Tag: เกย์
-
คู่รักเกย์ในสหรัฐฯ ถูกเหยียดจากสายการบิน บอกให้ย้ายที่นั่งเพราะ “คู่รักชายหญิง” อยากนั่งด้วยกัน
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้มีชายคนหนึ่งโพสต์เล่าเรื่องราวที่ตนและคนรักถูก เหยียดเพศ บนเครื่องบินของสายการบินหนึ่งในสหรัฐอเมริกา คนรักหนุ่มของเขาถูกขอให้ลุกไปนั่งที่อื่นเพียงเพราะ “คู่รักหญิง-ชาย” ต้องการนั่งด้วยกัน ทวิตเตอร์ของ David Cooley เจ้าของเรื่อง David Cooley เรื่องราวมีอยู่ว่าชายที่ชื่อว่า David Cooley ได้จองตั๋วเครื่องบินของ Alaska Airlines จากสนามบิน John F. Kennedy ไปยังสนามบิน ลอสแอนเจลิส เขาและแฟนหนุ่มของเขาก็ได้ขึ้นไปนั่งที่นั่งชั้นพรีเมียมตามที่ซื้อเอาไว้ หลังจากนั่งได้ไม่นาน พนักงานบริการบนเครื่องบินก็เข้ามาขอให้คนรักของ David ย้ายไปนั่งที่นั่งธรรมดา เพราะที่นั่งตรงนี้คู่รักชาย-หญิงคู่หนึ่งต้องการจะนั่งด้วยกัน David จึงตอบไปว่า “เราทั้งคู่ก็เป็นคู่รัก และก็อยากนั่งด้วยกันเช่นกัน” แต่พนักงานให้บริการบนเครื่องบินกลับตอบมาว่าหากไม่สละที่นั่งพรีเมียมไปนั่งที่ธรรมดาก็ลุกแล้วลงจากเครื่องไปเสีย David และแฟนหนุ่มรู้สึกไม่ชอบใจและหน้าชากับการถูกเหยียดที่พวกเขาเป็นคู่รัก LGBTQ (เพศทางเลือก) ทั้งคู่จึงตัดสินใจลงจากเครื่องแล้วไปจองเที่ยวบินอื่นแทน “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสายการบินสมัยนี้จะให้สิทธิ์คู่รักชาย-หญิงมากกว่าคู่รักเกย์แบบพวกเรา แถมยิ่งกว่านั้นยังขอให้พวกเราลงจากเครื่องอีกด้วย” David พิมพ์ลงบนโพสต์ของเขา นอกจากนี้เขายังทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า เขาเลือกใช้สายการบิน Delta แทน และเชิญชวนให้ผู้ที่เป็นเพศทางเลือก เลือกใช้บริการสายการบินที่เป็นมิตรกับ LGBTQ ด้วยเช่นกัน โพสต์ต้นฉบับ บนเฟซบุ๊กของ David…
-
หนุ่มญี่ปุ่นเปิดเผยกับครอบครัวว่า “เป็นเกย์” และผลตอบรับก็ทำให้ชาวเน็ตน้ำตาคลอ…
เรื่องของเพศทางเลือกถึงแม้จะมีการยอมรับมากขึ้นในสังคมปัจจุบัน แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดีที่จะเปิดเผยตัวเองกับ “พ่อแม่และครอบครัว” ว่าเรา เป็นเกย์ เรื่องการเปิดเผยตัวตนและเพศที่ตนเองเลือกนั้นจะไม่ใช่เรื่องที่ยากเลยหากคนรอบตัวเปิดใจให้การยอมรับ ถึงกระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าก็ยังมีคนที่คอยเหยียดและแบ่งแยกเพศอยู่เสมอๆ บังเอิญได้เจอทวิตเตอร์ของหนุ่มญี่ปุ่นที่ชื่อว่า @_Fromage_ ผู้ที่โพสต์ภาพข้อความการ เปิดเผยเพศตัวเอง พร้อมทั้งแฟนหนุ่มของเขาให้ครอบครัวได้ทราบ แล้วครอบครัวของเขาก็น่ารักมากๆ เสียด้วย เขาเขียนคำบรรยายโพสต์ดังกล่าวว่า: “ขณะที่ผมป่วยอยู่ในโรงพยาบาล ผมเรียกครอบครัวพร้อมทั้งแฟนของผมมา นั่นแหละครั้งแรกที่ผมบอกทุกคนว่าผมเป็นเกย์ และแนะนำแฟนที่คบกันมา 6 ปีของผมให้พวกเขารู้จัก น้องสาวของผมขำก๊ากออกมาแล้วพูดออกมาว่าเธอเองรู้อยู่แล้ว ส่วนแม่ก็แอบขำคิกคัก และวันนั้นก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีก แต่พอวันรุ่งขึ้นผมก็ได้ข้อความจากแม่” ข้อความจากแม่ มีใจความดังนี้: “เกี่ยวกับหนุ่มคนนั้นคนที่เป็นเพื่อนสนิทของลูกและคนที่ได้หัวใจของลูกไป แม่เข้าใจนะเขาเองก็ดูเป็นคนดี และพูดตรงๆ แม่โล่งอกมากๆ ที่เห็นลูกได้คบใครแบบนั้น มันไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ถึงแม่จะคิดถึงยุคสมัยเก่าๆ แต่แม่ก็ไม่อาจปฏิเสธคนที่เดินตามหัวใจตัวเองแบบลูกได้หรอกนะ ลูกอยู่กับเขาแล้วมีความสุขด้วยกันหรือเปล่า นั่นต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ ก่อนอื่น ลูกกับเขาควรทำความรู้จักตัวตนกันและกันให้มาก และแม่หวังว่าวันหนึ่งเขาคนนั้นนั่นแหละที่จะกลายเป็นคนที่รู้จักและเข้าใจลูกมากที่สุด” เมื่อเรื่องราวน่าประทับใจนี้ถูกโพสต์เล่าบนทวิตเตอร์ ผู้คนก็เข้ามาคอมเมนต์กันมากมาย เช่น… “เป็นครอบครัวที่น่าทึ่งมาก คุณต้องดูแลพวกเขาและแฟนของคุณให้ดีๆ เลยนะ” “ฉันหวังว่าฉันจะเป็นแม่ที่ดีให้กับลูกๆ อย่างนี้บ้าง” “เป็นแม่ที่ดีมากๆ พ่อแม่บางคนไม่สนใจเลยว่าลูกตัวเองจะเป็นอย่างไร แต่แม่ของคุณนั้นใส่ใจคุณมากๆ เป็นครอบครัวที่เจ๋งจริงๆ” “นี่แหละคือความรักที่แท้จริง ฉันว่าฉันจะร้องไห้แล้วล่ะ”…
-
ชีวิตเสวยสุขของ ‘พ่อบ้าน’ เงินไม่ขาด-งานบ้านไม่พร่อง กับสามีผู้มีอันจะกิน เปย์ไม่ยั้ง…
วิถีชีวิตของคนเรานั้นไม่สามารถเลือกได้แต่เกิด แต่เป็นการกำหนดทางเดินชีวิตของตนหลังจากนั้น ว่าจะไปในทิศทางไหน เราสามารถกำหนดได้เอง แต่ใครเล่าจะมีความสุขได้เท่า Efren Style ชายผู้ทำหน้าที่เป็น ‘พ่อบ้าน’ อย่างแท้จริงแห่งเมือง San Marino รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เขามาพร้อมกับเบ้าหน้าชุบทอง 24K มีเข็มกลัดแบรนด์ Chanel กระเป๋า Vuitton และชุดแหวกอกโชว์เนื้อใส่ออกงาน ชีวิตตั้งแต่ปี 2007 ของ Efren นั้น มีเพียงแค่ กวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างจาน ทำความสะอาดทั่วไป ทำอาหาร และออกไปช็อปปิ้งสินค้าในตระกูลแบรนด์ดัง Armani, Louis Vuitton, Chanel และ Gucci ตามประสางานดูแลบ้าน ส่วนเงินที่ได้มาทั้งหมดนั้นก็มาจาก Christopher นายแพทย์ด้านชีวเคมีและเป็นสามีผู้มั่งคั่ง คอยทำหน้าที่จ่ายเงินให้ออกไปซื้อของอยู่เป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่า ‘มีเงินใช้ไม่ขาดมือ’ Christopher และ Efren “ผมจะตื่นก่อนสามีเสมอ หรือไม่ก็ตื่นพร้อมกันเพื่อให้แน่ใจว่าชุดทำงานและอาหารเช้านั้นพร้อมแล้ว ก่อนที่เขาจะออกไปทำงาน… …
-
ชายสี่หมี่เหลือง หาเรื่องรุมกระทืบคู่เกย์จากเหตุแห่ง “ความเกลียดชัง” ต้องโทษจำคุก 30 ปี!!
ปัจจุบันมีการรณรงค์เกี่ยวกับความเท่าเทียม เพื่อลบล้างความเกลียดชังออกไป และมองคนที่แตกต่างจากเราไป แม้ภายนอก รสนิยมทางเพศอาจจะไม่เหมือนกัน แต่เนื้อแท้ภายในก็คือเพื่อนมนุษย์เฉกเช่นเดียวกัน… รวมไปถึงการให้ความเคารพ สิทธิขั้นพื้นฐานที่ควรพึงมี ไม่อาจไปละเมิดสิทธิส่วนตัวใดๆ ได้ ตราบใดที่ยังไม่ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งทางกายและจิตใจ แต่สุดท้ายแล้วก็มักจะมีการลงมือทำร้ายผู้อื่นเพียงเพราะ “ความเกลียดชัง” DO YOU RECOGNIZE THESE 4 SUSPECTS? These suspects are responsible for the brutal attack that follows. Occurred Sunday night after Miami Beach Gay Pride at 6 Street/Ocean Drive. Call Crime Stoppers: https://t.co/rYWIrW8nIR. pic.twitter.com/NQthfFMIrB — Miami Beach Police (@MiamiBeachPD) April 10, 2018 …
-
“สาวทอม” เมาแล้วตั้งครรภ์ ร้องทุกข์อยากได้ลูกคืนจาก “เกย์” ที่วางใจให้เป็นพ่อ
เรื่องราวในวันนี้ เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันระแวดระวัง เมื่อสาวทอมคนหนึ่งมีลูกผู้น่ารักหนึ่งคน และแล้วชายที่เป็นเกย์คนหนึ่งก็เข้ามาดูแลทำดีด้วยจนไว้ใจ สุดท้ายกลับขโมยลูกของเธอไปไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2561 เธอจึงขอใช้พื้นที่เฟซบุ๊กเพจ บิ๊กเกรียน ในการเผยแพร่เรื่องราวของเธอ และขอให้โลกอินเทอร์เน็ตช่วยเธอตามหาลูกที่ถูกขโมยไปของเธอ . เรื่องราวของเธอมีอยู่ว่า ครั้งหนึ่งตนเคยพลาดท่าตั้งครรภ์เพราะเมา แต่เธอก็ยินดีที่จะเก็บเด็กเอาไว้ จนถึงช่วงหนึ่งที่เธอมีอายุครรภ์ได้ราว 5-6 เดือน เธอก็ได้พบกับเกย์หนุ่มนายหนึ่ง เกย์คนดังกล่าวเข้ามาทำดีและดูและทุกอย่าง โดยไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแต่อย่างใด จากที่เธอไม่มีแม้เงินติดตัวก็กลายเป็นว่าเธอมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น กระทั่งวันที่เธอต้องคลอดลูก เธอเองก็เริ่มไว้วางใจเกย์ผู้นี้และยอมให้เซ็นชื่อรับเป็นพ่อ จากนั้นสาวทอมและลูกก็อยู่ด้วยกันกับเกย์ผู้รับเป็นพ่อประมาณหนึ่งเดือน แล้วก็แยกกัน ล่าสุดวันที่ 7 เมษายน 2561 เกย์คนดังกล่าวได้เข้ามาขอกับสาวทอมว่าจะนำลูกไปเลี้ยง แล้วจะส่งข่าวคราวมาให้ตลอด แต่หลังจากที่เขาเอาลูกไปแล้วกลับไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย ไปหาถึงที่พักต่างจังหวัดก็ไม่พบ ถามเจ้าของที่พักก็ได้คำตอบว่าไม่เห็นเกย์รายนี้มานานแล้ว . . . แต่ล่าสุด สาวทอมผู้นี้ก็ไม่นิ่งนอนใจ ได้ติดต่อแจ้งเรื่องราวให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกระจายข่าวการตามหาลูกของตนผ่านช่องทางสื่อสังคมต่างๆ โดยเธอเองก็บอกว่าไม่ได้ต้องการอะไรเลยนอกจากอยากได้ลูกคืน ที่มา: บิ๊กเกรียน
-
เรื่องเล่าจากชายแท้ ที่หันมาชอบ “ผู้ชาย” กลายเป็นเกย์อย่างสมบูรณ์ หลังจากกิน “ยาแก้ปวด”
คุณคิดว่าชายแท้ทั้งแท่ง จะสามารถเปลี่ยนใจเป็นชายที่ชอบเพศเดียวกันได้ด้วยสาเหตุอะไรบ้าง? ต่อให้คุณคิดคำตอบออกมามากมายขนาดไหน ก็คงไม่คิดว่า ชายหนุ่มจะสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นเกย์ได้เพียงเพราะ “ยาแก้ปวด” อย่างแน่นอน เพราะมันฟังดูไม่น่าเชื่อสุดๆ แต่มีชายคนหนึ่งนามว่า Scott Purdy วัย 23 ปี ได้ออกมาเล่าว่าตัวเขาเอง จากคนที่ชอบผู้หญิงกลับกลายมาเป็นชอบผู้ชายด้วยกัน หลังจาก กินยาแก้ปวดยี่ห้อหนึ่ง เข้าไปหลังตนได้รับบาดเจ็บจากการขับรถโกคาร์ท Scott Purdy วัย 23 ปี Scott เล่าว่าหลังจากที่ข้อเท้าเขาหักเขาก็กินยาแก้ปวดชนิด Lyrica เข้าไปเพื่อลดอาการบาดเจ็บ แต่หลังจากนั้นเขารู้สึกว่าฤทธิ์ของยาได้ทำมากกว่าการลดความบาดเจ็บ แต่มันทำให้เขา สูญเสียความหลงใหลในเพศหญิง และกลับไปบอกเลิกแฟนสาวที่คบกันมาหกเดือนทันที Scott กล่าวว่า “ผมสังเกตเห็นว่าผมไม่มีอารมณ์ทางเพศกับผู้หญิง แต่ผมกลับต้องการความสนใจจากเพศชายแทน ก่อนหน้านี้ ผมคบกับแฟนมาหกเดือน และผมก็ไม่เคยสนใจจะคบหากับเพศชายมาก่อนเลย” ขณะเดียวกัน มีคำอธิบายออกมาว่ายา Lyrica นั้นเป็นยาที่มักใช้รักษาอาการลมชักซึ่งจะไปลดความเจ็บปวดที่โยงถึงสมอง และจะช่วยลดความวิตกกังวล ซึ่งแน่นอนว่ายามีผลข้างเคียงอยู่หลายอย่าง การสูญเสียอารมณ์ทางเพศ ก็เป็นหนึ่งในนั้น ทั้งนี้ Scott ก็ไม่ได้เป็นกังวลเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศที่เปลี่ยนไปของตนเอง แต่กลับออกมาเตือนให้หลายๆ คนมีความระมัดระวังในการใช้ยามากขึ้น “ผมคิดว่าผู้คนควรรู้เรื่องนี้ หากใครจะต้องรับยาอะไรก็ตามในอนาคต…
-
ชายโสดผู้เป็นเกย์ได้รางวัล “ยอดคุณพ่อ” หลังจากที่รับเลี้ยงเด็กพิการ 4 คน
Benjamin Carpente คือชายวัย 33 ปี ผู้เป็นหนุ่มโสดรักร่วมเพศอาศัยอยู่ในเมือง Shepley ที่ West Yorkshire ประเทศอังกฤษ เขาได้กลายเป็นบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนอังกฤษจำนวนมาก หลังจากที่เขาได้ รับเลี้ยงเด็กพิการ 4 คน เมื่อ 10 ปีก่อนเมื่อเขาได้รับลูกคนโตของเขา Jack เด็กชายผู้เป็นโรคออทิสติกและโรคย้ำคิดย้ำทำ ซึ่งนั่นหมายความว่าทั้งครอบครัวควรปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของ Jack “บ่อยครั้งที่เด็กที่มีความต้องการเพิ่มเติมจะถูกมองข้ามจากผู้อุปการะ” Benjamin กล่าว Jack ลูกชายคนโตของครอบครัว “อย่างไรก็ตามผมเข้าใจว่า ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถดูแลเด็กที่มีความจำเป็นเพิ่มเติมได้” แม้ว่าจะพูดแบบนั้นแต่ Benjamin ก็รับเลี้ยง Ruby ผู้มีปัญหาในการเคลื่อนไหว และความพิการทางร่างกาย กับ Lilly น้องสาวของเธอที่หูหนวกและมีความบกพร่องอย่างรุนแรง ทำให้คนทั้งบ้านต้องเรียนภาษามือเพื่อให้สื่อสารกับเธอได้ และ Joseph สมาชิกคนสุดท้องของครอบครัววัย 2 ปีที่มีอาการดาวน์ซินโดรม และมีความต้องการที่ซับซ้อนหลายอย่าง Ruby ที่มีความพิการทางร่างกาย Lilly น้องสาวของ Ruby ที่หูหนวกและมีความบกพร่องอย่างรุนแรง Joseph สมาชิกคนสุดท้องที่มีอาการดาวน์ซินโดรม Benjamin บอกว่าเขาต้องใช้เวลาถึง 3 ปีในการโน้มน้าวให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเขาจริงจังกับการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม…
-
‘ลูกชาย’ ถึงกับปาดน้ำตา เมื่อพ่อนำรูปของเขาและ ‘แฟนหนุ่ม’ อวดคนอื่นๆ อย่างภูมิใจ
แม้ในปัจจุบันสังคมของเราจะเปิดกว้างในเรื่องของเพศทางเลือกมากยิ่งขึ้น แต่การที่คนในครอบครัวโดยเฉพาะคนเป็นพ่อจะยอมรับกับสิ่งที่ลูกเป็นได้นั้น ยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับหลายๆ ครอบครัว ถึงอย่างนั้นก็คงจะไม่ใช่กับครอบครัวนี้อย่างแน่นอน เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2018 ลูกชายของครอบครัวดังกล่าวได้โพสต์ภาพลงในทวิตเตอร์ เผยให้เห็นคนเป็นพ่อที่สามารถยอมรับเขาได้อย่างแท้จริง แม้ว่าเขาจะเป็น “เกย์” ก็ตาม คุณพ่อ Louis Sr. และลูกชายที่เป็นเกย์ ลูกชายและแฟนหนุ่มของเขา คุณพ่อที่ชื่อว่า Louis Sr. นั้นทำงานอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เขาเป็นคนที่สนิทกับลูกค้าที่เข้ามากินอาหารในร้านมากๆ จนทำให้ลูกค้าหลายๆ คนถามถึงลูกชายสุดที่รักของเขา เกี่ยวกับการที่ลูกเป็นเกย์และมีแฟนหนุ่มที่ชื่อว่า Christian เมื่อถูกถามอย่างนั้น แทนที่เขาจะเกิดความไม่พอใจหรือรู้สึกไม่ดี เขากลับส่งข้อความไปหาลูกชาย บอกให้ส่งรูปของตัวเองกับแฟนหนุ่มมาให้พ่อหน่อย เพื่อที่เขาจะสามารถนำไปอวดคนอื่นๆ ได้ แชทที่พ่อทักมาขอรูปของเขาและแฟนหนุ่มไปอวดเพื่อน การกระทำเล็กๆ ของคุณพ่อ ทำให้ลูกชายรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก ไม่น่าเชื่อว่าพ่อจะนำความรักของเขาและแฟนหนุ่มไปแชร์ให้คนอื่นๆ รับรู้แบบนี้ Louis Jr. ลูกชายของพ่อที่ยอมรับในเพศของเขา บอกกับทางสำนักข่าว BuzzFeed ว่า “พ่อไม่ได้แค่ยอมรับที่เราทั้งสองคนเป็นเกย์ แต่เขายังให้การยอมรับกับความรักของเราทั้งสองคนอีกด้วย”…
-
ถามความเห็น ‘ผู้หญิงรับได้ไหม ถ้ารู้ว่าแฟนหรือสามีของคุณเคยเป็นเกย์มาก่อน?’
สังคมปัจจุบันมีเพศทางเลือกเพิ่มขึ้นไม่ได้มีแค่ เพศชาย และ เพศหญิง อีกต่อไป รสนิยมทางเพศที่มีเพิ่มขึ้นมาอย่างเช่น ชายรักชาย หญิงรักหญิง ซึ่งเหล่าเพศทางเลือกเหล่านี้เริ่มได้รับการยอมรับในสังคมยิ่งขึ้น อีกหนึ่งรสนิยมทางเพศที่เราเห็นได้มากขึ้นในปัจจุบันที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ เกย์ หรือ ชายรักชาย หลายคนก็เริ่มออกมาเปิดเผยตัวตนและความรู้สึกให้สังคมได้รับรู้ว่า ความรักในเพศเดียวกันนั้นไม่ใช่เรื่องผิด เมื่อไม่นานที่ผ่านมานี้ #เหมียวบู้บี้ ได้เห็นว่ามีกระทู้จากเว็บไซต์พันทิปกระทู้หนึ่งที่ได้ออกมาตั้งคำถาม เรื่องการยอมรับเกย์ โดยได้ตั้งกระทู้ในหัวข้อ “ผู้หญิงครับ รับได้ไหมถ้าแฟนหรือสามีของคุณเคยเป็นเกย์มาก่อน” เจ้าของกระทู้บอกว่าตัวเองเป็นเกย์ และเคยคบหากับแฟนที่เป็นเกย์ด้วยกัน มีความสุขดีแต่ก็มีความสุขไม่สุด จึงฉุกคิดขึ้นมาว่า ‘ถ้าวันหนึ่งเราลองกลับไปคบผู้หญิงดูล่ะจะเป็นอย่างไร’ เจ้าของกระทู้จึงมาปรึกษากับคนในพันทิปว่า ผู้หญิงจะรับได้ไหม ถ้าหากรู้ว่าเขาเป็นเกย์มาก่อน ไม่อยากหลอกใครและไม่อยากทำให้อึดอัดใจ หลังจากที่ทางเจ้าของกระทู้ได้ตั้งกระทู้นี้ไปเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2559 หรือประมาณ 2 ปีที่แล้ว ก็ได้มีการขุดกระทู้นี้กลับขึ้นมาจนติดเทรนด์อย่างน่าประหลาดใจ ซึ่งความคิดเห็นก็แบ่งออกเป็น 2 ฝั่งคือ รับได้ที่มีแฟนเป็นเกย์ และอีกฝั่งรับไม่ได้ถ้าแฟนตัวเองเป็นเกย์ ฝั่งแรก รับได้ถ้าหากแฟนตัวเองเป็นเกย์ ขอเพียงแค่รักและซื่อสัตย์ต่อเรา ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็รับได้ บางคนก็เคยเป็นเกย์มีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนเจ้าของกระทู้…
-
ถึงกายเป็นชาย แต่หน้าเป็นหญิง.. ชมภาพถ่ายชุดที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างเท่าเทียม
ความหลากหลายทางเพศนั้นถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สังคมในปัจจุบันให้ความสนใจ และมีการเคลื่อนไหวในหลายๆ ประเทศที่เรามักจะเห็นกันในข่าวอยู่บ่อยครั้ง และชุดภาพถ่ายแฟชั่นจากคุณ Thomas Evans ช่างภาพชาวนิวยอร์กผู้นี้เอง ก็เป็นหนึ่งในผลงานที่อธิบายถึงเรื่องของความหลากหลายทางเพศได้เป็นอย่างดี ช่างภาพวัย 34 ปีผู้เป็นเจ้าของผลงานชุด Femme The Man ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเดินขบวนประท้วงของกลุ่ม Women’s March ในสหรัฐอเมริกา ช่างภาพเริ่มต้นโปรเจกต์ของเขาเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว โดยเขาหวังว่าผลงานชิ้นนี้จะช่วยทำลายกำแพงและข้อจำกัดทางเพศระหว่างชายและหญิง โดย Thomas เองก็ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้เคลื่อนไหวและเรียกร้องเรื่องความหลากหลายทางเพศด้วย เนื่องจากตัวเขาเองเป็นเกย์ และต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องความแตกต่างทางเพศที่เกิดขึ้นกับตัวเองเช่นกัน ด้วยภาพนายแบบทั้ง 25 คนนี้ Thomas หวังว่ามันจะทำให้ผู้ชมเห็นทั้งความงามของเพศชายและหญิงพร้อมๆ กัน และมันจะเป็นการง่ายที่จะทำความเข้าใจเรื่องเพศกับคนรุ่นต่อไป “ไอเดียของผมก็ง่ายๆ เพียงแค่คุณอยากเป็นอะไรก็ได้ในสิ่งที่คุณอยากเป็น ใส่ชุดอะไรก็ได้ที่คุณอยากใส่ คุณไม่จำเป็นต้องนำตัวเองไปใส่ในกรอบ หรือสิ่งที่สังคมอยากให้คุณเป็น” ช่างภาพวัย 34 ปี อธิบายถึงแนวคิดการสร้างสรรค์ผลงานของเขา นอกจากนี้ Thomas ยังได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมอีกว่า เขาต้องการจะส่งเสริมในเรื่องของความเท่าเทียม ความเสมอภาค ความรักและความเมตตาอีกด้วย ตั้งแต่ที่เริ่มต้นโปรเจกต์ดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2016 Thomas เล่าว่าเขาได้รับการแสดงความคิดเห็นมากมายจากผู้คนในโลกออนไลน์ และเขารู้สึกขอบคุณมากๆ ที่มีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกัน “คนแรกที่เข้าร่วมโครงการของผมตอนนี้เขากลายเป็นหญิงข้ามเพศไปเรียบร้อยแล้ว…
-
ครูสาวโรงเรียนคาธอลิกถูกไล่ออก หลังแต่งงานกับเพศเดียวกัน อ้างขัดหลักความเชื่อ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้มีคนเปิดรับและให้การสนับสนุนกลุ่ม LGBT หรือก็คือกลุ่มผู้มีความหลากหมายทางเพศมากขึ้น จึงมีหลายประเทศอนุญาตให้คนกลุ่มนี้แต่งงานกันได้แล้ว ที่รัฐไมอามีประเทศสหรัฐอเมริกาก็ให้กลุ่มรักร่วมเพศแต่งงานกันได้ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา แต่พอครูสาวในรัฐนั้นแต่งงานกับคู่รักเพศเดียวกัน เธอก็ถูกทางโรงเรียนไล่ออกเพราะเรื่องนี้ทันที โดยอ้างว่าขัดต่อความเชื่อของคาธอลิก อดีตครูสาว Jocelyn Morffi สาว Jocelyn Morffi อาศัยอยู่ในรัฐไมอามี ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอสอนหนังสือให้นักเรียนเกรด 1 (เทียบเท่าชั้นประถมศึกษาปีที่ 1) ในโรงเรียนคาธอลิก Saints Peter and Paul Catholic School มา 7 ปีแล้ว เธอเป็นคุณครูที่มีความสามารถและมีจิตใจดี เมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งแต่งงานกับคู่รัก Natasha Hass ที่หาด Florida Keys ในรัฐฟลอริด้า ทั้งคู่มีความสุขกันมาก แต่เมื่อเธอกลับมาทำงานทางโรงเรียนก็ไล่เธอออกโดยไม่บอกเหตุผล เธอเพิ่งแต่งงานกับคู่รักไปเมื่อไม่นานนี้ เธอจึงโพสต์เล่าเรื่องราวลงในโซเชียลมีเดียว่า “เมื่อสุดสัปดาห์นี้ฉันเพิ่งแต่งงานกับคู่ชีวิตไป แต่โชคร้ายที่การแต่งงานครั้งนี้ทำให้ฉันถูกไล่ออก ในสายตาของพวกเขาฉันเลือกคู่ชีวิตที่ไม่ตรงตามความเชื่อของคาธอลิก …” โพสต์ของครูสาวหลังจากเธอโดนไล่ออก นอกจากตัวเธอเองแล้ว ผู้ปกครองหลายคนก็ได้รับจดหมายแจ้งข่าวจากทางโรงเรียนถึงการไล่ครูสาวออกเช่นกัน ผู้ปกครองส่วนมากรู้สึกไม่พอใจเลยกับการตัดสินใจของทางโรงเรียน เพราะในจดหมายไม่ได้แจ้งเหตุผลที่หนักแน่นพอให้ไล่เธอออก ในจดหมายมีใจความว่า…
-
โรงเรียนในญี่ปุ่นสนับสนุน LGBT เปิดให้นักเรียนแต่งยูนิฟอร์มไม่ตรงเพศกำเนิดได้
ปัจจุบันโลกของเราเปิดรับกระแส LGBT หรือก็คือกลุ่มคนที่เพศไม่ตรงเพศกำเนิดมากกว่าแต่ก่อนมาก ล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมาทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ของประเทศเรา ก็อนุญาตให้บัณฑิตที่เป็นกลุ่มรักร่วมเพศแต่งชุดบัณฑิตผู้หญิงมารับปริญญาได้แล้ว ในประเทศญี่ปุ่นเองก็มีความเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนกลุ่ม LGBT เช่นกัน โดยโรงเรียน Kashiwanoha Middle School ได้อนุญาตให้นักเรียนชั้นมัธยมต้นทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศใด แต่งกายชุดนักเรียนของผู้ชายหรือผู้หญิงมาโรงเรียนก็ได้ โรงเรียนที่ว่านี้อยู่ในเมืองคาชิวะ จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น มีจุดเริ่มต้นมาจากโรงเรียน Kashiwanoha Elementary School ที่เปิดเมื่อปี 2012 โดยมีการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนในชั้นประถมศึกษาเท่านั้น ในปีนี้นักเรียนกลุ่มแรกที่เข้าเรียนก็กำลังจะจบชั้นประถมศึกษา และเพื่อรองรับนักเรียนเข้ามาเรียนในชั้นมัธยมศึกษาต่อ จึงได้สร้างโรงเรียนมัธยม Kashiwanoha Middle School ขึ้นมา ความพิเศษของโรงเรียนนี้ก็คือการให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาและชั้นมัธยมศึกษา ใช้สระว่ายน้ำและโรงอาหารร่วมกันและยังข้ามไปใช้ตึกเรียนร่วมกันด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้กับนักเรียนประถมก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปในระดับมัธยมนั่นเอง แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือทางโรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนที่กำลังจะเข้าศึกษาในระดับมัธยม ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็สามารถเลือกใส่ชุดนักเรียนของอีกเพศหนึ่งได้ตามความสบายใจของนักเรียนเองเลย ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการสนับสนุนแนวคิดเรื่องการเปิดรับ LGBT ที่มีมากขึ้นนั่นเอง ในตอนแรกทางโรงเรียนอยากจะให้นักเรียนแต่งชุดอะไรมาเรียนก็ได้ด้วยซ้ำ ทว่าทางด้านผู้ปกครองกว่า 90 เปอร์เซ็นต์มีความต้องการให้ลูกของตนสวมใส่ชุดนักเรียน ทางโรงเรียนจึงทำตามความต้องการนั้นนั่นเอง บุคลากรที่โรงเรียนเองก็พยายามเลือกชุดที่ดูเป็นกลางมากที่สุดเพื่อไม่ให้ชุดดูค่อนไปทางเพศใดเพศหนึ่งมากเกินไป จึงไม่ได้ใช้ชุดนักเรียนกะลาสีที่มีความเป็นผู้หญิง และชุดเสื้อแจ็คเก็ตคอตรงที่ดูมีความเป็นผู้ชาย สุดท้ายจึงเลือกใช้เสื้อเชิ๊ตสีขาวแล้วสวมทับด้วยแจ็คเก็ตแทน นักเรียนสามารถเลือกที่จะใส่กางเกงสแล็กหรือกระโปรงได้ตามใจชอบ และก็สามารถเลือกที่จะผูกคอเสื้อด้วยเนกไทหรือโบว์ก็ได้เช่นกัน แม้ว่าโรงเรียนบางแห่งจะให้นักเรียนหญิงผูกเนกไทได้อยู่แล้ว แต่ไม่เคยมีโรงเรียนไหนอนุญาตให้ผู้ชายผูกโบมาก่อนเลย ทางโรงเรียนหวังว่ากฎระเบียบการแต่งกายแบบใหม่นี้จะช่วยลดช่องว่างระหว่างเพศ และเพิ่มความสบายใจในการแต่งตัวให้กับนักเรียนทุกคนได้ พวกเขาจะได้มาโรงเรียนด้วยความรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้นด้วย…
-
‘ฉันเอ็นดูสามีของลูกชาย’ คุณแม่เปิดเผยความสุขที่ยอมรับได้ กับลูกชายที่มีคนรัก 2 คน
คุณ Debbie McKinnon หญิงสาววัย 45 ปีให้สัมภาษณ์ว่าตอนนี้เธอเริ่มที่จะรักสามีและแฟนหนุ่มของลูกชายเธอแล้ว คุณแม่วัย 45 ปีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งหลังจากพิธีวิวาห์ของ Ross ลูกชายวัย 27 ปีของเธอกับแฟนหนุ่ม Iain Waddell วัย 33 ปี หลังจากที่คบหาดูใจกันมาเป็นเวลานาน แต่ทว่าความดีใจของเธอก็หายไปในเวลาเพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ในตอนที่ลูกชายของเธอบอกว่า เขากำลังคบกับแฟนหนุ่มอีกคนคือนาย Pav Gill วัย 24 ปี แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ใช้เวลาทำความเข้าใจ เธอก็เริ่มเรียนรู้ที่จะรักชายหนุ่มทั้งสองคนของลูกชายเธอ และกลายเป็นคุณแม่สามีที่น่าภูมิใจที่สุด คุณ Debbie, Ross ลูกชายของเธอ (คนกลาง), Iain สามีของลูกชายเธอ (เสื้อสีแดง) และ Pav แฟนหนุ่มของลูกชายเธอ (เสื้อลาย) หญิงวัย 45 ปีจากสกอตแลนด์ให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันเป็นกังวลว่าลูกชายของฉันจะถูกทิ้งให้นอนบนเตียงคนเดียวและร้องไห้ในตอนกลางคืน เพราะคู่รักของเขาออกไปนอนอีกห้องกับคนอื่น แต่ Ross บอกกับฉันว่า ในระหว่างที่เขาและ Iain มีความรักกันอย่างลึกซึ้งนั้น ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่สามารถมีเซ็กส์หรือความสัมพันธ์กับคนอื่นได้” แม่ของ Ross ให้สัมภาษณ์อีกว่า Pav เองก็ยังคงไปร่วมงานแต่งงานของทั้งคู่ ซึ่งตอนนี้พวกเขาก็เป็นแฟนกันและรักกันเป็นอย่างดี “ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นสิ่งสวยงามมาก” หญิงวัย 45 ปีกล่าว …
-
คุณแม่โทรปรึกษากับ ‘บาร์หลากเพศ’ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับลูก หลังเปิดเผยความจริงให้เธอได้รู้
คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ การที่เกิดมาแล้วรู้ว่าตัวเองเป็นคนที่รักร่วมเพศก็ไม่ได้ผิดแต่อย่างไร แต่ขึ้นอยู่ว่าต่อไปคุณจะทำตัวอย่างไรให้ดี ให้เกิดความสุขแก่สังคม ครอบครัว และตัวคุณเองมากกว่า แต่นอกเหนือจากการยอมรับในตัวของตัวเองแล้ว การที่จะสามารถอยู่อย่างมีความสุขได้นั้นยังขึ้นอยู่กับคนรอบตัวด้วยว่าจะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างไร เหมือนอย่างในข่าวนี้ ที่มีคุณแม่ท่านหนึ่งได้รับคำสารภาพจากลูกชายว่าตัวเองเป็นคนรักร่วมเพศ เธอไม่รู้ว่าจะปฏิบัติกับลูกอย่างไรดี จึงได้โทรหา “บาร์หลากเพศ” เพื่อที่จะขอคำปรึกษา โดยที่ Kara Coley ซึ่งเป็นบาร์เทนเดอร์ที่ร้านเป็นคนรับโทรศัพท์จากคุณแม่ ซึ่งคุณแม่ก็ได้ถามว่า “ที่นี่คือบาร์หลากเพศใช่มั้ย??” เธอก็ตอบไปว่า “ที่นี่ยินดีต้อนรับทุกคนนะคะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคนรักร่วมเพศ” คุณแม่ถามต่อว่า “ขอถามอะไรอย่างได้มั้ย?? คุณเป็นรักร่วมเพศหรือเปล่า??” Kara ตอบว่าใช่ค่ะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เธอประหลายใจมากเพราะว่าไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนตลอดการทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์มา 17 ปี คุณแม่ก็ถาม Kara ว่า อะไรเป็นสิ่งที่เธออยากได้จากพ่อแม่ตอนที่เธอรู้ตัวว่าเป็นคนรักร่วมเพศ คุณแม่บอกว่าเธอถามเพราะว่าลูกของเธอมาสารภาพกับเธอว่าตัวเขาเป็นรักร่วมเพศ ทำให้เธอไม่รู้จะพูดอะไรดี และกลัวที่จะทำให้เขาคิดมาก ดังนั้น Kara จึงให้คำแนะนำไปว่า “ฉันคิดว่าคุณควรทำให้ลูกของคุณแน่ใจว่าคุณยังรักและยอมรับเขา เดี๋ยวนะ คุณยอมรับเขาได้ใช่มั้ย??” คุณแม่ก็ตอบว่า “ใช่ ถ้ามันเป็นสิ่งที่เขาต้องการ” Kara จึงบอกเพิ่มว่า “งั้นคุณก็ต้องทำให้เขารู้ว่าคุณรักและยอมรับเขาได้!! ฉันคิดว่าทุกอย่างมันต้องโอเคแน่นอน” เธอเผยว่าในตอนแรกเธอคิดว่านี่เป็นมุกและค่อนข้างประหลาดใจที่ทางคุณแม่ได้มาสอบถามเธอ…
-
ทหารแต่งงาน ณ West Point ความเท่าเทียมของมนุษย์ ไม่ว่าจะเพศอะไรมันก็คือความรัก
ในขณะนี้โลกของเรากำลังหมุนไปเรื่อยๆ การรักร่วมเพศจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป และในบางพื้นที่ การจัดงานแต่งงานก็ถือเป็นการประกาศชัยชนะที่พวกเขาเฝ้ารอคอยมาเป็นเวลานานเช่นกัน นี่เป็นเรื่องราวดีๆ ที่ถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Dailymail เมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา เป็นเรื่องของทหาร LGBT 2 นายในสหรัฐ ที่แต่งงานกันในโรงเรียนเตรียมทหาร ซึ่งว่ากันว่านี่อาจเป็นงานแต่งงานของกลุ่ม LGBT ครั้งแรกที่มีการจัดขี้นภายในโรงเรียนเตรียมทหารเลยก็ว่าได้ ทหาร 2 นายที่เราพูดถึงอยู่นี้มีชื่อว่า Daniel Hall วัย 30 ปี และ Vincent Franchino วัย 26 ปี พวกเขาเล่าว่าพบกันครั้งแรกระหว่างออกปฏิบัติภารกิจในปี 2009 ในช่วงแรกพวกเขาต้องอดทนกับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น เพราะเนื่องจากเป็นความรักร่วมเพศจึงถูกสั่งห้ามแสดงออกทั้งคำพูดและความรู้สึกใดๆ ให้คนอื่นเห็น และยังต้องกังวลกับสายตาจากคนรอบข้างอีก สาเหตุที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเรื่องต้องห้ามในค่ายทหารก็เป็นเพราะคำสั่งของ Bill Clinton ที่เคยออกกฎห้ามมีการรักร่วมเพศไว้ในปี 1993 “พวกเราทำตามกฎเกณฑ์ทุกอย่างที่ถูกสั่ง พวกเราเป็นทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ทหารเรือที่สมบูรณ์แบบ เพื่อโกหกความรู้สึกจริงๆ ของพวกเรา” Daniel กล่าวเชิงตัดพ้อ …
-
เจ้าชายอินเดียยินดีเปิดราชวัง เพื่อต้อนรับชาว LGBT ท่ามกลางสังคมที่ไม่ยินดีกับสิ่งที่พระองค์คิด
ประเทศอินเดีย เป็นประเทศที่มีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่าผู้หญิงกับผู้ชายนั้นเกิดมาคู่กัน กลุ่มคนรักร่วมเพศนั้นมีความผิด นอกจากนี้คำสอนของศาสนาฮินดูและศาสนาคริสต์ที่พวกเขานับถือ ก็ระบุเช่นกันว่าพวกรักร่วมเพศนั้นเป็นคนบาป กลุ่มคนรักร่วมเพศในประเทศอินเดีย จึงไม่ได้รับการยอมรับ เมื่อคนอื่นรู้ว่าคุณเป็นคนรักร่วมเพศ ก็อาจจะถูกขับไล่ออกจากครอบครัว และกีดกันจากการหางานด้วย ประเทศอินเดียต่อต้านกลุ่มรักร่วมเพศถึงขนาดออกกฎหมายว่าการร่วมเพศกันของพวกรักร่วมเพศเป็นความผิดอาญาเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนรักร่วมเพศในประเทศอินเดียก็ยังคงเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมกันอยู่เรื่อยมา และภายในกลุ่มนั้นก็ยังมีคนใหญ่คนโตอย่างเจ้าชาย Manvendra Singh Gohil คอยสนับสนุนคนรักร่วมเพศอยู่ด้วย เจ้าชาย Manvendra Singh Gohil Gohil เป็นเจ้าชายเพียงคนเดียวที่ออกมาเปิดเผยว่าตนเองมีรสนิยมรักร่วมเพศ เขาเป็นเจ้าชายของเมือง Rajpipla รัฐ Gujarat ประเทศอินเดีย ปัจจุบันมีพระชนมายุ 52 พรรษา พระองค์เป็นหนึ่งในผู้ที่ออกมาต่อสู้เพื่อกลุ่มคนรักร่วมเพศ และให้ความสนับสนุนเท่าที่จะทำได้ ล่าสุดก็ได้ออกมาบอกว่าจะเปิดพระราชวังของพระองค์เอง ให้คนเหล่าคนรักร่วมเพศที่ไม่มีที่ไป มาอาศัยอยู่ด้วย พระองค์ตรัสถึงปัญหาของกลุ่มคนรักร่วมเพศว่า “คนรักร่วมเพศที่ออกมาเปิดเผยตัวเอง ยังคงต้องรับแรงกดดันจากครอบครัวอยู่ บางคนก็ถูกบังคับให้แต่งงาน หรือบางคนก็ถูกไล่ออกจากบ้านไปเลย คนพวกนี้มักจะไม่มีที่ไป และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้” เจ้าชายจึงจะมอบห้องพัก การรักษา และชั้นเรียนฝึกฝนภาษาอังกฤษให้กับผู้ที่จะมาอาศัยอยู่ โดยหวังว่าชั้นเรียนภาษาจะช่วยให้พวกเขาหางานได้ง่ายขึ้น แล้วบอกว่า “ยังไงผมก็ไม่มีลูกอยู่แล้ว ดังนั้นผมจึงคิดว่า…
-
หนุ่มถูกจำคุก 15 ปี หลังจากใช้แอปฯ หาคู่หลอกเกย์เพื่อจะไปทำร้ายร่างกายและขโมยของ
ในยุคสมัยปัจจุบัน เทคโนโลยีต่างๆ ได้พัฒนาขึ้นอย่างมากมายรวมถึงการใช้โทรศัพท์มือถือ ที่ไม่เพียงแค่มีไว้โทรเข้า-โทรออกอีกต่อไป เพราะว่ายังมีแอปพลิเคชั่นมากมายให้เลือกเล่นทั้งเกม อินเทอร์เน็ต ความบันเทิงต่างๆ แถมยังมีแอปฯ ที่ใช้สำหรับหาคนคุยเมื่อยามเหงาอีกด้วย แต่ในสายตาของอาชญากรแล้ว แอปฯ หาคู่หาเพื่อน อาจเป็นเสมือนกับช่องทางในการทำมาหากินเลยก็ว่าได้ เพราะว่ามันสามารถใส่ภาพโปรไฟล์แบบปลอมๆ หรือใส่ข้อมูลที่ไม่เป็นจริงลงไปก็ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงมีคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีดังกล่าว รวมถึงคดีนี้ที่มีชายคนหนึ่งถูกจำคุกถึง 15 ปี เพราะเขาก่ออาชญากรรมโดยใช้แอปฯ หาคู่เป็นช่องทางการลงมือด้วย แอปพลิเคชั่น Grindr ชายคนดังกล่าวมีชื่อว่า Nigel Garrett วัย 21 ปี ซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ที่รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเขาเป็นคนแรกจากในกลุ่มทั้งหมด 4 คนที่ถูกจำคุก 15 ปี จากการร่วมมือกันบุกรุกบ้านของชายคนหนึ่ง และได้ก่อเหตุอาชญากรรมขึ้นอย่างมากมายทั้ง ลักพาตัว ขโมยรถ รวมถึงการใช้อาวุธปืนในการก่ออาชญากรรม ซึ่งสาเหตุที่เขาถูกจำคุกเป็นคนแรกของกลุ่มที่ร่วมมือกันก่อเหตุดังกล่าว ก็เพราะว่าเขาเป็นคนแรกที่ได้ให้คำสารภาพถึงเหตุที่ก่อขึ้น โดยคนที่เหลือมีชื่อว่า Anthony Shelton, Chancler Encalade Jr และ Cameron Ocion Ajiduah กำลังรอรับโทษหลังจากให้การสารภาพในเวลาต่อมา โดยคำให้การของเขาได้เล่าว่า ในตอนแรกนั้น Garrett ได้โพสต์ระบุโปรไฟล์ของตัวเองในแอปฯ…
-
โปรดิวเซอร์ 007 เผย ‘James Bond’ คนต่อไปอาจเป็นคนผิวสีหรือผู้หญิง อะไรก็เป็นไปได้!?
เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่เราไม่ได้ดูหนังใหม่ๆ จากตระกูล James Bond แต่ไม่นานมานี้ก็ได้มีข่าวว่าหนังจากตระกูลดังกล่าวในภาค 25 จะกลับมาอีกครั้งในปี 2019 ซึ่งยังคงได้ Daniel Craig มารับบทเดิม แต่ว่าหลังจากนั้นล่ะ? ปกติแล้วเราจะเห็นบท James Bond ในรูปลักษณ์ของคนผิวขาวที่ต้องหล่อเท่และเข้มสุดๆ ซึ่งถ้าใครจำได้ ช่วงก่อนหน้านี้ได้มีสำนักข่าวมากมายต่างพากันเดาว่าคนจะมารับบทนี้ต่อจะเป็น Tom Hiddleston, Tom Hardy, James Norton, Henry Cavill และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ทาง Barbara Broccoli ผู้เป็นโปรดิวเซอร์ของหนังตระกูลดังกล่าว ก็ได้ออกมาว่าบอกว่าคนที่จะมารับบท James Bond คนใหม่ต่อจาก Daniel Craig อาจจะไม่ใช่คนขาวอีกต่อไป… โดยที่เธอบอกว่า คนที่จะมาแทนอาจจะเป็นคนผิวสีหรือไม่ก็ผู้หญิงก็ได้ หรือไม่ก็อาจจะเป็นเกย์ก็เป็นไปได้เช่นกัน Barbara ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “หนังเรื่องนี้มันควรจะสะท้อนยุคสมัยนั้นๆ เพราะฉะนั้นพวกเราจึงพยายามที่จะดันให้มันไปในทิศทางใหม่ที่ดูเป็นไปได้เสมอ ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ฉันโอเคกับ Daniel Craig และหนังภาคที่ 25 แต่ว่าหลังจากนั้นในอนาคตล่ะ? ใครจะมารับช่วงต่อ…” เรื่องการเปลี่ยนแนวทางของพยัคฆ์ร้ายนั้นยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ทาง Sir Roger Moore ผู้เคยรับบท James…
-
คู่รักเกย์ต่างวัย 79 และ 24 ปี ถึงขั้นทุ่มใจซื้อห้อง 4 ล้านให้ แต่ได้ปุ๊บเลิกปั๊บ จนคุณตาหมดตัว!?
ในปัจจุบันหลายๆ ประเทศอนุญาตให้คู่รักร่วมเพศแต่งงานกันได้แล้ว จึงมีคู่รักชายรักชายหลายคู่ที่ก่อนหน้านี้แต่งงานกันไม่ได้ ออกมาจัดงานแต่งงานกันอย่างมีความสุข อย่างไรก็ถาม ถึงแม้ว่าจะแต่งงานกันได้แล้วก็ต้องไม่ลืมว่า การจะแต่งงานกันนั้นควรจะดูกันให้ดีด้วย เพราะหากว่าเราคบกันแล้วแต่งงานกันแบบปุบปับแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคู่รักเพศไหนก็อาจจะมีปัญหาความร้าวฉานตามมาในภายหลังได้ เหมือนคู่รักชายรักชายต่างวัยคู่หนึ่งที่กำลังจะพูดถึงนี้ ซึ่งแต่งงานกันได้เพียง 5 เดือนเท่านั้นก็ทะเลาะจนรุนแรงจนต้องแยกกันอยู่ Florin Marin และ Rev Philip Clements Rev Philip Clements อายุ 79 ปีอาศัยอยู่ในเขตเคนต์ ประเทศอังกฤษ เขาเคยเป็นนักบวชมาก่อน จึงไม่เคยเปิดเผยรสนิยมทางเพศของตัวเองตอนที่ทำหน้าที่นักบวชอยู่เลย แต่พอเมื่อเขาเกษียณจากการทำงานแล้ว เขาจึงเปิดเผยว่าเขาเองก็เป็นกลุ่มคนรักร่วมเพศ เขาได้พูดคุยกับ Florin Marin นายแบบชาวโรมาเนียอายุ 24 ปี ผ่านทางเว็บไซต์หาคู่ และรู้สึกชอบพอกันและกัน และเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา พวกเขาจึงได้แต่งงานและอยู่ร่วมกันฉันท์คู่สามีภรรยา พอได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแล้ว Clements ก็เลยมีความคิดที่จะขายบ้านที่ตัวเองเคยอยู่ เพื่อเอาเงินนั้นไปซื้อแฟลตใหม่เพื่ออยู่กับแฟนหนุ่ม ดังนั้นเขาจึงขายบ้านไปในราคาประมาณ 200,000 ปอนด์ (ประมาณเกือบ 10 ล้านบาท) และย้ายไปซื้อแฟลตในกรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนียแทน…
-
หนุ่มรวบรวมความกล้า สารภาพกับแม่ว่าตัวเองเป็นเกย์ สิ่งที่เกิดขึ้นมันช่างงดงามเหลือเกิน
แม้ว่าในยุคปัจจุบันจะมีการยอมรับกลุ่มคนรักร่วมเพศมากขึ้น ให้พวกเขาสามารถอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่นได้อย่างปกติ แต่ก็ยังมีปัจจัยสำคัญหนึ่งที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าเปิดเผยรสนิยมส่วนตัวออกมา นั่นก็คือครอบครัวนั่นเอง เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าโดยปกติแล้ว หากบ้านไหนมีลูกชาย ก็คงจะคาดหวังให้เขาแต่งงานและมีลูกมาสืบสกุล หรือถ้ามีลูกสาวก็หวังจะได้เห็นพวกเธอมีแฟนหนุ่มที่คอยดูแลเอาใจใส่อย่างดี ดังนั้นการเปิดเผยตัวจนว่าชอบเพศเดียวกัน จึงอาจเป็นการทำลายความคาดหวังของครอบครัวตนเอง แต่ในทางกลับกัน คุณพ่อและคุณแม่อาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้ เพราะพ่อแม่มักจะใส่ใจและคอยสังเกตลูกอยู่เสมอ ดังนั้นเพียงแค่รวบรวมความกล้าเข้าไปพูดคุยกับพวกเขา อาจจะพบว่าพ่อและแม่นั้นพร้อมจะคอยอยู่เคียงข้างเราทุกเมื่อ เหมือนในคลิปที่เราจะนำเสนอนี้ เพจ Humankind Stories ได้โพสต์คลิปวิดีโอหนึ่งลงในเฟซบุ๊ก เป็นเรื่องราวของลูกชายที่พยายามจะบอกให้แม่รู้ว่าตนเองชอบเพศเดียวกัน โดยคลิปวิดีโอสะท้อนถึงภาพของพ่อแม่ที่เข้าใจและเป็นกำลังใจให้ลูกได้เป็นอย่างดี ในตอนแรกนั้นลูกชายตัวลูกชายรวบรวมความกล้าที่จะบอกกับแม่ไม่ได้ ตัวคุณแม่เห็นดังนั้น จึงพยายามให้ความช่วยเหลือลูก โดยเป็นคนเปิดบทสนทนาเองเสียเลย “แม่: มีอะไรจะบอกกับแม่เหรอ” “ลูก: คือว่า … เอ่อ …” “แม่: … ลูกจะบอกแม่ว่าเป็นเกย์รึเปล่า แม่รู้อยู่แล้วล่ะ แม่เข้าใจลูกนะ” “ลูก: ฮือ แม่ผมขอโทษ” “แม่: ไม่ต้องขอโทษหรอก ลูกไม่ได้ทำอะไรผิด แม่รักลูกเสมอนะ” เธอยังอธิบายให้ลูกฟังได้ดีอีกด้วยว่า ทำไมพ่อแม่ทั่วไปถึงไม่อยากให้ลูกเป็นเกย์ แน่นอนว่าไม่ได้เป็นเพราะพวกเขาเกลียดเกย์หรอก แต่พวกเขาไม่อยากให้ลูกต้องมีชีวิตที่ลำบากต่างหาก “แม่แค่ไม่อยากให้ลูกต้องใช้ชีวิตลำบาก…
-
เค้กสุดฟรุ้งฟริ้ง เพื่องานหมั้นของชาว LGBT จะทำให้คุณเข้าใจใน “เพศทางเลือก” มากยิ่งขึ้น…
ขณะนี้คู่รักร่วมเพศในประเทศสหรัฐอเมริกา ก็สามารถแต่งงานกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายได้แล้ว แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีข่าวแว่วมาอยู่บ้าง ว่าร้านเบเกอรี่หลายแห่ง กลับปฏิเสธที่จะทำเค้กให้กับคู่รักเพศเดียวกันซะอย่างนั้น คู่รักร่วมเพศจึงยังต้องดิ้นรนเพื่อสิทธิของพวกเขาในส่วนนี้ต่อไป ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ใช่ว่าร้านเค้กทุกร้านจะปฏิเสธทำเค้กให้พวกเขาหรอกนะ บางร้านกลับรู้สึกกระตือรือร้นและเต็มใจที่จะทำเค้กให้ด้วยซ้ำไป ร้านเค้ก Cake and Loft Bakery เองก็เป็นหนึ่งในร้านค้าเหล่านั้น แถมยังทำเค้กออกมาได้อลังการงานสร้างมาก เรื่องนี้เริ่มต้นจากคู่รักร่วมเพศคู่หนึ่งในเมืองฮามิลตัน รัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา พวกเขาคือ Chris Farias และ Jared Lenover ทั้งคู่ได้หมั้นกันมาหนึ่งปีแล้ว และต้องการจะฉลองวันครบรอบครั้งนี้ โดยทั้งคู่ต้องการเค้กที่แสดงถึงความเป็นกลุ่มรักร่วมเพศให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ “เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าประเทศแคนาดานั้นเปิดรับและยอมรับถึงความแตกต่างในรสนิยมอย่างเต็มที่ ผมต้องการให้เค้กของผมสื่อถึงความเป็นกลุ่มรักร่วมเพศ” จึงได้สั่งเค้กจากร้าน Cake and Loft Bakery ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ทางร้านเค้กเองเมื่อได้ยินว่าพวกเขาต้องการเค้กแบบไหน ก็ตบปากตบคำรับทำให้ด้วยความเต็มใจทันที Chris Farias และ Jared Lenover Quinn Pallister พนักงานสาวที่เป็นคนรับผิดชอบทำเค้กชิ้นนี้ ก็ถูกเลี้ยงดูมาโดยคู่รักร่วมเพศหญิงเช่นกัน การได้ทำเค้กชิ้นนี้จึงรู้สึกเหมือนกับว่าเธอไม่ได้ทำเค้กให้กับแค่คู่รักที่สั่งเท่านั้น แต่เธอยังได้ทำเค้กเฉลิมฉลองให้กับแม่ทั้งสองของเธอ และสังคมคู่รักร่วมเพศทั้งหมดด้วย เธอจึงได้ทุ่มเทความสามารถทั้งหมดที่มีเพื่อทำเค้กชิ้นนี้ และสิ่งที่ได้ออกมาก็คือ เค้กเจ็ดสีแสนสดใส ประดับด้วยช่อดอกไม้หลากสี เพิ่มเติมความฟรุ้งฟริ้งด้วยเขายูนิคอร์นสูงสง่าตั้งตรงกลางเค้ก…
-
งานวิจัยเผย ยิ่งคุณมี ‘พี่ชาย’ เยอะมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีแนวโน้มเป็น ‘เกย์’ มากยิ่งขึ้นเท่านั้น
ในบรรดาเหล่าชายรักชายหรือที่เราเรียกกันว่า เกย์ พวกเขาเหล่านี้มักจะมีจุดเปลี่ยนในชีวิต ที่ทำให้รู้ว่าแท้จริงแล้วพวกเขาไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วพฤติกรรมเบี่ยงเบนเหล่านี้มี อาจเกิดขึ้นตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ของแม่แล้ว และที่สำคัญคือมีงานวิจัยหนึ่งเปิดเผยว่าหากยิ่งมีพี่ชายเยอะมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีสิทธิ์เป็นเกย์เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น!! งานวิจัยหนึ่งจากมหาวิทยาลัยโทรอนโต ประเทศแคนาดา ได้ออกมามาเปิดเผยว่าการมีลูกผู้ชายคนหนึ่งจะทำให้ปฏิกิริยาต่างๆ ในร่างกายของผู้เป็นแม่เปลี่ยนไปทั้งภูมิคุ้มกันและปัจจัยอื่นๆ และนั่นให้เด็กผู้ชายที่เกิดหลังจากนั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นเกย์มากขึ้น!!! “การศึกษาของเราเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ ในการทำความเข้าใจถึงต้นกำเนิดของการปรับเปลี่ยนเพศในเพศชาย ซึ่งเราก็พบว่า กลไกการตอบสนองภูมิคุ้มกันโปรตีนของมารดา มีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมองของทารกเพศชายในครรภ์ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือการมีพี่ชาย” “จากการสำรวจพบว่า โดยปกติแล้วในเพศชายทุกๆ คนจะมีโอกาส 3 เปอร์เซ็นต์ที่จะเบี่ยงเบนไปเป็นเกย์ แต่ในคนที่มีพี่ชายสามคนกลับพบว่าพวกเขามีโอกาสที่จะเป็นเกย์มากขึ้นไปเป็น 6 เปอร์เซ็นต์ หรือมากขึ้นกว่า 2 เท่าเลยทีเดียว” หัวหน้าทีมวิจัยกล่าว นอกจากนี้พวกเขายังได้ให้เหตุผลเอาไว้ว่า ยีนในตัวของแต่ละคนจะเป็นสิ่งที่กำหนดเพศ โดยในเพศหญิงจะมีโครโมโซม X จำนวน 2 ตัว ในขณะเดียวกันเพศชายจะมีโครโมโซมทั้ง X และ Y และเป็นเพราะว่าโครโมโซม Y ที่มีอยู่ในเพศชาย สามารถสร้างความแตกต่างในด้านชีวภาพได้ ทำให้ทารกเพศชายในครรภ์ของมารดาสามารถเปลี่ยนแปลงภูมิคุ้มกันต่างๆ ในร่างกายของผู้เป็นแม่ อีกทั้งเมื่อเกิดการตั้งครรภ์เพศชายขึ้น ร่างกายของแม่จะสร้างแอนติบอดี้ชนิดหนึ่งขึ้นมาเพื่อเป็นการต่อต้านโครโมโซม Y ชื่อว่า anti-NLGN4Y …
-
เกย์คู่แฝด ที่โป๊ะแตกรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเกย์ ก็ตอนมีอะไรกับคนๆ เดียวกัน!!!
เรื่องราวของ Mike และ Zach Zakar หนุ่มคู่แฝดลูกครึ่งอาหรับ-อเมริกัน ที่โด่งดังมากๆ ในอินสตาแกรมอีกทั้งยังเป็นยูทูบเบอร์ในช่อง Zakar Twins ซึ่งมีผู้ติดตามรวมกัน 2 ช่องทางเกือบ 50,000 คน เขาทั้งสองได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวของชีวิตก่อนที่ทั้งสองจะออกมาแกรนด์โอเพนนิ่งว่าเป็นเกย์ จนมีแฟนคลับติดตามเยอะมากมายขนาดนี้ผ่านทางคลิปวิดีโอในช่องยูทูบของพวกเขา คลิปวิดีโอเปิดใจ กว่าจะมาเป็นคู่แฝดในตำนาน เรื่องราวมันเริ่มมาตั้งแต่ที่พวกเขาเรียนอยู่โรงเรียนมัธยม ซึ่งต่างคนก็ต่างใช้ชีวิตตามปกติโดยที่ Mike มีความชื่นชอบทางด้านศิลปะ ส่วน Zach ชอบเรื่องกีฬา ทั้งสองจึงได้แยกย้ายกันไปเข้าชมรมตามที่ตัวเองชอบและถนัด ทั้งสองใช้ชีวิตในช่วงมัธยมโดยที่ไม่รู้เลยว่าคู่แฝดของตัวเองนั้นเป็นเกย์ จนกระทั่งวันหนึ่ง Zach ป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหารจนต้องหยุดเรียน 1 สัปดาห์ Mike ก็ได้ไปโรงเรียนตามปกติแต่เขาก็ได้พบกับหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่ชวนเขาไปทำกิจกรรมอย่างว่าที่ในห้องน้ำโรงเรียน ซึ่งในตอนแรกเขาบอกว่าเขาก็กำลังสงสัยว่าตัวเองเป็นเกย์หรือไม่จนกระทั่งได้ลองแล้วมันรู้สึกดีสุดๆ แต่ในขณะที่พวกเขากำลังมีอะไรกันในห้องน้ำ เพื่อนในทีมรักบี้ของ Zach ก็เข้ามาเห็น เขาตกใจมากและรีบออกไปจากห้องน้ำให้เร็วที่สุด เมื่อเขากลับบ้านไปพี่ชายของเขาก็เริ่มถามว่าเขาเป็นเกย์หรือไม่ เนื่องจากว่าเพื่อนของเขามาถามว่า Zach เป็นเกย์หรือเปล่า สองพี่น้องก็ได้เริ่มเปิดใจคุยกันถึงความจริงและก็ได้รู้ว่าต่างฝ่ายต่างก็เป็นเกย์ ส่วนหนุ่มน้อยที่ได้เจอในวันนั้นเป็นคนเดียวกับคนที่หนุ่ม Zach…
-
กองเซ็นเซอร์เคนย่าโทษชาวเกย์ที่ไปเที่ยวอุทยาน จนทำให้สิงโตตัวผู้เบี่ยงเบนทางเพศ!?
ภาพของสิงโตเพศผู้ 2 ตัวที่กำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันในอุทยานแห่งชาติ Masai Mara ของประเทศเคนย่าถูกมองว่าเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม และตัวแทนจากกองเซ็นเซอร์เองได้ออกมาอ้างว่าพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศของสิงโตนั้นเป็นผลมาจากการเลียนแบบนักท่องเที่ยวชาวเกย์นั่นเอง ดอกเตอร์ Ezekiel Mutua จากหน่วยตรวจสอบด้านศีลธรรมในสื่อของเคนย่าได้ออกมาเรียกร้องให้มีการแยกสิงโตทั้งสองออกจากกัน จนกว่าจะสามารถอธิบายถึงพฤติกรรมดังกล่าวในทางวิทยาศาสตร์ได้ และถึงแม้ว่าจะมีการศึกษาพฤติกรรมดังกล่าวมานานหลายปี แต่ดอกเตอร์ Ezekiel เชื่อว่าพฤติกรรมเบี่ยงเบนนี้เป็นผลมาจากการเลียนแบบการมีเพศสัมพันธ์ของชาวเกย์ หรืออาจถูกวิญญาณร้ายสิงก็เป็นได้ และถึงแม้ว่าสิงโตทั้งสองตัวจะมีแผงคอที่แสดงว่ามันเป็นเพศผู้ แต่ก็ยังมีการเรียกร้องให้ทำการตรวจสอบว่าสิงโตทั้งสองนั้นเป็นเพศผู้ทั้งคู่จริงหรือไม่ “สัตว์ทั้งสองตัวควรได้รับการให้คำปรึกษา เนื่องจากเป็นไปได้ว่ามันอาจจะได้รับอิทธิพลจากนักท่องเที่ยวเกย์ที่เข้าไปเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ” ดอกเตอร์ Mutua ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น นอกจากนี้เขายังได้ออกมาโต้แย้งอีกว่าพวกสิงโตนั้นไม่สามารถลียนแบบพฤติกรรมดังกล่าวได้จากสื่อภาพยนตร์ได้แน่ๆ ดังนั้นพวกมันจะต้องเรียนแบบจากพฤติกรรมเบียงเบนที่เกิดในอุทยาน Masai Mara อย่างแน่นอน การรักร่วมเพศในประเทศเคนย่านั้นเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับการยอมรับอย่างมาก และการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิต่างๆ นั้นก็เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ซึ่งมีโทษจำคุกนานถึง 14 ปีเลยทีเดียว ส่วนทางด้านคุณ Paul Goldstein เจ้าของภาพถ่ายสิงโตคู่ดังกล่าวได้ออกมาอธิบายถึงที่มาที่ไปของภาพว่า เขาเห็นสิงโตทั้งคู่ยืนอยู่ข้างๆ กัน ก่อนที่พวกมันจะเริ่มนั่งลงและเริ่มกิจกรรมของพวกมัน “บางครั้งคุณอาจจะเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้คุณหยุดหายใจ เหมือนกับภาพของสิงโตคู่นี้ ซึ่งมันเป็นภาพที่หาชมได้ยากและสมบูรณ์แบบมากๆ เลยทีเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นมันน่าทึ่งมาก” ช่างภาพหนุ่มกล่าว เจ้าสิงโตเพศผู้ทั้ง 2 ที่กำลังทำกิจกรรมของพวกมันอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Masai Mara ประเทศเคนย่า อย่างไรก็ตามการรักร่วมเพศในสิงโตนั้นเป็นปรากฏการณ์ที่ถือว่าหาชมได้ยาก จากการศึกษาที่มีการตีพิมพ์ในช่วงศตวรรษที่ 20 พบว่ามีอัตราการรักร่วมเพศในสิงโตเพียงแค่…
-
โรงเรียนแนวใหม่ในญี่ปุ่น เปิดสอนหญิงข้ามเพศ ให้กลายมาเป็นหญิงโดยสมบูรณ์!!
สังคมญี่ปุ่นในปัจจุบันนั้นการเป็นผู้ชายข้ามเพศ หรือการเป็นผู้ชายที่ชื่นชอบแต่งตัวแบบคอสเดรสนั้นเป็นอะไรที่แพร่หลายมากๆ ซึ่งเหตุผลของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป ในเขตชินจุกุนั้นก็มีย่านหนึ่งที่ชื่อว่า Nichome ซึ่งเป็นย่านที่คนในพื้นที่จะรู้จักกันดีว่าเป็นศูนย์กลางของชาวญี่ปุ่นที่เป็นเกย์หรือคนข้ามเพศ ที่ประกอบไปด้วยร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้าและอื่นๆ อีกมามาย แต่เร็วๆ นี้จะมีธุรกิจเปิดใหม่ที่สร้างมาเพื่อเอาใจสายนี้โดยเฉพาะ!! ธุรกิจที่ว่านั่นก็คือ Otome Juku หรือแปลได้ว่า Maiden School ซึ่งจุดประสงค์หลักของโรงเรียนแห่งนี้นั้นก็เปิดขึ้นเพื่อสอนเหล่าชายคอสเดรสที่อยากจะเข้าถึงความเป็นผู้หญิงเวลาแต่งตัว หรือคนที่เป็นข้ามเพศแต่ยังแสดงความเป็นหญิงได้ไม่ดีนั่นเอง ด้าน Satsuki Nishihara ผู้ก่อตั้งนั้นก็แน่นอนว่าต้องเป็นข้ามเพศด้วยเช่นกัน ซึ่งเธอต้องการจะสอนถึงการเข้าถึงความน่ารักแบบผู้หญิงๆ โดยบอกว่า “ฉันต้องการสอนให้ผู้คนที่เพิ่งหัดซื้อกระโปรงหรือชุดน่ารักๆ มาแต่ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงให้ดูน่ารักเวลาใส่ในที่สาธารณะ” . ในเรื่องของหลักสูตรก็มีหลากหลายเลยล่ะ โดยจะมีตั้งแต่การเดิน การแสดงออก หรือแม้แต่การดัดเสียงที่นี้ก็จะสอนให้จนชำนาญ และถ้าใครไม่เคยแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางผู้หญิง ที่นี่ก็มีผู้เชี่ยวชาญมาสอนให้ ฉะนั้นรับรองว่าเข้าเรียนปุ๊บแล้วจบมาจะเหมือนผู้หญิงทุกอย่างเลยล่ะ . . ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ยังเปิดสอนให้ผู้หญิงจริงๆ ด้วยนะไม่ใช่ว่าต้องเป็นข้ามเพศเท่านั้น ถ้าใครสนใจก็ลองเดินทางไปและสมัครเรียนดูกันได้ ค่าเรียนต่อหนึ่งหลักสูตรนั้นจะอยู่ที่ราวๆ 1,800 บาทต่อหนึ่งหลักสูตร แถมยังมีส่วนลดอีกเพียบสำหรับผู้ที่สนใจ . Otome Juku จะเปิดให้บริการรอบพิเศษในวันที่ 5 พฤศจิกายน และเปิดจริงๆ ในวันที่ 17…
-
หนุ่มจงใจปล่อยเชื้อ HIV ใส่คู่นอนที่เจอกันผ่าน “แอปหาคู่” ถึง 4 คน แถมส่งข้อความเยาะเย้ย
ทุกคนคงรู้จักโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่าง HIV กันอยู่แล้ว และนั่นจึงทำให้ถุงยางมีประโยชน์มากกว่าการคุมกำเนิดเพราะสามารถป้องกันโรคดังกล่าวนี้ได้อีกด้วย ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้เองก็ต้องระวังไม่ให้ใครได้รับโรคร้ายนี้ไปด้วย ตรงข้ามกับชายหนุ่มชื่อ Daryll Rowe ที่ถึงแม้จะรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคนี้แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะแพร่เชื้อไปให้กับคนอื่นๆ เรื่องราวของช่างตัดผมวัย 26 ปีคนนี้เริ่มขึ้นเมื่อเขาได้ถูกวินิจฉัยว่าป่วยติดเชื้อ HIV ในเดือนเมษายน 2015 ที่เมือง Edinburgh ประเทศสกอตแลนด์ หลังจากนั้นเขาจึงกินยาต้านเพื่อไม่ให้ไวรัสเข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ต่อมาเขาก็ย้ายไปเมือง Brighton ประเทศอังกฤษ และเนื่องจากเขาไม่มีที่ไหนที่พอจะสามารถพักพิงได้ จึงใช้แอปฯหาคู่ชื่อ Grindr ตามหาการมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน โดยเขาจะพูดคุยกับคนในแอปฯ ก่อนที่จะไปหาพวกเขาเหล่านั้นที่บ้านและมีอะไรกัน เพื่อที่เขาจะสามารถแพร่ไวรัสที่ตัวเองเป็นอยู่ไปให้กับคนอื่นๆ ได้ วิธีการของเขาก็คือหลอกให้ทุกคนตายใจว่าเขาไม่ได้ป่วย HIV และปฏิเสธที่จะใช้ถุงยาง หรือถ้าหากอีกฝ่ายไม่ยอมเขาก็จะใส่แล้วค่อยฉีกถุงในตอนที่กำลังร่วมเพศกันอยู่ ถึงแม้ว่าในตอนแรกเขาจะกินยาต้านแต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เลิกกินเพื่อให้คนอื่นๆ มีโอกาสที่ติดเชื้อจากเขาไปได้มากขึ้น หลังจากนั้นเมื่อแยกย้ายกันไปเขาก็จะโทรหรือส่งข้อความไปเยาะเย้ยให้กับผู้โชคร้ายเหล่านั้นอย่างเช่น “ไม่แน่ว่าคุณอาจจะมีไข้ เพราะว่าผมสอดใส่เข้าไปในตัวคุณและผมเป็น HIV อุ๊บส์!” หรือ ”ตอนนั้นผมฉีกถุงยางโดยที่คุณไม่รู้ เพราะคุณเป็นคนที่โง่มาก” อัยการ Caroline Carberry ได้เล่าว่า ชายคนนี้ได้ทำพฤติกรรมดังกล่าวมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2015 จนถึงธันวาคม 2016…
-
เปิดจดหมาย “รักต้องห้าม” ของทหารหนุ่ม 2 นาย ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ความรักนั้นเป็นสิ่งที่สวยงามและพร้อมจะเบ่งบานได้ทุกๆ ที่ แม้แต่ควันปืนจากสงครามเองก็ไม่อาจจะขัดขวางสิ่งที่สวยงามนี้ได้ เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการค้นพบจดหมายของนายทหารหนุ่มท่าหนึ่งนามว่า Gilbert Bradley ที่เขียนโต้ตอบกับคู่รักของเขาโดยใช้ลายเซ็นต์ว่า G ซึ่งภายหลังมีการสืบจนทราบว่าตัวอักษรดังกล่าวนั้นหมายถึงชายที่ชื่อว่า Gordon และทหารหนุ่มผู้นี้กำลังตกหลุมรักเพศเดียวกันอยู่ โดยจดหมายดังกล่าวถูกนำมาเปิดเผยหลังจากที่ Bradley เสียชีวิตไปเมื่อปี 2008 จากข้อมูลที่ปรากฎบอกว่า Bradley นั้นไม่ได้ต้องการที่จะเป็นทหารตั้งแต่แรก เขาแกล้งป่วยเป็นโรคลมชักเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นทหาร แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้น ในปี 1939 เขาถูกส่งตัวไปประจำอยู่ที่ Park Hall Camp ในเมือง Shropshire ประเทศอังกฤษ แต่ก่อนหน้าที่เขาจะถูกส่งไปประจำการในพื้นที่ดังกล่าว ในปี 1938 เขาและนาย Gordon Bowsher ได้พบรักกันก่อนแล้วหลังจากที่ทั้งสองไปท่องเที่ยวในวันหยุดด้วยกัน ฝ่าย Bowsher นั้นมาจากครอบครัวนักธุรกิจ โดยพ่อของเขาได้เปิดบริษัทขนส่งและเป็นเจ้าของไร่ชา ในช่วงสงคราม Bowsher ได้เข้ารับการฝึกทหารและถูกส่งไปประจำการทั่วประเทศ สาเหตุที่พวกเขาต้องสื่อสารกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ ก็เพราะว่า ณ เวลานั้นการรักร่วมเพศถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และถ้าหากมีการสืบทราบว่าชายในกองทัพมีพฤติกรรมดังกล่าวอาจมีโทษสูงถึงขั้นถูกยิงเป้าเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่ความรักของพวกเขาจบลงแบบที่ไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ เพราะในระหว่างการรบ Bradley ถูกส่งตัวไปยังสก๊อตแลนด์ และที่นั่นเขาได้พบรักกับนายทหารหนุ่มคนอื่นอีก 2 คน ชายหนุ่มเขียนเล่าถึงความรักครั้งใหม่ของเขาให้คุณ Bowsher…
-
โห่วจารรรรรย์!!…โจรใจบาปลักหลับคนเมา ขโมยตังไม่พอ…ยังมาแอบขโมยน้ำกามไปอีก!!
เรื่องราวสุดฉาวที่กลายเป็นกระแสดังมากๆ ในจีน เมื่อกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพชายคนหนึ่งในช่วงเช้ามือของวันอาทิตย์ในเมืองหลิวโจว ซึ่งกำลังทำการโจรกรรมเงินของชายอีกคนที่กำลังเมาปลิ้นอยู่ในสวนสาธารณะ พอเช้ามาชายคนดังกล่าวก็พบว่าเงินของตนหายไป จึงวิ่งโร่ไปแจ้งความทันทีพร้อมกับขอดูกล้องวงจรปิด และทำให้เรารู้ว่านายคนนี้มีชื่อว่า A’Jun ซึ่งเมื่อเขาได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เขานอน ความจริงมันกลับโหดร้ายกว่านั้น!! ชายคนดังกล่าวกลับไม่ได้ขโมยเงินเฉยๆ แต่เขากลับขโมยน้ำวิเศษของชายคนนั้นไปด้วยก่อนขโมยเงินอีกด้วย ซึ่งเขาทำการค่อยๆ แก้เข็มขัดและปลดกระดุมรูดซิบอย่างตั้งใจ จนสุดท้ายเขาก็ก้มลงไปโบลว์จ็อบอยากเมามัน แน่นอนว่า A’Jun ก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ด้วยความที่เขาเมาก็ยังคงนอนหลับต่อไป เวลาผ่านไปชายคนดังกล่าวยังคงมีความสุขกับการม๊วบๆ จนกระทั่งเรื่องบังเอิญก็เกิดขึ้น มือถือของ A’Jun เผลอตกออกมาจากกระเป๋ากางเกง ทำให้ชายคนดังกล่าวตกใจและกลับเข้าสู่จุดมุ่งหมายหลักเขาอีกครั้งนั่นก็คือการขโมยเงินนั่นเอง… แม้ว่าชายคนนี้จะขโมยเงินไปได้สำเร็จ แต่ในความเก่งกาจของเจ้าหน้าที่ พวกเขาก็ออกตามสืบหาคนร้ายทันทีในวันเดียวกันหลังจากดูกล้องวงจรปิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้แกะรอยจนไปพบว่า ชายคนนี้พักอยู่โรงแรมห่างจาสถานที่เกิดเหตุแค่ 20 เมตรเท่านั้น!! สุดท้ายคนร้ายได้สารภาพถึงสาเหตุที่ทำลงไปว่า เขาไปเจอกับ A’Jun แล้วรู้สึกว่าเขาน่ารักดีและเปรียบได้ดั่งเจ้าชายนิทรา เขาก็เลยเปลี่ยนจากการจูบเป็นโบลว์จ็อบแทนนั่นเอง ส่วนกระเป๋าเงินของ A’Jun ก็ได้คืนไปด้วยดี เพียงแต่เงินนั้นถูกนำออกไปหมดแล้ว โดยเขาบอกว่ามันโอเคเพราะบัตรต่างๆ ยังอยู่ดีนั่นเอง ที่มา shanghaiist
-
โรงเรียนนำ ‘คติพจน์’ ของนักเรียนเกย์สองคนออกจากหนังสือรุ่น ส่งผลให้เกิดดราม่าตามมา
หนังสือรุ่นที่จะเก็บความทรงจำของเราไว้ เราก็อยากที่จะเขียนอะไรสักอย่างลงไปทิ้งท้ายไว้ให้เพื่อนๆ ในรุ่นได้เก็บไว้เป็นความทรงจำ ดูแล้วอิสระทางความคิดในหนังสือรุ่น ถ้าไม่ละเมิดกฎหมายก็ที่ไม่น่าถูกปิดกั้นกับเรื่องแบบนี้ แต่กลับเกิดขึ้นในประเทศอเมริกาที่เรียกว่าเป็นประเทศเสรี และไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป… เพราะว่านักเรียนสองคนที่มีชื่อว่า Joey Slavinsky และ Thomas Swartz ศึกษาจบจากโรงเรียนมัธยม Kearney รัฐเนแบรสกา ประเทศอเมริกา ได้ทำการเขียนคติพจน์ทิ้งท้ายไว้ให้เพื่อนๆ ของเขาได้อ่านในหนังสือรุ่น คติพจน์ที่ Joey เขียนเอาไว้ก็คือ “แน่นอนว่าฉันแต่งตัวดี ฉันก็ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ในตู้เสื้อผ้าโดยที่ไม่ได้อะไรเลย” และของ Thomas คือ “ถ้า Harry Potter สอนอะไรบางอย่างให้กับเรา คงจะไม่มีใครควรได้ใช้ชีวิตอยู่ในตู้เสื้อผ้า” (ซึ่งข้อความดังกล่าวเหมือนการส่งข้อความของเหล่า LGBT ที่ไม่ควรจะต้องเก็บตัวเอาไว้ แต่ควรจะได้รับการยอมรับและสามารถเปิดตัวให้คนอื่นๆ รู้ได้ โดยที่เราภาคภูมิใจและคนอื่นไม่ควรรังเกียจ) คติพจน์ที่เขาคิดขึ้นมาและอยากให้คนอื่นได้อ่าน แต่เมื่อเขาทั้งสองลองเปิดหาสิ่งที่ตนเองได้เขียนไว้นั้นก็พบว่าในหนังสือตรงช่องของพวกเขานั้นมีเพียงรูปและความว่างเปล่า นั่นหมายความว่าทางโรงเรียนได้นำเอาคติพจน์ของทั้งคู่ออกไป คลิปวิดีโอข่าวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากประโยคที่ดูแปลกๆ นั้น คำว่าตู้เสื้อผ้าที่เขาต้องการสื่อก็คือสิ่งที่พวกเขาต้องปกปิดเอาไว้นั่นหมายถึงการที่พวกเขาเป็นเกย์นั่นเองซึ่งพวกเขาได้เสริมว่า “ฉันสบายใจที่ฉันเป็นอย่างนี้ แต่สิ่งที่รู้สึกคือที่นี่ดึงสิ่งนั้นออกไปจากตัวฉัน” จากสิ่งที่เกิดขึ้นทางผู้อำนวยการโรงเรียนก็ได้ออกมาบอกว่า “นั่นคือความพยายามในการปกป้องนักเรียนของเรา คติพจน์ที่เป็นการโจมตีนักเรียนคนอื่นหรือกลุ่มอื่นจะไม่ถูกเผยแพร่ แต่อย่างไรก็ตามนี่คือการกระทำที่ผิดพลาดของโรงเรียนในการตักเตือน”…
-
ความพยายามของคู่เกย์หนุ่ม จากตั้งท้องสู่การให้กำเนิดชีวิต บุตรชายในสายเลือดได้สำเร็จ…
สิ่งที่เราเคยชินคงจะเป็นการเห็นผู้หญิงตั้งครรภ์ท้องป่อง และสุดท้ายก็ได้คลอดออกมาเป็นเด็กน้อยน่ารัก แต่สำหรับเหตุการณ์นี้นั้นมีจุดที่ต่างกันนิดหน่อย เมื่อกลายเป็นผู้ชายให้กำเนิดชีวิตเด็กออกมาแทน หากใครยังพอจำได้กับเรื่องของสองเกย์หนุ่ม (ข่าวเก่า) คู่รักที่พยายามจะมีลูกผ่านหนึ่งในนั้นที่เป็นผู้หญิงได้รับการผ่าตัดแปลงมาเป็นผู้ชาย แต่ยังคงมีมดลูกอยู่ และในที่สุดตอนนี้ทั้งสองคนก็ได้มีทารกน้อยออกมาให้อุ้มกันได้สมใจอยากแล้ว ชายคนดังกล่าวมีชื่อว่า Trystan Reese วัย 34 ปีผู้ให้กำเนิดทารกชายสุดน่ารักเขาและแฟนหนุ่มก็ได้ตั้งชื่อให้กับเด็กคนนี้ว่า Leo ซึ่งนี่คือลูกคนแรกของพวกเขาที่เป็นไปตามสายเลือดของทั้งคู่ ทำให้รู้สึกดีใจ และเป็นเวลาที่มีความสุขเป็นอย่างมากที่สุดกับการได้เห็นเด็กน้อยคนนี้เกิดมา ช่างเป็นชีวิตที่เกิดมาได้วิเศษที่สุดจริงๆ เขาเคยยอมแพ้กับการที่จะมีครอบครัว หรือลูกที่เกิดมาตามสายเลือดของพวกเขา มันยากเกินไปที่จะเกิดขึ้นได้ ในขณะที่แฟนหนุ่มไม่เห็นด้วยและพยายามหาทางกันมาโดยตลอด จนตอนนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างน่าประทับใจ Leo นั้นไม่ได้เกิดมาเป็นลูกคนเดียว หากนับลูกบุญธรรมของพวกเขาด้วยแล้วก็จะถือว่ามีพี่สาวและพี่ชายอย่างละหนึ่งคน โตมาก็จะได้ไม่เหงาเลยละนะ ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งคู่เคยพลาดที่จะมีลูกไปเนื่องจากการคลอดก่อนกำหนด โดยมีอายยุครรภ์เพียง 6 สัปดาห์ และเมื่อได้ผ่านจุดนั้นมาพวกเขาก็ได้ผ่านความเครียด ความกังวล จนมาถึงความสำเร็จในตอนนี้ ในช่วงที่เขาต้องไปฝากครรภ์นั้นเขาก็ได้บอกว่า รู้สึกได้ว่ามีหลายสายตาจับจ้องมานั่นก็ไม่แปลกเลยที่คนทั่วไปจะสงสัยว่าผู้ชายมีหนวดมีเคราจะเดินท้องป่องมาที่นี่ได้อย่างไร และเมื่อได้รู้ว่าเขาเคยเป็นผู้หญิงมาก่อน ก็มีบางคนที่พยายามจะจินตนาการเอาหนวดเคราออกไปแล้วลองคิดภาพถึงตอนที่เขายังคงเป็นผู้หญิงอยู่ เขาได้กล่าวว่า “เพศทางเลือกอย่างเรานั้นการจะมีลูกถือเป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้ยาก และไม่เหมือนใครเป็นอย่างมาก ในเมื่อผมก็ไม่ได้สนใจร่างกายของตัวเองมากนักเพราะนั่นเป็นเรื่องที่ผู้หญิงเขาสนใจกัน” …
-
หนุ่มอัดคลิป ความไร้เดียงสาของน้องชายวัย 5 ขวบ เมื่อได้รู้ว่าพี่ชายของตัวเองเป็นเกย์
ทุกวันนี้เพศที่สามได้รับการยอมรับในสังคมมากขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องปกปิด แต่ควรที่เปิดใจคุยกับคนที่คุณรักมากกว่า โดยเฉพาะคนในครอบครัว รวมทั้งเด็กๆ ด้วย มีคลิปหนึ่งในยูทูป เป็นการบันทึกการพูดคุยระหว่างพี่ชายที่เป็นเกย์ กับน้องชายวัย 5 ขวบ เพื่อให้ดูว่าน้องชายจะรู้สึกอย่างไรเมื่อรู้ว่าพี่ชายเป็นเกย์? ในคลิป Oliver Potter พี่ชายที่เป็นเกย์เริ่มด้วยการพูดถึงเกี่ยวกับความรัก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการเปิดโอกาสให้ Alfie ผู้เป็นน้องชายแสดงความคิดเห็นมากกว่า ด้วยการตั้งคำถามให้ตอบ Oliver ถามน้องว่า “คิดยังไงกับความรัก?” น้องชายตอบไปตามประสาเด็กว่า “ถ้าคุณเป็นแม่แล้วต้องการจะรักกับพ่อ คุณจะต้องมีความรักให้กัน” Oliver เลยถามต่อไปว่า “แล้วน้องจะคิดยังไง ถ้าพี่แต่งงานกับผู้ชาย? Alfie ตอบว่า “ถ้าพี่แต่งงานกับผู้ชายก็ดีสิ เพราะผมเคยดูหนังเรื่องหนึ่ง ที่พวกชายแต่งงานกัน แล้วทุกคนก็บอกว่ามันเจ๋งสุดๆ ไปเลย” จากนั้นสองพี่น้องผู้น่ารักก็จบคลิปด้วยการร้องเพลงด้วยกัน… ดูแล้วอบอุ่นใจเหลือเกิน การทำคลิปในครั้งนี้ Oliver ต้องการให้ทุกคนเห็นว่า ‘ไม่มีใครเด็กเกินไปที่จะเข้าใจว่าความรักคือความรัก’ เขายังบอกอีกว่า “หวังว่าคลิปนี้จะทำผู้คนกล้าที่เปิดอกคุยกับเพื่อน พี่น้อง ลูก หรือใครก็ตามที่พวกเขาเลือก เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบัง” สำหรับ Alfie ตั้งแต่รู้ว่าพี่ชายเป็นเกย์เขาก็รู้สึกตื่นเต้นมาก และเมื่อไปโรงเรียนเขาก็ได้ไปบอกเพื่อนๆ ว่า พี่ชายของเขาจะแต่งงานกับผู้ชาย ความรักไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็สวยงามเสมอ…
-
Andrew Garfield เปิดเผยตัวว่าตัวเองอาจจะเป็นเกย์ แต่ไม่ถึงขั้นอยากมีอะไรกับผู้ชาย!!!
งานนี้เรียกว่าสาวๆ หลายคนที่เป็นแฟนพ่อหนุ่มสไปดี้คนที่สองคนนี้ต้องอกสั่นขวัญแขวนกันไปตามกันๆ หลังจากที่ล่าสุด Andrew Garfield ได้ออกมาเปิดเผยแล้วว่า เขารู้สึกว่าตัวเองมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเกย์ เรื่องในครั้งนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อหนุ่ม Andrew กำลังอินกับบทนำใน Angels in America ละครเวทีเรื่องล่าสุดที่ไปแสดงมาหรือไม่ หรือจริงๆ แล้วตัวเขาเป็นเกย์แต่แรก แต่ที่รู้แน่ๆ คือเขาได้ออกมาเปิดอกพูดกับนิตยสาร Gay Times เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาได้บอกว่า “ผมรู้สึกว่าตัวผมอาจจะเป็นเกย์นะ แต่ก็ยังไม่ได้เป็นแบบจริงจังหรือรู้สึกอยากมีอะไรกับผู้ชาย แต่ก็รู้สึกได้เหมือนกันว่าน่าจะใช่แน่ๆ” ยังไม่หมดเท่านั้น Andrew ยังเล่าถึงเบื้องหลังจากการพักกองอีกว่า “ในช่วงพักการแสดงทุกๆ วันอาทิตย์ผมและเพื่อนๆ ก็มักจะไปดู RuPaul’s Drag Race กันอยู่เสมอ ซึ่งในตอนแรกผมก็ไปดูเพื่อช่วยให้บทการแสดงของผมดีขึ้น” สุดท้ายในบทสัมภาษณ์เขาก็พูดปิดท้ายว่า “ผมอาจจะยังไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นนะว่าผมเป็นเกย์จริงๆ ไหม แต่ผมก็เปิดรับในเรื่องของการรักเพศเดียวกันนะ ตอนนี้ผมโอเคกับสิ่งที่เป็นอยู่และยังไม่คิดถึงขั้นมีอะไรกับผู้ชายหรือคบกันใครจริงจัง” “บางทีบางส่วนนั้นในตัวผมอาจจะตื่นขึ้นมาในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิตผมก็ได้ ผมมั่นใจว่ามันจะต้องสวยงามอย่างแน่นอน และผมก็จะสำรวจพร้อมกับทำความเข้าใจในส่วนนั้นที่ผมพึ่งจะค้นพบมัน” แม้ว่าเขาพึ่งจะยอมรับการเป็นเกย์ แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนที่ให้การสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ มาเป็นเวลานานแล้ว รวมถึงยังสนับสนุนการแต่งงานของเพศเดียวกันด้วย เขายังถามกลับอีกว่าถ้าเขาเป็นเกย์จริงๆ มันจะหมายความว่า Spider-Man…
-
คู่รักเกย์ถ่ายภาพเทียบอดีต กับความรักที่แสนยาวนาน 25 ปี และความพยายามที่ต่อสู้มา…
ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ Nick Cardello วัย 54 และ Kurt English วัย 52 ปี ได้พบเจอกันเมื่อปี 1992 และอยู่ด้วยกันตั้งแต่นั้นมาเป็นเวลานานกว่า 25 ปีแล้ว ทั้งคู่ได้แต่งงานกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วและอาศัยอยู่ในเมือง Tampa รัฐฟลอริดา คุณ Cardello และ English ได้ตัดสินใจฉลองวันครบรอบที่ได้อยู่ด้วยกันครบ 25 ปี ด้วยการเดินทางไปเข้าร่วมขบวน Pride เพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมของกลุ่ม LGBT ที่จัดขึ้นในเมือง Washington DC. เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้พวกเขายังตัดสินใจทำเรื่องน่ารักๆ อย่างการถ่ายรูปแบบหวานแหววเพื่อรำลึกถึงการไปร่วมเดินขบวนเรียกร้องความเท่าเทียมที่ Washington เมื่อปี 1993 และในปีนั้นพวกเขาก็จุ๊บกันแบบที่เห็นในรูปนี้ด้วยเช่นกัน เป็นช่วงเวลา 24 ปี ที่ทั้งคู่ได้ทำการจุ๊บกันในการร่วมเดินขบวนเพื่อเรียกร้องถึงความเท่าเทียม และปัจจุบันก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เป็นคู่รักคนเดิม สถานการณ์แบบเดิม และสถานที่เดิม มีเพียงแค่กาลเวลาที่ทำให้ทั้งสองมีอายุมากขึ้น…
-
คู่รักเกย์ที่รับเด็กมาเลี้ยงถึง 3 คน เปิดใจในเรื่อง “ครอบครัว” พร้อมทั้งแง่คิดดีๆ ที่เราควรได้อ่าน…
แม้ว่าในยุคนี้สังคมของชาว LGBTQ จะมีการเปิดกว้างและมีการยอมรับที่มากขึ้น แต่เราก็ต้องเข้าใจว่าสังคมบางแห่งก็ยังปิด หรือบางที่ก็ยังไม่ได้ยอมรับในเรื่องนี้ 100 เปอร์เซ็นเสียทีเดียว ด้วยเหตุนี้ทางเว็บไซต์ Upworthy จึงได้ทำการทดลองอันน่าสนใจ ด้วยการไปถามความเห็นคู่รักเกย์คู่หนึ่ง เกี่ยวกับมุมมองของพวกเขาในการมีครอบครัวว่าทั้งคู่คิดยังไง… ซึ่ง Fred Swanson ก็คือคนที่จะมาบอกเล่าความรู้สึกของเขาในครั้งนี้ เขาบอกว่าเขารู้ตัวเสมอว่าตัวเองเป็นเกย์และอยากจะมีลูกอีกด้วย แต่ว่าอย่างที่เรารู้กันว่าในบางรัฐของสหรัฐอเมริกายังไม่เปิดรับในเรื่องนี้ และสถานรับเลี้ยงหลายแห่งก็ยังไม่เปิดให้พ่อแม่เกย์มารับเลี้ยงลูกนั่นเอง เขาได้เล่าเรื่องของตัวเองว่า เขาเริ่มเปิดเผยและรู้ว่าตัวเองเป็นเกย์ก็ช่วงยุค 1990 ซึ่งในตอนนั้นยังมีคนจำนวนไม่มากนักที่แสดงออกจริงจังว่าเป็นเกย์ หรือเป็นเกย์ที่มีลูกนั้นยิ่งแทบเป็นไปไม่ได้ จนมาถึงปี 2003 ชีวิตของ Fred ก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับ Adam Diamond ทั้งคู่เริ่มเดทกันจนความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไปได้ด้วยดี พวกเขาจึงตัดสินใจจะวางแผนระยะยาวด้วยกันโดยการรับเลี้ยงบุตรนั่นเอง ในช่วงแรกทั้งคู่ยังไม่สามารถที่จะรับเลี้ยงบุตรหรือหาบุตรให้พวกเขารับเลี้ยงได้ แม้ว่าเด็กกำพร้าทั่วอเมริกาจะมีอยู่มากมายก็ตาม ด้วยเหตุนี้ในปี 2008 ทั้งคู่จึงเริ่มต้นด้วยการไปช่วยงานกับองค์กร Amara ซึ่งเป็นองค์กรช่วยเหลือเด็กกำพร้าในเมืองซีแอตเทิล พอเข้าปี 2009 โอกาสที่ทั้งคู่จะมีลูกก็มาถึง เมื่อพวกเขาได้รับเลี้ยงดู Jaylen เด็กชายผิวสีวัย 3 ขวบ มาเป็นบุตรบุญธรรม แต่แล้วไม่นานนักเรื่องเซอร์ไพรส์ก็เกิดขึ้นกับพวกเขา …
-
“อีแร้งเกย์สองตัว” ช่วยกันฟักไข่ที่ถูกแม่ของมันทอดทิ้ง จนกระทั่งฟักออกมาเป็นตัวแล้ว!!
ปกติแล้วหน้าที่การฝึกไข่ของเหล่าสิงสาราสัตว์จะตกเป็นของตัวเมียเสียส่วนใหญ่ และสัตว์ก็มักจะมีเพศตามธรรมชาติปกติเป็นของตัวเอง ทว่าก็มีสัตว์จำนวนไม่น้อยเลยที่จะเป็นเกย์ และชื่นชอบในเพศเดียวกัน เจ้าอีแร้งสองตัวจากสวนสัตว์ Artis ในอัมสเตอร์ดัม ที่เป็นเจ้าของเรื่องราวในครั้งนี้ก็เป็นคู่เกย์เช่นกัน และพวกมันก็ยังทำภารกิจอันยิ่งใหญ่จนสำเร็จอีกด้วย!! เจ้าหน้าที่ดูแลสวนสัตว์ได้เล่าเรื่องราวของพวกมันว่า ตอนแรกเริ่มทางสวนสัตว์ได้ไปเจอกับไข่ที่ดูเหมือนแม่ของมันจะทอดทิ้งไปแล้วเหลือแต่ไข่ให้โดดเดี่ยว จนพวกเขากะว่าจะเอาไข่ดังกล่าวไปเข้าเครื่องฟักแทน ทว่าในจังหวะเดียวกันนั้น พวกเขาก็สังเกตเห็นอีแร้งตัวผู้สองตัวกำลังรวบรวมกิ่งไม้รอบๆ เพื่อจะสร้างรังฟักไข่ ด้วยเหตุนี้ทางเจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจยกไข่ดังกล่าวให้เป็นหน้าที่ของเจ้าอีแร้งเกย์ทั้งสอง ทางสวนสัตว์ยังบอกอีกว่า อีแร้งเกย์ทั้งสองไม่ได้พึ่งเป็นคู่เกย์กันแต่อย่างใด ทว่าพวกมันทั้งสองอยู่ด้วยกันมาแล้วนานกว่า 1 ปี แถมพวกมันก็ยังดูมีความสุขกันดี และพอเอาไข่นั้นให้พวกมันทั้งสอง มันก็ทำหน้าที่คุณพ่อที่ดีผลัดเปลี่ยนกันฟักไข่ดังกล่าวอย่างตั้งใจ จนล่าสุดไข่ดังกล่าวก็ฟักออกมาเป็นลูกนกเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าคุณพ่อทั้งสองก็ดูแลเอาใจใส่ลูกนกกำพร้าเป็นอย่างดี ทั้งการให้อาหารและสุขภาพความเป็นอยู่ของลูกนก ทางสวนสัตว์บอกว่า การที่สัตว์จำพวกนกจะกลายเป็นเกย์และรักในเพศเดียวกันถือว่าเป็นเรื่องปกติไม่ได้แปลกอะไร แต่ว่านี่คือเป็นครั้งแรกเลยที่สัตว์ที่เป็นเกย์ช่วยกันฟักไข่นั่นเอง นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ยังบอกเพิ่มเติมว่า ธรรมชาติของนกอีแร้งนั้นจะฟักไข่ 1 ฟองเพียงแค่ปีละครั้งเท่านั้น และถ้าพวกมันจับคู่กันเมื่อไหร่ พวกมันจะอยู่ด้วยกันไปจนสิ้นลมหายใจ ฉะนั้นจึงไม่แปลกถ้านกเกย์สองตัวนี้จะอยู่ด้วยกันไปจนถึงวาระสุดท้าย… ที่มา dailymail
-
ทหารหนุ่มโพสต์ภาพถ่ายอันแสนหวาน หลังพาแฟนหนุ่มไปงานพรอม จนหลายคนอิจฉา…
นี่เป็นภาพถ่ายของ Max Emerson และ Andrés Camilo Hernandez ทหารหนุ่มจากโรงเรียนเตรียมทหารสหรัฐ สองคู่รักชายรักชาย ที่กำลังโด่งดัง และได้รับความสนใจจากชาวเน็ตในขณะนี้เลยก็ว่าได้ หลังจากที่ Andrés ได้โพสต์ภาพถ่ายอันแสนหวานขณะที่ได้พาแฟนหนุ่มไปร่วมงานพรอมที่ West Point นิวยอร์ก ลงในอินสตาแกรม ก็มีบรรดาชาวเน็ตต่างก็พากันเข้ามากดไลค์กันอย่างมากมาย แถมยังทำให้เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศหลายๆ เว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็น Yahoo Style, Elite Daily, The Washington Blade และ สื่ออื่นๆ อีกมากมาย ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก จากการรายงานของสื่อหลายๆ สำนักได้สันนิษฐานภาพของทั้งคู่ว่า นี่อาจจะเป็นสัญญาณที่จะบอกให้รู้ว่า ความรักของคู่เกย์จากกองกำลังติดอาวุธ อาจจะได้รับการเปิดเผย และยอมรับมากขึ้น เพราะในอดีตกฎหมายสหรัฐอเมริกา ได้ออกนโยบาย “ไม่ถาม ไม่บอก” (Don’t Ask, Don’t Tell) ที่ห้ามเกย์ เลสเบี้ยน ไบเซ็กชวลที่เปิดเผยตัว เข้าร่วมกองทัพอเมริกัน ไม่เช่นนั้นก็จะต้องไล่ออกจากราชการ แต่เมื่อ…
-
Beauty and the Beast อาจจะโดนแบน หลังดิสนี่ย์เพิ่มบท “ตัวละครเกย์” เข้าไปในเรื่อง
เรียกว่าเป็นหนังที่หลายคนรอชมเลยทีเดียว สำหรับเรื่อง “Beauty and the Beast” หรือ “โฉมงามกับเจ้าชายอสูร” เวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่นำแสดงโดย เอ็มมา วัตสัน นักแสดงหญิงชื่อดังแห่งยุคนี้ แต่ดูเหมือนว่าแฟนๆ จากประเทศรัสเซียอาจต้องรอเก้อซะแล้ว เพราะทางรัฐบาลรัสเซียกำลังจ่อแบนภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากการ์ตูนชื่อดัง ส่วนสาเหตุนั้นหลายๆ คนอาจจะไม่คิดว่ามันเกิดการแบนเพราะ มีการเพิ่มบทตัวละครเกย์เข้าไปในเรื่อง นี่โฉมงามเอ๋ย เราจะอดโกยเงินที่รัสเซียแล้วหรือ!?? ถ้าใครเคยดูการ์ตูนเวอร์ชั่นต้นฉบับจะทราบว่า เนื้อเรื่องฉบับเก่านั้นตัวละครในเรื่องจะมีบทบาทของหญิงและชายแบบชัดเจน ไม่มีตัวละครใดเลยที่มีลักษณะรักร่วมเพศ แต่ในเวอร์ชั่นหนังโรงล่าสุดนี้ ทางดิสนี่ย์ได้เพิ่มบทให้ตัวละคร เลอฟู (จอร์ช แกด) มีความรู้สึกพิเศษกับตัวละคร แกสตัน (ลุค อีแวน) ในลักษณะของเกย์ขึ้นมา บิล คอนดอน ผู้กำกับกล่าวว่า “มีใครซักคนแอบคิดขึ้นมาว่าจริงๆ แล้วเลอฟูอาจคิดอะไรเกินเจ้านายลูกน้อง จากนั้นจอร์ช (แกด) ก็ทำสิ่งพิเศษขึ้นมา ผมจึงไม่อยากตัดมันออกไปจากในหนัง มันจะต้องเป็นโมเมนต์เกย์ครั้งแรกในหนังดิสนี่ย์แต่นอน” อย่างไรก็ตามในประเทศรัสเซีย มีกฎหมายห้ามโปรโมตรักร่วมเพศควบคุมสื่ออยู่ ดังนั้นพวกเขาจะต้องทำการตรวจสอบหนังเวอร์ชั่นจริงก่อน ว่าเข้าข่ายหรือไม่ หากเข้าข่าย ก็ต้องแบนในรัสเซียไปตามระเบียบ เมื่อสำนักข่าวบีบีซีแห่งประเทศอังกฤษ ถามเรื่องนี้ไปยังฝั่งรัสเซีย ก็ได้คำตอบจาก Vladimir Medinsky รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม…
-
สับสนเหลือเกินพี่บัวลอย!! สาวมะกันเปลี่ยนเป็นทอม จากทอมกลายเป็นผู้ชาย สู่เกย์สายรับ
ยิ่งเวลาผ่านเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ๆ กำแพงในเรื่อง “เพศสภาพ” ก็ยิ่งหายไปเรื่อยๆ กล่าวคือทุกวันนี้ใครอยากจะเป็นเพศอะไรก็ได้ตามที่ใจอยากโดยไม่ต้องคำนึงถึงเพศสภาพที่แท้จริงของตัวเอง เช่นเดียวกับเรื่องราวของอดีตหญิงสาวที่ชื่อว่า Viktor Belmont (ใช่เธอคือหญิงสาวจริงๆ แต่ในปัจจุบันไม่ใช่แล้ว) ในช่วงวัยเด็กเธอเกิดมาในร่างของเด็กผู้หญิง แต่กลับสับสนในเพศสภาพของตัวเอง Viktor Belmont จากผู้หญิงสู่ผู้ชาย . เมื่อโตขึ้นเธอจึงเริ่มมีรสนิยมทางเพศที่เปลี่ยนไป เธอกลายเป็นทอมแต่งตัวแบบผู้ชายและคบหากับผู้หญิง แต่เมื่อเวลาผ่านไปการเป็นทอมก็ดูจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของเธอ Viktor จึงตัดสินใจแปลงเพศอย่างสมบูรณ์ (ศัลยกรรมเติมแต่งความเป็นชายเพิ่มเข้าไป) เพื่อตอบสนองความต้องการของเธอ แต่ก่อนที่ “เธอ” จะเปลี่ยนเป็น “เขา” เธอค่อนข้างกลุ้มใจอยู่ไม่น้อย เธอจึงเข้าพบจิตแพทย์เพื่อปรึกษาถึงแนวทางชีวิตในอนาคต Viktor ได้ให้สัมภาษณ์เว็บไซต์ BuzzFeed เมื่อปี 2015 ว่า “ฉันอยากเป็นคนใช่สำหรับตัวเองอย่างใจต้องการ เมื่อตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก มีอยู่หลายครั้งมากที่ฉันต้องการใครสักคนเพื่อบอกกับฉันว่าทุกอย่างจะโอเค” และแล้วเธอก็ผ่าตัดสำเร็จจนกลายเป็นผู้ชายเต็มตัว และยังนำเอาความรู้สึกต่างๆ รวมถึงประสบการณ์ชีวิตของตัวเองมาบอกเล่าต่อๆ ไปยังคนที่กำลังสับสนและต้องการเปลี่ยนผ่านชีวิตตัวเอง เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้อื่น จนมาถึงเมื่อไม่นานมานี้ นาย Viktor ก็ได้ค้นพบอีกตัวตนหนึ่งที่อยู่ภายในตัวของเขา นั่นคือการเป็นเกย์รับ และมีการงานรับเล่นหนังผู้ใหญ่อีกด้วย!! นั่นทำให้เพศสภาพของเขาดูซับซ้อนกว่าคนทั่วไปหลายขั้นทีเดียว…
-
เรื่องราวของ ‘เพนกวินคู่เกย์’ ในสวนสัตว์เยอรมนี ที่สานสัมพันธ์รักกันกว่า 10 ปีเต็ม!!
ช่วงนี้ก็เพื่อนๆ ก็คงได้เห็นข่าวคราวและเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าเพนกวินที่นอกใจจนโดนจับได้ แถมถึงแม้เจ้าตัวผู้จะยอมสู้ตายถวายชีวิต แต่สุดท้ายคนจะไปก็ต้องไป ตัวเมียที่นอกใจก็หนีไปอยู่กับตัวใหม่อยู่ดี… แต่วันนี้เราก็ขอนำเสนอเรื่องราวในอีกแง่มุมหนึ่ง ของความรักของเพนกวินสองตัว Dotty และ Zee สองเพนกวินแห่งสวนสัตว์ Bremerhaven ในประเทศเยอรมนี ที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมานับ 10 ปีเลยทีเดียว!! Dotty และ Zee เรื่องมันเริ่มจากในปี 2005 ทางสวนสัตว์เห็นว่าเพนกวินสองตัวนี้มีพฤติกรรมที่ชอบอยู่ด้วยกัน เลยเข้าตรวจสอบทั้งคู่ดูและพบว่ามันทั้งสองตัวคือตัวผู้!? แน่นอนว่ามันไม่สามารถมีลูกได้เองตามธรรมชาติ พวกมันก็สร้างรังขึ้นทุกๆ ปีเพื่อฟักไข่ ซึ่งเป็นพฤติกรรมเมื่อตัวผู้ตัวเมียผสมพันธุ์ และเตรียมรังเพื่อให้ลูกน้อย ทำให้ทางเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ แต่งตั้งพวกมันเป็นหน่วยรับเลี้ยงเพนกวินน้อยตั้งแต่นั้นมา และนำไข่เพนกวินที่แม่ไม่ยอมรับมาให้พวกมันเลี้ยงดูประคบประหงม แล้ว Dotty กับ Zee ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เพราะมันดูแลอย่างดีประดุจลูกของตัวเอง พวกมันจัดอยู่ในเพนกวินสายพันธุ์ Humboldt ที่ใกล้สูญพันธุ์ และประชากรทั่วโลกตอนนี้มีเพียง 2,000 ตัวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ในสวนสัตว์มีเพนกวินชนิดนี้อยู่ 10 ตัว แน่นอนว่า 2 ตัวเป็นก็เกย์ไปเรียบร้อย ทางสวนสัตว์บอกว่าอีกหนึ่งเพนกวินที่เป็นเกย์นั้น ก็ได้มาเข้าแก้งค์เป็นรักสามสุขร่วมกับ…
-
คู่รักเกย์ ทำเด็กหลอดแก้วลูกสามสำเร็จ มี DNA ของพวกเขาอย่างละครึ่งราวกับพ่อแม่จริงๆ !!
ในอดีตเหล่าเพศที่สามและเพศทางเลือกต่างๆ นั้น ล้วนแต่ถูกจำกัดสิทธิของพวกเขาว่าสามารถหรือไม่สามารถทำอะไรได้บ้าง ทั้งๆ ที่มีความเป็นมนุษย์และสมควรที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งในปัจจุบันปัญหาเรื่องนี้ก็ค่อยๆ หมดไปแล้วล่ะ ซึ่งล่าสุดก็เกิดเรื่องราวน่ารักๆ นี้ขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา ของคู่รักเพศที่สามคู่นี้ Justin Ruehs และสามีของเขา Adam Smeets ที่ต้องเรียกว่าเป็นคุณพ่อมือใหม่กันอย่างสดๆ ร้อนๆ แถมยังโชคดีได้ลูก 3 กันเลยทีเดียว!! Justin Ruehs ด้านซ้าย และสามีของเขา Adam Smeets แฝดสามกลุ่มนี้เป็นเด็กหลอดแก้ว หลังจากที่ Justin และ Adam ใช้ความพยายามถึง 4 ปีเต็มกับกระบวนการนี้ สุดท้ายพวกเขาก็ทำสำเร็จจนได้!! ลูกสาวฝาแฝด 2 คน และลูกชายตัวเล็กอีก 1 คน โดย Emmett ลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขานั้นมีดีเอ็นเอของ Adam และลูกสาวฝาแฝด Harper และ Collins นั้น จะมีดีเอ็นเอของ Ruehs อยู่ โดยปกติแล้วคู่รักที่เป็นเกย์นั้นจะมี DNA ของเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ในกรณีนี้ พวกเขาใช้เนื้อเยื่อปฏิสนธิและดีเอ็นเอที่ได้มาจากคู่รักทั้งสองคนนี้เท่านั้น หรือกล่าวง่ายๆ ในเชิงทฤษฎีแล้ว…
-
เจ้าหนูวัย 12 ยืนขวางม็อบที่ต่อต้าน ‘เกย์’ เหตุเพราะอยากปกป้อง ลุงเขาที่เป็นเกย์…
ต้องใช้ความกล้าขนาดไหนถึงจะทำได้ถึงขนาดนี้ ยิ่งเป็นเด็กน้อยในวัยแค่ 12 ปีด้วยแล้ว อาจเรียกได้ว่าเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตของเจ้าหนูเลยก็เป็นได้… หนึ่งในภาพอันทรงพลังที่สุดของสัปดาห์นี้ ท่ามกลางการเดินขบวนของกลุ่มต่อต้านเกย์ เพศที่สาม และการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันนับหมื่นคนที่มาชุมนุมเดินพาเหรดบนท้องถนนของเมือง Celaya ประเทศเม็กซิโก!!! นักข่าวสามารถจับภาพหนูน้อยคนหนึ่งที่มายืนเผชิญหน้ากับเหล่าผู้ชุมนุม พร้อมกางแขนออกมาเพื่อขวางเอาไว้… ภาพนี้ถูกถ่ายโดยนักข่าวท้องถิ่นที่มีชื่อว่า Manuel Rodriguez โดยภายหลังได้ทราบมาว่าเด็กน้อยคนนี้อยู่กับคุณลุงของเขาที่เป็นเกย์ และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมครั้งนี้ ภาพถ่ายของเด็กน้อยวัย 12 ผู้หยุดมวลมหาประชาชนนับหมื่นคน!! Manuel Rodriguez นักข่าวผู้อยู่ในเหตุการณ์กล่าวว่า ‘ตอนแรกผมคิดว่าเด็กน้อยเข้าไปทำเพื่อถ่ายรูปเล่นๆ เท่านั้น ที่จริงแล้วเขาทำแบบนั้นเพราะต้องการปกป้องคุณลุงของเขา เขาเกลียดความเกลียดชังของผู้คนที่มีต่อเพศที่สาม’ โดยการเดินขบวนต่อต้านในครั้งนี้จัดขึ้นโดยองค์กร National Front for the Family สาเหตุก็เพราะว่าการเสนอกฎหมายอนุญาตให้เพศเดียวกันสามารถแต่งงานได้ของประธานาธิบดี President Enrique Pena Nieto ที่กำลังเป็นข้อถกเถียงอยู่ในตอนนี้… เป็นเจ้าหนูที่ใจกล้าจริงๆ ลองนึกภาพตามสิถ้าคุณเป็นเจ้าหนูคนนี้จะไปอยู่กลางถนนหรือเปล่า!? แต่เค้าทำทั้งหมดนี้ไปก็เพื่อปกป้องคนที่เขาเคารพรักเช่นกัน ที่มา: Metro
-
แม้คู่รักชายสองคนนี้ไม่สามารถมีลูกได้ ตัดสินใจรับ ‘หมาจรจัด’ มาเลี้ยงแทนซะเลย!!!
นี่คือเรื่องราวของคู่รักสุดแสนน่ารัก Dorien Bryant และ Patrick Craves จากฟิลาเดเฟีย ทั้งคู่ต้องการจะมีลูกเป็นอย่างมาก แต่ด้วยเหตุผลที่หลายคนก็น่าจะรู้เป็นอย่างดี นั่นก็คือพวกเขาตั้งท้องไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจจะทำอย่างอื่นแทน นั่นก็คือรับเลี้ยงสุนัขสักตัวหนึ่ง และสุดท้ายก็คือเจ้า Asher สุนัขสายพันธุ์ออสเตรเลียน เชพเพิร์ดก็ได้กลายมาเป็นลูกของพวกเขาแล้ว และทำให้ชีวิตรักดูมีสีสันยิ่งขึ้น Dorien Bryant เขาเคยเป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลของ NFL แต่ก็ต้องหยุดไป เนื่องจากได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถลงสนามได้ อีกอย่างคือเขาไม่ต้องการจะปิดบังตัวเองว่าเป็นเกย์ด้วย ตอนนี้เขาก็มีชีวิตที่ดีกับคนรักของเขา Patrick Craves พร้อมกับใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับสมาชิกใหม่ Patrick เล่าว่า “เมื่อผมกับแฟนของผมมีลูกกันไม่ได้…” “มันก็กัดทุกอย่างที่ขวางหน้าเรียบร้อยแล้ว” “แทบจะซุกตัวเข้าไปในจานข้าว” เรื่องนี้ก็ทำให้เราได้เห็นความรักที่ไม่มีเส้นแบ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศหรือความรักที่มีต่อสัตว์ เห็นแล้วถึงกับยิ้มออกมาเลย ที่มา boredpanda
-
โปรโมทหนัง ‘แจกกางเกงว่ายน้ำใช้แล้ว’ โดนชาวเน็ตสับแหลก ทำให้ภาพลักษณ์เกย์ดูแย่
ดูท่าจะเป็นประเด็นร้อนให้ชาวเน็ตและกลุ่ม LGBT (กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ) ได้ถกเถียงกันอยู่ในเฟซบุ๊กขณะนี้เลย สำหรับกรณีที่มีทีมงานภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง สร้างแคมเปญแจกกางเกงว่ายน้ำของนักแสดงชายให้กับคนทางบ้าน เพื่อโปรโมทหนัง!? เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทีมงานของภาพยนตร์เรื่อง Sweet Boy ได้โพสต์ภาพโปรโมทหนังเพื่อให้ชาวเน็ตได้มาร่วมสนุกลุ้นรับรางวัลเป็นกางเกงว่ายน้ำทั้ง 7 ตัว ของ 7 นักแสดง ที่ใช้ใส่ถ่ายภาพยนตร์จริงๆ โดยจะมีกติกาอยู่ว่า ต้องโพสต์รูปตั๋วภาพยนตร์ ‘สวีทบอย’ จำนวนที่นั่งติดกันตั้งแต่ 10 ใบขึ้นไปมาที่เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และทวิตเตอร์ แต่หลังจากที่ภาพแคมเปญนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ดูจะได้รับกระแสตอบรับจากชาว LGBT และคำวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบอยู่มากทีเดียว โดยในหลายๆ ความเห็นมองว่ากิจกรรมแบบนี้เป็นกิจกรรมที่ไม่เหมาะสม ฝ่ายการตลาดของภาพยนตร์เรื่องนี้ควรจะปรับปรุงวิธีการโปรโมทให้ดูดีกว่านี้ เพราะการทำแบบนี้ยิ่งส่งผลเสียและภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของชาว LGBT เข้าไปอีก . . หารกันไม่ลงตัว…เดี๋ยวๆ!! และนี่คือคอมเม้นท์ที่เราคิดว่าน่าสนใจมากที่สุด… การโปรโมทด้วยการแจกสิ่งของให้กับแฟนๆ ทางบ้านแบบนี้ก็ไม่ถือเป็นเรื่องที่ผิดอะไร แต่อย่างที่ชาวเน็ตออกมาบอกว่ามันทำให้ภาพลักษณ์ของชาว LGBT ดูไม่ดีในสายตาของคนอื่นๆ นะ ใครมีความเห็นว่ายังไงลองแลกเปลี่ยนความเห็นกันดูได้นะ ที่มา Facebook
-
Pewdiepie บ่นระงม โดนเจ้าของห้องเช่าไล่ออก เพราะคิดว่าเป็น ‘เกย์’ ปั่มปั๊มกันเสียงดัง!?
แม้จะเป็นคนที่โด่งดังมีชื่อเสียงมากมายแค่ไหน แต่ถ้าไม่ได้เป็นเจ้าของพื้นที่นั้นๆ ก็ถูกไล่อยู่ดี อย่างนักแคสเกมระดับซุปเปอร์สตาร์จากยูทูป PewDiePie (ผิวดี๋พายยยย :ทำเสียงตามด้วยนะ) ที่มักจะส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายเวลาเล่นเกมเป็นประจำ เพราะนั่นคือเอกลักษณ์ประจำตัวเขาไปแล้ว และในการอัดคลิปแคสเกมของเขานั้น ก็มักจะทำอยู่ภายในห้องสตูดิโอเล็กๆ ภายในบ้านเช่าพร้อมกับระบบดูดซับเสียง เวลาที่โวยวายจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนคนอื่น นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่จัดการได้ดีเยี่ยม แต่มันดันมาเกิดปัญหาตรงที่มีครั้งหนึ่งที่เขาต้องใช้พื้นที่เยอะหน่อย ก็เลยออกไปอัดคลิปที่ห้องครัว ด้วยสไตล์เสียงดังก็ทำให้เกิดเรื่องจนได้ มีเจ้าของบ้านเข้ามาเคาะประตูหน้าบ้านบอกว่า ‘ส่งเสียงดังเกินไปแล้ว ช่วยเงียบๆ หน่อยจะได้มั้ย เหมือนเกย์ทำอะไรกัน แล้วก็อย่ามาหัวเราะใส่ตูนะ ไม่ตลกด้วยนะโว้ย’ และหลังจากนั้นเพียงไม่นาน เรื่องเสียงดังก็เข้าไปถึงหูเจ้าของบ้านเช่า ส่งจดหมายไล่ออกจากบ้านตามมาติดๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยได้รับคำบ่นเกี่ยวกับเรื่องเสียงดังเลยแม้แต่ครั้งเดียว พอพลาดปุ๊บก็โดนทันที ปัญหาติดอยู่ตรงที่เขาไม่ใช่คนอังกฤษ จึงไม่สามารถซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้ จึงจำเป็นที่จะต้องเช่า PewDiePie ถึงกับบ่นอุบอิบว่า ‘มีเงินซื้อบ้านได้เลยนะ ไม่ได้ต้องการเอ็งเลยด้วย ไอ้เจ้าของบ้าน’ ในจดหมายเตือนระบุว่า ‘เพื่อนบ้านแจ้งมาว่าคุณสร้างความรบกวนด้วยเสียงอันดัง หรือที่เรียกว่าพฤติกรรมต่อต้านสังคม จากที่เพื่อนบ้านรายงานมานั้น พบว่าได้ยินเสียงดังกลางดึกในเวลาประมาณ 18.30 น.’…
-
ชาวเกย์ ออกมาติงรายการ Take Guy Out ทำให้คนอื่นมอง ‘เพศที่ 3’ เป็นตัวตลก!!?
เปิดตัวกันมาได้ 3 ตอนแล้ว สำหรับรายการ Take Guy Out รายการน้องใหม่ของช่อง Line TV ที่ปรับเปลี่ยรูปแบบรายการจาก Take Me Out ซึ่งจากเดิมหญิงเลือกชายหรือชายเลือกหญิง มาเป็นการเลือกแบบชายเลือกชายแทน แต่ในตอนที่ 3 ของรายการที่ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม รู้สึกว่าจะมีปัญหาสักเล็กน้อย เมื่อผู้เข้าร่วมรายการเลือกคู่เดทเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็ได้เข้าไปทำกิจกรรมกันภายในห้องเดท โดยกติกามีอยู่ว่าทั้งคู่จะต้องนำลูกโป่งมาวางไว้ที่หน้าอกแล้วกอดกันเพื่อบีบลูกโป่งให้แตก หากทำแล้วไม่แตกต้องผลัดกันป้อนกล้วยให้อีกฝ่าย สุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็ไม่สามารถบีบลูกโป่งจนแตกได้ จึงต้องป้อนกล้วยให้อีกฝ่ายกิน แค่เห็นภาพ#เหมียวฟิ้นก็สะท้านไปทั้งตัวแล้วย่ะ หลังจากที่รายการ Take Guy Out ตอนล่าสุดออกอากาศไป ก็ทำให้ชาวเพศที่ 3 หลายๆ คนเกิดความไม่พอใจ เพราะแทนที่รูปแบบรายการจะเป็นการพาไปเดท กินข้าว หรือทำอะไรน่ารักๆ เหมือนกับรายการ Take Me Out แบบปกติ แต่กลับกลายเป็นการนำเพศที่ 3 มาล้อเลียนเป็นเรื่องตลกขบขันไปซะอย่างงั้น!? …
-
แฟนๆ ว่าไง? ชาวสหรัฐฯ ร่วมติดแฮชแท็ก #GiveElsaAGirlfriend ให้ Elsa มีแฟนสาวในภาคต่อไป
ถือเป็นแอนิเมชั่นน้ำดี ที่ฮิตถล่มทลายทั่วโลกจริงๆ สำหรับแอนิเมชั่น Frozen ที่ออกฉายไปเมื่อปี 2013 และกวาดรายได้ทั่วโลกไปทั้งสิ้น 1,276 ล้านดอลลาร์ จากทุนสร้าง 150 ล้านดอลลาร์ แถมยังคว้ารางวัลออสการ์ในสาขาแอนิเมชั่นยอดเยี่ยม และเพลงประกอบยอดเยี่ยมอีกด้วย แอนิเมชั่น Frozen กลายเป็นนิมิตหมายใหม่ของภาพยนตร์การ์ตูนในเครือ Disney เลยก็ว่าได้ เพราะมีการเล่าเรื่องราวความรักระหว่างพี่น้อง และมีการสอดแทรกความเป็นเพศที่ 3 เข้ามาในหนัง ทำให้เป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้ชมหลายๆ กลุ่มมาก ล่าสุดมีกระแสในโลกออนไลน์ของต่างประเทศพยายามรณรงค์ให้ตัวละคร Elsa มีแฟนสาวจริงๆ ในหนังภาคต่อ Frozen 2 ด้วย โดยมีการติดแฮชแท็ก #GiveElsaAGirlfriend ลงในโลกออนไลน์เพื่อเรียกร้องให้ Disney สร้างเรื่องราวความรักของเธอให้เป็นเพศที่ 3 แบบเปิดเผยไปเลย หลังจากที่แฮชแท็กนี้เริ่มโด่งดัง ก็มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเข้ามาถกเถียงกันอย่างมากมาย เช่นผู้ใช้ทวิตเตอร์ @the_tythompson กล่าวว่า “อันที่จริงแล้วกระแสนี้มันทำให้ฉันแฮปปี้มาก ฉันหวังว่า Disney จะมีตัวละครเกย์ด้วย” และ @findingnemo_fan กล่าวว่า “Disney ควรจะหาแฟนสาวให้ Elsa เพราะเลสเบี้ยนเองก็ต้องการมีเรื่องราวเช่นกัน”…
-
สลดใจ ตำรวจมะกันจับกุมคุณพ่อลงมือฆาตกรรมลูกชาย เหตุเพราะเป็นเกย์!?
เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่านาย Shehada Issa วัย 69 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับในข้อหาฆาตกรรมนาย Amir ลูกชายวัย 29 ปีของตัวเอง เหตุเพราะลูกชายมีรสนิยมทางเพศไม่เหมือนผู้ชายทั่วๆ ไป ตามรายงานบอกว่านาย Issa ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงลอสแองเจลิสจับกุมในที่บ้านพักของเขาโดยมีร่างของลูกชายนอนเสียชีวิตอยู่นอกบ้าน นอกจากนี้ยังพบร่างของแฟนสาวที่เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บเพราะถูกมีดแทงนอนอยู่ในอ่างอาบน้ำภายในบ้านด้วย นาย Issa ให้การกับตำรวจว่า เขายิงลูกชายที่นอกบ้านจริง โดยที่ฝ่ายลูกชายไม่มีอาวุธหรืออุปกรณ์ป้องกันตัวใดๆ เลย โดยอ้างว่าเขาทำไปหลังจากที่เห็นภรรยาของลูกชายนอนเสียชีวิตอยู่ภายในบ้าน แต่ทางด้านสำนักงานอัยการเขต Los Angeles County ได้กล่าวว่าก่อนหน้านี้นาย Issa ได้เคยข่มขู่ว่าจะฆ่าลูกชายของตัวเองเพราะเขาเป็นเกย์ นาย Issa ยังอ้างอีกว่าลูกชายของเขาได้พยายามใช้มีดกับเขาด้วย แต่หลังจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ กลับไม่พบมีดแม้แต่เล่มเดียว ซึ่งโศกนาฏกรรมทั้งหมดนี้อาจจะมีเบื้องหลังอย่างอื่นรวมอยู่ด้วย เพราะนาย Issa อ้างว่าลูกชายเป็นเกย์ แต่เจ้าตัวกลับมีแฟนเป็นผู้หญิง ทำให้น่าจะมีปมอะไรซักอย่างที่มากกว่าการเป็นเกย์เพียงอย่างเดียว ทั้งนี้จะมีการพิจารณาคดีของนาย Issa…
-
อิจแรงมาก!! หนุ่มโพสต์ถึงแฟน แม้จะเปลี่ยนจากชายเป็นหญิง แต่ก็รักจริงไม่เปลี่ยนแปลง
นี่ถือเป็นเรื่องราวความรักที่ทำเอา#เหมียวฟิ้นถึงกับอิจฉาแรงมาก สำหรับเรื่องราวคู่รักของชาย-ชายคู่หนึ่ง ที่แม้กาลเวลาจะผ่านไปเป็นปี จนอีกฝ่ายแปลงร่างกายเป็นผู้หญิง แต่ความรักระหว่างพวกเขาสองคนก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย ยังคงรักเธอไม่เคยเปลี่ยนปายยย โพสต์โดย Aunzerza Anacondaza บน 19 มีนาคม 2016 เรื่องราวที่เหมียวจะหยิบมาเล่าต่อไปนี้ถูกเผยแพร่ผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊ก Aunzerza Anacondaza เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวได้โพสต์ภาพของตัวเองและแฟนสาว โดยเล่าว่าพวกเขาคบกันมาได้ 4 ปีแล้ว และก่อนหน้านี้แฟนของเขาก็เป็นผู้ชายเต็มตัว แต่ความรักของพวกเขาก็ต้องพักเอาไว้ก่อน เพราะอีกฝ่ายขอตัวไปบวชเพื่อศึกษาพระธรรม โดยตกลงกันว่าจะบวชเพียง 1 เดือนเท่านั้น แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายกลับขออยู่ในผ้าเหลืองนานถึง 2 ปี จากนั้นเมื่อสึกออกมาใช้ชีวิตปกติ ทั้งคู่ก็กลับมารักกันเช่นเดิม ดูเหมือนทั้งคู่จะมีความสุขมากกว่าเก่าซะอีก จากนั้นอีกฝ่ายก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากผู้ชายไปเป็นหญิงสาวแบบเต็มตัวและทำงานเป็นนางโชว์ที่ Alcazar พัทยา ทั้งนี้ฝ่ายชายได้เขียนข้อความถึงคนรักของเขาอีกว่า “ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไง เป็นแบบไหน ผู้หญิงหรือผู้ชาย ผมก็จะรักและดูแลเขาตลอดไป” …
-
Mark Hamill เผย Luke Skywalker อาจเป็นเกย์ ขึ้นอยู่กับการตีความของผู้ชมเอง
อย่างที่ J.J. Abrams ได้เคยออกมาบอกก่อนหน้านี้ว่าภาพยนตร์ชุด Star Wars ภาคต่อๆ ไป อาจมีตัวละครรักร่วมเพศรวมอยู่ด้วย และดูเหมือนว่า Mark Hamill ผู้รับบทเป็น Luke Skywalker ก็ยิ่งตอกย้ำว่าทษฎีนี้อาจจะเป็นจริงแน่ๆ เพราะล่าสุดเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา Hamill ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว The Sun เกี่ยวกับตัวละคร Luke Skywalker ว่า อาจจะเป็นเกย์ก็ได้ โดยเขาให้สัมภาษณ์ว่า “ผมว่ามันขึ้นอยู่กับการตีความของผู้ชมเอง ถ้าคุณคิดว่า Luke เป็นเกย์ แน่นอนว่าเขาจะเป็น คุณควรตัดสินจากตัวละคร ไม่ใช่คนที่เขารัก” ตามที่แฟนๆ ได้เห็น Luke ในหนัง เขาแทบจะไม่มีฉากโรแมนติกกับตัวละครหญิงตัวไหนเลยนอกจาก Leia Skywalker ซึ่งก็คือพี่สาวของเขานั่นเอง และเมื่อนักข่าวเล่าให้ Hamill ฟังว่าก่อนหน้านี้ J.J. Abrams ก็เคยออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องตัวละครเกย์ เจ้าตัวก็เลยตอบว่า “แน่นอน! ผมชอบไอเดียนี้มาก” Mark Hamill…
-
8 ข้อสังเกตฮาๆ ที่บอกเราว่า Poe Dameron เป็นเกย์ตัวพ่อแน่นอน (และจะได้กะ Finn ด้วย)!!!
ล่าสุดก็มีข่าวลือกันอย่างหนาหูว่า Star Wars ภาค 8 และ 9 อาจมีตัวละครที่เป็นเพศที่สามเผยตัวออกมาซะแล้ว ทั้งข่าวเกี่ยวกับ ข้อสงสัยของBoyega และคำแถลงการณ์ของผู้กำกับอย่าง JJ.Abrams จึงเกิดเป็นกระแสคาดเดาทฤษฎีต่างๆ มากมายของแฟนๆ ซึ่งก็น่าสนใจทั้งนั้น ซึ่งวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็ได้รวบรวมข้อสังเกตแบบฮาๆ ไม่ซีเรียส ว่า Poe และ Finn สองคู่จิ้นของเรานั้นเปรียบได้กับ Anakin และ Padme จากไตรภาคก่อนเลยทีเดียวนะเออ และนี่ก็คือ 8 ข้อสังเกตเกี่ยวกับ Poe Dameron สุดยอดนักบินของเรา ที่คุณอ่านแล้วจะรู้ว่ามันเป็นความจริง ว่าเขานี่แหละ เกย์รุ่นขุ่นแม่กันเลยทีเดียวนะเออ!!! Anakin และ Padme คู่จิ้นจากภาคก่อน Finn และ Poe คู่จิ้นของภาคนี้ เอิ๊กๆๆๆ 1. Poe Dameron สุดยอดนักบินมือฉมัง ที่เดินทางไปทั่วอวกาศเพื่อหาตัวผู้ชาย!!? ในที่นี้หมายถึง Luke Skywalker นั่นแหละ ฮ่าๆๆ แต่เอาจริงๆ ลองคิดดูสิ…
-
แบบนี้ก็ได้? นายกเทศมนตรีอินโดนีเซียโทษ “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กโตมาเป็นเกย์!?
มีนักวิชาการและนักโภชนาการหลายต่อหลายคนออกมาเตือนผู้ปกครองเกี่ยวกับการป้อนอาหารแก่เด็กเล็กๆ ว่าควรจะกินอาหารที่มีประโยชน์ เช่นการดื่มนมจากอกของแม่หรือทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่ก็ยังคงมีพ่อแม่ชาวอินโดนีเซียบางคนที่ยังคงให้ลูกๆ ของพวกเขากินอาหารกระป๋องหรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ ซึ่งอาหารเหล่านั้นอุดมไปด้วยโซเดียมจำนวนมากและไม่ได้มีสารอาหารอะไรเลย ทางการของอินโดนีเซียจึงได้จัดงานประชุมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แล้วบอกว่า “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กโตมาเป็นเกย์ได้? เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ Takepart ได้รายงานว่า อินโดนีเซียได้มีการจัดงานประชุมการส่งเสริมโภชนาการที่เมือง Tangerang ประเทศอิโดนีเซีย โดยนายกเทศมนตรี Arief Wismansyah ได้ออกมากล่าวว่า “เพื่อที่จะสร้างเด็กชาวอินโดนีเซียที่มีสุขภาพดี ฉลาดและแข็งแรง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การให้พวกเขารับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะการดื่มนมแม่” นายกเทศมนตรี Wismansyah ยังบอกอีกว่าพ่อแม่รุ่นใหม่เอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาหาอาหารที่มีประโยชน์ให้เด็กๆ และให้พวกเขากินแต่นมกระป๋องหรือบำหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งไม่มีคุณค่าทางสารอาหารเท่าไหร่ “ฉะนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมเราถึงมีกลุ่ม LGBT (กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ) มากขึ้น” นอกจากนี้นายกเทศมนตรียังกล่าวอีกว่ากลุ่มเด็กๆ ที่ได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพออาจส่งผลให้พวกเขามีพัฒนาการที่บกพร่องทางร่างกายได้ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ใดๆ ที่จะชี้ชัดว่าการกินอาหารเหล่านั้นมีปัจจัยต่อการเบี่ยงเบนทางเพศ ไม่รู้ว่านายกเทศมนตรีมีความแค้นอะไรกับผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหรือเปล่านะเนี๊ยะ แต่ที่แน่ๆ การให้เด็กๆ กินบะหมี่กึ่งแต่เล็กก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอยู่แล้วล่ะนะ ที่มา takepart
-
อยากให้เธอลอง!! พาเลสเบี้ยนมาพบกับชายแท้ พาเกย์มาพบกับหญิงแท้ ลงเอยด้วย ‘จูบ’
ในยุคสมัยที่มีความเปลี่ยนแปลงมากจนถึงมากที่สุด ซึ่งในเรื่องของเพศทางเลือกในอดีตนั้นถูกปกปิดมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าทั้งฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงที่มีความรู้สึกในด้านความรู้สึกชื่นชอบเพศเดียวกัน ปัจจุบันนี้ก็ได้มีการเปิดกว้างและยอมรับมากขึ้นแล้ว แต่จะว่าไปในเรื่องของความรู้สึกที่ชื่นชอบในเพศเดียวกัน หากให้พวกเขาเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นเลสเบี้ยนหรือเกย์มาพบกับผู้ที่มีเพศเป็นปกติบ้างล่ะ พวกเขาจะรู้สึกแบบไหน!? ก็คงไม่ต่างจากคนทั่วไปนั่นแหละ ก็คือผู้คนธรรมดาเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือความรู้สึกในเรื่องแรงกระตุ้นในเรื่องเพศ ซึ่งหากให้พวกเขามาพบกับเพศที่ตรงกันข้ามแบบนี้ ปฏิกิริยาของพวกเขาก็มีความรู้สึกเขินอายเล็กน้อยถึงปานกลาง ซึ่งในงานนี้ก็ได้เชิญเลสเบี้ยนมาพบกับชายแท้ และเกย์มาพบกับหญิงแท้ เพื่อพิสูจน์ในเรื่องของการจูบ ผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร ลองมาพิสูจน์กันได้ในคลิปทั้งสองด้านล่างเลยจ๊ะ เลสเบี้ยนมาพบกับชายแท้ เกย์มาพบกับหญิงแท้ (บางคนไม่เคยจูบผู้หญิงมาก่อนเลย) ทั้งนี้ จากการที่ได้เห็นปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว พวกเขาก็ยังเหมือนคนทั่วไป เพียงแต่ว่าการจูบกับเพศปกตินั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกถึงอารมณ์ทางด้านเพศหรือมีแรงกระตุ้นเท่าที่ควร แต่ก็ยังมีความรู้สึกดีที่ได้มอบให้กับฝ่ายตรงข้ามนั่นเอง ที่มา : The Human Experiment
-
ชอบหาคู่ออนไลน์จงระวัง!! แก๊งค์มิจฉาชีพในลอนดอน ใช้แอพฯ หาคู่ หลอกเอาเงินคนหาคู่เดท
ในยุคที่เทคโนโลยีล้ำสมัย ทำให้ผู้คนเริ่มหันมาหาคู่ทางโลกออนไลน์กันมากขึ้น อาจจะด้วยหน้าที่การงานที่ทำให้ไม่มีเวลาออกไปเจอผู้คน บวกกับความสะดวกของแอพฯ ที่ช่วยให้เราค้นพบบุคคลที่มีคุณสมบัติตรงตามที่เราต้องการได้มากขึ้น แต่ในข้อดีทั้งหลายย่อมมีข้อเสียแฝงมาล่ะ เพราะมีกลุ่มมิจฉาชีพจ้องจะใช้โอกาสนี้ในการหลอกปล้นคุณได้ง่ายๆ เลยทีเดียว อย่าเช่นเรื่องราวที่เหมียวจะเล่าต่อไปนี้ เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่ามีกลุ่มนักต้มตุ๋น 4 คนในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ใช้แอพฯ หาคู่ที่ชื่อ Grindr เพื่อหลอกนัดเกย์หนุ่ม 2 รายไปออกเดท แต่เมื่อทั้งคู่ไปยังที่นัดหมาย กลับถูกแก๊งค์ต้มตุ๋นใช้มีดจี้เพื่อเอาทรัพย์สินที่พวกเขานำติดตัวไปทั้งหมด โชคดีที่ทั้ง 2 ไม่เป็นอะไร ทางด้านหัวหน้าตำรวจนครบาล Sheree Yates ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “โชคดีที่เหยื่อไม่ได้รับอันตรายร้ายแรง แต่พวกเขาได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจมากเหตุการณ์ดังกล่าวมา” แม้ว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะยังไม่สามารถจับตัวแก๊งค์ต้มตุ๋นดังกล่าวได้ แต่พวกเขาก็ได้ออกติดตามและสืบหาคนร้ายอย่างสุดความสามารถ และเตือนผู้ที่ใช้แอพฯ หาคู่เดท ว่าอย่าประมาทและให้ระมัดระวังตัวให้รัดกุมกว่านี้ด้วย ที่มา metro
-
คู่ชายรักร่วมเพศชาวอเมริกันไม่สามารถแต่งงานกันได้ เพราะพวกเขาเป็น “พ่อ-ลูก” กัน!!!
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกา ได้อนุญาติให้คู่รักที่เป็นเพศเดียวกัน สามารถจดทะเบียนสมรสกันได้ ซึ่งได้กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก และนี่นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ ที่เพศทุกเพศ จะได้รับการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเท่าเทียม แน่นอน เมื่อมีการเปิดกว้างทางกฎหมายเช่นนี้ เหล่าคู่รักร่วมเพศหลายคู่ก็ตั้งใจจะไปจดทะเบียนสมรสกัน คู่รักร่วมเพศ Esposito และ Bosee วัย 78 ปีก็เช่นกัน แต่ทันทีที่พวกเขาไปถึงสำนักงานจดทะเบียน พวกเขาก็ประสบกับปัญหาใหญ่ในทันที พวกเขาไม่สามารถจดทะเบียนได้ เพราะพวกเขาเป็น “พ่อ-ลูก” กัน เมื่อสามปีก่อน พวกเขาสองคนไปจดทะเบียนเป็น พ่อ-ลูกบุญธรรมกัน เพื่อที่หากมีคนใดคนหนึ่งเสียชีวิตไป ผลประโยชน์ที่เหลืออยู่จะได้ตกไปอยู่กับอีกคน และพวกเขาสามารถไปเยี่ยมซึ่งกันและกันเวลาป่วยที่โรงพยาบาลได้ และเมื่อเขายื่นคำร้องขอยกเลิกการเป็นพ่อลูกบุญธรรมกัน ศาลก็ปฏิเสธคำร้อง เพราะพวกเขาไม่มีเหตุผลที่จำเป็นพอที่จะขอยกเลิก คุณ Bosee กล่าวว่า “ย้อนแย้งโดยแท้จริง ตอนนั้นเราคิดว่าการจดทะเบียนเป็นพ่อ-ลูกจะทำให้เราได้ประโยชน์ แต่ตอนนี้มันกลับทำให้เราเสียประโยชน์ซะอย่างงั้น” แหม ก็ตอนนั้นใครมันจะไปรู้ละ ว่ากฎหมายมันจะผ่านได้เร็วขนาดนี้ แต่เอาจริงๆสิทธิ์พ่อลูกก็พอๆกับแต่งงานอ่ะแหละ ไม่ต้องเสียใจไป ^^ ที่มา Metro
-
อิจฉาหนักมาก!! หนุ่มไทยควงแฟนหนุ่มจัดพิธีวิวาห์ที่ประเทศเยอรมนี เอาซะหวานจนน้ำตาลเรียกพี่เลย
เมื่อช่วงต้นปี 2558 เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยได้เห็นภาพถ่ายสุดสวีทของหนุ่มไทย และแฟนหนุ่มชชาวเยอรมันสุดหล่อ ที่กำลังนั่งจับมือกันบนรถไฟฟ้า จนกลายเป็นเรื่องราวที่ถูกแชร์สนั่นบนโลกออนไลน์งานนี้ทำให้ทั้งคู่ได้ออกมาเปิดใจ และเผยเรื่องราวเส้นทางความรักของพวกเขา เมื่อวันที่ วันที่ 30 ตุลาคม 2558 หนุ่มไทยร่างบางนามว่า ‘คุณมอนด์’ ก็ได้เผยภาพงานพิธีวิวาห์สุดหวานกับ ‘ทอร์สตัน’ แฟนหนุ่มสุดหล่อ ที่จัดขึ้น ณ ประเทศเยอรมนี ท่ามกลางบรรยากาศอันชื่นมื่น และแสนอบอุ่นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วจ้า งานนี้เหมียวก็ต้องขอแสดงความยินดีกับคุณมอนด์ และแฟนหนุ่มด้วยนิฮะ ^^ เรียกได้ว่างานนี้ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่ รวมไปถึงสาวเทียมทั้งหลาย ถึงขึ้นต้องอิจฉาตาร้อนหนุ่มไทยร่างบางคนนี้กันเป็นแถวอย่างแน่นอน ก็ดูสิ…รักกันหวานเว่อร์กันขนาดนี้ จะไม่ให้อิจฉาได้ยังไงละเมี๊ยว ที่มา : kapook
-
ความรักสวยงามเสมอ เผยคลิปชายหนุ่มขอแฟนหนุ่มหมั้น กลางรถไฟใต้ดินในปักกิ่ง
ถือเป็นเรื่องราวน่าประทับใจ และน่ายินดีอย่างยิ่งเลยล่ะ สำหรับเรื่องราวของคู่รักเกย์คู่หนึ่งในประเทศจีน ในระหว่างที่พวกเขาเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน จู่ๆ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็หยิบเอาแหวนหมั้นของเขาออกมา และยื่นให้กับแฟนหนุ่ม ท่ามกลางความเซอรไพรซ์ของผู้โดยสารอีกจำนวนมาก เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้เปิดเผยคลิปวิดีโอของชายหนุ่มขณะนั่งคุกเข่าและยื่นแหวนให้แฟนหนุ่มเพื่อขอหมั้น กลางรถไฟใต้ดินที่มีคนพลุกพล่าน จนผู้โดยสารหลายรายอดไม่ได้ ต้องหยิบมือถือขึ้นมาบันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวเอาไว้เลย นับตั้งแต่ปี 1997 ที่ประเทศจีนประกาศให้การรักร่วมเพศนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย และถูกถอดออกจากรายชื่อของอาการผิดปกติทางจิตจากสมาคมจิตแพทย์ ในปี 2001 นี่อาจถือได้ว่าเป็นหนึ่งในความกล้าหาญและสวยงามที่สุดในประเทศจีนเลยก็ว่าได้ หลังจากที่คลิปนี้ถูกแชร์ออกไป ต่างก็มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับทั้งคู่ โดยหลายความเห็นบอกว่านี่คือช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดและทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสวงหาความรักเป็นของตนเอง เหมียวเองก็ขอแสดงความยินดีกับทั้งคู่ด้วยนะ และหวังไว้ว่าทุกคนจะได้เจอความรักดีๆ แบบนี้เช่นกัน ที่มา metro
-
Matt Damon บอกนักแสดงเกย์ไม่ควรเปิดเผยตน เพื่อประโยชน์ของตัวเอง
ปัจจุบัน เพศที่สามกลายเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในสังคม พวกเขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างที่ตนเองอยากเป็นมากขึ้น และคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากเราเห็นคู่รักชาย-ชาย บนเดินบนท้องถนน แต่อย่างไรก็ตามสำหรับ Matt Damon แล้วเขามีความเห็นที่แตกต่างออกจากในเรื่องนี้ โดยเฉพาะกับเหล่าดารา เพราะเขาคิดว่าดาราชาย ไม่ควรเปิดเผยตนเองว่าเป็นเกย์ เพราะนั่นอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของพวกเขาได้ “ผมไม่อยากพูดแบบนี้เลย มันเหมือนโยนเพื่อนตัวเองเข้าไปใต้รถโดยสาร แต่บางครั้ง ผมเคยคิดว่า…คุณรู้จัก Rupert Everett ใช่มั้ย เขาเปิดตัวว่าเขาเป็นเกย์ และผู้ชายคนนี้ที่จริงแล้วเขาหล่อมาก หล่อมากกว่าใครหลายๆคนด้วย แถมเป็นนักแสดงที่เก่ง แต่บางทีที่เขาไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ก็เพราะว่าเขาเปิดตัวว่าเป็นเกย์” “ในฐานะนักแสดง ผมคิดว่าพวกเขาไม่เปิดเผยเรื่อส่วนตัวของพวกเขา โดยเฉพาะเรื่องเพศ ไม่ว่าคุณจะชอบเพศไหน จะเป็นเกย์หรือเปล่า คุณไม่ควรให้คนอื่นรู้ เพราะนั่นคือสิ่งที่คุณควรปิดไว้” เหมียวว่าก็อาจจะจริงอย่างที่เฮียแมตว่าก็ได้ เพราะเราก็ต้องยอมรับว่า อีกหลายคนบนโลก ก็ยังไม่ยอมรับเรื่องเหล่านี้อยู่ดี ฉะนั้นการปิดไว้ มันก็อาจจะดีกว่าก็ได้ แล้วเพื่อนๆละคิดเห็นอย่างไรบ้าง ลองเสนอกันเข้ามาดูนะ ที่มา pinknews
-
ชมความในใจของเหล่าเก้งกวาง ที่มีต่อเพื่อนชายสมัยเด็ก บอกเลยฮาสุดๆ
ปฏิเสธกันไม่ได้ว่า ในสมัยตอนที่ยังเด็กๆ เหล่าเก้งกวางหรือเพศที่สามทั้งหลาย มักจะตกเป็นเป้าให้เพื่อนผู้ชายคนอื่นๆแกล้ง บ้างอาจจะแกล้งเล่นๆด้วยความเป็นเพื่อน แต่อย่างไรก็ถือว่าแกล้งอยู่ดี แต่วันนี้เก้งกวางตอนนั้น กลับต้องมาระบายความในใจ เนื่องจากเพื่อนชายที่เคยแกล้ง เคยล้อเขาสมัยเด็กๆ กลับมีสามีก่อนเขา!?! บอกเลยว่าฮาสุดๆ #ความในใจของตุ๊ดต่อสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน โดย @crossclaus ซึ้งกินใจ อ่านแล้วอิน แฝงอารมณ์ขบขันอย่างลงตัว – บรรณาธิการ pic.twitter.com/Rxdhksfrcw — ค่อนคลุง (@iconnnz) September 2, 2015 ฮ่าๆ จะหักมุมไปไหนเนี่ย ชายได้ชายคือยอดชายจริงๆ ใครเคยมีประสบการณ์แบบนี้ ลองมาเล่าให้เหมียวฟังบ้างนะ ที่มา ค่อนคลุง
-
ชมการแต่งงาน “คู่รักชาย” ที่ขอให้เพื่อนเจ้าสาวแต่งชุดเจ้าสาวแทน!!
โดยปกติแล้วงานแต่งงานจะต้องมีเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่ใส่ชุดแต่งงานที่เพรียบพร้อม แต่ปัจจุบันโลกของเราเปิดกว้างเรื่องเพศเป็นอย่างมาก เราจึงจะเห็นการแต่งงานระหว่างชายรักชาย และหญิงรักหญิงกันมากขึ้น แต่สำหรับ Deri Rogers วัย 28 ปี และ Ben Wood วัย 25 ปี คู่รักชายรักชายจาก Fairwater ได้ปิ๊งไอเดียอยากให้งานแต่งงานมีทั้งชุดเจ้าบ่าวและเจ้าสาว จะให้ผู้ชายใส่ชุดเจ้าสาวมันก็ยังไงอยู่ เขาก็เลยให้เพื่อนๆของเขาที่เป็นผู้หญิง หรือจะเรียกว่าเพื่อนเจ้าสาวก็ได้ ใส่ชุดแต่งงานของผู้หญิง Deri ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เขาต้องการที่จะให้งานแต่งงานสมบูรณ์แบบเหมือนอย่างงานแต่งงานทั่วไปที่เคยเห็น เขาจึงอยากให้มีชุดเจ้าสาวอยู่ด้วย เขาจึงตัดสินใจที่จะให้เพื่อนทั้ง 10 คนใส่ชุดเจ้าสาวทั้งหมดเลย ทั้งคู่ได้พบกันตั้งแต่ปี 2013 แล้วก็ได้หมั้นกันตอนเดือนมกราคมที่ผ่านมา ถือเป็นงานแต่งงานดูดูอบอุ่นและเป็นกันเองเป็นอย่างมาก ยังไงเหมียวก็ขอให้ทั้งคู่มีความสุกมากๆนะจ๊ะ ที่มา boredpanda
-
ชายสองคนเดินจับมือกันเพื่อดูปฏิกิริยาของชาวรัสเซียที่มีต่อ “คู่เกย์”
โลกเรานี้ก็มีมากคนมากความคิด บางคนอาจมีค่านิยมที่ไม่เหมือนกันจนบางครั้งทำให้เกิดอคติต่อเหตุการณ์บางอย่าง ก่อนหน้านี้ที่สหรัฐฯก็ได้มีการประกาศอนุญาติให้กลุ่ม LGBT สามารถแต่งงานกันได้ตามกฎหมาย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมาก คลิปนี้จัดทำโดย ChebuRussiaTV พวกเขาได้ทำการทดลองทางสังคมโดยมีชายสองคนเดินจับมือกัน แกล้งทำเป็นคู่รักชายรักชาย เพื่อดูปฏิกิริยาของคนรัสเซีย ระหว่างที่พวกเขาเดินไป ก็ได้มีคนมองพวกเขามาก บางคนถึงกับด่าและพูดคำไม่ดีออกมา เราไปดูกันว่าวันนี้เขาต้องเจอกับอะไรบ้าง อย่างที่บอกไปว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของใครได้ แต่บางครั้งเราก็ไม่ควรที่จะไปดูถูกหรือพูดคำไม่ใส่กับคนที่มีรสนิยมไม่เหมือนเรา อีกทั้งความรักในปัจจุบันมันไม่มีขอบเขตแล้ว ที่มา ChebuRussiaTV