Tag: เด็กญี่ปุ่น
-
“Coco” เน็ตไอดอลตัวน้อยที่โด่งดังในอินสตาแกรม กับการแต่งตัวสุดแฟชั่น จนต้องกดไลค์รัวๆ
ว่ากันว่าเด็กสมัยนี้โตเร็วกันเหลือเกิน ต่างจากยุคสมัยของเราที่เทคโนโลยีดูเป็นเรื่องไกลตัวมากๆ เราจึงได้คุ้นชินกับธรรมชาติ การละเล่นต่างๆ ที่เด็กสมัยนี้ไม่เคยได้สัมผัสในแบบที่เราเจอ แต่เชื่อว่าแต่ละยุคแต่สมัยก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงกันทั้งนั้น ทุกอย่างมันก็มีข้อดีในตัวของมันแหละน่า อย่างเช่นแม่สาวน้อย Coco อายุ 6 ขวบ ที่จะได้มาแนะนำให้รู้จักในครั้งนี้ บอกเลยว่าเธอน่ะเป็นแฟชั่นนิสที่เรียกได้ว่า อายุน้อยที่สุดในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ Coco โด่งดังจากการเป็นเน็ตไอดอลในอินสตราแกรม ซึ่งความโด่งดังของเธอไม่ได้มาจากการเต้นบ้าๆ บอๆ เหมือนประเทศเรานะ แต่เพราะการที่เธอดังได้ก็เพราะความน่ารักและการแต่งตัวสุดแปลกแหวกแนว ไฮแฟชั่น เก๋ไก๋สไลด์เดอร์ไม่มีใครเหมือน จนมีผู้ติดตามอินสตาแกรมของเธอถึง 309,000 คนเชียวล่ะ . เธอใช้ชื่อเรียกในอินสตาแกรมของเธอว่า Pinkprincess เนื่องมาจากเพราะว่าเธอโปรดปรานสีชมพูม๊ากมาก ตามประสาเด็กหญิงทั่วไปอ่ะเนาะ พื้นฐานของความชอบทางด้านแฟชั่นของเธอมีสาเหตุเนื่องมาจากครอบครัวของเธอได้เปิดกิจการร้านเสื้อผ้าสไตล์วินเทจที่ชื่อว่า Funktique ในกรุงโตเกียวและย่านฮาราจุกุ ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าย่านนั้นเค้าเจ๋งกันขนาดไหน . การโพสต์ท่าที่เป็นเอกลักษณ์และการกล้าที่จะแต่งตัวแหวกแนวจากเด็กคนอื่นๆ ทำให้เธอมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก Misato คุณแม่ของสาวน้อย Coco ได้บอกว่าลูกสาวของเธอนั้นเริ่มสนใจเรื่องแฟชั่นตั้งแต่อายุ 3 ขวบ ชอบแต่งตัวเองและดูนิตยสารภาพแฟชั่นต่างๆ อีกด้วย . …
-
คู่ซี้แสนน่ารัก “หนูน้อยมาเมะ” กับ “เจ้าหมามิกุ” รวมตัวกันทีไร ออร่าความคิ้วท์แผ่กระจาย!!
วันนี้จะพามาส่องความน่ารักของ Mame หนูน้อยชาวญี่ปุ่นวัย 1 ขวบ กับเจ้า Riku หมาพุดเดิ้ลยักษ์และผองเพื่อนที่อยู่ด้วยกันแล้วน่ารักสุดๆไปเลย ภาพน่ารักๆเหล่านี้มาจากคุณยายของน้อง Mame โดยคุณยายได้ถ่ายรูปแล้วโพสลงบนอินสตาแกรม จนมีผู้ติดตามกว่า 80,000 คน เจ้า Riku เป็นหมาพุดเดิ้ลยักษ์หรือที่เรียกกันว่า Royal Poodles และมีน้ำหนักตัวมากที่สุดได้ถึง 27 กิโลกรัม เจ้า Riku กับ Mame สนิทกันมากจนแยกจากกันไม่ได้ นอกจากนี้หนู Mame ยังมีสุนัขอีก 2 ตัวชื่อว่าเจ้า Gaku และ Qoo แต่ดูเหมือนว่า Mame จะสนิทกับเจ้า Riku มากกว่า ถึงขั้นแยกออกจากกันไม่ได้เลย ไม่ว่าจะตอนหลับ ตอนอ่านหนังสือหรือแม้กระทั่งเล่นแทมโพรีน พวกเขาจะอยู่เคียงข้างกันเสมอ นอกจากเจ้า Riku แล้วก็ยังมี Gaku และ Qoo อีกด้วย …
-
จากผลสำรวจเด็กญี่ปุ่น พบว่าพวกเขาไม่เคย ‘ปลดทุกข์หนัก’ ที่โรงเรียนเลย อั้นกันได้ยังไง!?
ถ้าพูดถึงการปวดขี้ที่โรงเรียน เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงจะมีความรู้สึกกลัวที่จะขี้ที่โรงเรียนกันแน่นอน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลต่างๆ นานา เช่นอาจจะเป็นเพราะความสกปรกของห้องน้ำ พอเข้าไปขี้แล้วจะโดนล้อว่ามรึงแม่งขี้แตก ว้ายๆ หรืออาจจะรู้สึกเขินอาย ที่จะต้องขี้ที่ห้องน้ำโรงเรียนขนาดว่าต้องรอห้องน้ำไม่มีคนถึงเข้าไปใช้… ปัญหาดังกล่าวฟังแล้วน่าจะเป็นเพียงแค่ปัญหาส่วนตัว แต่หารู้ไม่ว่าปัญหานี้มันเวิลด์ไวด์สุดๆ เพราะล่าสุดทาง Japan Toilet Labo ได้มีการไปให้สัมภาษณ์นักเรียนญี่ปุ่นกว่า 4,777 คนเกี่ยวการขี้ที่โรงเรียน แล้วผลที่ออกมากลับเล่นเอาตะลึงเชรี่ยๆ เด็กนักเรียนมากกว่า 50% ไม่เคยขี้ที่โรงเรียนเลยเว้ยเฮ้ย!!? แต่ถ้าลองมาหาเหตุผลเชิงลึก และแบ่งเหตุผลออกเป็นข้อๆ ตามจำนวนร้อยละของกลุ่มนักเรียนที่ไม่ขี้ที่โรงเรียนเป็นหลายๆ กลุ่ม เราก็สามารถที่จะได้เหตุผลเยอะแยะเลยทีเดียว 29.3% บอกว่า ที่โรงเรียนมันมีแต่ส้วมหลุม 29.2% บอกว่าสวมที่โรงเรียนมันเหม็นสลัด นอกจากต้องดมขี้ตัวเองยังต้องดมของคนอื่นอีก 26.3% บอกว่าพวกเขามีเวลาช่วงพักน้อย ถ้าไปขี้ทีก็นานสุดๆ ข้าวนี่ไม่ต้องกินกันล่ะ 29.2% บอกว่าส้วมที่โรงเรียนมันไม่สะอาดเลย อี๋… 23.9% บอกว่าเวลาขี้ที่โรงเรียนแล้วรู้สึกไม่มีความสุข 20.1% บอกว่าพื้นห้องน้ำมันสกปรก 16.1 % บอกว่าชักโครกมันเย็น เอาตูดวางลงทีไรขนลุกทุกที หน้าตาของส่วมหลุมที่เด็กๆ ไม่ค่อยปลื้ม อย่างไรก็ตาม เหตุผลหลักๆ…
-
นักเรียนญี่ปุ่น ทีมแชมป์ “กระโดดเชือก” เร็วที่สุดในโลก 225 ครั้งใน 1 นาที ราวกับเหาะได้!!
เป็นอีกครั้งที่ความน่ารักปนความขี้เล่นอย่างสร้างสรรค์ของเด็กๆ ชาวญี่ปุ่น จะมาประกาศศักดาให้โลกได้รู้กันว่า ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล่นๆ แต่พวกเราก็ทำให้คนทั้งโลกอึ้งได้เหมือนกัน เมื่อเด็กประถมกว่า 14 ชีวิต จากโรงเรียนประถมฮาราดะ จังหวัดชิซุโอะกะ ได้เปลี่ยนการละเล่นกระโดดเชือกแบบพื้นบ้านอันแสนจะธรรมดา ให้กลายเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาด้วยการสร้างสถิติโลกซะเลย!! ต้องบอกว่าเด็กๆ กลุ่มนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพราะพวกเขาทุ่มเทเวลาในการฝึกฝนอย่างยาวนาน จนในที่สุดพวกเขาก็สามารถสร้างสถิติ ‘กระโดดเชือกได้มากที่สุดในหนึ่งนาที’ ของ Guinness World Records ได้สำเร็จ ทั้งหมด 1 นาที พวกเขาสามารถกระโดดได้มากถึง 225 ครั้ง จากนักกระโดด 12 คน (อีก 2 คนถือเชือก) ความท้าทายในครั้งนี้เริ่มมาจากก่อนหน้านี้เมื่อปี 2013 ทีมเด็กๆ จากโรงเรียนประถมฮิโรมิ เคยสร้างสถิติในรายการนี้ไว้ได้สูงสุด 217 ครั้ง/นาที เพราะชีวิตคือการแข่งขัน… ด้วยสถิติเก่าที่มีอยู่ทำให้เด็กๆ คิดว่าพวกตนน่าจะทำได้ดีกว่า จากนั้นจึงกลายเป็นการรวมกลุ่มหลังเลิกเรียนของเด็กๆ เพื่อฝึกซ้อมกระโดดเชือกจนทำลายสถิติโลกได้ในที่สุด แต่การจะได้มาซึ่งสถิติระดับโลกก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน คุณครูผู้คอยให้คำแนะนำแก่เด็กๆ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า…
-
ตามส่อง “อาหารกลางวันโรงเรียนญี่ปุ่น” ที่ได้ชื่อว่า มีคุณภาพดีเป็นอันดับหนึ่งของโลก!!
การรับประทานอาหารสำหรับวัยเด็กนั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญต่ออนาคตของพวกเขามากๆ โดยเฉพาะมื้อกลางวันที่จะช่วยให้พวกเขาสามารถมีพลังงานที่จะเรียนรู้และเล่นซนได้ตลอดทั้งวัน แน่นอนว่าเรื่องนี้ญี่ปุ่นจะต้องมองเห็นและเข้าใจมันได้ และพวกเขาก็นำมันมาอยู่ในหลักการศึกษาเบื้องต้นของเด็กๆ ด้วยเช่นกัน พวกเขาสอนให้เด็กๆ เข้าใจว่าอาหารที่มีประโยชน์จะส่งผลยังไงกับตัวเองและอาหารแต่ละมื้อมันสำคัญมากขนาดไหน การที่เรื่องนี้ถือเป็นวาระระดับชาติ ทางรัฐจะช่วยเหลือพ่อแม่ที่มีเงินไม่มากพอจะจ่ายค่าอาหารให้กับลูกๆ โดยการให้ส่วนลดหรือให้อาหารแก่เด็กๆ ฟรี เพราะพวกเขามองว่าสุขภาพของเด็กๆ ต้องมาก่อน ลูกหลานของพวกเขาต้องอิ่มท้องในทุกมื้อ Masahiro Oji ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาด้านสุขภาพของโรงเรียนบอกกับ Washington Post เมื่อปี่ 2013 ว่า “จากมุมมองของญี่ปุ่น อาหารกลางวันของโรงเรียน นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา” มากันขนาดนี้แล้ว เอาเป็นว่ามาดูภาพบรรยากาศและมื้ออาหารในโรงเรียนประถมของญี่ปุ่นกันเลยดีกว่า เผื่อจะเห็นภาพกันได้ชัดขึ้น มื้อกลางวันในโรงเรียนประถมของญี่ปุ่น นับว่าเป็นช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ จะไม่มีการเร่งให้เด็กๆ ต้องรีบกินแต่อย่างใด แต่จะปล่อยให้พวกเขาได้อิ่มเอมกับมื้ออาหารแสนพิเศษของพวกเขา ภาพของเด็กๆ ที่เสิร์ฟอาหารกันเอง เพื่อช่วยสอนให้เด็กๆ รู้จักพึ่งพาตัวเองได้ และในหลายโรงเรียนก็จะไม่มีภารโรงคอยช่วยเหลือพวกเขา ข้าวถือว่าเป็นหนึ่งในเมนูหลักมาหลายยุคสมัย เมนูส่วนใหญ่ก็จะประกอบด้วยข้าว ซุปมิโสะ ผัดผักกับหมู ปลาแห้ง และก็นม นอกจากนั้นยังมีตัวเลือกอื่นๆ อีกมากมาย แต่จะเห็นได้ว่าเมนูหลักๆ ก็ยังเป็น นม ผัก และข้าวไม่เปลี่ยนแปลง …
-
ผลสำรวจเผย เด็กญี่ปุ่นอยากเป็น “นักธุรกิจ” มากที่สุด ไทยอยากเป็น “หมอ”
ตอนเด็กๆ เราอาจเคยถูกผู้ใหญ่ในตอนนั้นหลายๆ คนถาม “โตขึ้นอยากเป็นอะไร” ด้วยความเป็นเด็ก เราอาจตอบไปโดยไม่ทันคิด แต่บางครั้ง คำตอบเหล่านั้นอาจสะท้อนความจริงบางอย่างออกมาก็เป็นได้ ล่าสุดทางบริษัท Adecco ได้ทำการสำรวจความเห็นของเด็กๆ อายุ 6-15 ปี ชาย 500 คน หญิง 500 คน จากประเทศต่างๆ ทั่วเอเชีย จนได้ผลลัพธ์อันน่าตกใจอันนี้ออกมา โดยประเทศญี่ปุ่น อาชีพที่มาเป็นอันดับแรกของเด็กผู้ชายคือ นักธุรกิจ ตามด้วยอันดับสอง นักฟุตบอลอาชีพ ส่วนอันดับสามเป็น ข้าราชการ และอันดับสี่ร่วมเป็นของ หมอและนักเบสบอลอาชีพ และที่น่าตกใจยิ่งกว่า่คือ แม้แต่กับเด็กผู้หญิง ก็มีคนอยากเป็นนักธุรกิจเหมือนกัน โดยเข้ามาเป็นอันดับสาม ส่วนอันดับหนึ่งและสองเป็นของ นักทำขนมและครูตามลำดับ ส่วนอาชีพหมอนั้น มาในอันดับที่สี่ ซึ่งก็ไม่ใช่ผลสำรวจที่น่าตกใจเท่าไหร่ เพราะประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยนักธุรกิจ และญี่ปุ่นเองก็มีบริษัทระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะด้านอุสหกรรมอิเล็กทรอนิกหรือรถยนต์ เมื่อดูของประเทศญีปุ่นกันแล้ว เราไปดูของประเทศอื่นกันบ้าง นอนมาเลยทีเดียวสำหรับประเทศไทย สำหรับอาชีพหมอ ตามมาด้วยนักกีฬาอาชีพ และเชฟทำอาหาร แต่ที่น่าทึ่งคือ…