Tag: เข้าใจผิด
-
หนูน้อยฟ้องครูว่า “พ่อปลูกกัญชา” พอเธอพาไปดูหลักฐาน ถึงกับขำน้องจนท้องแข็ง~
เด็กๆ ที่ไร้เดียงสานั้นจะว่าน่ารักมันก็ใช่ แต่ถ้าจะว่าน่าหยิกมันก็ถูก เพราะหลายครั้งไอ้ความไร้เดียงสาของเด็กๆ นี่เองที่ทำให้เราต้องปวดหัวอย่างมาก เช่นเหตุการณ์นี้ ที่คุณพ่อของหนูน้อย Skylar Holt ได้รับโทรศัพท์จากทางโรงเรียนของเธอซึ่งไม่ใช่เรื่องผลการเรียนหรือพฤติกรรมเกเรแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับที่เขา เพาะปลูกกัญชา ไว้ที่บ้าน! หนูน้อย Skylar ได้รายงานกับคุณครูว่าที่บ้านของเธอนั้น Dax Holt ผู้เป็นพ่อได้ปลูกกัญชาเอาไว้ เมื่อคุณพ่อได้คุยกับครูเรียบร้อย เขาก็มาขอคำอธิบายและหลักฐานจากสาวน้อย Skylar และตรงนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้องของ “ความน่ารักน่าหยิก” ของเด็กน้อย ที่มีความเข้าใจ “ผิดๆ” เกี่ยวกับกัญชา เรื่องราวจะน่ารักน่าหยิกหรือน่าปวดหัวขนาดไหน ไปชมกันเลย… พ่อ: “วันนี้ลูกบอกอะไรกับครูเหรอ?” ลูก: “กัญชาไม่ดีต่อสุขภาพนะคะพ่อ” ลูก: “เพราะกัญชามันดูคล้ายกับหญ้า…” ลูก: “แต่มันไม่ใช่…มันคือกัญชา” พ่อ: “แล้วลูกได้บอกหรือเปล่าว่าบ้านเรามีกัญชาอยู่เยอะเลย?” ลูก: “บอกค่ะ” พ่อ: “วันนี้พ่อคุยกับคุณครู ครูบอกว่าบ้านเรามีกัญชาเยอะแยะเลย ลูกอยากอธิบายอะไรหน่อยมั้ย?” ลูก: “เอ่อ…ไม่ดีกว่า” พ่อ: “เราปลูกกัญชาไว้ที่บ้านเยอะแยะเลยเหรอ?”…
-
20 ภาพที่ แหม…ดูยังไงก็ภาพตัดต่อชัดๆ แต่แท้จริงแล้ว มันคือ “ภาพจริง” ต่างหาก!!
ส่วนใหญ่เรามักจะมองออกเสมอว่าภาพไหนเป็นภาพถ่ายจริงๆ และภาพไหนเป็นภาพที่สร้างขึ้นจากการตัดต่อ แต่บางครั้งภาพถ่ายจากธรรมชาติก็ทำให้เราต้องสับสนได้เหมือนกัน เพราะมันเหมือน “ภาพตัดต่อ” มากๆ ถ้าอย่างนั้น วันนี้เราไปชมกันอีกสักครั้งกับ รวม 20 ภาพถ่ายจริงที่โคตรเหมือนภาพตัดต่อ มันจะน่าอัศจรรย์และชวนสับสนขนาดไหน ไปชมกันเลย!! นี่ไม่ใช่ภาพรถวิ่งกลับด้านหรืออะไร แต่เป็นภาพต้นไม้โค่นหลังพายุกระหน่ำในรัฐนีเดอร์ซัคเซิน ประเทศเยอรมนีต่างหาก หญิงคนนี้ตั้งใจแต่งชุดซานตี้โทนขาว-ดำพร้อมทาผิวเพื่อความแนบเนียน ไม่ใช่การตัดต่อแต่อย่างใด นี่คือรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่สร้างเป็นทรงเรือในเกาหลีใต้ ไม่ใช่ภาพตัดต่อเอาเรือไปไว้บนหน้าผานะจ๊ะ ถึงจะดูเหมือนภาพล้ำจินตนาการ แต่นี่ก็เป็นเพียงภาพต้นไม้ที่ถูกปกคลุมด้วยใยแมงมุมหลังเกิดการน้ำท่วมในแคว้นสินธ์ ประเทศปากีสถาน ดูราวกับภาพกราฟิกใช้เพื่อการโฆษณา แต่เปล่าเลย…นี่คือภาพของกระท่อมไม้กระจกใน California High Desert ภาพหมีที่ดูเหมือนมาจากอินเทอร์เน็ตนี้ จริงๆ แล้วมันคือหมีจริงในสถานที่จริง ถ่ายภาพนี้ขึ้นเพื่อโฆษณาองค์กร Greenpeace ในรัสเซียล่ะ นี่คือภาพของแมงกะพรุนขนสิงโตที่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ได้ตัดต่อเอาแมงกะพรุนมาขยายขนาดเองหรอกนะ ภาพที่ดูราวกับบันไดสู่สรวงสวรรค์ไม่ใช่ภาพตัดต่อแต่เป็นประติมากรรมของ David McCracke ชื่อว่า A Sculpture of Smaller and Smaller Steps ภาพนี้ถ่ายขณะที่พายุทอร์นาโดกำลังบรรจบกับสายรุ้งพอดีในแคนซัส…
-
ครอบครัวใจสลาย เมื่อ ‘สถานสงเคราะห์สัตว์’ การุณยฆาตหมาของพวกเขาเพราะเข้าใจผิด!?
‘สุนัข’ สำหรับหลายๆ คนแล้วมันเป็นมากกว่าสัตว์เลี้ยง เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งลูก ที่มอบความสุขให้กับหลายๆ ช่วงชีวิตของเรา แต่เมื่อมีเหตุที่ทำให้ต้องเสียมันไปย่อมทำให้เกิดความทุกข์ใจตามมา ราวกับว่าได้สูญเสียสมาชิกในครอบครัวไปเลยทีเดียว เช่นเดียวกันกับครอบครัวนี้ที่ต้องสูญเสียเจ้าหมาไปเพราะการทำงานที่ผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ในสถานสงเคราะห์สัตว์ เรื่องมีอยู่ว่าเจ้าหมา Moses ของคุณ Tony และ Jennifer Wang จากเมือง Peoria รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกพาตัวไปไว้ที่สถานสงเคราะห์สัตว์เพื่อเฝ้าดูอาการ ‘โรคพิษสุนัขบ้า’ เนื่องจากว่าดันไปกัดใส่ช่างซ่อมบำรุงคนหนึ่งเข้า เจ้า Moses จะต้องอยู่ที่สถานสงเคราะห์สัตว์ Tazewell County Animal Control เป็นเวลาอย่างน้อย 10 วันเพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไร จากนั้นก็จะได้รับอนุญาตให้กลับมาอยู่ที่บ้านได้เหมือนเดิม แต่กลายเป็นว่าเจ้า Moses กลับถูกเจ้าหน้าที่ทำการ ‘การุณยฆาต’ เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นหมาอีกตัวหนึ่ง “ในทุกๆ วันฉันจะแวะไปเยี่ยมเจ้า Moses ก่อนที่จะไปทำงาน และเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ฉันก็ไปเยี่ยมตามปกติพร้อมกับเอาคุกกี้ติดมือไปให้มันด้วย” คุณ Tony เล่า “เมื่อเวลาประมาณ 9.30 น.…
-
คุณป้าอัดคลิปสารภาพบาป…หลังเพิ่งรู้ว่าเรียกชื่อของ ‘เพื่อนบ้าน’ ผิดมาตลอด 14 ปี
หลายๆ คนคงจะเคยมีโมเมนต์ที่แบบว่า เข้าใจผิดและเรียกชื่อของเพื่อนผิดมากันบ้างไม่มากก็น้อย… แต่สำหรับคุณป้าคนนี้แล้ว ขอบอกเลยว่ามันเป็นอะไรที่พีคกว่านั้น เพราะเธอดันไปเรียกชื่อของเพื่อนบ้านแบบผิดๆ มาตลอด 14 ปีเลยทีเดียว!! Stephanie Aird จากเมือง Hartlepool เขต Durham ประเทศอังกฤษ อาศัยอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกับเพื่อนบ้านอีกคนหนึ่งที่เป็นผู้หญิงมานานเกือบ 2 ทศวรรษได้แล้ว และเธอมักจะเรียกเพื่อนบ้านคนนั้นว่าคุณ Mavis มาโดยตลอด พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเสมอมา ทุกครั้งที่เจอกันตอนทำสวนก็จะทักทายกันข้ามรั้วบ้าน ถึงเวลาเทศกาลต่างๆ ก็มักจะทำอาหารมาแบ่งกัน มีครั้งหนึ่งที่เธอเคยส่งจดหมายอวยพรคริสต์มาสไปให้เพื่อนบ้านคนนั้นและสามี พร้อมกับเขียนชื่อเธอว่า Mavis ในนั้น แต่ ครอบครัวของเพื่อนบ้านก็ดันส่งกลับมาพร้อมกับระบุชื่อว่า Mavis และ George (ชื่อสามีของเพื่อนบ้าน) หลังจากที่คุณ George ได้เสียชีวิตลงเมื่อเดือนก่อน Aird ก็ได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนบ้านคนอื่นถึงคุณ Mavis ในทำนองเป็นห่วงเป็นใยว่าเธอจะต้องผ่านเรื่องร้ายๆ นี้ไปให้ได้ และนั่นเองก็ทำให้ Aird เข้าใจเสียทีว่า เธอเรียกชื่อของ Mavis ผิดมาโดยตลอด!! …
-
เจ้าตูบถูกส่งคืน 5 ครั้ง เพราะเข้าใจผิดว่าไม่เชื่อฟัง แต่ความจริงมันหูหนวกต่างหาก
ถ้าเรากับเจ้าหมาเข้ากันไม่ได้ จะบอกว่ามันดื้อเกินไปหรือไม่เชื่อฟังก็อาจจะไม่ถูกซะทีเดียว บางทีเราอาจจะแค่เข้าใจมันไม่มากพอก็ได้ เจ้าหมา Ivor เปลี่ยนบ้านมาแล้ว 5 ครั้งภายในเวลา 7 เดือน ทุกครั้งที่ถูกส่งตัวกลับมาเจ้าของบอกว่ามันไม่ยอมเชื่อฟังเลย ก็เลยเลี้ยงไม่ไหว คนที่ศูนย์พักพิงไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมันเป็นแบบนั้น จนเมื่อได้ลองตรวจดูดีๆ ก็เลยได้รู้ว่าที่จริงแล้ว Ivor มันหูหนวก มิน่าล่ะทำไมเจ้าของถึงบอกว่ามันไม่เชื่อฟัง ก็มันไม่ได้ยินเสียงนี่ พอพวกเขารู้แบบนี้ ก็เลยสอนภาษามือให้มันแทน ตอนไปอยู่กับครอบครัวใหม่จะได้มีวิธีสื่อสารกัน โดยตอนแรกพวกเขาสอนคำสั่งให้มันเข้ามาหา กับสั่งให้นั่งซึ่งเจ้าหมาก็เรียนรู้ได้ไวมากๆ Ivor เป็นหมาที่แสนรู้มาก มันเรียนรู้ภาษามือแบบใหม่ได้เร็ว อาจจะมีสาเหตุจากการที่มันหูหนวก ทำให้ความสามารถในการเรียนรู้ มองเห็น และรับรู้แรงสั่นสะเทือนดีกว่าหมาตัวอื่นๆ ในเมื่อมันมีวิธีในการสื่อสารกับเจ้าของแล้ว ก็ถึงเวลาตามหาเจ้าของให้มันอีกครั้งหนึ่ง อาสาสมัครหวังว่าครั้งนี้คงจะเป็นการหาบ้านครั้งสุดท้ายของมัน เปิดหาบ้านให้ไม่นาน Ellie Bromilow ก็ตกหลุมรักในความน่ารักและแสนรู้ของ Ivor มันก็เลยได้มาอยู่บ้านกับเธอ ครั้งนี้เธอไม่เจอปัญหาอะไรเลย เพราะเธอเข้าใจดีว่ามันหูหนวก แล้วมันก็เชื่อฟังภาษามือดีมากเชียวล่ะ เราฉลาดมากนะ สั่งหมอบได้ แกล้งตายได้ พลิกตัวได้ เดี๋ยวมีเวลาจะเรียนเพิ่มอีก …
-
หญิงสาวซื้อลูกหมาจากข้างทาง พอมันโตขึ้นมากลายเป็นหมีซะงั้น แต่ก็ยังรักอยู่ดี
สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะเตือนคนที่อยากเริ่มเลี้ยงสัตว์ไว้ก็คือ นอกจากต้องศึกษาวิธีการเลี้ยงดูมันให้ละเอียดแล้ว ตอนซื้อสัตว์เลี้ยงมาก็ควรจะซื้อจากแหล่งที่ไว้ใจได้ และดูให้มั่นใจด้วยว่ามันเป็นสัตว์สายพันธุ์ที่ต้องการหรือเปล่า มีคนจำนวนมากที่เอาลูกสัตว์มาเลี้ยงโดยที่คิดว่ามันเป็นหมาหรือแมว แต่เมื่อเลี้ยงมันจนโตแล้วเพิ่งรู้ทีหลังว่ามันเป็นสัตว์อย่างอื่นต่างหาก ซึ่งเหตุการณ์ทำนองนี้ก็เพิ่งเกิดขึ้นในประเทศจีน เมื่อ 2 ปีก่อนสาวคนหนึ่งชื่อ Su ได้ซื้อลูกหมามาจากข้างทาง ตอนนั้นเธอคิดว่ามันเป็นสุนัขพันธุ์ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ แล้วเธอก็เอามันมาเลี้ยงไว้ที่บ้าน โดยตั้งชื่อมันว่า Little Black ลูกหมีดูแล้วลักษณะคล้ายลูกหมาจนหลายคนแยกไม่ออก เมื่อเธอเลี้ยงมันจนตัวโตแล้ว เธอก็เลยเพิ่งรู้ว่ามันไม่ใช่หมาพันธุ์ทิเบตัน มาสทิฟฟ์แล้วล่ะ มันเป็นหมีดำชัดๆ เลย แต่เธอยังรักมันเหมือนเดิม เธอก็เลยเลี้ยงมันต่อไป โดยเปลี่ยนอาหารที่ให้มันเป็นผลไม้วันละ 1 ลังแทน จะได้พอต่อความต้องการของเจ้าหมี จนเมื่อเจ้าหมีมีอายุได้ 2 ปี เธอก็บังเอิญได้ไปอ่านใบปลิวแผ่นหนึ่งเกี่ยวกับการอนุรักษ์สัตว์ป่า เธอถึงได้รู้ว่าการเลี้ยงหมีดำนั้นผิดกฎหมาย แล้วมันก็เป็นสัตว์คุ้มครองด้วย เธอก็จะย้ายมันไปอยู่ในที่ที่สมควร เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2018 ที่ผ่านมา Su ก็ติดต่อไปหาตำรวจป่าไม้แห่งเมืองคูณหมิง เพื่อแจ้งให้พวกเขารู้ว่าเธอมีหมีดำอยู่ในครอบครองและอยากส่งตัวมันให้กับพวกเขา ตอนนี้เจ้าหมีดำ Little Black ที่ตัวใหญ่โต น้ำหนักกว่า 200…
-
ลูกชายหัวเราะจนท้องแข็ง คุณพ่อเอาหมาที่บ้านไปอาบน้ำ แล้วพากลับมาผิดตัว!!
เจ้า Nieves หมาที่อยู่กับครอบครัวหนึ่งในเมืองไมอามี รัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกามา 10 ปีแล้ว ครอบครัวของมันก็รักมันมาก น้องหมา Nieves ขนปุยสีขาวสะอาด คุณพ่อของครอบครัวที่มันอยู่ด้วยเป็นคนชอบเหม่อลอย บางครั้งเขาก็เลยไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดมากนัก ความไม่ใส่ใจของเขานี่เองที่ทำให้เกิดเรื่องฮาๆ ขึ้นในครั้งนี้ นี่คือ Alex เจ้าของอายุ 22 ปีของมัน วันที่เกิดเรื่องขึ้นนั้น คุณพ่อของเขาพา Nieves ไปร้านอาบน้ำหมาตามปกติ ส่วน Alex อยู่ที่บ้าน แต่เมื่อพ่อของเขาไปรับเจ้าหมากลับมาถึงบ้าน … เขากับพี่ก็สังเกตว่านี่ไม่ใช่เจ้า Nieves สักหน่อย พ่อไปเอาหมาใครกลับมาเนี่ย!? (ดูคลิปไม่ได้ คลิกที่นี่) MY DAD TOOK MY DOG TO PETSMART TO GET GROOMED AND HE CAME BACK WITH…
-
อพยพนักเรียนกว่า 500 ชีวิต คิดว่าแก๊สรั่ว แต่พอหาจนทั่ว พบว่าต้นเหตุคือเจ้า “ทุเรียน” นี่เอง
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2018 เวลาประมาณบ่าย 3 โมงเย็น (ตามเวลาท้องถิ่น) ได้เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นในอาคารห้องสมุดของสถาบันเทคโนโลยี Royal Melbourne (RMIT) ประเทศออสเตรเลีย หลังจากที่นักเรียนได้กลิ่นประหลาดคล้ายกับมีแก๊สรั่วภายในอาคารดังกล่าว อาคารห้องสมุด RMIT ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้คุณครูและนักเรียนกว่า 500 ชีวิต จำเป็นต้องอพยพออกมาและรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเป็นการด่วน เพื่อป้องกันการสูญเสียและอาจเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ตามมาได้ เนื่องจากว่าภายในอาคารนั้นเต็มไปด้วยสารเคมีอันตรายในห้องแล็บวิทยาศาสตร์ เมื่อนักดับเพลิงมาถึงจึงเข้าไปสำรวจภายในตัวอาคาร ตามหาต้นตอของกลิ่นที่นักเรียนอ้างว่าเป็นกลิ่นแก๊สรั่ว จนกระทั่งพวกเขาได้ไปเจอกับที่มาของกลิ่นนั้น แต่ว่ามันกลับไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่ทุกคนคิด หน่วยนักดับเพลิงบอกว่า “หลังจากที่เราค้นหาจนทั่วแล้ว เราถึงได้พบว่ากลิ่นที่ว่านั้นไม่ใช่กลิ่นแก๊สรั่วหรือกลิ่นของสารเคมีอันตราย แต่มันเป็นกลิ่นแก๊สของ ‘ทุเรียน’ ผลไม้ที่มีกลิ่นฉุนรุนแรง ซึ่งมันเหลือเป็นเศษทิ้งไว้ในกระดาษลังภายในอาคาร” ทุเรียน ราชาแห่งผลไม้ที่คนไทยหลายๆ คนชื่นชอบ พวกเขาบอกว่ากลิ่นของเจ้าราชาแห่งผลไม้นี้ได้ลอยไปตามทางของช่องแอร์ ทำให้ทุกคนได้กลิ่นนี้กันอย่างทั่วถึง เกิดเป็นที่มาของการหนีตายในครั้งนี้ หลังจากนั้น หน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมจึงเข้าไปกำจัดกลิ่นและเคลียร์พวกเศษทุเรียนออกไปจากอาคารจนหมด ก่อนที่จะเปิดอาคารให้ใช้ตามปกติได้ในตอน 6 โมงเย็นวันเดียวกัน กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต ถูกรายงานออกไปในหลายสำนักข่าว ในบางประเทศมีการห้ามไม่ให้นำทุเรียนเข้าตามสถานที่สาธารณะ…
-
9 ประสบการณ์เปิ่นๆ ฮาๆ ของคนพูดภาษาถิ่น ไปกันให้ทั่วทั้งภาคเหนือ อีสาน ใต้
ภาษาเกิดขึ้นมาเพื่อการสื่อสาร เคยมีความเชื่อว่าเดิมทีนั้นมนุษย์เราพูดภาษาเดียวกันทั้งโลก มันอ้างจะฟังดูดีในแง่ของการสื่อสารที่เป็นหน้าที่หลักของภาษา แต่หากมองตามความงามของแต่ล่ะภาษาแล้ว เราจะเสียภาษาที่สวยงามกันไปมากมายเลยทีเดียว ความต่างขอภาษานั้นอาจจะทำให้คนเราเข้าใจผิดกันอยู่บ่อยๆ ก็จริง แต่ถ้าไม่มีมัน เราก็อาจจะไม่ได้เห็น เรื่องสุดฮา ที่เกิดขึ้นมาจากความต่างของภาษา ต่อไปนี้ก็ได้นะ ภาษาเหนือ Eซาว สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กุขับรถเครื่อง (รถมอเตอร์ไซค์) แวะปั๊มข้างมอกับเพื่อน เด็กปั๊ม: เติมอะหยังคับปี้ กุ : 91 60น้อง เด็กปั๊ม: 91 บ่มีแล้วคับปี้ บะเด่วนี้เขาเติม “Eซาว” ละคับ กุ+เพื่อน : อะไรวะ?? ….อ่อ E20 นี่เอง ซาวภาษาเหนือแปลว่า 20 โดย คุณเตาผิง “ล่น” รับน้องค่ะ ด้วยความที่จะมีการรับน้องปีหนึ่ง รุ่นพี่ก็เรียกๆๆๆๆ เราไปยืนรวมๆกัน แล้วสั่งให้กลับหอค่ะ แต่นางตะโกนว่า “ขะใจ๋ล่นแล่!!!!” ลองคิดถึงคนภาคกลางสิคะ ตีความไม่ออกซักคำ!! ทำไงละทีนี้ เดาค่ะ หลักการเดาคำศัพท์เป็นสิ่งที่คนเรียนภาษาจำเป็นต้องงัดมาใช้ อาการ…
-
แม่ออกมาขอโทษออกสื่อ หลังลูกชาย ‘ใส่เสื้อแม็คก็อป’ อ้าขาเป็น M Leg ไปที่โรงเรียน
คุณแม่ Shelly McCullar ถึงกับเขินและไปไม่เป็น หลังที่ลูกชาย Anthony กลับมาจากโรงเรียน แล้วพบว่าเสื้อที่เขาใส่ไปเมื่อตอนเช้านั้นมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด!? จากเดิมที่ลูกชายของเธอเข้าใจว่าเจ้าเสื้อตัวนี้มันสกรีนรูปตัว M สีเหลือง ที่เป็นสัญลักษณ์ของร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดังอย่าง McDonald’s แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่แบบนั้น เพราะจริงๆ แล้วตัว M บนเสื้อดังกล่าวนั้นเป็นของล้อเลียน มีลักษณะเป็นรูปของขาสองข้างที่แยกออกจากกันเป็นรูปตัว M โชว์กลางหว่างขาให้เห็น พร้อมกับใส่เส้นสูง มีคำว่า ‘I’m lovin’ it’ ซึ่งไม่ได้หมายความถึงตัวอาหารฟาสต์ฟู้ด แต่หมายถึงชอบอย่างอื่นต่างหาก… ทางคุณแม่พอได้ทราบเรื่องดังกล่าวก็รีบขอโทษขอโพยทางโรงเรียนและคนอื่นๆ อย่างเร็วไว เธอได้โพสต์ลงบนเฟซบุ๊กว่า “ต้องขอโทษอีกครั้ง กับคุณครูและเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนประถม Travis Elementary เป็นอย่างสูง ซึ่งฉันขอสาบานเลยว่าฉันไม่รู้เลยว่าลูกใส่เสื้อแบบนี้ไปโรงเรียน” พร้อมกับโพสต์วิดีโอของ Anthony ที่อธิบายให้ฟังว่าที่จริงแล้วเป็นการเข้าใจผิด ในคลิปเขาพูดว่า “ผมคิดว่ามันคือ McDonald’s และคิดว่ามันคงไม่เป็นอะไรถ้าจะใส่ไปที่โรงเรียน” ลองไปชมคลิปวิดีโอที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… “ฉันแค่อยากจะอธิบายให้ฟังว่าฉันจะไม่ให้ลูกสวมเสื้ออะไรแบบนี้แน่นอน แต่เสื้อตัวนี้เป็นเสื้อที่เพื่อนของฉันซื้อมาให้ Anthony…
-
สาวแชร์รีแอคชันสุดฮาของขุ่นแม่ เมื่อพบว่าฝารองนั่งที่ซื้อมามีสีฟ้า ซึ่งไม่เข้ากับห้องที่บ้านสุดๆ
เพื่อนๆ มีพ่อแม่ที่ไม่ค่อยทันเรื่องเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่บ้างหรือไม่ ซึ่งบางทีพวกเขาก็งงกับวิธีใช้มัน ซึ่งเวลาเราได้เห็นก็จะเป็นภาพที่ทั้งสงสารและตลกไปพร้อมๆ กัน เหมือนกันกับคุณแม่คนนี้ Marie Stent คุณแม่วัย 48 จากเมือง St Neots จากเขต Cambridgeshire ประเทศอังกฤษ เธอได้ซื้อฝารองนั่งชักโครกขณะที่ได้ไปเยี่ยมลูกสาวเธอที่เขต Sheffield แต่พอเธอเปิดกล่องออกมากลับต้องงงเป็นไก่ตาแตก เพราะฝารองนั่งชักโครกมันดั๊นเป็นสีฟ้านี่สิ พอคุณแม่ท่านนี้เห็นว่าฝารองนั่งที่ซื้อมาเป็นสีฟ้า เธอได้โวยวายว่า “โอ้ พระเจ้า! มันเป็นสีฟ้า ฉันคิดว่าซื้อสีขาวมาซะอีก” เธอรู้สึกโศกเศร้าเสียใจ และได้แต่ยอมรับกับความจริงว่าฝารองนั่งที่เธอซื้อมันไม่ได้เข้ากับการแต่งห้องน้ำด้วยสีมอคค่าของเธอเลย จะคืนก็คืนไม่ได้ ใบเสร็จมันหายไปแล้ววว จนกระทั่งลูกสาวอายุ 18 ของเธอ Amber ได้เดินลงมาดู พอเห็นแบบนี้เธอก็เลยนำฉลากมาดูและเริ่มหัวเราะแม่ของตัวเองซะอย่างงั้น เพราะไอ้ที่ฟ้าๆ นั่นมันเป็นแค่พลาสติกกันกระแท่เท่านั้น และพอเธอลอกมันออกโชว์แม่ของเธอ แม่ของเธอแทบจะคลั่งไปเลย เพราะในหัวของเธอก่อนหน้านี้มีแต่ความคิดว่ามันเป็นฝารองนั่งสีฟ้าอย่างเดียว และด้วยความฮาของรีแอคชั่นของคุณแม่ Amber จึงได้ตัดสินใจที่จะแชร์ประสบการณ์ฮาๆ นี้ลงในทวิตเตอร์ โดยทีเธอโพสต์รูปพร้อมกับแคปชั่นว่า “แม่ฉันซื้อฝารองนั่งราคา 40 ปอนด์ (1,800 บาท) มาจาก…
-
หนุ่มนึกว่าช่วยลูกสุนัขไว้ 5 ตัว ที่แท้มันคือลูกจิ้งจอก รีบเอาไปคืนแม่แทบไม่ทัน
หนุ่ม Craig Mcgettrick เป็นคนเก็บขยะที่ทำงานอยู่ในประเทศอังกฤษ เขาใช้ชีวิตทุกวันตามปกติ และไม่เคยนึกเลยว่าวันหนึ่งจะได้ช่วยสัตว์จนกระทั่งวันนี้ แถมมันยังวุ่นวายกว่าที่ควรจะเป็นด้วย ครั้งนี้ในขณะที่ Mcgettrick กำลังจัดการกับขยะที่กองอยู่ตรงหน้า พอเขายกที่นอนอันหนึ่งขึ้นมา เขาก็เจอลูกหมา 5 ตัวอยู่ตรงนั้น แต่ในบริเวณนั้นไม่มีแม่ของมันอยู่เลย เขาก็เลยคิดว่าลูกหมาคงถูกทิ้งไว้ Mchettrick เจอลูกหมา 5 ตัวถูกทิ้งไว้ เขาก็เลยเอาลูกหมาทั้งหมดไปฝากไว้กับศูนย์พักพิงสัตว์ Freshfields Animal Rescue ที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อน แล้วก็โพสต์รูปของมันลงบนเฟซบุ๊กเพื่อเล่าเรื่องที่เขาเจอวันนี้ให้ชาวเน็ตฟัง ชาวเน็ตคนหนึ่งที่เห็นรูปได้ส่งรูปนั้นต่อไปให้ National Fox Welfare Society ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลสุนัขจิ้งจอกดู ผู้ก่อตั้งองค์กร Martin Hemmington เห็นแล้วก็รู้ทันทีเลยว่านั่นไม่ใช่ลูกหมา แต่เป็นลูกหมาจิ้งจอกต่างหาก เขาเลยพาพวกมันไปให้กลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Freshfields Animal Rescue แต่จริงๆ แล้วพวกมันไม่ใช่ลูกหมา แต่เป็นลูกสุนัขจิ้งจอก แม้ว่าสุนัขจิ้งจอกจะมีขนสีส้ม แต่ตอนมันยังเด็กก็จะมีขนสีน้ำตาลแบบนี้นี่แหละ แล้วมันก็ดูเหมือนกับลูกหมามาก คนทั่วไปก็เลยมักจะเข้าใจผิดว่าลูกสุนัขจิ้งจอกเป็นลูกหมา กว่าจะรู้ว่ามันเป็นจิ้งจอกก็ตอนมันโตแล้ว ปกติแล้วสุนัขจิ้งจอกจะทิ้งลูกตัวเล็กไว้ในถ้ำของมันแล้วออกไปหาอาหารข้างนอก ในกรณีนี้แม่สุนัขจิ้งจอกคงจะใช้พื้นที่ใต้ที่นอนเป็นถ้ำสำหรับลูกของมัน แล้วก็ทิ้งลูกออกไปหาอาหารตามแถบนั้น พวกมันคล้ายกันมาก คนก็เลยมักจะสับสนว่าลูกจิ้งจอกเป็นลูกหมา…
-
19 ภาพของสิ่งที่มีสกิลพรางตัวขั้นสุด ถ้าไม่มองให้ดี อาจคิดว่าเป็นของอย่างอื่นไปเลย
ดวงตาของมนุษย์นั้นไม่ได้เป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบ บ่อยครั้งที่สมองของเราจะแต่งเติมสิ่งที่อยู่นอกโฟกัสของสายตาเราขึ้นมาเอง และบางทีก็ทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งที่เรามองอยู่เป็นสิ่งอื่นที่ใกล้เคียงกับในความทรงจำของเรามากกว่าไปแทน นั่นเป็นเหตุผลให้การพรางตัวกลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับสัตว์บางชนิด แต่การพรางตัวที่ว่านั้น ก็ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเกิดขึ้นกับสัตว์เท่านั้น บ่อยครั้งสิ่งที่เรามองจะมีส่วนที่ไปคล้ายกับของอื่นๆ เข้า จนสมองของเราตัดสินไปเองว่า มันต้องเป็นของชิ้นที่ว่าอย่างแน่นอน ดังเช่น 19 ภาพของสิ่งที่มีสกิลพรางตัวขั้นสุดต่อไปนี้ ที่ถ้าไม่มองให้ดี อาจคิดว่าเป็นของอย่างอื่นไปเลยก็ได้ เป็นน้ำแข็งที่หลอนใช้ได้เลย ถ้าไม่มีป้ายคงจะมีคนตกน้ำไปหลายคน เพราะคิดว่านี่เป็นที่นั่ง บนป้าย: นี่คือน้ำ เหมือนเกาะไหมล่ะ แต่จริงๆ แล้วมันคือหินที่มีมอสส์ขึ้นต่างหาก ลองหรี่ตาดูสิ แล้วจะเห็นสับปะรด ไม่ใช่สายคล้องรองเท้านะ ระวังงูด้วย แอบมองเป็นปลาไปแว๊บหนึ่ง นี่ไม่ใช่ขนมปังนะ แต่เป็นสบู่ที่โดนอบไมโครเวฟมา ถ้าเผื่อกินไปล่ะไม่อยากจะคิด นี่มันสับปะรดยักษ์… หรือไม่ก็ต้นปาล์มธรรมดา เหมือนลูกอมเคลือบคาราเมลดีนะ ก้อนหินพวกนี้ อันนี้ก็คล้ายๆ แมลงอะไรสักอย่าง แต่มันคือเกรปฟรุต นกล่ะ!! อ้าว รอยแตกของกระจกหรอกเหรอ เนื้อดิบ… …กระดาษทราย …
-
คิดไปได้ไง 17 ผู้คนที่ไม่เพียงมีความรู้แปลกๆ ผิดๆ ในเรื่องเพศ แต่ยังฮาจนสงสัยว่าใครสอนมา
เพศศึกษานั้นสำคัญไฉน คนเราเวลาจะต้องไปอธิบายเรื่องเกี่ยวกับเพศศึกษาให้เด็กที่อายุน้อยกว่านั้น บางครั้งเราก็รู้สึกกระดากปากใช่ไหมล่ะ จะเล่าอย่างไรไม่ให้มากเกินไป และระดับไหนที่จะไม่น้อยจนเกินไป นั่นเป็นเหตุผลที่การสนเกี่ยวกับเรื่องเพศนั้นกลายเป็นเรื่องยากจนผู้ใหญ่หลายคนก็เลือกที่จะบอกเด็กๆ ว่า “โตไปก็รู้เอง” แทน แต่การทำแบบนั้นก็มีความเสี่ยงของมันอยู่ เพราะข้อมูลที่เด็กๆ จะได้รับนั้น อาจจะกลายเป็นข้อมูลอะไรผิดๆ ได้ง่ายกว่าที่คิด เหมือนกับบุคคลเหล่านี้ ที่ไม่เพียงมีความรู้ผิดๆ ในเรื่องเพศ แต่ยังแปลกจนสงสัยว่าใครสอนมา แน่นอนว่าอ่านไปมันก็ตลกแน่ๆ แต่มันก็สะท้อนบางสิ่งให้เราเห็นอยู่เหมือนกัน น้องสาวของฉันบอกว่าเมื่อผู้ชายแข็งตัว จะทำให้ลูกอัณฑะทั้งสองของเขาออกมากลมเป๊ะๆ เหมือนลูกบอล ตอนที่ฉันยังอายุน้อย ฉันเชื่อว่ามีสิ่งที่เรียกว่า เซ็กส์สีรุ้งอยู่ มันเป็นการมีเซ็กส์ที่ผู้ชายจะผสมน้ำเชื้อกับประจำเดือนของผู้หญิง แล้วก็จูบกันโดยที่อมมันเอาไว้ ฉันในตอนเด็กช่างน่ากลัวจริงๆ ในระหว่างการพูดคุยเกี่ยวกับออรัลเซ็กส์ มีผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่าเธอไม่เคยกลืน “มัน” เลย เพราะรสชาติมันห่วยแตกและเธอก็ไม่อยากจะท้องด้วย พวกเรานึกว่ามันเป็นมุกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเชื่อมาตลอดว่าถ้ากลืนจะทำให้ท้องได้ ตอนที่ฉันยังเด็กฉันคิดว่าการมีเซ็กส์เกิดขึ้นต่อหน้าครอบครัวทั้งหมด และเป็นการเฉลิมฉลองเหมือนกับงานเลี้ยงวันเกิด เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉันรู้จักในโรงเรียนมัธยมใช้มือชักให้แฟนแต่ไม่ยอมปล่อยให้เขาถึง เพราะเธอคิดว่าถ้าน้ำกามเปื้อนมือ เธอจะสามารถตั้งครรภ์ได้จากระบบดูดซึมผ่านผิวหนัง ครูในวิทยาลัยที่ฉันเคยอยู่ เคยให้คำปรึกษาแก่สาววัยรุ่นที่งงกับการตั้งครรภ์ของตัวเอง เธอบอกว่าเธอ และแฟนหนุ่มของเธอใช้เนยแล้วแท้ๆ แต่ดันท้อง ครูของฉันเลยขอให้เธออธิบายหน่อย เธอบอกว่าเธอทาเนยที่ตัวเองเพื่อป้องกันตัวอสุจิ เนื่องจากน้ำกามมันเป็นน้ำ…
-
8 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับ ‘อาหารการกิน’ แท้จริงแล้วอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราเข้าใจมาตลอด
เรื่องของ อาหารการกิน เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอกันในชีวิตประจำวัน และเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้เราดำรงชีวิตต่อไปได้ ซึ่งพวกเรามักจะถูกปลูกฝังหลายๆ ความคิดความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก ทั้งเรื่องความรู้ทางโภชนาการ หรือเข้าใจว่าอะไรดีหรือไม่ดีต่อสุขภาพเราบ้าง แต่ในวันนี้เรากำลังพูดถึงข้อเท็จจริง 8 อย่างที่เราอาจไม่เคยรู้กันมาก่อน และมันเป็นสิ่งที่จะสามารถลบล้างความเข้าใจผิดๆ ที่เราเคยมีกันมาตลอดเกี่ยวกับอาหารการกินในบางเรื่อง เอาเป็นว่าเราไปร่วมรับสาระความรู้เหล่านั้นพร้อมๆ กันเลย 1. อาหารช่วยทำให้เราเมาช้าลง หลายๆ คนเชื่อมาตลอดว่าการกินอาหารก่อนการดื่มแอลกอฮอล์ จะช่วยทำให้เราไม่เมา ซึ่งเอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นซะทีเดียว อาหารเป็นตัวช่วยที่ทำให้ร่างกายของเรา ดูดซับแอลกอฮอล์ แต่การกินจนอิ่มจะช่วยลดอัตราการดูดซับแอลกอฮอล์ให้น้อยลง ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้หยุดอาการมึนเมาของเราอยู่ดี 2. อาหารสดดีกว่าอาหารแช่แข็ง จาก การศึกษา แล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้น ผลลัพธ์ที่ได้คืออาหารแช่แข็งมีคุณค่าทางโภชนาการเทียบเท่ากับอาหารสดนั่นแหละ เพราะว่ามันถูกบรรจุเก็บเอาไว้ในตอนที่กำลังสุกงอมได้ที่แล้ว จึงไม่มีความต่างกันในเรื่องของโภชนาการแต่อย่างใด 3. กาแฟมีผลเสียต่อกระดูก ไม่มีหลักฐานใดที่สามารถพิสูจน์ได้เลยว่า กาแฟส่งผลเสียต่อกระดูกจริง เราไม่จำเป็นต้องกลัวว่ามันจะเป็นอย่างนั้น แต่ความเชื่อนี้อาจเกิดขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เด็กกินกาแฟเท่านั้นเอง 4. โยเกิร์ตช่วยในเรื่องของระบบทางเดินอาหาร บางครั้งสรรพคุณของโยเกิร์ตที่เราเคยได้ยินมาอาจดูเกินจริงไปสักหน่อย โดยเฉพาะคำพูดที่บอกว่าโยเกิร์ตมีแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตจะช่วยในเรื่องของการย่อยอาหาร ซึ่งความจริงต่อให้เราไม่ได้กินโยเกิร์ต ร่างกายของเราก็มี แบคทีเรียมากเพียงพออยู่แล้ว ไม่ถึงกับว่าเป็นอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย 5. หากกลืนอะไรที่เป็นพิษต่อร่างกาย ให้อ้วกออกมาแล้วมันจะดีขึ้น…
-
โตแล้วก็ยังขำได้ ชาวทวิตเตอร์ร่วมกันแชร์ ประสบการณ์เรื่องเข้าใจผิดในสมัยที่ยังเด็ก
วัยเด็กนั้นเป็นวัยที่มีเรื่องเล่ามากมายเต็มไปหมด ด้วยความที่ตัวเราที่ยังเป็นเด็กนั้น ความคิดความอ่านยังช่างบริสุทธิ์ และยากที่จะสงสัยในสิ่งที่ผู้ใหญ่บอกเรามา ดังนั้นในตอนเด็กเราจึงมีเรื่องให้เข้าใจผิดอยู่มากมายเต็มไปหมด เรื่องราวในคราวนี้เริ่มต้นจากคำถามของผู้ใช้ทวิตเตอร์ Jennifer Wright ที่ออกมาถามชาวเน็ตว่า อะไรคือสิ่งที่ประหลาดที่สุดที่พวกคุณเคยเข้าใจผิดในสมัยที่ยังเด็ก สำหรับฉันแล้วฉันนึกว่า Adultery (การผิดประเวณี) แปลว่า การทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ฉันยังเคยคิดว่าตัวตลกเกิดมาก็เป็นแบบนั้นเลยด้วย ด้วยความที่ถูกสอนมาไม่ให้ล้อเล่นกับคนที่เกิดมาแตกต่างกันคนอื่น เวลามีตัวตลกเข้ามาแสดงในงานวันเกิดที่โรงเรียนอนุบาล ฉันจะมองพวกเขาด้วยความเคารพสุดๆ แบบราชีณี Victoria หลังจากข้อความเหล่านั้น ก็มีชาวทวิตเตอร์จำนวนมากเข้ามาร่วมกันแชร์ประสบการณ์เรื่องเข้าใจผิดในสมัยที่ยังเด็กของพวกเขา ซึ่งจะตลกขนาดไหนนั้น เชิญชมกันได้ที่ข้างล่างนี้เลย ฉันเคยคิดว่า ออรัลเซ็กส์นั้นเป็นการพูดเรื่องเซ็กซี่ดังๆ ผมเคยคิดว่าคอทเทจชีส (คอจเทจแปลว่ากระท่อม) นั้นเหมือนกับชีสธรรมดาๆ แต่ผลิตที่กระท่อมในต่างจังหวัด ของผมคล้ายๆ กับคนข้างบนเลย แต่ผมคิดว่าชีสกระท่อม (Cottage Cheese) มันเรียกว่าชีสมหาลัย (College Cheese) และทำโดยคนฉลาดๆ ฉันนึกว่าคำว่า Incognito (ไม่ระบุนาม) เป็นสถานที่ชื่อ Cognito อะไรประมาณว่า ถ้ามีคนพูดว่า “I am staying…
-
6 ความเชื่อในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแบบผิดๆ ที่อาจทำให้ผู้ป่วยมีอันตรายยิ่งขึ้นไปอีก
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในบางครั้งอาจจะเป็นตัวกำหนดโชคชะตาของคนๆ หนึ่งว่าจะอยู่หรือจะตาย ดังนั้นเรื่องเหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะยังมีความเชื่อบางอย่างที่คนเราเชื่อกันผิดๆ เกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นกันอยู่ โดยที่มีตัวอย่างดังต่อไปนี้ เวลามีแผลให้รีบห้ามเลือดให้แน่นในทุกกรณี จริงอยู่ว่าการไม่ห้ามเลือดนั้น อาจทำให้มีการเสียเลือดมากจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่หากรัดแน่นจนเกินไปก็อาจจะทำให้เสียอวัยวะส่วนนั้นๆ ไปเพราะการขาดเลือดไปเลี้ยงได้เช่นกัน การห้ามเลือดที่ถูกต้องนั้นไม่ควรรัดลงไปที่ตัวแผลเลย แต่ควรรัดที่ด้านบนของแผลเล็กน้อย และไม่ควรทำการห้ามเลือดทิ้งไว้เป็นเวลานาน หากเป็นไปได้ควรมีการคล้ายการรัดทุกๆ 20-60 นาที เวลามีคนบาดเจ็บบนถนนให้รีบพาออกมาข้างทางในทันที แม้ว่าการทิ้งผู้บาดเจ็บไว้กลางถนนเลยนั้นอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ แต่การที่จู่ๆ ไปเคลื่อนย้ายคนเจ็บเลยนั้นก็เป็นเรื่องที่อันตรายเช่นเดียวกัน ผู้ที่บาดเจ็บจากทางท้องถนนนั้นมีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บที่ไขสันหลัง ซึ่งการที่จู่ๆ ไปเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บอาจนำไปสู่การเป็นอัมพาตครึ่งล่าง หรือถึงแก่ความตายได้ เวลามีคนเป็นลมชักให้รีบหาอะไรมาใส่ปากทันที การหาอะไรมาใส่ปากคนที่เป็นลมชักนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะหากหากเลือกไม่ดีอาจจะทำให้ฟันของผู้ชักเสียหายได้ แล้วฟันที่หักมีโอกาสสูงที่จะลงไปอุดหลอดลม วิธีที่ดีของการปฐมพยาบาลคนเป็นลมชักนั้น ทำได้โดยการหาอะไรมาหนุนที่ศีรษะผู้ป่วย เช่นเสื้อผ้า หรือหมอน และเรียกรถพยาบาล ใช้ยาสีฟัน หรือน้ำมันทาแผลไฟลวก การใช้ยาสีฟัน หรือน้ำมันทาแผลไฟลวกนั้นจะทำให้ตัวยาสีฟันไปคลุมแผลไว้ แต่ไม่ได้ไล่ความร้อนออกไปแต่อย่างไร วิธีที่ดีที่สุดในการรปฐมพยาบาลแผลไฟลวก ทำได้โดยการนำจุดที่โดนลวกแช่ในน้ำเย็นราวๆ 15-20 นาที และปล่อยให้แผลแห้ง หากจะทายาอะไรเพิ่มให้เว้นระยะเวลาอีกสักพักก่อน เวลามีคนเป็นลม ให้หาวิธีปลุกให้เร็วที่สุด อันนี้เป็นความคิดที่ผิดเป็นอย่างมาก โชคดีที่จำนวนคนที่คิดแบบนี้มีอยู่ไม่มากนัก…
-
นักล่าสัตว์เกิดอุบัติเหตุยิงพรานอีกคนจนเสียชีวิต หลังได้ยิน “เสียงหลอก” ที่เขาทำ
ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2018 ได้เกิดเหตุการณ์ที่น่าเศร้าของนักล่าสัตว์สองคน ผู้ออกล่าในเขต Taylorsville รัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา เมื่อชายคนหนึ่งเข้าใจผิดคิดว่านักล่าอีกคนเป็นสุนัขป่า จึงทำการยิงปืนใส่ไปสองนัดทำให้ชายคนดังกล่าวต้องจากโลกนี้ไปอย่างน่าสลด นี่เป็นเรื่องราวของบาทหลวงหนุ่มวัย 26 ปี Michael Marsh ที่ออกไปล่าสัตว์อย่างถูกกฎหมาย เขาถูกฆ่าด้วยฝีมือของนักล่าสัตว์อีกคนที่ชื่อว่า Ronald Matthew Dunn วัย 31 ปี Michael พรานหนุ่มผู้ถูกยิงตายด้วยฝีมือนักล่าอีกคน จากคำให้การบอกว่าในตอนนั้น Ronald ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างติดกับดักอยู่บริเวณพุ่มไม้ เขาจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้ว Michael ก็ลุกขึ้นมา แต่ด้วยความตกใจจึงทำให้ Ronald ยิงปืนไปที่หน้าอกของชายอีกคนถึงสองนัด Michael รีบตะโกนออกไปว่า “หยุดยิงก่อน นายยิงใส่ฉันอยู่” เพื่อเรียกสติของ Ronald ให้เห็นว่าสิ่งที่เขายิงไม่ใช่สัตว์ แต่เป็นคน ส่วนเสียงที่ได้ยินก็เป็นแค่เสียงของสุนัขจิ้งจอกที่ดังออกมาจากเครื่องมือของ Michael ใช้สำหรับดึงความสนใจของเหล่าสุนัขป่าเท่านั้นเอง พรานหนุ่มผู้เข้าใจผิดจึงรีบเรียกรถพยาบาลมาโดยด่วน ก่อนที่จะปฐมพยาบาลชายที่กลายเป็นเหยื่อในครั้งนี้ แต่ว่าทุกอย่างกลับสายเกินไป สถานพยาบาลท้องถิ่นบอกกับทุกคนว่า…
-
เหล่ามือใหม่ที่ดันเข้าใจผิด ไปพิมพ์ค้นหาในหน้าเพจปลอมที่มีชื่อว่า Google Search App
ปัจจุบันเวลาที่เราต้องการจะหาข้อมูลหรืออยากได้คำตอบเกี่ยวกับเรื่องบางเรื่อง สิ่งที่จะสามารถช่วยพวกเราได้ก็คือ Google เว็บไซต์ Search Engine ที่รู้จักกันไปทั่วโลก พวกเราแทบทั้งหมดรู้ดีว่าถ้าอยากหาอะไรใน Google เราก็แค่เพียงเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ของเขา แต่สำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยเล่นคอมมาก่อน หรือเหล่าคุณปู่คุณย่าที่เพิ่งหัดเล่น พวกเขาก็อาจจะไม่รู้ว่า Google ต้องเขาไปตรงไหน จนกลายเป็นความสับสนขึ้นมาได้ ในเฟซบุ๊กมีเพจหนึ่งที่ชื่อว่า Google Search App เป็นเพจที่สร้างความสับสนให้กับกลุ่มคนที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่า Google หน้าตาเป็นอย่างไร ทำให้พวกเขาเข้าไปพิมพ์ถามเรื่องที่อยากรู้จากเพจนี้แทน หน้าตาของเพจ Google Search App แน่นอนว่าช่องที่พวกเขาพิมพ์ลงไปมันไม่ใช่ช่องค้นหา แต่มันคือช่องสำหรับการโพสต์ต่างหาก นั่นจึงทำให้เราได้เห็นว่าเหล่ามือใหม่ทั้งหลายนั้นมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องใดบ้าง และนี่ก็คือตัวอย่างของคนที่ “ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยยย” สงสัยเธอคนนี้คงอยากจะรู้ว่าใครโทรมา ชายคนนี้ก็คงจะชอบกีฬาบาสไม่มากก็น้อย ถึงขั้นมาถามหาตารางแข่งบาสในนี้ นอกจากจะเป็นมือใหม่ในเรื่องการใช้เน็ตแล้ว เขายังเป็นมือใหม่ในเรื่องโทรศัพท์อีกด้วย เพราะแค่วิธีเปลี่ยนซิมแกยังต้องมาถามเลย คิดว่าเขาน่าจะหมายถึงนักร้องชื่อ Lil Wayne นะ และอันนี้ก็อาจจะหมายถึง Youtube หรือเปล่า หารูปสัตว์…
-
สาวโดนหักคะแนนงาน เพราะ ‘ออสเตรเลีย’ ไม่ใช่ประเทศ!? งานนี้เถียงกันยาว
สำหรับนักศึกษาแล้วเกรดคือตัวตัดสินความเป็นความตายเลยทีเดียว ดังนั้นเราต้องทุ่มเทแรงที่มีทั้งหมดลงไปในงาน เพื่อทำให้อาจารย์เห็นถึงความสามารถแล้วให้เกรดที่ดีที่สุดกับเรา สาว Ashley Arnold เองก็ต้องการเกรดสวยๆ เช่นกัน เธอเลือกทำงานวิจัยด้านจิตวิทยาออนไลน์เกี่ยวกับประเทศออสเตรเลียส่งให้กับอาจารย์ ทว่าเธอโดนอาจารย์ถีบตกม้าตายตั้งแต่ต้น เพราะอาจารย์เข้าใจว่าออสเตรเลียมันไม่ใช่ประเทศ มันเป็นทวีปต่างหาก งานนี้สาวเลยต้องอธิบายกับอาจารย์กันยาวเลยว่ามันเป็นทั้งประเทศและก็ทวีปด้วย นักเรียนสาว Ashley Arnold Arnold สาวหน้าใสอายุ 27 ปีค่ะ กำลังเรียนออนไลน์จากที่บ้านในรัฐไอดาโฮ เพื่อคว้าปริญญาด้านจิตวิทยาออนไลน์ของมหาวิทยาลัย Southern New Hampshire University มาไว้ในมือให้ได้ และสำหรับวิชาสุดท้ายที่เธอจ่ายค่าเล่าเรียนไปเกือบ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 31,000 บาท) เธอได้รับมอบหมายให้ส่งโครงร่างของงานซึ่งจะเปรียบเทียบวัฒนธรรมออนไลน์ในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ อีกประเทศหนึ่ง สาวคนนี้จึงเลือกทำงานในหัวข้อการใช้โซเชียลมีเดียของคนในประเทศ โดยประเทศที่เธอจะใช้เปรียบเทียบก็คือประเทศออสเตรเลียนั่นเอง ทว่าในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมานี้ อาจารย์ของเธอตีงานของเธอกลับมาพร้อมกับให้เกรด F กับเธอเพราะอาจารย์ของเธอเข้าใจว่าประเทศออสเตรเลียไม่ใช่ประเทศ มันเป็นทวีปจึงไม่ควรนำมาทำงานนี้แต่แรก Arnold เล่าว่า “ตอนแรกฉันคิดว่าอาจารย์แกล้งฉันเล่นอยู่แน่ๆ แต่หลังจากอ่านอีเมลไปเรื่อยๆ ฉันก็เริ่มแน่ใจว่าอาจารย์เข้าใจแบบนั้นจริงๆ” อาจารย์ของเธอจบการศึกษาปริญญาเอกด้านจิตวิทยามา เธอจึงแทบไม่อยากเชื่อว่าอาจารย์จะไม่รู้ว่าจริงๆ…
-
ภาพชวนงง เปรียบเทียบรูปเดียวกัน แต่ไหงกลายเป็นว่ามองเห็นความแตกต่างได้ไง!?
บ่อยครั้งที่ดวงตาของเรามองสิ่งที่อยู่ข้างหน้าได้ไม่ตรงตามความเป็นจริง แม้ว่าจะมีแถลงไขแล้วว่าจริงๆ ภาพนั้นมันเป็นอย่างไร ดวงตาเราก็มองเป็นแบบอื่นอยู่ดี ภาพที่เราเห็นไม่ตรงตามความเป็นจริงเหล่านี้เรียกว่าภาพลวงตา ถ้ายังนึกไม่ออกว่ามันเป็นยังไงลองไปดูภาพเปรียบเทียบนี้ดูครับ ภาพถนนสองเส้นที่ดูเหมือนจะเป็นคนละภาพกัน แต่เป็นภาพเดียวกัน ภาพสองภาพนี้เหมือนกับภาพที่ถ่ายจากที่เดียวกัน เพียงแต่ว่ารูปด้านซ้ายมือน่าจะถ่ายจากมุมใกล้ถนน ส่วนรูปด้านขวามือน่าจะถ่ายจากมุมชิดทางเดินใช่ไหมล่ะครับ แต่ว่าอันที่จริงแล้วภาพทั้งสองภาพนี้เป็นภาพเดียวกันเป๊ะเลยต่างหาก ภาพนี้ผ่านตาผู้ใช้งานเว็บไซต์โซเชียลมีเดีย Reddit และ Imgur กว่าล้านคนแล้ว ทุกคนที่ได้เห็นภาพนี้ต่างก็ประหลาดใจที่ได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วภาพทั้งสองนั้นเหมือนกันไม่มีผิด ชาวเน็ตคนหนึ่งคอมเม้นต์ว่า “ประหลาดจริงๆ ฉันรู้นะว่าภาพสองภาพนี้เป็นภาพเดียวกัน แต่อะไรบางอย่างทำให้สมองของฉันไม่เชื่อแบบนั้น ฉันอยากรู้จังเลยว่ามันเกิดจากอะไรกัน” ภาพเปรียบเทียบให้เห็นว่ามันเป็นภาพเดียวกัน ชาวเน็ตอีกท่านหนึ่งก็คอมเมนต์ว่า “สำหรับฉันแล้วภาพนี้ดูเหมือนกับว่าถนนในแต่ละภาพมีทิศทางที่แตกต่างกัน โดยเส้นหนึ่งมันดูเอียงออกไป ฉันทำใจเชื่อได้ยากว่าถนนสองเส้นนี้มันเหมือนกันทุกประการ“ แต่ชาวเน็ตอีกส่วนหนึ่งก็ไม่เห็นความแตกต่างระหว่างภาพทั้งสองเลย “ฉันคิดได้แค่ว่ามันก็เป็นภาพสองภาพที่เหมือนกัน รู้สึกแปลกจังที่มองไม่เห็นภาพลวงตาเหมือนคนอื่นเขา” ภาพบันไดไม่สิ้นสุดที่หลอกตาเหมือนกับภาพถนนสองภาพแรก ระหว่างที่ชาวเน็ตกำลังสงสัยกันว่าเหตุจึงเห็นภาพต่างกันได้ ในที่สุดก็มีผู้ใช้ Reddit ท่านหนึ่งออกมาชี้แจงให้ฟังว่าทำไมเราถึงเห็นภาพหลอกตาแบบนี้ เขาบอกว่า “ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าถนนทั้งสองเส้นนั้นมาบรรจบกันที่ด้านล่างของภาพ สมองของเราก็เลยพยายามมองสองภาพนี้ให้รวมเป็นภาพเดียวกัน โดยมองว่าภ่าพหนึ่งในนั้นแยกออกไปอีกทิศทางหนึ่ง ดังนั้นเราจึงมองว่าภาพทางซ้ายมือจึงดูมีองศาที่แตกต่างกับภาพทางขวามือ” นอกจากภาพถนนเส้นนี้แล้ว ก็ยังมีภาพลวงตาอีกมากมายที่ดวงตาของเรามองต่างไปจากความเป็นจริง เนื่องจากสมองพยายามจะปรับมุมมองของภาพ 2 มิติ ให้กลายเป็นภาพ 3 มิติ…
-
ชาวเน็ตร่วมแชร์ สิ่งที่คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติในตอนเด็ก แต่พอโตมามันไม่ใช่แบบน๊านน!!
ในวัยเด็กซึ่งเป็นวัยที่เรากำลังเรียนรู้สิ่งต่างๆ บนโลกนี้ บางครั้งพ่อแม่ก็มักจะสอนอะไรแปลกๆ ที่ไม่เหมือนกับบ้านอื่นมา แล้วเราก็ดันเก็บไปคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ พอโตมาถึงได้รู้ว่าเราคิดแปลกอยู่คนเดียวนี่หว่า เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นกับเด็กแทบทุกคนในโลกแหละ ชาวเน็ตจำนวนมากก็มีประสบการณ์ในทำนองนั้นเหมือนกัน วันนี้พวกเขาจะมาแชร์ความเข้าใจผิดแบบสุดติ่งให้เราได้ฟังและขำไปพร้อมๆ กัน 1. กินกล้วยเจ็บปาก ตั้งแต่ตอนเด็กผู้ใช้งาน kels369 เชื่อมาตลอดว่าการกินกล้วยแล้วรู้สึกเจ็บปากเป็นเรื่องปกติเหมือนการกินลูกอมทั่วไปนั่นแหละ จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเขาอายุ 18 ปี เขาได้บ่นเรื่องนี้ให้แม่ฟัง แม่ของเธอถึงกับงงกับลูกเลย ตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งได้รู้ความจริงว่าคนทั่วไปกินกล้วยไม่เจ็บปากกันหรอกนะ แต่เขาแพ้กล้วยต่างหาก 2. ขับรถไป Herrera luken4b6dbefbe เล่าว่า “ตอนฉันยังเด็กอยู่ เวลาที่พ่อกับแม่อยากให้ฉันนอนหลับทีไร พวกเขาก็จะบอกฉันว่าจะขับรถไป ‘Herrera’” เธอเข้าใจมาตลอดว่าที่นั่นเป็นที่ที่ไกลมาก เธอจึงมักจะหลับบนรถรอเสมอ แต่เมื่อโตมาถึงได้รู้ว่าชื่อสถานที่นั้นไม่มีอยู่บนแผนที่โลกเลย 3. นางฟ้าต้นคริสต์มาส เมื่อถึงวันคริสต์มาส พ่อแม่ของ paigef45ef1ae8e มักจะบอกเขาเสมอว่า ‘นางฟ้าต้นคริสต์มาส’ เป็นคนเอาของขวัญไปซ่อนไว้ในต้นคริสต์มาส เพราะนั่นเป็นวิธีการให้ของขวัญเฉพาะของบ้านนั้นนั่นเอง เขาก็คิดว่านางฟ้าต้นคริสต์มาสก็โด่งดังเหมือนกับซานตาคลอสและนางฟ้าฟันน้ำนม เมื่อเขาโตมาแล้วพูดเรื่องนี้กับเพื่อนในวันคริสต์มาสถึงได้รู้ว่านอกจากเขาแล้วไม่มีใครรู้จักนางฟ้าต้นคริสต์มาสเลย 4. โทรศัพท์รั่ว k42cfc146d เล่าว่า “ตอนที่ฉันยังเด็กอยู่ เวลาโทรศัพท์ดังพ่อมักจะตะโกนว่า ‘โทรศัพท์รั่วแล้ว ไปรับหน่อย’…
-
คนในครอบครัวพากันอึ้ง เด็กสองคนถูกสลับตัวกันไปตั้งแต่แบเบาะ มารู้ตัวก็อีก 39 ปีให้หลังแล้ว
ตอนเราเป็นเด็กเวลาที่เราทะเลาะกับพ่อแม่ ด้วยความน้อยอกน้อยใจ เราก็ชอบแอบคิดว่าเราเป็นลูกแท้ๆ ของพวกเขาหรือเปล่า? ทำไมไม่เข้าใจเราเลย แต่มันก็เป็นแค่ความคิดน้อยใจของเด็กเท่านั้นไม่ได้เป็นความจริงหรอก แต่สำหรับสาว Tatyana สาวจากประเทศมอลโดวา เมื่อตอนเด็กเธอก็เคยคิดว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของพ่อแม่เหมือนกัน พ่อแม่ของเธอก็มองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ทว่าตอนเธออายุ 39 ปีกลับได้พบกับสาวอีกคนที่สลับตัวไปอยู่กับครอบครัวที่แท้จริงของเธอเสียนี่ ย้อนไปเมื่อปี 1978 Vera Lashtur และสามี Nikolay มีลูกสาวคนใหม่ เธอตั้งชื่อเด็กสาวว่า Tatyana แต่ทารกสาวกลับร้องไห้บ่อยกว่าทารกคนอื่นเสียจนผิดสังเกต และเวลาแม่ของเธอให้นมเธอก็มักจะต่อต้านเสมอ Vera ได้แต่หวังว่าพอเธอโตขึ้นปัญหาพวกนี้ก็จะผ่านไป แต่แม้จะโตเป็นสาวน้อยแล้ว Tatyana ก็ยังคงเป็นคนเจ้าอารมณ์และไม่เชื่อฟังพ่อแม่อยู่ดี เพราะว่าเธอมักจะได้ยินผู้ใหญ่ลือกันว่าเธอหน้าตาไม่เหมือนพ่อแม่ คงจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของครอบครัวนี้เป็นแน่ เจ้าตัวก็แอบคิดแบบนั้นเช่นกัน แต่พ่อและแม่ของเธอไม่เคยเชื่อเรื่องนี้เลย พวกเขาเชื่อสนิทใจว่า Tatyana ต้องเป็นลูกของตัวเองไม่ผิดแน่ๆ จึงยังคงเลี้ยงเธอตามปกติ จนเมื่อปี 1999 ครอบครัวของ Vera ตัดสินใจที่จะย้ายไปอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยกัน ในตอนนั้นนั่นเองเพื่อนบ้านของเธอก็ตัดสินใจพูดคุยกับเธอถึงเรื่องสำคัญก่อนจะจากกันไป พวกเขาเล่าว่าเขารู้จักอีกครอบครัวหนึ่งที่ให้กำเนิดลูกวันเดียวกันกับที่ Tatyana เกิดมา ทารกของบ้านนั้นก็ร้องไห้อยู่เป็นประจำและปฎิเสธแม่ของตัวเองตอนให้นมเหมือนกัน ตอนนั้นเองที่ Vera เริ่มเชื่อว่าลูกของพวกเธออาจจะสลับกัน…
-
9 หนุ่มเป็นอัมพาตเพราะสูด “ผงขาว” จากกล่องไปรษณีย์ปริศนา เพราะนึกว่าเป็นโคเคน!?
เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2018 ทางสำนักข่าว BBC ได้รายงานว่า แบ็กแพ็กเกอร์จำนวน 9 คนถูกหามส่งโรงพยาบาลในประเทศออสเตรเลียอย่างเร่งรีบด้วยอาการชัก ร่างกายเป็นอัมพาต และมีอาการเห็นภาพหลอน อาการดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่ทั้ง 9 คนได้สูดเอาผงขาวปริศนาเข้าไป ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบว่ามันคือยา Hyoscine เป็นยาตามใบสั่งแพทย์ หรือที่บางคนอาจรู้จักกันในชื่อของยา Date Rape Drug ที่ไว้ใช้ในการก่ออาชญากรรม แบ็กแพ็กเกอร์ 9 คนนี้มาจากหลากหลายประเทศ มีชาวฝรั่งเศส 5 คน ชาวเยอรมัน 2 คน ชาวอิตาลี 1 คน และชาวโมรอคโคอีก 1 คน โดยมีอายุอยู่ที่ 21-25 ปี จากการบอกเล่าของ Simone หนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายครั้งนี้ เขาเล่าว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นมาจากตอนที่พวกเขาพักอยู่ที่บ้านหลังเดียวกันในเขต Victoria Park ระหว่างนั้นก็มีพัสดุถูกส่งมาให้ที่บ้าน จ่าหน้าถึงเจ้าของบ้านคนเก่า เมื่อเปิดดูจึงพบผงสีขาวถูกห่อด้วยกระดาษที่เขียนไว้ว่า Scoop ซึ่งหมายถึงตัวยา Scopolamine…
-
พรานหนุ่มโรมาเนียถูกยิงเสียชีวิตในป่า หลังเพื่อนเข้าใจผิด คิดว่าเป็นหมูป่า!?
ในวันคริสต์มาสอีฟปี 2017 อาจเป็นวันที่ใครหลายๆ คนได้เฉลิมฉลองกับเพื่อนหรือครอบครัวกันอย่างมีความสุข แต่มันกลับกลายเป็นวันที่น่าเศร้าสำหรับของชายคนหนึ่งในประเทศโรมาเนียที่มีชื่อว่า Victor Dinca วัย 31 ปี ในช่วงเทศกาลวันหยุด Victor ต้องการกลับบ้านไปฉลองช่วงคริสต์มาสกับครอบครัวและเพื่อนๆ ในบ้านเกิดที่พ่อของเขาเป็นนายกเทศมนตรีอยู่ แต่แทนที่จะจัดงานเลี้ยงกันเพื่อความสนุกสนานเฮฮา กลายเป็นว่าต้องจัดงานศพให้กับชายคนนี้เสียแทน Victor อาจารย์สอนบัญชีที่มหาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในเมือง Bucharest เรื่องราวมีอยู่ว่าในเช้าวันคริสต์มาสอีฟ Victor และเพื่อนอีก 7 คน ตัดสินใจเข้าป่าไปล่าสัตว์ในเขต Dambovita ทางตอนใต้ของประเทศโรมาเนีย ในวันนั้นเขาและเพื่อนตั้งใจจะไปล่าหมูป่ากัน แต่ขณะที่กำลังล่ากันอยู่นั้นเอง เพื่อนวัย 41 ปีคนหนึ่ง ซึ่งเป็นพี่ชายนอกสายเลือดของ Victor ยิงปืนออกไปหมายจะเอาชีวิตหมูป่าที่อยู่ห่างประมาณ 30 เมตร เมื่อวิ่งตามไปดู ศพที่เจอกลับไม่ใช่หมูป่าอย่างที่เขาคิด แต่เป็นร่างของ Victor ที่ถูกกระสุนขนาด 12 มิลลิเมตร พุ่งทะลุหัวใจนอนตายคาที่ จากการเข้าใจผิดของเพื่อน ทำให้นักบัญชีหนุ่มต้องเสียชีวิตลง สร้างความเสียใจให้กับคนในครอบครัวและเพื่อนๆ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภรรยาของเขา ซึ่งทั้งสองวางแผนกันเอาไว้ในตอนแรกว่าจะทำพิธีล้างบาปให้กับลูกสาววัย 2…
-
คุณแม่กะจะส่งรูปไปให้พ่อ แต่ดั๊นส่งผิดไปให้ลูก เอ๊ะ.. แล้วแม่ส่งรูปอะไรมาล่ะนั่น!?
ในปัจจุบันไม่ได้มีเพียงแค่เด็กวัยรุ่นเท่านั้นที่มีสมาร์ทโฟนเพราะผู้หลักผู้ใหญ่หรือคุณพ่อคุณแม่เราเองก็มีเช่นเดียวกัน ทำให้ทั้งครอบครัวสามารถพูดคุยหรือส่งรูปภาพหากันได้ง่ายยิ่งขึ้น และบางครั้งก็อาจมีการส่งหาคนผิดบ้างเหมือนกับคุณแม่คนนี้ที่ส่งรูปหาผิดคนแค่ครั้งเดียว แต่กลับกลายเป็นกระแสในโลกโซเชียลซะอย่างนั้น เรื่องราวนี้ได้ถูกแชร์ลงในทวิตเตอร์ของ Liam McDonald หนุ่มวัย 24 ปีที่อยู่ในเมืองดันดี ประเทศสก็อตแลนด์ เมื่อมือถือของเขาแจ้งเตือนว่าคุณแม่ได้ส่งรูปมาให้ผ่านแอพฯ WhatsApp แต่เขากลับไม่กล้าเปิดขึ้นมาเพราะคุณแม่ดันส่งข้อความทิ้งท้ายว่า “ขอโทษที คิดว่าพ่อ (ฮา)” คุณแม่ส่งมาให้ตั้ง 3 ภาพ แถมติดรูปหัวใจมาให้ด้วย แต่ดันผิดแชท ตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ตรงข้อความที่ 3 เธอดันใส่อิโมจิรูปหัวใจมาให้อีก รูปแบบของข้อความแบบนี้ทำเอาลูกชายไม่กล้าเปิดเลย เพราะไม่แน่ว่ามันอาจเป็นรูปแบบส่วนตัวๆ ของพวกเขาก็ได้ จากนั้นเขาจึงได้นำภาพการแจ้งเตือนนี้ไปแชร์ลงในทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2017 พร้อมกับคำพูดที่ว่า “เช็ดเขร้ ผมไม่กล้าเปิดมันขึ้นมาเลย” โพสต์ของชายหนุ่มที่ยังคงคาใจกับรูปที่แม่ของเขาส่งมา เรื่องราวนี้ทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากต่างพากันสงสัยไปพร้อมๆ กับเขาจนมีการรีทวีตไปมากกว่า 25,000 ครั้ง กดไลก์อีกกว่า 85,000 ครั้ง และได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเต็มไปหมด ซึ่งเกือบทั้งหมดต้องการให้เขาเปิดดูรูปนั้นซะสงสัยเรื่องนี้คงไปกระตุ้นต่อมความอยากรู้ของใครหลายๆ คนเข้าแล้วสินะ “โถ่วจารย์ จะมาปล่อยให้พวกเราคาใจแบบนี้ไม่ได้นะ” อย่างคนนี้ก็ถึงกับตั้งค่าการแจ้งเตือน เพื่อให้ได้รู้ทันทีเวลาที่ Liam เข้ามาอัพเดทเรื่องราวนี้…
-
เจ้าหมาโกลเด้นที่พอเห็นหมาพันธุ์เดียวกันได้ออกทีวี ก็คิดว่าเป็นตัวเองจนยิ้มซะปากฉีก
เราอาจเคยถูกทักว่าหน้าเหมือนดารานักร้องอยู่บ้าง หรือเราอาจคิดว่าเพื่อนๆ เราหน้าเหมือนใครซักคน เช่นเดียวกับเจ้าหมาตัวนี้ที่มันดันเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองได้ไปออกทีวี ทั้งที่ความจริงสุนัขในทีวีนั่นมันคนละตัวก๊านนน เจ้าสุนัขตัวนี้อาศัยอยู่ในรัฐโอคลาโฮมา มีชื่อว่า Pete สายพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ความน่ารักของมันก็คือเวลาได้เห็นน้องหมาสายพันธุ์เดียวกันอยู่ในทีวี มันก็จะคิดว่านั่นคือตัวมันเองและเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ แม่ๆ มาดูป๋มออกทีวีเร๊ววว Jade Westhoff เจ้าของสุนัขตัวนี้ได้บอกว่า “มันชอบนั่งดูเพื่อนร่วมสายพันธุ์ของมันตามสื่อต่างๆ อย่างเช่นหนังเรื่อง Air Bud ที่มีตัวเอกเป็นน้องหมาโกลเด้น พอมันเห็นปุ๊บก็จะรีบวิ่งมานั่งดูไม่ยอมไปไหนเลย” เหตุการณ์นี้ก็เช่นกันเมื่อในรายการท้องถิ่นของรัฐที่มีชื่อว่า Stacia’s Pet Pics เผยให้เห็นภาพของน้องหมาโกลเด้นสองตัวออกทีวี ทำให้เจ้า Pete รีบมานั่งแหงนดูก่อนที่จะหันมายิ้มให้กับ Jade ด้วยความภูมิใจราวกับว่าน้องหมาในทีวีคือตัวมันเอง นั่นไม่ใช่เอ็งหรอกนะเจ้า Pete… หญิงสาวจึงได้ทำการแชร์เรื่องของมันลงไปทางทวิตเตอร์ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2017 และมีคนจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับมัน “ไม่อยากจะเชื่อเลย หน้าตามันดูภูมิใจมากๆ เลยนะเนี่ย” “เห็นหน้ามันแล้วฉันอยากจะจบชีวิตตัวเองลงตรงนี้เลย” “คุณพระ!! ใจฉันละลายเพราะรอยยิ้มของมันไปแล้ว” นั่งแล้วนั่งยาวไม่ยอมไปไหนเลยน้าาา นี่ถ้ามันรู้ความจริงว่าในนั้นไม่ใช่มันนี่จะเศร้าขนาดไหนละเนี่ย หวังว่ามันคงจะไม่เปิดทวิตเตอร์ตามเข้าไปดูหรอกเนาะ …
-
ชายหนุ่มโดนจับเพราะถูกเข้าใจผิดคิดว่าน้ำตาลไอซิ่งคือยาไอซ์ ฟ้องกลับได้เงินกว่า 1 ล้านบาท
บางครั้งเราก็อาจเข้าใจผิดคิดว่าสิ่งนี้เป็นอีกสิ่งหนึ่ง อย่างเช่นคิดว่าน้ำตาลเป็นเกลือหรือถ้าหนักกว่านั้นหน่อยก็อาจคิดว่าน้ำตาลเป็นยาไอซ์ก็ได้ เหมือนกับที่ชายคนนี้โดนตั้งข้อหาและถูกจับในวันที่ 11 ธันวาคม 2015 นี่เป็นเรื่องราวของ Daniel Rushing วัย 65 ปี ย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 2 ปีที่แล้วเขาถูกตรวจค้นรถขณะที่กำลังขับไปห้างสรรพสินค้า ก่อนที่เขาจะถูกจับข้อหามีอาวุธและสารเสพติดไว้ในครอบครอง เขาได้บอกกับเจ้าหน้าที่ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขามีใบอนุญาตครอบครองอาวุธอย่างถูกกฎหมาย ส่วนเรื่องของสารเสพติดก็ยืนยันว่าเศษผงบนพื้นรถที่ตำรวจพบเป็นน้ำตาลที่หล่นมาจากโดนัทที่เขากินไปเท่านั้นเอง Krispy Kreme โดนัทร้านโปรดของเขา ถึงอย่างนั้นเจ้าหน้าที่ Shelby Riggs-Hopkin ไม่เชื่อในคำแก้ตัวของเขาและบอกว่า “จากประสบการณ์เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายกว่า 11 ปีของฉัน บอกได้เลยว่าเจ้าสิ่งนี้ต้องเป็นยาเสพติดแน่นอน” เพื่อความแน่ใจเธอจึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นๆ ทำการทดสอบตรงด่านข้างถนนทันที เพื่อดูว่ามันใช่ยาเสพติดจริงหรือไม่ และผลลัพธ์ก็ออกมาว่ามันเป็นสารที่ใช้ในยาเสพติดจริง ทำให้ Daniel ถูกตั้งข้อหาและถูกจับกุมตัวไปขังเอาไว้นานกว่า 10 ชั่วโมงก่อนที่จะถูกประกันตัวออกมาด้วยเงินกว่า 80,000 บาท ภาพถ่ายที่ต้องการจะสื่อว่า เขาถูกจับเพียงเพราะโดนัทเนี่ยนะ?! แต่แล้วคดีก็พลิกเพราะหลังจากที่เศษผงดังกล่าวถูกส่งต่อไปตรวจในห้องแล็บที่ฟลอริด้าหลายสัปดาห์ต่อมา ผลตรวจกลับออกมาว่าสิ่งนั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับสารเสพติดเลย นั่นจึงทำให้ชายหนุ่มจ้างทนายและฟ้องร้องเจ้าหน้าที่รัฐในทันที เพราะเขารับไม่ได้ที่ต้องมาถูกจับโดยไม่มีเหตุผล ทางเจ้าหน้าที่ได้ออกมาบอกกับสื่อว่า ตำรวจที่ทำการตรวจสอบสารเสพติดตรงด่านตรวจไม่ได้รับการฝึกอบรมที่เพียงพอ ทำให้การใช้เครื่องมือตรวจได้ผลลัพธ์ที่คลาดเคลื่อน ส่วนเจ้าหน้าที่ Shelby ก็ได้ถูกตำหนิและลาออกไป…
-
13 เทคนิค “ไลฟ์แฮ็ก” ที่แชร์กันทั่วในโลกออนไลน์ แท้จริงแล้วมันทำไม่ได้หรอกนะ…
ไลฟ์แฮ็กคือวิธีการง่ายๆ ที่จะทำให้ชีิวิตของเราง่ายขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ได้เห็นการแชร์วิธีต่างๆ เหล่านี้ทั่วโลกออนไลน์ แต่จริงๆ แล้วไลฟ์แฮ็กบางอย่าง เมื่อนำไปใช้จริงกลับทำให้มีปัญหามากกว่ามีประโยชน์ซะอีก แถมยังเปลืองเวลาและพลังงานโดยใช้เหตุ และต่อไปนี้คือไลฟ์แฮ็กที่ควรหลีกเลี่ยง 1. เคร่ื่องปิ้งขนมปังไม่ได้ทำให้ชีสสุกพอดีได้ วิธีที่ได้รับการแนะนำคือ วางชีสไว้บนขนมปังแล้วเอาไปวางในเครื่องปิ้งขนมปัง โดยให้เครื่องอยู่ในลักษณะนอน… มันคือวิธีที่ผิดและไม่ควรทำ วิธีดังกล่าวนี้นอกจากจะอันตรายแล้วมันยังไม่ได้ผลด้วย เพราะสุดท้ายแล้วชีสกับขนมปังจะไม่ติดเป็นเน่ื้อเดียวกัน เนื่องจากความร้อนที่ไม่เพียงพอ ที่สำคัญคือขนมปังอาจจะเด้งออกมา แต่ชีสจะละลายอยู่ภายในเครื่องปิ้งขนมปัง จนอาจทำให้เครื่องพังได้ 2. ม้วนกระดาษทิชชู่ไม่สามารถนำมาทำเป็นลำโพงโทรศัพท์ได้ วิธีที่แนะนำคือนำแกนกระดาษทิชชู่มาต่อกัน แล้วเจาะช่องตรงกลางสำหรับเป็นช่องวางโทรศัพท์ จากนั้นเมื่อเปิดเพลงหรือเสียงอะไรก็แล้วแต่ จะทำให้เสียนั้นดังขึ้น ราวกับเปิดลำโพง แต่จริงๆ มันไม่ได้ทำเสียงดังขึ้นตามที่อ้างมา เนื่องจากมันเป็นเพียงแค่กระดาษที่ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรกับเคลื่อนที่ของเสียง แต่หากนำโทรศัพท์ไปวางในถ้วยหรือแก้ว มันจะเห็นผลมากกว่า เพราะเสียงกระทบกับแก้วจะทำให้เสียงก้องขึ้น 3. ช้อนไม้ไม่ได้ทำให้น้ำต้มไม่ทะลักออกจากหม้อ ไลฟ์แฮ็กบอกว่าให้วางช้อนไม้บนปากหม้อ สามารถป้องกันไม่ให้น้ำในหม้อทะลักออกมาและหกเลอะเทอะ วิธีนี้อาจจะใช้ได้กับหม้อตุ๋นบางประเภท แต่ถ้าเป็นหม้อทั่วไป น้ำจะเดือดขึ้นอย่างรวดเร็ว ดีไม่ดีช้อนคุณอาจจะตกลงไปพร้อมน้ำก็ได้ 4. ที่งัเตะปูไม่ได้ช่วยให้เปิดจุกขวดไวน์ วิธีที่แนะนำกันมาคือ ตอกตะปูเข้าไปให้แน่นแล้วก็ใช้ที่ดึงตะปูที่อยู่ปลายค้อนดึงตะปูนั้นขึ้นมา มันจะทำให้จุกไวน์ติดออกมาด้วย วิธีนี้จะได้ผลเฉพาะในกรณีที่คุณมีเคร่ื่องมือในการเปิดหลายอย่าง ดังนั้นแทนที่จะหาอุปกรณ์เหล่านี้มาแนะนำให้เปิดด้วยที่เปิดธรรมดาจะดีกว่า 5.…
-
23 ภาพที่มันเตะตา ดูทีเดียวแล้วก็ต้องหันกลับมาดูอีก ว่าเราไม่ได้มองอะไรผิดไปใช่มั้ย!??
เวลาที่เรามองไปยังภาพถ่ายภาพหนึ่ง ในบางครั้งเราอาจจะรู้ความหมายของมันภายในทันที หรือรู้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นคืออะไร ในขณะที่บางภาพกลับทำให้เรารู้สึกสับสน ดูเพียงครั้งเดียวก็ต้องหันกลับมาดูอีกทีว่า เอ๊ะ!! เราไม่ได้มองอะไรผิดไปใช่มั้ยยย และในครั้งนี้ #เหมียวขี้อ้อน ได้รวบรวม 23 ภาพถ่ายที่ดูครั้งเดียวคงไม่พอ เพราะมันเตะตาจนต้องทำให้กลับมาดูอีกครั้ง มารับชมกันเลย อ๊ะ!! เหมือนกับว่าแท๊งค์น้ำมันกำลังทาลิปสติกให้ตัวเองสวยอยู่งั้นแหละ นี่ไม่ใช่แครอทแม่ลูกกำลังกอดกันหรอกนะ และนี่คือกีตาร์อากาศ แมวหิมะ อ่างน้ำที่ดูเหมือนกำลังจะขอความช่วยเหลือ คุณเห็นกบในกาแฟนั่นไหม เป็นการบีบครีมที่เทพมาก เพราะมันออกมาคล้ายกับเจ้ามนุษย์ยางมิชลินแมนเหลือเกิน ภาพถ่ายหายากของเอเลี่ยนที่กำลังใช้บริการรถบัส เย้ย!! ดูเหมือนว่าจะมีรถบรรทุกมาเก็บขยะแล้วสินะ ใบไม้แห้งที่มีรูปร่างคล้ายนินจา นี่อาจจะเป็นไฟแช็กที่ดูหลอนที่สุด มะเขือยาวสุดแปลกที่มีดวงตา จมูก ปาก คล้ายกับมนุษย์ รู้สึกไหมว่าไม้ถูพื้นกำลังยิ้มให้คุณอยู่ เมื่อแมวเหมียวกับส้มมารวมกัน มันก็อาจจะคล้ายไข่ดาวหน่อยๆ กล้องวงจรปิดกำลังจะยิงมาที่คุณแล้ว ได้โปรดเถอะพี่ค้อน อย่าทำร้ายเค้าเลยนะ …
-
ชาวเน็ตพากันจิ้น Justin Bieber กับ Carl Lentz ใกล้ชิดสนิทกันมาก จนสาวๆ อิจฉาตาร้อน!!
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายคนคงจะได้เห็นภาพของนักร้องหนุ่มสุดฮอตอย่าง Justin Bieber ที่มีภาพหลุดขณะกำลังเดินโอบจู๋จี๋กับหนุ่มล่ำบึกคนหนึ่ง ซึ่งเราก็เชื่อว่าเพื่อนๆ โดยเฉพาะสาวๆ หลายคนอาจจะต้องสับสนไปตามๆ กันว่าเอ…หนุ่มคนนี้เขาเป็นใครกันน้า หรือหนุ่ม Justin อาจจะกำลังเปลี่ยนแนวโน้มไปรักกับเพศเดียวกัน เพราะดูจากภาพกอดกันกลม แถมยังหว๊านหวานอีกต่างหาก งานนี้ก็เลยทำให้บรรดาชาววายทั้งหลายต่างก็พากันจิ้นคู่นี้ไปตามๆ กัน แหมม!! ก็ดูสิแต่ละภาพตัวติดกันขนาดนี้จะไม่ให้คิดได้ยังไง ฮ่าๆ นี่คือ Carl Lentz หนุ่มหุ่นล่ำที่กำลังเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ ณ ขณะนี้ เขาเป็นบาทหลวงที่โบสถ์ Hillsong ในนิวยอร์กซิตี้ อู้ววววว มีโอบด้วยนะ หรือว่าจะกลายเป็นรักใหม่ของ Justin!? อุ้มลูกใครน่ะ!! คู่จิ้นฟินเว่อร์ อื้ม เขาเป็นคุณพ่อจริงๆ ดูเท่ห์ไหมละ สุดยอดดดด ทั้งคู่ชอบไป Hang Out ด้วยกันบ่อยๆ นี่อาจเป็นบาทหลวงที่หน้าตาดีที่สุดคนหนึ่ง แต่สุดท้ายสิ่งที่คุณกำลังคิดอาจไม่ใช่ความจริงก็เป็นได้ …
-
ชายชราสมองเสื่อม ยังคงฝังใจถึงสมรภูมิเวียดนาม เพื่อนทหารจึงอาสาช่วยปลดประจำการ…
เราคงจะมีความหลังที่ฝังใจเรากันบ้าง ทั้งในเรื่องที่เรารู้สึกอยากเก็บไว้เป็นความทรงจำ หรือแม้แต่เรื่องที่เราอยากลบมันออกไปจากสมอง แต่มันก็ยังคงฝังไว้ในส่วนลึกเองก็เช่นกัน หากเป็นเหตุการณ์ร้ายๆ ถ้าเราคิดถึงมันก็คงจะทำให้เรารู้สึกไม่ดีอย่างแน่นอน อย่างเช่น Lawrence ชายชราชาวอเมริกัน วัย 84 ปีท่านนี่ ตอนวัยหนุ่มเขาได้รับใช้ชาติให้กับประเทศบ้านเกิดนานถึง 20 ปี โดยเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอากาศ และในช่วงเวลานั้น เขาก็ได้ออกรบที่เวียดนามด้วย ซึ่งนั่นคงจะเป็นความทรงจำที่ไม่ดีซักเท่าไหร่ ด้วยอายุที่มากขึ้น จึงทำให้สุขภาพจิตของยิ่งถดถอยลงไปเรื่อยๆ จนไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตประจำวันได้ด้วยตัวเอง แต่ก็ยังมีครอบครัวคอยดูแลเขาอยู่เสมอให้ผ่านวันแต่ละวันไปได้ด้วยดี จนเมื่อ 2 ปีก่อนที่เขาได้รับการบาดเจ็บที่สะโพกและการฟื้นฟูที่เป็นไปอย่างยากลำบาก รวมไปถึงไม่อาจเชื่อใจลูกๆ และภรรยาด้วยอาการที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น รัฐวอชิงตันจึงรับเขามาดูแลแทนในฐานะทหารผ่านศึก เพื่อไม่ให้อารมณ์ของเขาระเบิดออกมาทำร้ายครอบครัวของเขาเอง ลูกสาวและลูกเขยของเขาได้เข้ามาดูแล นำอาหารที่เขาชอบมามอบให้ที่บ้านพักทหารผ่านศึก ในฐานะคนที่ไม่รู้จักกัน เพราะด้วยความที่เขาไม่เชื่อใจคนในครอบครัวอีกต่อไปแล้ว เขาได้เริ่มที่จะพูดถึงเรื่องอดีตที่บางเรื่องก็ไม่ได้มีสาระอะไร หรือกับเรื่องที่จำถูกแล้ว ก็จะยังคงมีปัญหาจำไม่ได้ว่าเรื่องนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เหมือนกับเรื่องที่คิดว่าตัวเขาเองนั้นต้องถูกส่งกลับไปในสงครามที่เวียดนามอีกครั้ง ความคิดที่เชื่อว่าทางกองทัพได้โทรมาตามให้เขากลับเข้าสู่สงครามในวันก่อนหน้านั้น และยังคงพูดเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมาในแต่ละวัน ขณะที่พูดนั้นก็จะร้องไห้ไปด้วยโดยไม่ทราบสาเหตุ เพราะยังคงเชื่อว่าจะต้องกลับไปสู่เหตุการณ์เหล่านั้นอีก ลูกเขยของเขาจึงเสนอวิธี ให้พานายทหารที่เกษียณอายุไปแล้วเช่นเดียวกัน กลับมาเยียวยาเรื่องนี้ เขาจึงได้โพสต์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเข้าไปในกลุ่มเฟซบุ๊คของเมือง ซึ่งก็ได้รับการตอบกลับให้ความช่วยเหลือมามากมาย ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง และในเช้าวันต่อมาก็ได้มีอดีตนายทหารชั้นพันโทมาหาเขาทันที…
-
สาวถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเหยื่อโดนน้ำกรดสาด ที่จริงแล้วเธอป่วยเป็นโรค จนทำให้ไม่มีแขน
เรื่องราวของ Myra Ali สาววัย 29 ปี กับตลอดช่วงชีวิตของเธอที่ถูกคนรอบตัวเข้าใจผิด คิดว่าเธอเป็นเหยื่อของการโดนน้ำกรดสาด ซึ่งแท้จริงแล้วเธอไม่ได้ถูกน้ำกรดสาดแต่อย่างใด ทว่านี่คืออาการป่วยหายากชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า ‘โรคตุ่มน้ำพองใสในเด็ก’ ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้ผิวหนังของเธอดูเหมือนถูกน้ำกรดสาดมา Myra Ali แม้ว่าอาการป่วยของเธอจะเป็นอาการที่ติดต่อจากรุ่นสู่รุ่น แต่ถึงกระนั้นผู้คนก็มักจะเข้าใจผิดอยู่เสมอว่า ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นสาวงามแต่ถูกน้ำกรดสาด “ต้องยอมรับค่ะ ว่าก่อนหน้านี้ฉันสูญเสียความมั่นใจในตัวเองมากๆ เพราะคนมักจะเข้ามาถามไถ่ว่าฉันไปโดนอะไรมา… ซึ่งฉันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิด ถึงขนาดที่ช่วงหนึ่งฉันต้องคุมแผลทั้งตัวเพื่อออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน” Myra Ali กล่าว จากอาการป่วยดังกล่าวทำให้เธอสูญเสียมือทั้งสองข้าง “ถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกเจ็บเท้าและมือมากๆ เลย แต่ฉันก็ต้องต่อสู้เพื่อใช้ชีวิตประจำวันต่อไป ทุกวันนี้ฉันไม่สนใจคำนินทาของคนรอบตัวอีกต่อไปแล้ว… เพราะฉันได้รู้แล้วว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวเราเอง” มันไม่ง่ายเลยกับตลอดช่วงชีวิตของเธอ ที่ต้องต่อสู้กับเสียงวิจารณ์จากผู้คนรอบข้าง แต่เธอก็สามารถต่อสู้พากเพียรจนเรียนจบได้ “สิ่งหนึ่งที่ฉันอยากจะบอกก็คือ.. หลายคนอาจจะเข้าใจผิดได้ว่าฉันโดนน้ำกรดสาด แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย มันเป็นอาการป่วยทางพันธุกรรมชนิดหนึ่งเท่านั้นเอง” เจ้าตัวกล่าวทิ้งท้าย ไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่ไปกว่าการมั่นใจในตัวเองอีกแล้ว ที่มา: Dailymail
-
สาวใหญ่วัย 63 ปี ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนดังในวงการแฟชั่น เพียงเพราะสไตล์การแต่งตัวสุดชิค
ไม่ใช่ความจริงเลยที่เมื่อคุณอายุมากขึ้นจะต้องแต่งตัวแก่ลงตามอายุ เพราะสาวเท่คนนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ก็สามารถแต่งตัวให้ดูสวยและทันสมัยได้อยู่เสมอ เธอคนนี้มีสไตล์การแต่งตัวที่เรียกได้ว่าเป็นแฟชั่นนิสตัวแม่ จนเหล่าผู้คนต่างเข้าใจผิดว่าเธอเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการแฟชั่น เธอจะเท่และชิคขนาดไหนได้ทำความรุ้จักกับเธอกันเลย สาวสุดเท่คนนี้มีชื่อว่า Lyn Slater เธอมีอายุ 63 ปีแล้ว เธอใช้ชีวิตสุดชิคอยู่ที่เมืองนิวยอร์กโดยเธอเป็นทั้งนักวารสารและคุณครูที่สอนอยู่ใน Fordham University อีกด้วย เหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปตลอดกาลคือ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านเธอได้ยืนรอเพื่อนๆ อยู่ไม่ไกลจาก Lincoln Centre ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการจัดงาน Fashion Week อยู่บ่อยๆ และมีช่างถ่ายภาพคนหนึ่งเข้าใจผิดว่าเธอเป็นสไตล์ลิสต์ชื่อดังในวงการแฟชั่น จากนั้นช่างภาพทั้งหลายก็เริ่มล้อมวงเพื่อถ่ายรูปเธอและนักข่าวชาวญี่ปุ่นสองคนก็เริ่มรุมสัมภาษณ์เธอ ไม่เพียงเท่านั้นนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมาเริ่มใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปและอัดคลิปวิดีโอของเธอเพราะพวกเขาคิดว่าได้เจอบุคคลสำคัญในอุตสาหกรรมแฟชั่นเข้าแล้ว เธอรู้สึกสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นไม่นานเพื่อนของเธอก็มาถึงและเธอกับเพื่อนก็เริ่มหัวเราะขบขันกับเหตุการณ์เข้าใจผิดที่เกิดขึ้น เพื่อนของเธอจึงแซว Lyn ว่า “คุณได้กลายเป็นไอคอนแฟชั่นไปซะแล้วล่ะ” เราไปดูสไตล์การแต่งตัวสุดชิคที่ทำให้ทุกคนต่างเข้าใจผิดว่าเธอคือคนดังกันเถอะ . . ไม่ว่าจะโพสท่าไหนๆ ก็ดูเป็นมืออาชีพ จะไม่ให้เข้าใจผิดได้ไงล่ะ . . เธอแมทช์ทุกชุดได้ลงตัวสุดๆ . . . สไตล์เรียบหรูของเธอทำให้ดูโดนเด่นและสง่ามากๆ เหมือนเป็นคุณแม่แห่งวงการแฟชั่นจริงๆ . ยอมใจคุณแม่จริงๆ เชื่อว่าเพื่อนๆ ทุกคนต้องชอบสไตล์การแต่งตัวของเธอเป็นแน่ ถ้าอยากชมแฟชั่นเก่ๆ…
-
เด็กชายวัย 11 ปีเข้าใจผิดจนฆ่าตัวตายตามแฟน หลังถูกกลุ่มเพื่อนหลอก จนเชื่อว่าแฟนตายแล้ว!!
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ในปัจจุบันสื่อที่เข้ามามีอิทธิพล และบทบาทต่อชีวิตของมนุษย์มากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งหลายๆ คนก็คงจะรู้แล้วว่าสื่อเหล่านี้ก็เหมือนกับดาบสองคม ที่มีทั้งด้านดี และด้านเสีย บางคนก็ใช้สื่อโซเชียลมีเดียในทางที่เกิดประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและสังคม ในขณะที่อีกหลายๆ คนกลับไม่มีสติ ใช้สื่อเหล่านั้นในทางที่ผิด จนสุดท้ายก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดทั้งต่อตัวเอง และผู้อื่น บางรายก็นำไปสู่โศกนาฏกรรมอันน่าเศร้า เหมือนดั่งเช่นเรื่องราวของ Tysen Benz เด็กหนุ่มวัยเพียง 11 ปี จากรัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ตัดสินใจจบชีวิตของตัวเอง เหตุเพราะถูกกลั่นแกล้งให้เข้าใจผิดบนโลกโซเชียล เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560 ทางสำนักข่าวต่างประเทศมีรายงานว่า ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา Katrina Goss ได้ออกมาเผยว่า Tysen Benz ผู้เป็นลูกชายได้เสียชีวิตลง หลังจากที่เขาได้ตกเป็นเหยื่อของแฟนสาววัย 13 ปีที่แกล้งเขาในโลกออนไลน์ “แฟนสาวของ Tysen และเพื่อนของเธอได้ใช้สื่อโซเชียลเป็นตัวกลางในการแกล้งเขา โดยเธอพยายามทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าเธอฆ่าตัวตาย และมันก็ทำให้เขาเชื่อ แถม Tysen ยังบอกอีกว่า…ฉันจะฆ่าตัวตายตาม” Katrina กล่าว จากการรายงานระบุว่า…
-
หนุ่มสุพรรณ โดนขนส่งเชียงใหม่หาว่าเป็น Uber เพียงแค่ขับไปส่งเพื่อนชาวต่างชาติ!?
หลังจากที่มีประเด็นถกเถียงกันเรื่องของ Uber และ รถขนส่งสีแดง ที่เชียงใหม่กำลังครุกกรุ่นอยู่นั้น ไม่ว่าจะเป็นการที่ประชาชนชาวเชียงใหม่ออกมาเรียกร้องให้ปรับปรุงโครงสร้างของ ‘รถแดง’ ส่วนทางท่านนายกฯ ท่องเทียวของเชียงใหม่เองก็ออกมาหนุนรถแดง ว่าเป็นเสน่ห์ของท้องถิ่น ทางขนส่งเองก็ได้มีการล่อจับคนขับ Uber ดำเนินคดีไปแล้วหลายราย ล่าสุดก็มีเหตุเกิดขึ้นเมื่อชาวเน็ตสมาชิกเว็บไซต์ CM108 ชื่อว่า tonpai ที่เป็นเว็บบอร์ดเอาไว้พูดคุยกัน และเว็บไซต์ข่าวสารท้องถิ่นสำหรับชาวเชียงใหม่ ได้ถูกกรมขนส่งดำเนินคดีเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนขับ Uber!? ในโพสต์เล่าว่า เขาเป็นคนสุพรรณบุรีและช่วงที่ผ่านมาได้ขับรถขึ้นมาเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทั้งได้นัดหมายกับเพื่อนชาวต่างประเทศเอาไว้ที่จังหวัดเชียงใหม่ พอได้พบกันแล้วพวกเขาก็ออกไปเที่ยวด้วยกันตามประสา หลังจากที่พบปะกันเรียบร้อยแล้วก็แยกย้ายกันไปเพราะเพื่อนชาวต่างประเทศต้องการที่จะอยู่เที่ยวกันที่เชียงใหม่ต่อ ส่วนทางเจ้าของกระทู้และครอบครัวต้องกลับบ้านที่สุพรรณ ทุกอย่างเหมือนจะลงเอยด้วยดีไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แล้วจู่ๆ เมื่อวานที่ผ่านมาพบว่ามีจดหมายจากสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ส่งมาที่บ้านแจ้งว่าเจ้าของกระทู้ใช้รถผิดประเภท ให้ไปชำระค่าปรับ พร้อมทั้งได้ทำการอายัดรถของเขาไว้แล้วด้วย!? ด้วยเหตุนี้เองทางเจ้าของกระทู้ก็รีบโทรไปยังสำนักงานขนส่งที่เชียงใหม่ ก็ได้ความว่า มีคนร้องเรียนมาทางสำนักงานจึงได้ออกหนังสือเปรียบเทียบปรับ หากเจ้าของกระทู้บริสุทธิ์จริงก็ต้องเดินทางมาให้ปากคำบันทึกชี้แจง ที่สำนักงานขนส่งเชียงใหม่เท่านั้น!! และไม่สามารถดำเนินการที่ปลายทางได้ ซึ่งทางเจ้าของกระทู้เองก็บอกว่าการเดินทางจากสุพรรณไปเชียงใหม่นั้นมันไม่ใช่ใกล้ๆ เลย แถมค่าใช้จ่ายก็ไม่ใช่ถูกๆ เท่านั้นยังไม่พอยังต้องไปติดต่อในวันทำการซึ่งเขาเองก็ทำงานประจำอยู่ แบบนี้แล้วใครจะรับผิดชอบ!? จากนั้นไม่นานก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นให้คำแนะนำ ความคิดเห็นจากคุณ Ken Kongrit : ไปร้องศาลปกครองที่สุพรรณให้คุ้มครองชั่วคราวไม่ไปรายงานตัวตามวันและเวลาที่กำหนดก่อนครับ จากนั้นฟ้อง ม.157…
-
หนุ่มถูกจับเข้าคุกแบบงงๆ เพราะตำรวจพบ ‘ยาไอซ์’ ในรถ แต่จริงๆ คือทรายแมวแบบคริสตัล!?
ในวันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวที่เป็นอุทธาหรณ์สำหรับเหล่าทาสแมวทั้งหลายมาเล่าให้ฟัง ว่าการพกเจ้าทรายแมวแบบคริสตัลไปไหนมาไหนด้วยนั้นก็ควรจะทำให้มันรอบคอบและระมัดระวังหน่อยล่ะ เพราะอาจทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดจนชีวิตเปลี่ยนเลยทีเดียว Ross Lebeau วัย 24 ปี อาศัยอยู่ในรัฐเท็กซัส ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมและส่งตัวเข้าคุกในข้อหามีสารเสพติดไว้ในครอบครอง เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตรวจค้นรถของนาย Ross ที่ข้างทางในเขต Harris County และเจ้าหน้าที่ก็ได้พบกับสิ่งของต้องสงสัยว่าจะเป็นยาบ้า อัดอยู่ในถุงเท้าที่มีน้ำหนักประมาณ 200 กรัม “พวกเขาคิดว่าได้เจอกับหลักฐานมัดตัวชิ้นสำคัญเข้าแล้ว และนี่คงเป็นผลงานชิ้นใหญ่ที่สุดในปีนี้ของพวกเขา” Ross ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Eyewitness News แต่จริงๆ แล้วมันก็คือทรายแมวแบบคริสตัลธรรมด๊าธรรมดา ที่พ่อของเขาใส่ไว้ในถุงเท้าแล้วเก็บไว้ในรถของเขาและพี่สาวเพื่อกันไม่ให้เกิดปัญหาหมอกเกาะกับกระจกรถจนมองไม่เห็นทาง นาย Ross ถูกส่งตัวเข้าห้องขังเป็นเวลาถึง 3 วัน ก่อนที่ตำรวจจะทำการตรวจสอบหลักฐานและพบว่าจริงๆ แล้วมันไม่ใช่ยาเสพติดแต่อย่างใด “ผมอยากได้รับคำขอโทษอย่างเป็นทางการจากการถูกกล่าวหา” Ross ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว ABC เพราะการกล่าวหาในครั้งนี้ทำให้เขาต้องถูกไล่ออกจากงาน และสร้างความลำบากใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก “ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีความผิดอะไร และผมจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ ร่วมกับครอบครัวและผู้สนับสนุนเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าตัวของผมนั้นไร้มลทิน” เขากล่าวเสริม ทางด้านสำนักงานที่ว่าการอำเภอของ Harris County ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นและสรุปมาได้คร่าวๆ ว่า…
-
คุณทวดเข้าใจผิดคิดว่าฟิกเกอร์ Elrond เป็นรูปปั้นนักบุญ ทำการบูชามาเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี
ก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าเมื่ออายุมากขึ้น สภาพร่างกายของเราก็ค่อยถดถอยลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องของสมอง ฉะนั้นการที่ผู้สูงอายุจะเข้าใจอะไรผิด หรือหลงๆ ลืมๆ อะไรไปบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด… เช่นเดียวกันกับคุณย่าทวดชาวบราซิลเข้าใจผิดคิดว่าฟิกเกอร์ตัวละคร Elrond ในเรื่อง The Lord Of The Rings เป็นรูปปั้นนักบุญ Anthony และเธอก็ทำการบูชามันทุกๆ วันมาตลอดเป็นระยะเวลานานกว่า 1 ปี เหลนของเธอ Grabriela Brandão ช่างแต่งหน้าอิสระจากเมือง Florianópolis ประเทศบราซิล ได้ไปเยี่ยมคุณทวดที่บ้านและสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของตุ๊กตาตัวหนึ่งที่คุณทวดนั้นกำลังบูชาอยู่บนแท่นบูชาโดยเข้าใจว่ามันคือรูปปั้นของนักบุญ Anthony ด้วยความสงสัย Grabriela ก็เลยไปเสิร์ชออนไลน์เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับมัน และก็พบว่ามันมีขายอยู่ในเว็บไซต์ Amazon และยิ่งไปกว่านั้นมันคือตุ๊กตา Elrond ตัวละครจากเรื่อง The Lord Of The Rings!! Gabriela ก็เลยนำเรื่องราวแสนน่ารักนี้โพสต์ลงบนเฟซบุ๊กเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยให้แคปชั่นว่า “นี่เป็นการค้นพบที่สนุกที่สุดในปี 2016 เลย” มีชาวเน็ตให้ความสนใจมากมายจนโพสต์ของเธอโด่งดังมีคนเข้ามากดไลค์มากกว่า 1,800 คน และแชร์ไปกว่า 3,7000 ครั้งเลยทีเดียว โดยแคปชั่นในรูปภาพนั้นสามารถแปลออกมาได้ว่า…
-
รวม 16 แมวเหมียวที่มีหน้าตาคล้ายกับ ‘ดาราเซเลป’ ซะเหลือเกิน มองผ่านๆ ต้องมีเข้าใจผิดกันบ้างล่ะ!!
ก็อย่างที่รู้กันอยู่ว่าเหล่าบรรดาเซเลปทั้งหลายนั้นมีหน้าตา และอุปนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง พอได้เห็นแล้วไม่ว่าใครต่างก็ต้องจำได้แม่นอย่างแน่นอน แต่ก็มีเหตุการณ์ที่มีคนหน้าเหมือนดาราเซเลปจนทำให้เกิดการทักผิดอยู่บ่อยๆ ฮร่า และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่คนเท่านั้นที่มักจะถูกทักว่าเหมือนดาราคนนู้น ดาราคนนี้ เหล่าแมวเหมียวเองก็เช่นกัน และนี่คือเหล่าแมวเหมียวที่มีความเหมือนกับดาราแบบสุดๆ ถ้าเดินไปเจอตามถนนนี่คงจะทักผิดกันบ้างล่ะ (เหรอออ??) 1. Miley Cyrus 2. Zooey Deschanel 3. Benedict Cumberbatch 4. Tom Selleck 5. Lucy Liu 6. Eugene Levy 7. Vladimir Putin 8. Angelina Jolie 9. Drake 10. Voldemort มาฝั่งดาราไทยกันบ้าง… 11. สงกรานต์ The Voice 12. ณเดช คูกิมิยะ 13. เต๋อ ฉันทวิทย์ ธนะเสวี …
-
แบบนี้ก็มี? สาวโดนขโมยรถ…เช้ามารถอยู่ที่เดิม พร้อมข้อความขอโทษ แถมมีเงินค่าน้ำมันให้
จะว่าก็ว่าเถอะ ในโลกนี้คงไม่มีใครชอบให้ของตัวเองหายแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งของที่เราซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงจากการทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย ยิ่งถ้าไม่ได้ทำหายเองแต่ดันมีโจรมาขโมยไปด้วยนะ หูยย…โมโหสุดๆ เรื่องราวครั้งนี้เกิดขึ้นกับสาวชาวเมือง Portland เธอมีชื่อว่า Erin Hatzi คืนหนึ่งที่เธอกำลังออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนอย่างสนุกสนาน กลับมาก็ต้องพบว่า รถยนต์คันโปรด Subaru สีแดงของเธอหายไป!! แล้วมันหายไปได้ยังไง? ดังนั้นเธอจึงรีบไปเปิดกล้องวงจรปิดดูทันที ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ มีโจรมือดีมาแอบเข้ามาย่องเบาขโมยรถของเธอไป นั่นไง…แกนั่นเองเจ้าโจรร้าย งานนี้หนีไม่รอดแน่ ภาพจับไว้ได้หมดแล้ว เมื่อเธอได้ดูวิดีโอจากกล้องวงจรปิดทั้งหมด ก็พบว่า..โจรคนนี้มันต้องเป็นมือใหม่แน่ๆ เพราะหลังจากที่เข้าไปในรถได้ ดูเหมือนพี่แกจะงงๆกับระบบภายในรถ กว่าจะถอยรถออก และขับต่อไปได้ ก็เล่นใช้เวลาอยู่นานพอสมควร เราลองไปดูวิธีการขับของโจรคนนี้กัน เหมือนว่าเค้าจะมือใหม่อยู่นะเนี่ย หลังจากนั้นเธอและสามีก็รีบเข้าไปแจ้งความกับตำรวจทันที แต่ดูเหมือนกับว่าตดยังไม่ทันหายเหม็น ปัญหาทุกอย่างก็ถูกคลี่คลายลงในเช้าวันถัดไป ทั้งคู่ตื่นมาก็ต้อง งง ยิ่งกว่า เพราะเมื่อคืนโจรพึ่งขโมยรถไป แล้วทำไมอยู่ดีๆถึงเอามาคืนกันได้ง่ายๆ แถมยังมีข้อความเขียนติดมาให้ด้วย และนี่คือเนื้อหาทั้งหมดในจดหมาย ที่โจรเขียนกลับมาให้เจ้าของรถซูบารุสีแดง “สวัสดีครับ ผมขอโทษจริงๆที่ขโมยรถของคุณมา เพราะผมได้มอบกุญแจรถของผมให้เพื่อน เพื่อให้เค้าช่วยขับรถผมกลับมา เป็นซูบารุสีแดงเหมือนกัน อยู่บนถนน 7802…
-
หญิงสาวเข้าใจผิดว่า ‘Richard Gere’ เป็นคนไร้บ้าน ก็เลยเอาพิซซ่าไปให้ด้วยความสงสาร
ว่ากันว่า ‘การช่วยเหลือ’ นั้นเป็นสิ่งที่จะทำให้โลกของเราสดใสขึ้นมาทันตา เพราะนอกจากคนที่ได้ช่วยหรือคนที่ช่วยจะได้รับความสุขแล้ว แต่คนอื่นๆ ที่ได้รับรู้เรื่องราวเองก็มีความสุขและมีความรู้สึกที่อยากจะช่วยต่อๆ ไปด้วยเช่นกัน… ย้อนกลับไป เคยมีเรื่องราวสุดน่ารักเมื่อหญิงสาวคนหนึ่งได้เข้าใจผิดเห็นชายไร้บ้านคนหนึ่ง ด้วยความสงสารเธอก็เลยตัดสินใจที่จะมอบพิซซ่าให้ 1 ชิ้น ซึ่งจริงๆ แล้วชายไร้บ้านคนนั้นก็คือนักแสดง Richard Gere กำลังถ่ายทำหนังอยู่นั่นเอง ฮร่า เรื่องมีอยู่ว่าสาวชาวฝรั่งเศสชื่อว่า Karine Gombeau ที่ได้ไปเที่ยวที่ New York ในช่วงวันหยุด ขณะที่เธอและลูกชายวัย 15 ปี กำลังออกไปเดินเล่นในเมืองอยู่นั้นจู่ๆ ก็เห็นว่ามีชายคนหนึ่งท่าทางน่าสงสารกำลังขุดคุ้ยถังขยะอยู่ที่ข้างถนน พอเห็นดังนั้นก็เข้าใจว่าน่าจะเป็นคนไร้บ้าน เธอและลูกชายก็รีบเดินเข้าไปหาชายคนนั้นพร้อมกับเอาพิซซ่าที่เธอเพิ่งซื้อมาจากร้านมอบให้เขา 1 ชิ้น “เขาถามว่า ‘อะไรอยู่ในถุงนี้น่ะ’ แล้วฉันก็พยายามที่จะตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษ แต่ฉันดันตอบกลับไปเป็นภาษาฝรั่งเศษปนกับภาษาอังกฤษซะงั้น บอกเขาไปว่า ‘ขอโทษนะแต่พิซซ่ามันน่าจะเย็นแล้วล่ะ’ แล้วเขาก็ตอบกลับมาว่า ‘ขอบคุณมาก ขอให้พระเจ้าคุ้มครองนะ’” คุณ Gombeau เล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้น คุณ Gombeau…
-
การต่อสู้ของ ‘เด็กออทิสติก’ เพื่อสุนัขที่รัก หลังถูกจับตัวไปเพราะคิดว่าเป็น “พิตบูล”
สำหรับบางคนแล้ว น้องหมาเปรียบดั่งเพื่อนคู่ชีวิตที่รักกันเหมือนพี่น้องที่คลานตามกันมา… เด็กหญิงออทิสติกคนนี้ก็เช่นกัน เธอมีเพื่อนเสนิทเป็นสุนัขลูกผสมระหว่างพันธุ์บูลล์เทอร์เรียและพันธุ์ชาผี แต่วันหนึ่งทางการกลับพรากเพื่อนรักของเธอไป ทำให้เธอและครอบครัวต้องลุกขึ้นสู้ เพื่อนำเพื่อนของเธอกลับคืนมา เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อตำรวจแคว้นแลงคาเชียร์ในประเทศอังกฤษ ได้จับตัว Darla สุนัขลูกผสมระหว่าง “บูลล์เทอร์เรีย” และ “ชาผี” เพื่อนรักของ Maddison เด็กหญิงออทิสติกวัย 7 ปี ไปยังสถานกักกันสัตว์ เพราะพวกเขาคิดว่ามันคือสุนัขพันธุ์ “พิตบูล” แม้ Jenny Armer แม่ของ Maddison จะยืนยันกับทางตำรวจว่า เจ้า Darla นั้นไม่ใช่พิตบูล แต่ทางตำรวจก็ไม่เชื่อ และยืนยันที่จะนำเจ้าสุนัขตัวนี้ไปยังสถานกักกันสัตว์ พร้อมบอกว่า หากต้องการสุนัขคืนก็ต้องฟ้องศาลเอาเอง หลายคนอาจไม่ทราบว่า “พิตบูล” เป็นสุนัขสายพันธุ์ต้องห้ามในหลายๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหราชอาณาจักร อิสราเอล เยอรมันนี ฝรั่งเศส ซึ่งบางประเทศผู้เลี้ยงอาจต้องทำตามข้อบังคับอย่างเคร่งครัด แต่บางประเทศก็ห้ามเลี้ยงไม่ว่าในกรณีใดๆ ทั้งสิ้น Jenny กล่าวว่า เธอได้สุนัขตัวนี้มาตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัขวัยไม่กี่สัปดาห์ และต่อมามันได้กลายเป็นเพื่อนคนสำคัญของลูกสาวของเธอ Maddison ผู้ป่วยเป็นโรคออทิสติกและสมาธิสั้น …
-
7 กิจกรรม ‘อวดเรือนร่าง’ ของสาวๆ ที่เคยเกิดในในโซเชียล และไม่จำเป็นต้องทำเล๊ยยย!!
ต้องขอบอกเลยว่าปัจจุบันนี้โซเชียลมีเดียนั้นเป็นหนทางในการสื่อสารอีกรูปแบบหนึ่งที่ผู้คนบนโลกนี้แทบจะใช้มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะไปที่ไหนทำอะไรก็ต้องถ่ายรูปเชคอิน เล่นแชทกันตลอดเวลา และนอกจากนี้ก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่ชาวเน็ตทั้งหลายจัดขึ้นมาและทำร่วมกันในโซเชียล บ้างก็เป็นเรื่องที่ดีอย่างการชักชวนกันไปบริจาคของ หรือชวนกันช่วยเหลือสัตว์จรจัด เป็นต้น แต่ก็ยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่เป็นเรื่องไม่ดี แต่คนก็ยังเข้าใจแบบผิดๆ ร่วมกันทำอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะการจัดกิจกรรม #Challenge ของสาวๆ ทั้งหลาย จะมีอะไรบ้างนั้นลองไปชมกันได้เลย… 1. Panty Challenge เป็นการโพสต์โชว์รูปด้านในของกางเกงในผู้หญิงเพื่อแสดงให้เห็นถึงร่องรอยของการใช้ชีวิตของสาวๆ ที่ผ่านมาทั้งวันว่ามันไม่ได้มีรอยอะไรเลยนะ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ถูกต้อง!! อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่า ‘ผู้หญิง’ นั้นเป็นเพศที่เรียกได้ว่ามีข้อจำกัดมากกว่าเพศชายหลายประการ ทั้งสะรีระร่างกาย และ ในเรื่องของการร่วมรัก ที่มักจะถูกมองว่าเป็นฝ่ายถูกกระทำ และการโชว์กางเกงในให้เห็นด้านในแบบนี้ เท่ากับว่าเป็นการเปิดสิ่งของที่มันถูกปกปิดอยู่และมันจะเป็นการกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นจากคนอื่นๆ และนั่นก็รวมไปถึงอาชญากรด้วย และที่สำคัญที่สุด เรื่องของความแห้งของจิ๊มิ๊นั้นเป็นเรื่องที่บ่งบอกถึงสุขภาพของสาวๆ แต่ละคนด้วยเช่นกัน ‘การตกขาว’ นั้นเป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะภายในช่องคลอดนั้นจะมีแบคทีเรียอยู่ เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไป มันก็จะไปทำปฏิกิริยากับแบคทีเรีย และการเป็นของเสีย ช่องคลอดก็จะขับออกมากลายเป็นตกขาว ฉะนั้นการแข่งทำทุกวิถีทางเพื่อโชว์ให้กางเกงในของตัวเองแห้งนั้นไม่เป็นเรื่องที่ดีเลยแต่อย่างใด 2. A4 Waist Challenge เมื่อต้นปีที่ผ่านมาสาวๆ ในเมืองจีนต่างก็โพสต์รูปตัวเองพร้อมกับเอากระดาษ A4 มาเทียบกับเอวของตัวเอง ถ้ากระดาษบังเอวจนมิดไม่เห็นเอวเลย นั่นแสดงว่าหุ่นดี…
-
ระวังเจองี้… ชายซื้อพุดเดิ้ลราคาถูก แต่ภายหลังกลับพบความจริงว่ามันคือ “เฟอเรท” ฉีดสเตียรอยด์
เรื่องราวที่คุณกำลังจะได้รับชมต่อไปนี้ ถือเป็นตัวอย่างให้กับคนที่กำลังคิดจะซื้อสัตว์เลี้ยง 4 ขา อย่างน้องหมามาเลี้ยงไว้ที่บ้านก็เป็นได้ เพราะถ้าหากคุณกันไปเจอพ่อค้าแม่ค้าหัวใส แอบเอาสัตว์ชนิดอื่นที่ไม่ใช่สุนัขมาขาย เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ทางสำนักข่าว Dailymail ได้เปิดเผยเรื่องราวของชายผู้หนึ่ง ที่ได้ไปซื้อสุนัขพุดเดิ้ล 2 ตัว ในราคา 5,000 กว่าบาท จากตลาด La Salada ในรัฐบัวโนสไอเรสรัฐ ประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งตลาด La Salada เรียกได้ว่าเป็นตลาดที่ชาวเมืองอาร์เจนตินา รู้จักกันดีในฐานะตลาดค้าขายของผิดกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นตลาดที่มีการค้าขายที่ราคาถูกที่สุดในทวีปอเมริกาใต้เลยก็ว่าได้ หลังจากที่ชายหนุ่มคนดังกล่าวได้ซื้อเจ้าพุดเดิ้ลจากตลาดแห่งนี้มาถึง 2 ตัวนั้น เขาก็ไม่ได้แปลกใจ หรือเห็นความผิดปกติในตัวของพุดเดิ้ลปลอมเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากที่เขาได้นำพุดเดิ้ลไปหาหมอ เขาก็ได้พบความจริงว่า เจ้าสุนัขสีขาวขนปุยแสนน่ารัก ที่เขาได้ซื้อมานั้นความจริงแล้วมันไม่ใช่สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลหรอก แต่กลับเป็นเจ้าเฟอเรท “Ferret” สัตว์ที่มีลำตัวยาว ขนฟูฟ่อง และมีหน้าตาจิ้มลิ้มแบบนี้เลย… ทั้งนี้ เจ้าเฟอเรท มักจะถูกพ่อค้าหัวใส นำสารสเตียรอยมาฉีดเข้าไปในตัว เพิ่มขนาดตัวให้ดูโต และมีขนาดใกล้เคียงกับสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลทอย …
-
ชมภาพวาดจากศิลปินชาวจีน Leng Jun ชาวเน็ตต่างพากันยกนิ้ว ชื่นชมในความเหมือนจริงราวภาพถ่าย…!!
ทุกครั้งที่ได้มองภาพถ่ายเสมือนจริง เหมียวขี้อ้อนรู้สึกว่าตัวเองกำลังได้รับชมภาพถ่ายอยู่ จนบางครั้งก็แอบคิดในใจว่าศิลปินเหล่านี้เขาสามารถทำได้อย่างไรกัน เพราะกว่าจะออกมาเป็นภาพเสมือนจริงได้ มันต้องผ่านขั้นตอนที่ยากๆ มาแล้ว และถ้าหากว่าเพื่อนๆ เคยเห็นภาพวาดเสมือนจริง คุณอาจจะคิดว่ามันเจ๋งมาก ถ้าอย่างนั้นลองมาดูภาพวาดเหมือนจริงจากผู้มือของศิลปินร่วมสมัยชาวจีนนามว่า Leng Jun กันก่อนดีกว่า แล้วลองบอกมาสิว่าภาพที่คุณเคยเห็นกับที่ดูอยู่ แบบไหนมันเจ๋งกว่ากัน นี่คือชุดผลงานภาพวาดสีน้ำมัน ที่สวย และมีมิติราวกับว่าเป็นภาพถ่ายจากกล้องเลย และที่สำคัญสิ่งที่ทำให้ภาพเหล่านี้ดูเหมือนจริงมากๆ ก็คือ เมื่อลองซูมเข้าไปดูใกล้ๆ เรียกได้ว่าแทบไม่มีจุดพลาดให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ต้องยอมรับจริงๆ ว่าฝีมือของ Leng Jun มันเทพมาก!! เมื่อบรรดาชาวเน็ตทั้งไทยและเทศได้เห็นภาพเหล่านี้ ทุกคนต่างก็บอกว่า สุดยอดไปเลย!! กว่าจะออกมาเป็นภาพที่เหมือนจริงเหล่านี้ มันไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะเหมียว เพราะว่า Leng Jun ต้องใช้เวลาในการวาดที่นานพอสมควร ซึ่งเขาก็สามารถทำมันออกมาได้ดีซะด้วย Leng Jun สามารถเก็บเก็บรายละเอียด ดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ได้อย่างไร้ที่ติแบบไม่มีคำว่าพลาด แม้ว่าเหมียวขี้อ้อน เคยเห็นผลงานภาพวาดที่เหมือนจริงมาเยอะพอสมควร…
-
ประกันขอให้ขุ่นแม่ถ่ายรูปมาให้ ดันถ่ายเซลฟี่แบบจัดเต็ม ที่จริงอยากได้รูปรถต่างหากล่ะ!!
เพื่อนๆ หลายคนคงเคยประสบกับอุบัติเหตุจนทำให้รถของเราเสียหายกันมาบ้างแล้วใช่มั้ยล่ะ แล้วเมื่อเราโทรแจ้งประกันเค้าก็จะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจเช็คความเสียหาย แต่ปัจจุบันด้วยเท็คโนโลยีที่พัฒนาไปไกล ก็ทำให้มีสะดวกมากยิ่งขึ้น ด้วยการถ่ายรูปส่งไปให้เจ้าหน้าที่ดู ไม่ต้องเสียเวลารอให้ช่างมาถึง ซึ่งเหตุการณ์ที่ #เหมียวหง่าว จะนำมาให้เพื่อนๆ ชมในวันนี้เป็นเรื่องฮาๆ เมื่อขุ่นแม่ของชาวเน็ตคนหนึ่งได้ทำการส่งเมสเสจคุยกับ พนักงานบริษัทประกันเพื่อตรวจเช็คความเสียหาย แต่ดั๊นนน มีการเข้าใจผิดกันเกิดขึ้น จะเป็นอย่างไรนั้นไปชมพร้อมๆ กันได้เลย… เรื่องมีอยู่ว่า ขุ่นแม่ของชาวเน็ตต่างชาติคนหนึ่งได้ทำการคุยเมสเสจกับเจ้าหน้าประกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็บอกให้เธอ ‘ถ่ายรูป’ ส่งไปให้ดูหน่อย ทางด้านขุ่นแม่ได้อ่านข้อความก็ถ่ายรูปเซลฟี่ส่งให้หมดเลยทุกมุม ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง พร้อมกับแนบข้อความลงท้ายไว้ด้วยว่า “รู้สึกเขินจัง แต่ก็ขอบคุณนะ Eva หวังว่ามันจะช่วยคุณได้นะ” ทางด้านประกันพอเห็นดังนั้นแล้วก็ตอบกลับมาว่า “Susan รูปของคุณดูสวยมาก แต่เราต้องการรูป ‘รถ’ ของคุณต่างหากล่ะ” 55555+ เมื่อลูกสาวที่น่ารักมาเห็นข้อความนี้เข้าก็อดขำไม่ได้ เลยเอามาเรื่องราวขำขันปนน่ารักคิกขุนี้มาแบ่งปันให้ชาวโซเชียลได้ชมกัน ฮร่า แหม่…เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าคำหนึ่งคำมันก็สามารถสื่อได้หลายความหมายเหมือนกันนะ เพราะฉะนั้นจะฝากหรือวานให้ใครทำอะไรให้ก็ต้องบอกเค้าให้ละเอียดถี่ถ้วนด้วยล่ะ จะได้ไม่เงิบ 5555+ ที่มา : lifebuzz, mir&uh
-
ผีหลอก?!?! หนุ่มช็อคแทบสลบ หลังเห็นภรรยาที่คิดว่าตายไปกว่าสองปีแล้วในรายการทีวี?!?!
เวลาที่ต้องสูญเสียคนที่รัก ไม่ว่าใครก็ต้องโศกเศร้าเสียใจ และถ้ายิ่งเป็นคนที่เป็นคู่ชีวิตแล้วล่ะก็ ความเศร้าคงเหลือจะจินตนาการจริงๆ แต่ถ้าวันหนึ่ง คนที่คุณคิดว่า “ตาย” ไปหลายปีแล้ว กลับมาปรากฎตัวบนรายการทีวีที่คุณกำลังชมอยู่ล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น? มันจะเป็นเรื่องที่ช็อคขนาดไหนกัน? Abragh Mohamed หนุ่มชาวโมร็อคโคคนนี้ คิดว่าตนเองเสียภรรยาไปเมื่อสองปีก่อน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ และเขาได้จัดงานศพให้เธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนั้นเธอประสบอุบัติเหตุอย่างหนักจนโคม่า หมอบอกว่าเธอคงไม่รอดแน่ๆ แต่ยังไงค่ารักษาก็ยังต้องจ่ายอยู่ Mohamed จึงกลับไปหาเงินมาจ่ายค่ารักษา แต่ตอนที่ Mohamed กลับมา หมอกลับบอกว่าภรรยาของเขาเสียชีวิตแล้ว และให้รับศพกลับบ้านได้เลย ซึ่งศพของเธออยู่ในผ้าห่อศพอย่างดี และบรรจุในโลงศพ เขาก็นำร่างไร้ชีวิตของเธอกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาตามธรรมเนียม แต่สองปีต่อมา ภรรยาของเขากลับไปปรากฎตัวอยู่ในรายการ Al Mokhtafoun ซึ่งเป็นรายการตามหาญาติที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี เธอบอกว่าเธอขาดการติดต่อกับสามีไปหลายปี และเธอก็ได้บอกชื่อและที่อยู่ของเขาออกมาได้อย่างถูกต้องอีกด้วย เมื่อรายการดังกล่าวออกอากาศไป เพื่อนๆ ก็รีบติดต่อไปยัง Mohamed ในทันทีและเขาก็รู้สึกแปลกและตกใจมาก เขาก็ได้แต่สงสัยว่า ไอ้ร่างที่เขาฝังไป เป็นร่างของใครกันแน่ สุดท้ายก็ยังไม่มีความชัดเจนออกมาว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความผิดของใคร แต่เชื่อกันว่าคงเป็นความผิดของแพทย์ที่ทำการรักษาอย่างแน่นอนซึ่งเขาอาจโดนฟ้องร้องต่อไป ส่วนเหตุผลที่ทำไมภรรยาของเขาถึงหายไปนาน ก็อาจเป็นเพราะเธอสูญเสียความทรงจำไปก็เป็นได้…
-
คลิปชี้แจงจากน้องเด็กหญิงทะเลาะกับแม่เพื่อซื้อโทรศัพท์ ‘แค่ไปเดินดูเฉยๆ ขอเก็บเงินก่อน’
การที่จะโพสต์รูปภาพและเรื่องราวอะไรซักอย่างโดยที่ไม่ตรวจสอบความเป็นมาก่อนนั้น อาจจะส่งผลเสียทำให้มีผู้คนเข้าใจผิดเป็นวงกว้างได้ เสียหายทั้งผู้ที่ถูกกล่าวหาและตัวผู้โพสต์เอง อย่างเช่นกรณีในข่าวนี้ ‘ขอโทษแล้ว หนุ่มโพสต์ภาพเด็กหญิงทะเลาะกับแม่จะเอามือถือ ที่แท้เป็นการเข้าใจผิด’ ซึ่งในข้อเท็จจริงก็คือน้องไม่ได้ทะเลาะกับแม่ของเธอเลย จากที่เห็นภาพและได้มีการแชร์ออกไปนั้น ก็แค่ไปเดินในห้างสรรพสินค้าเพื่อดูโทรศัพท์เท่านั้นเอง โดยที่เจ้าตัวผู้โพสต์รูปภาพและข้อความดังกล่าวก็ได้ออกมาขอโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจังหวะที่น้องยืนคุยกับแม่ก็คือถามแม่ว่า ‘จะเดินดูต่อมั้ย จะกลับเลยรึเปล่า’ ประมาณนี้ ซึ่งน้องเองก็อยากได้โทรศัพท์จริง แต่อยากได้เครื่องราคา 1,200 บาทเท่านั้น ตอนนี้ก็ต้องเก็บเงินไปก่อน จากคลิปสัมภาษณ์โดยคุณ พิมมี่ เฟี้ยว’ฟ้าว “ข่าวน้องที่ขอแม่พิการซื้อโทรศัพท์ที่ห้างแห่งหนึ่ง” #ไม่เป็นความจริง!! (11/10/58)::–> “ข่าวน้องที่ขอแม่พิการซื้อโทรศัพท์ที่ห้างแห่งหนึ่ง” #ไม่เป็นความจริง!! (11/10/58) <–::โปรดใช้วิจารณญาณ ~CREDIT: www.facebook.com/100003362082154/videos/797866963668699/*************************ขอบคุณคลิปแนะนำจาก––@พิมมี่ เฟี้ยว’ฟ้าว Posted by YouLike (คลิปเด็ด) on Sunday, October 11, 2015 หลังจากความจริงเปิดเผยมาจากตัวน้องเอง ก็มีผู้ใหญ่ใจดีสองท่านมาคอมเม้นใต้คลิปอยากจะมอบโทรศัพท์ให้กับน้องได้นำไปใช้ นั่นก็คือคุณ ทิวากร เหล่าชัย และคุณ Tippatai…
-
เงิบเลย!! ทหารฮีโร่เข้าใจผิด รีบเข้าไปช่วยเหลือเหยื่อตัวประกันท่ามกลางกองถ่ายภาพยนตร์
การช่วยเหลือชีวิตคนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียที่จะตามมา เพราะฉะนั้นการตัดสินใจทำอะไรจะต้องรวดเร็วและฉับไวเพราะนั่นหมายถึงช่วงวินาทีที่ชี้เป็นและชี้ตายกันได้เลยทีเดียว แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้อาจจะมีการเข้าใจผิดกันซักเล็กน้อย เมื่อมีกองถ่ายภาพยนตร์ในประเทศรัสเซียกำลังเดินกล้องถ่ายทำอยู่ ซึ่งในฉากดังกล่าวมีการจับตัวประกันและใช้มีการใช้อาวุธปืน แถมยังดันไปถ่ายใกล้ๆ กับประตูค่ายทหารซะงั้น เมื่อพี่ทหารฮีโร่ของเราสังเกตว่ามีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นก็รีบแอบย่องทางด้านหลังผู้ร้ายและจับเหวี่ยงกดลงกับพื้น เพราะคิดว่าเป็นผู้ร้ายที่ลักพาตัวมาแน่นอน!! ชะเอิงเอย!! น่าสงสารพี่นักแสดงคนร้ายซะเหลือเกิน โดนจับกดและเจ็บตัวทั้งที่เกิดมาจากความเข้าใจผิดแท้ๆ สงสัยกองถ่ายของหลังจะบอกพี่ทหารไม่ทัน ก็ถือว่าซวยกันไป ที่มา : mirror
-
ตำรวจสุดเงิบ ช่วยกันทุบกระจกรถ เพราะเห็นทารกถูกทิ้งอยู่ในรถเพียงลำพัง แต่ที่แท้คือ ‘ตุ๊กตา’
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2558 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้รายงานถึงเรื่องราวสุดเงิบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย โดยพวกเขาได้พบเห็นเด็กทารกคนหนึ่งนอนหลับอยู่ในรถยนต์ ที่จอดอยู่หน้าโรงพยาบาล งานนี้ทั้งคู่เลยช่วยกันทุบกระจกรถจนแตกยับ เพื่อช่วยทารกออกมา แต่จากการรายงานพบว่า เด็กทารกที่เห็นแท้จริงแล้วคือตุ๊กตาเด็ก ซึ่งเป็นของ ‘Janaih Rattray’ เด็กหญิงวัย 10 ขวบ ผู้ที่ได้ทิ้งตุ๊กตาเอาไว้ในรถ เพราะเธอและพี่สาวได้เข้าไปทำธุระในโรงพยาบาลนั่นเอง ก่อนที่จะเกิดเหตุสุดเงิบนี้ มีพลเมืองดีได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีคนลืมทารกไว้ในรถ และแน่นอนว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเรื่อง พวกเขาจึงรีบเข้ามาช่วยเหลือในดันใด พร้อมกับทุบกระจกรถจนแตก ก่อนที่จะทราบภายหลังว่าเด็กทารกที่เห็น แท้จริงคือ ‘ตุ๊กตา’ เมื่อครอบครัวของเด็กหญิงวัย 10 ขวบกลับมาที่รถ พวกเขาก็พบว่าสภาพของรถพังยับเยิน ก่อนที่จะเห็นกระดาษโน้ตที่ทิ้งข้อความเอาไว้ว่า ‘ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย’ ส่วนทางด้านพี่สาวของ Janaih ได้เผยว่า ‘ไม่แปลกเลยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าใจผิดคิดว่ามันเป็นตุ๊กตา เพราะเจ้าตุ๊กตาตัวนี้มันค่อนข้างที่จะเหมือนทารกจริงๆ’ เป็นเหมียว เหมียวก็คิดว่าคือเด็กทารกจริงๆ เหมือนกัน ก็ดูสิ…เหมือนคนขนาดนี้ เป็นใครใครก็ต้องเข้าใจผิดกันเป็นธรรมดา ^^ ที่มา : metro
-
กลุ่มนักท่องเที่ยวถูกทหารอียิปต์ถล่มยิงเสียชีวิต 12 ราย เพราะคิดว่าเป็นกลุ่มนักรบหัวรุนแรง!?
เรื่องอันน่าสลดใจกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเม็กซิกัน ที่ได้เข้าไปท่องเที่ยวในประเทศอียิปต์โดยมากันเป็นขบวนรถยนต์ 4 คัน แล่นในเขตทะเลทรายภาคตะวันตกในประเทศอียิปต์ ซึ่งได้แล่นเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามของเขตวาฮัต และยังเป็นแหล่งกบดานของกลุ่มนักรบหัวรุนแรง ISIS อีกด้วย เจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติการไล่ล่าอยู่มาพบเข้าก็เลยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นขบวนของกลุ่มนักรบหัวรุนแรง จึงเปิดฉากยิงถล่มกลางทะเลทรายทันที!! และในที่สุดก็พบความจริงว่าเป็นรถยนต์ของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเม็กซิกัน ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีก 10 ราย ไม่ใช่กลุ่มนักรบหัวรุนแรงที่นำโดยกลุ่ม ISIS เพื่อต่อต้านกองทัพอียิปต์แต่อย่างใด ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย ผลสรุปก็คือเป็น ‘ความเข้าใจผิด’ และแสดงความรับผิดชอบโดยนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาล ทางด้านผู้นำเม็กซิโกเองเกิดอาการไม่พอใจเป็นอย่างมากและประณามเหตุการณ์ความรุนแรงในครั้งนี้ โดยเรียกร้องให้ทางอียิปต์ทำการสอบสวนเรื่องราวทั้งหมดให้ละเอียดถี่ถ้วนมากที่สุด ที่มา : mirror
-
เงิบกันหมด!!! ครอบครัวกำลังเศร้าในงานศพ แต่อยู่ดีๆเจ้าของงานศพกลับเดินเข้ามาซะงั้น!!!
เกิดประหลาดแบบฮาๆขึ้นในเมืองเซา เปาโล ประเทศบราซิล หลังจากครอบครัวของกำลังจัดงานศพของ Gilberto Araujo อยู่ แต่อยู่ดีๆ Gilberto Araujo กลับเดินเข้ามาในงานซะงั้น!!! เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่ง Jose Marcus Araujo ได้รับแจ้งจากตำรวจว่า น้องชายขอบเขา Gilberto Araujo ถูกฆาตกรรมเสียชีวิตเรียบร้อยแล้ว พวกเขาไม่ได้เจอ Gilberto มาหลายเดือนแล้ว ซึ่งได้ข่าวอีกที ก็เป็นข่าวร้ายซะแล้ว ภรรยาของ Jose Marcus กล่าวว่า “อยู่ดีๆ ก็มีคนมาบอกว่า Gilberto ที่ทำงานเป็นพนักงานล้างรถอยู่ในเมือง ถูกยิงเสียชีวิตแล้ว พวกเราช็อคกันมาก” แต่ขณะที่ทุกคนกำลังเศร้าเสียใจอยู่ในงานศพ เพื่อนของ Gilberto ดันไปเห็นว่า Gilberto กำลังเดินเล่นในอยู่เมือง โดยไม่รู้เลยว่าที่บ้านกำลังจัดงานศพของเขาอยู่ พอเขาได้ยินแบบนั้น ก็รีบมุ่งหน้ากลับไปที่บ้าน ทันทีที่เขาปรากฏตัว หลายคนถึงกับเป็นลมและวิ่งกันแตกกระเจิง ที่เห็นว่า Gilberto ยังมีชีวิตอยู่ ความจริงแล้วก็คือ มีการเข้าใจผิด คนที่เสียชีวิตนั้น แค่หน้าตาคล้ายกับ Gilberto เท่านั้นเอง พอแม่ของเขาได้ยินดังนั้นก็โล่งใจ เล่นเอาเศร้าฟรีกันเลยทีเดียว แหม ทำไปได้…(ทำเสียงแบบรายการคดีเด็ด) ที่มา Wittyfeed