เกิดการประชาทัณฑ์ขึ้นมา อย่างกรณีที่เกิดขึ้นที่อินเดีย เมื่อชายคนหนึ่งถูกกล่าวหาว่าข่มขืนเด็กผู้หญิง สร้างความไม่พอใจให้ผู้หญิงในหมู่บ้านโดยเฉพาะผู้เป็นแม่ทั้งหลาย จึงได้ร่วมกันทำการรุมประชาทัณฑ์ชายคนดังกล่าว เหตุการณ์นี้เป็นคลิปวิดีโอที่คาดว่าเกิดขึ้นในประเทศอินเดีย จะเห็นผู้ชายคนหนึ่งถูกมัดมือไว้ข้างหลัง โดยมีผู้หญิงยืนรายล้อมอยู่หลายคน พร้อมผลัดกันตีอย่างไม่ยั้งมือ ผู้ชายในคลิปไม่การขัดขืนหรือต่อสู้แต่อย่างใด ในขณะที่ผู้หญิงยังคงตีเขาอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาห้ามการประชาทัณฑ์ดังกล่าว การประชาทัณฑ์เช่นนี้อาจดูโหดร้าย แต่ทั้งหมดนี้เป็นการแก้แค้นของบรรดาแม่ๆ แทนลูกสาว เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างให้คนอื่นๆ ไม่กล้าทำผิดอีก ส่วนรายละเอียดของการข่มขืนนั้น ทางสื่อไม่ได้ระบุไว้… อย่างไรก็ตามการข่มขืนถือเป็นปัญหาหลักของอินเดีย เพราะมีคดีข่มขืนเกิดขึ้นเป็นหมื่นๆ ครั้งในแต่ละปี อย่างในปี 2015 มีรายงานการข่มขืนภายในประเทศอินเดีย 34,000 ราย แต่ทว่าจริงๆ แล้วเกิดเหตุข่มขืนมากกว่านั้น เพราะคนร้ายหลายๆ ไม่ได้ถูกจับกุมไปให้ตำรวจ เพราะเกรงว่าตำรวจจะไม่เชื่อหรือกลัวถูกชาวบ้านรังเกียจ จึงเลือกที่จะทำการลงโทษกันเอง . จะสงสารหรือสะใจดี!? ที่มา dailymail
-
อินเดียสร้างสถิติโลก ปลูกต้นไม้ 66 ล้านต้นใน 12 ชั่วโมง หวังกระตุ้นให้คนสนใจเรื่องโลกร้อน
ปัญหาโลกร้อนนั้นถือเป็นปัญหาอันร้ายแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว และปัญหาดังกล่าวยังถือเป็นปัญหาระดับโลกอีกด้วย ซึ่งล่าสุดชาวอินเดียก็มองเห็นว่าปัญหาดังกล่าวเริ่มยุ่งยากเข้าไปทุกที จึงจัดการรณรงค์ให้ชาวอินเดียมาช่วยกันปลูกต้นไม้นั่นเอง แต่ใครจะเชื่อกันว่า เมื่อการรณรงค์ปลูกต้นไม้ในครั้งนี้ถูกกระจายข่าวออกไปผู้คนมากมายต่างพาให้ความสนใจกันเพียบ งานนี้เรียกว่าทั้งเด็กผู้ใหญ่คนเฒ่าคนแก่ และอาสาสมัครมากมายต่างมาร่วมปลูกต้นไม้พร้อมกันถึง 1.5 ล้านคนเลยทีเดียว!! เรื่องชวนตะลึงยังไม่หมดเท่านั้น ผู้คนทั้งหมดต่างสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาปลูกต้นไม้จนได้มากถึง 66 ล้านต้น ในเวลาเพียงแค่ 12 ชั่วโมงเท่านั้น อู้วหู้ว.ว.ว.ว ต้นไม้ทั้งหมดนั้นถูกปลูกตลอดแนวแม่น้ำ Narmada ซึ่งมีความยาวกว่า 1300 กิโลเมตร งานนี้ในเวลาอีกราวๆ สิบปียี่สิบปี บริเวณดังกล่าวอาจจะเกิดเป็นป่าผืนใหม่ของอินเดียก็เป็นได้ นอกจากนั้นการปลูกป่าในครั้งนี้ยังถือเป็นการทำลายสถิติโลกอีกด้วย โดยในปี 2016 รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดียได้รวบรวมอาสาสมัครเพื่อปลูกป่าจำนวนกว่า 50 ล้านต้นภายในเวลาวันเดียว แต่เมื่อเจอสถิติใหม่ 12 ชั่วโมงทำให้สถิติเก่าต้องตกไป แต่ไม่ว่าสถิติไหนจะดีกว่ากันผลดีก็ตกอยู่กับชาวอินเดียอยู่ดีนั่นเอง นอกจากนั้น Shivraj Singh Chouhan ผู้นำรัฐมัธยประเทศได้ออกมาพูดว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้จะเป็นเหตุการณ์การประวัติศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะเดิมอินเดียถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ฉะนั้นการช่วยกันปลูกต้นไม้สร้างผืนป่าจึงไม่เพียงแค่ช่วยเหลือประเทศแต่ยังเป็นการช่วยเหลือโลกอันเป็นผืนแผ่นดินของทุกคน สุดท้ายแล้วแผนการปลูกป่าทั้งหมดนั้นถือเป็นข้อตกลงของประเทศอินเดียกับที่ร่วมลงนามในสนธิสัญญา Paris Agreement ซึ่งเป็นข้อตกลงระดับชาติเพื่อช่วยเหลือโลกของเราและเตรียมความพร้อมกับการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของโลกก่อนปี 2030 …
-
‘Gajraj’ ช้างป่าที่ได้พบกับอิสรภาพครั้งใหม่ หลังจากทำหน้าที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มานานถึง 50 ปี
เป็นเวลากว่า 50 ปีแล้วที่ช้างวัย 70 ปีชื่อว่า Gajraj ต้องทนทุกข์ทรมานจากการที่ถูกมองว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และถูกนำไปร่วมฉลองกับขบวนต่างๆ เมื่อถึงวันสำคัญของวิหารแห่งหนึ่ง ในเมือง Satara รัฐมหาราษฏระ ประเทศอินเดีย ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าช้างตัวดังกล่าวก็ได้รับอิสรภาพครั้งใหม่ และได้มีโอกาสกลับไปใช้ชีวิตในป่าเหมือนกับช้างป่าทั่วไป หลังจากที่หน่วยงาน Wildlife SOS ได้เข้าไปช่วยเหลือมันออกมา เจ้า Gajraj ช้างป่าวัย 70 ปี ได้รับอิสรภาพอีกครั้งหลังจากต้องอยู่ในวิหารแห่งนี้มานานถึง 50 ปี การช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นหนึ่งในโครงการของหน่วยงาน PETA ที่มีเป้าหมายในการช่วยเหลือเหล่าช้างจากทั่วโลก Gajraj เข้ารับการรักษาตัวที่ศูนย์อนุรักษ์สัตว์แห่งหนึ่งในเมืองมถุรา รัฐอุตตรประเทศของอินเดีย เจ้าช้างมีฝีตรงเล็บเท้าของมัน ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาแผลอาจจะลุกลามจนถึงกระดูกได้ แพทย์ต้องทำการผ่าตัดและศัลยกรรมแผลดังกล่าว เพื่อให้มันกลับมาเดินได้เป็นปกติอีกครั้ง ฝีที่เท้าของ Gajraj นั้น จะต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน!! ทางวิหารได้ทำการล่ำรากับเจ้าช้าง แต่ดูเหมือนกับว่าชาวบ้านจะไม่เห็นด้วยกับการที่พวกเขาพามันไปจากที่นี่ เจ้าหน้าที่ต้องคอยดูแลความสงบเรียบร้อยระหว่างการนำตัวของ Gajraj ออกมาจากวิหารแห่งนี้ ในที่สุดเจ้าช้างวัย 70 ปีก็เดินทางออกจากหมู่บ้านดังกล่าวพร้อมกับสัตวแพทย์ที่คอยดูแลมันอย่างใกล้ชิด เพื่อไปยังบ้านหลังใหม่ของมันที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 1,500 กิโลเมตร เจ้าช้างกำลังขึ้นไปบนรถพยาบาล เพื่อไปยังศูนย์ดูแลสัตว์ของมูลนิธิ Wildlife…
-
สาวอินเดีย “ตัดหรรมส์” ผู้นำศาสนาท้องถิ่น หลังจากพยายามข่มขืนเธอ บอกครอบครัวก็ไม่เชื่อ!!
เหตุการณ์สุดระทึกที่ชาวเน็ตต่างพอกันสะใจกันเป็นแถบๆ เมื่อผู้นำศาสนาท้องถิ่นในอินเดียพยายามล่อลวงหญิงสาวไปข่มขืน แต่ก็ต้องโดนสวนกลับโดยการตัดอวัยวะเพศของผู้นำคนดังกล่าวทิ้งซะ!!? ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รายงานว่า Hari Swami ชายที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำศาสนาท้องถิ่น ได้พยายามข่มขืนหญิงสาววัย 23 ปี แต่แล้วหญิงสาวคนดังกล่าวก็ทำการดัดหลังด้วยการซ่อนมีดไว้ใต้หมอน จากนั้นเมื่อถึงจังหวะ เธอก็หยิบมันออกมาพร้อมฟันลงไปที่อวัยวะเพศของ Hari จากนั้นก็ตัดมันจนขาดในที่สุด จากการสอบสวย สาวเจ้าได้บอกกับเจ้าหน้าที่ว่า เธอถูกล่วงเกินทางเพศจากชายคนดังกล่าวมาเป็นเวลานานกว่า 5 ปีแล้ว จนสุดท้ายเธอก็ไม่ทนอีกต่อไป และจัดการจบปัญหาด้วยตัวเอง หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว นาย Hari ก็ไปที่โรงพยาบาลท้องถิ่นในสภาพบาดเจ็บสาหัส แต่ข่าวรายงานว่าตอนนี้อาการของเขาอยู่ในสภาวะปกติแล้ว Sparjan Kumar ตำรวจผู้รับผิดชอบคดี ให้ข้อมูลกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า “หญิงสาวคนดังกล่าวใช้มีดในการปกป้องตัวเอง และตัดไอ้จ้อนของคนร้ายในที่สุด” พอเจ้าหน้าที่ถามกับสาวผู้เคราะห์ร้ายเกี่ยวกับครอบครัวของเธอว่ารู้เรื่องหรือหรือไม่ เธอก็ตอบกลับมาว่า ครอบครัวของเธอไม่เคยเชื่อคำพูดของเธอเลย พวกเขายังตามืดบอดสนิทพร้อมเชื่อผู้นำศาสนาคนดังกล่าว เชื่อขนาดว่าเชิญให้เธอไปนอนบ้านของผู้นำคนนั้นเลยด้วยซ้ำ เพื่อประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ตามที่พวกเขาเชื่อกัน สุดท้ายแล้ว หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายก็อยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่เป็นที่เรียบร้อย และเธอก็มั่นใจได้ว่าเธอจะปลอดภัย พร้อมกับได้ดำเนินคดีกับนาย Hari ตามกฎหมายต่อไป… เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องที่น่าวิตก โดยเฉพาะการละเมิดทางเพศในขณะที่ครอบครัวก็ยังไม่คิดจะให้การช่วยเหลือ คิดไปคิดมาก็คล้ายกับหลายๆ คดีที่เกิดขึ้นในประเทศของเรา…
-
คู่สามีภรรยาใช้เวลากว่า 25 ปี เปลี่ยนพื้นที่เสื่อมโทรม ให้กลายเป็นป่าเขียวขจี 750ไร่
การเป็นผู้ให้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เมื่อไหร่ที่เราได้มอบหรือแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่นถึงแม้ว่ามือเราจะว่างเปล่า แต่เชื่อแน่ว่าหัวใจเราจะเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจอย่างแน่นอน และวันนี้เราก็มีอีกหนึ่งเรื่องราวที่แสดงให้เห็นถึงการให้ที่ยิ่งใหญ่มามาฝากกัน โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ประเทศอินเดีย เมื่อสองสามีภรรยาได้ทำการซื้อพื้นที่ว่างเปล่าผืนใหญ่และเปลี่ยนพื้นที่นั้นให้กลายเป็นป่าได้ในที่สุด… ในปี ค.ศ. 1991 สองสามีภรรยาคุณ Anil และคุณ Pamela Malhotra ได้ซื้อพื้นว่างเปล่ากว่า 55 เอเคอร์หรือประมาณ 137 ไร่ในเมือง Karnataka ประเทศอินเดีย เพื่อทำการปลูกพันธุ์ไม้พื้นเมือง ผ่านมาแล้วกว่า 25 ปี ต้นไม้ที่ทั้งคู่ปลูกไว้ได้กลายเป็นผืนป่าที่มีพื้นที่กว่า 750 ไร่ ที่นี่กลายเป็นบ้านหลังใหม่ของพวกสัตว์ป่าน้อยใหญ่และยังเต็มไปด้วยพืชพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์อีกมากมาย หลังจากที่ได้มีโอกาสไปอันนีมูนกันที่ฮาวาย พวกเขาได้พบกับต้นไม้ที่เขียวขจีและสัตว์ป่าพันธุ์แปลกๆ มากมาย จึงเป็นสาเหตุให้ทั้งสองคนเริ่มหลงรักธรรมชาติตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา “พวกเราตระหนักถึงความสำคัญของป่า และปัญหาโลกร้อนที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ แต่ทว่าทางรัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่มีท่าทีจะมีมาตรดูแลป่าไม้ซักเท่าไหร่” คุณ Anil กล่าว ในปีค.ศ. 1986 ทั้งคู่เดินทางกลับมายังประเทศอินเดียเพื่อร่วมงานศพของพ่อคุณ Anil ในตอนนั้นปัญหาเรื่องมลพิษและการลักลอบตัดไม้ทำลายป่ากำลังเกิดขึ้นอย่างรุนแรงมาก และไม่ค่อยได้รับความสนใจจากภาครัฐเท่าที่ควร ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจขายทรัพย์สมบัติที่ฮาวาย และเริ่มต้นที่จะสร้างผืนป่าที่บ้านเกิด หลังจากที่ใช้เวลาคนหาพื้นที่ที่ต้องการอยู่นาน พวกเขาก็พบกับพื้นที่ที่เหมาะสมจะใช้ปลูกป่าของพวกเขา ซึ่งอยู่ในเมือง Kodagu ทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย “ผมพบที่แห่งนี้ได้จากการแนะนำของเพื่อนว่ามีชาวนาคนหนึ่งต้องการที่จะขายไร่กาแฟพื้นที่ 137 ไร่นี้เนื่องจากที่นี่ไม่สามารถที่จะเพาะปลูกกาแฟหรือพืชอื่นๆ ได้เลย” คุณ Anil บอก เนื่องจากฝนที่ตกอย่างหนักเกินไปจึงทำให้พื้นที่แห่งนี้ไม่เหมาะที่จะเป็นพื้นที่เกษตกรรม…
-
ศิลปินอินเดีย บรรจงใช้ฝีมือวาดภาพบนใบไม้ ให้กลายเป็นงานศิลปะอันล้ำค่า…
สำหรับคนที่ไม่ได้มีความสามารถในด้านการวาดภาพแล้ว แค่อาจารย์คาบวิชาศิลปะให้วาดรูปเหมือนก็เล่นเอาเหงื่อตกกันไปเป็นแถวๆ ทำไมมันช่างยากเหลือเกิน แต่ผลงานของศิลปินชาวอินเดียคนนี้ จะทำให้เรารู้สึกว่าเรื่องพวกนั้นมันเบสิคไปเลยก็ว่าได้ เพราะ Sadashiv G. Rangnekar ได้นำใบไม้มาวาดภาพจนกลายเป็นงานศิลปะขั้นแอดวานซ์ เดิมทีศิลปินชาวอินเดียคนนี้ เกิดมาในครอบครัวของศิลปินนักวาดภาพ และนั่นก็ทำให้เค้าได้คลุกคลีเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เด็กๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อพ่อของเขาจากไป เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะเดินตามรอยพ่อ ด้วยการแสดงฝีมือทักษะการวาดภาพที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น มาอยู่บนใบไม้แห้ง สาเหตุที่เขาเลือกใช้ใบจากต้นโพธิ์ เพราะตามเรื่องเล่าของชาวพุทธ เจ้าชายสิทธัตถะได้ตรัสรู้ที่ใต้ต้นโพธิ์นั่นเอง นอกจากนั้นแล้วในอดีตกาล ใบไม้จากต้นโพธิ์ก็เคยถูกนำมาใช้เป็นกระดาษ หรือแผ่นแคนวาสสำหรับวาดภาพด้วยเช่นกัน แต่กว่าจะได้ใบไม้ที่พร้อมสำหรับการลงสีไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาต้องนำใบไม้ไปแช่น้ำนานนับเดือน ก่อนที่จะค่อยๆ ใช้แปรงขูดเอาสีเขียวออกจากใบไม้ ‘งานศิลปะบนใบไม้ ก็เหมือนกับชีวิตของเรานั่นแหละครับ มันเปราะบาง ดูเหมือนจะเรียบง่าย แต่ก็มีความซับซ้อนในตัวเอง และงานศิลปะของผมทั้งหมดนี้คุณต้องเก็บรักษาไว้ในกรอบอย่างดี ถ้าไม่อย่างนั้นฝุ่นก็จะเข้ามาจับทำให้เราอาจมองไม่เห็นสีที่เพ้นท์ลงไปได้’ เจ้าของผลงานเล่า หลังจากที่ได้ใบไม้ที่พร้อมสำหรับการลงสีแล้ว เขาก็ใช้พู่กันขนาดเล็กแต่งแต้มสีลงไปจนกลายมาเป็นภาพอย่างที่เราเห็นกัน ซึ่งานหนึ่งก็ใช้เวลาประมาณ 1-2 วันเป็นอย่างน้อย เป็นงานศิลปะที่แฝงไปด้วยปรัชญาแห่งพุทธ ละเอียดอ่อนและซับซ้อนในตัวเอง อู้วว๊าววว ที่มา: OddityCentral
-
“The Kailasa Temple” วิหารในอินเดีย ที่สร้างมาจากก้อนหินยักษ์เพียงก้อนเดียว
วันนี้ขอเปลี่ยนอารมณ์ผู้อ่านจากเรื่องแมวๆ หมาๆ มาเป็นเรื่องสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจของโลกนี้กันบ้างดีกว่า และอาจเรียกได้ว่านี่เป็นวิหารที่สร้างมาจากหินยักษ์เพียงก้อนเดียว ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ The Kailasa Temple ตั้งอยู่ในรัฐมหาราษฏระ (Maharashtra) ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นสถานที่ๆ ถูกสร้างขึ้นมาให้เหมือนกับเขาไกรลาส ที่ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่อยู่ของพระศิวะ ตามความเชื่อของชาวฮินดู ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าทั้งหมดนี้ถูกสร้างมาจากพลังแห่งศรัทธา โดยใช้ก้อนหินยักษ์เพียงก้อนเดียวเท่านั้น ย้อนกลับไปเมื่อสมัยคริสตศักราชที่ 760 กษัตริย์คริชนะที่ 1 ทรงสั่งสร้างวิหารแห่งนี้ขึ้นมา โดยมีการผสมผสานศิลปะของวัฒนธรรมปัลลวะ (Pallava) และศิลปะจากราชวงศ์จาลุกยะ (Chalukya) เข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าจากชาวอินเดียในท้องถิ่นเล่าว่า สมัยก่อนตอนที่กษัตริย์ทรงป่วยหนัก พระมเหสีได้สวดมนต์ขอพรจากองค์พระศิวะ โดยอธิษฐานว่าจะสร้างวิหารถวายให้พระองค์ หลังจากนั้นอาการของกษัตริย์ก็ดีขึ้นตามลำดับ กษัตริย์เมื่อรู้เรื่องเข้าจึงได้มีพระราชโองการสั่งให้เกณฑ์ช่างแกะสลักฝีมือดีมาสร้างวิหารดังกล่าวขึ้น โดยตามตำนานเล่าว่าวิหารแห่งนี้ใช้เวลาสร้างเพียงแค่ 1 อาทิตย์เท่านั้น รายละเอียดทุกตารางนิ้วภายในวิหารแห่งนี้ จะเป็นการสื่อนัยยะถึงความศรัทธาที่มีต่อพระศิวะ ตามความเชื่อของชาวฮินดู งานแกะสลักรูปช้างที่ดูเหมือนกำลังแบกวิหารศักดิ์สิทธิ์นี้อยู่ ซึ่งก็เป็นการอ้างอิงจากตำนานความเชื่อของศาสนาฮินดูเช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นอีกสถานที่ๆ ครั้งหนึ่งควรจะไปเที่ยวชมให้ได้เลยล่ะ ไม่น่าเชื่อว่าวิหารทั้งหมดนี้จะถูกสร้างจากหินเพียงก้อนเดียว คนสมัยนั้นต้องอัจฉริยะมากแน่ๆ ที่มา:…
-
ช่างภาพตามถ่าย ‘ใบหน้าศักดิ์สิทธิ์’ ศิลปะ ความเชื่อ และความศัทธา ของนักบวชฮินดู
‘ศาสนา’ เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจมนุษย์มาช้านาน ถึงแม้ว่าโลกยุคสมัยใหม่จะมีกลุ่มคนที่ไม่นับถือศาสนา (Atheist) เพิ่มมากขึ้น แต่ที่อินเดียความเชื่อยังคงฝังลึกอยู่ในรากของวิถีชีวิต ไม่เคยจางหายไปไหน Omar Reda ช่างภาพหนุ่มผู้มีความสนใจในวัฒนธรรมของประเทศอินเดีย เขาได้ใช้เวลานานหลายเดือนออกเดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อตามศึกษาวิถีชีวิต และถ่ายภาพใบหน้าอันศักดิ์สิทธิ์ของนักบวชชาวฮินดู หรือที่เรียกกันว่า ‘Sadhus’ . . . ศาสนาอื่นอาจจะมีพิธีกรรมทางความเชื่อที่แตกต่างออกไป แต่ที่อินเดียนักบวชฮินดูมักจะตกแต่งบริเวณหน้าผากของตัวเองด้วยการแต้มสีสันลงไป พิธีกรรมนี้เรียกว่า ‘Tilak’ มาจากพื้นฐานความเชื่อที่ว่า เป็นการเบิกเนตรที่ 3 ของมนุษย์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นดวงตาแห่งปัญญานั่นเอง . . . . ลวดลายในการวาดบนหน้าผากอาจจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งนอกจากจะเป็นพิธีกรรมทางความเชื่อแล้ว ยังเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี และความศรัทธา ในเชิงสังคมอีกด้วย . . . . . . . ก็ถือว่าเป็นอีกวิถีความเชื่อที่เราไม่ค่อยคุ้นเคยซักเท่าไหร่ น่าสนใจมากๆ เลยนะเนี่ย ที่มา: Boredpanda
-
พาไปชมบรรยากาศเทศกาล ‘ปาขี้วัว’ ในอินเดีย ที่เชื่อว่าจะนำมาซึ่งความมั่งคั่ง และสุขภาพดี
ในทุกๆ ปีชาวบ้านในหมู่บ้าน Kairuppala ที่ตั้งอยู่ในรัฐอานธรประเทศจะมีการจัดงานเทศกาลปา ‘ก้อนอึ๊วัว’ ใส่กัน จนทำให้มีผู้บาดเจ็บมากมายนับ 10 คนเลยทีเดียว แต่แม้จะมีการบาดเจ็บไปบ้าง แต่ก็ยังจัดต่อไปโดยมีความเชื่อว่าประเพณีจะนำมาซึ่งความมั่งคั่งและสุขภาพที่ดี ตามเรื่องราวในตำนานเมื่อขุนนางวีรภัทร ร่างอวตารของพระศิวะ ที่เป็นเทพเจ้าในศาสนาฮินดู และเทพีพระนางภัทรกาลี ได้ตกหลุมรักซึ่งกันและกันจึงตัดสินใจที่จะแต่งงานกัน แต่ฝ่ายเจ้าบ่าวดันนึกครึ้มอยากแกล้งเจ้าสาวจึงบอกไปว่าเขาไม่ต้องการที่จะแต่งงาน ทำให้พระนางภัทรกาลีโกรธ จึงรวบรวมทหารมาเพื่อทำการสั่งสอนเจ้าบ่าวด้วยการโยนก้อนอึ๊วัวใส่ และอีกฝั่งก็ตอบโต้ไปด้วยเช่นกัน จนผลสุดท้ายทั้งคู่ก็ปรับความเข้าใจกัน และแต่งงานด้วยกันในที่สุด ทำให้ชาวบ้าน Kairuppala ดำเนินตามประเพณีตามตำนานนี้มาอย่างยาวนาน กองอึ๊วัวแห้งขนาดใหญ่ที่มีเป็นนับพันก้อน จะถูกกองเอาไว้บริเวณกลางหมู่บ้าน จากนั้นชาวบ้านก็จะแบ่งออกเป็นสองฝั่ง คือฝั่งของพระนางภัทรกาลี กับฝั่งของขุนนางวีรภัทร ส่วนผู้ชมก็จะขึ้นไปยืนอยู่บนหลังคาบ้าน หรือไม่ก็บนต้นไม้ เพื่ออยู่ให้ห่างจากการต่อสู้ที่เดือดระอุอบอวลไปด้วยกลิ่นอึ๊วัว เมื่อมีการส่งสัญญาณให้การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นทั้งสองฝั่งก็จะเริ่มโยนก้อนอึ๊วัวแห้งเข้าหากัน และทำไปเรื่อยๆ นานกว่าครึ่งชั่วโมง ทำให้มีผู้บาดเจ็บจากการถูกก้อนอึ๊วัวแข็งๆ กระทบเข้าใส่ และในปีล่าสุดก็มีรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บมากกว่า 50 รายเลยทีเดียว!! แต่หลังจากที่ประเพณีจบลง ทุกคนในหมู่บ้านที่เข้าร่วมต่างก็แสดงท่าทีแห่งความสุขออกมา ทั้งสองฝั่งร่วมกันเฉลิมฉลองกันอย่างมีความสุขแม้ว่าเพิ่งจะต่อสู้กันด้วยก้อนอึ๊วัวอย่างหนักหน่วงมาก่อนหน้านี้ก็ตาม… ลองไปชมคลิปบรรยากาศในงานเทศกาลกันแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… มีต่ออีกคลิปจ้า… นี่ยังดีนะที่เอาแบบแห้งๆ มาปากัน…
-
อาหารสุดแปลกจากอินเดีย “หมากห่อไฟ” เสิร์ฟความร้อนแรง ยัดให้ถึงในปาก!!
วัฒนธรรมการกิน “หมาก” ในไทยนั้น สมัยโบราณเรียกได้ว่าเป็นแฟชั่นที่ฮิตสุดๆ เลยก็ว่าได้ เป็นที่นิยมทั้งหนุ่มสาวเคี้ยวเพลิดเพลินกันทั้งวัน แต่หมากไม่ได้มีเพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้นนะ การกินหมากยังเป็นที่นิยมในประเทศอินเดียอีกด้วย ซึ่งในอินเดียจะเรียกหมากว่า “Paan” ที่แปลว่าใบไม้ สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายบุหรี่ส่วนมากจะอยู่ตามริมถนนและสี่แยก แต่ในครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปพบกับแฟชั่นการกินหมากแบบใหม่ของอินเดีย ที่ตอนนี้กำลังฮิตสุดๆ กับการทาน “หมากห่อไฟ” หรือ “Fire Paan” เอ๊ะ!? แล้วเจ้าหมากห่อไฟมันเป็นยังไงกันน้าา? เราไปชมพร้อมๆ กันเลยจ้า “Fire Paan” ของกินเล่นริมทางสุดฮิตจากอินเดียที่ มีลักษณะเหมือนหมากหรือเมี่ยงคำของไทยเรานี่แหละ และมันแปลกตรงที่มีการจุดเปลวไฟร้อนๆ แล้วก็โซ่ยเข้าปากไปเลย อืมมมมน่าลองเหมือนกันนะ “Pradhuman Shukla” เขาและครอบครัวดูแลกิจการร้านอาหารริมถนนที่เมือง “นิวเดลี” ในอินเดียมานานกว่า 20 ปี แต่ผู้คนก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาตั้งแต่เขาได้ขายเจ้าหมากห่อไฟนี้ เขาได้ค้นพบเมนูสุดแปลกนี้จากพนักงานคนหนึ่งที่มีแนวคิดการจุดไฟในหมากก่อนที่จะเสิรฟ์ให้ลูกค้า มีลูกค้าชาวอินเดียผู้หนึ่งที่มีอาการเจ็บคอและมีแผลในปาก เขาได้ทานหมากห่อไฟนี้ทุกวันจนอาการดีขึ้น จึงเกิดเรื่องเล่าปากต่อปากที่ว่ามันรักษาอาการต่างๆ ได้ เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ใครๆ ก็ต่างอยากจะมาลองลิ้มชิมรสเจ้าหมากห่อไฟอันนี้ ผู้คนก็ยืนมองการเสิร์ฟสุดพิศดารของหมากห่อไฟอยู่เต็มริมถนน แล้วก็ต้องตัดสินใจลองทานสักคำเพราะความแปลกใหม่ของมัน ส่วนผสมของ ‘หมากห่อไฟ’ ประกอบด้วยเม็ดยี่หร่า ใบกระวาน…
-
“เจ้าหมีน้อย” ได้รับการปลดปล่อย จากการถูกมนุษย์ใจร้ายแทงจมูก และคล้องเชือกไว้เป็นเวลานาน
การทารุณสัตว์นอกจากจะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นเรื่องที่ผิดต่อศีลธรรมอีกด้วย สัตว์ต่างๆ มากมายทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่า ตกเป็นเหยื่อของการทารุณและทรมานโดยมนุษย์ผู้ที่เรียกตัวเองว่า สัตว์ประเสริฐ เหมือนกับเรื่องราวของหมีน้อยตัวนี้ ที่ครั้งหนึ่งเคยตกเป็นเหยื่อของการกระทำของมนุษย์ แต่ตอนนี้มันก็ได้กลับมามีชีวิตที่มีความสุขอีกครั้ง และต่อไปนี้คือเรื่องราวของหมีน้อยผู้ที่ได้โอกาสกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ในปี 2013 ทีมวิจัยได้พบกับ Goldie หมีผู้เคราะห์ร้ายในเขตชายแดนระหว่างเนปาลและอินเดีย ซึ่งตอนที่พวกเขาพบมันนั้นมันมีอายุเพียง 5 ปีเท่านั้น ในครั้งแรกที่ถูกพบมันดูอ่อนล้า ไร้เรี่ยวแรง นอกจากนี้ยังมีเชือกอีกเส้นสอดทะลุโรงจมูกของมันออกมา ทำให้มันต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดเป็นอย่างมากอีกด้วย Goldie ถูกใช้เป็น”หมีเต้นระบำ” ซึ่งเชือกที่เจาะผ่านโพรงจมูกของมันนั้น ถูกใส่ให้กับมันตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อที่จะใช้ในการบังคับใหม้มันเต้นโดยการกระตุกเชือกนั้น Lis Key เจ้าหน้าที่ขององค์กรช่วยเหลือสัตว์นานาชาติ (IAR) บอกว่า “เมื่อพวกหมียังเล็ก เจ้าของจะเจาะบริเวณบนจมูกของมันด้วยเหล็กร้อนๆ ความเจ็บปวดจะทำให้พวกมันยอมจำนน แต่ถ้าหากวิธีนี้ไม่ได้ผลพวกเขาจะใช้วิธีอื่นๆ ที่เจ็บปวดมากกว่าแทน” บางครั้งหนามหรือของแหลมๆ ถูกใส่เข้าไปในเชือกเพื่อเพิ่มความเจ็บปวดให้กับหมี และถ้าเจ้าของรู้สึกว่าแผลเดิมเริ่มจะหายดีแล้ว พวกเขาก็จะเจาะรูเข้าไปใหม่ ตอนนี้หมีเต้นระบำ ถูกกำหนดให้เป็นสิ่งผิดกฏหมายในประเทศอินเดียตั้งแต่ปี 2009 แล้ว นับว่าเป็นเรื่องดีมากๆ ที่พวกมันไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างนี้ตลอดไป นอกจากนี้ในพื้นที่ที่พบเจ้า Goldie ตำรวจยังพบหมีตัวอื่นๆ อีก 3 ตัวด้วยกันที่ถูกทารุณแบบเดียวกัน พวกมันมักจะถูกลักลอบจับในเนปาล หลังจากที่ถูกพบ Goldie และเพื่อนของมันก็ถูกนำตัวไปยังสถานดูแลของ…
-
เผยภาพถ่ายชนเผ่าผู้ห่างไกล ปฏิเสธโลกภายนอกสิ้นเชิง พร้อมจะปลิดชีพได้ทุกเมื่อ!!
ในยุคที่โลกของเราเต็มไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยแบบนี้ แทบไม่น่าเชื่อว่าจะยังหลงเหลืออารยธรรมของชนเผ่าหนึ่ง ผู้ซึ่งปฏิเสธความศิวิไลซ์จากโลกภายนอก Sentinelese คือชนเผ่าดั้งเดิมที่อาศัยอยู่กับธรรมชาติอย่างสันโดษ บนหมู่เกาะ North Sentinel คาบมหาสมุทรอินเดีย และไม่ว่าใครก็ตามที่พยายามจะเข้าไปสำรวจเกาะแห่งนี้ มักจะถูกพวกเขาโจมตีขับไล่ออกมาตลอด! ภาพฟุตเทจจากทีมที่พยายามเข้าไปสำรวจ แต่ไม่สำเร็จ อ้างอิงข้อมูลจาก LoveBiteProduction คาดว่าชนเผ่าดังกล่าว อาจเป็นมนุษย์ที่สืบเชื้อสายโดยตรงจากชนเผ่าดั้งเดิมในแอฟริกา ซึ่งพวกเขาอยู่อาศัยบนเกาะนี้มาแล้วกว่า 60,000 ปี พื้นที่ทั้งหมดของเกาะมีขนาดเท่ากับเกาะแมนฮัตตัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีทีมสำรวจใด จะสามารถบอกจำนวนประชากรจากชนเผ่านี้ได้อย่างแน่ชัด ซึ่งปัจจุบันคาดว่าน่าจะอยู่ที่ราวๆ 40 – 500 คน ‘ไม่สำคัญว่าคุณจะมาผูกมิตร หรือเป็นศัตรู เพราะพวกเขาจะต้อนรับคุณด้วยลูกธนู และหอก นับไม่ถ้วน’ ทีมสำรวจกล่าว ภาพของเด็ก และผู้ใหญ่ จากฟุตเทจของทีมสำรวจ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2004 เกิดสึนามิขึ้นเป็นวงกว้างในแถบมหาสมุทรอินเดีย รัฐบาลอินเดียได้ส่งทีมกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือชนเผ่า Sentinelese แต่พวกเขากลับถูกต้อนรับด้วยลูกธนูแทน ภาพชนเผ่ากำลังยิงธนูใส่เฮลิคอปเตอร์ ที่เข้ามาช่วยเหลือจากรัฐบาลอินเดีย บริเวณที่ตั้งของหมู่เกาะดังกล่าว เมื่อปี 1967 รัฐบาลอินเดียเคยพยามที่จะสร้างสัมพันธไมตรีกับชนเผ่านี้…
-
เรื่องราวของชายหนุ่มอินเดีย มุ่งมั่นปั่นจักรยานไปยุโรป เพื่อพบกับรักแท้เมื่อ 30 ปีก่อน
เมื่อปี 1975 ขณะที่หนุ่มอินเดียคนหนึ่งชื่อว่า P.K. Mahanandia กำลังหารายได้ด้วยการเป็นศิลปินวาดภาพอยู่ข้างถนนในย่าน Connaught Place ซึ่งเป็นย่านธุรกิจในเมืองเดลี ประเทศอินเดีย เขาบังเอิญได้พบกับ Charlotte Von Schedvin หญิงสาวชาวสวีเดนคนหนึ่งที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังดินแดนภารตะแห่งนี้ และใครจะรู้ว่าหญิงสาวจากดินแดนอันห่างไกล จะกลับกลายเป็นรักแท้ของเขา Charlotte เล่าว่าขณะที่เธอเดินเล่นอยู่ในเมืองนั้น เธอก็พบกับ Mahanandia กำลังรับวาดภาพเหมือนอยู่ข้างถนน เขาโฆษณาว่าเขาสามารถวาดเสร็จภายใน 10 นาทีโดยมีค่าบริการอยู่เพียงแค่ 10 รูปีเท่านั้น เธอจึงตัดสินใจเข้าไปใช้บริการ แต่ระหว่างนั้นเธอก็พบว่า Mahanandia กลับมีอาการมือสั่นตลอดเวลา จนแทบไม่สามารถวาดภาพได้ เธอแอบคิดว่าเขาป่วยหรือเปล่า เธอจึงบอกว่าไม่เป็นไร แล้วเธอจะมาใหม่ในอีกวัน พออีกวันมาถึง Mahanandia ก็ยังมือสั่นเหมือนเดิม สุดท้ายเขาก็วาดภาพไม่สำเร็จ ภายหลังเธอได้ทราบว่า ทันทีที่เขาเห็นเธอ เขาก็ย้อนนึกถึงคำทำนายของแม่ของเขาที่บอกว่า เขาจะได้แต่งงานกับหญิงสาวที่อยู่ในราศีพฤษที่มาจากดินแดนอันห่างไกล เธอคนนั้นจะชื่นชอบในเสียงดนตรีและมีผืนป่าไว้ในครอบครอง ซึ่งแทบจะตรงกับเธอทุกอย่าง ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาเล่าว่า เขาเกิดในวรรณะจัณฑาล ทำให้โดนดูถูกดูแคลนมาตั้งแต่เด็กๆ และเขาหวังเสมอว่าหญิงสาวในคำทำนายนั้น จะมาทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปจากเดิม “ผมไม่ได้ถามชื่อเธอด้วยซ้ำ ผมเอาแต่ถามคำถามเกี่ยวกับคำทำนายและเธอก็ตอบใช่ๆ ทุกอย่าง ตอนนั้นผมรู้เลยว่าฟ้าส่งให้เรามาพบกัน ผมบอกเธอว่า…
-
หญิงชาวอินเดียถูก ‘เผาทั้งเป็น’ เพราะหมอประกาศว่าเธอเสียชีวิตด้วยโรคปอดติดเชื้อ
ความเป็นความตายของมนุษย์คนหนึ่งนั้นนับเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆ สำหรับวงการแพทย์ เพราะหากวินิจฉัยผิดไปแม้แต่นิดเดียว คุณจะไม่มีโอกาสได้แก้ตัวซ้ำอีก เช่นเดียวกับเรื่องราวที่เกิดกับหญิงชาวอินเดีย เมื่อเธอต้องถูกเผาทั้งเป็นเนื่องจากความผิดพลาดของหมอที่ประกาศว่าเธอเสียชีวิตแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นที่โรงพยาบาล Sharda hospital เมือง Greater Noida รัฐ Uttar Pradesh ของประเทศอินเดีย โดยทีมแพทย์ได้ประกาศว่า Rachna Sisodia วัย 24 ปี เสียชีวิตแล้วด้วยโรคปอดติดเชื้อ Devesh Chaudhary วัย 23 ปี ผู้เป็นสามีของหญิงรายนี้และเพื่อนอีกจำนวนหนึ่ง จึงได้นำร่างของเธอออกจากโรงพยาบาลดังกล่าวในเวลา 01.27 น. เพื่อไปทำพิธีศพที่ Aligarh และในเวลา 08.00 น. พวกเขาก็ได้เผาศพเธอ แต่จากรายงานบอกว่าในระหว่างที่เผาศพหญิงสาวนั้น ได้มีคนลากเธอออกมาจากกองเพลิงอย่างกระทันหันเพราะเชื่อว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ แต่หลังจากออกจากกองเพลิงแล้ว หญิงสาวก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย อย่างไรก็ตามพวกเขาได้นำศพเธอไปให้แพทย์ชันสูตรศพอีกครั้ง และพบว่ามีเศษการเผาไหม้เข้าไปอยู่ในหลอดลมและปอดบางส่วนของเธอ แพทย์ที่ทำการชันสูตรทั้ง 2 จึงสรุปเป็นเสียงเดียวกันว่า Rachna ไม่ได้เสียชีวิตจากการติดเชื้อในปอด แต่เธอเสียชีวิตเนื่องจากช็อกตอนถูกไฟเผาทั้งเป็น ทางญาติของหญิงสาวได้นำเรื่องดังกล่าวนี้ไปแจ้งความ โดยให้การว่า Devesh ผู้เป็นสามีและเพื่อนจำนวนหนึ่งได้ล่วงละเมิดทางเพศกับ Rachna จนได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาจึงทำการเผาเธอทั้งเป็นเพื่อหนีความผิด …
-
อาสาสมัครช่วยชีวิตงูชาวอินเดียเสียชีวิต เพียงเพราะ “พยายามจูบงู” ที่เขาช่วยจากตลาดมืด
เราน่าจะมีภาพที่ติดตากันพอสมควรสำหรับหมองูจากอินเดียที่มักจะเป่าปี่เพื่อให้งูเต้นรำตามในหนังสือการ์ตูน หรือจะเป็นหมองูบ้านเราที่โชว์จูบงูให้เห็นกันบ่อยๆ แต่ว่าไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จูบงูได้สำเร็จ หนุ่มคนนี้ก็คือหนึ่งในผู้โชคร้ายคนนั้น…. อาสาสมัครช่วยชีวิตงูนายนี้มีชื่อว่า Somnath Mhatre อายุ 18 ปี เขาคือเจ้าหน้าที่ขององค์กรพิทักษ์ ที่มีหน้าที่คอยช่วยเหลืองูจากตลาดค้าของผิดกฎหมาย เพื่อนำมันกลับเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในธรรมชาติ ในครั้งล่าสุด เขาได้เดินทางไปช่วยงูเห่าตัวหนึ่งจากย่านการค้า ในมุมไบ เพื่อที่จะได้นำมันไปปล่อยในที่ปลอดภัยห่างจากผู้คน แต่ก่อนจะปล่อยเจ้างูตัวนี้ไป เขาก็อยากจะถ่ายรูปคู่กับมันสักหน่อย เขาค่อยๆ ยกงูขึ้นมาพร้อมกับจะจูบตรงกลางหัวมันเพื่อบอกลา แต่ทว่าเรื่องที่ไม่ขาดคิดก็เกิดขึ้น เจ้างูเห่าพุ่งเข้าฟังขมเขี้ยวลงกลางอกของเขาทันที ภาพของเขาที่เคยถ่ายกับงูก่อนหน้านี้ เขาถูกหามส่งโรงพยาบาลในมุมไบทันที แต่ทว่าโชคกลับไม่เข้าข้างเขา เพราะ 5 วันหลังจากต่อสู้กับพิษงู เขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับมันและตายลงอย่างสงบในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อาสาสมัครที่ไม่ประสงค์ออกนามอีกคนบอกว่า “Somnath เขาเดินทางเพื่อไปช่วยงู ที่ย่านการค้า ในมุมไบ แต่ว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นขณะที่เขากำลังจะถ่ายรูปกับงูที่เขาช่วยมา แต่ว่างูดันหันมาฉกเขาเข้าที่กลางอก” คนที่รู้จักต่างก็บอกว่า… Mhatre เขาเป็นคนที่รักสัตว์มากๆ ก่อนที่เขาจะตาย เขาได้ช่วยงูมากแล้วมากกว่า 100 ตัวเลยทีเดียว .
-
หนังสือเรียนอินเดีย สอนให้เด็กทดลอง “กล่องปิดตายขังแมว” เพื่อทดสอบสิ่งมีชีวิต
กลายเป็นประเด็นร้อนบนอินเตอร์เน็ตเลยทีเดียว หลังจากมีชาวเน็ตชาวอินเดียท่านหนึ่ง ถ่ายภาพแบบเรียนของเด็กประถมในประเทศอินเดีย ที่สอนให้นักเรียน “ฆ่าแมว” เพื่อทดสอบสิ่งมีชีวิต หนังสือเรียนดังกล่าวมีชื่อว่า Class IV เป็นหนังสือเรียนวิชาสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติของเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ก็จะเกี่ยวกับโลก สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ และสิ่งมีชีวิตทั่วไป แต่มีบทหนึ่งของหนังสือมีเนื้อหาว่า “การหายใจของสิ่งมีชีวิต” หนังสือบรรยายว่า “สิ่งมีชีวิตจะต้องหายใจเอาอากาศเข้าไป ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนมีชีวิตรอดถ้าไม่มีอากาศหายใจ คุณสามารถทำการทดลองได้ ด้วยการทำกล่องที่มีรูบนฝากับกล่องที่ไม่มีรูแล้วนำแมวเข้าไปใส่ ทิ้งไว้ซักพักแล้วมาเปิดดู คุณจะพบว่าว่าแมวที่อยู่ในกล่องที่ไม่มีรูจะตาย” หลังจากกระแสข่าวโด่งดังออกไป ทางโฆษกของ PP Publications สำนักพิมพ์ที่ผลิตแบบเรียนดังกล่าวได้ออกมาแถลงว่า “เราได้เรียกคืนหนังสือทั้งหมดกลับมาแล้ว และจะมีการปล่อยเวอร์ชั่นปรับปรุงออกมาในช่วงปีหน้า” ซึ่งชาวเน็ตท่านหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นว่า “คนเขียนแบบเรียนนี้ น่าจะไปอยู่ในกล่องแทนแมวนะ” และอีกความเห็นก็กล่าวว่า “นี่มันบ้าอะไรเนี่ย มีใครตรวจสอบหนังสือเล่มนี้ก่อนที่จะได้รับอนุญาตและใช้งานในโรงเรียนมั้ย จริงๆ ถามไปก็เท่านั้น คงไม่มีคนตอบหรอก” แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดเห็นอย่างไรบ้าง ลองแสดงความเห็นกันเข้ามานะ ที่มา odditycentral
-
ชม 12 ภาพถ่ายแห่งประวัติศาสตร์ของคนอินเดียสมัยโบราณ ในช่วงศตวรรษที่ 19
ครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆ ทุกคนมาชมภาพถ่ายของชาวอินเดียโบราณ ที่ไม่ได้หาชมง่ายในปัจจุบัน โดยภาพถ่ายทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของ มหาราช ซาราม ซิงห์ ผู้ปกครองเมืองชัยปุระ หรือ นครสีชมพู ในช่วงปี 1835-1880 ซึ่งในปัจจุบันเมืองแห่งนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความโดดเด่นที่สุดในโลกไปแล้ว ย้อนกลับไปในสมัยที่ มหาราช ซาราม ซิงห์ อยู่ในช่วงที่กำลังปกครองเมืองชัยปุระ เขามักจะชื่นชอบการเดินเที่ยวเตร่อยู่ตามท้องถนนโดยที่ไม่เผยตัวตน เพื่อที่จะได้สังเกตการทำงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ อีกทั้งเขายังชื่นชอบการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ พร้อมทั้งทุ่มเทเวลาที่มีสร้างผลงานภาพถ่ายของตนเองขึ้นมา และแน่นอนว่าผลงานภาพถ่ายของเขา ก็ทำให้คนรุ่นหลังอย่างเราได้มีโอกาสเห็นภาพของชาวอินเดียในสมัยนั้นอีกด้วย นี่คือภาพถ่ายของหญิงนางโลมแห่งเมืองชัยปุระ ปี 1857 ภาพถ่ายของหญิงนางโลมแห่งเมืองชัยปุระ ระหว่างปี 1857 – 1865 ชายในพระราชวังหลวงแห่งเมืองชัยปุระ ปี 1857-1865 มหาราช ซาราม ซิงห์ ที่ 2 แห่งเมืองชัยปุระ ในปี 1857 – 1865 ภาพถ่ายหญิงแห่งเมืองชัยปุระ ปี 1857 – 1865…
-
ชมขบวนพาเหรด “มอเตอร์ไซค์ผาดโผน” สุดจ๊าบ ที่จัดขึ้นในวันชาติของอินเดียทุกๆ ปี
ในวันที่ 26 มกราคมของทุกปี ถือเป็น ‘วันชาติ’ ของประเทศอินเดียเป็นวันที่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญอันแสดงให้เห็นว่าอินเดียเป็นประเทศที่มีอธิปไตยและเป็นสาธารณรัฐอย่างสมบูรณ์ ทำให้ความฝันของท่านมหาตมา คานธี บิดาแห่งประชาชาติของอินเดียและผู้ที่ต่อสู้เสียสละพลีชีพเพื่อเอกราชของประเทศกลายเป็นความจริง ดังนั้น ในวันที่ 26 มกราคม จึงได้รับการประกาศให้เป็นวันชาติและเป็นวันหยุดตั้งแต่นั้นมา สำหรับในวันนี้ก็จะมีกิจกรรมต่างๆ เพื่อเฉลิมฉลองไปทั่วประเทศ และส่วนที่เป็นไฮไลท์หรือที่จับตามองที่สุดก็คือขบวนพาเหรดรถมอเตอร์ไซค์ผาดโผน ที่จะมาโชว์ให้เหล่าชาวประชาได้รับชมนี่แหละ เหล่าเจ้าหน้ารักษาดินแดนที่ได้ทำการฝึกซ้อมเพื่อการแสดงผาดโผนนี้กันมาอย่างหนักหน่วง… ในทีมของเหล่าสตั๊นท์แมนทั้งหลายนั้นถูกตั้งชื่อว่าทีม “Daredevil” และรับหน้าที่ในการจัดแสดงโชว์ท่าขี่มอเตอร์ไซค์แบบหวาดเสียวมาให้เห็นกันในทุกๆ ปี ซึ่งในแต่ละปีก็จะมีเทคนิคต่างๆ มาให้ทุกคนได้ชมกันอยู่เสมอ และสำหรับในปี 2017 นี้เองก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการต่อตัวกันบนรถมอเตอร์ไซค์ พร้อมกับมีการยืนทรงตัวข้างบน สร้างความหวาดเสียวให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก เอาบันไดมาต่อเพื่อขึ้นไปยืนข้างบนก็ได้นะเออ!! ที่มากไปกว่านั้นมีการหมุนติ้วๆ ด้วย (เห็นแล้วเวียนหัวแทน ฮร่า) ลองไปชมคลิปขบวนพาเหรดกันแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้… ระ ระ ร้ายกาจจจ (ได้สติ้กเกอร์ตัวข้างล่างมาใหม่ ขอใช้เลยละกัน ฮร่าา) ที่มา : rocketnews24
-
หมอทำการผ่าตัด ช่วยหญิงสาวโรค ‘ราพันเซล’ กินผมตัวเองจนเป็นก้อนหนัก 2 กิโล!!
ข่าวนี้อาจจะมีภาพที่รุนแรงไปเล็กน้อย หากใครหวั่นไหวง่ายควรปิดก่อนนะจ๊ะ กลายเป็นเรื่องสุดสยองเลยทีเดียว หลังจากทีมแพทย์ผ่าตัดช่วยเหลือเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นโรคทางจิตวิทยาที่เรียกว่า “ราพันเซล” ซึ่งมีอาการชอบกินเส้นผม จนมีเส้นผมอยู่ในท้องหนักเกือบ 2 กิโลกรัม เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นใน รัฐปัญจาบ ประเทศอินเดีย เมื่อเด็กหญิงคนหนึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หลังไม่สามารถดื่มหรือรับประทานอาหารใดๆ เข้าไปเลย ซึ่งเมื่อแพทย์ได้ทำการตรวจเช็คร่างกายแล้ว พวกเขาต้องตกตะลึงเลยทีเดียว เพราะในท้องของเธอมีเส้นผมก้อนใหญ่อยู่ภายใน ทีมแพทย์จึงต้องรีบทำการผ่าตัดเป็นการเร่งด่วน ทางแพทย์ได้วินิจฉัยว่าเด็กหญิงดังกล่าวป่วยเป็นโรคทางจิตวิทยาที่เรียกว่า “ราพันเซล ซินโดรม” หลังจากพบว่าเธอเคยมีประวัติมีอาการ trichotillomania หรือโรคชอบดึงผมตัวเอง และ trichophagia หรือ โรคชอบกินเส้นผม พวกเขาเชื่อว่าเธอกินเส้นผมที่เธอดึงออกมาทุกครั้ง เป็นเวลาติดต่อกันหลายปี จนในที่สุดร่างกายก็ไม่สามารถรับประทานอาหารอย่างอื่นเข้าไปได้อีก โรคราพันเซล ถือเป็นสภาวะทางจิตอย่างหนึ่ง ผู้ป่วยจะมีลักษณะนินิสัยหรือพฤติกรรมที่ย้ำคิดย้ำทำ ชอบดึงเส้นผมของตัวเองมากิน จนหลายครั้ง เส้นผมเหล่าก็ไปจับตัวอยู่ในท้องจนกลายเป็นก้อนขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม อาการ ราพันเซลซินโดรม นั้นเป็นสิ่งที่พบเจอได้ยากมาก โดยในประวัติศาสตร์ทางการแพทย์ที่บันทึกเอาไว้ เคยมีผู้ป่วยเป็นโรคนี้ที่เป็นหนักจริงจังแค่ 120 รายเท่านั้น อื้อหือ น่ากลัวจริงๆ เห็นแล้วสยึ๋มกึ๋ยจั๊กจี้หัวใจยังไงชอบกล บรึ๋ยยยยย…
-
พ่อค้าแม่ค้าตลาดสดอินเดีย หันมาใช้ระบบบัตรเครดิต จ่ายเงินกันแบบรูดปรื้ดๆ!!
ถ้าหากว่าเราติดตามข่าวคราวบ้านเมืองนี้ จะพบว่าจริงๆ แล้วประเทศอินเดีย เป็นอีกประเทศที่มักจะมีอะไรมาเซอไพรส์ชาวโลกอยู่ตลอด และล่าสุดข่าวใหญ่หน้าหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องที่ รัฐบาลออกมาประกาศยกเลิกธนบัตร 500 และ 1,000 รูปี อย่างกระทันหัน ซึ่งงานนี้ประชาชนทุกคนจะต้องรีบเอาธนบัตรแบบเก่า ไปแลกแบบใหม่ภายในเดือนธันวาคมนี้เท่านั้น เพราะถ้าหลังจากนี้แล้ว มันจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นเศษกระดาษ ที่ไม่สามารถใช้ทำธุรกรรมใดๆ ได้ทันที ธนบัตรแบบเก่า ที่กำลังจะหมดความหมาย กลายเป็นซากอ้อย ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า.. จากเหตุการณ์ที่รัฐบาลออกมาประกาศอย่างกระทันหันในครั้งนี้ ทำให้ประชาชนส่วนมาก รู้สึกกังวล และเกรงว่าในอนาคต เงินที่อยู่ในรูปแบบกระดาษ จะไม่มีความหมายอีกต่อไป เมื่อการเปลี่ยนแปลงเข้ามา การปรับตัวก็ต้องเป็นไป ทำให้พ่อค้าแม่ค้าชาวอินเดีย ไม่ว่าจะร้านของชำ ร้านขายผักสด หรือแม้แต่อาบังขายถั่ว ก็เลือกที่จะหันมาใช้ระบบการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตแทนซะเลย แม้แต่ร้านซ่อมรองเท้า เค้าก็หันมาใช้ระบบจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตกันแล้วนะ ซึ่ง Paytm ที่ชาวอินเดียหันมาใช้กันนี้ เป็นธุรกรรมทางออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงมากในเมืองใหญ่อย่างนิวเดลี ส่วนสาเหตุที่รัฐบาลต้องประกาศใช้ธนบัตรอย่างกระทันหัน ก็เพื่อต้องการปราบคอร์รัปชั่น และตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มคนบางกลุ่มนั่นเอง เชื่อหรือไม่ว่า หลังจากที่รัฐบาลประกาศยกเลิกธนบัตรได้ไม่กี่ชั่วโมง ทำให้ระบบธุรกิจของ Paytm ในอินเดียเติบโตมากขึ้นถึง…
-
ร้านตัดผมสุดเทพในอินเดีย กรรไกรมันเชย ต้องใช้ “เทียนไข” ลนผมให้ได้ทรง!!!
ทุกครั้งที่เราไปร้านตัดผม เราก็มักจะเลือกร้านที่เราไว้ใจ ไปตัดบ่อย เพราะว่าทรงที่ออกมาจะค่อนข้างตามมาตรฐานทั่วไป และทำให้เราอุ่นใจในระดับหนึ่ง แต่ถ้าวันไหนคุณได้ไปอินเดีย แล้วเกิดอยากตัดผมขึ้นมา ขอแนะนำว่าต้องดูร้านให้ดีๆ หน่อยแล้วกัน เพราะว่ามีอยู่ร้านหนึ่งที่มีเทคนิคการตัดผมที่ไม่เหมือนใคร และไม่คิดว่าจะมีใครกล้าเหมือนด้วย นั่นก็คือการเอาเทียนไขมาลนแทนการใช้กรรไกร ร้านแห่งนี้มีชื่อว่า Raj Men’s Salon ตั้งอยู่ในเมือง Gulbarga, Karnataka โดยเจ้าของร้าน Dasharath ใช้เทคนิคพิเศษนั่นก็คือเอาเทียนไขมาเผาผมแทนการตัดด้วยกรรไกร และลูกค้าก็เหมือนจะชอบด้วย ไอเดียนี้เกิดจากที่เขาต้องการจะทำอะไรที่แปลกไปจากเดิม โดยที่ไม่อยากใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า และปกติเขาก็ใช้เทียนในร้านเป็นประจำอยู่แล้ว ก็เลยปิ๊งไอเดียเอาเทียนมาตัดผมแทนนั่นเอง ตอนนี้ก็เรียกได้ว่าเขาเป็นผู้นำแห่งวงการบาร์เบอร์ของประเทศอินเดียไปเสียแล้ว แถมลูกค้าชอบวิธีการใช้ไฟลนก็ได้ทรงที่ออกมาดีด้วย เราไปชมคลิปการตัดผมด้วยไฟของเขากันเลย ถ้าใครแวะไปอินเดียและอยากสัมผัสบรรยากาศใหม่ๆ แนะนำให้ลองไปตัดดูสักครั้ง ส่วน #เหมียวสามสี ขอบาย ถ้าใครเอาแกล้งเพื่อนโดยการเอาไฟลนขนหน้าแข้งเพื่อนคงรู้ดีว่ากลิ่นมันเป็นยังไง ฮร่า ที่มา scoopwhoop
-
บริษัทอินเดียแจกโบนัส รถเก๋งกว่า 1,000 คันพร้อมแฟลตให้พนักงาน ดีขนาดนี้ใครจะกล้าออก
สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ก็คงรอคอยช่วงเวลาโบนัสปลายเดือนหรือปลายปี ซึ่งส่วนมากก็จะได้มาเป็นเงิน แต่สำหรับบริษัทส่งออกเพชร Hare Krishna Exports ได้มอบโบนัสเป็นอะไรที่อลังการงานสร้างเป็นอย่างมาก Savji Dholakia มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทได้มอบโบนัสให้กับพนักงานในปีนี้เป็นรถยนต์ตำนวน 1,260 คัน และแฟลตอีก 400 หลัง และเครื่องเพชรอีกจำนวนหนึ่งสำหรับพนักงานที่ทำผลงานได้ดี ถึงบอกไงว่าโบนัสดีขนาดนี้ใครจะกล้าออก? และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาแจก เมื่อปีที่แล้ว มีพนักงานได้โบนัสเป็นรถยนต์ 491 คัน และแฟลตอีก 200 หลัง ซึ่งปีนี้แจกหนักแจกมากกว่าเดิมอีก Dholakia เจ้าของบริษัทแห่งนี้เดิมทีเขาเป็นหนุ่มธรรมดาที่มาจากหมู่บ้าน Dudhala แล้วเข้ามาในเมือง Surat หวังเพื่อที่จะหางานทำ แล้วเขาก็ใช้ความขยัน สร้างเนื้อสร้างตัวจนมีบริษัทเพชรแห่งนี้และส่งออกไปต่างประเทศอีกกว่า 75 ประเทศ นอกจากนี้เขายังเป็นเหมือนต้นแบบของผู้คนในละแวกนั้นด้วย จากคนที่ไม่มีอะไร กลายมาเป็นผู้บริหารที่มีลูกจ้างมากมายถึง 5,500 คนได้ ถือเป็นความสำเร็จที่ใครหลายคนฝันอยากจะเป็นทั้งนั้น ที่มา scoopwhoop
-
ชาวอินเดีย 800,000 คน ร่วมกันทำสถิติโลก ปลูกต้นไม้ 50 ล้านต้นในวันเดียว!!!
กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลกเลยทีเดียว สำหรับการปลูกต้นไม้ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกครั้งหนึ่ง เมื่อชาวอินเดียกว่า 800,000 คน ได้ออกมาร่วมปลูกต้นไม้กว่า 50 ล้านต้นภายในหนึ่งวัน จนกลายเป็นสถิติโลกของกินเนสบุ๊ค เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย เมื่อชาวอินเดียกว่า 800,000 คน ได้ออกมาร่วมกันปลูกต้นไม้กว่า 50 ล้านต้นภายใน 1 วัน ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายสถิติเดิมที่ประเทศปากีสถานเคยทำไว้ที่ 840,000 ต้นภายในหนึ่งวัน โดยผู้ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในโครงการนี้คือรัฐบาลท้องถิ่นรัฐอุตตรประเทศ ซึ่งผู้ที่ออกมาร่วมปลูกต้นไม้ครั้งนี้ มีตั้งแต่นักเรียน พ่อค้าแม่ค้า นักกฎหมาย ไปยันเจ้าหน้าที่รัฐบาลเลยทีเดียว Akhilesh Yadav นายกรัฐมนตรีของรัฐอุตตรประเทศกล่าวว่า การทำลายสถิติครั้งนี้มีขึ้นเพื่อทำให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติ รายงานกล่าวว่า ทางรัฐบาลอินเดียจริงจังกับการปลูกป่าเหล่านี้มาก โดยมีการอนุมัติงบประมาณกว่า 6.3 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 2 แสนล้านบาทเพื่อใช้ในการขยายพื้นที่ป่า และตั้งเป้าไว้ว่าจะมีพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นถึง 235 ล้านเอเคอร์ หรือราว 95 ล้านตารางกิโลเมตร ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้…
-
หนุ่มไร้หัวใจ “โยนหมาจากหลังคา” คลิปถูกแชร์ไปทั่ว จนสุดท้ายถูกตำรวจจับแล้ว!!!
สำหรับคนที่รักสุนัขแล้ว การได้เห็นภาพสุนัขโดนทำร้ายเป็นอะไรที่เจ็บปวดสุดๆ ดังนั้นใครที่รับไม่ได้ก็ไม่ต้องดูคลิปที่แนบมานะ อ่านเฉยๆ ก็พอ คลิปนี้ถูกส่งต่อไปทั่ว เป็นภาพของชาย 2 คน คนหนึ่งเป็นคนโยนสุนัขลงจากหลังคา และอีกคนเป็นคนถ่ายภาพ ทำเป็นแบบสโลว์โมชั่น ซึ่งคลิปนี้ถูกแชร์ไปเป็นจำนวนมาก เพราะทุกคนอยากให้ดำเนินคดีกับชายทั้งสองคนนี้ Please share and help us find this bastard pic.twitter.com/QE7jM3JvoD — Karthik Dhandapani (@iamkarthikd) July 4, 2016 ดูคลิปไม่ได้ กดดูที่นี่ ด้วยพลังแห่งโซเชียล ทำให้ทั้งคู่ถูกจับโดยตำรวจท้องถิ่น ทราบชื่อภายหลังว่า Gautam Sudarshan และ Ashish Paul นักศึกษาปีสุดท้ายแห่ง Tamil Nadu’s Madha Medical College ประเทศอินเดีย เรื่องราวเกิดขึ้นหลังจากที่คลิปนี้แพร่ออกไป องค์กรพิทักษ์สัตว์และช่วยชีวิต และนักกิจกรรมคุ้มครองสิทธิสัตว์ก็เริ่มออกแคมเปญเพื่อจับกุมชายทั้งสองโดยมีเงินรางวัลกว่า 54,000 บาทสำหรับผู้ที่ให้ข้อมูล โชคดีที่สุนัขวัย 5…
-
เอาอีกแล้ว!? หนุ่มอินเดีย ‘เมา’ กระโดดลงไปในกรงสิงโต นี่พี่คิดอะไรอยู่ครับบบบ….
สำหรับช่วงนี้ทำไมเกิดเหตุการณ์แนวนี้ขึ้นมาบ่อยๆ #จ่าสิบเหมียว ก็ไม่เข้าใจจริงจริ๊งงงง ยิ่งมีเหตุการณ์ให้เห็นเป็นอุทาหรณ์ก็น่าจะทำให้คนฉุกคิดได้ไม่ใช่เหรอ?? ล่าสุดก็มีรายงานว่ามีชายหนุ่มชาวอินเดียคนหนึ่งเมาสุรา แล้วกระโดดลงไปในกรงสิงโตซะงั้น แถมพยายามลงไปจีบสิงโตซะด้วย เอิ่มมมมมมม Mukesh ชายชาวอินเดียวัย 35 ปีที่เมาสุราแล้วไปกระโดดกรงสิงโต หลังจากนั้นเขาก็พยายามอยู่หลายครั้งหลายคราที่จะเข้าไปจับมือกับสิงโตเพศเมีย และสารภาพรักกับมันซะด้วยนะเออ จากการรายงานพบว่ามีหลายครั้งเลยล่ะที่เขาตะโกนออกมาว่า “โอ้วที่รัก ได้โปรดเถอะ มาหาชั้นซะที” ไปที่แม่สิงโตสาวที่เขาพยายามจะบอกรัก…เอิ่มมม กระโดดเข้ากรงสิงโต ว่ายน้ำเข้าไปเพื่อไปจีบมันเนี่ยนะ -*- พอมีคนเห็นก็มีเสียงกรีดร้องขึ้นมาทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเขาออกมา ยังโชคดีที่เขาสามารถออกมาจากกรงได้โดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย… #WATCH: Drunk man jumps into a lion’s enclosure in Hyderabad, was safely rescued by zoo authoritieshttps://t.co/an77mTXpIm — ANI (@ANI_news) 22 พฤษภาคม 2559 จากการรายงานของเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ที่เข้าไปช่วย…
-
ช็อคทั้งอินเดีย โรงพยาบาลหลายแห่งถ่ายเลือดที่มีเชื้อ HIV ให้ผู้ป่วยกว่า 2,234 คน!!
นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศอินเดียเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เว็บไซต์ Usnews ได้รายงานว่า องค์กรควบคุมโรคเอดส์นานาชาติที่เป็นส่วนหนึ่งของกรมอนามัยและสวัสดิการครอบครัวของอินเดีย ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่าตลอดระยะเวลา 17 เดือนที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อ HIV กว่า 2,234 คน จากการถ่ายเลือดของพวกเขา โดยที่ผู้ติดเชื้อไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ สาเหตุที่มีการเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวก็เพราะว่ามีนักเคลื่อนไหวที่ชื่อว่า เชตาน โคธารี ได้ยื่นหนังสือกับองค์กรควบคุมโรคฯ เพื่อขอรับรู้ข้อมูลที่แท้จริง ทั้งนี้ตามรายงานระบุว่าผู้ติดเชื้อ HIV ส่วนใหญ่อยู่ทางเหนือของประเทศ มีจำนวนทั้งสิ้น 361 คน อยู่ในรัฐคุชราต 292 คน รัฐมหาราษฎระ 276 คน และอยู่ในกรุงนิวเดลีอีก 264 คน แต่นาย นายโคธารี เชื่อว่าจำนวนผู้ป่วยนี้อาจยังไม่ใช่ตัวเลขที่แท้จริง และคิดว่าอาจจะมากกว่านี้อีก 2-3 เท่า ทางด้านนายนาเรช โกยาล รองผู้อำนวยการทั่วไปขององค์การควบคุมโรคเอดส์แห่งชาติ ได้อธิบายถึงสาเหตุที่เลือดบริจาคกลายเป็นเลือดติดเชื้อ HIV ก็เพราะว่าไวรัสต้องใช้เวลาประมาณ 10 วันในการแสดงผล หลังจากที่ติดเชื้อระยะแรก ทำให้ในตอนแรกที่มีผู้มาบริจาคเลือดทางทีมงานที่รับบริจาคเลือดไม่สามารถตรวจเจอเชื้อ HIV การถ่ายเลือดครั้งนี้จะเกิดจากการถ่ายเลือดให้ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บและสูญเสียเลือดมากหรือใช้เลือดในระหว่างการผ่าตัดต่างๆ ซึ่งกว่า 84% ของเลือดทั้งหมด…
-
รวม 33 ภาพเหตุการณ์สุดแปลกและฮา ที่มักจะพบเห็นบ่อยๆ ในประเทศอินเดีย!!
ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และการที่มีประชากรมากนี้เองทำให้การดูแลความเป็นอยู่ของประชากรจึงไม่ค่อยทั่วถึงนัก ดังจะเห็นจากสถิติว่าประเทศอินเดีย เป็นประเทศที่มีผู้คนยากจน และขอทานมากที่สุดในโลก ด้วยความที่มีประชากรมากมายขนาดนี้ เพราะฉะนั้นการที่จะเกิดอะไรขึ้นในประเทศอินเดีย มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยล่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… 1. ป้ายโฆษณา!!?? 2. กระเป๋ารักหนังโป๊!? 555+ 3. เอาแปรงสีฟันมาทำเป็นที่คาดผม 4. จะบังเอิญอะไรเบอร์นั้น 5. ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นการเซลฟี่รูปของตัวเองกับเหตุการณ์นั้นๆ เก็บไว้ก็ถือว่าเป็นงานอดิเรกชั้นยอด ฮร่า 6. ฉันรัก สะ…สามี!???? – -* 7. ขะ…แข็งแกร่ง จริงๆ 8. สถานการณ์เร่งรีบระหว่างชั่วโมงเร่งด่วนจึงจำเป็นต้องเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซค์สิเนอะ ถึงจะรวดเร็วทันใจ 9. โถส้วมแบบ DIY. แต่ดูแล้วมันจะเลอะเทอะไปหน่อยมั้ยหงะ 555+ 10. รับ 2 จ๊อบ เป็นยามไปด้วย…
-
อินเดียสร้าง “ทางม้าลายแบบ 3 มิติ” เพื่อให้คนลดความเร็วในการขับขี่
การจราจรของแต่ละประเทศย่อมไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการปลูกฝังของประเทศนั้นๆ เหมือนอย่างต่างประเทศ เวลารถเห็นคนจะข้ามก็มักจะจอดให้ข้ามก่อน แต่ที่บ้านเราก็จอดเหมือนกันนะ แต่คนมักจะวิ่งข้ามกับแบบเร็วมากจนเพื่อนฝรั่งเหมียวงงแล้วถามว่าเขาจะรีบวิ่งไปไหน เพราะปกติเขาก็เดินข้ามแบบชิวๆ ดูเหมือนว่าที่อินเดียก็กำลังประสบปัญหานี้อยู่เหมือนกัน เมื่อไม่สามารถควบคุมความเร็วของรถที่แล่นผ่านทางม้าลายได้ ทางนายกกระทรวงคมนาคม Nitin Gadkari จึงเห็นว่าต้องออกมาเปลี่ยนแปลงแล้ว โดยการเปลี่ยนทางม้าลายให้เป็นแบบสามมิติ เพื่อให้คนเห็นชัดและชะลอความเร็ว ทางการก็หวังว่าการทำให้ทางข้ามเห็นชัดอาจจะทำให้ลดอัตราอุบัติเหตุทางท้องถนนลงได้บ้าง ซึ่งประเทศอินเดียนั้นมีอุบัติเหตุทางท้องถนนสูงที่สุดในโลก ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ใช้รถใช้ถนนด้วยว่าเวลาเห็นทางข้ามแล้วควรชะลอหรือไม่ อาจจะยังปรับตัวไม่ได้ทันที แต่อย่าน้อยก็น่าจะทำให้ลดอุบัติเหตุลงไปได้ ที่มา boredpanda
-
คิดได้ไง!? ทางการติดตั้งตาข่ายกรองแสงที่แยกไฟแดงฝ่าวิกฤตร้อนในเมือง ‘Nagpur’ ประเทศอินเดีย
เนื่องจากว่าความร้อนแรงของแดดในบ้านเรานั้นเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ และสำหรับใครที่มีธุระต้องออกไปข้างนอกบ้านแล้วขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปนี่ขอบอกเลยว่านรกมากๆ ยิ่งตอนติดแยกไฟแดงนี่นะ โอ้โหห น้ำตาจะไหล และแน่นอนว่าไม่ได้มีแค่บ้านเราเท่านั้นที่ประสบกับแดดที่ร้อนแรงแบบนี้ ผู้คนในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกเองก็ประสบกับปัญหากับความร้อนแรงของแดดระหว่างที่ติดแยกไฟแดงเช่นกัน ยกเว้นแต่ในเมือง Nagpur ที่อยู่ใน รัฐ Maharashtra ประเทศอินเดีย เพราะทางการเค้ามาติดตั้งตาข่ายกรองแสงไว้ที่แยกไฟแดงซะทุกแยกเลยทีเดียว โดยประชาชนในเมือง Ngpur นั้นต้องพบเจอกับอุณหภูมิที่แสนร้อนแรงกว่า 40 องศาเซลเซียส ในทุกๆวัน และเจ้าสิ่งนี้ก็จะช่วยบรรเทาความร้อนให้กับเหล่าผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ทั้งหลาย จริงๆ แล้วไอ้เจ้าตาข่ายกรองแสงนี้มีจุดประสงค์อื่นนอกจากการให้ร่มเงาด้วยนะ ด้วยแดดที่ร้อนแรงท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวจึงทำให้ผู้คนไม่ชอบที่จะรอสัญญาณไฟและฝ่าไฟแดงกันเป็นจำนวนมาก ทางการจึงติดตั้งตาข่ายกรองแสงนี้เพื่อทำการแก้ไขปัญหา ด้วยความร้อนแรงของแดดในเมือง Nagpur ที่ร้อนที่สุดในประเทศอินเดียจนทำให้มีคนตายมาแล้ว ไอเดียสุดเจ๋งแบบนี้คงจะช่วยให้ผู้คนในเมืองและนักท่องเที่ยวมีความสุขกันขึ้นมาบ้างล่ะนะ ใครกันที่เป็นคนคิดโปรเจคนี้ขึ้นมานะ อัจฉริยะยิงนัก!! #เหมียวหง่าวขอยกนิ้วให้ ที่มา : buzzfeed
-
เด็กหญิงอินเดียวัย 5 ขวบ ร้องไห้อย่างน่าสงสาร หลังถูกครอบครัวจับแต่งงานกับเด็กชายแปลกหน้า
การที่เราได้เห็นภาพหรือคลิปวีดีโอของคู่รักได้จูงมือกันเข้าสู่พิธีวิวาห์ เรียกได้ว่ามันเป็นภาพที่เต็มไปด้วยความสุข และความประทับใจมาก แต่สำหรับงานวิวาห์ที่คุณกำลังจะได้รับชมต่อไปนี้ บอกได้เลยว่ามันเป็นภาพที่เห็นแล้วสะเทือนใจคนดูมากเหลือเกิน โดยวันที่ 21 เมษายน 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยภาพ และคลิปวีดีโอพิธีวิวาห์แบบพื้นเมือง ที่รัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย จากภาพเราจะเห็นได้ว่าคู่บ่าวสาวนั้นไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ แต่กลับเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสา ที่ถูกพ่อแม่บังคับให้แต่งงาน ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ภาพของเด็กหญิงวัย 5 ขวบในชุดส่าหรี กำลังร้องไห้อย่างน่าสงสาร ขณะถูกพ่อจูงมือบังคับให้เดินรอบกองไฟถึง 7 รอบ เพื่อทำตามพิธีกรรมที่สมบูรณ์แบบ ไปพร้อมกับเจ้าบ่าวแปลกหน้าวัยเพียง 11 ขวบเท่านั้น อีกทั้งในคลิปวีดีโอยังเผยให้เห็นภาพของบ่าวสาวผู้เยาว์อีกหลายคู่ ที่กำลังทำพิธีในลักษณะเดียวกันอีกด้วย ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของรัฐ เมื่อได้รับชมคลิปวีดีโอดังกล่าวก็ได้ออกมาเผยว่า ทางการมีการห้ามจัดงานแต่งงานที่เป็นผู้เยาว์มาตลอด โดยงานแต่งในครั้งนี้อาจจะเป็นการจัดพิธีแบบลับๆ ซึ่งน่าจะมีผู้รู้เห็นหลายคนแน่นอน ด้านนักสิทธิมนุษยชนเด็ก ก็ได้ออกมาเผยว่า คลิปดังกล่าวแสดงให้เห็นภาพของผู้ทำพิธีได้อย่างชัดเจน ซึ่งทำให้รู้ว่ามีผู้ใหญ่รู้เห็นเป็นใจในเรื่องนี้ ดังนั้นทางเจ้าหน้าตำรวจควรจะออกมาจัดการต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย ที่มา : mirror
-
หนุ่มถึงกับอึ้ง ซื้อคอนโดใหม่เจอตำหนิเพียบ อยากถามสร้างมาได้ยังไงเนี่ย!!
ปกติเวลาเราซื้อบ้านหรือคอนโดใหม่ เราก็คาดหวังสิ่งที่ดีที่สุดใช่มั้ยละ สำหรับ Jyotsna Puthran ศิลปินและผู้กำกับคนนี้ก็เช่นกัน เขาซื้อคอนโดใหม่เพื่ออยู่อาศัยและทำเป็นสตูดิโอส่วนตัว ในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย ช่วงแรกทุกอย่างก็ดูโอเค จนกระทั่งเมื่อเขาอยู่ไปซักพัก พอลองสังเกตทุกอย่างดีๆ เขาพบว่าคอนโดแห่งนี้มีสิ่งที่เขาต้องอึ้งอยู่เต็มไปหมด เพราะมันไม่มีอะไรสมประกอบซักอย่างเลย!! เริ่มจากปุ่มลิฟท์ ทำไมมันเป็นแบบนั้นล่ะ!! ทำไมปุ่มเลือกชั้นถึงซ้ำกัน แล้วจะไปถูกมั้ยเนี่ย!! ห้ามสูบบุหรี่…ก้นบุหรี่เพียบ ปูพื้นก็คนละสีกัน กลอนประตูก็ใช้ไม่ได้ ช่องมองประตูก็เบี้ยว แล้วจะเห็นคนที่ยืนหน้าห้องมั้ยเนี่ย ลูกบิดก็ท่าทางร่อแร่ กระเบื้องก็คนละสี สะพานไฟก็น่ากลัว หลอดไฟก็เหมือนไม่ตั้งใจติด บันไดนี่ทำมาทำไม หน้าต่างนี่จะล็อคแน่นหนาไปไหน มีสามชั้นเลย แหม อยากจะเห็นหน้าคนสร้างจริงๆ แต่ละอย่างนี่น่าจับมาดีดกะโหลกมากๆ คิดเหมือนกันมั้ยเพื่อนๆ ที่มา Boredpanda
-
ข้างบนอากาศดีไหม? เด็กอินเดียวัย 14 ปี สูงกว่า 204 เซนติเมตร ทั้งที่ครอบครัวเป็นคนสูงปกติ!?
หนุ่มสาวบางคนที่เกิดมามีความสูงไม่มากพอ ก็หวังอยากจะมีส่วนสูงเยอะๆ เพื่อจะได้มีรูปร่างและบุคลิกภาพที่ดี แต่หารู้ไม่ว่าการมีความสูงที่มาก (เกินพอดี) ก็อาจกลายเป็นผลเสียได้เช่นกันนะ… เมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Indiatimes ได้เปิดเผยเรื่องราวของเด็กหนุ่มชาวอินเดีย Yashwant Raut วัย 14 ปี ที่เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติ เพราะตอนนี้เขามีความสูงกว่า 204 เซนติเมตร ทั้งๆ ที่ทางบ้านไม่มีใครสูงขนาดนี้เลย!? มีรายงานว่าพ่อของ Yashwant มีความสูงเพียง 167 เซนติเมตรเท่านั้น และแม่ของเขาก็เตี้ยกว่าพ่อของเขาอีก เลยไม่รู้ว่าเจ้าตัวไปเอาความสูงฉลูดขนาดนี้มาจากไหน? และเนื่องจาก Yashwant มีความสูงมากกว่าคนปกติ ทำให้เขาใช้ชีวิตได้อย่างยากลำบาก Yashwant มักจะเอาหัวไปโขกกับประตูรถตลอด หรือเขียนหนังสือไม่ถนัดเพราะเก้าอี้กับโต๊ะเรียนที่ถูกทำมาเพื่อเด็กทั่วๆ ไป หรือหาซื้อเสื้อผ้าที่พอดีกับตัวเขาได้ยาก แถมยังโดนคนรอบข้างล้อเกี่ยวกับความสูงของเขาอยู่บ่อยๆ แต่ถึงจะมีลักษณะภายนอกที่ดูผิดแปลกไปจากเด็กทั่วๆ ไป แต่พ่อแม่ของเขาก็ภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้มากๆ ตอนนี้ลูกชายของพวกเขาวางแผนจะเข้าร่วมทีมบาสเก็ตบอลทีมชาติ นอกจากนี้ Guinness World Records ยังเตรียมจดบันทึกว่าเขาเป็นคนที่สูงที่สุดในโลกด้วย แต่อาจจะต้องรอให้มีอายุ…
-
แหกทุกกฎ!! พบกับ “Superman & Spider-Woman” หนังรักฮีโร่สไตล์อินเดี๊ย อินเดีย
จะว่าไปช่วงนี้มีแต่หนังฮีโร่ตีกันเยอะแยะเต็มไปหมด ทั้งค่าย DC ก็มีซุปเปอร์แมนตีกับแบทแมน ส่วนค่าย Marvel ก็จะมีทีมแคปตีกับทีมไอรอนแมน เห็นแล้วก็สงสัยว่าทำไมไม่ทำหนังฮีโร่ที่มันรักกันบ้างนะ แล้วครั้งนี้พี่อินเดียก็จัดให้เลย นี่คือหนังรักที่ข้ามขีดกำขัดของค่ายและทุกอย่าง เมื่อซุปเปอร์แมนจากค่าย DC ได้มาพบรักกับสไปเดอร์วูแมนสาวจากค่าย Marvel พร้อมกับพลังใหม่ๆมากมาย จากภาพยนตร์อินเดียเรื่อง “Dariya Dil” ถ้าคุณเดาไม่ออกว่าเรื่องจะออกมายังไง เราไปชมคลิปกันเลย!! เรื่องนี้กำกับโดย K Ravi Shankar นำแสดงโดย Govinda, Kimi Katkar, Gulshan Grover และ Kader Khan เข้าฉายตั้งแต่ปี 1988 นู่นแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะรอดมาถึงสมัยนี้ได้ ที่มา Andriy
-
ไอเดียเจ๋ง!! ร้านอาหารในอินเดียตั้งตู้เย็นไว้ข้างถนน ให้คนไร้บ้านสามารถหยิบของกินได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ในอินเดียมีจำนวนคนไร้บ้านมากถึง 1.7 ล้านคน ส่วนมากพวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ๆ ทำให้ต้องพยายามคุ้ยหาเศษอาหารตามถังขยะเพื่อประทังชีวิตไปวันๆ แต่ด้วยความสงสารและอยากจะให้พวกเขาเหล่านั้นมีอาหารกิน ร้านอาหารแห่งหนึ่งในอินเดียจึงคิดหาวิธีที่จะให้พวกเขาได้กินอาหารสะอาดๆ ดูบ้าง ร้านอาหารที่#เหมียวฟิ้นกำลังพูดถึงอยู่นี้มีชื่อว่า Pappadavada ในเมืองโคจิ ประเทศอินเดีย พวกเขาได้นำเอาตู้เย็นออกมาตั้งไว้ด้านนอกร้าน เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้านำอาหารที่เหลือมาใส่ไว้ในตู้เย็น และให้คนไร้บ้านสามารถมาหยิบกินได้ตลอดเวลา เจ้าของร้านและไอเดียที่ว่านี้มีชื่อว่านาง Minu Pauline เธอตั้งชื่อเล่นให้กับตู้เย็นนี้ว่า “nanma maram” ในภาษาอินเดียแปลว่า “ต้นไม้แห่งคุณธรรม” คนไร้บ้านสามารถหยิบอาหารอะไรจากตู้เย็นนี้กินได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องมีเหตุผลใดๆ หรือขออนุญาตใครก่อนเลย เจ้าตู้เย็นนี้สามารถเปิดได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวันและไม่เคยล็อคเลย อีกทั้งบนอาหารจะมีการเขียนวันที่ใส่อาหารลงไปด้วย ผู้คนที่มาหยิบไปกินจะได้รู้ว่ามันถูกแช่ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ Pauline บอกว่าเธอเริ่มปิ๊งไอเดียนี้ขึ้นมา หลังจากที่ได้เห็นหญิงสาวกำลังคุ้ยหาอาหารในถังขยะที่ร้านของเธอตอนกลางคืน ทำให้เธอรู้ว่าร้านอาหารมีอาหารเหลือในแต่ละวันมากแค่ไหน ต้องยอมรับเลยว่าหญิงสาวอย่าง Pauline เป็นคนใจบุญจริงๆ หากร้านอาหารร้านไหนอยากจะลองเอาไอเดียนี้ไปใช้ก็ลองทำดูได้นะ ที่มา distractify
-
เรื่องสุดประทับใจ… ชายอินเดียใจบุญ เปิดโรงเรียนข้างถนน สอนเด็กยากไร้ให้ได้ดีมากว่า 15 ปี
ในโลกยุคปัจจุบัน การศึกษาถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากไม่มีการศึกษาที่ดีถึงระดับหนึ่งแล้ว การใช้ชีวิตในภายภาคหน้า ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม การจะผ่านการศึกษานั้น ก็ต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งทำให้เด็กยากไร้หลายคน ต้องพลาดโอกาสในการศึกษาไปอย่างน่าเสียดาย และเมื่อไม่มีการศึกษา การจะพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ก็อาจเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว เรื่องดังกล่าวทำให้ Kamal Parmar เจ้าของโรงงานแห่งหนึ่งในประเทศอินเดียรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก และนั่นเป็นแรงบันดาลใจ ให้เขาทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่และน่ายกย่องขึ้นมา เขาเล่าว่า เมื่อสิบห้าปีก่อน เขาเห็นเด็กจากสลัมแถวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังเดินทางกลับมาจากโรงเรียน เด็กกลุ่มนั้นดีใจมากที่สอบผ่าน เขาจึงเขาไปสอบถาม และเขาก็ต้องพบกับความจริงที่น่าตกใจว่า เด็กกลุ่มนั้น ไม่มีใครอ่านออกเขียนได้ซักคนเลย เขารู้สึกว่าเขาต้องทำบางอย่างกับเรื่องนี้แล้ว เขาเริ่มจากการคุยกับเด็กเกือบ 400 คนในสลัมแถวบ้านของเขา เขาพบว่ามีเด็กเพียง 4-5 คนเท่านั้นที่อ่านหนังสือออก ดังนั้นเขาจึงชวนเด็กเหล่านั้น ให้มาที่บ้านของเขาทุกๆ เย็น เพื่อเรียนหนังสือเบื้องต้น โดยเขาใช้ที่บริเวณข้างบ้าน สร้างเป็นห้องเรียนข้างถนนขึ้นมา เริ่มแรกเขามีนักเรียนเพียง 15 คนเท่านั้น เขาพยายามสอนทุกอย่างที่เขารู้ให้กับเด็กสลัมผู้ยากไร้ เหล่านั้น และทุกๆ เย็น พวกเขาจะทำอาหารมาเลี้ยงเด็กๆ ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี เขาก็มีนักเรียนเพิ่มขึ้นมาอีกหลายสิบคนเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น…
-
วิถีชีวิตและบรรยากาศ บนเส้นทางรถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศอินเดีย กว่า 4,273 กิโลเมตร!!!
ถ้าจะพูดถึงการเดินทางระยะไกลด้วยรถไฟ ปัจจุบันคงไม่เป็นที่นิยมกันมากนัก เพราะว่ามีการเดินทางที่สะดวกกว่า รวดเร็วกว่า คือสายการบินต่างๆ แถมบางครั้งยังมีราคาถูกกว่าอีกด้วยล่ะ วันนี้ #จ่าสิบเหมียว เลยอยากจะพาเพื่อนๆ ไปเปิดหูเปิดตากันหน่อย เหมือนๆ รีวิวกลายๆ แต่เป็นประสบการณ์ตรงของคนที่ไปมา อิมพอร์ตจากประเทศอินเดีย ผลงานของช่างภาพ Ed Hanley กับเส้นทางรถไฟที่ยาวที่สุดในอินเดีย 4,273 กิโลเมตรด้วยกัน!!! เส้นทางรถไฟนี้จะผ่าน เมืองดิบรูคารห์ รัฐอัสสัม ไปยังเมืองเมืองกัญญากุมารี รัฐทมิฬนาฑู กินเวลากว่า 85 ชั่วโมงเลยล่ะ!!! แสงแดดสวยๆ ยาม 7 โมงเช้าที่ Trivandrum Central ใน Kerala พาชวนให้ออกเดินทางท่องโลกจริงๆ ก่อนอื่นขอสักแชะในตู้โดยสารชั้นสอง ระหว่างนั้นมีคนพิการเดินผ่านเส้นทางรถไฟพอดี ภาพด้านซ้ายคือแม่สาวน้อยนักกายกรรมผู้ที่ขึ้นมาแสดงบนรถไฟ เพื่อหาเงินเลี้ยงดูตัวเอง ด้านขวาเป็นเด็กน้อยที่ขึ้นรถไฟมากับคุณพ่อ ระหว่างบนเส้นทางก็มีคนมาขายขนมกันหลายเจ้า เหมือนรถไฟบ้านเราเลยอันนี้ ตอนนี้เวลา 9 โมงเช้ามาถึงสถานีรถไฟ Asansol แล้วล่ะ การดื่มชาเป็นกิจกรรมยอดฮิตที่ชาวอินเดียนิยมทำกันบนรถไฟ ซึ่งที่จริงแล้วชาวอินเดียก็ชอบดื่มชากันมากๆ เกือบทั้งวันอยู่แล้ว …
-
14 คำสารภาพความในใจของลูกๆ ชาวอินเดีย ที่โดนพ่อแม่จับแต่งงานแบบ ‘คลุมถุงชน’ !!!
สำหรับการแต่งงานนั้น นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สำคัญในชีวิตของคนๆ หนึ่งเลยทีเดียว แน่นอนว่าคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตนั้นก็ต้องเป็นคนดี มีคุณธรรม และที่สำคัญที่สุดเค้าต้องสามารถยอมรับข้อเสียต่างๆ ของอีกฝ่ายได้ แต่กระนั้นในบางประเทศ เช่น ประเทศอินเดีย ประชากรของที่นี่ยังนิยมการแต่งงานแบบเดิมๆ ด้วยวิธีการคลุมถุงชน ซึ่งจะเป็นคนที่พ่อแม่เลือกให้ แถมบางทีเจ้าบ่าวเจ้าสาวยังไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็มี ทาง Buzzfeed แห่งประเทศอินเดีย ก็เลยลองสอบถามความคิดเห็นแบบลับๆ ของคนในมุมไบ ที่ถูกพ่อแม่จับแต่งงานแบบคลุมถุงชน และนี่คือคำสารภาพเกี่ยวกับความในใจของพวกเขา!!! แต่งงานมาจะครบ 9 เดือนแล้ว แต่ผมยังไม่รู้สึกรักเธอขึ้นแม้แต่นิดเดียว…ตอนนี้ผมเริ่มกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วล่ะ ฉันรู้สึกว่าฉันอาจชอบเพศเดียวกัน แต่ถ้าฉันยังใช้ชีวิตในกรอบของพ่อแม่แบบนี้บางทีฉันอาจจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเป็นอะไรกันแน่ เพราะต้องถูกบังคับให้มีความสุขกับการแต่งงานแบบคลุมถุงชน ผมอยากได้ภรรยาที่สามารถเป็นเพื่อนได้ ไม่ใช่ภรรยาที่เป็นใครไม่รู้ที่พ่อแม่เลือกมาให้ บางครั้ง…คุณก็ถูกบังคับให้ไปใช้ชีวิตแต่งงานทั้งๆ ที่คุณไม่ต้องการ…และมันทำลายชีวิตของคุณ ผมอายุ 23 ปี พ่อแม่อยากให้แต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือก ผมไม่เคยคบใครมาก่อนเลย แต่ผมก็ยังมีความหวังที่จะได้ตกหลุมรักใครสักคนอยู่ดี แต่ก็นั่นแหละ ผมก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจพ่อแม่ด้วยเหมือนกัน พ่อแม่ของฉันก็มาจากระบบคลุมถุงชน พวกเขาทะเลาะกันอย่างรุนแรงมาตลอดถึง 25 ปีเต็ม ความกลัวที่สุดของฉันคือการที่จะมีชีวิตแต่งงานแบบพวกเขานี่แหละ ผมไปเจอเจ้าสาวที่พ่อแม่เลือกให้เมื่อวานเป็นครั้งแรก และวันนี้ผมก็ตกหลุมรักเธอ…สยองขวัญมาก (ประชดนั่นเอง)…
-
วัยรุ่นวัย 19 ชาวอินเดีย วาดรูป “เสมือนจริง” ได้ราวกับว่ามันทะลุออกมาจากกระดาษ!!
การวาดภาพถือเป็นศิลปะอีกอย่างหนึ่งที่ใครหลายคนพยายามที่จะเรียนรู้ แต่ก็ไม่สามารถทำให้เป็นดั่งที่ใจหวังได้ เหมียวคิดว่าส่วนหนึ่งนั้นเป็นเรื่องของพรสวรรค์ด้วย แต่ก็มีจิตรกรหลายท่านที่โด่งดังด้วยพรแสวง แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กหนุ่มวัย 19 ปี จากประเทศอินเดียที่ชื่อว่า Sushant Sushil Rane นั้นได้ทักษะการวาดภาพจากที่ใดมา เขาฝึกวาดภาพมาเรื่อยๆ และได้หลงรักกับภาพแบบ 3 มิติเข้า จนคนกดติดตามเขาในอินสตาแกรมกว่า 52,000 คนเข้าไปแล้ว เขาเล่าว่าเขาได้ฝึกวาดรูปมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แต่เอาจริงเอาจังก็เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และตอนนี้เขาก็ได้วาดผลงานและโพสต์ลงไปในอินตาแกรมของเขาเรื่อยมา เราไปชมผลงานบางส่วนของเขากันเลยดีกว่า พูดเลยว่าถ้าไม่บอกว่าเป็นรูปวาด เหมียวก็คิดว่ามันคือวัตถุจริงๆ นะเนี่ย อยากติดตามผลงานของเขาก็ตามไปได้ที่ @sushantsrane ที่มา boredpanda
-
แจกฟรีเถอะ!! บริษัทมือถืออินเดียเปิดตัว Freedom 251 สมาร์ทโฟนราคาเบาๆ แค่ 130 บาท!!
อย่างที่เราทราบกันดีกว่า ยิ่งเทคโนโลยีก้าวหน้าเท่าไหร่ ราคาของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกก็จะถูกลงยิ่งขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน จากที่เมื่อก่อนเราอาจต้องมีเงินหมื่นถึงจะมีมาครอบครอง แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะตอนนี้แค่เรามีเงินร้อยกว่าบาท เราก็สามารถมีสมาร์ทโฟนเป็นของตนเองได้แล้ว! โดยบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์จากอินเดีย Ringing Bells ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่น Freedom 251 ซึ่งน่าจะเป็นสมาร์ทโฟนที่ถูกที่สุดในโลก ด้วยราคาเพียง 251 รูปี หรือราว 130 บาทเท่านั้น!! แต่ถึงจะราคาถูกขนาดนี้ สเป็คของเครื่องก็ไม่ใช่ขี้ๆ นะจ๊ะ ตัวเครื่องใช้หน้าจอขนาด 4″ ความละเอียด 960×540 พิกเซล, ใช้ชิป MediaTek ควอดคอร์ความถี่ 1.3GHz, รัน Android 5.1 Lollipop, หน่วยความจำภายใน 8GB (เพิ่ม microSD ได้) แรม 1GB, กล้องหลังความละเอียด 3.2 เมกะพิกเซล และกล้องหน้า VGA, แบตเตอรี่จุ 1450 mAh ซึ่งถ้าใครยังนึกภาพไม่ออกว่า โทรศัพท์เครื่องนี้ ราคาถูกขนาดไหน #เหมียวอ๊อดโด้…
-
หญิงใจเด็ด กำลังจะโดนพี่เขยข่มขืน คว้าเคียวตัดจู๋ขาดสะบั้น พร้อมนำชิ้นส่วนไปส่งตำรวจ!!
ปัญหาของการข่มขืนเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งหากเหยื่อที่โดนข่มขืนไปแล้วก็มักจะไม่ยอมออกมาต่อสู้หรือเปิดโปงพฤติกรรมอันชั่วช้าเหล่านี้ให้กับผู้อื่นฟัง แต่ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น ผู้หญิงสามารถป้องกันตัวเองได้ อย่างเช่นหญิงใจเด็ดวัย 32 ปี จากอินเดียผู้นี้ เว็บไซค์ Times of India มีรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ข่มขืนเกิดขึ้นที่ย่าน Sidhi ในรัฐมัธยประเทศของอินเดีย โดยที่หญิงวัย 32 ปีรายหนึ่ง เข้าให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับอวัยวะเพศชายที่ถูกตัดมาด้วย เนื่องจากเธอถูกพี่เขยพยายามทำการข่มขืน!! หลังจากที่ตำรวจทราบเรื่องก็เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ เพื่อพยายามรักษาบาดแผลจากการโดนเคียวตัด แต่กลับพบว่าชายผู้ถูกกล่าวหาคนดังกล่าวผูกคอตายแขวนกับต้นไม้ที่อยู่บริเวณใกล้บ้านไปแล้ว หญิงวัย 32 ปี ผู้นี้อาศัยอยู่กับพี่เขย เนื่องจากสามีของเธอต้องออกไปทำงานไกลบ้านกว่า 1,126 กิโลเมตร ในรัฐมหาราษฏระ โดยเธอให้การว่าตอนที่กำลังจะถูกพี่เขยข่มขืน เธอแกล้งทำเป็นสมยอม หลังจากนั้นก็คว้าเคียวมาตัดอวัยวะเพศของพี่เขยจนขาด อย่างไรก็ตาม เธอถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่าในเบื้องต้น ซึ่งตำรวจจะทำการสืบสวนรายละเอียดของคดีนี้ต่อไป อีกทั้งได้ทำการตรวจสอบสภาพจิตใจของเธอ ยังอยู่ในสภาพที่ปกติดี และไม่ได้รู้เสียใจกับการกระทำดังกล่าว (ที่ทำไปก็เป็นการป้องกันตัว) ที่มา : timesofindia, independent, unilad
-
ชายชาวอินเดียสุดใจบุญ ใช้เงินเก็บทั้งชีวิต ซื้อรถตู้ทำ “รถฉุกเฉิน” ให้กับสัตว์
หลายคนอาจพูดอยู่บ่อยๆ ว่าอยากช่วยเหลือสัตว์อยากไร้หรือจรจัด แต่ไม่ใช่กับชายคนนี้ เพราะเขาไม่ได้แค่พูดเฉยๆ แต่เขายังลงมือทำด้วย ชายคนนี้มีชื่อว่า Balu เขาเป็นชายธรรมดาๆ ชาวอินเดียคนหนึ่ง ไม่ได้มีอะไรพิเศษ มีเพียงจิตใจอันยิ่งใหญ่และพร้อมช่วยเหลือสัตว์โลกเสมอ เขาได้ใช้เงินที่เขาเก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิต ในการซื้อรถตู้คันหนึ่งและเปลี่ยนให้มันเป็นรถฉุกเฉินเพื่อคอยส่งหมาจรจัดที่ได้รับบาดเจ็บหรือมีอาการป่วย ไปโรงพยาบาลสัตว์ในเมืองปาลู ประเทศอินเดีย “ตอนแรกผมก็รู้สึกกลัวหมาอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้มันคือชีวิตผมแล้ว ผมไม่สามารถทิ้งมันไปได้ และจะทำอย่างนี้ตลอดไป” นอกจากขับรถฉุกเฉินแล้ว เขายังรับหมาแมวที่บาดเจ็บหรือมีอาการป่วยมาดูแลที่บ้านด้วย เขาทั้งทำแผลและให้ยาพวกมัน จนพวกมันหายดี หลายคนอาจสงสัยว่า เขามีรายได้จากทางไหน เขาเล่าว่า เขามีบริการรับส่งสัตว์เลี้ยงให้กับเจ้าของ โดยมีค่าบริการเพียงกิโลเมตรละ 15 เซนท์หรือราว 5 บาทเท่านั้น ทุกวันนี้เขามีหมาจรจัดอยู่ที่บ้าน 5-6 ตัวเลยทีเดียว เขาบอกว่าบางครั้งสถานดูแลสัตว์มีพื้นที่ไม่พอ เขาจึงรับพวกมันมาอยู่ที่บ้านแทน แม้ว่าเขาจะมีจิตใจที่งดงามขนาดนี้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะชื่นชมในสิ่งที่เขาทำ เพราะผู้คนมักมองว่า การช่วยเหลือหมาจรจัดเป็นเรื่องที่ไร้สาระ “ผู้คนส่วนมากก็ชื่นชอบที่สิ่งที่ผมทำนะ แต่มีบางคนก็บอกว่า พวกเขาไม่ชอบที่ผมคอยช่วยเหลือพวกหมาจรจัด” Balu กล่าว ลองไปชมเรื่องราวของเขาแบบเต็มๆ จากคลิปนี้กันเลย …
-
“ฆ่าคนชรา” ประเพณีสุดสะเทือนใจจากอินเดีย สาเหตุเพียงเพราะ “ความจน”
เราอาจเคยได้ยินประเพณีแปลกๆ จากประเทศต่างๆ ทั่วโลก แต่เชื่อว่าไม่มีประเพณีไหนน่าสะเทือนใจเท่าประเพณีจากประเทศอินเดียนี้อีกแล้ว เพราะพวกเขามีประเพณี “ฆ่าคนชรา” นั่นเอง ประเพณีฆ่าคนชรา หรือ Thalaikoothal เป็นประเพณีที่มีอยู่จริงในเขตรัฐทมิษนาฑู ในทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย โดยเมื่อถึงวันหนึ่ง เหล่าลูกหลานจะลงมือฆ่าผู้เฒ่าผู้แก่ของบ้านด้วยตัวเอง เหตุผลเพราะ “ความยากจน” โดยลูกหลานจะอาบน้ำมันให้กับคนชราเหล่านั้น และนำน้ำมันมะพร้าวมาให้ดื่ม ตามด้วยน้ำกะเพรา (Tulsi) และตามด้วยนม เมื่อคนชราได้ดื่มเข้าไป พวกเขาจะเกิดอาการป่วยไข้ขึ้นอย่างหนัก และจะเสียชีวิตในวันสองวันต่อมา แม้การฆ่าคนจะเป็นเรื่องผิด (ทางนิตินัย) แต่ประเพณีนี้ก็เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันสำหรับผู้คนในแถบนี้ เพราะผู้คนในเขตรัฐทมิษนาฑู ต่างเป็นเพียงเกษตรกรยากจน พวกเขาไม่มีทั้งเงินและเวลาที่จะมาดูแลคนแก่ที่เหลือชีวิตอีกไม่นาน ซึ่งคนชราเหล่านั้นก็เข้าใจเหตุผลและยินยอมที่จะตายด้วยน้ำมือของลูกหลานของตนเอง เพราะพวกเขารู้ว่า นั่นเป็นการกระทำที่เต็มไปด้วยความปราถนาดี และการตายของพวกเขาจะทำให้ชีวิตของลูกหลานสบายยิ่งขึ้น ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าวว่า “พวกเราไม่ได้อยากฆ่าพวกเขา พวกเราไม่ได้ทำเพื่อความสะใจ แต่พวกเขามีชีวิตเหลืออีกไม่นานแล้ว ทำไมพวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานจากความยากจนด้วย” อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันประเพณีค่อยๆ เลือนหายไปจากสังคมทมิษนาฑูแล้ว อาจเป็นเพราะความเจริญที่เริ่มเข้าไปถึงพื้นที่ชนบทต่างๆ พวกเขาเริ่มมีเงิน พวกเขาจึงสามารถดูแลคนแก่คนเฒ่าได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น “ทุกวันนี้ผมดูแลคนแก่สองคนในบ้าน และผมก็จะดูแลไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่พวกเขาอยากจะมีชีวิตอยู่ หรือโชคชะตาจะพาเขาไป” ชายคนหนึ่งกล่าว …
-
26 ภาพความประทับใจจากอินเดีย จากช่างภาพที่เคยกลัวการไปเยือนที่นี่ ตอนนี้เธอตกหลุมรักมันสุดหัวใจ…
สำหรับในส่วนของประเทศอินเดีย พอพูดถึงชื่อของประเทศนี้มาแล้ว หลายๆ คนอาจติดภาพของประเทศที่แห้งแล้งบ้าง ร้อนชื้นบ้าง ไม่น่าอภิรมย์บ้าง ก็เหมือนกับช่างภาพคนนี้ Neelima Vallangi (ช่างภาพเชื้อสายอินเดียแต่ไม่ได้อยู่อินเดีย)ที่กลัวการไปเยือนประเทศของเธอเป็นอย่างมาก แต่กระนั้นในภายหลังเธอก็ได้ตกหลุมรักประเทศนี้เข้าอย่างจังจนแทบถอนตัวไม่ขึ้น ถึงกับเดินทางไปเยือนอีกรอบทันทีที่มีโอกาส และนี่คือ 26 ภาพสวยๆ ที่เธอได้ถ่ายไว้ ลองมาดูกันเลย แล้วคุณก็จะเปลี่ยนใจ… ที่เธอกลัวไม่กล้าไปตอนแรกก็เพราะว่าในความคิดของเธอ อินเดียนั้นยังล้าสมัย เต็มไปด้วยหมองูและหมอศาสนาเต็มเมือง ทริปไปยัง Ladakh ในปี 2008 ทำให้เธอได้เปิดหูเปิดตา และยิ่งอยากค้นหาความงามของประเทศนี้มากขึ้น ปี 2015 เธอเลยจัดโครงการ #30DaysOfAnotherIndia ในอินสตาแกรม เพื่อเก็บภาพและท่องเที่ยวให้สมใจอยากซะเลย และภาพเหล่านี้คือการเดินทางของเธอ…บ่อน้ำขั้นบันไดใน Hampi เขื่อน Ayyankere ใน Chikamagalur น้ำตก Chitrakot ใน Chhattisgarh Rann of Kutch ใน Gujarat Maguri Beel ในรัฐ Assam และชะนีตัวนี้ใน Hoollongapar Gibbon Sanctuary รัฐ…
-
เรื่องราวสุดประทับใจของเจ้า Kalu สุนัข “หน้าเน่า” เกือบถูกฆ่าทิ้ง แต่รักษาจนหายดีในที่สุด!!
คำเตือน: อาจจะมีภาพที่ดูแล้วสะเทือนใจนิดหน่อย เป็นภาพที่ดูแล้วอาจจะกินข้าวไม่ลง เหมียวแนะนำว่าถ้าไม่อยากเห็นไม่ต้องดูคลิปนะจ๊ะ ฟังแค่เรื่องราวก็พอ นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศอินเดีย ได้มีสุนัขตัวหนึ่งถูกพบในหลุมในสภาพที่ย่ำแย่เป็นอย่างมาก ใบหน้าของมันนั้นเน่าเฟะจนทำให้มันเสียดวงตาไปหนึ่งข้าง และมันกำลังลุกลามไปยังตาอีกข้างหนึ่ง ภายในแผลนั้นพบวง่ามีหนอนแมลงที่กำลังกัดกินในส่วนของเนื้อไปเรื่อยๆ จนไปถึงชั้นกระดูก จนกระทั่งได้มีคนมาพบและแจ้งไปกับมูลนิธิ Animal Aid Unlimited เพื่อพามันไปรักษา ในตอนแรกที่เจ้าหน้าที่ได้เห็นสภพแผลนั้น คิดว่ามันไม่น่ารอดแล้ว จึงตัดสินใจทำการุณฆาตเพื่อให้มันได้ไปสบายจะได้ไม่ต้องทรมานกับแผล แต่ดูเหมือนว่าตัวสุนัขเองยังมีกำลังใจอยู่ต่อมาก เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจใหม่ โดยการรักษามันอย่างสุดความสามารถเท่าที่จะทำได้ ทั้งฆ่าหนอนด้วยแป้ง และกำจัดเนื้อส่วนที่ตายไปแล้วออก หลังจากแผลสะอาดแล้วก็พันผ้าพันแผลไว้กันเชื้อ เมื่อเวลาผ่านไป 3 วันมันก็ถึงเวลาเอาผ้าพันแผลออก พร้อมกับได้กินอาหารเป็นครั้งแรกหลังเข้ารับการรักษา หลังจากนั้นทำการค่าเชื้อที่แผลพร้อมกันพันผ้าไว้อยู่เสมอ หลังจากใช้เวลารักษาอยู่ 3 เดือน ในที่สุดเจ้า Kalu ก็เหมือนได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง พร้อมกับเนื้อส่วนที่หายไปก็กลับคืนมา แต่มันก็ต้องเสียตาข้างหนึ่งไปหลังจากถูกหนอนกินจนเสียหายเป็นอย่างมาก เราไปชมคลิปการเปลี่ยนแปลงของมันกันเลย อาจจะมีภาพที่หดหู่เล็กน้อย แต่ใครที่รับได้แนะนำให้ดูเลย รับรองว่าคุณจะประทับใจแน่นอน ที่มา Animal Aid Unlimited, India
-
20 ภาพความแปลกจากอินเดีย ประเทศที่ไม่เหมือนใคร และคงจะไม่มีที่ไหนเหมือน!!!!
หากเราพูดถึงความโหดสัส เราอาจนึกถึงประเทศรัสเซียหรือประเทศจีนขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆ แต่เชื่อหรือไม่ ความจริงแล้วประเทศอย่างอินเดีย ก็มีเรื่องที่โหดสัสไม่แพ้กัน อย่างที่เราทราบกันว่าประเทศอินเดียถือว่าเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก ซึ่งก็คงจะไม่น่าแปลกใจอะไร หากเราจะได้เห็นภาพแปลกๆ มากมาย อย่างเช่นภาพที่เหมียวนำมาให้เพื่อนๆ ชมวันนี้ รับรองเลยว่า เพื่อนๆ จะต้องอุทานคำว่าโหดสัสอินเดียออกมาอย่างแน่นอน ไม่เชื่อ ไปชมกันเลย ห้องอาบน้ำสาธารณะของจริง ละครสัตว์ข้างถนน เห็นแล้วเสียวแทน == รองเท้าสำคัญไม่แพ้จักรยานเลยทีเดียว สุดยอดดดด ตำรวจที่ว่าแน่ ยังแพ้คุณผู้หญิงคนนี้ เดี๋ยวๆๆๆ คนนะไม่ใช่ตุ๊กตา ความรักไม่เกี่ยวกับวัยนะจ๊ะ น้ำจะท่วมก็ไม่สน ขนาดนี้นั่งเรือแทนมั้ยคร้าบบบ นั่งกันสบายๆ จริงๆ ทำอะไรกันนนน ขอกดเงินแปปนะ สาบานว่านี่คือ VIP แล้ว เปิดประทุนของจริง มีคนนั่งฟังอย่างล้นหลามมั้ยล่ะ …
-
จงภูมิใจในสิ่งที่มี สาวอินเดียเสียโฉมเพราะน้ำกรด ได้รับเลือกให้เป็นนางแบบแบรนด์เสื้อผ้า
มีรายงานว่าในแต่ละปี ประเทศอินเดียจะมีการทำร้ายร่างกายกันด้วยน้ำกรดมากถึง 1,000 ครั้ง ซึ่ง Laxmi เองก็เป็นหญิงสาวที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวเช่นกัน เธอถูกแฟนเก่าดูถูกเหยียดหยามและทำร้ายร่างกายเมื่อตอนที่เธออายุได้เพียง 15 ปีเท่านั้น เธอเล่าให้ฟังถึงสาเหตุที่ถูกทำร้ายร่างกายเพราะว่า เธอปฏิเสธคำขอแต่งงานจากชายหนุ่มวัย 17 ปี ทำให้เขาโกรธจัดและนำเอาน้ำกรดมาสาดเธอเพื่อเป็นการแก้แค้น ทำให้ใบหน้าของเธอต้องเสียโฉมไปตลอดกาล ปัจจุบันเธอกลายเป็นผู้สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือแก่หญิงสาวที่ได้รับผลกระทบจากการถูกทำร้ายร่างกายด้วยน้ำกรด และในปีนี้เองเธอก็ได้รับเลือกให้เป็นนางแบบจากแบรด์เสื้อผ้าในกิจกรรม “ใบหน้าแห่งความกล้า” Laxmi ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว BBC ว่า “โอกาสในการเป็นตัวแทนแบรนด์เครื่องแต่งกายครั้งนี้ ช่วยให้หญิงสาวแบบฉันมีความมั่นใจ และมีความกล้าในการเปิดเผยตัวตนของพวกเขา” แม้จะถูกทำร้ายร่างกาย แต่จิตใจของเธอยังแข็งแกร่ง เหมียวขอคาราวะเลย ที่มา boredpanda
-
รวม 19 ภาพที่จะทำให้รู้ว่า อินเดียเป็นประเทศที่ตลกขนาดไหน!!
ช่วงนี้กระแสประเทศอินเดียกำลังมาแรงจากเพจ ตามติดชีวิตอินเดีย ที่เหมียวเชื่อว่าเพื่อนๆหลายๆคนอาจกดติดตามไปแล้ว โดยในเพจดังกล่าวได้ถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตสุดมันในอินเดียให้เราทั้งหลายได้ฟัง จนเป็นที่ถูกอกถูกใจไปตามๆกัน และวันนี้เหมียวจะพาเพื่อนๆทุกคนไปชม 19 ภาพ ที่จะทำให้รู้ว่า ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่ตลกขนาดไหน จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย นี่คืออาวุธของตำรวจใช่มั้ย!! เค้าเรียกว่าเต็มอัตรา ของก็ต้องเอากลับ จะทิ้งเมียไว้ก็ไม่ได้ คงต้องทำแบบนี้แหละ ถึงกับไปนอนกอดกับหมาเลยทีเดียว สุดยอดกายกรรมจริงๆ เอาไปแหย่ไว้ทำม้ายยย จังหวะนี้ หน้าต่างก็หน้าต่างเถอะ เดี่ยวๆ พกลูกเป็นหนังสือพิมพ์เลย ความเร่งรีบไม่ปราณีใคร ซ้อนสี่ว่าโหดแล้ว เจอซ้อนหกเข้าไปนี่ยอมเลย ความเป็นไบค์เกอร์ไม่ได้อยู่ที่เพศหรืออายุ ฝาท่อบ้านเราชิดซ้ายไปเลยนะเนี่ย นี่ก็อีกคน เดี๋ยวนะ ยังมีอารมณ์มาเซลฟี่อีก เมสซี่ชิดซ้ายไปเลย ทำไมลายมันคุ้นๆ 555 Like a Boss…
-
พาเที่ยววัดแห่งหนึ่งในอินเดีย เต็มไปด้วยหนูกว่า 20,000 ชีวิต ที่คนคอยเลี้ยงดูพวกมัน
มีเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง ลึกลงไปในทะเลมราย Thar ในประเทศอินเดีย เมืองแห่งนั้นมีชื่อว่า Deshnoke นักเดินทางชื่อว่า Nicolas Economou ได้ทำการท่องเที่ยวไปยังที่แห่งนั้น พร้อมกับสำรวจรอบๆ Rajasthan ซึ่งเขาได้พบกับประเพณีต่างๆมากมายที่แตกต่างกัน เขาได้เล่าถึงการใช้ชีวิตที่หลากหลายของคนชาวอินเดียที่นั่นว่าเป็นสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์และไม่เหมือนที่ไหน มีสิ่งแปลกๆ ที่ได้พบเจอมากมาย ทำให้เขาไม่สามารถหยุดค้นหาสิ่งที่น่าสนใจในอินเดียได้เลย แต่แล้วเขาก็ได้ยินข่าวเกี่ยวกับวัดแห่งหนึ่ง ทำให้เขาถึงกับกังวลเรื่องความสะอาดเลย เพราะในเมือง Deshnoke มีวัดเล็กๆที่สร้างมาเพื่ออุทิศให้ Karni Mata เทพของฮินดู ภายในวัดนั้นคุณจะได้พบกับหนูกว่า 20,000 อาศัยอยู่ที่นั่น คนเรียกหนูพวกนั้นว่า Kabbas ซึ่งมีเรื่องเล่าเก่าแก่เกี่ยวกับหนูอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกเกี่ยวกับเด็กๆ ที่เกิดมาเป็นหนู และอีกเรื่องคือหนู 20,000 ตัวเหล่านี้ถูกเลี้ยงเพื่อเป็นทหาร ก่อนเข้าไปในวัดก็ต้องถอดรองเท้าก่อน หนูจะถูกเลี้ยงไว้ข้างในวัด ได้กินอาหารที่คนเลี้ยง มีอาหารหนูขายอยู่นอกวัดด้วย ที่มา boredpanda
-
ชายส่งข้อความขอหย่าภรรยา หลังเธอบอกว่าเธอถูกเพื่อนบ้านรุมข่มขืน..
หญิงสาววัย 25 จากอินเดียได้เล่าเรื่องอันน่าสะเทือนใจให้สามีของเธอฟัง หลังจากเธอถูกเพื่อนบ้านหลายคนรุมข่มขืน หัวใจและร่างกายของเธอกำลังบอบช้ำอย่างหนัก แต่ทันทีที่สามีของเธอซึ่งทำงานเป็นคนงานก่อสร้างในเมืองดูไบได้ยินเรื่องราวนั้น เขาก็ส่งข้อความกลับมาหาเธอสามคำ “talaq, talaq, talaq” ซึ่งแปลว่า “หย่า” และที่โชคร้ายไปกว่านั้น แม่สามีของเธอ ซึ่งตอนแรกก็เห็นอกเห็นใจเธอ ก็ไล่เธอออกจากบ้าน และเอาลูกชายของเธอไป หญิงสาวผู้ไม่ประสงค์ออกนามเล่าว่า “ตอนฉันได้อ่านข้อความ ฉันตื้อไปเลย ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าฉันเพิ่งได้ข้อความขอหย่า นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันคิดว่าจะได้ยินจากสามีของฉันเลย ฉันคิดว่าเขาจะอยู่เคียงข้างฉัน ช่วยฉันให้ก้าวผ่านเหตุการณ์นี้ แต่เขากลับทำอะไรขี้ขลาดด้วยการส่งข้อความมาขอหย่า” “เขาใช้เวลาเพียง 5 วินาทีจบความสัมพันธ์ 5 ปีของเราลง และแม่สามีที่อยู่เคียงข้างฉัน และพาฉันไปแจ้งตำรวจหลังจากฉันถูกข่มขืน ก็เกิดเปลี่ยนใจ แถมเอาลูกชายของฉันไปอีก เพียงข้ามคืนฉันก็กลายเป็นคนอื่นไปแล้ว ฉันไม่รู้จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปทำไม..” น่าเศร้าจังเลยเนอะ แทนที่จะมีคนคอยอยู่ข้างๆยามลำบาก กลับถูกผลักไสไปซะอย่างงั้น ยังไงเหมียวก็ขอเป็นกำลังใจให้เธอสู้ต่อไป อย่าคิดสั้นเลยเนอะ ชีวิตมีค่ากว่านั้นเยอะ ^^ ที่มา Metro
-
กลับมาอีกครั้งกับ “คู่รักจูงมือ” ชมภาพหลังจากเธอกลับจากอินเดีย เลอค่ายิ่งนัก!!
ถ้าใครได้อ่านเว็บเหมียวบ่อยๆก็คงจะคุ้นกับคู่รักคู่หนึ่งที่ออกเดินทางรอบโลกแล้วก็ได้ถ่ายภาพในรูปแบบที่แฟนสาวกำลังจูงมือชายหนุ่ม ซึ่งเราก็จะเห็นแต่ข้างหลังของเธอ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกัน หลังจากได้ใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว ทั้งคู่ก็ยังออกเดินทางท่องเที่ยวอยู่เสมอ แล้วถ่ายรูปสวยๆมาอวดเราอยู่ไม่ขาดสาย และที่ล่าที่สุดพวกเขาได้ไปมาคือประเทศอินเดียนั่นเอง โปรเจกต์นี้ใช้ชื่อว่า #FollowMeTo ใครอยากติดตามก็ตามไปได้เลยที่อินสตาแกรม muradosmann ทัช มาฮาล พาราณสี บ่อน้ำแชนด์โบริ พาราณสี บอกตรงๆว่าเลอค่าหาที่เปรียบไม่ได้ ทำไมทั้งคู่ลงตัวกันอย่างนี้นะ อิจฉาจังเลยยยยย ที่มา buzzfeed
-
ฉากหลังกีฬา ‘ทัชมาฮาล’ จุดประเด็น พระชี้ใช้มัสยิดเป็นเครื่องเหยียดหยาม อย่าหัวนอก!!
เป็นเรื่องปกติเมื่อมีการจัดแข่งขันกีฬาเพื่อกระชับมิตรความสัมพันธ์ (แม้จุดประสงค์จริงๆ ก็ว่างั้นก็เถอะ) หนึ่งสิ่งที่สร้างสีสันให้กับกองเชียร์ได้อย่างสะดุดตานั่นก็คือ ‘ฉากหลัง’ อันสวยงามและสร้างสรรค์ แต่ในคราวนี้กลับกลายเป็นตัวจุดประเด็นขึ้นมาซะงั้น ภาพดังกล่าวนี้ไม่มีที่มาแน่ชัดว่าเกิดขึ้นที่ไหน ในจังหวัดใด ซึ่งได้มีการโพสต์ภาพผ่าน Facebook ของ สมบัติ มูลแก้ว โดยกำกับเอาไว้ว่าจังหวัดน่านมีการจัดแข่งขันกีฬา แต่ฉากหลังที่ใช้นั้นเป็นรูปทัชมาฮาล มีสัญลักษณ์อื่นๆ อีกมากมายทำไมไม่เลือกใช้ เหมือนกับเป็นการเหยียดหยาม!! พี่น้องครับ จังหวัดน่านจะมีการแข่งขันกีฑากัน แต่ใช้รูปมัสยิดเป็นฉากหลัง อ้างว่าเป็นรูปทัชมาฮาล สมควรหรือไม่ นี่เป็นการเ… Posted by สมบัติ มูลแก้ว on Wednesday, November 11, 2015 ทั้งนี้เคยเป็นประเด็นมาก่อนหน้าที่ภายในจังหวัดน่านเกี่ยวการก่อตั้งมัสยิด จนมีการต่อต้านอย่างรุนแรง แต่สำหรับในกรณีนี้แล้ว การนำรูปภาพทัชมาฮาลมาเป็นฉากหลังสำหรับกองเชียร์กีฬาก็น่าจะมองเป็นเรื่องของความคิดสร้างสรรค์มากกว่า ที่มา : สมบัติ มูลแก้ว
-
ชายวัยไม้ใกล้ฝั่งชาวอินเดีย เลี้ยงนกกว่า 4 พันตัวทุกๆ วัน โดยใช้เงินส่วนตัวของเขาทั้งหมดมากว่า 10 ปี!!!
สำหรับเรื่องนี้ก็อาจเรียกได้ว่าเป็นเรื่องแปลกอีกหนึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศอินเดีย กับชายคนนี้ที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร มีอาชีพเป็นคนซ่อมกล้อง แต่แน่นอนเขารวยน้ำใจมากๆ เพราะเขาได้เลี้ยงอาหารเหล่านกแก้วราวๆ 4,000 ตัวทุกๆ เช้า-เย็น!!! Sekar ชายวัย 62 ปีชาวอินเดีย ได้เลี้ยงนกเหล่านี้มาราวๆ กว่า 10 ปีแล้วล่ะ จนได้รับฉายาว่า ‘มนุษย์นกแห่งอินเดีย’ เรื่องเริ่มจากตอนแรกเขาเป็นคนชอบเลี้ยงนกอยู่แล้วมีเพียงไม่กี่ตัว แต่หลังจากมีนกแก้วคู่หนึ่งมาอยู่หลังเหตุการณ์สึนามิทุกๆ อย่างก็เปลี่ยน เหล่านกแก้วเพิ่มปริมาณทวีคูณอย่างรวดเร็ว สุดท้ายตอนนี้มีราวๆ กว่า 4,000 ตัว ในระยะเวลา 10 ปี โดยเขาใช้รายได้กว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของเขา ไปกับการช่วยเหลือเหล่านก ยังไม่พอเขายังทำการรักษาพวกนกที่บาดเจ็บอีกด้วย ใจดีสุดๆ ไปเลยล่ะ ลองมาชมวิดีโอของเขากันได้ที่นี่เลย ยิ่งเขาแก่ตัวลง การดูแลก็ยิ่งยากขึ้น แต่ตอนนี้ทั่วทั้งอินเดียรู้จักเขาแล้วในนามของ ‘Bird man’ ก็น่าจะมีองค์กรอะไรไปให้ความช่วยเหลือกับเขาอยู่อ่ะเนาะ เหมียวว่า ^^ ที่มา: Viralnova
-
สุดสะเทือนใจ หญิงอินเดียพิการตั้งแต่กำเนิด มีเนื้องอกบนใบหน้า สุดท้ายต้องยืนขอทานข้างถนน…
บางครั้งชีวิตก็เป็นเรื่องน่าเศร้า ไม่ใช่ทุกคนที่จะเกิดมาสมบูรณ์แบบ บางครั้ง สิ่งที่ธรรมชาติมอบให้พวกเขามาตั้งแต่เกิด อาจเป็นดั่งคำสาป ที่ไม่มีวันลบเลือนไป อย่างเช่นหญิงอินเดียคนนี้ เธอมีโรคพิการตั้งแต่กำเนิด บนใบหน้าเธอไม่มีดวงตา และอวัยวะที่เหมาะสม มีเพียงก้อนเนื้อที่น่าเวทนา นั่นทำให้ชีวิตของเธอยากลำบาก และทำได้เพียงขอทานอยู่ข้างถนน จนกระทั่งวันหนึ่ง ผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อว่า Roopak Dutta ได้พบกับเธอยืนขอทานอยู่แถวหมู่บ้าน Berachampa หมู่บ้านเล็กๆในเมือง Bengal ในแต่ละวัน เธอจะมายืนขอความช่วยเหลือจากคนแถวนั้น บางคนก็ให้เงินเธอ หรือไม่ก็ซื้ออาหารมาให้เธอกิน โชคยังดีที่เธอยังมีปากอยู่ใต้ก้อนเนื้อเหล่านั้น เขาจึงถ่ายรูปของเธอและโพสลงบนเฟสบุ๊ค เพื่อเรียกร้องให้รัฐมอบความช่วยเหลือให้กับหญิงสาวคนนี้ และตอนนี้มียอดแชร์กว่า 5,000 ครั้งเข้าไปแล้ว น่าสงสารจังเลย หวังว่าจะมีผู้มีอำนาจ ให้ความช่วยเหลือผู้หญิงคนนี้ในเร็วนะเหมียว T^T ที่มา Roopak Dutta
-
มันเจ๋งมาก!! นวัตกรรมจากฝีมือของนักศึกษากับเครื่องเปลี่ยนอากาศเสียให้เป็นหมึกพิมพ์
เรื่องที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้อาจจะไม่จริงเสมอไป เพราะเดี๋ยวนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ อย่างเช่นวิวัฒนาการของโทรศัพท์จนกลายมาเป็นสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์เครื่องยักษ์ที่ถูกย่อส่วนให้เหลือเพียงแค่คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค และสารพัดเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากมาย เช่นเดียวกับนวัตกรรมสุดเจ๋งของนักศึกษาระดับปริญญาโทและเป็นผู้ช่วยการค้นคว้าวิจัยจากห้องแล็ปวิทยาศาสตร์ของสถาบัน MIT นามว่า Anirudh Sharma ที่ได้สร้างสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ที่มีชื่อว่า Kaala ความสามารถของมันก็คือทำการดูดซับอากาศเสียหรือมลพิษต่างๆ เข้ามาแล้วก็เพิ่มส่วนผสมของแอลกอฮอล์กับน้ำมันเพื่อเปลี่ยนให้กลายมาเป็น ‘หมึกพิมพ์’ เขาเปิดเผยว่าความคิดนี้มีมาตั้งแต่ตอนเด็กแล้ว ซึ่งย้อนกลับไปตอนที่เขายังอยู่ที่ประเทศอินเดีย มีอากาศเสียและมลพิษเยอะมากๆ แล้วถ้าหากว่าสามารถเปลี่ยนอากาศเสียเหล่านั้นให้กลายมาเป็นหมึกพิมพ์ได้จะมีประโยชน์มากแค่ไหน? แถมท้ายด้วยข้อความที่ฉุกคิดให้กับเราได้ว่า ‘บริษัทที่เกี่ยวข้องกับธรุกิจหมึกพิมพ์อย่าง HP หรือ Canon นั้นทำกำไรได้มากถึง 70% จากการขายหมึกพิมพ์ที่มีราคาสูงถึง 4 เท่า’ ที่มา : goodnewsnetwork
-
ไปรู้จักเจ้าของสถิติเล็บยาวที่สุดในโลก กับ 62 ปีที่เขาไม่เคยตัดเล็บเลย!!!
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบความ “ที่สุด” เราจะเห็นได้ว่ามีการเก็บสถิติเรื่องราวต่างๆมากมาย อย่างเช่น คนที่ตัวสูงที่สุด คนที่ตัวเล็กที่สุด คนที่ผมยาวที่สุด หรืออื่นๆอีกมากมาย และวันนี้เหมียวจะพาไปรู้จักกับความที่เล็บยาวที่สุดในโลกกัน คุณลุงคนนี้มีชื่อว่า Shridhar Chillal จากประเทศอินเดีย เขาคือเจ้าของสถิติคนที่เล็บยาวที่สุดในโลกคนปัจจุบัน ในช่วง 62 ปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยตัดเล็บเลยซักครั้ง!! และตอนนี้เล็บของเขายาวถึง 909.6 เซนติเมตร!! เขาเริ่มไว้เล็บหลังครูในโรงเรียน ได้ดุด่าเพื่อนของเขาให้ตัดเล็บ เขาจึงบอกครูว่า คุณไม่รู้คุณค่าของเล็บหรอก จนกว่าคุณจะพยายามไว้เล็บให้ยาว นั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวการไว้เล็บของเขา ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ แต่ครูคนนั้น คือแรงบันดาลใจที่ทำให้เหล่านักเรียนรู้คุณค่าของการไว้เล็บยาว แต่หลังจากนั้น ชีวิตเขาต้องพบกับความยากลำบาก เขาไม่สามารถหางานทำได้ และเขาก็ไม่มีภรรยาเนื่องจากเล็บของเขานั่นเอง แต่นั่นไม่สำคัญหรอก เพราะตอนนี้เขาได้กลายเป็นคนที่มีเล็บยาวที่สุดในโลกแล้ว ไปชมเรื่องราวเต็มๆของเขากันเลย ใครธาตุอ่อนขอให้ข้ามไป เอ่ออ เหมียวว่ามันแอบน่าแหวะไปนิดนะ สงสัยจังว่าเวลาทำความสะอาด เขาทำยังไงละนี่ ใครสนใจอยากทำลายสถิติของเขาบ้างมั้ย? ที่มา Guinness World Records
-
ภาพความจริงจากการไปเที่ยว “อินเดีย” แค่ครอปภาพ อารมณ์ก็เปลี่ยนได้!!
ก่อนหน้านี้เราอาจจะได้เห็นผลงานทำนองนี้มาแล้วจากผีมือคนไทย แต่ครั้งนี้เราจะมาดูอะไรที่มันสมจริงยิ่งกว่านั้น เพราะนี่คือผลงาน “Broken India” ที่โชว์ความจริงเกี่ยวกับประเทศอินเดียที่ไม่เหมือนในสื่อที่เราเคยเห็น ผู้ผลิตผลงานนี้คือบริษัท Limitless ของอินเดียในประเทศสิงคโปร์ที่ออกแคมเปญที่จะท้าทายกับแคมเปญ Beautiful India ที่โชว์ด้านดีๆ ในที่นี้เราจะได้เห็นด้านมืดและด้านสว่างในอินเดีย ผ่านการครอปภาพเพื่อไปนำเสนอในอินสตาแกรม ซึ่งแต่ละภาพนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงทั้งสิ้น โดยเฉพาะปัญหาความยากจนและมลพิษ และนี่คือผลงานเหล่านั้น ที่มา designtaxi
-
เจ้า Shakes เหมียวน้อยอายุ 8 สัปดาห์ที่เกิดมาพร้อมกับโรคระบบประสาท แต่ไม่ย่อท้อต่อชีวิต!!
ชีวิตแต่ละชีวิตนั้นเลือกเกิดไม่ได้ ซึ่งอาจจะเป็นความโชคร้ายที่เกิดมาพร้อมกับความไม่ปกติ อย่างเช่นน้องเหมียวน้อย Shakes จากเมืองมุมไบ ประเทศอินเดียตัวนี้ มันมีอายุเพียงแค่ 8 สัปดาห์เท่านั้น และทนทุกข์ทรมานกับโรคระบบประสาทที่ติดตัวมันไปตลอดชีวิต เรื่องราวของน้องเหมียว Shakes ถูกบอกเล่าผ่านคลิปวิดีโอโดย World For All องค์กรพิทักษ์สัตว์จากมุมไบ โดยที่อาการของน้องนั้น ย่ำแย่มากๆ ประสบกับโรค Feline Cerebellar Hypoplasia ที่ทำน้องไม่สามารถควบคุมระบบประสาทได้ ส่งผลให้ร่างกายมีการสั่นตลอดเวลา และเจ้า Shakes จะต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิตของมัน ถึงแม้ว่าจะแย่แค่ไหนก็ตาม น้องเหมียว Shakes ยังคงใช้ชีวิตตามปกติเหมือนกับแมวทั่วไป ที่มีทั้งความน่ารักและความซนประสาแมวเด็ก แต่สิ่งเดียวที่น้องยังขาดก็คือความรักที่จริงใจโดยไม่มีเงื่อนไข ปัจจุบันน้องเหมียว Shakes ยังคงเป็นแมวจรอยู่ หวังว่าจะได้พบบ้านอันแสนอบอุ่นในเร็วๆ วันนี้นะ SHAKESThis is the story of amazing SHAKES! 🙂 Posted by…
-
เจ้าหมาโชคร้าย ตัวติดในช่องประตูรั้ว โชคดีมีคนใจดีมาช่วยมันไว้…
เหตุเกิดขึ้นในประเทศอินเดีย วันหนึ่งเพื่อนบ้านได้ยินเสียงอันโหยหวนของหมาตัวหนึ่ง เสียงร้องของมันน่าสงสารมาก พวกเขาจึงออกมาดู พวกเขาพบว่า เจ้าหมาตัวนี้กำลังติดอยู่ในช่องประตูรั้ว โดยไม่สามารถขยับไปไหนได้ มันกำลังทุกข์ทรมานจากความหิว แม้ทุกคนจะอยากช่วยมันออกมา แต่หลายคนก็ไม่ชอบหมาเท่าไหร่ และพวกเขาก็กลัวว่ามันจะกัดเอาด้วย พวกเขาจึงโทรเรียกมูลนิธี Animal Aid Unlimited มา พวกเขาจึงทำการช่วยเหลือย่างทันที พวกเขาค่อยๆ ดันมันออกมา เย้ สำเร็จแล้ว ตอนนี้มันได้รับการดูแลโดยมูลนิธิ Animal Aid Unlimited และรอให้คนมารับไปเลี้ยงต่อไป ไปชมช่วงเวลาอันน่าประทับใจกันเลย โชคดีจริงๆเลยนะเจ้าหมาน้อย ไม่งั้นคงต้องทรมานอยู่ตรงนั้นไปอีกนาน ใครมีเรื่องราวน่าประทับใจแบบนี้ อย่าลืมส่งมาให้เหมียวบ้างนะ เหมียวจะได้นำมาเผยแพร่ต่อให้เพื่อนๆคนอื่นๆได้อ่านกัน ^^ ที่มา Animal Aid Unlimited, India
-
28 ภาพวาดการ์ตูนโมเม้นต์แสนหวานของ ‘คนมีคู่’ ทำเอาคนโสดถึงกับอิจฉาตาร้อนกันเป็นแถว
นี่คือผลงานของนักวาดการ์ตูนอิสระเชื้อสายอินเดียนามว่า Nidhi Chanani ผู้ที่ได้ทำการวาดภาพการ์ตูนคู่รักถึง 28 รูปในโมเม้นต์ที่แสนหวานขึ้นมา เพื่อต้องการให้ผู้คนเห็นว่า เราไม่ต้องไปหาความรัก หรือความสุขจากที่อื่น เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ใกล้ตัวของเรา แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม ซึ่งภาพที่เธอได้วาดมันขึ้นมานั้น เรียกได้ว่าเป็นการแสดงความรักในรูปแบบต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นความรักของคนมีคู่ ความรักของคนในครอบครัว หรือแม้กระทั่งความรักของคนและสัตว์ และเหมียวเชื่อว่าหากใครที่ได้เห็นผลงานของเธอ คุณจะต้องยิ้ม และมีความสุขไปด้วยแน่ๆ ^^ อ่านหนังสือด้วยกัน ฟังเพลงด้วยกัน อรุณสวัสดิ์ที่รัก กลับบ้านแล้วหรอ เล่นกัน ทำกับข้าวด้วยกัน นั่งดูดาวด้วยกัน ไปเที่ยวทะเลด้วยกัน มีความฝันร่วมกัน มีเธอคนเดียวแค่นี้ก็พอแล้ว อย่าปล่อยฉันไปนะคนดี รักจุงเบย จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน ชิ้นสุดท้ายฉันให้เธอ เดินเล่นกัน ยามฝนตก เราสองก็อยู่ใต้ร่มเดียวกัน …
-
หญิงสาวชาวอินเดีย 5 ราย โดนคนทั้งหมู่บ้านรุมทำร้ายเสียชีวิต เพราะคิดว่าเป็นตัวซวย!??
เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่า หญิงสาวชาวอินเดีย 5 ราย ถูกทำร้ายร่างกายอย่างทารุณจนเสียชีวิต โดยชาวบ้านในหมู่บ้าน beaten to death รัฐฌารขัณฑ์ ประเทศอินเดีย หลังจากที่พวกเขาเชื่อว่าหญิงสาวทั้ง 5 กำลังร่ายคาถา แบบแม่มด ตารายงานบอกว่าชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้ไดประสบกับเรื่องราวร้ายๆมาหลายครั้ง พวกเขาจึงโทษว่าทั้งหมดเป็นเพราะหญิงสาวทั้ง 5 คนในหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงรวมตัวกันและลากตัวหญิงสาวทั้งหมดออกมาจากบ้านของพวกเธอและทำร้ายร่างกายด้วยท่อนไม้ แท่งเหล็ก และโจมตีด้วยมีด หลังจากที่หญิสาวทั้ง 5 ถูกทำร้ายร่างกาย ทำให้มีเลือดของพวกเธอนองไปทั่วพื้นของหมู่บ้าน หลังจากเกิดเหตุได้ไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ และจับตัวชาวบ้านที่ลงมือก่อเหตุได้กว่า 50 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ดูเหมือนว่าชาวบ้านจะมีความอาฆาตต่อหญิงสาวเหล่านี้มานานแล้ว พวกเขาจึงถือเอาเหตุผลของความโชคร้ายมาโทษพวกเธอ” ที่ผ่านมาหญิงสาวถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวการที่ทำให้ปลูกพืชผักไม่ขึ้น เป็นตัวนำพาโรคภัยต่างๆมาสู่ชาวบ้าน และที่หนักสุดเห็นจะเป็นการกล่าวหาว่าพวกเธอร่ายคาถาทำให้เด็กในหมู่บ้านเสียชีวิต หลังจากเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องแบ่งเวรยาม เพื่อเฝ้าหมู่บ้าน และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการใช้ความรุนแรงใดๆเกิดขึ้นอีกครั้ง ที่มา metro
-
รถเมล์สายโหดมุ่งตรงสู่รัฐหิมาจัลประเทศ ข้ามเทือกเขาหิมาลัยลำบากแค่ไหนก็บ่ยั่น!!
การคมนาคมในประเทศอินเดียนั้นยังไม่ค่อยได้รับการพัฒนาเท่าที่ควรซักเท่าไหร่ ซึ่งวิธีการเดินทางไกลของผู้คนในประเทศอินเดียที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือการนั่งรถเมล์โดยสารไปยังจุดหมายปลายทาง แต่ละเส้นทางในประเทศอินเดียนั้นก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆ เรียกได้ว่าคนขับต้องมีประสบการณ์สูงจริงๆ บวกกับความทรหดอดทนในการฝ่าฟันเส้นทางอันยากลำบาก อย่างเช่นรถเมล์สายนี้ที่มุ่งตรงไปยังรัฐหิมาจัลประเทศ รัฐทางตอนเหนือของอินเดีย ระหว่างทางก็ใช่ธรรมดาซะที่ไหนล่ะ เพราะต้องใช้เส้นทางเลียบเทือกเขาหิมาลัย ที่เต็มไปด้วยความอันตราย และด้วยขนาดรถที่ใหญ่ทำให้ไม่สามารถสวนทางกันได้เลย เพราะทางแคบมากๆ ไหนจะต้องเจอกับเหล่าฝูงสัตว์เลี้ยงบนตีนเขาอีก แต่ถึงแม้ว่าจะยากลำบากแค่ไหน ไม่ว่าจะเจอทางแคบ โค้งหักศอก หรือแม้แต่ไม่มีถนนให้วิ่งก็ตาม รถเมล์สายนี้ก็ยังคงให้บริการตามปกติ พาผู้โดยสารไปส่งถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย มั่นใจได้ว่าผู้โดยสารทุกคนจะต้องมีที่นั่ง ชิวๆ บนหลังคาไปเลยจ้า!! ฤดูหนาวมาเยี่ยมเยือน ก็ยังคงให้บริการตามปกติ แต่วันไหนหิมะตกหนักก็ขอพักบ้าง รถเมล์ผู้ร่วมเส้นทางเดียวกันเกิดอาการงอแง ก็ต้องรีบช่วยพาออกไปโดยด่วน เสี๊ยว เสียว!! เห็นมั้ยเอ่ย? อ่าห์!! ในที่สุดก็เจอถนนซักทีเนอะ วิวธรรมชาติระหว่างการเดินทาง สวยจริงๆ …
-
21 ภาพการเดินทางสุดโหดในประเทศอินเดีย ที่ทั้งน่ากลัวและหวาดเสียวฝุดๆ เลย
หากคุณได้เดินทางไปที่ไหนสักที่ แล้วต้องมาเจอกับการเดินทางที่มีถนนสายโหดที่แสนอันตราย รับรองว่านั่นคงเป็นการผจญภัยที่สุดหวาดเสียว และหฤโหดมากแน่ๆ ดังเช่นภาพเส้นทางในประเทศอินเดียที่เราจะนำมาให้ชมในวันนี้ เรียกได้ว่าเป็นเส้นทางที่แสนทรหด และน่ากลัวที่สุดเลยก็ว่าได้ และถ้าหากใครที่ได้เจอเส้นทางสุดโหดเหล่านี้ รับรองว่าคุณจะต้องเสียวไปทั้งตัวแน่นอน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 เห็นแบบนี้ก็ยอมคนอินเดียจริงๆ แต่การเดินทางในเส้นทางแบบนี้ มันทั้งเสี่ยงและอันตรายมากๆ เลยนะเนี่ย ที่มา : topyaps