Tag: เชฟ
-
โมเมนต์สุดน่ารักของ ‘กอร์ดอน แรมซีย์’ ในรายการทำอาหารเด็ก กับมุมที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน!!
อย่างที่รู้กันดีว่าเฮีย ‘กอร์ดอน แรมซีย์’ นั้นเป็นเชฟผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ที่ออกรายการอาหารทีไร ก็ต้องมีตะคอกหรือตะโกนด่าผู้เข้าแข่งขันด้วยถ้อยคำรุนแรงทุกครั้งไป รวมไปถึงในทวิตเตอร์ที่มีคนทำอาหารแล้วแท็กชื่อของพี่แกเพื่อคอมเมนต์อาหารที่ทำมา ซึ่งแต่ละคนก็ไม่เคยได้คำดีเลยแม้แต่น้อย จนทุกวันนี้เขาได้สร้างภาพกลายเป็นยอดเชฟที่ถ่อยที่สุดไปแล้วก็ว่าได้ แต่!! สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมอีกมุมหนึ่งของเขากัน เป็นมุมน่ารักฟรุ้งฟริ้งที่ขอบอกเลยว่าหาชมได้ยากมากๆ จากรายแข่งทำอาหารเด็ก รับรองเลยว่าหากเพื่อนๆ ได้ชมเรื่องราวต่อไปนี้แล้ว จะต้องมองชายที่ชื่อว่า กอร์ดอน แรมซีย์ เปลี่ยนไปอย่างแน่นอน อย่างที่รู้กันดีว่าเฮียแกไม่เคยแคร์ความรู้สึกของใครเลย “เชฟคะ เอ่ออ เชฟ” “ครับคุณผู้หญิง!?” “คุณกำลังทำร้ายความรู้สึกของเพื่อนฉันอยู่นะ” “โอเค งั้นฝากไปบอกเธอด้วยว่าผมตั้งใจ” แต่กับเด็กๆ แล้วเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยล่ะ “เธอไม่สามารถจะหวังว่าจะเป็นที่ 1 ได้ตลอดหรอกนะ เธอมาไกลแล้วล่ะในการแข่งขันนี้ และนี่ไม่ใช่จานที่ดีที่สุดของเธอ” “มานี่มา ฉันไม่อยากให้เธอเศร้าหรอกนะ” ด่าผู้เข้าแข่งขันแบบเทสาดเทเสียในรายการผู้ใหญ่ “นายทำให้ฉันตกใจมาก” “ขอบคุณมากครับเชฟ ผมหวังว่าคุณจะมองอย่างนั้น ผมหมายถึงว่า ผมทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว” “นายทำให้ฉันแปลกใจมากว่านายมันกากมากขนาดไหน” ตัดภาพมาที่รายการเด็ก “อย่าเศร้าไปเลย…
-
เชฟมือดี เผย 5 สิ่งที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน เกี่ยวกับการทำงานในร้านอาหารสุดโหด!!!
“เชฟ” อาชีพในฝันของใครหลายๆ คน ที่มีหน้าที่สร้างสรรค์การศิลปะอาหารให้กับผู้ลิ้มรสจากทั่วโลก แต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้ว่าการเป็นเชฟนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด แถมการทำงานอยู่หลังครัวนั้นมีความลับที่ทุกคนยังไม่เคยรู้มาก่อน และในครั้งนี้เชฟชื่อดังจะมาเผยเรื่องลับที่ทุกคนยังไม่เคยรู้ เกี่ยวกับการทำงานสุดหินเบื้องหลังการเสิร์ฟอาหารสุดหรู “งานครัวที่ไม่เคยพัก” เชฟต้องทำงานตลอดเวลาเพื่อให้ทันกับความต้องการของลูกค้า “งานครัวคืองานที่ต้องทำตลอด 24 ชั่วโมง คนอื่นคงไม่รู้หรอกว่าเราต้องเตรียมวัตถุดิบทุกอย่างไว้ก่อนที่จะทำอาหารทั้งหมด” Ashley Davis เชฟฝีมือดีที่ได้รับรางวัลเชฟและหัวหน้าเชฟ Copper Pot Seddon ในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย กล่าวเอาไว้ “เราต้องทำอาหารตลอดทั้งคืนเพื่อให้ทันเวลา และเชฟทำงานมากถึง 14 ชั่วโมงต่อวันเลยล่ะ” “การควบคุมและจัดการงานในร้านอาหารเป็นเรื่องยาก” เชฟ Davis อธิบายประสบการณ์ในร้านอาหารว่า แม้ว่าภาพรวมของร้านอาหารจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและอาหารที่เสิร์ฟออกไป แต่ในความจริงแล้วมีคนที่ทำงานอยู่เบื้องหลังมากมาย “ร้านอาหารคือเรื่องของทุกคน ตั้งแต่คุณลูกค้า พนักงานเสิร์ฟ ซัพพรายเออร์ เกษตรกร การขนส่ง คนขับรถส่งของ และอีกหลายๆ อย่าง” “ดังนั้นการที่จะลงมาจัดการในทุกๆ ขั้นตอนนั้น จึงเป็นเรื่องที่ยากพอสมควรเลยล่ะ” “เมนูอาหารไม่ได้หรูหราแบบนี้พวกคุณเห็น” Kathleen Schaffer อดีตเชฟผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง Schaffer อธิบายว่ารายการอาหารบางอย่างในร้านอาหารนั้นคือการ “สร้างกำไร” อาหารจานหนึ่งที่มีราคาไม่แพงมากนัก ถูกจัดแต่งให้ดูหรูหราเพื่อที่จะเพิ่มราคาให้สูงขึ้น “หากอาหารขาดส่วนผสมไปอย่างหนึ่ง จะไม่สามารถจัดเสิร์ฟได้เลย” พวกเราไม่สามารถที่จะใช้ส่วนผสมอื่นแทนส่วนผสมที่ขาดหายไปได้ ดังนั้นคนทำอาหารจะต้องจัดหาส่วนผสมนั้นมาให้ได้…
-
เมื่อให้ Gordon Ramsay คอมเม้นต์อาหารจากทางบ้าน ทวิตเตอร์ก็เลยเดือดเป็นครัวนรก!!
สำหรับคนที่ชอบดูรายการทำอาหารก็คงไม่พลาดรายการยอดฮิตอย่าง Hell’s Kitchen ที่มีผู้นำรายการฝีปากจัดจ้าน ดุดัน โหดเหี้ยมอย่างเชฟชาวสก็อตแลนด์ Gordon Ramsay ผู้มากฝีมือและผ่านประสบการณ์การทำอาหารมาอย่างโชกโชน ด้วยการวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาของเขาชนิดที่ว่าชมเป็นชม ด่าเป็นด่า (หนักไปตรงการด่าหน่อยอ่ะนะ) ทำให้แฟนคลับหลายๆ คนอยากลองได้รับคำวิจารณ์ของเขาดูบ้าง เลยทำการถ่ายรูปอาหารที่ตัวเองได้ทำหรือได้ไปเจอลงทวิตเตอร์และขอคอมเม้นต์จากเชฟท่านนี้ เราลองไปดูกันดีกว่าว่าอาหารแต่ละอย่างและคำตอบที่ได้กลับมาจากปากของเชฟสุดโหด มันเป็นอย่างไรกันบ้าง? หูฉลามและซุปไก่ถ้วยนี้ เชฟขอบอกเลยว่ามันคือการทำลายระบบนิเวศชัดๆ เดี๋ยวฉลามก็สูญพันธ์ุหมดหร๊อกกก ก็ถ้าคู่หมั้นคุณทำอาหารออกมาได้น่ากินขนาดนี้ ก็แต่งงานกับเขาเลยเถอะครับ เชฟ Gordon ถึงกับงง เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาถ่ายรูปกันในคุกได้ด้วย นี่ไม่ใช่ไก่ย่างแล้ว นี่มันไก่โดนฌาปนกิจชัดๆ คำวิจารณ์อาหารของเด็กน้อย ติดอยู่บนเสื้อของเขาแล้ว “ยอดเยี่ยม!!” เผื่ออาจจะลืมอะไรไปนะ นี่มันเดือนมีนาคมอยู่เลย จะรีบทำคุกกี้คริสต์มาสไปหนายยย นี่มันสลัดจากร้านอาหารของ Gordon เองนี่นา กะตีเนียนให้เชฟด่าตัวเองละสิท่า ไม่ได้แอ้มเขาหร๊อกกก เป็นลาซานญ่าที่แห้งมากครับ ดูเหมือนคุณยายผมที่แห้งตายไปเมื่อ 20 ปีก่อนเลย อาหารเย็นมื้อนี้ไม่น่าเอามาถามเชฟนะ ดูจากในรูปขนาดหมายังเมินเลย พิซซ่าแช่แข็งก็ต้องเป็นไปตามชื่อ แช่แข็งคือ…
-
รายการ ‘Hotel Hell’ โดยเชฟ Gordon Ramsay เปลี่ยนโรงแรมเจ๊งบ๊ง กลายเป็นสุดหรูได้!!
สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับตัวยงของเชฟระดับโลกอย่าง Gordon Ramsay คงจะเคยติดตามผลงานของเขามาหลายๆ รายการไม่ว่าจะเป็น Hell’s Kitchen, Ramsay’s Kitchen Nightmares หรือรายการดังที่มีการซื้อลิขสิทธิ์เข้ามาฉายในเวอร์ชั่นไทยอย่าง MasterChef และวันนี้เราจะขอพาทุกคนไปรู็จักกับอีกรายการที่โด่งดังไม่แพ้กัน ของเชฟหัวร้อนคนนี้ นั่นก็คือรายการ Hotel Hell นั่นเอง!! รายการ Hotel Hell นี้จะเป็นการรีโนเวทโรงแรมเก่าๆ จากทางบ้าน ให้กลายเป็นแรงแรมใหม่ที่หรูหรากว่าเดิม โดยรายการนี้ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมปี 2012 ทางช่อง Fox และตอนนี้ก็มีออกมาให้แฟนๆ ได้ชมกันถึง 4 ซีซั่นแล้ว และในครั้งนี้ทางรายการได้เลือกโรงแรม Hotel Caster ให้เป็นผู้โชคดีที่ได้รับการรีโนเวทในครั้งนี้ และด้วยฝีมือการออกแบบงานนนี้จากโรงแรมเก่าๆ ก็ดูสวยงามขึ้นมาทันตาเลยทีเดียว ด้านนอกของโรงแรมก่อนที่จะได้รับการปรับปรุง และนี่คือด้านนอกหลังจากที่ได้รับการปรับปรุง อาจะดูเฉยๆ นะแต่ขอบอกข้างในนั้นสวยกว่านี้อีก!! หลายๆ คนอาจจะงงว่าเชฟผู้มากฝีมือผู้นี้ทำไมถึงมาทำรายการโรงแรม หรือว่าว่ากำลังจะเปลี่ยนทางไปเป็นช่างกันแน่นะ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้นหรอก เพราะนอกจากการตกแต่งภายนอกและภายในโรงแรมแล้ว ยังมีการปรับปรุงในส่วนของห้องครัวให้กลายเป็นครัวในแบบฉบับของ Gordon Ramsay อีกด้วย!! คุณ David เจ้าของโรงแรมและภรรยาถึงกับทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียวหลังจากที่ได้เห็นสภาพของห้องใหม่…
-
รวมโมเม้นต์น่ารักๆ ของลุง Gordon Ramsay ในรายการเชฟกระทะเด็ก ‘MasterChef Junior’
สำหรับใครที่ชื่นชอบการทำอาหารและชอบดูรายการทำอาหารละก็ คงจะคุ้นเคยกับเชฟจอมโหดอย่าง Gordon Ramsay กันเป็นอย่างดี และบทบาทที่พวกเราๆ คงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีนั่นก็คือมาดของเชฟหัวร้อน ที่พร้อมจะสาปแช่งคุณทันทีถ้าหากว่าเผลอเปิดไฟแรงเกินไป หรือทำอาหารออกมาได้รสชาติแย่ๆ ใช้ไม่ได้!! มันใช้ไม่ได้!! แต่ถึงแม้บทบาทในรายการต่างๆ ของเขาจะดูดุร้ายราวกับสัตว์ป่าแค่ไหน แต่เมื่อผู้เข้าร่วมรายการกลายเป็นเหล่าเด็กๆ แล้ว ท่าทีดุๆ และคำพูดที่แสนจะรุ้นแรงเหล่านั้นก็ดูซอฟต์ขึ้นมาทันที เอ้า!? ลุงหน้ามุ่ยปากร้ายคนเดิมหายไปไหนแล้ว… ภาพรายการเวอร์ชั่นผู้ใหญ่: พวกแกมันคือวายร้าย!! ตัดภาพมาที่รายการเวอร์ชั่นเด็ก: ไม่ต้องห่วงนะลูก เดี๋ยวลุงช่วยเอง อย่าเพิ่งหัวเสียนะ ครั้งหนึ่งเขาเคยปลอบหนูน้อยที่กำลังร้องไห้อยู่ในรายการ พร้อมกับบอกว่า “ลุงจะไม่ไปไหน จนกว่าหนูจะหัวเราะนะ” ลุงมักจะเอาขนมมาแจกเด็กๆ กลางรายการด้วยนะ และหลังจากที่เขาได้วิจารณ์อาหารที่พวกหนูๆ ทำแล้ว เขาก็มักจะเข้าไปปลอบเด็กๆ ด้วยคำพูดที่แสนอ่อนโยน รู้มั้ยว่าผมคิดถึงใครมากที่สุด? Jack ลูกชายผมเอง เขาทำอาหารเหมือนดั่งเทวดามาโปรดเลย แต่เมื่อไหร่ที่ผมได้ชิมอะไรที่มันอร่อยถูกปาก ก็ทำให้ผมรู้สึกคิดถึงบ้านน้อยลง (คำชมอย่างจริงใจที่มีให้กับเด็กๆ ผู้เข้าแข่งขัน) มีครั้งหนึ่งที่เชฟจอมโหดของเราปรากฎตัวกลางรายการ พร้อมกับชุดเอลฟ์สุดน่ารัก นอกจากนี้ลุง Gordon ยังคอยช่วยเหลือพวกเด็กๆ…
-
ครัวไทยยังแพ้ครัวนรก มาดู 18 ความโหดของ “Gordon Ramsay” ด่าเช็ดแบบไม่ไว้หน้า!!
เมื่อไม่นานนี้ในโลกโซเชียลเพิ่งเจอประเด็นดราม่าในรายการ MasterChef Thailand ในเหตุการณ์ที่ “เชฟเอียน” กรรมการผู้ตัดสินในรายการได้เทอาหารของผู้เข้าร่วมการแข่งขันทิ้ง โดยไม่ขอที่จะชิม เพราะว่าอาหารนั้นไม่ได้มาตรฐานตามที่กำหนดไว้ เชฟเอียนได้ทำการเทไข่ตุ๋นของผู้เข้าแข่งขันที่ไม่ตรงตามโจทย์ที่ตั้งไว้ โดยคนไทยบางคนก็รู้สึกว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงจนเกินไป จึงทำให้เกิดเป็นประเด็นดราม่าและแอนตี้ขึ้นมา แต่ในครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปพบกับเชฟ Gordon Ramsay ที่ขึ่นชื่อในเรื่องของความเถื่อน ความถ่อย ความเหี้ยม ความโหด จนเชฟเอียนเทียบไม่ติดเลยทีเดียว เอ็งมันก็เป็นเพียงแค่แซนด์วิชเท่านั้นแหละ!! สำหรับ Gordon Ramsay นั้นเป็นเชฟพิธีกรของรายการเรียลลิตี้แข่งทำอาหารอย่าง Hell’s Kitchen เพื่อที่จะเฟ้นหาหัวหน้าพ่อครัวให้ไปทำงานในร้านอาหารชื่อดังต่างๆ รวมไปถึงร้านของตัวเองด้วย ฉะนั้นพี่แกก็ต้องปั้นบทโหดเพื่อให้ได้คนที่ดีที่สุด ด้วยการใช้คำพูดเผ็ดๆ ถึงพริกถึงขิง ถึงลูกถึงคนมากๆ แล้วคุณจะรู้เลยว่าที่เจอในรายการไทยมันยังน้อยกว่านั้นเยอะ!! 1. ยายกรูยังทำได้ดีกว่ามรึงอีก และแกก็ตายไปแล้วโว้ย!!! 2. มรึงเป็นใคร!!!! ฉันคือเจ้าแซนด์วิชงี่เง่า!!! 3. กรูว่ามรึงไปโดดลงเตาอบเถอะ มันจะทำให้ชีวิตกรูง่ายขึ้น!!! 4. เป็นการตัดสินใจที่ยากจริงๆ เพราะมรึงมันห่วยทั้งคู่!! 5. ไอ่ลาโง่เอ้ยย!!!!…
-
เส้นทางชีวิตของ “กอร์ดอน แรมซี่” จากนักฟุตบอลดาวรุ่ง พุ่งลงสนาม มุ่งสู่เชฟระดับโลก
เส้นทางชีวิตของคนเรานั้นไม่ได้เป็นเส้นตรงเสมอไป เพราะบางครั้งเราก็ต้องเผชิญกับปัญหาหรืออุปสรรคที่ไม่คาดคิด จนต้องทำให้เราต้องหันหลังกลับ หรือเลือกเส้นทางใหม่ เพื่อเดินทางไปให้ถึงจุดหมายที่หวังเอาไว้ เช่นเดียวกันกับชีวิตของสุดยอดเชฟที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกอย่าง Gordon Ramsay การันตีด้วยดีกรีเจ้าของร้านอาหารที่เคยได้รับรางวัลดาวมิชลิน 15 ดาว แถมยังร่วมเป็นพิธีกรในรายการอาหารอีกมากมายหลายรายการ แล้วเพื่อนๆ รู้มั้ยว่าจุดเริ่มต้นความสำเร็จของเขานั้นไม่ได้มาจากการร่ำเรียนมาตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆ เพราะอดีตเขาเคยเป็น ‘นักฟุตบอล’ ดาวรุ่งอนาคตไกลมาก่อน แต่โชคร้ายที่โดนอาการบาดเจ็บเรื้อรังจึงทำให้ต้องแขวนสตั๊ดไปในที่สุด Gordon เริ่มเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่เด็กๆ จนเข้าสู่อาชีพนักฟุตบอลอย่างเต็มตัวกับทีมเยาวชนอายุต่ำกว่า 14 ปี ของทีม Racing Club Warwick F.C. เมื่ออายุได้ 12 ปี จนมาถึงช่วงกลางปี 1984 ก็ได้มาทดสอบฝีเท้ากับทีมเยาวชนของทีมยักษ์ใหญ่แห่งลีคสกอตแลนด์อย่าง Glasglow Rangers จนในที่สุดก็ได้เซ็นสัญญาเข้าร่วมทีมตอนอายุได้ 15 ปี แต่หลังจากที่ฝึกซ้อมเพื่อเตรียมรับมือกับการแข่งขันจริงไปได้ไม่กี่เดือน ก็ต้องประสบกับปัญหาอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่หัวเข่า จนต้องยอมเลิกเล่นไปในที่สุด หลังจากเลิกเล่นฟุตบอลไป เขาก็เริ่มหันมาให้ความสนใจกับการทำอาหารแทน และเริ่มลงมือทำอย่างสุดความสามารถจนประสบความสำเร็จในที่สุด นี่คือคลิปวิดีโอสารคดีที่เล่าถึงความฝันในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพเมื่อวัยเด็กของ Gordon และการเล่นเล็กๆ น้อยๆ ที่มา…
-
มารู้จักกับเชฟหั่นสเต็ก กับ “ท่าโรยเกลือ” สุดแปลก ผู้โด่งดังในโลกโซเชียล ณ ตอนนี้!!
นาทีนี้คงไม่มีใครที่จะฮ็อตไปกว่าพ่อหนุ่มคนนี้อีกแล้ว!! ฃ และเขาก็คือ…นาย Nusret Gökçe ยอดเชฟจากตุรกีหรือที่รู้จักกันในนาม #SaltBae ที่กำลังถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายในโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้ หลายๆ คนอาจจะนึกไม่ออก เพราะพี่แกโด่งดังมาจากคลิปการหั่นสเต็กที่มีท่าทางในการหั่นแบบเร้าใจสุดๆ และท่าโรยเกลือที่เป็นซิกเนเจอออออออร์ สำหรับหลายๆ คนอาจจะคิดว่าพี่แกทำเอาฮา หรือเล่นตลกแต่ขอบอกเลยว่าไม่ใช่แบบนั้นอย่างแน่นอน เพราะอีตา Gökçe เนี่ยเป็นเจ้าของร้านสเต็ก Nusr-Et ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอีกร้านหนึ่งในเมืองดูไบเลยทีเดียว ท่าทางการปฏิบัติต่อเนื้ออย่างนุ่มนวลนั้นทำให้เห็นว่าเขาใส่ใจในรายละเอียดกับการทำสเต็กแต่ละเมนูมากเพียงใด เข้าไปชมคลิปแบบเต็มๆ ได้ที่ลิงค์นี้ได้เลยนะจ๊ะ และเท่านั้นยังไม่พอพี่แกก็ไม่ได้เป็นเชฟธรรมดาๆ ทั่วไปนะเออ เพราะจากการตามเข้าไปส่องในอินสตาแกรมของแกแล้วก็พบว่ามีคนดังในวงการฟุตบอลหลายคนต่างก็ไปใช้บริการที่ร้านของแกมาแล้ว และเท่านั้นยังไม่พอมีผู้ติดตามเป็นล้านคนเลยทีเดียว!! Mesut Ozil ยอดกองกลางแห่งสโมสรปืนโต และทีมชาติเยอรมัน Manuel Neuer ผู้รักษาประตูที่ได้ชื่อว่าหนึบที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ แต่ถึงอย่างนั้นด้วยท่าทางการโรยเกลือที่สุดจะแปลกของพี่แกก็กลายเป็นมีมที่ชาวเน็ตเอาไปเล่นกันซะสนุกสนานเฮฮาในโลกออนไลน์ “เมื่อคุณแต่งหน้าใกล้จะเสร็จแล้ว แต่ยังต้องเติมส่วนไฮไลท์ที่ทำให้หน้าของคุณดูเด่นยิ่งขึ้น” บางคนก็เอาท่าทางการโรยเกลือสุดจ๊าบยของเขาไปเปรียบเทียบกับการโรยเกลือแบบธรรมดาๆ เออมันต่างกันเยอะแฮะ – -* ถึงกับมีแฟนคลับมาวาดภาพแฟนอาร์ตให้เลยทีเดียว…
-
นักชิมพร้อม!! “Jamie Oliver” เชฟชื่อดังมีตังค์เยอะ เตรียมเปิดร้านอาหารในไทยเร็วๆ นี้
หากใครยังจำกันได้ เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา เว็บไซต์ของเราได้นำเสนอเรื่องราวของเชฟฝีมือฉมังจากอังกฤษที่ชื่อว่านาย Jamie Oliver ผู้ที่เกิดมาพร้อมกับความบกพร่องในการอ่าน แต่ฝึกทำอาหารจนโด่งดังและกลายเป็นเชพที่รวยที่สุดในโลก (อ่านประวัติของเขาได้ที่นี่เลย) Jamie Oliver โด่งดังและกลายเป็นที่รู้จักของแฟนๆ ทั้งโลกผ่านรายการทำอาหารมากมาย (ใครอยากรู้ว่าเขามีเสน่ห์ยังไง ทำไมถึงโด่งดัง ลองกดไปชมคลิปของเขาได้ที่เว็บไซต์ iflix มีบริการให้ดูฟรีเดือนนึงด้วยนะ) และล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เว็บไซต์ Luxurysocietyasia ได้รายงานว่านาย Jamie กำลังเตรียมที่จะเปิดร้านอาหารของเขาในไทยแล้ว!! ตามรายงานบอกว่านาย Jamie เตรียมเปิดร้านอาหารสไตล์อังกฤษผสมอิตาเลียนในกรุงเทพฯ ในช่วงสิ้นปีนี้ ในชื่อว่า Jamie’s Italian ที่บริเวณสยาม ดิสคัฟเวอรี่ โดยร้านของเขาจะตกแต่งแบบมันสมัยและสบายๆ เพื่อให้แฟนๆ ของเขาได้กินอาหารได้อย่างสบายอกสบายใจแบบเดียวกับที่เขาแสดงให้เราเห็นตอนที่ทำรายการอาหารนั่นเอง ความพิเศษของร้านอาหารแห่งนี้ นอกจากนี้มีเมนูที่นาย Jamie ชื่นชอบแล้ว ยังใช้วัตถุดิบท้องถิ่นจากเกษตรกรไทย เพื่อนำมาทำเป็นอาหารหรูๆ ให้ลูกค้าได้กินกันด้วยนะ นับว่าเป็นไอเดียที่แบบยั่งยืนและน่าสนับสนุนจริงๆ แค่เห็นก็น้ำลายไหลแล้ว Jamie กล่าวถึงความรู้สึกที่จะได้มาเปิดร้านอาหารที่ไทยว่า “รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้เปิดตัวร้าน Jamie’s Italian ในประเทศไทย กรุงเทพถือเป็นเมืองที่สดใสสนุกสนานมากพร้อมไปด้วยอาหารรสชาติเยี่ยมมากมาย” “ผมแทบไม่สงสัยเลยว่ามันจะยอดเยี่ยมขนาดไหนสำหรับร้าน Jamie’s Italian…
-
โอลิมปิกมีอาหารเหลือทิ้งเยอะมาก เหล่าเชฟเลยรวมตัว นำมาปรุงใหม่แจกคนไร้บ้าน!!!
เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวน่ารักๆ ที่เกิดขึ้นในโอลิมปิกครั้งนี้ มีข้อมูลมาว่าประเทศบราซิลจัดการด้านอาหารนักกีฬาได้ไม่ค่อยดีนัก และเหลืออาหารมากเกินความจำเป็นปริมาณมาก โดยแต่ละวันนั้นมีวัตถุดิบดีๆ เหลือจากการทำให้นักกีฬาทานเพียงพอสำหรับเลี้ยงผู้คนอีกราวๆ 5,000 คน มารับประทานกันได้แบบสบายๆ เลยล่ะ นั่นเป็นเหตุให้สองเชฟชื่อดังที่ทำอาหารให้เหล่านักกีฬาในโอลิมปิกทานอย่าง Massimo Bottura ชาวอิตาลี และ David Hertz เชฟชาวบราซิล เกิดไอเดียดีๆ ขึ้น โดยร่วมกันใช้วัตถุดิบที่เหลือจากการทำอาหารให้เหล่านักกีฬาในแต่ละวัน ปรุงแล้วแจกจ่ายให้กับเหล่าคนยากไร้ในเมือง Rio de Janeiro ล่ะ!!! จากรายงานของสำนักข่าว Reuters ระบุว่า 30-40 เปอร์เซ็นต์ของอาหารจากรอบโลกนั้นถูกทิ้งให้เสียเพราะกระบวนการเก็บเกี่ยว ขนส่ง โดยเฉพาะกระบวนการถูกคัดเลือกโดยภาคธุรกิจและผู้บริโภค ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับเหล่าผู้ยากไร้เป็นอย่างมาก Massimo Bottura สำหรับเชฟทั้งสองนั้นไม่ใช่เป็นเชฟธรรมดาๆ ที่ไม่มีชื่อนะจ๊ะ เพราะ David Hertz ก็เป็นเชฟชื่อดังของประเทศเช่นกัน ส่วน Massimo Bottura ก็เป็นเชฟที่ทำอยู่ในร้านอาหารระดับ 3 ดาวของ Michelin ในประเทศอิตาลี นอกจากนี้ก็มีเชฟคนอื่นๆ อีกเช่น RefettoRio Gastromotiva รวมถึงเชฟจากรอบโลกกว่า 40 ท่านด้วยกัน ที่มาร่วมปรุงอาหารจากของเหลือเหล่านี้ให้กับเหล่าคนไร้บ้านในเมืองได้ทานกันล่ะ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของ RefettoRio Gastromotiva ยอดเชฟจากแดนอิตาลี…
-
“ชาน ฮอน หมิง” เจ้าของร้านอาหารระดับ “มิชลิน สตาร์” ราคาถูกที่สุดในโลกเพียง 52 บาท
เมื่อพูดถึงเชฟทำอาหารฝีมือฉกาจ หลายๆ คนน่าจะนึกถึงเชฟตามร้านอาหาร 5 ดาว หรือเชฟจากร้านการทำอาหารดังๆ แต่หากจะให้มีชื่อเสียงและฝีมือดียิ่งกว่านั้นอีก ก็คงจะต้องนึกถึงเชฟที่ได้รับรางวัลจากมิชลิน สตาร์ นั่นเอง ในบทความนี้ #เหมียวฟิ้น จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับเชฟที่ชื่อว่านายชาน ฮอน หมิง ที่เปิดร้านอาหารธรรมดาๆ แห่งหนึ่งใน ประเทศสิงคโปร์ อาหารที่โด่งดังที่สุดของเขาก็คือเมนูข้าวหน้าไก่ฮ่องกงและบะหมี่ไก่ฮ่องกง ที่มีรสชาติเยี่ยมจนมีคนมาต่อคิวซื้อทั้งวัน และที่สำคัญเขาตั้งราคาขายถูกมาก เพียงราวๆ 1.50-2.00$ หรือเทียบเป็นเงินไทยก็แค่ 52-70 บาทเท่านั้น ถือว่าถูกกว่าเมนูฟ้าสฟู๊ดหลายๆ แห่งเสียอีก และแล้ววันหนึ่งชื่อของชาน ฮอน หมิง ก็โด่งดังขึ้น เพราะเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นายชานได้รับเชิญให้เข้าร่วมทานอาหารค่ำและรับรางวัลภายในงาน Michelin Guid Singapore Gala Dinner ซึ่งถือเป็นเกียรติยศสูงสุดของคนทำอาหารเลยก็ว่าได้ เพื่อเป็นการยืนยันว่าเขาคือเชฟมิชลิน สตาร์ที่มีฝีมือเยี่ยมคนหนึ่ง แม้จะไม่ได้มาจากโรงเรียนสอนทำอาหารดีๆ หรือร้านอาหารหรูๆ ก็ตาม เมื่อเขาได้ยินแบบนั้นก็แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองว่ามันคือเรื่องจริง “ตอนที่ผมได้รับการเชิญ ผมไม่ค่อยแน่ใจ ผมถามพวกเขาว่า…
-
หล่อวอเตอร์วอล์ค!! Franco Noriega เชฟหล่อจากเปรู ลูกค้าสาวได้เห็น เป็นต้องระทวย!!
วันนี้ขอเอาใจสาวๆ ที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารทั้งทางปากและทางสายตากันบ้าง เพราะ#เหมียวฟิ้นจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกันเชฟหนุ่มคนหนึ่งจากเปรู นอกจากเขาจะทำอาหารได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว เขายังมีดีกรีเป็นถึงนายแบบเชียวนะเออ เชฟที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้มีชื่อว่า Franco Noriega จากประเทศเปรู เขาย้ายมาอยู่ในกรุงนิวยอร์คเมื่อปี 2007 เพื่อที่จะเป็นนักแสดง แต่ดันกลายเป็นว่าเขาได้ทำอาชีพนายแบบแทน จากนั้นเขาก็ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนสอนทำอาหาร เพื่อตามฝันอย่างการเป็นเชฟทำอาหารอร่อยๆ และแน่นอนว่าพี่แกฮ็อทมาก!! ตามรายงานบอกว่านายฟรังโก้นั้นเกิดในครอบครัวที่ทำอาชีพอบขนมปังขาย ทำให้เขาสนใจในเรื่องการทำอาหารเป็นพิเศษ ก่อนหน้านี้เข้าเคยเปิดร้านกับน้องสาวในบ้านเกิด และในเร็วๆ นี้เชฟฟรังโก้ก็เตรียมที่จะเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองในชื่อว่า Baby Brasa ในเมืองนิวยอร์คด้วยนะ เขาสนใจอาหารเพื่อสุขภาพ และเมนูในร้านอาหารของเขา ได้รับแรงบันดาลใจจาก การที่เขาชอบกินอาหารคลีนหลังเลิกงาน การเล่นสเกตบอร์ด และการชอบกินขนมปัง ร้านอาหารของเขาจะเน้นทำอาหารคลีนๆ แบบที่เขาชอบกิน สาวๆ ไม่ต้องกลัวอ้วน เชื่อเลยว่าหลังจากเปิดร้านไปแล้ว ลูกค้าสาวๆ ต้องมามาต่อคิวกันกิน (อาหาร) เพียบแน่ๆ อย่างที่บอกไปว่าก่อนหน้านี้นายฟรังโก้เคยทำอาชีพนายแบบมาก่อน เขาเคยทำงานให้กับแบรนด์ดังๆ มาแล้วหลายเจ้า ไม่ว่าจะเป็น Dolce & Gabbana, Calvin Klein และ Hugo Boss ทั้งหล่อหุ่นดี ทำอาหารเก่งขนาดนี้…
-
ชวนชม ‘ข้าวไข่ข้น’ ในร้านที่น่ากินสุดของญี่ปุ่น ราดด้วยน้ำซอสฉ่ำๆ โถ่น้ำลายไหล!!
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบกินข้าวไข่ข้นเป็นชีวิตจิตใจ และออกตามหาร้านที่ทำข้าวไข่ข้นได้แบบอร่อยล้ำลิ้นของคุณล่ะก็ คุณอาจจะอยากเก็บกระเป๋าเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อชิมข้าวไข่ข้นที่ร้านอาหารแห่งนี้ก็เป็นได้นะ ร้านอาหารที่#เหมียวฟิ้นจะพาเพื่อนๆ ไปดูกันในวันนี้มีชื่อร้านว่า KICHI KICHI ตั้งอยู่ในเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ที่ร้านแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องการทำเมนูข้าวไข่ข้น (ที่บ้านเขาเรียกว่าข้าวห่อไข่) จนคนจากหลากหลายประเทศแห่กันไปกินแล้วยกให้เมนูของร้านนี้เป็นข้าวไข่ข้นที่ดีที่สุดเลยทีเดียว เมนูที่ว่านี้อาจจะดูเหมือนข้าวไข่ข้นบ้านเรา แต่กรรมวิธีการทำนั้นพิเศษกว่าตรงที่ เชฟจะไม่ได้ทอดไข่แล้วลงไปเลย แต่จะเป็นการค่อยๆ ใช้ไฟอ่อนเคาะกระทะไปเรื่อยๆ จนไข่ม้วนกันเป็นทรงรี จากนั้นก็นำมาวางไว้บนไข่ แล้วผ่าออก ทำให้ไข่ที่ยังไม่สุกดีด้านในไหลออกมาห่อข้าวเอาไว้ สุดท้ายก็ราดซอสแบบพิเศษ (แบบเดียวกับที่ใช้ราดสเต็กวากิว) ลงไป เป็นอันเสร็จ นอกจากอาหารอร่อยแล้ว เชฟที่นี่ยังใจดีด้วยนะ เพราะทุกครั้งที่ลูกค้าหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย เขาจะรู้มุมกล้องและรู้ว่าต้องทำยังไงให้อาหารออกมาดูดีที่สุด แถมยังเป็นกันเอง เข้าไปถ่ายรูปจับมือกับแกได้ด้วยแหนะ อ่าเฮื้ออออ! ลองชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลยจ้า โอ้ย น้ำลายไหลแล้ว แต่ทำไม่เป็น ขอไปทำไข่เจียวกินก็ยังดี ที่มา INSIDER food , Umi Fadilah , yinagoh
-
Jamie Oliver จากอดีตเด็กที่มี ‘ความบกพร่อง’ สู่การเป็นหนึ่งในเชฟที่รวยสุดในโลก!!!
สำหรับวันนี้เราก็มีเรื่องราวสุดประทับใจของคนที่ไม่ยอมแพ้ต่อชีวิตและโชคชะตามาฝากเพื่อนๆ กัน ว่าแล้วเราลองมาชมกันเลยดีกว่าว่าจะสุดยอดขนาดไหน!!? Jamie Oliver ในวัยเด็กของเขานั้นค่อนข้างลำบากเลยทีเดียว เพราะเขาเกิดมาพร้อมกับโรค Dyslexia ทำให้เขามีความบกพร่องในการอ่าน และมีปัญหาในด้านการเรียนรู้อย่างมาก (ถ้าใครนึกภาพไม่ออกก็คือโรคเดียวกับเพอร์ซี่ แจ็คสันนั่นแหละ) แต่ถือว่าหนูน้อย Jamie ในตอนนั้นยังโชคดีมากๆ เพราะโดยพื้นฐานแล้วเขาเป็นคนที่ชอบทานอาหารและสนุกกับมัน ประกอบกับการที่พ่อแม่ของเขามีร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่งไว้ให้เขาฝึกซ้อมฝีมือและฝึกหัดอยู่เสมอๆ Jamie Oliver แต่ยิ่งทำไปมันยิ่งใช่ จนเมื่อเขาเรียนหนังสือจบมาอย่างยากลำบาก เขาจึงพยายามสมัครงานเป็นเชฟทำอาหารหลายๆ ที่ จนได้มีโอกาสไปทำงานในร้านอาหารอิตาเลี่ยนแห่งหนึ่งในละแวก มาถึงจุดๆ นี้เขาก็พบว่าตัวเองสามารถทำอาหารชนิดนี้ได้ดีเป็นพิเศษ!!? โอกาสในการพลิกผันชีวิตของเขาก่อเกิดในปี 1997 ที่ผู้จัดรายการของสำนักข่าว BBC ได้เผอิญเห็นเขาออกทีวีช่วงสั้นๆ ในรายการทำอาหารรายการหนึ่ง เกิดปิ๊งเข้ากับเชฟหนุ่มของเราเข้าให้อย่างจัง เพราะสไตล์การอธิบายและทำอาหารที่แม้จะเป็นเรื่องยากๆ ก็สามารถทำให้ผู้ชมดูจนเข้าใจกันได้ง่ายๆ หลังจากนั้นทางผู้จัดก็เลยชักชวนเชฟหนุ่มมาทำรายการอาหารที่ชื่อว่า The Naked Chef ซึ่งผลก็เป็นไปตามคาด รายการนี้ทำให้เขาดังเป็นพลุแตก และได้รับเชิญไปรายการทำอาหารอีกหลายๆ รายการจนเขากลายมาเป็นหนึ่งในเชฟที่รวยที่สุดในโลก!!? แถมไม่พอยังเคยถูกจัดอันดับโดยนิตยสาร Forbes ว่าเป็นเชฟที่มีทรัพย์สินมากกว่า 10,000 ล้านบาทเสียอีก!!? พอดังและประสบความสำเร็จแล้ว Jamie ก็ไม่ลืมที่จะตอบแทนชุมชนด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการมีบทบาทสำคัญในการเรียกร้องให้เปลี่ยนอาหารของในโรงเรียนของอังกฤษให้ดีต่อสุขภาพเด็กมากขึ้น แถมยังส่งผลไปถึงโรงเรียนในประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย…
-
15 เทคนิคดีๆ ในการเข้าครัวที่จะทำให้คุณดูเหมือนมาสเตอร์เชฟกระทะเหล็กมาเอง!!!
สำหรับเรื่องการเข้าครัวและเสน่ห์ปลายจวักนั้นอาจจะเป็นเรื่องยากของใครหลายๆ คน แต่ที่จริงแล้วมันมีทริคและเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ อยู่ แค่เราไม่รู้กันเองล่ะ ฮ่าๆๆๆ วันนี้ #จ่าสิบเหมียว เลยอยากจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับทริคต่างๆ ที่สามารถทำได้ในครัวของคุณ และที่สำคัญมันจะทำให้เพื่อนๆ ดูเหมือนเป็นมาสเตอร์เชฟกระทะเหล็กมาเองเลยทีเดียว ลองมาดูกันเลย อยากกินป็อปคอร์นเหรอ แค่ทำแบบนี้แล้วนำเอาไปใส่ในไมโครเวฟราวๆ 3 นาทีก็ได้ทานกันแล้วล่ะ วัดระดับน้ำที่ใช้หุงข้าวกันง่ายๆ แค่ 1 ข้อนิ้วก็พอแล้ว นำเนื้อไปแช่แข็งก่อนสัก 2 ชั่วโมง จะได้หั่นออกมาสวยๆ หั่นผักแนวเฉียง จะได้สุกไวๆ วิธีซอยหอมแบบไม่ทำให้น้ำตาไหล ทำแบบนี้ปลอดภัยมาก ปอกเปลือกแล้วซอยแต่ละด้านมาประจบกันที่ตรงกลาง ล้างกลิ่นหัวหอมติดมือง่ายๆ ด้วยการล้างกับช้อนสแตนเลส ป้องกันไม่ให้อาหารที่อุ่นในไมโครเวฟแห้งเกินไปด้วยการนำทิชชู่ทำอาหารมาคลุมไว้ ผสมแป้งทำแพนเค้กง่ายๆ ในเครื่องปั่นซะเลย ต้มน้ำให้เดือดเร็วขึ้นโดยการใช้กระทะหรือหม้อใหญ่ๆ ปิดฝา แล้วเติมเกลือลงไป ย่นระยะเวลาการปรุงมันฝรั่งให้สุกด้วยการนำไปเวฟก่อน อุ่นอาหารสองอย่างในไมโครเวฟได้ง่ายๆ แค่ตั้งไว้ต่างระดับกัน …
-
เชฟชาวออสซี่ทดลองย่างเนื้อซี่โครงแกะในรถ แสดงอันตรายของการปล่อยเด็กทิ้งไว้ในรถ!!
หากใครที่ใช้รถยนต์เป็นประจำก็คงจะทราบกันดีว่าการจอดรถในที่โล่งแจ้งกลางแดดร้อนจัดๆ นั้นเป็นสิ่งที่ไม่อยากจะให้เกิดขึ้น แต่ก็ต้องเกิดเพราะว่าไม่สามารถหาที่จอดรถใต้ร่มได้ ปัญหาที่ตามมาก็คือความร้อนที่สะสมอยู่ภายในตัวรถ ร้อนจะชนิดที่ว่ามันก็คือเตาอบดีๆ นี่เอง และหนึ่งสิ่งที่ต้องใส่ใจกันเป็นพิเศษก็คือการลืมหรือปล่อยเด็กทิ้งไว้ในรถยนต์ที่จอดไว้ในบริเวณที่โล่งแจ้ง ทางด้าน Kidsafe Australia ก็ได้เชิญให้เชฟชาวออสเตรเลีย Matt Moran มาพิสูจน์ถึงความร้อนระอุภายในรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้กลางแดด ว่ามันร้อนมากมายแค่ไหน ก่อนหน้านั้นเขาก็ได้ทำการจอดรถยนต์ไว้ใกล้ๆ กับบริเวณชายหาด โดยมีอุณหภูมิเริ่มต้นที่ 27.1 องศาเซลเซียส จากนั้นก็นำเนื้อซี่โครงแกะวางไว้บนถาดและนำมาวางทิ้งไว้ในรถยนต์คันดังกล่าว แล้วก็ปล่อยให้กระบวนการทำความร้อนย่างเนื้อให้สุก ปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง อุณหภูมิค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนภายในรถยนต์นั้นร้อนระอุถึง 72.5 องศาเซลเซียส เนื้อซี่โครงแกะชิ้นนี้ก็กลายมาเป็นเนื้อย่างที่พร้อมรับประทานแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก สิ่งที่เขากำลังจะบอกก็คือ ในทุกๆ ปีมีเด็กกว่า 5,000 รายถูกทิ้งไว้ในรถยนต์แบบนี้ ความร้อนสามารถคร่าชีวิตคนได้ เพราะหากรถยนต์มีอุณหภูมิที่สูงมากๆ มันก็ไม่ต่างไปจากเตาอบเลย แม้จะเปิดหน้าต่างระบายความร้อนแล้วก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กที่ไม่สามารถพาตัวเองออกมาจากที่ที่อันตรายแบบนี้ เพราะฉะนั้นจงใส่ใจกับเด็กๆ ด้วย ที่มา : theage
-
เหมียวนี่อึ้งเลยย้ง!! เชฟโชว์ลีลาการหั่นแซลมอนอย่างชำนาญ แต่ดันวางไว้บนถังขยะซะอย่างงั้น!?
บ่อยครั้งที่เรามักจะได้เห็นกระทู้รีวิวร้านอาหารและการทำอาหารของเชฟผู้มากความสามารถ จากร้านอาหารดังๆ หลายแห่ง แต่เชื่อหรือไม่ว่าในความชำนานการที่เห็นเหล่านั้น อาจมีสิ่งผิดปกติซ่อนอยู่ด้วย เหมือนอย่างกระทู้หนึ่งที่เหมียวจะหยิบมานำเสนอในวันนี้ เมื่อเร็วๆ นี้แอดเหมียวได้ไปเจอเข้ากับกระทู้หนึ่งของสมาชิกเว็บไซต์พันทิปที่ใช้นามแฝงว่า ขนมชั้นไขมันต่ำ เป็นกระทู้รีวิวร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่เผยให้เห็นเชฟกำลังหั่นแซลมอนอย่างคล่องแคล่ว แต่พอสังเกตดีๆ เธอกลับเห็นสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น เพราะเมื่อมองไปที่ด้านหลังของเชฟ จะมองเห็นว่ามีถาดแซลมอนวางอยู่บนถังขยะสีขาวนั่นเอง!! จากนั้นเจ้าของกระทู้ก็ได้นำเรื่องนี้ไปบอกกับเฟซบุ๊กเพจที่รีวิวอาหาร แต่กลับถูกเพิกเฉยและถูกลบความคิดเห็นออกไปด้วย ไม่รู้ว่าทางร้านจะมีมาตรการในการแก้ไขปัญหานี้อย่างไรนะ แต่โชคดีเหลือเกินที่ไม่มีการเปิดเผยชื่อร้านออกมา ไม่งั้นงานนี้อาจส่งผลกระทบถึงภาพลักษณ์ได้เลยทีเดียว เอ้า รู้แล้วก็นำไปแก้ไขซะนะจ๊ะ ที่มา ขนมชั้นไขมันต่ำ