Tag: เดินทาง
-
หนุ่มเสีย 1,700 บาท ได้นั่งเครื่องบินส่วนตัวไปงานแต่งเพื่อน เพราะเป็นผู้โดยสารคนเดียว!!
ใครเล่าจะคิดว่าการเสียเงินแค่ 1,700 บาท จะได้นั่งเครื่องบินส่วนตัวเดินทางไปถึงเป้าหมายที่เราต้องการได้!? นี่คือเรื่องราวของชายหนุ่มผู้โดยสาร ที่บังเอิ๊ญบังเอิญจองตั๋วเครื่องบินโลว์คอสต์ แต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีใครจองตั๋วบินไปกับเขาแม้แต่คนเดียว หนุ่มวัย 28 ปีได้ทำการซื้อตั๋วขึ้นเครื่องบินโบอิ้ง 738 ที่มีที่นั่ง 168 ที่นั่ง เดินทางจากเกาะเคอร์ฟูประเทศกรีซ ไปยังเมืองเบอร์มิงแฮมประเทศอังกฤษเพื่อร่วมงานแต่งงานของเพื่อน แต่พอขึ้นไปบนเครื่องก็พบว่าตัวเองเป็นผู้โดยสารเพียงคนเดียวเท่านั้น เขาก็เลยถ่ายภาพบรรยากาศต่างๆ เอาไว้ เพื่อเอาไปอวดให้ทุกคนได้เห็น แถมพนักงานทุกคนทั้งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน หรือแม้แต่กัปตัน ต่างก็ยินดีต้อนรับเขาอย่างยินดี ราวกับว่าเป็นแขกวีไอพีเลยทีเดียว!! นอกจากนี้พอเขาบอกพนักงานบนเครื่องบินว่าจะไปร่วมงานแต่งของเพื่อน กัปตันก็จัดการเปิดไฟโทนสีชมพูแดงสุดหวานแหววให้ซะด้วย!! มีโอกาสไปนั่งเป็นผู้ช่วยนักบิน!! ถ่ายรูปร่วมกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน บริการประทับใจราวกับว่าเครื่องบินลำนี้ เป็นเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเขาเอง!! นอกจากนี้ทางสายการบินก็ได้มอบของขวัญกำนัลสุดพิเศษ เป็นคูปองเงินสดราคา 60 ปอนด์หรือราวๆ 2,600 บาท เพื่อใช้เป็นส่วนลดในครั้งต่อๆ ไปอีกด้วย แหม แบบนี้มันต้องถ่ายภาพไปอวดเพื่อนๆ สักหน่อย นานๆ ทีจะมีเครื่องบินส่วนตัวไปส่งแบบนี้ ฮร่าๆ …
-
ลูกชาย 12 หายตัวไป ที่ไหนได้แอบขโมย ‘บัตรเครดิตแม่’ จองตั๋วบินไปเมืองนอก นอนโรงแรมหรู!!
เด็กชายวัย 12 ปีแอบขโมยบัตรเครดิตของแม่จองไฟลท์บินจากออสเตรเลียไปอินโดนีเซีย พร้อมทั้งจองโรงแรมหรูระดับ 4 ดาวเป็นเวลา 5 วัน 4 คืน และเพิ่งกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย เว็บไซต์ Ladbible รายงานว่าเด็กชายวัย 12 ขวบ ไม่ทราบชื่อ ได้วางแผนเป็นอย่างดีเพื่อแอบหนีไปเที่ยวต่างประเทศ เขาขโมยบัตรเครดิตของแม่ จากนั้นก็ทำการเสิร์ชหาสายการบินที่อนุญาตให้เด็กอายุเท่าเขาสามารถขึ้นเครื่องได้โดยที่ไม่ต้องมีคำยินยอมจากผู้ปกครอง แล้วก็จองตั๋วเครื่องบิน ตามรายงานระบุอีกว่า เด็กชายใช้มารยาเด็กน้อยหลอกล่อคุณยายให้ทำพาสปอร์ตให้กับเขา พอสำเร็จก็ขึ้นรถไฟเพื่อไปขึ้นเครื่องที่สนามบิน หลังจากที่ไปถึงที่โรงแรมเขาแจ้งกับพนักงานโรงแรมว่าเดี๋ยวพี่สาวของเขาจะตามมา ในอีก 3-4 วัน นั่นทำให้เขาต้องเช็กอินและอาศัยอยู่ที่โรงแรม All Seasons Hotel ในเมือง Denpasar ประเทศอินโดนีเซียก่อน ขณะเดียวกันที่บ้านก็รู้แล้วว่าเขาหายตัวไป และไม่ได้ไปโรงเรียนเป็นเวลาหลายวัน ก็เลยตัดสินใจไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าลูกชายหายไป คุณแม่เล่าว่าเธอรู้สึกตกใจ และเหนื่อยหน่ายใจเป็นอย่างมาก “ฉันไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี ถึงความรู้สึกที่รู้ว่าเขาหนีไปเที่ยวต่างประเทศ” เกิดเป็นคำถามว่าเขาซื้อตั๋วเครื่องบิน และนั่งเครื่องบินจากซิดนีย์ ไปเพิร์ธ แล้วบินต่อไปที่เมือง Denpasar ได้อย่างไร โดยที่ไม่มีใครเอะใจว่าเขาเป็นเด็กอายุ…
-
เด็กชายวัย 10 ขวบ แอบย่องขึ้นรถไฟเดินทางไกล 300 กิโลฯ เพราะอยากไป Disneyland
ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความฝันอยากเดินทางไปในที่ที่เราอยากจะไป ไม่เว้นแม้แต่กับเด็ก 10 ขวบชาวจีนคนนี้ เมื่อเขาอยากไปเที่ยว Disneyland ในเซี่ยงไฮ้เป็นอย่างมาก จนถึงขนาดแอบขึ้นรถไฟไปเพียงลำพัง เดินทางไกลกว่า 300 กิโลเมตรเพื่อทำให้ฝันเป็นจริง นี่เป็นเรื่องราวของเด็กชายวัย 10 ขวบที่เดินทางจากบ้านในเมืองหนานจิง มณฑลเจียงซู ประเทศจีน ไปยังนครเซี่ยงไฮ้เพียงลำพัง เพราะเขาต้องการจะไปเที่ยว Disneyland สักครั้งในชีวิต Disneyland สถานที่แห่งความฝันของใครหลายๆ คน เด็กคนนี้แอบขึ้นรถไฟในวันที่ 5 เมษายน 2018 โดยการบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าพ่อแม่ของเขารออยู่ในรถไฟแล้ว ก่อนที่จะไปถึงนครเซี่ยงไฮ้ในช่วงดึกของวันนั้น ด้วยความที่มันดึกมากแล้ว เขาจึงไปนอนพักอยู่ทางเดินใต้ดิน พอตื่นมาตอนเช้าวันถัดไป เขาก็ออกไปเที่ยวเล่นอยู่บริเวณริมน้ำที่เรียกว่า Bund ใจกลางเซี่ยงไฮ้ แล้วค่อยนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินเดินทางสู่ Disneyland สถานที่ในฝันสำหรับเขา แต่แน่นอนว่าการที่เด็กชายพยายามจะเข้าไปในสวนสนุกเพียงลำพังย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เจ้าหน้าที่จึงทำการกักตัวเขาไว้ที่บริเวณหน้าประตู ซักถามว่าพ่อแม่เขาอยู่ไหน ทำไมถึงมายืนอยู่คนเดียว เด็กชายวัย 10 ขวบ กับการเดินทางไกลเพียงลำพัง ถึงอย่างนั้นเด็กคนนี้ก็ยังไม่ยอมแพ้ ขอร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือคนแถวนั้นเป็นผู้ปกครองของเขาให้หน่อย เพื่อที่เขาจะได้เข้าไปในสวนสนุก แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ ตำรวจพยายามถามข้อมูลจากเด็กคนนี้ แต่เขาก็บ่ายเบี่ยงไม่ตอบเธอไป…
-
อาสาสมัครขับรถ 9 ชั่วโมง พาอุรังอุตังน้อยป่วยหนักไปหาหมอ วันนี้มีชีวิตใหม่ที่สดใสแล้ว
การช่วยเหลือสัตว์โดยปกติก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว ยิ่งในเขตที่ห่างไกลเมืองด้วยยิ่งลำบากไปใหญ่เลย เพราะถ้าแถวนั้นไม่มีสัตวแพทย์อยู่เลย ก็ต้องเดินทางตั้งไกลเพื่อให้พวกสัตว์ได้ไปหาหมอ เจ้า Gito ลูกลิงอุรังอุตังในหมู่บ้าน Merawa ซึ่งอยู่บนเกาะบอเนียว ของประเทศอินโดนีเซียก็มีปัญหาเรื่องนี้เหมือนกัน ในหมู่บ้านที่มันอยู่ไม่มีสัตวแพทย์เลยสักคน อาสาสมัครจาก International Animal Rescue ที่ได้รับแจ้งเรื่องมันเดินทางออกไปยังหมู่บ้านที่ห่างไกล พอได้เห็นมันแล้วพวกเขาก็รู้สึกสงสารมันมาก เจ้าลิงเอาแต่นอนขดตัวอยู่ในกล่อง ขนร่วงทั่วตัว ผิวหนังมีสภาพแห้งคล้ายมัมมี่ เห็นแบบนั้นพวกเขาก็นึกว่ามันตายไปแล้วด้วยซ้ำ Gito เป็นลิงที่หัวหน้าหมู่บ้านซื้อมาในราคาถูก ซึ่งน่าจะขายโดยพวกลักลอบค้าสัตว์ มันถูกทิ้งให้อยู่กลางแดดเป็นเวลานาน แล้วก็ได้กินแค่นมเท่านั้น พออาหารย่ำแย่มากจนไม่รู้จะช่วยยังไงคนในหมู่บ้านเลยติดต่อไปหา International Animal Rescue ให้มาช่วย อาการของลูกลิงนั้นร้ายแรงมาก มันต้องได้รับการรักษาโดยด่วน แต่ว่าโรงพยาบาลสัตว์ที่อยู่ใกล้ที่สุด ต้องใช้เวลาเดินทางไปตั้ง 9 ชั่วโมง แถมการเคลื่อนย้ายลูกลิงอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็ต้องรอให้เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้เดินทางมาเป็นพยานก่อนด้วย ด้วยความเป็นห่วงลูกลิง อาสาสมัครก็เลยโทรศัพท์ไปหาเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้แล้วเล่าสถานการณ์ให้เขาฟังพร้อมทั้งขออนุญาตเคลื่อนย้ายมันโดยไม่รอเจ้าหน้าที่เป็นกรณีพิเศษด้วย โชคดีที่เจ้าหน้าที่เข้าใจว่าสถานการณ์ย่ำแย่แค่ไหน ก็เลยอนุญาตให้พวกเขาพาตัวมันไปได้ เจ้าหน้าที่ก็เลยรีบพามันเดินทางกว่า 9 ชั่วโมงเพื่อไปหาสัตวแพทย์โดยเร็ว พวกเขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันจะรอดพ้น 9 ชั่วโมงนั้นไปได้ไหม แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดแล้ว ยังดีที่ตอนมันถึงมือทีมสัตวแพทย์มันยังหายใจและมีชีวิตอยู่ จากการตรวจร่างกายของมันดู…
-
ศัลยแพทย์ใจถึงเดินฝ่าหิมะร่วม 3 ชั่วโมง เพื่อไปผ่าตัดให้คนไข้ แม้จะเดินทางลำบากก็ตาม!!
อีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ จากต่างประเทศ เมื่อครั้งสภาพอากาศในประเทศอังกฤษและบริเวณใกล้เคียงในช่วงนี้ ต้องประสบกับสภาพอากาศหนาวรุนแรง มีหิมะตกหนักอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ไม่สามารถสัญจรไปมาได้สะดวกเหมือนช่วงอื่นๆ ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นปัญหาของผู้คนส่วนใหญ่ และเช่นเดียวกันกับเจ้าหน้าที่ทางด้านสาธารณสุข เมื่อไม่อาจเดินทางได้สะดวก อาจจะคงตัดใจไม่ไปทำงาน แต่ศัลยแพทย์ท่านนี้ปฎิเสธทุกปัญหา เพราะยังคงมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ!! ศัลยแพทย์หญิงผู้ไม่เปิดเผยนาม ได้ทำการเดินฝ่าดงหิมะที่ตกลงมาอย่างหนัก เป็นระยะทางรวม 12.8 กิโลเมตร (8 ไมล์) จากเขต Anniesland ในเมือง Glasgow ไปยังเมือง Paisley เขต Renfrewshire ของประเทศสกอตแลนด์ ในวันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม 2018 ตามวันเวลาท้องถิ่น การกระทำเพื่ออุทิศให้กับงานครั้งนี้ ถูกเปิดเผยโดยนาย Andy Renwick ศัลยแพทย์ด้านลำไส้ ผู้เป็นเพื่อนร่วมงานของเธอ และการเดินมาทำงานในครั้งนี้ก็เพื่อมาทำการผ่าตัดให้คนไข้ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ที่ต้องการการรักษาภายในวันนั้น… “เธอเดินมาจากเขต Anniesland มายังเมือง Paisley โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 50 นาที ผมเห็นเธอเดินเข้ามา เธอสวมใส่แว่นตากันหิมะ พร้อมกับชุดหนาแน่นทั้งส่วนบนและล่าง…
-
16 จุดหมายท่องเที่ยวจากทั่วโลก บินเดี่ยวก็สนุกได้ แม้จะโดนเทในชั่วโมงสุดท้ายก็ตาม!!
การเดินทางท่องเที่ยวนั้นอาจจะเป็นหนึ่งในความฝันของใครหลายๆ คน แต่ในบางครั้งเมื่อเราสามารถจัดการปัญหาเรื่องเงินและเคลียร์เวลาอย่างลงตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การหาเพื่อนร่วมเดินทางซักคนอาจจะเป็นเรื่องยากไม่เบาเหมือนกันใช่ไหมล่ะ และวันนี้เพื่อเป็นการเอาใจนักท่องเที่ยวแบบฉายเดี่ยว (ทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ) เราขอแนะนำ 16 สถานที่ท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่คุณสามารถสนุกได้ถึงแม้จะต้องออกบินเดี่ยวในชั่วโมงสุดท้ายก็ตาม!! 1. มาเลเซีย ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำหรับเหล่าแบ็กแพ็คเกอร์เลยก็ว่าได้ นอกจากความสวยงามของวัฒนธรรมและธรรมชาติแล้ว ค่าใช้จ่ายในการเดินทางก็ไม่สูงอีกด้วย!! 2. สกอตแลนด์ ถ้าหากใครที่เป็นคนชื่นชอบการสังสรรค์ล่ะก็ ที่นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เหมาะกับคุณเลยก็ว่าได้ เพราะที่นี่คือถิ่นกำเนิดของเครื่องดื่มอันขึ้นชื่ออย่างสกอตวิสกี้ นั่นเอง 3. นิวยอร์กซิตี้ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เหมาะสำหรับคนที่วางแผนการเที่ยวไม่ค่อยเก่ง เพราะที่นี่เพียงแค่คุณเดินไปตามถนนคุณก็จะพบกับร้านค้า สถานที่สวย และร้านอาหารมากมายแล้ว 4. เมือง Asheville รัฐนอร์ทแคโรไลนา ถ้าหากว่าคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ชื่นชอบธรรมชาติสวยๆ ล่ะก็ มาที่เมืองนี้รับรองไม่มีผิดหวังแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมเดินป่า หรือกางเต๊นท์พักแรมในเขตอุทยาน ก็มีให้เลือกอย่างมากมายเลย 5. รัฐวิกทอเรีย ประเทศออสเตรเลีย หนึ่งในสถานที่อันขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือถนน Great Ocean Road ที่ยาวเลียบชายหาดถึง 244 กิโลเมตร และน้ำตก Erskine Falls แสนสวยงามที่คุณไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด 6. ปารีส ประเทศฝรั่งเศส คงไม่มีใครที่จะปฏิเสธความสวยงามของสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสุดแสนโรแมนติกแห่งนี้อาจจะทำให้คุณพบรักแท้ก็ได้…
-
ชายหนุ่มเดินเท้าเกือบ 18 กิโลเมตรไปทำงาน เพื่อนที่ทำงานเห็นใจก็เลยรวมเงินซื้อรถให้
ถ้าเราเป็นคนดีและมีความพยายามสูง คนรอบตัวก็จะรักและปฏิบัติดีกับเรา ในเวลาที่เรากำลังตกที่นั่งลำบาก ไม่ว่าใครก็อยากยื่นมือเข้าช่วยเหลือ หนุ่ม Trenton Lewis เองก็เหมือนกัน เขาเป็นพนักงานที่มีความขยันหมั่นเพียร มาทำงานตรงเวลาทุกวันไม่เคยสาย แถมยังขยันอีกด้วย เมื่อเพื่อนร่วมงานรู้ความจริงที่น่าตกใจว่าเขาเดินเท้ามาทำงานตั้งไกลทุกวัน ทุกคนก็เลยช่วยเหลือเขาโดยการซื้อรถยนต์ให้ Trenton Lewis คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวผู้ทุ่มเทให้กับงาน Lewis เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่อาศัยอยู่ในเมืองลิตเติลร็อก รัฐอาร์คันซอ ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาเป็นพนักงานเตรียมสินค้าให้กับบริษัท UPS (United Parcel Service) ซึ่งเป็นบริษัทส่งของที่มีชื่อเสียง ทว่าที่ทำงานของเขาอยู่ห่างจากที่พักถึง 11 ไมล์ (ประมาณเกือบ 18 กิโลเมตร) และเขาก็ไม่มีรถยนต์ใช้เสียด้วย เขาจึงต้องเดินเท้าจากที่บ้านไปที่ทำงานตั้งแต่ประมาณเที่ยงคืน เพื่อไปเข้างานให้ทันตอนตี 4 ที่เขาทุ่มเทให้กับงานมากถึงขนาดนี้ก็เพราะว่าเขาเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวนั่นเอง เขาจึงต้องขยันทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูลูกสาวให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อนร่วมงาน Kenneth Bryant Patricia และ Kenneth Bryant เพื่อนร่วมงานของเขารู้เรื่องที่เขาเดินมาทำงานเมื่อเดือนตุลาคม 2017 ด้วยความที่เห็นว่า Lewis เป็นคนที่ทุ่มเทให้กับงานและเป็นที่รักของทุกคน พวกเขาก็เลยอยากเซอร์ไพรส์เขาด้วยการรวบรวมเงินจากเพื่อนร่วมงานแล้วซื้อรถมือสองให้เขาสักคัน …
-
ห้องพัก Airbnb สุดฟินกับหนุ่มมหาลัยโตเกียวหุ่นเปรี๊ยะ 5 คน พักที่นี่ประสบการณ์ใหม่เพียบ!!
เมื่อพูดถึงห้องพักราคาถูกของเหล่านักเดินทางแบบแบ็คแพ็ค การไปอยู่ห้องพักแบบแชริ่งอย่าง Airbnb ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกหลักๆ ที่นักเดินทางแนวนี้มักจะเลือกเป็นเป้าหมายเวลาท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ เป็นเวลาไม่นานและเน้นราคาถูก (Airbnb คือบริการแชร์ห้องพักแบบที่เราต้องไปอาศัยอยู่ร่วมกับเจ้าของบ้าน โดยเจ้าของบ้านจะทำการแชร์ห้องให้เราไปอยู่ด้วยและได้ใช้ประสบการณ์ต่างๆ ร่วมกัน) แต่ทีนี้กลับมาห้องพักแบบ Airbnb แห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ที่ทำการโปรโมตมาอย่างน่าสนใจ โดยที่แห่งนี้ได้ใช้ชื่อว่า ‘Fantastic Memory with Univ Stu 2nd‘ ซึ่งให้แปลตรงตัวก็คือ ความทรงจำอันยอดเยี่ยมกับหนุ่มมหาลัย อ่านดูแล้วน่าสนใจใช่ไหมล่ะ โดยรายละเอียดที่พักดังกล่าวนั้นจะเป็นการเข้าไปพักร่วมกับหนุ่มจากมหาลัยโตเกียว 5 คน ซึ่งผู้เข้ามาอาศัยจะได้พักอยู่บนชั้นสองที่มีห้องว่าง 2 ห้องด้วยกัน นอกจากนี้ในรายละเอียดการจองยังบอกอีกว่า ผู้มาพักจะได้รับประสบการณ์เหมือนพักอยู่กับเพื่อน แต่ก็สามารถใช้เวลาส่วนตัวในห้องได้ตามสบายไม่ถูกรบกวนแน่ๆ ส่วนจำนวนคนที่สามารถเดินทางมาพักได้ในแต่ละครั้งจะอยู่สูงสุดที่ 5 คน ซึ่งเยอะกว่านั้นมันจะทำให้เหล่านักศึกษากล้ามโตเจ้าของที่ต้องย้ายไปนอนที่ห้องครัวหรือปูผ้านอนแทน ฉะนั้นมากันแต่พอดีจะดีมากๆ นอกจากนั้น ผู้ที่มาพักอาศัยสามารถใช้ห้องน้ำรวมถึงอุปกรณ์ทุกอย่างในห้องน้ำได้ตามสบาย แต่ที่เด็ดกว่าคือตัวที่พักจะอยู่ใจกลางโตเกียว ทำให้เหล่านักเดินทางที่มาพักสามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวฮิตๆ ได้สบายมากๆ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เพื่อนๆ ที่สนใจก็สามารถเข้าไปอ่านและจองที่พักได้ที่ airbnb โดยอัตราการเข้าพักก็ไม่แพง สนนราคาอยู่ที่ 573 บาทต่อคืนเท่านั้น ถูกกว่าไปนอนโรงแรมหรือโฮสเทลอีกนะเออ …
-
รู้จักกับเส้นทางรถไฟที่ชันที่สุดบนทิวเขา Swiss Alps แถมด้วยดีไซน์อันเก๋ไก๋ของห้องโดยสาร
หลังจากที่ใช้เวลาในการวางแผนและก่อสร้างนานกว่า 14 ปี ในที่สุดเส้นทางรถไฟขึ้นลงหน้าผาที่ชันที่สุดในโลกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็ได้มีการประกาศใช้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เส้นทางรถไฟที่ชันที่สุดในโลกแห่งนี้ใช้ชื่อว่า StoosBahn มันทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านในเมือง Schwyz และหมู่บ้าน Alpine บนยอดเขาที่รถไม่สามารถขึ้นไปได้ จุดที่ชันที่สุดของรถไฟสายนี้มีความชันที่ทำมุมมากกว่า 47.73 องศาเลยทีเดียว โดยงบประมาณในการก่อสร้างทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 53 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1,735 ล้านบาทเลยทีเดียว ความยาวของทางรถไฟสายนี้อยู่ที่ประมาณ 1.7 กิโลเมตรและส่วนที่สูงที่สุดนั้นอยู่ที่ 744 เมตร โดยจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 นาทีด้วยกัน รถไฟที่ทำการวิ่งในลางนี้มีด้วยกันทั้งหมด 3 ขบวน ซึ่งแต่ละขวนจะมีด้วยกันทั้งหมด 4 ตู้โดยสาร และแต่ละตู้สามารถจุผู้โดยสารได้ 34 คน ในระหว่างการเดินทางนั้น ขบวนรถจะวิ่งในแนวราบและจะมีการปรับกระบอกสูบให้เหมาะกับความลาดชันอยู่เสมอ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าคุณจะไม่รู้สึกหวาดเสียวเลยถึงแม้ว่ากำลังวิ่งขึ้นหน้าผาที่มีความชันมากๆ ก็ตาม . ตู้โดยสารแต่ละตู้ที่สามารถจุผู้โดยสารได้มากถึง 34 คน ภาพในระหว่างการก่อสร้างทางรถไฟที่ชันที่สุดในโลก สัมผัสประสบการณ์จากรถไฟที่ชันที่สุดในโลกได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… ที่มา twistedsifter
-
เมื่อหมาแมวได้ออกผจญภัยโลกกว้างด้วยกัน ภาพที่ได้มันบ่งบอกทุกอย่างแล้วล่ะ!!
ย้อนเวลากลับไปในปี 2014 Cynthia Bennett สาวผู้รักการเดินทางและแฟนหนุ่มของเธอได้รับ Henry สุนัขพันธุ์ผสมมาเลี้ยง ซึ่งในตอนนั้นมันมีอายุเพียง 14 สัปดาห์ แต่ทว่ากลับมีขนาดใหญ่กว่าลูกสุนัขตัวอื่นๆ ถึง 5 เท่า เมื่อครั้งที่ Cynthia ได้เข้าไปหา Henry มันก็เข้ามานั่งหนุนที่ตักของเธอทันที และในตอนนั้นเองที่ Cynthia รู้ว่าเธอถูกชะตากับเจ้าหมาตัวนี้เข้าซะแล้ว “ในตอนที่เราได้รับ Henry มาเลี้ยงได้เพียงแค่ 3 วัน เราก็พามันออกไปปีนเขาด้วยแล้ว ซึ่งในตอนแรกเราคิดว่ามันอาจจะไม่ชอบ แต่ที่ไหนได้เจ้า Henry กลับชอบสุดๆ แถมยังไต่ไปจนถึงยอดเขาสูงชันได้อย่างคล่องแคล่ว นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเราเล็กมันว่าแพะภูเขา” Cynthia กล่าว และไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Cynthia และแฟนหนุ่มก็ได้ตัดสินใจว่าอยากจะมีสัตว์เลี้ยงมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอีกสักตัว ด้วยเหตุนี้ เธอจึงตัดสินใจไปรับลูกแมวอายุ 5 เดือนจากศูนย์พักพิงมาเลี้ยงดู พร้อมตั้งชื่อให้กับเจ้าเหมียวว่า Baloo เมื่อได้แนะนำ Baloo ให้ Henry รู้จัก ดูเหมือนว่าน้องเหมียวจะตกหลุมรักพี่หมาเขาอย่างจัง…
-
แมวเหมียวชื่นชอบการนอนในกล่อง นอนเพลินจนได้เดินทางไปไกลกว่า 900 กิโลเมตร
เจ้าเหมียวจัดได้ว่าเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีนิสัยเอาแต่ใจและอยู่ไม่นิ่งที่สุดชนิดหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งสำหรับใครที่เป็นทาสแมวนั้นก็คงจะเข้าใจกันเป็นอย่างดี นอกจากความซนและนิสัยชอบเอาแต่ใจแล้ว หลายๆ ครั้งพวกพี่เหมียวของเราก็ชอบแอบไปนอนตามซอกหลืบต่างๆ จนบางทีตามหากันจะละหวั่น ว่ามันหายไปไหน และเจ้าเหมียวจากประเทศอิตาลีตัวนี้เองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน แต่ว่าพี่แกคงจะนอนเพลินไปหน่อย งานนี้เลยถูกส่งไปพร้อมกับพัสดุเลย!! เจ้าเหมียวขี้เซาตัวนี้อาศัยอยู่ในเมืองลีซเช่ ประเทศอิตาลีพร้อมกับเจ้าของของมัน แต่เมื่อประมาณสัปดาห์ก่อนกลับเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นกับเจ้าเหมียว หลังจากที่มันเผลอเข้าไปอยู่ในกล่องโดยที่ไม่มีใครทันสังเกต จนมันถูกส่งออกไปพร้อมกับกล่องพัสดุดังกล่าว กล่องพัสดุที่มีเจ้าเหมียวนั้นได้เดินทางไปยังเมืองวิเซนซาที่อยู่ทางตอนเหนือเป็นระยะทางกว่า 980 กิโลเมตร และเจ้าเหมียวก็ติดอยู่ในกล่องกระดาษนั้นนานถึง 4 วันเลยทีเดียว เมื่อของถึงสถานีปลายทาง เจ้าหน้าที่ผู้รับพัสดุก็ต้องตกใจเมื่อพวกเขาว่ามีพบบางอย่างกำลังเคลื่อนที่อยู่ในกล่องพัสดุ พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะเปิดดูแล้วก็พบกับเจ้าเหมียวชี้เซาตัวนี้ ทางด้านเจ้าหน้าของบริษัทขนส่งได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เจ้าเหมียวตัวดังกล่าวนั้นดูเหนื่อยล้านิดหน่อย แต่โดยรวมแล้วมันก็สุขภาพแข็งแรงดี และล่าสุดทางบริษัทขนส่งได้ทำการส่งเจ้าเหมียวตัวนี้คืนให้กับเจ้าของมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และก็โชคดีของเจ้าเหมียวจริงๆ ที่เจ้าหน้าที่พบมันเข้า ไม่งั้นเรื่องราวอาจจะไม่จบลงสวยงามแบบนี้แน่ๆ ที่มา thedodo
-
เนื่องในโอกาส Trump มาเยือนญี่ปุ่น นักร้องหนุ่มเลยแต่งคอสเพลย์เป็นเขาซะเลย
เมื่อ Donald Trump ได้ขึ้นแท่นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกาอย่างเต็มตัว เราจะเห็นได้ว่ามีการล้อเลียนเกี่ยวกับเขาเกิดขึ้นมากมาย เช่น การวาดการ์ตูนไปสู่กับฮีโร่ดังหลายเรื่อง ล่าสุดก็มีหนุ่มญี่ปุ่นรายหนึ่ง ได้แต่งคอสเพลย์เป็น Donald Trump ภายหลังจากที่เขาได้เดินทางมาเยือนประเทศญี่ปุ่นพร้อมกับภรรยา งานนี้จะเหมือนมากเหมือนน้อยแค่ไหน ก็ดูเอาเองละกัน!! วันที่ 5 พฤศจิกายน 2560 เว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า Trump ประธานาธิบสหรัฐฯ และภรรยา ได้เดินทางมาถึงฐานทัพอากาศโยโกตะ (Yokota Air Base) ใกล้กรุงโตเกียวในญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับคนญี่ปุ่นอย่างมาก ที่จะได้เห็นผู้นำโลกได้มาอยู่ในกรุงโตเกียวแบบนี้ แต่ทว่าในเวลานั้นหลายคนอาจจะรู้สึกสับสนหรือรู้สึกแปลกใจหากได้พบ Trump ออกมาเดินเที่ยวถ่ายรูปกับประชาชน เพราะความจริงแล้วนี่อาจไม่ใช่ตัวตนจริงๆ ของ Trump แต่เป็น Katold Trump ต่างหาก…เย้ยย!! และผู้ที่ได้มาคอสเพลย์เป็นผู้นำสหรัฐฯ ในครั้งนี้ก็คือ Shingo Katori นักร้อง-นักแสดงหนุ่มชื่อดังชาวญี่ปุ่น สมาชิกที่อายุน้อยที่สุดของวง SMAP หนึ่งในวงดนตรีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่นนั่นเอง …
-
แมวจอมหยิ่ง ตอนแรกทำเป็นเกลียด แต่ตอนนี้ติดพ่อตัวเองอย่างกับอะไรดี…..
เรื่องความผูกพันธ์ของคนกับแมวนั้น ถ้าไม่ใช่ทาสแมวจริงๆ อาจจะไม่เข้าใจหรอกนะว่ามันคือเพื่อนที่ดีที่สุด ถึงแม้ว่ามันจะทำเป็นไม่สนใจ ทำเป็นเฉยเมย แต่นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราตกหลุมรักมัน อย่างเรื่องของ Yosh และแมวเหมียวไซม่อนที่ในตอนแรกนั้นทั้งคู่ดูจะเข้ากันไม่ได้ซักเท่าไหร่ เพราะเจ้าไซม่อนนั้นเอาแต่ผลักไสและไม่ยอมอยู่ใกล้เจ้านายของมัน แต่ในตอนนี้พวกเขากับเป็นเพื่อนที่แยกตัวออกจากกันไม่ได้ซะอย่างงั้น เรื่องราวเกิดขึ้นในในคืนวันหนึ่ง เมื่อ Yosh ได้ยินเสียงร้องของแมวร้องโหยหวนอยู่ตลอดทั้งคืน จนอดไม่ได้ที่จะไปดูซักหน่อย แต่เมื่อเขาเข้าไปดูเจ้าเหมียวกลับขู่และไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย สุดท้ายเขาก็ต้องยอมแพ้และกลับไปนอน ส่วนเจ้าเหมียวก็ยังอยู่ในบริเวณบ้านของเขานั่นแหละ วันรุ่งขึ้นเจ้าไซม่อนหนีออกไปนอกบริเวณบ้านของ Yosh ที่เมือง Boulder รัฐ Colorado เมื่อออกตามหากลับพบว่ามันติดอยู่ในก้อนหินก้อนใหญ่ทางด้านนอก Yosh พยายามที่จะช่วยมันออกมาแต่ก็ไม่สำเร็จ และเขาจะต้องละทิ้งความพยายามเพราะต้องไปทำงาน แน่นอนว่า Yosh ไม่สบายใจหรอกนะ เมื่อเลิกงานเขาจึงรีบกลับมาเพื่อดูว่าเจ้าไซม่อนนั้นเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง เมื่อ Yosh มาถึงเขาก็พบว่ามันยังอยู่ที่เดิม แต่คราวนี้ไซม่อนก็ยอมอ่อนข้อให้เขาอุ้มออกไปจากโขดหินนั้นแต่โดยดี จากนั้นทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป…. ไซม่อนกลายเป็นแมวที่ดูติ๋มลงและกลายเป็นเพื่อนรักของเขา และทุกครั้งที่ Yosh ออกเดินทางท่องเที่ยวไปไหน มันก็จะตามไปด้วยเสมอ “ผมเป็นห่วงมากว่ามันจะหนีไประหว่างทาง เพราะไม่มีเชือกจูง แต่โชคดีที่มันติดตามผมไปทุกที่เลยล่ะ การเดินป่าครั้งแรกของเราประมาณครึ่งไมล์ แล้วผมก็แบกเจ้าไซม่อนไปอีกครึ่งไมล์ เพราะเขาเหนื่อยมาก” Yosh กล่าว แม้ไซม่อนจะดูเหนื่อยง่ายในการเดินป่าครั้งแรก…
-
อัพเดท 18 ประเทศที่ Passport ทรงพลังที่สุดในโลก สามารถเดินทางเข้าได้นับร้อยประเทศ
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศสิงคโปร์ได้ขึ้นแท่นเป็นประเทศที่มีพาสปอร์ตทรงพลังที่สุดในโลก หลังจากที่ผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศดังกล่าว สามารถเดินทางเข้าประเทศอื่นๆ ได้กว่า 159 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า เนื่องจากการขอวีซ่านัั้นมีขั้นตอนทั้งการเตรียมเอกสาร เตรียมเงิน และอะไรต่างๆ อีกมากมาย การที่หนังสือเดินทางของชาตินั้นๆ สามารถไปได้หลายประเทศ ไม่เพียงแต่เป็นการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน แต่ยังรวมถึงการแสดงพลังอำนาจ หรือความสัมพันธ์อันดีที่ประเทศนั้นมีกับประเทศอื่นด้วย คราวนี้เราเลยจะมาอัพเดทให้ได้ทราบกันว่า ในปี 2017 นี้ ประเทศใดที่มีพาสปอร์ตทรงพลังที่สุดกัน Rank 5 เดินทางเข้าได้ 155 ประเทศ ประเทศโปรตุเกส ประเทศออสเตรีย ประเทศเบลเยี่ยม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศลักเซมเบิร์ก Rank 4 เดินทางเข้าได้ 156 ประเทศ สหราชอาณาจักร ประเทศญี่ปุ่น ประเทศนอร์เวย์ ประเทศสเปน ประเทศฝรั่งเศส ประเทศอิตาลี ประเทศฟินแลนด์…
-
ครอบครัวออกท่องเที่ยวไปพร้อมกับลูกน้อย พร้อมมอเตอร์ไซค์พ่วงคู่ใจ กลายเป็นทริปที่น่าจดจำ
หลายคนมีความฝันอยากพักจากการทำงานหรือการเรียน ขับรถออกไปเที่ยวในที่ไกลๆ สูดรับออกซิเจนให้เต็มปอดท่ามกลางธรรมชาติอันกว้างใหญ่เหมือนกับครอบครัวนี้ ครอบครัวนี้มีด้วยกันอยู่สามคนพ่อแม่ลูกผู้ที่รักการเดินทางกันอย่างมาก ในปี 2015 พวกเขาได้ใช้รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างคู่ใจพากันออกไปเที่ยวทั่วทวีปยุโรป แต่พอผ่านไปหนึ่งปีพวกเขาก็ได้ออกเดินทางในแบบที่เจ๋งกว่านั้น ปี 2016 ทั้งครอบครัวตัดสินใจนำเจ้ามอเตอร์ไซค์คันเดิมแล่นไปทางตะวันออกมุ่งหน้าสู่เทือกเขาคอเคซัส ที่ตั้งอยู่ระหว่างประเทศจอร์เจีย และอาร์เมเนีย บนเส้นทางลูกรังที่ไม่ใช่ถนนใหญ่และไม่ค่อยมีใครขับผ่าน ไปดูกันเลยว่าการเดินทางไกลของพวกเขาในครั้งนี้ต้องเจอกับอะไรมาบ้าง พวกเขาต้องนั่งพักรอเรือข้ามฟาก เพื่อเดินทางจากเมืองโอเดสซา ประเทศยูเครน ไปยังเมืองบาทูมี ประเทศจอร์เจีย ในที่สุดเรือก็มาถึงและกำลังแล่นผ่านทะเลดำไปอย่างสงบ อาจต้องเจอกับลมพายุบ้างเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรฟ้าหลังฝนก็สวยงามเสมอ พอถึงฝั่งพวกเขาก็ได้ขับเข้าหมู่บ้าน Ushgali ประเทศจอร์เจีย เป็นหนึ่งในสถานที่ที่สูงที่สุดที่ยังมีคนอาศัยอยู่ คุณแม่กับลูกชายวัย 5 ขวบ ที่ชื่อ Vladimir นั่งกอดกันกลมเชียว ภาพของเด็กน้อยกำลังขี่ม้าที่พวกเขาได้เจอขณะพักกันอยู่ในหมู่บ้าน ออกลุยกันต่อด้วยเส้นทางตัดผ่านเทือกเขาไปยังหมู่บ้าน Lentekhi เทือกเขาคอเคซัส ที่กว้างไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา แวะพักกันในเมืองกอรี หายร้อนกันไปทั้งคนทั้งรถ วันหนึ่งเมื่อเด็กชายตื่นขึ้นมา เขามีไข้ขึ้นสูงมากและอาหารเป็นพิษ ทำให้คลื่นไส้จนอ้วกออกมาเต็มที่นอนไปหมด แต่ก็ไม่มีคำว่าย่อท้อหรอกนะ พวกเขาพยายามจะขับรถผ่านหนึ่งในเส้นทางที่อันตรายที่สุดเพื่อไปยังหมู่บ้าน…
-
คู่รักนักเดินทางรีโนเวท “เรือเก่าๆ” เป็นเรือรักแสนหวาน ล่องทะเลเที่ยวกันกว่า 4,000 กม.
หากใครชื่นชอบการท่องเที่ยว นอกจากจะชอบจุดหมายปลายทางแล้ว ก็คงจะต้องชอบระหว่างทางที่เดินทางไปด้วยอย่างแน่นอน และยิ่งเมื่อไปถึงจุดหมาย ปลายทางก็จะยิ่งมีความหมายให้กับคุณมากขึ้นไปอีก จนบางทีอาจเคยคิดกันว่า ย้ายไปอยู่ที่นั่นซะเลยดีมั้ย? เหมือนกับคู่รักสองคนนี้ที่ไม่ได้แค่คิด แต่พวกเขาตัดสินใจทำมันจริงๆ เลย มารู้จักกับ Kelsey และ Joey Coleman กับเรื่องราวความรักที่แสนหวาน และการฮันนีมูนที่สุดแสนประทับใจ จนถึงกับทำให้ทั้งคู่ต้องย้อนกลับไปเก็บข้าวของจากบ้านที่ซานดีเอโก ย้ายไปประเทศนิการากัวกันเลย การผจญภัยสุดมันส์ของทั้งสอง เรื่องราวของทั้งสองเริ่มต้นขึ้นในตอนที่เรียนมหาลัยเดียวกัน ก่อนที่ความรักในการออกเดินทางของฝ่ายชาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่า ปีนเขา สิ่งเหล่านั้นได้กลายเป็นแรงบันดาลใจ ให้หญิงสาวออกมาผจญภัยไปด้วยกันกับเขา พวกเขาสาบานกันมาตั้งแต่ตอนนั้นว่า จะออกเดินทางไปรอบโลกด้วยกัน จนเมื่อเวลาผ่านไป 8 ปี พวกเขาก็ได้ทำมันสำเร็จ และ Joey ก็ได้ขอเธอแต่งงานที่นครวัด ประเทศกัมพูชา และจัดพิธีขึ้นในบ้านเกิดของเขารัฐโคโลราโด ปี 2014 ทั้งคู่ได้ตัดสินใจจะไปฮันนีมูนกันที่โคลัมเบีย แต่ก็ต้องเกิดปัญหากับเที่ยวบินขึ้นซะก่อน ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนและเดินทางไปนิการากัว ตามคำแนะนำของคนในครอบครัวแทน ทั้งคู่เดินทางกันไปรอบโลกแล้ววว . เมื่อไปถึงพวกเขาก็ได้พบกับความอัศจรรย์ชวนให้หลงใหลมากมาย ทั้งเด็กที่กำลังขี่ม้าไปโรงเรียน ชายขายนมบนรถที่ใช้วัวลาก และวิวทิวทัศน์ของชายหาดกับภูเขาไฟสวยๆ มากมาย…
-
หญิงสาวมีความฝัน อยากใส่ชุดเดรสถ่ายรูปรอบโลก แล้วเธอก็ทำมันออกมาอย่างงดงาม!!
ในอินสตาแกรมของแต่ละคนก็มักจะมีการโพสต์ภาพสิ่งต่างๆ ที่น่าสนใจในแบบฉบับของตัวเอง บางคนก็ชอบโพสต์ภาพเวลาไปท่องเที่ยวในที่ต่างๆ หรือบางคนก็ชอบการแนะนำของกินอร่อยๆ และถ้าหากคุณได้เข้าไปส่องอินสตาแกรมของ Ninelly บล็อกเกอร์สาวจากประเทศรัสเซียคนนี้ คุณจะเห็นได้ว่าภาพในอินตาแกรมของเธอ มีทั้งความสวยงาม และน่าทึ่งสุดๆ เพราะภาพถ่ายของเธอได้ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ออกไปท่องโลกกว้างตามสถานที่อันงดตามทั่วทุกมุมโลก สำหรับ Ninelly เธอเป็นหญิงสาวที่มีความใฝ่ฝันว่าอยากจะใส่ชุดเดรสสวยๆ เพื่อถ่ายรูปสถานที่สวยงามต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งต้องบอกเลยว่าผลงานของเธอมีทั้งความน่าตื่นตาตื่นใจ และความงามอย่างเต็มรูปแบบ “ฉันได้ออกเดินทางไปทั่วโลก เพื่อเล่าเรื่องราวของตัวเองด้วยชุดเดรสอันสวยสง่า บางชุดฉันก็สร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง และฉันก็พยายามที่จะแสดงวิสัยทัศน์ของฉันที่เกี่ยวกับธรรมชาติ ภูมิทัศน์ และประเพณีที่มีความแตกต่างกัน ซึ่งฉันก็ได้พยายามทำให้รูปถ่ายของตัวเอง เต็มไปด้วยเรื่องราวในโลกเทพนิยายที่คุณสามารถอ่านได้จากภาพของฉัน” Ninelly กล่าว และนี่คือชุดภาพส่วนหนึ่งของโปรเจค #MyDressStories ว่าแล้วก็มารับชมกันเลย 1.Courmayeur ประเทศอิตาลี 2.Cappadocia ประเทศตุรกี 3.มิลาน ประเทศอิตาลี 4.มหาวิทยาลัยมอสโก ประเทศรัสเซีย 5.Batumi Boulevard ประเทศจอร์เจีย 6.Jaisalmer ประเทศอินเดีย 7.ทัชมาฮาล ประเทศอินเดีย…
-
ช่างภาพเผยสาเหตุ ที่เหล่าบล็อคเกอร์สายท่องเที่ยว มักจะเที่ยวซ้ำรอยและอัพภาพในมุมเดียวกัน!?
หากเพื่อนๆ ได้ติดตามไอจีของเหล่าทราเวลบล็อคเกอร์หลายๆ คน จะเห็นว่าพวกเขามักจะอัพภาพสถานที่ท่องเที่ยวที่เดียวกัน ในมุมเดียวกันเป๊ะๆ หรือไม่ก็มีความคล้ายคลึงอยู่มาก… แล้วเราเคยสงสัยไหมว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? ทางเว็บไซต์ Insider จึงได้ทำการรวบรวมหลักฐานต่างๆ เพื่อนำมาเปรียบเทียบพร้อมกับเผยข้อสงสัยเหล่านี้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้จากช่างภาพที่ชอบการท่องเที่ยวคนหนึ่ง เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถานที่เหล่านั้นมีความสวยงามจนต้องถ่ายรูปเก็บเอาไว้ ซึ่งก็ไม่ต่างจากการที่นักท่องเที่ยวทั่วไป ที่ไปถ่ายรูปหน้าอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพหรือหอไอเฟล 1. Ben Youssef Madrasa เป็นวิทยาลัยอิสลามโบราณในโมร็อกโก โดดเด่นด้วยประตูโมเสก ซึ่งทราเวลบล็อคเกอร์มักจะถ่ายมุมนี้แหละลงในอินสตาแกรม แต่สำหรับช่างภาพสายท่องเที่ยวอย่าง Sara Melotti ได้ให้เหตุผลที่มากกว่านั้น… โดยย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคม Melotti ได้เขียนบล็อกที่เปิดเผยถึงสิ่งที่เธอเรียกว่า “มาเฟียอินสตาแกรม” ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ผู้เล่นอินสตาแกรมใช้ในการเพิ่มยอดผู้ติดตาม เมื่อมียอดผู้ติดมาก ยอดไลค์ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย และสิ่งเหล่านี้แหละที่เป็นตัวดึงดูดแบรนด์สินค้าต่างๆ ในการจ้างเป็นพรีเซนเตอร์นั่นเอง โดยส่วนหนึ่งของกลยุทธ์แบบนี้ Melotti บอกว่าต้องไปสถานที่ที่มีผู้คนรู้จักมาก มีชื่อเสียงโด่งดัง ผู้คนก็จะเข้ามากดไลค์เป็นจำนวนมาก ต่อให้แม้จะเป็นสถานที่เดียวกัน และถ่ายภาพมุมเดียวกันกับบล็อคเกอร์คนอื่นก็ตาม แต่นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ยอดผู้ติดตามเพิ่มมากขึ้น บางคนต้องการแค่โด่งดังในโซเชียลเท่านั้น ในขณะที่คนไม่น้อยพยายามทำให้ตัวเองมียอดผู้ติดตามและยอดไลค์เยอะๆ จนได้รับความสนใจจากสื่อ ทีนี้หากสื่อจะเอาเรื่องราวหรือรูปภาพไปเผยแพร่ต่อ พวกเขาก็จะเรียกเก็บเงินจากสื่อเป็นการแลกเปลี่ยน 2. สระว่ายน้ำที่โรงแรม Riad BE…
-
ชาวเน็ตแชร์คลิป วิธีการที่สายการบินชื่อดังทำกับ “กระเป๋าสัมภาระ” ของผู้โดยสาร!?
ก่อนขึ้นเครื่อง หากมีสัมภาระน้ำหนักมาก เราต้องทำการโหลดก่อน จากนั้นก็ถือว่าอยู่ในการรับผิดชอบของสายบิน โดยที่เราไม่รู้เลยว่ากระเป๋าหรือข้าวของของเรานั้นจะได้รับการดูแลอย่างไร บางคนอาจจะได้กระเป๋าคืนมาในสภาพที่พัง หรือไม่อยู่ในสภาพเดิม เพราะอะไรกันนะ? จนมีผู้ใช้ Reddit ที่ใช้ชื่อว่า TwoPointZero_gpa ได้โพสต์คลิปการขนย้ายของสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ จนกลายเป็นที่ฮือฮาอยู่ในตอนนี้ ในคลิปนั้นเป็นเหตุการณ์ขณะที่ทางสายการบินกำลังทำการขนย้ายกระเป๋า สัมภาระของผู้โดยสารลงจากเครื่องบิน ซึ่งมีกระเป๋าบางใบตกลงมาจากสายพาน และกระแทกพื้นอย่างแรง โดยไม่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลจุดนี้เลย ต่อมาสมาชิกที่ใช้ชื่อ Timett_son_of_Timett ได้ออกมาบอกว่า เขาเป็นเจ้าของกระเป๋าใบสีน้ำเงินที่ตกลงมาอย่างที่เห็นในคลิป แล้วยังบอกอีกว่า กระเป๋าของเขามีร่องรอยความเสียหาย แต่ตอนแรกเขาไม่รู้เลยว่าทำไม่ถึงเป็นแบบนี้ จนกระทั่งได้มาเห็นคลิปนี้นี่แหละ MoreLikeFootHills ผู้โดยสารอีกคน ที่ได้เดินทางก่อนหนึ่งสัปดาห์ที่คลิปนี้จะถูกถ่ายออกมาบอกว่า ยังมีกระเป๋าผู้โดยสารอีกจำนวนมากที่ถูกโยนเหมือนกระเป๋าใบสีน้ำเงินนั้น ตอนนี้อาจจะไม่มีใครช่วยอะไรได้ แต่ผู้คนต่างกันสงสัยว่า ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ดูแลกระเป๋าผู้โดยสารแบบนี้เหรอ? ดูจากภาพด้านล่างนี่สิ จากนั้นก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก… ไม่มีผู้โดยสารต้องการให้กระเป๋าตัวเองถูกโยนขว้างแบบนี้หรอก ใครที่เจอแบบนี้ แนะนำให้เปลี่ยนสายการบินเลยดีกว่า หรือที่กระเป๋าเราหายเพราะมันอาจจะถูกโยนออกไปแบบนี้? แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะ เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มั้ย? ที่มา boredpanda
-
สาวแชร์ภาพผู้โดยสารแย่ๆ บนเครื่องบิน และมันก็กลายเป็นกระแสไวรัลดังไปทั่วโซเชียล!!
หลายๆ คนที่เคยได้ขึ้นเครื่องบินอาจต้องประสบกับปัญหาที่นั่งคับแคบ คนที่นั่งอยู่ข้างๆ เรานั้นเสียงดัง กระทั่งทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมบางอย่างจนเรารู้สึกอึดอัด ทำให้การเดินทางของเรานั้นไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้นั้นกลับตรงกันข้าม เมื่อที่นั่งข้างๆ ของเธอไม่มีใคร ดูท่าจะเป็นอะไรที่สบายมากสินะ งานนี้จะได้นอนหลับพักผ่อนเต็มที่ แต่กลับทำให้เธอต้องได้รับประสบการณ์ที่แย่เสียยิ่งกว่า Jessie Char เธอต้องการที่จะขึ้นเครื่องบินเดินทางกลับบ้านที่ San Francisco และเมื่อเธอขึ้นไปนั่งบนเครื่องก็พบว่าเธอรู้สึกโชคดีเป็นอย่างมากกับที่นั่งข้างๆ เธอที่ไม่มีใครเลย เธอได้โพสต์ลงทวิตเตอร์ส่วนตัวของเธอ กับประโยคที่ติดตลกเล็กๆ ว่า “นี่คือสองคนที่ฉันชื่นชอบมากสำหรับการได้นั่งด้วยกันบนเครื่องบิน” . แต่เวลาผ่านไปไม่นานเธอก็รับรู้ได้เลยว่าเธอคิดผิด และเธอก็ได้ทวิตบอกเล่าเหตุการณ์ต่อไปที่เกิดขึ้นว่า “ฉันได้ยินเสียงที่พักแขนหล่งลงมา ฉันคิดว่าอาจเป็นเพราะตัวยึดเสีย แต่แล้วเธอก็ได้พบกับเท้าที่ยื่นออกมาทีละข้าง กระดิกไปมา” ที่แย่ไปกว่านั้นคือคนที่เอาเท้ามาพาดไว้ในตอนแรก ได้เอาเท้าข้างหนึ่งไปเลื่อนเปิดปิดกระจกของที่นั่งเธอ ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกรังเกียจปนกับความประหลาดใจ . มันได้เปลี่ยนความคิดแรกที่เธอได้ขึ้นมานั่งบนเครื่องบินทันที ตอนนี้มันได้กลายเป็นฝันร้ายสำหรับเธอไปเสียแล้ว เมื่อภาพดังกล่าวเริ่มถูกแชร์ออกไป ก็เป็นที่พูดถึงกันในวงกว้าง และยิ่งมีการแชร์ต่อกันมากไปอีกกว่า 6,500 ครั้ง จนเกิดเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์ ได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่เธอได้บอกเล่าผ่านทางทวิตเตอร์เอาไว้มากมาย แต่ทุกประโยคนั้นแสดงถึงความขยะแขยงกับพฤติกรรมเช่นนี้ เช่น เธอคนนี้บอกเลยว่า คนแบบนี้คือคนที่ควรจะอยู่ในรายชื่อผู้ที่ถูกห้ามนั่งเครื่องบิน และก็มีอีกหลายๆ…
-
ส่องรถไฟหัวกระสุนรุ่นใหม่จากจีน วิ่งเร็ว 250 กิโล/ชั่วโมง มีเตียงสองชั้น-สิ่งอำนวยความสะดวกครบ
การเดินทางด้วยรถไฟยังคงเป็นที่นิยมอย่างสูงในหลายประเทศ แม้จะไม่เร็วเท่าเครื่องบิน แต่ก็อาจจะสะดวกและสบายกว่าก็เป็นได้ ด้วยเหตุนี้ ช่วงหลังๆ เราจึงเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของรถไฟเพื่อเอาใจคนเดินทางมากขึ้น ทั้งเพิ่มความเร็ว เพิ่มความสะดวกสบาย ให้คนได้ไปถึงจุดหมายอย่างมีความสุขมากที่สุด ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจีนก็ได้เปิดตัวรถไฟหัวกระสุนรุ่นใหม่มาในรูปแบบขบวนนอน ที่อาจจะไม่เร็วที่สุด แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่ามันไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นต้องมองข้าม และยังดูน่าใช้งานอีกด้วย . เมื่อไม่นานมานี้มีการเปิดตัวรถไฟ D311 ขบวนใหม่ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก รถไฟแล่นออกจากสถานีรถไฟของกรุงปักกิ่งไปยังสถานีรถไฟเซี่ยงไฮ้ ด้วยความเร็ว 250 กม./ชม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมงเท่านั้น จุดเด่นของ D311 คือ เป็นรถขบวนนอน ให้เตียงจะถูกติดตั้งให้ขนานกับห้องโถง แบ่งเป็นชั้นบนกับชั้นล่าง ในแต่ละช่องจะมีพื้นที่ส่วนตัวที่มีทั้งโต๊ะน้ำชา ที่ชาร์ตแบต และโคมไฟสำหรับอ่านหนังสือ ทั้งยังมีผ้าม่านแยกทั้งชั้นบนและล่างด้วย แต่ละตู้นอนจะมีที่ชาร์ตไฟไว้บริการด้วย หืมมม น่าลองใช่มั้ยล่ะ… สำหรับใครที่มีโอกาสได้เดินทางระหว่างสองเมืองใหญ่นี้ ก็ลองให้รถไฟขบวนใหม่นี้เป็นตัวเลือกสำหรับคุณได้นะ . ที่มา shanghaiist
-
ว่าไงนะ?? สายการบินโคลอมเบียผุดไอเดียนำเก้าอี้ออก ให้ผู้โดยสารยืนตลอดเที่ยวบินแทน
ทุกวันนี้สายการบินต่างๆ มักแข่งขันกันเพื่อเรียกลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการจัดโปรโมชั่น การเพิ่มบริการ เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัย เพื่อจะได้รับการไว้วางใจผู้โดยสารให้มากที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน สายการบิน VivaColombia กลับเตรียมเปิดแนวคิดใหม่ด้วยการนำเก้าอี้ออกจากเครื่องทั้งหมด แล้วให้ผู้โดยสารยืนแทน ทางสายการบินเผยว่า การพิจารณาเตรียมนำเก้าอี้ออกจากเครื่องบิน ก็เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายสำหรับแต่ละเที่ยวบิน อีกทั้งยังสามารถรับจำนวนผู้สารต่อเที่ยวได้เพิ่มมากขึ้นด้วย ตามรายงานของเว็บไซต์ Miami Herald กล่าวว่าในปัจจุบัน ประเทศโคลอมเบียประสบความสำเร็จด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยมีการท่องเที่ยวระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 43% จากช่วง 4 เดือนแรกของปี เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ดังนั้นเที่ยวบินสำหรับยืนจะเป็นอีกหนึ่งบริการที่จะทำให้รองรับผู้โดยสารมากขึ้น เพื่อเพิ่มกำไรให้สายการบิน โดยมีแนวโน้มในการนำมาใช้กับเที่ยวบินที่มีระยะเวลาในการเดินทางหนึ่งชั่วโมง William Shaw ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร VivaColombia บอกว่า “ตอนนี้เรากำลังมองหาทางเลือกที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ได้ประสบการณ์การเดินทางในราคาที่เหมาะสม” “ดังนั้นหากใครไม่สนใจเรื่องบริการบนเครื่องบิน ไม่สนใจของว่าง ไม่สนในที่นั่งนุ่มๆ รวมทั้งระบบความบันเทิงอื่นๆ สายการบินสำหรับยืนนี้ก็คงจะเหมาะกับคุณที่สุดแล้ว” เขาบอก จริงๆ ก่อนหน้านี้ในปี 2010 สายการบิน Ryanair ก็มีแนวคิดที่จะทำเที่ยวบินในเชิงการยืนเหมือนกัน โดยจะเป็นในลักษณะของเก้าอี้ที่นั่งสูงพร้อมกับเข็มขัดนิรภัย ที่จะออกมาในแนวบังคับยืนกลายๆ แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่การบินพลเรือนก็ไม่อนุญาตทำแบบนั้น Alfredo Bocanegra ผู้อำนวยการฝ่ายการบินพลเรือน บอกว่า “มนุษย์ต้องเดินทางในแบบมนุษย์…
-
ชีวิตน่าอิจฉาของหนุ่มวัย 20 ปี นักทดสอบเครื่องบินรุ่นใหม่ เที่ยวรอบโลกแบบเฟิร์สคลาส!!
หลายคนมีความใฝ่ฝันที่อยากจะทำงานเกี่ยวกับสายการบิน สาเหตุหลักๆ ก็อาจจะเป็นเพราะได้ทั้งเที่ยวต่างประเทศและทำงานไปพร้อมๆ กัน แต่เชื่อเถอะว่าสำหรับคนวัย 20 ต้นๆ ไม่มีใครจะน่าอิจฉาเท่ากับ Alex Macheras อีกแล้วล่ะ เพราะเขาเป็นนักทดสอบเครื่องบินรุ่นใหม่ ที่ได้เที่ยวรอบโลกในระดับเฟิร์สคลาสอยู่เป็นประจำ!! Alex Macheras ชายหนุ่มผู้หลงใหลในการบินมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันงานหลักของเขาก็คือทดสอบเครื่องบินรุ่นใหม่ เขาต้องตรวจสอบทุกซอกมุมบนเครื่องก่อนจะส่งต่อให้ลูกค้า แน่นอนว่าการทดสอบเครื่องบินที่ได้ผลมากที่สุด ต้องทดสอบออกเดินทางจริงๆ และคนที่จะไปกับเครื่องก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากพ่อหนุ่มคนนี้นี่แหละ เขาจะอยู่กับเครื่องบินลำนั้นตั้งแต่ออกจากโรงงาน ได้เป็นหนึ่งในผู้ทดสอบระบบการบินคู่กับกัปตัน เป็นคนส่งเครื่องบินให้ถึงมือลูกค้าด้วยตนเอง… ได้ทดสอบทุกระบบที่นั่งบนเครื่องบิน ไม่ว่าจะเป็นชั้นประหยัด ชั้นธุรกิจ ไปจนถึงเฟิร์สคลาส ในขั้นตอนการทดสอบเขาจะเป็นคนเดียวที่อยู่บนเครื่อง ลองนึกภาพดูสิว่าการเดินทางของเขาจะเอ็กซ์คลูซีฟมากขนาดไหน ก่อนรอขึ้นเครื่องเขาก็ได้รับสิทธิ์ให้ใช้เลานจ์ได้ทั้งของชั้นธุรกิจ และชั้นเฟิร์สคลาส อาหารการกินก็ถูกจัดเรียงอย่างดีแทบจะทุกมื้อจากสายการบิน เรื่องเครื่องดื่มนี่ไม่ต้องพูดถึง อะไรที่สายการบินมีให้บริการลูกค้าพ่อหนุ่มก็ได้รับสิทธิประโยชน์เหมือนกันทุกอย่าง แม้แต่ห้องพักรับรองในสนามบิน ก็ยังเป็นห้องที่วีไอพีสุดๆ ระหว่างการเดินทางอาหารการกินก็มีให้อย่างดีไม่เคยขาด แทบจะไม่ได้ควักเงินในกระเป๋าตังค์ตัวเองเลยก็ว่าได้ ได้สนิทชิดเชื้อกับนางฟ้าจากทุกสายการบิน เพราะพวกเธอจะคอยมอบบริการอย่างดีในขั้นตอนการทดสอบ…
-
“Pituco” สุนัขแสนรู้ไม่ต้องง้อคนช่วย เจ้านายไม่ว่างนัก ไปซื้ออาหารเองซะเลย!!
ต้องบอกเลยว่าเรื่องราวน่ารักๆ ของเจ้า “Pituco” จะทำให้เหล่าทาสสัตว์เลี้ยงทั้งหลายรู้สึกอิจฉาไปตามๆ กัน ลองคิดดูสิว่ามันจะสุดยอดมากขนาดไหนถ้าสัตว์เลี้ยงของคุณดูแลตัวเองได้!! เรียกได้ว่าตอนนี้เรื่องราวของ Pituco กำลังเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก หลังจากเจ้าของได้ปล่อยคลิปวิดีโอน้องหมาเดินทางไปซื้ออาหาร แถมยังดันกลับบ้านด้วยตัวเองได้อีก แทแด๊มมมมมมมม สำหรับเจ้า Pituco สุนัขสัญชาติบราซิล เป็นประจำทุกวันที่มันจะเดินทางออกจากบ้านด้วยสองเท้าหน้า และขับเคลื่อนตามด้วยสองเท้าหลังเพื่อไปยังร้านขายอาหารสัตว์ สิ่งที่มันทำก็คือ.. นำอาหารกลับมาที่บ้านให้ตัวเองและเพื่อนๆ เจ้าของร้าน Agro Pet’s Shop ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า “ทุกคนแถวนี้รู้จักเจ้า Pituco กันทั้งนั้นแหละครับ แต่อาหารของมันวางอยู่บนชั้นวางของ เราเลยต้องหยิบลงมาให้มัน และถ้าเราไม่หยิบให้ มันก็จะเห่าจนกว่าเราจะหยิบลงมาให้นั่นแหละ ฮ่าๆๆ” ขากลับบ้านบางทีมีแวะฉี่ข้างทางด้วยนะ ร้ายกาจจริงๆ นอกเหนือจากอาหารให้เพื่อนสุนัขด้วยกันแล้ว เจ้า Pituco มีความฉลาดที่มากกว่านั้น เพราะบางครั้งเจ้าของบ้านก็มักจะไหว้วานให้มันเดินทางไปเอาอาหารแมวบ้าง อาหารนกบ้าง และดูเหมือนว่าเจ้าตูบจะมีความสุขกับการได้ทำหน้าที่เป็นคนส่งของสุดๆ เพราะทุกครั้งที่เจ้านายสั่งมันก็จะรีบวิ่งออกไปทันทีไม่มีงอแง “ปกติผมก็จะโทรบอกที่ร้านก่อนครับ เสร็จแล้วก็ค่อยเอาตังค์ไปจ่ายทีหลัง เราทำแบบนี้มานานหลายเดือนแล้ว” เจ้าของ Pituco ให้สัมภาษณ์แบบติดตลก…
-
เรื่องราวของ 12 คน ที่อาจจะ “เดินทางย้อนเวลาจากอนาคต” จริงไหมไม่รู้ แต่อ่านแก้เบื่อได้ดี๊ดี!!
ถ้าจู่ๆ มีคนมาบอกเราว่า เขาคนนั้นเดินทางมาจากอนาคตผ่านไทม์แมชชีน เพื่อมาทำภารกิจบางอย่างให้แก่โลกในอดีต คงไม่มีใครเชื่อแน่ๆ เลยว่ามั้ย? ถึงเราจะไม่รู้ว่าเรื่องราวของบุคคลทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงแค่เรื่องแต่งขึ้นมาลวงโลก แต่รวมๆ กันแล้วเรื่องราวของพวกเขาก็ช่วยฆ่าเวลา อ่านแก้เบื่อได้ดีเลยทีเดียว 1. John Titor เรื่องราวของเขาถูกพูดถึงในช่วงปี 2000 หลังจากที่เจ้าตัวออกมาเผยว่า ตนเองเป็นทหารอเมริกันอาศัยอยู่ในปี 2036 และถูกส่งตัวกลับมายังปี 1975 เพื่อมอบวิทยาการเครื่อง IBM 5100 ให้กับชาวโลก 2. Sergei Avdeyev นักบินอวกาศคนนี้ไม่ได้ย้อนอดีตกลับไปหาจิ๋นซีฮ่องเต้แต่อย่างใด แต่ตลอดระยะเวลา 747 วันที่เขาใช้บนอวกาศ บวกกับการเดินทางด้วยความเร็วสูงถึง 27,360 กม./ชม. ทำให้เขามีอายุน้อยกว่ามนุษย์โลกทั่วไปถึง 0.02 วินาที สรุปก็คือการที่พี่แกได้เดินทางไปยังอวกาศ ทำให้ตัวเองมีอายุที่เฉลี่ยออกมาเป็นวินาทีน้อยกว่าคนบนโลกนั่นเอง 3. หญิงปริศนาใน ‘The Circus’ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 ผู้กำกับ George Clark ได้นำวิดีโอของชาลี แชปลิน ตอน ‘The…
-
“Duo” หมอนเดินทางสุดเทพพร้อมความสบาย ให้คุณพักผ่อนระหว่างเที่ยวได้ทุกท่วงท่า
ต้องยอมรับการเดินทางบนเครื่องบินถือว่าเป็นการเดินทางที่สะดวกและรวดเร็วที่สุดในปัจจุบัน แต่ถึงแม้เครื่องบินจะเป็นพาหนะที่เร็วที่สุด การเดินทางข้ามประเทศหรือข้ามทวีปก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลามากเหมือนเดิม แน่นอนว่าการเดินทางระยะเวลานานๆ แบบนี้ หากไม่ได้พักผ่อนอย่างเหมาะสมแล้ว กว่าจะถึงที่หมายก็หมดอารมณ์เที่ยวพอดี ซึ่งดูเหมือนว่าที่นั่งบนเครื่องบินชั้นธรรมดา จะไม่ค่อยเอื้อให้ผู้โดยสารอย่างเราๆ พักผ่อนเท่าไหร่ (ส่วนคนที่นั่งชั้นธุรกิจหรือชั้นหนึ่งก็คงไม่มีปัญหาเรื่องนี้) แต่วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาไปรู้จักกับอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่จะเปลี่ยนมิติการพักผ่อนระหว่างเดินทางของเพื่อนๆ ไปตลอดกาล ด้วนหมอนเดินทาง “Duo” ชิ้นนี้ “Duo” เป็นผลงานการออกแบบของกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งผู้ต้องการหมอนเดินทางที่สามารถช่วยให้เหล่านักท่องเที่ยวสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ระหว่างเดินทาง โดยประยุกต์จากประสบกาณ์การเดินทางกว่า 60 ประเทศทั่วโลกของพวกเขา โดยหมอนดังกล่าวสามารถใช้งานได้ถึง 4 รูปแบบที่แตกต่างกันออกไป และฟังก์ชั่นเจ๋งๆ อีก 9 อย่าง ที่จะทำให้การเดินทางของเพื่อนๆ สะดวกสบายยิ่งขึ้น หมวกปิดตาก็มี จะสวมแบบนี้ก็ได้ แบบนี้ก็ได้ หรือจะแบบนี้ก็เก๋ไม่เบา แบบไหนก็ได้ตามใจคุณ ลองไปชมวีดีโอนำเสนอของพวกเขากันดีกว่า ตอนนี้พวกเขากำลังระดมทุนกันอยู่บนเว็บไซต์ kickstarter สนนราคาอยู่ที่ชิ้นละ…
-
หนุ่มสาวอยู่กันคนละซีกโลก ตกหลุมรักผ่านทวิตเตอร์ และออกไป “เที่ยวรอบโลก” ด้วยกัน!!!
เรื่องราวความรักของหลายคนอาจจะเกิดในรูปแบบที่แตกต่างกัน บ้างก็เจอกันที่มหาวิทยาลัย วัด ห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงเจอกันบนโลกออนไลน์ จนตกหลุมรักกัน และกลายมาเป็นคู่รัก จนถึงขั้นแต่งงานกันไปแล้วก็มี Leonie Sii ในวัย 24 จากซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย และ Mattias Holmbom จากประเทศสวีเดนก็เช่นกัน ทั้งคู่ก็เป็นหนึ่งในคู่รักที่ได้เจอกันบนโลกออนไลน์ จนกระทั่งพวกเขาตกหลุมรักกัน แถมยังตัดสินใจที่จะพากันออกไปท่องเที่ยวรอบโลกอีกด้วย โหวววว น่าอิจฉาเนาะ!! สำหรับเรื่องราวความรักแสนหวานของ Leonie Sii และ Mattias Holmbom อาจไม่ได้เกิดขึ้นเพราะพวกเขาเจอกันบนถนน ห้าง หรือสถานที่ต่างๆ บนโลก แต่มันเกิดขึ้นบนทวิตเตอร์ต่างหากละ ถ้าอย่างนั้นเราย้อนเวลากลับไปฟังเรื่องดีๆ ของพวกเขากันเลยดีกว่า…. คืนหนึ่งในปี 2012 Leonie Sii กำลังนั่งเล่นอยู่ในห้องของเธอหลังจากที่นอนไม่หลับ เลยหาอะไรดูบนโลกออนไลน์ แต่จู่ๆ เธอก็ได้พบคลิปวีดีโอของ Mattias บนทวิตเตอร์ ซึ่งมันสามารถทำให้เธอหัวเราะ และมีความสุขได้ นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกอยากจะขอบคุณเจ้าของโพสต์ พร้อมกับทวิตข้อความไปหาเขาว่า “คุณเป็นคนที่น่าอัศจรรย์มาก” …
-
ชมความน่ารักของ ‘ขบวนรถนายกฯ ญี่ปุ่น’ ที่ตำรวจชะโงกออกทางหน้าต่างรถ เพื่อโบกขอทาง..
สำหรับเพื่อนๆ ที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวๆ สายลับ คงเคยเห็นฉากที่เหล่าบุคคลสำคัญต่างๆ ต้องออกเดินทางโดยการโดยสารรถยนต์กันมาบ้างแล้ว ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องมีกฏระเบียบมากมายเพื่อการอารักขาความปลอดภัย ต้องมีรถบอดี้การ์ดประมาณ 4 – 5 คันขับนำหน้า และปิดท้าย มีการปิดถนน เปิดสัญญาณไปเขียวตลอดการเดินทางเพื่อให้สัญจรได้อย่างสะดวก แถมยังต้องมีการจำกัดความเร็วไว้ไม่ต่ำกว่า 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อจับสังเกตเหล่าผู้ก่อการร้ายหรือตัวโกงที่จะเข้ามาลอบทำร้าย เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่าในชีวิตจริงเพื่อนๆ ก็คงจะเคยประสบพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ด้วยเช่นกัน แต่ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมขบวนรถของท่านนายกรัฐมนตรี Shinzo Abe ของประเทศญี่ปุ่น ขณะที่กำลังเดินทางโดยสารรถยนต์ ต้องขอบอกเลยว่ามันช่างน่ารัก ดูไม่จริงจังเหมือนกับในหนังเอาซะเลย ลองไปชมคลิปเหตุการณ์กันก่อนเลยดีกว่า… จากในคลิปเราจะเห็นได้ว่าขบวนรถอารักขาจะมีเจ้าหน้าที่ชุดดำ พร้อมกับสวมถุงมือสีขาวที่เห็นได้ชัด โผล่ออกมาจากกระจกด้านข้างเพื่อทำการโบกรถ ซึ่งดูแล้วจะเข้าใจได้ว่าพวกเขามีการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีว่าจะต้องมีการโบกรถแบบนี้ เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่โบกรถได้ทำการคำนับหัวลงอย่างนอบน้อม ราวกับเป็นการขออนุญาตให้ขบวนรถแทรกเข้าไปในเลนถนน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ เป็นอย่างดี จึงทำให้การแทรกเข้ามาในเลนใช้เวลาไม่มาก เพียงแค่ไม่ถึง 20 วินาทีเท่านั้น ทำให้ส่งผลกับการจราจรเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับตำแหน่งใหญ่โตของท่านนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่ถึงจะดูน่ารักน่าชังแต่การอารักขาของเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้หย่อนยานลงไปแต่อย่างใด เพราะที่เห็นจากการเดินทางโดยรถไฟของจักรพรรดิ Akihito และภรรยาที่เดินทางจากสถานีรถไฟ Tokyo Station ไปยังพระราชวังหลวง ก็มีบอดี้การ์ดอารักขามากถึง…
-
Alfred วัย 6 ขวบ เติบโตกับการถูกเลี้ยงแบบแบ็คแพ็คเกอร์ ไปมาแล้วกว่า 24 ประเทศทั่วโลก!!
พอได้เห็นเรื่องราวของหนุ่มน้อยคนนี้ ต่อมนักเดินทางของ #จ่าสิบเหมียว นี่ เดือดปุดๆๆ เลยทีเดียวเชียว!! ไม่ว่าจะเป็นการปีนเขาที่เนปาล การมาระบายสีกับช้างในประเทศไทย หรือแม้แต่เดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศกัมพูชา หนูน้อยคนนี้ก็เคยทำมาหมดแล้ว และที่สำคัญ เส้นทางของเขายังอีกยาวไกล เพราะตอนนี้เขาอายุเพียง 6 ขวบเท่านั้น!!!? Alfred Cery หนูน้อยวัย 6 ขวบที่เดินทางมาแล้วกว่า 24 ประเทศทั่วโลก พร้อมกับพ่อแม่นักเดินทางของเขา Kelvin วัย 44 ปี และ Susannah วัย 41 ปี ถ้านับกันเป็นไฟลท์ล่ะก็ มากกว่า 100 ไฟลท์เข้าไปแล้วล่ะ Alfred Cery หนูน้อยที่เดินทางมาแล้วกว่า 24 ประเทศทั่วโลก ‘เราเดินทางและได้พบเจอกับวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไปจากรอบโลก เห็นวิถีชีวิตของผู้คน ตอนนี้ลูกของเราพูดภาษาท้องถิ่นได้บ้างนิดหน่อยด้วยล่ะ สำหรับเราแล้วเราคิดว่า นี่แหละคือการเรียนรู้โดยประสบการณ์ล่ะ’ พ่อแม่กล่าว ‘ลักษณะเด่นที่เราสามารถสังเกตได้ในตัวลูกของเราก็คือ เขาเป็นคนที่ปรับตัวง่ายมาก ในอังกฤษเด็กๆ จะเติบโตขึ้นมาด้วยความสบาย โลกของพวกเขาสวยงาม แต่เมื่อปีที่แล้วเราได้แบ็คแพ็คไปประเทศอินเดียกัน ส่วนหนึ่งแล้วเราอยากให้เขาเห็นสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนที่นั่น…
-
ต้นทุนชีวิตที่ต่างกัน… 15 เส้นทาง “ไปโรงเรียน” สุดโหดจากทั่วโลก แม้ลำบากแต่ไม่ท้อถอย
ว่ากันว่าโอกาสทางการศึกษาคือสิ่งที่ทำให้มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีอีกหลายชีวิตที่กว่าจะเข้าถึงการศึกษาได้ พวกเขาต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย ไม่เพียงแค่เรื่องเงินๆ ทองๆ เท่านั้น แต่ยังหมายถึง “การเดินทาง” อีกด้วย ถ้าเพื่อนๆ ยังนึกไม่ออกว่าพวกเขาต้องพบกับความยากลำบากขนาดไหน ตาม #เหมียวอ๊อดโด้ ไปชม 5 เส้นทาง “ไปโรงเรียน” สุดโหดจากทั่วโลก ที่เห็นแล้วต้องนับถือใจพวกเขาจริงๆ 1.โรงเรียนประถม Bango จากหมู่บ้าน Gulu ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน นักเรียนส่วนมากต้องเดินทางผ่านช่องเขาแคบๆ เป็นระยะเวลากว่า 5 ชั่วโมงเพื่อมาโรงเรียน แน่นอนว่า พวกเขาจะต้องอยู่โรงเรียนตลอดสัปดาห์ และจะได้กลับบ้านช่วงวันหยุดเท่านั้น 2. เด็กนักเรียนจากหมู่บ้าน Zhang Jiawan ในมณฑลเสฉวนประเทศจีน ต้องปีนป่ายบันไดไม้บนหน้าผา ที่ไม่มีหลักประกันความปลอดภัยใดๆ เพื่อไปโรงเรียนทุกๆ สัปดาห์ และพวกเขาต้องอาศัยอยู่ที่โรงเรียนตลอดสัปดาห์ กว่าจะได้กลับบ้านก็แค่ช่วงเสาร์อาทิตย์เท่านั้น 3. เด็กๆ จากหมู่บ้านแถบเทือกเขาหิมาลัย ต้องเดินฝ่าน้ำแข็งและหิมะเพื่อไปเรียนที่โรงเรียนในเมือง Zanskar ไม่ต้องบอกคงพอคาดคะเนความยากลำบากของพวกเขาได้ 4. เด็กๆ จากหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมือง Lebak ประเทศอินโดนีเซียต้องปีนป่ายข้ามสะพานไม้ที่ชำรุดอย่างหนักจนน่าหวาดเสียวเป็นอย่างยิ่ง เพื่อข้ามแม่น้ำในระหว่างทางไปโรงเรียน…
-
ดูไบอนุมัติ Hyperloop One ระบบขนส่งสุดล้ำ 1,200 กม./ชม. เริ่มทดสอบติดตั้งแล้ว…!!
ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านต่างๆ ได้ถูกพัฒนาให้ก้าวล้ำขึ้นไปมาก ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มนุษย์ได้สร้างสรรค์ และคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสุดเจ๋งขึ้นมามากมาย ยกตัวอย่างเช่น การสร้าง Hyperloop One ซึ่งเป็นระบบการคมนาคมขนส่งสุดล้ำแห่งยุค ที่จะช่วยทำให้การเดินทางของคุณรวดเร็วมากยิ่งขึ้น Hyperloop One เป็นระบบขนส่งความเร็วสูง ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาโดย Elon Musk นักธุรกิจหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำหลายแห่ง โดยระบบขนส่งดังกล่าว จะมีห้องให้ผู้โดยสารได้ใช้บริการเหมือนกับรถไฟทั่วๆ ไป แต่ต่างกันตรงที่ Hyperloop จะมีลักษณะเป็นแคปซูลที่มีหน้าตาคล้ายกับกระสุน เคลื่อนที่ผ่านท่อความดันต่ำที่มีความต้านทานน้อย จึงทำให้การเดินทางมีความเร็วสูงถึง 1,190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจาก Hyperloop จะเป็นระบบขนส่งภาคพื้นดินที่มีความเร็วสูงแล้ว ในเรื่องของระบบการขับเคลื่อนยังแตกต่างกับยานพาหนะทั่วๆ ไป เนื่องจากได้ดึงเอาพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์มาใช้นั่นเอง แม้ว่าในตอนนี้ Hyperloop One อาจจะเป็นเพียงโปรเจ็คต์การขนส่งสุดล้ำที่มนุษย์ได้คิดค้นขึ้นมา แต่เร็วๆ นี้ เราอาจจะได้เห็นของจริงถูกสร้างขึ้นมาจริงๆ ก็เป็นได้ เพราะล่าสุด ทางรัฐบาลแห่งนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ลงทุนเงินเป็นจำนวน 1,700 ล้านบาท ในการติดตั้ง ระบบ…
-
ช่างภาพเดินทางตามรอยที่ The Beatles เคยไป จากอดีตสู่ปัจจุบัน แต่ละที่ไม่เปลี่ยนไปเลย
หากคุณเป็นหนึ่งในแฟนเพลง The Beatles คุณอาจจะคิดว่าครั้งหนึ่งจะต้องตามไปเยือนสถานที่ต่างๆ ที่พวกเขาเคยไปมาแล้วให้ได้ เหมือนดังเช่น Keith Jones ช่างภาพวัย 45 ปีจากเมืองลิเวอร์พูล ผู้ที่เป็นแฟนตัวยงของ The Beatles ได้ปิ๊งไอเดียที่จะเดินทางไปถ่ายภาพสถานที่เก่าๆ ที่ศิลปินคนโปรดเคยไปมา หลังจากที่เขาค้นพบโปสการ์ดเก่าๆ และเห็นว่าสถานที่แต่ละที่ หรือเมืองแต่ละเมืองก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน โดยเขาได้นำภาพถ่ายยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความความทันสมัย ไปรวมกับภาพขาวดำในอดีตเมื่อปี 1960 เพื่อเป็นการย้อนความทรงจำเมื่อครั้งที่ The Beatles โด่งดังที่สุดในวงการดนตรีนั่นเอง ภาพถ่ายของบรรดาแฟนคลับบนถนน Mathew Street ที่กำลังรอเข้าแถวไปชมคอนเสิร์ต The Beatles ในปี 1960 ภาพถ่ายของสมาชิก The Beatles ที่ดาร์บีสแควร์ The Beatles ขณะเดินทางมาถึงสนามบินลิเวอร์พูล จอห์น เลนนอน ในปี 1964 โดยมีบรรดาแฟนๆ มาต้อนรับพวกเขาเป็นจำนวนมาก ภาพของ 4 เต่าทอง (The Beatles)…
-
หนุ่มแชร์ประสบการณ์ เดินทางบนเครื่องบิน โดยมีเจ้า ‘เป็ด’ แสนน่ารักเป็นผู้ร่วมทาง!!
เพื่อนๆ หลายคนคงเคยเดินทางโดยการโดยสารเครื่องบินกันมานักต่อนักแล้ว แต่คงไม่เคยมีเพื่อนร่วมทางเป็น ‘เจ้าเป็ด’ แสนน่ารักกันหรอกใช่มั้ยล่ะ? แต่พี่คนนี้เค้ามีประสบการณ์มาแล้ว!! เรื่องราวที่เล่าโดยนักเขียน Mark Essig ขณะที่เขากำลังนั่งเครื่องเป็นระยะทางสั้นๆ จาก เมือง Charlotte ไปยังเมือง Asheville ซึ่งในเที่ยวบินนั้นมีเพื่อนร่วมทางที่ดูท่าทางแปลกๆ ร่วมเดินทางไปด้วย คุณ Mark นั้นได้ที่นั่งอยู่ด้านหลังของเจ้า Daniel เป็ดที่เจ้าของของมันได้พาขึ้นมาร่วมเดินทางบนเครื่องบินในฐานะผู้โดยสารด้วย “มันใส่รองเท้าสีแดงคู่เล็กๆ ดูน่ารัก ผมคาดว่าที่เขานำมาสวมใส่ไว้ก็เพื่อปกป้องอุ้งเท้าอันแสนอ่อนแอของมัน แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้เอ่ยถามเจ้าของของมันไปว่าเพราะเหตุใด” คุณ Mark ให้สัมภาษณ์ เท่านั้นยังไม่พอเจ้า Daniel ยังสวมใส่กางเกงที่มีตราสัญลักษณ์ของ Captain America อีกด้วย โดยที่เจ้าของเป็ด Daniel บอกว่าเป็นกางเกงตัวโปรดของมัน “เจ้าของของมันเล่าว่ามันมีกางเกงลายอื่นๆ อีกหลายตัว แต่มันจะแสดงให้เห็นว่ามันชอบที่จะสวมใส่ลาย Captain America มากที่สุด” คุณ Mark เล่า เจ้า…
-
“สมุดจดภาพการเดินทาง” ของ Dina Brodsky บันทึกเรื่องราวการท่องเที่ยว แบบเก๋ๆ ไม่เหมือนใคร!!
เชื่อว่าหลายคนมีความฝันอยากหนึ่งที่อยากจะทำ แต่บางทีความฝันนั้นก็ต้องการแรงกระตุ้นบางอย่างให้เราได้ลงมือทำอย่างจริงๆ จังๆ สักครั้ง และวันนี้ใครที่มีความฝันอยากจะออกไปท่องเที่ยวแล้วล่ะก็ สิ่งนี้ก็คงจะทำให้ท่านได้ออกจากบ้านแล้วล่ะ ศิลปินท่านหนึ่งชื่อว่า Dina Brodsky เธอทำงานในหลากหลายแขนง ทั้งวาดภาพ ถ่ายภาพ และผลงานล่าสุดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยได้เห็นที่ไหน เมื่อเธอสร้างโปรเจกต์ “The Secret Life of Trees” ลงในสมุดธรรมดา บันทึกเรื่องราวที่เธอได้ไปเจอมาผ่านงานเขียนและสเก็ตช์ภาพ การเดินทางของเธอนั้นบันทึกทุกอย่างที่ได้เจอ ไม่ว่าเป็นสถาปัตยกรรม สัตว์ป่า และคนแปลกหน้าที่ได้เจอระหว่างทาง โดยใช้เทคนิคของสีน้ำ สีกว็อช ทองคำเปลว และสิ่งที่เจอระหว่างเดินทาง เราไปชมสมุดที่เธอบันทึกกันเลย ตอนนี้ผลงาน “The Secret Life of Trees” กำลังจัดแสดงที่อยู่ในงาน Bernarducci Meisel Gallery นิวยอร์ก อีกทั้งเธอยังมีผลงานที่วางขายลงในเว็บไซต์ Etsy อีกด้วย หรือถ้าจะติดตามก็ไปได้ที่อินสตาแกรม dinabrodsky ที่มา thisiscolossal
-
ชั้นเลือกนาย!! เจ้าเหมียวจรตามแจทหารหนุ่ม ทุกครั้งระหว่างปฏิบัติหน้าที่ จนต้องรับมาเลี้ยง
กลายเป็นเรื่องราวชวนอมยิ้มไปซะแล้ว หลังจากที่เจ้าซาเลม แมวเหมียวขนสีดำสนิทตัวนี้ มักจะชอบตามติดทหารหนุ่มคนหนึ่ง ในขณะที่เขากำลังปฏิบัติภารกิจในต่างแดน งานนี้จึงทำให้เขาได้ตัดสินใจรับมันกลับมาเลี้ยงซะเลย ก่อนหน้านี้เจ้าซาเลม เป็นแมวเหมียวจรจัดตัวน้อยๆ ที่อยู่ในละแวกเมืองคอนสแตนตา ประเทศโรมาเนีย จนกระทั่งวันหนึ่งมันก็ได้เจอกับจัสติน ทหารหนุ่มที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในบริเวณนั้น ทั้งคู่เข้ากันได้อย่างรวดเร็ว ถึงกับขั้นเข้ามานอนในหมวกของเขาอีกด้วย ในใจของมันอาจจะกำลังเลือกให้เขาเป็นทาสคนใหม่ เพื่อจะรับมันกลับไปเลี้ยงก็เป็นได้ นับตั้งแต่ที่จัสตินได้เจอกับเจ้าเหมียวน้อยตัวนี้ มันก็มักจะชอบตามเขาไปทุกครั้งที่มันเห็นเขา “ผมเจอกับมันประมาณอาทิตย์ที่แล้ว จากนั้นมันก็เดินตามผมกลับมาถึงในค่ายพักเลย” จัสตินกล่าว เจ้าเหมียวมักจะชอบกระโดดมานอนบนตักของเขา เพื่อต้องการความรัก และอยากให้เขาสนใจ แม้กระทั่งแอบเข้าไปนอนงีบในหมวกกันน็อคของจัสตินมันก็ทำมาแล้ว นี่แหละน้าที่เขาเรียกว่ามิตรภาพเกิดขึ้นได้ทุกที่ แม้แต่ในค่ายทหารเรายังได้เห็นมิตรภาพน่ารักๆ ของเจ้าเหมียวและมนุษย์เลย เจ้าซาเลมเป็นแมวที่น่ารักต่อเพื่อนมนุษย์ของมัน และทำให้เขารู้สึกสบายใจ ในยามที่เขาคิดถึงบ้าน จัสตินเหลือเวลาอีกครึ่งเดือนที่ต้องทำงานอยู่ในโรมาเนีย และเขาเองก็กำลังวางแผนที่จะพาเจ้าเหมียวไปพบสัตว์แพทย์ และมองหากลุ่มช่วยเหลือที่จะส่งตัวของมันไปที่บ้านของเขาในเอลแพโซ รัฐเทกซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เขาและภรรยาก็พร้อมต้อนรับมันเข้าสู่บ้านหลังใหม่ แน่นอนว่าเธอจะต้องชื่นชอบมัน และพร้อมที่จะดูแลมันเป็นอย่างดี ตอนนี้ก็ได้นายใหม่ และบ้านหลังใหม่ที่แสนอบอุ่น…
-
หนุ่มโรงงาน เบื่อขับรถไปทำงานไม่ทันใจ สร้างเครื่องบิน เพื่อบินไปทำงานแทนซะเลย!!!
สำหรับมนุษย์วัยทำงานนั้นหนึ่งสิ่งที่จะต้องเผชิญในแต่ละวันก็คือการพบกับปัญหาของระยะเวลาในการเดินทางจากที่พักไปยังที่ทำงาน ซึ่งถ้าหากว่าอยู่ไกลมากๆ ก็ต้องเผื่อเวลาในการเดินทางอีกเป็นเท่าตัว (นี่ยังไม่รวมไปถึงปัญหาการจราจรที่ไม่อาจคาดเดาได้อีกนะเนี่ย) จะว่าไปแล้วปัญหานี้ก็เหมือนจะเป็นอะไรที่ใหญ่หลวงสำหรับ Frantisek Hadrava ชายวัย 45 ปี จากสาธารณรัฐเช็ก ผู้นี้ ที่ทำงานของเขานั้นเป็นโรงงานที่ตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้าน Zdikov ที่เขาอาศัยอยู่ ซึ่งในแต่ละวันเขาก็จะต้องขับรถไปที่ทำงานโดยใช้เวลาอย่างน้อย 12-14 นาที เพื่อไปเข้างานโรงงานกะเช้าเวลา 6 นาฬิกา ด้วยระยะเวลาการเดินทางขนาดนี้ เขาคิดว่ามันใช้เวลามากไป ก็เลยอุทิศเวลาทั้งหมดประมาณ 2 ปี ในการสร้างเครื่องบินเล็กส่วนตัวด้วยตัวเอง โดยเขาหวังว่าจะใช้เป็นยานพาหนะ เพื่อเดินทางไปทำงานในระยะเวลาที่สั้นลง ให้เหลือเพียงแค่ 7 นาทีเท่านั้น!! Hadrava ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Reuters ว่า “โดยปกติแล้วผมจะใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 12 – 14 นาที พอเปลี่ยนมาเป็นเครื่องบินแล้วจะใช้เวลาเพียงแค่ 4 – 5 นาทีเท่านั้น แต่ผมเลือกที่จะบินในเส้นทางอ้อม เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้คนในตอนเช้ามากเกินไป เพราะฉะนั้นแล้วก็จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 7…
-
NodPod อุปกรณ์ที่จะช่วยให้คุณ “นอนหลับระหว่างการเดินทาง” ได้อย่างสบาย ไม่ปวดคอ!!!
เชื่อว่าหลายคนคงประสบปัญหากับการเดินทางไกลแล้วง่วงนอน การนอนหลับบนเก้าอี้เป็นอะไรที่ทรมานมากๆ เพราะมันไม่ใช่ท่าที่สบายเลย อีกทั้งบางคนนอนผิดท่ายังต้องมาทรมานกับการปวดคออีก แต่ปัญหานี้จะหมดไปแล้ว เมื่อ Paula Blankenship ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ชื่อว่า NodPod ขึ้นมา โดยเจ้าสิ่งนี้แหละจะทำให้การนอนบนที่นั่งจะสบายขึ้นทันที NodPod นั้นเป็นเหมือนสายรัดกับเบาะที่น่าจะผลิตขึ้นมาตั้งนานแล้ว เพราะว่าเวลาเรานอนในท่านั่ง เรามักจะหันลงมาเสมอ ทำให้ปวดคอ แต่สิ่งนี้จะเป็นตัวช่วยพยุงคางของเราให้อยู่กับที่ แถมยังนุ่มสบาย หลับได้แบบไม่ต้องกลัวปวดเมื่อย นอกจากนี้สายรัดก็ออกแบบมาให้สามารถปรับแต่งได้หลายแบบ สมมติว่าขึ้นเครื่องบินแล้วเก้าอี้เรามีทีวีอยู่ข้างหลัง สายตัวนี้ก็สามารถปรับให้มันไม่ไปบังทีวีคนข้างหลังได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเดินทางด้วยวิธีไหน เจ้าตัวนี้ก็สามารถพกพาไปได้ทุกที่เลย . . ชมคลิปการใช้งาน แต่ตอนนี้กำลังระดมทุนอยู่ในเว็บไซต์ Kickstarter และสามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ในราคา 875 บาท ใครสนใจก็ตามลิงก์ที่ให้ไปได้เลย ที่มา metro
-
ทำได้ไง?? ตำรวจสวิสเงิบ เจอหนุ่มวัย 20 แอบซ่อนในกระเป๋าเดินทาง หลบหนีเข้าเมือง
ปัญหาผู้อพยพถือว่าเป็นสิ่งที่ประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลกกำลังเผชิญในขณะนี้ โดยบุคคลเหล่านั้นต่างทุ่มเททุกวิถีทางเพื่อที่จะเข้าไปยังประเทศที่อาจจะเป็นชีวิตใหม่ของพวกเขา ไม่ว่านั่นจะเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายหรือไม่ จนหลายๆ ครั้งเราต้องทึ่งในความพยายามของพวกเขาเลยทีเดียว อย่างเช่นสิ่งที่เกิดขึ้นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ครั้งนี้ รับรองเพื่อนๆ ต้องตะลึงในความพยายามของเหล่าผู้อพยพจริงๆ เพราะพวกเขาเล่นแอบซ่อนตัวเองไว้กระเป๋าเดินทางเลยทีเดียว!! เรื่องราวเกิดขึ้นที่บนรถไฟสายอิตาลี-สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงแปลกๆ มาจากกระเป๋าเดินทางใบหนึ่ง พวกเขาจึงได้เข้าไปตรวจเช็ค ปรากฎว่ามีผู้อพยพผิวสีคนหนึ่งแอบซ่อนอยู่ในกระเป๋าใบนั้น เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่ไปที่มา พบว่าเขาเป็นชาวประเทศเอริเทรียในทวีปแอฟริกาวัยยี่สิบต้นๆ ที่กำลังเดินทางไปประเทศอังกฤษอย่างผิดกฎหมาย พร้อมกับเพื่อนอีกคนที่ซ่อนอยู่ในห้องน้ำรถไฟ แต่กลับถูกจับได้เสียก่อนบริเวณชายแดนระหว่างประเทศอิตาลีและสวิตเซอร์แลนด์ ทั้งนี้ไม่มีรายงานว่าเขาทั้งสองคนลักลอบเข้ามาถึงตรงนี้ได้อย่างไร ผ่านทางนายหน้าหรือแอบมาเองโดยวิธีดังกล่าว แต่สุดท้ายแล้วเมื่อไม่มีเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทางตำรวจสวิตเซอร์แลนด์จำเป็นต้องส่งชายทั้งสองกลับไปยังประเทศอิตาลี ไปชมวินาทีที่เขาถูกจับได้กันดีกว่า รับรองว่าต้องอึ้งแน่นอน ว่าซ่อนไปได้ยังไง . นับถือในความพยายามจริงๆ อย่างว่าต้นทุนชีวิตเราไม่เท่ากัน เขาก็อยากไปหาสิ่งที่ดีกว่า ยังไงก็สู้ต่อไปนะ ซักวันต้องเป็นของพวกนายแน่นอน ที่มา Dailymail
-
ตามชมชีวิต ชนเผ่าโบราณในเอธิโอเปีย เมื่อวัฒนธรรมดั้งเดิม ต่อสู้กับโลกสมัยใหม่…
ในโลกใบนี้เต็มไปด้วยความแตกต่างหลากหลาย และมีหลายสิ่งหลายที่รอให้เราได้เข้าไปสัมผัส เรียนรู้ เพื่อนำมาเผยแพร่ให้กับผู้อื่น วันนี้ #เหมียวขี้ส่อง จะพาไปสัมผัส เรียนรู้อีกมุมหนึ่งของโลก จากประสบการณ์ของช่างภาพสารคดีคนหนึ่ง ที่ได้เดินทางไปยัง Omo Valley ประเทศเอธิโอเปีย เพื่อบันทึกภาพวิถีชีวิตของ 5 ชนเผ่าโบราณดั้งเดิม ท่ามกลางโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงนี้… เริ่มจากกลุ่มแรก ชนเผ่า Hamar ที่เหลือกำลังรวมตัวกันอยู่ใต้ต้นใม้ใหญ่ เมื่อมีเขื่อนไฟฟ้าขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นที่แม่น้ำ Omo เพื่อที่จะสนับสนุนพื้นที่เพาะปลูกในเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ซึ่งส่งผลให้ชนเผ่าเหล่านี้ต้องย้ายไปยังที่ที่ห่างไกลจากแผ่นดินำถิ่นกำเนิดของพวกเขา การสร้างเขื่อนนี้ได้ทำลายระบบสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตของชนเผ่านี้ที่มีความผูกพันอยู่กับแม่น้ำมาเป็นเวลานาน พวกผู้ชายจะเพ้นท์หน้าตัวเอง ก่อนที่จะเข้าร่วมพิธีกระโดดวัว เมื่อมีธุรกิจการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้พฤติกรรมของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปด้วย “ผมต้องจ่ายให้พวกเขาทุกครั้งที่ถ่ายรูป และโอกาสที่จะได้ถ่ายภาพวิถีชีวิตดั้งเดิมของพวกเขาก็มีน้อยมาก ภาพที่หาเงินได้ดีที่สุดคือ ภาพที่ผู้หญิงเทินหม้อและดอกไม้ไว้บนหัว เด็กๆจะถูกจัดให้โพสต์ท่าราวกับนางแบบที่มีประสบการณ์มานาน มีการเอาสีมาทาบนเรือนร่างและออกท่าทางคล้ายกับการเต้น” เมื่อโลกาภิวัตน์เข้ามาแทนที่ ความเป็นเอกลักษณ์เช่นนี้จึงหายไปอย่างรวดเร็ว กลุ่มผู้หญิงจะอาสาหาแส้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ความมุ่งมั่นของหนุ่มๆในการเข้าร่วมพิธีกระโดดวัว ฝูงวัวจะยืนเรียงกัน เพื่อใช้สำหรับพิธีกระโดดวัว พิธีกระโดดวัว จัดขึ้นเพื่อทดสอบว่า วัยรุ่นชายพร้อมที่จะเป็นผู้ใหญ่แล้ว และพร้อมที่จะแต่งงานมีครอบครัว รวมทั้งการได้เป็นเจ้าของวัวด้วย การเต้นรำของชนเผ่าในระหว่างพิธีกระโดดวัว…
-
ขออาหารหมาที่นึง!! นี่คือ 18 ความมุ้งมิ้ง เมื่อเจ้าหมาต้องเดินทางโดยเครื่องบิน…
เราอาจเคยได้ยินมาบ้างว่า สามารถนำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องได้ ซึ่งต้องอยู่ในส่วนโหลดสัมภาระเท่านั้น และนั่นทำให้เกิดการเดินทางที่ลำบากสำหรับสัตว์เลี้ยงของเรา เว้นเสียแต่ว่า บางที่นั้นอาจจะเป็นกรณีพิเศษ อย่างเช่น ตอนเกิดไฟป่าครั้งใหญ่ในแคนาดา หรือบางสายการบินในต่างประเทศเท่านั้นที่ให้สุนัขนั่งไปด้วยได้ เหมือนกับสุนัขพวกนี้ ที่ได้นั่งเครื่องเหมือนคนปกติ และบางตัวยังได้นั่งเก้าอี้ของตัวเองด้วย ช่างน่ารักอะไรขนาดนี้ 1. สุนัขที่แสนฉลาดตัวนี้ กำลังนำบัตรผ่านให้กับเจ้าหน้าที่ 2. ตัวใหญ่แล้วไง นั่งนิ่งได้เหมือนกัน 3. สุนัขยักษ์ได้ที่นั่งของตัวเอง เหมือนกันคนทุกอย่างเลย 4. ตัวนี้กำลังนอนหลับอย่างสบายใต้ผ้าห่มผืนน้อยๆ 5. ได้นั่งที่ที่ดีสุดเลยนะ 6. ยิ้มงี้ คงตื่นเต้นที่ได้นั่งเครื่องใช่มั้ย 7. เหมือนมันกำลังบอกให้ทุกนั่งลงจนกว่าเครื่องจะลงจอด 8. ตัวนี้มีความกังวลนิดๆ ตอนที่เครื่องบินกำลังเริ่มออก 9. นี่มันคงคิดว่าไม่มีใครเห็นมันสินะ 10. ตัวนี้ก็เช่นกัน 11. ได้นั่งในชั้น first class ด้วย หลับสบายเลย …
-
ชายหนุ่มผู้ออกเดินทางรอบโลก เพื่อ ‘ตัดผม’ ให้กับผู้คน และมีความทรงจำดีๆ มากมาย
เมื่อพูดถึงร้านตัดผม เราคงนึกถึงห้องสี่เหลี่ยม มีเก้าอี้ และมีกระจกอยู่ตรงหน้า แน่นอนว่าเราเองก็คุ้นชินกับห้องแบบนี้ จนไม่คิดว่าจะมีสถานที่ตัดผมนอกเหนือจากนี้ Miguel Gutierrez หรือที่รู้จักกันในนาม Nomad Barber ได้เดินทางไปยังประเทศต่างๆมากกว่า 20 ประเทศ ในเวลา 1 ปี และการเดินทางนี้ เขาก็ได้อาสาตัดผมให้กับผู้คนที่เขาพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือชาวบ้านแถวนั้น ซึ่งแต่ละสถานที่นั้น บอกได้เลยไม่ธรรมดาจริงๆ ตลอด 12 เดือนของการเดินทางนั้น เขาได้ตัดผมให้ผู้คนมากมาย นี่เป็นสถานที่ ที่ไม่ธรรมดาที่สุดสำหรับเขา เพราะนี่คือฐานรบภาคเหนือของอิรัก “เราใช้เวลาผ่านชายแดนอิหร่าน 20 นาที และเจอด่านตรวจอีกประมาณ 12 ด่าน” สำหรับ Gutierrez นั้น อินเดียนับว่าเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมการตัดผมที่ยอดเยี่ยมประเทศหนึ่ง “คนอินเดียนั้นมักนิยมไปร้านตัดผมมากกว่าตัดที่บ้าน เพราะที่ร้าน ราคาถูกมากๆ” Gutierrez ตัดผมที่เมือง พาราณสี ซึ่งรู้จักกันว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวอินเดีย ,ในรูปนี้เค้าได้ตัดผมให้ชายคนหนึ่งบนเรือที่ลอยอยู่ในแม่น้ำคงคา ซึ่งเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธ์สายหนึ่งในอินเดีย แม้ชาวอินเดียจะเข้าร้านตัดผมบ่อย แต่ชายคนดูไบนั้นเป็นคนที่ห่วงสวยหล่อมากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆที่เขาไปมา การที่คนดูไบต้องห่วงสวยห่วงหล่อมากที่สุดนั้น เป็นเพราะว่า นั่นเป็นคุณสมบัติหนึ่งสำหรับการหางานที่ดูไบ …
-
เมื่อช่างภาพที่ ‘กลัวความสูง’ ตัดสินใจรวมความกล้า ขึ้นไปถ่ายยอดเขางดงามเหล่านี้….
เรื่องราวของของช่างภาพชาวโปแลนด์ “Jakub Polomski” ที่หลงรักการถ่ายภาพภูเขาเป็นชีวิตจิตใจ เขามักจะออกตัวเสมอว่าตัวเองเป็นคนกลัวความสูง ได้เดินทางขึ้นไปทีไรก็เกิดอาการขาสั่น ตัวสั่นตลอด เค้าจึงรวบรวมความกล้าเดินทางไปยังยอดเขาสูงชันต่างๆทั่วโลกเพื่อถ่ายภาพมาอวดเราๆนี่แหละ #เหมียวบ็อบ ว่าเราไปดูกันดีกว่าว่าหนุ่มชาวโปแลนด์คนนี้เค้าจะกลัวความสูงอย่างที่บอกจริงๆรึเปล่า………. 1.เทือกเขา Alps ใน ฝรั่งเศส . . . . . . 2. El Chalten อาร์เจนตินา . . . . 3. เทือกเขา Alps ใน สวิตเซอร์แลนด์ . . . . 4. ไอซ์แลนด์ . . . 5. Dolomites อิตาลี . . 6. Lofoten นอร์เวย์ . . 7. ภูเขา Carpathian…
-
มาดูกันว่าเจ้าหน้าที่รักษาพระองค์ของจักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่นนั้น มีจำนวนมากขนาดไหน!!
หากจะให้พูดถึงบุคคลที่ได้รับความเคารพจากประชาชนชาวญี่ปุ่นมากที่สุดก็น่าจะเป็นจักรพรรดิและจักรพรรดินี ซึ่งน้อยครั้งมากที่จะได้เห็นพระองค์เสด็จเยือนตามสถานที่สาธารณะ เพราะเกรงว่าไม่อยากจะให้เป็นการรบกวนประชาชนมากเกินไป ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นงานราชงานหลวงใหญ่ๆ เสียมากกว่า และการเสด็จของสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ นั้นจะต้องใช้ยานพาหนะส่วนพระองค์ เช่นเดียวกันกับการเสด็จทางรถไฟ ถึงแม้จะเป็นรถไฟส่วนพระองค์ ก็จำเป็นจะต้องผ่านสถานีสาธารณะอย่างสถานีโตเกียวที่อยู่ใกล้ๆ พระราชวัง จึงทำให้หลีกเลี่ยงการปรากฏตัวสู่สาธารณะไม่ได้ แน่นอนว่าเมื่อพระองค์จะต้องเสด็จผ่านสถานีโตเกียวที่มีผู้คนพลุกพล่าน เจ้าหน้าที่รักษาพระองค์จึงต้องตามรักษาการ เพื่อความสงบเรียบร้อย โดยที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์นามว่า @shuzo723 ได้ทำการเก็บภาพบรรยากาศในระหว่างที่พระองค์เสด็จผ่านสถานีได้พอดี (ดูไม่ได้ จิ้มที่นี่) 天皇陛下についてるSPの数のヤバさよ pic.twitter.com/3fkyCiqDmV — ふくぞう (@shuzo723) 22 มิถุนายน 2559 จะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่รักษาพระองค์นั้นมีเยอะมาก เป็นกลุ่มเจ้าหน้าที่ในชุดสูทสีดำ ชุดสีขาว และอื่นๆ นับจำนวนแบบคร่าวๆ ได้มากถึง 37 คนเลยทีเดียว!! โอ้ววววววว จะเห็นได้ว่าในระหว่างที่สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะเสด็จผ่านสถานีนั้น พระองค์ทรงโบกพระหัตถ์และทรงยิ้มให้กับประชาชนด้วยความเป็นกันเองอย่างมากเลยล่ะ ที่มา : @shuzo723,
-
20 วิธีแพ็คกระเป๋าขั้นเทพก่อนออกเดินทาง ที่จะช่วยให้การเดินทางของคุณง่ายยิ่งขึ้น
เพื่อนๆคงเคยเจอกับปัญหาการจัดเก็บของเข้ากระเป๋าไม่ว่าจะทั้งขาไปเที่ยวและขากลับกันแน่ๆ ไม่ว่าจะทั้งเสื้อที่เปื้อนเอย เครื่องประดับต่างๆที่มันมักจะพันกันบ้างเอย ชุดที่อยากจะเอาไปใส่เที่ยวสวยๆหล่อๆก็มีเยอะแยะแต่ดันยัดใส่กระเป๋าได้ไม่หมดซะอย่างนั้น วันนี้ #เหมียวบ็อบ เลยเอาเทคนิคการจัดกระเป๋าแบบเทพๆมาฝาก รับรองว่าจะทำให้การเดินทางของเพื่อนๆง่ายขึ้นแถมของในกระเป๋าก็จะไม่รกรุงรังอีกต่อไปด้วย 1. นำเอาเครื่องประดับต่างๆมาห่อไว้ด้วย พลาสติกแรป เพื่อป้องกันไม่ให้มันเคลื่อนย้ายไปมาและพันกันพะรุงพะรังในขณะที่อยู่ในกระเป๋าเดินทาง 2. ใช้กล่องแบ่งยา หรือ กล่องลิปบาล์มเก่าๆที่หมดแล้ว สำหรับใส่เครื่องประดับขนาดเล็กเช่น แหวน หรือ ตุ้มหู เพื่อป้องกันการหายเพราะของมีขนาดเล็ก 3. ใช้หลอดช่วยไม่ให้สายสร้อยคออันสวยงามของสาวๆมันพันกันจนยุ่งเหยิงไปหมด ประหยัดเวลาแก้ปมไปได้อีกเยอะเลย 4. หรือว่าจะเก็บต่างหูอันเล็กๆไว้กับเม็ดกระดุมก็ยิ่งช่วยให้ง่ายต่อการเก็บรวมกันและการเอาออกมาใช้ได้อีกด้วย 5. จัดการกับเสื้อที่ยับง่ายด้วยการนำมันใส่ไว้ในถุงพลาสติคใส่สำหรับทำความสะอาดเสื้อผ้า และพับเหมือนปกติ ถุงพลาสติคจะช่วยป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าชั้นในของเรายับได้ 6. ถ้าพื้นที่ในกระเป๋ามันเหลือไม่พอ ให้เพื่อนๆลองใช้วิธีม้วนเสื้อแทนพับเสื้อแล้วจะพบว่าได้พื้นที่ว่างเพิ่มขึ้นมาอีกเพียบเลย 7. สำหรับสาวๆที่กลัวว่าถ้ายัดยกทรงใส่ในกระเป๋าแล้วจะเสียทรง ให้ลองพับชุดชั้นในแล้วใส่ไว้ตรงกลางยกทรงแล้วพับครึ่งอีกทีแบบตามรูป จะช่วยให้ประหยัดพื้นที่และยกทรงไม่เสียทรงอีกด้วย 8. ป้องกันคราบจากพื้นรองเท้าไม่ให้เปื้อนเสื้อผ้าด้วยการห่อด้วยหมวกอาบน้ำ 9. ครีมต่างๆหรือถุงเท้าก็สามารถนำมาเก็บไว้ในรองเท้าได้เหมือนกันนะ ประหยัดพื้นที่ได้อีกเยอะเลย 10. พับชุดชั้นในด้วยวิธีการในรูปช่วยประหยัดพื้นที่ได้มากกว่าการยัดๆมันไว้ตามซอกมุมในกระเป๋าแน่นอน 11.…
-
หญิงวัย 49 เดินทางเที่ยวรอบโลกใน “ชุดเจ้าสาว” เพื่อค้นหาตัวเองใหม่อีกครั้ง หลังหย่าขาดสามี
จะมีผู้หญิงสักกี่คนกันที่จะวางแผนการผจญภัย เพื่อค้นหาตัวเองด้วยการเดินทางไปที่ต่างๆ รอบโลกในชุดเจ้าสาวโดยที่ไม่มีเจ้าบ่าว เรียกได้ว่าน้อยคนนักที่จะกล้าทำในสิ่งเหล่านี้ได้แน่นอน แต่สำหรับ Pavlina Melicharova สาวใหญ่ชาวเชควัย 49 ปีคนนี้ เธอกลับทำในสิ่งที่สาวๆ หลายคนคิดไม่ถึง โดยการเดินทางไปที่ต่างๆ รอบโลก พร้อมถ่ายภาพของตัวเองในชุดกระโปรงลูกปัดกับผ้าคลุมผม ที่ดูเหมือนเป็นชุดแต่งงานเลยละ Pavlina ได้โพสต์ภาพถ่ายของเธอลงบนเฟสบุ๊ค และอินสตาแกรม ซึ่งในแต่ละภาพเราจะเห็นได้ว่าไม่มีเจ้าบ่าวมาร่วมเฟรมเลยแม้แต่คนเดียว เพราะเหตุผลที่เธอได้ทำเช่นนี้ก็เพราะว่า ต้องการค้นหาตัวเอง และนี่คือสถานที่ที่เธอได้ไปเยือนมา บอกเลยว่าแต่ละที่นั้นสวยงามมาก อ้อ!! แอบกระซิบไว้เลยว่ามีสถานที่สำคัญๆ ในประเทศไทยด้วยนะ มัสยิดสีน้ำเงิน ณ กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี ตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลก ที่เบิร์จคาลิฟา ดูไบ อนุสรณ์สถานทัชมาฮาลในเมืองอัครา ประเทศอินเดีย เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย ประตูท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่ วัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย หลังจากชีวิตคู่ของเธอไม่ได้สวยงามเหมือนดั่งที่ใฝ่ฝัน เพราะถูกสามีกดขี่ข่มเหงสารพัด Pavlina จึงได้ยุติความสัมพันธ์กับฝ่ายสามี…
-
ชีวิตจริงของ ‘เด็กชนบท’ แสนยากลำบาก ต้องปีนหน้าผาสูง 800 เมตรเพื่อไป-กลับโรงเรียนทุกวัน!!
เชื่อว่าหลายคนตอนเด็กๆ ต้องมีอารมณ์ไม่อยากไปโรงเรียน แม้ว่าจะมีรถโดยสารมารับถึงหน้าบ้านก็ไม่ได้ทำให้ความอยากไปโรงเรียนเพิ่มขึ้นแม้แต่น้อย ผิดกับนักเรียนจากหมู่บ้านห่างไกลแห่งนี้ ที่แม้พวกเขาต้องปีนหน้าผาสูงกว่า 800 เมตร พวกเขาก็ไม่ย่อท้อในการไปโรงเรียนแม้แต่น้อย เรื่องราวดังกล่าวเป็นของเด็กๆ หมู่บ้านอาตูเล่อเอ๋อ เขตปกครองตนเองเหลียงชานอี้ มณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ด้วยความที่หมู่บ้านของพวกเขาตั้งอยู่ในหุบเขาอันห่างไกล ทำให้ในทุกๆ วัน พวกเขาต้องปีนหน้าผาที่สูงกว่า 800 เมตรที่มีเพียงบันไดลิงง่ายๆ ให้พวกเขายึดเกาะเท่านั้น เพื่อไปยังโรงเรียนที่ตั้งอยู่อีกฝั่งของภูเขา แน่นอน นั่นหมายถึงต้องปีนกลับด้วย . โดยทุกวันๆ จะมีผู้ใหญ่ประมาณ 2-3 คนมาช่วยเป็นคนนำทาง แต่อย่างไรก็ตามด้วยจำนานเด็กเกือบๆ 20 คน ทำให้ทั้งหมดก็ต้องช่วยเหลือกันเองเท่าที่จะทำได้ และเน่องจากไม่มีอุปกรณ์ความปลอดภัย ประกอบกับหน้าผาที่สูงชัน เส้นทางนี้เคยมีคนผลัดตกลงมาเสียชีวิตถึง 8 คนแล้ว ทำให้หลายๆ บ้านตัดสินใจไม่ส่งลูกไปโรงเรียน . แม้ทางหมู่บ้านจะเคยเสนอเรื่องให้ทางการทำถนนให้ แต่ด้วยจำนวนผู้อยู่อาศัยแค่ 72 หลังคาเรือน ทำให้ทางการไม่สามารถอนุมัติงบประมาณเกือบๆ 300 ล้านบาทเพื่อทำให้ถนนให้ได้จริงๆ แม้ทางการจะเคยยื่นข้อเสนอให้ประชากรในหมู่บ้านย้ายออกมายังภายนอก แต่พวกเขาก็ประสบปัญหาไม่มีที่ทำกินอยู่ดี…
-
ชายหนุ่มเดินทางไปอเมริกา เพื่อ “ตามรอย” สถานที่ที่พ่อเคยไปถ่ายตอนเป็นทหาร
ชายหนุ่มคนหนึ่งนามว่า James Nguyen เขามีภารกิจชิ้นหนึ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ นั่นก็คือการเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อไปตามรอยรูปภาพของพ่อที่เคยถ่ายไว้ก่อนจากไป เขาเล่าว่าพ่อของเขาเคยฝึกทหารอยู่ที่ Rhode Island Naval Academy ระหว่างช่วงที่กำลังมีสงครามเวียดนาม และพ่อของเขาก็เสียชีวิตในหน้าที่ในเดือนธันวาคมปี 1974 ซึ่งตอนนั้นเขายังไม่เกิด James ลืมตาดูโลกเมื่อเดือนมีนาคมปี 1975 ทำให้เขาไม่ได้เห็นหน้าพ่อ และแม่ก็พาเขาอพยพไปยังประเทศออสเตรเลีย และเติบโตที่นั่น และสิ่งที่พอจะหลงเหลือก็คือรูปถ่ายของพ่อที่ถ่ายในปี 1970 เมื่อตอนที่พ่อได้มาที่อเมริกา และนี่ก็คือภารกิจที่เขาต้องออกไปตามรอยรูปถ่ายของพ่อ และถ่ายรูปเขามาในมุมที่เหมือนกัน เราไปดูกันว่าการผจญภัยของเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง USS Massachusetts Civil War Memorial, Broadway, Newport Rhode Island William Channing Statue / Newport Tower, Newport, Rhode Island Long Wharf Mall, Newport, Rhode Island …
-
คู่รักออกเดินทางด้วยรถเวสป้าคันน้อย ตะลอนโลก 2 ปีครึ่ง ระยะทางกว่า 60,000 กิโลเมตร!!
ก็เรียกได้ว่าเป็นการเดินทางที่แสนยาวนานจริงๆ สำหรับ Stergios และ Alexandra หรือรู้จักกันในนาม “worldvespa” ที่ได้ออกเดินทางจากประเทศกรีซตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม ปี 2013 นู่นเลยทีเดียว เพื่อไปยังประเทศแอฟริกาใต้และทวีปอเมริกาใต้ พวกเขาเดินทางอย่างไม่หยุดหย่อนกว่า 859 วัน ผ่านกว่า 27 ประเทศ และระยะทางกว่า 60,000 กิโลเมตรด้วยกัน ด้วยรถเวสป้าคู่ใจของพวกเขา จากทะเลทรายซาฮาร่า ใน Morocco เดินกันสักหน่อยตอนยางรั่ว ใน Burkina Faso ปั้มน้ำมันในละแวก ชายหาดสวยๆ ในโตโก ถนนไปยัง Abuja ในประเทศไนจีเรีย ป่าในแคเมอรูน เด็กๆ มาดูเวสป้าในคองโก บางสถานที่กันดารเกินไปก็ต้องอาศัยรถกระบะเพื่อผ่านไป ถนนสายเล็กๆ ตัดผ่านป่าในคองโก ทางไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่ แต่ก็ยังยิ้มได้ ความช่วยเหลือที่มีให้ตลอดเส้นทาง วิวสวยๆ ที่มีให้เห็นกันได้ตลอด …
-
รวม 10 สถานที่ ที่จะต้องนั่งชิดติดหน้าต่างเมื่อมีโอกาสได้นั่งเครื่องบินไปเยือน!!
สำหรับเพื่อนๆ ที่มีโอกาสได้เดินทางไกลด้วยเครื่องบินบ่อยๆ จะรู้ว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดในการนั่งบนเครื่องบินนั้นก็คือ ‘ข้างหน้าต่าง’ เพราะทำให้เราได้เห็นวิวสวยๆ ของท้องฟ้า ทะเล และเมืองต่างๆ จากมุมสวย ซึ่งเป็นอะไรที่สวยงามมาก #เหมียวหง่าว จะพาเพื่อนๆ ไปชม 10 เมืองที่ควรค่าแก่การนั่งข้างหน้าต่างมากที่สุด!! คือถ้ามีโอกาสได้เดินทางไปยังสถานที่ดังต่อไปนี้ก็เตรียมจองตั๋วข้างหน้าต่างไว้ได้เลย 1. ประเทศ Malta เพราะที่นี่มีความงดงามทางสถาปัตยกรรม และมีภูมิประเทศที่เป็นเกาะ จึงทำให้วิวทิวทัศน์ที่มองจากเครื่องบินนั้นเป็นอะไรที่สวยสุดยอดมาก มีนักท่องเที่ยวมากกว่า 1 ล้านคนเดินทางมาเที่ยวที่ Malta ในทุกๆ ปี และพวกเขาก็จะได้เห็นวิวที่สวยงามของเมืองหลวง Valletta แบบนี้ ในระหว่างที่เครื่องบินกำลังลงจอด และในระหว่างที่เครื่องกำลังวนบินหาที่จอดนั้น ก็จะทำให้เห็นภาพรวมของประเทศ Malta ทั้งหมด สวยมากๆ เลยใช่มั้ยล่ะ? 2. เมือง Nice ประเทศฝรั่งเศส เหล่านักท่องเที่ยวทั้งหลาย จะได้เห็นภาพวิวที่สวยงามของชายฝั่ง Riviera และชายฝั่ง Cote d’Azur ที่มีสามนามบินอยู่ตรงกลางระหว่างชายฝั่งทั้งสองนี้อย่างพอดิบพอดี 3. เมือง Queenstown…
-
คุณพ่อพาลูกชายเดินทาง 500 กิโลฯ ด้วยโรลเลอร์เบลด เพื่อสอนให้รู้ว่า “ชีวิตมันลำบาก” !!
หลายคนบอกว่าการเรียนรู้ที่ดีที่สุด คือการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ โดยเฉพาะเรื่องชีวิต หากไม่ได้ประสบพบเจอด้วยตนเองแล้ว บางทีก็อาจไม่เคยรู้เลยว่าชีวิตนั้นยากลำบากขนาดไหน ด้วยเหตุนี้เอง คุณพ่อวัย 39 ปีจากมณฑลเหอหนานคนนี้ จึงสร้างบทเรียนแสนสำคัญให้กับลูกชายของเขา เพื่อจะสอนให้รู้ว่าชีวิตของเรานั้นมันไม่ง่ายเลย!! เมื่อช่วงเดือนก่อน มีคุณพ่อคนหนึ่งพาลูกชายวัย 4 ขวบเดินทางกว่า 540 กิโลเมตรจากเมืองผูหยาง มณฑลเหอหนาน ไปยังกรุงปักกิ่งด้วยรองเท้าโรลเลอร์เบลด!! ทุกๆ วันพวกเขาจะออกเดินทางตั้งแต่ 8 โมงเช้าไปตามทางหลวงหมายเลข 106 ทุกๆ ชั่วโมงพวกเขาจะพักหนึ่งครั้งเพื่อดื่มน้ำและเติมพลัง และพอถึงตอนเย็น พวกเขาก็จะหาที่พักก่อนที่ฟ้าจะมืด ทุกๆ ครั้งที่พวกเขาเดินทางไปถึงเมืองใหม่ๆ พวกเขาก็จะถ่ายภาพกับป้ายของเมืองเหล่านั้น จนสุดท้ายเมื่อจบทริป พวกเขามีรูปกว่า 600 รูปเลยทีเดียว เมื่อพูดถึงส่วนที่ยากที่สุดของการเดินทาง คุณพ่อกล่าวว่าส่วนที่ยากที่สุดคือลมและถนนที่ขรุขระ “แม้ว่าลูกชายของผมจะร้องไห้หลายครั้ง แต่เขาไม่เคยยอมแพ้ นั่นคือจุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ ผมพยายามสอนให้เขามีความพยายาม” หลังจากการเดินทางกว่า 14 วัน ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงจุดหมาย คุณพ่อคนดังกล่าวจึงตอบแทนความพยายามของลูกชาย ด้วยการพาไปเที่ยวสถานที่สำคัญๆ ต่างๆ ในกรุงปักกิ่ง …
-
น่ากลัวขึ้นทุกวัน!! แท็กซี่ไล่ผู้โดยสารลงกลางทาง แถมพยายามขับชนหลังถูกถ่ายรูปทะเบียนรถ
ดูเหมือนว่าแท็กซี่สมัยนี้จะเริ่มน่ากลัวขึ้นทุกวันๆ เพราะล่าสุดมีผู้โดยสารมาร้องเรียนในโลกออนไลน์ว่าถูกคนขับแท็กซี่ไล่ลงจากรถกลางทาง แถมพยายามจะขับชนเพราะเธอถ่ายรูปทะเบียนรถของเขาไว้ด้วย!? เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 เมษายน ผู้ใช้เฟซบุ๊ก เมยาวี เกตุแก้ว ได้โพสต์ภาพและข้อความร้องเรียนลงในเพจ ร้องเรียนแท็กซี่ปฎิเสธผู้โดยสาร ร้องเรียนแท็กซี่บริการห่วย บริการแย่ โดยเธอเล่าว่าเธอโบกรถแท็กซี่สีชมพูขาวป้ายทะเบียน ทษ 9817 บริเวณหน้าตลาดโรงเกลือเพื่อเดินทางไปหมู่บ้านมหาดไทย 1 แต่ในระหว่างที่เธอกำลังเดินทางอยู่นั้นเองคนขับแท็กซี่กลับบอกให้เธอลงกลางทาง และเรียกเก็บค่าโดยสาร เธอจึงถ่ายภาพป้ายทะเบียน แต่คนขับรีบกระชากมือถือไปจากเธอและขู่ให้ลบรูปถาพทะเบียนออก เธอจึงรีบลงจากรถและมาถ่ายภาพทะเบียนอีกครั้ง จากนั้นคนขับแท็กซี่ก็เกิดความโมโหจึงขับรถพุ่งไปหาเธอ โชคดีที่เธอกระโดดหลบออกมาก่อน ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ อ่านเรื่องราวเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย แท็กซี่คันนี้แย่มากค่ะ#คือเราขึ้นจากหน้าตลาดโรงเกลือขนส่งสายใต้ใหม่จะปัยเอาของที่มหาดไท1แล้วกลับมาสายใต้เจอแท็กซี่ขึ้นแล… โพสต์โดย เมยาวี เกตุแก้ว บน 8 เมษายน 2016 จากนั้นทางเพจร้องเรียนแท็กซี่ฯ ก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและต่อว่าคนขับแท็กซี่คันนี้ พร้อมกับแนะนำให้โทรไปยังเบอร์ 1197 และ 1584 เพื่อแจ้งหมายเลขทะเบียนและร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนขับรถคันดังกล่าว ทำไมเดี๋ยวนี้พี่แท็กซี่ดุจัง ที่มา เมยาวี เกตุแก้ว
-
‘รักแท้มีอยู่จริง’ แมวหนุ่มย่องบนกำแพง เต็มไปด้วยหนามยางแหลม เพื่อไปหาหวานใจ
หากว่าความรักเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะเข้าใจ รักเค้าแต่เค้าไม่รักตอบ หรือ มีคนมารักแต่ก็ดันไม่ชอบเค้าไปซะได้นี่ เอ้อ กลายเป็นว่ามาตัดพ้อน้อยใจ ‘เมื่อไหร่จะเจอรักแท้ หรือว่ามันไม่มีอยู่จริง’ อะไรปานนั้น ฮร่าาาา แต่ก็อย่างว่าแหละเพราะเรายังไม่เจอคนที่ใช่ ถ้าเจอเมื่อไหร่ต่อให้ระหว่างทางรักนั้นอันตรายแค่ไหน มีอุปสรรคยังไง ก็จะฝ่าไปหาให้ได้ อย่างเช่นภาพการไปหาหวานใจของเจ้าแมวหนุ่มตัวนี้แหละ เฮ้ย!! ระวังนะไอ้หนุ่ม หนามยางแหลมเปี๊ยบอยู่บนกำแพงเพียบเลยนะนั่น อ่าห์!! ลงได้แล้ว ย่องไปเรื่อยๆ ไม่กลัวหนามยางแหลมแม้แต่นิดเดียว อ๊ะ!! ถึงแล้ว ว่าไงจ๊ะ ที่รัก คิดถึงจังเลย (มาหาสาวข้างบ้านนี่เอง) เอ็งกล้าหาญมากเจ้าแมวหนุ่ม ต่อให้อันตรายแค่ไหนก็ฝ่าไปเพื่อหาหวานใจให้ได้ นี่สินะที่เค้าเรียกว่า ‘รักแท้’ แต่ #เหมียวเลเซอร์ ยังหาไม่เจอเลย เสียใจจจจจจจจ T^T ที่มา : brightside, designyoutrust
-
โอกาสมาแล้ว!! World of Beer ตามหานักรีวิวเบียร์ ดื่มฟรี เที่ยวฟรี ค่าจ้าง 4 แสน!!
โอ้ยยยย!! วันนี้มันเป็นวันอะไร อากาศก็ร้อนเหลือเกิน อยากจะหาเบียร์เย็นๆ มาจิบดับกระหายคลายร้อนเสียจริง อ่ะ ว่ากันด้วยเรื่องซื้อเบียร์มาดื่ม มีแต่เสียเงิน แล้วถ้าหากว่าได้ดื่มเบียร์ แถมได้ไปเที่ยวต่างประเทศพร้อมกับได้เงินด้วย มันจะเป็นไปได้มั้ยนะ!? สิ่งที่ฝันของคอเบียร์นั้นเป็นจริงแล้วล่ะ เพราะ #เหมียวเลเซอร์ ไปเจออะไรดีๆ มา นั่นก็คือการประกาศตามหานักรีวิวเบียร์ของ Wold of Beer ต้องเดินทางไปทั่วอเมริกาและทั่วโลก เพื่อดื่ม ดื่ม และดื่มเบียร์จากหลากหลายที่ ฟังแล้วก็ดูน่าจะเป็นงานหนัก(หัว) อ๊ะ ยังไม่พอ เขายังมีค่าตอบแทนให้อีกตั้ง 4 แสนบาทแหนะ (12,000 USD) ส่วนคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นนักรีวิวเบียร์ท่องเที่ยวไปทั่วโลกนั้นจะต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป สามารถเดินทางและทำการรีวิวเบียร์ผ่านสื่อออนไลน์ ตลอดระยะเวลา 4 เดือน หากเป็นชาวต่างชาติที่ไม่ใช่อเมริกัน จะต้องมีใบอนุญาตทำงานในสหรัฐฯ เสียก่อน อีกทั้งยังต้องมีทักษะในการสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ดีพอสมควร หากใครมีคุณสมบัติครบแล้ว วิธีสมัครก็มีเพียงแค่อัดคลิปสั้นๆ 1 นาที บอกเล่าว่าทำไมคุณถึงมีคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับงานนี้ หมดเขตรับสมัครในวันที่…
-
ทนไม่ไหวแล้วเฟ้ย!! ชม 19 ผู้โดยสารต้นแบบ ที่ใครได้เดินทางด้วยเป็นต้องเอือม!!
สำหรับคนที่ต้องเดินทางด้วยเครื่องบินบ่อยๆ แล้ว การที่ต้องนั่งในชั้นประหยัด อาจจะเป็นอะไรที่ไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่ เพราะต้องเจอกับคนหลากหลายประเภท บางคนทำตัวสบายเกิ๊น ทั้งกรนเสียงดัง เท้าเหม็น กินอาหารหกเลอะเทอะข้างๆ คุณ แค่อ่านก็ประสาทเสียแล้วใช่ไหมล่ะ? วันนี้ #เหมียวฟิ้น จะพาเพื่อนๆ ไปชมตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ของผู้โดยสารสุดเอือม ที่คุณไม่อยากเจอแน่ๆ ระหว่างเดินทางด้วยเครื่องบิน จะละเหี่ยใจขนาดไหนลองไปดูกันเลย 1. นั่นถุงเท้าใช่มะ!? 2. มองแว๊บแรกนึกว่ารากไม้ 3. ขอแตะหน่อย 4. เหม็นว๊อย!! 5. “หนูเหม็นจังเลยพี่ชาย” 6. ทำไมวางเรี่ยราดแบบนี้ล่ะพี่ 7. เป็นรูด้วยนะ คลาสสิค!! 8. เติมน้ำแข็งหน่อยไหมพี่? 9. จะดูหนัง เอาเสื้อออกเดี๋ยวนี้!! 10. พาดขาแบบนี้แล้วจะนั่งยังไงล่ะพี่!! 11.…
-
Scooter เหมียวตาบอดถูกทิ้ง สู่การมีชีวิตที่สุขสบาย หลังเจอเจ้านายที่ใช่ ขอถวายตัวติดตามไปทุกที่
จริงๆ แล้วยังมีแมวอีกมากมายบนโลกใบนี้ ที่ไม่ได้เกิดมาสบายเหมือนแมวเหมียวตัวอื่นๆ บ้างก็ถูกเจ้าของทิ้ง บ้างก็พลัดหลงจากเจ้าของจนกลายเป็นแมวเร่ร่อน ซึ่งคุณสามารถเห็นตัวอย่างได้จากเรื่องราวของเจ้าแมวเหมียวที่ชื่อว่า Scooter ตัวนี้ จากลักษณะทั่วๆ ไปของเจ้า Scooter มันก็มีความน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนแมวทั่วๆ ไป แต่ที่แปลกไปกว่านั้นก็คือ เจ้า Scooter เป็นแมวตาบอดนั่นเอง เรื่องราวสุดแสนจะดราม่าของ Scooter เกิดขึ้นจากเจ้านายเก่าของมันนำมาไว้ที่ศูนย์พักพิง ซึ่งในตอนนั้นตาข้างหนึ่งของมันได้รับบาดเจ็บสาหัส และถ้าหากปล่อยไว้เชื้ออาจจะลุกลาม และเกิดอันตรายได้ ดังนั้นทางศูนย์พักพิงจึงต้องพามันไปรักษา โดยการผ่าตาข้างที่บาดเจ็บออก แม้ว่าเจ้า Scooter จะเป็นแมวที่ตาบอด แต่อย่างน้อยมันก็ยังโชคดี เพราะในที่สุด Annie Tennyson ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้านายใหม่ของมัน ก็ขอรับมันกลับไปเลี้ยงที่บ้าน หลังจากที่ทางศูนย์ได้ประกาศหาบ้านให้มัน และ ณ ตอนนี้จากเจ้าแมวตาบอดผู้โชคร้าย Scooter ก็กลายเป็นแมวชีวิตดี มีเจ้านายแสนดีที่รัก และคอยดูแลมันอยู่เสมอ ไม่ว่าเจ้านายจะไปที่ไหน Scooter…
-
ภาพใบหน้าสุดเซ็งของแมวเหมียว เมื่อต้องเดินทางร่วมกับมะหมาในตะกล้าใบจิ๋ว เล่นเอาฮาลั่นโซเชียลเลย
อย่างที่หลายๆ คนรู้กันอยู่ว่าแมวกับหมา ก็เหมือนลิ้นกับฟัน เมื่อพบเจอกันก็เกิดเรื่องขึ้นมาเสมอ บางทีก็ไล่กัดกันบ้างละ บ้างก็หยิ่งใส่กันบ้างละ เฮ้อ…ไม่รู้ว่าจะหมั่นไส้กันไปทำไม และในวันนี้เราจะขอมาเปิดภาพขำๆ ปนฮาของเจ้าแมวเหมียวตัวหนึ่ง ที่ทำหน้าตาสุดเซ็ง คล้ายกับว่ามันกำลังพบเจอกับปัญหาชีวิตอะไรบางอย่างอยู่ อยากรู้กันมั้ยว่ามันพบเจอกับอะไร ถ้าอย่างนั้นไปชมภาพกันเลย หน้าตาพี่แกดูอัดอั้นขั้นสุดเลยนะเนี่ย ป้าดดดดดดด ก็นึกว่าสิ่งใดหนอที่สร้างความเซ็งให้กับพี่เหมียวขนาดนี้ ที่แท้ก็เป็นเพราะต้องมานั่งร่วมเดินทางในตะกร้าใบจิ๋วกับน้องหมานั่นเอง แหมๆๆ แค่เห็นภาพเหมียวขี้อ้อนก็ฮาว่าแล้วนะ มาดูแคปชั่นซะก่อนบอกเลยว่าเพิ่มดีกรีความฮาเข้าไปอีกเยอะเลยละ ไม่ไหวก็กระโดดออกมาเลยเพื่อน เรียกได้ว่าเมื่อภาพของพวกมันได้นำมาเผยแพร่ลงในโลกโซเชียลไม่ทันไร ก็ถูกชาวเน็ตรีทวิตไปกว่า 9.1 พันครั้งเลยทีเดียว สุดยอดไปเลย ความน่ารักของแมว และหมายังมีมาให้ชมอีกเรื่อยๆ ซึ่งในครั้งหน้าพวกมันจะมาสร้างความฮาในรูปแบบไหนบ้างนั้น เพื่อนๆ อย่าลืมติดตามกันละเมี๊ยว ที่มา : Onenaanaa, kapook
-
รวมสุดยอดทริกจัดกระเป๋าไปท่องเที่ยว เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากไปทางลัดสู่ฉบับโปร!!
ทุกวันนี้การออกเดินทางไปท่องเที่ยวทั้งในประเทศก็ดี ต่างประเทศก็ดี ก่อนอื่นเลยก็จะต้องมาคิดว่าเราจะต้องเอาอะไรติดตัวไปบ้าง? แล้วทีนี้ปัญหาส่วนใหญ่ที่มักจะเกิดขึ้นก็คือการจัดกระเป๋าเดินทางนี่แหละ หากเอาไปเยอะเกินก็เกรงว่าจะขนไม่ไหว ไหนจะมีของรุงรังหลายสิ่งอีก เอาเป็นว่าในคราวนี้ #เหมียวเลเซอร์ ขอนำเสนอเคล็ดลับในการจัดกระเป๋าของนักท่องเที่ยวและนักเดินทางทั้งหลาย ในแบบฉบับมือโปร ปัญหายัดของในกระเป๋าที่วุ่นวาย จะกลายเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยทันที!! จะมีอะไรบ้าง ลองมาดูกันเถอะ สายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสายชาร์จ สาย USB อะไรต่างๆ ให้นำมาเก็บไว้ในกล่องแว่นเก่าๆ แทน ประหยัดพื้นที่ในการเก็บถุงเท้าด้วยการยัดเข้าไปในรองเท้า (ได้ถึง 3 คู่เลยแหนะ) สำหรับเสื้อคอปก ไม่อยากให้ทรงเสียก็ให้นำเข็มขัดมายัดใส่ การเก็บเสื้อผ้าในกระเป๋า ให้ใช้วิธีการม้วนแทนการพับ ช่วยประหยัดพื้นที่ได้มากกว่า แต่หากจำเป็นต้องพับ ก็ให้นำกระดาษหนังสือพิมพ์มารองก่อนพับ ช่วยให้อยู่ทรงป้องกันการเกิดรอยยับได้ เก็บรองเท้ายังไงไม่ให้เปื้อนเสื้อผ้า ใช้หมวกอาบน้ำห่อ (ใช้ถุงพลาสติกแทนก็ได้) ม้วนสายหูฟังพะรุงพะรังให้เป็นระเบียบด้วยคลิปหนีบ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเอกสารการเดินทาง เอกสารราชการสำคัญ ต่างๆ ให้ถ่ายเอกสารเก็บไว้กับตัวด้วย พร้อมทั้งถ่ายรูปเก็บไว้ส่งเข้าอีเมลหรือระบบฝากรูปออนไลน์ เผื่อไว้ใช้เวลาฉุกเฉิน ยังมีเคล็ดลับอื่นๆ อีกมากมาย บางคนอาจจะรู้แล้ว…
-
การเดินทางสุดอัศจรรย์ของ Ryan Deboodt ช่างภาพที่ชอบการสำรวจถ้ำต่างๆ เป็นชีวิตจิตใจ
เพราะมนุษย์เรานั้นมีความชอบที่แตกต่างกัน เช่น บางคนก็ชอบไปเที่ยวตามทะเล ตามภูเขา ตามเมืองใหญ่ต่างๆ เพื่อไปช็อปปิ้ง แต่ช่างภาพคนนี้กลับแตกต่างออกไป เพราะเขากลับชอบโลกที่อยู่ลึกลับลงไปใต้ดินซะงั้น Ryan Deboodt เป็นช่างภาพที่เดินทางไปสำรวจถ้ำต่างๆ จากรอบโลก อาจเรียกได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในนักสำรวจตัวยงเลยล่ะ ซึ่งจุดหมายของเขานั่นก็คือการสำรวจถ้ำใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ เราลองมาดูการเดินทางส่วนหนึ่งของเขากันเลยดีกว่า ภาพนี้คือภาพจากถ้ำ Xe Bang Fai ที่มีแม่น้ำไหลผ่าน อยู่ในประเทศลาว เพื่อนบ้านของเรานี่เอง สวยมากๆ การพายเรือเข้าไปในถ้ำตามแม่น้ำที่ลอดผ่านแบบนี้ก็น่ากลัวไม่ใช่น้อย เพราะคุณก็คงไม่รู้หรอกว่าอะไรอยู่ในถ้ำอายุหลายล้านปีแบบนี้… ที่เวียดนามก็สวยไม่แพ้กัน เพราะนี่คือถ้ำ Hang Son Doong ถ้ำที่มีแม่น้ำไหลผ่านเช่นกัน เป้าหมายและความหลงไหลของเขาคือการเข้าไปสำรวจถ้ำใหม่ๆ และไม่ใช่แค่ถ้ำชื่อดังเท่านั้น แต่หลักๆ คือถ้ำที่เขาไปสำรวจต้องมีขนาดที่ใหญ่ และความลึกลับที่น่าค้นหา การมองภาพประสบการณ์และการสำรวจของคนอื่นก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่จะดีกว่ารึเปล่าถ้าไปพบเจอกับตัวเอง?? คงไม่ได้เห็นภาพสวยๆ แบบนี้ทุกๆ วันหรอกเนาะ ^^ แต่ละที่ๆ เขาไปก็มีความสวยไม้แพ้กันเลยล่ะ ภาพนี้คือถ้ำจาก…
-
ผู้โดยสารโวยสารการบิน ไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงไปด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ Call Center บอกให้เอาขึ้นไปได้?
เหมือนจะเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ สำหรับสายการบินนกแอร์ เพราะก่อนหน้านี้เพิ่งมีประเด็นว่านักบินพากันหยุดงานโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ผู้โดยสารจำนวนมาไม่สามารถเดินทางได้ตามกำหนด ล่าสุดมีผู้โดยสารมาร้องเรียนผ่านโลกออนไลน์อีกแล้วล่ะ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอหนึ่งผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊ก Sinart King เป็นคลิปการพูดคุยกับพนักงานของสายการบินนกแอร์คนหนึ่ง ที่ปฏิเสธไม่ให้เธอนำแมว 2 ตัวขึ้นเครื่องด้วยสาเหตุเพราะว่าเครื่องบินลำนั้นเป็นลำเล็ก ไม่สามารถโหลดสัตว์เลี้ยงลงใต้ท้องเครื่องได้ แต่เจ้าของคลิปได้ยืนยันว่าก่อนหน้านี้เธอได้เคยโทรสอบถามกับทาง Call Center มาแล้ว และพนักงานก็ยืนยันว่าเป็นเครื่องบินลำใหญ่สามารถพาสัตว์เลี้ยงขึ้นไปได้ แต่เมื่อมาเช็คอินที่สนามบินกลับไม่เป็นไปตามที่พนักงานได้พูดไว้ ทั้งนี้พนักงานของแอร์ได้ยื่นข้อเสนอที่จะเปลี่ยนไฟลท์ให้กับผู้โดยสารเป็นช่วงเวลาอื่นแทนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ดูเหมือนจะยังไม่เป็นที่พอใจของผู้โดยสาร จึงได้ถ่ายคลิปวิดีโอการโต้ตอบของพนักงานมาลงในเฟซบุ๊กของเธอ ชมคลิปได้ที่ด้านล่าง ช่วยกันแชร์ด้วยค่ะ วันนี้เราจะเดินทางไปเชียงใหม่โดยมีแมวไปด้วยสองตัว ก่อนหน้านี้โทรคอนเฟิร์มกับ call center 2-3 ครั้งแล้ว เขายืนยันว่าเครื่องบินที่ไปเชียงใหม่เป็นลำใหญ่ โหลดสัตว์เลี้ยงไปด้วยได้แน่นอน ให้ติดต่อเคาน์เตอร์เช็คอินวันเดินทางได้เลย ปรากฎว่ามาถึง จนทบอกว่าเป็นเครื่องลำเล็กเพราะบินร่วมกับสายการบินอื่น แมวไปไม่ได้ แต่ที่กากมากคือเราบอกเขาว่าเคยโทรเช็คกับ call center แล้วนะ นางก็บอกว่า call center ไม่ใช่นกแอร์ ไม่ได้มีข้อมูลที่ถูกต้อง ตามคลิปเลยเนี่ย อ้าว!! แล้วเวลาลูกค้าโทรติดต่อนกแอร์ เขาก็รู้อยู่เบอร์เดียวนะคะ…
-
คู่รักตัดสินใจซื้อรถตู้เก่าๆ และออกเดินทางกว่า 50 ประเทศรอบโลก ด้วยงบวันละ 300 บาท
เป็นคู่รักที่ทำให้ใครหลายๆคนอิจฉา เมื่อหญิงสาวโพสต์เล่าเรื่องราวของการเดินทางรอบโลกกับคนรักลงในเว็บไซต์ของต่างประเทศ กับหัวข้อที่ชวนดึงดูดซะเหลือเกิน… We Visited Over 50 Countries With Our Van Spending Only $8 A Day ห้ะ!! ขับรถตู้เที่ยวรอบโลก ใช้เงินไม่ถึงวันละ 300 บาทด้วย ชาวเน็ตฝรั่งทั้งหลายก็ติดตามเป็นแฟนคลับกันใหญ่ #ประธานเหมียว เลยขอหยิบมาเล่าให้ฟังครับ คู่รักนี้เป็นชาวโปแลนด์ ซึ่งมีความฝันอยากจะไปท่องเที่ยวรอบโลก แม้มีเงินไม่มาก พวกเขาก็หุ้นกันซื้อรถตู้ราคาประมาณ 21,000 บาท (หลักหมื่นเอง) มาแปลงโฉมให้สวยงาม หลังจากนั้นพวกเขาก็ออกท่องเที่ยว…. การเดินทางกว่า 50 ประเทศใน 5 ทวีป ตลอดระยะเวลา 6 ปี ขับรถไปกว่า 150,000 กิโลเมตร ได้มีโอกาสเห็นวิวของ Grand Canyon ทุ่งดอกไม้สวยๆในประเทศไอซ์แลนด์…
-
อ่อนหัด!! ชายหวังจะเดินทางข้ามกาลเวลา อัดรถพุ่งใส่อาคาร กาลเวลาพาไปโรงพยาบาลแทน
เคยมีความคิดแปลกๆ แผลงๆ ที่อยากจะทำให้เหมือนในภาพยนตร์บ้างรึเปล่า? อย่างเช่นการเดินทางข้ามกาลเวลาแบบภาพยนตร์ Back to the Future แต่ก็ยั้งความคิดเหล่านั้นเอาไว้ ให้มันเป็นเพียงแค่จินตนาการเฉยๆ เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง มันยังไปไม่ถึงขั้นนั้นหรอก แต่จะว่าไปก็มักจะมีคนลองของอยู่เสมอ อย่างเช่นหนุ่มใหญ่ Marty McFly วัย 40 ปีจากเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ที่ไปลองของข้ามกาลเวลาที่รัฐฟอลริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยความเชื่อที่ว่าการเร่งความเร็วให้กับยานพาหนะ จะทำให้พุ่งเข้าไปสู่ประตูมิติแห่งกาลเวลาได้ พี่แกก็อัดรถ Dodge Challenger คู่ใจอย่างแรง จนผลสุดท้ายก็ซัดเข้ากับตัวอาคารเข้าอย่างจัง ทะลุกำแพงทำประตูมิติให้กับร้านค้าแบบงงๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามายังที่เกิดเหตุก็พบกับพี่แกในสภาพที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เนื่องจากคาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้ และโชคดีตรงที่ว่าอาคารที่ถูกชนนั้นไม่มีการใช้งานด้วย มีแต่ตัวรถกับอาคารนี่แหละที่ได้รับบาดเจ็บ ฮร่าาาา สืบสวนหาข้อมูลเหตุจูงใจจากการกระทำดังกล่าว พ่อหนุ่มใหญ่ของเราก็อ้างว่าที่ขับด้วยความเร็วสูงแบบนี้ก็เพราะว่าพยายามที่จะเดินทางข้ามกาลเวลายังไงล่ะ แต่จริงๆ ก็คือขับรถเร็วๆ เพื่อจะไปหาลูกสาวที่รออยู่ปลายทางไวๆ สุดท้ายก็โดนข้อหาขับรถด้วยความประมาทและไม่มีหลักฐานรับผิดชอบจากประกันภัยด้วย ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลเพื่อวินิฉัยอาการบาดเจ็บทางร่างกายต่อไป (จะตรวจสุขภาพจิตด้วยรึเปล่าเนี่ย?) ที่มา : huffingtonpost
-
รวบรวม 12 ความแตกต่างระหว่าง ‘นักท่องเที่ยว’ กับ ‘นักเดินทาง’ คุณล่ะ เป็นแบบไหน?
หนึ่งในความฝันของหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ ที่ว่าซักครั้งหนึ่งอยากจะออกไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งในประเทศและนอกประเทศ และการท่องเที่ยวของแต่ละคนนั้นก็จะมีสไตล์ที่แตกต่างกัน แต่มักจะถูกเหมารวมเป็น ‘นักท่องเที่ยว’ ไปซะหมด ด้วยเหตุนี้เองทาง Holidify บริษัทที่ให้บริการสำหรับผู้ที่เดินทางมายังประเทศอินเดีย ได้จัดทำภาพเพื่อแยกแยะความแตกต่างระหว่าง ‘นักท่องเที่ยว’ และ ‘นักเดินทาง’ เอาไว้ เนื่องจากมีสไตล์ในการท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนกัน เอาล่ะ!! ถ้าหากว่าอยากรู้ว่าตัวเองเป็นแบบไหน ก็เลื่อนลงมาดูกันเลยจ้า 1. การถ่ายรูป 2. การคำนึงถึงเส้นทาง 3. จำนวนของคนที่ไปด้วยในแต่ละครั้ง 4. สภาพของถนนหนทาง 5. อุปกรณ์และของใช้ที่พกติดตัว 6. ว่ากันด้วยเรื่องของฝาก ของที่ระลึก 7. การเดินทาง 8. ลักษณะการนอนพักผ่อน 9. สภาพของที่นอน 10. การขออาศัยยานพาหนะ 11. สิ่งที่นึกถึงระหว่างเดินทางท่องเที่ยว…
-
ถ้ามนุษย์สามารถเดินทางในระดับความเร็วแสง จะไปยังจุดต่างๆ ในระบบสุริยะด้วยเวลาเท่าไหร่!!?
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจินตนาการทางวิทยาศาสตร์ จะว่าไปแล้วตามภาพยนตร์อวกาศต่างๆ ยานอวกาศก็เรียกได้ว่าจะมีการเดินทางด้วยระบบไฮเปอร์ไดรฟ์ ที่เร็วกว่าแสงเสียอีก เพราะกาแล็กซี่ของเรานั้นกว้างใหญ่มากๆ ระดับแสนปีแสงเลยทีเดียว หนังอวกาศต่างๆ เลยต้องคิดระบบเหล่านี้มาใช้กัน!!! แต่วันนี้เราจะมาลองจินตนาการกันดูเล่นๆ ว่า ถ้ามนุษย์เราสามารถเดินทางได้ในระดับความเร็วเท่ากับแสง หรือราวๆ 297,600 กิโลเมตรต่อวินาทีแล้วล่ะก็ เราจะสามารถเดินทางไปดาวต่างๆ ในระบบสุริยะได้ด้วยเวลาเท่าไหร่!!? วันนี้เหมียวก็มีแผนผังการเดินทางมาฝากกัน ถ้ามนุษย์เดินทางได้เท่ากับความเร็วแสง จะใช้เวลาเท่าไหร่ไปตามจุดต่างๆ ของระบบสุริยะ!!? สำหรับการเดินทางที่ใกล้ที่สุด คือการเดินทางไปยังดวงจันทร์ ที่ใช้เวลาเพียง 1.3 วินาทีเท่านั้น ต่อมาด้วยดาวศุกร์ ราวๆ 2.3 นาที และดาวอังคาร 5.1 นาที ส่วนดวงอาทิตย์ก็ใช้เวลาเพียง 8.32 นาทีเท่านั้นเอง!!! ส่วนการเดินทางไปยังดาวเคราะห์ที่อยู่ไกลๆ เช่น ดาวเนปจูน ก็ใช้เวลาราวๆ 4 ชั่วโมง และดาวพลูโตก็ประมาณ 4.6 ชั่วโมงเท่านั้น อื้อหือออ สุดยอดไปเลย นี่มันเร็วกว่าเที่ยวบินไปต่างประเทศอีกนะเนี่ย!!! เหมียวว่าเรื่องนี้น่าสนใจเหมือนกันนะ เพราะความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีต่างๆ ในอนาคตก็มาจากจินตนาการของเรากันทั้งนั้น เหมือนที่ไอน์สไตน์เคยกล่าวไว้ ‘จินตนาการสำคัญกว่าความรู้’…
-
พ่อหนุ่มเปลี่ยงแปลงชีวิตตัวเอง ออกทัวร์ทวีปยุโรปโดยไม่ใช้เงินเลย เพื่อการกุศลสำหรับโรคมะเร็ง!!
แทบจะทุกคนเลยก็ว่าได้ กับการตั้งเป้าหมายในชีวิตเอาไว้ว่าอยากจะออกไปเที่ยวรอบโลก อยากจะทำแบบนี้ให้ได้ซักครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ก็ไม่อาจทำได้นั่นก็เป็นเพราะว่าด้วยปัจจัยของหน้าที่การงานและเรื่องของการเงิน ซึ่งเวลาที่เราจะเดินทางไปที่ไหนซักที่ มันก็ต้องใช้เงิน ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าที่พักและอื่นๆ อีกมากมาย ไม่มีทางที่จะไม่ใช้เงิน แต่สำหรับพ่อหนุ่ม Kris Mole วัย 24 ปีผู้นี้ ได้พยายามพิสูจน์ให้เห็นว่าการออกไปผจญภัยไม่จำเป็นต้องใช้เงินเสมอไป Kris Mole เดินทางด้วยระยะทางกว่า 15,712 กิโลเมตรแล้ว (9,763 ไมล์) ผ่านทั้งเมืองหลวงเมืองเล็กในยุโรปรวมแล้วทั้งสิ้น 23 เมือง ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น อีกทั้งยังสามารถระดมทุนสำหรับองค์กร Cancer Research ได้อีกเป็นจำนวนมาก จุดเริ่มต้นการเดินทางของเขานั้นก็มาจากเมืองไบรตัน ประเทศอังกฤษ แต่ก่อนเคยเป็นคนติดเหล้าและการพนัน จนหมดเนื้อหมดตัว อีกทั้งหลังจากที่คุณป้าของเขาถูกวินิจฉัยเป็นโรคมะเร็ง เขาจึงตัดสินใจเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเอง!! ตั้งแต่ปีค.ศ. 2007 เขาเริ่มต้นทริปไร้การใช้เงินเพื่อการกุศล เดินทางไปทั่วทวีปยุโรป ท้าทายชีวิตด้วยการเสี่ยงถูกจับบนรถไฟโดยที่ไม่ซื้อตั๋ว ค่ำที่ไหนก็นอนที่นั่น…
-
รักเธอสุดหัวใจ!! น้องหมาเดินทางไกลกว่า 300 กิโลเมตร เพื่อกลับไปหาหญิงผู้ช่วยชีวิตมัน
การบอกความรู้สึกของสัตว์นั้นไม่มีคำพูดใดๆ เพราะมันพูดเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้ แต่ก็สามารถสื่อออกมาให้มนุษย์รับรู้ได้ผ่านจากท่าทางและการกระทำของมัน เพื่อเป็นการบอกว่าฉันคิดกับเธออย่างไร อย่างเช่นเรื่องราวของเจ้าสุนัขสีดำที่ชื่อว่าเจ้า Shavi จากประเทศรัสเซียตัวนี้ ก่อนหน้านั้นมันต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เป็นสุนัขจรจัดที่ต้องทนหนาวและทนหิวไปวันๆ จนกระทั่งวันหนึ่งมันก็ถูกรถชนและถูกทิ้งไว้ในสภาพใกล้จะสิ้นชีวา โชคดีที่มีพลเมืองดีพามันไปรับการรักษาได้ทันเวลา ก่อนที่ร่างกายอันบอบช้ำจะถูกอากาศหนาวคร่าชีวิต หลังจากนั้นก็ได้ทำการประกาศหาเจ้าของใหม่เพื่อนำมันไปเลี้ยง และแล้วโชคชะตาก็ได้นำพามันมาพบกับ Nina Baranovskaya หญิงผู้เป็นแม่พระที่ตอบรับเลี้ยง Shavi เพียงผู้เดียว Nina ได้พาเจ้า Shavi กลับมาพักอาศัยอยู่ที่แฟลตเล็กๆ ใน Rostov-on-Don เธอช่วยทำกายภาพบำบัดให้ ช่วยให้มันกลับมาเดินได้อีกครั้ง และสอนให้เรียนรู้คำสั่งพื้นฐานต่างๆ ปลอบใจยามได้ยินเสียงรถยนต์ ให้กำลังใจและดูแลเมื่อมันต้องได้รับการผ่าตัดจนหายดีในที่สุด แต่เนื่องจากแฟลตของเธอเล็กเกินไป อีกทั้งมีสุนัข 2 ตัว และแมวอีก 3 ตัว อยู่ภายใต้การดูแลของเธออยู่แล้ว Nina จึงจำเป็นที่จะต้องหาเจ้าของใหม่ ซึ่งก็มีเพียงเพื่อนเธอคนเดียวที่ยอมตกลง แถมยังอยู่ห่างไกลกว่า 300 กิโลเมตรเลยทีเดียว ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี…
-
เรื่องราวของคุณยายหัวใจนักสู้ อายุ 105 ปี ที่เดินทางกว่า 5 พันกิโลเมตร เพื่อตามหาชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม!!!
สำหรับบางคน การหาชีวิตที่ดีขึ้นนั้นอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี ไม่ต้องแก่หง่อมมากก็หาเจอได้แล้ว แต่ไม่ใช่สำหรับคุณยายอายุ 105 ปีคนนี้… Bibihal Uzbeki คุณยายอายุ 105 ปีจากอัฟกานิสถาน ตอนนี้เธอได้เดินทางมาถึงค่ายผู้อพยพที่ประเทศเซอร์เบีย พร้อมกับลูกชายวัย 67 ปีของเธอ และหลานชายในวัย 19 ปีของเธอเช่นกัน รวมกับสมาชิกครอบครัวอีกหลายคนของเธอ นี่คือแผนที่การเดินทางของเธอ… เรียกได้ว่าสุดยอดมากๆ ในวัยขนาดนี้เธอผ่านทั้งทะเลทรายร้อนระอุ ภูเขาสูง ทะเล รวมถึงป่าต่างๆ เพื่อจะไปให้ถึงประเทศสวีเดน และชีวิตที่ดีกว่า… ที่นั่นเธอหวังว่าเธอ และสมาชิกครอบครัวอีก 17 รายจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ‘ขาฉันเจ็บ แต่ฉันยังโอเค เรามีปัญหามากมาย ฉันทนทุกข์ทรมานกับการเดินทาง ฉันถึงกับหกล้มหัวฟาดจนเป็นแผลเป็นเลยล่ะระหว่างเดินทางน่ะ’ คุณสายหัวใจนักสู้กล่าว แต่ถึงกระนั้นตอนนี้เธอก็ได้เดินทางมาแล้วกว่า 3,500 ไมล์ด้วยกัน หรือประมาณ 5,600 กิโลเมตร ด้วยความหวังที่จะมีชีวิตที่ดีกว่าในประเทศใหม่ เหมียวก็หวังว่าคุณยายจะอดทนอดใจรออีกนิด ไปให้ถึง และแน่นอน มีความสุขกับชีวิตใหม่ที่นั่นนะจ๊ะ สุดยอดจริงๆ คุณยาย!!!…
-
การเดินทางของชาวหนุ่มชาวรัสเซียไปยังภูเก็ต โดยไม่มีเงินติดตัวเลย เขาทำได้อย่างไร!?
จากที่เคยมีกระแสของการเดินทางแบบไม่มีเงินติดตัวเลย ของพ่อหนุ่มรายหนึ่งที่โดนชาวเน็ตสวนกลับไปแบบยับเยินนั้น คราวนี้เราลองมาดูอีกรูปแบบหนึ่งของการเดินทางบ้าง เช่นเดียวกันกับพ่อหนุ่มภูทับเบิก Hard Way เมื่อบล๊อกเกอร์ชาวรัสเซียถูกเชิญมาที่ประเทศไทย ณ จังหวัดภูเก็ต โดยที่ไม่มีเงิน และไม่ทำการโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ เขาจะทำได้หรือไม่? เขาเริ่มต้นเดินทางจากประเทศรัสเซียโดยทิ้งเงินก้อนสุดท้ายที่มีไว้ที่สนามบินรัสเซีย และบินลัดฟ้ามายังสนามบินสุวรรณภูมิ และหนทางต่อจากนี้เขาก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพื่อจะไปให้ถึงจังหวัดภูเก็ต สิ่งเดียวที่พอจะทำได้ก็คือ ‘การเดิน’ ในระหว่างทางการเดินเพื่อเข้าในตัวเมืองกรุงเทพฯ ของเขานั้นก็ได้พบกับหลายสิ่งมากมายที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน ไม่ว่าะเป็นแท๊กซี่หลากสี น้ำใจของแอร์ฯ ที่พาเข้าไปส่งในเมือง และสภาพความเป็นอยู่อันแท้จริงภายในเมืองกรุงเทพฯ สะท้อนให้เราเห็นอะไรหลายๆ อย่าง การหาที่นอนของเขานั้น ก็ต้องอาศัยตามสถานที่สาธารณะต่างๆ และเพื่อความอยู่รอดก็ต้องขออาหารจากคนทั่วไปเพื่อมาประทังชีวิตให้พออยู่ท้อง แม้ว่าบางคนจะไม่เต็มใจให้ที่โดนขอ แต่บางคนก็ยินดีมอบให้ด้วยน้ำใจโดยที่เขาไม่ต้องขอเลย แล้วการเดินทางของเขาจะสำเร็จหรือไม่ อุตส่าห์บากบั่นบินข้ามฟ้าจากรัสเซียมาลงกรุงเทพฯ แล้วจะต้องหาหนทางไปจังหวัดภูเก็ตที่อยู่ห่างออกไปกว่า 800 กิโลเมตรได้สำเร็จหรือไม่ ร่วมมาลุ้นการเดินทางอันแสนทรหดกันได้เลยจ้า ที่มา : JetRadar Thailand
-
รวม 10 เทคนิคในการนอนหลับบนเครื่องบิน รู้แล้วหลับสบายขึ้นมากเลยทีเดียว!!!
เคยนั่งเครื่องบินแล้วประสบปัญหานอนไม่หลับหรือไม่ (หมายถึงไฟลท์ที่ต้องเดินทางไกลๆเป็นสิบๆชั่วโมงนะ พวกเชียงใหม่-กรุงเทพ ภูเก็ต-กรุงเทพ อะไรงี้ไม่นับ) บางทีเราง่วงมาก แต่นอนยังไงก็ไม่หลับ และยิ่งถ้าเราไม่ได้นอนเลย พอไปถึงจุดหมายที่เราจะไป ความสนุกอาจจะลดลงถึง 90% ได้ วันนี้เหมียวไปเจอเทคนิคช่วยให้การนอนหลับบนเครื่องบินเป็นเรื่องง่ายขึ้นจาก Work the World ไปชมกันเลยว่ามีอะไรบ้าง 10 วิธีที่จะนอนหลับบนเครื่องบินได้อย่างสบายใจ อะไรที่ต้องเตรียมไปบ้างก็มี หนังสือซักเล่ม ผ้าปิดตา หมอนรองคอ น้ำเปล่า เครื่องเล่นเพลง ผ้าห่ม จุกอุดหูกันเสียง แล้วก็หูฟังที่มีระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอก ( Noise-Cancelling) ก่อนจะขึ้นเครื่องต้องทำไงบ้าง 1. พยายามจองเที่ยวบินที่ตรงกับเวลานอน เช่นไฟลท์ดึกๆ 2. แต่งตัวให้สบายๆ เช่นเสื้อแจ็คเก็ตกีฬา แล้วก็ใส่ถุงเท้าซักหน่อยเพื่อให้เท้าอุ่น 3. เลือกที่นั่งให้เหมาะกับพฤติกรรมการนอน เช่นถ้าชอบเอียงหัวไปทางซ้าย ก็จองที่นั่งฝั่งซ้าย แต่เขาบอกว่า แถวตรงกลางจะมีพื้นที่ให้นอนมากกว่านะ 4. คืนก่อนบิน พยายามนอนให้น้อย จะได้ไปง่วงบนเครื่องบิน 5. ผ่อนคลายร่างกายก่อนขึ้นเครื่อง ไปเล่นโยคะก็ดีนะ …
-
เธอบินตรงกว่าหมื่นกิโล เพื่อมารับ “หมาจรจัดที่เคยช่วยชีวิตเธอ” พร้อมกับลูกน้อยของมัน!!
โดยปกติแล้ว หน้าร้อนเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง แต่สำหรับ Georgia Bradley นักศึกษามหาลัย Plymouth University ได้เจอกับทริปที่เคยวาดฝันแต่กลับกลายเป็นฝันร้าย เมื่อเธอได้อยู่ลำพังที่ชายหาด แล้วก็มีชายแปลกหน้าสองคนเดินเข้ามาถามว่าจะไปดื่มด้วยกันไหม หลังจากนั้นพวกเขาก็พยายามทำร้ายเธอเมื่อเธอปฏิเสธ แต่แล้วก็ได้มีสุนัขจรจัดตัวหนึ่งเขามาช่วยเธอไว้ พร้อมกับทำให้ชายสองคนนั้นหลัวและหนีไป แต่เมื่อเธอกลับมาที่อังกฤษแล้ว เธอก็หยุดคิดถึงเจ้าหมาตัวนั้นไม่ได้ “ฉันพยายามที่จะหาตั๋วเครื่องบินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันกลัวว่าถ้ากลับไปแล้วจะไม่ได้เจอกับเจ้าเป็ปเปอร์(ชื่อหมาตัวนั้น)อีกครั้ง” “แต่พอฉันได้เจอมัน มันเป็นความรู้สึกที่เปี่ยมไปด้วยความยินดีเป้นอย่างยิ่ง” เธอกล่าวกับสำนักข่าว Daily Mail เธอต้องเดินทางในหลากหลายเส้นทาง รวมแล้วก็เกือบ 1 หมื่นกิโล อีกทั้งยังต้องเสียเงินอีกมากมาย เพื่อนำเจ้าเป็ปเปอร์กับไปดูแลเพื่อขอบคุณ แต่แล้วก็ต้องมีเรื่องให้เธอประหลาดใน เมื่อ 1 อาทิตย์หลังจากมันได้มาอยู่ที่บ้าน มันก็ได้คลอดลูกถึง 6 ตัวด้วยกัน ที่มา boredpanda
-
เรื่องราวสุดอัศจรรย์ของ Gunnar Garfors ชายผู้ที่เดินทางไปเที่ยวกว่า 198 ประเทศทั่วโลก!!!
เหมียวเชื่อว่าหลายๆ คนคงไม่ได้มีความฝันที่ต้องนั่งทำงานงกๆ ในออฟฟิศอยู่ตลอดเวลาใช่มั้ยล่ะ แน่นอนหลายๆ คนอยากออกไปท่องโลกกันสักครั้ง แต่จะมีสักกี่คนที่ได้ทำเหมือนเขา… Gunnar Garfors คือคนที่อายุน้อยที่สุด ที่ได้เดินทางไปประเทศต่างๆ มากที่สุดในโลก กว่า 198 ประเทศไปแล้วล่ะ!!! ปรเทศแรกที่เขาไปเที่ยวคือกรีซ ตอนเขาอายุเพียง 17 และหลังจากนั้นเค้าก็เริ่มท่องเที่ยวไปทั่วยุโรป กว่า 13 ประเทศ ถึงจะเที่ยวมามากมายขนาดนี้ แต่เค้าก็ยังสามารถรักษาตำแหน่งงานประจำของเขาได้ที่นอร์เวย์ เพราะนอร์เวย์มีวันหยุดที่ต้องจ่ายให้พนักงานกว่า 5 อาทิตย์ และไม่นับรวมวันหยุดแห่งชาติอีก 2 อาทิตย์อีกด้วย และแน่นอนทุกๆ วันหยุด เค้าก็มีรอช้าที่จะไปเทียวประเทศที่เค้าอยากไป ถึงหลายๆ คนจะอ้างว่าไม่มีเงินไปอยู่ดีถึงจะมีเวลา เขาบอกว่ามันไม่เกี่ยว แค่ต้องวางแผนการให้ดีกว่าเดิม และแน่นอนอยู่ลำบากๆ ร็อคๆ กันซักหน่อยจะเป็นไรไป… จงละทิ้งความสบายซะ แล้วกลมกลืนไปกับโลก…มีครั้งหนึ่งที่ผมเดินทางกว่า 5 อาทิตย์ โดยมีเป้แค่ใบเดียวเท่านั้น!!! ในปี 2013 เขาก็ได้ไปเที่ยวประเทศที่ 198 นั้นก็คือ Cape Verde ซึ่งจะว่าไปแล้ว เขาก็เดินทางไปครบทุกประเทศแล้วล่ะ!!! แต่ถึงกระนั้นก็มีกว่า 19…
-
หนูน้อยนักผจญภัยกับวัยเพียง 2 ขวบ ออกเดินทางสำรวจโลกกว้างมานับไม่ถ้วน!!
หากใครที่กำลังคิดว่าอายุเท่านั้นจะออกไปทำสิ่งนี้ ต้องรอวันเวลาที่เหมาะสมก่อนถึงจะทำได้ เหมียวว่าก็คงจะไม่ใช่เสมอไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าการตัดสินใจของตัวเราเอง อย่างเช่นการออกไปท่องโลกกว้างที่ไม่จำเป็นต้องมีอายุเยอะเป็นสองหลัก แค่หลักเดียวก็ไปได้แล้ว หนูน้อยนักผจญภัยแบกเป้ Bodhi Bennett ออกเดินทางครั้งแรกด้วยอายุเพียงแค่ 5 วันเท่านั้น จนกระทั้งปัจจุบันนี้เขาได้ออกเดินทางไปทั่วกว่า 40 รัฐทั่วสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยมีคุณแม่ Shannon และคุณพ่อ Blake คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ตลอดระยะเวลาในการเดินทางของพวกเขานั้น ข้ามแม่น้ำข้ามภูเขามามากกว่า 482 กิโลเมตรแล้ว และในตอนนี้คุณแม่ Shannon ก็กำลังตั้งท้องลูกน้อยอีกหนึ่งคนด้วย แต่ก็ไม่ได้ทำให้การเดินทางมีอุปสรรคแต่อย่างใด ถือว่าเป็นครอบครัวนักเดินทางที่สุดยอดจริงๆ มีความสุขแบบที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วล่ะ จะว่าไปแล้วเหมียวก็อยากจะออกไปผจญภัยแบบนี้บ้างจัง ที่มา : thechive
-
Pacific Crest Trail เส้นทางธรรมชาติที่ไกลและกินเวลายาวนานที่สุด 5 เดือนกว่าจะถึง!!
หากใครที่ชื่นชอบในการดื่มด่ำไปกับธรรมชาติกับวิธีการพึ่งพาตัวเองด้วยการเดินไปเรื่อยๆ ชมนก ชมไม้ตลอดทาง เหมียวว่าเส้นทางธรรมชาติแห่งนี้ก็น่าจะเหมาะนะ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าจะต้องมีใจรักและอึดจริง เพราะว่าเป็นทางที่ไกลมาก!! เส้นทางธรรมชาติ Pacific Crest Trail นี้เป็นเส้นทางที่เริ่มต้นจากชายแดนสหรัฐอมริกาและเม็กซิโก ทอดยาวไปเรื่อยๆ จนถึงชายแดนประเทศแคนาดา ระยะทางร่วมกว่า 4,280 กิโลเมตร และต้องปีนเขาอีกด้วย คาดว่าจะสำเร็จได้ต้องใช้เวลาประมาณ 5 เดือนกันเลยทีเดียว เราลองมาชมบรรยากาศการเดินทาง 5 เดือน ภายใน 3 นาทีกันดีกว่า ที่มา : lifebuzz
-
หนุ่มนี่ตื่นมาเช้าวันจันทร์ ขี้เกียจทำงาน เลยโทรลาหัวหน้า แล้วเก็บกระเป๋าไปเที่ยวเมืองนอกทันที!!
สำหรับคนทำงานหลายๆคนแล้ว ‘เช้าวันจันทร์’ เปรียบได้กับขุมนรกขนาดย่อม เพราะหลังจากวันหยุดอันแสนสั้นได้ผ่านพ้นไป นี่ก็เป็นการเริ่มสัปดาห์แห่งการทำงานที่จะยาวนานไปอีกห้าวัน แทบทุกคนจึงเกลียดวันนี้เป็นพิเศษ!!! เช่นเดียวกับพ่อหนุ่ม Matthew Nainby โปรดิวเซอร์เพลงชาวออสเตรเลีย ซี่งทนความหงุดหงิดในเช้าวันจันทร์ไม่ไหวแล้ว ใครจะไปคิดว่าจะมีคนบ้าลางานตอนเช้าวันนั้น แล้วเก็บกระเป๋าไปเที่ยวเมืองนอกเลย แต่เค้าทำมันจริงๆ เค้าก็เลยโทรไปลางาน แล้วจองตั๋วเครื่องบินเช้าวันนั้น บินไปนิวซีแลนด์ทันที เป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้คือ Queenstown เมืองเล็กๆแต่เปี่ยมไปด้วยความสวยงาม และนี่คือส่วนหนึ่งจากภาพบน IG ของเค้า ซึ่งให้คำนิยามบางส่วนจากการเดินทางครั้งนี้ว่า ‘มันเป็นช่วงเวลาอันแสนพิเศษราวกับเวทมนต์ ที่ยากจะลืมเลือน’ ลองเสพภาพดู หลายคนคงคิดเช่นเดียวกัน… ยังไม่จบ ยังมีเวอร์ชั่นคลิปวิดีโอด้วยนะครับ แต่เรื่องน่าเศร้าคือ พอเช้าวันอังคาร เค้าก็กลับมาทำงานตามเดิม จบทริปความสุขอันแสนสั้นใน 24 ชั่วโมงเท่านั้นเอง อิอิอิอิอิ ที่มา: orzzzz, pinsta