Tag: เกือบตาย
-
ผวา!! ชายอินเดียจับ “งูเหลือม” พาดบ่าหวังเซลฟี่ แต่ถูกเจ้างูรัดคอเข้าทันใด
ถึงแม้ว่า งู จะเป็นสัตว์ที่หลายๆ คนหวาดกลัว แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่เลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงหรือไม่ก็ชอบนำมาถ่ายรูปลงโซเชียลโชว์เก๋ๆ และแม้ว่างูที่เราสามารถถ่ายรูปด้วยได้จะเป็นงูที่ไม่มีพิษ แต่อาวุธหลักของงูเหล่านี้ก็คือการ “รัด” และนี่จึงเป็นสาเหตุของความน่าใจหายในวันนี้ คลิปวิดีโอชายอินเดียถูกงูเหลือมพยายามรัดคอ ขณะนำมาถ่ายรูป คลิปวิดีโอดังกล่าวถ่ายภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมือง Jalpaiguri ของอินเดีย นาย Sanjay Dutta คือผู้ที่นำงูเหลือมที่ขนาดลำตัวยาวราว 10 เมตรมาพาดไว้บนไหล่และคอเพื่อจะถ่ายรูป แต่เขากลับดูเหมือนจะไม่สามารถควบคุมงูตัวดังกล่าวให้อยู่นิ่งได้ งูเหลือมขนาดมหึมาพยายามจะเลื้อยลำตัวไปรัดคอของนาย Sanjay ท่ามกลางความตื่นตระหนกของผู้ชมโดยรอบ . เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อเจ้างูเหลือมตัวนี้ได้เข้าไปกินแพะของชาวบ้าน นาย Sanjay จึงถูกเรียกให้ไปช่วยนำตัวงูออกมา แต่แทนที่เขาจะนำมันลงกระสอบ เขากลับยกมันขึ้นมาพาดบ่าเพื่อตั้งใจจะถ่ายรูป ทันใดนั้น งูเหลือมตัวดังกล่าวกลับพยายามที่จะพันตัวล้อมรอบ “คอ” ของนาย Sanjay จากคลิปวิดีโอจะเห็นได้ชัดเจนว่านาย Sanjay นั้นพยายามจะเดินออกจากฝูงชนขณะที่ถูกงูรัดคอ ผู้ชมโดยรอบต่างกรีดร้องด้วยความตกใจและพยายามหนี ขณะที่งูเหลือมตัวดังกล่าวก็พยายามจะรัดคอของนาย Sanjay ซึ่งเขาก็พยายามจะจับลำตัวและหางของงู แต่พบว่ามันลื่นจนควบคุมได้ยาก ผู้ช่วยของนาย Sanjay พยายามบอกให้เขารีบจับหางของงูเอาไว้ ซึ่งนาย Sanjay ก็ตกลง เขาจึงโชคดีที่ไม่ได้รับอันตรายใดๆ นอกจากความตื่นกลัวขณะที่จะโดนรัดคอ งูเหลือมตัวขนาดนี้ต้องบอกเลยว่าหากรัดคอขึ้นมาจริงๆ นาย Sanjay คงจากไปอย่างสงบเลยล่ะ… ที่มา: thesun,…
-
ดูไว้อย่าเอาไปทำตาม!! หนุ่มโดดจากรถไฟลงแม่น้ำ หวิดชนพื้นคอนกรีต ห่างไปไม่กี่เซน
เราอาจเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า เพราะเราเกิดมาแค่หนเดียว” อย่างที่ภาษาอังกฤษคือคำว่า YOLO (ย่อมาจาก You Only Live Once) แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่การที่เราต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงเหมือนอย่างชายคนนี้ เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2018 เพจ Brown Cardigan ได้โพสต์คลิปวิดีโอ เผยให้เห็นชายคนดังกล่าวเล่นไม่เข้าท่า โดดลงมาจากหลังคารถไฟ ตกไปในแม่น้ำ หวิดเสาคอนกรีตไปแค่นิดเดียว รถไฟนั้นวิ่งมาด้วยความเร็ว ในขณะที่เขาย่อตัวอยู่บนหลังคาบริเวณท้ายขบวน ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครและขึ้นไปตรงนั้นได้อย่างไร ชายนิรนาม ไม่มีใครทราบว่าเขาขึ้นไปได้อย่างไร จนกระทั่งรถไฟขับมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำ Swan River เมือง Feemantle ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศออสเตรเลีย จู่ๆ ชายหนุ่มก็โดดจากตรงนั้นลงไปในแม่น้ำ กระโดดลงมาแบบไม่คิดชีวิต ด้วยความเร็วของรถไฟ จึงทำให้จังหวะที่เขากระโดดลงมาเอียงไปทางด้านเดียวกับทางที่รถไฟแล่นไป ส่งผลให้เขาลงไปตรงจุดที่ไม่ได้คาดการณ์เอาไว้ ซึ่งหากจากเสาคอนกรีตไปไม่กี่เซนเท่านั้นเอง ความเร็วของรถไฟ ทำให้ตัวเขาปลิวไปตาม . หลังจากนั้นหลายๆ คนก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันไปในหลากหลายทาง บางคนมองว่าเขาเจ๋ง…
-
15 ภาพผู้เกือบข้ามเส้นแบ่งความเป็นความตาย พวกเขาก็เคยตกใจเพราะเกือบตาย แต่ก็ไม่ตาย
อยากรู้กันรึเปล่าว่าไอ้ที่เรียกว่าดวงเนี่ยมันเป็นอย่างไร แม้ว่าหากมองในอีกมุมหนึ่งแล้ว อาจจะต้องบอกว่าคนที่จะเฉียดตายได้นั้นคงเรียกว่าดวงดีไม่ได้เท่าไหร่ แต่จะบอกว่าคนเหล่านั้นไม่มีดวงเลยก็คงไม่ได้ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริง ตอนนี้พวกเขาก็คงจะลงไปนอนในโลงกันแล้ว อย่างน้อยก็ต้องบอกว่าดวงดีในระดับหนึ่งล่ะนะ เรื่องราวในครั้งนี้เป็นการรวบรวมคนที่มี “ดวง” แบบที่กล่าวไปข้างต้น พวกเขาคือเหล่าผู้คนที่เกือบได้ข้ามเส้นแบ่งความเป็นความตาย แต่ก็ยังโชคดีที่สามารถกลับมาเล่าเหตุการณ์ที่เขาพบเจอได้ รอดเพราะเหรียญ “คุณทวดของฉันถูกยิงที่หน้าอกโดยทหารเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โชคดีที่เหรียญในกระเป๋าเสื้อของเขาขวางกระสุนเอาไว้ และช่วยชีวิตเขา คุณอาจจะพูดได้ว่าเขาไม่ต้องการเงินมากเท่าไหร่…เพื่อความอยู่รอด” ขวานบิน ก็ตามที่เห็นในภาพ มีคนบนรถคันหน้าเก็บขวานไม่ดี มันปลิวลงมาใส่รถอีกคัน โชคดีทีคอนโซลหน้ารถ บังร่างคนนั่งไว้พอดี เฉียดหัวไปหน่อยเดียว ต้องบอกว่าโชคดีมากๆ ที่ไม่มีใครนั่งอยู่ที่ข้างคนขับในตอนนั้น รูปร่างนำโชค ต้นไม้ตกลงมาใส่รถแต่โชคดีที่ต้นไม้ที่ว่านั้นไม่ได้เติบโตขึ้นมาตรงๆ เห็นสนิมของตะปูนั่นไหม ตะปูเสียบเข้าไปแค่ในหนังกำพร้า เกือบได้เป็นบาดทะยักแล้วไหม ฉลามกัด รู้หรือไม่ว่าบางครั้งฉลามก็จะมีการ “ลองกัด” เพื่อทดสอบว่ามันจะสามารถกินเหยื่อตัวนั้นๆ ได้หรือไม่ ดูเหมือนคำตอบสำหรับหญิงสาวคนนี้จะเป็น “ไม่” เกือบไปแล้วเจ้าเหมียว คราวนี้ไม่ใช่คนแต่เป็นแมว เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อเจ้าแมวนั้นสีกลมกลืนกับเตาไฟมากจนเจ้าของเกือบจุดไฟเผาแมวตัวเอง ปลอดภัยไว้ก่อน แว่นตานิรภัยป้องกันดวงตาของชายคนนี้จากใบหินขัดที่กระเด็นออกมาจากเครื่องขัดได้อย่างเฉียดฉิว เกือบไปแล้ว ก้อนหินขนาดใหญ่เฉียดผ่านบริเวณที่พักอาศัยของบ้านไร่ในอิตาลี เกือบเป็นอาหารปลา…
-
สองหนุ่มคนเก็บขยะ พบกับ “สายตาอ้อนวอน” ในถังขยะ เลยชุบชีวิตให้มันอีกครั้ง
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคม 2018 เมื่อคนเก็บขยะทั้งสอง Tommy Gewitzke และ Ed Bolton บังเอิญไปเจอเข้ากับสายตาสุดน่ารักที่ส่งมาให้ในตอนที่พวกเขากำลังทำงานอยู่ในเมือง Aylesbury ประเทศอังกฤษ ทั้งคู่ไม่ได้เจอเข้ากับตัวสกังก์หรือว่าแรคคูนอย่างที่คนทั่วไปเจอ เพราะวันนี้พวกเขาได้เจอกับแฮมสเตอร์ตัวจิ๋ววิ่งไปมาในถังขยะใบนั้น พวกเขาจึงไม่รอช้ารีบคว้าเจ้าตัวน้อยขึ้นมาในทันที เจ้าตัวจิ๋วที่คนเก็บขยะทั้งสองบังเอิญไปเจอในถังขยะ ทั้งสองถามตามบ้านต่างๆ ในละแวกนั้นเพื่อหาว่าใครเป็นเจ้าของแฮมสเตอร์ตัวนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่พบ พวกเขาจึงพามันกลับไปที่สำนักงาน Megan Williams พนักงานฝ่ายการตลาดของสภาเขต Aylesbury Vale บอกว่า “สำหรับฉัน นี่คือครั้งแรกที่มีคนเจอสัตว์เลี้ยงในถังขยะ พวกเขารู้สึกยิ่งกว่าตกใจเสียอีก” ชายหนุ่มทั้งสองคนตัดสินใจตั้งชื่อมันว่า Dusty ก่อนที่จะพามันไปอยู่ในบ้านพักชั่วคราวที่ Pets At Home ร้านสัตว์เลี้ยงภายในเมือง คนเก็บขยะผู้ช่วยชีวิตเจ้าหนูเอาไว้ จากนั้นทุกคนก็ช่วยกันตามหาเจ้าของของมัน แล้วในที่สุดพวกเขาก็ได้เจอกับครอบครัวที่แท้จริงของเจ้าแฮมสเตอร์ตัวนี้ที่อธิบายว่า พวกเขาเข้าใจผิดคิดว่ามันตายแล้ว จึงส่งมันไปสู่สุคติโดยการห่อแล้วทิ้งไว้ในถังขยะ แต่ความจริงแล้วเจ้าตัวน้อยมันแค่จำศีลเหมือนอย่างแฮมสเตอร์ป่าทั่วไปเท่านั้นเอง องค์กรคุ้มครองสัตว์ RSPCA เคยอธิบายไว้ว่าแฮมสเตอร์ป่าจะจำศีลในช่วงฤดูหนาว โดยพวกมันจะหลับไปเป็นเวลานานและจะตื่นขึ้นมาเป็นระยะๆ มันจะทำอย่างนี้ต่อเมื่ออุณหภูมิในบ้านลดลง แต่ถ้าให้มันอยู่ที่อุ่นๆ หรือนำมันมาวางไว้บนฝ่ามือรับอุณหภูมิร่างกายของเรา ก็จะทำให้มันตื่นขึ้นจากการจำศีล ในที่สุดมันก็ได้กลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวเดิม…
-
วินาทีชีวิต.. เมื่อนักกายกรรมสาวประสบอุบัติเหตุจนหัวและคอลงมากระแทกพื้นอย่างจัง!!
อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาโดยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน และผลลัพธ์ของมันอาจทำให้เราเกือบต้องเสียชีวิตเลยก็ได้ เช่นเดียวกับเธอคนนี้ที่รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิดหลังจากที่บริเวณศีรษะของเธอตกลงมากระแทกพื้นจากความสูงเกือบ 4 เมตร Sam Panda นักกายกรรมสาวผู้ประสบอุบัติเหตุตกมาจากความสูงเกือบ 4 เมตร เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 26 ตุลาคม 2017 เมื่อนักกายกรรมสาวชาวอเมริกันวัย 26 ปี Sam Panda กำลังทำการแสดงอยู่บนเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ได้เกิดอุบัติเหตุห่วงเหล็กที่เธอกำลังเกาะอยู่หล่นตกลงมาที่พื้นเวทีอย่างแรง นั่นทำให้ศีรษะและคอของเธอได้รับแรงกระแทกเข้าไปเต็มๆ กระดูกบริเวณคอของเธอหักไปหลายแห่ง และไม่สามารถลุกเดินได้เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นกับไขสันหลัง แต่ยังคงขยับแขนขาได้ปกติและรีบพาตัวเธอส่งโรงพยาบาลโดยด่วน คลิปวินาทีเสี่ยงตายของ Sam ที่ตกลงมาระหว่างทำการแสดง จากการสัมภาษณ์เพื่อนของเธอ Olivia Leonie บอกว่า “Sam บอกกับทางผู้จัดแล้วว่าเธอไม่อยากขึ้นไปบนอุปกรณ์ที่ไม่มีความปลอดภัย ฝ่ายนั้นจึงให้คนนอกเข้ามาตรวจเช็คดูเพื่อยืนยันว่ามันปลอดภัยจริงๆ” แต่สุดท้ายก็เห็นแล้วว่ามันไม่ได้ปลอดภัยเลย ศีรษะของเธอกระแทกกับพื้นเข้าอย่างจัง เธอล้มลงไปนอนแต่ยังมีสติ เพียงแค่ไม่สามารถลุกขึ้นมาเดินได้ หัวของเธอแตกเย็บไป 8 เข็ม และช่วงคอของเธอก็ได้รับการใส่เฝือกเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือบริเวณไขสันหลังของเธอที่มีความเสียหายหลายจุด ซึ่งถ้าหากไม่ได้รับการรักษาโดยด่วนในเรื่องนี้เธออาจต้องพิการเดินไม่ได้ไปตลอดชีวิต หากเธอเดินไม่ได้ก็เท่ากับเธอต้องจบอาชีพที่เธอรักในการเป็นนักกายกรรมที่เธอทำมากว่า…
-
นักแสดงหนุ่มเกือบโดนยิงตาย เพราะถ่ายหนังฉากปล้นธนาคารแต่ไม่ได้แจ้งให้ตำรวจรู้!?
ในการถ่ายทำละครหรือหนัง หากต้องใช้สถานที่สาธารณะหรือมีฉากเกี่ยวข้องความรุนแรง ทีมงานควรตรวจสอบให้มั่นใจว่าได้มีการประสานกับคนในพื้นที่รวมทั้งเจ้าหน้าที่แล้วเรียบร้อย เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด เหมือนกับการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ที่ทำเอานักแสดงเกือบถูกตำรวจยิงตาย หลังถ่ายทำฉากปล้นธนาคาร แต่ไม่ได้แจ้งให้ตำรวจรู้ล่วงหน้าก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจในเมือง Crawfordsville ได้ยิง Jeff Duff นักแสดงที่สวมหมวกโม่ง หลังได้รับแจ้งว่ามีการโจรกรรมที่บริษัท Back Step Brewing ในคลิปจะเห็น Duff ถือปืนปลอมในมือแล้วค่อยๆ ถอยออกมาจากอาคาร ซึ่งเป็นฉากหนึ่งในการปล้นธนาคาร ขณะนั้นตำรวจมาถึงพอดีและได้สั่งให้เขาวางปืนลง ก่อนจะยิงปืนใส่เขา แต่โชคดีที่ตำรวจยิงพลาด นักแสดงหนุ่มจึงรีบตะโกนบอกตำรวจว่า “เรากำลังถ่ายทำหนังอยู่ ผมไม่ได้โกหกนะ!!” หลังจากที่นาทีระทึกนี้ผ่านไป Phillip Demoret นักแสดงอีกคนเล่าว่า “กระสุนเฉียดหัวเขาไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น มันใกล้มากๆ ผมไม่อยากคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ากระสุนโดนเขาจริงๆ” ต่อมา Kodi Swank เจ้าของ Montgomery County Production ที่ถ่ายทำหนังดังกล่าวได้ออกมาแถลงว่า “จากเหตุการณ์นี้เราได้รับบทเรียนที่สำคัญ 2 เรื่องคือ การทำงานของเรามีคุณภาพต่ำ และกรมตำรวจมีการปฏิบัติหน้าที่อย่างรวดเร็ว” “เราต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างดีเยี่ยม แม้ว่านั่นจะเป็นการเข้าใจผิดก็ตาม และต้องขออภัยที่ทางเราไม่ได้มีการประสานงานให้ดี ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาบอกว่า “ปืนที่นักแสดง Duff เป็นปืนปลอมที่ใช้ในการถ่ายทำหนัง แต่ทางทีมงานไม่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ถ่ายทำให้พื้นที่สาธารณะ”…
-
สาวจีนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นว่านหางจระเข้ โชว์กินพืชมีพิษให้ดูสดๆ จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด!!
ว่านหางจระเข้สามารถใช้รักษาร่างกายได้ทั้งภายนอกและภายในร่างกาย อย่างเช่นนำมาใช้ในการรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกสำหรับภายนอก ส่วนภายในใช้รักษาโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารโดยการทานส่วนที่เป็นวุ้น แต่ก็ใช่ว่าจะทานสุ่มสี่สุ่มห้าได้ เพราะว่านหางจระเข้มีหลายชนิดทั้งกินได้และกินไม่ได้ ทานมั่วๆ อาจเป็นอัตรายถึงชีวิตได้ เหมือนกับ Zhang สาวจีนวัย 26 ปีคนที่ ที่ทำการไลฟ์โชว์กินว่านหางจระเข้สดๆ จนสุดท้ายเกือบเอาชีวิตตัวเองไม่รอด จากการที่ Zhang ได้โชว์กินว่านหางจระเข้แบบสดๆ ไปนั้น เพราะเธอเข้าใจว่ามันเป็นพืชธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ยิ่งกินสดยิ่งให้ผลลัพธ์ที่ดี ในคลิปจะเห็นว่า หลังจากที่กินว่านหางจระเข้คำแรก เธอบอกว่า “อื้มม มันดีมากเลยค่ะ” แต่พอกินคำที่สองเธอเริ่มรู้สึกว่ามันแปลกๆ ก็เริ่มพูดกับกล้องว่า “หืออ ขมมากเลยอะ ยิ่งกินก็ยิ่งรู้สึกขม” เมื่อดูดีๆ ปรากฏว่าสิ่งที่เธอกำลังกินนั้นไม่ใช่ว่านหางจระเข้ แต่กลับกลายเป็น Agave Americana พืชมีพิษจากเม็กซิโกที่ไม่สามารถทานได้ Zhang บอกว่าจากการกินคำแรกก็ทำให้รู้สึกปากชาไปหมด และมีอาการร้อนในลำคอเหมือนถูกไฟไหม้ยังไงอย่างงั้น… ภายหลังเธอถูกหามส่งโรงพยาบาล คุณหมอบอกว่า Zhang มีผื่นขึ้นตามตัวและมีแผลพุพอง คุณหมอจำเป็นต้องดูดเอาพืชมีพิษที่อยู่ในส่วนท้องของเธอออกมา เพื่อช่วยชีวิตเธอเอาไว้… จนในที่สุดเธอพ้นก็ขีดอันตราย เอาเป็นว่า ถ้าเจอพืชอะไรแปลกๆ ก็อย่าไปกินสุ่มสี่สุ่มห้าจะดีกว่านะ ที่มา shanghaiist
-
อุทาหรณ์…จากแมวนิสัยร่าเริงจู่ๆ ก็ซึมลง เพราะกลืน ‘ที่รัดผม’ เข้าไป จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด!!
นี่คือ Ollie เจ้าเหมียวผู้น่ารัก ทาสของมันรับมาเลี้ยงตั้งแต่เด็กๆ เจ้า Ollie เป็นแมวที่มีนิสัยร่าเริงมากจนมาวันหนึ่งจู่ๆ มันก็เริ่มมีอาการซึมๆ นอนนิ่งไม่ยอมทำอะไรเลย แถมเอาอะไรให้กินก็ไม่กินอีกต่างหาก แน่นอนว่าทาสของมันก็ไม่นิ่งนอนใจรีบพาไปหาหมอที่คลินิคสัตว์ฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน จากการตรวจเลือดและเอ็กซ์เรย์ เจ้าหน้าที่ก็พบว่ามีสิ่งแปลกปลอมคล้ายกับวัสดุแข็งๆ อยู่ในท้องและลำไส้ของมัน เจ้าหน้าที่บอกว่าเจ้า Ollie ต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นมันอาจจะไม่มีชีวิตรอดก็เป็นได้ ขณะเดียวกันมันก็มีโอกาสที่จะเสียชีวิตจากการผ่าตัดด้วยเช่นกัน และด้วยค่าใช้จ่ายที่มากถึง 135,000 บาท กับเจ้าทาสที่กำลังเรียนอยู่ในชั้นมหาวิทยาลัย ทำให้เขาแทบจะหมดหวังไปแล้ว แต่แล้วเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ก็ได้แนะนำให้เขารู้จักกับเว็บไซต์ Care Credit ที่เป็นเว็บไซต์สำหรับการระดมทุนหาค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว หรือสัตว์เลี้ยง เขารีบทำการสมัครและประกาศเรี่ยไรเงินเพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดเจ้า Ollie ในทันที และในที่สุดมันก็ได้เข้ารับการผ่าตัด หลังจากการผ่าตัดก็ทำให้ทราบว่าสิ่งที่อยู่ในท้องของมันก็คือ ‘ที่รัดผม’ ของเขาเอง ปรากฏว่าเจ้า Ollie กินที่รัดผมเข้าไปเป็นจำนวนมาก และมันเข้าไปติดอยู่ในลำไส้จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด “หลายครั้งที่ผมเห็นมันเคี้ยวที่รัดผมของผม ซึ่งทุกครั้งผมก็จะดุมันไปแต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะกลืนเข้าไปเป็นจำนวนมากขนาดนี้” ทาสของเจ้า Ollie เล่า หลังจากการผ่าตัดเจ้า Ollie ก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แถมยังขี้อ้อนยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย ก็หวังเรื่องราวในครั้งนี้จะเป็นอุทาหรณ์สอนใจเหล่าทาสทั้งหลายว่าให้เก็บสิ่งของจำพวกหนังยาง ที่รัดผม…
-
12 ดาราดังผู้ได้รับผลกระทบแย่เกินจะบรรยาย จากชุดคอสตูมที่พวกเขาต้องใส่แสดงภาพยนตร์
สำหรับการแสดงแล้วนอกจากตัวนักแสดง บทและสเปเชี่ยลเอฟเฟคต่างๆ ที่ใช้ประกอบในภาพยนตร์ คอสตูม ของตัวละครก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เช่นกัน แต่เราจะรู้กันไหมว่าคอสตูมบางชุด ก็สร้างผลกระทบที่ไม่ดีให้กับนักแสดงเช่นกัน บางคนถึงกับเสียชีวิตเลยก็มี ฉะนั้นเราเลยจะไปดูเรื่องราวของคอสตูมที่สร้างผลกระทบอันร้ายแรงให้กับนักแสดง แต่ละคนต้องอดทนจากความเจ็บปวดเหล่านั้นอย่างไรบ้าง? 1. Jennifer Lawrence ได้รับสารพิษสะสมจนเกิดเป็นสิวและแผลพุพองทั่วทั้งตัว จากเมคอัพที่เธอแสดงเป็นมิสทีคใน X-Men ภาคต่างๆ ซึ่งเราก็รู้กันดีว่าบทนี้จะมีตัวสีฟ้าทั้งตัวและมีเกล็ดตามร่างกาย 2. Buddy Ebsen ในปี 1939 เขาได้รับบทเป็น Tin Man ในเรื่อง The Wizard of Oz จนภายหลัง Jack Haley มารับบทนี้แทนเขา ส่วนสาเหตุที่เปลี่ยนคนแสดงเพราะ การที่เขารับบทนี้จำเป็นจะต้องทาตัวให้มีสีเงินด้วยผงอลูมิเนียม แต่หลังจากรับบทนี้ไปได้ 9 วันเขาก็ล้มป่วยทันที 3. Margaret Hamilton จากเรื่อง The Wizard of Oz เช่นเดียวกัน โดยเธอรับบทเป็นแม่มดภายในเรื่อง และบทนี้เธอจะต้องทาตัวสีเขียว จนเธอได้เข้าถ่ายฉากหนึ่งที่ต้องหนีผ่านประตูกลและไฟ ซึ่งถ้าตามเนื้อเรื่องเธอสามารถหลบหนีไปได้อย่างปลอดภัย แต่ทว่าสีเขียวที่เธอทาอยู่บนตัวนั้นไวต่อไฟ ทำให้ผิวของเธอถูกไฟคลอก และต้องไปนอนซมอยู่ในโรงพยาบาลนานหลายวัน…
-
คู่รักรอรับลูกที่หน้าโรงเรียน จู่ๆ ก็พบ ‘ทารกเพียงพอน’ แอบอยู่ใต้กระโปรงรถหลายตัวเลย!!
คู่รักในรัฐ Washington กำลังนั่งชิลๆ อยู่ในรถ เพื่อรอรับลูกๆ ที่โรงเรียนอยู่ จู่ๆ ก็ไปเจอเข้ากับลูกของตัว ‘เพียงพอน’ กำลังส่งเสียงร้องเสียงดังในส่วนเครื่องยนต์ของรถ กลายเป็นว่าเจ้าแม่เพียงพอนพันธุ์หางสั้นมาคลอดลูกในส่วนเครื่องยนต์รถของพวกเขา แล้วพอสตาร์ทรถออกไปรับลูกตัวแม่ของมันก็ตกใจคาบลูกตัวหนึ่งวิ่งหนีหายออกไปในสนามหญ้าหน้าบ้านและไม่เจออีกเลย ทิ้งลูกอีก 4 ตัวเอาไว้อย่างช่วยไม่ได้ คู่รักตัดสินใจเปิดฝากระโปรงรถออกมา และก็พบว่ามีลูกเพียงพอนนอนอยู่ในนั้นถึง 4 ตัว และมีตัวหนึ่งที่มีขนาดตัวเล็กกว่าตัวอื่นๆ จากนั้นพวกเขาก็รีบติดต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่าที่ศูนย์ Squirrel Refuge เพื่อขอความช่วยเหลือ และในที่สุดพวกมันก็มาถึงมือของเจ้าหน้าที่ และคุณ Jasmine Fletcher Glaze ผู้ให้การช่วยเหลือเหล่าทารกเพียงพอนทั้ง 4 ตัวนี้ก็อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจว่า “มันสุดยอดมากๆ พวกมันยังมีอายุยังไม่กี่วันเท่านั้น แต่ละตัวก็มีน้ำหนักไม่ถึง 10 กรัมด้วยซ้ำ” แต่ละตัวจะต้องได้รับการป้อนอาหารอย่างสม่ำเสมอทุกๆ สองชั่วโมง จนในที่สุดพวกมันก็ปลอดภัยดีและค่อยๆ แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ จนตาของพวกมันเปิดออกมาและสามารถทานอาหารเองได้บ้างแล้ว นอกจากนี้คุณ Jasmine ยังเล่าอีกว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ปกติเลยที่สัตว์ป่าอย่างกระรอก หรือเพียงพอน จะเข้าไปทำรังในส่วนเครื่องยนต์รถ พร้อมกับให้คำแนะนำสำหรับชาวเมืองที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ…
-
เรื่องราวของเจ้าลาผู้ถูกใช้งานเกือบสิ้นชีวา แต่ยังไม่สิ้นบุญเพราะมีคนมาช่วยเหลือได้ทัน…
เราทุกคนคงทราบดีอยู่แล้วว่า ลา เป็นสัตว์ที่ใกล้เคียงกับม้า แต่ด้วยความฉลาดของมันที่มีน้อยกว่า เลยทำให้มันถูกนำมาใช้แรงงานตั้งแต่สมัยอดีตกาล การนำสัตว์มาช่วยเบาแรงก็ถือเป็นเรื่องดีอยู่หรอก แต่ยกเว้นในกรณีที่สัตว์ตัวนั้นถูกใช้งานอย่างหนักจนเกือบตาย อย่างเช่นกรณีของเจ้าลา จากประเทศสเปนตัวนี้ ภาพที่ถูกแชร์ต่อไปทั่วโซเชียล เจ้าลาผู้ลากเกวียนอย่างหนัก จนร่างกายทนไม่ไหวล้มพับลงไปต่อหน้าเจ้าของ จากเหตุการณ์อันน่าสงสารที่เกิดขึ้นกับเจ้าลา ทำให้มีพลเมืองดีคนหนึ่งรีบแจ้งเรื่องราวนี้ไปยังองค์กรช่วยเหลือสัตว์ ที่ประจำอยู่ในประเทศสเปน ‘เป็นเรื่องน่าผิดหวังที่เรายังได้เห็นมนุษย์ ใช้แรงงานสัตว์อย่างหนัก และไม่มีการดูแลพวกมันให้ดีพอตามที่ควรจะเป็น และถือเป็นหน้าที่ของเรา ที่จะช่วยทำให้ปัญหานี้หมดไป’ Veronica Sanchez จากองค์กรดังกล่าวให้สัมภาษณ์ ภาพของลาผู้อาภัพ และเจ้าของเก่าของมัน ถึงแม้ว่าองค์กรช่วยเหลือสัตว์จะยื่นเรื่องนี้ไปยังกรมตำรวจ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เข้ามาช่วยเหลือดูแลปัญหาในส่วนนี้ แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ ทำให้มีการเริ่มต้นที่จะสร้างแคมเปญด้วยตนเองบนเว็บไซต์ Change.Org ซึ่งหลังจากผ่านไปเพียง 13 ชั่วโมง ก็มีชาวเน็ตมากกว่า 12,000 คน เข้ามาร่วมลงชื่อสนับสนุน โดยแคมเปญนี้เป็นการเรียกร้องให้มีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ภาครัฐ เข้ามาช่วยเหลือลาผู้โชคร้าย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ทีมช่วยเหลือจากภาครัฐก็ได้เข้ามาดูอาการเจ้าลาตัวดังกล่าว พวกเขาวินิจฉัยและพบว่ามันต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร่งด่วน เนื่องจากเจ้าลาต้องอยู่ในภาวะขาดสารอาหาร ติดเชื้อตรงบริเวณกีบเท้า และมีแผลบนลำตัวมากมาย ที่เกิดจากการใช้แรงงานอย่างหนักหน่วง …
-
คุณลุงชาวจีนเมาจัด ยัดปลาเป็นๆ 2 ตัวเข้าไปในรูทวาร ดุกดิ๊กภายในจนเกือบไม่รอด!!
เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตกใจให้กับโรงพยาบาลขึ้นเมื่อ คุณลุงในประเทศจีนถูกพามายังโรงพยาบาล หลังจากที่จับปลาเป็นๆ ยัดเข้าไปในรูทวาร หลังดื่มหนักมากเกินไป ซึ่งภายในนั้นก็คือปลาหมู (Pond loach) 2 ตัว กำลังแหวกว่ายอยู่ในลำไส้ของเขา มีตัวหนึ่งว่ายทะลุผ่านผนังลำไส้ จนทำให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงให้กับผู้ป่วย คุณหมอในเมือง Guangzhou ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีน ได้ทำการผ่าตัดเพื่อนำเจ้าปลาสองตัวออกมาได้สำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้นผู้ป่วยก็ยังคงต้องนอนอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรอดูอาการอย่างใกล้ชิด ภาพการเอกซเรย์ภายใน ตามรายงานเล่าว่าเมื่อวันที่ 10 มีนาคมทีผ่านมาชายวัย 45 ปี ดื่มเหล้าจนเมาแอ๋ และก็นึกสนุกขึ้นมาเอาปลามายัดเข้าไปในรูทวารด้วยตัวเอง ในวันต่อมาก็ถูกพาตัวไปที่โรงพยาบาลในเครือของมหาวิทยาลัย Jinan University เพราะมีอาการไข้ขึ้นสูง ความดันเลือดต่ำ และอาการปวดท้องอย่างรุนแรง เพราะว่าเจ้าปลาหมูเจ้ากรรมสองตัวได้อาศัยอยู่ในร่างกายของเขามานานมากกว่า 24 ชั่วโมง หลังจากที่ศัลยแพทย์ทำการตรวจสอบร่างกายของผู้ป่วยด้วยการฉายรังสีเอ็กซ์ในช่องท้องก็ต้องประหลาดใจเป็นอย่างมาก ปลาหมู (Pond loach) ผู้ป่วยถูกวินิจฉัยว่าอาการทั้งหมดนี้เกิดจากอาการลำไส้ฉีกขาด และมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการช็อคเนื่องจากติดเชื้อ จนในที่สุดศัลยแพทย์ก็สามารถนำเจ้าปลาตัวแรกออกมาได้ ซึ่งมีความยาวมากกว่า 15 เซนติเมตรเลยทีเดียว!! แต่ตัวที่สองศัลยแพทย์ไม่สามารถหาตำแหน่งของมันได้ จึงต้องเริ่มจากการหาตำแหน่งของแผลที่ลำไส้ซะก่อน จากนั้นไม่นานก็พบตัวที่สองที่ว่ายลึกเข้าไปอยู่ในบริเวณหน้าท้องด้านบนซ้ายของผู้ป่วย ซึ่งตัวที่สองนี้มีความยาวเพียงแค่ 10 เซนติเมตรเท่านั้นเอง คุณหมอบอกว่าเขาอาจจะเสียชีวิตได้เลยหากเจ้าปลาตัวนี้ว่ายขึ้นไปถึงอวัยวะส่วนด้านบน…
-
คลิปนาทีชีวิต พลเมืองดีร่วมกันช่วย ‘เด็กน้อย’ เกือบตายเพราะคลื่นใหญ่ซัด พ่อแม่ได้แต่ยืนมอง…
เกือบจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมกันเลยทีเดียว สำหรับครอบครัวนักท่องเที่ยวครอบครัวหนึ่ง เมื่อลูกชายของพวกเขาถูกคลื่นซัดจนเกือบจมน้ำตาย โชคดีที่มีพลเมืองดี พุ่งเข้าไปช่วยไว้ได้ทัน เรื่องราวเกิดขึ้นบนเกาะฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา คู่สามีภรรยานักท่องเที่ยวคู่หนึ่งกำลังยืนอยู่บนชายหาด คอยดูลูกชายที่กำลังเล่นน้ำอย่างมีความสุข ด้วยความที่ช่วงนี้คลื่นลมแรงเป็นพิเศษ ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็สังเกตเห็นว่าคลื่นลมเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาจึงพยายามสั่งให้ลูกชายรีบเดินขึ้นมา แต่ไม่ทันการ ลูกชายของพวกเขาถูกคลื่นซัดเข้าไปเต็มแรง จนต้องตะเกียดตะกายเพื่อเอาชีวิตรอด พวกเขาจึงรีบวิ่งเข้าไปหาในทันที โชคร้าย ดูเหมือนว่าคลื่นจะแรงจนทำให้การวิ่งเข้าไปหาลูกชาย เป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง ทันใดนั้น เองมีชายคนหนึ่งวิ่งมาจากข้างหลัง แล้วพุ่งเข้าไปหาเด็กชายด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็มีชายอีกสองคนวิ่งลงไปช่วยด้วยเช่นกัน หลังจากพยายามอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดพวกเขาก็ช่วยเด็กชายขึ้นมาได้สำเร็จ ลองไปชมคลิปเหตุการณ์กันดีกว่า ลองมาดูฝั่งของผู้ชมที่ได้เห็นคลิปนี้บ้าง… เมื่อชาวเน็ตได้เห็นคลิปดังกล่าว ก็ได้แสดงความเห็นเข้ามากันอย่างมากมาย “พระเจ้า เด็กคนนั้นโครตโชคดี พ่อแม่ของเขาต้องโง่ขนาดไหน ถึงปล่อยให้ลูกเล่นน้ำท่ามกลางพายุแบบนี้” “ถามจริง ใครสอนให้เล่นน้ำท่ามกลางพายุเฮอริเคน ปัญญาอ่อนมากๆ โชคดีที่รอดชีวิต” “พ่อของเด็กเอาแต่ตะโกนบอกให้ออกมา ขณะที่ทุกคนเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเหลือ เขาแทบไม่ทำอะไรเลย แถมยังวิ่งหนีอีกต่างหาก” หวังว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งบทเรียนดีๆ ของการดูแลลูกในสถานที่ต่างๆ เพราะธรรมชาตินั้นยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์เรามากนัก และอาจจะเกิดเหตุเศร้าได้แบบที่เราไม่เตรียมใจเลยล่ะ ดีนะที่คราวนี้ยังรอดมาได้… ที่มา mirror
-
ภัยที่แฝงในปาก ‘หมา-แมว’ คุณยายวัย 70 เกือบเอาชีวิตไม่รอด หลังโดนเลียหน้า
สำหรับเหล่าทาสหมาทาสแมวทั้งหลาย มักจะแสดงความรักกับน้องหมาน้องแมวของตัวเองบ่อยๆ ไม่ว่าจะด้วยการกอดหอม หรือจุ๊บเบาๆ จนหลีกเลี่ยงการเลียของพวกมันไม่ได้เลย แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่าการปล่อยให้สุนัขหรือแมวเลียหน้านั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีนักหรอกนะ เพราะว่าในน้ำลายของพวกมันนั้น อาจจะมีเชื้อแบคทีเรียที่สามารถส่งผลกับร่างกายของเราได้ อย่างเช่นในข่าวนี้… เว็บไซต์ Daily Mail เผยเรื่องราวของคุณยายชาวอังกฤษวัย 70 ปี ที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หลังจากพบว่ามีอาการล้มพับหมดสติไป พอเข้าไปรักษาตัวก็พบว่ามีอาการสับสน ปวดหัว ไข้สูง ท้องเสีย ไตเริ่มลดการทำงาน และติดเชื้อในกระแสเลือดอีกด้วย หลังจากตรวจสอบประวัติก็พบว่า เธอเลี้ยงสุนัขพันธุ์ Italian Greyhound จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบรอยแผลถูกข่วน ถูกกัด แต่อย่างใด จึงคาดว่าน่าจะมีการติดเชื้อจากเชื้อโรคในน้ำลายสุนัข และจากผลการตรวจเลือดของเธอก็พบว่ามีเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Capnocytophaga canimorsus ที่มักจะพบในปากของมะหมาและเจ้าเหมียวทั้งหลาย ซึ่งมันสามารถเกิดขึ้นได้กับคนที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันต่ำ การติดเชื้อนี้จะเกิดขึ้นบริเวณเนื้อเยื่ออ่อน อย่างเช่น เหงือก ตา เป็นต้น โชคดีที่คุณยายรอดมาได้ แต่ต้องใช้ระยะเวลารักษาตัวนานถึง 1 เดือนเต็มเลยทีเดียว!! เพราะฉะนั้นใครรู้ตัวว่าตัวเองมีปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกันก็อย่าปล่อยให้น้องหมาและน้องแมวเลียหน้ากันด้วยนะจ๊ะ ^^ ที่มา :…
-
หญิงสาวเก็บ ‘แมวตาติดเชื้อ’ จากข้างถนน สภาพแทบดูไม่ได้ แต่เธอก็รักษาและดูแลมัน
คอนเท้นท์นี้มีภาพรุนแรงสะเทือนใจหน่อยนะจ๊ะ #จ่าสิบเหมียว ขอเตือนไว้ก่อนเลย…เอาจริงๆ นะ ถ้าเราเจอเจ้าเหมียวน้อยตัวหนึ่ง หน้าตาหน้ากลัวมากๆ มีดวงตาปูดโปนออกมาจากเบ้าอย่างกับออกมาจากในหนังสยองขวัญ เราจะเข้าไปช่วยมันรึเปล่า?? เรื่องราวสุดมหัศจรรย์นี้เกิดขึ้นกับชีวิตของเจ้า Braille แมวเหมียวอายุได้ 7 สัปดาห์เศษ ที่ถึงจะไม่ได้มีหน้าตาและรูปร่างที่น่ารักเหมือนเจ้าเหมียวตัวอื่นๆ ในวัยเดียวกันกับมัน ซ้ำร้ายยังติดเชื้อที่ดวงตาอย่างหนักจนปูดโปนออกมาราวกับปีศาจจากภาพยนตร์ แน่นอนว่าไม่มีใครต้องการมัน และมันถูกทิ้งให้เผชิญชะตากรรมแบบลำพังอยู่ข้างถนน… เจ้า Braille Erin Signor และ Sara Konnecke สองสาวผู้ใจดีที่ไปพบมัน รับมันมารักษาและเลี้ยงดูราวกับให้ชีวิตใหม่ หลังจากที่เจอเจ้าเหมียวพวกเธอก็พาไป Animal Care and Control Team แห่ง Philadelphia ทันที (สถานที่แห่งนี้เป็นที่ทำงานของ Sara อยู่แล้วด้วย) ตาข้างหนึ่งของเจ้าเหมียวถูกกระแทกอย่างแรงและปิดสนิทโดยสมบูรณ์ ส่วนอีกข้างนั้นลูกตามีอาการติดเชื้อจนเหมือนว่าจะแตกระเบิดออกมาจากเบ้า สภาพที่เจอเจ้าเหมียวเคราะห์ร้ายในครั้งแรก…#จ่าสิบเหมียว ต้องออกโรงขออภัยไว้ก่อนเลยนะจ๊ะ ว่ารูปมันดูรุนแรงไป… 3 2 1 พร้อมแล้วชม… แต่นี่คือสภาพจริงๆ ที่เจอแบบไม่ตัดต่อตัดแต่งใดๆ ทั้งสิ้น กระนั้นทางศูนย์ดูแลสัตว์ก็บอกว่าอาการของเจ้าเหมียวนั้นมันหนักเกินไปและให้ทั้งสองสาวทำใจไว้เถอะ เพราะมันจะต้องตายแน่นอน แต่พวกเธอก็ไม่ได้ยอมแพ้ นำมันมารักษา และดูแลอย่างเต็มที่…
-
เรื่องราวของเจ้าเหมียวที่ถูกรถชนปางตายจนกรามหัก คนใจดีพาไปรักษา จนมันได้ชีวิตและครอบครัวใหม่…
ก่อนอื่นเลยก็คงต้องขอแสดงความยินดีกับเจ้าเหมียวด้วยนะเนี่ย ที่เจอคนใจดีรักษาแกและแน่นอนว่าปาฏิหาริย์นี้ที่เกิดขึ้นกับชีวิตมันล่ะ ปีที่แล้ว เจ้าเหมียว Duchess ถูกรถชนจนกรามหัก มีคนใจดีนำมันไปส่งที่ Adobe Animal Hospital ในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่นั่นมันได้รับการรักษาอย่างดี คุณหมอ Meyer รักษากรามของมันที่แตกละเอียดจากการถูกรถชน โอกาสรอดของเจ้าเหมียวมีน้อยมากๆ แต่เพียง 1 เดือนอาการของมันก็ดีขึ้น ต้องให้ยาและอาหารทางหลอดทั้งเดือนกันเลย แต่สุดท้ายมันก็หาย และแน่นอนว่าราวกับได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง และข่าวดีที่สุดของมันก็คือ พอรักษาเสร็จด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจของมัน ก็มีคนใจดีถูกชะตาและรับไปเลี้ยงทันที ในที่สุดแกก็หมดเคราะห์ซะทีนะเจ้าเหมียว แถมยังได้ครอบครัวใหม่อีกด้วย พวกเราก็ได้แต่หวังว่าจะมีความสุขมากๆ กับบ้านหลังใหม่นะจ๊ะ ที่มา: Boredpanda
-
หนุ่มอยากหุ่นดี อัดยาช่วยเบิร์น จนร่างกายร้อนถึง 42 องศาเข้าไอซียู ต้องตัดกล้ามเนื้อทิ้ง!!
ช่วงนี้เทรนด์การออกกำลังกายกำลังมาแรง ใครๆ ก็ล้วนอยากมีร่างกายที่กำยำหล่อเหลา แน่นอน ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ พวกเขาต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ เพื่อให้ได้มาซึ่งหุ่นที่พวกเขาต้องการ แต่บางคนกลับต้องการทางลัด และทางลัดนั้นเอง เกือบนำความตายมาสู่เขา ดังเช่นหนุ่มคนนี้ เขามีชื่อว่า Lewis Brown วัย 25 ปี เขาเริ่มออกกำลังกายเมื่อ 5 ปีก่อน และต่อมาเขากลายเป็นคนที่เสพติดการออกกำลังกาย เขาเริ่มกินยาสเตียรอยด์เพื่อให้ได้ร่างกายที่กำยำยิ่งขึ้น ต่อมาสเตียรอยด์เริ่มให้ผลไม่ทันใจเขา เขาจึงเริ่มกินยาช่วยเบิร์นไขมัน DNP เพื่อที่เขาจะได้ลดไขมันได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ยิ่งไขมันน้อยเท่าไหร่ กล้ามเนื้อของเขาก็จะยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ด้วยความไม่รู้หรือว่าการเสพติดการออกกำลังกายบังตา ทำให้เขากินยาช่วยเบิร์นนี่ไปถึง 8 เม็ดในวันเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นคือ อุณหภูมิในร่างกายของเขาพุ่งสูงไปถึง 42 องศาเซลเซียส แพทย์ต้องนำเขาเข้าห้องฉุกเฉินโดยด่วน พร้อมทั้งห่อน้ำแข็งเพื่อลดอุณหภูมิร่างกาย แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่ดีขึ้น กล้ามเนื้อของเขาค่อยๆตายลงทีละน้อย หมอได้ตามญาติให้มาดูใจเป็นครั้งสุดท้าย ดูเหมือนว่าเขาคงจะไม่รอดเป็นแน่แท้ ด้วยปาฏิหาริย์หรืออย่างไรก็ไม่ทราบ อาการของเขาเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากหมอได้ทำการตัดกล้ามเนื้อที่ตายแล้วบางส่วนที่ขาของเขาทิ้งไป ต้องขอบคุณทุกอย่างจริงๆ ที่ทำให้เขารอดชีวิตจากห้วงแห่งความตายได้ ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่า เขาไม่ควรกินยา DNP เกิน 3…
-
สัมภาษณ์ Leonardo แบบหมดเปลือกเกี่ยวกับหนัง “The Revenant” เจ้าตัวจะว่าไงบ้างหน๊อออ
ก็อย่างที่เราทราบๆ กันว่า Leonardo DiCaprio นั้นเป็นสุดยอดนักแสดงที่เข้าถึงบทบาทได้ดีมาก แต่ก็นั่นแหละ เขายังไม่ได้รางวัลออสการ์เลยสักครั้ง แต่ไม่แน่ในบทบาทนักแสดงนำของภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขา “The Revenant” อาจนำพาให้เขาได้รับรางวัลนี้ก็ได้!!! เพราะเขาเผยว่าบทบาทที่เขาแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้นั้น ยากที่สุดในชีวิตการแสดงของเขา แถมเขายังเกือบเอาชีวิตไม่รอดในการรับบทบาทนี้เลยทีเดียว!!! Leonardo DiCaprio ใน “The Revenant” ในการให้สัมภาษณ์กับ Wired นักแสดงหนุ่มใหญ่ของเราได้กล่าวว่า ‘บทบาทใน The Revenant เป็นบทบาทที่ยากที่สุดในชีวิตของผม…’ ‘ทุกๆ วันที่ถ่ายทำนั้นผ่านไปอย่างยากลำบาก แถมยังเกือบเอาชีวิตไม่รอดหลายต่อหลายครั้ง ทีมงานทุกๆ คนเหนื่อยมากๆ แถมผมยังต้องถ่ายฉากลงไปธารน้ำแข็งอีก’ เขายังกล่าวเสริมว่า ‘แถมผมยังต้องสวมหนังกวาง และหนังหมีไว้กับตัว พอมันเปียกน้ำมาเท่านั้นแหละ น้ำหนักมันพุ่งขึ้นไปราวๆ 50 กิโลกรัมเลยทีเดียว แถมยังเสี่ยงต่ออากาศหนาวของสถานที่ถ่ายทำเกือบทุกๆ วัน’ ทางกองถ่ายยังแอบมาเผยให้ฟังอีกว่า เพื่อให้ดาราใหญ่ของพวกเขารักษาอุณหภูมิของร่างกาย จำเป็นที่จะต้องมีฮีตเตอร์ส่วนตัวให้เขาเลยทีเดียว เพราะเขาต้องลงไปเล่นจริงๆ ในธารน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ!!! บทบาทที่ยากที่สุดในชีวิต ‘พวกเขามีเครื่องสร้างความอบอุ่นให้กับผม คล้ายๆ กับไดร์เป่าผมอันใหญ่ แถมมีหนาวดหลายๆ…