Tag: อเมริกา
-
เด็กสาววัย 14 เสียชีวิตหลัง “ชะโงกหน้า” ชมวิวบนหน้าผา Horseshoe Bend รัฐแอริโซนา
การไปเที่ยวยังสถานที่อันตราย เราอาจจะต้องระวังตัวกันเป็นพิเศษ มิฉะนั้นก็อาจเกิดเหตุไม่คาดฝันได้ เช่นอุทาหรณ์จากข่าวดังต่อไปนี้ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2018 มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า เด็กหญิงวัย 14 ปีได้เสียชีวิตหลังจากการท่องเที่ยวยังหน้าผาของรัฐแอริโซนา เจ้าหน้าที่จากสำนักงานอำเภอของเคาน์ตี Coconino ออกมาเผยว่า ได้รับการแจ้งจากพ่อแม่ว่าเด็กสาววัย 14 ปีจากแคลิฟอร์เนียนั้นหายตัวไปตั้งแต่วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม มีคนพบเห็นเธอครั้งสุดท้ายที่หน้าผาของโค้งน้ำ Horseshoe Bend ในเมือง Page สำนักงานสาธารณภัยของแอริโซนาจึงใช้เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ตรวจตราทางอากาศ ทำให้พบร่างของเด็กสาวอยู่บริเวณใต้หน้าผาราว 213 เมตร เจ้าหน้าที่ได้กู้ร่างของเด็กสาวไม่เผยนามมาได้ในช่วงเช้าของวันอังคารที่ 25 ธันวาคม จากนั้นก็นำส่งร่างของเธอไปยังหน่วยงานตรวจสอบทางการแพทย์ในย่าน Flagstaff ส่วนเจ้าหน้าที่ของสำนักงานนายอำเภอก็ออกมาแถลงการณ์ว่า เด็กหญิงผู้เสียชีวิตมาจาก San Jose รัฐแคลิฟอร์เนียนั้น เชื่อว่าเธอได้เข้ามาเที่ยวชมยังหน้าผาของโค้งน้ำ Horseshoe Bend แล้วพลาดท่าตกลงไปยังด้านล่าง แต่อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวยังคงอยู่ในกระบวนการตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดต่อไป ที่มา: azdailysun, foxla และ dailymail
-
ซอสมะเขือเทศ (Ketchup) ซอสจิ้มของชาวตะวันตก แท้จริงแล้วมีต้นกำเนิดจากเอเชีย!!
เมื่อพูดถึง ซอสมะเขือเทศ หรือที่ฝรั่งเขาเรียกกันว่า Ketchup แน่นอนว่าใครๆ ก็ต้องนึกถึงอาหารฟาสต์ฟู้ดหรืออาหารตะวันตกเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะชาวอเมริกัน จากการรายงานพบว่า 97 เปอร์เซ็นต์ของชาวอเมริกัน นั้นมีซอสมะเขือเทศอยู่ในบ้านของตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นซอสที่มีอยู่ทุกบ้านเลยจริงๆ แต่หารู้ไม่ว่า ต้นกำเนิดของ Ketchup จริงๆ นั้นมันอยู่ที่ทวีปเอเชียต่างหาก!! National Geographic ระบุไว้ว่า ในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 ถึงต้นศตวรรษที่ 18 ชาวสหราชอาณาจักรได้พบเจอกับซอสที่เรียกว่า Ketchup เป็นครั้งแรกในเอเชีย โดยอยู่ในรูปแบบของซอสที่หมักขึ้นจากปลา ส่วนวิธีการ Ketchup ในยุคแรกนั้นถูกตีพิมพ์ขึ้นในปี 1732 โดย Richard Bradley โดยมีการอ้างอิงไว้ชัดเจนว่าได้ต้นแบบมาจากตำราอาหารของชาวเอเชียตะวันออก วิธีทำดังกล่าวเกิดจากการที่ชาวอังกฤษได้ชิมซอส Ketchup ของเอเชียแล้วพวกเขาก็พยายามลองทำมันขึ้นมาใหม่จากความจำ โดยพวกเขาใช้วิธีหมักเห็ด ผลวอลนัท หอยนางรม และปลาแอนโชวี ส่วนมะเขือเทศนั้นยังไม่ได้มีบทบาทในช่วงแรก กระทั่งปี 1812 ชายนามว่า James Mease ได้ลองใส่ผลไม้ที่เรียกว่า Love Apple ลงไปในซอส Ketchup ดั้งเดิมพร้อมมะเขือเทศบด เครื่องเทศ และบรั่นดี เขาก็ตั้งชื่อมันว่า Ketchup ตามซอสฉบับดั้งเดิม…
-
ประธานาธิบดี George H. W. Bush ใช้นามแฝงแอบ ‘ชุบเลี้ยง’ เด็กคนหนึ่งมานานถึง 10 ปี
ตัวแทนจากสำนักงานของ George H.W. Bush อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาเผยว่า Bush นั้นมีการส่งเงินและจดหมายติดต่อกันเด็กชายชาวฟิลิปปินส์คนหนึ่งมาตั้งแต่ปี 2002 George H.W. Bush (ซ้าย) และ Timothy (ขวา) George H.W. Bush นั้นได้ชุบเลี้ยงเด็กชายชาวฟิลิปปินส์คนหนึ่งนามว่า Timothy เขาส่งจดหมายไปให้กับเด็กชายคนนี้ครั้งแรกในวันที่ 22 มกราคม 2002 โดยใช้นามแฝงว่า “George Walker” โดย Bush เริ่มคิดที่จะสนับสนุนเด็กชายคนนี้เพราะ เมื่อปี 2001 เขาได้พบกับองค์การไม่แสวงหากำไร Compassion International ที่ใช้โบสถ์ท้องถิ่นเพื่อช่วยเหลือเหล่าเด็กๆ ที่ใช้ชีวิตอย่างแร้นแค้น Bush จึงพบว่าเด็กที่ชื่อว่า Timothy นี้มีความน่าเป็นห่วงในเรื่องของความปลอดภัยในการใช้ชีวิต แต่ Bush ก็ไม่สามารถส่งเงินหรือของให้กับเด็กคนนี้โดยตรงได้ เขาจึงคิดนามแฝงขึ้นมาตั้งแต่นั้น Bush ส่งของให้กับ Timothy หลายอย่าง เช่น ดินสอสี กระดาษวาดเขียน และอุปกรณ์วาดเขียน เพราะเขาเห็นว่าในข้อมูลส่วนตัว Timothy…
-
หนุ่มรัสเซีย พร้อมเสี่ยงเข้ารับผ่าตัด “เปลี่ยนหัว” เป็นคนแรก แม้จะมีภรรยาพร้อมลูกน้อย
Valery Spiridonov หนุ่มชาวรัสเซียวัย 33 ปีผู้เตรียมตัวเข้ารับ การปลูกถ่ายศีรษะ เผยกำลังย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกาอย่างมีความสุขกับลูกและภรรยาแสนสวย แต่ก็พร้อมยอมรับความเสี่ยง Valery นั้นได้ อาสา เข้ารับการผ่าตัดเพื่อย้าย “ทั้งศีรษะ” ไปไว้กับอีกร่างกายหนึ่ง เนื่องจากเขามีอาการเจ็บป่วยจากกล้ามเนื้อสันหลังที่ผิดปกติ หรือที่เรียกว่า โรค Werdnig-Hoffman Valery Spiridonov นายแพทย์ผู้ที่จะดำเนินการผ่าตัดให้กับ Valery มีนามว่า Sergio Canavero ซึ่งมีฉายาว่า Doctor Frankenstein เนื่องจากการผ่าตัดของนายแพทย์คนนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันในสังคมเรื่องความปลอดภัย และล่าสุดตัวของแพทย์ Sergio เองก็กำลังทำโปรเจกต์อยู่ที่ประเทศจีน เป็นโปรเจกต์เกี่ยวกับผ่าตัดมนุษย์และศพ อย่างไรก็ตาม Valery และ Anastasia Panfilova ผู้เป็นภรรยาพร้อมลูกน้อยก็กำลังจะย้ายครอบครัวไปอาศัยอยู่ในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย Anastasia Panfilova ปัจจุบัน Valery กำลังทำการศึกษาด้านการวิเคราะห์ทางคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยฟลอริดา อย่างไรก็ตาม มีหลายคนจะไม่เชื่อว่าเขาและ Anastasia จะเป็นสามีภรรยากันจริงๆ เนื่องจากทั้งคู่ไม่มีรูปถ่ายร่วมกันเลย แต่ทางฝ่ายหญิงก็ออกมาเผยว่ามีความสุขดีในความสัมพันธ์ของเธอและชายหนุ่มที่นั่งรถเข็น ผู้มีจิตใจดี อารมณ์ลึกซึ้ง และฉลาด ส่วนตัวของ Valery เองก็กล่าวเตรียมตัวในการรับการผ่าตัดว่า… “ผมรู้ว่ามันเสี่ยงในการเข้ารับการผ่าตัดที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนแบบนี้ แต่ผมมีอะไรจะเสียซะที่ไหนล่ะ?…
-
KFC ออกผลิตภัณฑ์เอาใจคนรักไก่ทอด “ท่อนฟืน KFC” จุดไฟปุ๊บ…หอมไก่ทอดปั๊บ!
เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเลยล่ะที่ชื่นชอบเมนูไก่ทอดของร้าน KFC ด้วยรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นหอมๆ อันแสนเย้ายวน ไก่ทอด KFC จึงกลายเป็นอาหารโปรดของคนทุกเพศทุกวัย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบไก่ทอด KFC มากกกกก แต่จะให้กินทุกวันก็คงไม่ไหว งานนี้ทาง KFC สหรัฐอเมริกา เขาก็ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เอาใจแฟนคลับ KFC ชนิดที่ว่าชีวิตของคุณจะไม่ขาดไก่ทอดเลยล่ะ ผลิตภัณฑ์ที่ว่าก็คือ KFC Firelog มันเป็น “ท่อนฟืนที่ใช้สำหรับก่อเตาผิง” ที่เมื่อเกิดการเผาไหม้แล้วมันจะส่งกลิ่นออกมาเป็นกลิ่นของ ไก่ทอด KFC นั่นเอง KFC Firelog KFC Firelog นั้นผสมเอาสมุนไพรและเครื่องเทศ 11 ชนิดเข้าไว้ด้วยกัน เมื่อนำไปใส่กองไฟก็จะทำให้เกิดกลิ่นหอมเย้ายวนของไก่ทอด ตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ ยิ่งเข้าฤดูหนาวแบบนี้แล้วด้วย สำหรับชาวตะวันตกนั้นการก่อเตาผิงนั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก มิฉะนั้นอาจจะหนาวเหน็บจนยากจะทนได้ไหว ทั้งนี้เจ้า KFC Firelog ถูกวางขายเรียบร้อยแล้วบนเว็บไซต์ kfcfirelogs.com ในราคา 18.99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือแปลงเป็นเงินไทยก็อยู่ที่ 600 บาทนิดๆ นั่นเอง งานนี้ Andrea Zahumensky ประธานฝ่ายการตลาดของ KFC สหรัฐอเมริกา…
-
ครูในอเมริกาถูกจับกุม เหตุ “ตัดผม” นักเรียนโดยไร้สาเหตุ แถมร้องเพลงชาติไปด้วย
การที่คุณครูจะทำการ “กล้อนผม” นักเรียนเพื่อลงโทษนักเรียนที่ผมยาวกว่าเกณฑ์นั้นอาจจะเป็นสิ่งที่พบเห็นได้จนชินตาในประเทศไทย แต่สำหรับรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว ไม่ใช่เรื่องปกติเลยที่ครูคนไหนจะเข้ามาทำการตัดผมของนักเรียน Margaret Gieszinger ครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมือง Visalia แห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมในข้อหากระทำอันตรายต่อนักเรียน เธอได้บังคับให้นักเรียนของเธอเดินมานั่งเก้าอี้ ขณะที่เธอเองนั้นถือกรรไกรอยู่ในมือ จากนั้นเธอก็ลงมือตัดผมของนักเรียนออกไปเป็นกระจุกพร้อมกับเปล่งเสียงร้องเพลงชาติออกมาอย่างภาคภูมิ Margaret Gieszinger ชมคลิปเหตุการณ์ จากวิดีโอจะเห็นได้ว่า Margaret ครูวัย 52 ปี ได้สั่งนักเรียนชายคนหนึ่งที่กำลังจะเดินกลับโต๊ะเรียนของตัวเอง ให้มานั่งลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่หน้าห้อง เธอพูดออกมาว่า “ยังไม่เสร็จนะ” พอนักเรียนชายมานั่งลงที่เก้าอี้ดังกล่าว Margaret เธอก็ทำการ “ตัดผม” ของนักเรียนชายคนนี้ออกหนึ่งกระจุกและโยนผมกระจุกนั้นทิ้งไป พร้อมกับร้องเพลงชาติของสหรัฐอเมริกาควบคู่ไปด้วย เรียกมานั่ง ตัดผมออกไปหนึ่งกระจุก หลังจากนั้น Margaret ก็หันมาเรียกนักเรียนหญิงอีกคนพร้อมดึงผมของนักเรียนหญิงคนดังกล่าวเอาไว้ ทำให้นักเรียนคนอื่นๆ เริ่มหวาดผวา ส่งเสียงกรีดร้องและวิ่งหนีออกจากห้องเรียน นักเรียนหญิงในห้องคนหนึ่งชื่อว่า Lilli Gates เล่าว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันแปลกประหลาดมาก เธอไม่เคยเห็นครูของเธอเป็นแบบนี้มาก่อน… “หนูลองถามเพื่อนๆ คนอื่นดูว่าปกติแล้วครูเป็นอย่างนี้หรือเปล่า เพื่อนๆ…
-
เรือนจำหญิงล้วนแคลิฟอร์เนีย มีนักโทษ “ตั้งครรภ์” ทุกเดือน ทั้งๆ ที่ไม่มีนักโทษชายแม้แต่คนเดียว
กลายเป็นปัญหาที่ควรพิจารณา เมื่อเรือนจำหญิง Valley State Prison ในแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา มีนักโทษหญิงที่ มีครรภ์ ราว 100 คนในทุกๆ เดือน Valley State Prison เป็นเรือนจำหญิงที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันมีนักโทษหญิงถูกขังอยู่ราว 4,000 คน จากสถิติพบว่าในทุกๆ เดือนจะมีนักโทษที่มีครรภ์ราว 100 คน โดยที่ไม่สามารถสืบหาตัวตนของผู้เป็นพ่อเด็กได้ ทั้งนี้อัตราการตั้งครรภ์ของนักโทษหญิงนั้นกระจายไปหลายช่วงอายุ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักโทษวัยเยาว์หรือวัยชราก็มีนักโทษที่เกิดการตั้งครรภ์ เพียงแต่ส่วนมากจะเป็นนักโทษวัยสาว ในแต่ละปี จะมีเด็กทารกกำเนิดขึ้นในเรือนจำราวๆ 300 คน และแม่ของพวกเขาหลายคนก็เลือกที่จะเลี้ยงดูลูกในฐานะแม่ให้ดีที่สุด แม้ตนเองจะยังอยู่ในเรือนจำก็ตาม หากนักโทษผู้เป็นแม่เลือกที่จะไม่รับเลี้ยงลูกของตนเอง เด็กก็จะถูกส่งไปยังสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ถ้าใครเลือกแล้วว่าจะดูแลลูกของตนด้วยตัวเอง ก็จะต้องยอมรับผลที่ตามมาของการเติบโตขึ้นในเรือนจำ สิ่งน่าสงสัยสำหรับเรื่องนี้ก็คือ เรือนจำ Valley State Prison แห่งนี้เป็นเรือนจำหญิงล้วน ที่จะไม่มีนักโทษชายเลยแม้แต่คนเดียว อีกอย่างหากว่านักโทษมีการตั้งครรภ์มาตั้งแต่ก่อนเข้าเรือนจำ ก็จะต้องถูกตรวจพบว่ามีครรภ์ ฉะนั้น จึงมั่นใจได้ว่า นักโทษหญิงเหล่านี้เพิ่งมีการตั้งครรภ์ในเรือนจำอย่างแน่นอน คำถามก็คือ…
-
ชาวญี่ปุ่นถูกใจ “หมอนก้น” ที่ไม่ได้มีดีแค่รูปทรงชวนสวาท แต่ทำให้หลับสบายอีกด้วย!
ปัญหาการนอน บางส่วนก็เป็นผลมาจากรูปทรงและผิวสัมผัสของหมอนด้วยเช่นกัน หมอนที่นุ่มหรือแข็งจนเกินไปก็อาจทำให้กระดูกสันหลังและคออยู่ในรูปที่ผิดปกติได้ งานนี้ประเทศญี่ปุ่นจึงออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็น หมอนรูปก้น มาช่วยแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าว เพราะนอกรูปลักษณ์โดนใจหนุ่มๆ แล้ว การใช้งานของมันก็ยังถือว่าเกิดประโยชน์อีกด้วย The Buttress Pillow (หมอนรูปก้น) เห็นเป็นผลิตภัณฑ์แปลกๆ แบบนี้มันไม่ได้ถูกออกแบบโดยชาวญี่ปุ่นแต่อย่างใด กลับเป็นนักออกแบบชาวอเมริกันผู้หลงใหลใน “ก้น” นามว่า Jia ต่างหากที่ออกแบบเจ้าหมอนนี้ขึ้นมาขณะที่เขากำลังคิดถึงก้นแฟนสาวของตัวเอง ซึ่งก่อนที่มันจะถูกนำมาวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น หมอนก้นนี้ถูกผลิตและจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่พอ Jia นำเข้ามายังประเทศญี่ปุ่น หมอนก้นนี้ก็ได้รับการตอบรับที่ดีราวกับว่าเป็นสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นรอคอยกันมานาน ขนาดใกล้เคียงกับก้นของสาวจริงๆ เลยแหละ เจ้าหมอนก้นใบนี้ ไม่ได้ออกแบบขึ้นเพื่อสนองความต้องการ “ก้นสาว” เท่านั้น รูปทรงและลักษณะทางกายภาพของมัน ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการใช้งานอย่างถึงที่สุด ทุกส่วนโค้งเว้าและความเด้งความนุ่มต่างๆ ถูกออกแบบขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถหนุนแล้วเกิดความสบาย ไม่ว่าจะใช้ซบ หนุนแบบนอนหงาย นอนตะแคง หรือจะนอนท่าไหนๆ ก็ตาม มันก็จะรองรับทุกองศาเลยล่ะ ซบ หงาย ตะแคง คว่ำ…
-
ร้านอาหารนิวยอร์กนำ “ติ่มซำ” มาแปลงเป็นอาหารมะกัน ถูกชาวเน็ตเอเชียจวกยับ!!
อาหารที่มาจากต่างวัฒนธรรม บางครั้งเมื่อรับเข้ามาแล้วก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ต่างจากต้นตำรับ เพื่อให้สามารถรวมกับวัฒนธรรมของตนเองได้ แต่บางทีการปรับเปลี่ยนให้อาหารของวัฒนธรรมอื่นก็อาจสร้างปัญหาตามมาได้เช่นกัน… เช่นเรื่องราวในวันนี้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์กถูกวิจารณ์หนัก เนื่องจากนำ “ติ่มซำ” มาดัดแปลงเสียจนกลายเป็นอาหารอเมริกันไปเลย ในร้าน Brooklyn Chop House นั้นมีการเสิร์ฟติ่มซำที่ถูกดัดแปลงให้เป็นอาหารคุ้นลิ้นของชาวอเมริกัน เช่น ขนมจีบชีสเบอร์เกอร์ เกี๊ยวเนื้ออบ และเสี่ยวหลงเปาซุปหัวหอม เป็นต้น ในส่วนของผู้ร่วมก่อตั้งร้านอย่าง Stratis Morfogen ก็อธิบายอย่างง่ายๆ ว่าแรงบันดาลใจในการปรับแต่งสูตรอาหารเหล่านี้ก็คือการทำ “อาหารฟิวชั่น” “ปกติแล้วผมจะชื่นชอบร้านสเต๊กแบบอเมริกันมาก แต่คิดว่าเราไม่ควรทำร้านสเต๊กในสไตล์เดิมๆ” Stratis Morfogen อย่างไรก็ตาม Stratis Morfogen เล่าว่าเมนูติ่มซำที่เสิร์ฟทั้งหมดนี้อิงมาจากอาหารเมนูโปรดของเขาที่ได้ทานจากฝีมือลุง ฉะนั้น เขาจึงนำมาดัดแปลงลงไปในเกี๊ยวและติ่มซำเสียเลย “ถ้าแต่งงานกับอาหารได้ผมก็ทำไปแล้ว ตอนนี้ที่ผมทำก็คือนำอาหารจานโปรดของผมทั้งหมด ยัดลงไปไว้ในแผ่นเกี๊ยวยังไงล่ะ” ขนมจีบชีสเบอร์เกอร์ เกี๊ยวเนื้ออบ เสี่ยวหลงเปาซุปหัวหอม คลิปวิดีโอของร้าน Brooklyn Chop House หลังจากคลิปวิดีโอของร้านนี้ถูกเผยแพร่ลงบนโลกออนไลน์ ด้วยยอดเข้าชมราว 500,000 ครั้ง กลับมีชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยเลยที่เข้ามาคอมเมนต์วิจารณ์เชิงลบ…
-
แบรนด์รองเท้าราคาถูก ปลอมตัวเป็นแบรนด์หรูขายในราคา ‘โคตรแพง’ แต่คนกลับชอบ!
วันนี้รองเท้าแบรนด์ดังราคาเป็นมิตรอย่าง Payless ออกมากลั่นแกล้งครั้งใหญ่ในแคลิฟอร์เนีย โดยการปลอมตัวเป็นแบรนด์รองเท้าหรูที่อัปราคาขึ้นมากว่า 30 เท่า!! แบรนด์ Payless สำหรับชาวอเมริกันนับว่าเป็นแบรนด์รองเท้าที่มีราคาไม่สูง แต่ล่าสุดทาง Payless ได้ซื้อต่อร้าน Armani แห่งหนึ่งในแซนตามอนิกา แล้วเปิดเป็นร้านรองเท้าสุดหรูในชื่อว่า Palessi มีการจัดงานเปิดร้านอยู่เล่นใหญ่ ดูยังไงๆ ก็แบรนด์หรูดูแพงชัดๆ ผู้คนที่เข้ามาชมในร้านนี้ก็จะคิดว่าเป็นร้านรองเท้าแบรนด์หรูน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว โดยรองเท้าแฟชั่นสวยงามในร้านแท้จริงก็เป็นรองเท้าของแบรนด์ Payless ปลอมตัวมานั่นแหละ (มีการปรับเปลี่ยนนิดหน่อยจะได้เนียนๆ) ที่พีกที่สุคก็คือเรื่องของ “ราคา” นี่แหละ เพราะสินค้าพิเศษของร้านก็คือรองเท้าผ้าใบราคา 19.99 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 660 บาท) ถูกนำมาวางขายด้วยราคา 640 ดอลลาร์ หรือราว 21,100 บาทเลยทีเดียว! เหล่าผู้นำแฟชั่นทั้งหลายต่างก็หลงกล Payless กันถ้วนหน้า คิดว่าสิ่งที่พวกเขาซื้อคือผลงานชั้นยอดราคาแพงจากดีไซเนอร์ชั้นนำ จึงซื้อกันไปมากมาย แต่สุดท้าย ผู้บริโภคทั้งหลายก็ไม่ได้เสียอะไรเลย เพราะทาง Payless ได้นำเงินมาคืนแถมยังมอบรองเท้าของพวกเขาให้กับผู้บริโภคไปแบบฟรีๆ อีกด้วย สุดท้าย Palessi แบรนด์หรูปลอมๆ…
-
คู่รักชาวอินเดีย ตกลงมาเสียชีวิตหลัง “เซลฟี” บนหน้าผาในอุทยานแห่งชาติ Yosemite
ไปเที่ยวในสถานที่อันตรายโปรดอย่าชะล่าใจ แม้สถานที่นั้นจะสวยงามน่าถ่าย “เซลฟี่” ก็ตาม คู่รักชาวอินเดียคู่หนึ่งมีรายงานว่าตกจากหน้าผาของภูเขา Sierra Nevada ในอุทยานแห่งชาติ Yosemite ในแคลิฟอร์เนีย จากรายงานคาดว่าทั้งคู่ ไปยืนยังริมหน้าผาแล้วกำลังจะถ่ายเซลฟี่ด้วยกัน นั่นทำให้ทั้งคู่สูญเสียการทรงตัวและพลาดตกลงจากหน้าผาความสูง 244 เมตรในที่สุด ร่างของนาย Vishnu Viswanath วัย 29 ปี และนาง Meenakshi Moorthy วัย 30 ปี ถูกพบอยู่ที่พื้นด้านล่างของหน้าผาเมื่อวันพฤหัสที่ 25 ตุลาคม 2018 โดยผู้ลาดตระเวนในอุทยาน Jishnu Viswanath พี่ชายของ Vishnu กล่าวว่าทาง Moorthy ได้ใฝ่ฝันเอาไว้ว่าอยากเป็นบล็อกเกอร์ท่องเที่ยวแบบเต็มเวลา Meenakshi Moorthy และ Vishnu Viswanath ทั้งคู่มักออกท่องเที่ยวผจญภัยค้นหาความตื่นเต้นให้กับชีวิต โดนในอินสตาแกรมของพวกเขาจะมีภาพสถานที่ท่องเที่ยวที่ทั้งสวยงามและอันตรายหลายแห่ง โดยทางพี่ชายของ Vishnu ผู้เสียชีวิตกล่าวว่า ศพของทั้งคู่จะถูกฝังในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากสภาพศพไม่อำนวยให้ส่งกลับไปยังประเทศอินเดีย… https://www.instagram.com/p/BXDP6tvBLrP/?utm_source=ig_embed การท่องเที่ยวนั้นทำให้เกิดความสุขความบันเทิงได้ก็จริง แต่ก็ควรจะปลอดภัยไว้ก่อนนะจ๊ะทุกคน! ที่มา: nextshark, holidaysandhappilyeverafters, Mercury News และ National…
-
14 ภาพ “เอกซเรย์” อันน่าทึ่งของเหล่าสัตว์ จากการตรวจสุขภาพในสวนสัตว์ออริกอน
ปกติแล้วเวลาที่เราอยากชมเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ เราก็มักจะเลือกไปสวนสัตว์กันใช่ไหมล่ะ เพราะว่าสวนสัตว์นั้นได้นำเอาสัตว์มากมายหลายชนิดที่เราไม่อาจเจอได้ในชีวิตประจำวันไปรวมเอาไว้ที่นั่น แต่ที่แปลกกว่าที่อื่นๆ ก็คือ สวนสัตว์ออริกอน ในสหรัฐอเมริกานี่แหละ เพราะนอกจากที่นั่นจะรวมเอาสัตว์ตัวเป็นๆ ไว้ให้ผู้คนได้ชื่นชมแล้ว พวกเขายังมี “ภาพเอกซเรย์” ของเหล่าสัตว์ต่างๆ อีกด้วย เนื่องจากเป็นการตรวจสุขภาพสัตว์ประจำปีของที่นั่น จึงทำให้พวกเราได้มีโอกาสเห็นโครงกระดูกภายในร่างกายสัตว์นานาชนิด หากอยากรู้ว่าแต่ละชนิดมีโครงกระดูกอย่างไร คล้ายคนหรือเปล่า เรารีบไปชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า! 1. กิ้งก่า 2. งูหลามบอล 3. หางบีเวอร์ 4. จะงอยปากนกทูแคนดำอกขาว 5. เม่น 6. ตุ๊กแก Fat-Tailed 7. อุ้งเท้าเสือโคร่ง 8. ค้างคาวผลไม้ Rodrigues 9. นกเค้าแมว Screech 10. เต่า 11. ปลาไหลวูล์ฟ …
-
คดีในโรงเรียน เมื่อนักเรียนนำคุกกี้ที่ผสม “เถ้ากระดูกคน” มาแบ่งให้เพื่อนร่วมห้องกิน!!
การกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนนั้นเกิดขึ้นเป็นประจำ โดยเฉพาะเด็กที่เริ่มเป็นวัยรุ่นซึ่งต้องการความบันเทิงและการมีอำนาจเหนือผู้อื่น โดยส่วนมาก รูปแบบของการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนจะมาในลักษณะของการทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ ซึ่งทางโรงเรียนก็มักจะมีวิธีรับมือกับพฤติกรรมดังกล่าว แต่ครั้งนี้กลับเป็นการกลั่นแกล้งในรูปแบบที่แปลกอย่างไม่มีใครคาดคิด เมื่อเด็กมัธยม 2 คนจากโรงเรียนมัธยม DaVinci Charter Academy ได้กลั่นแกล้งเพื่อนด้วย “ขนมคุกกี้” ฟังดูเหมือนไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแต่ที่จริงแล้วเบื้องหลังของขนมคุกกี้นี้แฝงการกลั่นแกล้งที่ “รุนแรง” เอาไว้ นักเรียน 2 คน (ไม่เผยชื่อ) จากโรงเรียนมัธยมในเมืองเดวิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้นำขนมคุกกี้ที่ตนทำขึ้นมาแบ่งให้กับเพื่อนๆ ในห้องได้ทาน โดยที่คุกกี้เหล่านี้ถูกทำขึ้นจาก “เถ้ากระดูก” ของคุณยาย พวกเขาได้นำมาแบ่งให้กับเพื่อนร่วมห้องจำนวน 9 คนได้ทาน ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบว่ามีสิ่งผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นกับร่างกายของนักเรียนที่ทานเข้าไป ขณะนี้เรื่องได้ถูกส่งต่อถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคดี โดยหลักฐานมีเพียงคำให้การของเด็กๆ เท่านั้น “จู่ๆ หญิงคนนี้เที่ยวไปบอกทุกคนว่าคุกกี้ที่เธอนำมาให้ทุกคนกินนั้นมีส่วนผสมของ ‘เถ้ากระดูกมนุษย์’ อยู่ด้วย” นักเรียนชายคนหนึ่งกล่าวกับ KTXL ขณะที่ทางโรงเรียนไม่มีการตอบสนองใดๆ ต่อเรื่องดังกล่าว รายงานจาก Business Insider ก็ได้ระบุว่า การบริโภคชิ้นส่วนหรือเศษเหลือใดๆ ก็ตามของมนุษย์ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ที่มีการกระทำดังกล่าวจะถูกเหมารวมว่าเป็น ฆาตกร…
-
รวม 20 ภาพ Fan Art เจ๋งๆ ของ “Power Rangers” ขบวนการห้าสี ฮีโร่ในวัยเด็ก!!
ขบวนการ Power Rangers นั้นครั้งหนึ่งเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์ Live-Action ขวัญใจเด็กๆ ทั่วโลกเลยทีเดียว ด้วยการปรับปรุงรูปแบบมาจากแก๊งซูเปอร์ฮีโร่สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Super Sentai ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ Power Rangers มีความผสมผสานที่ลงตัวเลยทีเดียวเชียว Power Rangers (2017) แต่การดัดแปลงเป็นฉบับภาพยนตร์ล่าสุดอย่าง Power Rangers (2017) นั้นไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนัก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ความทรงจำในวัยเด็กไม่กลับมาเจิดจรัสเท่าที่หวังไว้ วันนี้ เหล่าแฟนๆ และสาวกของ Power Rangers จึงออกมาสร้างผลงานภาพ Fan Art สวยๆ เพื่อให้เหล่าขบวนการห้าสีนี้กลับมาดูเท่ เฉียบ และดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เอาล่ะ ถ้าอยากดูแล้ว เราไปชมกันเลย!! 1. The Imprisoned Rangers ผลงานจาก Bryant Koshu 2. Armored…
-
หนุ่มกลายเป็นไวรัล หลังโชว์ “ท่าเดินต้านแรงโน้มถ่วง” ถนนลาดชันมันต้องเดินแบบนี้แหละ!
ถนนฟิลเบิร์ต (Filbert Street) ในเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียว่ากันเป็นถนนที่ “ลาดชันที่สุด” รองจาก ถนนแคนตัน (Canton Avenue) ในเมืองพิตต์สเบิร์ก ในรัฐเพนซิลเวเนีย เรียกได้ว่าใครที่ไปยังถนนฟิลเบิร์ตนี้จะต้องทึ่งกับความลาดชันถึง 17.5 องศาที่ทอดยาวลงไปยังถนนด้านล่าง เช่นเดียวกับ Daniel White หนุ่มวัย 19 ปีที่ก็ตื่นตาไม่น้อยกับถนนที่แสนจะลาดชันนี้ Daniel White วัย 19 ปี Daniel และพ่อของเขาได้ไปยังเมืองซานฟรานซิสโก พร้อมกับต้องเดินผ่านถนนฟิลเบิร์ตเพื่อไปเยี่ยมชมหอคอย Coit Tower ทั้งคู่ตื่นเต้นกับความลาดชันของถนนเส้นนี้อย่างมากทำให้ Daniel เกิดความคิดเจ๋งๆ ในการเดินลงไปบนถนนเส้นนี้ เขาเดินด้วยทางที่ดู “แอ่น” ประหลาดๆ เพื่อปรับระดับความสมดุลของร่างกายขณะเดินนั่นเอง “พอลองเดินลงไปมันกลับส่งผลแปลกๆ ให้กับร่างกาย เพราะจุดรับแรงโน้มถ่วงมันเปลี่ยนแปลงร่างกายของเราก็เลยต้องแอ่นเล็กน้อยแบบนี้เวลาเดินลง” Daniel กล่าวกับสำนักข่าว Unilad วิดีโอท่าเดินสุดพิศวงนี้กลายเป็นว่าโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ตเลยทีเดียว วิดีโอต้นฉบับ Daniel โพสต์มันลงบนเว็บไซต์ Reddit ซึ่งนั่นแหละจุดที่ทำเขากลายเป็นกระแสโด่งดังท่ามกลางหมู่ชาวเน็ตทั้งขาจรและขาประจำในเว็บไซต์นี้ ด้วยความที่ภาพมันดูงงๆ และกลายเป็นข้อสงสัยที่ว่าคนเราจะสามารถเดินแอ่นตัวต่ำๆ…
-
“ฮาวาย” โปรโมตการท่องเที่ยวด้วยการตลาดสุดฮา ชักชวนชาวญี่ปุ่นด้วย “อุลตร้าแมน”
หนึ่งกลไกสำคัญของการตลาดก็คือ การโปรโมตและการโฆษณา เพราะมันช่วยทำให้ผู้ชมสนใจมากขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นการโฆษณาประเภทต่างๆ ก็จะต้องทำออกมาให้ดึงดูดผู้คนมากที่สุด โดยอาจจะสร้างออกมาให้มีความสนุก ตลก ซึ้งกินใจ หรืออาจจะนำเสนอความจริง เช่น ค่าสถิติ เพื่อให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือกับผู้ชม แต่ต้องบอกเลยว่าโฆษณาโปรโมตการท่องเที่ยวของ ฮาวาย นั้นทำออกมาได้แหวกแนวและน่ารักจริงๆ พวกเขามีกลุ่มเป้าหมายคือชาวญี่ปุ่น จึงทำวิดีโอโปรโมตออกมาเชิญชวนชาวญี่ปุ่นด้วยเหล่า อุลตร้าแมน เสียเลย!! ผ่ามมม!! โฆษณาดังกล่าวปล่อยออกมาตั้งแต่ปี 2014 แล้ว แต่ชาวไทยจำนวนมากก็ยังไม่เคยได้ชมโฆษณาชิ้นนี้ ถือได้ว่าเป็นการโปรโมตที่เจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตรงเผง เพราะมีการใช้อุลตร้าแมนเป็นสัญลักษณ์แทนชาวญี่ปุ่นนั่นเอง ขนาดอุลตร้าแมนฮีโร่ประจำชาติญี่ปุ่นยังมาเที่ยวกันแบบสนุกสนานกันที่ฮาวาย แล้วชาวญี่ปุ่นจะไม่ลองมาเที่ยวได้อย่างไรกันล่ะ? ชมวิดีโอโปรโมตสุดน่ารักของฮาวายกันได้เลย!! ออกรอบกันสักหน่อย รำ…ระบำชาวเกาะ~ ตะวันจะตกดินแล้ว…กลับดีกว่า ฟิ้วว~ บางทีวงการโฆษณาหรือสื่อโปรโมตการท่องเที่ยวของไทยก็อาจจะนำไอเดียนี้ไปปรับใช้เพื่อเพิ่มความแปลกใหม่ได้ไม่มากก็น้อย ที่มา: AsiaTrend.org via facebook
-
เมื่อลุงทรัมป์ร่วมวาดภาพระบายสีกับเด็กๆ แต่ดัน ‘ระบายสีธงชาติผิด’ ซะงั้น ชาวเน็ตแซวเละ!!
การเป็นผู้นำของประเทศนั้นถือเป็นบุคคลที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็มักจะถูกจับตามองอยู่เสมอ… เช่นเดียวกันกับ Donald Trump ผู้นำหนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลก ที่ล่าสุดก็ถูกชาวเน็ตจับผิดหลังไปเยี่ยมเด็กๆ ที่โรงพยาบาลเด็ก Nationwide Children Hospital ประจำรัฐโอไฮโอ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 61 ที่ผ่านมา ร่วมกันกับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง Melania Trump และ Alex Azar เลขานุการของกระทรวงสาธารณสุขและบริการประชาชน ท่านประธานาธิบดีได้เข้าร่วมชั้นเรียนกับเด็กๆ พร้อมกับโชว์ฝีไม้ลายมือในการ ‘วาดภาพระบายสี’ ซะด้วย!! ภาพบรรยากาศดูน่ารักน่าชังไม่น้อยเลยทีเดียว แต่พอมาถึงภาพภาพหนึ่งชาวเน็ตหลายคนถึงกับต้องสะดุด เพราะพบว่าท่านประธานาธิบดีนั้น ‘ระบายสีธงชาติอเมริกาผิด!!’ แทนที่จะระบายสีแดงลงไป แต่กลับใส่สีน้ำเงินลงไปซะงั้น!? ชาวเน็ตก็แซวซะเละเทะเลยสิครับงานนี้ “ท่านประธานาธิบดีระบายสีธงชาติผิดน่ะ แค่นี้แหละ” “ท่านประธานาธิบดีระบายสีน้ำเงินลงไป แทนที่จะเป็นสีแดง แสดงว่ากำลังจะวาดภาพธงชาติรัสเซียเรอะ!?” “ท่านประธานาธิบดีระบายสีธงชาติผิด เด็กข้างๆ ถึงกับมองด้วยหางตา” . “นี่หัวเราะดังมาก เพราะ Trump กำลังอยู่ที่รัฐที่ฉันอาศัยอยู่ และนี่คือภาพของเขากำลังระบายสีธงชาติร่วมกับเด็กๆ…
-
พนง. รัฐฯ มะกันโวย ไม่พอใจเด็กน้อย “ร้องไห้บนเครื่องบิน” สุดท้ายพักงานยาว!!
แน่นอนว่าการโดยสารบนเครื่องบินหรือรถโดยสาร หากว่ามีเด็กที่ร้องไห้เสียงดังโดยสารไปพร้อมกันด้วย มันคงทำให้ผู้โดยสารรู้สึกว่าถูกรบกวนจิตใจอย่างมาก แต่ถึงอย่างไร เราก็ไม่ควรใช้วาจาและกริยารุนแรงในการแก้ปัญหา Marissa Rundell คุณแม่ลูกอ่อนวัย 19 ปีจากเมืองรอเชสเตอร์ รัฐนิวยอร์ก ได้เดินทางโดยเครื่องบินจากสนามบิน JFK ไปยังสนามบิน Hancock พร้อมกับลูกน้อยของเธอ ขณะเดียวกัน Susan Peirez ที่เป็นผู้อำนวยการโครงการของสภาศิลปะรัฐนิวยอร์ก ก็ตะโกนต่อว่าถึงลูกชายตัวน้อยของ Marissa ที่กำลังร้องไห้ จนเกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โตและกลายเป็นผลกรรมอย่างหนักหน่วง Marissa Rundell กับลูกชายตัวน้อยอายุ 8 เดือน ทั้งคู่ถูกหญิงคนหนึ่งตะโกนต่อว่าอย่างรุนแรง หลังจากเด็กน้อยร้องไห้ Susan Peirez เจ้าหน้าที่รัฐฯ จากสภาศิลปะของนิวยอร์ก ผู้ที่ตะโกนต่อว่าแม่ลูกคู่นี้ Marissa เล่าว่า “เธอ (Susan) มานั่งเบาะด้านหลังเรา และกระแทกกระเป๋าลงพื้นอย่างแรงก่อนจะบ่นว่า ‘ตลกสิ้นดี บ้าจริง นี่ฉันต้องมานั่งอยู่ข้างหลังเหรอเนี่ย’” จากนั้น Susan ก็ร้องขอย้ายที่นั่ง พร้อมตะโกนต่อว่า Marissa ไปด้วย เนื่องจากลูกน้อยของเธอไม่ยอมหยุดร้องไห้ เมื่อ Marissa บอกกับ…
-
สาวปริศนาไล่ “กดกริ่ง” บ้านคนอื่นกลางดึก เจ้าหน้าที่พยายามตามหาตัวแต่ ‘ไร้ร่องรอย’
ในเมืองมอนต์โกเมอรี รัฐเท็กซัสได้มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น เมื่อพบเห็นหญิงสาวปริศนาในกล้องวงจรปิด เดินไปกดกริ่งของบ้าน 5 หลังในเวลาราวตีสามโดยไม่ทราบสาเหตุ และจากนั้นก็ไม่มีใครหาหญิงคนนี้ได้พบ จากภาพวงจรปิด เห็นได้ว่าหญิงคนดังกล่าวใส่เพียงเสื้อตัวยาวๆ ไม่สวมรองเท้า และที่ข้อมือขวามีเครื่องประดับเป็นสายผูกข้อมือที่ห้อยยาวลงมา สาวปริศนากดกริ่งบ้านคนอื่น ผู้อาศัยคนหนึ่งออกมาเล่ากับ ABC News ว่าเพื่อนบ้านของเขาบางคนก็เดินออกมาเปิดประตูขณะที่สาวคนนี้มากดกริ่ง แต่กลับไม่พบใคร เพราะเธอได้หายตัวไปก่อนแล้ว Branson Golson ผู้อาศัยอีกรายก็ออกมากล่าวว่า “ผมมีลูกสาวอายุ 9 ขวบอยู่ในบ้าน สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันทำให้ผมกังวลอย่างมาก” ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกสืบสวนแต่ละบ้านในละแวก และพยายามอย่างมากในการแกะรอยสาวปริศนาจนกว่าจะพบตัว ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบ “ภาพคนหาย” ที่พลเมืองส่งแจ้งเข้ามา แต่ก็ไม่พบใครจะมีใครที่มีลักษณะใกล้เคียงกับสาวปริศนาในกล้องวงจรปิดเลย ร้อยโท Frank Spencer จึงออกมาเตือนชาวเมืองว่าพยายามระมัดระวังตนเองให้ดี หากมีคนมากดกริ่ง เจ้าของบ้านสามารถตอบรับผู้ที่มากดกริ่งได้ แต่ให้พูดจากอีกฝั่งของประตูก่อนที่จะเปิดประตูออกไป หมู่บ้านที่เกิดเหตุ ในเมืองมอนต์โกเมอรี รัฐเท็กซัส ชมภาพวิดีโอสาวปริศนาจากกล้องวงจรปิด เป็นเหตุการณ์ประหลาดๆ ที่แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามสืบสวนแล้วแต่ปัจจุบันก็ยังไม่พบตัวของ “หญิงสาวปริศนา” ดังกล่าว ที่มา: thesun, facebook, shared…
-
คู่รักมะกันแอบ “อมนิ้วเท้า” ให้กัน เป็นกิจกรรมยามว่างขณะรถติดไฟแดง แถมเปิดกระจกด้วย!!
โลกของเราเต็มไปด้วยผู้คนมากมายหลายแบบ ซึ่งอาจมีนิสัย บุคลิก รวมไปถึง รสนิยมที่แตกต่างกัน เมื่อพูดถึงรสนิยม บางคนก็จะมีรสนิยมที่ตรงกับคนส่วนใหญ่ในโลก แต่บางคนก็มีรสนิยมที่แหวกแนวออกไป อย่างเช่นตัวอย่างเหตุการณ์ในวันนี้ที่จะพิสูจน์ให้ทุกท่านได้เข้าใจว่า รสนิยม ของคนเรามันแตกต่างกันจริงๆ เพราะว่าดันบังเอิญไปเห็นคนสองคนกำลังทำอะไรกันก็ไม่รู้บนรถขณะติดไฟแดง ลองมาชมคลิปวิดีโอเหตุการณ์นี้กัน ดูซิว่าใช่ข้าวโพดต้มหรือเปล่า!? เรื่องราวเริ่มขึ้นจากการที่ชาวเน็ตมะกันได้อัปโหลดคลิปวิดีโอลงบนอินเทอร์เน็ต ภายในคลิปเผยให้เห็นว่าชายคนหนึ่งกำลัง “อม” อะไรก็ไม่รู้อยู่อย่างเมามัน ดูเผินๆ อาจคิดว่าแทะข้าวโพดต้มอยู่บนรถของตนขณะติดไฟแดง เมื่อมองดูดีๆ แล้วจะเห็นว่าสิ่งที่ฝ่ายชายกำลังอมอยู่อย่างสนุกสนานนั้นก็คือ “นิ้วเท้า” ของฝ่ายหญิงนั่นเอง (นี่มัน “มนุษย์โลกอมตีน” หรือเปล่าเนี่ย!!?) ส่วนฝ่ายหญิงที่คาดว่าเป็นภรรยานั้นก็ดูมีท่าทีค่อนข้างผ่อนคลาย เธอเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างสบายใจขณะฝ่ายสามีกำลังนวดนิ้วเท้าของเธอด้วยช่องปาก (อาจจะเป็นวิธีการบำบัดคลายเส้นแนวใหม่ก็ได้นะ) จากนั้นเจ้าของคลิปก็ทำการเปิดกระจกรถของตนเองแล้วตะโกนถามออกไปว่า “เฮ้ พวกนายทำอะไรกันน่ะ?” เมื่อทั้งคู่เห็นเช่นนั้นจึงรีบหยุดกิจกรรมส่วนตัวไว้ทันที และรีบบึ่งรถออกไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ทั้งสองคนนี้ทำอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่นิยมทำกัน ผู้พบเห็นอาจเกิดความรู้สึกไม่สบายใจได้ ฉะนั้น เก็บไว้ทำในที่ลับตาคนจะดีกว่านะ ที่มา: ck101
-
หนุ่มหื่นถูกชกจนหน้าโยก เพราะดันไปจ้องก้นแฟนสาวคนอื่น แล้วยิ้มอ่อน…
บางครั้งเราไม่จำเป็นจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับใคร เพียงแค่ การมอง ก็อาจกลายเป็นการรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของผู้อื่นได้เช่นกัน อย่างเช่นเหตุการณ์นี้ ที่คู่รักชายหญิงคู่หนึ่งกำลังทำการซื้อของอยู่ในร้านขายโทรศัพท์มือถือ เรื่องราวก็กลับกลายเป็นความรุนแรงเมื่อฝ่ายชายทราบว่า ฝ่ายหญิง ถูกคุกคามด้วยสายตา จากชายอีกคนหนึ่งในร้าน ภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านขายโทรศัพท์มือถือในเมืองลินคอล์นตัน รัฐนอร์ทแคโรไลนา จับภาพได้ว่าชายในชุดสีแดงที่ยืนเท้าตู้กระจกอยู่นั้นได้ส่งสายตาจ้องมองไปยังบริเวณก้นของหญิงสาว ขณะที่คู่หญิงชายกำลังพูดคุยอยู่กับพนักงานคิดเงิน จากนั้นฝ่ายชายที่สวมเสื้อสีเขียวก็หันมาพบว่าชายเสื้อสีแดงกำลังจ้องมอง “ก้น” ของคนรักตนอยู่ ชายเสื้อเขียวจึงปล่อยหมัดเข้าไปที่ใบหน้าของชายเสื้อสีแดงอย่างจัง ก่อนที่ชายเสื้อแดงจะออกจากร้านไป ชมคลิปเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิด จากคลิปจะเห็นได้ว่า ชายเสื้อสีแดงหลังจากที่ถูกจับได้ว่าจ้องก้นของหญิงสาวอยู่นั้น เขาส่งรอยยิ้มแปลกๆ ออกมาพร้อมเอ่ยว่า “ใช่เลย” ก่อนที่เขาจะถูกหมัดซัดเข้าที่ใบหน้า ส่วนฝ่ายหญิงก็เกิดอาการขายหน้าและตกใจเป็นอย่างมาก เธอขอให้แฟนหนุ่มกล่าวขอโทษชายเสื้อสีแดงแต่เขากลับเดินตามชายเสื้อสีแดงออกไปด้านนอกร้าน จากคลิปจะเห็นว่าฝ่ายหญิงมีการเจรจากับพนักงานคิดเงินว่าไม่จำเป็นต้องโทรแจ้งตำรวจเพราะสิ่งที่แฟนหนุ่มของเธอทำเป็นเพียงการปกป้องเธอที่เกินเหตุไปหน่อยเท่านั้น ที่มา: unilad, metro และ dailymail
-
นักโทษแฝดสลับตัวกัน ให้อีกคนที่กำลังจะ “ถูกประหาร” ได้ออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้าง
ราวกับพล็อตหนัง เมื่อฝาแฝดคู่หนึ่งที่ต้องโทษจำคุก ล่าสุดแฝดคนหนึ่งถูกตัดสินประหารในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า ทั้งคู่จึงสลับตัวกันเพื่อให้แฝดอีกคนได้ออกมาสูดอากาศนอกแดนประหารก่อนตาย… David Moore และ Carey Dean Moore พี่น้องฝาแฝดในวัย 60 ปีเท่ากัน มีการสลับตัวกันบ่อยครั้งขณะถูกขังภายในทัณฑสถานของรัฐเนแบรสกา หลังจากทั้งคู่ถูกขังมานานกว่า 30 ปี และในปีนี้ David จะต้องเห็น Carey จากไปด้วยการประหารชีวิต เนื่องจากได้ก่อคดีฆาตกรรมสังหารคนขับแท็กซี่ 2 รายในปี 1979 แฝดทั้งสองจึงขออนุญาตพบปะพูดคุยกัน อ้างว่าคุยเรื่องครอบครัวทางบ้าน และได้ทำการสลับเสื้อผ้าและงานในเรือนจำ เพื่อให้ Carey ได้ออกนอกแดนประหารไปสูดอากาศบริสุทธิ์อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม แม้การประหารกำลังจะเกิดขึ้นในวันอังคารที่ 14 สิงหาคม 2018 แต่ชาวเมืองในละแวกไม่ต้องการให้มีการประหารชีวิตเกิดขึ้นภายในเมือง มีเพียงครอบครัวของคนขับแท็กซีที่เป็นเหยื่อการฆาตกรรมเมื่อ 30 ปีที่แล้วเท่านั้นที่ต้องการให้ชายผู้พรากชีวิตสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา ต้องถูกลงโทษอย่างสาสม ที่มา: ladbible, thesun และ journalstar
-
ฮอลลีวูดลงมติ “ถอนชื่อ” Donald Trump ออกจากดวงดาวบนทางเดิน Walk of Fame
หลายคนคงเคยเห็นกันมาบ้างกับ The Hollywood Walk of Fame ดวงดวงบนทางเดินในฮอลลีวูดที่แต่ละดวงจะมีชื่อของคนดังนับพันในสาขาต่างๆ ชื่อคนดังบนดวงดาวของ The Hollywood Walk of Fame จะถูกบันทึกเอาไว้ราวกับเป็นหน้าประวัติศาสตร์ แต่ล่าสุดชื่อหนึ่งที่อุตส่าห์ได้อยู่ในดวงดาว แต่กลับจะต้องถูกถอดออกก็คือ Donald Trump นั่นเอง ทางสภาการค้าของฮอลลีวูดได้ลงความเห็นเป็นเอกฉันท์แล้วว่าจะทำการถอดถอนดวงดาวที่เป็นชื่อของท่านประธานาธิบดีคนปัจจุบันอย่าง Donald Trump ออกจากฮอลลีวูดและลอสแอนเจลิส ดาวดวงนี้ มีการถูกโจมตีหลายครั้งจากหลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2007 และถูกทำลายถึง 2 ครั้งด้วยกัน ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมโดยนาย Austin Mikel Clay ที่เป็นผู้ทุบดาวด้วยพลั่วเจาะ อย่างไรก็ตามในงานประชุมเรื่องการถอดดาวออก ระเบียบวาระการประชุมมีการบันทึกว่า ดวงดาวชื่อของ Donald Trump จะถูกถอดออกเนื่องจากความประพฤติที่เบียดเบียนเพศสตรีและพฤติกรรมอื่นๆ ที่ไม่เป็นไปตามค่านิยมของเมืองเวสต์ฮอลลีวูด รัฐ และประเทศ ทาง Leron Gubler ผู้บริหารของสภาการค้าฮอลลีวูดกล่าวว่าปกติแล้วดวงดาวบน The Hollywood Walk of Fame…
-
เรื่องเล่าของ Damon Cole ตำรวจหนุ่ม “ฮีโร่ตัวจริง” ของเด็กๆ ที่ป่วยโรคมะเร็ง
ฮีโร่ไม่ได้มีแต่ในหนังหรือในการ์ตูนเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงก็มี “ฮีโร่” ให้เห็นได้มากมาย อย่างเช่นตำรวจหนุ่มจากเมืองฟอร์ตเวิร์ท ในรัฐเท็กซัสนามว่า Damon Cole คนนี้ ที่ได้ชื่อว่าเป็นซูเปอร์ฮีโร่ตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ เจ้าหน้าที่ Cole มักจะสวมชุดเป็นฮีโร่และออกปฏิบัติหน้าที่ บางครั้งเขาสวมเสื้อเกราะกันกระสุนที่มีโลโก้ของ ซูเปอร์แมน แล้วโชว์ให้เด็กๆ ดูพร้อมบอกว่า “จุ๊ๆ รู้แล้วอย่าบอกใครล่ะ” ปัจจุบันเขาไม่ได้ทำงานแล้ว เขาใช้เวลาไปกับการ ช่วยเหลือเด็กๆ ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ช่วยเสริมสร้างกำลังใจให้พวกเขาสามารถต่อสู้กับโรคร้ายนี้ได้อย่างถึงที่สุด เราไปฟังเรื่องราวของเจ้าหน้าที่ Cole ฮีโร่ขวัญใจเด็กๆ ให้มากขึ้นกันดีกว่า… เมื่อปี 2012 ขณะที่ Cole ทำงานเป็นตำรวจในสถานีตำรวจดัลลัส เขาก็เริ่มแต่งกายเป็นซูเปอร์แมนเพื่อออกงานต่างๆ รวมถึงการเข้าเยี่ยมผู้ป่วยในโรงพยาบาล . และเมื่อปี 2015 เขาในชุดซูเปอร์แมนได้ใช้เวลาวันหยุด พาเจ้าหนูอายุ 7 ขวบที่ป่วยโรคมะเร็งไปขับรถเที่ยวในรัฐอิลลินอยส์ บางครั้งเขาก็ไปเยี่ยมเด็กๆ ที่โรงเรียนด้วยชุดไอรอนแมน ฝึมือของเจ้าหน้าที่ Cole นั้นไม่ธรรมดาเลย เขาเปลี่ยนรถของเขาให้มีลวดลายซูเปอร์ฮีโร่เท่ๆ ได้อย่างสวยงาม อีกทั้งยังเนรมิตให้รถอีกคันกลายเป็น…
-
คู่รักเกย์ในสหรัฐฯ ถูกเหยียดจากสายการบิน บอกให้ย้ายที่นั่งเพราะ “คู่รักชายหญิง” อยากนั่งด้วยกัน
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้มีชายคนหนึ่งโพสต์เล่าเรื่องราวที่ตนและคนรักถูก เหยียดเพศ บนเครื่องบินของสายการบินหนึ่งในสหรัฐอเมริกา คนรักหนุ่มของเขาถูกขอให้ลุกไปนั่งที่อื่นเพียงเพราะ “คู่รักหญิง-ชาย” ต้องการนั่งด้วยกัน ทวิตเตอร์ของ David Cooley เจ้าของเรื่อง David Cooley เรื่องราวมีอยู่ว่าชายที่ชื่อว่า David Cooley ได้จองตั๋วเครื่องบินของ Alaska Airlines จากสนามบิน John F. Kennedy ไปยังสนามบิน ลอสแอนเจลิส เขาและแฟนหนุ่มของเขาก็ได้ขึ้นไปนั่งที่นั่งชั้นพรีเมียมตามที่ซื้อเอาไว้ หลังจากนั่งได้ไม่นาน พนักงานบริการบนเครื่องบินก็เข้ามาขอให้คนรักของ David ย้ายไปนั่งที่นั่งธรรมดา เพราะที่นั่งตรงนี้คู่รักชาย-หญิงคู่หนึ่งต้องการจะนั่งด้วยกัน David จึงตอบไปว่า “เราทั้งคู่ก็เป็นคู่รัก และก็อยากนั่งด้วยกันเช่นกัน” แต่พนักงานให้บริการบนเครื่องบินกลับตอบมาว่าหากไม่สละที่นั่งพรีเมียมไปนั่งที่ธรรมดาก็ลุกแล้วลงจากเครื่องไปเสีย David และแฟนหนุ่มรู้สึกไม่ชอบใจและหน้าชากับการถูกเหยียดที่พวกเขาเป็นคู่รัก LGBTQ (เพศทางเลือก) ทั้งคู่จึงตัดสินใจลงจากเครื่องแล้วไปจองเที่ยวบินอื่นแทน “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสายการบินสมัยนี้จะให้สิทธิ์คู่รักชาย-หญิงมากกว่าคู่รักเกย์แบบพวกเรา แถมยิ่งกว่านั้นยังขอให้พวกเราลงจากเครื่องอีกด้วย” David พิมพ์ลงบนโพสต์ของเขา นอกจากนี้เขายังทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า เขาเลือกใช้สายการบิน Delta แทน และเชิญชวนให้ผู้ที่เป็นเพศทางเลือก เลือกใช้บริการสายการบินที่เป็นมิตรกับ LGBTQ ด้วยเช่นกัน โพสต์ต้นฉบับ บนเฟซบุ๊กของ David…
-
หนุ่มมะกันบุกบ้านชาวเอเชีย สั่งให้เอาป้ายด่า Trump ออก พร้อมเหยียดว่า “Ni**er”
กลายเป็นเรื่องราวของการเหยียดเสียอย่างนั้น เมื่อชายผู้หนึ่งบุกเข้ามายังสนามหญ้าหน้าบ้านของครอบครัวชาวเอเชียน-อเมริกัน เพื่อ “สั่ง” ให้นำป้ายที่มีข้อความโจมตีประธานาธิบดี Donald Trump ออก ป้ายดังกล่าวมีข้อความที่เขียนว่า “F**k Donald Trump” ทำให้ชายจากนอร์ธแคโรไลนาเกิดความไม่พอใจและมีปากเสียงกับเจ้าของบ้านอยู่ชั่วระยะหนึ่ง จนสุดท้ายชายที่เข้ามาบุกบ้านของครอบครัวชาวเอเชีย-อเมริกันก็ลั่นวาจาเหยียดพวกเขาออกมาว่า “Ni**er” ซึ่งเป็นคำด่าคนผิวสีนั่นเอง คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คลิปที่ 1 ในคลิปที่แรกนี้ จะเห็นได้ว่าชายเสื้อสีน้ำเงินพร้อมกางเกงยีนได้มีปากเสียงกับชายที่ไม่ได้สวมเสื้อซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน https://twitter.com/Freeyourmindkid/status/1018632667158532096?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1018632667158532096&ref_url=https%3A%2F%2Fnextshark.com%2Fracist-man-storms-asian-american-familys-yard-calling-nr-fk-donald-trump-sign%2F เจ้าของบ้านตะโกนออกมาว่า “ออกไปจากบ้านตรูเดี๋ยวนี้เลย แกจะมาสนใจอะไรในบ้านฉันวะ?” ชายบุกบ้านตอบว่า “ฉันลงคะแนนให้ Bernie Sanders โว้ยไอ้งั่ง ฉันไม่ได้สนใจอะไรของบ้านแกหรอก!” แต่เขาบอกว่าป้ายหน้าบ้านของครอบครัวเอเชีย-อเมริกันนี้ดันไปทำให้ลูกๆ ของเขาไม่พอใจ “ฉันจอดรถอยู่ใกล้ๆ แล้วดันได้กลิ่นคล้ายๆ กัญชาออกมาจากบ้านของแกไง” ชายบุกบ้านกล่าวต่อ จากนั้นชายบุกบ้านก็ขู่ว่าจะแจ้งความกับตำรวจ แล้วเขาก็เดินจากไปยังรถของเขาพร้อมกับชูนิ้วกลางบนมือของเขาอีกด้วย “เห็นทะเบียนรถมันมั้ย? ถ่ายเอาไว้นะ ฉันจะตามตัวมันให้เจอให้ได้เลยไอ้ห่านี่” เจ้าของบ้านพูดกับหญิงที่เป็นผู้ถือกล้องถ่ายคลิปวิดีโอ จากนั้นเจ้าของบ้านก็เรียกชายผู้บุกรุกคนนี้ว่า “Cracker” ที่แปลว่า “ไอ้เฮงซวย” พร้อมๆ กัน อีกฝ่ายก็ก่นด่ากลับมาว่า “Ni**er” ที่เป็นคำด่าเหยียดชาวผิวสีเช่นกัน จากนั้นชายผู้บุกรุกก็ตอบว่า…
-
เรื่องราวของตำรวจที่ “ผูกเชือกรองเท้า” ให้เด็กน้อย กลายเป็นความประทับใจของชาวเน็ต
ในเมือง Tukwila ชานเมืองของรัฐวอชิงตัน ดี.ซี. เองก็มีเรื่องราวน่าประทับใจเกิดขึ้นเช่นกัน เมื่อมีภาพที่ตำรวจนายหนึ่งก้มลงผูกเชือกรองเท้าให้เด็กน้อยถูกโพสต์บนอินเทอร์เน็ต ทำให้ชาวเน็ตต่างพากันรู้สึกอบอุ่นหัวใจกันถ้วนหน้า ในภาพจะเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งที่สวมชุดเครื่องแบบเต็มยศ นั่งคุกเข่าก้มตัวโดยมือทั้งสองข้างก็กำลังผูกเชือกรองเท้าให้กับเด็กหนุ่มตัวน้อย แล้วเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไรกันแน่ ทั้งสองคนในภาพมีความสัมพันธ์กันหรือไม่? อย่างไร? เราคงต้องไปฟังเหตุการณ์เต็มๆ กันจากเฟซบุ๊กเพจ Tukwila Police Department แล้วล่ะ… ภาพนายตำรวจผูกเชือกรองเท้าให้เด็กน้อย โพสต์เล่าเหตุการณ์จากทางเฟซบุ๊ก Tukwila Police Department เนื้อหาในโพสต์มีใจความว่า: “จ่าสุภาพ และเจ้าหน้าที่ขี้อาย (ขอไม่เปิดเผยชื่อจริงนะ เพราะพวกเขาขี้อายมาก) ได้เดินตรวจตราอยู่ที่บริเวณ Cascade View Park เมื่อวานตอนบ่ายๆ (วันที่ 13 กรกฎาคม) แล้วพวกเขาก็พบกับเด็กน้อยคนนี้วิ่งสวนเข้ามาโดยสวมเพียงถุงเท้าที่ฉีกขาดและสกปรก แถมเท้าของเขายังมีเลือดออกเนื่องจากมีรอยแผลเหมือนถูกบาดบริเวณเท้าของเขา จ่าสุภาพจึงทำความสะอาดและแปะแผลให้ด้วยอุปกรณ์ทำแผลที่ติดตัวมา เมื่อถามเจ้าหนูว่ารองเท้าหายไปไหน เจ้าหนูจึงตอบว่าเขาไม่มีรองเท้าเลยสักคู่ เพราะรองเท้าที่เขามีนั้นมันเล็กเกินไปกว่าที่เขาจะสวมใส่ได้ จากนั้นจ่าสุภาพจึงรีบวิ่งไปหาซื้อรองเท้าคู่ใหม่ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ขี้อายชวนเจ้าหนูคุยเพื่อรอให้เขากลับมา เมื่อจ่าสุภาพกลับมาเขาไม่ได้มาพร้อมกับรองเท้าคู่ใหม่เท่านั้น เขายังพกไอศกรีมมาอีกด้วย! เขาช่วยเจ้าหนูผูกเชือกรองเท้าคู่ใหม่ และแล้วพวกเขาทั้ง 3 คนก็ถือไอศกรีมคนละแท่งแล้วกินไปพร้อมกันอย่างเอร็ดอร่อยก่อนจะจากกันไปด้วยรอยยิ้ม” หลังจากภาพและเรื่องราวถูกเผยแพร่ลงบนโลกออนไลน์ ชาวเน็ตก็เข้ามาแสดงความปลื้มปริ่มกันเพียบ! “ขอบคุณนะที่ทำดีกับเจ้าหนู”…
-
หญิงมะกัน “กัดจมูก” เหยื่อจนแหว่งแล้ว ‘กลืนลงคอ’ หลังขอเบียร์และบุหรี่ไม่สำเร็จ
อะไรที่ไม่ได้ดั่งใจอย่างที่เราหวังเอาไว้นั้นมักทำให้เรารู้สึกขัดใจและอารมณ์เสียอยู่เสมอ แต่อย่างไรก็ตาม หากต้องการสิ่งใดจากผู้อื่น การขอร้องด้วยความสุภาพน่าจะเหมาะสมกว่าการทำร้ายร่างกาย กรณีในวันนี้ หญิงวัย 41 ปีคนหนึ่งไม่พอใจที่เธอขอเบียร์กับบุหรี่แล้วถูกปฏิเสธ เธอจึงเข้าไป “กัดจมูก” ของหญิงอีกคนหนึ่งแล้วกลืนลงคอไป เพราะหญิงคนนั้นไม่ยอมซื้อเบียร์กับบุหรี่ให้เธอ!! Jessica Collins หญิงวัย 41 ปีจากเท็กซัส ถูกเจ้าหนี้จับกุมหลังจากทำร้ายร่างกายคนแปลกหน้าด้วยการกัดจมูกออกไปเป็นรอยกว้างด้วยความเมาในวันพุธที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา เหยื่อผู้เสียหายวัย 28 ปีไม่เปิดเผยนาม ในวันเกิดเหตุตัวผู้เสียหาย (1) เพื่อนบ้านของเธอ (2) และ Jessica Collins ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านอีกคน (3) ได้ออกไปดื่มที่บาร์แห่งหนึ่ง เมื่อทั้งสามคนกลับจากบาร์มายังบ้านของผู้เสียหายก็เกิดการทำร้ายร่างกายขึ้น Jessica Collins เข้าไปกัดผู้เสียหายหลังจากที่ผู้เสียหายไม่ยอมซื้อเบียร์และบุหรี่มาให้เธอ เพื่อนบ้านของเหยื่อผู้เสียหายจึงเข้าไปโพสต์ในเว็บไซต์ GoFundMe ว่า “เพื่อนของฉันถูกคนโรคจิตทำร้ายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฉันบอกให้นางกลับบ้านตัวเองไป แต่แทนที่นางจะกลับนางดันพุ่งเข้าหาเพื่อนฉัน กัดเข้าที่จมูกแล้วยังกลืนลงคออีกด้วย” เมื่อผู้เสียหายเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล แพทย์แจ้งให้ทราบว่าเธอจำเป็นต้องรับการศัลยกรรมพลาสติกเพื่อทดแทนเนื้อเยื่อที่สูญเสียไป โดยกำหนดเข้ารับการผ่าตัดในอีก 2 สัปดาห์ถัดไปเพื่อหลีกเลี่ยงอาการแทรกซ้อน แต่การจะเข้ารับการศัลยกรรมจำเป็นต้องมีค่ามัดจำล่วงหน้า ซึ่งทางเพื่อนของผู้เสียหายจึงได้เปิดรับบริจาคสมทบทุนในเว็บไซต์ GoFundMe ปัจจุบันทุนที่ระดมมาได้มียอดอยู่ที่ราวๆ 23,000 บาท ซึ่งค่ารักษาทั้งหมดอยู่ที่เกือบๆ…
-
หนูน้อยลืม “ตุ๊กตาหมา” สุดรักเอาไว้ที่สนามบิน เจ้าหน้าที่เลย ‘แต่งเรื่อง’ น่ารักๆ ให้เสียเลย
เรื่องราวสุดน่ารักในวันนี้เกิดขึ้นในสนามบิน Norfolk รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา สถานที่ซึ่งหนูน้อย August ได้หลงลืม Cookie Dough ตุ๊กตาหมาเพื่อนรักของเธอเอาไว้ก่อนจะออกจากสนามบินไป เมื่อขับรถออกจากสนามบิน Kelly ผู้เป็นแม่คิดว่าลูกสาวของตนต้องร้องไห้ฟูมฟายอย่างแน่นอนที่ลืมตุ๊กตาสุดที่รักไว้ที่สนามบิน เธอจึงโทรฯ หาทางเจ้าหน้าที่สนามบินขอให้ช่วยหาเจ้า Cookie Dough ให้หน่อย หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องราวสุดน่ารักขึ้น ด้วยฝีมือของเจ้าหน้าที่ของสนามบิน Norfolk เดี๋ยวเรามาฟังเรื่องราวนี้พร้อมๆ กันเลยดีกว่า… นี่คือเจ้าหนู August วัย 8 ขวบพร้อมครอบครัว ขณะนั่งในรถเพื่อกลับบ้าน เธอรู้ตัวแล้วว่าเธอลืมเจ้า Cookie Dough เพื่อนคนสำคัญเอาไว้ โชคดีที่เจ้าหน้าที่หาเจอ และภารกิจส่งมอบ Cookie Dough คืนเจ้าของก็เกิดขึ้น “ทุกคน…ลูกสาวฉันลืมเจ้า Cookie Dough เพื่อนรักเอาไว้ที่สนามบินเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฉันจึงโทรฯ หาทางสนามบิน จากนั้นพวกเขาโทรฯ กลับมาบอกฉันว่าพวกเขาหาเจอแล้ว ฉันจึงพาเธอไปรับคืนในวันนี้ แต่พวกเขากลับให้มากกว่าตุ๊กตาคืน พวกเขาให้หนังสือเล่มหนึ่งมาด้วย ทำเอาพวกเราซาบซึ้งจนเกือบร้องไห้เชียวล่ะ พวกคุณเจ๋งจริงๆ Norfolk Airport” Kelly แม่ของ…
-
หนูน้อย 12 ขวบถูก “แจ้งจับ” เพราะรับจ้างตัดหญ้า แต่ดันตัดไปโดนสนามหญ้าบ้านข้างๆ?
เมื่อเด็กๆ หันมาสนใจในการทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ แน่นอนว่าเด็กๆ เหล่านั้นควรได้รับคำชื่นชมและคำแนะนำที่จำเป็นให้เด็กๆ มีพฤติกรรมที่ดีอยู่เสมอ แต่เหตุการณ์นี้ หนูน้อยอายุ 12 ปี กลับต้องถูกผู้ใหญ่โทรแจ้งตำรวจเพราะเกิดข้อผิดพลาดขณะที่ทำธุรกิจรับจ้างตัดหญ้าหน้าบ้าน เจ้าหนูน้อย Reginald Fields วัย 12 ปี ได้เปิดธุรกิจรับจ้างตัดหญ้าที่ชื่อว่า Mr. Reggie Lawn และขณะที่กำลังตัดหญ้าให้กับบ้านของ Lucille Holt ที่อยู่ในรัฐโอไฮโออยู่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้านของ Lucille ว่าเจ้าหนู Reggie ได้ตัดหญ้าไปถูกบางส่วนของสนามหญ้าหน้าบ้านของเขา แต่โชคดีที่ไม่มีการดำเนินคดีใดๆ กับเจ้าหนู เมื่อพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง Lucille จึงได้บันทึกเป็นภาพวิดีโอเอาไว้และโพสต์มันลงไปบนเฟซบุ๊ก ซึ่งภายหลังมีผู้เข้าชมจำนวนมากเลยทีเดียว เมื่อเรื่องราวถึงหูของชาวเน็ต นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้กิจการของเจ้าหนู Reggie เป็นที่สนใจและโด่งดังไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ต ในคลิปวิดีโอจะได้ยินเสียงคุณ Lucille พูดว่า “ฉันคิดว่าฉันแบ่งเส้นเอาไว้ชัดเจนนะ ว่าส่วนไหนที่เป็นสนามหญ้าของบ้านฉัน บ้านนั้นโทรแจ้งตำรวจเพียงเพราะว่า เจ้าหนูดันตัดหญ้าไปถูกสนามหญ้าบ้านของเขา” “ใครกันที่ทำแบบนี้?” เธอถาม “ฉันโมโหมากในตอนนี้…
-
เห่นโหลว…นั่นภาพวาดเหรอน่ะ!! ศิลปินเกาหลีวาดภาพออกมา “เหมือนจริง” ราวภาพถ่าย
นับวันศิลปินและจิตรกรก็เก่งกันมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่น Young-Sung Kim ศิลปินชาวเกาหลีคนนี้ ที่ได้ใช้ความสามารถและความทุ่มเทวาดภาพที่ “เหมือนจริง” สุดๆ ออกมาให้ได้ชมกัน Young-Sung Kim ศิลปินชาวเกาหลีที่ปัจจุบันใช้ชีวิตอยู่ที่นครนิวยอร์ก ขณะนี้ Kim กำลังทำโปรเจ็กต์ภาพที่ชื่อว่า Nothing. Life. Object อยู่ ซึ่งเริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2006 แล้ว แต่ละภาพจะเป็นภาพสิ่งมีชีวิตกับสิ่งของต่างๆ และที่สำคัญ มันเหมือนภาพถ่ายมากๆ เอาล่ะ พูดขนาดนี้ เชื่อว่าหลายท่านคงอยากชมผลงานของคุณ Kim กันแล้วใช่ไหมล่ะ ถ้างั้นเราไปชมผลงานสุดยอดแห่งความงดงามเสมือนจริงของ Young-Sung Kim กันเลยดีก่วา #1 #2 #3 #4 #5 #6 #7 #8 #9 #10 #11 …
-
โคตรเจ๋ง!! โชว์รูมโตโยต้า เอารถที่ถูกชน “พังยับ” มาจอดโชว์ กลยุทธ์โฆษณาสุดเหนือชั้น
ปกติแล้วเวลาที่เราเข้าชมโชว์รูมรถยนต์ เราจะเห็นว่ามีรถยนต์รุ่นต่างๆ ถูกจัดแสดงอย่างงดงาม โดยรถแต่ละคันนั้นก็จะต้องมาในลักษณะที่สมบูรณ์ไร้รอยขีดข่วน แต่ไม่ใช่สำหรับโชว์รูม Toyota of Surprise โชว์รูมโตโยต้าในรัฐแอริโซนาที่ได้นำรถรุ่น 2018 Camry LE. ที่สภาพ พังยับเยิน ทั้งด้านหน้าและด้านท้ายรถมาตั้งโชว์ในโชว์รูม เรื่องราวมีอยู่ว่าในเช้าวันเดียวกันนั้นเอง นาย Ramon Suarez หนึ่งในพนักงานของโชว์รูมกำลังขับรถคันนี้ไปรับลูกค้าที่สนามบิน แต่กลับเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน นาย Ramon ถูกรถบรรทุกชนเข้าอย่างจังจากด้านหลัง และแรงกระแทกนั้นทำให้เขาพุ่งไปชนท้ายรถอีกคันที่อยู่ด้านหน้า เรียกได้ว่าเป็นการชนประกบหน้าหลังแบบแซนด์วิชกันเลยทีเดียว แต่นาย Ramon กลับเดินออกมาจากรถได้อย่างปลอดภัยและไร้บาดแผล ทั้งที่ก็ไม่ได้คล้องพระหรือว่าเจิมรถมาแล้วแต่อย่างใด ซึ่งนี่เป็นเพราะระบบความปลอดภัยเวอร์ชันใหม่ที่โตโยต้าใส่ลงไปกับรถรุ่นนี้นั่นเอง ที่ทำให้บริเวณห้องโดยสารรวมทั้งประตูทั้ง 4 ด้านยังสามารถใช้ได้ปกติ แม้จะถูกชนอัดทั้งหน้าและหลัง ทางโชว์รูม Toyota of Surprise แห่งแอริโซนาก็เลยขอยืมรถของนาย Ramon ที่ถูกชนยับ มาวางโชว์เพื่อเป็นกลยุทธ์โฆษณาระบบนิรภัยของรถรุ่นนี้เลยก็แล้วกัน ป้ายเขียนว่า “อย่าสัมผัสกระจก” . เรียกได้ว่าเป็นการโฆษณาที่มีความเรียลสุดๆ ไปเลย ใครเข้าโชว์รูมมาเห็นรถพังยับแบบนี้เป็นต้องสนใจแน่นอนเลยล่ะ ที่มา: Toyota of Surprise
-
United Airline ต้องชดเชยให้ผู้โดยสาร จากเหตุแอร์ฯ เมาแล้วสบถ ‘รัดไม่แน่น -ึง-ิบหายแน่’
คำพูดคำจาของพนักงานบริการถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังมากที่สุด เนื่องจากลูกค้าคงไม่อยากได้ยินคำที่ทำให้รู้สึกไม่ดี นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่าบริการทุกระดับประทับใจ (รึเปล่า?) และเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2018 ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา เที่ยวบินสายการบินลูกของบริษัท United Airline มุ่งหน้าสู่รัฐนอร์ทดาโคตา กลับต้องเจอกับเหตุการณ์ชวนปวดหัว เมื่อพบกับแอร์ฯ สาว ในสภาพเมามายไม่ได้สติระหว่างเที่ยวบิน Erika Gorman หนึ่งในผู้โดยสายเปิดเผยว่า แอร์สาวไม่ทราบชื่อใช้คำพูดและวาจาหยาบคายในระหว่างให้คำแนะนำด้านความปลอดภัย ด้วยการบอกว่า “ถ้าคุณรัดเข็มขัดไม่แน่น ชีวิต-ิบหายแน่นอน” แถมยังเดินเข้ามาใกล้หน้าผู้โดยสารรายหนึ่งแทบจะแนบชิดหน้ากันเลยทีเดียว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวก็ถูกบันทึกเอาไว้ได้ทั้งหมด นาย Gorman ได้ทวีตข้อความเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนเที่ยวบินดังกล่าว ถึงกับขั้นที่ต้องเข้าไปบอกกัปตันในห้องเครื่องว่ามีแอร์ฯ ที่คุมสติตัวเองไม่ได้ อยู่บนเที่ยวบินนี้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับรถพยาบาลก็มาดักรอถึงที่ ทันทีที่เครื่องลงจอด ทางด้าน United Airlines ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ทำการออกแถลงการขอโทษต่อลูกค้าที่ซื้อตั๋วของสายการบิน Trans States Airlines เที่ยวบินที่ 4689 จากเมือง Denver สู่เมือง Williston และจะทำการชดใช้โดยการคืนเงินค่าตั๋วให้กับผู้โดยสารทุกคนโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ…
-
เตือนภัยผู้หญิงที่ “อยู่คนเดียว” ฝรั่งตามรังควาญชีวิตสาวไทยจนน่ากลัว เหตุเพราะเธอไม่เล่นด้วย
วันนี้มีเรื่องราวมาเตือนภัยสาวน้อยสาวใหญ่ที่อาศัยอยู่คนเดียว โดยเฉพาะในต่างประเทศ… ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวไทย นบ ได้ออกมาเล่าเรื่องราวของเพื่อนสาวตน ให้ชาวเน็ตได้ตระหนักถึงภัยอันตรายของการเป็นผู้หญิงที่อาศัยอยู่คนเดียวในต่างแดน เธอเล่าว่า เพื่อนสาวของตนที่ปัจจุบันไปศึกษาต่อที่ซานฟรานซิสโกนั้น ถูกหนุ่มต่างชาติตามจีบ แต่ทว่าเพื่อนสาวของเธอ ไม่ได้ชอบและไม่เล่นด้วย ชายคนดังกล่าวจึงนำสิ่งสกปรกทั้งหลายเช่น สีน้ำมันและเศษขยะต่างๆ มาปาใส่ประตูหน้าห้องเพื่อกลั่นแกล้ง เพื่อนสาวของเธอต้องทนเจอสิ่งเหล่านี้ถึงหกเดือน แต่ล่าสุดก็จับตัวชายผู้กระทำผิดได้ เพราะชายคนดังกล่าวได้บุกเข้าไปทำร้ายหญิงสาวขณะทำงานพาร์ทไทม์อยู่ที่ร้านอาหาร สภาพหน้าประตูห้องของสาวที่ถูกหนุ่มแอบนำสิ่งสกปรกมาสาด สีน้ำมัน และเศษขยะ . . ล่าสุดผู้ใช้ทวิตเตอร์ นบ ก็ได้ออกมาบอกว่าขณะนี้ชายหนุ่มผู้ก่อเหตุถูกจับกุมแล้ว ส่วนสำหรับคนที่สงสัยว่าฝ่ายหญิงไปทำอะไรเขาไว้ก่อนหรือไม่นั้น ทาง นบ ผู้เป็นเพื่อนของฝ่ายหญิงก็ออกมาตอบเรียบร้อยแล้ว เธอบอกว่า ไม่อยากให้ถามแบบนี้ ทางเพื่อนของตนไม่เคยยุ่งหรือแม้แต่คุยกับชายคนดังกล่าวเลย ฉะนั้นจึงไม่เคยคบกัน สำหรับกรณีนี้เธอกล่าวว่า ฝ่ายชายน่ามีอาการทางจิตแน่นอน ก่อนหน้านี้ วีรกรรมของชายที่ตามตื๊อจีบสาวไทยคนดังกล่าวนั้นมีอีกมาก ขณะที่ทางฝ่ายหญิงได้ทำการตั้งกล้องเพื่อจะถ่ายผู้ที่นำสิ่งสกปรกมาสาดหน้าห้อง ปรากฏว่าไม่มีใครโผล่มาเลย แต่พอเอากล้องออก กลับมีคนมาสาดอีก นอกจากนี้ ชายคนดังกล่าวยังเคยโทรฯ ไปสั่งอาหารในร้านที่ฝ่ายหญิงทำงานเป็นร้อยสาย แต่ไม่มารับ แถมบางครั้งมีการสั่งให้ส่งถึงบ้าน แต่ระบุที่อยู่เป็นเลขที่ห้องของฝ่ายหญิงทั้งๆ ที่ฝ่ายหญิงไม่ได้สั่ง ส่วนเหตุการณ์ที่ทำให้ชายหนุ่มถูกจับก็คือ เขามายังร้านอาหารที่ฝ่ายหญิงทำงานอยู่โดยบังเอิญ พอเจอหน้ากัน ฝ่ายชายกลับเขามาด่าทอด้วยคำหยาบคาย มีการทำร้ายร่างกาย ตบหัว…
-
สาวล่ำ กล้ามเป็นมัด “ชกหน้า” ชายหื่นจนมือแดง เหตุ “แต๊ะอั๋ง” ก้น ชาวเน็ตพากันชื่นชมเพียบ
ผู้หญิงไม่ได้อ่อนแอกันทุกคนนะ ขอเตือนท่านชายว่าจะซ่ากับใครต้องดูให้ดีๆ นะจ๊ะ Leanna Carr หญิงสาววัย 26 ปีจากรัฐโคโรลาโด สหรัฐอเมริกา ได้เล่าว่าขณะที่เธอเดินไปตามถนนในกรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ชายหื่นคนหนึ่งก็เข้ามาล่วงละเมิดทางเพศ “จับก้น” ของเธอจากด้านหลัง Leanna Carr นักยกน้ำหนัก วัย 26 ปี เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนักยกน้ำหนักสาว Leanna ได้กลายเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ต หลังจากที่เธอได้โพสต์บนทวิตเตอร์ของเธอว่า “ขณะที่ฉันเดินไปตามถนนในดับลิน ก็มีชายคนหนึ่งมาจับก้นฉันจากด้านหลัง จากนั้นเขาก็หัวเราะเยาะฉัน แล้วพูดว่า ‘เธอเป็นชาวอเมริกันนี่ เธอน่าจะชอบอะไรแบบนี้นะ’ ตอนนั้นฉันไปเที่ยวคนเดียวเสียด้วย ฉันเลยตอบชายคนนั้นไปด้วยการชกเข้าที่ใบหน้าของเขาอย่างจังเลยล่ะ” Leanna โพสต์พร้อมแนบรูปกำปั้นของเธอที่แดงก่ำจากการมันใช้สั่งสอนชายหื่นขี้เหยียดคนนั้นให้รู้สำนึก ขนาดกำปั้นยังแดงขนาดนี้ ไม่รู้ว่าใบหน้าของชายคนนั้นจะอยู่ในสภาพไหนกันแน่ ภายหลังเธอบอกกับสำนักข่าว The Independent ว่าในเวลานั้น เธอรู้สึกทั้งตกใจทั้งโมโหจนสุดท้ายเธอปล่อยหมัดชกหน้าชายคนนั้นเสียเลย Leanna Carr กล่าวว่า “ฉันไม่เคยเป็นคนใช้ความรุนแรงมาก่อน และฉันก็ไม่เคยชกใครมาก่อนเลยด้วย แต่ตอนนั้นมันทนไม่ไหวจริงๆ อะดรีนาลีนพลุ่งพล่านมาก ฉันเลยชกชายคนนั้นเข้าที่โหนกแก้มอย่างจัง” ทั้งนี้…
-
หญิงถูกจับมีผงขาวไว้ในครอบครอง ปฏิเสธทันควันอ้าง ‘สายลม’ พัดเข้ามาในกระเป๋า!?
ทุกวันนี้ปัญหายาเสพติดก็ยังคงเกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา ต่างก็ระดมกำลังเพื่อกำจัดกันอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าเมื่อมีการกวนขันของเจ้าหน้าที่ เหล่าผู้ค้า ผู้เสพทั้งหลายก็โดนจับกันเป็นจำนวนมาก ทว่าหญิงรายหนึ่งกลับดื้อดึงปฏิเสธข้อหามียาเสพติดไว้ครอบครอง อ้างว่าไม่ได้ซื้อไม่ได้ขาย ไม่ได้ตั้งใจเอามาเก็บไว้ในกระเป๋า แต่เป็น ‘สายลม’ ต่างหากที่พัดพามันเข้ามาในกระเป๋า!? คดีเด็ดนี้เกิดขึ้นกับนาง Kennecia Posey วัย 26 ปี หนึ่งในผู้โดยสารบนรถยนต์ที่กำลังแล่นอยู่บนถนนในรัฐฟลอริดา และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ Fort Pierce เรียกตรวจค้นในวันที่ 21 มีนาคม 2018 Kennecia Posey ตามรายงานของตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าใกล้รถของผู้ต้องสงสัย และได้กลิ่นคล้ายกับกัญชามาจากข้างในตัวรถ และในระหว่างที่ทำการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ก็พบผงขาวกับกัญชาถูกแยกเป็นสองถุง ใส่ไว้ในกระเป๋าของนาง Posey ที่วางไว้บนตักของตัวเอง เมื่อถูกสอบสวนเกี่ยวกับยาเสพติดดังกล่าวแล้ว Posey ยอมรับว่ากัญชาเป็นของเธอเอง แต่ผงขาวเนี่ยไม่ใช่ของเธอ “ฉันไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับโคเคนพวกนี้ วันนี้ลมแรงมาก มันจะต้องบินว่อนผ่านกระจกรถเข้ามาในกระเป๋าของฉันแน่ๆ” วันนั้นลมมันแรงจริงๆ นะ!! (ภาพประกอบเนื้อหา ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อข่าว) เธอถูกตัดสินจำคุกในความผิดทางอาญา…
-
ครูโพสต์บ่น ‘ลูกคุณไม่ได้น่ารัก สปอยล์ลูกซะเละ’ แถมแฉโรงเรียน ไม่มีใยดีใดๆ กับครูเลย…
ปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา จะมีการวางระบบทางสังคมพื้นฐานมาเป็นอย่างดี แต่ทว่าความสมบูรณ์แบบนั้นไม่มีอยู่จริง เพราะเมื่อกาลเวลาผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็ย่อมเสื่อมตามเช่นกัน… อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ แต่สำหรับปัญหาของระบบการศึกษานั้นเริ่มสั่นคลอนมากขึ้นทุกวัน เมื่อคุณครูท่านหนึ่งจากรัฐเท็กซัส ได้ทำการโพสต์เพื่อระบายความในใจ เกี่ยวกับเหตุการณ์อันน่าหดหู่ที่กำลังเกิดขึ้นในโรงเรียนของเธอ Julie Marburger Julie Marburger คุณครูสอนระดับชั้นเกรด 6 (ป.6) ของโรงเรียน Cedar Creek Intermediate School ได้หมดความอดทนในวิชาชีพของตัวเอง หลังจากที่ทำงานในฝันงานนี้มานับสิบปี… “มันคือความฝันของฉัน ตั้งแต่จำความได้ว่าอยากจะมีห้องเรียนเป็นของตัวเอง และตอนในใจของฉันแหลกสลายหลังจากที่ไม่ได้รับแยแสใดๆ ใน 2 ปีที่ผ่านมา” พ่อแม่ไม่ให้ความเคารพคุณครู และเด็กๆ ก็แย่ยิ่งกว่า ผู้บริหารโรงเรียนก็เอาใจผู้ปกครอง นั่นจึงทำให้เธอไม่อาจปฏิบัติตามวิชาชีพที่ถูกจ้างมาเพื่อ ‘สอนเด็ก’ ได้ เธอลาออกจากการสอน และได้แสดงให้เห็นว่าทำไมเธอถึงหมดกำลังใจที่จะเป็นครู เนื่องจากความบกพร่องของผู้ปกครอง ผู้บริหารโรงเรียน และการสนับสนุนของภาครัฐ… โพสต์ดังกล่าวของเธอถูกแชร์ไปกว่า 400,000 ครั้งในโลกออนไลน์ พร้อมกับได้รับความเห็นใจจากเพื่อนร่วมวิชาชีพครูที่กำลังประสบปัญหาเดียวกัน Julie เชื่อว่าครูท่านอื่นเริ่มลาออกตามๆ กัน เพราะวิกฤตในระบบการศึกษาที่กำลังเสื่อมลง…
-
เหตุกราดยิงในสหรัฐฯ ยังไม่จบ ล่าสุดมีคนบุก สนง.ยูทูบ จนมีผู้เคราะห์ร้าย 3 รายด้วยกัน
ตั้งแต่เข้าสู่ปี 2018 มาเป็นเวลา 4 เดือน เหตุกราดยิงในสหรัฐฯ ก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างไม่มีท่าทีจะหยุดเลย ไม่ว่าจะเป็นจากนักเรียนหรือจากผู้ใหญ่ก็ตาม ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2018 ได้มีเหตุกราดยิงกันที่สำนักงานยูทูบในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเจ้าหน้าที่รายงานว่าเมื่อตอนที่พวกเขาไปถึงก็พบกับกลุ่มคนมากมายวิ่งออกมาจากตึกแล้ว . เมื่อเข้าไปก็พบว่ามีเหยื่อได้รับบาดเจ็บอยู่ใกล้กับศพของหญิงที่คาดว่าเป็นผู้ก่อเหตุนอนเสียชีวิตอยู่ ตำรวจคาดเดาว่าเธอได้จัดการจบชีวิตตัวเองหลังจากก่อเหตุ ซึ่งจากจุดนั้นไม่ไกลมากนักเจ้าหน้าได้ก็ได้พบกับผู้บาดเจ็บอีก 3 คนด้วยกัน เจ้าหน้าไม่ได้เปิดเผยชื่อของเหยื่อทั้งสามรวมถึงผู้ก่อเหตุ บอกเพียงแต่ว่าเป็นชายวัย 36 ปี หนึ่งคนและอีกสองคนเป็นอีกหญิงวัย 27 และ 32 ปี ส่วนคนร้ายนั้นคาดว่าเป็นหญิงวัยระหว่าง 35 ถึง 40 ปี . ผู้บาดเจ็บนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการส่งไปรักษาที่โรงยาบาลซัคเคอร์เบิร์ก ฟรานซิสโกเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแม้ว่าผู้บาดเจ็บอีกสองคนจะไม่เป็นอะไรมากนัก แต่หญิงวัย 32 ปีนั้นมีอาการที่สาหัสมาก ด้านพนักงานของบริษัทดังกล่าวก็ได้ทวีตข้อความถึงเหตุการณ์ที่พวกเขาพบเจอว่า พวกเรากำลังนั่งประชุมกันอยู่ ทันใดนั้นพวกเราได้ยินเสียงคนวิ่งกันเสียงดังมากๆ ตอนแรกผมคิดว่าอาจจะเป็นเพราะแผ่นดินไหว มีคนเข้ามากราดยิงในสำนักงานยูทูบ ผมได้ยินเสียงปืนและเห็นคนวิ่งกันระหว่างที่ผมกำลังนั่งอยู่ตรงโต๊ะ ทันใดนั้นผมก็ตัดสินใจสร้างรั้วกั้นในห้องกับเพื่อนร่วมงานทันที…
-
เก็บมาเก็บกลับไม่โกง จีนเอาคืนสหรัฐฯ ด้วยการเก็บภาษีนำเข้า มูลค่ากว่า 9 หมื่นล้านบาท!!
ถ้าใครที่ได้ตามข่าวต่างประเทศเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เราคงจะได้เห็นว่าจีนและสหรัฐอเมริกานั้นได้มีปากเสียงกันพอสมควร ซึ่งมันเริ่มจากการที่ ‘โดนัลด์ ทรัมป์‘ ได้เก็บภาษีนำเข้าจากจีน และพยายามจะเริ่มสงครามการค้า มาวันนี้จีนก็ไม่น้อยหน้าจัดการเอาคืนสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน โดยเริ่มแผนการเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ด้วยอัตรา 25% ซึ่งตีเป็นมูลค่าได้สูงถึง 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 9 หมื่นล้านบาท สินค้าจากสหรัฐอเมริกาที่ถูกจีนเรียกเก็บภาษีนั้นก็จะประกอบไปด้วยสินค้ากว่า 128 รายการโดยมีเนื้อหมูและไวน์เป็นหลัก ซึ่งแม้ว่าจะมีการเอาคืนแบบนี้ ทางจีนก็บอกว่าพวกเขาไม่ได้ต้องการจะทำสงครามการค้ากับสหรัฐฯ แต่อย่างใด ทว่าจีนก็ไม่สามารถนิ่งเฉยกับเมื่อเศรษฐกิจของชาติได้รับความเสียหายเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ดังกล่าวนั้นสร้างความตึงเครียดให้กับกลุ่มนักลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะทั้งสองล้วนเป็นประเทศมหาอำนาจในเรื่องการค้า แต่ถึงอย่างนั้นด้านนักวิเคราะห์กลับเอนเอียงไปทางจีนเสียมากกว่า พวกเขาได้ให้ความเห็นว่า ถ้าเกิดอยู่ดีๆ จีนหันไปเก็บภาษีนำเข้าจากบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาเช่นบริษัท Apple งานนี้อาจจะส่งกระทบที่ใหญ่กว่าเดิมก็เป็นได้ เพราะเมื่อเกิดการเก็บภาษีสินค้าเทคโนโลยีแล้ว ทางบริษัทก็จำเป็นจะต้องขึ้นราคาสินค้าตาม เมื่อถึงเวลานั้นวิกฤตใหญ่ก็จะเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน แต่เราก็ต้องไม่ลืมเช่นกันว่าตัวโดนัลด์ ทรัมป์นั้นก็เป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่เก่งพอสมควร ฉะนั้นเราก็คงดูกันต่อไปว่าสงครามการค้านี้จะไปจบลงที่ตรงไหนและมันจะส่งผลอย่างไรกับโลกบ้าง… ที่มา bbc, cnbc
-
‘คิม’ เปลี่ยนไป หลังจีนยืนยันว่าเดินทางมาพูดคุยจริง และจะพบ ‘ทรัมป์’ เป็นรายต่อไป!!
จะเรียกว่าท่านผู้นำเปลี่ยนไปก็ว่าได้ หลังจากที่ ‘คิม จอง อึน‘ ผู้นำเกาหลีเหนือที่นานาชาติต่างพากันมองว่าเขาคือชายผู้กุมอำนาจที่มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในมือและไม่ยอมก้มหัวให้ใคร เริ่มออกเดินสายเจอกับผู้นำชาติต่างๆ เป็นครั้งแรก! แน่นอนว่ามันเป็นครั้งแรกจริงๆ เพราะนับตั้งแต่ที่เขาเข้าดำรงตำแหน่งในปี 2011 นั้น การเดินทางมาเยือนจีนเพื่อพบกับ ‘สี จิ้นผิง‘ ที่กรุงปักกิ่งจึงถือเป็นการเดินทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรกของเขา อย่างไรก็ตาม จีนและเกาหลีเหนือนั้นถือเป็นชาติพันธมิตรที่ทำการค้าขายกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งการมาเยือนของเขาในครั้งนี้นั้น สื่อได้รายงานว่าเป็นการเดินทางมาพูดคุยเพื่อแสดงยินดีกับทางจีนที่ร่วมกันสร้างความสัมพันธ์อันดีเรื่อยมา ยังไม่หมดเท่านั้น สื่อยังรายงานอีกว่าระหว่างการพูดคุยนั้น ผู้นำเกาหลียังได้ยืนยันกับผู้นำจีนว่า เกาหลีเหนือจะล้มเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์จริงๆ แต่ว่ามันก็ยังคงมีเงื่อนไขอยู่ คิมจองอึนนั้นบอกว่า “โครงการอาวุธนิวเคลียร์และปัญหาความไม่สงบในน่านน้ำเกาหลีจะจบลงได้ ก็ต่อเมื่อทางเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกามีท่าทีที่ดีต่อเกาหลีเหนือเพื่อช่วยกันส่งเสริมสันติภาพที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเกาหลีเหนือก็หวังว่าการเจรจานี้จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการสร้างสันติภาพและความมั่นคงไปพร้อมๆ กับความก้าวหน้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” การพูดคุยนั้นเป็นไปด้วยดี และทางผู้นำเกาหลีเหนือคิมจองอึน ก็ได้บอกกับทางจีนว่าเขายังคงวางแผนจะพบกับผู้นำเกาหลีใต้ ‘มุน แจ อิน‘ ในช่วงเมษายนนี้ ส่วนด้านสหรัฐอเมริกานั้น ผู้นำเกาหลีเหนือก็บอกว่าเขาวางแผนจะพบกับประธานาธิบดี ‘โดนัลด์ ทรัมป์‘ ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนั่นเอง จากเรื่องราวทั้งหมด เราจะเห็นว่าเกาหลีเหนือนั้นมีท่าทีที่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ซึ่งเราก็คงต้องรอดูกันแล้วว่าในอนาคตชาติมหาอำนาจทั้งหมดที่หันมาพูดคุยกันจะเป็นอย่างไร โลกจะหมุนไปทางไหนนั้น ช่างเป็นเรื่องที่น่าติดตามจริงๆ ที่มา bbc,…
-
เด็กชายวัย 9 ปี คว้าปืนยิงพี่สาววัย 13 ปี เสียชีวิต เหตุเพราะไม่ยอมแบ่งเกมให้เล่น…
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2018 ที่ผ่านมา ขณะที่ Dijonae White สาวน้อยวัย 13 ปีกำลังเล่นเกมอยู่กับน้องชายวัย 9 ปีของเธอ เธอก็ต้องมาเสียชีวิตเนื่องจากถูกน้องชายของเธอยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ศีรษะอย่างจัง เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากว่าผู้เป็นพี่สาว ไม่ยอมส่งจอยเล่นเกมให้กับน้องชาย ผู้เป็นน้องจึงหยิบปืนมายิงที่เข้าที่ด้านหลังศีรษะ ขณะนั้นผู้เป็นแม่กำลังเตรียมอาหารกลางวันอยู่ในครัว น้องชายวัย 9 ปี ผู้ก่อเหตุ สาวน้อยวัย 13 ปีถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเด็ก Le Bonheur ในเมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา ซึ่งเธอถูกแยกตัวออกมาอยู่ในบริเวณที่กันไว้สำหรับการดูแลแบบพิเศษ แต่หลังจากนั้นเธอก็เสียชีวิตเนื่องจากบาดแผลกระสุนอันสาหัส ทั้งนี้ พบว่าอาวุธปืนที่น้องชายวัย 9 ขวบใช้ก่อเหตุ คือปืนพก ขนาดลำกล้อง .25 ที่ถูกเก็บไว้ในลิ้นชักข้างเตียงของผู้เป็นแม่ ภายหลังทราบว่าเจ้าของอาวุธปืนดังกล่าวเป็นของคู่รักของแม่ที่ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ด้วย ผู้เป็นแม่ให้การว่า ลูกชายไม่เคยมีปัญหาด้านระเบียบวินัยหรือพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงมาก่อน โดยเฉพาะกับพี่สาวของเขา Dijonae White และผู้เป็นแม่ Cecil Cantrell นายอำเภอหญิงแห่งเขตมอนโรในนิวยอร์ก กล่าวว่า “ฉันคิดว่าเขาเข้าใจเรื่องนี้นะ แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่เข้าใจ…
-
หญิงสาวถูกขโมยจักรยาน เลยเขียนข้อความถึงหัวขโมย และนั่นทำให้มองโลกเปลี่ยนไปเลย
จอดรถจักรยานทิ้งไว้แล้วโดนขโมยนี่มันช่างน่าโมโหยิ่งนัก หากเป็นคุณ คุณจะทำอย่างไรกับสถานการณ์แบบนี้? หญิงสาวคนหนึ่งนามว่า Amanda Needham ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความบน อินสตาแกรม ของเธอ เกี่ยวกับการที่เธอถูก “ขโมยรถจักรยาน” แต่หารู้ไม่ว่า สิ่งที่เธอทำนั้น นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจ Amanda อาศัยอยู่ใน Carroll Gardens ย่านบรู๊คลินของนครนิวยอร์ก เธอกล่าวว่าการที่รถจักรยานของเธอถูกขโมยไปนั้น มันเป็นความผิดของเธอส่วนหนึ่ง ที่เธอล็อกเอาไว้ไม่ดีเอง แต่ว่าเจ้าหัวขโมยนั้นก็ผิดเต็มๆ อยู่ดี จากนั้น ด้วยความโมโหที่จักรยานสำหรับขี่ไปทำงานหายไป เธอจึงทำป้ายขนาด 2.4 x 1 เมตรขึ้นมาแขวนที่หน้าบ้าน เพราะเธอเชื่อว่าหัวขโมยน่าจะเป็นคนในละแวกใกล้เคียง คงผ่านมาเห็นแน่นอน ข้อความในป้ายมีใจความว่า: “ถึงผู้ที่ขโมยจักรยานฉันไป ฉันไม่รู้ว่ามันจำเป็นสำหรับคุณขนาดไหน มันเป็นจักรยานมือสองราคา $200 (6,200 บาท) ที่ฉันต้องใช้ขี่ไปทำงานทุกวัน และฉันก็ไม่มีเงินพอจะซื้อคันใหม่ด้วย ฉะนั้น คราวหน้า ช่วยเปลี่ยนเป็นขโมยจักรยานเปอโยต์ฮิปสเตอร์ไปแทนได้ไหม หรือไม่ก็ไม่ต้องขโมยเลย!! ปล. เอามาคืนเถอะ” หลังจากที่เธอขึ้นป้ายดังกล่าวสองสามวัน ก็มีคนเริ่มมากดกริ่งหน้าบ้านเธอ โดยรายแรก เป็น…
-
มาดู IG ที่มีผู้ติดตามนับหมื่น ทั้งที่มีแต่ภาพ “มือ” ในท่าแปลกๆ ของผู้โดยสารรถไฟใต้ดิน
เคยไหมที่เวลาเข้าใช้บริการรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดิน เรามักจะเห็นกิริยาท่าทางแปลกๆ ของผู้ร่วมโดยสาร บางครั้งเมื่อเราเห็นกิริยาท่าทางแปลกๆ เหล่านั้นเราอาจจะแอบยิ้มหรือแอบหัวเราะอยู่คนเดียวแล้วก็ผ่านไป แต่บางคนทำยิ่งกว่านั้น เมื่อเขาพบกิริยาแปลกๆ ในรถไฟ โดยเฉพาะ “มือ” เขามีการเก็บภาพมาเพื่อเผยแพร่ลงอินสตาแกรม หลายคนคงเข้าใจดีว่าเวลาที่ขึ้นรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินนั้น หากไม่แกร่งพอที่จะต้านทานความโคลงเคลงด้วยขาทั้งสอง มันจำเป็นอย่างมากที่จะต้องจับเสาหรือราวเอาไว้ บนโลกอินเทอร์เน็ตปัจจุบันได้มีผู้ใช้อินสตาแกรมที่ชื่อว่า subwayhands ที่มีการรวบรวมภาพถ่ายมือของผู้โดยสาร รถไฟใต้ดินในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ที่จับราวเอาไว้ด้วยท่าที่ดูแล้วพิลึกชอบกล และขณะนี้ อินสตาแกรมดังกล่าวมีจำนวนผู้ติดตามกว่า 15,000 คนเลยทีเดียว อินสตาแกรมนี้เป็นผลงานของ ช่างภาพสาวชื่อว่า Hannah Ryan วัย 27 ปี ผลงานของเธอก็จะเป็นภาพซูมมือของผู้โดยสารรถไฟใต้ดิน ซึ่งแต่ละภาพก็จะไม่มีการบอกถึงรายละเอียดสถานที่ หรือบุคคลทั้งนั้น จะมีแต่ภาพมือ มือล้วนๆ #1 #2 #3 #4 #5 #6 #7 #8 #9 …
-
ปากกาแท่งเดียว เสียวทั้งงาน!! ศิลปินสุดเมพ เห็นอะไรก็วาดออกมาด้วยเพียงปากกาลูกลื่นเท่านั้น
การวาดภาพให้สวยงามอาจจะต้องพึ่งอุปกรณ์ที่เหมาะสมและเพรียบพร้อม ไม่ว่าจะเป็น กระดาษ ดินสอ และสี ที่ต้องมีมาตรฐาน แต่นอกจากของพวกนี้แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดแบบขาดไม่ได้เลยก็คือ “ฝีมือ” ในการวาดภาพนั่นเอง ศิลปินหนุ่มจากนิวยอร์ก Nicolas V. Sanchez จึงได้ออกมายืนยันให้เห็นบนผลงานของว่า ฝีมือนั้นอยู่เหนือเครื่องมือ โดยภาพวาดของเขานั้น เกิดจากการที่ไม่ว่าเขาจะไปเจออะไรมาก็ตาม เขาจะวาดมันลงบนสมุดโน้ตเล่มเล็กๆ ด้วย “ปากกาลูกลื่น” เท่านั้น ปากกาของเขา เป็นปากกาลูกลื่นที่ประกอบไปด้วยหมึกเพียง 4 สี ได้แก่ น้ำเงิน แดง เขียว และดำเท่านั้นเอง แต่ผลงานของเขาที่ออกมาสวยงามมากไม่ต่างอะไรจากการใช้อุปกรณ์ครบมือเลย เอาล่ะลองไปชมผลงานของเขากัน บอกได้เลยว่างานนี้ปากกาแท่งเดียวก็เอาอยู่!! #1 #2 #3 #4 #5 #6 #7 #8 #9 #10 #11…
-
หญิงผิวขาวเหยียดรุนแรง ด่ากราดลูกครึ่งเอเชียอเมริกัน ลั่นวาจาไล่ “กลับประเทศบ้านเกิด”
แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการรณรงค์ความคิดยุคใหม่ในเรื่องของ ‘การเหยียดเชื้อชาติ’ แต่ทว่าปัญหาดังกล่าวยังคงไม่จางหายไป เพราะประเด็นของการถกเถียงในเรื่องเลือดแท้หรือเลือดผสมนั้น ยังมีความรุนแรงในประเทศเสรีอย่างสหรัฐอเมริกาอยู่ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับ Tony Kao และครอบครัวในเมืองลองบีช รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อพวกเขาได้พูดคุยกับหญิงผิวขาวรายหนึ่ง โดยเป็นคลิปเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ ต่างฝ่ายต่างโต้เถียงกันในเรื่องของความไม่เข้าใจเรื่องเชื้อชาติ และมีการดูถูกเหยียดหยาม… ใจความระหว่างสองฝ่ายได้พูดคุยกันนั้น กล่าวถึงประเด็นที่ว่าทำไมหญิงรายนี้ต้องลั่นวาจาไล่เขากลับประเทศ ทั้งๆ ที่เขาก็เกิดและเติบโตในสหรัฐอเมริกา… Tony: “ผมก็แค่อยากจะให้คุณบอกกับทุกคนว่า ทำไมคุณถึงบอกให้เรากลับประเทศบ้านเกิดล่ะ” หญิงผิวขาว: “คุณต้องกลับไปที่ประเทศของตัวซะ” Tony: “แทบไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดในช่วงนี้เลย ทั้งๆ ที่เราเกิดและโตในสหรัฐฯ และคุณบอกให้ผมกลับบ้านเกิดเนี่ยนะ?” หญิงผิวขาว: “ฉันจะไม่มีวันบอกคุณหรอก” ทางด้าน Tony ได้ชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ว่า “เราเจอกับคนแบ่งแยกเชื้อชาติ ในย่านที่พักอาศัยของเรา ระหว่างที่กำลังเดินเล่นช่วงบ่ายกับภรรยาและลูกสาว จนมาพบกับหญิงผิวขาวที่เดินผ่านมาพร้อมกับพูดแบบนี้โดยที่ไม่หยุดเลย ผมอยากจะขอโทษภรรยาและลูกสาวที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ครั้งแรก คุณอาจจะเคยได้ยินเรื่องการเหยียดในสังคมของเรามาบ้าง… แต่เมื่อคุณได้เจอเข้าจริงๆ เป็นครั้งแรกพร้อมกับคนที่คุณรัก มันทำให้ทั้งวันของคุณพังได้ในพริบตา แทบไม่อยากจะเชื่อว่าความคิดแบบนี้ยังมีอยู่ในสหรัฐ และเมืองที่เปิดกว้างทางความหลากหลายและวัฒนธรรม” หลังจากที่คลิปถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตต่างก็รู้สึกไปในทำนองเดียวรู้สึกช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้น แทบไม่อยากจะเชื่อ รู้สึกภูมิใจกับคุณนะ Tony คุณควบคุมสถานการณ์ด้วยความนอบน้อม…
-
หนุ่มสาวผ่าตัด ‘เปลี่ยนหัวใจ’ ในวันเดียวกัน ใครจะเชื่อว่าทั้งคู่จะกลายมาเป็น ‘คู่แท้’
นี่แหละน้าบุพเพสันนิวาสจริงๆ ใครจะเชื่อว่าคนที่มาเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจเหมือนกัน วันเดียวกัน และอยู่ห้องติดกัน จะกลายมาคู่รักกันได้ ที่กำลังพูดถึงอยู่นี้ก็คือคู่รักจากเมืองแฟร์แฟกซ์ รัฐเวอร์จิเนีย หนุ่ม Collin Kobelja และสาว Taylor Givens ที่เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2011 ทั้งคู่ต่างได้เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ในเวลานั้นห้องของทั้งคู่ก็อยู่ติดกัน แต่ไม่มีใครทราบมาก่อนว่า ณ อีกฟากหนึ่งของห้อง มี “เนื้อคู่” ของพวกเขาพักฟื้นร่างกายอยู่ “ทุกสิ่งอย่างดูลงตัวอย่างไม่น่าเป็นไปได้ ทุกสิ่งเกิดขึ้นเหมือนกับว่ามันถูกกำหนดให้เป็นเช่นนั้น” สาว Givens วัย 24 ปีกล่าว “เราทั้งสองคนช่างโชคดีจริงๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนถูกกำหนดมาแบบนั้น” หนุ่ม Kobelja วัย 30 ปีกล่าวเสริม ขณะที่ Taylor Givens ยังมีอายุเพียง 17 ปี เธอเริ่มมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับการหายใจและอาการหัวใจสั่น แพทย์ของเธอคาดว่าคงเป็นแค่ความเครียด ทำให้หัวใจทำงานผิดปกติ แต่เมื่อตรวจด้วยการเอ็กซ์เรย์แล้วทำให้พบว่า เธอน่าจะติดไวรัสในหัวใจที่ทำให้หัวใจมีขนาดใหญ่ขึ้น เมื่อเธอไปเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเมื่อเดือนเมษายนปี 2011 แพทย์ก็พบว่าหัวใจของเธอนั้นสูบฉีดเลือดได้น้อย เพียง 10…
-
การส่งเด็กวัย 13 ไปทดลองซื้อปืนในอเมริกา เผยให้เห็นว่าปืนนั้นซื้อง่ายกว่าเหล้าและบุหรี่เสียอีก!?
เชื่อหรือไม่ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นอาวุธปืนกลายเป็นของที่หาซื้อได้ง่ายแสนง่าย ยิ่งกว่าเหล้า บุหรี่ หรือหวยขูดเสียอีก หลายคนอาจรู้สึกว่าไม่จริง หรือเป็นไปไม่ได้ แต่คำตอบคือมันคือเรื่องจริง ดูได้จากการทดลองเชิงสังคมที่เรานำมาให้ชมในวันนี้ การทดลองดังกล่าวถูกเผยแพร่ลงบนเฟซบุ๊กของ Jason Simpson วัย 13 ปี ในคลิปวิดีโอจะเป็นการทดลองให้นักแสดงหนุ่มน้อยอายุ 13 ปีชื่อว่า Jack จากเวอร์จิเนีย เข้าไปขอซื้อสิ่งของต่างๆ เช่น เบียร์ บุหรี่ นิตยสารโป๊ หวยขูด และสุดท้ายก็คือปืนนั่นเอง Jack จะถูกบอกให้เดินทางไปยังร้านขายของต่างๆ รอบเมือง ซึ่งแม่ของเขาต้องมาเป็นคนขับรถพาไปส่ง เนื่องจากเขายังไม่ถึงวัยที่ได้รับอนุญาตให้ขับรถได้ สถานที่แรกที่เขาต้องแวะเข้าไปก็คือร้านสะดวกซื้อ Jack ต้องเข้าไปขอซื้อ “เบียร์” กับพนักงาน แน่นอนว่าพนักงานปฏิเสธที่จะขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเด็กที่มีอายุไม่ถึงเกณฑ์อย่างแน่นอน “ไม่ ขายให้ไม่ได้แน่นอน เขาดูเหมือนเด็กอายุ 12 ปีด้วยซ้ำ” พนักงานคิดเงินกล่าว . ร้านขายของถัดไป Jack จะต้องเข้าไปขอซื้อ “บุหรี่” และผลลัพธ์ก็ออกมาเช่นเคย พนักงานขายบอกว่าไม่สามารถขายบุหรี่ให้…
-
โอ้โห…ชุดทีมสเก็ตของสหรัฐฯ กับไฮไลท์เน้นๆ ที่เป้า ดึงดูดจนละสายตาไปที่อื่นไม่ได้เลย!!
สำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ไม่ต่างจากเดิมที่มีการแข่งขันกีฬานานาชนิด จากหลายประเทศทั่วโลก แน่นอนว่าแต่ละกีฬา และแต่ละประเทศก็จำเป็นจะต้องมี “ยูนิฟอร์ม” เป็นของตัวเอง เพื่อให้สามารถแยกแยะ และระบุได้ง่าย ว่าเป็นทีมกีฬาประเภทใด และมาจากประเทศอะไร แต่เหมือนว่าเรื่องของชุดที่นักกีฬาใส่จะส่งผลมากกว่านั้น เพราะมันได้ทำให้ชาวเน็ตแตกตื่นกันอย่างมาก ซึ่งสาเหตุก็เกิดมาจาก ยูนิฟอร์มของทีมสเก็ตของประเทศสหรัฐอเมริกาที่หลายคนมองว่ามัน “ประหลาด” นั่นเอง ชุดดังกล่าวมีลักษณะเป็นชุดรัดรูปสีดำ ตัดด้วยสีขาว ดูเรียบร้อยสวยงาม แต่ติดอยู่อย่างเดียวก็คืิอ มีการใช่สีอ่อนบริเวนต้นขาด้านในรวมถึงบริเวณหว่างขาของชุด ทำให้ “เป้า” ของนักกีฬาดูโดดเด่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น แถมชุดสำหรับนักกีฬาหญิงยังเหมือนมีแผ่นแปะสีดำตรงกลางเป้าที่มีขนาดเล็กกว่าของชุดผู้ชายอีกด้วย มีบางเว็บไซต์ที่บอกว่าชุดนี้มันดูเหมือนกับ “ช่องคลอดมนุษย์ต่างดาว” ยังไงอย่างงั้น ทั้งนี้ก็มีผู้ใช้ทวิตเตอร์นามว่า sarah_haskins ออกมาทวิตภาพที่เธอถ่ายมาได้จากโทรทัศน์ แถมเอามาเล่นตลกด้วยว่าสงสัยคนออกแบบชุดตั้งใจจะดึงดูดสายตาผู้ชมด้วยเป้าของนักกีฬา ภาพที่ Sarah Haskins โพสต์ลงในทวิตเตอร์ ชุดนี้ทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงบนโลกอินเทอร์เน็ต บางคนวิจารณ์ว่า “ใครออกแบบชุดนี้กันแน่เนี่ย? ไอ้ตรงเป้านั่นเหมือนกับให้คนที่ออกแบบไม่เป็นมาทำเลย” อีกคนก็ออกมาโพสต์ข้อความว่า “ชุดนักสเก็ตหญิงนี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย? เน้นตรงเป้า แถมมีรอยขีดสีดำกลางเป้าพอดี มันเหมาะตรงไหน? ใครอนุมัติให้ทำชุดแบบนี้ออกมาเนี่ย?” ทั้งนี้ทาง Under Armour…
-
พอกันทีกับปืน! หนุ่มส่งมอบปืนรุ่นคล้ายเหตุยิงกราดโรงเรียน กระตุ้นให้สังคมเลิกปิดตาข้างเดียว
ในช่วงหลายปีที่ผ่านเหตุการณ์กราดยิงในโรงเรียนนั้น ถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยในประเทศอเมริกา ด้วยความที่ปืนนั้นสามารถหาได้ง่ายเพียงแค่คุณมีเงิน จนล่าสุดเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมาก็เกิดเหตุการณ์แบบเดิมอีก เหตุการณ์เด็ก 19 ปีกราดยิงเด็กตาย 17 คนนั้นถือเป็นอะไรที่ร้ายแรงมากๆ และมันก็สร้างแผลในจิตใจให้กับชาวอเมริกันไม่น้อย จนผู้คนหยุดคิดไม่ได้ว่า การมีปืนไว้ในครอบครองทั้งที่ตัวเองไม่ใช่เจ้าหน้าที่นั้นมันถูกจริงๆ น่ะเหรอ ด้วยเหตุนี้ Ben Dickmann ชายร่างโตจากรัฐฟลอริด้าได้ตัดสินใจนำปืน A-57 (คล้ายกับรุ่น A-15 ที่ผู้ก่อเหตุใช้) มามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเขาได้ให้เหตุผลผ่านเฟซบุ๊ก ตัวเองว่า… “ผมเป็นเจ้าของปืนกระบอกนี้ ผมใช้เงินตัวเองซื้อมา และผมก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบจะดูแลมัน รวมถึงผมยังฝึกการใช้มันมาเป็นอย่างดีด้วย แต่อย่างไรก็ตามผมไม่ต้องการมัน ไม่มีใครที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่สมควรจะมีมัน ปืนไรเฟิลไม่ใช่เครื่องมือที่ใครจะใช้ก็ได้” นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งจากคำพูดของเขา ซึ่งใจความหลักๆ ของ Ben คือ เขาไม่อยากเห็นใครต้องมาถูกยิงอีกด้วยเหตุผลที่ใครก็ครอบครองปืนได้ ฉะนั้นถ้าเขาอยากมีสังคมที่ดีขึ้น ชีวิตพลเมืองที่ดีขึ้น เขาก็คิดว่ามันควรเริ่มเปลี่ยนที่ตัวเขา . นอกจากนี้เขายังโพสต์ใบเสร็จที่เขาได้รับจากการส่งมอบปืนและกระสุนใหกับทางสถานีด้วย สุดท้ายเขาได้บอกว่า “ถ้ากฎหมายของเรายังเลือกที่จะหลับตาและเปิดกระเป๋าตังค์ต่อไป ผมจะโชว์ให้เห็นเองว่าควรทำอย่างไร” …
-
ชาวเน็ตเสนอชื่อ Peter Wang ให้รับเกียรติสูงสุดในการทำพิธีฝังศพ ดั่งชายชาติทหาร
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เกิดเหตุกราดยิงนักเรียนที่กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก โดยในวันนั้นมีนักเรียนเสียชีวิตถึง 17 คน สร้างความเศร้าเสียใจให้กับพ่อแม่และผู้คนที่เห็นข่าวมากๆ Peter Wang เด็กชายวัย 15 ปีก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าวเช่นกัน แต่การตายของเขานั้นไม่ได้ตายเปล่าๆ เพราะว่าเพื่อนๆ ในโรงเรียน Stoneman Douglas High School ต่างพากันยกย่องเขาให้เป็นฮีโร่ Peter นั้นเป็นหนึ่งในสมาชิกของ ROTC (Reserve Officers’ Training Corps) ซึ่งทำหน้าที่เป็นเหมือนเจ้าหน้าที่ฝึกหัด ซึ่งจะรับหน้าที่คอยช่วยเหลือผู้คนแทนตำรวจนั่นเอง นอกจากนั้นในวันที่เขาเสียชีวิต Peter ก็ได้สวมชุดยูนิฟอร์มของเขาไปโรงเรียนด้วย ซึ่งนักเรียนในเหตุการณ์เล่าว่า Peter เป็นคนที่เอาตัวเองดันประตูไว้เพื่อให้เพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ หนีไป ส่วนตัวเขานั้นกลับต้องกลายเป็นเหยื่อแทน Aaron Chen ญาติของ Peter เล่าว่า “เขากล้าหาญมากๆ เขาเป็นคนที่มักจะใจดีกับทุกๆ คน เขาควรได้รับโอกาสที่จะโตมาพร้อมๆ กับฉัน เขาไม่สมควรจะมาตายตรงนี้ด้วยซ้ำ…
-
หญิงสาวชาวอเมริกันป่วยเป็นโรคประหลาด นอนหลับทีไร ตื่นมาสำเนียงเปลี่ยนทุกที
หญิงกลางคนวัย 45 ปีั Michelle Myers จากเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา ป่วยเป็นโรค Foreign Accent Syndrome ที่ทำให้การพูดของเธอมีสำเนียงเพี้ยนไปเป็นสำเนียงต่างชาติ เช่น บริติช ออสเตรเลียน และไอริช ทั้งที่เธอไม่เคยออกจากสหรัฐอเมริกาเลย ในปี 2015 เธอเข้ารับการวินิจฉัยด้วยอาการที่แปลกประหลาด หลังจากที่เธอเข้านอนพร้อมอาการ “ปวดหัวรุนแรง” และเมื่อเธอตื่นขึ้นมา เธอกลับไม่สามารถพูดได้รวมไปถึงรู้สึกชาไปทั้งด้านซ้ายของร่างกาย เธอจึงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในละแวกใกล้เคียง ซึ่งก็คือโรงพยาบาล West Valley ในเมืองกู๊ดเยียร์ ที่นั่นแพทย์บอกว่าเธอมีอาการของ ภาวะเสียการสื่อความ (Aphasia) ที่ทำให้เธอสื่อสารไม่ได้ เป็นอาการที่เกิดจากสมองได้รับความบาดเจ็บหรือการกระทบกระเทือน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลการวินิจฉัยจะออกมาดังกล่าว เธอก็สามารถกลับมาพูดได้อีกครั้ง “ฉันต้องการจะพูดว่า ‘ฉันชื่อ Michelle นะ’ แต่มันกลายเป็นว่าฉันพูดว่า ‘กระต่าย หมาป่า…’” Myers กล่าว “ไม่มีใครเข้าใจฉันได้เลย ฉันเลยสงสัยเกิดอะไรขึ้นกับสมองฉันกันแน่” แต่สุดท้ายคำพูดของเธอก็เรียงเป็นประโยคได้อีกครั้ง ทว่ากลับมีบางอย่างแปลกไป นั่นก็คือ “สำเนียง” ของเธอนั่นเอง Michelle ถึงแม้ว่าเธอจะเกิดในโอกลาโฮมา แต่สำเนียงของเธอขณะนั้นกลับฟังดูเหมือนเธอมาจากประเทศอังกฤษ ซึ่งทำให้แพทย์ต้องตกใจ นักจิตวิทยาจึงเข้ามาทำการทดสอบเธอเพื่อวินิจฉัยอาการ…
-
พบกับสองพี่น้องนักสเก็ตสัญชาติญี่ปุ่น-อเมริกัน ที่คว้าใจคนทั้งประเทศในงานโอลิมปิก
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานั้นได้มีการจัดการแข่งขัน The PyeongChang 2018 หรืองานโอลิมปิกฤดูหนาว ที่จัดขึ้นในประเทศเกาหลีใต้ แน่นอนว่าผู้คนและนักกีฬามากมายก็ต่างพากันเดินทางมาและจับจ้องมาที่งานสุดยิ่งใหญ่นี้ และหนึ่งในผู้คนที่ถูกคนจับตามากที่สุดในตอนนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นสองพี่น้องนักสเก็ตน้ำแข็งลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน Maia และ Alex Shibutani ซึ่งทั้งสองนั้นลงแข่งในฐานะตัวแทนทีมอเมริกา ทั้งคู่นั้นเป็นที่รู้จักกันมาสักพักแล้วก่อนจะลงแข่งในรายการดังกล่าว โดยทั้งสองมีช่องยูทูบเป็นของตัวเองที่ชื่อว่า ShibSibs แน่นอนว่าในสื่อโซเชียลอื่นๆ ทั้งคู่ก็จะใช้ชื่อนี้เช่นกัน แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ทั้งคู่สามารถพาทีมอเมริกาคว้าเหรียญทองแดงในการประกวดสเก็ตน้ำแข็งลีลาของปีนี้อีกด้วยนะ ไม่ธรรมดาจริงๆ พี่น้องคู่นี้ และด้วยความที่พวกเขาสามารถนำชัยชนะและความยินดีมาให้กับอเมริกาได้อย่างงดงาม ชาวเน็ตก็พากันแสดงความยินดีและชมพี่น้องคู่นี้กันยกใหญ่เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าชาวเน็ตจะเพิ่งรู้จักกับสองพี่คนคู่นี้ในฐานะนักสเก็ตน้ำแข็งเมื่อตอนที่ Alex และ Maia มีอายุได้ 26 ปีและ 23 ปี แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วทั้งคู่หัดเล่นสเก็ตน้ำแข็งมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วนะ แถมยังลงแข่งให้กับทีมอเมริกามาเป็นเวลานานแล้วด้วย!! ซึ่งจากรายงานได้ระบุไว้ว่า คนแรกที่ได้เข้ามาสู่วงการก่อนคือ Maia และหลังจากนั้นเธอก็ชวนให้พี่ชาย Alex เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับเธอ . ทั้งคู่เริ่มเล่นและลงแข่งกีฬาสเก็ตน้ำแข็งด้วยกันในปี 2004 ซึ่งที่นั้นพวกเขาได้ไปเตะตาของ Susan Kelley…
-
ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ‘วัยรุ่น’ คือความเยาว์ที่แตกต่างแต่เหมือนกัน ไร้สัญชาติและไร้พรมแดน…
ผลงานภาพถ่ายของช่างภาพจากบรุกลิน สหรัฐอเมริกาที่ถ่ายทอดเรื่องราวของวัยรุ่นจากสถานที่ต่างๆ ทั่วทุกมุมโลกชุดนี้ ได้เผยให้เห็นถึงสิ่งหนึ่งที่สะท้อนออกมาจากแววตาของพวกเขา คุณ Amy Touchette ช่างภาพสาวของเราได้ออกเดินทางไปยังนิวยอร์ก ฮาวาย และโตเกียว เพื่อพบกับเหล่าวัยรุ่นที่มีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของวัฒนธรรม ครอบครัว และสังคม เธอได้บันทึกภาพของพวกเขาและเรียนรู้เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างความสัมพันธ์ของพวกเขากับเพื่อนและคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นความสนุกในการใช้ชีวิต และการดูแลเอาใจใส่จากผู้ปกครอง ซึ่งสิ่งที่เธอสัมผัสได้ก็คือรอยยิ้มอันสดใสของพวกเขานั้นเอง กลุ่มเป้าหมายของ Touchette คือวัยรุ่นอายุระหว่าง 13-19 ปี ซึ่งเธอจะขอความยินยอมจากพวกเขาก่อนที่จะเริ่มทำการบันทึกภาพ “หลังจากที่สังเกตความหลากหลายของภาพถ่าย ฉันอยากจะจับคู่ภาพที่มีลักษณะคล้ายกันไว้ด้วยกัน ภาพของผู้คนที่มีลักษณะคล้ายกันในสถานที่ที่แตกต่างกันคงจะถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว” ช่างภาพสาวให้สัมภาษณ์ ภาพของกลุ่มวัยรุ่นหญิงจากนิวยอร์ก (ซ้าย) และกลุ่มวัยรุ่นจากเกาะโอวาฮู ฮาวาย (ขวา) ช่างภาพสาวเล่าว่า ภาพถ่ายของวัยรุ่นจากสถานที่ต่างๆ เหล่านี้ทำให้เธอเข้าใจถึงวิถีชีวิตและสิ่งที่เป็นภัยคุกคามกับพวกเขา ซ้าย: กลุ่มเด็กชายจากญี่ปุ่นที่กำลังเดินทางกลับบ้าน ขวา: กลุ่มวัยรุ่นจากนิวยอร์ก ภาพของเด็กสาวจากเกาะโอวาฮู ฮาวาย (ซ้าย) และภาพของเด็กสาวจากนิวยอร์ก (ขวา) “วัยรุ่นก็คือผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้ถูกขัดเกลา พวกเขากำลังสัมผัสกับชีวิตแบบผู้ใหญ่ แต่กลับมีประสบการณ์ที่ไม่มากเท่าไหร่ ฉันพยายามจะแสดงให้เห็นถึงความเป็นธรรมชาติที่หลากหลายของพวกเขาให้มากที่สุด แต่ฉันทำได้เพียงแค่บันทึกภาพในช่วงเวลาสั้นๆ ของชีวิตพวกเขาเท่านั้น” Touchette ให้สัมภาษณ์ …
-
ตำรวจวาดภาพสเก็ตช์คนร้าย จนนำไปสู่การจับตัวได้ในที่สุด…เฮ้ย เอาจริงดิ!?
เป็นวิธีการที่ใช้กันตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน สำหรับวิธีการหาตัวผู้ต้องสงสัยโดยการ “สเก็ตช์ภาพ” เวลาที่เราเห็นในหนังสือพิมพ์หรือในทีวี ภาพสเก็ตช์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นช่างดูสวยอย่างกับเป็นจิตรกรเก่ากันเลยทีเดียว ที่เป็นแบบนั้นก็เพื่อวาดให้เหมือนกับใบหน้าของคนร้ายที่สุด ซึ่งจะทำให้ง่ายในการตามหาตัว และครั้งนี้ก็เช่นกัน ผู้ต้องสงสัยถูกพบตัวในแลงคาสเตอร์ ในรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ด้วยการสเก็ตช์หน้าคนร้ายจากพยานผู้พบเห็น ผู้ต้องสงสัยดังกล่าวคือนาย Hung Phuoc Nguyen วัย 44 ปี ซึ่งถูกตั้ง 2 ข้อหาในกรณีการลักทรัพย์ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจของแลงคาสเตอร์กล่าวว่า “ภาพที่พยานได้สเก็ตช์ขึ้น ถึงแม้จะเป็นภาพการ์ตูนที่ดูไม่ค่อยสวยงาม แต่ด้วยความที่ลักษณะองค์ประกอบของใบหน้าสามารถอธิบายถึงหน้าตาของผู้ต้องสงสัยได้ดี จึงทำให้เจ้าหน้าที่นึกถึงชื่อของผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งออก” Nguyen ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเนื่องจากปลอมตัวเป็นพ่อค้าและเข้าไปขโมยเงินที่แผงขายของใน Central Market ในเมืองแลงคาสเตอร์ ขณะที่พนักงานขายไม่อยู่ ในวันที่ 30 มกราคม 2018 พยายานคนดังกล่าวนอกจากจะสเก็ตช์ภาพคนร้ายให้แล้วยังอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับตัวผู้ต้องสงสัยอีกด้วย ว่าเป็นชายวัยราว 30-40 ปี สูงราว 160 เซนติเมตร รูปร่างค่อนข้างผอมและน่าจะมาจากอเมริกาใต้หรือไม่ก็เอเชีย จากนั้นเขายังอธิบายด้วยว่า “ผู้ร้ายมีผมตรงสีดำปกคลุมใบหู มีโหนกแก้มกว้าง และคางค่อนข้างแหลม” เจ้าหน้าที่ตำรวจของแลงคาสเตอร์ได้เผยแพร่ภาพสเก็ตช์ดังกล่าวพร้อมคำอธิบายรูปพรรณจากพยานออกสู่สาธารณะด้วยความหวังที่ว่าจะมีผู้พบเห็นผู้ต้องสงสัย…
-
นี่สิเด็ด… โจรดวงกุดหวังจะขโมยรถ ถูกเจ้าของพร้อมพลเมืองดี ยืนล้อมรอบคันจนเขินไปหมด
เรื่องราวของโจรหนุ่มดวงกุด ที่กำลังพยายามจะขโมยรถกระบะ แต่ทว่าในจังหวะที่เขากำลังหาวิธีสตาร์ตรถอยู่นั้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกที พี่โจรของเราก็ต้องเกิดอาการเกร็งเลยทีเดียว หลังจากที่เจ้าของรถและพลเมืองดีได้ล้อมรถคันดังกล่าวเอาไว้ งานนี้ทำเอาหัวขโมยของเราถึงกับไปไม่เป็นเลย คุณ Greg Johnson ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่าในระหว่างที่เขากำลังจะเข้าไปซื้ออาหารเที่ยงในร้าน Subway เขาได้เห็นเจ้าของรถคันดังกล่าวเดินเข้ามาหาตน เพื่อคุยเกี่ยวกับรถที่กำลังถูกโจรพยายามขโมยอยู่ “ตอนที่ผมมองออกไปนอกหน้าต่างร้าน ผมคิดว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ มีกลุ่มชายที่กำลังยืนล้อมรถ และชายคนหนึ่งที่พยายามจะขับรถคันนั้นออกไป ส่วนเจ้าของรถก็ดูจะไม่ได้เดือดร้อนกับเรื่องที่เกิดขึ้นเท่าไหร่ด้วย ผมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพ” เจ้าของคลิปวิดีโอผู้อยู่ในเหตุการณ์กล่าว ภายในคลิปวิดีโอดังกล่าวเผยให้เห็นกลุ่มของพลเมืองดีกำลังยืนล้อมรถกระบะอยู่ ซึ่งหนึ่งในนั้นได้มีชายคนหนึ่งได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และนี่คือคลิปวิดีโอในจังหวะที่หัวขโมยมือใหม่พยายามจะขโมยรถคันนี้ “ชายหนุ่มกำลังจะขโมยรถ ซึ่งดูเหมือนว่าเขากำลังพยายามสตาร์ตเครื่องอยู่ เขาดูเป็นคนมีจริยธรรมในอาชีพดีนะ เพราะว่าเขาไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง” คุณ Johnson กล่าว และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ ก็ได้ทำการทุบกระจกรถเพื่อเปิดประตู และจับหัวขโมยหนุ่มผู้นั้น หนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจตะโกนว่าหัวขโมยมีอาวุธมีดติดตัวด้วยจึงมีการใช้ปืนช็อตไฟฟ้า แต่ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถจับกุมคนร้ายได้สำเร็จ หัวขโมยหนุ่มที่กำลังนั่งรอชะตากรรมของตัวเองอยู่ในรถ จากรายงานของเจ้าหน้าที่เผยว่า คนร้ายคือนาย Brady Alook วัย 19 ปีซึ่งภายหลังการจับกุมเขาถูกตั้งขอหาทั้งหมด 5 ข้อหาด้วยกันคือ พยายามขโมยรถ ครอบครองอาวุธในที่สาธารณะ มีอุปกรณ์งัดแงะไว้ในครอบครอง มีสารเสพติดในครอบครอง และพยายามหลบหนีการจับกุม …
-
กรรมติดรถไฟความเร็วสูง หญิงสาวไปขโมยของหน้าบ้านคนอื่น ลื่นล้มธรรมดา แต่ขาหักเฉย!!
คำว่า “ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว” อาจจะเป็นจริงอย่างที่เขาว่า เรื่องของเวรของกรรมนั้นอาจจะพิสูจน์ได้ยาก แต่ใครไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเลยล่ะ หากได้เห็นเหตุการณ์ต่อไปนี้ เหตุการณ์เกิดขึ้นในรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อรถส่งของเพิ่งนำพัสดุมาส่งยังหน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง จากนั้นจึงมีรถเก๋งคันสีดำตามมาจอด พร้อมกับหญิงสาวร่างใหญ่เดินลงมาจากรถ เธอมั่นใจแล้วว่าบ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่แน่นอน เธอจึงเดินมุ่งตรงมายังบ้านหลังที่พัสดุราว 3 กล่องเพิ่งถูกนำมาส่ง แผนการของเธอไม่มีอะไรนอกจากเดินมายกกล่องขึ้นรถแล้วหนีไปเท่านั้น เมื่อเธอเดินมาถึงหน้าประตู เธอจึงจัดการรวบรวมกล่องพัสดุและยกมันเพื่อที่จะกลับไปที่รถคันสีดำของเธอ แต่ทันใดนั้นเอง การเดินลัดสนามหญ้าของเธอทำพิษเข้าแล้ว ขณะที่เธอถือกล่องพร้อมกับเดินมุ่งตรงไปยังรถของเธอนั้น สนามหญ้าที่เปียกและลื่น ทำให้เธอลื่นล้มลง แต่แค่นี้ไม่เพียงพอให้เป็นผลกรรมของหัวขโมยได้หรอก เพราะเธอเพียงลุกขึ้นก็ยกกล่องก็วิ่งขึ้นรถได้แล้ว แต่ที่ไม่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า การลื่นล้มแสนธรรมดาของเธอนั้น ทำให้ขาของเธอถึงกับ “หัก” เลยทีเดียว เห็นแล้วต้องบอกเลยว่ากรรมยุคนี้เร็วยิ่งกว่ารถไฟความเร็วสูงจริงๆ แต่ถึงกระนั้น เธอไม่ได้มาคนเดียว ชายหนุ่มรีบลงจากรถคันสีดำเพื่อมาช่วยเหลือหญิงสาวขาหัก เขาพาเธอกลับขึ้นรถ และยังไม่ลืมที่จะกลับมายกกล่องกลับขึ้นรถไปด้วย เมื่อ Lizeth Ababneh ผู้เป็นเจ้าของบ้านกลับมาเห็นภาพจากกล้องวงจรปิด เธอถึงกับหัวเราะออกมา พร้อมบอกว่าในกล่องนั้นไม่มีอะไรสำคัญเลยนอกจากยาของสามีเธอเท่านั้นเอง (เรียกได้ว่าหัวขโมยนี่ได้กินยากันสนุกเลย) อย่างไรก็ตามไม่ใช่เพียงแค่บ้านหลังนี้ที่โดนขโมยของ บ้านหลังอื่นๆ บริเวณใกล้เคียงก็โดนมาแล้วเช่นกัน…
-
หนุ่มเมกันโชคดีถูกหวย 31 ล้านบาท แต่ดีใจไม่ทันไร 3 สัปดาห์ต่อมาเขาก็เสียชีวิตลง…
เหตุการณ์ดีๆ นั้นมักจะเกิดขึ้นกับเราไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับเรื่องร้ายที่มันชอบตามมาเหมือนโชคชะตาเล่นตลกกับเรา ดั่งเช่นหนุ่มอเมริกันวัย 51 คนนี้ที่โชคดีไม่ทันไรความซวยก็มาเยือนต่อทันที… Donald Savastano นั้นคือชายผู้โชคดีจากหวยขูด Merry Millionaire มูลค่าเพียง 10 ดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยราว 314 บาท) แต่เขากลับโชคดีได้รางวัลใหญ่มูลค่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยได้ประมาณ 31 ล้านบาท) เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม 2018 สื่อหลายสำนักก็ให้ความสนใจกับผู้โชคดีคนนี้ โดยพวกเขาได้เดินทางไปสัมภาษณ์ Donald กันยกใหญ่ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน โดยเขาได้บอกว่า เขาเป็นชาวอเมริกาแท้ๆ และอาศัยอยู่ในย่านควีนส์เมืองนิวยอร์ก แต่ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่กับแฟนสาวและลูกอีกสองคนที่เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในนิวยอร์ก ซึ่งเขาทำงานหลักเป็นช่างไม้ที่นั่น โดยสื่ออย่าง WBNG.com ก็ได้ถามเขาว่า เขามีแผนจะเกษียณไหมหลังจากที่ถูกรางวัลก้อนใหญ่ขนาดนี้ Donald ก็บอกว่า “ผมทำงานเป็นนายตัวเอง ฉะนั้นผมเลยไม่เห็นว่าทำไมผมต้องเกษียณด้วย ส่วนเงินที่ผมได้มานั้นมันก็จะมาช่วยในงานหลักของผม ผมจะเอามันไปซื้อรถบรรทุกและจ่ายหนี้สิน ส่วนที่เหลือก็จะใช้ลงทุนต่อในอนาคต” ฟังดูแล้วเหมือนเส้นทางชีวิตของ Donald กำลังจะไปได้สวยแต่จริงๆ มันกลับไม่เป็นแบบนั้นเพราะว่าเขานั้นกำลังป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่เจ้าตัวนั้นไม่รู้มาก่อนจนกระทั่งเขาป่วยในระยะเวลาต่อมา ซึ่งเป็นเวลา…
-
ทำความรู้จักกับยุค Wild West ต้นกำเนิดวิถีคาวบอย จากยุคสงครามกลางเมืองอเมริกา
สำหรับใครที่เป็นแฟนหนังฮอลลีวูด อาจจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับหนังแนว Western หรือแนวคาวบอยนั่นเอง และด้วยอิทธิพลของหนังแนวนี้ ก็ยังส่งผลไปถึงการแต่งตัวและวิถีชีวิตแบบคาวบอยที่หลายๆ คนชื่นชอบอีกด้วย แต่เพื่อนๆ รู้กันบ้างหรือเปล่าว่าอันที่จริงแล้ววิถีชีวิตแบบคาวบอยนี้มีจุดกำเนิดมาหลังจากยุคสงครามกลางเมืองของอเมริกาเมื่อช่วงประมาณปี 1865-1895 นั่นเอง ยุคของคาวบอยหรือที่รู้จักกันว่า Wild West หรือ American Frontier นั้นมีต้นกำเนิดมาจากทางทิศตะวันออกของแม่น้ำมิสซิสซิปปีรวมไปถึงดินแดนดาโคตา รัฐเนวาดา ออริกอน ยูทาห์ โคโลราโด นิวเม็กซิโก และแคลิฟอร์เนีย ในดินแดนต่างๆ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของคาวบอยนั้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นดินแดนที่ไม่มีกฎหมายเข้มงวดมากเท่าไหร่ หรือเรียกง่ายๆ ก็บ้านป่าเมืองเถื่อนนั่นเอง และบ่อยครั้งที่เรื่องราวจากดินแดนเหล่านี้มักจะถูกเผยแพร่ไปตามหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยครั้ง และเมื่อถึงวัฒนธรรมของยุคอนานิคมมาถึงก็ทำให้วัฒนธรรมแบบ Wild West ได้รับความนิยมมากขึ้น และมันก็กลายเป็นสิ่งที่ฝั่งลึกลงไปในจิตวิญญาณของผู้คน คาวบอยหนุ่มบนหลังม้าประมาณปี 1887 สัญลักษณ์ในยุค Wild West อย่างที่เราเคยเห็นบทบาทของคาวบอยในหนังฮอลลีวูดกันมามากมายแล้ว คำว่า “คาวบอย” นั้นยังถูกใช้เรียกแทนคนที่ทำงานเกี่ยวกับปศุสัตว์อีกด้วย และในความเป็นจริงแล้วเหล่าคาวบอยนั้นมักจะไม่ได้สวมหมวกปีกกว้างอย่างที่เราเห็นกันหรอก เพราะมันทำให้ทำงานได้ไม่สะดวก แถมยังมีราคาแพงอีกด้วย หนึ่งเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่าเป็นที่จดจำที่สุดของยุค Wild West และเป็นแรงบันดาลใจให้กับฉากดวลปืนในหนังหลายๆ เรื่องเลยนั่นก็คือการดวลที่คอกโอเค บริเวณใจกลางเมืองทูมบ์สโตน (Tombstone) รัฐอริโซน่า การดวลดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างพี่น้องตระกูล Earp ทั้งหมด 4 คนและกลุ่มคาวบอยจากตระกูล…
-
เด็ก 9 ขวบติเตียนคุณครู ‘โคลัมบัสไม่ได้พบอเมริกา’ อย่าสอนอะไรผิดๆ พร้อมตั้งคำถามย้อน
บางทีสิ่งที่เราร่ำเรียนกันมานั้น อาจจะเป็นความรู้และข้อมูลที่ถูกส่งต่อกันมาเป็นทอดๆ ซึ่งอาจจะไม่ได้ถูกต้องเสมอไป แต่พวกเราเองเรียนรู้มันมาอย่างนั้น โดยที่ไม่ได้สนใจหรือสังเกตเห็นความผิดปกติ แต่สำหรับเด็กชายวัย 9 ขวบที่ชื่อว่า King Johnson คนนี้ ไม่ยอมปล่อยให้ความผิดพลาดนั้นผ่านไปง่ายๆ แน่นอน เมื่อเขาพบว่าสิ่งที่เขาได้เรียนไปในเรื่องราวเกี่ยวกับ “ผู้คนพบอเมริกา” ที่ว่าเป็น Christopher Columbus นั้นมันไม่เป็นความจริง! เขาจึงทำการเขียนรีวิววิชาดังกล่าวในเชิงตำหนิลงในสมุดบันทึกของเขา พร้อมย้อนครูผู้สอนด้วยคำถามสุดเจ็บแสบเลยทีเดียว โดยใจความในบันทึกที่เขาเขียนก็ประมาณว่า สิ่งที่เขาได้เรียนมาไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นเรื่องโกหก พร้อมทั้งเฉลยความจริงให้ผู้อ่านได้ตาแตกกันไปอีก เขาเขียนว่า “วันนี้เป็นการเรียนหนังสือที่ไม่ค่อยดีนัก บลาๆๆๆ ผมไม่อยากได้ยินคุณครูพูดอะไรอีกแล้ว” “คุณครูสอนผิด และผมก็ไม่อยากจะฟังสิ่งที่ครูโกหกอีก แม่ผมบอกว่า มีคนชื่อ Christofer (Christopher) คนเดียวเท่านั้นที่พวกเรายอมรับ นั่นก็คือ Christopher Wallace“ (Christopher Wallace คือศิลปินแร็พชื่อดัง รู้จักกันในนาม Notorious B.I.G.) เขาเขียนต่อว่า “Columbus ไม่ได้เป็นคนค้นพบประเทศของเราเสียหน่อย ชาวอินเดียแดงต่างหากที่พบ” “ผมยังอยากมีวันหยุดอยู่นะ แต่ผมไม่อยากให้คุณครูสอนอะไรที่มันไม่จริงอีก” “และคำถามสำหรับวันนี้ก็คือ คนขาวจะมาสอนประวัติของคนผิวสีได้อย่างไรกันล่ะ?” ที่หมายความประมาณว่า คนผิวขาวจะมารู้ประวัติศาสตร์คนผิวสีที่มีวัฒนธรรมแตกต่างกันได้อย่างไรกัน!? …
-
ภาพกอดครั้งสุดท้าย หลังคุณพ่อชาวเม็กซิโกจำใจลาจากครอบครัว เพราะนโยบายของทรัมป์
หลังจากที่ประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมีมาตรการตรวจสอบผู้อพยพอย่างเข้มงวด ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในอเมริกาจึงล้วนได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้กันถ้วนหน้า เนื่องจากผู้ที่ไม่ได้มีเชื้อสายอเมริกัน หรือกระทั่งเป็นผู้อพยพที่แม้จะมีครอบครัวในสหรัฐอเมริกานั้น ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในประเทศอเมริกาโดยถูกกฎหมายอีกต่อไป ชายชาวเม็กซิกันคนนี้ชื่อว่า Jorge Garcia วัย 39 ปี จำเป็นต้องจากครอบครัวเนื่องจากกฎหมายผู้อพยพของสหรัฐนั้นมีข้อบังคับให้เขาต้องกลับไปอยู่ที่ประเทศบ้านเกิดที่เม็กซิโก ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ รวมแล้วเป็นเวลา 29 ปี เขาใช้ชีวิตเป็นชาวสวนอยู่ในสหรัฐอเมริกาอย่างเงียบๆ มาจนกระทั่งปี 2005 ที่เขาและภรรยาเริ่มช่วยกันต่อสู้เพื่อให้ Jorge มีสิทธิ์โดยชอบธรรมในการอาศัยอยู่ในอเมริกา จากนั้นในปี 2009 หน่วยงาน ICE ได้แจ้ง Jorge ล่วงหน้าว่าจะต้องถูกเนรเทศออกนอกประเทศ ขณะนั้นเองก็มีนโยบาย DACA ที่ Barack Obama อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐได้ออกมาเพื่อครอบคลุมผู้อพยพ โดยมีเงื่อนไขว่าหากผู้ที่มีอายุไม่เกิน 31 ปี ในปี 2012 จะสามารถต่ออายุเพื่ออาศัยอยู่ในประเทศได้ แต่โชคไม่ดีที่ในเวลานั้น Jorge มีอายุได้ 32 ปี ซึ่งเกินมา…
-
ผู้คนไม่พอใจหลังนักร้องคันทรี่ดังซื้อ “จิ้งโจ้น้อย” สองตัว เป็นของขวัญให้กับลูกของเขา
ในเทศกาลคริสต์มาส ปกติแล้วก็จะมีคนในครอบครัวนำของขวัญมาให้สมาชิกในบ้าน หรือจะให้เพื่อน ให้ญาติก็ตามแต่ ซึ่งของขวัญที่ได้จะมีทั้งของขวัญธรรมดาและไม่ธรรมดาปะปนกันไป แต่มีประเด็นนักร้องคนดังคนหนึ่งที่ซื้อของขวัญให้แก่ครอบครัวของเขา นักร้องเพลงคันทรี่ Luke Bryan ได้ให้ของขวัญที่ค่อนข้างไม่ธรรมดากับภรรยาของของไว้ใต้ต้นคริสต์มาส เพราะมันคือลูกจิงโจ้สองตัว! Brett’s barn additions. #brettsbarn A post shared by Luke Bryan Official (@lukebryan) on Dec 25, 2017 at 7:17am PST หากดูวิดีโอไม่ได้ให้คลิกที่นี่ ภายหลังเจ้าจิงโจ้สองตัวนี้ได้รับการตั้งชื่อว่า Margo และ Todd พวกมันเป็นสมาชิกใหม่ล่าสุดของ Brett’s Barn ฟาร์มเล็กๆ สำหรับช่วยเหลือสัตว์ต่างๆ ที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงหลานสาวของ Bryan อย่างไรก็ตามดูเหมือนสัตว์ในฟาร์มจะไม่ได้มาจากการช่วย แต่มาจากการซื้อ มีนักจารณ์ท่านหนึ่งกล่าวว่า “จิงโจ้ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง เดี๋ยวรอจนมันโตแล้วมันจะเริ่มสร้างปัญหาให้สัตว์ตัวอื่นๆ และลูกๆ ของคุณ … คุณไม่สามารถดูแลมันได้เหมือนลาหรอกนะ หาข้อมูลซะบ้างสิ” A post shared by Caroline Bryan (@linabryan3)…
-
กระทบใครรึเปล่า!? Christian Bale เผยว่าอเมริกันจะเจ๋งขึ้น หาก “คนขาว” มีอำนาจน้อยลง..
Christian Bale ชายผู้มากความสามารถได้ผู้เคยรับบทฮีโร่อย่าง “แบทแมน” ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อระหว่างออกไปโปรโมตหนังเรื่องใหม่ว่า สังคมอเมริกามันจะดียิ่งขึ้น หากคนขาวมีอำนาจน้อยลง คำพูดดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นกลางรายการ AOL Build โดยนักแสดงดัง Christian Bale, Rosamund Pike และ Wes Studi ได้เดินทางไปโปรโมตหนังยุคคาวบอยเรื่อง Hostiles ที่จะเข้าฉายในปีหน้า โดย Bale ได้พูดว่า “สังคมอเมริกามันจะดีขึ้น ถ้าคนขาวมีอำนาจในการทำอะไรน้อยลง อำนาจที่ว่าผมหมายถึงทุกวงการไม่ว่าจะเป็นในฮอลลีวูดหรือในวอชิงตันก็ตาม” “ถ้าเราสามารถทำแบบนั้นได้จริงๆ ในวงการฮอลลีวูดเราจะได้เห็นหนังที่มีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจและหลากหลายมากยิ่งขึ้น และอเมริกาก็จะเป็นอเมริกาแบบที่มันควรจะเป็น คนทั้งโลกก็จะมองเราในอีกมุมมองที่ดียิ่งขึ้นซึ่งมันทำให้เราดูพิเศษ” ถึงแม้เราฟังคำพูดของเขาเราอาจจะดูเหมือนเขาอวยอเมริกา แต่เชื่อไหมว่าจริงๆ แล้ว Christian Bale ไม่ใช่คนอเมริกาโดยกำเนิด เขาเกิดและโตที่อังกฤษและก็เป็นคนอังกฤษแท้ๆ ทว่าที่เขาออกมาพูดเพราะเขาบอกว่าเขาหลงรักในประเทศนี้จริงๆ เขากับครอบครัวถึงกับย้ายมาอยู่และลงหลักปักฐานที่อเมริกาเลยทีเดียว ฉะนั้นการพูดของ Bale จึงเป็นการพูดที่บ่งบอกว่าเขาต้องการความเปลี่ยนแปลงจริงๆ ไม่ใช่เฉพาะการเมืองแต่กับทุกวงการในอเมริกา และเขาก็พูดด้วยความหวังดีนั่นเอง อย่างไรก็ตามถ้าใครที่เป็นแฟน Christian Bale ก็อย่าลืมติดตามหนังเรื่อง Hostiles หนังใหม่ของเขาที่จะเข้าฉายในช่วงเดือนมกราคมปีหน้ากันด้วยล่ะ พี่แกถึงกับลงทุนเปลี่ยนร่างอีกรอบเลยนะเออ… ที่มา ladbible
-
มาดูอาหารกลางวันของ “เด็กฝรั่งเศส vs. เด็กอเมริกัน” ทำไมถึงได้แตกต่างขนาดนี้
อาหารการกินสำหรับเด็กๆ เป็นเรื่องที่สำคัญเพราะว่านอกจากวัยเด็กเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโตและต้องการใช้สารอาหารที่มีประโยชน์แล้ว โรคภัยต่างๆ ก็ดูจะเป็นเหมือนสิ่งที่คอยรุมเร้าทุกช่วงของชีวิตเหมือนกัน หลายคนคงได้ยินคำว่า You are what You eat หรือที่แปลได้ว่ากินยังไงก็ได้อย่างนั้น ซึ่งรู้หรือไม่ว่าทำไมเด็กชาวอเมกันกว่า 1 ใน 3 มีน้ำหนักที่เกินเกณฑ์นั่นก็เป็นสิ่งที่ Rebeca Plantier อยากรู้เช่นกัน เธอจึงได้ทำการเปรียบเทียบอาหารกลางวันระหว่างเด็กฝรั่งเศสที่มีน้ำหนักส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานกับเด็กอเมริกันว่าแตกต่างกันมากขนาดไหน ซึ่งเธอก็พบว่าโรงเรียนในประเทศฝรั่งเศสจะใช้อาหารที่สดและจัดให้แบบเป็นคอร์สเพื่อให้สารอาหารได้อย่างครบถ้วนขณะที่โรงเรียนที่อเมริกานั้นมีความแตกต่างกันออกไป มาลองดูกันดีกว่าว่าอาหารในแต่ละวันของเด็กๆ จะเป็นอย่างไร ประเทศฝรั่งเศส (โรงเรียนที่ฝรั่งเศสจะไม่มีการเรียนในวันพุธ) วันจันทร์ อาหารเรียกน้ำย่อย: สลัดแตงกวากับมะเขือเทศ อาหารหลัก: เนื้ออบซอสเสิร์ฟพร้อมกับเห็ด, บร็อคโคลี่ ของหวาน: ทาร์ตแอปเปิล วันอังคาร อาหารเรียกน้ำย่อย: สลัดกระหล่ำปลีและมะเขือเทศ อาหารหลัก: เนื้ออบ, มันฝรั่ง, มะเขือเทศอบสมุนไพร, ชีส ของหวาน: กีวี่ วันพฤหัสบดี อาหารเรียกน้ำย่อย: สลัดเบบานิส (ข้าวสาลียำรวมกับผักต่างๆ) อาหารหลัก: ไส้กรอก ผักซุกินี…
-
สุดสลด… หญิงสาวเสียชีวิตคาที่ หลังเด็กวัย 12 ขวบกระโดดสะพานลอยตกใส่รถเธอ
เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในรัฐเวอร์จิเนียเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2017 ที่ผ่านมา หลังจากที่เด็กชายวัย 12 ปีผู้หนึ่งได้กระโดดลงมาจากสะพานลอยสูง 10 เมตร ลงมาใส่หลังคารถ Ford Escape ของหญิงสาววัย 22 ปีที่ผ่านมาบนเส้นทางดังกล่าวพอดี ในระหว่างที่ Marisa Harris หญิงสาวจากรัฐแมริแลนด์กำลังขับรถอยู่บนทางด่วนหมายเลข 66 นั้น จู่ๆ เด็กชายไม่ทราบชื่อวัย 12 ปีก็ได้กระโดดลงมาบนหลังคารถของเธอ เป็นเหตุให้เธอเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที ส่วนเด็กชายคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเวลาประมาณ 4 โมงเย็นใกล้ๆ กับทางออกถนนหมายเลข 62 ในเมือง Fairfax County รัฐเวอร์จิเนียร์ เด็กชายวัย 12 ปีถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล Fairfax Hospital หลังจากเกิดเหตุ แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบถึงสาเหตุที่แน่ชัดในการร่วงลงมาของเด็กชายผู้นี้ นอกจากนี้ภายในรถคันดังกล่าวยังมีเพื่อนของหญิงสาวที่นั่งมากับเธอด้วย แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บและยังเป็นคนที่ช่วยหยุดรถหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุอีกด้วย สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐได้เผยว่าระหว่างช่วงปี 1999 ถึงปี 2015 มีเด็กอายุ 12 ปีกว่า 711 รายที่ฆ่าตัวตาย ในจำนวนนั้นเป็นเด็กชายถึง 507 คน…
-
ภาพมลพิษในอเมริกาครั้งอดีต อุตสากรรมที่กัดกินสิ่งแวดล้อม ราวกับโลกยุคล่มสลาย!!
การพัฒนาทางอุตสาหกรรมเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งสิ่งที่ทำให้เห็นถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีต่างๆ และสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศนั้นๆ แต่ทว่าหนึ่งผลพลอยได้ที่ตามมาจากการพัฒนาอุสาหกรรมนั่นก็คือปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมนั่นเอง!! สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐหรือ EPA หนึ่งในองค์กรที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้ตั้งแต่ปี 1970 แต่หลังจากที่ Scott Pruitt หนึ่งในทีมงานของทรัมป์ได้เข้ารับตำแหน่งประธาน เขาก็ได้ยกเลิกข้อห้ามการใช้ยาฆ่าแมลง (pesticide) ยาอันตรายที่อาจส่งผลต่อสมองเด็ก รวมทั้งยกเลิกข้อกำหนดการบำบัดน้ำของโรงงานอุสาหกรรม จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว ภาพถ่ายชุด Documerica หนึ่งในโปรเจกของ EPA ที่ถ่ายในช่วงปี 1971 ถึง 1977 โดยมีการบันทึกไว้ด้วยกันทั้งหมด 81,000 ภาพ และถูกเก็บบันทึกไว้ในหอจดหมายเหตุแห่งชาติกว่า 15,000 ภาพ ได้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบของการละเลยปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในช่วงนั้น ชุดภาพชุดดังกล่าวได้แสดงให้เห็นว่าจะเป็นอย่างไรถ้าหากพวกเราไม่ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม กลุ่มหมอกควันหรือ Smog ที่ปกคลุมสะพาน George Washington ในนครนิวยอร์ก ถือเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ในยุคนั้น ควันจากโรงงานผลิตแบตเตอร์รี่รถยนต์ที่ถูกปล่อยออกมาในช่วงปี 1970 และในปัจจุบันถึงแม้จะมีกฎหมายควบคุมการปล่อยมลพิษจากการผลิตแบตเตอร์รี่รถยนต์ แต่ก็ยังคงมีการละเมิดกฎดังกล่าวอยู่ ภาพของคนงานในเมือง Steubenville รัฐโอไฮโอ ถือขวดโหลที่บรรจุน้ำดื่มที่ปนเปื้อนซึ่งเป็นผลกระทบมาจากเหมืองถ่านหิน เธอยื่นฟ้องโรงงานดังกล่าวข้อหาปล่อยมลพิษลงสู่แหล่งน้ำ รถยนต์ที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ในอ่าว Jamaica เมืองนิวยอร์กซิตี้เมื่อปี 1973 แสดงให้เห็นถึงมาตรการจัดการขยะที่ไม่ถูกต้อง โรงงานของบริษัท Atlas Chemical ที่ปล่อยควันออกมาท่ามกลางทุ่งหญ้าในเมือง Marshall รัฐเท็กซัส ผู้คนในท้องถิ่นบอกกับช่างภาพว่าสารเคมีและเขม่าควันทำให้วัวของพวกเขาตาย…
-
ยัง..ยังไม่เลิก!! “ลุงทรัมป์” โทษรัฐบาลก่อนไร้น้ำยาจัดการเกาหลีเหนือ เหลือแค่ “ทางเดียว” เท่านั้น!!
สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศมหาอำนาจที่นำโดย ทวิตเตอร์แมน และ ร็อคเกตแมน นั้นดูท่าจะไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ เมื่อสองผู้นำได้เล่นเกมประสาทพร้อมส่งอาวุธที่เป็นเรื่องถนัดของตัวเองสู้กันไปมาอยู่เรื่อยๆ ล่าสุดทวิตเตอร์แมน หรือ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้ออกมาทวีตข้อความตามสไตล์พี่แกเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2017 ว่า “บรรดาประธานาธิบดีและรัฐบาลในชุดก่อน ๆ ได้เจรจากับเกาหลีเหนือมาเป็นเวลานานกว่า 25 ปี มีการทำข้อตกลงเยอะแยะมากมาย ซึ่งมันมีราคาที่ต้องจ่ายเป็นจำนวนมหาศาล แต่ข้อตกลงเหล่านั้นกลับถูกฉีกทิ้งก่อนหมึกที่เขียนลงไปจะแห้งเสียอีก ซึ่งนั่นทำให้อเมริกาถูกมองว่าเป็นแค่ไอ้หน้าโง่ ฉะนั้นก็ต้องเสียใจด้วยนะ แต่มีวิธีเดียวเท่านั้นแหละที่มันจะได้ผล… “ . นอกจากนี้ ยังมีบทสัมภาษณ์ที่ทาง CNN ลงคำพูดของเขาเอาไว้ว่า “มันน่าจะจัดการเรื่องนี้ไปได้เมื่อ 10 ปีก่อนแล้ว มันน่าจะเรียบร้อยไปตั้งแต่ตอนที่โอบาม่ายังดำรงตำแหน่ง ตอนที่เขาเป็นรัฐบาลและมีอำนาจจัดการ ความจริงก็คือ ผมต้องมาจัดการดูแลกับเรื่องยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องที่นั่น (เกาหลีเหนือ) แต่มันยังมีเรื่องยุ่งเหยิงในตะวันออกกลางอีก รวมๆ กันแล้วมันยุ่งชิบเป๋งเลยครับ!!” จากข้อความที่ทวิตเตอร์แมนได้ทวีตออกมานั้น ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับน้ำที่นิ่งกลายเป็นน้ำที่รุนแรงได้ด้วยคำเพียงแค่คำเดียวว่า “วิธีเดียว” ซึ่งแม้ว่าทรัมป์จะไม่ได้พูดตรงๆ ว่าไอ้วิธีเดียวที่ว่ามันคืออะไร แต่การบอกว่ารัฐบาลก่อนๆ แก้ปัญหานี้ไม่ได้สักที พร้อมเปรยคำนี้ออกมา…
-
รู้หรือไม่? ครั้งหนึ่งรัสเซียเคยขาย ‘อลาสก้า’ ให้สหรัฐฯ ด้วยราคาแค่ 300 ล้านบาท!!
ปัจจุบันรัฐอลาสก้านับว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพราะแม้แต่พระเอกหนังดังขวัญใจฮิปสเตอร์อย่างเรื่อง ‘Into the Wild’ ก็ยังไปตายที่นั่น… แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าครั้งหนึ่งพื้นที่ทั้งหมดของอลาสก้าเคยเป็นของรัสเซีย ก่อนที่จะขายให้สหรัฐฯ ในปี 1867 ด้วยราคา 7.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 300 ล้านบาท) และสร้างมูลค่าอย่างมหาศาลให้กับสหรัฐฯ ในเวลาต่อมา อลาสก้ายุคก่อนเป็นของสหรัฐฯ ย้อนกลับไปในช่วงศตวรรษที่ 19 อาณาเขตของอลาสก้าที่อยู่ใต้การปกครองของรัสเซีย ถือเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจสำคัญของโลก ในยุคนั้นมีเมืองหลวงที่ชื่อ Novoarkhangelsk (Sitka) ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ใช้ในการรับซื้อสินค้าจากจีน เช่นผ้า ถ่านหิน แร่ธาตุ ชา ธัญพืช หรือแม้แต่ทองคำ นอกจากนั้นยังเป็นช่วงเวลาที่กลุ่มพ่อค้าชาวรัสเซียจำนวนมากต่างหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมการส่งออกงาของตัววอลรัส ซึ่งมีราคาสูงพอๆ กับงาช้าง โดยหลักๆ ในช่วงนั้นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีส่วนแบ่งในตลาดมากที่สุดตกเป็นของ Russian-American Company ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่ผูกขาดการค้ามากซะจนสามารถต่อรองกับรัฐบาลได้ จนช่วงเวลาต่อมาเขตอลาสก้าก็ถูกพัฒนาให้มีการใช้ธงและสกุลเงินเป็นของตัวเอง ตัวอย่างเหรียญทองส่วนหนึ่งจากอลาสก้าที่ถูกใช้แลกเปลี่ยนในยุคนั้น RAC ท่อน้ำเลี้ยงสำคัญของอลาสก้า Alexander Baranov พ่อค้าหัวใสชาวรัสเซีย ได้เปลี่ยนจากเมืองอลาสก้าที่มีแต่อุตสาหกรรมและเครื่องจักร ให้เพรียบพร้อมไปด้วยสถานศึกษา สถานพยาบาลให้แก่กลุ่มแรงงาน และถ่ายทอดความรู้ด้านการเพาะปลูกให้คนพื้นเมือง ภายใต้การบริหารงานของเขาทำให้กำไรของบริษัท…
-
เรื่องราวของ ‘Sarah Rector’ เด็กสาวผิวสีวัย 12 ขวบ ที่ร่ำรวยที่สุดในอเมริกา..!!
หากพูดถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ของชาวแอฟริกัน-อเมริกันในอดีต เราอาจจะนึกถึงภาพของการตกเป็นทาสจากการล่าอาณานิคมในแบบที่เคยเรียนหรือเห็นผ่านสื่อกันมา แต่คราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับเรื่องราวของ Sarah Rector เด็กสาวผิวสีวัย 12 ขวบ ที่มีทรัพย์สินมากที่สุดในทวีปอเมริกา ณ ขณะนั้น ถึงขนาดที่ว่ามีนักธุรกิจจากเยอรมนี 4 คนแย่งกันขอเธอแต่งงาน เพียงเพราะต้องการส่วนแบ่งของเธอก็มีมาแล้ว..!! Sarah Rector ย้อนกลับไปในวันที่ 5 มกราคม ปี 1914 สำนักพิมพ์ท้องถิ่นได้มีการเผยแพร่รายรับของ Sarah Rector ที่มากถึงเดือนละ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จนนำมาซึ่งความวุ่นวายอื่นๆ ที่ตามมา เดิมที Sarah Rector เกิดเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ปี 1902 ซึ่งพ่อแม่ของเธอก็ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มสัญญา Muscogee (หรือที่รู้จักกันในนาม Creek Nation) โดยเป็นกลุ่มที่เกิดจากการรวมตัวของ 5 ชนเผ่าพื้นเมืองในแถบตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ 5 ชนเผ่าพื้นเมืองที่มีการทำสนธิสัญญาร่วมกันในบนพื้นที่ของรัฐโอคลาโฮม่า หนึ่งในข้อตกลงของสนธิสัญญานั้นมีอยู่ว่า.. เมื่อโอคลาโฮม่าได้ประกาศตนเป็นรัฐแล้ว สมาชิกจะได้รับการแบ่งสันปันส่วนที่ดินทำกิน…
-
18 ภาพห้างร้างและปิดตัวลง หรือนี่จะเป็น “ยุคล่มสลาย” ของธุรกิจค้าปลีกอเมริกันแล้วจริงๆ!?
ดูเหมือนว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ ดูจะชะลอลงเรื่อยๆ ละส่งผลทำให้ธุรกิจค้าปลีกหลายๆ แห่งในประเทศถึงกับต้องปิดตัวลง จากการรายงานพบว่า ภายในสิ้นปี 2017 มีแนวโน้มที่บริษัทธุรกิจค้าปลีกต่างๆ อย่าง Macy’s, Sears หรือแม้แต่ JCPenny จะต้องปิดตัวลงรวมแล้วมากถึง 6,400 สาขาทั่วประเทศ หรือนี่จะมาถึงยุคล่มสลายของระบบธุรกิจค้าปลีกในอเมริกา..!? ทั้งหมดนี้คือภาพถ่ายจากห้างสรรพสินค้า ที่ก่อนหน้านี้เคยเต็มไปด้วยผู้คนและการจับจ่ายใช้สอย ส่วนหนึ่งก็มาจากพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ในยุคที่ผู้คนสั่งซื้อของผ่านออนไลน์ได้ จำนวนคนที่มาเดินห้างก็ย่อมน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด จากปี 2010 – 2013 บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ได้วิเคราะห์มาแล้วว่า ห้างสรรพสินค้าต่างๆ เริ่มทยอยปิดตัวลงไปแล้วมากถึง 50% เช่นที่ Chicago’s Lincoln Mall ที่เปลี่ยนสภาพจากห้างสรรพสินค้าสุดหรู ให้กลายเป็นตึกร้างขนาดใหญ่ แน่นอนว่าการที่ห้างสรรพสินค้าจะปิดตัวลงได้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยการเข้ามาเช่าล็อคเปิดร้านของบริษัทสินค้าต่างๆ เมื่อไม่มีผู้ซื้อ ก็ไม่มีผู้เช่า และเมื่อไม่มีผู้เช่า จากตึกที่เคยสวยหรูก็กลายเป็นขยะของเมืองได้เพียงชั่วข้ามคืน สุดท้ายก็เหลือเพียงแต่พื้นที่ว่างเปล่า ที่เต็มไปด้วยมืดมนและดูหลอนแบบแปลกๆ ห้าง Regency Square…
-
หมู่บ้านอายุ 250 ปีที่ยังคงสวยงามไร้การเปลี่ยนแปลง แม้จะอยู่มานานและถูกทิ้งร้างไว้
เมืองที่มีมาอย่างยาวนานและถูกทิ้งร้างไป มักจะเต็มไปด้วยสภาพที่ทรุดโทรม ไม่น่าเข้าไปใกล้หรืออยู่อาศัยกันในละแวกนั้นซักเท่าไหร่ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดกับหมู่บ้าน Batsto เพราะถึงแม้ว่าจะถูกสร้างมานานมากแล้ว ตั้งแต่ในปี 1766 ยาวนานมาจนถึงผู้อยู่อาศัยคนสุดท้ายที่ออกไปจากที่นี่ในปี 1989 ทว่ามันก็ยังคงความสวยงามและเก่าแก่อยู่เสมอ ตึกรามบ้านช่องต่างๆ นอกจากจะยังคงดูพร้อมใช้งานเหมือนกับมีคนอยู่อาศัยมาตลอดแล้ว ทุกสิ่งก่อสร้างยังคงมีความคลาสสิค ไม่มีความร่วมสมัยเหมือนกับตึกในสมัยนี้เลยแม้แต่น้อย เหมือนกับที่หมู่บ้านนี้เป็นมาตั้งแต่แรก อาคารนอกประจำหมู่บ้าน หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา เป็นส่วนหนึ่งของเขตอนุรักษ์แห่งชาติเมือง Pinelands และได้รับการปกป้องโดยกรมคุ้มครองสิ่งแวดล้อม สวนสาธารณะและป่าไม้ของรัฐ จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เมืองนี้ยังคงน่าอยู่เสมอ ปราศจากคนเข้ามารุกราน ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจของสถานที่นี้เริ่มต้นมาจาก Charles Read ช่างตีเหล็กผู้โด่งดัง เข้ามาสร้างโรงงานเป็นของตัวเองใกล้กับแม่น้ำ Batsto ในเวลานั้นพื้นที่โดยรอบถูกเต็มไปด้วยแร่หินต่างๆ ตามธรรมชาติมากมาย แม่น้ำ Batsto ที่ตัดผ่านหมู่บ้าน นอกจากนั้นทรัพยากรที่จำเป็นก็หาได้ง่ายมาก ใช้น้ำจากแม่น้ำหรือตามบึงรอบๆ ไม้เยออะแยะที่มีอยู่ในป่าใหญ่ และสิ่งจำเป็นสำหรับการตีเหล็กมีอยู่ที่นี่ทั้งหมด ทำให้โรงงานเติบโตได้ดีจนต้องมีลูกจ้างเข้ามาช่วย สิ่งปลูกสร้างเป็นอันดับแรกนอกเหนือจากที่ทำงาน จึงเป็นบ้านพักอาศัยของคนเหล่านั้น และเป็นจุดเริ่มต้นให้กลายเป็นหมู่บ้านที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ จากตอนแรกที่สร้างเพียงแค่ของใช้ภายในบ้าน แต่โรงงานแห่งนี้ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น จน John Cox ได้เข้าซื้อโรงงาน และเปลี่ยนให้เป็นโรงงานผลิตยุทโธปกรณ์ทั้งหลายให้กับกองทัพภาคพื้นทวีป ในช่วงปฏิวัติอเมริกา…
-
เปรียบเทียบ 16 สิ่งที่เปลี่ยนไป เมื่อ “โดราเอม่อน” จากญี่ปุ่น ถูกดิสนีย์เอาไปฉายในอเมริกา
ความทรงจำในวัยเด็กเกี่ยวกับการ์ตูนเต็มไปด้วยความสนุกสนานเฮฮา แต่ถ้าหากเราลองมาดูในตอนที่โตขึ้นแล้วกลับพบว่าการ์ตูนเด็กๆ เหล่านี้… กลับซ่อนรายละเอียดอะไรบางอย่างโดยที่เราไม่ทันสังเกตเลย อย่างเช่นความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ ของการ์ตูนเรื่องเดียวกันแต่มีสองเวอร์ชั่นทั้งในและต่างประเทศ กรณีที่จะหยิบยกมาให้ชมกันในครั้งนี้ก็คือเรื่อง ‘โดราเอม่อน’ คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณการ์ตูนเรื่องนี้ให้มากมาย #เหมียวเลเซอร์ เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้จักกันดี แต่รายละเอียดในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นกับอเมริกันที่ดีสนีย์ซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายนั้นมีจุดที่แตกต่างกันดังต่อไปนี้ ว่ากันด้วยเรื่องของชื่อตัวละคร 1. Nobita ซึ่งเป็นชื่อญี่ปุ่นก็ถูกเปลี่ยนเป็น Noby ปกติตัวละครเอกของเราจะมีชื่อว่า ‘โนบิตะ’ มีนามสกุลว่า ‘โนบิ’ ซึ่งถ้าหากให้ชาวตะวันตกอ่านออกเสียงจะเป็น Nobi หรือ Noby ทำให้เข้าใจผิดเป็น Nobody ไปซะงั้น แต่ก็ยังเรียกว่า Noby นั่นแหละ อีกทั้งยังเปลี่ยนชื่อตัวละครอื่นๆ ด้วยเช่น ชิซูกะ – Sue, ซึเนโอะ – Sneech, ไจแอ้นท์ – Big G ส่วนน้องสาวไจแอ้นท์ ไจโกะ เปลี่ยนเป็น Little G 2. Suneo ก็มีชื่ออเมริกันเก๋ๆ ว่า Sneech …
-
18 ภาพถ่ายทางทหารที่ได้รับคัดเลือกว่าดีที่สุด จากวันชาติสหรัฐอเมริกาปีล่าสุด
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา ถือเป็นวันประกาศอิสระภาพและวันชาติของสหรัฐอเมริกา ในวันดังกล่าวได้มีการจัดงานเพื่อเฉลิมฉลองกันในหลายพื้นที่ และหนึ่งในผู้ที่จะขาดไม่ได้เลยสำหรับวันสำคัญอย่างนี้ก็คือ เหล่าทหารที่คอยช่วยปกป้องประเทศของพวกเขานั่นเอง และวันนี้เราก็มีภาพถ่ายทางทหารที่ได้รับคัดเลือกว่าดีที่สุด จากวันประกาศอิสรภาพสหรัฐอเมริกาปีล่าสุด มาฝากกัน ลองไปชมเลยดีกว่าว่าทหารต่างประเทศเค้าทำอะไรกันบ้าง… 1. ภาพของนายทหารที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหน่วย Black Knights ของฝูงบินขับไล่ยุทธวิธี (VFA) 154, ถ่ายเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2017 2. ปืนกลขนาด 0.5 ที่ติดตั้งอยู่บนเรือขีปนาวุธนำวิถี Arleigh Burke – USS Ross (DDG 71) ระหว่างที่กำลังแล่นข้ามมหาสมุทรนอร์เวย์, ถ่ายเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2017 3. เปลวไฟที่ออกมาจากเครื่องบิน Strike Eagle F-15E ระเข้าสนับสนุนปฏิบัติการแก้ปัญหาถาวร (Operation Inherent Resolve), ถ่ายเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2017 4. ลูกเรือของเฮลิคอปเตอร์ MH-60 Jayhawk กับภารกิจช่วยลูกเรือประมงในอลาสก้า, ถ่ายเมื่อวันที่…
-
เอางี้เลยนะ!? ชาวมะกันตั้งแคมเปญ “หันพัดลมไปที่พายุ” ไล่พายุเฮอร์ริเคนออกไปไกลๆ!!
หลายๆ ครั้งที่ภัยพิบัติทางธรรมชาตินั้นทำให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบนั้นเกิดความเครียดและความกังวล แต่ดูเหมือนว่าชาวมะกันผู้นี้จะมีวิธีรับมือกับความเครียดเหล่านั้นได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว คุณ Joshua Stanaland เจ้าของแคมเปญสุดฮานี้ ได้สร้างกิจกรรมตลกๆ บนเฟสบุ๊กเพื่อเชิญชวนชาวอเมริกามาร่วมใจกันเปิดพัดลมพร้อมกันและเป่าพายุเฮริเคนให้ไปไกลๆ จากพื้นที่ของพวกเขา โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นที่นิยมอย่างมากและมีผู้สนใจเข้าร่วมถึง 4 หมื่นคนเลยทีเดียว!! มาช่วยกันเถอะพวกเรา!! โดยกิจกรรมดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 7 กันยายนนี้ที่สหรัสอเมริกา ซึ่งในคำอธิบายคุณ Joshua ได้อธิบายไว้ว่า “นี่ทุกๆ คน ออกไปนอกบ้านของพวกคุณและเปิดพัดลมเพื่อไล่พายุเฮอริเคนไอม่า และไล่มันออกไปจากอเมริกากันเถอะ แต่ถ้าใครไม่มีพัดลมจะใช้เครื่องเป่าลม หรือว่าปืนลม หรือไดร์เป่าผมอะไรก็ได้นะ วันเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ปล. แต่เราจะไม่รับผิดชอบต่อปอดของคุณ ถ้าหากคุณเลือกใช้ปากเป่าลม” หลังจากนั้นเหล่าชาวมะกันที่จะเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวก็ได้เข้ามาคอมเม้นต์กันเป็นจำนวนมาก อย่างคนนี้บอกว่า เดี๋ยวเอาพัดลมทั้งบ้านไปช่วยเป่าเลย เดี๋ยวก่อน ถ้าเกิดพัดลมไปเพิ่มพลังให้เฮอร์ริเคนล่ะ จะทำไง? “ผมอาศัยอยู่ประเทศไทยแต่อยากร่วมด้วย ผมจะช่วยยังไงดี ผมมีพัดลมห้าตัว มันจะแรงพอมั้ยอ่ะ” ชาวเน็ตอีกท่านก็เข้ามาตอบว่า “ลองใช้เข็มทิศจัดตำแหน่งดูนะ พยายามให้ชัวร์ว่ามันจะไม่เป่ากันเอง” “โอเค เดี๋ยวผมจับพวกมันเชื่อมต่อกับ GPS จะได้ไม่เป่ากันเองจนเสียพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์” แต่ในขณะเดียวกัน ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครต้อนรับเจ้าเฮอริเคนไอม่านี้เลย จนมีชาวยุโรปการออกแคมเปญมาต้าน พร้อมกับบอกว่า…
-
ผลงานภาพถ่ายของ ‘สแตนลีย์ คูบริก’ กับวิถีชีวิตของปุถุชนคนนิวยอร์ก จากช่วงยุค 1940s
ภาพถ่ายต่างๆ ก็สามารถบอกเล่าเรื่องราวได้ผ่านเลนส์ของช่างภาพแต่ละคนที่ต่างกันออกไป ทั้งเรื่องของฝีมือและสิ่งที่ต้องการจะสื่อออกมา ยิ่งหากเป็นเรื่องราวในอดีตที่เราไม่มีโอกาสได้เห็นด้วยแล้ว นี่ก็คงจะเป็นสิ่งที่เราไม่อาจย้อนเวลากลับไปได้และต้องขอบคุณภาพเหล่านี้ที่ทำให้เราได้เห็นบรรยากาศเหล่านั้นโดยที่ไม่ต้องจินตนาการ Stanley Kubrick (สแตนลีย์ คูบริก) เป็นผู้กำกับหนังชาอเมริกันที่ใช้ชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 19 และเป็นทั้งนักเขียน โปรดิวเซอร์ ช่างภาพ ที่อาศัยอยู่ในอังกฤษช่วง 40 ปีสุดท้ายในสายอาชีพของตัวเอง การทำงานของเขาในตอนนั้นเต็มไปด้วยความพิถีพิถัน ความหลากหลายและความสามารถในการควบคุมศิลปะต่างๆ ให้ออกมาเป็นไปตามที่เขาต้องการ แต่ก่อนหน้าที่เขาจะเป็นผู้สร้างหนังต่างๆ มามากมาย เขาได้ทำงานเป็นช่างภาพให้กับนิตยสาร Look ในนิวยอร์ก จากจุดเริ่มตั้งแต่ปี 1945 ที่เขาได้ขายภาพให้กับทางนิตยสารเป็นครั้งแรก และได้เริ่มเข้าทำงานที่นี่ในปี 1946 จนถึงปี 1950 ตลอดการทำงานเขาได้เก็บประสบการณ์และมุมมองของคนในเมืองไว้มากมายกว่า 300 ชิ้นงาน เพื่อถ่ายทอดวัฒนธรรมและชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในเมืองนิวยอร์กแห่งนี้ การแต่งตัวในชุดลายจุด Polka Dot ของผู้หญิงในยุคนั้น เด็กหนุ่มกับการปีนข้ามรั้วเหล็กในเมือง การพลอดรักแบบไม่แคร์สายตาประชาชีบนบันไดหนีไฟ ไม่รู้ว่าหันมามองไกล หรือว่าการลงบันไดเลื่อนคนเดียวมันแปลกกันแน่ ภาพการเขียนระบายอารมณ์ของหญิงสาว เด็กหนุ่มทำงานรับขัดรองเท้าตามข้างถนน การทำงานหนักโดยไม่สนเรื่องของอายุ …
-
พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส!! คุณพ่อพยายามจับปลาที่ดั๊นเผลอว่ายเข้ามาในห้องนั่งเล่น
ตอนนี้ในหลายๆ พื้นที่กำลังประสบกับพายุฝนฟ้าคะนอง และสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นความกังวลสำหรับพี่น้องในบางพื้นที่นั่นก็คือปัญหาน้ำท่วมนั่นเอง แต่สำหรับคุณพ่อท่านนี้เรื่องน้ำท่วมบ้านนนั้นกลับไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลย และดูเหมือนพี่แกจะชอบเอามากๆ ซะด้วยนะ เมื่อไม่นานมานาได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของชายหนุ่มผู้หนึ่ง ที่กำลังพยายามอย่างจดจ่อที่จะจัดการกับเจ้าปลาที่เข้ามาอยู่ในห้องนั่งเล่นของเขาหลังจากทีมันดันหลงเข้ามาพร้อมกับมวลน้ำ จะไปไหนเจ้าปลา!? พ่อของคุณ Viviana Saldaña ชายหนุ่มกล้ามโตที่ออกมาปรากฏตัวในคลิปวิดีโอ กำลังพยายามที่จะจับเจ้าปลาที่กำลังว่ายอยู่ในบ้านของเขาที่เมือง Houston รัฐเท็กซัส เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากที่ถูกพายุเฮอริเคนลูกใหญ่เข้าเล่นงาน และหลังจากที่ใช้ความพยายามอยู่ไม่นาน ในที่สุดคุณพ่อก็สามารถพิชิตเจ้าปลาตัวนั้นได้สำเร็จ เขาจับมันโชว์ให้ลูกสาวของเขาดู พร้อมกับยิ้มด้วยความดีใจ ไปชมความพยายามของคุณพ่อท่านนี้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย “ทำไมเราต้องออกไปหาอาหารด้านนนอกด้วย ในเมื่อเรามีอาหารมาเสริฟถึงห้องนั่งเล่น” คุณ Viviana เขียนข้อความติดตลกผ่านทางทวิตเตอร์ของเธอ โดยปรกติแล้วพ่อของคุณ Viviana นั้นเป็นคนที่ชื่นชอบการตกปลาเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว บ่อยครั้งที่เขาและครอบครัวมักจะออกไปตกปลาต้วยกัน และล่าสุดพวกเขาก็เพิ่งออกไปจับปลาที่อ่าวในเม็กซิโกมา เจ้าปลาน้อย นายเสร็จฉันล่ะ!! ภาพของครอบครัวที่เผยให้เห็นว่าคุณพ่อนั้นชอบจับปลาเป็นชีวิตจิตใจเลยทีเดียว ตอนนี้เมือง Houston กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมอย่างหนัก เรือกู้ภัยกว่า 1,000 ลำถูกส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา และขณะนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมแล้วถึง 5 ราย ส่วนในบางพื้นที่นั้นน้ำได้เ้ขาท่วมสูงกว่าหนึ่งเมตร หลังจากที่พายุเคลื่อนผ่าน สภาพของเมือง Houston ที่กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่ในขณะนี้ ที่มา dailymail
-
สาวกลายเป็นฮีโร่… หลังเห็นมนุษย์ป้าพูดเหยียดผิวใส่พนักงานโรงแรม จนนำไปสู่การวางมวย
การได้เห็นคนอื่นทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง หลายๆ คนอาจจะมีวิธีการจัดการกับสถานการณ์ในวิธีที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหลายๆ ครั้งก็มักจะมองข้ามไป ไม่อยากยุ่ง เพราะไม่อยากจะมีปัญหาซะมากกว่า แต่สำหรับ Colleen Dagg แล้วต้องขอบอกเลยว่าเธอไม่ได้คิดแบบนั้น…. เพราะหลังจากที่ได้เห็นคุณป้ารายหนึ่งชื่อว่า Summer Cortts วัย 39 ปี กำลังพูดจาในเชิงเหยียดสีผิวกับพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เป็นชาวเฮติ อยู่ในบริเวณล็อบบี้ของโรงแรม La Quinta ภายในเมืองฟอร์ตลอเดอร์เดล รัฐฟลอริดา Colleen จึงอดไม่ไหวที่จะพูดเตือนเธอออกไปว่า ‘เงียบซะ’ จากนั้นมนุษย์ป้ารายนั้นก็หันมาด่ากราดเธอรัวๆ หลังจากที่ Summer กำลังพูดหาเรื่องและท้าทาย Colleen ก็คิดว่าอีกไม่นานคงได้ลงไม้ลงมือกันแน่ๆ เธอจึงเตรียมพร้อมด้วยการก้มลงไปถอดรองเท้า “เธอถอดรองเท้าออกมาทำไม จะเอามันมาตีชั้นเหรอ? คิดว่าชั้นกลัวเหรอ? เดี๋ยวชั้นก็จะตบเธอบ้างหรอก” Summer กล่าวท้าทายขณะที่เห็น Colleen กำลังถอดรองเท้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นท่าทีไม่ดี ก็รีบเข้ามาห้ามปรามเพราะกลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ Colleen ได้เล่าถึงสาเหตุที่เธอถอดรองเท้าว่า “ที่ฉันถอดรองเท้าออกก็เพราะตอนนั้นดูท่าไม่ดีแล้ว ถ้าหากว่าอีกฝ่ายมาแตะต้องตัวเมื่อไหร่ ฉันก็สามารถป้องกันตัวเองได้” พอเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาห้ามไม่ทันไร Summer ก็เดินเข้ามาผลัก Colleen…
-
เด็กชายวัย 4 ขวบ ถูกห้ามไม่ให้เข้าโรงเรียนเพราะไว้ผมยาว แต่คุณแม่กลับไม่คิดแบบนั้น…
เรื่องนี้อาจจะแปลกประหลาดสำหรับบ้านเราสักหน่อย เพราะบ้านเราไม่สามารถที่จะไว้ผมยาวๆ ได้ในช่วงตั้งแต่วัยเด็กจนถึงช่วงจบมัธยมปลาย แต่สำหรับเมืองนอกการไว้ผมยาวไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนักเมื่อเข้าไฮสคูล แต่สำหรับเด็กชาย Jabez Oates วัย 4 ขวบที่กำลังจะได้ไปเรียนวันแรกนั้น กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเขาเป็นเด็กชายที่ไว้ผมยาวมากๆ แน่นอนว่าเขาก็ตื่นเต้นที่จะได้ไปโรงเรียน เพราะเด็กชายบอกว่าเขาจะได้ฝึกสมองและหาความรู้ ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไปถึงโรงเรียนคือ ทางโรงเรียน Barbers Hill Independent Kindergarten Center ในฮูสตัน กลับไม่ยินยอมให้เขาเข้าเรียนซะอย่างนั้น โดยให้เหตุผลว่าเด็กชาย Jabez มีผมที่ยาว ซึ่งเด็กชายจะกลับไปเรียนได้ต้องตัดผมเสียก่อน ด้านเด็กชายก็เสียใจพอสมควร แต่คนที่เดือดสุดๆ ก็คงหนีไม่พ้นคุณแม่ของเขา Jessica Oates ผู้เป็นแม่ออกมาโวยวายใหญ่ว่าทำไมจะต้องให้ตัดผมลูกชายของเธอด้วย ลูกชายเธอไว้ผมมาตั้งแต่เกิดและเขาก็ชอบมันมาก!! แน่นอนว่าจากความหัวร้อนของคุณแม่เราก็รู้ได้เลยว่าเธอเป็นคนที่ซัพพอร์ตลูกมากๆ และไม่ปิดกั้นเลย เพราะเธอบอกว่าถ้าจะให้ตัดผมลูกชาย เธอก็จะตัดให้ แต่มันก็ต่อเมื่อลูกชายร้องขอเองเท่านั้น เธอจะไม่ริดรอนสิทธิในสิ่งที่ลูกเป็นอย่างแน่นอน… นอกจากนั้นเธอยังบอกว่าตอนแรกกฎของโรงเรียนยังอนุญาตให้ไว้ผมยาวได้ปกติอยู่เลย เพียงแค่ต้องมัดผมเท่านั้น แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันกลับไม่เป็นแบบนั้นซะได้ สุดท้ายเธอบอกว่า เธอเสียใจมากๆ เธอตั้งใจจะพาลูกมาเรียนยังที่แห่งนี้และเตรียมการมาอย่างดี นอกจากนั้นลูกชายของเธอก็ตื่นเต้นมากๆ เพราะพวกเขาไม่ใช่คนแถวนี้ การเจอเพื่อนใหม่ๆ จึงเป็นอะไรที่น่าสนุกสำหรับเขา…
-
15 สุดยอดภาพถ่าย “สุริยุปราคา” อันยิ่งใหญ่ และงดงามที่สุดแห่งปีนี้…
เมื่อวันจันทร์ที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมาได้เกิดปรากฏการณ์ สุริยุปราคาแบบเต็มดวงครั้งยิ่งใหญ่ในสหรัฐอเมริกา สุริยุปราคาได้เคลื่อนที่ผ่านชายฝั่งของสหรัฐ และเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในรอบ 99 ปี ทำให้การเกิดสุริยุปราคาในครั้งนี้มีผู้คนออกมาเฝ้ารอชมเป็นจำนวนมาก การเกิดสุริยุปราคาเป็นปรากฏการฯณ์ทางธรรมชาติที่ดวงจันทร์โคจรระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ในแวเดียวกัน ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก ประชาชนคนต่างๆ ก็ตื่นเต้นและบันทึกภาพไว้เป็นประวัติศาสตร์ และนี่คือส่วนหนึ่งของภาพที่ดีที่สุดในครั้งนี้ 1. เครื่องบินที่บินผ่านขณะกำลังเกิดสุริยุปราคา กลายเป็นภาพสุดงดงาม 2. ภาพที่เหมือนกับตัดต่อ แต่คือภาพที่ถ่ายมาได้อย่างพอดี 3. The Great American Eclipse ที่โอเรกอน มีผู้คนนับล้านที่ออกมาดูในเวลาประวัติศาสตร์นี้ 4. เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่และทุกคนจับตามอง 5. โลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ เดินทางมาคู่ขนานกัน 6. สุริยคราสแบบเต็มดวงจะมีให้เห็นได้ไม่บ่อยนัก 7. ขณะที่กำลังเกิดสุริยคราส เงาที่ตกกระทบบนพื้นก็ดูแปลกไป 8. ดูเหมือนกับวงแหวนแห่งไฟที่น่ากลัว 9. จากการมองจากเครื่องบินเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก 10. ช่วงเวลาการเกิดสุริยุปราคาจากรัฐไอดาโฮ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา …
-
ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ ค้นพบเรือสหรัฐฯ ที่เคยจมหายไปใต้มหาสมุทร เมื่อ 72 ปีก่อน..!!
นับว่ากำลังเป็นข่าวดังไปทั่วโลก หลังจากที่ Paul Allen หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ และทีมของเขา ได้ค้นพบเรือ USS Indianapolis ที่เคยจมหายไปตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ทีมของ Paul Allen ได้ประกาศค้นพบเรือที่เคยใช้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการที่ฮิโรชิม่า ณ มหาสมุทรแปซิฟิคเหนือ ในระดับความลึก 5,500 เมตร USS Indianapolis ข้อความจากทวีตเตอร์ของ Paul Allen หลังจากที่ทีมของเขาค้นพบซากเรือดังกล่าว “ในฐานะอเมริกันชน ผมอยากจะให้เกียรติเหล่าทหารกล้าที่ได้ร่วมปฏิบัติภารกิจในครั้งนั้น ทว่าพวกเขาไม่มีโอกาสได้กลับไปเจอครอบครัว เพราะนั่นคือสิ่งที่พวกเขายอมเสียสละให้แก่เราทุกคน ผมเชื่อว่าใครที่มีญาติที่เคยปฏิบัติภารกิจอยู่บนเรือลำนี้ จะต้องรู้สึกผูกพันกับการค้นพบครั้งนี้แน่นอน” Paul Allen ให้สัมภาษณ์ สภาพส่วนหนึ่งของเรือ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 1945 ในช่วงสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 USS Indianapolis เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการทิ้งขีปนาวุธที่ฮิโรชิม่า และนางาซากิ ทว่าระหว่างการปฏิบัติภารกิจ เรือลำนี้กลับถูกโจมตีโดยกองทัพญี่ปุ่น…
-
Krispy Kreme เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ “โดนัทชุบช็อกโกแล็ต” ครั้งแรกในรอบเกือบศตวรรษ!!
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!! ว่านับตั้งแต่แบรนด์โดนัทชื่อดังอย่าง Krispy Kreme ที่เปิดขายและรักษาแนวทางมานานกว่าเกือบ 100 ปี ก็ถึงเวลาที่ก้าวออกมาจากกรอบเดิมพร้อมเปิดตัวสินค้าตัวใหม่ ที่แม้แต่แฟนๆ ก็ไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้น!! เพราะก่อนหน้านี้ตั้งแต่โดนัทแบรนด์นี้ผลิตโดนัทมา พวกเขายังไม่เคยเอาโดนัททั้งอันไปชุบช็อคโกแลตเลยแม้แต่ครั้งเดียว จะมีก็แต่ช็อคโกแลตแปะอยู่ข้างบนเท่านั้น ซึ่งเมนูนี้มีชื่อว่า Eclipse ส่วนสาเหตุที่ทำให้แบรนด์นี้ตัดสินใจออกโดนัทชนิดนี้ เรียกว่าเป็นเหตุผลที่เหลือเชื่อมากๆ เพราะพวกเขาจะเปิดขายโดนัทวันเดียวกับการเกิดสุริยุปราคาครั้งแรกในรอบ 99 ปี ของอเมริกาแบบเต็มๆ ปรากฏการณ์ครั้งใหม่ของโดนัทเคลือบน้ำตาลจาก Krispy Kreme ที่จะกลายเป็นช็อกโกแลตทั้งอัน!! Jackie Woodward หัวหน้าฝ่านการตลาดของ Krispy Kreme ก็ได้ออกมาพูดเสริมว่า “สุริยุปราคานั้นถือเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากและมันยังสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่มากๆ ให้กับผู้คนทั่วอเมริกา ฉะนั้นการกินโดนัทคู่กับการดูเหตุการณ์นี้ จึงถือเป็นอะไรที่เยี่ยมสุดๆ แล้ว” ถ้าใครสนใจและอยากจะกินนั้นก็ต้องรีบหน่อยนะ เพราะว่าเมนูนี้จะขายเพียงแค่ 3 วัน!! ซึ่งจะขายในวันที่ 19 ไปจนถึง 21 สิงหาคม 2017 หรือก็คือวันเดียวกับสุริยุปราคาที่ว่านั่นเอง ที่สำคัญจะมีขายแค่ในอเมริกาและแคนนาดาเท่านั้น ถ้าใครเป็นแฟนก็ถึงเวลาแล้ว ซื้อตั๋วแล้วบินไปซื้อมาซะ!! ถ้าสนใจจริงๆ…
-
กองทัพเกาหลีเหนือออกมาเดินสวนสนาม ประกาศแสนยานุภาพ เพื่อตอบโต้สหรัฐอเมริกา…
หลังจากที่มีข่าวคราวเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและเกาหลีเหนือที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในขณะนี้ ล่าสุดทางเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานถึงความเคลื่อนไหวอีกระลอกกับสถานการณ์ในช่วงนี้ โดยทางเกาหลีเหนือได้มีการประกาศแสนยานุภาพของพวกเขา ด้วยการเดินสวนสนามของทหารกว่าหมื่นนายใจกลางกรุงเปียงยาง เผยให้เห็นภาพการตั้งแถวของนายทหารเกาหลีเหนือบริเวณหน้าอนุสาวรีย์ของพรรคแรงงาน นายทหารหลายหมื่นนาย ที่ออกมาสวนสนามเพื่อสนับสนุนท่านผู้นำคิม เมื่อเช้าวันที่ 11 สิงหาคม 2017 สำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือได้ออกมาเตือนสหรัฐอเมริกาว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่นั้นอาจก่อให้เกิดสงครามขึ้นเมื่อใดก็ได้ หนึ่งในคำปราศัยระหว่างการสวนสนามกล่าวว่า พวกเขามีความแน่วแน่ที่จะยุติความเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นมิตรของสหรัฐอเมริกาที่กดขี่พวกเขามาเป็นเวลานานกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว สหรัฐอเมริกาและประเทศพันธมิตรจะต้องชดใช้ให้สาสมกับสิ่งที่พวกเขากดดันเกาหลีเหนือ การออกมาสวนสนามครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการที่สหรัฐฯ ออกมาเตือนเกี่ยวกับการพัฒนาด้านแสนยานุภาพของเกาหลีเหนือ นอกจากการประกาศครั้งนี้แล้ว ทางเกาหลีเนือยังได้ประกาศว่าพวกเขาพร้อมที่จะยิงขีปนาวุธ 4 ลูก เพื่อโจมตีเกาะกวมอันเป็นฐานที่มั่นของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย และท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียด ทางการจีนได้ออกมาเสนอตัวเป็นคนกลางในการเจรจาเรื่องนี้ ทางด้านสำนักข่าวจีน Global Times ได้ออกมากล่าวว่าทั้งสองชาติกำลังทำให้เกิดสถานการณ์ที่ล่อแหลม และอาจเป็นการจุดชนวนนำไปสู่สงครามอีกด้วย นายทหารกว่าหมื่นนาย ออกมาเดินขบวนและสวนสนามบริเวณหน้าอนุสาวรีย์พรรคแรงงาน . . รูปของท่านผู้นำ ที่ถูกนำมาแสดงในการสวนสนามครั้งนี้ . เหล่านายทหารและสีหน้าที่ขึงขังของพวกเขา ที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่จะสนับสนุนท่านผู้นำ ทางด้านเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ก็มีการจัดพิธีส่งมอบหน้าที่ผู้บังคับการในฐานทัพของกองทัพสหรัฐฯ ที่ตั้งอยู่ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้เช่นเดียวกัน …
-
สงครามกำลังมา แต่พอถามคนอเมริกันว่า “เกาหลีเหนือ” อยู่ตรงไหน กลับไม่มีใครตอบได้!!?
เมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ของเกาหลีเหนือ กับประชาคมโลกนั้น ประเทศส่วนใหญ่ก็มักจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า เกาหลีเหนือแย่แบบนั้น แย่แบบนี้ อยากจะงัดกันให้รู้แล้วรู้รอด โดยเฉพาะกับชาวอเมริกาที่ดูจะไม่ชอบหน้าเหลือเกิน และด้วยเรื่องราวความบาดหมางที่มันน่าสนใจจริงๆ นี้ ทำให้ทางช่อง Jimmy Kimmel รู้สึกสนใจว่า เออ…คนอเมริกันชอบว่าเกาหลีเหนือซะเหลือเกิน ใครๆ ก็บอกอยากจะบุกไป แต่ถ้าไปถามคนตามท้องถนนทั่วไป พวกเขาจะรู้ไหมว่าเกาหลีเหนืออยู่ส่วนไหนของโลก? เชื่อเถอะว่าผลมันออกมาน่าตกใจมากๆ เลยล่ะ… เกาหลีเหนืออยู่ไหนกันเอ่ยยย? ถามสาวคนนี้ว่า อเมริกาควรจะตอบโต้เกาหลีหรือไหม เธอก็ตอบว่า ควร!! แต่พอถามว่าแล้วเกาหลีอยู่ไหนเธอกลับบอกว่าไม่รู้ซะงั้น จากนั้นก็มาถามสาวคนถัดไปว่าเกาหลีเหนืออยู่ไหน เธอคนนี้ดันชี้ไปที่ตะวันออกกลางซะงั้น เอ้า!! เช่นเดียวกับสาวผิวสีคนนี้ที่ชี้ไป แถวๆ แคนนาดาเฉยเลย พิธีกรเลยบอกว่า รู้ปะอะไรทำให้เกาหลีเหนือน่ากลัว? คำตอบคือ เกาหลีเหนือมีอยู่ทุกทียังไงล๊าาา ยิงสาวคนนี้ที่ตอบคำถามที่ว่าควรส่งทหารเข้าไปเกาหลีเหนือไหม เธอก็ตอบว่าน่าจะควรนะ แต่ก็ดันชี้ไปที่อาร์ติกเฉยเลย นี่เธอจะไปบุกเขานะ!! ด้านพ่อหนุ่มคนนี้ก็ดันไปชี้เวียดนามซะงั้น เฮ้ นี่นายจะเริ่มสงครามเวียดนามอีกรอบเหรอ!!? แต่อย่างน้อยพ่อหนุ่มเครางามคนนี้ก็ยังเดาได้ใกล้เคียงว่ามันอยู่แถวไหน พอถามสาวคนนี้ว่าเกาหลีเหนืออยู่ไหนเธอก็ตอบไม่ได้ แต่พอถามว่าแล้วตอนนี้ตัวเองอยู่ตรงไหน ก็ดันตอบถูกซะงั้น!! ก็ถือเป็นเรื่องที่แปลกและตลกในเวลาเดียวกัน ว่าเราเชื่อกันมาตลอดว่าเราอยากไปบุกเกาเหลีเหนือ…
-
สาวอเมริกันครองแชมป์อกใหญ่ที่สุดในโลก ในขณะที่ไทยอยู่ในอันดับที่ 101 จาก 108 ประเทศ
อกใหญ่เรื่องเล็ก อกเล็กสิเรื่องใหญ่ กับสิ่งที่รบกวนใจสาวๆ มากมายมาโดยตลอด ทำไงได้ก็มารดาหนูให้มาแค่นี้ จบความสงสัยไร้ซึ่งข้ออ้าง เพราะตอนนี้งานวิจัยได้ออกมาชี้ชัดแล้ว!! เมื่อ Journal of Female Health Sciences ได้ตีพิมพ์งานวิจัยที่ทำการศึกษาขนาดหน้าอกของผู้หญิง จากข้อมูลของสาววัย 28-30 ปีจำนวน 11,682 คน จาก 108 ชนชาติทั่วโลก ผู้วิจัยได้กล่าวว่า “ผลการศึกษาทำให้เห็นได้อย่างแน่ชัดแล้วว่าขนาดหน้าอก กับประเทศที่เกิดนั้นมีความสัมพันธ์กัน เช่น ผู้หญิงที่เกิดในอเมริกาจะมีขนาดหน้าอกที่ใหญ่มากที่สุด ในขณะที่หากเกิดในแอฟริกาและเอเชีย โดยเฉพาะฝั่งเอเชียตะวันออก ก็จะมีขนาดหน้าอกที่เล็กที่สุด” โดยเฉลี่ยแล้วขนาดหน้าอกของสาวอเมริกันจะอยู่ที่คัพ D (ระบบขนาดอเมริกัน) และผู้หญิงจากหลากหลายประเทศในแอฟริกาและเอเชียจะเฉลี่ยอยู่ที่แค่คัพ A หรือน้อยกว่านั้น ซึ่งประเทศไทยเราไม่น้อยหน้าชิงอันดับ 101 จาก 108 มาได้ ถึงเราจะได้อันดับต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ หรือลาวก็แทบจะไม่ได้ต่างกันเลย เมื่อดูตามขนาดหน้าอกที่ว่าแล้ว แต่อย่างอเมริกาที่มีค่าเฉลี่ยสูงมากนั้นก็เพราะว่า หน้าอกสาวอเมริกันมีแนวโน้มที่จะมีทรงกลม ซึ่งสามารถเติมเต็มขนาดของหน้าอกได้มากกว่าทรงอื่นๆ นั่นเอง …
-
ประทับใจ!! อดีตทหารออกบินไปทั่วอเมริกา เพื่อช่วยเหลือสัตว์จรจัดมากกว่า 700 ตัว
แม้ในทุกๆ วันเราอาจจะได้ยินข่าวที่ไม่ค่อยสู้ดีอยู่บ่อยๆ แต่ต้องยอมรับเลยว่าความจริงแล้วยังมีเรื่องราวดีๆ และน่าชื่นชมมากมายเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ในทุกๆ วันเช่นกัน เหมือนดั่งเช่น เรื่องราวของอดีตทหารผ่านศึกคนนี้ ที่เดินทางไปทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อช่วยชีวิตสัตว์มากกว่า 700 ตัว โห…สุดยอด!! Paul Steklenski อดีตทหารขับรถถังวัย 45 ปี จากเมือง Schwenksville รัฐเพนซิลเวเนีย ยอมควักเงินในกระเป๋าตัวเองจำนวน $65,000 (ราวๆ 2,100,000 บาท) ในการซื้อเครื่องบินเพื่อออกเดินทางช่วยเหลือสุนัขจรจัดทั่วอเมริกา โดยก่อนหน้าที่จะมีเครื่องบินบรรทุกสัตว์ส่วนตัว Paul จะเช่าเครื่องบินจากรัฐเพนซิลเวเนีย เพื่อบินไปยังรัฐนอร์ทแคโรไลนา ก่อนจะนำสัตว์ที่ช่วยเหลือไปยังพื้นที่ในนิวยอร์ก โดยในปี 2013 เข้าได้เรียนและฝึกฝนการบินเป็นกิจกรรมอดิเรก และในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเขาก็มีความรู้สึกที่อยากจะช่วยเหล่าสัตว์จรจัดด้วย และด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นแรงบันดาลใจให้เขาทำการสอบใบอนุญาตขับเครื่องบิน สำหรับ Paul แล้ว เรียกได้ว่าเขาได้สร้างเรื่องราวสุดประทับใจจนทำให้ผู้คนโดยเฉพาะคนรักสัตว์ ซาบซึ้งในน้ำใจของไปตามๆ กัน โดยเขาได้ใช้ใบอนุญาตการบินที่ได้ผ่านการฝึกฝนมา เพื่อนำไปช่วยชีวิตสัตว์ผู้น่าสงสารได้มากมาย ในเดือนพฤษภาคมปี 2015 เขาได้จัดตั้งมูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ Flying Fur…
-
กลับมาอีกครั้ง!! “Ke$ha” ปล่อยเพลงใหม่ล่าสุด หลังหายไปเรื่องคดีความนานถึง 4 ปี…
หลังจากตกเป็นข่าวดังเมื่อช่วงปีที่แล้วเกี่ยวกับการฟ้องร้องการถูกคุกคามทางเพศโดยโปรดิวเซอร์ของค่าย แต่ผลออกมากลับเป็นฝ่ายเธอที่พ่ายแพ้เนื่องจากศาลยกฟ้องคดีดังกล่าวเพราะมีหลักฐานไม่เพียงพอ สำหรับใครที่ยังไม่ทราบประเด็นดังกล่าว สามารถตามอ่านข่าวเก่าๆ ได้ที่ – ประเด็นร้อน!! นักร้องสาว Ke$ha ถูกโปรดิวเซอร์ข่มขืน ศาลยกฟ้อง และบีบบังคับให้อยู่ในค่ายตามสัญญา – Dr.Luke ออกมาปฏิเสธข่าวข่มขืนนักร้องสาว Ke$ha “ผมไม่เคยข่มขืนเธอ” – แถลงการณ์จาก Sony ช่วยเรื่องสัญญาของ Kesha ไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับโปรดิวเซอร์โดยตรง!! – Kesha เผย Sony พร้อมยกเลิกสัญญาของเธอ เพียงบอกว่า “เธอไม่เคยโดนข่มขืนมาก่อน” – ปิดมหากาพย์ Kesha ถอนฟ้อง Dr. Luke เพราะคดีไม่คืบหน้า ขอสู้ด้วยดนตรีแทน!!! แต่หลังจากที่หายหน้าหายตาไปเกือบๆ 4 ปี คราวนี้เธอกลับมาอีกครั้งพร้อมกับปล่อยเพลง Praying ให้แฟนๆ ของเธอได้หายคิดถึงกันอีกครั้ง… เพลงดังกล่าวเป็นหนึ่งในอัลบั้ม Rainbow ซึ่งเป็นอัลบั้มล่าสุดของเธอ มีการวิเคราะห์กันว่าในบทเพลงจะพูดถึงตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์ และเกี่ยวกับเรื่องราวร้ายที่อดีตโปรดิวเซอร์ Dr. Luke เคยทำกับเธอ เพลง Praying ได้แรงบันดาลใจมาจากคำสอนของศาสนาคริสต์เกี่ยวกับพระเจ้าซึ่งได้ฝีมือการเขียนเพลงของ…
-
อุทาหรณ์ “อ่านข่าวปลอมในเน็ต” นำไปสู่การปลุกระดมเพื่อประท้วง จนมีคนบาดเจ็บจริงๆ!!
เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ประท้วงบางอย่างขึ้นที่รัฐเพนซิลเวเนีย ทว่าการประท้วงครั้งนี้กลับเป็นอุทาหรณ์ที่ดีให้ชาวเน็ตทั่วโลกได้จดจำกันเอาไว้ โดยสำนักข่าวท้องถิ่นจากรัฐเพนซิลเวเนีย ได้รายงานว่าเมื่อวันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม ได้มีกลุ่มคนออกมารวมตัวประท้วงกันที่ Gettysburg National Military Park หลังมีการประกาศบนเฟซบุ๊กว่าจะมีกลุ่มคนมารวมตัวเพื่อเผาทำลายธงสมาพันธรัฐอเมริกา เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มจากเพจที่มีผู้ติดตามเพียงร้อยกว่าคน ได้เผยแพร่เนื้อหาเกี่ยวกับกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ‘Antifa’ ในเนื้อหามีการระบุว่ากลุ่ม ‘Antifa’ เป็นกลุ่มแอคทิวิสต์ผู้ต่อต้านระบบลัทธิฟาสซิสต์ นอกจากนั้นยังมีการเชื้อเชิญกลุ่มผู้ที่ต้องการประท้วงโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ออกมารวมตัวกันที่ Gettysburg National Battlefield พร้อมทั้งนำธงสมาพันธรัฐของสหรัฐมาเผาทำลายด้วยเช่นกัน จากนั้นก็ได้มีเพจที่ชื่อว่า Harrisburg Antifa ซึ่งมีผู้ติดตามเพียงหลักร้อย ได้ออกมาโพสต์ข้อความแนวปลุกระดม ดูเหมือนว่าวิธีนี้จะได้ผล เพราะไม่กี่วันต่อมาได้มียูทูปเบอร์ TheDelawarePatriot ได้ออกมาเชื้อเชิญผู้ติดตาม ให้ออกมารวมตัวต่อต้านการกระทำของกลุ่ม ANTIFA ในวันนัดหมาย จนต่อมาวันที่ 21 มิถุนายน ได้มีชาวเน็ตไม่ระบุตัวตนออกมาโพสต์ข้อความในกลุ่มเว็บบอร์ดการเมืองท้องถิ่น ด้วยข้อความยุโยงปลุกปลั่นให้เกิดความรุนแรง ข่าวลือดังกล่าวกลายเป็นเรื่องใหญ่โตมากยิ่งขึ้น เมื่อ Jack Posobiec นักเขียนการเมืองคนหนึ่ง ได้นำข้อความดังกล่าวมารีทวีต ถึงแม้ว่าภายหลังเจ้าตัวจะพยายามแชร์ข่าวนี้ พร้อมทั้งประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ว่ามันเป็นข่าวปลอม…
-
พ่อดักจับหนุ่มโรคจิตส่งข้อความคุกคามลูกสาว หลังแจ้งตำรวจแล้วแต่ไม่ดำเนินการอะไรเลย
ยุคนี้การเข้าถึงตัวบุคคลสามารถที่จะทำได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่ทำได้แค่สุ่มโทรเข้าเบอร์บ้าน และด้วยอินเตอร์สมัยนี้จึงทำให้โรคจิตสามารถที่จะโจมตีเหล่าสาวๆ ได้อย่างไม่ยากเย็นด้วยการสืบหาข้อมูลจากโปรไฟล์ในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค เรื่องราวในครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อคุณพ่อท่านหนึ่งในสหรัฐอเมริกาสามารถจับตัวหนุ่มโรคจิตวัย 33 ปีได้คาหนังคาเขา หลังจากที่โรคจิตคนดังกล่าวส่งข้อความหาลูกสาววัย 15 ปี ของเขาด้วยข้อความลามกอนาจาร นี่ยังไม่รวมทั้งรูปโป๊ของตัวชายโรคจิตอีก คุณพ่อคนเก่งได้เล่ากับสำนักข่าว KOCO 5 ว่า “ผมได้เตรียมการทุกอย่างกับลูกสาวไว้เรียบร้อย และพวกเราก็พร้อมมากๆ ในตอนนั้นที่จับชายโรคจิตคนดังกล่าว” โฉมหน้าของคุณพ่อคนดังกล่าว ซึ่งเขาไม่ได้เปิดเผยชื่อของตัวเอง โดยเขาให้ลูกสาวทำเป็นเชิญชวนชายคนดังกล่าวมาที่บ้านที่รัฐโอคลาโฮมา ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดถูกจับไว้ได้ด้วยกล้องวงจรปิด ตัวชายโรคจิตได้ถูกนัดให้มาเจอกับเด็กสาวที่เต้นท์บริเวณสวนของบ้านและถูกหลอกว่าตัวเธอจะรออยู่ในเต้นท์ เมื่อถึงเวลาชายโรคจิตคนดังกล่าวก็โผล่มาจริงๆ เขาเดินไปเช็คดูที่เต้นท์ทันทีตามที่ถูกนัดไว้ ซึ่งในเต้นท์ก็มีหญิงสาวอยู่จริงๆ แต่ไม่ใช้เด็กสาวที่เขานัดไว้ทว่ากลับเป็นหญิงสาวที่โตกว่า และวินาทีที่เขาเปิดออกมาคนในครอบครัวคนหนึ่งกระโดดออกมารวบตัวชายโรคจิตทันที จากนั้นก็ตามมาด้วยคนอื่นๆ อีกเพียบ!! วินาทีนั้นชายโรคจิตรู้ตัวทันทีว่าเขาได้ถูกหลอกแล้ว และเมื่อเขาถูกรวบตัวคุณพ่อก็ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที คุณพ่อยังบอกอีกว่าเขาค้นเจอถุงยางอนามัยในกางเกงของชายโรคจิตด้วย งานนี้เรียกว่ากะเตรียมพร้อมสุดๆ จากรายงานของตำรวจก็ได้พบว่าผู้ต้องหามีชื่อว่า Jeremy Dewayne Gibson ซึ่งเขาได้ถูกตั้งข้อหาใช้เทคโนโลยีล่อลวงผู้เยาว์ ทางด้านครอบครัวผู้เสียหาย แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่ทางด้านตำรวจก็บอกว่าการวางแผนแบบนี้อาจจะก่อให้เกิดอันตรายกับพวกเขาได้ ถ้าเกิดว่าโรคจิตคนดังกล่าวมีอาวุธหรือแข็งแรงกว่านี้ แต่ตำรวจก็ยอมรับว่าจะโทษทางครอบครัวก็ไม่ได้ เพราะเป็นใครก็ต้องห่วงใยลูกๆ ของตัวเองอยู่แล้วนั่นเอง…
-
พบกับคุณปู่เมกัน ผู้ครอบครอง “อาวุธสงคราม” เยอะที่สุดในประเทศ จะปืนหรือรถถังมีหมด!!
เราก็คงจะพอทราบกันดีว่าในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น การครอบครองอาวุธปืนถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ เพราะในหลายๆ รัฐนั้นอนุญาตให้ชาวเมืองทั่วไปสามารถเดินไปซื้อปืนจากร้านได้สบายๆ เพียงแค่มีเงินก็พอแล้ว แต่ปกติแล้วคนทั่วไปก็จะซื้อกันมาเพียงกระบอกสองกระบอกเพื่อใช้ในการป้องกันตัวเท่านั้น แต่ตาลุง Mel Bernstein วัย 71 ปี จากรัฐโคโลราโด คนนี้แกไม่พกแค่นั้น เพราะแกเล่นพกกันเป็นคลังแสง ที่สำคัญมีรถถังอีกเพียบ!! ตาลุง Mel นั้นเป็นที่รู้จักกันในวงการนักสะสมปืนว่า Dragon Man เพราะตัวรถฮาเล่ย์เดวิดสันของแกมันเป็นมังกรนะสิ…อะไร ไม่เชื่อเหรอ ไม่เชื่อก็ดูแล้วจะรู้ว่ามังกรจริงๆ !! ทะยานไปเลยเฟรมไคเซอร์!! กลับกันมาที่ตัวลุง Mel กันต่อ ตัวลุงแกนั้นเริ่มสะสมปืนก็เมื่อตอนที่ตัวเขาเองอยู่ในนิวยอร์คแล้ว เพราะลุงแกให้เหตุผลของการสะสมปืนว่า เวลามีปืนอยู่ในห้องนอนหรือใกล้ๆ ตัว ลุงจะรู้สึกผ่อนคลายสบายใจและปลอดภัย พอเป็นแบบนั้นแล้ว รู้อีกทีลุงก็มีอาวุธครบมือตั้งแต่ปืนกล รถถัง ลากยาวไปยันอาวุธสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง จนตอนนี้ของสะสมของลุงก็กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ทางการทหารไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญในหนึ่งวันจะมีคนมาเยี่ยมเยียนลุงแกมากกว่า 200 คนเลยทีเดียว ส่วนถ้าใครสงสัยว่ามันเยอะขนาดตั้งพิพิธภัณฑ์ได้เลยเหรอ คำตอบก็คือลุง Mel มีปืนในครอบครองถึง 200 กระบอก พาหนะทางการทหารอีกกว่า 20 คัน รวมถึงระเบิดมือ เครื่องยิงจรวดและอื่นๆ…
-
จากผลสำรวจปี 2015 สื่อนอกยก ‘Detroit’ เป็นเมืองที่แย่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา…
สหรัฐอเมริกาหนึ่งในชาติมหาอำนาจของโลก พวกเขาคือชาติที่เต็มไปด้วยการพัฒนาต่างๆ มากมายและมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง แต่ถึงแม้จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วก็ยังคงมีเรื่องหนึ่งที่หนีไม่พ้นนั่นก็คือปัญหาพื้นที่เสื่อมโทรมนั่นเอง ในปี 2015 ทางเว็บไซต์ 24/7 Wall Street ได้จัดอันดับความน่าอยู่ของเมืองที่มีประชากรมากกว่า 65,000 คนทั้งสิ้น 551 เมือง โดยพวกเขาได้แบ่งเกณฑ์การให้คะแนนออกเป็น 9 ด้านประกอบด้วยด้านอาชญากรรม, เศรษฐกิจ, ประชากร, การศึกษา, สิ่งแวดล้อม, สุขภาพ, ที่อยู่อาศัยโครงสร้างพื้นฐานและการพักผ่อนหย่อนใจ และนำมาวิเคราะห์กับปัจจัยอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งผลจากการศึกษาพบว่าเมืองที่เลวร้ายมากที่สุดนั้นได้แก่เมือง Detroit รัฐมิชิแกนนั่นเอง ที่เมืองนี้มีประชากรทั้งหมด 677,124 คน มีประชากรที่ยากจนคิดเป็น 39.8 เปอร์เซ็นต์และมีประชากรที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีเพียงแค่ 14.2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ถึงแม้ว่าเมืองนี้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพบว่ามีอัตราการจ้างงานที่ลดลง และรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนนั้นเหลือเพียงแค่ประมาณ 8 แสนต่อปีเท่านั้นซึ่งต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยรายได้ของครัวเรือนทั่วประเทศ นอกจากนี้ที่เมือง Detroit ยังเต็มไปด้วยอาชญากรรมอีกมากมาย จากการสำรวจพบว่าที่นี่มีอัตตราการเกิดอาชญากรรมสูงเป็นอันดับสองของประเทศ โดยมีผู้เสียชีวิตจากอาชญากรรมมากถึง 1,760 รายจากประชากร 1 แสนคนเลยทีเดียว ส่วนอันดับอื่นๆ จากการสำรวจนั้นพบว่าเมือง Birmingham รัฐ Alabama นั้นอยู่อันดับสอง และเมือง Flint…
-
ชายหนุ่มโพสต์ภาพเหยียด ชายชาวซิกข์บนเครื่องบิน และตั้งแง่ให้เขาเป็น ‘ผู้ก่อการร้าย’
กลายเป็นเรื่องที่สร้างกระแสความเกลียดชังบนโลกออนไลน์อีกครั้ง เมื่อหนุ่มชาวเน็ตรายหนึ่งได้โพสต์รูปของชายผู้นับศาสนาซิกข์ พร้อมกับข้อความที่ดูถูกและกล่าวหาว่าชายคนนี้เป็นผู้ก่อการร้าย… ผู้ใช้ Snapchat คนดังกล่าวได้โพสต์ภาพของเขาระหว่างอยู่บนเครื่องบิน ซึ่งในภาพเหล่านั้นมีรูปของชายชาวซิกข์ท่านหนึ่งปรากฏอยู่ด้วย แต่ด้วยเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการหรืออย่างไร พี่แกกลับใส่แคปชั่นแบบไม่คิดหน้าคิดหลังตลอดการเดินทาง แต่เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อชายชาวซิกข์คนดังกล่าวมานั่งที่เบาะหลังของเขา ชายหนุ่มก็ยังคงถ่ายรูปพร้อมกับข้อความที่บอกว่า “ผมยังมีชีวิตอยู่ ” และในภาพต่อมาเขายังคงไม่หยุดการกระทำดังกล่าว ชายหนุ่มจับภาพของชายชาวซิกข์ท่านเดิมพร้อมกับแคปชั่นว่า “ได้โปรดพระเจ้า ปล่อยให้เขาหลับเถอะ” ก่อนที่ภาพสุดท้ายชายคนดังกล่าวจะลาไปด้วยภาพของตัวเองและบอกว่า “เมื่อกี้ เขาเดินไปที่ท้ายเครื่องแล้วก็วนไปที่หน้าเครื่อง ก่อนที่จะกลับมานั่งที่เดิม” และปิดประโยคนี้ด้วยรูปใบหน้าแสดงความตกใจ ภาพจากแอพฯ Snapchat ที่ถูกเผยแพร่ออกมา . ภาพชุดดังกล่าวเชื่อว่ามีการโพสต์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และหลังจากนั้นนาย Simran Jeet Singh นักวิชาการเกี่ยวกับศาสนาจากมหาวิทยาลัย Trinity ซึ่งนับถือศาสนาซิกซ์เช่นกัน ได้โพสต์ภาพชุดดังกล่าวลงบนทวิตเตอร์ของเขา พร้อมกับข้อความที่เปรียบเทียบกับความคิดของคนทั่วไปที่มักจะคิดแบบนี้ชาวมุสลิมเช่นกัน หลังจากนั้นข้อความของคุณ Singh ก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตอย่างมาก มีผู้เข้ามารีทวีตถึง 6,800 ครั้งและแสดงความคิดเห็นอย่างล้นหลาม บางคนบอกว่า “ฉันหวังว่าพวกเราควรจะได้รับการเดินทางอย่างอิสระ โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะคิดอย่างไร” หรือบางคนก็บอกว่าการกระทำของชายคนดังกล่าวนั้นไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก จากเหตุการณ์ 9/11…
-
ร้อนจนต้องร้องขอชีวิต!! รัฐแอริโซนาอุณหภูมิพุ่งสูงเกือบ 50 องศา ร้อนจนละลายแทบทั้งเมือง
ในขณะที่บ้านเราอยู่ในหน้าฝน แต่อีกซีกหนึ่งของโลกอย่างรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกานั้นกำลังอยู่ในช่วงหน้าร้อน ถ้าคิดว่าที่ไทยร้อนแล้วล่ะก็ ขอบอกเลยว่าเด็กๆ เพราะตอนนี้ที่รัฐแอริโซนากำลังเผชิญกับอุณภูมิสูงถึง 48 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ส่งผลทำให้ผู้คนที่นั่นได้รับผลกระทบจากสภาวะอากาศร้อนนี้อย่างรุนแรง ทำให้หลายๆ คนเกิดอาการฮีทสโตรกหรือโรคลมแดด และไม่ใช่แค่คนเท่านั้น สิ่งของอื่นๆ ก็แทบจะทนความร้อนระอุสุดขีดเหล่านี้ไม่ไหวแล้ว ถ้าหากใครจินตนาการไม่ออกว่ามันร้อนขนาดไหนนั้น ลองไปชมภาพเหล่านี้กันเลย… แค่เห็นตัวเลขอุณหภูมิเหงื่อก็แตกแล้ว!! บ้านเราแค่ร้อนจนออกไปไหนลำบาก แต่ที่นี้ร้อนสุดๆ ถึงขั้นเครื่องบินไม่สามารถขึ้นบินได้เลย แม้แต่เสากล่องจดหมาย ยังต้องยอมสยบให้กับความร้อน รั้วบ้านเองก็เช่นเดียวกัน ไม่อาจต้านทานความร้อนแรงของที่นี่ได้เลยจริงๆ ขยะก็ยังละลาย!! สีทนไม่ไหวแล้วว้อยยย!! จากแผนที่แสดงอุณหภูมิของรัฐแอริโซนา จะเห็นได้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่มีอุณหภูมิสูงมาก ร้อนจนอบขนมในรถได้!! แหม่.. ดูท่าจะเอาจริงด้วยนะเนี่ย แม้แต่ตอนขับรถก็ยังต้องสวมถุงมือกันร้อนด้วย!! ร้อนแค่ไหนคิดดูละกัน น้องหมาเองก็ด้วย จะออกไปเดินนอกบ้านยังต้องใส่รองเท้าเลย เจอแบบนี้ แดดเดือนเมษาบ้านเรายังต้องชิดซ้ายเลยนะเนี่ย!! ที่มา buzzfeed
-
ศิลปินสาวสร้างสรรค์ผลงาน ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก “กฎหมายแปลกๆ” ในอเมริกา
หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายแปลกๆ ในสหรัฐอเมริกากันมาบ้าง และเมื่อไม่นานมานี้มีศิลปินสาวคนหนึ่งนามว่า คุณ Olivia Locher ได้สร้างสรรค์งานศิลปะโดยได้แรงบันดาลใจจากกฎหมายแปลกๆ ในรัฐต่างๆ ของอเมริกา บางกฎหมายนั้นมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานและถูกบังคับใช่มาตั้งแต่อตีด อย่างเช่นการห้ามเอาไอศกรีมโคนใส่ไว้ในกระเป๋าหลังกางเกงนั้นก็เพื่อเป็นการป้องกันการขโมยม้า เพราะหัวขโมยจะไม่สามารถเอาไอศกรีมเหน็บกระเป๋าพวกเขาตอนขโมยได้ ซึ่งอันที่จริงเรื่องแบบนี้คงไม่มีให้เห็นแล้ว แต่ทว่ากฎหมายดังกล่าวยังคงมีการใช้อยู่ และวันนี้เราก็ได้รวบรวมผลงานบางส่วนของเธอมาให้ได้ฝากกัน แต่ละผลงานจะน่าสนใจแค่ไหนไปชมกันเลย… 1. ในรัฐ Alabama นั้นการเอาไอศกรีมโคนใส่กระเป๋าด้านหลังกางเกงนั้นเป็นเรื่องผิดกฏหมาย 2. ในรัฐ Kentucky ถ้าหากว่าคุณทาสีสนามหญ้าให้กลายเป็นสีแดงนั้นถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย 3. ในรัฐ Minnesota คุณไม่สามารถข้ามถนนได้ถ้าหากมีนกเกาะอยู่บนหัว 4. ในรัฐ Arizona คุณไม่สามารถมีดิลโดติดบ้านไว้มากเกิน 2 อัน 5. ที่ Ohio การถอดเสื้อผ้าต่อหน้ารูปถ่ายของผู้ชายนั้นอาจทำให้คุณโดนจับได้เช่นกัน 6. ที่ Nevada ห้ามมิให้คุณเอาธงชาติมาปักไว้บนสบู่!! 7. และถ้าหากใครดั๊นทะลึ่งไปมีเซ็กส์กับรถยนต์ ใน Oklahoma ก็ผิดกฎหมายนะจ๊ะ 8. ที่รัฐ Connecticut แตงกวาดองของแท้ต้องเด้งได้ นั่นถึงจะเรียกว่าแตงกวาดองจริงๆ 9. คุณไม่สามารถเดินบนถนนพร้อมกับถือถุงกระดาษที่ใส่ไวโอลีนได้ ในรัฐ Utah …
-
สาวมะกันถึงกับเดือด…หลังโดนเจ้าหน้าที่เชิญออกจากห้างสรรพสินค้า เพราะแต่งตัวไม่สุภาพ!?
ใครๆ ต่างก็เข้าใจกันดีว่าสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยอิสระและเสรีภาพ ผู้คนเปิดใจรับกับความแตกต่างของผู้คนในสังคมมากกว่าทุกที่บนโลกใบนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นแบบนั้นเสมอไป เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหญิงสาววัย 20 ปี นี้มันช่างสวนทางกับคำกล่าวที่บอกว่า ‘ดินแดนแห่งเสรีชน’ ซะเหลือเกิน Hannah Pewee สาววัย 20 ปี จากรัฐมิชิแกนได้โพสต์ลงบนเฟซบุ๊คเล่าเรื่องราวว่าเธอถูกไล่ออกมาจากห้างสรรพสินค้าเพราะแต่งตัวไม่สุภาพ!? Hannah ได้ทำการโพสต์รูปภาพและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัวของเธอ ซึ่งภาพดังกล่าวนั้นเป็นภาพที่แสดงให้เห็นว่าชุดที่เธอสวมไปเดินห้างในวันนั้นเป็นอย่างไร จะเห็นได้ว่าชุดที่เธอใส่นั้นก็เป็นแค่เสื้อกล้ามลาย Finding Nemo และกางเกงยีนส์ขาสั้นแบบธรรมดาๆ ที่ไม่ได้ดูโป๊เปลือยแต่อย่างใด “ก็อย่างที่ทุกคนรู้ดีว่าในวันนี้ที่ทางตะวันตกของมิชิแกนมีอุณหภูมิสูงตั้ง 32 องศาเซลเซียส คือมันร้อนมาก แน่นอนว่าฉันก็เลยใส่เสื้อกล้าม กับกางเกงยีนส์ขาสั้นออกไปข้างนอก ซึ่งการแต่งตัวแบบนี้มันทำให้ฉันดูโป๊เกินไปจนโดนไล่ออกมาจากห้าง Woodland Mall ในวันนั้น ใช่แล้ว มีคนแปลกหน้าคนหนึ่งไปแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้าและบอกว่าฉันแต่งตัวไม่เหมาะสม ฉันก็เลยโดนไล่ออกมา มันทำให้ฉันรู้สึกโกรธมากๆ ตัวของฉันสั่นไปหมด ฉันรู้สึกอายมากจนแทบจะร้องไห้ นั่นก็เพราะว่ามีคนแปลกหน้าไม่พอใจกับการแต่งตัวของฉัน ห้างสรรพสินค้า Woodland Mall ควรจะละอายแก่ใจของตัวเอง เหมือนกับคนแปลกหน้าคนนั้นที่ไม่พอใจกับการแต่งตัวของฉัน ก็นี่มันร่างกายของฉัน และอากาศข้างนอกมันก็ร้อน ฉันคงจะไม่ออกไปข้างนอกพร้อมกับสวมกางเกงยีนส์ขายาวและเสื้อกันหนาวหรอกนะ ถ้าไม่ชอบก็เมินไปสิ แทนที่จะได้สนุกกับพี่สาวของฉัน แต่สิ่งที่ต้องเจอก็คือการถูกเชิญออกจากห้างฯ…
-
งานวิจัยเผย 7% ของคนอเมริกัน ยังคงเชื่อว่า ‘นมช็อคโกแลต’ มาจากวัวสีน้ำตาล..!?
ถ้าพูดถึงนมเราค่อนข้างมั่นใจว่าหลายคนชอบดื่มนมช็อคโกแลต เพราะมันทั้งหวานทั้งอร่อยไม่จืดชืดจนเกินไป และเป็นอย่างที่เรารู้กันนั่นแหละว่า กระบวนการมันเกิดมาจากการนำน้ำนมวัวกับช็อคโกแลตมาผสมกัน แต่เชื่อไหมล่ะว่าผลจากงานวิจัยล่าสุดของ Innovation Center of US Dairy ได้ทำการสำรวจแล้วพบว่ากว่า 7% ของคนอเมริกันยังเชื่อว่านมช็อคโกแลต ผลิตมาจากน้ำนมของวัวสีน้ำตาล!? โดยทีมวิจัยได้ทำการเก็บข้อมูลจากกลุ่มผู้มีอายุมากกว่า 18 ปี จำนวน 1,000 คน พบว่ากว่า 48% ของกลุ่มคนจำนวนนี้ไม่ทราบว่านมช็อคโกแลตนั้นมีที่มาจากอะไร และยังคงเชื่อว่านมช็อคโกแลตสีน้ำตาล ก็ต้องมาจากนมของวัวสีน้ำตาล!! ทีมวิจัยได้รายงานเพิ่มเติมว่า หากเทียบเป็นจำนวนประชากรทั้งหมดของสหรัฐฯ จะเท่ากับว่ามีชาวอเมริกันมากกว่า 16.4 ล้านคนที่ยังไม่รู้ว่านมช็อคโกแลตนั้นจริงๆ แล้วมีที่มาจากอะไรกันแน่ (เยอะกว่าจำนวนประชากรในรัฐโอไฮโอซะอีก) จะว่าไปนี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เกิดขึ้นซักเท่าไหร่ เพราะก่อนหน้านี้ได้มีงานวิจัยเกี่ยวกับที่มาของเนื้อในการทำเบอร์เกอร์ และพบว่า 1 ใน 5 ของประชากรอเมริกาไม่ทราบว่าเนื้อในเบอร์เกอร์ส่วนใหญ่นั้นทำมาจากเนื้อวัว Cecily Upton ผู้ก่อตั้งองค์กร FoodCorps ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักที่คนสมัยนี้จะเริ่มมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับอาหารที่พวกเขารับประทานบ่อยๆ น้อยลง คุณลองคิดดูสิสมัยนี้ถ้าเราต้องการอาหารก็แค่ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือไม่ก็ร้านอาหารฟาสต์ฟู๊ด มันสะดวกและง่ายซะจนคุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับอาหารเลยก็ว่าได้” “ความรู้ยังเป็นเรื่องที่สำคัญต่อประชาชน…
-
เปรียบเทียบ 20 ภาพของโลกในอดีตกับปัจจุบัน กับเหตุผลว่าทำไมต้องเซ็นสนธิสัญญาปารีส
หลังจากที่เมื่อช่วงสัปดาห์ก่อนที่ท่านประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา Donald Trump ได้ตัดสินใจยกเลิกสนธิสัญญาปารีสไป ก็ทำให้ผู้คนในหลายประเทศจับตามองถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปกับโลกของเรา เพราะสนธิสัญญาฝรั่งเศสเดิมนั้นมีไว้เพื่อป้องกันภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลก โดยในเนื้อหาสัญญาจะมีผลบังคับให้แต่ละประเทศลดการใช้เชื้อเพลิงที่มาจากฟอสซิลลง เพื่อป้องกันไม่ให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มสูงขึ้นถึง 2 องศาเซลเซียส ในทวีปแถบตะวันตก และตะวันออก ได้ให้การร่วมมือกันแทบจะทุกประเทศเว้นแต่ประเทศ Nicaragua และ Syria ซึ่งสองประเทศนี้ยังไม่เป็นที่น่ากังวลเท่าประเทศสหรัฐอเมริกาที่ถือได้ว่าเป็นตัวการใหญ่ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกรายหนึ่งนั่นเอง ตั้งแต่โลกของเราเข้าสู่ยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรมก็ผ่านมาแล้วเกือบ 70 ปี ด้วยกัน เราลองไปชมภาพถ่ายจากองค์กร NASA ที่จะมาแสดงให้เห็นกันแบบจะๆ ว่าที่ผ่านมาการทำอุตสาหกรรมได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรกับโลกไปแล้วบ้าง ภาพถ่ายธารน้ำแข็ง Muir ในอลาสก้าเมื่อปี 1941 กับปี 2004 ภาพถ่ายเทือกเขา Matterhorn ในประเทศ Switzerland ในปี 1960 เทียบกับ 2005 ภาพถ่ายจากดาวเทียมเปรียบเทียบสภาพภูมิประเทศของอุทยานแห่งชาติ Mount Elgon ใน Uganda เมื่อปี 1973 เทียบกับ 2005 เมือง Salta ประเทศ Argentina ในช่วงปี 2009…
-
ใครจะไปรู้!! 12 บริษัทที่เราคิดว่าเป็นอเมริกัน แต่ความเป็นจริงกลายเป็นของต่างชาติไปแล้วนะ…
ในชีวิตประจำวันของแต่ละคงจะเคยคลุกคลีอยู่กับสินค้าหรือข้าวของเครื่องใช้หลากหลายยี่ห้อมาบ้าง และสินค้าส่วนใหญ่ที่เราใช้ๆ กันอยู่นั้นก็มาจากบริษัทของต่างชาติทั้งสิ้น แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่าสินค้าหลายอย่างที่เราคิดว่ามาจากอเมริกานั้น บางทีเจ้าของอาจจะไม่ใช่ชาวอเมริกาแล้วก็ได้นะ!! อ่า.. แล้วจะมียี่ห้ออะไรบ้างนั้นไปชมกันเลย 1. Budweiser นักดื่มหลายๆ คนอาจจะคุ้นเคยกับเบียร์สัญชาติอเมริกายี่ห้อนี้กันเป็นอย่างดี แต่พวกเรารู้กันรึเปล่าว่าตอนนี้ Budweiser นั้นไม่ได้เป็นเบียร์สัญชาติอเมริกาอีกต่อไปแล้ว หลังจากในปี 2008 พวกเขาขายบริษัทให้กับ Anheuser-Busch InBev บริษัทเครื่องดื่มสัญชาติเบลเยี่ยมด้วยมูลค่าถึง 5 หมื่น 2 พันล้านเหรียญ 2. Ben & Jerrys ไอศกรีมที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของชาวอเมริกาที่ก่อตั้งจากสองเพื่อนรัก Ben Cohen และ Jerry Greenfield ได้ถูกซื้อโดยบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค Unilever สัญชาติดัช-อังกฤษ ในปี 2000 ด้วยมูลค่าสูงถึง 326 ล้านเหรียญ 3. Burger King ถ้าหากคุณไม่ใช่นักลงทุนหรือสนใจในข่าวเศรษฐกิจต้องไม่เคยรู้มาก่อนแน่ว่าตอนนี้ Burger King นั้นไม่ใช่บริษัทสัญชาติอเมริกันอีกต่อไปแล้ว หลังจากที่มีการเปลี่ยนมือเจ้าของมาหลายครั้งตอนนี้ร้านเบอร์เกอร์ที่มีประวัติอันยาวนานนี้ตกเป็นของ 3G Capital กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่จากแคนาดาเรียบร้อยแล้ว 4. Trader Joe’s ร้านค้าปลีกสัญชาติอเมริกันนี้เริ่มก่อตั้งในปี 1967 หลังจากที่พวกเขาเริ่มต้นธุรกิจในแคลิฟอเนียร์ และหลังจากนั้นไม่นานมันก็ตกมาอยู่ในมือของ Theo…
-
พาไปชม “ซอยแห่งฝาขวด” ซอยสุดแปลกในเท็กซัส ที่สร้างขึ้นจากฝาขวดหลายแสนชิ้น
สำหรับนักดื่มทั้งหลาย พวกเราเคยเอาฝาโซดาหรือฝาขวดเบียร์ที่ดื่มกันเข้าไปมานั่งนับกันหรือเปล่า?? หลายคนอาจจะเกิดคำถามขึ้นมาว่าจะบ้าหรือนี่กระไร ใครมันจะไปเก็บไว้กันละฟระ ก็แน่หละถ้าหากเก็บมานับจริงๆ อาจจะถมห้องนอนได้สบายๆ เลยละ หลายคนอาจจะจินตนาการภาพของฝาจีบที่มากมายขนาดนั้นไม่ออกใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นตามเรามาให้ไวเลย เพราะเดี๋ยวเราจะพาไปชมซอยที่เต็มไปด้วยฝาจีบมากมาย ที่มีขนาดยาวถึง 50 เมตรและสูงกว่า 2 เมตรเลยทีเดียว!! ซอยฝาขวดที่ว่านี้ตั้งอยู่บริเวณทางด้านเหนือของมหาวิทยาลัย Texas A&M University ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ชื่อของซอยแห่งนี้ถูกเรียกตามลักษณะของมันซึ่งเต็มไปด้วยฝาจีบมากกว่า 1 แสนชิ้น!! ไม่มีใครทราบที่มาที่ไปที่แน่ชัดของซอยแห่งนี้ แต่ก็พอจะเดาๆ ได้ว่าว่าขวดเหล่านี้มาจากไหน ซึ่งที่นี่ถูกขนาบข้างด้วยบาร์เบียร์และร้านอาหาร ผู้คนส่วนมากเชื่อว่าที่นี่ถูกใช้เป็นที่ทิ้งฝาขวดของทั้งสองแห่งที่อยู่ด้านข้าง หลังจากนั้นร้านอื่นๆ ก็เริ่มที่จะนำฝาขวดมาทิ้งที่นี่ จนกลายเป็นซอยฝาขวดอย่างที่เห็นอยู่ในตอนนี้ ซอยแห่งฝาขวดนี้ถูกเรียกอย่างเป็นทางการเมื่อปีค.ศ. 2000 หลังจากที่หน่วยงานท้องถิ่นเห็นว่ามันมีเอกลักษณ์พอที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ และไม่นานป้ายไฟขนาดใหญ่พร้อมทั้งป้าชื่อของซอยก็ถูกนำมาติดไว้ อันที่จริงแล้วร้านค้าทั้งสองนั้นไม่ได้ขายเบียร์ได้มากมายขนาดที่จะเอาฝาขวดมาถมที่ได้แบบนี้แต่อย่างใด จากการรายงานของเว็บไซต์ Atlasobscura บอกว่าจริงๆ แล้วยังมีพวกนักศึกษาที่พยายามจะรักษาซอยแห่งนี้ไว้โดยพวกเขาจะคอยนำฝาขวดจำนวนมากมาเติมที่นี่อยู่บ่อยๆ และนอกจากนี้ยังมีบริษัทเบียร์ท้องถิ่นอีกด้วยที่ช่วยให้ซอยแห่งนี้ยังอยู่ได้ โดยเมื่อเร็วๆ นี้พวกเขานำฝาจีบประมาณ 3 แสนฝามาเพิ่มให้กับซอยแห่งนี้อีกด้วย ที่นี่อาจจะเป็นสวรรค์ของผู้ที่ชอบเก็บสะสมฝาเบียร์หรือฝาจีบของเครื่องดื่มต่างๆ แต่ย่างไรก็ตามการที่จะมาเที่ยวในซอบฝาขวดนี้ก็ควรที่จะระมัดระวังโดยการสวมรองเท้าผ้าใบด้วย ไม่เช่นนั้นอาจจะได้แผลกลับบ้านไปเป็นที่ระลึกแทน ฝาขวดจำนวนมากที่ทับถมกันอยู่ในซอยแห่งนี้ …
-
“ไอศครีมดำปี๋” จากอเมริกา มีความพรีเมี่ยมและรสชาติเจ้มจ้น อัดแน่นด้วยท็อปปิ้งหลากหลาย!!
เปลี่ยนภาพเดิมๆ ของไอศกรีมที่คุณเคยทานมาซะ เพราะนี่คือ “ไอศครีมสีดำ” ที่มองแล้วดูหรูหราสุดๆ แม้จะมีเนื้อไอศกรีมสีดำสนิทดูเหมือนไม่ใช่ของที่ทานได้ซักเท่าไหร่ แต่มีรสชาติอร่อยเข้มข้น จนเหล่านักชิมต้องแห่แหนไปลองชิมกันถึงที่เลยทีเดียว “ไอศครีมสีดำ” เหล่านี้ เป็นไอศกรีมที่มาจากร้าน Little Damage Ice Cream Shop ที่ตั้งอยู่ในนครลอสแอนเจลิส รัสแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ไอศกรีมสีดำนี้เป็นรสชาติของอัลมอนด์และถ่านชาร์โคลที่ละมุนนุ่มลิ้น แถมที่ร้านยังมีท็อปปิ้งให้เลือกหลายอย่างทำเอาไอศกรีมสีดำๆ ดูมีสีสันน่าทันขึ้นมาทันที . . . โรยคุกกี้บดหยาบเคี้ยวกรุบๆ คงอร่อยสุดๆ เลยล่ะ . . โรยป็อปคอร์นซะหน่อย เกล็ดน้ำตาลสายรุ้งงงง น่ารักจัง . แต่ทางร้านก็ไม่ได้มีแค่ไอศกรีมสีดำเท่านั้นนะ เขายังมีสีอื่นๆ และรสชาติที่หลากหลาย ให้ลูกค้าได้เลือกชิมและถ่ายรูปน่ารักๆ กันอีกมากมายเลย . . . . . . . . . เพื่อนที่ชื่นชอบไอศกรีมสุดน่ารักเหล่านี้ สามารถไปติดตามรูปภาพไอศกรีมสวยๆ…
-
“หนอนแบนนิวกินี” เพชรฆาตตัวใหม่ที่อพยพมาในอเมริกา และอันตรายกว่าที่หลายคนคิด
เจ้าหนอนที่ภายนอกอาจจะดูธรรมดา ไม่มีพิษมีภัย แต่มันคือ New Guinea Flatworm หรือเจ้า หนอนแบนนิวกินี ซึ่งมันกำลังสร้างความตื่นกลัวให้ชาวรัฐฟลอริดาพอสมควร ต้นกำเนิดของเจ้าหนอนชนิดนี้อยู่ที่ประเทศปาปัวนิวกินี แต่ทางสำนักข่าวของอเมริกาคาดว่ามันจะติดมากับตู้คอนเทนเนอร์สินค้าทางเรือ และมาแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็วในประเทศสหรัฐอเมริกา รูปร่างของหนอนตัวนี้จะเป็นเหมือนใบไม้แบนๆ และมีสีดำ ซึ่งถ้าไปสัมผัสมันเข้า มันจะหลั่งสารพิษที่ร้ายแรงขนาดทำให้เนื้อเยื่อของเราตายทันที เนื่องจากมันมักจะตกเป็นอาหารของเหล่าหนู และสามารถแพร่เชื้อผ่านทางพยาธิตัวกลมได้ ถ้าเกิดมนุษย์ไปสัมผัสเข้ากับหนู ก็มีโอกาสที่จะถูกพิษของเจ้าหนอนชนิดนี้ไปด้วยได้นั่นเอง เจ้าหน้าที่สัตว์ป่าออกมายืนยันและเตือนแล้วว่าให้หลีกเหลี่ยงการเข้าใกล้หนอนชนิดนี้ พร้อมกับกำลังหาว่าแหล่งที่อยู่หลักปัจจุบันในอเมริกาตอนนี้ของพวกมันอยู่ที่ไหน แล้วจะรับมือกับพวกมันยังไง และด้วยการที่มันเข้ามาอยู่ในเมืองแบบนี้ ซึ่งต่างจากถื่นที่อยู่ของมันที่มีศัตรูโดยธรรมชาติอยู่ ทำให้มันกลายเป็นนักล่าแทนที่สัตว์อื่นๆ ในระบบนิเวศ และเริ่มที่จะเป็นอันตรายกับเหล่าหอยทากและกิ้งก่าในตัวเมือง ปิดท้ายด้วยคลิปข่าวจากช่อง FOX 4 Now เล่าถึงการระบาดของเจ้าพวกนี้ ที่มา viralnova
-
หญิงสาวเปิดคลาส “โยคะแพะ” ในฟาร์มของตนเอง ผ่อนคลายกายและใจไปกับแพะแบ๊ะ
โยคะถือว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่หลายๆ คนชอบเล่น เพราะนอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังช่วยฝึกสมาธิอีกด้วย และถ้าเพื่อนๆ คนไหนอยากลองเล่นโยคะท่ามกลางบรรยากาศแบบธรรมชาติๆ ล่ะก็ ลองไปรู้จัก “โยคะแพะ” อันนี้กันดีกว่า “โยคะแพะ” คิดค้นขึ้นมาโดย Lainey Morse เจ้าของฟาร์ม No Regrets จากรัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอเล่าว่าปกติแล้วทุกๆ เทศกาลวันสำคัญ อย่างเช่นวันเด็ก เธอจะเปิดฟาร์มให้ครอบครัวอื่นๆ ได้มาจัดปาร์ตี้กัน จนวันหนึ่ง ผู้ปกครองท่านหนึ่งที่เป็นครูสอนโยคะพูดขึ้นมาว่า “ที่นี่เหมาะเป็นสถานที่เรียนโยคะดีนะ” เมื่อได้ยินแบบนั้น เธอจึงทดลองจัดคลาสโยคะขึ้นมาทันที โดยผู้เข้าร่วมทั้งหมดจะทำกิจกรรมกันกลางฟาร์ม และปล่อยให้สิงสาลาสัตว์ต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมอย่างอิสระ ซึ่งทางผู้ที่เข้าร่วมต่างบอกว่า สัตว์เหล่านี้ช่วยให้ผ่อนคลายเป็นอย่างมาก Morse เผยว่าหลังจากทดลองเปิดคลาสโยคะที่นี่ ก็มีคนสนใจเป็นจำนวนมาก หลายๆ คนถึงกับยอมเดินทางกว่า 200 กิโลเมตร เพื่อมาร่วมคลาสกันเลยทีเดียว ใครนึกภาพไม่ออกลองชมคลิปนี้ดู ตอนนี้เธอกำลังมีแผนจะจัดคลาสโญคะเพิ่มในช่วงปลายปีนี้ ใครสนใจก็จองคิวกันได้นะ ที่มา wideopenpets
-
“ชมรมผักกาดหอม” ชมรมแปลกๆ สมาชิกต้องมากินผักกาดหอมทั้งลูก แต่ได้สุขภาพนะเออ
สำหรับประเทศไทยแล้วอาจไม่ใช่เรื่องที่คุ้นเคยกันเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นในมหาวิทยาลัยอเมริกาแล้วล่ะก็ ถือว่าเป็นเรื่องปกติเลยทีเดียว ที่จะมีการตั้งชมรม (Club) ที่รวมคนที่มีความชอบเหมือนๆ กันมาอยู่ด้วยกัน ซึ่งบางครั้งก็มีชมรมแปลกๆ เกินขึ้นมากมาย อย่างเช่น ชมรมผักกาดหอม!? ชมรมผักกาดหอมนี้เป็นชมรมจากมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ ในสหรัฐอเมริกา เพิ่งก่อตั้งในปี 2017 นี้เอง กิจกรรมของชมรมนี้ไม่มีอะไรมากมาย ก็แค่สมาชิกของชมรมจะต้องนำผักกาดหอมของตนเองมา แล้วก็แข่งกันว่าใครจะกินผักกาดหอมหมดเป็นคนแรก ใครที่เป็นผู้ชนะ ก็จะได้เป็นประธานชมรมผักกาดหอม และจะได้สิทธิ์ในการเลือกวันแข่งขันกินผักกาดหอมครั้งต่อไป การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นแล้ว จะใส่ซอสหรือเครื่องปรุงอะไรก็ได้ตามใจชอบ อื้อหือ น้ำสลัดซักหน่อยจะดีมั้ย และผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้ คือพ่อหนุ่มที่ชื่อว่า Jonah คนนี้ ยินดีด้วยกับตำแหน่งประธานชมรมผักกาดหอมคนใหม่ ไปดูการแข่งขันของพวกเขากันเลย แค่เห็นก็รู้สึกเหม็นเขียวในปากแล้ว ใครสนใจก็ลองเอาไปตั้งชมรมกันได้ เผื่อจะได้กิจกรรมสนุกๆ มาทำกับเพื่อนๆ ฮาาา ที่มา Ethan Gandler
-
นักธุรกิจอเมริกัน เตะพนักงานสาวมุสลิม และตะโกน “ทรัมป์จะจัดการพวกแกทั้งหมด” อาจโดนคุก 4 ปี
เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2017 ที่ผ่านมา อัยการรัฐบาลกลางแห่งควีนส์ เปิดเผยว่า โรบิน โรดส์ นักธุรกิจวัย 57 ปี ได้ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ราบีย่า ข่าน พนักงานสาวมุสลิมของสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ ที่สนามบินเจเอฟเค พร้อมตะโกนว่า “ทรัมป์จะจัดการพวกแกทั้งหมด” โดยเหตุเกิดขึ้นที่อาหารผู้โดยสาร 2 เมื่อนายโรบินเดินทางกลับมาจากเกาะอารุบา และได้พักเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินเจเอฟเค ในนิวยอร์ค เพื่อจะเดินทางต่อไปยังรัฐแมสซาชูเซตส์ ระหว่างที่รอเปลี่ยนเครื่องนั้น เขาก็ได้ไปรอที่ห้องรับรองของสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ เมื่อเขาเข้าไปถึง เขาก็พบข่านกำลังนั่งอยู่ที่เคาท์เตอร์พนักงานสวมผ้าคลุมฮิญาบแบบมุสลิมอยู่ เขาจึงเดินเข้าไปเตะขาของเธอ พร้อมถามว่า “แกกำลังหลับเหรอ? หรือกำลังสวดภาวนา? ทำอะไรห๊ะ?” ด้วยความตกใจ ข่านจึงถามกลับไปว่า เธอไปทำอะไรให้เขาโกรธหรือเปล่า โรบินตอบกลับมาว่า “แกไม่ได้ทำอะไร แต่ข้าจะเตะแก” จนพนักงานคนอื่นๆ พยายามเข้ามาห้ามนายโรบิน ข่านจึงอาศัยจังหวะนั้นวิ่งหนีออกมา ซึ่งนายโรบินก็วิ่งตามมา พร้อมทำท่าล้อเลียนการละหมาดของชาวมุสลิมและตะโกนว่า “ทรัมป์จะจัดการพวกแกทั้งหมด แกลองถามชาวเยอรมัน เบลเยี่ยม ฝรั่งเศสดูได้ ว่าพวกเขาต้องเจอะไรบ้าง!” ภายหลังทางอัยการเปิดเผยว่าราบีย่า…
-
แม้ “ทรัมป์” จะมีคำสั่งแบนผู้อพยพ แต่ Google เตรียมต่อต้านด้วยการบริจาค 140 ล้านให้ผู้ลี้ภัย
กลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางไปทั่วโลกเลยทีเดียว สำหรับนโยบายของประธานาธิบดีคนล่าสุดของสหรัฐอเมริกา โดนัดล์ ทรัมป์ เมื่อเขาได้ลงนามคำสั่งห้ามผู้อพยพเข้าประเทศชั่วคราว รวมทั้งแบนไม่ให้ชาวมุสลิมจาก 7 ประเทศเข้าสหรัฐอเมริกา แม้พวกเขาเหล่านั้นจะมีกรีนการ์ดก็ตาม โดยช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาทรัมป์ได้ลงออกคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้อพยพเข้าสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาอย่างน้อย 120 วัน และในอีกสามเดือนข้างหน้า พวกเขาจะแบนวีซ่าจาก 7 ประเทศมุสลิม ประเทศในลิสต์ได้แก่ อิรัก อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน ซีเรีย และเยเมน เพื่อคัดกรองและลดความเสี่ยงที่จะมีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวเข้ามาในประเทศ คำสั่งดังกล่างสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก เพราะคำสั่งแบนผู้อพยพดูจะขัดกับอุดมการณ์ของสหรัฐอเมริกาที่เป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ รวมทั้งการแบนวีซ่า 7 ประเทศมุสลิมไม่เพียงส่งผลเฉพาะนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ผู้ที่เข้ามาพักอาศัยและทำงานในสหรัฐอเมริกาด้วยวีซ่าทำงานก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่ล่าสุด ซันดาร์ พิชัย ซีอีโอของบริษัท Google คนปัจจุบัน เตรียมบริจาคเงินกว่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (70 ล้านบาท) เพื่อช่วยเหลือเหล่าผู้อพยพ และเขาเชื่อว่าพนักงานของบริษัท ก็จะช่วยบริจาคกันอีกราวๆ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พิชัยได้กล่าวอีกว่าจะมีพนักงานของ Google ราวๆ 200 คน ได้รับผลกระทบจากคำสั่งแบนวีซ่ามุสลิมครั้งนี้ ซึ่งพวกเขาได้สั่งให้พนักงานเหล่านั้น กลับมาในสหรัฐอเมริกาทันทีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…
-
เพราะเหตุใดประเทศอย่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น จึงเลือกที่จะไม่ฝังสายไฟฟ้าลงใต้ดิน!?
เมื่อพูดถึงเรื่องสายไฟฟ้า เสาไฟฟ้าในประเทศที่พัฒนาแล้ว เราก็มักจะนึกถึงความเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก่อนเป็นอันดับแรก และจะตามมาด้วยความสวยงามของการจัดการระบบสายไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันหลากหลายประเทศก็เริ่มที่จะนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินแล้ว (และในบ้านเราก็เริ่มทำแล้วในบางจังหวัด) ย้อนกลับไปดูสภาพของเมือง Jersey City หลังประสบกับพายุเฮอร์ริเคนแซนดี้ ในปี 2012 แต่ทว่าการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินนั้นยังไม่อาจสามารถทำได้ครอบคลุมไปทั่วประเทศ ทั้งๆ ที่เราคิดว่าก็ประเทศเหล่านั้นน่าจะทำได้ แต่ด้วยเหตุใดที่ประเทศก้าวหน้า ยกตัวอย่างเช่น สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นจึงไม่ทำ? ก่อนอื่นเลยต้องเกริ่นว่าประเทศเหล่านี้อยู่ในโซนที่เกิดภัยภิบัติอยู่บ่อยครั้ง อย่างสหรัฐอเมริกาจะต้องเจอกับพายุเฮอร์ริเคนและแผ่นดินไหว ส่วนทางฝั่งญี่ปุ่นก็ต้องเจอพายุไต้ฝุ่นและแผ่นดินไหวในทุกๆ ปี แผนภาพพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวของสหรัฐอเมริกา สีแดงจะเป็นระดับที่รุนแรงที่สุด ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น สิ่งที่ตามมาก็คือความเสียหายต่อระบบสายส่งไฟฟ้า ซึ่งจะต้องทำการซ่อมแซมให้รวดเร็วที่สุด โดยเมื่อเทียบกันแล้ว แม้ว่าเสาไฟฟ้ากับสายไฟฟ้าที่อยู่เหนือพื้นดินจะเสียหายมากกว่า แต่สำหรับราคาการซ่อมนั้นถูกกว่าระบบสายไฟฟ้าฝังดินหลายเท่าตัว ดังนั้นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยพิบัติสูงยังคงใช้ระบบสายส่งไฟฟ้าเหนือพื้นดินอยู่ สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายในการทำสายส่งไฟฟ้าลงดินจะแพงกว่าการทำสายส่งไฟฟ้าเหนือพื้นดินประมาณ 3 ถึง 10 เท่า ราคาของระบบสายไฟฟ้าเหนือพื้นดินจะอยู่ที่ 285,000 ดอลลาร์ต่อ 1.6 กิโลเมตร ระบบสายไฟฟ้าใต้ดินจะอยู่ที่ 1,000,000 ดอลลาร์ต่อ 1.6 กิโลเมตร (ข้อมูลล่าสุดในปี 2015)…
-
ภาพสินค้า ‘อาหารอเมริกัน’ จากร้านค้าทั่วโลก กับวิถีชีวิตอเมริกัน ในมุมมองของชาวต่างชาติ!?
จัดว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะเราต่างก็อยากจะรู้กันทั้งนั้นแหละ ว่าจริงๆแล้ว คนประเทศอื่น มีท่าทีการมอง หรือทัศนคติต่อประเทศเราอย่างไร และการพิสูจน์ผ่านชั้นวางของจากสินค้าที่ส่งออกไป คราวนี้เราจะพาไปชมสินค้าที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘อาหารอเมริกัน’ ที่นำไปวางขายตามห้างสรรพสินค้าทั่วโลก จะว่าไปแล้วของกินของใช้พวกนี้นี่แหละ ที่สามารถสะท้อนภาพวิถีชีวิต การเป็นอยู่ของชาวอเมริกันได้ค่อนข้างชัดเจนเลยทีเดียว ชั้นขายของจากอเมริกา ในประเทศอังกฤษ จากนิวซีแลนด์ ส่วนมากจะเป็นซีเรียล และขนมหวาน ชั้นขายอาหารนำเข้าจากอเมริกา ที่ประกอบไปด้วย ขนมป็อปทาร์ต น้ำเชื่อม ผงทำเค้ก ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นตัวก่อเบาหวานทั้งนั้น ชั้นวางของนำเข้าจากอเมริกา ในประเทศฝรั่งเศส ส่วนนี่ก็จากประเทศเบลเยียม น้ำอัดลมเต็มไปหมดเลยแฮะ ชั้นวางของจากอเมริกาเล็กๆ ในห้างประเทศโคลัมเบีย สินค้าก็จะมีในรูปแบบเดิมๆ นั่นแหละ ชั้นวางของจากร้านสะดวกซื้อนอกเมืองในประเทศฝรั่งเศส ส่วนนี่ก็เป็นสินค้าจากอเมริกา ที่นำไปวางขายในออสเตรเลีย ในอังกฤษเช่นเดิม เต็มไปด้วยของที่มีรสชาติหวานทั้งนั้นเลยนะเนี่ย จากห้างสะดวกซื้อในเยอรมนี จากประเทศเดนมาร์ก ว่ากันว่าชั้นวางของจากอเมริกาในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย จะมีสินค้าคล้ายๆกันแบบนี้แหละ ส่วนนี่ก็จากอัมสเตอร์ดัม…
-
สถิติเผย ทุกๆ สัปดาห์ในอเมริกา จะมี 1 คนถูกยิงเสียชีวิต ด้วยน้ำมือของเด็กทารกเสมอ!!
ถ้าถามว่าประเทศไหนที่ประชาชนสามารถซื้อหาปืนได้อย่างอิสระ เชื่อว่า สหรัฐอเมริกา ต้องเป็นประเทศแรกๆ ที่เรานึกถึงอย่างแน่นอน แถมตอนนี้ในบางรัฐ ประชาชนสามารถพกปืนออกนอกบ้านได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายอีกด้วย แต่รู้หรือไม่ การที่สามารถหาซื้อปืนได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ บางครั้งก็ก่อให้เกิดเหตุการณ์และสถิติอันน่าตกใจเช่นกัน อย่างเช่นล่าสุดมีการเปิดเผยว่า ในทุกๆ สัปดาห์ จะมีคนอย่างน้อยๆ 1 คนถูกยิงจนเสียชีวิตด้วยน้ำมือของเด็กทารก โดยสถิติเผยว่า ในปี 2015 มีผู้เสียชีวิตเนื่องจากถูกเด็กทารกยิงด้วยอาวุธปืน 58 ราย และอีก 51 รายภายในปี 2016 สาเหตุหลักๆ มาจากการที่ผู้ปกครองเก็บอาวุธปืนไม่มิดชิดพอ ทำให้เด็กทารกสามารถหยิบมาเล่นได้ ก่อนจะลั่นใส่ตนเองหรือผู้อื่นจนเสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีสถิติบอกว่า 1 ใน 3 ของบ้านที่มีเด็กและมีปืนอยู่ในครอบครอง เด็กในจำนวนประมาณ 1.7 คน สามารถเข้าถึงอาวุธปืนได้อย่างง่ายดาย ด้วยเหตุนี้เอง ทาง Brady Campaign จึงได้ทำแคมเปญรณรงค์ให้เห็นถึงอันตรายของปืนและเด็กทารก ลองไปชมคลิปกันดีกว่า แม้การที่ประชาชนสามารถหาซื้อปืนได้อย่างอิสระจะมีข้อดีหลายๆ อย่าง แต่ดูเหมือนว่าก็มีข้อเสียเช่นกัน แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดเห็นอย่างไรบ้าง ลองแสดงความคิดเห็นกันเข้ามานะเหมียววว …
-
James Meredith นักศึกษาผิวดำคนแรก ในประวัติศาสตร์อเมริกา เรื่องจริงที่เราควรได้รับรู้…
ย้อนกลับไปในอดีตการเหยียดผิวในประเทศอเมริกานั้นเป็นเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่ารุนแรงมากๆ เลยล่ะ เหล่าคนผิวสีทั้งหลายไม่สามารถมีสิทธิมีเสียงเป็นของตัวเองถูกลดทอนคุณค่าให้เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ย่อท้อต่อสู้เพื่อเสิทธิเสรีภาพในการใช้ชีวิตของตัวเองจนในที่สุดก็สามารถผ่านสถานการณ์อันเลวร้ายมาได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่กว่าจะเป็นเหมือนปัจจุบัน (ซึ่งในปัจจุบันเองก็ยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างเต็มที่) และหนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ที่เรียกได้ว่าเป็นก้าวใหม่ที่เปลี่ยนแนวคิดเรื่องของการเหยียดผิวเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็คือเหตุการณ์ที่ James Meredith นักศึกษาผิวสีคนแรกของสหรัฐอเมริกาที่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ในช่วงที่ความรุนแรงในการเหยียดผิวกำลังครุกกรุ่น ชีวิตในมหาวิทยาลัยของ James จะเป็นอย่างไรบ้างนะ? เราลองไปชมเรื่องราวของเขาพร้อมๆ กันเลยดีกว่า ช่วงชีวิตก่อนเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย James เกิดเมื่อปี 1933 ในเมือง Kosciusko รัฐ Mississippi เป็นลูกครึ่ง African กับ American หลังจากจบการศึกษาในระดับมัธยมปลายแล้วได้เข้ารับการเกณฑ์ทหารและรับใช้ชาติในกองทัพอากาศนานกว่า 9 ปี ภาพระหว่างเรียนในมหาวิทยาลัย หลังจากที่ปลดประจำการมาแล้วเขาก็ได้ชมการปราศรัยของท่านประธานาธิบดี John F. Kennedy ถึงการผลักดันให้มหาวิทยาลัย University of Mississippi ที่เป็นมหาวิทยาลัยประจำรัฐ ให้กลายเป็นมหาวิทยาลัยที่เปิดกว้างมากขึ้น ทำให้ James ตัดสินใจที่จะยื่นใบสมัครเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่นี่ โดยครั้งแรกได้เขียนในใบสมัครไว้ด้วยว่า… “ไม่มีใครรับผมเข้าเรียนหรอก ผมเชื่อว่าอย่างนั้น และก็เชื่อมาจนถึงทุกวันนี้ มันเป็นความรับผิดชอบของผมต่อการกระทำของพระผู้เป็นเจ้า ผมมีความคุ้นเคยกับความยากลำบากที่น่าจะเกิดขึ้นในระหว่างการเรียนในมหาวิทยาลัย…
-
หญิงสาวเรียนรู้ประสบการณ์อันล้ำค่า จากภารกิจ ‘ใช้ชีวิตโดยไม่ทิ้งขยะ’ เป็นเวลา 1 เดือน
ค่าเฉลี่ยของขยะที่ชาวอเมริกันทิ้งใน 1 วัน จะอยู่ที่ประมาณ 2 กิโลกรัมต่อ 1 คน และจะเพิ่มขึ้นไปมากกว่า 13 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์!! ด้วยเหตุนี้เอง Auri Jackson จากเว็บไซต์ Buzzfeed ก็เลยตัดสินใจที่จะลองใช้ชีวิตโดยที่ไม่ทิ้งขยะเลยภายใน 1 เดือน… ก็ไม่อยากจะพูดถึงมันเท่าไหร่หรอกนะ แต่เส้นทางชีวิตของแต่ละคนนั้นไม่มีอะไรที่ยั่งยืน อย่างไรก็ตามเราทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรซักอย่างเพื่อช่วยโลกของเรา เราสามารถเริ่มจากสิ่งเล็กๆ ที่ทำกันในชีวิตประจำวันก็ได้ อย่างเช่นการเลือกทานอาหาร พฤติกรรมการทิ้งขยะ เป็นต้น “เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันได้ยินข่าวคราวของเรื่องสิ่งแวดล้อม ทุกครั้งมันทำให้ฉันกลัว และรู้สึกว่าฉันท้อแท้และหมดกำลังใจ” Auri กล่าว เมื่อตัดสินใจที่จะเริ่มภารกิจ Auri ก็รู้ได้ทันทีว่าในเรื่องของการกินนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เพราะอาหารส่วนใหญ่นั้นจะถูกบรรจุมาเป็นแบบแพ็คเกจซะส่วนใหญ่ นั่นหมายความว่าเธอจะต้องเข้าป่าไปหาผัก หาผลไม้ทานใช่หรือไม่? “ฉันคงต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาที่ดีมากกว่าการที่จะต้องมานั่งกินแต่กล้วยเพียงอย่างเดียว” Auri บ่นเบาๆ หลังจากที่เริ่มภารกิจ Auri ก็ ได้เรียนรู้ว่าแท้จริงแล้วขยะเป็นจำนวนมากนั้นมาจากการกระทำที่เกิดจากความเคยชิน และสิ่งเล็กๆ ที่เราคิดว่ามันเป็นสิ่งจำเป็น ยกตัวอย่างเช่นกระดาษเช็ดมือ ในช่วงสัปดาห์ที่สองของภารกิจ…
-
เผยข้อมูล หลังจาก “ทรัมป์” และ “ปูติน” โทรหากัน เตรียมกระชับสัมพันธ์ สหรัฐฯ-รัสเซีย อีกครั้งหนึ่ง!!
นับตั้งแต่สงครามเย็นจบลงไปตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 90 ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของประเทศสหรัฐอเมริกาและสหพันธรัฐรัสเซียสองชาติมหาอำนาจของโลกถือว่าอยู่ในช่วงที่ตกต่ำที่สุด ทั้งความขัดแย้งทางด้านนโยบายการต่างประเทศและเศรษฐกิจ ทำให้สถานะการเมืองโลกอยู่ในสภาพไม่มั่นคงอย่างมาก แต่ล่าสุดดูเหมือนความสัมพันธ์อันย่ำแย่นี้จะมีทางออกแล้ว เมื่อวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียได้ต่อสายตรงคุยกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา และทั้งสองคนได้พูดถึงความเป็นไปได้ในการกลับมารักกันอีกครั้งของทั้งสองประเทศมหาอำนาจ ทางทำเนียบประธานาธิบดีของรัสเซียได้ออกมาเปิดเผยว่า การพูดคุยของทั้งสองไปอย่างอบอุ่น และพวกเขาต่างไม่พอใจสถานะความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศในขณะนี้ และต้องการจะทำให้ความสัมพันธ์กลับสู่ความปกติโดยเร็วที่สุด โดยทรัมป์ได้กล่าวว่า เขาต้องการมีความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งต่อรัฐบาลรัสเซียรวมถึงประชาชนชาวรัสเซียด้วยเช่นกัน สรุปการพูดคุยของทั้งสองครั้งนี้ได้คร่าวๆ ว่า … 1. สำนักงานของทรัมป์ เปิดเผยว่าการพูดคุยครั้งนี้ ปูตินเป็นฝ่ายติดต่อมาทางโทรศัพท์ก่อน 2. หลังจากการพูดคุยกัน ทั้งสองยืนยันตรงกันว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ของสองประเทศ กลับคืนสู่ภาวะปกติ และมีความเห็นตรงกันว่า สภาวะความสัมพันธ์ตอนนี้อยู่ในระดับไม่น่าพึงพอใจ 3. ปีหน้าจะรบ 210 การสถาปนาการทูตของสองประเทศ เลยน่าจะเป็นโอกาสอันดีในการปรับนโยบายเพื่อหาความร่วมมือกัน และเน้นการปฏิบัติจริงๆ มากขึ้น แทนที่จะเป็นแค่นโยบายลมปากเหมือนแต่ก่อน 4. ทั้งสองคุยเรื่องซีเรียเช่นกัน ซึ่งหลายฝ่ายมองว่านี่คือจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งของทั้งสองประเทศ ถ้าแก้เรื่องนี้ได้ เรื่องอื่นก็สบาย 5. พวกเขาจะร่วมมือกันต่อต้านภัยการก่อการร้ายนานาชาติ รวมถึงจากเหล่าลัทธิสุดโต่งทั้งหลาย ซึ่งถือว่าเป็นภัยคุกคามหลักของโลกในปัจจุบัน 6. นอกจากเรื่องความสัมพันธ์ ทั้งสองยังคุยเรื่องเศรษฐกิจกันด้วย เพื่อเติบโตต่อไปในอนาคต 7. ทั้งสองผู้นำยืนยันว่า…
-
ผู้ต้องหาทำการสังหารสุนัขตำรวจอย่างโหดเหี้ยม ถูกศาลตัดสินจำคุก 45 ปี!!
ก็อย่างที่รู้กันดีว่าการที่เราจะไปรับหน้าที่เป็นตำรวจนั้น จะต้องพบกับความเสี่ยงที่อาจต้องแลกด้วยชีวิตในการทำงานเพื่อปกป้องเหล่าราษฎรในพื้นที่แต่ละพื้นที่ที่เราต้องรับผิดชอบ ด้วยคำกล่าวนี้ ‘การตายในหน้าที่’ ก็เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ขณะที่ออกไปทำหน้าที่ และแน่นอนว่าเหล่าสุนัขตำรวจทั้งหลายเองก็มีความเสี่ยงนี้ด้วยเช่นกัน ทุกวันนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีเจ้าหน้าที่มากกว่า 100 นายที่ตายในหน้าที่และส่วนใหญ่แล้วยังคงรอคอยความยุติธรรมอยู่ เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่สุนัขตำรวจจากสถานีตำรวจ Canton Police Department ที่ถูกสังหารขณะออกไปทำหน้าที่ และในที่สุดก็ได้รับความยุติธรรมอย่างที่สมควรได้รับซักที เรื่องมีอยู่ว่า เจ้า Jethro สุนัขตำรวจจากสถานีตำรวจ Canton Police Department ได้ออกไปปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับคู่หูของมัน ซึ่งก็คือเจ้าหน้าที่ Ryan Davis หลังจากที่ได้รับรายงานว่ามีมีเหตุปล้นร้านขายของชำ พอไปถึงสถานที่เกิดเหตุเจ้า Jethro ก็ตรงดิ่งเข้าไปยังตัวของผู้ร้ายทันที แต่โชคร้ายที่นาย Kelonte Barefield ผู้ต้องหาได้ทำการเอาปืนจ่อเข้าที่ขมับของเจ้า Jethro และยิงไปเป็นจำนวนหลายนัด เจ้าหน้าที่ Ryan รีบพามันไปยังโรงพยาบาลสัตว์เพื่อรักษาให้มันมีชีวิตรอด แต่เพราะสมองของมันได้รับความเสียหายอย่างหนัก จึงทำให้แพทย์ไม่สามารถที่จะช่วยให้มันมีชีวิตต่อไปได้ แม้จะพยายามจนถึงที่สุดแล้วก็ตาม เจ้าหน้าที่ Ryan ได้เล่าถึงเรื่องราวของเจ้า Jethro ว่ามันได้เข้าร่วมกับกองกำลังตำรวจตั้งแต่อายุได้ 8 เดือน โดยถูกฝึกมาจากศูนย์ฝึกสุนัขตำรวจ…
-
ย้อนรอย ตำนาน ‘Bloody Bender’ แกงค์ฆาตกรต่อเนื่อง กลุ่มแรกของอเมริกา!!!
สิ่งหนึ่งที่ยังคงเป็นปริศนาคาใจคนทั่วไปอย่างเราๆ ที่มีต่อข่าวคราวเหตุการฆาตกรรม ก็คงเป็นคำถามที่ว่า “จิตใจเค้าทำด้วยอะไร ถึงฆ่าคนทั้งคนได้ลงคอ?” แน่นอนละว่าการจะตัดสินใจปลิดชีพใครซักคน มันไม่ใช่เรื่องเล็ก และไม่ได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่ไม่ใช่กับกลุ่มพี่น้อง ‘Bloody Bender’ แกงค์ฆาตกรต่อเนื่องที่ครั้งหนึ่งเคยโด่งดังจนกลายเป็นที่อกสั่นขวัญผวาไปทั่วเมืองในยุค 1870s ว่าแล้วก็เพื่อไม่ให้เสียเวลา ตามไปดูกันเลย… แกงค์นี้ประกอบไปด้วย John, Elvira, Kate และ John Jr. พวกเขาทั้ง 4 ร่วมกันก่อตั้งโรงแรม และร้านขายของชำในเมือง Labette County รัฐแคนซัส ช่วงปี 1871 – 1873 ในช่วงเวลานั้นเองที่เจ้าหน้าที่คาดว่า พวกเขาทั้งสี่ได้ร่วมกันฆาตกรรมแขกที่เข้ามาพัก มีผู้บริสุทธิ์หลายสิบราย ที่จู่ๆก็หายตัวไปหลังเข้าพักโรงแรมแห่งนี้ ส่วนวิธีการนั้น เชื่อกันว่า พวกเขาจะเชื้อเชิญให้แขกผู้มีเกียรติได้นั่งเก้าอี้ตัวเด่น ซึ่งพวกเขาจะแอบวางกับดักไว้อยู่เหนือหัวเก้าอี้ตัวนั้น หลังจากที่เหยื่อเผลอ John จะแอบเอาค้อนมาทุบหัวผู้บริสุทธิ์ให้หมดสติ คนอื่นๆจะทำหน้าที่หั่นส่วนหัวออก หรือตัดคอ ก่อนที่จะทิ้งร่างกายของเหยื่อลงไปในหลุมลึก ที่มองเห็นเพียงแค่ความมืดมิดเท่านั้น ถึงแม้จะดูเหมือนว่ามันเป็นเรื่องเล่าที่น่าเหลือเชื่อ แต่เมื่อทางการได้สืบประวัติแล้วก็พบว่าจริงๆแล้ว ‘John…
-
เผยภาพ ‘วิถีชีวิตของคนไร้บ้าน’ สะท้อนความจริง และปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมอเมริกา
‘American Dream’ ถ้าใครที่ยังไม่รู้จักคำนี้ เราขออธิบายให้เข้าใจตรงกันอย่างสั้นๆง่ายๆว่า เป็นคำที่ใช้อธิบายถึงแบบชีวิตในฝันที่อเมริกาเคยโฆษณาให้คนเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศ ชีวิตในฝันที่ว่า ก็คือชีวิตในแบบที่ใครหลายๆคนอยากจะมีกันนั่นก็คือ การมีบ้าน มีรถ มีครอบครัว มีเงินซื้อสินค้าแบรนด์แนม ฯลฯ แต่ความจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป เมื่อช่างภาพสาว ‘Suzanne Stein’ ต้องการจะสะท้อนปัญหาของสังคมในอุดมคติของคนทั่วโลกที่เกิดขึ้นจริงในย่าน Skid Row แหล่งเสื่อมโทรมของเมืองลอส เองเจลิส เพราะบางทีความฝันอาจอยู่ตรงข้ามกับความจริง… Doreen หนึ่งในสาวไร้บ้าน กำลังสูบบุหรี่อยู่บนถนนแห่งหนึ่งในแหล่งเสื่อมโทรม เธอกำลังจะแต่งหน้า เพื่อความสวยประจำวัน… ผู้หญิงไร้บ้านคนหนึ่งกำลังทะเลาะกับตำรวจ เหตุการณ์แบบนี้มักจะมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ เธอคนนี้ชื่อ Victoria กำลังโพสท่าเพื่อถ่ายรูปบนถนนในย่าน Skid Row อย่างเต็มใจ Suzanne มักจะเรียกหญิงสาวคนนี้ว่า ‘สาวรองเท้าแดง’ Genevine เธอคือหนึ่งในผู้หญิงหลายๆ คนที่ไร้บ้าน และต้องอาศัยอยู่ตามตรอกบนถนน และตอนนี้เธอกำลังมีปัญหาเรื่องมือที่ 3 เข้ามาพัวพันกับแฟนหนุ่มของเธอที่อาศัยอยู่ด้วยกัน เธอกำลังถ่ายรูปคู่กับที่อยู่ของเธอ ซึ่งอยู่ข้างถนนแห่งหนึ่งในย่านใกล้ๆ…
-
อนุสาวรีย์ “Captain America” ถูกสร้างขึ้นแล้ว ในบ้านเกิดของเขาที่เมือง Brooklyn
Captain America ถือเป็นฮีโร่ตัวแรกๆ ของอเมริกาที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากว่าเป็นตัวแทนของความรักชาติสูง และสร้างขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากนักวาดคอมมิค Mark Gruenwald ผู้วาดและเขียนเรื่องราว Captain America ขึ้นมาได้จากโลกนี้ไปแล้ว มีการสดุดีถึงขั้นรนำเถ้ากระดูกของเขามาวาดเป็นหนังสือการ์ตูนเพื่อเป็นการเคารพแก่การจากไป ล่าสุดยังทำสร้างอนุสาวรีย์ Captain America ขึ้นที่สวนสาธารณะ Prospect Park ในเมือง Brooklyn อีกด้วย สาเหตุที่ต้องสร้างไว้ที่นี่ก็เพราะว่าบ้านเกิดของ Steve Roger หรือ Captain America อยู่ที่นี่นั่นเอง และตอนนี้ก็เป็นเวลากว่า 75 ปี แล้วที่ตัวละครนี้ถือกำเนิดขึ้นมา แต่ทั้งนี้ก็ได้มีบางส่วนที่ไม่ค่อยพอใจกับการตั้งอยู่ของอนุสาวรีย์แห่งนี้ ทางการจึงจำเป็นต้องย้ายอีกครั้งไปที่ Barclays Center ในอีกไม่กี่สัปดาห์จนกระทั่งถึงสิ้นเดือนกันยายนจะย้ายอีกครั้งไปอยู่ที่ Sunset Park จนถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้ หลังจากนั้นไม่มีการเปิดเผยว่าจะได้ตั้งอยู่ถาวรหรือต้องย้ายไปที่ไหนอีกหรือไม่!? แต่ถ้าใครเป็นแฟนคลับอยากจะไปถ่ายรูปด้วย ก็เป็นโอกาสอันดีเลยล่ะ . . . ที่มา designyoutrust
-
พาส่อง 9 อาคารเรียนสุดอลังการ จากโรงเรียนในอเมริกา เห็นแล้วก็อยากไปเรียนสักครั้งหนึ่ง!!
มีงานวิจัยเผยออกมาว่า การที่ห้องเรียนหรือตึกเรียนถูกออกแบบมาอย่างสวยงาม จะทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนขอนักเรียนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ (อ้างอิง) ด้วยเหตุนี้เองทำให้หลายๆ โรงเรียน (ที่มีกำลังทรัพย์) ต่างออกแบบตึกเรียนให้ออกมาสวยงามเพื่อดึงดูดเหล่านักเรียนให้มาเรียน และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 9 อาคารเรียนสุดอลังกาลดาวล้านดวงในอเมริกา ที่เห็นแล้วอยากเข้าไปเรียนซักครั้งหนึ่ง!! จะน่าเรียนขนาดไหน ไปชมกันเลย! โรงเรียน Diamond Ranch High School ในเมือง Pomona รัฐ California ความเจ๋งของตึกเรียนโรงเรียนนี้คือ บางตึกถูกสร้างขึ้นบนหน้าผา ซึ่งดูแล้วไม่น่าสร้างได้เป็นอย่างยิ่ง ตึกทรงปิรามิดจาก Ramon Cortines School of Performing Arts โรงเรียนแห่งนี้ยังมีตึกทรงโค้งสุดเจ๋งแบบนี้ด้วย โรงเรียน The Amino Lenox Charter High School ใน Inglewood รัฐ California โรงเรียน The Youngker High School ใน Buckeye…
-
ทัวร์โรงงานผลิต “กระสุนปืน” ในอเมริกา เปลี่ยนโลหะบางๆ ให้เป็นอาวุธอันตรายได้อย่างไร?
พูดถึงปืน เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักอาวุธมหาประลัยชนิดด้วย ด้วยพิษสงอันร้ายกาจ ทำให้มันกลายเป็นอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในยุคปัจจุบัน แต่ถึงกระนั้น กลับมีน้อยคนนักที่เคยเห็นกรรมวิธีการผลิต “กระสุนปืน” ว่า มนุษย์เราเปลี่ยนโลหะบางๆ ให้กลายเป็นอาวุธสุดอันตรายได้อย่างไร วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมหนึ่งในสิบโรงงานผลิตกระสุนปืนที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา กับ Barnes Bullets Factory จะน่าตื่นตาตื่นใจขนาดไหน เราไปชมกันเลยดีกว่า!! เริ่มจากนำทองแดงมาขึ้นรูป เมื่อขึ้นรูปเสร็จแล้ว ก็จะนำตัดให้เป็นปลอกกระสุน . . และนี่คือหัวกระสุนที่รอนำไปบรรจุกับปลอกกระสุน เมื่อทั้งหัวและปลอกพร้อมแล้ว พวกเขาก็มอบหมายหน้าที่บรรจุดินปืนและอัดหัวกระสุนให้กับเครื่องจักรภายในโรงงาน . เพียงเท่านี้ เราก็ได้กระสุนพร้อมใช้งานแล้ว . . นำไปเคลือบสีสักหน่อย สีสันที่แตกต่างกันนั้นจะบอกชนิดของกระสุนว่าเป็นแบบใด . เมื่อเคลือบสีเสร็จแล้วก็นำไปบรรจุใส่กล่อง . . เรียบร้อยสวยงามพร้อมวางจำหน่าย แต่กระสุนบางส่วนก็จะถูกนำไปทดสอบ เพื่อวัดมาตรฐานการผลิตว่าเรียบร้อยดีหรือไม่ . กระสุนปืนไม่ได้ทำยากอย่างที่คิดใช่มั้ยละเพื่อนๆ . เพิ่งรู้ว่าเขาทำกันอย่างนี้ ถือว่าเป็นความรู้ดีๆ เลยนะเนี่ย…
-
จัดเต็ม 50 อันดับ “เบอร์เกอร์” ที่ดีที่สุดใน USA กัดทีน้ำไหลเยิ้ม ฉ่ำจนน้ำตาย้อย!!
อเมริกาถือเป็นสวรรค์ของคนรักเบอร์เกอร์จริงๆ ถ้าไม่นับรวมพวกอาหาร Junk Food แล้ว เบอเกอร์ถือเป็นอาหารที่คนนิยมกันมาก เพราะมันอิ่ม ทานง่าย จบในจานแบบไม่ต้องมีอะไรมากมาย ร้านเบอร์เกอร์ในอเมริกาก็มีหลากหลาย ซึ่งส่วนมากจะแพงกว่าร้านเบอเกอร์แบบเฟรนไชส์มากประมาณ 100 – 300 บาท หรืออาจจะแพงกว่านั้น ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ และวันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปดูโฉมหน้าของเบอร์เกอร์ที่ติดอันดับท็อป 50 จาก Foursquare ที่สำรวจมาทั้งประเทศ เราจะได้เห็นความฉ่ำของมันอย่างเต็มแล้ว รับรองว่าท้องร้องแน่นอน 1. Hopdoddy Burger Bar — Austin, TX 2. Casper and Runyon’s Nook 3. Shake Shack — New York, NY 4. Poe’s Tavern — Sullivan’s Island, SC …
-
28 ภาพเปรียบเทียบ ชีวิตช่วงซัมเมอร์ใน ‘อังกฤษ vs อเมริกา’ แบบฮาๆ ซะเหลือเกิน!!
ภาพเหล่านี้เป็นการเปรียบเทียบกันระหว่างวิถีชีวิตของผู้คนในหน้าร้อนของสองประเทศที่เป็นเหมือนไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด อย่างที่เรารู้กันว่าชาวตะวันตกจะชอบช่วงซัมเมอร์เป็นพิเศษ เพราะเป็นเวลาที่จะได้ไปพักผ่อนท่ามกลางแดดอุ่นๆ แต่อย่างไรก็ตาม อังกฤษ กลับเป็นประเทศที่ถูกล้อเลียนว่าแดดอุ่นๆ น่ะไม่มีหรอก เพราะยังไงฝนก็ตกได้ทั้งปี อิอิ มันก็เลยออกมาเป็นภาพเปรียบเทียบสุดฮาแบบนี้แหละ…… 1. พักผ่อนชิลๆแถบชายหาดแบบอเมริกา พักผ่อนชิลๆแถบชายหาดแบบอังกฤษ 2. ปาร์ตี้บาบีคิวในวันหยุดของอเมริกา ปาร์ตี้บาบีคิววันหยุดในอังกฤษ 3. อาบแดดริมชายหาดในอเมริกา อาบแดดริมชายหาดในอังกฤษ 4. พักผ่อนในอ่างน้ำชิลๆแบบอเมริกา พักผ่อนในอ่างน้ำชิลๆแบบอังกฤษ 5. ปาร์ตี้เอ้าท์ดอร์ในอเมริกา ปาร์ตี้เอ้าท์ดอร์ในอังกฤษ 6. งานเทศกาลในอเมริกา งานเทศกาลในอังกฤษ 7. กีฬาฤดูร้อนในอเมริกา กีฬาฤดูร้อนในอังกฤษ 8. ล่องเรือในอเมริกา ล่องเรือในอังกฤษ 9. แคมปิ้งในอเมริกา แคมปิ้งในอังกฤษ 10. เล่นเซิร์ฟในอเมริกา…
-
เปิดตัว “สไลเดอร์กระจก” สุดหวาดเสียวบนชั้น 70 สำหรับคนที่ไม่อยากเปลืองแรงลงบันได!!
เวลาอยู่ตึกสูงๆ การที่ลงมาชั้นที่ต่ำกว่าอาจเป็นเรื่องยากลำบากพอสมควร จะเดินลงมาก็เปลืองแรงพอสมควร จะรอลิฟท์กว่าจะมาถึงก็เนิ่นนาน ด้วยเหตุนี้ทาง ตึกยูเอสแบงค์ทาวน์เวอร์ ในเมืองลอสแองเจลลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงทำสไลเดอร์กระจกสุดหวาดเสียวขึ้นมา เพื่อบริการคนที่ไม่อยากเดินและไม่อยากรอลิฟท์!! สไลเดอร์ดังกล่าวทำมาจากกระจกใสหนา 1.25 นิ้ว ติดตั้งบริเวณด้านนอกของอาคารชั้น 70 เพื่อเชื่อมกับดาดฟ้าของชั้น 69 มีความยาวประมาณ 45 ฟุตหรือราว 13 เมตร และอยู่สูงจากพื้นดิน 300 เมตร . อย่างไรก็ตามสไลเดอร์กระจกอันนี้ไม่ทำมาให้ใช้ฟรีๆ แต่อย่างใด โดยเมื่อเปิดทำการอย่างเป็นทางการแล้ว จะมีการเก็บค่าบริการตั้งแต่ 8 ดอลลาร์สหรัฐ ( 280 บาท) สำหรับเด็ก ไปจนถึง 48 ดอลลาร์สหรัฐ . กำหนดการเปิดอย่างเป็นทางการคือวันที่ 26 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ใครสนใจก็ลองไปเล่นกันได้นะฮะ . น่าสนใจจริงๆ ใครผ่านไปแถวนั้นก็อย่าลืมไปลองเล่นนะ แต่ #เหมียวอ๊อดโด้ ขอบาย แบบว่าไม่ถูกโรคกับความสูงจริงๆ ฮาาาาา…
-
ฝันสลายทั้งโลก!! กัปตันอเมริกา Chris Evan ประกาศออกเดทกับนักแสดงสาว Jenny Slate
เรียกว่าเป็นข่าวที่ทำร้ายจิตใจสาวๆ ทั่วโลกเลยทีเดียว สำหรับพ่อหนุ่มกัปตันอเมริกา Christ Evan ได้ประกาศออกเดทอย่างเป็นทางการกับนักแสดงสาว Jenny Slate โดยทั้งคู่เพิ่งรู้จักกันจากกองถ่ายภาพยนตร์เรื่อง Gifted เมื่อไม่กี่เดือนก่อนและรู้สึกเข้ากันได้ดีมาก ต่อมา Jenny Slate เลิกรากับสามีเก่า Dean Fleischer-Camp เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มคบหาดูใจกัน ก่อนหน้านี้ประมาณหนึ่งเดือน ทั้งสองได้ไปออกรายการ Unqualified ของ Anna Faris และได้ให้สัมภาษณ์ถึงความประทับใจที่มีแต่กันและกัน ซึ่ง Jenny บอกว่าเธอรู้สึกเข้ากันได้ดีกับ Christ มากๆ และสามารถอยู่ด้วยกัน 90 ชั่วโมงก็ยังได้ และ Christ ก็ให้สัมภาษณ์ว่าเขาเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ลองไปดูคำพูดที่เพจ Celebrity Style by toujours ensemble แปลมาดูสิ อื้อหือ แบบนี้บอกว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ ก็คงไม่มีใครเชื่อกันแล้ว Confirmed : Chris Evans IS Dating Jenny Slate รายงานโดย US…
-
ชายหนุ่มเดินทางไปอเมริกา เพื่อ “ตามรอย” สถานที่ที่พ่อเคยไปถ่ายตอนเป็นทหาร
ชายหนุ่มคนหนึ่งนามว่า James Nguyen เขามีภารกิจชิ้นหนึ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ นั่นก็คือการเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อไปตามรอยรูปภาพของพ่อที่เคยถ่ายไว้ก่อนจากไป เขาเล่าว่าพ่อของเขาเคยฝึกทหารอยู่ที่ Rhode Island Naval Academy ระหว่างช่วงที่กำลังมีสงครามเวียดนาม และพ่อของเขาก็เสียชีวิตในหน้าที่ในเดือนธันวาคมปี 1974 ซึ่งตอนนั้นเขายังไม่เกิด James ลืมตาดูโลกเมื่อเดือนมีนาคมปี 1975 ทำให้เขาไม่ได้เห็นหน้าพ่อ และแม่ก็พาเขาอพยพไปยังประเทศออสเตรเลีย และเติบโตที่นั่น และสิ่งที่พอจะหลงเหลือก็คือรูปถ่ายของพ่อที่ถ่ายในปี 1970 เมื่อตอนที่พ่อได้มาที่อเมริกา และนี่ก็คือภารกิจที่เขาต้องออกไปตามรอยรูปถ่ายของพ่อ และถ่ายรูปเขามาในมุมที่เหมือนกัน เราไปดูกันว่าการผจญภัยของเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง USS Massachusetts Civil War Memorial, Broadway, Newport Rhode Island William Channing Statue / Newport Tower, Newport, Rhode Island Long Wharf Mall, Newport, Rhode Island …
-
ใครจะไปนึก!!? ต่างประเทศมีการจัดแข่งขัน ‘ควิดดิช’ กันจริงๆ แถมมีทีมร่วมแข่งกว่า 200 ทีม และปีนี้จัดเป็นปีที่ 9
คงจะเป็นกีฬาที่ไม่มีแฟนๆ หนังสือพ่อมดน้อย แฮร์รี่ พอตเตอร์ คนไหนอยากพลาดเลยทีเดียวกับ ‘ควิดดิช’ ที่เหล่าพ่ดมดแม่มดจะขี่ไม้กวาด ขว้างลูก ตีลูก และไล่จับลูกเพื่อเอาชัยชนะเหนือทีมตรงข้ามให้ได้ แต่เชื่อมั้ยกีฬานี้มีคนเล่นกันจริงๆ เหล่านักศึกษามหาวิทยาลัยนับพันคนมาขี่ไม้กวาดยิงลูกวอลเลย์บอลกัน เบียดแย่งลูกกันทำคะแนน และกว่า 60 ทีมจากทั้งมหาวิทยาลัยและชุมชนได้เข้าร่วมแข่งขันในงาน U.S. Quidditch Cup ครั้งที่ 9 นี้!!! กีฬาควิดดิช…ใช่แล้ว ควิดดิชนั่นแหล่ะ!! เล่นกันจริงๆ มีการจัดการแข่งขันกันขึ้นจริงๆ ซะด้วย หลักๆ แล้วทุกๆ ทีมจะได้เล่นกันอย่างเต็มๆ 3 เกมด้วยกัน และทีมที่ชนะมากที่สุดก็จะเข้ารอบไปเพื่อไปแข่งอีกวันหนึ่ง และวันที่สองนี่แหละจะหาทีมที่เป็นแชมป์ให้ได้ และถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควรเลยทีเดียว เพราะทุกๆ ปีจะมีผู้เข้าร่วมแข่งขันมากขึ้นๆ แรกเริ่มเดิมทีนั้นการแข่งขันนี้ใช้ชื่อว่า Quidditch World Cup มาตั้งแต่ปี 2007 เลยทีเดียว แต่พึ่งเปลี่ยนเป็น U.S. Quidditch Cup เมื่อราวๆ ปีที่แล้ว เป็นกีฬาที่ดุเดือดไม่แพ้ในหนังจริงๆ ฮร่าาาา สำหรับในตอนนี้มีทีมกว่า…
-
ดิสนีย์เตรียมเปิดตัวเครื่องเล่นใหม่ ให้คุณสามารถ “ท่องโลก” ได้แบบนกบินอยู่!!
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบดิสนีย์ และต้องไปพิชิตดิสนีย์ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นที่เอเชียหรืออเมริกา ตอนนี้ทางดิสนีย์เตรียมเปิดตัวเครื่องเล่นใหม่ที่จะเปิดประสบการณ์ให้คุณได้ท่องไปในโลกกว้าง ไม่ว่าจะเป็นกำแพงเมืองจีน อ่าวซิดนีย์ที่ออสเตรเลีย หรือ Matterhorn ในสวิสเซอร์แลนด์ ทั้งหมดที่ว่ามา คุณจะได้บินผ่านเหมือนเป็นซุปเปอร์แมนบินไปทั่วเมืองได้ด้วยเครื่องเล่น “Soarin’ Around the World” เครื่องเล่นนี้จะเปิดให้เล่นใน Disney California Adventure Park ที่ Disneyland Resort และใน Epcot ที่ Walt Disney World Resort อเมริกา เราไปชมตัวอย่างเรียกน้ำย่อยกันเลย สำหรับใครที่วางแผนจะไปดิสนีย์แลนด์แล้วล่ะก็ อย่างลืมไปเล่นนะจ๊ะ จะเปิดให้เล่นในวันที่ 17 มิถุนายนนี้แล้ว ที่มา Disney Parks
-
ดาราตลกชาวอเมริกันสุดเกรียน!! สวมปกหนังสือปลอมนั่งอ่านอย่างเนียน ทำเอาชาวเมืองขำกันเป็นแถบ
สำหรับเหล่านักอ่านหลายๆ คนแล้วมักจะพกพาหนังสือที่ตนเองชื่นชอบไปไหนมาไหนด้วยตลอดเวลา ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องหยิบขึ้นมาอ่านเมื่อนั้น ซึ่งหนังสือเหล่านั้นก็จะบ่งบอกถึงรสนิยมและความเป็นตัวตนของผู้อ่านได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะการอ่านหนังสือท่ามกลางผู้คนที่กำลังเดินพลุกพล่านอยู่นั้น ย่อมเป็นจุดสังเกตของเหล่าผู้คนอยู่แล้วล่ะ บางคนอาจจะสนใจหนังสือที่เรากำลังอ่านอยู่ว่าชื่อหนังสืออะไร เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร และใครเป็นคนเขียน จนเกิดความอยากได้และเดินเข้ามาสอบถามก็เป็นไปได้ Scott Rogowsky ชายนักแสดงตลกชาวอเมริกันได้ทำเรื่องที่สุดกล้าหาญ ด้วยการทำปกหนังสือปลอมพร้อมกับทำท่าทางนั่งอ่านมันอย่างเคร่งเครียดท่ามกลางผู้คนมากมาย ทำให้ชาวประชาทั้งหลายต่างมีปฏิกิริยาอย่างเห็นได้ชัดเจนหลังจากเห็นชื่อปกหนังสือที่เขากำลังอ่าน โดยเขาได้ลงมือปฏิบัติการที่สถานีรถไฟใต้ดิน New York และหนังสือเล่มแรกที่เขาหยิบขึ้นมาอ่านนั้นมีชื่อว่า ‘101 วิธีการเพิ่มความยาวของกระปู๋ สามารถทำได้ที่บ้าน ออฟฟิศ และระหว่างการเดินทาง’ พอเห็นแล้ว พี่ผู้หญิงถึงกับขำเบาๆ เลยทีเดียว 555+ มีแต่ชื่อหนังสือที่แบบ เอิ่มนะ… อย่างเล่มนี้น่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับการแนะนำวิธีการมีเซ็กส์ทางตรู๊ดนะ ถึงกับต้องยกแว่นขึ้นมาดูให้ชัดๆ เลย และหนังสือแนะวิธีการกลั้นตด ทำเอาซะคุณพี่ข้างๆ ถึงกับเหวอ 555+ ‘แน่นอนว่าไม่ใช่หนังสือโป๊ จะมองทำพระแสงอะไร?’ แต่เน้นคำว่า PORN ตัวโตๆ เป็นใครล่ะจะไม่สนใจ ฮร่า หรือจะเป็นเล่มนี้ ‘TRUMP ศิลปะในการฟันลูกสาวของคุณ’ โหดดิบเถื่อนดีชะมัด!! ลองไปชมคลิปแบบเต็มๆ…
-
ตามติดชีวิตใน “West Point” โรงเรียนเตรียมทหารสหรัฐ ที่ใครๆ ก็ใฝ่ฝันอยากเข้าเรียน!!
“West Point” หรือชื่อเต็มก็คือ The United States Military Academy เป็นสถาบันเตรียมทหารในสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ก่อตั้งเมื่อปี 1802 จนมาถึงตอนนี้ก็ร่วม 200 ปีแล้ว West Point ได้ผลิตบุคลากรที่เปลี่ยนแปลงโลกนี้เอาไว้มากมายเช่นนายพล George S. Patton หรือว่าจะเป็นประธานาธิบดีคนที่ 34 ของสหรัฐฯ Dwight D. Eisenhower นักเรียนที่นี่จะได้รับทุนการศึกษาแบบเต็มรูปแบบ แลกเปลี่ยนกับการไปเป็นทหารประจำในกองทัพ ซึ่งเมื่อจบการศึกษาแล้วก็จะได้รับยศร้อยตรี แน่นอนว่านักเรียนต้องทำร่ายกายให้แข็งแรงตลอดเวลา ซึ่งเราจะได้เห็นเหล่านักเรียนวิ่งออกกำลังกายรอบๆ ในตอนเช้า 7 โมง ภายในก็จะมีรูปปั้นที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเหล่านักเรียน เช่นรูปปั้นของ George Washington ประธานาธิบดีคนแรก โรงเรียนแห่งนี้ก่อตั้งเมื่อปี 1802 และคนที่จะสมัครเข้ามาได้ต้องมีอายุระหว่าง 17 – 23 ปีเท่านั้น รูปปั้นของอดีตประธานาธิบดี Eisenhower ก็สูงเด่นเป็นสง่า เพราะเขาเป็นหนึ่งในนักเรียนช่วงปี 1911 – 1915 แต่ละห้องเรียนจะมีนักเรียนเพียงแค่ 20 คน และนี่คือห้องเรียนวิชากฎหมายธุรกิจ…
-
ย้อนอดีตชมแฟชั่น “ทรงผมสไตล์วินเทจ” วัยรุ่นมะกันช่วงยุค 60s – 70s น่าลองทำมาก!!
ทรงผมถือเป็นสิ่งที่ทำให้เราดูโดดเด่นได้เลย แต่ละยุคแต่ละสมัยก็จะมีแฟชั่นที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับกาลเวลา และวันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปย้อนอดีตชมทรงผมของวันรุ่นสหรัฐฯในอดีตกัน ภาพเหล่านี้เป็นภาพของเด็กนักเรียนผู้หญิงมัธยมในโรงเรียนที่แคลิฟอร์เนียในช่วงยุคปลาย 1960s ถึงช่วง 1970s ตอนต้น ซึ่งเป็นภาพที่หาชมได้ยากมากๆ เราจะเห็นได้ว่าทรงผมนั้นจะเน้นไปทางทำให้ดูพองๆ ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปทำไม แต่ตอนนั้นมันเป็นอะไรที่ฮิตสุดๆ เลย ไปชมกันเลย เห็นแล้วนึกถึงหนังในสมัยก่อนเลยเนอะ ใครสนใจอยากลองทำทรงนี้ในยุคนี้ก็เป็นอะไรที่แปลกแหวกแนวดีนะ ที่มา vintag.es, ozfan22
-
เก่งมากเจ้าหมา!! น้องหมาเกือบทำเจ้าของซวย คาบถุง ‘กัญชา’ กลับมาให้อย่างภาคภูมิใจ
เค้าว่ากันว่า ‘สุนัข’ หรือ ‘หมา’ มักจะชอบคาบอะไรต่อมิอะไรมาอยู่เสมอ และที่เรามักจะเห็นบ่อยๆ ที่ฝรั่งจะฝึกสุนัขให้ไปคาบหนังสือพิมพ์หน้าบ้านมาให้ อันนี้ถือว่าใช้ได้มีประโยชน์ อิอิ แต่ทว่าบางที่มันก็ทำเกินหน้าที่ไปหน่อย อย่างเจ้า Miley สุนัขพันธุ์ผสมลาบราดอร์สีดำ ในรัฐ Mississippi ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ได้ออกไปทำธุระส่วนตัวปลดทุกข์ในขณะที่ออกมาเดินเล่นข้างนอกบ้าน แต่แล้วอยู่ดีไม่ว่าดี ขากลับมาหาเจ้าของ มันก็ดันคาบถุงพลาสติกกลับมาด้วย โดยข้างในนั้นอัดแน่นเต็มไปด้วยกัญชาที่มัดแยกถุงพร้อมจำหน่าย!! เมื่อเจ้าของเห็นปุ๊บ ก็ทำการโทรเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเก็บของกลางทันที จากการตรวจสอบก็ทำให้รู้ได้ว่ากัญชาเหล่านี้เป็นของเกรดดีซะด้วย แบ่งขายถุงละ 400 กรัม แต่ไม่รู้ว่ามูลค่าขายของกัญชาเหล่านี้อยู่ที่เท่าไหร่ และไม่สามารถนำไปสู่การจับกุมผู้ค้าได้ นั่นก็เป็นเพราะว่า ‘ไม่สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากสุนัขได้’ Posted by Jones County, MS Sheriff's Department on Monday, March 28, 2016 โชคดีที่เจ้าหน้าที่ทำเพียงแค่เก็บหลักฐานเอาไว้เท่านั้น ไม่ได้ทำการจับกุมใดๆ กับเจ้าของ Miley เกือบตกเป็นผู้ต้องสงสัยแล้วเชียว #เหมียวเลเซอร์ กำลังสงสัยว่าที่มันคาบกลับมาให้นี่คงจะถูกใจกลิ่นกัญชาเข้าแล้วซะมั้งเนี่ย…
-
ชมภาพโฆษณาชวนเชื่อที่ “เกาหลีเหนือ” สร้างขึ้นเพื่อให้คนในประเทศเกลียดอเมริกา
ทุกประเทศบนโลกล้วนมีอดีตที่น่าขมขื่น เต็มไปด้วยการฆ่าฟันเพื่อแย่งแผ่นดินและแย่งอำนาจกันเป็นเรื่องปกติในสมัยก่อน แต่ในปัจจุบันนี้ ไม่มีใครคิดเรื่องแบบนี้กันแล้ว เพราะแต่ละประเทศต้องเดินหน้าต่อไป ไม่มีใครมาสนใจความแค้นในอดีต แต่ก็มีอยู่ไม่กี่ประเทศ ที่พยายามกล่อมให้คนในชาติคล้อยตามด้วยโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ แน่นอนว่าทำแบบนี้จะทำให้ประชาชนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมาก แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นโฆษณาชวนเชื่อแล้ว มันย่อมมีความเท็จปนอยู่แน่นอน เหมือนอย่างที่เหมียวไปพบเจอมาในวันนี้ เป็นการโฆษณาชวนเชื่อของประเทศเกาหลีเหนือ ที่ทำออกมาเพื่อให้ทุกคนรู้ว่าประเทศสหรัฐอเมริกาทำกับประเทศเขาไว้มากมายแค่ไหน การที่ส่งภาพชุดนี้ออกไป ทำให้ชาวเกาหลีเหนือเกลียดอเมริกายิ่งขึ้น ในภาพเหล่านี้เราจะได้เห็นสิ่งที่อเมริกาทำ นั่นก็คือการทารุณ กดขี่คนเกาหลีเหนืออย่างมาก สื่อให้เห็นว่าอเมริกาเป็นประเทศที่ชั่วร้ายมาตั้งแต่สมัยสงคราม เราไปชมภาพชุดนี้กันเลย อย่างที่เราทราบว่าที่เกาหลีเหนือปกครองด้วยระบอบเผด็จการทหารมาเนิ่นนาน ทำให้ผู้คนเชื่อง่าย และรักผู้นำเป็นอย่างมาก การสร้างเรื่องแบบนี้ขึ้นมาจึงส่งผลกระทบต่อความคิดของชาวเกาหลีเหนือเป็นอย่างมาก ที่มา sobadsogood
-
หรรมส์หดหมดแล้ว!! สหรัฐอเมริกาหนาวสุดๆ หนาวซะจนมี ‘ผีกางเกงยีนส์’ ออกอาละวาดเต็มเมือง
ช่วงนี้ต้องยอมรับเลยล่ะครับ ว่าอากาศหนาวอย่างฉับพลันมันทำให้เราแทบจะตั้งตัวไม่ทัน ขนาดที่ว่ากรุงเทพซึ่งขึ้นชื่อว่าเมืองร้อน ยังต้องใส่เสื้อกันหนาวออกมาเดินถนน… แล้วในรัฐมิเนโซต้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งปกติก็มีอากาศเย็นอยู่แล้ว มันก็ยิ่งหนาวมากไปอีก หนาวซะจนกระทั่งมี ‘ผีกางเกงยีนส์’ ออกมาสร้างความหลอนปนฮากันเลย!! ที่จริงแล้วมันเป็นความคิดเริ่มต้นโดยนาย Tom Grotting ซึ่งคงจะเก็บตัวอยู่ในบ้านหน้าหนาวจนไม่มีอะไรทำ คิดไอเดียเจ๋งๆจับกางเกงยีนส์มาแช่น้ำให้เปียก แล้วเอาไปตั้งหน้าบ้าน พอตั้งปุ๊บ แปปเดียวมันก็แข็งกลายเป็นน้ำแข็ง ได้งานศิลปะหน้าบ้านแบบนี้แหละ… เมื่อชาวบ้านใกล้เคียงมาเห็น ก็ต๊กกะใจแอบหลอนเบาๆ แต่หลายคนก็ชื่นชอบในผลงานนี้ เลยเรียกกันสนุกปากว่า ‘ผีกางเกงยีนส์’ แถมยังไม่พอนะ เอาไปทำตามกันอีก ละแวกนั้นก็เลยเต็มไปด้วยกางเกงยีนส์ผีแบบนี้…. และแบบนี้… ยัง ยังไม่จบนะ พอมีการแชร์ภาพลงในโลกออนไลน์ เหล่าผีกางเกงยีนส์ก็เร่ร่อนออกจากรัฐมิเนโซต้า ไปยังประเทศแคนาดา เยอรมนี และรัสเซีย ทำตามกันจนเป็นกระแสอีกด้วย ส่วนเมืองไทยคาดว่าคงจะยากหน่อยนะ ลองคิดไอเดียอื่นๆไปสู้กับเค้าไหม เผื่อจะดังไปทั่วโลกบ้าง…. ที่มา: orzzzz
-
รู้จักกับ Acacia Brinley เน็ตไอดอลวัยขบเผาะจากอเมริกา ที่มีคนตามถึง 2 ล้านคน!!
ปกติเราอาจจะเคยเห็นเน็ตไอดอลที่มาจากเอเชียเป็นส่วนใหญ่ แต่ที่จริงแล้ว ทางฝั่งตะวันตก พวกเขาก็มีเน็ตไอดอลเช่นกัน และความนิยมของเหล่าเน็ตไอดอลนั้น ก็ไม่แพ้ฝั่งเอเชียเลยทีเดียว อย่างเช่นสาวน้อยจากแคลิฟอร์เนียคนนี้ ที่จะมามัดใจหนุ่มๆทุกคน เธอมีชื่อว่า Acacia Brinley อายุ 18 ปี ปัจจุบันเธอทำงานเป็นบล็อกเกอร์ และเธอมียอดคนตามในโซเชียลมีเดียอย่าง Instagram ถึง 2.1 ล้านคนแล้ว เธอเริ่มโด่งดังจากการเล่นเว็บ Tumblr ก่อนจะค่อยๆโด่งดังมาเรื่อยๆ จนมีผลงานในซีรี่ย์ Code: 9 และได้ขึ้นปกนิตยสารวัยรุ่นอีกด้วย จะน่ารักขนาดไหน ไปชมกันเลย น่ารักจริงๆเลย อย่างกับแองเจลลิน่า โจลีเลย ว่าแล้วเหมียวขอไปกดติดตามก่อนนะ เดี๋ยวจะพลาดรูปน่ารักๆของเขาไป อิอิ ที่มา acaciabrinleyofficial
-
พบกับ Holly Burt สาววัย 20 ปี ที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นผู้หญิงที่มี ‘ขายาว’ ที่สุดในอเมริกา
นี่คือ Holly Burt นักศึกษาสาววัย 19 ปี จากรัฐฟลอริดา เธอเป็นผู้หญิงที่ขึ้นชื่อได้ว่ามีขายาวที่สุดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งขาของเธอนั้นมีความยาวถึง 125 เซนติเมตรกันเลยทีเดียว Holly เริ่มรู้ว่าตัวเองสูงเป็นครั้งแรกในตอนเรียนชั้นประถม และเมื่อเธอขึ้นชั้นมัธยมต้น เธอก็มักจะถูกเพื่อนล้ออยู่เสมอ บ้างก็เรียกเธอว่าต้นไม้ บ้างก็เรียกว่าเธอเป็นยีราฟ แม้ว่าเธอจะมีขาที่ยาวกว่าผู้หญิงทั่วๆ ไป แต่ Holly ก็รู้สึกภาคภูมิใจ แถมเธอยังนำความสูงที่มีมาใช้ประโยชน์ในการเล่นกีฬา และคอยช่วยเหลือเพื่อนๆ ในเรื่องต่างๆ อีกด้วย และแน่นอนว่าขายาวๆ นี้ ก็อาจจะต้องทำให้เธอเผชิญกับปัญหาที่ยากลำบากต่างๆ ได้มากมาย เช่น การนั่งโดยสารในรถ หรือการเลือกซื้อเสื้อผ้า ‘ผู้ชายที่เข้าหาเธอ มักจะสนใจขายาวๆ ของเธอ ยิ่งพวกเขาเห็นเธอใส่ส้นสูง มันทำให้พวกเขาตะลึง และอ้าปากค้างไปตามๆ กัน’ Holly กล่าว และที่สำคัญเวลาที่เธอเจอหนุ่มๆ ที่สูงกว่าเธอ เธอก็จะตรงเข้าไปหาเขาคนนั้นโดยทันที เพราะเธอได้ตั้งกฎไว้ว่าจะไม่ออกเดทกับผู้ชายที่สูงไม่ถึง…
-
พาทัวร์บ้านต้นไม้กับขนาดอภิมหาบรมโคตรยักษ์ใหญ่ เรียกว่า ‘ปราสาทต้นไม้’ จะดีกว่า!?
จะว่าไปแล้วเนี่ยวัฒนธรรมในวัยเด็กที่ต่างประเทศนั้นก็มักจะอยากได้บ้านต้นไม้เจ๋งๆ ในสวนหลังบ้าน มันก็เป็นอะไรที่ฟินมากๆ เลยล่ะ แต่ทว่าบ้านต้นไม้ทั่วไปที่เห็นกันนั้นมันไม่ถึงใจหรอก มันต้องเจอปราสาทต้นไม้หลังนี้!! ปราสาทต้นไม้นี้อำนวยการสร้างโดยรัฐมนตรี Horace Burgess ตั้งอยู่ในเมือง Crossville รัฐ Tennessee ใช้เวลาในการก่อสร้างทั้งหมดร่วม 14 ปี เริ่มต้นสร้างในปีค.ศ. 1993 ด้วยงบประมาณ 428,770 บาท (12,000 ดอลลาร์) ภายในปราสาทต้นไม้นี้ประกอบไปด้วยพื้นที่อยู่อาศัยที่เหมือนบ้าน รวมไปถึงมีสนามบาสเกตบอล โบสถ์ และหอระฆังด้วย แต่ปัจจุบันได้ปิดไม่ให้มีผู้เข้าเยี่ยมชมแล้ว หวังว่าจะเปิดให้เข้าอีกครั้งในเร็วๆ วันนี้ละกันเนอะ เผื่อเหมียวจะได้แวะไปชมบ้าง ที่มา : thechive
-
1970s ยุคทองแห่ง “สเก็ตบอร์ด” ในแคลิฟอร์เนียกับภาพที่หาดูยาก
สเก็ตบอร์ด ถือเป็นวัฒนธรรมย่อยๆในช่วงหนึ่งในแคลิฟอร์เนียเลยก็ว่าได้ ในยุค 1970s นั้น ถือเป็นกีฬาที่ฮิตมากๆจนแทบกลายเป็นเอกลักษณ์ของอเมริกาไปเลย ช่างภาพคนหนึ่งชื่อว่า Hugh Holland ได้ถ่ายช่วงเวลานี้เอาไว้ เผยให้เห็นยุคทองของสเก็ตบอร์ดว่ามันงดงามเพียงใด ซึ่งภาพที่เขาถ่ายอยู่ในช่วงปี 1975-1978 ที่แคลิฟอร์เนีย เป็นที่น่าสงสัยไม่ใช่น้อยเลยว่าทำไมคนถึงมาฮิตเจ้าสเก็ตบอร์ดเหล่านี้ จนบางแห่งถึงกับระบายน้ำในสระออกแล้วเปิดพื้นที่ให้เด็กลงไปเล่นสเก็ตเบอร์ดกันแทน บางคนก็สร้างมันด้วยแผ่นไม้กับล้อ ซึ่งถ้ามองตอนปัจจุบันก็นับมาว่าไกลมากๆ ความจริงแล้วช่างภาพ Hugh ไม่ใช่คนที่เล่นสเก็ตบอร์ดหรอก เขาเพียงแค่หลงไหลตามเก็บภาพของเหล่าเด็กๆที่เล่นสเก็ตบอร์ดเท่านั้น ซึ่งภาพของเขาก็หาเจอได้ใน Amazon เห็นแล้วเหล่านี้แล้วชวนให้นึกถึงหนังเก่าๆจัง ติดตามผลงานของช่างภาพคนนี้ได้ที่ hughholland.com | Amazon | Facebook ที่มา boredpanda
-
14 เมนูอาหารจากหลายประเทศทั่วโลก ที่ขึ้นชื่อได้ว่า ‘ใหญ่ที่สุดในสามโลก’ กันเลยทีเดียว
สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคน ในวันนี้เราได้หยิบเอา 14 เมนูอาหารจากหลายๆ ประเทศ ที่ขึ้นชื่อได้ว่าใหญ่ที่สุดในสามโลกมาให้ได้ชมกัน ขอบอกเลยว่าแต่ละเมนูนั้นมีขนาดใหญ่จริงๆ แถมบางเมนูก็หนักเป็นพันๆ กิโลกรัมอีกด้วย ถ้าอย่างนั้นเราลองมาดูกันว่า 14 เมนูที่ว่านี้ จะใหญ่ขนาดไหนกันเชียว 1.Salsa จากอเมริกาที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีน้ำหนัก 3,306 กิโลกรัม เยอะไปไหนเนี่ย!! 2.Sandwich จากอเมริกาที่ใหญ่ที่สุดในโลก แถมยังหนักถึง 1,149 กิโลกรัมเชียวนะ 3.รูปปั้นช็อกโกแลต จากอเมริกา ที่หนักถึง 8,253 กิโลกรัมกันเลยทีเดียว 4.แฮมเบอร์เกอร์ยักษ์ ที่หนักถึง 351 กิโลกรัม แถมยังมีขายจริงในอเมริกาอีกด้วย 5.Chocolate Truffle จากอิตาลี ที่หนักถึง 800 กิโลกรัม 6.Crab Cake ที่ใหญ่ที่สุดในโลกส่งตรงจากอเมริกา แถมยังหนักถึง 136 กิโลกรัมเลยนะ 7.Falafel…
-
ชมภาพหายากของเมืองในประเทศอเมริกาสมัยที่ยังไม่มีรถยนต์ บอกเลยเจ๋งสุดๆ!!
เชื่อว่า 99.99% ของคนในยุคปัจจุบัน ตอนเกิดมาก็พบว่ามีรถยนต์อยู่เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดแล้ว และหลายๆคนก็คงจะนึกไม่ออกว่า ในยุคสมัยที่คนยังไม่มีรถยนต์ใช้กันอย่างแพร่หลาย ผู้คนมีวิถีชีวิตอย่างไร วันนี้เหมียวไปเจอภาพของประเทศสหรัฐอเมริกาในยุคช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ถึงต้นศตวรรษที่ 19 มาให้ชม จะน่าตื่นตาตื่นใจขนาดไหน ไปชมกันเลย ถนนในเมือง Chicago ในปี 1900 ชั่วโมงเร่งรีบบนถนน Nassau เมือง New York City ช่วงปี 1905 บริเวณอันเงียบสงบในเมือง Detroit ช่วงปี 1890 แผงลอยบนถนนในเมือง Richmond รัฐ Virginia ปี 1908 เมือง Buffalo รัฐ New York สมัยที่ยังไม่มีรถ เมื่อปี 1900 รถไฟ The Empire State Express กำลังตัดผ่านเมือง Syracuse เมื่อปี 1905 ขบวนรถม้าบนถนน Dock Street เมือง…
-
ชมปรากฏการณ์เกิดขึ้นได้ยากมาก “สายรุ้งไฟ” เหนือฟ้ารัฐเซาท์แคโรไลนา!!
Fire Rainbow หรือที่บ้านเราเรียกว่ารุ้งไฟหรือรุ้งเพลิง เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากมากบนโลกนี้ ต้องโชคดีจริงๆถึงจะได้พบ ซึ่งบ้านเราก็คงยากที่จะได้เจอ การจะเกิดปรากฎการณ์นี้ได้ต้องเกิดจากเมฆเซอรัส ซึ่งเป็นเมฆที่ลอยตัวสูง และถ้าจะเกิดปรากฏการณ์นี้ได้ต้อสูงกว่า 20,000 และแสงอาทิตย์ต้องตกกระทบกับเมฆเป็นมุม 58 องศา ทำให้เกิดแสงที่ตกกระทบกับผลึกน้ำแข็ง เกิดเป็นสีสันอันงดงามเหล่านี้ และครั้งนี้ที่รัฐเซาท์แคโรไลนาก็ได้เกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้น สร้างความตื่นตะลึงให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก หลายคนก็ได้ถ่ายภาพเก็บไว้ เราไปดูความงดงามของมันกันเลยดีกว่า ที่มา 14news
-
มาดู 10 อันดับ “มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด” ในอเมริกาประจำปี 2015
การเลือกมหาลัยเหมือนเป็นการเลือกเส้นทางของชีวิตเลยก็ว่าได้ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องเรียนเท่านั้น แต่เราต้องพบกะกับเพื่อนใหม่ๆ สังคมใหม่ๆ การแข่งขันใหม่ๆ ซึ่งแต่ละมหาลัยก็จะแตกต่างกันออกไป ทางเว็บไซต์ Business Insider จึงได้ทำแบบสอบถามคน 1,000 คนเพื่อเลือกมหาลัยที่ดีที่สุดในอเมริกาซึ่งวัดจากคุณภาพนักศึกษาและความประสบความสำเร็จหลังจบออกมา อีกทั้งยังเอาไปรวมกับคะแนนสอบเฉลี่ยจาก SAT ซึ่งเป็นข้อสอบมาตรฐานที่ใช้สอบกันในอเมริกาจากเว็บไซต์ College Board และหาค่ามัธยฐานเงินเดือนหลังจบมาจากเว็บไซต์ PayScale อีกด้วย เราไปดูกันเลยทีกว่าว่ามีที่ไหนกันบ้าง 10. Dartmouth College คะแนนเฉลี่ยจากการสอบ SAT – 2,195 ค่ามัธยฐานเงินเดือน – ประมาณ 1,942,500 บาท 9. University of Pennsylvania คะแนนเฉลี่ยจากการสอบ SAT – 2,190 ค่ามัธยฐานเงินเดือน – ประมาณ 2,075,500 บาท 8. Columbia University คะแนนเฉลี่ยจากการสอบ SAT – 2,220 ค่ามัธยฐานเงินเดือน – ประมาณ…
-
รวม 240 ปีแห่ง “ชุดยูนิฟอร์มทหาร” ของอเมริกามาอยู่ใน 2 นาที!!
ทุกึรก็คงจะรู้ว่าสงครามนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรดีเลย ทุกครั้งที่มีสงคราม ล้วนแต่ละสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมือง อีกทั้งยังทำให้วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนไปอีกด้วย สงครามที่เรารู้จักกันเป็นส่วนมาก ล้วนแต่มาจากสื่อภาพยนตร์ โดยเฉพาะจากอเมริกาที่ทำหนังสงครามออกมามากมายจนทำให้เป็นที่รู้จักกัน วันนี้เหมียวเลยมีคลิปดีๆคลิปหนึ่ง เป็นการรวบรวมเอาชุดทหารจากอเมริกา ย้อนหลังไป 240 ปีกันเลยทีเดียว ตั้งแต่ยุคสงครามปฏิวัติ สงครามกลางเมือง สงครามโลก จนมาถึงยุคปัจจุบัน เราไปดูคลิปกันเลยดีกว่า ที่มา IJReview