Tag: เทคโนโลยี
-
iPod ยังไม่ตาย!! นี่คือ “เคส” สำหรับ Apple Watch ที่สวมปุ๊บ…กลายเป็น iPod ทันที!!
ในยุคแรกแย้มของวงการสมาร์ทแก็ดเจ็ต iPod ถือเป็นอุปกรณ์ที่ไฮเทคและโก้สุดๆ เลยก็ว่าได้ ด้วยดีไซน์เรียบง่ายแต่ดูแพง รวมถึงฟังก์ชันที่มอบเสียงเพลงให้กับผู้ใช้ มันจึงกลายเป็นของที่หลายคนหมายปองในช่วงเวลานั้น แต่ปัจจุบัน iPod เกือบถูกหลงลืมไปแล้ว เพราะเทคโนโลยีนั้นพัฒนาขึ้นรวดเร็วจนฟังก์ชันการฟังเพลงนั้นถูกรวมไว้ในอุปกรณ์ทันสมัยในปัจจุบันเช่น iPhone, iPad หรือ Apple Watch เป็นต้น วันนี้นักออกแบบหญิงสาวเกาหลีนามว่า Yeonsoo Kang จึงทำการปลุกให้ iPod ฟื้นขึ้นมาในความทรงจำของทุกคนอีกครั้งโดยการออกแบบ เคส สำหรับ Apple Watch ที่สวมเมื่อไหร่กลายเป็น iPod ทันที Yeonsoo Kang ได้เผยภาพการออกแบบเคสซิลิโคนสำหรับ Apple Watch Series 4 เพื่อให้กลายเป็นอุปกรณ์ที่สามารถพกพาในกระเป๋าได้ง่ายๆ แถมยังมีดีไซน์สวยงามอีกด้วย หน้าตาของเคสนั้นทำให้นึกถึง iPod อย่างปฏิเสธไม่ได้เพราะผู้ออกแบบได้นำเอาปุ่มทรงวงล้อมาวางไว้ด้านหน้าซึ่งต้องบอกเลยว่าเหมือนกับของ iPod มาก (แต่ปุ่มกดไม่ได้จริงนะจ๊ะ) อย่างไรก็ตามผู้ใช้ก็สามารถควบคุมการเล่นเพลงผ่านหน้าจอ Touch Screen บน Apple Watch ได้เลย หรือจะเสียบกับหูฟังไร้สายเป็น AirPods ก็ได้ . …
-
พบกับ BEERMKR เครื่อง “คราฟต์เบียร์” อัตโนมัติ ที่ใครๆ ก็คราฟต์เบียร์เองได้ที่บ้าน!!
วันนี้เรามาเอาใจ “สายดื่ม” โดยเฉพาะเลย เน้นไปที่ผู้ที่ชื่นชอบดื่ม เบียร์ เป็นพิเศษเลยล่ะ เพราะว่าสิ่งที่จะนำมาเสนอในวันนี้ก็คือเครื่องทำเบียร์แบบพกพา คราฟต์เบียร์เองได้ในเครื่องเดียว! คอเบียร์ทั้งหลายคงจะรู้ดีว่าเบียร์คราฟต์นั้นย่อมมีรสชาติแตกต่างจากเบียร์ทั่วๆ ไป ทั้งนี้ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงขึ้นเป็นเท่าตัว ว่าแต่ถ้าหากใครๆ ก็ทำ “คราฟต์เบียร์” เองได้ล่ะ มันคงเป็นราวกับความฝันเลยล่ะสิ! BEERMKR เจ้าเครื่องคราฟต์เบียร์เครื่องนี้ จะมาทำให้ความฝันเหล่านั้นเป็นจริง! BEERMKR คือเครื่องหมักและต้มเบียร์แบบอัตโนมัติเครื่องแรกของโลกที่ใครๆ ก็สามารถใช้ได้ ทางผู้ผลิตอธิบายเอาไว้ด้วยว่าเจ้าเครื่องนี้สามารถผลิตเบียร์ได้มากกว่า 1 แกลลอนต่อสัปดาห์ (ประมาณ 3,800 มิลลิลิตร เบียร์ขวดมาตรฐานบ้านเราจะมีปริมาณราว 600-650 มิลลิลิตรต่อขวด) และเราต้องให้ฉายาว่าเป็น โรงงานเบียร์ฉบับพกพา เลย เพราะขนาดของมันเล็กมากๆ แทบไม่ต่างจากเตาอบไมโครเวฟหรือเครื่องชงกาแฟเลยล่ะ ชมคลิปแนะนำเครื่องคราฟต์เบียร์ BEERMKR กันเลย! เครื่อง BEERMKR จะมาพร้อมกับชุดอุปกรณ์ MKR KITS ที่จำเป็นในการผลิตเบียร์ ซึ่งต้องบอกว่าวิธีการทำนั้นง่ายมากๆ เพียงผสมวัตถุดิบที่จำเป็นต่างๆ เข้าด้วยกันลงเครื่องแล้วก็กดปุ่มทำงานผ่านแอปพลิเคชันเท่านั้นเอง ในส่วนของการผสมวัตถุดิบ ผู้ใช้สามารถเลือกใส่วัตถุดิบตามสูตรที่ตัวเองชอบได้ด้วย เช่น…
-
จีนสร้าง “พระจันทร์เทียม” ให้แสงสว่าง แทนการใช้กระแสไฟฟ้า เตรียมปล่อยปี 2020 นี้!
ยามค่ำคืนที่ไร้ซึ่งแสงจากดวงไฟ คงจะมืดมิดสนิทยิ่ง นอกเสียจากจะมี แสงจันทร์ คอยให้ความสว่าง… เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ประเทศจีน ได้วางแผนประหยัดกระแสไฟฟ้าในเมืองโดยการสร้าง “พระจันทร์เทียม” เพื่อให้แสงว่างกับผู้คนยามค่ำคืน Wu Chunfeng ประธานบริษัทเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์อวกาศแห่งเฉิงตู ได้ประกาศเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมว่าขณะนี้กำลังวางแผนปล่อยดาวเทียมเรืองแสงออกนอกโลกเพื่อมอบแสงสว่างให้กับเมืองเฉิงตู ดาวเทียมดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันในนาม พระจันทร์เทียม ซึ่งมันสามารถให้แสงสว่างได้มากกว่าแสงจากดวงจันทร์จริงถึง 8 เท่า Wu และบริษัทของเขาได้ทำการทดสองพระจันทร์เทียมนี้มาหลายปีแล้ว และขณะนี้ก็กำลังเตรียมตัวปล่อยขึ้นสู่อวกาศเพื่อใช้งานจริงในปี 2020 ขณะเดียวกัน หลายคนก็ออกมาแสดงความกังวลว่าแสงจากพระจันทร์เทียมนี้จะส่งผลกระทบต่อกิจวัตรตามธรรมชาติของเหล่าสรรพสัตว์หรือไม่ นาย Kang Weimin ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจึงออกมาบอกว่าแสงที่ได้จากพระจันทร์เทียมนี้จะให้ความรู้สึกคล้าย “แสงสว่างพลบค่ำ” ที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อสัตว์อย่างแน่นอน พระจันทร์เทียมดังกล่าว จะปล่อยเพื่อให้แสงสว่างแก่เมืองเฉิงตู โดยมีรัศมีความสว่างไปประมาณ 50 ไมล์ ซึ่งไม่น่าจะมีผลกระทบกับสัตว์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ รอบนอก แต่ถึงอย่างไรกระแสไฟฟ้าก็ยังจำเป็นต่อการใช้ชีวิตของผู้คนมากกว่าการให้แสงสว่าง ต้องรอดูกันต่อไปว่าโครงการพระจันทร์เทียมนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ และมีผลกระทบอะไรกับผู้คนบ้าง ที่มา: toutiaoabc, People’s Daily และ nextshark
-
11 เทคโนโลยีปัจจุบัน ที่มีจุดกำเนิด “เก่าแก่” กว่าที่คิด ไม่อยากเชื่อว่าจะโบราณขนาดนี้!!
เทคโนโลยี เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสุดไฮเทคต่างๆ พวกเราอาจคิดว่ามันเพิ่งถูกคิดค้นขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ หารู้ไม่ว่า เทคโนโลยีสุดไฮเทคหลายชนิดก็ถูกคิดค้นและสร้างขึ้นตั้งนานแล้ว บางชนิดอาจเก่าแก่กว่าที่เราคิดเอาไว้เป็นสิบๆ ปีเลยทีเดียว วันนี้เราจะพาทุกท่านไปชม 11 เทคโนโลยี ปัจจุบันที่หลายคนอาจคิดไม่ถึงว่า มันถูกคิดค้นมาตั้งนานแล้วววว 1. วัคซีน คิดค้นโดย Edward Jenner ปี 1796 2. แบตเตอรี่ คิดค้นโดยนักประดิษฐ์ชาวอิตาลี Alessandro Volta เมื่อปี 1800 3. ไมโครโฟน คิดค้นโดย Emile Berliner ตั้งแต่ปี 1876 4. เครื่องล้างจานอัตโนมัติ คิดค้นโดย Josephine Garis Cochran เมื่อปี 1886 5. คอนแทคเลนส์ คิดค้นโดยบริษัท F.A. Mueller ตั้งแต่ปี 1887 6. บันไดเลื่อน คิดค้นโดยดีไซเนอร์จากนิวยอร์ก…
-
กระจก “Novera” ไอเทมใหม่จากญี่ปุ่น ที่จะคอย ‘เอาใจ’ คุณทุกอย่างเพียงแค่มาส่องมัน!!
ว่ากันว่า คำชม และ คำปลอบใจ นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้ฟังเกิดความภาคภูมิใจและให้การยอมรับกับตนเอง แถมช่วยลดอาการของภาวะซึมเศร้าได้อีกด้วย แต่คำพูดเหล่านี้ใช่ว่าจะพูดใส่ตัวเองได้เสมอไป มันจำเป็นต้องมีคู่สนทนา จะได้รู้สึกว่าเราไม่ได้เป็นคนหลงตัวเอง แต่สิ่งที่หายากพอๆ กับคำพูดชมเชยก็คือ “คู่สนทนา” หรือว่าคนพูดนี่แหละ บริษัทหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นเข้าใจถึงปัญหานี้ดี จึงผลิตนวัตกรรมใหม่ชื่อว่า Novera ขึ้นมา มันเป็นกระจกไฮเทคที่ทำหน้าที่ราวกับเป็นกระจกวิเศษของแม่มดในเรื่องเจ้าหญิงนิทราเลยก็ว่าได้ กระจก Novera จะสแกนใบหน้าของผู้ใช้เพื่อเก็บข้อมูลสีหน้าอารมณ์ต่างๆ และตอบสนองกลับมาได้อย่างชาญฉลาด เรียกได้ว่าเจ้ากระจกนี้สามารถบอกสิ่งที่เรากำลังต้องการฟังได้เลยทีเดียว ชมคลิปคอนเซ็ปต์การทำงานของเจ้ากระจกวิเศษ Novera กันหน่อย ตัวกระจกนี้จะติดตั้งกล้อง จอภาพ และลำโพงเอาไว้ด้วย การตอบโต้ของ Novera ก็คือจะมีเสียงพูดออกมาให้เราฟัง ซึ่งเป็นเสียงของนักพากย์ตัวละครอนิเมะที่เรียกได้ว่า “เสียงหล่อ” กระชากใจสาวกันไปเลย (คาดว่ามีให้เลือกหลายเสียง) ตัวอย่างคำพูดจากกระจกก็อย่างเช่น “ตาคุณดูโตจังเลยเวลาที่คุณมองมาที่ผม หัวใจผมสั่นไหวไปหมดแล้ว” หรือ “วันนี้ผิวคุณเปล่งปลั่งมากกว่าปกติเลยนะ” เป็นต้น สแกนใบหน้าและรายละเอียดต่างๆ บนใบหน้า เวลาที่กระจกเห็นว่าคุณเศร้าหมองมันก็จะตอบสนองออกมาเป็นเสียงพูด เช่น… “ช่วงนี้คุณรู้สึกแย่ใช่ไหม?” หรือ “ถ้าคุณเศร้าผมก็เศร้าด้วย เฮ้…ยิ้นหน่อยได้ไหม คิดว่าทำเพื่อผมนะ?”…
-
Ibuki หุ่นยนต์เด็ก “สุดหลอน” จากญี่ปุ่น ยิ้มได้ กะพริบตาได้ และพยักหน้าได้เอง…
คงอีกไม่ไกลเกินเอื้อมที่โลกมนุษย์ของเราจะกลายเป็นโลกที่สิ่งมีชีวิตนั้น อยู่อาศัยและใช้ชีวิตร่วมกับวิทยาการสุดลึกล้ำอย่าง “หุ่นยนต์” ศาสตราจารย์ชาวญี่ปุ่นนามว่า Hiroshi Ishiguro เป็นผู้ที่สร้างหุ่นยนต์อยู่ในโอซากะ หุ่นยนต์ล่าสุดของเขามีชื่อว่า Ibuki เป็นหุ่นยนต์เด็กที่เรียกได้ว่าใครเห็นก็ต้อง “ขนลุก” ไปตามๆ กัน Ibuki . Ibuki เป็นหุ่นยนต์ที่มีรูปลักษณ์เป็นเด็กวัย 10 ขวบ เขาเคลื่อนที่ได้ด้วยลำตัวท่อนล่างที่เป็นล้อเลื่อน แต่ใบหน้าและมือของเขาถูกปกคลุมด้วยผิวหนังนุ่มๆ คล้ายผิวมนุษย์ แถมยังมีส่วนหลังของศีรษะเป็นผิวโปร่งใสอีกด้วย หุ่นยนต์ตัวนี้มีระบบอ่านใบหน้ามนุษย์และสามารถอ่านใบหน้าผู้คนเพื่อใช้เป็นเส้นทางการเคลื่อนที่ของตัวเองได้ด้วย Ibuki เป็นหุ่นยนต์ที่ถูกใส่ระบบอัตโนมัติเข้าไป เช่น การกะพริบตาและการพยักหน้า เป็นต้น . ศาสตราจารย์ Ishiguro เขียนอธิบายเอาไว้ว่า… “โครงสร้างพื้นฐานของหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์นั้นจะต้องมีระบบการตอบสนอง และเพื่อที่จะสื่อสารกับหุ่นยนต์ได้ มนุษย์จะต้องสร้างอวัจนภาษาขึ้นมาและใส่เข้าไปในหุ่นยนต์ จึงจะสมดั่งจุดประสงค์ของหุ่นยนต์ที่คงอยู่เป็นผู้ช่วยและเป็นคู่สนทนากับผู้คน วัตถุประสงค์ของเราจึงเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับโครงสร้างรุ่นใหม่โดยอิงจากพื้นฐานของคอมพิวเตอร์วิทัศน์ วิทยาการหุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์” พบกับ Ibuki หุ่นยนต์เด็กและระบบตอบสนอง ความก้าวหน้าและวิทยาการเป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับมนุษย์ก็จริง แต่เจอแบบนี้มันก็น่ากลัวใช่ย่อยเลยแฮะ… ที่มา: designyoutrust และ ibuki -A child-like…
-
สนามบินสหรัฐฯ ทดสอบเครื่องซีทีสแกน 3 มิติ ช่วยลดขั้นตอนไม่ต้องควักของออกกระเป๋า
เวลาที่จะต้องผ่านด่านตรวจรักษาความปลอดภัยในสนามบิน ทุกครั้งจะต้องวางกระเป๋าผ่านเครื่องสแกนอยู่เสมอ สิ่งของที่พกมาด้วยอย่างเช่นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จะต้องนำออกจากกระเป๋าเพื่อเข้าเครื่องสแกน ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่สามารถระบุได้ชัดในแนวราบ ซึ่งในที่นี้อาจจะเป็นข่าวดีในอนาคตของบ้านเรา(หวังว่าอ่ะนะ) หลังจากที่หน่วยงานรักษาความปลอดภัยด้านการขนส่งของสหรัฐอเมริกา (TSA) ร่วมกับสายการบิน American Airlines ได้เริ่มทำการทดสอบเครื่องซีทีสแกน 3 มิติเครื่องใหม่ในสนามบิน JFK แล้ว ทำไมถึงเป็นข่าวดีล่ะ? ก็เพราะว่าการใช้เครื่องซีทีสแกนนี้ จะช่วยลดขั้นตอนให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่สามารถเลื่อนดูสิ่งของได้จากหน้าจอในมุมมอง 3 มิติ จากเดิมที่เห็นเป็นเพียงภาพ 2 มิติ “ในอนาคต เครื่องซีทีสแกนอาจจะช่วยให้ผู้โดยสารเก็บของเหลว เจล สเปรย์ และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไว้ได้ตลอดเวลา โดยที่ไม่จำเป็นต้องนำออกมาจากกระเป๋า” แถลงการณ์จาก American Airlines บางส่วน ทางด้านฝ่ายบริหาร TSA ได้เพิ่มเติมไว้ว่า “เราคาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 5 ปีเป็นอย่างน้อย ผู้โดยสารจะไม่ต้องควักอะไรออกมาจากกระเป๋าสัมภาระอีก” ตามรายงานกล่าวถึงราคาเครื่องซีทีสแกนอยู่ที่ 10 ล้านบาท ได้รับการสนับสนุนโดยบริษัท Analogic…
-
ป๊าดโท๊ะ… Milly ชิวาว่าตัวเล็กที่สุด พร้อมรับสถิติโลก มีร่างแยกด้วยการโคลนนิ่ง 49 ตัว!!
คุณคงจะเคยได้ยินเรื่องราวการโคลนนิ่ง “ดอลลี” แกะตัวแรกของโลกมาแล้ว ซึ่งเจ้าดอลลีถือเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวแรกของโลก ที่มีแฝดมาจากการโคลนนิ่งได้สำเร็จ นับว่าข่าวคราวการโคลนนิ่งนั้นก็หายไปจากโลกนานพอสมควร แต่แล้วก็ต้องตะลึงกันอีกรอบจาก มิลลี เจ้าชิวาว่าวัย 6 ขวบจากปวยร์โตรีโก ที่ได้รับการบันทึกสถิติโลกเป็นสุนัขที่มีร่างโคลนมากถึง 49 ตัว!! ร่างโคลนของน้องหมา 49 ตัวนี้มาจากมูลนิธิโคลนนิ่ง Sooam Biotech Research กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ที่เปิดรับโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2006 จนเมื่อปีที่แล้วทางมูลนิธิได้พบกับ Vanesa Semler เจ้าของมิลลี ได้หารือกันถึงความเป็นไปได้ที่จะโคลนนิ่งน้องหมา และขจัดความลึกลับทางด้านพันธุกรรมที่ทำให้น้องเป็นหนึ่งในสุนัขที่พิเศษกว่าใคร เพราะว่าเจ้ามิลลีนั้น ได้รับบันทึกสถิติว่าเป็นสุนัขที่ตัวเล็กที่สุดในโลกในปี 2012 และทางนักวิทยาศาสตร์ต้องการที่จะรู้ว่าสิ่งใดทำให้น้องตัวเล็กได้ขนาดนี้ ฉะนั้นในเดือนสิงหาคม 2017 นักวิจัยจึงทำการโคลนนิ่งมิลลี จนจำนวนร่างโคลนทะลักเป็น 49 ตัว โดยพวกเขาอาศัยเทคโนโลยีเดียวกันที่ใช้กับแกะดอลลีเมื่อ 50 ปีที่แล้ว (โอนถ่ายนิวเคลียส) ด้วยการเก็บตัวอย่างเซลล์และนิวเคลียสจากร่างต้น และนำเซลล์ไข่จากสัตว์ที่รับบริจาคมาผสมกัน เซลล์ไข่ที่ได้รับการผสมมาจะถูกกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ จนเกิดเป็นตัวอ่อนที่ฝังอยู่ในท้องของแม่อุ้มบุญ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นสายพันธุ์เดียวกัน…
-
จีนผลิตต้นแบบ ‘ปืนเลเซอร์’ ไม่เน้นสังหาร แต่เจ็บเจียนตาย ระยะหวังผลเกือบ 1 กิโลเมตร!!
ประเทศมหาอำนาจในทวีปเอเชียอย่างจีน กำลังซุ่มพัฒนาต้นแบบอาวุธชนิดลำแสงที่มีพลังทำลายล้างในระดับหนึ่ง ที่สามารถยิงลำแสงให้ติดไฟใส่เป้าหมายในระยะไกลถึง 1 กิโลเมตรได้ รายงานดังกล่าวนั้น ถูกเปิดเผยมาจากทีมนักวิจัยอาวุธในโปรเจกต์ ‘ปืนไรเฟิลเลเซอร์’ รุ่น ZKZM-500 ถูกจัดให้เป็นอาวุธที่ไม่ทำอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ไม่ควรมองอนุภาคลำแสงด้วยตาเปล่า สามารถจุดประกายไฟบนเสื้อผ้าได้ภายในเวลาเสี้ยววินาที ภาพต้นแบบของ ZKZM-500 “ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนั้นเกินกว่าจะทนไหว” หนึ่งในนักวิจัยที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาและทดสอบอาวุธต้นแบบจากสถาบัน Xian Institute of Optics และ Chinese Academy of Sciences กล่าวถึงพลังทำลายล้างของมัน ปืนไรเฟิลเลเซอร์ดังกล่าว มีขนาดลำกล้อง 15 มิลลิเมตร น้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม (เท่ากับปืนไรเฟิล AK-47) และมีระยะหวังผล 800 เมตร สามารถติดตั้งบนรถยนต์ เรือ และเครื่องบินได้ ทั้งนี้แหล่งข่าวอ้างว่า อาวุธชิ้นนี้พร้อมสำหรับการผลิตเพื่อใช้งานแล้ว และหน่วยแรกที่จะได้รับไปประจำการคือ กองกำลังตำรวจแห่งประชาชนจีน เพื่อใช้งานทางด้านปราบปรามก่อการร้าย โดยยกตัวอย่างจากกรณี สถานการณ์ช่วยตัวประกัน ยิงลำแสงผ่านกระจกโดยที่ผู้ร้ายไม่รู้ตัว ก่อให้เกิดประกายไฟต่อผู้ร้ายใช้เป็นช่วงจังหวะในการจู่โจม…
-
ญี่ปุ่นเสนอเครื่องตรวจวัด “กลิ่นกาย” แบบพกพา เช็กหน่อยว่าคนอื่นเขาเหม็นคุณหรือเปล่า?
ด้วยความร้อน ความเร่งรีบ และความแออัดของผู้คนก็อาจทำให้เรามีเหงื่อออกตามร่างกายได้ และสิ่งที่จะตามมาหลังจากเหงื่อออกก็คือกลิ่นกายตามจุดอับต่างๆ นั่นเอง แล้วยิ่งถ้าคุณต้องไปพบปะหรือไปใกล้ชิดกับคนสำคัญด้วยแล้วล่ะก็ อาการเหงื่อออกและมีกลิ่นกายคงเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์สุดๆ เลยใช่ไหมล่ะ? ฉะนั้น เราควรพกอุปกรณ์ดับกลิ่นติดตัวไว้สักหน่อย เผื่อใช้ดับกลิ่นกายยามเหงื่อออกและเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการไปพบปะและใกล้ชิดกับผู้อื่น แล้วจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่า เราตัวเหม็นหรือยัง? บางครั้งการดมกลิ่นตัวเองก็อาจทราบได้ยากว่าตัวเรามีกลิ่นเหม็นหรือยัง ฉะนั้นเราขอแนะนำให้รู้จักกับ ES-100 อุปกรณ์ตรวจเช็กและวัดระดับกลิ่นกายจากบริษัทผู้ผลิตแบรนด์ Tanita เจ้าเครื่องนี้มีชื่อเล่นว่า “เครื่องตรวจกลิ่นแบบพกพา” ที่จะสามารถตรวจสอบได้ว่าร่างกายของบุคคลนั้นเริ่มมีกลิ่นไม่พึงประสงค์อยู่ที่ระดับไหนแล้วจาก 0-10 โดยตัวเลขยิ่งมากแปลว่ายิ่งเหม็นนั่นเอง… เครื่องตรวจกลิ่นแบบพกพา Tanita ES-100 เจ้าเครื่องนี้พัฒนามาจากผลิตภัณฑ์เดิมของ Tanita นั่นก็คือเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจ แต่เปลี่ยนจากสแกนหาแอลกอฮอล์มาเป็นหาสารพาร์ทิเคิลที่ก่อให้เกิดกลิ่นแทนนั่นเอง ส่วนวิธีใช้ก็ง่ายดายเพียงแค่ เปิดเครื่อง กดขยายสัญญาณ แล้วนำไปชี้ยังจุดที่คุณต้องการตรวจสอบกลิ่น ระบบจะทำการตรวจเช็กราว 10 วินาที ก่อนจะแสดงผลออกมาเป็นระดับตัวเลข แถมเจ้าเครื่องนี้ยังสามารถเตือนคุณได้ด้วยเมื่อคุณใส่น้ำหอมมากจนเกินไป กลุ่มเป้าหมายของสินค้าชินนี้ก็คือมนุษย์เงินเดือนวัย 40-50 ปีนั่นเอง เครื่องตรวจกลิ่นแบบพกพา Tanita ES-100 นี้จะวางขายในวันที่ 1 กรกฏาคม 2018…
-
หนังสั้น ‘Angry River’ กับเส้นทางเลือกจุดจบทั้ง 5 แบบ ขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นคนแบบไหน…
คงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรมากนัก หากคุณจะเคยได้ยินหรือได้ดูภาพยนตร์สั้นที่มีทางเลือกให้กับผู้ชมได้เลือกกันมาบ้างแล้ว ให้อารมณ์ร่วมเหมือนผู้ชมได้ตัดสินชะตาชีวิตตัวละคร ที่จะนำไปสู่หนทางจุดจบแบบไหน… แต่สำหรับภาพยนตร์สั้น The Angry River นี้มีจุดเด่นที่เหมือนและแตกต่างจากภาพยนตร์สั้นอื่นๆ ตรงที่มีทางเลือกเส้นทางดำเนินเรื่องเช่นกัน แต่การเลือกเส้นทางนั้นขึ้นอยู่กับ “พฤติกรรมความสนใจของผู้ชม” เพราะ The Angry River จะไม่ให้คุณเลือกเส้นทางผ่านเมาส์หรือคีย์บอร์ดใดๆ แต่จะจับสายตาของผู้ชมที่มองจอ สนใจสิ่งใดเป็นพิเศษ ก็จะเลือกดำเนินเรื่องให้เหมาะสมตามความสนใจนั้นๆ Armen Perian ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้กล่าวว่า เขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนึ่งในทีมตัดต่อที่เคยพูดไว้เมื่อ 3 ปีก่อน มันเหมือนจะเป็นเรื่องที่ดูบ้าบอ แต่ก็เติบโตอยู่ในหัวของเขามาตลอด ด้วยความก้าวหน้าของระบบปัญญาประดิษฐ์ในปัจจุบันก็ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้จริง เส้นเรื่องของภาพยนตร์ทั้ง 5 แบบ 5 มุมมอง “พวกเรานั่งกันอยู่นานมากๆ ในตอนนั้น ระหว่างการตัดต่ออันยากลำบาก บางคนก็พูดขึ้นมาว่า ‘นี่กรูหวังว่าพวกเราจะสามารถตัดต่อหนังในหัวของตัวเองได้บ้าง’ มันก็เลยกลายมาเป็นไอเดียที่ฝังลึกอยู่ในหัวของผม” Armen นึกย้อนถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นก่อนให้กำเนิด The Angry River เพื่อให้การสร้างภาพยนตร์ที่ตอบสนองได้เป็นไปตามต้องการ ทางผู้สร้างก็ได้ร่วมมือกับ Crossbeat New York บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีการตรวจจับดวงตา…
-
14 สิ่งอำนวยความสะดวกเด็ดๆ เหมาะสำหรับสายเมาควบคุมได้ ทำไมไม่มีแบบนี้ทุกที่ว้า!?
การออกไปท่องราตรีเพื่อผ่อนคลายหรืออะไรก็ตามแต่ ในท้ายที่สุดแล้วเราก็ควรที่จะประคองสติให้อยู่ครบเสมอ ไม่ใช่ว่าเมาหัวราน้ำกลายมาเป็นภาระให้คนรอบข้าง ต้องหอบร่างพาไปนอนบนเตียง ดีไม่ดีทำอาเจียนจนปวดเศียรเวียนเกล้าไปตามๆ กัน ฮร่าาาา… แต่อย่างน้อยๆ ทางร้านต่างๆ ก็จะมีบริการเสริมพิเศษสำหรับลูกค้าผู้น่ารัก ที่จะมาสนุกสนานยามค่ำคืน ทั้งนี้ก็เพื่อมอบความสะดวกและบริการอันแสนประทับใจ จะได้กลับมาเมาที่ร้านอีกครั้ง เพราะของแบบนี้มันดีจริงๆ นะแกร๊ หน้าจอตลาดหุ้นเบียร์ ราคาจะผันผวนทุกๆ 15 นาที ขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทาน หน้าจอแสดงออฟชั่นเบียร์แต่ละชนิด มีส่วนผสมอะไรบ้าง และเหลือปริมาณเท่าไหร่สำหรับเสิร์ฟคืนนี้ แกนทิชชู่ประดับบาร์ พร้อมกับช่องเสียบสาย USB ชาร์จโทรศัพท์ในตัว ตู้ล็อกเกอร์ให้เช่าพร้อมสายชาร์จภายในตู้ ไม่ต้องกลัวโทรศัพท์หายแถมได้ชาร์จไฟอีกต่างหาก รางวัลสำหรับสายเมารับผิดชอบ เมาแล้วไม่ขับรถกลับเอง รับคูปองส่วนลดสำหรับครั้งต่อไป หมอนรองหัวประดับหน้าโถฉี่ รู้สึกหัวหนักไประหว่างค่ำคืนนี้ แวะมาเอนได้นะจ๊ะ กระจกใสส่วนบนในห้องน้ำ ยืนผ่อนคลายไปด้วย ได้ดูทีวีไปพลางๆ โถที่มีไว้ใช้สำหรับปากโดยเฉพาะ จะได้ไม่ต้องไปเรี่ยราดเลอะเทอะข้างนอก (มีราวจับให้ด้วยนะ) ชุดแม่เหล็กสุดวิเศษ เสิร์ฟเครื่องดื่มลอยฟ้า!! ถาดรองสำหรับผู้สั่งอาหารมารับประทานหน้าบาร์ ดูเหมาะดีนะ…
-
มารู้จักกับ AlterEgo สุดยอดนวัตกรรม ควบคุมได้ง่ายๆ เพียงแค่ ‘คิด’ ก็เกินพอแล้ว!!
เทคโนโลยีของเรามีการเติบโตก้าวไกลมากขึ้นไปในทุกๆ วัน ปัจจุบันสิ่งที่เราอาจได้เห็นกันมาบ้างแล้วคือการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือสมาร์ทโฟนของเราด้วยการใช้เสียงพูด แต่อุปกรณ์ต่อไปนี้กลับทำได้เหนือชั้นยิ่งกว่านั้น เมื่อมันสามารถควบคุมได้ด้วยเสียงในความคิดของเรา นี่คือสิ่งประดิษฐ์ที่คิดค้นโดยนักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) สหรัฐอเมริกา มันมีชื่อว่า AlterEgo อุปกรณ์ที่เราสามารถควบคุมผ่านเสียงความคิดในสมองหรือที่เรียกว่ากลไก Subvocalization AlterEgo อุปกรณ์ที่สามารถสั่งการได้ผ่านความคิด ถ้าให้อธิบายง่ายๆ กลไก Subvocalization คือกระบวนการธรรมชาติที่เกิดขึ้นภายในสมองของเรา เป็นการพูดแบบไร้เสียงหรือก็คือเหมือนตอนที่เรากำลังอ่านหนังสือโดยไม่ออกเสียงอยู่นั่นเอง ซึ่งตอนนั้นกระบวนการภายในของเราจะบอกให้เรารับรู้ว่าสิ่งที่เราอ่านมันคือคำว่าอะไร มีความหมายว่าอย่างไร เพราะฉะนั้นแล้ว เพียงแค่เราคิดถึงคำพูดสั่งการเอาไว้ในหัว เราก็จะสามารถควบคุมการทำงานของอุปกรณ์นี้ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องอ้าปากพูดใดๆ เลย เจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้จะทำการจับสัญญาณระบบประสาทและกล้ามเนื้อในขณะที่เราคิดคำสั่งขึ้นมา จากนั้นระบบคอมพิวเตอร์จะแยกแยะว่าคำสั่งนั้นคือคำว่าอะไร โดยนักวิจัยบอกว่ามันสามารถแยกแยะคำสั่งต่างๆ ออกมาได้อย่างแม่นยำถึง 92 เปอร์เซ็นต์ และเชื่อว่าหากมีการทดสอบมากขึ้นก็จะทำให้มันแยกแยะได้แม่นยำมากขึ้นอย่างแน่นอน นอกจากนั้นนักวิจัยยังบอกอีกว่าการใช้งานเจ้า AlterEgo จะไม่ไปรบกวนกับบทสนทนาในชีวิตจริงของเราแน่นอน เพราะมันมีความสามารถในการแยกแยะระหว่างคำสั่งกับบทสนทนาได้ นักวิจัยได้แสดงตัวอย่างการทำงานของสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ ทำให้เราเห็นว่าปัจจุบันมันสามารถควบคุมได้ทั้งระบบทีวีที่ชื่อว่า Roku สามารถบอกเวลาเราได้เพียงแค่เราคิดถึงคำว่า “เวลา” สามารถบวกเลขที่เราคิดเอาไว้ในใจ แถมยังสามารถแนะนำการเดินหมากให้กับเราตอนที่เล่นหมากล้อมได้ด้วย คลิปแสดงตัวอย่างการทำงานของสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ Arnav…
-
แม่สาวนักประดิษฐ์ ผลิตนาฬิกาข้อมือ LED แห่งความจ๊าบ เพื่อนไม่มีให้ยืม ต้องสร้างเองนะคะ!!
สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ในชีวิตประจำวันสำหรับผู้คนทั่วไป ถ้าคุณพอใจกับงานออกแบบที่ผู้ผลิตจัดมาให้ เพียงแค่คุณมีเงินก็สามารถซื้อมาได้แล้ว ในส่วนของการใช้งานจริงก็ต้องนำไปลองใช้กันอีกที แต่หากคุณต้องการความแตกต่างแบบสุดโต่ง ที่มาพร้อมกับความคิดสร้างสรรค์และฝีมืออยู่ในตัว อย่างนั้นคุณอาจต้องสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมาด้วยตนเอง เหมือนกับหญิงสาวคนนี้ . นักออกแบบสาวชาวญี่ปุ่น FRISK_P มีความคิดที่อยากจะได้นาฬิกาที่มีความจ๊าบและแตกต่างจากเรือนอื่นๆ จะไปยืมเพื่อนมาใส่มันก็รู้สึกยังไงๆ อยู่ เอาเป็นว่าสร้างเองเลยก็แล้วกัน นาฬิกาข้อมือหน้าปัดแบบเขียน . จุดเริ่มต้นไอเดียก็คือ ‘สร้างนาฬิกาข้อมือที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน’ บวกกับความชื่นชอบในสไตล์งานออกแบบสตีมพังก์ แนวย่อยของนิยายวิทยาศาสตร์ ที่ผสมกลิ่นอายเครื่องจักรในยุควิคตอเรียศตวรรษที่ 19 กับเทคโนโลยีปัจจุบัน หน้าปัดแบบอนาล็อกแต่รันด้วยระบบดิจิทัล . และงานนาฬิกาเรือนนี้ของเธอ ก็ดูแปลกตาและมีขนาดที่ใหญ่โตกว่านาฬิกาข้อมือทั่วไป แต่ต้องยอมรับเลยว่าดูเฉี่ยวและเจ๋งมากๆ ทั้งรูปแบบการแสดงผลเวลาผ่านไฟ LED ใช้ความเป็นอนาล็อกผสมดิจิทัล หรือจะเป็นแบบอนาล็อกเพียวๆ ก็มีเช่นกัน นอกเหนือจากนาฬิกาข้อมือแล้ว เธอยังสร้างอุปกรณ์อื่นๆ ในแนวสตีมพังก์อีกเพียบ ให้อารมณ์ย้อนยุคทางด้านเวลาแต่ผสานเทคโนโลยีความก้าวหน้าเอาไว้ได้อย่างลงตัว แม้แต่แมวของเธอก็ยังไม่รอดเลย ฮร่าาาา… ที่มา : @FRISK_P,…
-
เปิดตัว “ถุงเท้าเปลี่ยนช่องทีวี” เลื่อน สไลด์ กด ไม่ง้อรีโมต เหมาะกับคนขี้เกียจเป็นที่สู๊ดดด
หลายครั้งหลายคราที่คุณนอนเอกเขนกดูทีวีและกินขนมไปด้วย คุณคงจะรู้สึกว่าการหยิบรีโมตเพื่อเปลี่ยนทีวีคงจะเป็นเรื่องที่ไม่ถนัดเอาเสียเลย เพราะมือของคุณเลอะขนมไปหมด ถ้าคุณมีปัญหานี้ล่ะก็เราจะแนะนำผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยให้คุณดูทีวี เปลี่ยนช่อง เปลี่ยนรายการ เพิ่ม/ลดเสียง ได้อย่างอิสระโดยที่มือไม่ต้องละจากขนมขบเคี้ยวเลยแม้แต่วินาทีเดียว Roku ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งภาพยนตร์ ซีรีส์และรายการต่างๆ ในอเมริกาได้เปิดตัวถุงเท้ารีโมต Roku Happy Streaming™ Socks ถุงเท้าที่มาพร้อมกับเซนเซอร์ให้คุณสามารถเลื่อน สไลด์ กดทีวีได้ราวกับถุงมือของ Iron Man ยังไงยังงั้น คุณสมบัติคร่าวๆ ของเจ้าถุงเท้านี้ 1. เซนเซอร์จับการเคลื่อนไหว – เซนเซอร์จับการเคลื่อนไหวที่ให้คุณสามารถปัดหน้าจอได้ด้วยเท้าของคุณ – กระดกเท้าไปข้างหน้าคือการกด – ใช้ส้นเท้าในการคลิก – กระดิกเท้า เพื่อเข้าสู่เนื้อหาความบันเทิง 2. มีเทคโนโลยี Toe-toasting – กดลงไปที่ป้าย Roku บนถุงเท้า มันจะทำหน้าที่อุ่นเท้าให้กับคุณอย่างอ่อนโยน 3. มีระบบป้องกันการสูญหาย – หากคุณจำไม่ได้ว่าถอดถุงเท้าไว้ที่ไหน ให้เดินไปกดปุ่ม Sock Finder Button ที่กล่องของ Roku เท่านี้ถุงเท้าก็จะส่งสัญญาณปี๊บๆ…
-
มารู้จักกับแอป Seek เพียงแค่ถ่ายก็บอกเราได้แล้วว่า ที่เราเจออยู่คือสิ่งมีชีวิตชนิดไหน!!
หลายๆ ครั้งที่เรามักจะเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า ต้นไม้หรือดอกไม้ที่เราเห็นอยู่ตอนนี้มันคือต้นอะไร วิธีการที่ง่ายๆ คงอาจจะถ่ายรูปแล้วอัปลงเฟซบุ๊กหรือเว็บไซต์พันทิปเพื่อหาคำตอบจากชาวเน็ตทั้งหลาย แต่นั่นแสดงว่าคุณคงยังไม่รู้จักกับแอปพลิเคชั่นที่ชื่อว่า Seek นี่คือแอปมือถือซึ่งเกิดจากความคิดของเครือข่ายโซเชียลมีเดียที่มีชื่อว่า iNaturalist สถานที่รวมเหล่าผู้คนในโลกออนไลน์ที่มีความสนใจเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต่างๆ ตามธรรมชาติบนโลกของเรา การทำงานของแอปตัวนี้คือมันสามารถระบุได้ว่าสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่เราได้เจอนั้นมันมีชื่อว่าอะไร ด้วยวิธีการง่ายๆ เพียงแค่เราถ่ายรูปสิ่งสิ่งนั้นเอาไว้ จากนั้นโปรแกรมจะทำการประมวลผลเข้ากับฐานข้อมูลเพื่อให้คำตอบกลับมาหาเราบนหน้าจอโทรศัพท์ เพียงเท่านี้เราก็สามารถรับรู้ได้แล้วว่าดอกไม้ ต้นไม้ หรือแม้แต่สิงสาราสัตว์นานาชนิดที่เราได้ไปเจอมา มันคือตัวอะไร อยู่ในสายพันธุ์ไหน มีข้อมูลสรุปจากวิกิพีเดียไว้ว่าอย่างไร เรียกว่าเจ๋งสุดๆ ไปเลย ราวกับการหาชื่อเพลงผ่านแอพ Shazam ยังไงยังงั้น แชะเดียว ก็บอกเราได้แล้วว่าสิ่งที่เราเจอนั้นคืออะไร และไม่ต้องกลัวว่าสิ่งที่เราเจอจะไม่มีในฐานข้อมูลของพวกเขา เพราะมันเป็นไปได้ยากมากๆ เนื่องจากแอปนี้จดจำข้อมูลของสิ่งมีชีวิตเอาไว้มากกว่า 30,000 สายพันธุ์เลยทีเดียว หรือไม่อย่างนั้น ถ้าหากใครบังเอิญไปเจอเข้ากับสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่เข้าจริงๆ พวกเขาก็จะเก็บสิ่งที่เราส่งต่อไปให้กับผู้เชี่ยวชาญศึกษาและค้นคว้าเพื่อนำมาให้คำตอบเราในภายหลัง ทำให้เราเป็นเหมือนกับส่วนหนึ่งที่ช่วยเปิดโลกกว้างให้กับคนอื่นๆ ไปพร้อมๆ กัน การค้นพบต่างๆ สามารถช่วยเปิดโลกให้กับเราและคนอื่นๆ ไปพร้อมๆ กันได้ ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะมันยังมีฟังก์ชั่นที่ช่วยทำให้เราสนุกกับการค้นพบสิ่งต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น โดยมันจะเก็บเอาภาพและข้อมูลของสิ่งที่เราเจอไว้ในคอลเลกชั่นของตัวเราเอง และทุกครั้งที่เราเจอกับสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่…
-
โปรเจ็กต์ Siren เมื่อตัวละครที่เห็นไม่ใช่คนจริง แต่เป็นร่างจำแลงมนุษย์ดิจิทัล!!
นวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีก้าวหน้าไปอย่างไม่สิ้นสุดจริงๆ โดยเฉพาะในวงการอุตสาหกรรมเกม ที่กำลังผลักดันให้เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality) สามารถจับต้องได้มากขึ้น… และเพื่อเป็นการผลักดันทางด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ด้วย สิ่งที่สามารถสร้างจากคอมพิวเตอร์ได้ก็คือการทำแอนิเมชั่นให้สมจริง ซึ่งล่าสุดนี้ทางบริษัท Epic Games ร่วมกับ Cubic Motion, 3Lateral, Tencent และ Vicon ได้ทำโปรเจ็กต์ชิ้นใหม่ขึ้นมา โปรเจ็กต์ Siren โปรเจกต์ตัวใหม่นี้ชื่อว่า Siren ตัวตนของมนุษย์ดิจิทัล ทำการจำลองภาพแบบเรียลไทม์ ด้วยขุมพลังจากเทคโนโลยี Unreal Engine 4 พร้อมด้วยเทคโนโลยีตรวจจับการเคลื่อนไหวจากบริษัทคู่ค้า ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ช่วยลดเวลาในการสร้างแอนิเมชั่นบนใบหน้าและร่างกาย พร้อมกับลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก “ทุกอย่างที่คุณเห็นนั้นถูกสร้างอยู่บน Unreal Engine ในระดับ 60 เฟรมต่อวินาที การสร้างตัวตนบนโลกดิจิทัลที่คุณสามารถตอบโต้และกำกับได้ในทันที คือสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดที่เคยเกิดขึ้น กับอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์กราฟิกในช่วงปีที่ผ่านมา” Kim Libreri หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีของบริษัท Epic Games กล่าว สำหรับตัว…
-
7-Eleven นำระบบ AI และ “จดจำใบหน้าลูกค้า” มาใช้ แถมไทยอาจได้เป็นเจ้าแรกๆ
7-Eleven คือร้านสะดวกซื้อที่ได้รับความนิยมอย่างมากในบ้านเรา ทั้งประเทศมีร้านค้าดังกล่าวตั้งอยู่มากกว่า 11,000 แห่ง และชีวิตของใครหลายๆ คนก็แทบจะคลุกคลีอยู่กับร้านค้าแห่งนี้อยู่ทุกวัน ด้วยความที่มันได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่ใช่แค่ในไทยแต่รวมถึงทั่วทั้งเอเชีย ทางบริษัทจึงตัดสินใจที่จะนำเอาระบบจักรกลซึ่งมีความสามารถในการจดจำใบหน้าเข้ามา เพื่อช่วยให้ลูกค้าทุกๆ คนซื้อของภายในร้านกันได้อย่างสะดวกสบายมากกว่าเดิม ทางบริษัทผู้ก่อตั้ง 7-Eleven ออกมาประกาศว่า พวกเขากำลังจะนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้านี้มาใช้ เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับการพัฒนามาจากบริษัท Remark Holdings ของสหรัฐอเมริกา สามารถแยกแยะใบหน้าของแต่ละคนได้อย่างแม่นยำมากกว่า 96 เปอร์เซ็นต์ เจ้าเทคโนโลยีตัวใหม่นี้มีหน้าที่ในการจดจำลูกหน้าตาของลูกค้าประจำทุกคน วิเคราะห์รูปแบบการสัญจรของลูกค้าภายในร้าน ตรวจสอบระดับความนิยมของผลิตภัณฑ์ต่างๆ มีการแนะนำสินค้าให้แก่ลูกค้า แถมยังสามารถวัดค่าอารมณ์ของลูกค้าขณะที่เดินไปมาได้อีกด้วย ถึงอย่างนั้น นี่อาจไม่ใช่ระบบที่ดูแปลกสำหรับบางประเทศในแถบเอเชีย อย่างเช่นประเทศจีน ที่มีการใช้ระบบจดจำใบหน้ามาก่อนหน้านี้แล้ว ช่วยให้ลูกค้าของร้านและบริการต่างๆ สามารถจ่ายเงินค่าอาหารได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงการกดเงินออกจากตู้ ATM และแม้แต่การกู้ยืมเงินก็มีเทคโนโลยีตัวนี้เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะเจ้าเทคโนโลยีจดจำใบหน้านี้ยังช่วยตรวจจับเนื้อหาที่ผิดกฎหมายในโลกออนไลน์ของประเทศจีนได้ แถมยังมีส่วนในการควบคุมเรื่องของความปลอดภัยและสุขอนามัยของพนักงานในร้านอาหาร ตามมาตรฐานขององค์กรสุขภาพ Shanghai health agency ภายในปี 2020 รัฐบาลจีนจึงมีความตั้งใจที่จะติดตั้งกล้องวงจรปิดกว่า 400 ล้านตัวทั่วประเทศ เพื่อใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้านี้ ให้ประชาชนทุกคนได้รับความสะดวกสบายกันอย่างทั่วถึง…
-
เด็กประถมญี่ปุ่นกระจายข่าว บอกทีวีเชื่อมไปโลกหลังความตาย หลังกดรีโมตแล้วจอเป็นคลื่น
ทุกวันนี้เทคโนโลยีนั้นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วมาก อะไรที่เคยเป็นเรื่องยากในสมัยก่อนก็กลายเป็นเรื่องง่ายๆ ในปัจจุบัน อย่างโทรทัศน์ที่เคยต้องมานั่งบิดเสาอากาศเพื่อหาคลื่น เดี๋ยวนี้แค่ติดกล่องทีเดียวก็ชัดแจ๋วแล้ว แต่การที่อะไรมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วนั้น ย่อมมาพร้อมกับบางสิ่งที่จะถูกหลงลืมไปและบางครั้งก็กลายเป็นเรื่องลึกลับ อย่างคนรุ่นนี้อาจจะไม่มีใครรู้จักเพจเจอร์แล้วก็ได้ เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของบางสิ่งที่กลายเป็นสิ่งลึกลับไปกับการเวลา เมื่อเด็กญี่ปุ่นคนหนึ่งออกมากระจายข่าวเรื่องปุ่มลึกลับบนรีโมต ที่สามารถเปลี่ยนจอโทรทัศน์ธรรมดาๆ ให้กลายเป็นทางเชื่อมระหว่างโลกคนเป็นกับโลกของคนตายได้… แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ Kujiradake Chonosuke โพสต์ในทวิตเตอร์ของเขา อธิบายว่าลูกสาววัย 7 ขวบเล่าให้เขาฟังถึงข่าวลือในโรงเรียนที่มีใจความว่า “ทีวีนั้นสามารถเชื่อมต่อไปโลกหลังความตายได้” และพูดในขณะที่กอดเขาด้วยความหวาดกลัวว่า “ทีวีของพวกเราก็ทำได้เหมือนกัน” เธอแสดงหลักฐานโดยการกดปุ่มที่เปลี่ยนโทรทัศน์เป็นระบบรับสัญญาณแอนะล็อก แต่เพราะที่ญี่ปุ่นเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิทัลเป็นเวลาหลายปีแล้ว จึงไม่มีอะไรปรากฏขึ้นบนจอนอกจากคลื่นซ่าๆ (ในญี่ปุ่นเรียกกันว่า “砂の嵐” หรือ Suna No Arashi ที่แปลว่าพายุทราย) เหมือนพายุทรายไหม? เด็กรุ่นเดียวกับลูกสาวของ Kujiradake นั้น โตขึ้นในยุคที่มีแต่การแพร่ภาพดิจิทัลและไม่เคยพบจอทีวีที่เป็นคลื่นแบบนี้ด้วยตัวเองมาก่อน ถึงอย่างนั้นก็ตามจอทีวีแบบนี้กลับพบได้ทั่วไปในรายการทีวี และภาพยนตร์ โดยเฉพาะในเรื่องราวจำพวกภูตผีปีศาจ หรือหนังสยองขวัญ ทำให้ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กๆ จะได้รับความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับเจ้าจอทีวีที่เป็นคลื่นเหล่านี้ Poltergeist หนังจากปี 2015 ก็มีฉากเกี่ยวกับจอทีวีแบบที่ว่า ไม่แน่นะว่าเรื่องราวในครั้งนี้อาจจะกลายเป็น “ตำนานเมือง”…
-
วิศวกรหัวเฉียบ… คิดค้นระบบจดจำใบหน้าแมว จะได้รู้ว่าเมื่อไหร่เจ้านายอยากเข้าบ้าน!!
เทคโนโลยีมีส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้ชีวิตของมนุษย์สะดวกสบายมากขึ้นกว่าแต่กาลก่อน ไม่ว่าจะเป็นระบบคิดคำนวณค่าต่างๆ ระบบช่วยเหลืออัตโนมัติ ระบบจดจำใบหน้า ฯลฯ ซึ่งหากนำมาประยุกต์ใช้อีกหนึ่งต่อก็ยิ่งดีไปอีก!! ด้วยความรู้และความเข้าใจของทาสนามว่า Arkaitz Garro ผู้ทำงานเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ให้กับบริษัท WeTransfer ในประเทศเนเธอร์แลนด์ จากเหตุที่ประตูบ้านของเขานั้นไม่มีประตูน้อยสำหรับเจ้านาย… เมื่อไรก็ตามที่นายท่านอยากจะเข้าบ้าน ก็ต้องรอคอยจนกว่าจะเขาหรือภรรยาสังเกตเห็น เพราะฉะนั้นแล้วเขาจึงคิดได้ว่า ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อนายท่านแล้วล่ะ!! แต่แทนที่จะเสริมประตูน้อยหรือเปลี่ยนบานประตู เขาเลือกใช้ทักษะด้านเทคโนโลยีมาแก้ไขปัญหา ด้วยการติดตั้งระบบปัญญาประดิษฐ์ ผนวกเข้ากับระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว การจดจำใบหน้า และแอปพลิเคชั่นข้อความ ซึ่งเขาก็ใช้เวลาทำเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง จุดเริ่มต้นการโคจรมาเจอกันระหว่างนายท่านกับทาสนั้น เกิดขึ้นไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมื่อ Arkaitz และภรรยาสังเกตเห็นเจ้าเหมียวอยู่บนระเบียงหลังบ้าน โดยไม่รู้ว่ามีสถานะแล้วหรือเป็นเพียงแมวจรทั่วไป ก็เลยพาเข้าบ้านพร้อมกับประกาศหาเจ้าของเสียก่อน… แต่แล้วก็พบว่าแมวตัวนี้มีเจ้าของแล้ว อยู่บ้านถัดไปเพียงไม่กี่หลังเท่านั้น แต่ทว่าพวกเขาก็ยินดีร่วมเลี้ยง กลายเป็นว่าเจ้าเหมียวมี 2 ครอบครัวไปโดยปริยาย เมื่อเขาไม่รู้ว่าเจ้าเหมียวจะมาเวลาไหน ก็เลยต้องใช้ทักษะที่มีการสร้างระบบจดจำใบหน้าให้นายท่าน ติดตั้งเอาไว้บริเวณประตู เมื่อไรก็ตามที่นายท่านแวะมาเยี่ยมเยียน ระบบจะทำการส่งข้อความ “เปิดประตูเดี๋ยวนี้” ส่งไปให้เขาได้ออกมาเปิดบ้านต้อนรับอย่างอบอุ่น ระบบแจ้งเตือนด้วยข้อความ “เปิดประตูเดี๋ยวนี้!” “เราอยากให้มีการแจ้งเตือนเมื่อเจ้าเหมียวแวะเวียนมาหา เพื่อที่เราจะได้ไปเปิดประตูหลังบ้านให้เข้ามาได้ เพราะบ้านของเราไม่มีประตูแมว ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวได้ ระบบก็จะส่งรูปภาพไปยังส่วนจดจำใบหน้า…
-
อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยแบบใหม่ ไม่ต้องจำรหัสผ่านอีกต่อไป
เชื่อว่าเราทุกคนต่างก็ต้องเคยประสบปัญหาการลืมรหัสผ่านสำหรับเข้าเว็บไซต์หรืออุปกรณ์ต่างๆ ทั้งหลายแหล่ของเรา การที่จะมานั่งจำรหัสผ่านหลายๆ ตัว ยิ่งมีหลายเว็บไซต์ก็ต้องมีรหัสที่ไม่ซ้ำกัน แถมบางอันต้องมีตัวอักษรพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่คละกันไปอีก น่าปวดหัว เจ้าอุปกรณ์ที่จะมาแนะนำมีชื่อว่า Everykey เป็นอุปกรณ์บลูทูธขนาดเล็กกระทัดรัดที่จะสร้างความปลอดภัยให้กับบัญชีออนไลน์และอุปกรณ์ต่างๆ ของคุณ หลายๆ คนสงสัยว่าเจ้าอุปกรณ์นี้มันดีอย่างไร บอกเลยว่าประโยชน์ของมันนั้นมีมากกว่าที่คิด เพราะว่าไม่ใช่จะแค่ช่วยรักษาความปลอดภัยยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของคุณโดยเฉพาะ ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์พาสเวิร์ดเพื่อปลดล็อกอุปกรณ์และก็ไม่จำเป็นต้องจำพาสเวิร์ดทั้งหลายแหล่อีกต่อไป Everykey จะทำเป็นเหมือนกุญแจแบบดิจิตัล สร้างรหัสผ่านที่ซับซ้อนและไม่มีใครสามารถจำได้แบบอัตโนมัติ เพื่อป้องกันการแฮกข้อมูล ใช้การเข้ารหัสแบบ AES 128-bit แบบเดียวการเข้ารหัสข้อมูลทางการทหาร มันจะล็อกอินเว็บไซต์แบบอัตโนมัติเมื่อคุณอยู่ใกล้และจะล็อกเอาต์ทันทีเมื่อคุณไม่ได้อยู่ในบริเวณที่กำหนด แต่ถ้าคุณทำเจ้า Everykey หาย ก็อย่าเป็นกังวล คุณสามารถสั่งล็อกข้อมูลได้ด้วยการใช้แอปพลิเคชันในมือถือหรือการโทรหาคอลเซ็นเตอร์เพื่อให้เจ้าหน้าที่จัดการ คุณไม่ต้องกังวลว่าใครจะแอบเอาไปใช้ในทางไม่ดีได้ นอกจากนี้มันยังถูกออกแบบมาเพื่อใช้ร่วมกับอุปกรณ์บลูทูธต่างๆ ทั้งรถ บ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ ที่กำลังอยู่ในการพัฒนานวัตกรรมนี้ ส่วนเรื่องราคา Everykey ขายในราคาปลีก 165 เหรียญหรือประมาณ 5,200 บาท แต่ถ้าซื้อ 3 ชิ้นจะขายที่ราคา 54.99 เหรียญหรือประมาณ 1,733 บาทต่อตัว เท่านั้นเองง…
-
‘หุ่นยนต์ทนาย’ ปัญญาประดิษฐ์รุ่นใหม่ สามารถว่าความกรณีง่ายๆ และแม่นยำกว่ามนุษย์…
เนื่องจากเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นมีความก้าวหน้าขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆ วัน ปัญญาประดิษฐ์จำพวกหุ่นยนต์จึงได้รับการพัฒนาให้มีความฉลาดมากขึ้น จนสามารถเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ได้ในหลายตำแหน่งงาน เช่น นักแปล พนักงานขับรถ และพนักงานต้อนรับ เป็นต้น จนมนุษย์เองก็เริ่มเกิดความกลัวว่าวันหนึ่ง หุ่นยนต์จะทำให้มนุษย์ไม่เหลือจุดยืนบนโลกใบนี้อีกต่อไป และวันนี้ความกลัวดังกล่าวกลับมาหลอกหลอนจิตใจผู้คนอีกครั้ง เพราะว่า หุ่นยนต์จะเข้ามารับตำแหน่ง “ทนายความ” ที่ก่อนหน้ามีแต่มนุษย์เท่านั้นที่ทำได้ ในเดือนตุลาคม 2017 ที่ประเทศอังกฤษได้มีการจัดงานแข่งขันสำหรับทนายความ ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้มีชื่อว่า Case Cruncher Alpha เป็นการแข่งขันระหว่างทนายความจากบริษัทใหญ่ในกรุงลอนดอน กับหุ่นยนต์ทนายความ ทนายความทั้งมนุษย์และหุ่นยนต์จะได้รับกรณีศึกษาเกี่ยวกับ การขายประกันพ่วงสินเชื่อ ที่หลอกผู้บริโภคให้เข้าใจผิด และให้คาดการณ์ว่าทางผู้ตรวจตราข้อพิพาททางการเงินจะอนุญาตให้ผู้เสียหายฟ้องร้องได้หรือไม่ คำตอบถูกส่งมาจำนวน 775 คำคาดการณ์ แต่คำคาดการณ์ของหุ่นยนต์กลับเอาชนะไปด้วยอัตราความแม่นยำและถูกต้องที่ 86.6% ส่วนทนายความที่เป็นมนุษย์นั้นมีความแม่นยำเพียง 66.3% เท่านั้น ที่จริงแล้ว Case Cruncher ไม่ใช่หุ่นยนต์จากบริษัทยักษ์ใหญ่อะไร เป็นเพียงผลผลิตจากสมองของนักศึกษากฏหมาย 4 คน ที่เริ่มจากการสร้างปัญญาประดิษฐ์สำหรับตอบผู้ที่มาขอคำปรึกษาทางกฎหมายผ่านทางอินเทอร์เน็ต จากนั้นพวกเขาก็พัฒนามาเป็นการเขียนโปรแกรมให้ปัญญาประดิษฐ์เหล่านั้นสามารถคาดการณ์ในกรณีข้อพิพาทต่างๆ ได้ และน่าตกใจยิ่งกว่าคือ พวกเขาทั้ง 4 คนไม่มีความรู้ทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์เลย แต่เป็นการที่พวกเขาเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง…
-
‘มือเปล่งแสง’ บอกสถานะสุขภาพได้ทันที หวังพัฒนาเพื่อรับรองปัญหาผู้สูงอายุในประเทศ
เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่สามารถอำนวยความสะดวกให้แก่เราในด้านต่างๆ ได้ และในทุกๆ วันมันก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นอีกเยอะ และในตอนนี้ก็มีอีกหนึ่งไอเทมที่ดูเหมือนกับว่าจะมาช่วยดูแลสุขภาพของเราได้เป็นอย่างดี เพราะว่ามันเป็นหน้าจอที่สามารถใช้ติดกับผิวหนังเราได้อย่างไม่เกะกะใดๆ ทั้งสิ้น แถมยังบอกสุขภาพของเราในช่วงเวลาดังกล่าวได้อีกด้วย!! โดยมหาวิทยาลัยโตเกียวร่วมกับบริษัท Dai Nippon Printing ได้เป็นผู้พัฒนาหน้าจอที่ว่านี้ ซึ่งพวกเขาบอกเอาไว้ว่าอุปกรณ์ตัวใหม่นี้จะช่วยผู้สูงอายุในเรื่องการดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น และเรื่องที่สำคัญที่สุดคือมันไม่ต้องใช้อุปกรณ์ที่ซับซ้อนใดๆ ทั้งสิ้น สำหรับเจ้าหน้าจอสุดไฮเทคตัวนี้ มันมีคุณสมบัติที่โดดเด่นเป็นอย่างมากในเรื่องความบางของมัน ซึ่งหน้าจอแสดงผลได้ทำขึ้นมาจากไฟ LEDs จำนวน 384 ดวง พร้อมด้วยสายไฟที่ติดอยู่บนแผ่นยางทำให้สามารถยืดหยุ่นได้มากกว่าปกติถึง 45 เท่าเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นอุปกรณ์นี้ยังสามารถติดไว้บนผิวหนังได้ต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 1 สัปดาห์ โดยไม่ก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวหนังหรือความรำคาญแต่อย่างใด จนถึงขั้นที่ว่าบางคนอาจจะใช้ชีวิตประจำวันไปจนลืมว่ามีมันติดเอาไว้บนแขนเลยก็เป็นได้ “ด้วยเจ้าสิ่งนี้ มันจะให้คุณสามารถแบ่งปันข้อมูลด้านสุขภาพให้กับแพทย์ประจำตัวได้อย่างรวดเร็ว เพื่อที่เวลาเกิดอะไรขึ้นทางแพทย์จะได้สามารถติดต่อกลับไปยังผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที” Takao Someya แพทย์ประจำมหาวิทยาลัยโตเกียว ที่เป็นผู้พัฒนาอุปกรณ์นี้กล่าว นอกเหนือจากการตรวจสอบสุขภาพของผู้ใช้อย่างเช่น การตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจโดยใช้คลื่นไฟฟ้าหัวใจแล้ว เจ้าสิ่งนี้มันยังสามารถเตือนเวลาการใช้ยาของเรา รวมถึงให้เราสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้อีกด้วย “แค่วางเจ้าหน้าจอนี้ลงบนผิวหนัังของคุณ คุณก็จะรับรู้ได้เลยว่ามันเป็นเสมือนกับส่วนหนึ่งของร่างกาย ในตอนที่มีข้อความส่งมาถึงหน้าจอบนมือคุณ คุณก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดกับผู้ส่งได้มากขึ้น” “ผมคิดว่า ถ้าเป็นคนสูงอายุอย่างคุณปู่ได้รับข้อความจากหลานๆ ว่า ‘หนูรักปู่นะ’ ผ่านหน้าจอนี้ เขาน่าจะรู้สึกอบอุ่นขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย”…
-
นักวิทย์คิดค้นวิธีชาร์จไฟไร้สายแบบใหม่ ด้วยกลวิธี ‘ปรบมือ’ หรือ ‘เต้น’ ออกกำลังแลกไฟฟ้า!?
ในปัจจุบันการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองนั้นทำให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมายกับสิ่งแวดล้อม นั่นทำให้ผู้คนหันมาสนใจนวัตกรรมพลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานและทรัพยากร แถมยังช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วย และไม่นานมานี้นักวิทยาศาสตร์ก็ได้คิดค้นวิธีใหม่ในการสร้างพลังงานให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยการปรบมือและการเต้น เทคโนโลยีในการสร้างพลังงานสะอาดนี้ได้วิธีมาจาก Triboelecticity ที่สามารถกำเนิดพลังงานได้จากการเคลื่อนไหวและการสั่นสะเทือน นักวิจัยชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียจากสถาบัน Clemson’s Nanomaterial Institute (CNI) ได้สร้างอุปกรณ์ที่มีชื่อว่า Ultra-Simple Triboelectricity Nanogenerator หรือเรียกสั้นๆ ว่า U-TENG ในปี 2017 U-TENG เป็นอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ที่ทำมาจากพลาสติกและเทปที่สามารถสร้างกระแสไฟฟ้าได้เมื่อวัสดุทั้งสองได้มากระทบกัน โดยตัวอุปกรณ์จะตรวจจับการกระทบไม่ว่าจะเป็นการปรบมือ หรือการย่ำเท้าผ่านสายไฟและวงจรด้านนอก และเก็บสะสมพลังงานที่ได้มาไว้ในแบตเตอร์รี่หรือตัวเก็บประจุ นอกจากนั้นยังได้มีการสร้างอุปกรณ์รุ่นใหม่ที่ไร้สายโดยมีชื่อเรียกว่า W-TENG ที่ใช้วัสดุผสมผสานมาจาก Teflon และเส้นใยหลายๆ ส่วน ซึ่งประกอบไปด้วยวัสดุที่บางเป็นพิเศษอย่าง Graphene W-TENG สามารถเก็บประจุไฟฟ้าได้ถึง 3,000 โวลต์ ซึ่งสามารถสร้างสนามไฟฟ้าที่สามารถส่งต่อพลังงานได้ไกลถึง 3 เมตรเลยทีเดียว “นอกจากนี้ มันยังสามารถใช้สนามไฟฟ้าให้เป็นรีโมทได้อีกด้วย เช่นการปรบมือกับอุปกรณ์ W-TENG…
-
ดีไซเนอร์ไปเที่ยวญี่ปุ่นประทับใจ ATM มีที่ให้แขวนของด้วย แสดงถึงความใส่ใจทุกอย่าง
อย่างที่รู้กันว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นประเทศที่มีความพิถีพิถันในการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในระดับที่ไม่น่าเชื่อ แทบทุกอย่างจะแลดูสะอาดมีความทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นตู้ขายน้ำอัตโนมัติ รถไฟฟ้า ไปจนถึงห้องน้ำ Marcin Wichary นักออกแบบ และผู้เชี่ยวชาญด้านการทำตัวพิมพ์ ก็เป็นหนึ่งในเหล่าผู้คนที่ชื่นชอบในการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกของประเทศญี่ปุ่นเช่นกัน เขาได้ทำการทวีตความแปลกใจของเขาที่มีต่อเครื่องอำนวยความสะดวกที่เขาได้พบในการเดินทางไปญี่ปุ่นของเขามากว่า 200 ชิ้นแล้ว โดยสิ่งที่สร้างความประทับใจให้แก่เขาก็มีตัวอย่างเช่น ตู้ขายน้ำอัตโนมัติ ทั้งหมดที่เจอที่นี่จะมีไฟขึ้นบอกว่าผมสามารถซื้ออะไรได้บ้าง ด้วยจำนวนเงินที่หยอดไป 22. All the vending machines I used so far (three) used lights to show me what I could afford after putting in money. pic.twitter.com/h88FLevp8f — Marcin Wichary (@mwichary) 1 กุมภาพันธ์ 2561 รถไฟที่นี่จะมีภาพเคลื่อนไหวบอกว่า คุณได้มาถึงสถานีแล้ว แถมยังบอกอีกว่าตู้ที่คุณอยู่จอดอยู่ที่บริเวณไหน และโครงสร้างคร่าวๆ…
-
คุณป้าชาวสวนวัย 55 ปี ใช้เซกเวย์ในการขนผัก แหมชีวิตสบายขึ้นเยอะเลยอิหนูเอ้ยย
ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับในสมัยก่อน ทำให้ในตอนนี้การเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและมีวิธีที่หลากหลาย และก็มีชาวสวนคนหนึ่งที่นำความก้าวหน้านี้มาใช้ประโยชน์ด้วยการใช้เซกเวย์ ในการขนผัก ซึ่งเธอบอกว่าเทคโนโลยีนี้มันสามารถช่วยให้ชีวิตของเธอง่ายขึ้นอีกเป็นกองเลย โดยชาวสวนคนเก่งที่ว่านี้มีชื่อว่า Gong Rongniang ชาวมณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน วัย 55 ปี โดยเธอเล่าให้ฟังว่าการใช้เทคโนโลยีนี้ของเธอเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว จากการช่วยเหลือของลูกชาย ซึ่งในตอนนั้นเธอซื้อเจ้ารถยืนไฟฟ้า 2 ล้อนี้มาจากโลกออนไลนด้วยราคาเพียงแค่ 2,000 หยวน (ประมาณ 9,800 บาท) เท่านั้น ยิ้มแฉ่งมาเชียวนะ เมื่อมันมาถึงบ้านของเธอแล้ว Gong ก็บอกว่าเธอรีบศึกษาวิธีการใช้งานในเวลาเพียง 3 ชั่วโมง และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมามันก็เป็นพาหนะประจำตัวเธอไปโดยปริยาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้เดินทางไปยังบ้านของเพื่อนบ้าน หรือใช้สำหรับเพื่อขนผักจากสวนของเธอด้วย ซึ่ง Gong ได้บอกเอาไว้ว่าเจ้าเซกเวย์คู่ใจของเธอ มันสามารถทำให้การชีวิตประจำวันของเธอง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก อย่างงานที่ปกติเคยทำโดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงจึงจะสำเร็จ ในตอนนี้เธอใช้เวลาเพียงแค่ 40 นาทีเท่านั้น ไปได้ทุกที่ที่ต้องการ โดยในทุกๆ วันจะเป็นภาพที่ชินตาของชาวบ้านไปแล้ว สำหรับภาพของ Gong ที่แบกหาบเอาไว้บนบ่าพร้อมทั้งขี่เซกเวย์นี้ไปด้วย ซึ่งเธอบอกเอาว่าเธอเคยแบกผักได้มากสุดถึง…
-
ตำรวจจีนเริ่มใช้ ‘แว่นตาอัจริยะ’ สามารถระบุตัวตนประชาชน เพื่อเข้าถึงคนร้ายได้ง่ายขึ้น!!
ปัจจุบันเทคโนโลยีของมนุษย์เรานับว่าก้าวหน้ามาไกลมาเลยทีเดียว มีอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้มากมาย ซึ่งช่วยทำให้ชีวิตของมนุษย์เรานั้นสามารถดำเนินไปได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ในด้านของตำรวจเองก็ไม่แพ้กัน เพราะในยุคนี้มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสุดไฮเทค ที่ออกมาเพื่อช่วยให้จับผู้ร้ายได้ง่ายขึ้นมาก ลักษณะคล้ายกับที่เคยเห็นผ่านตาในภาพยนตร์ก็คงจะไม่ผิดนัก และอุปกรณ์ที่ว่านี้ก็คือ แว่นตาไฮเทค Smartglasses โดยทางตำรวจขนส่งในเมืองเจิ้งโจวของประเทศจีน ได้ลองนำมาใส่แล้วไปประจำการที่สถานีรถไฟ ในช่วงวันตรุษจีนซึ่งเป็นช่วงที่เรียกได้ว่ามีผู้คนพลุกพล่านที่สุด โดยเจ้าแว่น Smartglasses มีเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า ที่ทำให้เจ้าหน้าที่ผู้สวมใส่นั้นสามารถตรวจจับและระบุตัวตนของผู้ต้องสงสัยได้อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นายได้ทำการสวมแว่นตาดังกล่าว แล้วไปประจำที่ประตูทางออกด้านตะวันออกของสถานี เมื่อพบเจอผู้ต้องสงสัย กล้องที่ติดอยู่กับแว่นตาจะทำการเก็บภาพใบหน้าของผู้ต้องสงสัยเหล่านั้น เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลที่เก็บไว้ในสำนักงานใหญ่ จากนั้นระบบจะทำการแสดงข้อมูลที่สำคัญของผู้ต้องสงสัยเหล่านั้นขึ้นมา ประกอบไปด้วย ชื่อ สัญชาติ เพศ และที่อยู่ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งกลับมาปรากฏบนแว่นที่เจ้าหน้าที่สวมใส่อีกครั้ง ทั้งนี้แว่นยังสามารถระบุได้ว่าผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวนั้นกำลังหนีคดีอยู่หรือไม่ อีกทั้งยังระบุโรงแรมหรือที่พักที่บุคคลนั้นๆ กำลังเข้าพัก รวมไปทั้งข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตของผู้ต้องสงสัยอีกด้วย ในช่วงเทศกาลตรุษจีนนั้นคาดว่ามีประชาชนประมาณ 390 ล้านคน เดินทางโดยรถไฟในช่วงเวลา 40 วัน ถึงอย่างนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองเจิ้งโจวเอง ก็สามารถจับผู้ต้องสงสัยได้ถึง 7 ราย มีตั้งแต่คดีชนแล้วหนี…
-
นวัตกรรมเพื่อความสบาย ‘รองเท้าแตะจอดเองได้’ ใส่ทิ้งไว้ตรงไหน เดี๋ยวจะเข้าซองหาที่จอดเอง
เวลาเดินอยู่ในบ้านหรือในห้อง เพื่อนๆ ชอบที่จะใส่รองเท้าแตะเดินกันรึเปล่า ตัวผู้เขียนนั้นชอบใส่รองเท้าแตะเดินในบ้านเอามากๆ เลย เพราะเวลาเดินในบ้านด้วยเท้าเปล่าแล้วเหงื่อออกทำให้พื้นเป็นรอยเท้าง่ายๆ การทำแบบนี้จะได้ป้องกันรอยเท้าในบ้านไปในตัว แต่มันมีปัญหาที่ตามมาก็คือบางทีก็ลืมว่าเอารองเท้าแตะไปถอดทิ้งไว้ที่ไหน แต่มาในวันนี้ปัญหานี้จะหมดไป เมื่อมีคนได้คิดคนรองเท้าแตะแบบจอดเองอัตโนมัติออกมาแล้ว!? . รองเท้าแตะอัจฉริยะนี้ถูกคิดค้นโดยบริษัท Nissan พวกเขาได้นำเอาเทคโนโลยีการจอดรถอัตโนมัติเข้ามาใช้กับสลิปเปอร์ ซึ่งแขกนั้นจะสามารถเรียกหรือสั่งให้สลิปเปอร์จอดได้ เพียงแค่การกดปุ่มเท่านั้น การนำระบบของ Nissan มาใส่ในสลิปเปอร์นั้นจะทำให้มันสามารถจอดตัวเองได้หลังจากที่ถอด ซึ่งจะมีการเปิดตัวใช้อย่างเป็นทางการที่ โรงแรม ProPILOT Park Ryokan ของ Nissan ในเดือนมีนาคม ที่เมืองฮาโกเนะ . การใช้เทคโนโลยี ProPilot Park ทำให้สลิปเปอร์นั้นมีล้อน้อยๆ 2 ล้อ และเซนเซอร์ต่างๆ ที่สามารถให้มันวิ่งไปรอบๆ พื้นโรงแรมได้ และไม่ได้มีเพียงแต่รองเท้าแตะเท่านั้น ที่โรงแรมยังมีโต๊ะและเบาะรองนั่งไฮเทค ที่ได้ปรับแต่งระบบเช่นเดียวกับรองเท้าแตะ ที่เวลาไม่ได้ใช้มันแล้ว มันจะวิ่งเข้าไปที่เดิมที่มันถูกตั้งค่าเอาไว้ . การทำแบบนี้จริงๆ แล้ว Nissan นั้นจะโฆษณาระบบใหม่ของรถยนต์นั่นเอง ซึ่งคนอาจมองไม่เห็นประโยชน์ของเทคโนโลยีใหม่นี้ Nissan…
-
ลือหนัก Apple อาจจะเลิกผลิต iPhone X ในช่วงหน้าร้อนนี้ หลังพบว่ามันไม่ค่อยปังเท่าที่ควร
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปลายปี 2017 เรายังจำกันได้ไหมในวันที่ iPhone X ได้วางขายและมีคนมากมายไปต่อแถวเพื่อรอจับจองเป็นเจ้าของ แต่หลังจากผู้คนได้ลองใช้มือถือรุ่นนี้ดู ผลที่ออกกลับไม่สู้ดีเท่าที่ควร ส่วนเหตุผลที่กระแสตอบรับไม่ดีเท่าที่ควรนั้นก็เกิดจากปัจจัยหลายอย่างเช่นราคาที่สูงลิ่วทั้งๆ ที่ในยุคนี้เศรษฐกิจกลับไม่ค่อยดีนัก ระบบหลายๆ อย่างก็ยังทำออกมาไม่ดีเท่าที่ควร เช่นระบบสแกนใบหน้าที่ยังมีจุดบอดอยู่ แถมฐานลูกค้ารายใหญ่อย่างชาวจีน ก็ไม่ปลื้มที่พื้นว่างบริเวณจอภาพหายไปส่วนหนึ่ง ผลกระทบดังกล่าวนั้นจึงส่งผลให้ทางบริษัท Apple เริ่มมองว่าตัว iPhone X ควรจะยกเลิกการผลิต ซึ่งพวกเขาวางแผนว่าจะทำมันในช่วงหน้าร้อนที่จะถึงนี้ Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ชื่อดังได้บอกว่า เขาแปลกใจมากที่ iPhone 6 และ 7 นั้นทำออกมาได้ดีและมีพื้นที่ใช้สอยเยอะมาก กลับกัน iPhone X ดันไม่เป็นแบบนั้น เขายังวิเคราะห์ว่าในอนาคตราคาของมือถือรุ่นใหม่ดังกล่าวจะถูกลงกว่าเดิมมากๆ และทาง Apple ก็คงจะมีแผนรับมือด้วยการปล่อย iPhone X Plus ตามมาอย่างแน่นอน ดูจากทริปล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคม CEO ของทาง Apple อย่าง Tim…
-
โดรนช่วยชีวิต 2 วัยรุ่นลอยคอกลางทะเล ได้เป็นครั้งแรกของโลก เร็วกว่าเรือกู้ชีพอีก!!
เทคโนโลยีในปัจจุบัน นับว่ามีความก้าวหน้าไปอย่างมาก จนหลายคนอาจะเริ่มเกิดความรู้สึกว่าวันหนึ่งมนุษย์เราจะต้องถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ จนกลายเป็นว่ามนุษย์เราอาจจะต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเทคโนโลยี แต่เหตุการณ์ที่กำลังจะเสนอนี้สามารถใช้เป็นหลักฐานบ่งชี้ได้ดีเลยว่า “เทคโนโลยี” นั้นน่าจะเป็นประโยชน์กับมนุษย์แน่นอน เมื่อไม่นานมานี้ได้มีข่าวว่า “โดรน” ในประเทศออสเตรเลียได้เข้าไปช่วยชีวิตเด็กหนุ่ม 2 คนจนรอดตายมาแล้ว รายงานจาก BBC พบว่า ที่ชายฝั่งเลนน็อกซ์เฮด รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย มีคนสังเกตเห็นเด็กหนุ่ม 2 คน ติดอยู่นอกชายฝั่งราวๆ 700 เมตร ผู้ดูแลความปลอดภัยของชายฝั่งจึงบังคับ “โดรน” ที่ตนกำลังฝึกใช้อยู่ ให้ออกไปนอกชายฝั่งเพื่อค้นหาและช่วยเหลือเด็กหนุ่มดังกล่าว เด็กหนุ่มทั้งสอง อายุ 15 ปี และ 17 ปี ถูกพบว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายถึงชีวิต เขาจึงบังคับโดรนให้นำเบาะชูชีพไปส่งให้เด็กหนุ่มทั้งสองคน ทั้งคู่จึงได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัย John Barilaro รองรัฐมนตรีแห่งนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า “ไม่เคยมีการนำอุปกรณ์ชูชีพติดกับโดรนเพื่อไปช่วยคนมาก่อนเลย” Jai Sheridan หัวหน้าผู้ดูแลความปลอดภัยได้ให้สัมภาษณ์กับ The Sydney Morning Herald ว่า “วันนี้ เจ้าโดรนได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว มันเป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่แสนวิเศษและยังบินได้ด้วย”…
-
เมื่อหลานสอน “คุณยายวัยเก๋า” ลองใช้ “เทคโนโลยียุคใหม่” เกิดเป็นเรื่องสุดป่วนสุดฮา!!
ในปัจจุบันเทคโนโลยีนั้นได้ก้าวกระโดดไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมโทรศัพท์จะต้องมีขนาดใหญ่ก็หดเหลือขนาดเล็ก แต่ก่อนจะส่งข้อความก็ต้องใช้จดหมายแต่มาในตอนนี้ก็มีอินเตอร์เน็ตมาช่วยให้เราสบายขึ้น และไหนจะผู้ช่วยที่เป็น AI ที่สามารถตอบคำถามและคอยจัดการทุกอย่างให้เราได้อีก… และเมื่อเทคโนโลยีก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ เหล่าผู้สูงอายุที่ไม่เคยเจอกับเทคโนโลยีอะไรแบบนี้ ทุกอย่างก็ล้วนถือเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับพวกเขา โดยเฉพาะระบบ AI ผู้ช่วยที่ในยุคสมัยของพวกเขายังไม่มีนั่นเอง และนั่นก็ทำให้พวกคนชราส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยจะเปิดใจยอมรับมันสักเท่าไหร่ กลับกันคุณยาย Kathleen Todd วัย 95 ปีคนนี้กลับหลงรักเทคโนโลยีมากๆ แม้จะอายุมากขนาดนี้แล้วก็ตาม… ยิ่งล่าสุดคุณยาย Kathleen นั้นได้พบกับเทคโนโลยีผู้ช่วยสุดล้ำ ที่หลานของเธอเพิ่งจะซื้อมาให้ได้ไม่นานเพื่อเป็นของขวัญวันคริสต์มาส ซึ่งมันก็คือเจ้า Google home นั่นเอง ซึ่งเมื่อเธอได้ลองใช้เจ้า Google home ไปสักพัก เธอก็ตกหลุมรักและยอมรับเลยว่าตอนนี้เธอเป็นแฟนตัวยังของ Google ไปแล้ว แถมยังเล่าถึงเพื่อนใหม่ของเธอผ่านเฟซบุ๊กอีกด้วย คุณยายแกเล่าว่า มีสมาชิกใหม่เข้ามาในบ้านของเธอ ซึ่งสมาชิกที่ว่านั้นชื่อ Google สมาชิกใหม่คนนี้สามารถทำได้ทุกอย่างเลยเพียงแค่เรียกพูดว่า “Hey Google!!” ยกตัวอย่างเช่นเธอได้ขอให้มันปลุกเธอตอน 6 โมง 15 และเพื่อนใหม่ก็ทำให้ คุณยายยังบอกอีกว่า เธอสามารถถามหาสูตรอาหารจากเพื่อนใหม่ได้ด้วย แม้ว่าบางอย่างเพื่อนใหม่ก็ทำไม่ได้เช่นกัน ซึ่งคุณยายก็ไม่ว่าอะไรพร้อมบอกว่าทุกคนล้วนไม่ได้สมบูรณ์แบบ …
-
ญี่ปุ่นเปิดตัวเครื่องมือป้องกันของหาย ไอเทมสุดเจ๋งสำหรับคนที่ชอบนั่งทำงานตามที่ต่างๆ
ในปัจจุบันนั้นคนมักจะนิยมหยิบแล็ปท็อปออกไปทำงานข้างนอกบ้าน ตามร้านกาแฟหรือห้องสมุด จะด้วยเหตุผลของการออกไปเจอผู้คนหรือการเปลี่ยนสถานที่อะไรก็แล้วแต่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่คนชอบออกไปร้านกาแฟมักจะรู้สึกคือ ความกังวลว่าจะมีคนมาหยิบของของตัวเองไปขณะที่ลุกไปสั่งกาแฟหรือไปห้องน้ำ ซึ่งปัญหานั้นกำลังจะหมดไปเพราะบริษัทหนึ่งในญี่ปุ่นได้คิดค้นอุปกรณ์กันขโมยสุดเจ๋งให้เราได้ใช้กันแล้ว… เจ้าอุปกรณ์ที่ว่านั้นมีชื่อว่า Trene โดยการทำงานของมันก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่เราเอาเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ขึ้นมา เปิดแอปพลิเคชันของเจ้าเครื่องนี้ กดปุ่มเชื่อมสัญญาณข้างใต้แล้วก็เอาวางไว้บนแล็ปท็อป เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย ซึ่งถ้าใครพยายามจะยกแล็ปท็อปของเราออกไป เจ้าเครื่องนี้มันก็จะดังขึ้นทันที แถมถ้าหัวขโมยอยากจะปิดเสียงก็ทำไม่ได้ด้วย เพราะต้องสั่งปิดจากตัวแอปพลิเคชันเท่านั้น . ถ้าคิดว่าเจ้า Trene จะใช้ได้แค่กับแล็ปท็อปแล้วละก็คุณคิดผิด เพราะมันสามารถใช้ได้กับทุกสิ่งทุกอย่าง หนังสือ กระเป๋าหรือแม้แต่บนฝาแก้วกาแฟมันก็ยังทำงานได้ปกติดี ส่วนใครที่สนใจอยากจะได้เจ้าเครื่อง Trene มาใช้งานก็เก็บเงินรอกันได้เลย โดยเจ้าเครื่องนี้จะมีราคาอยู่ที่ 6,800 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยก็จะอยู่ที่ราว 1,960 บาทเท่านั้น เรียกว่าราคาโอเคเลยทีเดียวละ ถ้าใครอยากติดตามหรือหารายละเอียดเพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ kingjim ได้เลย ที่ rocketnews24
-
18 สิ่งประดิษฐ์ที่สามารถมาเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับ “คนมีลูก” บอกเลยว่าของมันต้องมี!!
คู่สามีภรรยาหลายๆ คู่นั้นคงจะรู้สึกตื่นเต้นกับการมีลูกกันครั้งแรกใช่ไหมล่ะ? ซึ่งมันก็ควรจะเป็นเรื่องตื่นเต้นเพราะเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิต แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพักหลายคนจะรู้ว่าการมีลูกนั้นไม่สนุกอย่างที่คิด… เพราะแม้ลูกจะมอบความสุขให้กับเรา แต่การเลี้ยงลูกที่ยังสื่อสารไม่เข้าใจจึงเป็นอะไรที่ยากมากๆ มากจนอยากจะหาอุปกรณ์เสริมอะไรสักอย่างมาเพื่อให้การเลี้ยงลูกมันง่ายขึ้น และถ้าใครยังคิดไม่ออกว่าจะใช้อะไรดี วันนี้เราจึงมีสินค้าตัวอย่างที่เป็นไอเดียในอนาคตมานำเสนอให้ดูกัน ไม่แน่ถ้าผลิตออกมาจริงๆ อนาคตการเลี้ยงลูกจะง่ายมากๆ ก็ได้นะ… ลูกบอลเรืองแสงที่จะช่วยให้ลูกหลับสบาย หมดปัญหาเรื่องกลัวความมืด เครื่องชั่งที่ใช้ตรวจสอบสุขภาพร่างกายของลูกๆ น้ำหนัก ส่วนสูง อาหารที่ลูกควรกินมากหรือน้อย เรียกว่าเป็นผู้ช่วยชั้นดีเลย รถเข็นพับได้ สะดวกแข็งแรงใช้งานง่าย เหมาะแก่การพาลูกๆ ออกไปเที่ยวข้างนอก เครื่องแปลภาษาว่าทำไมลูกถึงร้องไห้ ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าลูกต้องการอะไร จะได้แก้ปัญหาได้อย่างถูกจุดไม่ต้องทำหน้าตาตลกๆ อีกแล้ว ขวดนมที่จะช่วยอุ่นนมลูกของคุณตลอดเวลา ไม่ต้องใช้สายหรืออะไรเลยแถมปลอดภัยด้วย สายรัดข้อเท้าลูก ที่จะคอยเตือนว่าลูกของคุณปลอดภัยดี และถ้าลูกออกไปไกลเกินกว่าระยะจะมีการแจ้งเตือนอีกด้วย สติกเกอร์วัดอุณหภูมิ ที่จะช่วยบอกคุณได้ว่าลูกคุณมีอุณหภูมิเท่าไหร่ตอนนี้ ผ่านแอปโทรศัพท์ แปรงสีฟันที่เชื่อมต่อกับมินิเกมบนโทรศัพท์มือถือ ความพิเศษคือมันจะช่วยให้ลูกของคุณอยากแปรงฟันให้สะอาด เพราะจะมีรางวัลให้ถ้าลูกของคุณแปรงได้อย่างถูกต้องและได้คะแนนสูง เครื่องป้องกันเข่าสำหรับลูกน้อย ซึ่งจะช่วยป้องกันหัวเข่าของลูกๆ ที่เพิ่งหัดเดินและยังเดินได้ไม่แข็งนัก เพราะบางครั้งการพาพวกเขาออกไปข้างนอกแล้วล้มใส่หินแหลมๆ อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีก็ได้ จานอาหารแสนสนุก ซึ่งช่วยให้หลายคนจัดการกับลูกทานอาหารยาก…
-
นักวิทย์ญี่ปุ่นประดิษฐ์ AI ที่อ่านใจคุณได้ ไม่ว่าคุณคิดอะไรในหัว มันก็จะถ่ายทอดออกมาเป็นภาพ
ในปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีถือว่าก้าวหน้ากว่าเดิมมากๆ เมื่อเทียบกับสมัยก่อน และยังสามารถพัฒนาต่อไปได้อีกเรื่อยๆ และตอนนี้หากคุณคิดว่า AI ในเกมที่ตบคุณตายได้ง่ายๆ นั้นไม่เจ๋งพอ ตอนนี้มี AI ที่เจ๋งกว่านั้นออกมาแล้ว มันคือ AI ที่สามารถอ่านใจของคุณได้! นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นนั้นได้สร้าง Artificial Intelligence หรือ AI ที่สามารถอ่านคลื่นสมองของคนและก็แสดงมันออกมาเป็นรูปภาพที่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเขามองอยู่ในขณะนั้น เช่น ถ้าคนมองไปที่ตัวอักษร A เจ้า AI เนี่ยก็จะพยายามจะสร้างรูปที่คล้ายๆ ตัว A ออกมา แม้ว่ามันก็ยังเบลอๆ ไม่สมบูรณ์ดีนัก แต่ว่าก็ถือว่าประสบความสำเร็จในการอ่านความคิดของคนได้ในระดับหนึ่งล่ะนะ กว่า 10 สัปดาห์ในการทดสอบ นักวิทยาศาสตร์ได้แสดงผลของการทดสอบเกี่ยวกับการบันทึกคลื่นสมองโดยแบ่งเป็น 2 แบบคือ แบบแรกคือในขณะที่พวกเขามองไปที่รูปภาพ และอีกแบบคือขณะที่เขานึกถึงภาพที่มองไปก่อนหน้านี้ ซึ่งนักวิจัยนั้นใช้การสแกนคลื่นสมองเพื่อพัฒนาระบบ Deep Learning Network เพื่อให้มันสามารถแปลรหัสและแสดงเกี่ยวกับสิ่งที่คนนึกถึงตอนนั้นๆ แต่ด้วยข้อเท็จจริงแล้ว เจ้า AI นี่มันไม่ได้อ่านใจเราจริงๆ หรอก เพียงแต่ว่ามันนั้นสามารถอ่านคลื่นสมองของเราและสามารถแปลความหมายของมันได้ เช่นถึงแม้คุณจะคิดถึงรูปตัวอักษร…
-
Toyota นำเสนอโลกอนาคตยุคใหม่ เปลี่ยนยานพาหนะให้กลายเป็นบริการหลากหลายสิ่ง
โลกของเรานั้นยังคงพัฒนาต่อไปไม่มีสิ้นสุด โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีที่เจ้าของธุรกิจมากมายก็ต่างพากันคิดค้นนวัตกรรมเจ๋งๆ ออกมาไม่รู้จบ หนึ่งในบริษัทที่ยังคงพัฒนาไม่รู้จบนั่นก็คือ Toyata ที่ล่าสุดนั้นได้ปล่อยคอนเซ็ปต์รถรุ่นใหม่ที่เรียกว่า e-Palette ซึ่งมีการเผยรายละเอียดผ่านงาน CES หรือ Consumer Electronics Show ที่นครลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา รถดังกล่าวนั้นจะทำงานด้วยระบบไฟฟ้า 100 เปอร์เซนต์ ที่สำคัญยังใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติด้วยนะ โดยจุดประสงค์ของเจ้ารถชนิดนี้นั้นก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชุมชนเมืองในโลกอนาคตนั่นเอง ตัวรถนั้นสามารถที่จะเปลี่ยนเป็นห้องอะไรก็ได้ เช่นเป็นห้องนอน ห้องทำงาน หรือแม้แต่ร้านขายรองเท้าเจ้า e-Palette ก็ทำได้หมด และถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ e-Palette มันก็คือห้องขนาด 4 ถึง 9 เมตรที่เคลื่อนที่ไปมาได้ และทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาระหว่างอยู่บนท้องถนนไปอย่างเปล่าประโยชน์นั่นเอง ที่สำคัญพลังงานไฟฟ้ายังช่วยช่วยลดมลพิษด้วย!! . ยังไม่หมดเท่านั้น Toyota ยังได้ตั้งเป้าหมายใช้เจ้า e-Palette ขยายฐานการค้าขายและบริการให้กว้างมากขึ้นร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจมากมายทั้ง Amazon, The Pizza, Uber และ DiDi อย่างไรก็ตามเจ้ารถคันนี้ก็ยังเป็นเพียงแค่รถคอนเซ็ปต์เท่านั้น อาจจะต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆ เพื่อใช้ในการพัฒนาให้มันมีคุณภาพที่ดีที่สุด ก่อนจะวางจำหน่ายและใช้งานจริงนั่นเอง แต่เท่านี้เราก็รู้แล้วว่าโลกอนาคตของเรามันจะน่าสนใจขนาดไหน… …
-
โชว์การเต้นรูดเสาแบบล้ำๆ ในลาสเวกัส ที่ไม่ได้มี ‘คน’ เต้น แต่เป็นหุ่นยนต์ เซ็กซี่สุดๆ เลยมั้ยล่ะ!?
หุ่นยนต์ที่สร้างจากเศษเหล็ก อาจจะไม่ใช่นักเต้นเปลื้องผ้าที่ดูเซ็กซี่ที่สุด แต่มีประติมากรที่ช่างจินตนาการคนหนึ่ง ได้มุ่งมั่นที่จะสร้างนักเต้นรูดเสาที่ดูน่าดึงดูดขึ้นมาจากเศษขยะ เจ้าหุ่นยนต์ที่สร้างความเพลิดเพลินให้กับคนวัยผู้ใหญ่นี้สร้างขึ้นโดยศิลปินชาวอังกฤษที่กล่าวว่า พวกหุ่นเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของการตรวจตรา พลังอำนาจ และการถ้ำมอง ด้วยส่วนหัวที่สร้างมาจากกล้องวงจรปิด และร่างกายที่สร้างมาจากหุ่นลองเสื้อ และชิ้นส่วนรถยนต์ หุ่นเหล่านี้ได้ถูกนำมาโชว์ในงาน Consumer Electronics Show 2018 ที่ลาสเวกัส ผู้ที่สร้างหุ่นนักเต้นเหล่านี้ก็คือ Giles Walker ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างเครื่องยนต์ ด้วยจุดประสงค์ในการชี้ให้เห็นปัญหาสังคม ถึงแม้ว่าหุ่นพวกนี้จะสามารถเต้นได้เหมือนกับคนจริงๆ แต่พวกมันก็ยังคงไม่สามารถที่จะมาแทนที่ได้ในเร็วๆนี้ เพราะว่ามันไม่มีความคิดนั่นเอง หุ่นเหล่านี้ทำงานได้โดยชิ้นส่วนมอเตอร์จากที่ปัดน้ำฝนรถยนต์ และถูกโปรแกรมให้เคลื่อนไหวเหมือนกับผู้หญิง ตามความคิดของศิลปิน ตอนนี้พวกมันถูกตั้งโชว์อยู่ที่คลับ Sapphire Gentleman ที่อยู่ถัดมาประมาณ 2-3 ช่วงตึกจาก Vegas Strip ซึ่งจะจัดแสดงในช่วงวันที่ 9-13 มกราคม 2018 นี้ Peter Feinstein ผู้จัดการคลับ บอกว่าเขาได้เชิญ Walker และหุ่นยนต์ของพวกเขามาสร้างความหลากหลายให้กับคลับนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในการแสดงโชว์เทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก เขากล่าวว่า “นี่เป็นปีที่…
-
พบกับเครื่องจำลองกล้ามเนื้อมนุษย์ ขยับบึบบับตามจังหวะได้ เฮ้ย… นี่เราขยับกันแบบนี้เหรอ!?
เมื่อเราพูดถึงหุ่นยนต์ที่พยายามจำลองการเคลื่อนไหวให้เหมือนกับมนุษย์ เราก็มักจะนึกถึงหุ่นยนต์ที่เป็นเหล็กหรือพลาสติกแข็งๆ แต่ไม่บ่อยนักที่เราจะเห็นหุ่นยนต์ที่ ที่ลักษณะกายภาพอ่อนนุ่มคล้ายคนจริงๆ ล่าสุดทางทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคโลราโดก็ได้สร้างหุ่นยนต์ที่มีลักษณ์กายภาพคล้ายๆ กับคนขึ้นมา โดยการจำลองระบบกล้ามเนื้อของมนุษย์ เช่นการหยิบจับหรือการเคลื่อนไหวเป็นต้น เทคนิคที่ทีมวิจัยนี้ใช้นั้นจะเป็นการใช้วัสดุยืดหยุ่นผสมเข้ากับของเหลวและระบบไฟฟ้า ซึ่งการใช้วิธีดังกล่าวจะให้ความรู้สึกที่คล้ายมนุษย์มากกว่าการใช้มอเตอร์และระบบไฮดรอลิก ของเหลวที่ทีมวิจัยใช้ก็จะเป็นตัวแทนของของเหลวในร่างกายของเราที่ใช้ในการเปลี่ยนรูปร่างของกล้ามเนื้อ ทีมวิจัยได้โชว์ตัวอย่างผลงานของพวกเขาโดยการให้หุ่นยนต์หยิบลูกราสเบอร์รี่จากจุดหนึ่งไปวางไว้อีกจุดหนึ่ง โดยที่ลูกราสเบอร์รี่นั้นไม่เสียหาย เราจะเห็นว่าส่วนที่เป็นนิ้วนั้น ดูยืดหยุ่นและสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ตามของเหลวที่ถูกถ่ายเข้าไป คล้ายๆ กับเลือดของเรา นอกจากนี้ดีไซน์ของหุ่นยนต์ที่พวกเขาคิดขึ้นมา ยังมีการจำลองการยกแกลลอนน้ำด้วยระบบเดียวกัน ซึ่งเราจะเห็นว่าแม้จะใช้วัสดุยืดหยุ่นที่ดูเหมือนจะอ่อนแอ แต่จริงๆ มันกลับแข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ ยังไม่หมดเท่านั้น ทีมวิจัยยังบอกอีกว่า เจ้าระบบที่พวกเขาพัฒนาขึ้นมานี้มันยังสามารถที่จะรักษาตัวเองได้ด้วยนะ สุดยอดเลยใช่ไหมละ ท้ายที่สุดแล้ว ทีมวิจัยได้ตั้งชื่อโปรเจกต์หุ่นยนต์นี้ว่า HAZEL ซึ่งเป้าหมายสูงสุดของพวกเขาคือการพัฒนาเจ้าระบบนี้ให้เป็นหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างใกล้ชิดและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ถ้าใครอยากจะลองดูการทำงานแบบเต็มๆ ของเจ้า HASEL ก็สามารถดูได้จากคลิปข้างล่างนี้เลย ที่มา gizmodo
-
ไปไกล!! ระบบเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ สามารถสร้างร่างโคลนนิ่งของเราได้แล้ว!!
หลายคนอาจจะรู้จักกับเทคโนโลยีที่เรียกว่า ‘ปัญญาประดิษฐ์’ หรือที่เรียกกันว่า AI ที่ในปัจจุบันกำลังมีการพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง และในตอนนี้พัฒนาการของเจ้าสิ่งนี้ก็ก้าวขึ้นมาอีกขั้น เพราะว่ามันสามารถสร้างร่างก็อปปี้เสมือนจริงของคนเราได้แล้ว!! โดยระบบ AI ที่สามารถสร้างร่างก็อปปี้ที่ว่าได้นี้ เป็นระบบ AI ที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์โดยเฉพาะที่ชื่อว่า ObEn ซึ่งก่อตั้งโดย CEO ชื่อว่า Nikhil Jain ทางซ้ายคือหน้าจริง ขวาคือหน้าที่ระบบ AI จำลองขึ้นมา หลังจากได้รับการช่วยเหลือทางเรื่องเงินทุนจากบริษัทไอทียักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง Tencent ที่มีมูลค่ากว่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 161 ล้านบาท) ในที่สุด Jain ก็สามารถพัฒนาให้ระบบปัญญาประดิษฐ์ของเขาสามารถจำลองภาพของคนจริงๆ ให้อยู่ในรูปแบบของภาพสามมิติได้ “เราเชื่อว่าทุกๆ คนบนโลกนี้ในที่สุดแล้วจะมีร่างก็อปปี้เป็นของตัวเอง ซึ่งคนๆ นั้นจะเป็นคนที่มีหน้าตาเหมือนกับพวกเขา พูดเหมือนพวกเขา ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวอีกต่อไปแล้ว” Jain กล่าว วิดีโอการจำลองหน้าตัวเองโดย Jain ผู้พัฒนาระบบดังกล่าว สำหรับการใช้งานระบบปัญญาประดิษฐ์นี้ ให้ก็อปปี้ร่างของเรานั้นก็ง่ายแสนง่าย โดยสิ่งที่ต้องทำก็มีเพียงแค่ ถ่ายเซลฟี่ตัวเองและบันทึกเสียงเพียงแค่นั้น เราก็จะได้ร่างอวตารของเรามาใช้งานกันแล้ว นอกจากการสร้างร่างโคลนนิ่งของตัวเองแล้วบริษัทแห่งนี้ยังมีแผนที่จะปล่อย ร่างโคลนนิ่งของเหล่าเซเลบริตี้ในปี 2018 โดยร่วมมือกับบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของทวีปเอเชียอย่าง S.M. Entertainment เพื่อนำนักร้องชื่อดังมาให้แฟนๆ ได้ชื่นชมกันอีกด้วย…
-
18 ภาพเหตุการณ์สุดฮา เมื่อเหล่าผู้สูงอายุได้ใช้เทคโนโลยีรุ่นใหม่ ก็มันไม่ถนัดน่ะหลาน!!
ในปัจจุบันนั้นเทคโนโลยีได้ถูกนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนเราไปเรียบร้อย โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยีต่างๆ จนเป็นเรื่องปกติทั้งโทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ต และอื่นๆ อีกมากมาย แต่นั่นก็ไม่ใช่สำหรับเหล่าผู้สูงอายุ เพราะว่าพวกเขานั้นเกิดมาในยุคที่เทคโนโลยียังไม่ล้ำหน้าไปไกลเท่าปัจจุบัน นั่นจึงทำให้พวกเขามักจะต้องเจอกับปัญหาสุดงงงวย เวลาเรียนรู้ที่จะใช้เทคโนโลยีต่างๆ อย่างเช่น 18 คนเหล่านี้นั่นเอง… เมื่อคุณยายผู้เข้าถึงเทคโนโลยีและมีความสามารถในการปรับตัว โดยยายแกไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ไหนแต่รู้ว่าที่นั่นเขาเล่นแลปท็อปด้วยมือกันเยอะแยะ ยายเลยแก้เขินด้วยการพิมพ์ข้อความอะไรสักอย่างบ้าง จะได้เนียนไปกับเขา เมื่อคุณยายค้นพบเทคโนยี 3 มิติ เลยเอามาอ่านหนังสือให้เป็น 3 มิติซะเลย เมื่อคุณปู่ส่งภาพให้ตัวเองแล้วก็ตอบตัวเองอีกทีหนึ่ง เมื่อหลานส่งข้อความไปทักทายคุณปู่หลังจากเขาได้ใช้โทรศัพท์ครั้งแรก หลานก็ห่วงว่าปู่จะตอบกลับไม่เป็น แต่ปู่กลับตอบมาว่า “หลาน มีแค่การใช้ชีวิตเท่านั้นแหละที่มันยาก” ปู่เด็ดจริงๆ ฮ่าๆๆ เมื่อคุณยายไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้โทรศัพท์เขามีกล้องหน้าด้วย ในสายตาของคุณปู่คุณย่านั้น iPad ก็เป็นได้แค่เขียงดีๆ นั่นเอง ไม่รู้วิธีแคปภาพหน้าจอ ก็เลยพริ้นท์ออกมาซะเลย ตัวหนังสือมันเล็ก ฉะนั้นยายเลยต้องใช้ตัวช่วย!! เมื่อคุณยายได้ค้นพบว่า การพิมพ์ตัวหนังสือในโทรศัพท์มันไม่ง่ายเลย เมื่อผู้สูงอายุจับเมาส์เป็นครั้งแรก…
-
นี่คือโทรศัพท์ที่เล็กสุดในโลก เล็กกว่าแฟลชไดรฟ์ แถมน้ำหนักเบ๊าเบา เบากว่าเหรียญซะอีก!?
จั่วหัวมาขนาดนี้หลายคนคงสงสัยว่า โทรศัพท์บ้าอะไรเล็กขนาดนั้นแล้วมันจะเบากว่าเหรียญได้ยังไง และถ้ามันเป็นอย่างนั้น ข้างในมันทำด้วยอะไรทำไมถึงทำให้น้ำหนักเบา แล้วจะทำไปเพื่ออะไร!? เราจะมาไขคำตอบกันไปทีละข้อ อย่างแรกเลย เจ้าโทรศัพท์นี้มีชื่อว่า ‘The Zanco tiny t1‘ ซึ่งทางบริษัท Zanco ผู้ผลิตได้เคลมว่าโทรศัพท์ของพวกเขานั้นเล็กที่สุดในโลกแล้ว… มันมีขนาดอยู่ที่กว้าง 21 มิลลิเมตร ยาว 46.7 มิลิเมตร หนา 12 มิลลิเมตร ส่วนหน้าจอจะอยู่ที่ 12.5 มิลลิเมตรและมีน้ำหนักเพียง 13 กรัม ถ้าลองเอาเจ้ามือถือ t1 นี้มาเทียบกับนิ้วโป้งของหลายๆ คน ก็จะพบว่ามันเล็กกว่านิ้วโป้งเสียอีก แต่ถึงจะเล็กยังไง มันสามารถทำงานได้เหมือนโทรศัพท์จอขาวดำปกติ เพราะมันสามารถโทรออกได้รับสายเข้าได้ และส่งข้อความได้อีกเช่นกัน (แม้มันจะอ่านยากหน่อยๆ ก็ตาม) ส่วนคำถามที่ว่า แล้วทำไมเราจะต้องมีโทรศัพท์เล็กจิ๋วที่อ่านก็ยาก ใช้ก็ยากนี้ด้วย โดยทาง Zanco ได้ให้คำตอบไว้ว่า พวกเขาตั้งใจจะให้มันเป็นโทรศัพท์ที่พกพาง่ายและเป็นโทรศัพท์สำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉินนั่นเอง สเปคของโทรศัพท์ ZANCO…
-
ญี่ปุ่นเตรียมทดลอง ‘รถไฟชินคันเซ็น’ รุ่นใหม่ที่วิ่ง 500 กม./ชม. เป็นครั้งแรก ก่อนใช้จริงปี 2027
ก้าวไปข้างหน้าไม่หยุดยั้งกับเทคโนโลยีรถไฟของญี่ปุ่น เมื่อล่าสุดได้เตรียมเปิดให้ประชาชนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองวิ่งรถไฟชินคันเซ็นรุ่นใหม่ล่าสุด L0 Series ที่วิ่งได้เร็วกว่า 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง!! รถไฟ L0 Series นั่นเป็นรถไฟประเภท ‘แม็กเลฟ’ หรือก็คือรถไฟที่ทำงานด้วยระบบแม่เหล็กแทนระบบล้อ โดยรถไฟขบวนนี้ถือเป็นรถไฟรุ่นใหม่ที่จะวิ่งได้เร็วยิ่งกว่ารถไฟหัวกระสุนเสียอีก ซึ่งตัวขบวนจะลอยเหนือราง 10 เซนติเมตร ตัวรถไฟขบวนดังกล่าวนั้นมีกำหนดเปิดให้บริการในเส้นทางโตเกียวไปนะโงะยะ โดยตัวรถไฟขบวนนี้เดิมทีจะมีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2027 แต่ว่าอย่างไรก็ตามเราก็ไม่ต้องรอจนถึงตอนนั้นเพื่อทดสอบรถไฟขบวนนี้ เพราะว่าทางผู้ผลิต Central Japan Railway Company (หรือที่รู้จักกันในชื่อ JR Tokkai)ได้เตรียมเปิดทดสอบให้คนทั่วไปซื้อตั๋วเข้าใช้บริการในเส้นทางทดสอบตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2019 ส่วนสถานที่ทดสอบนั้นจะอยู่ที่ JR Tokkai Yamanashi Research Center ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดยะมะนะชิ โดยจะเปิดให้ทดสอบจำนวน 6 ขบวนใน 6 เส้นทางด้วยกัน และจะเปิดทดสอบในวันที่ 23, 28, 29, 30 มีนาคม จากนั้นก็จะทดสอบอีกทีในวันที่ 3, 4, 5, 6 เมษายน ใครที่สนใจอยากจะบินไปทดสอบก็จะมีตั๋วสองราคาด้วยกัน…
-
กองทัพสหรัฐ ทดลองฝังชิปลงในสมองมนุษย์ ซึ่งอาจช่วยให้เราปรับเปลี่ยนอารมณ์ได้ในทันใด
เราอาจเคยเห็นในหนังบางเรื่องที่มีการฝังชิปเอาไว้ในสมองเพื่อควบคุมคนคนนั้นได้อย่างที่ต้องการ ซึ่งตอนนี้การฝังชิปควบคุมอาจไม่ใช่สิ่งที่เราจินตนาการกันต่อไป เมื่อนักวิจัยในสหรัฐอเมริกาสามารถพัฒนามันขึ้นมาได้จริงๆ นี่คือเครื่องมือที่ถูกสร้างขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ใน สำนักงานวิจัยชั้นสูงของกระทรวงกลาโหม (DARPA) ของทหารสหรัฐอเมริกา พวกเขากำลังพัฒนาการฝังไมโครชิปลงในสมองของมนุษย์เพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ เหล่านักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียและโรงพยาบาล Massachusetts General ผู้ออกแบบเจ้าสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้บอกว่า มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ที่มีความผิดปกติทางอารมณ์ Edward Chang นักประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียบอกว่า “เรากำลังศึกษาว่าขอบเขตการทำงานของมันสามารถทำได้มากถึงขนาดไหน” จากการทดสอบกับผู้ป่วยลมชักจำนวน 6 คนพบว่า เจ้าชิปดังกล่าวสามารถรับรู้ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นภายในสมองของพวกเขาบ้าง และเมื่อติดตามดูผลไป 1-3 สัปดาห์พบว่า สามารถแกะรหัสเพื่อรับรู้ว่าคนคนนั้นอยู่ในอารมณ์ไหนได้อีกด้วย ซึ่งมันตรงกับที่สีหน้าที่พวกเขาแสดงออกมา ต่อมานักวิจัยได้ทำการส่งกระแสไฟฟ้าเข้าไปกระตุ้นสมองผ่านชิปตัวดังกล่าว ผลที่ได้คือผู้รับการทดลองจะตัดสินใจและทำสิ่งต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น มีสมาธิมากขึ้น และแสดงออกทางอารมณ์ได้ดีขึ้นอีกด้วย ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่า การฝังชิปลงไปในสมองแบบนี้จะสามารถช่วยเหลือผู้มีความผิดปกติทางอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นโรคพาร์กินสัน หรือแม้แต่ผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง อีกทั้งยังช่วยให้พวกเขาสามารถมีสมาธิ โฟกัสอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ การพัฒนายังคงมีต่อไปเรื่อยๆ โดย Alik Widge ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมจากโรงพยาบาล Massachusetts General บอกว่า “สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ไม่สามารถใช้อ่านใจได้ แต่เราต้องการที่จะพัฒนาให้มันอ่านความรู้สึกของคนคนนั้นได้” อย่างไรก็ตาม เจ้าสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้อาจทำให้หลายๆ คนห่วงในเรื่องของจรรยาบรรณและหลักศีลธรรมว่า มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่กับการฝังชิปอ่านข้อมูลลงไปในสมอง…
-
พบกับอาหารแห่งยุค 3017 ที่หากินได้แล้วในตอนนี้ เอ๊ะนี่เราอยู่ในสมัยไหนกันแน่เนี่ย
จะเป็นอย่างไรในเมื่ออาหารที่เรากินอยู่ทุกวันพบกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในปัจจุบัน ใครหลายคนอาจจะคิดถึงอาหารดัดแปลงพันธุกรรม แต่ในวันนี้เราไม่ได้มาพูดถึงในเรื่องนั้น แต่เราจะพูดถึงอาหารที่มีหน้าตาแปลกๆ จากทั่วทุกมุมโลกที่คุณอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต และนี่คือหน้าตาของอาหารแปลกๆ ที่รับรองได้ว่าคุณต้องอยากลองชิมมันสักครั้งในชีวิต เพราะว่ามันช่างเป็นสิ่งที่แปลกหูแปลกตา รวมทั้งชวนลิ้มลองให้ละเมียดลิ้นเข้าไปแตะซะจริงๆ ซึ่งมันจะมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง ลองเลื่อนลงไปดูกันดีกว่า ขนมหวานทรงเรขาคณิต แม้ว่ามันจะมีหน้าตาเหมือนกับรูบิคสีแดงๆ แต่ว่ามันคือเค้กจริงๆ ที่ผลิตขึ้นโดยอัจฉริยะชื่อว่า Dinara Kasko เธอเป็นคนที่เรียนจบมาด้านสถาปัตยกรรม แต่ในใจลึกๆ ก็รักการทำขนมเช่นกัน เธอจึงทำความรู้มาผสมเข้ากับพรสวรรค์ด้านการทำขนมของเธอ จนออกมาขนมหน้าตาแปลกๆ ดังกล่าว ซึ่งหากใครอยากลิ้มลองก็สามารถซื้อออนไลน์ได้ที่ dinarakasko ไอศกรีมราเมง ลืมราเมงแบบเก่าๆ ที่อยู่ในน้ำซุปไปได้เลย เพราะนี่คือเส้นราเมงที่ทำมาจากเยลลี่ แล้วโปะลงบนน้ำแข็งไสเย็นฉ่ำ พร้อมด้วยเครื่องเคียงต่างๆ แล้วปิดท้ายด้วยนมข้น นี่จึงอาจจะเป็นของหวานที่ให้ความสดชื่นที่สุดในโลกก็เป็นไปได้ ช็อกโกแลตสีชมพู ช็อกโกแลตสีสันแปลกตาพร้อมด้วยรสชาติที่แปลกใหม่ ได้กลายมาเป็นมิติใหม่ของช็อกโกแลตในศักราชนี้ มันทำมาจาก Ruby Cocoa ที่คิดค้นขึ้นมาโดยบริษัท Barry Callebaut ซึ่งรสชาติของมันจะหวานอมเปรี้ยวเหมือนลูกเบอร์รี่เลยล่ะ จุกปิดไวน์ โดยปกติแล้วขวดไวน์ชั้นเลิศจะถูกปิดผนึกด้วยจุกไม้คอร์ก เพื่อป้องกันอากาศเข้าไปทำปฏิกิริยากับไวน์ในขวดแล้วทำให้รสชาติเปลี่ยนไป ทำให้การการเปิดไวน์แต่ละครั้งจำเป็นต้องดื่มให้หมดเพื่อรสชาติที่ดี แต่นี่คือจุกปิดไวน์ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าว จึงหมดห่วงเรื่องอากาศแล้วเก็บไว้กินวันอื่นได้เลย โดยจุกที่ว่านี้สามารถหาซื้อกันได้ที่ winecondoms ว่าแต่ หน้าตามันคุ้นๆ ไงไม่รู้เนอะ …
-
ควรค่า!! NANO หนังสั้นแนวไซ-ไฟ ที่คุณควรดูมากที่สุดในปี 2017 กวาดรางวัลมาแล้วมากมาย
ในแวดวงเทคโนโลยี เหล่านักวิทยาศาสตร์ต่างพยายามพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นบนโลกของเรา เพื่อจะทำให้สิ่งต่างๆ นั้นดูง่ายขึ้น และมีประโยชน์ที่มากกว่าเดิม อย่างในปัจจุบัน เรามีเทคโนโลยี “ไมโครชิพ” ที่ฉีดเข้าไปในร่างกายของสัตว์เลี้ยงเพื่อจะติดตามกิจกรรมต่างๆ ของมันในแต่ละวัน พร้อมทั้งหาตำแหน่งของมันได้อย่างง่ายดาย ทว่าจะเป็นอย่างไรถ้าในอนาคตข้างหน้า ไมโครชิพจะเข้ามาควบคุมกิจกรรมทุกๆ อย่างในตัวมนุษย์ แม้กระทั่งเครื่องความสัมพันธ์ ด้วยแนวคิดเช่นนี้จึงได้เกิดหนังสั้นแนวไซ-ไฟกึ่งวิทยาศาสตร์ชื่อว่า ‘Nano’ ขึ้นมา เพื่อสะท้อนปัญหาของเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำจนเกินไป โดยเนื้อเรื่องสำหรับหรับหนังสั้นเรื่องนี้ จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโลกอนาคตของเราที่ “ไมโครชิพ” ได้กลายเป็นบรรทัดฐานสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างในโลก โดยในโลกแห่งจินตนาการแห่งนี้ ไมโครชิพจะถูกฝังเข้าสู่กระแสเลือดของทุกคน จากนั้นไมโครชิพที่ว่านี้มันจะดูดซับข้อมูลทางพันธุกรรมทั้งหมดแล้วก็ควบคุมส่วนต่างๆ ในร่างกายเราอย่างเลือด เนื้อเยื่อ หรือกระทั่งระบบกล้ามเนื้อที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันทั่วๆ ไปของมนุษย์ แล้วนำไปซิงค์กับคอมพิวเตอร์เพื่อควบคุมสิ่งต่างๆ ที่มนุษย์ควรจะทำไม่ว่าจะเป็น พฤติกรรม การคุมกำเนิด หรือแม้กระทั่งการมีเซ็กส์ ภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้กำกับโดย Mike Manning ที่ได้เขียนบทร่วมกับ Tom Anderson ด้วยฝีมือการกำกับอันจัดจ้านบวกกับบทที่ดีเยี่ยม ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องของจินตนาการที่น่าเหลือเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของเทคโนโลยี Nano ซึ่งผู้ชมจะได้รับความสนุกไปพร้อมกับแง่คิดดีๆ อย่างแน่นอน สำหรับใครที่ลังเลอยู่ว่าเรื่องนี้จะดีจริงอย่างที่ว่าหรือไม่ สบายใจได้อย่างแน่นอนเพราะว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้รับรางวัลต่างๆ…
-
รวมภาพที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ตอนนี้เราอาศัยอยู่ในยุคแห่ง ‘โลกอนาคต’ เรียบร้อยแล้ว
ในทุกๆ วันของเราที่ไหลผ่านไป หลายคนก็มีอาชีพการงานที่ก้าวไปข้างหน้าหรือบางคนก็ก้าวไปข้างหลัง แต่สำหรับเทคโนโลยีนั้นกลับไม่เคยหยุดอยู่กับที่หรือก้าวไปข้างหลังเลย ทุกๆ วันเทคโนโลยีจะถูกพัฒนาไปข้างหน้าเสมอ แน่นอนว่าเราสามารถสัมผัสมันได้ผ่านสิ่งต่างๆ รอบตัวเรา เช่นเมื่อก่อนเรายังใช้โทรศัพท์มือถือจอพับหรือขาวดำ มาตอนนี้มือถือเรากลายเป็นระบบสัมผัสจนอีกหน่อยก็จะกลายเป็นโฮโลแกรมกันอยู่แล้ว หรือการเดินทางที่ตอนนี้เรายังอยู่บนดิน ถ้าจะไปบนฟ้าก็ต้องนั่งเครื่องบิน แต่ปัจจุบันก็มีคนพัฒนา Hoverboards ออกมา ทำให้เราสามารถบินไปไหนมาไหนได้จนเราไม่อยากจะเชื่อกับตัวว่าตอนนี้เราอยู่ในยุคอนาคตกันแล้ว ถ้าใครไม่เชื่อก็จงดูภาพเหล่านี้ซะแล้วยอมรับซะเถอะ อนาคตของโลกไซไฟใกล้มาถึงเราแล้วล่ะ จากเดิมที่ต้องเปิดคำศัพท์เพื่อแปล เดี๋ยวนี้แค่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาก็แปลได้แล้ว แถมจะเป็นภาษาอะไรก็ได้ทั้งนั้นด้วย วีลแชร์ที่สามารถขึ้นบันไดได้ด้วยตัวเอง ส่วนนี่ก็คือ Hoverboards ที่ว่า ปัญหาการโยนขยะไม่ลงถังจะหมดไป เพราะแค่โยนถังขยะก็พุ่งมารับเองแล้ว นี่เรามาถึงจุดที่มือถือแบบจอพับเข้าไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์กันแล้ว โจทย์เลขคณิตก็สามารถแก้ได้ด้วยแอปมือถือ อยากจะเห็นหน้าลูกก่อนคลอดก็ทำได้แล้ว สมัยก่อนข้อมูลไม่กี่เมกะไบต์ต้องใช้แผ่นฟลอปปีดิสก์ตั้งไม่รู้กี่แผ่น เดี๋ยวนี้นะเหรอแท่งเล็กๆ อันเดียวเอาอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นคือ เริ่มมีคนจำนวนมากไม่รู้จักฟลอปปีดิสก์กันแล้ว ยังไม่หมดเท่านั้น SD Card ที่ออกมาใหม่ๆ เก็บมูลได้ 100 กว่าเมกะไบต์เราก็ว้าวแล้ว มาตอนนี้มันเลขเท่าเดิมแต่หน่วยข้างหลังมันกลับเปลี่ยนเนี่ยสิ อีกหน่อยเราก็จะได้อ่านหนังสือแบบในแฮร์รี่…
-
ทำได้ไง!! นักวิทย์พัฒนาแนวคิด ที่ทำให้ ‘พืช’ สามารถส่องแสงสว่างได้ในเวลากลางคืน
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน เรียกได้ว่าก้าวไปเร็วจนตามแทบจะไม่ทัน และดูเหมือนว่าตอนนี้ความเจริญทางด้านวัตถุได้ก้าวไปไกลจนเกินจะเอื้อมถึง เพราะว่าตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ได้ทำให้สิ่งที่อยู่ตามธรรมชาติอย่างต้นไม้เรืองแสงในที่มืดได้แล้ว!! เทคโนโลยีสุดล้ำนี้ได้รับการเปิดเผยเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยทีมนักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ได้เผยว่าพวกเขาได้พัฒนาวิธีที่จะทำให้พืชสามารถส่องแสงสว่างในที่มืดได้แล้ว ซึ่งพวกเขาได้ตั้งชื่อพืชอันนี้เอาไว้ว่า พืชอนุภาคนาโน เพราะว่าวิศวกรในทีมวิจัยนี้ได้ทดลองฝังอนุภาคนาโนเข้าไปในพืชที่มีชื่อว่า วอเคอร์เครส และผลของอนุภาคนาโนนี้ก็ทำให้พืชทดลองนี้สามารถส่องแสงสลัวๆ ได้ถึง 3 ชั่วโมงครึ่งเลยทีเดียว และเป้าหมายต่อไปของนักวิจัยทีมนี้ก็คือ พวกเขาจะสร้างพืชที่ให้แสงสว่างมากพอพร้อมทั้งมีระยะเวลาที่ยาวนานสำหรับห้องห้องหนึ่ง และถ้าประสบความสำเร็จ พวกเขาก็คาดเอาไว้ว่าจะเปลี่ยนต้นไม้ที่อยู่ตามสองข้างถนนให้สามารถสร้างพลังงานได้ด้วยตัวเองและสามารถส่องแสงสว่างได้มากขึ้นกว่าตัวทดลอง อีกทั้งเป้าหมายสูงสุดของทีมวิจัยนี้ก็คือ พวกเขาจะเปลี่ยนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ให้มันสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ด้วยตัวเองอีกด้วย มาลองดูความมหัศจรรย์กันดีกว่า “ขั้นแรกของพวกเราคือจะทำให้พืชสามารถส่องสว่างได้เหมือนโคมไฟตั้งโต๊ะ ซึ่งแสงที่ได้นั้นจะมาจากใช้พลังงานที่อยู่ในตัวของมันเองโดยไม่ต้องเสียบปลั๊กแต่อย่างใด” Michael Strano หนึ่งสมาชิกในทีมวิจัยนี้กล่าว ก่อนหน้าที่จะมีการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องพืชเรืองแสง ทีมวิจัยนี้ได้เคยพยายามที่จะออกแบบพืชให้สามารถตรวจจับระเบิดแล้วรายงานผลไปที่อุปกรณ์อัจฉริยะ รวมถึงพืชที่สามารถตรวจสอบความแห้งแล้งได้ และในที่สุดพวกเขาก็ได้หันมาผลิตพืชอนุภาคนาโนนี้แทน สำหรับองค์ประกอบหลักๆ ที่ทำให้พืชชนิดนี้สามารถเรืองแสงได้ก็คือ เอนไซม์ลูซิเฟอเรส ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่อยู่ในตัวของหิ่งห้อย ตัวเอนไซม์ลูซิเฟอเรสจะทำการเปลี่ยนแปลงโมเลกุลของสารลูซิเฟอรินให้กลายเป็นโมเลกุลออกซิลูซิเฟอริน ที่เป็นโมเลกุลที่ทำให้พืชสามารถปล่อยออกมาได้นั่นเอง นอกจากนี้นักวิจัยยังบอกอีกด้วยว่า พวกเขาสามารถกำหนดการเปิด-ปิดไฟในพืชได้ ด้วยการใส่ตัวยับยั้งเอนไซม์ลูซิเฟอเรสลงไป โดยตัวยับยั้งที่ว่านี้จะทำให้พืชตอบสนองต่อสภาวะแวดล้อมอย่าง แสงแดด ซึ่งจะทำให้เอนไซม์นี้ปิดการใช้งานโดยธรรมชาตินั่นเอง ที่มา: odditycentral
-
นักวิทย์สร้าง ‘พลาสติก’ ที่สามารถต่ออุปกรณ์ไร้สายได้ โดยไม่ต้องพึ่งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
การพัฒนาเทคโนโลยีของมนุษย์เราได้มีความเจริญขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลายอายุคนที่ผ่านมา โดยแรกเริ่มนั้นเริ่มจากการสร้างเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ ต่อมาก็มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ และในปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบไร้สายให้เราได้ใช้กัน แต่ว่าหากนั่นยังไม่พอ ในตอนนี้นักวิทยาศาสตร์สามารถทำพลาสติกให้สามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งกระแสไฟฟ้าหรือวงจรอิเล็กทรอนิกส์แต่อย่างใดเลยด้วย??? นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ออกมาเปิดเผยว่าตอนนี้พวกเขาได้สร้างพลาสติกขึ้นมาชิ้นหนึ่งจากเครื่องพิมพ์สามมิติ ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ไร้สายชนิดต่างๆ ได้โดยไม่ต้องใช้วงจรไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงาน และภายในพลาสติกชิ้นนั้นก็มีเพียง สวิทช์สำหรับเปิดปิด เฟืองพลาสติกและเสาอากาศเพียงเท่านั้น “เป้าหมายของเราคือ เราจะสร้างบางอย่างที่มาจากเครื่องพิมพ์สามมิติที่มีอยู่ตามบ้านทั่วไป และสิ่งสิ่นนั้นต้องสามารถส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ได้ด้วย” “ความท้าทายของมันอยู่ที่ คุณจะทำอย่างไรให้เจ้าสิ่งนี้สามารถเชื่อมต่อกับสัญญาณไวร์เลสได้โดยใช้เพียงพลาสติกอย่างเดียว ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน” Vikram Iyer วิศวกรไฟฟ้าหนึ่งในทีมวิจัยกล่าว ลองเอาไปทดสอบกับเครื่องวัดความเร็วลม และเครื่องวัดการไหลของน้ำ สำหรับกลไกภายในพลาสติกชิ้นนี้ พวกเขาบอกว่าจะมีเส้นใยนำไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นมาจากพลาสติกและทองแดงเป็นตัวนำสัญญาณ โดยเราจะสามารถเปิดปิดมันได้ง่ายๆ แค่กดปุ่มเพียงเท่านั้น โดยพวกเขาได้ทำการทดสอบพลาสติกชิ้นนี้ ด้วยการใช้วัดกับเครื่องวัดความเร็วลม ซึ่งผลออกมาปรากฏว่าเมื่อรอบของความเร็วลมมีสูงขึ้น เส้นใยต่างๆ ภายในอุปกรณ์ตัวนี้ก็จะทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งสังเกตได้จากการที่มันสามารถส่งสัญญาณได้ถี่ขึ้น และเมื่อนำไปทดสอบกับเครื่องวัดการไหลของน้ำ ก็ได้ผลเช่นเดียว นั่นจึงหมายความว่าเจ้าพลาสติกชิ้นนี้จะสามารถทำงานได้ดีขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆ อย่างลมและน้ำแรงขึ้นนั่นเอง คลิปการทดสอบและการควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ พลาสติกที่ว่าในตอนนี้ยังไม่ออกมาสู่ท้องตลาดเพราะกำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา แต่ในอนาคตเมื่อพัฒนาจนสมบูรณ์แล้ว ทางผู้พัฒนาบอกว่าอุปกรณ์นี้จะสามารถใช้สำหรับอุปกรณ์ในบ้านได้อย่างหลากหลาย เพราะในตอนนี้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านต่างๆ ก็เริ่มมีระบบไวร์เลสในตัวแล้ว พลาสติกชิ้นนี้จึงเป็นอุปกรณ์ไร้สายแห่งโลกอนาคตเลยก็เป็นได้ เทคโนโลยีก้าวไปทุกวันจริงๆ…
-
ทีมวิจัยประดิษฐ์ ‘แขนกลอัจฉริยะ’ ที่ช่วยให้ผู้พิการสามารถกลับมาเล่นเปียโนได้อีกครั้ง!!
ในชีวิตของคนเรามักมีจะมีสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสมอ รวมถึงเรื่องอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครสามารถหยั่งรู้ได้ ซึ่งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหากมีการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ถือว่าโชคดีไป แต่สำหรับบางคนการเกิดอุบัติเหตุอาจจะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปเลยก็ได้ และด้วยจำนวนผู้พิการมากขึ้นบนโลกใบนี้ทุกวัน ทำให้บริษัทแห่งหนึ่งได้ผลิตอวัยวะเทียมขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้พิการเหล่านี้ และสิ่งที่พวกเขาได้สร้างขึ้นมาก็คือแขนเทียมอัจฉริยะที่มีชื่อสุดเท่ว่า Luke Skywalker เพราะว่าพวกเขาได้แรงบันดาลใจมาจากตัวละครในเรื่อง Star Wars นั่นเอง ซึ่งสิ่งที่พวกเขาได้สร้างขึ้นมาก็ไม่ใช่แขนเทียมธรรมดาๆ ที่สามารถหยิบจับได้เท่านั้นเพราะว่ามันมีความแม่นยำถึงขนาดเล่นเปียโนได้เลยทีเดียว!! Jason Barnes ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องเสียแขนข้างขวาตั้งแต่ช่วงศอกลงไป ให้กับอุบัติเหตุไฟฟ้าดูดในระหว่างการทำงานเมื่อประมาณ 5 ปีก่อน แต่ว่าในตอนนี้เขาได้เป็นผู้ทดลองแขนเทียมที่ออกแบบโดยบริษัท Georgia Tech ซึ่งผู้วิจัยกล่าวเอาไว้ว่าแขนเทียมอันนี้สามารถควบคุมได้ยันนิ้วมือของผู้สวมใส่เลยก็ว่าได้ และสิ่งที่ทำให้แขนเทียมอันนี้แตกต่างจากแขนเทียมทั่วไปที่อยู่ตามท้องตลาดก็คือ อุปกรณ์ชนิดนี้จะใช้การตรวจจับคลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อใช้ในการตรวจสอบการเคลื่อนไหวของร่างกาย จึงทำให้ผู้ใช้สามารถเคลื่อนไหวนิ้วมือได้อย่างที่ใจต้องการนั่นเอง และถึงแม้ว่า Jason จะไม่มีมือและแขนช่วงล่างของเขา แต่ว่าเขาก็ยังคงมีกล้ามเนื้อและเส้นประสาทอยู่ ทำให้เขาเหมาะสมสำหรับการทดลองนี้ที่สุด ส่วนวิธีการที่จะทำให้แขนเทียมนี้กลายเป็นแขนเทียมอัจฉริยะได้ ก็คือการนำอุปกรณ์ตรวจจับคลื่นเสียงความถี่สูงไปติดไว้บนแขนเทียม จากนั้นนักวิจัยก็จะสามารถเห็นกล้ามเนื้อของ Jason ได้อย่างชัดเจนเมื่อเขาพยายามจะขยับไปในทิศทางต่างๆ จากนั้นพวกเขาก็จะป้อนการเคลื่อนไหวต่างๆ ของกล้ามเนื้อลงไปในอัลกอริทึม และมันจะส่งผลให้ Jason สามารถเคลื่อนไหวไปในทางที่เขาต้องการ รวมทั้งยังสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น “แขนเทียมของพวกเราใช้การตรวจจับคลื่นเสียงความถี่สูง และด้วยเทคโนโลยีนี้ทำให้แขนเทียมจะสามารถตรวจจับได้ว่าผู้สวมใส่ต้องการจะเคลื่อนนิ้วมือไปที่ไหน แม้ว่าเขาจะไม่มีนิ้วก็ตาม” Gil Weinberg หัวหน้าทีมวิจัยผู้พัฒนากล่าว นอกจากจะใช้การตรวจจับคลื่นเสียงความถี่สูงแล้ว นักวิจัยยังบอกอีกด้วยว่าเจ้าแขนปลอมสุดไฮเทคนี้จะมีการควบคุมโดยใช้เซนเซอร์ตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้ออีกด้วย “มันทำให้ผมถึงกับตะลึงไปเลยทีเดียว แขนใหม่ของผมนี้สามารถทำให้ผมหยิบจับสิ่งของได้ตามที่ผมต้องการ ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีสิ่งนี้อยู่บนโลกนี้ด้วย” Jason กล่าว…
-
โลกอนาคตมาถึงแล้ว!! 15 ภาพการทำงานของเทคโนโลยี ที่จะทำให้คุณต้องตะลึง ตึงตึง!!
การทำงานของเหล่าเครื่องจักร และสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ นั้นมักจะทำให้เราต้องอึ้งอยู่บ่อยครั้ง และบางทีคุณอาจจะต้องอุทานออกมาว่า โอ้พระพุทธเจ้าเลยทีเดียว!! และวันนี้เราก็มีภาพเคลื่อนไหวสั้นๆ ในการทำงานของเหล่าเครื่องจักรที่ว่านั้นมาฝากกัน ซึ่งขอบอกไว้ก่อนเลยว่าแต่ละอันนั้นจะทำให้คุณตะลึง ตะลึง ตะลึง ตึง ตึง แน่นอน!! 1. แม่เหล็กจิ๋ว Micromotor ที่เอาไว้ช่วยให้เจ้าอสุจิพบกับทางสว่างได้ง่ายๆ 2. หากคุณรู้สึกว่ามดอ้วนไป ก็ต้องใช้ลู่วิ่งของเจ้ามด 3. แปรงทำความสะอาดเจ้าวัวแบบหมุน 4. เครื่องดูดผ้าม่านเพื่อเปิดการแสดง!! 5. เครื่องหมุนน๊อตแบบยืดหยุ่น 6. ต่อไปนี้การปอกแตงโม จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป!! 7. รางรถไฟ ที่ไม่มีวันสิ้นสุด!! ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง 8. การสร้างทางด่วนยกระดับแบบโลกอนาคต ง่ายๆ และรวดเร็ว 9. เครื่องพับจรวดกระดาษ สิ่งประดิษฐ์ที่จะทำให้ชีวิตเด็กหลังห้องง่ายขึ้น!! 10. โต๊ะสนุ๊กที่ช่วยรักษาระดับในระหว่างการเล่นบนเรือสำราญ 11.…
-
ระบบ AI ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น เปลี่ยนสภาพอากาศในวิดีโอ ให้หิมะกลายเป็นหน้าร้อนได้แล้ว!!
ปี 2017 คือปีแห่ง AI โดยแท้จริง ตลอดทั้งปีมีคนดังมากมายต่างพากันออกมาถกเถียงถึงภัยและประโยชน์ของมันอย่างกว้างขวาง บ้างก็สนับสนุนบ้างก็ต่อต้าน ยิ่งล่าสุดเมื่อตุลาคมที่ผ่านมาทาง Nvidia ก็ได้ออกมาเตือนถึงความสามารถของ AI ที่มีความสามารถมากพอจะบิดเบือนความจริงต่างๆ ได้อย่างไม่ยากเย็น โดยพวกเขาได้โชว์ให้โลกได้เห็นถึงความสามารถของ AI ที่พวกเขาออกแบบขึ้นมา บอกเลยว่าเป็นใครเห็นก็ต้องอึ้งตามๆ กันจนกลับมาตระหนักถีงภัยของมันแน่ๆ AI ในปัจจุบันสามารถที่จะเปลี่ยนภาพสิ่งต่างๆ ให้กลายเป็นอีกสิ่งที่ใกล้เคียงได้ด้วยนะ อย่างภาพนี้จากแมวกลายเป็นเสือชีต้า ความสามารถการบิดเบือนความจริงที่ว่านั่นก็คือ ความสามารถในการแต่งภาพคลิปต่างๆ ให้กลายเป็นอีกแบบได้เรียลไทม์ผ่านอัลกอรึทึมที่เรียกว่า GAM (generative adversarial network) ยกตัวอย่างเช่นคุณขับรถไปตามท้องถนนในหน้าหนาวที่มีหิมะอยู่เต็มไปหมด เจ้า AI ของทาง Nvidia ก็สามารถจะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นหน้าร้อนที่มีต้นไม้เต็มไปหมดได้ทันที!? เปลี่ยนหิมะให้กลายเป็นหน้าร้อน ยัง ยังไม่หมดเท่านั้น มันยังสามารถเปลี่ยนกลางวันให้กลายเป็นกลางคืนได้ด้วย!? หรือแม้แต่วันที่ฝนตกก็สามารถให้ฟ้าปลอดโปร่งหรือจะสลับกันก็ได้เช่นกัน ในส่วนของกลางวันเป็นกลางคืนนั้นมันอาจจะยังไม่เนียนเท่าไหร่ เพราะเรายังสามารถแยกส่วนต่างๆ ได้ ด้าน Ming-Yu Liu หนึ่งในทีมวิจัยของ Nvidia ก็ได้บอกว่าจงเชื่อในสิ่งที่เห็นจริงๆ เท่านั้น และเขาก็ไม่รู้ว่า AI ของพวกเขาหรือของคนอื่นๆ มันจะพัฒนาไปถึงระดับไหน…
-
ศิลปินสร้างงานประติมากรรม รวมธรรมชาติและเทคโนโลยีเข้าด้วยกันออกมาเป็นงานสุดเท่!!
ใครจะไปคิดว่าธรรมชาติกับเทคโนโลยีจะสามารถอยู่ในสิ่งเดียวกันได้ แต่ว่าวันนี้ได้มีศิลปินคนหนึ่งได้ทำให้ไอเดียนี้ออกมาเป็นจริง โดยใช้งานประติมากรรมหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่างานปั้น แสดงออกถึงการผสมผสานทั้งสองสิ่งที่กล่าวมาได้อย่างลงตัว ศิลปินชื่อว่า Garret Kane ชาวอเมริกัน ได้ทำให้ชาวเน็ตต้องตกตะลึงในไอเดียที่แปลกประหลาดของเขา โดยเขาได้ประดิษฐ์งานปั้นออกมาชิ้นหนึ่งชื่อว่า Golemecha ซึ่งเป็นการนำเอาตำนานทั้งสองอย่างที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงมารวมเข้าด้วยกัน โดยทั้งสองสิ่งก็คือ Golem ผู้ปกป้องที่สร้างมาจากดินเหนียวกับโคลนจากตำนานของศาสนายิว และ Mecha หุ่นยนต์ผู้ปกป้องอันล้ำสมัยจากวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่น วัสดุที่เขาเลือกใช้ในการสร้าง Golemecha ก็มีทั้งชิ้นส่วนที่พิมพ์ออกมาจากเครื่องพิมพ์สามมิติ ต้นมอส ตะแกรงเหล็กเพื่อใช้เป็นโครงสร้างหลัก ไฟ LED เพื่อให้งานปั้นชิ้นนี้สามารถส่องสว่างในตัวเองได้ และยังมีวัสดุอีกมากมายที่ใช้เป็นส่วนประกอบปลีกย่อย งานจากฝีมือของ Kane เป็นงานที่ควรค่าแก่การชื่นชม และหากใครอยากติดตามศิลปินคนนี้ว่าจะมีผลงานอะไรออกมาอีกสามารถติดตามกันต่อได้ที่ garretkane.com การมีไฟ LED เข้ามาช่วยทำให้เพิ่มความโดดเด่นให้กับมัน ใส่ใจในรายละเอียดทุกจุดจริงๆ ถ้ามันมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ตัวใครตัวมันล่ะจ้า มีการนำต้นไม้ต่างๆ มาประดับประดา ต้นมอสเล็กๆ เพื่อเพิ่มความเป็นธรรมชาติลงไป นั่นมันตัวอะไรน่ะ ตอนปิดไฟแล้วก็จะมีสภาพเช่นนี้ เห็นแล้วก็คิดถึงภาพในหนังเรื่องต่างๆ เลยว่าไหม …
-
สีสันชีวิตลุง หนุ่มแก่เผยมีเซ็กส์กับตุ๊กตายางสัปดาห์ละ 4 ครั้ง จะซื้อเพิ่มอีกตัวภรรยาก็ไม่ว่า!?
เรื่องรสนิยมของคนเรานั้นต่างก็มีความชื่นชอบที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็ชอบคนที่ดูแล้วน่ารัก บางคนก็ชอบคนที่ดูแล้วรู้สึกเซ็กซี่ ซึ่งของอย่างนี้อยู่ที่จริตความพึงพอใจของแต่ละคนล้วนๆ เหมือนกับคุณลุงท่านนี้ที่ชื่นชอบการมีเซ็กส์กับตุ๊กตายาง อดีตวิศวกรวัย 80 ปีชื่อว่า James ใช้ชีวิตแต่งงานอย่างมีความสุขกับภรรยาของเขามาแล้วกว่า 36 ปี แต่ว่าใน 1 สัปดาห์ James จะต้องไปร่วมรักกับสาวผมบลอนด์คนหนึ่งที่ชื่อว่า April และภรรยาของเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะว่า April นั้นคือตุ๊กตายางนั่นเอง James กับตุ๊กตายาง April ของเขา ตุ๊กตายาง April มีความสูง 153 เซนติเมตรและมีความเหมือนจริงเป็นอย่างมาก ซึ่งเธอคือ 1 ใน 3 ตุ๊กตายางที่ James ได้เป็นเจ้าของโดยเขาซื้อเธอมาในราคาถึง 2,000 ปอนด์ (85,000 บาท) เลยทีเดียว แต่ว่านั่นก็ยังไม่พอสำหรับความต้องการของชายคนนี้ โดยเขากำลังเก็บเงินให้ได้ 10,600 ดอลลาร์(346,303 บาท) เพื่อซื้อหุ่นยนต์ตัวหนึ่งที่ชื่อว่า Harmony โดยหุ่นยนต์ตัวนี้สามารถพูดกับเขา ยิ้มให้เขา และตอบสนองเวลาที่มีเซ็กส์ได้ มีความสุขที่ได้จ้องมองและแต่งหน้าทำผมให้กับเธอ “สำหรับคนอายุเท่าผม…
-
Adobe Voco โปรแกรมตัดต่อ “เสียง” รุ่นใหม่จาก Adobe หรือนี่อาจกลายมาเป็นดาบสองคมกันนะ?
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปลายปี 2016 ทาง Adobe ได้มีการเปิดตัวโปรแกรมตัวใหม่ที่ชื่อว่า Adobe Voco ซึ่งเจ้าโปรแกรมนี้ถือเป็นด้านตรงข้ามกับ Adobe Photoshop ที่ใช้สำหรับตัดต่อภาพโดยมันสามารถตัดต่อเสียงและปรับแต่งได้อย่างอิสระ!! จุดเด่นของเจ้าโปรแกรมนี้นั่นก็คือ การบันทึกเสียงของคนและนำมาประมวลผลใน 20 นาที จากนั้นเราก็สามารถนำเสียงที่ประมวลผลนั้นมาตัดต่อใหม่ ให้เกิดเป็นคำพูดใหม่ๆ เช่นคุณพูดว่า “ฉันรักคุณ” เจ้าโปรแกรมนี้ก็สามารถเปลี่ยนคำพูดดังกล่าวให้เป็น “คุณรักฉัน” ในโทนเสียงพูดปกติและเหมือนเจ้าตัวเป๊ะๆ ได้ ในโชว์เมื่อ 2016 นั้นทีมงานได้เริ่มจากการใช้เสียงของ Jordan Peele มาเป็นต้นแบบ โดยเขาพูดว่า “ผมจูบสุนัขของผม และผมก็จูบภรรยาด้วย” จากนั้นทีมงานได้ตัดต่อเสียงตรงส่วนของ ‘ภรรยา’ และ ‘สุนัข’ ให้กลายเป็น “ผมจูบแค่ภรรยากับภรรยา” ไม่หมดเท่านั้นเขายังสลับที่คำภรรยากับสุนัขได้ด้วย!? ถ้าคุณคิดว่าการตัดต่อเสียงมันทำได้แค่สลับคำแล้วละก็ คุณคิดผิด!! เจ้า Adobe Voco มันสามารถทำอะไรได้มากกว่านั้นเยอะ เพราะมันสามารถสร้างชุดคำใหม่ขึ้นมาโดยไม่ต้องใช้คำเดิมๆ เลยด้วยซ้ำ แต่เป็นประโยคใหม่ที่มีเสียงเหมือนประโยคต้นฉบับเป๊ะๆ เสียงของ Jordan นั้นถูกตัดต่อใหม่ โดยลบคำเก่าออกแล้วเปลี่ยนเป็น “ผมจูบภรรยาสามครั้ง” ซึ่งการเติมสามครั้งเพิ่มเข้ามาโดยไม่มีรูปประโยคเดิมที่เสียงใกล้เคียงนั้น เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับสตั้นเลยทีเดียว …
-
9 อุปกรณ์เสริมสำหรับชาว MacBook ที่จะช่วยเพิ่มขีดจำกัดการใช้งานให้มากขึ้นไปอีก
MacBook เป็นแลปท็อปยอดนิยมจากทาง Apple ที่เรียกว่าการออกแบบของมันนั้นยอดเยี่ยมทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ แต่อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้เป็นแลปท็อปที่สมบูรณ์แบบซะทีเดียว เพราะมันก็ยังคงมีจุดบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ อยู่ ซึ่งนั่นทำให้มันจำเป็นจะต้องมีอุปกรณ์เสริมอื่นๆ มาช่วยอุดรอยรั่วดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ทาง Business Insider ก็เลยแนะนำอุปกรณ์เสริมสำหรับคนใช้ MacBook มาให้ลองเป็นตัวเลือกเผื่อใครสนใจอยากหาตัวไหนมาใช้เพิ่มดู หรืออยากเติมเต็มส่วนที่ขาดนั่นเอง SD Card ปัญหาใหญ่ของ MacBook ที่หลายคนมักจะเจอเลยคือ ตัวเครื่องนั้นมีความจุที่ไม่มากพอ และเมื่อมันเต็ม SD Card จึงเป็นทางออกสำหรับหลายคนๆ และถ้าใครหา SD Card ดีๆ อยู่ลองใช้ Transcend 128GB JetDrive ดูสิ Portable hard drive แหล่มๆ สักอัน บางครั้งแค่ SD Card ก็อาจจะไม่มากพอสำหรับการเก็บข้อมูลใหญ่ๆ ฉะนั้น Portable hard drive จึงกลายเป็นอีกตัวเลือกที่หลายคนเลือก ด้วยความจุที่มหาศาล แลกมาด้วยขนาดที่ใหญ่กว่านิดหน่อย รับรองว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น Seagate Backup Plus Slim 2TB สายชาร์จที่ใช้ง่ายกว่าของเดิม…
-
นักวิเคราะห์คาดการณ์ นี่คือ 8 สิ่งที่เราจะเห็นในเมืองใหญ่ของโลกอนาคตปี 2045!!!
ในปัจจุบัน เมืองหลายเมืองถือได้ว่ามีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ที่สามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่อยู่อาศัยได้อย่างมากมาย แต่ลองทายดูสิว่าในอีก 30 ปีข้างหน้าเทคโนโลยีเหล่านี้จะก้าวหน้าไปขนาดไหน?? Ian Pearson นักทำนายอนาคตที่มีความแม่นยำถึง 85% จากสถิติทั้งหมด ได้รวบรวมข้อมูลร่วมกับ Hewden บริษัทให้เช่าอุปกรณ์ก่อนสร้าง ทำนายว่าเราจะได้เห็นอะไรในปี 2045 และนี่คือ 8 คำทำนายสุดเจ๋ง ที่พวกเขาได้ทำนายไว้ว่าเมืองในอนาคต จะมีลักษณะเป็นอย่างไร ลองไปดูกันดีกว่า เราจะสามารถคุยกับตึกได้เหมือน Siri!! สิ่งก่อสร้างในอนาคตจะมีระบบ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้เราสามารถคุยกับห้องที่เราอยู่ได้ อย่าง ถามอุณหภูมิภายในห้อง หรืออาจสั่งให้เปิดปิดไฟ ตึกสูงๆ ที่มีสารพัดประโยชน์คล้ายกับเมืองย่อมๆ เลยทีเดียว ด้วยความต้องการมีจำนวนสูงและที่ดินราคาแพงขึ้น ทำให้ตึกสูงๆ จะกลายเป็นพื้นที่สำหรับชนชั้นกลางและชนชั้นล่าง โดยในแต่ละชั้นจะแบ่งเป็น พื้นที่ออกกำลังกาย พื้นที่สำหรับอยู่อาศัย และพื้นที่สำหรับทำงาน รวมอยู่ในตึกเดียวกันเลย หน้าต่างในตึกต่างๆ จะถูกแทนที่ด้วยหน้าจอเสมือนจริง ในภาพยนตร์เรือง Back to The Future 2 ได้มีฉากหนึ่ง ทำให้เห็นว่าในอนาคตไม่มีหน้าต่าง แต่จะมีภาพเสมือนจริง ที่สามารถเปลี่ยนไปมาได้ ซึ่งมันอาจกลายเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะว่าถ้าไม่มีหน้าต่างจะทำให้ ตึกสร้างได้เร็วขึ้นและยังใช้เงินน้อยกว่าอีกด้วย…
-
ผลพิสูจน์ข้อสงสัยชาวเน็ตว่า Apple อาจจะวางยา iPhone รุ่นเก่า ให้คุณรู้สึกว่ามันทำงานช้าลง!?
เมื่อพูดถึงเทคโนยีในปัจจุบันนั้น ทุกอย่างล้วนก้าวไปข้างหน้าและอะไรเก่าๆ ก็ล้วนจะล้าหลังลงไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับโทรศัพท์มือถือที่มักจะออกรุ่นใหม่ๆ มาเรื่อยๆ ไม่มีหยุด และยิ่งรุ่นใหม่ออกมารุ่นเก่าๆ ก็จะตกรุ่นไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับ iPhone ที่ออกรุ่นใหม่กันปีต่อปีเลยทีเดียว ซึ่งนั้นก็จะทำให้รุ่นเก่าๆ ตกรุ่นไปอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับคนที่ไม่ชื่นชอบการเปลี่ยนใหม่จะด้วยความชอบหรืองบที่มีไม่มากก็ตาม ก็คงจะคิดว่าไม่เห็นเป็นไร เพราะเครื่องเก่าก็ยังใช้ได้ดีเหมือนเดิม แต่บางคนอาจจะรู้สึกว่า.. เครื่องเก่าที่ว่ามันเริ่มจะทำงานช้าลงทีละนิดๆ!?? แน่นอนว่าคุณไม่ได้คิดไปเอง เพราะบริษัทพัฒนาแอปฯ นอกอย่าง Futuremark ก็ออกมาทำกราฟชี้ว่าเครื่อง iPhone รุ่นเก่าๆ จะช้าลงจริงๆ หรือไม่!? ยิ่งระบบ iOS ตัวใหม่ออกมาเครื่องเก่าๆ ก็จะทำงานหนักขึ้นๆ บีบให้เราต้องอัพเกรดรุ่นขึ้นไป หรือไม่ก็เปลี่ยนค่ายไปเลย… อย่างที่ชาวเน็ตหลายคนออกมาตั้งข้อสังเกตไว้ โดยกราฟของทาง Futuremark นั้นได้ใช้ iPhone 5s ที่วางจำหน่ายในปี 2013 มาเป็นตัวทดลองในครั้งนี้ ซึ่งกราฟจะเริ่มต้นที่การเปิดตัว iOS 9 เมื่อปี 2015 ไล่มาจนถึง iOS 11 ที่พึ่งจะเปิดตัวพร้อมกับรุ่นใหม่ๆ ไม่นานนี้ จากกราฟเราจะเห็นว่าคะแนนในแต่ละช่วงก็จะขึ้นลงต่างกันไป…
-
เปรียบเทียบภาพถ่ายระหว่าง Pixel 2 กับ iPhone 8 กล้องฝั่งไหนจะมีดีมากกว่ากัน?
ปัจจุบันนี้ เรามีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนให้เลือกใช้มากมายหลายร้อยรุ่น หลายคนอาจเลือกจากระบบปฏิบัติการ หลายคนอาจเลือกจากขนาดหน้าจอ แต่หนึ่งฟีเจอร์ที่หลายๆ คนใช้ในการเลือกซื้อโทรศัพท์ซักรุ่น ก็คงจะหนีไม่พ้น “กล้อง” นั่นเอง สำหรับโทรศัพท์ที่มีกล้องคุณภาพดีในตลาด หลายคนคงคิดถึง Samsung Galaxy S และ Note หรือไม่ก็ iPhone เป็นอย่างแรกแน่ๆ แต่เมื่อปีก่อน ทาง Google ได้เปิดตัวโทรศัพท์ที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการกล้องมือถืออย่าง Pixel ออกมา ซึ่งทางเว็บไซต์ทดสอบกล้องชื่อดังอย่าง DxOMark ได้ยกให้ Pixel เป็นโทรศัพท์ที่มีกล้องดีที่สุดประจำปี 2016 ตามมาด้วย iPhone 7 และ Galaxy S6 Edge (ปีก่อน Note 7 บึ้มไป เลยไม่ได้เอามาทดสอบ) ล่าสุดทาง Google ได้ปล่อยโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่ต่อยอดจากตัวเก่านั่นก็คือ Google Pixel 2 และ Pixel 2 XL…
-
16 ความดีงามในประเทศญี่ปุ่น ที่มีความสร้างสรรค์จนอยากให้มีในทุกประเทศบนโลกนี้
ญี่ปุ่นนอกจากจะมีภูมิประเทศที่สวยงาม วัฒนธรรมที่หลากหลายเหมาะกับการท่องเที่ยวแล้ว ยังมีเทคโนโลยีแปลกใหม่ให้เราได้ตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ และนี่คือ 16 เทคโนโลยีสุดสร้างสรรค์จากญี่ปุ่น ที่ผู้คนทั่วโลกอยากให้มีในประเทศตัวเองด้วยเช่นกัน 1. มีปั๊มน้ำมันที่ไม่เหมือนใคร ปั๊มน้ำมันในญี่ปุ่น สายจ่ายน้ำมันจะห้อยลงมาจากด้านบน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนผู้ขับขี่ที่ไม่สามารถจอดรถให้ฝาน้ำมันอยู่ทางเดียวกับหัวจ่ายน้ำมันได้ 2. เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับเวลามาก จนมีการคิดค้นเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ เพื่อประหยัดเวลาในการซื้อสินค้าที่ทั้งสะดวกและรวดเร็ว 3. ที่จอดรถในพื้นที่จำกัด ญี่ปุ่นมีประชากร 127 ล้านคน ดังนั้นการจัดการเรื่องพื้นที่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยหนึ่งในนั้นคือการทำที่จอดรถสองชั้นในพื้นที่แคบๆ เช่นนี้ 4. เครื่องดื่มกระป๋องสำหรับคนตาบอด ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับคนที่ไม่สามารถมองเห็น ด้วยการทำเครื่องดื่มกระป๋องที่มีอักษรเบลล์อยู่ด้านบน เพื่อให้รู้ว่ามันคือเครื่องดื่มชนิดไหน 5. เก้าอี้พร้อมที่แขวนกระเป๋า หลายครั้งที่คุณเอากระเป๋าหรือถุงห้อยกับเก้าอี้ แล้วมันก็ร่วงลงมา มันอาจจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ แต่ญี่ปุ่นรู้มันทำให้เราหงุดหงิดได้ ก็เลยสร้างเก้าอี้พร้อมที่แขวนกระเป๋า เพื่ออำนวยความสะดวกให้ 6. รถไฟพร้อมสปาเท้า นี่เป็นบริการที่คุณจะไม่ได้เห็นจากที่อื่นแน่นอน เพราะมีเฉพาะในญี่ปุ่น แต่เป็นรถไฟขบวนพิเศษที่มาพร้อมอ้างน้ำร้อนให้คุณแช่เท้าระหว่างเดินทาง เป็นการช่วยกำจัดความเครียดบางส่วนในชีวิตประจำวันได้ดีเลยล่ะ 7. มีทิชชู่แจกฟรีบนถนน เมื่อคุณรู้สึกเนื้อตัวเปื้อนหรือสกปรกขณะที่อยู่ข้างนอก ไม่ต้องวิ่งเข้าไปซื้อทิชชู่ในร้านให้เสียเวลา เพราะมีทิชชู่แจกฟรีบริการอยู่ตามถนน…
-
42 ภาพเล่า “ความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี” บนโลก ทำให้รู้ว่ามนุษยชาติก้าวมาไกลแค่ไหน…
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณซัก 20 ปีก่อน เป็นช่วงเวลาที่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดกลุ่มนึงร่วมกันสร้างเว็บ Google ซึ่งนั่นก็เป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่ “ทามาก็อตจิ” กลายเป็นปรากฏการณ์ที่พลิกโฉมยกระดับเทคโนโลยีโลก จากนั้นเพียงไม่กี่สิบปีต่อมา เทคโนโลยีต่างๆ ก็ได้พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดและรวดเร็ว พฤติกรรมหลายอย่างของเราถูกผูกติดกับเทคโนโลยีล้ำสมัยมากขึ้น และทั้งหมดนี้คือ 42 ภาพที่จะเปรียบเทียบให้เห็นว่า เทคโนโลยีแห่งมนุษยชาติได้พัฒนามาก้าวไกลขนาดไหน..!? ภาพของ iPhone รุ่นแรกสุดที่วางอยู่ข้างโฆษณา iPhone 3G จากนั้นไม่กี่ปีต่อมา.. บริษัทแอปเปิ้ลก็ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของเราไปตลอดกาล รูปร่างหน้าตากล่องข้อความของ iPhone รุ่นแรกสุด 10 ปีต่อมา iPhone X สามารถเปลี่ยนอารมณ์บนใบหน้าของคุณ ให้กลายเป็น Emoji ที่สามารถพูดได้ ยุคก่อนที่จะมีอินเตอร์เน็ต การจะจองตั๋วเครื่องบินต้องเดินทางไปที่บริษัทเอเจนซี่ หรือโทรฯ หาสายการบินเท่านั้น ปัจจุบันมีแอพฯ มากมายที่ช่วยให้คุณเดินทางไปได้รอบโลกเพียงปลายนิ้วสัมผัส สมัยที่ยังมีแค่กล้องดิจิตอล การจะถ่ายเซลฟี่แต่ละทีเป็นไปอย่างยากลำบาก ต้องยืนหน้ากระจกหรือไม่ก็เล็งหันกล้องแบบนี้เอา ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน และรูปแบบของโซเชียลมีเดีย การถ่ายเซลฟี่จึงเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้ทุกคน …
-
จีนผุด QR Code ยักษ์ในมณฑลเหอเป่ย์ ให้สแกนข้อมูลระหว่างบิน หวังกระตุ้นการท่องเที่ยว
ปัจจุบันเรียกได้ว่าเทคโนโลยีนั้นเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะอย่างน้อยๆ ในชีวิตประจำวันของแต่ละคนจะต้องมีการข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อย่างแน่นอน!! และเมื่อไม่นานมานี้หมู่บ้านแห่งหนึ่งของประเทศจีนได้ผุดไอเดียเจ๋งๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวของพวกเขา โดยการสร้างคิวอาร์โค้ดขนาดยักษ์ไว้กลางหมู่บ้าน!! และนี่คือคิวอาร์โค้ดที่ว่านั้น พื้นที่ด้านของของหมู๋บ้าน Xinlinshui ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับนครเป่าติ้งในมณฑลเหอเป่ย์ ได้เปลี่ยนต้นไม้กว่า 130,000 ต้นให้กลายเป็นคิวอาร์โค้ดขนาดยักษ์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถหยิบโทรศัพท์มาสแกนได้ ระหว่างที่กำลังบินผ่านไปยังเมืองหลวง โดยคิวอาร์โค้ดดังกล่าวจะลิ้งค์ไปที่หน้าแอพลิเคชั่น WeChat ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างๆ ในหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งแน่นอนว่าการจะสแกนได้นั้นคุณอาจจะต้องใช้ความสามารถหน่อยล่ะนะ ฮ่าๆ อื่ม… เป็นไอเดียที่เจ๋งดีเหมือนกันนะเนี่ย แต่เปิดกูเกิลแมพแล้วสแกนเอาน่าจะง่ายกว่านะเหมียว!! ที่มา shanghaiist
-
รถหุ่นยนต์ O-R3 ตำรวจสมองกลแห่งดูไบ ออกตรวจตามท้องถนน พร้อมประจำการในปีหน้า!!
เทคโนโลยีนั้นเติบโตอย่างก้าวกระโดดจริงๆ หลายสิ่งหลายอย่างที่ก่อนหน้านี้ที่เคยคิดว่าจะเป็นไปไม่ได้ ก็เริ่มมีผุดออกมาได้เห็นกันในชีวิตจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ในยุคปัจจุบัน อย่างเช่นรถตำรวจที่ขับเคลื่อนด้วยสมองกลคันนี้ เมื่อนครดูไบ แห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้นำเทคโนโลยีมาช่วยให้การทำงานของตำรวจ ให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นั่นก็คือเจ้า O-R3 หรือรถตำรวจที่สามารถไล่ตามคนร้ายได้ผ่านสมองกลของมันเอง!! สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้เป็นของบริษัท OTSAW Digital จากประเทศสิงคโปร์ และที่ดูไบจะกลายเป็นเมืองแรกของโลกที่จะใช้รถตำรวจสมองกลในตอนสิ้นปี หากใครได้ไปเที่ยวที่ดูไบในปีหน้า ก็คงจะมีโอกาสได้เห็นพวกมันออกปฏิบัติหน้าที่แน่ๆ อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้มีไว้มาแทนที่คุณตำรวจแต่อย่างใด หากมีไว้เพื่อช่วยให้จัดการความเรียบร้อยภายในเมืองได้ดียิ่งขึ้น (งานตรวจตรายิบย่อยเล็กๆ ประจำวัน) ถึงแม้ว่าขนาดของมันจะเล็กเหมือนของเล่นเด็ก แต่มันมีฟังก์ชั่นมากมายที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการในการไล่ตามผู้ร้ายได้ อย่างเช่น โดรนที่จะบินออกมาถ่ายภาพของคนร้ายเอาไว้ แล้วส่งกลับไปสำนักงาน คลิปวิดีโอโชว์ประสิทธิภาพการทำงานของ O-R3 ผู้บัญชาการกรมตำรวจแห่งดูไบได้ออกมาเสริมอีกว่า การที่นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอย่างการใช้หุ่นยนต์ เพื่อที่ว่าจะทำให้เกิดความปลอดภัยในท้องถนนมากที่สุด และช่วยลดความเหนื่อยล้าจากการลาดตระเวนอย่างหนักหน่วงของเจ้าหน้าที่ด้วย เจ้ารถหุ่นยนต์ตัวนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการที่จะใช้เทคโนโลยีสมองกลเข้ามาช่วยปฏิบัติหน้าที่ โดยคาดว่าในปี 2030 จะมีเหล่าสมองกลมาช่วยทำงานมากถึง 25% โดยไม่เฉพาะเจาะจงเป็นหุ่นยนต์เพียงอย่างเดียว… ประโยชน์ของความก้าวหน้าในสิ่งประดิษฐ์มากมาย ก็ช่วยให้มนุษย์มีชีวิตที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และจะยังคงพัฒนากันต่อไปเพื่อตอบโจทย์เราอยู่เรื่อยๆ ไม่รู้จบ ที่มา: gulfnews, theverge
-
2 หนุ่มเล่าประสบการณ์การอยู่กินกับตุ๊กตา Sex Doll พร้อมต่อยอดทำเป็นธุรกิจได้!!
ตุ๊กตายาง “Sex Doll” ถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้คุณหนุ่มๆ ทั้งหลาย สามารถเพลิดเพลินไปกับความสัมพันธ์ที่ดูสมจริงได้ โดยในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่า หลายๆ ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น จีน ญี่ปุ่น รวมถึงสเปน ได้เปิดบริการซ่องตุ๊กตายางกันมากมาย โดยให้หนุ่มๆ ขี้เหงาทั้งหลายได้ไปใช้บริการได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ ตุ๊กตายางยังเข้ามามีบทบาทในชีวิตของมนุษย์มากขึ้น บางคนถึงขั้นกินอยู่กับตุ๊กตายาง แต่งงานกัน และใช้ชีวิตร่วมกันไปแล้วก็มี ในประเทศสหรัฐอเมริกา ชายหนุ่มที่ชื่อว่า Bryan ได้ทำการจัดตั้งเว็บไซต์ Silicon Wives ขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2016 หลังจากได้รับแรงบันดาลใจบางอย่างจากหนังฮอลลีวู้ด Bryan ได้ออกมาเผยว่า “ผมเคยทำงานในวงการเพาะกายมานานก่อนที่จะจัดตั้งเว็บไซต์ Silicon Wives โดยส่วนใหญ่ผมจะเน้นขายดิลโด กับไวเบรเตอร์ให้ผู้หญิง” ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีคู่แข่งทางการตลาดที่จำหน่ายสินค้าดังกล่าวเยอะแยะมากมาย และนั่นจึงทำให้ Bryan เริ่มมองหาโอกาสใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งตอนแรกเขาไม่เคยรู้จักตุ๊กตายาง Sex Doll มาก่อน จนได้มาเห็นภาพยนตร์เรื่อง Lars and the Real…
-
ญี่ปุ่น ผุด “หุ่นยนต์หมาป่า” แทนที่หุ่นไล่กา ตอบโจทย์เกษตรกรได้ดีที่สุด ดูหลอนไปอีกแบบ
ในอดีต “หุ่นไล่กา” ถือว่ามีความจำเป็นสำหรับเกษตรกรชาวไร่ชาวนาเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาเชื่อว่ามันสามารถที่จะไล่นก หรือสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่จะเข้ามาทำลายพืชผลทางการเกษตรได้ แต่เอาจริงๆ แล้ว หุ่นไล่กาธรรมดาๆ อาจจะยังไม่สามารถตอบโจทย์การไล่ศัตรูพืชได้อย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้ ญี่ปุ่นจึงได้ปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิด โดยผุดหุ่นยนต์หมาป่าขึ้นมา เพื่อนำมาไล่นกรวมถึงสัตว์ป่าชนิดอื่นๆ แทนหุ่นไล่กานั่นเอง และนี่คือ “Super Robot Wolf” หุ่นยนต์หมาป่าสุดไฮเทค ที่จะมาสร้างความหวาดกลัวให้กับบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ สำหรับ Super Robot Wolf เป็นหุ่นยนต์หมาป่าสุดเจ๋งของเกษตรกรในเมืองคิซะระซุ ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Ohta Seiki โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อช่วยไล่ศัตรูพืชทางการเกษตรของเกษตรกรชาวญี่ปุ่น โดยเจ้าหุ่นยนต์หมาป่านี้ ถูกออกแบบขึ้นมาให้มีลักษณะคล้ายกับหมาป่าของจริง แถมยังมีหน้าตาที่แสนน่ากลัว และมีดวงตาสีแดงขนาดใหญ่อีกด้วย นอกจากนี้ มันยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ตรวจจับรังสีอินฟาเรด ที่สามารถช่วยตรวจจับสัตว์ขณะที่เข้าใกล้พืชแถมยังสามารถส่ายหัวไปมาได้ราวกับว่ามันมีชีวิต และที่สำคัญเจ้าหมาไฮเทคนี้ ยังสามารถส่งเสียงได้ถึง 40 เสียง เช่น เสียงหมาป่า เสียงของมนุษย์ รวมถึงกระสุนปืน อีกทั้ง มันยังมาพร้อมกับตัวจับเวลา เพื่อให้คุณสามารถตั้งโปรแกรมในการเปิดใช้งานได้ตามที่กำหนด ทางด้านบริษัทผู้ผลิต ก็ได้ทดสอบการใช้งานของ Super Robot…
-
11 ฟังก์ชั่นที่คุณไม่เคยทำกับ iPhone แต่พอได้รู้แล้ว จะต้องลองทำตามอย่างแน่นอน!!
มือถือสมาร์ทโฟนชื่อดังอย่าง iPhone นั้น ก็ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมจากท้องตลาดอยู่ ด้วยฟังก์ชั่นที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้อย่างมากมาย โดยปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนามาจนถึงรุ่น 7 เข้าไปแล้ว แล้วคุณคิดว่ามือถือที่คุณมีอยู่ตอนนี้คุณสามารถใช้งานมันได้ครบหรือยัง!? เพราะยังมีฟังก์ชั่นอีกหลากหลายสิ่ง ที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้หรือไม่เคยใช้ ถ้าหากได้ลองแล้วมันจะช่วยให้คุณสบายขึ้นได้อีกเยอะเลยแหละ… หารูปโดยพิมพ์สิ่งที่อยู่ในนั้น หลายคนอาจจะไม่รู้ แต่เราสามารถหาในแอพรูปภาพได้ ด้วยการพิมพ์สิ่งที่อยู่ในรูปไป เช่น ในรูปมีสุนัข เราก็พิมพ์คำว่า Dog ก็จะสามารถหาเจอได้ง่ายขึ้น สะดวกและอัจฉริยะจริงๆ ทางลัดสำหรับแบตเตอรี่และการใช้ข้อมูล คนไหนที่ได้ใช้รุ่นที่ใหม่ตั้งแต่ 6s เป็นต้นไปแล้ว ก็จะเจอกับความสามารถของ 3D Touch ที่จะช่วยให้สะดวกสบายยิ่งขึ้นเช่นการจะปิดการใช้งานข้อมูล เราก็เพียงแค่กดค้างที่แอพตั้งค่ามันก็จะมีตัวเลือกขึ้นมาให้เราใช้กันได้แล้ว ตั้งค่าทางลัดให้กับ Emojis ของคุณด้วยตัวเอง การอัพเดตในช่วงล่าสุดที่ผ่านมานั้นทำให้เจ้าไอโฟนเนี่ยสามารถเดา Emojis ที่คุณต้องการสื่อออกมา หรือยังสามารถตั้งเป็นทางลัดให้มันเดาไปในคำที่คุณต้องการได้อีกด้วย เช่น กด “@@” จะทำให้มันเดาว่าคุณจะพิมพ์อีเมล์ อย่างนี้ก็ตั้งค่าได้เช่นกัน โดยเข้าไปที่แอพตั้งค่า เลือก General > Keyboard…
-
อนาคตใกล้เป็นจริง การทดสอบ Hyperloop ขั้นที่สอง คราวนี้ใช้ตู้หัวกระสุนขนาดใหญ่ แถมสำเร็จด้วย!!
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ #เหมียวมู่ทู่ เคยนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการทดสอบระบบ Hyperloop ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกไป (สามารถย้อนอ่านได้ที่ ก้าวแรกสำเร็จ!! คลิปทดลองระบบ Hyperloop ขนส่งแห่งอนาคต กรุงเทพ-เชียงใหม่ แค่ 20 นาที) แต่เชื่อไหมว่าเพียงแค่เวลา 1 เดือนเท่านั้น ทาง Hyperloop One ก็จัดการทดสอบขั้นที่ใหญ่ยิ่งขึ้น และมันประสบความสำเร็จแล้วด้วย!! สามารถรับชมคลิปการทดสอบดังกล่าวได้ข้างล่างเลยจ้า เมื่อ 1 เดือนก่อนการทดสอบขั้นแรกนั้นทาง Hyperloop One ยังใช้แค่รถรางขนาดเล็กเพียงเท่านั้น แต่ในขั้นที่ 2 นี้ทางบริษัทได้ใช้เจ้า XP-1 ซึ่งเป็นตู้หัวกระสุนและทดสอบในระยะทางที่ไกลขึ้นกว่าครั้งแรก ในการทดสอบครั้งนี้ได้ทดสอบในอุโมงค์เดิมแต่เพิ่มระยะทางขึ้นเป็น 437 เมตร และให้ตัว XP-1 วิ่งด้วยความเร็ว 301 กิดลเมตรต่อชั่วโมง และก็อย่างที่เห็นในคลิปมันสำเร็จไปได้ด้วยดี หลังจากการทดสอบครั้งนี้ ทาง Hyperloop One ก็บอกว่าครั้งหน้าพวกเขาจะเพิ่มระยะทางของท่อขึ้นไปอีกเป็น 2,000 เมตร และพวกเขาคาดว่าตัว XP-1 จะสามารถวิ่งได้ไวถึง 1,100…
-
โครงการ “จักรยานสาธารณะ” ของรัฐบาลจีน นำไปสู่สุสานจักรยานมากว่า 20,000 คัน
สิ่งที่คุณกำลังจะได้เห็นต่อไปนี้ไม่ใช่งานศิลปะหรือประติมากรรม แต่มันคือสุสานรถจักรยานในเมือง Hangzhou ประเทศจีนต่างหาก!! ภาพถ่ายของจักรยานนับพันที่ถูกนำมาทึ้งไว้ในพื้นที่ว่างของเมืองเหล่านี้ล้วนเป็นจักรยานในโครงการ Bike-Sharing ที่เกิดจากความร่วมือระหว่างรัฐบาลจีและบริษัทเอกชน ซึ่งถูกยึดโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภาพจักรยานนับพันคันที่ถูกจอดทิ้งไว้ ในสุสานรถจักรยานแห่งนี้… อันที่จริงแล้วโครงการดังกล่าวเป็นความต้องการที่จะลดภาวะมลพิษทางอากาศของรัฐบาลจีน แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จในเมืองนี้ โครงการดังกล่าวเปิดตัวเมื่อปี 2008 ด้วยงบประมาณ 24 ล้านเหรียญหรือประมาณ 814 ล้านบาท โดยประชาชนจะสามารถใช้รถจักรยานยนสาธารณะในการปันไปยังจุดต่างๆ ที่ทางการจัดไว้ให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย จักรยานที่ถูกนำมาทิ้งที่นี่สวนมากยังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้อยู่ ในตอนแรกนั้นโครงการ Bike-Sharing นี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยสามารถลดปริมาณมลพิษทางอากาศได้มาถึง 110,000 ตันเลยทีเดียว แต่ทุกอย่างกลับล้มเหลวหลังจากการเข้ามาของบริษัทเอกชนและพยายามนำโปรเจกต์ที่เรียกว่า ‘Dockless’ Bikes เข้ามา โปรเจกต์ดังกล่าวจะทำให้ง่ายในการใช้บริการจักรยานสาธารณะ เพราะผู้ใช้สามารถจอดรถไว้ที่ไหนก็ได้และพวกเขาสามารถปลดล๊อคจักรยานได้โดยการแสกน QR โค๊ต แต่ทว่าดูเหมือนข้อดีจะกลายเป็นข้อเสีย เมื่อจักรยานในโปรเจกต์ Dockless กว่า 23,000 คันนั้นจอดในที่ห้ามจอดจึงทำให้ถูกคุณตำรวจมายึดไปไว้ที่สุสานแห่งนี้ หลังจากที่ถูกร้องเรียนจากผู้เดือดร้อน อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวยังคงมีให้บริการในเมือง Hangzhou เพราะรัฐบาลยังคงให้ความสำคัญกับการลดปัญหามลพิษในเมือง อันที่จริงโครงการนี้ก็ถือว่าเป็นโครงการที่ดีทีเดียวเลยหล่ะ…
-
ทีมแพทย์บราซิลทดลองใช้ ‘หนังปลาทิลาเพีย’ เพื่อรักษาแผลไฟไหม้ ให้ได้ผลที่ดีกว่า!!
เนื่องจากว่าประเทศบราซิลนั้นเป็นประเทศที่มีความขาดแคลนทรัพยากรทางการแพทย์เป็นอย่างมาก ทีมแพทย์จึงได้หันมาทำการทดลองใช้ ‘หนังปลาทิลาเพีย’ (หรือหนังปลานิล) มารักษาแผลที่เกิดจากไฟไหม้ แทนที่การใช้ครีมและยาทาชนิดต่างๆ แผลไฟไหม้ในระดับที่ 2 และ 3 เป็นอะไรที่เจ็บปวดมากๆ จนบางครั้งก็อาจทำให้ถึงตายได้หากได้รับบาดแผลทั่วร่างกาย โดยปกติแล้วการใช้เนื้อเยื่อจำลองในการรักษาจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นฟูมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับสถาบันทางการแพทย์ José Frota ที่ตั้งอยู่ในเมือง Fortaleza ประเทศบราซิล เหล่าคุณหมอสามารถใช้ได้แต่ครีมรักษาแผลไฟไหม้ และผ้าพันแผลที่ต้องหมั่นเปลี่ยนเป็นประจำ เป็นวิธีการรักษาที่สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้เข้ารับการรักษาเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เองทางทีมแพทย์จึงหาวิธีอื่นในการรักษาแทน อย่างเช่น หนังปลาทิลาเพียที่ฆ่าเชื้อแล้ว เพราะเพิ่งทราบถึงผลการศึกษาที่น่าตกใจ!? “มันเป็นอะไรที่น่าตกใจมาก เพราะในหนังปลาทิลาเพียนั้นมีคอลลาเจนโปรตีนแบบที่ 1 และแบบที่ 3 อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งมันจำเป็นมากในการทำให้เกิดแผลเป็น และคอลลาเจน 2 ตัวที่กล่าวมานี้มีอยู่ในหนังของปลาทิลาเพียมากกว่าในผิวหนังของมนุษย์และสัตว์อื่นๆ เสียอีก” Dr. Edmar Maciel ผู้เชี่ยวชาญทางด้านแผลไฟไหม้จากสถาบันกล่าว ซึ่งปลาทิลาเพียเป็นปลาที่สามารถหาได้ทั่วไปตามแหล่งน้ำในประเทศบราซิล แถมยังมีการทำฟาร์มปลาชนิดนี้อีกมากมาย ถือว่าเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่ายและเหมาะที่จะนำมาทดลองการรักษา และที่เจ๋งไปกว่านั้นก็คือเจ้าหนังปลลาทิลาเพียที่ฆ่าเชื้อแล้ว สามารถปิดทิ้งไว้จนแผลกลายเป็นแผลเป็น แต่บางเคสที่แผลร้ายแรงมากก็อาจจะต้องมีการเปลี่ยนหนังปลา แต่ไม่บ่อยเท่ากับการใช้ผ้าพันแผลและครีมแบบเดิม…
-
ห้องแล็บญี่ปุ่นพัฒนา ‘MetaLimbs’ แขนกลแบบสวมใส่ เพื่อช่วยให้ผู้พิการหยิบจับได้อีกครั้ง
คุณเคยรู้สึกไหมว่าการมีมือมีแขนเพียง 2 ข้างมันยังไม่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน? ถ้าคุณรู้สึกแบบนั้นล่ะก็อุปกรณ์ที่เรากำลังจะนำเสนอต่อไปนี้อาจช่วยคุณได้นะ สิ่งที่คุณได้เห็นอยู่นี้มันมันมีชื่อว่า MetaLimbs หรือแขนกล 2 ข้างสำหรับติดตั้งไว้ที่หลังเพื่อช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นราวกับ Dr. Octopus ใน Spider-Man เลยทีเดียว เจ้าแขนกล MetaLimbs ถูกพัฒนาโดย Inami Laboratory ในเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มันมีหน้าที่ในการหยิบจับสิ่งของแทนมือของเราขณะยุ่งอยู่กับกิจกรรมอื่นๆ บางคนอาจสงสัยว่ามันควบคุมได้ยังไง? จากวิดีโอโปรโมทแสดงให้เห็นว่ามันมีเซ็นเซอร์รัดอยู่ที่ริเวณหัวเข่าแล้วเท้า นั่นก็หมายความว่าการจะควบคุมมันต้องใช้เท้าขยับไปขยับมานั่นเอง ถึงแม้ว่าแขนกลนี้จะสามารถขยับได้แบบจำกัดทิศทางและไม่สามารถหมุนแบบ 360 องศาได้ (เว้นแต่ขาของคุณจะสามารถหมุนได้ 360 องศา…) แต่การทำงานของมันก็ยังคงครอบคลุมชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเปิดประตู หยิบแก้วน้ำ จับปากกา ถือโทรศัพท์ นอกจากคุณจะสั่งการแขนกลด้วยเท้าและขาของคุณได้แล้ว ในขณะเดียวกันหากแขนกลไปสัมผัสหรือโดนอะไรเข้า มันก็จะส่งความรู้สึกกลับมาที่เท้าของคุณได้อีกด้วย บางทีเจ้าแขนกลนี้อาจจะยังไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับคนทั่วไปสักเท่าไหร่ แต่หากพัฒนามันไปเรื่อยๆ มันก็จะกลายมาเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการหรือคนชราได้ในอนาคต เมื่อแขนกลนี้ถูกนำเสนอไปยังสื่อต่างๆ ของญี่ปุ่น มันก็ได้สร้างความฮือฮาออกไปเป็นวงกว้างทีเดียว “อย่างที่เป็นมาตลอดล่ะนะ ชาวญี่ปุ่นพัฒนาความสามารถของพวกเขาด้วยการสร้างหุ่นยนต์เสมอ” “ฉลาดมาก และผมชอบชื่อมันด้วย”…
-
ตามไปส่อง 10 วิธีการทางเทคโนโลยีของเกาหลีเหนือ ที่ไม่เหมือนใครในโลกแน่น๊อนน!!
เป็นอย่างที่ทราบกันดีว่าประเทศเกาหลีเหนือ เป็นประเทศที่มีความยูนีค และมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก สูงซะยิ่งกว่างานแฟชั่นวีคส์จากกรุงมิลานซะอีก ด้วยหลักคิดที่ว่าต้องการพึ่งพาตนเอง และตัดขาดโลกภายนอก ทำให้หลายสิ่งอย่างก็ต้องสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะเทคโนโลยีสมัยใหม่ทั้งหลาย เราตามไปส่องกันเลยว่าพฤติกรรมทางเทคโนโลยีของชาวเกาเหลีเหนือ เค้าจะแตกต่างจากประเทศอื่นทั่วโลกมากขนาดไหน 1. เกือบจะไม่มีอินเตอร์เน็ตให้ใช้ อันที่จริงก็มีอินเตอร์เน็ตอยู่หรอก หากแต่ว่าจะเปิดใช้บริการได้เฉพาะบางคนเท่านั้น (นักท่องเที่ยว หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูง) แต่สำหรับชาวบ้านตาดำๆ ก็มีเครือข่าย Kwangmyong ให้บริการอยู่ แน่นอนว่าข้อมูลข่าวสารก็ต้องเป็นไปตามที่รัฐกำหนด 2. เฟซบุ๊กก็มีเหมือนกัน แต่เป็นร่างโคลนนะ แน่นอนว่าประเทศนี้ได้ทำการแบนสื่อจากชาติตะวันตกทุกชนิด แต่ทางรัฐบาลก็ได้สั่งสร้างโซเชียลมีเดียรุ่นโคลนนิ่ง ที่ถูกออกแบบโดยบริษัท Dyn Networks เพื่อให้ชาวเมืองเอาไว้ใช้ติดต่อกันนั่นแหละ 3. เพียง 1 ใน 10 ของชาวเกาหลีเหนือเท่านั้นที่มีสมาร์ทโฟน อ้างอิงข้อมูลจากผู้เขียนหนังสือ ‘The Real North Korea’ Andrei Lankov ระบุว่า จากสถิติการเปิดใช้งานกับเครือข่าย Koryolink เผยว่ามีผู้ลงทะเบียนใช้เพียงแค่ 3 ล้านรายเท่านั้น ซึ่งนับเป็น 1 ใน 10…
-
RensenWare มัลแวร์ที่ไม่ได้เรียกค่าไถ่ แต่บังคับให้เล่นเกมได้คะแนน 200 ล้าน เพื่อปลดล็อคไฟล์!!
เมื่อมัลแวร์ที่พัฒนาเล่นๆ ดันเป็นเหตุของความหายนะ!! โดยปกติทั่วไปแล้วมัลแวร์ประเภท Ransomware นั้นจะเป็นมัลแวร์ที่ทำการล็อคไฟล์เพื่อเรียกค่าไถ่จากเหยื่อ แต่ทว่ามัลแวร์ตัวใหม่ที่กำลังระบาดไปทั่วนั้น กลับไม่ได้เรียกร้องเงิน แต่ให้คุณทำการเล่นเกมแทน!? RensenWare คือมัลแวร์ตัวใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยชาวเกาหลีนายหนึ่ง โดยมัลแวร์เจ้าปัญหาตัวนี้ไม่ได้ทำงานเหมือนตัวอื่นๆ ที่จะเรียกร้องเงินค่าไถ่ แต่มันบังคับให้คุณเล่นเกม Touhou Seirensen (TH12 ~ Undefined Fantastic Object) เพื่อปลดล็อคไฟล์… แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหนล่ะ? ปัญหามันอยู่ตรงที่เกม Touhou Seirensen นั้นมีชื่อเสียงในเรื่องของความยากอยู่ด้วย แถมเจ้ามัลแวร์ตัวนี้ยังบังคับให้เราเล่นในระดับ Lunatic นั่นก็คือมีความยากมากที่สุด และต้องทำคะแนนให้ได้ 200 ล้านแต้มอีกต่างหาก หน้าตาของไฟล์ที่ถูกเข้ารหัสโดยมัลแวร์ .RENSENWARE ถ้าทำคะแนนไม่ถึงหรือพยายามปิดเกม ไฟล์ก็หายไป!! โดยรูปแบบเกมจะเป็นเกมแนวยานรบ ที่ต้องยิงไปเรื่อยๆ และคอยหลบห่ากระสุนจากศัตรู แน่นอนว่าการทำแบบนั้นสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อนมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยนั่นเอง แถมถ้าเราทำไม่สำเร็จเจ้ามัลแวร์ ตัวนี้ก็จะลบไฟล์ของเราทิ้งทันที และล่าสุดก็มีคนมากมายที่โดนมัลแวร์ ตัวนี้เล่นงานเข้าแถมสูญเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากเพื่อกู้ไฟล์ที่ถูกลบกลับมา จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตร้อนถึง FBI ล่าสุดเว็ปไซต์ Kotaku ก็ได้พูดคุยกับนักศึกษาชาวเกาหลีที่เป็นผู้พัฒนามัลแวร์เจ้าปัญหาผ่านอีเมล์…
-
ล้ำไปอีกขั้น ต่างชาติพัฒนาเทคโนโลยี ‘หนวดปลาหมึก’ ช่วยหยิบจับสิ่งของได้ง่ายขึ้น!!
แฟนการ์ตูนสไปเดอร์แมนคงเคยเห็นเครื่องมือของตัวร้ายอย่าง Dr. Octopus ที่เป็นลักษณะคล้ายหนวดปลาหมึก สามารถช่วยจับสิ่งของต่างๆ ได้ ราวกับว่าเป็นคนมีมือ 8 มือยังไงยังงั้น ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้เทคโนโลยีของมนุษย์เราจะไปถึงจุดนั้นแล้วนะ เพราะล่าสุดบริษัทพัฒนาเทคโนโลยีจากต่างชาติ Festo ได้พัฒนา ‘หนวดปลาหมึกอัจฉริยะ’ ที่จะเข้ามาช่วยให้การหยิบจับสิ่งของในชีวิตประจำวันของเราง่ายขึ้น ลักษณะของหนวดปลาหมึก ที่เป็นคอนเซปให้กับเทคโนโลยีในครั้งนี้ Dr. Octopus ผู้มีหนวดปลาหมึกเป็นอาวุธ เทคโนโลยีสุดล้ำนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘OctopusGripper’ มันถูกออกแบบมาไม่ให้มีส่วนของข้อต่อคล้ายกับกระดูก ทำให้เจ้าหนวดอัจฉริยะนี้สามารถบิดงอได้หลายรูปแบบ และหยิบจับสิ่งของได้หลายรูปทรง ตัวอย่างการทำงานของมัน โดยผู้ผลิตใช้กลไกการทำงานของสุญญากาศ ที่ถอดแบบมาจากหนวดของปลาหมึก ทำให้สามารถหยิบจับสิ่งต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย โดยหนวดปลาหมึกอันนี้ จะทำงานคู่กับระบบสั่งการอัจฉริยะ BionicMotionRobot ซึ่งคล้ายๆ กับการทำงานของหุ่นยนตร์ที่เราเห็นในหนังนั่นแหละ เห็นมั้ยว่าจะสั่งให้มันคอยบริการเติมน้ำให้เราแบบนี้ก็ยังได้ อีกหน่อยเอาไปพัฒนาทำอย่างอื่นได้อีกเพียบ! การทำงานของมันก็ดูน่าสนใจดีนะ แต่ว่ามันก็แปลกๆ ในเวลาเดียวกัน หยึ๋ยยย ถึงแม้ว่าหนวดปลาหมึกนี้จะยังไม่วางขายในท้องตลาด แต่ก็ทำให้เราได้เห็นว่ามนุษย์พัฒนาไปไกลอีกขั้นแล้วนะ ที่มา: festo
-
21 ภาพที่แสดงให้เห็นว่า “คนแก่” กับ “เทคโนโลยี” เป็นไม้เบื่อไม้เมาต่อกันมาโดยตลอด…
เทคโนโลยีใหม่ๆ กับคนแก่ถือว่าเป็นสิ่งที่แสลงใจมาโดยตลอด เชื่อว่าหลายๆ บ้านต้องประสบปัญหาในการสอนให้คนเฒ่าคนแก่ของบ้านให้ใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แทปเล็ต หรือ สมาร์ทโฟน ซึ่งหลายๆ ครั้ง มันก็ทำให้เกิดเรื่องฮาๆ ขึ้นมา อย่างเช่น 21 การแชร์ประสบการณ์ฮาๆ ของชาวเน็ต ในการสอนเทคโนโลยีแก่คนแก่ จะน่ารักขนาดไหน จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย เมื่อคุณยายจดชื่อเว็บไซต์ที่เธอชอบเข้า (ฟังก์ชั่น Favorite) เวลาคุณยายค้นกูเกิ้ล เธอมักใส่คำว่า “กรุณาด้วยค่ะ” กับ “ขอบคุณ” อยู่เสมอ คุณย่าบอกบอกว่านาฬิกาบนฝาเครื่องมันเสีย เมื่อคุณย่าบอกว่ารีโมทมีปุ่มเยอะเกินไป เมื่อพ่ออยากส่งภาพเตาอบเครื่องใหม่มาให้ดู แต่ดันถ่ายเซลฟี่ตัวเองมาให้แทน เมื่อคุณยายดูหนังสือแมวแบบสาวมิติ คุณยายบอกว่าตัวหนังสือบนโทรศัพท์มันเล็กเกินไป คุณยายส่งภาพนี้มาให้ทางไปรษณีย์ จริงๆ ส่งมาทางเน็ตจะเร็วกว่านะ คุณย่าถามว่า อันนี้ใครศัพท์ใคร (มันคือเครื่องคิดเลขนะจ๊ะ) คุณแม่อยากส่งรูปมาให้ แต่ดั๊นเอานิ้วไปบังเลนส์กล้อง เมื่อบอกคุณตาว่า…
-
ไปอ๊ะป่าว? นิวซีแลนด์ประกาศจ่ายค่าตั๋ว พร้อมที่พักฟรี เพื่อหาคนมาทำงานที่เวลลิงตัน!!
บ่อยครั้งที่เรามักจะได้เห็นข่าวประกาศจากภาครัฐของประเทศต่างๆ ที่พร้อมจะจ่ายค่าดำรงชีพ หรือค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆ เพื่อดึงคนเก่งจากทั่วโลกให้เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่ของตนให้มากยิ่งขึ้น และคราวนี้ก็เช่นเดียวกันเนื่องจากปัญหาขาดแคลนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและสื่อในแขนงต่างๆ ทำให้ล่าสุดรัฐบาลนิวซีแลนด์จึงออกมาประกาศว่า พร้อมที่จะจ่ายค่าตั๋ว และค่าที่พักให้แบบฟรีๆ ถ้าหากคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ และสนใจจะเดินทางมาสมัครงานที่เมืองเวลลิงตัน บ้านเมืองเค้าน่าอยู่มากเลยแหละเทอว์ โดยโครงการดังกล่าวมีชื่อว่า ‘Looksee Wellington’ ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างทีมพัฒนาเศรษฐกิจแห่งเมืองเวลลิงตัน และหน่วยงานจัดหางานประจำเมือง ซึ่งปัจจุบันอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในเมืองเวลลิงตัน กำลังเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทว่าปัญหาที่พวกเขาพบคือมีบุคลากรไม่เพียงพอต่อความต้องการของบริษัทในพื้นที่ และตอนนี้มีมากกว่า 100 บริษัทที่กำลังรอผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จากทั่วโลก เพื่อมาเข้าร่วมเป็นหนึ่งในทีมงาน ‘สำหรับผู้ที่ได้ร่วมโครงการจะใช้เวลาทั้งหมด 4 วัน โดยช่วงแรกเราจะพาไปสำรวจรอบเมือง จากนั้นเราจะพาคุณไปสมัครงานกับบริษัทต่างๆ ในพื้นที่ ซึ่งเราพร้อมที่จะรับประกันว่าถ้าหากคุณได้มาแล้ว อย่างน้อยคุณก็จะได้ทำงานอยู่ในเมืองที่มีค่าความสุขสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกอีกด้วย’ หนึ่งในเจ้าหน้าที่จากโครงการกล่าว ซึ่งตอนนี้โครงการเปิดให้สมัครถึงวันที่ 20 มีนาคมนี้ โดยโครงการจะทำการคัดเลือกผู้สมัครเพียงแค่ 100 คนจากทั่วโลก เพื่อพาไปเที่ยวชมเมืองพร้อมหางานให้ทำตามโปรแกรมในช่วงวันที่ 1-11 พฤษภาคม ส่วนค่าใช้จ่ายในการเดินทาง รัฐบาลใจดีจ่ายให้หมดเลยจ้า ถ้าใครสนใจละก็ส่งเรซูเม่ พร้อมแนะนำตัวเองได้ที่ลิ้งค์ Wellington นี้เลย ไม่แน่นะว่าคุณอาจจะเป็นคนต่อไปที่ได้ย้ายสัมโนครัวไปอยู่ดินแดนในฝันก็ได้นะ…
-
22 ภาพเล่าชีวิตการเล่นของเด็กในอดีต สะท้อนเทคโนโลยีเปลี่ยนวัยเด็กไปมากแค่ไหน…
หากย้อนกลับไปในช่วงที่อินเตอร์เน็ต หรือเทคโนโลยีเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ยังไม่พัฒนาเท่ายุคปัจจุบัน เพื่อนๆ เคยสงสัยหรือไม่ว่าเด็กๆ แต่ละคนเขามีกิจกรรมอะไรให้ทำแก้เบื่อกันบ้างนะ? สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมภาพประวัติศาสตร์ชีวิตการละเล่นของเด็กๆ ต่างประเทศ ทำให้เห็นว่าในยุคที่เทคโนโลยียังไม่พัฒนาแตกต่างกับปัจจุบันแค่ไหน 1. สาวน้อยกำลังเล่นกีต้าร์ให้เจ้าหมาฟัง 2. เด็กน้อยกำลังเต้นรำอยู่ด้านหน้าของตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ ที่เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปี 1961 3. พ่อบ้าน Paul Ramos กำลังอุ้มลูกชายด้วยมือเดียวเพื่อป้อนอาหารให้ยีราฟ ในสวนสัตว์ลอนดอน ช่วงปี 1950 4. เด็กสองคนกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน บนถนนกลางกรุงนิวยอร์คซิตี้ ช่วงปี 1940 5. เด็กๆ กับเล่นเกม ‘แข่งดันถั่ว’ บนถนน King’s Cross Street ในกรุงลอนดอน เมื่อปี 1938 6. เพื่อนรัก 7. แม้แต่หมาก็มาเล่นม้ากระดกด้วย 8.…
-
เรื่องราวของคู่รักมี Skype สื่อรักในทุกๆ วัน แม้ตัวจะอยู่ห่างไกล แต่ไม่ใช่อุปสรรค!!
ย้อนกลับไปในช่วงอดีต เวลาที่อยู่ห่างจากคนที่เรารัก เช่น อยู่กันคนละจังหวัด หรืออยู่กันคนละประเทศ หลายคนอาจจะหาวิธีคลายความคิดถึงได้โดยการโทรศัพท์ หรือส่งจดหมาย แต่นั่นอาจจะทำให้เรายิ่งคิดถึงกันมากขึ้นกว่าเดิม เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านั้น ทำให้เราได้ยินเพียงแค่เสียง และเห็นเพียงแค่ตัวหนังสือ ซึ่งต่างจากปัจจุบันที่เทคโนโลยีได้รับการพัฒนามากขึ้น ทำให้เราสามารถมองเห็นหน้ากันได้ แม้กว่าจะอยู่กันคนละซีกโลกก็ตาม… และนี่คือเรื่องราวของ Justine และ Derek คู่รักที่อยู่ห่างไกลกันออกไปกว่า 5,600 ไมล์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรักของทั้งคู่ที่มีให้กันลดน้อยลงไปเลย และถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่แอพพลิเคชั่นสามารถทำให้ทั้งคู่เหมือนอยู่ใกล้กันได้ เรื่องราวของ Justine และ Derek ได้เริ่มขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่พบกันครั้งแรกที่โรงเรียนมัธยมในเมืองลาเวิร์น รัฐแคลิฟอร์เนีย และได้ตัดสินใจคบกัน แต่น่าเสียดายที่ความรักของทั้งคู่ต้องจบลงในระยะเวลาเพียงแค่ 1 เดือน ซึ่งหลังจากที่จบการศึกษาพวกเขาก็ไม่ได้พบกันอีกเป็นนานกว่า 3 ปี จนในที่สุดในปี 2011 ทั้งคู่ก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง วันหนึ่ง Justine ได้เห็นชื่อของ Derek บน Skype ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เธอได้ตัดสินใจติดต่อไปหาเขา และนั่นก็ทำให้เธอได้รู้ว่า Derek…
-
“คาวาซากิ” พัฒนาหุ่นยนต์ ที่สามารถ “ติดฟิล์มโทรศัพท์” ได้อย่างรวดเร็ว และเนี๊ยบ ไม่แพ้คนทำ
สำหรับเพื่อนๆ หลายคนที่ใช้โทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนแล้ว เรื่องของการติดฟิล์มกันรอยนั้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ เพราะต้องเปลี่ยนอยู่บ่อยครั้งและแต่ละครั้งก็จะเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 50-100 บาท จากนั้นพนักงานก็จะทำการเปลี่ยนฟิล์มให้ แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะพาไปชมเรื่องที่จะทำให้เพื่อนๆ มองว่าการติดฟิล์มกันรอยนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาอีกต่อไป!! เพราะล่าสุดทางบริษัท Kawasaki ได้ทำการเปิดตัวเจ้าหุ่นยนต์ที่มีชื่อว่า duAro ในงาน Pepper World ในเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น งานที่จะรวมนวัตกรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไว้ที่นี่ ที่พิเศษก็เพราะว่าเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้มันสามารถติดฟิล์มโทรศัพท์ได้ด้วย แถมยังทำได้เนี๊ยบ และรวดเร็วแบบสุดๆ อีกต่างหาก!! เจ้าหุ่นยนต์ชนิดนี้เป็นนวัตกรรมหุ่นยนต์ SCARA ที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานต่างๆ ได้เฉกเช่นเดียวกันกับมนุษย์ และด้วยรูปลักษณ์ที่เป็น ‘แขนคู่’ แล้ว ทำให้มันสามารถทำงานต่างๆ ที่อาจจะดูยากและละเอียดอ่อนเหมือนกับการติดฟิล์มโทรศัพท์ได้อย่างง่ายดาย แต่ในปัจจุบันเรื่องของต้นทุนและการผลิตนั้นยังคงมีราคาที่แสนแพงอยู่ จึงทำให้การนำมาใช้งานตามห้าง หรือร้านขายโทรศัพท์ต่างๆ ยังเป็นเรื่องที่ยาก แต่หากทางผู้ผลิตสามารถลดต้นทุนได้ก็มีโอกาสได้เห็นกันอย่างแน่นอน!! ลองไปชมคลิปการติดฟิล์มกันรอยของเจ้าหุ่นยนต์ duAro กันแบบเต็มๆ ว่ามือของมันจะติดฟิล์มเหมือนหรือต่างจากมือคนแค่ไหน!? . ที่มา : wonderfulengineering
-
นักการเมืองฝรั่งเศส ใช้วิธีหาเสียงเลือกตั้งแบบล้ำๆ ไม่ใช่ป้าย แต่มาเป็นโฮโลแกรมเลยจ้า!!
เมื่อใกล้จะถึงช่วงของการเลือกตั้งเพื่อเฟ้นหาตัวแทนนักการเมือง เพื่อขึ้นมาดำรงค์ตำแหน่งผู้นำประเทศ ถ้าเป็นบ้านเราก็คงจะได้เห็นป้ายหาเสียงที่วางกระจัดกระจายอยู่เต็มฟุตบาธไปหมด หรือไม่ก็ออกไปหาเสียงตามท้องตลาด เข้าไปผูกมิตรกับพ่อค้าแม่ค้า ก่อนที่พวกเขาจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยหลังได้ตำแหน่ง… ถึงแม้ว่าตอนนี้ ‘การเลือกตั้ง’ ดูจะเป็นเรื่องที่ไกลตัวประเทศเรามากเกินไปหน่อยก็เถอะ แต่ที่ประเทศฝรั่งเศส เหล่านักการเมืองผู้ลงสมัครเลือกตั้ง ต่างก็กำลังงัดเอาทีเด็ดของแต่ละคนออกมาหาเสียงกันอย่างขมักเขม่น และล่าสุดเราได้ไปเจอกับวิธีการหาเสียงแบบล้ำสมัยของ ‘Jean-Luc Melenchon’ โดยใช้เครื่องโฮโลแกรม งานนี้เจ้าตัวบอกว่าไม่เปลืองทรัพยากร และไม่ต้องไปแอ๊คถ่ายรูปกับพ่อค้าแม่ค้าตามตลาดให้เสียเวลา แถมยังฝากเรามาบอกต่อถึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่นี่ด้วยว่า ‘เลส อิส มอร์ ยูโน๊วว!?’ บรรยากาศการปราศรัยของ Jean-Luc Melenchon ที่เมืองลียง โดยเมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ‘Jean-Luc Melenchon’ ได้ขึ้นมาปราศรัยที่เมืองปารีส โดยใช้เครื่องโฮโลแกรมนี่แหละ ถ่ายตัวเองจากเมืองลียง ก่อนจะส่งข้อมูลไปยังเครื่องฉายโปรเจคเตอร์เมืองปารีสที่อยู่ห่างไกลกว่า 500 กิโลเมตร อัพเดทแบบเรียลไทม์กันไปเลย “ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนแล้วนะ? ตัวผมอยู่ที่เมืองลียงนี่ และผมก็ขึ้นมาปรากฏตัวที่ปารีสได้” เจ้าตัวกล่าวบนเวที โดยภาพวิดีโอที่ถ่ายจากเมืองลียง จะถูกฉายเข้ากับพื้นหลังบนเวทีปราศรัยที่มีความเอียงระดับ 45 องศา จึงทำให้เรามองเห็นเขายืนพูดบนเวทีแบบ 3 มิติ …
-
8 นวัตกรรมเจ๋งๆ ที่มีขายในญี่ปุ่น และมันช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น ราวกับอยู่ยุคอนาคต..
โลกในยุคนี้มันจะมีนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงไอเดียใหม่ๆ ออกมาให้ได้เห็นกันบ่อยๆ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดีที่โลกของเราจะได้มีอะไรใหม่ๆ เจ๋งๆ ออกมาให้เราใช้อยู่เสมอๆ วันนี้ก็เลยจะขอหยิบ 8 นวัตกรรมที่น่าสนใจมาให้ทุกคนได้ดูกัน… สมาร์ทแทค โดย “MAMORIO” ที่จะช่วยป้องกันของหาย สั่งซื้อได้ที่นี่ ราคาประมาณ 1,200 บาท เจ้าสมาร์คแทคตัวนี้ มันจะมาช่วยให้เราสามารถตามหาสิ่งของต่างๆ ของเราได้ ซึ่งเราสามารถพกติดกับพวกกุญแจ หรือห้อยติดกระเป๋าของเราไปได้ เวลาเราทำของพวกนี้หายหรือลืมไว้ที่ไหน ก็แค่ใช้สมาร์ทโฟนที่ติดตั้งโปรแกรมของ MAMORIO เท่านี้เราก็สามารถที่จะตามตัวเจ้า สมาร์ทแทค อันนี้ได้นั่นเอง หูฟังจาก VIE SHAIR เราจะไม่เจ็บหูเมื่อสวมเฮดโฟนนานๆ อีกต่อไป สั่งซื้อได้ที่นี่ ราคาประมาณ 12,000 บาท เฮดโฟนตัวนี้มีชื่อว่า VIE SHAIR ความพิเศษของหูฟังตัวนี้ก็คือ มันจะมาพร้อมกับส่วนที่เรียกว่า Air frame ซึ่งจะช่วยปกป้องหูของเรา ที่ในบางครั้งเราสวมใส่เฮดโฟนไปนานๆ เราจะรู้สึกว่าเฮดโฟนมันรัดหูจนเจ็บ Qrio Smart Lock ประตูที่ไม่ต้องใช้กุญแจ สั่งซื้อได้ที่นี่ ราคาประมาณ 6022 บาท…
-
Airbus เตรียมพัฒนาเทคโนโลยี “รถยนต์บินได้” เพื่อช่วยแก้ปัญหารถติดในเมือง
ในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่า มนุษย์ได้สร้างสรรค์เทคโนโลยีเจ๋งๆ ออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น หุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายเหมือนมนุษย์ได้ หรือจะเป็นการพัฒนาระบบ AI ขับเครื่องบินรบ ที่สามารถเอาชนะมนุษย์ยอดนักบินกองทัพ ก็มีมาแล้วเช่นกัน และล่าสุดเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า ทางบริษัทผู้ผลิตอากาศยานและเฮลิคอปเตอร์พาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอย่าง Airbus ได้มีแผนที่จะทดความยานต้นแบบของ “รถยนต์บินได้” ในปลายปี 2560 นี้ โดยทางบริษัทเชื่อว่าจะสามารถช่วยลดความแออัดบนถนน ช่วยประหยัดเวลา และประหยัดเงินของประชนชนได้ ทางด้าน Tom Enders หัวหน้าผู้บริหารสูงสุดของ Airbus ได้ออกมาเผยในที่ประชุมสุดยอดเทคโนโลยี ณ ประเทศเยอรมนีว่า “จะมีการวางแผนทดสอบรถต้นแบบขนาดเล็กภายในสิ้นปีนี้ โดยในปีที่ผ่านมาทาง Airbus ได้ทำการจัดตั้งแผนกที่เรียกว่า “Urban Mobility” ขึ้นมา หน้าที่ของมันก็เพื่อช่วยตรวจสอบแนวความคิดในการสร้างรถยนต์รับส่งส่วนบุคคลชนิดบินได้ หรือที่ลักษณะคล้ายกับเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งจะสามารถรับผู้โดยสารได้หลายคน อีกทั้งผู้โดยสารยังสามารถจองการใช้บริการผ่านทางแอพพลิเคชั่น ได้เหมือนกับรถแท็กซี่อีกด้วย” จากการรายงานระบุว่า ขณะนี้ทาง Airbus กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยีการนำรถยนต์ขึ้นและลงในแนวดิ่ง เพื่อที่จะนำมาใช้ในการรับส่งผู้โดยสารที่อาศัยอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ซึ่งคาดว่าการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการผลิตในปี 2021 …
-
ชนเผ่า Wapichan จับภาพคนตัดไม้ด้วยโดรนแบบ DIY ที่ศึกษามาจาก ‘ยูทูบ’ แล้วนำส่งให้ทางการ
ในประเทศกายอานาที่ตั้งอยู่บนทวีปอเมริกาใต้นั้น กว่า 80% ของประเทศถูกปกคลุมไปด้วยภัยคุกคามของการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าอย่างผิดกฎหมาย และไม่ค่อยมีใครได้รู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเท่าไหร่นัก ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลายาวนานและไม่มีทีท่าที่จะหายไปได้ง่ายๆ มันเป็นเรื่องที่ยากมากกับการจะบอกให้ชาวโลกได้รับรู้ว่าที่นี่มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ส่วนหนึ่งนั้นมาจากจำนวนประชากรที่น้อยซะเหลือเกิน เพียงแค่ 735,000 คนเท่านั้น ซึ่งถ้าเทียบกับขนาดของพื้นที่กว่า 83,000 ตารางไมล์ แล้วต้องขอบอกเลยว่าน้อยมาก นั่นทำให้การตรวจตราและการดูแลผืนป่าไม่ถูกกระจายไปทั่วถึง แต่ชนเผ่า Wapichan ที่เป็นชาวพื้นเมืองประมาณ 9,000 คน ที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ อันเป็นพื้นที่อยู่ของเขานั้นได้ถูกบุกรุกพิ้นที่ป่าไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาจึงร่วมกันคิดแผนการต่อต้านการบุกรุกพื้นที่ป่าอันเป็นถิ่นที่อยู่ของพวกเขา จากรายงานของเว็บไซต์ Quartz บอกว่าการที่รัฐบาลไม่สามารถลงมาจัดการกับเรื่องดังกล่าวได้นั้น เป็นเพราะพวกเขาไม่มีหลักฐานที่ชี้ชัดได้ว่า มีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าเกิดขึ้นจริงๆ ทำให้ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้เลย ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงเป็นที่มาของความคิดอันแสนชาญฉลาดของชนเผ่า Wapichan ที่ทำการสร้างโดรนบังคับติดกล้องแบบ DIY ขึ้นมา เพื่อบังคับให้มันไปบันทึกภาพและคลิปวิดีโอเหตุการณ์การบุรุกป่าที่เกิดขึ้นจริงๆ เก็บมาเป็นหลักฐาน และส่งให้กับหน่วยงานรัฐ ทั้งหมดนั้นพวกเขาศึกษาวิธีทำมาจากคลิปวิดีโอใน Youtube และลงมือสร้างมันขึ้นมาเองทั้งหมด จากนั้นเจ้าโดรนตัวนั้นก็ถูกใช้บันทึกภาพการบุกรุกป่าในพื้นที่อยู่อาศัยของชนเผ่า Wapichan เป็นเวลากว่า 1 เดือน ก่อนจะส่งหลักฐานทั้งหมดที่ถ่ายเก็บเอาไว้ได้ให้กับทางรัฐบาล…
-
20 เรื่องเฉพาะคน 18+ เท่านั้น คงจะเข้าใจเป็นอย่างดี เวลามันช่างผ่านไปไวเหลือเกิน!!
ปัจจุบันโลกของเรานั้นพัฒนาขึ้นมาไกลมากจากอดีตเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา อย่างเช่นเทคโนโลยีสามาร์ทโฟนที่เพิ่งเปิดตัวขึ้นมาไม่ถึงสิบปี ก็ทำให้โลกของเราเปลี่ยนไปมากมาย ซึ่งแน่นอนว่ามันส่งผลถึงความรู้สึกของเราว่าเทคโนโลยีในทุกวันนี้กับเมื่อไม่ถึง 10 ปีก่อน (ในยุคที่โทรศัพท์มือถือ NOKIA ยังบูมอยู่) มีนช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว และไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องของโทรศัพท์เท่านั้น ยังมีสิ่งของเครื่องใช้อื่นๆ อีกมากมายที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จะมีอะไรบ้างเราลองไปย้อนความหลังพร้อมๆ กันเลยดีกว่า… 1. ย้อนกลับไปประมาณ 10 ปีก่อน ถ้าเราเผลอไปกดปุ่มอินเตอร์เน็ตในโทรศัพท์มือถือแบบพับได้ เมื่อนั้นแหละความหายนะบังเกิดแน่นอน เพราะบิลเรียกเก็บค่าโทรศัพท์มันโคตะระแพง!! 2. พกแผ่นซีดีมากมายไว้ในรถ เอาไว้ฟังเวลาเดินทางไปไหนมาไหน บางครั้งก็หาที่ถูกใจไม่เจอซักที 3. และนี่ก็คือคำที่เลวร้ายที่สุด เขียนแผ่นมาฟังเพลง แต่ขึ้น ‘NO DISC!!’ 4. สมัยนั้นเป็นรอยละเอ๊ยยยย ต้องไปขัดกันให้ไว 5. ถ้าเป็นเมื่อก่อนโทรศัพท์ก็เอาไว้โทร ส่วน iPod เอาไว้ฟังเพลง สองอย่างนี้ต้องแยกกันนะจ๊ะ 6. และนี่คือสิ่งที่ทุกคนต้องการหลังจากเปิดคอมขึ้นมา 7. และนี่คือสิ่งที่คุณสามารถทำได้ตอนที่อินเตอร์เน็ตเจ๊ง 8. พยายามครีเอทริงโทนเจ๋งๆ เพื่อสร้างความฮือฮาให้กับทุกคน…
-
บริษัทต่างชาติเตรียมสร้าง ‘แท็กซี่ลอยฟ้า’ เปิดใช้ปี 2020 ปฏิวัติการเดินทางราวกับหนังไซไฟ
การเดินทางด้วยแท็กซี่เริ่มสะดวกสบายมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะแทนที่เราจะต้องไปยืนโบกมือหยอยๆ ข้างถนน ตอนนี้ระบบต่างๆ ก็เริ่มพัฒนาทำให้เราสามารถเรียกแท็กซี่ผ่านสมาร์ทโฟนได้ และคุณเชื่อไหมว่าในอนาคตอันใกล้ มนุษย์เราอาจจะสามารถเรียกแท็กซี่จากทางอากาศได้ด้วย? สิ่งที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้คือ “แท็กซี่ลอยฟ้า” ที่แม้จะยังเป็นเพียงแนวคิดหรือคอนเซ็ปต์แต่ก็มีการยืนยันออกมาแล้วว่าแท็กซี่ในรูปแบบนี้กำลังถูกพัฒนาอยู่จริงๆ โดยเจ้าแท็กซี่ลอยฟ้าที่ว่านี้อยู่ในระหว่างการคิดค้นโดย Airbus Group บริษัทที่ผลิตอากาศยานและระบบป้องกันประเทศของยุโรป ซึ่งพวกเขาตั้งชื่อให้มันว่า CityAirbus เจ้า CityAirbus ที่ว่านี้ Airbus Group ต้องอาศัยบริษัทหลายๆ แห่งร่วมกันพัฒนามันขึ้นมา โดยพวกเขาได้มอบหมายงานให้บริษัท MTSI (Modern Technology Solutions, Inc) รับหน้าที่ในการบินทดสอบ ส่วนบริษัท SOAR Oregon จะเป็นผู้ให้การสนับสนุนการทดสอบ ไอเดียของแท็กซี่ลอยฟ้าจะมีความใกล้เคียงกับระบบของรถไร้คนขับที่บริษัทผู้ผลิตรถ Tesla กำลังพัฒนาอยู่ ผสมกับเทคโนโลยีโดรนที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายเพื่อการถ่ายภาพ ซึ่ง CityAirbus จะมาในรูปแบบของยาน 4 ใบพัดไร้คนขับที่บังคับทิศทางได้เอง สามารถนั่งได้ 1 ที่นั่ง และบินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้เลยโดยที่ไม่ต้องใช้ถนนหรือรันเวย์ในการออกตัว นอกจากนี้ยาน CityAirbus ยังมาพร้อมกับระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะ ที่จะคอยตรวจจับการเคลื่อนไหวอัตโนมัติ นั่นหมายความว่าหากคุณนั่งยานที่ว่านี้อยู่บนอากาศ มันก็จะไม่มีทางชนกันเองแน่นอน…
-
ดูไบอนุมัติ Hyperloop One ระบบขนส่งสุดล้ำ 1,200 กม./ชม. เริ่มทดสอบติดตั้งแล้ว…!!
ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านต่างๆ ได้ถูกพัฒนาให้ก้าวล้ำขึ้นไปมาก ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มนุษย์ได้สร้างสรรค์ และคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสุดเจ๋งขึ้นมามากมาย ยกตัวอย่างเช่น การสร้าง Hyperloop One ซึ่งเป็นระบบการคมนาคมขนส่งสุดล้ำแห่งยุค ที่จะช่วยทำให้การเดินทางของคุณรวดเร็วมากยิ่งขึ้น Hyperloop One เป็นระบบขนส่งความเร็วสูง ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาโดย Elon Musk นักธุรกิจหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำหลายแห่ง โดยระบบขนส่งดังกล่าว จะมีห้องให้ผู้โดยสารได้ใช้บริการเหมือนกับรถไฟทั่วๆ ไป แต่ต่างกันตรงที่ Hyperloop จะมีลักษณะเป็นแคปซูลที่มีหน้าตาคล้ายกับกระสุน เคลื่อนที่ผ่านท่อความดันต่ำที่มีความต้านทานน้อย จึงทำให้การเดินทางมีความเร็วสูงถึง 1,190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจาก Hyperloop จะเป็นระบบขนส่งภาคพื้นดินที่มีความเร็วสูงแล้ว ในเรื่องของระบบการขับเคลื่อนยังแตกต่างกับยานพาหนะทั่วๆ ไป เนื่องจากได้ดึงเอาพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์มาใช้นั่นเอง แม้ว่าในตอนนี้ Hyperloop One อาจจะเป็นเพียงโปรเจ็คต์การขนส่งสุดล้ำที่มนุษย์ได้คิดค้นขึ้นมา แต่เร็วๆ นี้ เราอาจจะได้เห็นของจริงถูกสร้างขึ้นมาจริงๆ ก็เป็นได้ เพราะล่าสุด ทางรัฐบาลแห่งนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ลงทุนเงินเป็นจำนวน 1,700 ล้านบาท ในการติดตั้ง ระบบ…
-
Nike Hyperadapt 1.0 รองเท้าผูกเชือกได้เอง แบบในหนัง “Back to The Future” เตรียมวางขายแล้ว!!
หากใครที่ติดตามข่าวสารเรืองรองเท้าและเทคโนโลยีอยู่บ่อยๆ ก็น่าจะได้เห็นข่าว Nike พยายามพัฒนารองเท้าที่สามารถผูกเชือกได้ด้วยตัวเอง (เหมือนกับในหนัง Back to The Future II) อยู่เรื่อยๆ ล่าสุดมันกำลังจะถูกวางขายจริงๆ แล้ว!! ตามรายงานจากเว็บไซต์ Highsnobiety เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บอกว่ารองเท้ารุ่นนี้จะมีชื่อว่า Self-Lacing Hyperadapt 1.0 มันจะสามารถผูกเชือก (หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องคือกระชับเท้าเรา) โดยอัตโนมัติ เจ้ารองเท้าตัวนี้จะมาพร้อมกับเซ็นเซอร์แบบพิเศษและมอเตอร์ขนาดเล็กที่ถูกฝังลงไปในตัวรองเท้า เมื่อส้นเท้าของคุณแตะลงไป มอเตอร์ก็จะทำงานและรัดเชือกให้เหมาะสมกับขนาดเท้าของคุณ แต่หากมันรัดแน่นหรือหลวมไป เขาก็ทำปุ่มปรับระดับด้วยตัวเองมาให้ด้วย ภาพแสดงการทำงานของมัน ฟึ่บ ฟ๊าบบบบ แต่สิ่งที่ต้องแรกกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยแบบนี้ก็คือราคาล่ะ เพราะทาง Nike ได้ตั้งราคาของเจ้า Self-Lacing Hyperadapt 1.0 ไว้ที่คู่ละ 720 เหรียญดอลลาร์ หรือตีเป็นเงินไทยก็ราวๆ 25,000 บาท (ไม่แพงเลยใช่ม๊ายยยย T_T) แม้ว่ามันจะดูแพงไปสักหน่อย แต่ถ้าหากมองว่านี่คือเทคโนโลยีที่เราต้องรอนานกว่า 30 ปี นับตั้งแต่ที่ Back to…
-
มาแล้ว “ตุ๊กตายางชายหล่อล่ำ” ตัวแรกของโลก สมจริงทุกสัดส่วน มีซิกแพคด้วยนะแกรร!!
ต้องยอมรับเลยว่าในปัจจุบัน วิวัฒนาการทางเทคโนโลยีได้พัฒนา และมีความทันสมัยขึ้นมาก ยิ่งเป็นประเทศที่ชอบคิดค้นอะไรใหม่ๆ อย่างประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วละก็ ยิ่งเกิดความอลังการเข้าไปใหญ่ โดยล่าสุด ทางโรงงานแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ได้ทำการผลิตตุ๊กตายางผู้ชายตัวแรกของโลกขึ้นมาแล้วนะจ๊ะ ซึ่งต้องขอบอกเลยว่า ตุ๊กตาตัวดังกล่าวนอกจากจะดูหล่อล่ำ และมีซิกแพคให้เห็นแบบเน้นๆ แล้ว มันยังมีความสมจริงมาก เพราะอยู่ภายใต้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยนั่นเอง เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 ทางสำนักข่าว เดลีสตาร์ มีรายงานว่า Karley Sciortino ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องเพศ ได้พาไปเยี่ยมชมวิธีการสร้างตุ๊กตายางชายจากซิลิโคลน โดยเธอได้เผยว่า “ตุ๊กตาเหล่านี้เป็นสินค้าระดับไฮเอนด์ ที่ถูกออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ของมนุษย์ โดยมันสามารถมอบทั้งความสุข ความรัก และมิตรภาพได้” ทางด้าน Bronwen Keller เจ้าของร่วมทำโรงงานตุ๊กตายาง ได้กล่าวว่า “ตุ๊กตายางผู้ชายถือเป็นอุตสาหกรรมใหม่ ที่ได้เปิดขายจากทางอินเทอร์เน็ตมาแล้วกว่า 5 ปี และส่งขายตุ๊กตามาทั้งหมด 188 ตัว… เราได้เริ่มผลิตตุ๊กตาขึ้นมาตัวเดียว จากการเปิดขายบนเว็บไซต์ ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากผู้คนในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก ถึงขั้นทำให้เซิร์ฟเวอร์ของเราล่มมาแล้ว” Bronwen…
-
สื่อนอกเผย หนุ่มไทยบินไปออสเตรเลีย ต่อแถวตากลมตากฝนนาน 19 ชั่วโมงเพื่อซื้อ iPhone 7!?
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้กระแสของโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่อย่าง iPhone 7 กำลังเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลก ไม่ว่าจะในแง่ของรูปลักษณ์ หูฟังแบบไร้สาย กล้องแบบ 2 เลนส์และอีกมากมาย จนทำให้แฟนๆ ชาวไทยหลายคนอยากจะได้มันมาไว้ในครอบครอง เช่นเดียวกับคุณต้อม อรรถพล วัย 30 ปี ที่ดั้นด้นบินไปถึงกรุงซิดนีย ประเทศออสเตรเลีย ตากแดดตากลมจากฝนกันนานกว่า 19 ชั่วโมง เพื่อซื้อ iPhone 7 มาครอง!! เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Dailymail ตามรายงานบอกว่าคุณต้อมใช้เงินไปราวๆ 27,000 บาทในการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังซิดนีย์ ตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ 12 กันยายน เพื่อไปเตรียมตัวก่อนวันวางจำหน่าย iPhone 7 ในวันศุกร์มรา 16 กันยายนที่ผ่านมา จากการสอบถามพบว่าคุณต้อมต้องออกมาต่อแถวตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดี ตากแดด ตากลม ตากฝน และเสียงรบกวนจากการก่อสร้างในบริเวณนั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้เขาล้มเลิกความพยายามเลย ซึ่งในระหว่างที่คุณต้อมเข้ามาต่อแถวเพื่อรอซื้อ iPhone 7 เขาก็ได้บันทึกภาพและคลิปวิดีโอบรรยากาศต่างๆ รวมไปถึงข้อมูลเปรียบเทียบ iPhone…
-
มีคลิปแล้ว… เผยโฉม Saya นักเรียนสาวน้อยแห่งโลก CG สวยเนียนจนนึกว่าเป็นคนจริงๆ
อัพเดท: เรื่องนี้เขียนเมื่อ 13 กันยายน และอัพเดทเพิ่มเติมคลิปของเธอไว้ด้านล่าง สำหรับใครที่อ่านแล้วเลื่อนลงไปได้เลยครับ นวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีภาพเดี๋ยวนี้มันไปไกลเกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้แล้ว เพราะว่าความสมจริงที่เรากำลังถวิลหากันอยู่นั้น ก็ใกล้ตัวเรามากในทุกขณะนี้แล้วล่ะ ถ้าหากใครยังจำกันได้ เมื่อปีที่แล้ว ได้มีการเผยภาพของนักเรียนสาวชาวญี่ปุ่นนามว่า Saya ไปทั่วโลกออนไลน์ ถ้ามองแบบผิวเผินก็คงจะนึกว่าเป็นภาพถ่ายของคนจริงๆ ภาพของ Saya ที่ประมวลผลขึ้นมา . แต่เนื้อแท้นั้นเธอไม่ได้มีตัวตนในโลกใบนี้ เพราะเธอเป็นโมเดลจำลอง 3 มิติ ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยสามีภรรยาศิลปินนักออกแบบโมเดล 3 มิติ Yuka และ Teruyuki Ishikawa ด้วยความเนียนและสมจริงที่แทบจะแยกไม่ออก ชาวเน็ตต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน #เหมียวเลเซอร์ เองก็ยังตกใจเลย แต่กระนั้นด้วยระยะเวลาที่ผ่านมานานจนครบปีแล้ว ทางผู้สร้างก็ได้ทำการวางแผนสร้างเรื่องราวให้กับ Saya โดยจะให้เธอนั้นเป็นตัวละครดำเนินเรื่องนั่นเอง ที่ต้องใช้เวลานานกันหน่อยก็เป็นเพราะว่าด้วยงานที่จะต้องลงรายละเอียดเยอะ บวกกับงานประจำที่ต้องทำส่งลูกค้า โปรเจคของ Saya จึงเป็นเรื่องรองลงมาและจะสามารถสานงานต่อได้ก็ตอนที่มีเวลาว่าง จนกระทั่งพวกเขาก็พร้อมที่จะเผยโฉมของ Saya เวอร์ชั่น 2016 แล้ว …
-
นวัตกรรมสุดล้ำ “นาฬิกาปลุกxิ๋ม” ช่วยให้สาวตื่นยาก ตื่นได้อย่างซาบซ่านและเบิกบานใจ!!
คุณเป็นผู้หญิงขี้เซาคนหนึ่งที่ตื่นยากตื่นเย็น แม้จะตั้งนาฬิกาปลุกซ้ำไว้ถึง 3-4 รอบก็ตาม แต่จิตใต้สำนึกของคุณก็พยายามเอาชนะด้วยการเอื้อมมือไปกดปิดแล้วนอนต่อแบบเบลอๆ จนลืมไปเลยว่าจะต้องตื่นได้แล้วนะ!! หากคุณเป็นคนแบบที่ว่ามาล่ะก็ #เหมียวฟิ้น อยากจะขอนำเสนอนาฬิกาปลุกแบบใหม่ รับรองว่าสะดุ้งตื่นได้แบบทันตาเห็น… เจ้าอุปกรณ์ที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้มีชื่อว่า Little Rooster Alarm นาฬิกาที่มีลักษณะคล้ายกับด้ามจับ เหตุผลที่มันต้องมีด้ามจับก็เพราะว่าตรงส่วนด้ามจับนั้นสามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนได้ วิธีใช้ก็แค่ตั้งเวลาที่คุณอยากจะตื่น จากนั้นก็สวมใส่มันลงไปในกางเกงใน (ตรงนั้นแหละ) เมื่อถึงเวลาปลุกปุ๊บ แทนที่มันจะส่งเสียงออกมา มันก็จะสั่นสะเทือนจนคุณต้องตื่นมาพร้อมกับรอยยิ้มเบิกบานแจ่มใสบนใบหน้าเลยทีเดียว… ทางเว็บไซต์ของผู้ผลิตนาฬิกา Little Rooster ได้โฆษณาสรรพคุณของมันเอาไว้ว่า “คุณจะตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ ซาบซ่าน เบิกบานใจ” นอกจากนี้คุณยังสามารถปรับระดับแรงสั่นสะเทือนได้มากถึง 27 ระดับ (ใครตื่นยากๆ ก็จัดระดับแรงสุดเลย) สามารถชาร์จไฟได้ และมีการรับประกัน 1 ปี หลังจากที่มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์นี้ผ่านเว็บไซต์ littleroosterstore.com มันก็สร้างปรากฎการณ์จนขาดตลาย หายจนหมดเกลี้ยงภายในเวลาอันรวดเร็ว สนนราคาอยู่ที่ชิ้นละ 3,200 บาท หากคุณคิดว่ามันไม่แพงเกินไปล่ะก็ จัดเลย!! ที่มา dailymail
-
อย่างกับหนังสายลับ!! เปิดตัวสายรัดข้อมือไฮเทค คุยโทรศัพท์ได้เพียงแตะปลายนิ้วไว้ที่หู
หลายครั้งหลายคราที่เราเห็นอุปกรณ์ไฮเทคแบบในหนังแล้วพาลคิดไปว่ามันน่าจะมีใช้กันจริงๆ ในสักวันหนึ่ง เช่นอุปกรณ์ที่หนังสายลับมักจะนำเสนอกัน ตั้งแต่แว่นตาแบบพิเศษ หรือนาฬิกาไฮเทคที่คุยกันได้แม้จะไม่ต้องเอาอะไรมาแนบกับหูเลยก็ตาม…วันนี้อุปกรณ์นั่นได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วล่ะ เมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา บริษัท Innomdle Lab ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์สุดไฮเทคที่มีชื่อว่า Sgnl อันที่จริงจะบอกว่ามันคือนาฬิกาเลยก็คงจะไม่ถูกนัก เนื่องจากเจ้านี่มันคือสายที่เอาไว้ปรับเปลี่ยนใส่อะไรก็ได้เช่นนาฬิกาอนาล็อกหรือ Apple Watch หรือจะใส่แค่สายเปล่าๆ เลยก็ได้ ความสามารถของเจ้า Sgnl คือการเปลี่ยนวิธีการสื่อสารไปโดยสิ้นเชิง เพราะปกติแล้วเวลาที่เราจะโทรศัพท์หากัน เราจะต้องยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบกับหูหรือใส่สมอลทอล์กเพื่อคุย แต่สายรัดข้อมือชิ้นนี้ไม่ต้องทำแบบนั้น มันมาพร้อมกับระบบบลูทูธที่จะเอาไว้เชื่อมต่อกับมือถือของคุณ ทุกครั้งที่มีคนโทรเข้ามา มันจะสร้างแรงสั่นสะเทือนเบาๆ บนร่างกาย หากคุณนำนิ้วไปจิ้มไว้ที่หู คุณก็จะสามารถได้ยินเสียงผ่านแรงสั่นสะเทือน คล้ายกับการทำงานของประสาทหูเทียมนั่นเอง Sgnl เป็นสายรัดข้อมือไฮเทคที่มีระบบกันน้ำในระดับ IP56 สามารถป้องกันฝุ่นได้ดีและสามารถป้องกันน้ำฉีดอย่างแรงเข้าทุกทิศทาง เครื่องนี้สามารถทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการ Android 4.4 ขึ้นไป หรือ iOS 8 ขึ้นไป สามารถคุยต่อเนื่องได้นาน 4 ชั่วโมง และเปิดสแตนบายเอาไว้ได้นานถึง 7 วันเลยทีเดียว …
-
แมวเซ็ง!! พนักงาน ‘NVIDIA’ พัฒนาซอฟแวร์สุดไฮเทค ตรวจจับแมวที่มาอึ๊ในสวน แล้วไล่มันไป
อย่างที่ใครหลายๆ คนรู้ว่า ‘แมว’ เป็นสัตว์ที่กำลังวางแผนคิดจะยึดครองโลกมนุษย์ของเราอยู่ ด้วยการควบคุมจิตใจเหล่ามนุษย์ทั้งหลายด้วยความน่ารักของตัวมันเองให้ตกเป็นทาสของพวกมัน… แต่ต้องขอบอกไว้เลยว่ามันคงไม่ง่ายนักหรอกนะเจ้าเหมียว เพราะเอ็งจะต้องผ่านด่านเจ้า Jetson TX1 นี่ซะก่อน เพราะถ้าแค่เอาชนะเจ้าเครื่องนี้ไม่ได้ เอ็งก็ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้ครองโลกนี้ ฮร่า (แหม่ อย่างกะหนังการ์ตูน) คุณ Robert Bond เป็นวิศกรซอฟแวร์ของ NVDIA มาแล้วกว่า 8 ปี พบว่าภรรยาที่บ้านของเขาที่ชื่นชอบการทำสวนเป็นชีวิตจิตใจ กำลังประสบปัญหากับอึ๊ของเจ้าเหมียวที่มาปล่อยทิ้งเรี่ยราดไว้บนสวนหน้าบ้านของเขา ส่งกลิ่นคละคลุ้งรบกวนจนแทบจะทนไม่ไหวเลยทีเดียว (มันไม่กลบรึไงแว๊!?) คุณ Bond เค้าก็เลยพัฒนาซอฟแวร์บนเจ้า Jetson TX1 นี้ให้สามารถเรียนรู้ด้วยวิธี Deep Learning และฝึกให้มันทำงานโดยการป้อนข้อมูลเรื่องแมวเข้าไปให้มากที่สุด โดยการใส่ภาพแมวในอิริยาบทต่างๆ เข้าไปเป็นจำนวนมาก และนอกจากนี้จากการใช้งานจริงก็จะทำให้มันสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับแมวและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้อีกด้วย วิธีการทำงานของมันก็จะมีกล้องที่ติดตั้งไว้บริเวณสวนนี่แหละ ที่จะคอยส่งภาพไปยังเจ้า Jetson TX1 เมื่อพบภาพแมวที่ตรงกับข้อมูลที่เขาเคยฝึกมันไว้เดินผ่านมา มันก็จะเปิดการทำงานของสปริงเกอร์พ่นน้ำไล่แมวออกไป ซึ่งกว่าจะมากลายมาเป็นซอฟแวร์ที่ฉลาดล้ำโลกระดับนี้ได้ต้องผ่านอะไรมามากมายเลยทีเดียว ในช่วงที่ทำการพัฒนามันเคยคิดว่าเงาของคุณ Bond เป็นแมวมาก่อน จนทำให้เขาต้องเปียกปอนอยู่หลายครั้งเลยทีเดียว แน่นอนว่าหลังจากที่โดนน้ำราดไปจนเปียกโชกหลายครั้งแล้วเหล่าเหมียวก็ไม่กล้าย่างกรายเข้ามาปลดทุกข์ที่สนามหน้าบ้านของคุณ Bond อีกเลย…
-
ชมคลิปแสดงเทคนิค LIDAR สุดล้ำ ที่ใช้ค้นหาเมืองโบราณ “มเหนทรบรรพต” ในกัมพูชา
ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมามีข่าวดังในวงการโบราณคดี ว่าด้วยการค้นพบตำแหน่งที่ตั้งของเมืองโบราณ “มเหนทรบรรพต” อันยิ่งใหญ่ของกัมพูชาในช่วงศตวรรษที่ 12 หลังจากค้นหากันอยู่นานหลายปี ซึ่งเมื่อสืบจากหลักฐานแล้ว เมืองแห่งนี้อาจมีขนาดถึง 1,900 ตารางกิโลเมตร หรือขนาดเกือบเท่ากรุงพนมเปญในปัจจุบันเลยทีเดียว หลายคนอาจสงสัยว่า เหล่านักโบราณคดี สามารถหาตำแหน่งของเมืองที่จมอยู่ใต้ผืนดินมานับพันปีได้อย่างไร คำตอบก็คือเทคโนโลยีสุดล้ำ LIDAR (Light detection and ranging data) นั่นเอง วิธีการของพวกเขาคือ จะมีการยิงแสงเลเซอร์นับล้านจุดลงบนพื้นดินจากบนเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งเมื่อมีการยิงเลเซอร์ลงทั่วบริเวณแล้ว คอมพิวเตอร์ก็จะประมวลผลโดยสร้างแบบจำลองสามมิติขึ้นมาให้เห็นแต่ผืนดินเท่านั้น เมื่อเป็นดังนั้น ทางนักโบราณคดีก็สามารถเห็นลักษณะของพื้นดินได้อย่างชัดเจน ซึ่งหากตรงไหนมีร่องรอยของอารยธรรมอยู่ ก็จะสามารถสังเกตเห็นได้อย่างง่ายดาย ใครยังนึกภาพไม่ออกก็ลองดูคลิปวีดีโอสาธิตการใช้เทคโนโลยี LIDAR อันนี้ดู ซึ่งแม้จะเป็นการทำแบบจำลองของนครวัด แต่ก็พอจะเห็นภาพการทำงานของเทคโนโลยีนี้ สำหรับการค้นหาเมืองมเหนทรบรรพต ทางนักโบราณคดีได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปแสกนพื้นดินที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 40 กิโลเมตรทางตอนเหนือของนครวัด ซึ่งมีการค้นพบร่องรอยของอารยธรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นศาสนสถาน ระบบชลประทาน และสิ่งปลูกสร้างมากมาย และล่าสุดมีขุดค้นเพิ่มเติมแล้วพบว่า เมืองมเหนทรบรรพต มีขนาดใหญ่่กว่าที่คาดการเอาไว้ตอนแรก ซึ่งอาจใหญ่ระดับกรุงพนมเปญในปัจจุบันเลยก็เป็นได้ ในอนาคตเราอาจจะมีสถานที่ท่องเที่ยว และแหล่งความรู้ทางประวัติศาสตร์แห่งใหม่ ที่ไม่ไกลจากบ้านเรามากเลยด้วย ที่มา…
-
คู่รักทดลองนั่ง Tesla X รถยนต์ขับเคลื่อนเอง สบายเลยมือว่างๆ ก็มาตีกัน ยันเล่นไพ่!!
เทคโนโลยีล้ำๆ อย่างระบบจอดรถอัตโนมัตินั้นเริ่มมีให้เราเห็นแล้วในรถบางรุ่น ซึ่งอีกหน่อยมันจะพัฒนาไปเป็นระบบขับขี่ด้วยตนเอง…แต่มันจะเป็นไปได้มากแค่ไหนนะ!? #เหมียวฟิ้นขอบอกเลยว่าอนาคตอยู่ไม่ไกลพวกเราแล้วล่ะ เพราะ Tesla บริษัทผู้ผลิตและออกแบบรถยนต์รายใหญ่ได้เริ่มพัฒนา Tesla X รถยนต์ที่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง มาได้สักพักแล้ว และตอนนี้พวกเขาก็เริ่มปล่อยคลิปการทดสอบมาให้ได้ชมกันแล้วด้วยนะ รถคันนี้ใช้เซ็นเซอร์หลายตำแหน่งที่ติดตั้งไว้รอบรถ เพื่อตรวจจับวัตถุที่อยู่ห่างออกไป ว่าใกล้กับรถคันข้างหน้า ด้านข้างหรือด้านหลังมากน้อยแค่ไหน แล้วนำมาคำนวนความเร็วโดยที่ไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุเลยแม้จะไม่ได้มองถนนก็ตาม จากคลิปวิดีโอตัวนี้ จะมีคู่รักขึ้นมานั่งทดสอบรถ Tesla X โดยที่มือของพวกเขาไม่ได้แตะพวงมาลัย แต่ดันทำกิจกรรมฮาๆ เช่นงัดข้อ เล่นดนตรี ร้องเพลง เต้น เล่นไพ่ หรือแม้แต่อ่านหนังสือ!? . ชมคลิปการทดสอบสุดฮาได้ที่นี่เลย (คลิปไม่ขึ้นกดที่นี่เลยนะจ๊ะ) Couple Tests Out Tesla’s AutopilotThe autopilot on the Tesla X is so effective you can have a lightsaber fight in the car…
-
ล้ำสุดๆ!! Rolls Royce เปิดตัวรถหรู 103EX ขับเคลื่อนได้เอง คุณก็แค่นั่งเล่นชิลๆ ไปเลยยย
ในหนังไซไฟหลายๆ เรื่องจะมีการแสดงเทคโนโลยีต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งหน้าจอโฮโลแกรมที่เราสามารถโต้ตอบกับมันได้ รถบินได้ หรือการเดินทางที่สะดวกสบายบนยานยนต์แบบไม่ต้องขับด้วยตัวเอง เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่า Rolls-Royce (บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่ถูก BMW เข้าซื้อกิจการเมื่อปี 1998) ได้เปิดตัวรถหรูรุ่นล่าสุด ที่สามารถขับเคลื่อนได้เองโดยที่คุณไม่ต้องทำอะไรเลย รถที่ว่านี้มีชื่อรุ่นว่า 103EX ขนาด 2 ที่นั่ง เมื่อเปิดประตูออกมาคุณจะพบกับโซฟาที่ทำด้วยผ้าไหม และภายในจะโล่งมาก เพราะไม่มีชุดเกียร์ พวงมาลัย หรือหน้าปัดให้วุ่นวาย รถคันนี้ขับเคลื่อนด้วยระบบคอมพิวเตอร์ฉัจฉริยะ ที่จะรับคำสั่งจากคุณ และพาคุณไปส่งยังที่หมายที่ต้องการ และเหมือนกับในรถบางรุ่น เครื่องยนต์ต่างๆ จะถูกออกแบบให้อยู่ด้านหลังล้อหน้า ทั้งนี้ก็เพื่อให้งานออกแบบออกมาดูล้ำสุดๆ แน่นอนว่ามันยังคงเป็นเพียงคอนเซปท์คาร์เท่านั้น ไม่ได้ออกมาจำหน่ายในเร็ววันนี้แน่นอน เพราะทางผ้บริหารได้ออกมาบอกว่ารถรุ่นนี้ยังต้องใช้เวลาในการพัฒนากันอีกนาน ทางผู้พัฒนาบอกว่าต้องใช้เวลาอีกราวๆ 30 ปี ถึงจะสามารถวางขายได้จริง คุณพระ!! . . . . นี่คือหน้าตาภายในรถแบบชัดๆ ไม่มีอะไรเลย …
-
‘แว่นตาบอดสี’ เทคโนโลยีที่ทำให้หนุ่มคนนี้ มองเห็น ‘สีสันอย่างแท้จริง’ เป็นครั้งแรก…
นี่ถือเป็นเรื่องราวที่น่าดีใจ สำหรับบุคคลที่มีอาการตาบอดสีล่ะ เพราะเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีสมาชิกเว็บไซต์ Imgur ที่ใช้ชื่อว่า Brammerz เป็นเด็กหนุ่มวัย 17 ปี ซึ่งเขาเป็นคนตาบอดสี เขาได้รับของขวัญวันเกิดสุดเซอร์ไพรซ์จากพ่อแม่ เป็นแว่นตาสำหรับคนตาบอดสี ที่จะช่วยให้ผู้สวมใส่มองเห็นสีสันต่างๆ ได้เป็นปกติ เมื่อสวมใส่แว่นเข้าไป ก็ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ และดีใจจนบอกไม่ถูก เพราะได้เห็นสภาพแวดล้อมในสีสันที่มันควรจะเป็น “โอ้พระเจ้า นี่มันน่าอัศจรรย์มาก” นี่คือหน้าตาของแว่นสำหรับคนตาบอดสีล่ะ ตัวเลนส์จะเคลือบสารแบบพิเศษ ที่คอยกรองความยาวคลื่นแสง ที่ก่อให้เกิดปัญหาตาบอดสี ช่วยเพิ่มอัตราสัญญาณต่อคลื่นรบกวนของคลื่นแสงที่เข้ามายังดวงตา ทำให้เห็นสีบางสีชัดขึ้นนั่นเอง ตอนนี้ดูเหมือนนาย Brammerz จะสามารถมองกระดานทดสอบวัดการมองเห็นสีสันได้แล้ว เขาสามารถแยกเฉดสีเข้มหรืออ่อนได้ แถมเขายังยกตัวอย่างภาพบ้านจากการ์ตูนเรื่อง Up มาให้เพื่อนๆ ในโลกออนไลน์ได้เห็นถึงความแตกต่าง ในตอนที่ใส่แว่นกับไม่ใส่แว่น . ปัจจุบัน แม้แว่นตาแบบนี้จะเริ่มมีขายกันทั่วไป แต่ก็ใช่ว่าจะได้รับความนิยมมาก เพราะเป็นสินค้าเฉพาะบุคคล บางคนใส่แล้วอาจจะมองไม่เห็นสีเช่นเดิมก็ได้ สำหรับแว่นตาบอดสีนั้นมีราคาเริ่มต้นที่ 349 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 12,000 บาท ถือว่ามีราคาค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว ใครที่สนใจรายละเอียดลองเข้าไปชมที่เว็บไซต์ของ EnChroma…
-
Larry Page ซีอีโอ Google แอบเปิดบริษัทเล็กๆ เพื่อสร้าง ‘รถบินได้’ หรือว่ามันใกล้จะมาแล้ว!?
รถบินได้ หนึ่งในยานพาหนะแห่งโลกอนาคตที่เรามักจะได้เห็นอยู่บ่อยๆ ในหนังไซไฟ หรือหนังโลกอนาคต หลายๆ คนเห็นกันจนชินตา และจินตนาการไปว่าวันหนึ่งจะมีรถเหล่านี้จะมีให้ใช้กันจริงๆ ซึ่งถ้าดูจากอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ หรือเทคโนโลยีสมัยนี้ ก็ต้องบอกเลยว่าเราขยับเข้าใกล้อนาคตกันมากแล้ว แต่จะเกิดขึ้นจริงเมื่อไหร่ ตรงนี้ก็คงต้องรอดูกันไปเรื่อยๆ ล่าสุดดูเหมือนความคาดหวังของพวกเราอาจจะใกล้เป็นจริงเต็มทีแล้วล่ะ เพราะเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Yahoo ได้รายงานว่า Larry Page หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท Google หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าของธุรกิจมากมายทั้งเว็บไซต์ค้นหาข้อมูล ระบบปฏิบัติการมือถือ และอีกมากมาย ได้แอบตั้งบริษัทลับๆ (ที่ตอนนี้ไม่ลับแล้ว) ขึ้นมาเพื่อสร้างรถบินได้โดยเฉพาะ!? ตามรายงานของทางเว็บไซต์ยาฮู บอกว่า Page ได้ใช้เงินในการก่อตั้งบริษัทมากกว่า 100 ล้านเหรียญดอลลาร์ หรือประมาณ 3,500 ล้านบาท ในการก่อตั้งบริษัท Zee.Aero นอกจากนี้ยังใช้เงินอีกก้อนตั้งบริษัท Kitty Hawk ซึ่งเป็นชื่อที่มีความเกี่ยวโยงกับเมือง Kitty Hawk ที่ 2 พี่น้องตระกูล Wright สร้างเครื่องบินเป็นครั้งแรก …
-
ล้ำไปอีกขั้น!! บ.จีนผลิตโดรน “พับได้” น้ำหนักเบา ปลอดภัย และบินตามคนถ่าย
ทุกวันนี้เทคโนโลยีโดรนเริ่มเป็นที่นิยมของคนหมู่มากแล้วล่ะนะ มีผู้ผลิตหลายๆ เจ้าแข่งขันกันผลิตโดรนรุ่นใหม่ๆ ออกมา ทั้งเล็กหรือใหญ่ แต่ตอนนี้โลกเราได้ล้ำไปอีกขั้นแล้วล่ะ เพราะจีนมีโดรนแบบ “พับได้” แล้วนะ เมื่อไม่นานมานี้บริษัท Zero Zero Robotics ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ได้ออกแบบและสร้างโดรนที่มีชื่อว่า Hover Camera มันเป็นโดรนที่ถูกออกแบบมาให้สามารถพับเก็บได้ง่ายๆ ไม่เปลืองพื้นที่ สามรถบินตามถ่ายภาพของคุณได้ ประหนึ่งว่าเป็นเซเล็บคนดัง Hover Camera มาพร้อมกับกล้องในความละเอียด 13 ล้านพิกเซลและแฟลชคู่ สามารถบันทึกวิดีโอได้ในความละเอียด 4K ซึ่งถือเป็นความละเอียดสูงสุดที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้เลย ตัวโครงสร้างของมันทำมาจากไฟเบอร์ มีความเบาและแข็งแรงมาก แถมใบพัดก็ถูกเก็บเอาไว้ด้านในอีกที ทำให้มันปลอดภัยมากกว่าโดรนแบบทั่วๆ ไปด้วย ขนาดของมันก็ไม่ได้ใหญ่เทอะทะอะไรมาก แค่ประมาณม้วนวิดีโอ VHS เท่านั้น แถมมีน้ำหนักแค่ 238 กรัม สามารถใช้งานได้นาน 8 นาทีต่อการชาร์จ 1 ครั้ง คุณสามารถควบคุมเจ้าโดรนนี้ผ่านสมาร์ทโฟนได้ แต่ในขณะเดียวกันเราก็สามารถควบคุมผ่านการโบกไม้โบกมือให้กับมันได้ด้วยนะ เพราะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการทำงานของคุณอยู่ล่ะ ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลยจ้า (ใครดูไม่ได้กดที่นี่เลยนะ) Hands-on…
-
Google ศึกษาวางแผนรับมือ Skynet ในอนาคต และยืนยันจะป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น!!!
ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ไกลตัวเรามากซักเท่าไหร่แล้วล่ะ เพราะทุกวันนี้มีการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ออกมาเหมือนกับภาพยนตร์ได้แล้ว เพียงแต่ว่าพวกมันยังไม่สามารถทำตามคำสั่งหรือทำตามหน้าที่ได้แบบสมบูรณ์ แต่ถ้าหากว่าวันหนึ่งสมองกลเหล่านี้สามารถพัฒนา คิด วิเคราะห์ จนสามารถทำหน้าที่ต่างๆ แทนมนุษย์ได้ ลามไปจนถึงการวางแผนที่จะยึดครองโลก กำจัดมนุษย์ออกไป โดยอ้างด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัยแบบในหนังล่ะ? แม้กระทั่งคนดังทางด้านวิทยาการอย่าง Elon Musk และ Stephen Hawking ก็มีความรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้มีความเป็นไปได้อยู่มากพอสมควร พวกมันก็อาจจะฉายแววเป็นหุ่นพิฆาต ถูกสั่งการมาจาก SkyNet เหมือนในหนังคนเหล็ก Terminator ก็เป็นได้!! และ Google เองก็มีผลงานผลิตภัณฑ์ทางด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์เช่นเดียวกัน พัฒนาให้พวกมันสามารถนึกคิดเองได้ แต่ก็ควรที่จะมีแผนสำรองง่ายๆ อย่าง ‘สวิตช์ปิดเครื่อง’ ด้วย เผื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นมา ดังนั้น Google กับทีมพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ Deep Mind จากอังกฤษ จึงทำการศึกษาหาหนทางป้องกันเพื่อยับยั้งหุ่นยนต์ที่สร้างขึ้นมานั้นหยุดการทำงานทันที หากมีการกระทำใดๆ ก็ตามที่เป็นภัยอันตรายมนุษย์ ทั้งนี้ก็จะเป็นทั้งการปิดเครื่อง หยุดการทำงาน หรือเรียกการควบคุมให้กลับมาบังคับได้โดยมนุษย์อีกครั้ง และแน่นอนว่าเมื่ออุปกรณ์อัจฉริยะพวกนี้ออกมาใช้จริง เราต้องสามารถหยุดการทำงานของมันได้เมื่อต้องการ…
-
นวัตกรรมใหม่จากจีน “หุ่นจอดรถ”!? หมดปัญหาวนหาที่จอดไม่ได้!!
หลายครั้งหลายคราที่เหล่านักช็อปมักจะต้องเสียเวลาไปกับการวนรถในห้างสรรพสินค้าเพื่อหาที่จอดรถเหมาะๆ จนสิ้นเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ จนบางครั้งบางคนเลือกที่จะจอดรถซ้อนคัน ทำให้รถที่จอดอยู่ก่อนแล้วเข้าออกลำบาก แต่ปัญหาเหล่านั้นกำลังจะหมดไปในเร็ววันนี้ล่ะ เพราะเมื่อไม่นานมานี้บริษัท ยี่เฟิง จากเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่ชื่อว่า Automated Car Parking (ที่จอดรถอัตโนมัติ) เป็นหุ่นยนต์ที่จะช่วยให้คุณสามารถหาที่จอดรถได้อย่างสะดวกสบาย โดยหลักการทำงานของหุ่นยนต์ที่จอดรถก็คือ มันจะทำงานหลังจากที่ผู้ใช้เสียบการ์ดและกดปุ่มล็อครถเข้ากับหุ่นยนต์ที่จอดรถ จากนั้นหุ่นยนต์ก็จะนำรถของคุณไปจอดในซองที่ว่าง และเมื่อคุณกลับมาที่ลานจอดรถ เจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้ก็จะนำรถของคุณมาส่งให้ถึงที่ ภายในเวลาไม่ถึง 2 นาทีเลยด้วย . ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลยจ้า อัจฉริยะ++บริษัทยี่ เฟิง เทคโลโนยี ในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน ประสบความสำเร็จในการทดสอบใช้หุ่นจอดรถ ทำให้กลายเป็นหนึ่งในอาคารจอดรถที่มีความทันสมัยที่สุดในโลก โดยหุ่นยนต์ที่เป็นแผ่นรองรับรถยนต์จะนำรถไปจอดหลังจากที่ผู้ใช้รเสียบการ์ดและกดปุ่มล็อคตัวรถเข้ากับแท่นจอด และหุ่นยนต์จะนำมารถส่งคืนหลังจากที่ได้รับคำสั่งภายใน 2 นาที คาดสามารถเปิดให้ใช้งานจริงได้ในเดือนตุลาคมนี้ #ข่าวต่างประเทศช่อง8 โพสต์โดย ข่าวช่อง8 บน 26 พฤษภาคม 2016 ทั้งนี้ทางผู้ผลิตคาดการณ์กันว่าจะเริ่มใช้งานเจ้าหุ่นยนต์จอดรถอัตโนมัติจริงๆ ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ล่ะ หวังว่ามันจะประสบความสำเร็จและเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่พวกเราได้นะ ที่มา ข่าวช่อง8
-
Motorola กำลังจะกลับมาทำ ‘มือถือฝาพับ’ อีกครั้ง เริ่มต้นด้วย Android RAZR!?
ในยุคหนึ่งโทรศัพท์มือถือแบบฝาพับนั้นเป็นที่นิยมเอามากๆ ใครมีใช้ถือว่าเท่สุดๆ เลย ก่อนจะพัฒนามาเป็นแบบสไลด์ขึ้นลง แบบหมุนด้านข้าง หรือแบบสวิงออกไป จนมาจบด้วยดีไซน์แบบแท่งสี่เหลี่ยมเน้นจอใหญ่แบบที่มือถือทุกเจ้าทำแข่งกันในปัจจุบัน แต่ในเร็วๆ นี้เราอาจจะได้เห็นการกลับมาของมือถือฝาพับอีกครั้งหนึ่งแล้วล่ะ เพราะบริษัทผู้ผลิตมือถืออย่าง Motorola ได้ปล่อยโฆษณาปริศนา ที่มีเหล่าวัยรุ่นถือโทรศัพท์ Motorola RAZR อยู่ พร้อมกับตัวเลข 06.09.16 ที่บอกใบ้ว่าเราอาจจะได้เห็น RAZR รุ่นใหม่เร็วๆ นี้ ก่อนหน้านี้บริษัท Motorola ถูกซื้อไปโดย Google แต่ในปี 2014 Google ก็ส่งต่อไปให้กับบริษัท Lenovo และตอนนี้พวกเขาก็ให้คำมั่นว่าจะกลับมาทวงบัลลังก์มือถือฝาพับอีกครั้ง จากอดีตที่เคยขายได้มากสุดถึง 130 ล้านเครื่องทั่วโลก ล่าสุดทางเว็บไซต์ Metro ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า Motorola RAZR รุ่นใหม่นั้นจะยังคงความเป็นมือถือฝาพับ และจะทำงานบนระบบปฏิบัตการ Android ด้วย!? ใครสงสัยว่ามันเป็นยังไง มีคลิปให้ชมกันด้วย…. ทั้งนี้นักวิเคราะห์เชื่อกันว่ามือถือรุ่นนี้อาจจะกลายเป็นที่นิยมอีกครั้ง เพราะมีตลาดของผู้ใช้ที่ไม่ต้องการฟังชั่นทุกอย่างบนสมาร์ทโฟน อยากได้เพียงมือถือรวดเร็วสักเครื่องและดีไซน์สวยๆ…
-
เอาเงินเหมียวไปเลย!! เชิญชม “ไม้เซลฟี่ฟูลฟังชั่น” ที่คนรักการถ่ายภาพต้องการ!!
การถ่ายภาพเซลฟี่ถือเป็นรูปแบบการถ่ายภาพที่ได้รับความนิยมเอามากๆ เลยนะสำหรับยุคนี้ เพราะมันสะดวกรวดเร็ว ถ่ายได้เองไม่ต้องตั้งเวลาไม่ต้องพึ่งใคร ไม่ต้องคำนึงถึงแสงหรือองค์ประกอบภาพใดๆ นำเสนอแค่ในหน้าสวยๆ หล่อของเราเพียงอย่างเดียว การถ่ายเซลฟี่ได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มพัฒนาจากการถ่ายธรรมดาๆ มาเป็นการใช้ไม้เซลฟี่ ที่ช่วยยื่นมือถือออกไปจากตัวเพื่อให้มันเก็บภาพได้มากขึ้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแค่ไม้เซลฟี่อย่างเดียวจะไม่เพียงพอซะแล้วล่ะ วันนี้#เหมียวฟิ้นจึงอยากจะขอนำเสนอ ไม้เซลฟี่แบบอัตโนมัติ!! (ทำเสียงแบบโดราเอมอน) เจ้าไม้เซลฟี่ตัวนี้ถูกผลิตออกมาโดยบริษัท Thinkmodo มันถูกออกแบบมาเพื่อปิดข้อเสียทั้งหมดที่ไม้เซลฟี่รุ่นเก่าๆ ทำไม่ได้…แต่ไม้อัตโนมัติตัวนี้ทำได้ เช่นมันสามารถยื่นออกไปได้ไกลมากขึ้น ในขณะเดียวกันหากเราใช้งานมันเสร็จแล้วเราก็สามารถดึงกลับมาเก็บได้ง่ายๆ แบบนี้ไง เจ้าไม้เซลฟี่ตัวนี้ยังมาพร้อมกับพัดลมขนาดเล็ก บางคนอาจจะสงสัยว่าจะให้พัดลมมาทำไม? ก็เพราะว่ามันจะทำให้ผมของผู้ที่ถือไม้เซลฟี่อยู่นั้นปลิวไสวสวยงามดั่งโฆษณาแชมพูสระผมยังไงยังงั้นเลย กางพัดลม ภาพที่ได้ก็ประมาณนี้ไงล่ะ หากคุณต้องการถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อย เจ้าไม้เซลฟี่ตัวนี้ก็ไม่หวั่น เพราะมันมีไฟ LED แผงเบ้อเริ่ม 2 ตัวอยู่ด้านหลัง เพียงแค่คุณกดปุ่มเล็กๆ ที่อยู่บนด้ามจับ มันก็จะกางออกมาทันที ช่วยให้หน้าของคุณไม่มืดแบบนี้ไงล่ะ ลองชมคลิปแบบเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย หากใครสนใจล่ะก็ ลองเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ของผู้ผลิตได้ที่ เลยนะ thinkmodo.com แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทางผู้ผลิตบอกว่านี่เป็นเพียงรุ่นต้นแบบเท่านั้น…
-
Pilot หูฟังอัจฉริยะที่สามารถแปลภาษาได้แบบคำต่อคำ ช่วยให้คุยกับคนต่างชาติได้ง่ายขึ้น!!
หากคุณเคยมีปัญหากับการสั่งอาหารในร้านหรูๆ หรือหวาดกลัวทุกครั้งที่เจอชาวต่างชาติ ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไปในเร็ววันนี้ล่ะ เพราะตอนนี้เรามีอุปกรณ์แปลภาษารูปแบบใหม่ที่ไม่ต้องง้อวุ้นแปลภาษาของโดราเอมอนอีกแล้ว เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้นำเสนออุปกรณ์ที่มีชื่อว่า Pilot (ผู้นำทาง) มันคือหูฟังขนาดเล็กแบบไร้สาย 2 ข้าง ที่ให้คน 2 คนที่คุยกันคนละภาษาสวมใส่มันคนละอัน เพื่อช่วยแปลภาษาให้กับพวกเขาแบบคำต่อคำเลยทีเดียว ทางด้านบริษัท Waverly Labs ผู้ผลิตหูฟังตัวนี้ออกมายืนยันว่าเจ้าอุปกรณ์ Pilot ชิ้นนี้เป็น “หูฟังอัจฉริยะ” ตัวแรกที่มีความสามารถในการแปลระหว่างสองภาษา “มันคืออุปกรณ์แบบสวมใส่ชิ้นเล็กๆ ที่มีเทคโนโลยีช่วยแปลภาษาเพื่อให้คน 2 คนที่คุยกันคนละภาษาสามารถเข้าใจซึ่งกันและกันได้” ส่วนทางด้านการทำงานของเจ้าหูฟัง Pilot นี้ก็ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย เพราะทางผู้ผลิตยืนยันว่ามันมีเทคโนโลยีในการแปลภาษา ฉะนั้นสิ่งที่คุณควรจะทำก็มีเพียงอย่างเดียวคือสวมใส่มันเท่านั้น ทาง Waverly Labs ได้พิสูจน์ให้เราเห็นว่าเจ้าหูฟังตัวนี้สามารถใช้งานได้จริง โดยการทดลองพาหญิงสาวชาวฝรั่งเศสมานั่งพูดคุยกับหนุ่มอเมริกัน ซึ่งแน่นอนว่าทั้งคู่ต่างฟังอีกฝ่ายไม่รู้เรื่อง แต่พอได้ลองสวมหูฟัง ปรากฏว่าพวกเขาสามารถสื่อสารกันได้ทันที แม้จะมีอาการหน่วงอยู่บ้างเล็กน้อยก็ตาม นอกจากจะแปลคำพูดธรรมดาๆ ได้แล้ว มันยังสามารถแปลเพลงทั้งเพลงที่เราฟังได้ด้วยนะ แต่ในเบื้องต้นมันยังรองรับแค่ไม่กี่ภาษาเท่านั้น นั่นก็คือภาษาอังกฤษ, สเปน, ฝรั่งเศส และอิตาลี ส่วนภาษาอื่นๆ พวกเขาบอกว่าจะตามมาทีหลัง…
-
พบกับ ‘ปลอกคออ่านใจมะหมา’ แสดงสีสันตามอารมณ์ ให้คุณสื่อสารกับเพื่อนสี่ขาได้มากกว่าที่เคย
นับตั้งแต่อดีตกาลมาเป็นพันปี มนุษย์เราเลี้ยงสุนัขไว้เป็นเพื่อน แต่ก็ไม่สามารถสื่อสารกับมันได้เหมือนกับที่เราสื่อสารกับมนุษย์ด้วยกันเอง มีเพียงการคาดเดาและคาดคะเนว่าพวกมันต้องการอะไร จากน้ำเสียงและท่าทางของมันเท่านั้น คงจะดีไม่น้อยหากเหล่ามะหมาสามารถพูดกับเราได้ อย่างเช่น “หากระดูกแทะเล่นได้ที่ไหนบ้าง?” “หิวข้าวแล้ว” “อยากเล่นด้วย” วันนี้เรามีอุปกรณ์ที่สามารถแก้ไขปัญหานั้นได้แล้ว เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้มีชื่อว่า INUPATHY เจ้าอุปกรณ์นี้เป็นปลอกคอไฟฟ้าที่สามารถวัดชีพจร อัตราการเต้นของหัวใจของพวกมันได้ เพื่อนำมาประมวลผลและวัดว่าพวกมันอยู่ในอารมณ์ไหนและแสดงมันออกมาเป็นแสงสีต่างๆ ที่ปลอกคอ สีแดงหมายถึงความตื่นเต้น, สีฟ้าหมายถึงความผ่อนคลาย, สีขาวหมายถึงการจดจ่อ และสีรุ้งหมายถึงความสุข ชมคลิปการทำงานของมันได้ที่ด้านล่างเลย หากใครอยากจะลองซื้อมาสวมให้กับเจ้าหมาของคุณล่ะก็ อาจจะต้องรอนิดนึงต้องสั่งจองกันล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ INDIEGOGO และจะวางจำหน่ายในเดือนธันวาคม ส่วนราคาก็อยู่ที่ 169 ดอลลาร์ หรือประมาณ 6,000 บาท ล่ะ ที่มา rocketnews24 , Inupathy
-
ยิ่งกว่าโคนัน!! ชมเทคโนโลยีสเก็ตบอร์ดไฟฟ้า พร้อมเปลี่ยนเป็นกระเป๋าสัมภาระได้ทันที
เคยรู้สึกไหมว่าการเดินทางในแต่ละวันนั้นช่างเป็นอะไรที่ยุ่งยากซะเหลือเกิน เพราะคุณต้องหิ้วข้าวของมากมายไว้กับตัว อาจจะสะพายเป้หรือถือมันไว้ในมือ ในขณะเดียวกันก็ต้องเดินไปยังที่ต่างๆ ด้วย วันนี้เรามีตัวช่วยให้การเดินทางของคุณสะดวกยิ่งขึ้นล่ะ #เหมียวฟิ้นขอเสนอสเก็ตบอร์ดไฟฟ้าที่มีชื่อว่า Movpak มันเป็นสเก็ตบอร์ดที่ช่วยให้การเดินทางของคุณง่ายขึ้นด้วยการเพิ่มช่องใส่สัมภาระเข้าไปบนตัวบอร์ด ให้คุณเดินทางไปพร้อมกับข้าวของมากมายแบบไม่ต้องหิ้วพะรุงพะรังให้เมื่อยอีกต่อไป และเมื่อคุณถึงที่หมายแล้ว จะเก็บสเก็ตบอร์ดแล้วเปลี่ยนให้มันกลายเป็นกระเป๋าเดินทาง คุณก็แค่พับมันลงไปเท่านั้น เจ้า Movpak สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วที่สุดคือ 32 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถวิ่งได้ไกล 16 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้งเลย ในกรณีที่คุณไม่เก่งเรื่องการควบคุมสเก็ตบอร์ดหรือเล่นไม่ค่อยเก่ง เขาก็มีรีโมทควบคุมติดมาให้ด้วย ให้คุณควบคุมทิศทาง ความเร็ว และเบรคมันได้ง่ายๆ เพียงแค่สัมผัสปลายนิ้วเท่านั้น เจ้ากระเป๋าตัวนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมต่อกับมือถือของคุณได้ ดังนั้นคุณจึงสามารถเรียกใช้ Siri หรือ Google Now ได้ในระหว่างที่คุณกำลังเคลื่อนที่อยู่ นอกจากนี้มันมันยังมีช่องเสียบ USB ให้คุณชาร์จแบตเตอรี่ระหว่างทางได้อีกด้วย Movpak เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2014 และตอนนี้พวกเขาก็กำลังระดมทุนผ่านเว็บไซต์ Indigogo โดยวางเป้าหมายเพียง 50,000 ดอลลลาร์ หรือประมาณ…
-
รู้จักเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนสุดล้ำ Full NetCom 3.0 ที่จะทำให้คุณใช้ 3G ได้ทั้งสองซิม!!
ช่วงหลังๆ โทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่สามารถรองรับได้สองซิมการ์ดได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่ผู้ใช้งาน เพราะการที่สามารถใช้สองซิม ทำให้การใช้งานทั้งการโทรผ่านเครือข่ายและอินเตอร์เน็ตยืดหยุ่นมากขึ้น แต่ข้อจำกัดอย่างหนึ่งของเทคโนโลยีสองซิมการ์ดในปัจจุบัน มีข้อจำกัดอย่างหนึ่งคือ ไม่สามารถใช้งานเครือข่ายแบบ 3G/4G ได้พร้อมกันทั้งสองซิม หากเลือกอันใดอันหนึ่งเป็น 3G/4G แล้ว อีกซิมหนึ่งจะถูกปรับให้เป็น 2G โดยอัตโนมัติ และอย่างที่ทราบกันดีว่า ตอนนี้เหล่าบรรดาค่ายมือถือในไทยเริ่มมีแผนที่จะยกเลิกเครือข่ายระบบ 2G กันแล้ว และจะเหลือเพียงเครือข่าย 3G/4G ไว้เท่านั้น ซึ่งหากระบบ 2G ถูกยกเลิกเมื่อใด แปลว่าซิมสองที่เราเลือกไว้ ก็จะไม่สามารถใช้งานได้ทันที ลองนึกภาพถ้าเราปรับซิม my by CAT หรือ Penguin เป็นซิมรอง เครือข่ายนั้นจะหายไปเลย เพราะ my และ Penguin ไม่มีระบบ 2G รองรับไว้ แล้วโทรศัพท์สองซิมของเราจะต่างอะไรจากโทรศัพท์ซิมเดียวล่ะอย่างนี้ แล้วเราต้องทำอย่างไร? งั้นเราไปรู้จักเทคโนโลยีที่เรียกว่า Full NetCom กันดีกว่า!! Full Netcom เป็นเทคโนโลยีโทรศัพท์สองซิมที่พัฒนาขึ้นมาโดยบริษัท Xiaomi บริษัทผลิตสมาร์ทโฟนชื่อดังจากประเทศจีน…
-
ยังจำกันได้ไหม!? ผลงานสุดอลังการของช่างภาพ ที่เลี้ยงลูกและเด็กๆ กับธรรมชาติ ไร้ซึ่งเทคโนโลยี
สำหรับทุกๆ วันนี้ เทคโนโลยีก็เข้ามามีส่วนสำคัญในชีวิตของเราๆ มาก แต่ถ้าใครๆ ยังจำได้ ช่วงเวลาในวัยเด็กของหลายๆ คนที่ไม่มีเทคโนโลยี และใช้ชีวิตกับสังคมร่วมกับผู้อื่น และกับธรรมชาติ มันสุดยอดไปเลยใช่มั้ยล่ะ น่าเสียดายที่เด็กๆ ในยุคนี้อาจไม่เคยได้ประสบพบพานประสบการณ์ดีๆ แบบนั้นอีก กลุ่มช่างภาพจาก Niki Boon Photography เลยมีแนวคิดการถ่ายภาพเกี่ยวกับ ‘Childhood in Raw’ ที่จะนำเสนอภาพของเด็กๆ ที่เติบโตมาโดยไร้เทคโนโลยี จะเป็นอย่างไรลองมาชมกันเลย แถม Niki Boon ตัวช่างภาพเองก็ได้ตัดสินใจเลี้ยงดูลูกของเธอในชนบทของประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งห่างไกลเทคโนโลยีอีกด้วย เด็กๆ จะเข้าร่วมกลุ่มสังคมมากขึ้น อยู่กับธรรมชาติ ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ใช้ชีวิตที่รายล้อมไปด้วยสัตว์ต่างๆ หัดที่จะมีความสุขกับสิ่งรอบข้าง ยิ่งเลอะยิ่งเยอะประสบการณ์จริงๆ ไม่ว่าอะไรก็เอามาเป็นของเล่นได้หมด พักผ่อนอย่างเต็มที่ จินตนาการไม่มีที่สิ้นสุด อื้อหือออ…
-
ไอเดีย ‘แท็กซี่ไร้คนขับ’ ในประเทศสิงคโปร์ เพื่อตอบสนองขนส่งมวลชนในเวลากลางคืน!!
เราก็คงจะคุ้นเคยกันมาบ้างแล้วกับเทคโนโลยีรถยนต์ที่สามารถขับเองได้ หรือไร้คนขับนั่นแหละ ที่มีการศึกษาและพัฒนากันมาอย่างยาวนานหลายปี จนบัดนี้ก็ (น่า) จะถึงเวลาที่พร้อมกับการใช้งานจริงแล้วล่ะ (มั้ง) พูดถึงเรื่องระบบการขนส่งมวลชนแล้ว ปัจจุบันก็จะมีรถไฟ รถไฟฟ้า รถบัส รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง (ในบางประเทศ) และรถแท็กซี่ ซึ่งก็แล้วแต่ที่จะเลือกใช้บริการ แต่ทุกบริการจะต้องมีคนขับ ฉะนั้นแล้ว ทางบริษัท nuTonomy กำลังพัฒนาแนวทางบริการขนส่งมวลชนในประเทศสิงคโปร์ โดยการนำแท็กซี่พลังงานไฟฟ้าไร้คนขับมาให้บริการ เพื่อเป็นหนึ่งในทางเลือกของการขนส่งมวลชน คาดว่าน่าจะพร้อมในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า สำหรับระบบไร้คนขับของแท็กซี่ดังกล่าว จะเลือกเส้นทางที่รวดเร็วที่สุด หลีกเลี่ยงเส้นทางที่การจราจรแออัด อีกทั้งยังมีค่าโดยสารที่ถูกกว่ารถแท็กซี่ทั่วไปด้วย โดยทาง CTO ของบริษัท Emilio Frazzoli ได้กล่าวถึงแนวคิดดังกล่าวจะช่วยในเรื่องของความสะดวกสบายเหมือนกับรถยนต์ส่วนตัว ลดปัญหาการจราจร อีกทั้งเป็นตัวเลือกในการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนในเวลากลางคืน ‘ในประเทศสิงคโปร์ ประชาชนต้องการรถบัสเพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถทำได้อันเนื่องมาจากไม่มีคนขับในช่วงเวลากลางคืน อีกทั้งหุ่นยนต์พวกนี้จะไม่มาแย่งงานของมนุษย์แน่นอน มันเป็นการเพิ่มทางเลือกและตอบสนองในความต้องการมากกว่า’ โดยในตอนนี้ยานพาหนะไร้คนขับของบริษัทได้ผ่านการทดสอบครั้งแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากการทดสอบในเรื่องของการนำทาง การขับผ่านอุปสรรคสิ่งกีดขวางต่างๆ โดยไม่เกิดอุบัติเหตุแต่อย่างใด ที่มา :…
-
อนาคตมาแล้ว!! บริษัทต่างชาติระดมทุนสร้างเครื่องพิมพ์ 3 มิติ แค่ต่อกับมือถือก็พิมพ์ได้แล้ว!!
เทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 3 มิติเริ่มเข้าใกล้กับผู้ใช้ทั่วๆ ไปมากขึ้นทุกทีๆ แล้วล่ะ เพราะเมื่อไม่นานมานี้บริษัท OLO 3D Inc. ได้เปิดตัวผลิตภันฑ์ที่ชื่อว่า OLO 3D Printer เครื่องพิมพ์ 3 มิติที่สามารถเชื่อมต่อกับมือถือและพิมพ์ได้อย่างรวดเร็ว เจ้าเครื่องพิมพ์ OLO นั้นใช้เวลาในการคิดค้นและพัฒนามานานกว่า 2 ปี มันคือเครื่องพิมพ์ขนาดเล็กมีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่สามารถเชื่อมต่อกับมือถือ และสร้างวัตถุแบบ 3 มิติขึ้นมาได้ เจ้าเครื่องนี้ทำงานโดยใช้ถ่าน AA 4 ก้อนและสามารถพิมพ์ได้ 100 ครั้งทีเดียว นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวเรซินชนิดใหม่ที่เรียกกันว่า Daylight Resin เพียงแค่เทเจ้าเรซินชนิดนี้ลงไปยังกล่อง OLO และนำมือถือไปวางปิดด้านบน เจ้าเรซินขนิดนี้ก็จะสามารถแข็งตัวได้เมื่อถูกแสงสีขาวจากหน้าจอมือถือ และเราก็จะได้โมเดล 3 มิติออกมานั่นเอง และเพื่อนๆ สามารถมั่นใจได้เลยว่านี่ไม่ใช่ข่าว April Fool’s Day อย่างแน่นอน เพราะทีมงาน OLO…
-
ไอเดียเจ๋ง!! ภาพเคลื่อนไหวธรรมดาๆ ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นภาพเคลื่อนไหว “3 มิติ” ได้อย่างสมจริงสุดๆ
ขณะที่เทคโนโลยีในปัจจุบัน ได้พัฒนาจนล้ำหน้าไปไกล บรรดานักตัดต่อจากโลกออนไลน์ก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกันนะ เพราะสมาชิกของเว็บบอร์ด SplitDepthGIFS เขาได้เผยวิธีการติดต่อภาพเคลื่อนไหวให้กลายเป็นรูปแบบ 3 มิติแล้ว งานนี้เรียกได้ว่าเราสามารถเห็นภาพสามมิติได้ด้วยตาเปล่า ในแบบที่สลัดแว่นตาสามมิติ หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ทิ้งไปได้ง่ายๆ เลย แถมยังเป็นไอเดียที่เจ๋ง และสร้างสรรค์มากๆ อีกด้วยนะเนี่ย โดยหลักการในการสร้างภาพเคลื่อนไหวสามมิติแบบง่ายๆ เลยก็คือ การแบ่งภาพให้เป็นสามส่วน ด้วนเส้นสีขาวแบบนี้… แค่นี้แหละ เราก็จะได้เห็นภาพสิ่งต่างๆ ทะลุออกจากกรอบมาหาเราแล้ว เป็นไงเจ๋งไหมละเหมียว เท่านั้นยังไม่พอ เวลาที่ได้มองภาพเหล่านี้แล้ว ก็ทำให้เรารู้สึกว่า มันสมจริง และเนียนมาก กรอบก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวได้ และนี่ก็เป็นเพียงแค่ผลงานส่วนหนึ่งเท่านั้น หากเพื่อนๆ คนไหนอยากชมผลงานเจ๋งๆ อีกมากมาย สามารถกดเข้าไปตามช่องทางนี้ได้เลย SplitDepthGIFS ที่มา : techinsider.io, fireflydaily
-
เป็นจริงแล้ว!! Nike เปิดตัวรองเท้ารุ่น HyperAdapt 1.0 รองเท้าผูกเชือกเองแบบในหนัง!!
หากใครที่เคยชมภาพยนตร์ Back to the Future II คงจะจดจำรองเท้าที่พระเอกอย่าง Marty McFly เคยใส่ให้เราดูได้ล่ะนะ มันคือรองเท้า Nike ที่สามารถผูกเชือกได้ด้วยตัวเอง ซึ่งในช่วงที่ภาพยนตร์ออกฉายนั้นคือปี 1989 คงไม่มีใครคิดว่ามันจะสามารถสร้างรองเท้าแบบนี้ได้จริงๆ… แต่วันนี้มันเกิดขึ้นแล้วล่ะ หลังจากใช้เวลาพัฒนาอยู่นานหลายปี Nike ก็ได้ออกรองเท้ารุ่น HyperAdapt 1.0 ที่มีระบบผูกเชือกรองเท้าแบบอัตโนมัติโดยจะมีเซ็นเซอร์คอยตรวจจับเมื่อถูกสวมใส่ รองเท้ารุ่น HyperAdapt 1.0 ถือเป็นความพยายามของ Nike ที่จะทำรองเท้าแบบผูกเชือกอัตโนมัติ โดยเซ็นเซอร์จะถูกติดตั้งไว้ที่ส้นเท้า แต่ก็ยังไม่แน่นพอดีกับเท้าของทุกๆ คน หากอยากให้มันพอดีจริงๆ ก็อาจจะยังต้องพึ่งการขยับด้วยมือของคุณเองอีกนิดหน่อย (จะมีปุ่ม + และ – มาให้ที่ด้านข้างรองเท้า) และแน่นอนว่าเจ้ารองเท้ารุ่นนี้จะทำงานไม่ได้หากไม่มีแบตเตอรีเพื่อให้พลังงาน ซึ่งการชาร์จแต่ละครั้งจะสามารถทำงานได้นาน 2 สัปดาห์ หากแบตหมดก็สามารถถอดรองเท้ามาชาร์จได้ ดีไซน์เนอร์ Tinker Hatfield ผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบรองเท้ารุ่นนี้บอกว่านี่คือการผสมผสานสามารถของเทคโนโลยีที่แตกต่างกันเพื่อตอบสนองความท้าทายของเหล่านักกีฬา “นวัตกรรมของ Nike ไม่ใช่การฝันถึงวันพรุ่งนี้…
-
ขออย่ายอมแพ้!! Nokia เตรียมปล่อยมือถือรุ่นใหม่ปีนี้ แฟนๆ ถาม “มีเกมงูไหม?”
หลังจากที่ Nokia ขายแผนกมือถือให้กับ Micorsoft ไปเมื่อปี 2014 จากนั้นก็ไม่มีมือถือรุ่นใหม่ๆ ออกมาจากแบรนด์นี้ให้เห็นอีกเลย แต่กลายเป็นมือถือยี่ห้อ Microsoft แบบเต็มๆ แต่ในปีนี้แฟนๆ คงจะได้ตื่นเต้นกันอีกครั้งหนึ่งล่ะ เพราะล่าสุดมีข่าวแว่วๆ ออกมาว่าผู้บริหารระดับสูงของ Nokia เตรียมที่จะส่งมือถือรุ่นใหม่ลงสู่ตลาดภายในปีนี้แล้ว เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ของ Rajeev Suri ผู้บริการระดับสูง ของ Nokia บอกว่ามือถือรุ่นใหม่อาจจะมาภายในปีนี้ แต่พวกเขาเองก็ไม่ได้เร่งรีบที่จะปล่อยมันออกมาเท่าไหร่ นาย Suri ได้เปิดเผยที่งาน Mobile World Congress ที่จัดขึ้นที่เมืองบาร์เซโลนาประเทศสเปนว่าพวกเขากำลังทดลองมือถือรุ่นใหม่กับกลุ่มลูกค้า เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ออกมาดีที่สุด แต่พวกเขาไม่ได้รีบร้อน และไม่ได้กำหนดเวลาที่แน่นอน แต่ก็ยืนยันว่ามือถือรุ่นใหม่จะออกมาในปีนี้แน่นอน นอกจากนี้นาย Suri ยังบอกด้วยว่าเขาไม่ต้องการใส่โลโก้ลงไปบนมือถือเพื่อให้คนรู้ว่านี่คือมือถือของ Nokia แต่ต้องการให้ผู้ใช้รู้สึกด้วยตัวเองว่านี่คือมือถือของ Nokia จริงๆ แต่ก็ยังไม่วายมีแฟนๆ ถามว่ามือถือรุ่นใหม่นี้จะมีเกมงูมาด้วยไหม? ซึ่งก็ไม่มีการตอบคำถามที่ว่านี้แต่อย่างใด…
-
ปฏิวัติวงการกับ ‘เก้าอี้อัจฉริยะ’ เพียงแค่ปรบมือ สามารถกลับเข้าที่เข้าทางได้อย่างเป็นระเบียบ!!
เคยประสบปัญหาความวุ่นวายหลังจากที่เสร็จธุระบนโต๊ะประชุมกันบ้างหรือไม่ หรือแม้แต่เวลาที่ไปไหนต่อไหน แล้วไม่มีคนเก็บเก้าอี้ให้เข้าที่เหมือนเดิม ดูเกะกะ รกหูรกตาไปหมด ถ้าไม่มีใครจัดให้มันเข้าที่ เดี๋ยวคนอื่นเข้ามาก็จะขวางทางไปเสียอีก และด้วยเหตุนี้เอง อย่ามัวเสียเวลากับการจัดการเก้าอี้เจ้าปัญหาอีกต่อไป เพราะล่าสุดนี้ทาง Nissan ได้คิดค้นนวัตกรรมเพื่อมวลมนุษยชาติขึ้นมา มันก็คือ ‘เก้าอี้อัจฉริยะ’ ที่สามารถจัดระเบียบตัวเองได้ ลักษณะคล้ายกับระบบของรถยนต์อัจฉริยะที่เข้าจอดในโรงรถเองได้ โดยไม่ต้องมีคนขับ เก้าอี้อัจฉริยะนี้ได้รับแรงบันดาลใจมากจากระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะของ Nissan เอง เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีกล้อง ระบบไร้สาย และล้อเคลื่อนที่ ทำให้มันสามารถเคลื่อนที่ได้ทุกทิศทาง 360 องศารอบตัว สามารถเริ่มต้นคำสั่งได้ทันทีเพียงแค่ ‘ปรบมือ’ อย่างเช่นในสำนักงาน จะมีการติดตั้งกล้องเพดานไว้ 4 ตำแหน่ง เพื่อหาตำแหน่งของเก้าอี้ เมื่อได้ยินเสียงปรบมือปุ๊บก็จะทำการคำนวณทิศทางผ่านคอมพิวเตอร์ และส่งสัญญาณไร้สายไปที่ตัวเก้าอี้เพื่อเข้าสู่ตำแหน่งตามที่ต้องการ ทั้งนี้การพัฒนาระบบดังกล่าว ทาง Nissan ได้ร่วมมือพัฒนากับทีมสร้างสรรค์นามว่า BIRDMAN โดยตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า ‘เสริมสร้างชีวิตผู้คนผ่านเทคโนโลยี’ ซึ่งคอนเซปต์ดังกล่าวได้อยู่ในขั้นทดลองใช้งานอยู่ และได้ผลตอบรับที่ดีมากๆ เลยล่ะ …
-
iPhone 6 รับอัพเดทมรณะ กับโค้ด Error 53 ถ้า Touch ID เสีย จะใช้งานต่อไม่ได้!!
การได้รับอัพเดทใหม่ๆ จากผู้ผลิตนั้น มักจะมีแต่สิ่งดีๆ เพิ่มเข้ามา แต่ทว่าหลายครั้งหลายคราวที่ Apple ได้ออกอัพเดทใหม่ให้กับผู้ใช้ iPhone ทั้งหลาย ส่วนมากก็มักจะได้รับเสียงตอบรับแย่ๆ เสียมากกว่า และในครั้งนี้ยิ่งแย่กว่าครั้งไหนเสียอีก!! จากตามรายงานของเว็บไซต์ The Guardian ผู้ใช้ iPhone 6 ในต่างประเทศหลายพันราย ประสบกับปัญหาหลังจากที่ทำการอัพเดทซอฟต์แวร์ iOS 9 ตัวใหม่จากทาง Apple โดยมันมาพร้อมกับโค้ด Error 53 ที่ทำให้ผู้ใช้หลายคนผวาไปตามๆ กัน สาเหตุหลักๆ ของโค้ดมรณะ Error 53 นี้ คืออัพเดทใหม่จะทำการตรวจสอบเครื่องของคุณ หากได้รับการซ่อมแซมมาจากช่างภายนอกที่ไม่ใช่ช่างของ Apple เอง จะทำให้โทรศัพท์ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป โดยพบจากเครื่องที่ทำการซ่อมปุ่ม Home มาจากช่างภายนอก รวมไปถึงเครื่องที่ได้รับความเสียหายแต่ยังคงใช้งานต่อไปโดยที่ไม่ซ่อม ก็โดนไปด้วยเช่นกัน (อัพเดทปัญหานั้นมาจากปุ่ม Home หรือ Touch ID ที่ไม่ตรงกับ Mainboard…
-
พัฒนาไปอีกขั้น ‘โซล่าเซลล์โปร่งใส’ สามารถใช้แทนกระจกได้ พร้อมผลิตพลังงานไปในตัว!!
ทุกๆ วันนี้เราจะเห็นได้ว่ามีการนำแผงโซล่าเซลล์มาติดตั้งตามสถานที่ต่างๆ กันมากขึ้น อาศัยพลังงานจากแสงอาทิตย์นำมาใช้เป็นกระแสไฟฟ้าแทน ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี ช่วยลดมลพิษจากการผลิตไฟฟ้าแบบเก่า ซึ่งในประเทศไทยก็มีการนำมาใช้เช่นกัน แผงโซล่าเซลล์ที่ใช้ในปัจจุบัน สำหรับอัตราการเติบโตของแผงโซล่าเซลล์ในประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ในสัดส่วนที่พุ่งสูงถึง 70% ตลอดปีที่ผ่านมา โดยอ้างอิงมาจากการรายงานของนิตยสาร Fortune และจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย ทั้งนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีโซล่าเซลล์ก็ต้องพัฒนากันต่อไป จนในตอนนี้ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Michigan State University สามารถสร้างโซล่าเซลล์โปร่งใสขึ้นมาได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก!! ซึ่งแนวคิดแบนนี้มีมานานแล้ว เพียงแต่เกรงว่าหากทำแบบใส เกรงว่าแสงอาทิตย์จะผ่านทะลุไป ทำให้ไม่สามารถเก็บพลังงานเอาไว้ได้ แต่ด้วยเทคโนโลยี Transparent Luminescent Solar Concentrator (TLSC) นี้ จะทำการปล่อยเกลืออินทรีย์เพื่อดูดซับคลื่นของแสงเอาไว้ สามารถนำไปผลิตกระแสไฟฟ้าใช้งานได้เหมือนกับโซล่าเซลล์แบบปกติทุกประการ ซึ่งปริมาณแสงที่สามารถนำมาผลิตได้มีเพียงแค่ 5% เท่านั้น คิดๆ ดูแล้วถือว่าเป็นปริมาณที่น้อย แต่ถ้าหากนำมาใช้ในบ้านเรือนหรือตามตึกอาคารสูงต่างๆ แล้ว ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการใช้งานจริง ช่วยผลิตพลังงานสะอาดได้เป็นจำนวนมหาศาลกันเลยล่ะ รายละเอียดเพิ่มเติม รับชมได้ภายในคลิปด้านล่าง ที่มา…
-
แอพฯ นาฬิกาปลุกมาใหม่ มีให้เลือก 3 วิธีที่จะปิด อย่างน้อยก็ต้องมีซักวิธีที่ทำให้คุณตื่น!!
ช่วงเวลาที่ไม่อยากให้มาถึงมาที่สุดในช่วงเริ่มต้นสัปดาห์แห่งการทำงานหรือเรียนหนังสืออย่างวันจันทร์ หลายคนก็คงจะประสบปัญหากับการตื่นนอนที่ยากเย็นซะเหลือเกิน ยิ่งอากาศหนาวๆ นะ ไม่ต้องพูดถึง อยากจะนอนขดไปตลอดทั้งเช้าเลย ทว่านาฬิกาปลุกธรรมดา ก็แค่สั่นและส่งเสียงให้คุณรู้ตัว บางคนก็เลื่อนปลุกไป (โรคนอนต่ออีก 5 นาที) หรือไม่ก็ปิดปุ๊บ นอนต่อยาวเลย ทีนี้ปัญหามันก็เกิดสิ เพราะว่าตัวเราไม่ยอมลุก ไม่ยอมตื่นซักที เพราะฉะนั้นเหมียวขอแนะนำให้รู้จักกับ Mimicker Alarm แอพฯ นาฬิกาปลุกที่จะมากระตุ้นให้คุณลุกออกมาจากเตียง แอพพลิเคชั่นนาฬิกาปลุก Mimicker Alarm นี้ จะมาพร้อมกับวิธีการปิด 3 รูปแบบ 1. การเซลฟี่ – ถ่ายเซลฟี่พร้อมกับการแสดงอารมณ์บนใบหน้า 2. ถ่ายรูปวัตถุที่มีสีตรงตามกำหนด – แอพฯ จะให้เราไปถ่ายรูปวัตถุที่มีเฉดสีให้ตรงตามที่กำหนด 3. การอ่านออกเสียง – อ่านเรื่องสั้น ซึ่งถ้าหากว่าคุณเลือกที่จะเซลฟี่ ก็ไม่ใช่การเซลฟี่แบบหน้าง่วงๆ เพิ่งตื่นนอนนะ เพราะว่าแอพฯ จะบอกให้คุณเซลฟี่พร้อมกับการแสดงอารมณ์ออกมาบนใบหน้า เพื่อหวังว่าจะช่วยให้คุณได้ลืมตาตื่นนอนจากการหลับนั่นเอง …
-
ล้ำได้อีก!! ‘Ripples’ เครื่องพิมพ์ลวดลายลาเต้อาร์ทบนกาแฟ ทุกรูปแบบตามที่ใจคุณต้องการ
ทุกวันนี้อะไรๆ ก็ดูล้ำยุคไปหมด โลกอนาคตที่เราฝันกันนั้นก็น่าจะมาถึงแล้วล่ะ เพราะเทคโนโลยีพัฒนาได้รวดเร็วมาก จนแทยจะตามกันไม่ทัน ล่าสุดนี้ก็มีการออกมาโชว์ความสามารถของเครื่องพิมพ์ลาเต้อาร์ทที่ตอบสนองได้ทุกลาย ทุกแบบกันเลยล่ะ!! มันจะแตกต่างอะไรไปจากการทำลวดลายบนกาแฟร้อนทั่วไปล่ะ? สำหรับเจ้าเครื่อง Ripples นี้ ใช้งานง่ายมาก สามารถสั่งการได้ผ่านแอพฯ ได้ทันที กดปุ่มสร้างลวดลาย เลือกรูปที่ต้องการ และนำกาแฟขึ้นแท่นพิมพ์ เพียงเท่านี้ก็จะได้กาแฟพร้อมลวดลายตามสั่งแล้วจ้า อย่างไรก็ตามสำหรับเครื่อง Ripples นี้ เพิ่งจะทำการเปิดตัวไปในงาน Consumer Electronic Show เมือง Las Vegas ที่ผ่านมา คาดว่าน่าจะพร้อมให้บริการภายในเร็วๆ นี้แหละจ้า แต่ต้องยอมรับเลยว่าเครื่องนี้มันเจ๋งจริง!! Coffee imprinting machineThis cool machine imprints any image onto your coffee with ridiculous detail. Posted by…
-
ASUS สี่ตัวอักษรเจ้าปัญหา จนปัญญาที่จะเรียก แล้วการออกเสียงแบบไหนถึงจะถูกต้อง!?
ชื่อแบรนด์สั้นๆ ง่ายๆ เป็นสิ่งที่ดี ทำให้ลูกค้าสามารถจดจำและเรียกชื่อได้ทันที แต่ทว่าปัญหามันอยู่ตรงที่การออกเสียงนี่แหละ แต่ละคนก็ออกเสียงไม่เหมือนกันเลย เพราะด้วยลักษณะของการวางตัวอักษรที่พางงของแบรนด์เช่น ASUS นี่แหละ บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไฟฟ้าสัญชาติไต้หวันที่มาพร้อมกับชื่อเพียงแค่ 4 ตัวอักษร ‘ASUS’ ลักษณะการสะกดที่สามารถออกเสียงได้หลากหลาย แถมยังทำให้คล้ายกับคำว่า anus – รูทวาร อีกแหนะ เราลองมาดูโฆษณาที่เล่นกับชื่อแบรนด์กันก่อน ออกเสียงคล้ายกับคำว่า asses หากสังเกตกันดีๆ แล้ว ชื่อของบริษัทนั้นได้นำมาจากสัตว์ในตำนาน Pegasus แต่ตัด peg ออก จึงเหลือเพียงแค่ asus แล้วมันออกเสียงยังไงกัน อย่างในภาษาเยอรมันก็จะออกเสียงว่า AH-SOOS AH-SOOS ออกเสียงแบบภาษาเยอมัน AH-SOOS จากประเทศอิตาลี และ EY-SOOS จากประเทศญี่ปุ่น สรุปแล้วว่าออกเสียงอย่างไรให้ถูกต้องตามหลัก AAAAA-SUUUUUS รึเปล่า!? แต่บางคนก็ยังออกเสียง AH-SUS บ้าง…
-
9 นวัตกรรมสุด “แปลก” ที่มีอยู่จริงบนโลกในปี 2015 ที่ผ่านมา!!
โลกเรานี้ก็ต้องพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ มนุษย์จึงต้องประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน ซึ่งหลายอันก็มีประโยชน์จริงๆ แต่บางอันก็มีประโยชน์ แต่ก็ไม่รู้จะเอามาใช้ทำไม วันนี้เหมียวก็เลยจะพามาดู 9 สิ่งประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ แต่มันแปลกจนไม่กล้าใช้กันเลยทีเดียว จะมีอะไรบ้าง ตามเหมียวมาเลย 1. กางเกงในป้องกันกลิ่นตด ผลิตโดยบริษัทในอังกฤษชื่อว่า Shreddies ได้ออกแบบกางเกงในตัวนี้ออกมา (จริงๆมันคือบ็อกเซอร์) ด้วยใช้เทคโนโลยีทางด้านเคมีเป็นตัวกรองก๊าสที่ไม่พึงประสงค์ที่เราปล่อยออกมา แต่เอาจริงๆ มันก็มีประโยชน์นะ เมื่อได้ฟังทางบริษัทได้ออกมาพูดว่าเขาเข้าใจว่าการสร้างกางเกงในตัวนี้มันอาจจะดูตลกไปหน่อย แต่มันมีประโยชน์สำหรับคนที่มีภาวะลำไส้แปรปรวน โรคโครห์น(ลำไส้อักเสบชนิดหนึ่ง) หรือ โรคยูซี(ลำไส้อักเสบเรื้อรัง) 2. เครื่องปิ้งขนมปังเซลฟี่ ผลิตโดย Hammacher Schlemmer เป็นเครื่องปิ้งขนมปังที่สามารถพิมพ์หน้าของตัวเองลงไปได้ โดยใช้แผ่นนำความร้อนที่พิมพ์เป็นหน้าเราใส่เข้าไป ซึ่งมันก็จะประทับลงบนขนมปัง เกิดเป็นรอยไม้รูปหน้าเรา ก็ไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่ออะไร แต่ก็เจ๋งดีนะ 3. เครื่องวัดกลิ่นปาก เจ้าเครื่องนี้จะเชื่อมต่อกับสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ของเราเพื่อวัดค่าความสะอาดของลมหายใจ และยังสามารถวัดความชุ่มชื้นในปากของเราได้ด้วย อยากรู้จริงๆว่าถ้าตื่นเช้าหมาดๆ แล้วเป่าเข้าไปจะเป็นยังไงนะ 4. ซากอาหารกลายเป็นแฟชั่น เป็นไอเดียดีๆ จากนักเรียนออกแบบ โดยผลงานชิ้นนี้ชื่อว่า Fruitleather Rotterdam เป็นการเอาเศษซากอาหารต่างๆ มาผ่านกระบวนการจนออกมาเป็นกระเป๋าหนังที่ทำจากขยะอาหารล้วนๆ เศษอาหารที่เขาใช้ก็มาจากตลาด…
-
เด็กๆ เกิดทันไหม? รวม 25 ความจริงเกี่ยวกับ “เพจเจอร์” ที่เด็กๆ ยุคสมาร์ทโฟนไม่เคยรู้มาก่อน
แอดเหมียวเองถือเป็นเด็กยุค 90 ที่เติบโตมาและทันได้เห็นได้ใช้เพจเจอร์ ซึ่งในยุคนั้นเป็นอะไรที่ล้ำสมัยมากๆ เพราะตัวเพจเจอร์มีขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ จู่ๆ มีข้อความวิ่งเข้ามาที่หน้าจอ อะไรมันจะสะดวกปานนั้น แต่เทคโนโลยีทุกวันนี้ก็ก้าวไปเร็วจริงๆ เพราะเด็กๆ ยุคใหม่ไม่ต้องโทรไปหาคอลเซ็นเตอร์เพื่อบอกข้อความที่เราอยากส่งให้กับคนที่ต้องการติดต่อ เพราะบางครั้งข้อความที่อยากส่งมันก็ส่วนตั๊วส่วนตัวเหลือเกิน ต้องกระมิดกระเมี้ยนบอกไปทีละคำสองคำ วันนี้แอดเหมียวเลยอยากจะชวนเพื่อนๆ (วัยเดียวกัน) และเด็กๆ ยุคใหม่ที่ไม่เคยได้ใช้เพจเจอร์มาก่อนได้ลองอ่าน 25 ความจริงเกี่ยวกับ “เพจเจอร์” กัน จะมีอะไรบ้างที่คุณไม่เคยรู้ ลองไปอ่านกันดูนะจ๊ะ 1. เพจเจอร์คืออุปกรณ์อ่าน sms เหมือนมือถือ แต่ส่งข้อความไม่ได้ 2. ถ้าจะส่ง ต้องโทรไป Call Center พูดให้เขาพิมพ์และส่งข้อความแทนเรา 3. แน่นอนว่า ความเป็นส่วนตัวจะหายไป….ความเขินอาย จะเข้ามาแทน 4. เพราะมือถือสมัยนั้น ยังส่ง sms ไม่ได้ 5. มือถือสมัยนั้น มีราคาสูงมาก (ยิ่งกว่าไอโฟนยุคนี้ซะอีก) 6.…
-
ล้ำเกิ๊น!! Keyboard PC ที่สุดของคอมพิวเตอร์พกพา ถูกย่อส่วนให้มีขนาดเท่ากับคีย์บอร์ด
ปัจจุบันเทรนด์ของผลิตภัณฑ์ไอทีส่วนมากจะเน้นที่ความบาง ความเบา ความเล็ก ความกระทัดรัด และความสะดวกในการพกพาเป็นหลัก นั่นก็เลยทำให้ผลิตภัณฑ์หรือสินค้าทางไอทีก็จะออกมาเป็นแนวๆ นี้กันหมด เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ให้ได้มากที่สุด เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop PC) เอาเป็นว่าจากที่เมื่อก่อนเนี่ยเราใช้คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะกัน ได้รับความนิยมสูงมากๆ จนกระทั่งมาถึงยุคของคอมพิวเตอร์โน๊ตบุค ซึ่งในยุคแรกเครื่องจะหนาๆ หนักๆ หน่อย ปัจจุบันก็พัฒนาให้บางและเบาลงได้มาก สะดวกต่อผู้ใช้งานเป็นอย่างยิ่ง (แต่ราคาไม่ได้เบาตาม) คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค (Notebook หรือ Laptop) แต่ถ้าหากว่าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คที่ใช้ๆ กันอยู่มันยังไม่ใช่ มันยังไม่ตอบสนองต่อความสะดวกในเรื่องของขนาดและการพกพา วันนี้ก็มีตัวเลือกใหม่เปิดตัวเปิดใจออกมาแล้ว มันมีชื่อว่า Keyboard PC รุ่น WP004 สร้างสรรค์โดยบริษัท Tekwind Corporation Keyboard PC WP004 จาก Tekwind Corporation หน่านี๊? นี่มันอะไรกัน เป็นคีย์บอร์ดรุ่นใหม่หรืออย่างไร!? บอกได้เลยว่าหน้าตามันก็เหมือนคีย์บอร์ดแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ทั่วไป แต่ข้างในนั้นยัดคอมพิวเตอร์ทั้งเครื่องลงไปให้เรียบร้อยแล้ว เว้นเสียแต่ว่าไม่ได้รวมจอมาให้ก็เท่านั้นเอง …
-
เทคโนโลยี 4G คืออะไร!!? ดีกว่า 3G ขนาดไหน!!? เรามาทำความรู้จักกันเถอะ
ก็เรียกได้ว่าข่าวคราวทางด้านเทคโนโลยีช่วงนี้คงไม่มีข่าวไหนที่ฮือฮากันมากกว่าเทคโนโลยี 4G กันอีกแล้ว และวันนี้เหมียวก็จะพามารู้จักเทคโนโลยีนี้กันแบบคร่าวๆ กันแหละ หลายๆ คนอาจจะงงกันอยู่ว่า 4G คืออะไร แล้วมันดีกว่ารุ่นก่อนๆ อย่าง 3G ที่เราใช้กันอยู่ขนาดไหน แต่ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้กันตั้งแต่ต้นเลยดีกว่า 3G vs. 4G ในส่วนของอักษรย่อ G แต่ละรุ่นเช่น 3G และ 4G นี้ก็หมายถึงคำว่า Generation หรือแปลว่า ‘รุ่น’ นั่นเอง ซึ่งก่อนหน้านี้มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ 1G, 2G และ 3G ก็เป็นเจเนเรชั่น หรือรุ่นต่างๆ ไล่เรียงกันมาของมือถือ เริ่มจาก 1G ที่โทรเข้าโทรออกได้อย่างเดียว มาถึง 2G ที่เริ่มมีการส่งข้อมูลแบบดิจิตอล เริ่มมีการส่งข้อความ SMS ใช้ Edge และ GPRS ได้ จนมาถึงรุ่น 3G ที่ ยุคที่โทรศัพท์มือถือกลายเป็นสมาร์ทโฟนอย่างเต็มรูปแบบ…
-
14 ความทรงจำของคนยุคอดีต สมัยคอมพิวเตอร์เริ่มครองเมือง จนตอนนี้ไม่มีให้เห็นแล้ว!!
ในช่วงปลายปีค.ศ. 90 ที่กำลังจะเข้าสู่ยุคค.ศ. 2000 ถือว่าเป็นยุคสมัยที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอย่างเห็นได้ชัด ที่แน่ๆ เลยก็คือในช่วงที่เริ่มมีการเข้ามาของอินเทอร์เน็ตบ้าน ความเร็ว 56k ที่ต่อเข้ากับโทรศัพท์บ้าน ต่อทีนึงใช้โทรศัพท์ไม่ได้ ใครยกหูโทรศัทพ์ตัดทันที ไหนจะต่อยากอีก ฮ่าฮ่า!! ว่าแล้วก็เริ่มด้วยวิธีการกรอเทปแบบ Manual ยุครุ่งเรืองของซีดีเพลง กว่าจะเลือกหาเพลงฟังในระหว่างขับรถก็เสียเวลาไปนานเลย ว่าแล้วก็มาในเรื่องของการเผาแผ่นเพลง อุตส่าห์เสียซีดีไปตั้งหนึ่งแผ่น แต่เครื่องดันอ่านไม่ออก นี่เลย!! ยุคเริ่มต้นของอินเตอร์เน็ตบ้าน Browser IE คู่บุญบน Windows กับสิ่งที่ทุกคนจะต้องเคยประสบ มีอินเตอร์เน็ตแล้ว ก็หาโหลดไฟล์ซักหน่อย เอ่อ แต่เมื่อไหร่มันจะเสร็จฟะ!? เอ้า!! โหลดเพลงบ้าง เฮ้ออออ!! เปิดทิ้งไว้ทั้งวันก็ยังโหลดไม่เสร็จ ส่วนอันนี้ก็น่าจะเคยเจอกันบ้าง ลูกกลิ้งเมาส์หาย โดยเฉพาะพวกมือบอนแกะเมาส์ให้ห้องคอมโรงเรียน เกมที่เล่นฆ่าเวลาได้อย่างดีก็คือ เกมไพ่ และพินบอล ในช่วงนั้น ดินสอเปลี่ยนไส้…
-
ลือหนักมาก!! Apple กำลังพิจารณาใช้พอร์ตหูฟังแบบใหม่ที่ใช้ได้เพียงแค่หูฟังของตัวเอง
หากใครเป็นผู้ที่ใช้งานสมาร์ทโฟนชื่อดัง iPhone ของบริษัทผลไม้ (Apple) หรือเคยใช้มาก่อน ต่างก็จะทราบกันเป็นอย่างดีว่า เอกลักษณ์เฉพาะตัวของ iPhone หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ นั้นจะมีพอร์ต USB ที่ไม่เหมือนชาวบ้าน นั่นก็คือพอร์ต Lightning to USB มองในแง่หนึ่งก็คือความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่ในอีกแง่หนึ่งก็คือความยุ่งยากที่ไม่สามารถใช้สายแบบอื่นๆ แทนได้เลย ทั้งนี้ก็กลายเป็นที่ลือกันอีกแล้วว่า การมาของ iPhone 7 รุ่นใหม่นั้นจะมาพร้อมกับพอร์ตหูฟังที่เปลี่ยนไป (อีกแล้ว) จากแต่เดิมพอร์ตหูฟังแบบดั้งเดิมและใช้งานกันทั่วโลกนั่นก็คือ รูหูฟังขนาด 3.5 มม. ซึ่งทาง บล๊อคข่าวเทคโนโลยี MacOtakara ก็ได้รายงานเอาไว้ว่าบริษัท Apple กำลังพิจารณานำพอร์ต Lightning มาใช้แทนพอร์ตหูฟังแบบเดิม ซึ่งจะมีความบางเหลือเพียงแค่ 1 มม. เท่านั้น หากเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริง หูฟังที่จะนำมาใช้กับ iPhone รุ่นใหม่ก็จะต้องเป็นหูฟังรุ่นเฉพาะที่มาพร้อมกับแจ๊คแบบ Lightning ของ Apple หากจะใช้หูฟังยี่ห้ออื่นที่มีแจ๊คแบบเก่า…
-
สุดยอดไปเลย!! รองเท้าผ้าใบที่เปลี่ยนสีสันได้ตามใจ เพียงสั่งการผ่านแอพฯ เท่านั้น!?
เหลือเชื่อเลยว่าทุกวันนี้รองเท้าออกกำลังกาย จะสามารถดีไซน์ให้เบาบางจนคุณสามารถกระโดดและวิ่งได้สบายเท้ามากกว่าเมื่อก่อน แต่คุณเคยคิดไหมว่าวันหนึ่งรองเท้าจะสามารถปรับเปลี่ยนสีสันเพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนได้? เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้เผยแพร่ภาพของเจ้ารองเท้าออกกำลังกาย Shiftwear สุดไฮเทค มาพร้อมกับหน้าจอแบบพิเศษที่ติดตั้งไว้รอบรองเท้าแสดงให้เห็นภาพเคลื่อนไหวแบบต่างๆ เท่านั้นยังไม่พอ คุณสามารถเปลี่ยนลวดลายได้ตามใจ เพียงแค่กดแอพฯ บนสมาร์ทโฟนของคุณเท่านั้น!! ทำให้คุณสามารถเดินไปไหนมาไหน โดยที่มีภาพเคลื่อนไหวอยู่กับเท้าของคุณตลอดเวลา หรือจะเปลี่ยนลายแบบวันต่อวัน ทำให้คุณไม่ซ้ำซากจำเจก็ทำได้เช่นกัน เห็นเป็นหน้าจอดิจิตอลแบบนี้แล้ว อย่าเพิ่งกลัวว่ามันจะพังง่ายนะ เพราะมันมีความสามารถในการกันน้ำ ทำให้คุณเดินได้อย่างมั่นใจในวันฝนตก แถมมันยังยืดหยุ่นพอที่จะไม่ทำให้คุณอึดอัดหรือเจ็บเท้านั่นเอง แม้ว่าจะใช้พลังงานไฟฟ้าในการแสดงภาพเหล่านี้ แต่เจ้ารองเท้า Shiftwear คู่นี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องเสียบปลั๊กชาร์จเหมือนกับอุปกรณ์อื่นๆ นะ และมันจะไม่ดับไปดื้อๆ ระหว่างวันด้วย แล้วมันจะชาร์จได้ยังไงน่ะเหรอ? ก็ชาร์จระหว่างที่คุณเดินอยู่นั่นไง ตอนนี้เจ้ารองเท้า Shiftwear ยังอยู่ในระหว่างระดมทุน และคาดว่าจะส่งรองเท้าลอตแรกให้กับลูกค้าในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2016 หากไปได้สวยทางผู้ผลิตจะเริ่มขยับขยายมาทำหมวกและเสื้อผ้าต่อไป ทีนี้ล่ะได้ตาลายกันไปทั้งตัวแน่นอน ที่มา metro
-
Motorola ทดลองดูว่าผู้คนจะอดทน “ไม่แตะโทรศัพท์” ได้นานกี่นาที หากมีเสียงดังขึ้น?
ทุกวันนี้สมาร์ทโฟนเปรียบเสมือนอวัยวะส่วนหนึ่งของเราไปแล้ว และยิ่งเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่พัฒนาให้อุปกรณ์เหล่านั้นอัจฉริยะขึ้นเรื่อยๆ จนเราต้องให้ความสนใจกับมันตลอดเวลาที่มีเสียงแจ้งเตือน จนบางคนไม่เป็นอันทำอะไร ต้องหยิบมันขึ้นมาดูอยู่ตลอดเวลา ด้วยปัญหานี้เอง ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถืออย่าง Motorola จึงได้ทำการทดลองให้ผู้คนเข้าไปนั่งอยู่ในห้องและวางมือลงบนโต๊ะ จากนั้นทีมงานก็จะนำโทรศัพท์มือถือมาวางไว้ตรงหน้าของพวกเขา และดูว่าแต่ละคนมีความอดทนในการไม่หยิบมือถือขึ้นมาดูได้กี่นาที ในระหว่างนั้นทีมงานก็ได้เชิญดาราชื่อดังอย่าง Ashton Kutcher มาเป็นผู้ดำเนินรายการ และช่วยกันกระหน้ำโทรเข้า ส่ง SMS และข้อความต่างๆ ไปยังโทรศัพท์มือถือภายในห้องทดลอ เรามาดูกันดีกว่าว่าพวกเขาจะสามารถทนได้กี่นาที จากการทดลองจะเห็นได้ว่าไม่มีใครสามารถทนได้นานเกินกว่า 10 วินาทีเลย เพราะเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พวกเขาก็เริ่มสนใจและอยากจะรู้ว่าข้อความดังกล่าวคืออะไร Kutcher จึงแนะนำความสามารถใหม่ที่ทาง Motorola ใส่ไว้ในโทรศัพท์รุ่นใหม่ Moto X Pure Edition นั่นก็คือการอ่านออกเสียงนั่นเอง เจ้าความสามารถใหม่นี้จะช่วยให้คุณสามารถรู้ได้ว่าข้อความหรือสายที่โทรเข้านั้นเป็นใคร แม้ว่าคุณจะคว่ำหน้าจอลงก็ตาม เจ๋งไปเลยใช่ไหมล่ะ ที่มา atimeNews Chanel
-
[เหมียวเตือนภัย] Apple Watch ร้อนจัด ทำหนุ่มเดนมาร์กข้อมือลวก เป็นแผลไหม้
ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีใหม่จาก Apple จะก่อเรื่องซะแล้ว เพราะเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่านาย Jãrgen Mouritzen ชาวเดนมาร์ก ถูก Apple Watch ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่จาก Apple ลวกที่ข้อมือ หลังจากที่สายรัดเริ่มร้อนขึ้นจนเผาไหม้ผิวหนังของเขา Captain America: Civil War – Trailer World Premiere ตามรายงานบอกว่านาย Mouritzen ได้สวมใส่นาฬิกา Apple Watch ขณะอยู่ในงานสโมสรการบิน แต่แล้วเขาก็รู้สึกแปลกที่ข้อมือ เพราะจู่ๆ เกิดความร้อนสูงที่นาฬิกาที่เขาสวมใส่อยู่ นาย Mouritzen ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมได้กลิ่นเนื้อไหม้ จากนั้นผมก็รู้สึกว่าสายรัดนาฬิการ้อนมาก ผมเลยพยายามดึงมันออกจากข้อมือของผม จนมันลวกนิ้วมือของผมไปด้วย” นอกจากนี้นาย Mouritzen ยังบอกถึงสาเหตุที่นาฬิกาของเขาร้อนอย่าผิดปกติว่า “แถวๆ นั่นแทบจะไม่มีอะไรสามารถเพิ่มความร้อนให้กับนาฬิกาของผมได้เลย นาจากนาฬิกาจะร้อนของมันเอง แต่ทาง Apple เองก็ยังคงไม่มีคำอธิบายอะไรให้กับผมเลย” …
-
16 ภาพฮาๆ ของการใช้เทคโนโลยีแบบผิดๆ ที่เห็นแล้วต้องปวดกบาลกันเลยทีเดียว!!!
สำหรับเทคโนโลยี ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันช่วยทำให้ีวิตของเราดีขึ้นได้จริงๆ แต่แน่นอนว่าการเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ๆ นั้นทำให้เกิดปัญหาแก่ผู้ที่ไม่เข้าใจ และใช้กันอย่างผิดๆ และวันนี้เหมียวก็มีภาพฮาๆ ของ 16 การใช้เทคโนโลยีแบบผิดๆ ที่เพื่อนๆ เห็นกันแล้วต้องปวดกบาลกันเลยทีเดียว ฮ่าๆๆๆ ใครก็ได้รบกวนไปสอนพวกเขากันสักหน่อยเถอะ นี่สินะการล้างเครื่องที่ถูกต้อง -*- คือแบบว่าโคตร DIY อ่ะ แต่น่าจะใช้งานได้จริงนะเนี่ย เอิ่มมมม ก็มันพอดี ซ่อมรีโมทให้คุณยาย -*- เอาเฉพาะที่ต้องกดก็พอ เดี๋ยวกดผิดอีก ฮ่าๆๆๆ อยากถ่ายรูป เลยยกมาถ่ายซะเลย เอาที่สบายใจมันใช้ได้ละกัน และพลังงานไฟฟ้าจะไม่มีวันหมด!!! มันจะทิ่มตาเข้าให้น่ะสิ ผิดด้านแล้วคุ๊ณณณณณ!!! ท่าจะได้ยินอ่ะหรือด้านปกติมันดังไป สร้างสรรค์ดีนะเนี่ย ก็มันพอดีอ่ะ มันไม่สะใจไง เคป๊ะ -*- ทำ…ถูก…แล้วววววว …
-
14 ภาพของผู้คนที่ดูเหมือนจะใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ไม่ค่อยเป็น ใครได้ชมรับรองขำกลิ้งแน่นอน
ต้องยอมรับเลยว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับมนุษย์ เพราะเทคโนโลยีมีความรวดเร็วในการรับรู้ข่าวสารต่างๆ มีความสะดวกสบาย และพกพาง่าย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเทคโนโลยีจะมีความทันสมัย แต่ก็ยังมีคนที่ตามเทรนด์ไม่ค่อยทัน นำอุปกรณ์ และเทคโนโลยีเหล่านั้นมาใช้ในแบบที่ผิดๆ จนเห็นแล้วต้องรีบเอามือขึ้นมากุมขมับแทบไม่ทันเลยละ ก็เหมือนกับภาพของบุคคลเหล่านี้ ที่เหมียวเห็นแล้วก็ไม่รู้ว่าจะฮาหรือสงสารดี เพราะคนเหล่านี้ดูเหมือนอาจจะยังใช้เทคโนโลยี หรืออุปกรณ์สมัยใหม่ยังไม่ค่อยเป็น สุดท้ายก็เกิดเป็นภาพสุดฮาที่เรากำลังจะพาคุณไปชม ณ บัดนี้ ขออนุญาตล้างเครื่องแปบ นี่โต๊ะคอมพิวเตอร์ป่ะ –” ไอเดียเจ๋งใช้ได้ เอิ่ม!! เอาตามที่สบายใจก็แล้วกัน ขอเงิบแปบ ผิดด้านแล้วลุง เอาเข้าไปพวกมนุษย์ คงลืมเอาสมอล์ทอล์กมาสินะ นั่นมันใช่ช่องใส่หรอ ยกมาครบเซ็ตเลย และภาพทั้งหมดทั้งมวลนี้สามารถสื่อให้เราได้เห็นว่า เทคโนโลยีไม่ค่อยเหมาะกับคนเหล่านี้เลยจริงๆ ที่มา : ptt01.cc
-
18 นวัตกรรมในอนาคตมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเรา!!
ปฏิเสธไม่ได้กับชีวิตในยุคดิจิตอลที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนเราให้แตกต่างไปจากเดิม อย่างแรกเลยก็คือทำให้มนุษย์ได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น และช่วยในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในอดีตให้เกิดขึ้นได้จริงและมีประโยชน์ด้วย 1. การสร้างอวัยวะเทียมจากแบบพิมพ์ 3 มิติ ผลิตได้เป็นจำนวนมากและมีประสิทธิภาพ 2. เจ็ทแพคสำหรับงานกู้ภัยฉุกเฉิน (อยู่ในระหว่างการพัฒนา) 3. เซ็นเซอร์ที่สามารถสวมใส่ได้ แปลภาษากายให้กลายมาเป็นคำพูดที่มีความหมาย 4. ชุดบิกินี่ที่ทำมาจากวัสดุที่สามารถดูดซับมลพิษทางน้ำได้ (ช่วยกำจัดมลพิษไปในตัว) 5. เทคโนโลยีภาพเสมือน จำลองภาพเพื่อให้ผู้รับการรักษาลืมความจำปวด 6. ภาพเสมือนที่จำลองขึ้นมาเป็นแบบ 3 มิติ เติมเต็มการวาดภาพระบายสีของเด็กๆ 7. ลำแสงที่สามารถยกวัตถุให้ลอยเหนือจากพื้น อาศัยพลังของคลื่นเสียง 8. การชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (เทคโนโลยีนี้นำมาใช้จริงแล้ว) 9. และในส่วนของโต๊ะที่สามารถชาร์จโทรศัพท์ไร้สายได้เช่นเดียวกัน (ยังไม่แพร่หลาย) 10. โชว์การประลองฝีมือหุ่นยนต์ถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์ คล้ายๆ กับ MMA หรือมวยสากล (ภาพ Real Steel ลอยมาเลย) …
-
ย้อนอดีตเมื่อ 100 ปีที่แล้ว… มาดูยุคปี 2000 ในความคิดของคนในอดีตกันเถอะ!!
ช่วงนี้การย้อนอดีตกลับไปในยุคก่อนๆ ถือว่ามาแรงเลยทีเดียว อย่างเมื่อไม่นานมานี้ก็มีการระลึกถึงภาพยนตร์ Back to The Future ที่ตัวละครได้เดินทางมาถึงวันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ. 2015 ปัจจุบันวันนี้ก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย ถึงแม้จะไม่เหมือนในหนังที่ทำเอาไว้ แต่ก็ถือว่าใกล้เคียงกันมากเลยล่ะ สถานีขนส่งทางอากาศ ร้านตัดเสื้อผ้า เช่นเดียวกันกับศิลปินในอดีต ช่วงปีค.ศ 1900 ศิลปินชาวฝรั่งเศสนามว่า Jean-Marc Côté และอีกหลายคน ได้ทำการวาดภาพ ปีค.ศ. 2000 ในจินตราการของพวกเขาในชื่อชุด En L’An 2000 จัดทำขึ้นครั้งแรกในปีค.ศ. 1899 โดยทำเป็นการ์ดสอดไว้ในกล่องบุหรี่และซิการ์ ภายหลังก็นำมาใช้เป็นโปสการ์ดแทน การตามล่าโจรผู้ร้ายของตำรวจ การทำความสะอาดของแม่บ้าน En L’An 2000 แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตในจินตนาการของศิลปินยุคค.ศ. 1900 ที่มีเทคโนโลยีอันก้าวหน้า ทำให้ชีวิตของมนุษย์ได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าเครื่องจักรและหุ่นยนต์นั้นเข้ามามีบทบาทด้วยและเน้นที่เทคโนโลยีทางอากาศ ร้านตัดผม…
-
แอพลิเคชั่นใหม่ของ Disney นาม Circle คืนอำนาจให้แม่บ้านคุมสมาร์ทโฟนลูกๆ อยู่หมัด (พ่อบ้านด้วย)
ถ้าหากให้พูดถึงแอพพลิเคชั่นของดีสนีย์ที่เจ็นออกมาให้เราได้สัมผัสกันส่วนมากแล้วจะเป็นเกม แต่มาในคราวนี้ไม่ใช่เกม เป็นแอพลิเคชั่นสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่จะสามารถกำหนดชะตาชีวิตของลูกๆ เอาไว้ได้เลยล่ะ (ขนาดนั้นเลยเรอะ) โดยเจ้าแอพฯ ใหม่นี้มีชื่อว่า Circle with Disney เป็นแอพพลิเคชั่นที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถควบคุมการเข้าถึงของลูกๆ บนอุปกรณ์ได้ไม่ว่าจะเป็น การกำหนดเวลาเล่นอินเทอร์เน็ต และการเข้าถึงส่วนการใช้งานแอพฯ อื่นๆ เป็นต้น อีกทั้งความสามารถของมันยังแสดงให้รู้ด้วยว่าตอนนี้เด็กๆ กำลังดูหรืออ่านอะไรอยู่ เว็บไซต์อะไร เวลาไหน คือแบบว่ารายงานแทบจะหมดสิ้นความลับกันเลยล่ะ ฮ่าฮ่า ทั้งนี้ยังมีอุปกรณ์ที่แยกขายอีกต่างหากในราคา 99 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,559 บาท) ส่วนตัวแอพพลิเคชั่นสามารถดาวน์โหลดได้ผ่าน App Store เอ แต่เหมียวว่างานนี้คืนอำนาจให้แม่บ้านเบ็ดเสร็จ คุมทั้งลูก ทั้งพ่อบ้านแหงๆ เลย ที่มา : thenextweb
-
Ulo กล้องนกฮูกตัวน้อยคอยสอดส่อง มากับความน่ารักเฉพาะตัวและช่วยดูแลความปลอดภัย!!
เดี๋ยวนี้เรามีเทคโนโลยีทางด้านความปลอดภัยมากมาย ซึ่งระบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นกล้องวงจรปิดแล้วล่ะ แต่ด้วยลักษณะของกล้องวงจรปิดทั่วไปอาจจะดูไม่ค่อยงามซักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นแล้วหากอยากจะมีกล้องดีๆ ซักตัวติดไว้ที่บ้าน พร้อมกับดีไซน์อันน่ารักเฉพาะตัว เจ้ากล้อง Ulo นกฮูกน้อยตัวนี้คือคำตอบสุดท้ายแล้วล่ะ!! มันเป็นกล้องระวังภัยขนาดจิ๋วที่สามารถติดไว้ตรงไหนก็ได้ในบริเวณบ้าน แถมยังมีความสามารถที่น่าสนใจสุดๆ เลยล่ะ อย่างเช่นการตรวจจับการเคลื่อนไหว หากมีอะไรเคลื่อนไหวผ่านหน้ากล้องก็จะทำการส่งอีเมล์แจ้งเตือนทันที รวมไปถึงการปรับแต่งสีสันดวงตาของเจ้านกฮูกน้อยผ่านสมาร์ทโฟน การดูกล้องผ่านสมาร์ทโฟน ถ่ายรูปภาพ และอื่นๆ ที่ทำให้มันดูโดดเด่นก็คือความน่ารักนี่แหละ เลนส์กล้องก็เป็นเหมือนกับดวงตาของนกฮูก กระพริบตาแป๋วๆ ยิ่งเวลาแบตเตอรี่ใกล้หมดก็จะแสดงอาการเหนื่อย ตาปิด อะไรแบบนี้ น่ารักมากๆ เลยแฮะ อย่างไรก็ตามเจ้านกฮูกน้อย Ulo นี้ยังเป็นเพียงแค่โครงการเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ได้ผลิตวางจำหน่ายอย่างจริงจัง ซึ่งหากมีการผลิตออกมาเป็นที่เรียร้อยแล้วค่าตัวจะอยู่ที่ 7,743 บาท (199 ยูโร) แต่หากใครสนใจร่วมลงทุนตอนนี้ก็จะได้ส่วนลด 50% เหลืออยู่ที่ 3,852 บาท (99 ยูโร) วิดีโอคลิปนำเสนอสินค้า น่าสนใจจริงๆ นะเนี่ย ที่มา…
-
เบื่อโฆษณากันนักใช่มั้ย!! ขอเสนอ YouTube Red ไร้โฆษณาแต่จ่ายเป็นรายเดือนนะ
คุณรู้สึกเบื่อมั้ยกับการรับชมสื่อบันเทิงอย่างเพลิดเพลินใน YouTube แต่ดันมีโฆษณาเจ้ากรรมมาจากไหนไม่รู้ ปุบปับเข้ามาแทรกซะงั้น บางทีก็กดข้ามไม่ได้ แถมยังเสียงดังซะยิ่งกว่าวิดีโอที่เราดูซะอีก YouTube จึงขอเสนอทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคุณๆ ทั้งหลาย ด้วยการเปิดตัวบริการพิเศษ YouTube Red จะทำให้โฆษณาทั้งหลายที่มาคั่นระหว่างการรับชมวิดีโอของคุณหายไปในพริบตา แต่จะต้องแลกมากับการจ่ายรายเดือนเป็นจำนวน 355 บาท (9.99 ดอลลาร์) ทั้งนี้การจ่ายรายเดือนสำหรับ YouTube Red นั้นก็เป็นการจ่ายในส่วนของมูลค่าโฆษณาที่ไม่ได้ออกมารบกวนใจของคุณนั่นเอง โหลดเก็บได้ ฟังเพลงในระหว่างเปิดแอพฯ อื่น รวมไปถึงการรับชมวิดีโอภาพยนตร์ต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ (เอามาแข่งกับ Netflix กับ Amazon Prime) พ่วงท้ายกับการที่คุณสามารถเข้าใช้บริการ Google Play Music ได้อย่างเต็มรูปแบบ สำหรับผู้ใช้ในโซนอเมริกาสามารถทดลองใช้งานเป็นระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งจะเปิดให้ทดลองใช้งานได้ในวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 2015 ที่จะถึงนี้ และจะพร้อมให้บริการทั่วโลกภายในปี 2016 ที่มา…
-
ดีงาม!! Facebook จะส่งแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ได้ทราบ หากว่ามีการล้วงข้อมูลจากรัฐบาล
เป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนไม่อยากให้ข้อมูลความลับส่วนตัวแพร่กระจายออกไปให้ผู้อื่นได้รับรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนโลกออนไลน์และในโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งหากจะใช้งานก็จำเป็นที่จะต้องยินยอมเปิดเผยข้อมูลส่วนหนึ่งของตนเองด้วย อย่างไรก็ตามการเผยข้อมูลส่วนตัวนั้นเป็นข้อตกลงระหว่างผู้ใช้กับผู้ให้บริการ โดยที่ผู้อื่นนอกเหนือจากผู้ให้บริการไม่อาจล่วงรู้ถึงข้อมูลผู้ใช้ได้ ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องข้อมูลของผู้ใช้จากผู้ไม่หวังดีนั่นเอง ในการนี้ทาง Facebook จึงได้ออกมาตรการใหม่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ทุกรายที่มีมากกว่า 1 พันล้านบัญชี ด้วยการแจ้งเตือนผ่านข้อความว่า ‘เราคาดว่าบัญชีของท่าน ตกเป็นเป้าหมายหรือถูกโจมตีจากบุคคลที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลภายในประเทศของท่าน’ Facebook จะขอให้ผู้ใช้เปิดการใช้งานระบบ Login Approvals (การยืนยันตัวตน) โดยมีหลักการทำงานคือระบบจะทำการส่งรหัสยืนยันตัวตนผ่านข้อความ SMS และจะต้องป้อนรหัสนี้ทุกครั้งเมื่อมีการเข้าระบบจากอุปกรณ์ใหม่หรือบราวเซอร์ใหม่ ทางหัวหน้าแผนงานด้านความปลอดภัยของ Facebook นามว่า Alex Stamos กล่าวเอาไว้ว่า การแจ้งเตือนดังกล่าวนั้นไม่ได้หมายความว่าระบบส่วนกลางได้รับการโจมตี แต่เป็นการถูกโจมตีมาจากอุปกรณ์ของผู้ใช้ที่อาจจะติดไวรัสหรือมัลแวร์มา เพราะฉะนั้นควรที่หยุดการเชื่อมต่อใดๆ และเปลี่ยนเครื่องให้เร็วที่สุด เหตุการณ์แบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับ Facebook เองเพราะหนึ่งในนโยบายหลักคือการปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ทุกราย และจะทำการปิดกั้นการล้วงข้อมูลจากกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่ถูกสนับสนุนจากรัฐบาลให้ล้วงข้อมูลหรือแม้แต่กระทั่งตัวรัฐบาลเองก็ตาม!! ที่มา : news.yahoo
-
Microsoft เปิดตัว Surface Book โน๊ตบุ๊กร่างผสมแท็บเล็ตตัวแรก ตอบสนองไลฟ์สไตล์!!
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา วงการไอทีต้องสั่นสะเทือนกันอีกครั้ง เมื่อยักษ์ใหญ่อย่างบริษัท Microsoft ที่ไม่ค่อยมีกระแสอะไรกับเขามากมาย และผู้คนก็มักจะคิดว่าเป็นบริษัทที่เน้นขายซอฟต์แวร์อย่างเดียว ไม่ค่อยมีผลิตภัณฑ์ออกมาขายกับเขาบ้างเลย อย่างคู่แข่ง Apple กับ Google ที่เน้นขายทั้งสองอย่างและดูเหมือนจะไปได้ดีกว่ามาก ซึ่งจากเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 2015 นี้ตามวันเวลาของนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ทาง Microsoft ได้จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท ซึ่งทำให้ประหลาดใจมากว่าทางบริษัทได้มีความพยายามในการผลิตอุปกรณ์มามากมาย เพียงแต่ว่าที่ผ่านมามันล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่คราวนี้ต้องยอมรับเลยว่าทำการบ้านมาได้ดีจริงๆ ตัวเด่นชูโรงของงานก็คือการเปิดตัวของ Surface Book ฮาร์ดแวร์โน๊ตบุ๊กตัวแรกของ Mircrosoft ที่สามารถแปลงร่างเป็นแท๊บเล็ตที่มีความสามารถเหมือนกับ Surface Pro รวมไปถึงสเปคภายในของเครื่องที่อัดมาให้แบบเต็มเปี่ยม สเปคคร่าวๆ มีดังต่อไปนี้ หน่วยประมวลผล Intel Core i5 หรือ i7 มาพร้อมกับ Windows 10 หน้าจอขนาด 13.5 นิ้ว ความละเอียด…
-
อดีตพนักงาน Google ได้เป็นเจ้าของเว็บไซต์ด้วยเงิน 437 บาท แต่มีสิทธิ์ครอบครองได้เพียงนาทีเดียว!!
ฟังดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลยกับการที่จะได้เป็นเจ้าของเว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาอันดับหนึ่งของโลกอย่าง Google.com แต่มันก็เกิดขึ้นจริงกับอดีตพนักงานของบริษัท Google ที่ได้ทำการซื้อชื่อโดเมนดังกล่าว!? Sammay Ved อดีตพนักงานของ Google กับประสบการณ์ภายในบริษัท 5 ปี โดยเขานั้นตัดสินใจลาออกจากบริษัทเพื่อที่จะศึกษาต่อในสาขาบริหารธุรกิจ มันเกิดขึ้นโดยบังเอิญในคืนหนึ่งที่เขานั้นได้ทำการค้นหาชื่อโดเมนใน Google Domains แล้วก็สังเกตเห็นว่าชื่อโดเมน Google.com สามารถซื้อได้ด้วย เมื่อเห็นแบบนี้แล้วเขาจึงไม่รีรอ ตัดสินใจซื้อโดเมนดังกล่าวทันที และไม่น่าเชื่อว่ามันสามารถซื้อได้จริงๆ มีการทำธุรกรรมเกิดขึ้นจริงและเขาก็ได้เป็นเจ้าของ Google.com ด้วยเงินเพียง 437 บาท (12 ดอลลาร์) แม้แต่เจ้าตัวเองก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมโดเมนระดับโลกแบบนี้ถึงซื้อได้ง่ายขนาดนี้ แถมเขายังสามารถเข้าไปจัดการระบบภายในโดเมนได้อีกด้วย!! แต่พอหลังจากที่เขาได้เป็นเจ้าของ Google.com ด้วยเวลาเพียงแค่ 1 นาทีเท่านั้น เขาก็ได้รับอีเมลตอบกลับมาว่าชื่อโดเมนนี้ถูกจดทะเบียนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะได้รับเงินจำนวนดังกล่าวคืน ทั้งนี้ข้อผิดพลาดดังกล่าวอาจจะเป็นเพราะผู้ดูแลระบบ Google Domains อาจจะลืมเปลี่ยนชื่อก็เป็นได้ ฮ่าฮ่า!!…
-
ผู้ใช้ iPhone 6S บ่นระนาว ซื้อมาใหม่แท้ๆ แต่กลับพบปัญหาเพียบ หนักสุดคือเครื่องปิดเอง!!
ในตอนนี้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Apple ในนาม iPhone 6S ก็ได้ออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว แน่นอนว่ามีผู้จับจองเป็นเจ้าของมากมาย และคาดหวังเอาไว้ว่ามันจะดีไม่มีปัญหา แต่สุดท้ายแล้วทุกสิ่งมันก็มีข้อผิดพลาดอยู่ดี และมีผู้ใช้ไปบ่นกันในฟอรั่มสนับสนุนของ Apple เต็มไปหมด!! ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ iPhone 6S นั้นมีเยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ ปุ่มโฮมมีความร้อนสะสมสูงมาก ลำโพงมีเสียงรบกวน และปัญหาหนักที่สุดก็คือตัวเครื่องปิดเองโดยที่ไม่รู้สาเหตุ!? จากปัญหาที่พบเจอดังกล่าว เครื่องปิดเองโดยที่ไม่รู้สาเหตุคือปัญหาที่แย่ที่สุด แม้ว่าจะมีแบตเตอรี่เต็มเครื่องก็ปิดเองไปซะดื้อๆ แถมยังเปิดเครื่องไม่ได้อีกต่างหาก ทั้งนี้ผู้ใช้ระบุว่าเกิดขึ้นกับ iPhone 6S ที่มีความจุ 128 GB ผู้ใช้ที่เป็นเจ้าของ iPhone 6S เริ่มออกมาบ่นกันเต็มไปหมดสังเกตได้จาก Twitter ที่มักจะพูดถึงเรื่องเครื่องปิดเองแถมยังเปิดไม่ได้อีก ไม่รู้ว่าทาง Apple จะออกชี้แจงอย่างเป็นทางการรึเปล่า? หากใครคิดอยากจะเป็นเจ้าของในตอนนี้ เหมียวแนะนำว่ายั้งใจไว้ก่อน รอให้ปัญหาตัวเครื่องได้รับการแก้ไขเสียก่อน ดีกว่ามานั่งเครียดกับปัญหาเครื่องดับแล้วเปิดไม่ติดนะจ๊ะ ที่มา : businessinsider
-
เตรียมพร้อมก่อนได้เปรียบ!! 9 ฟีเจอร์ใหม่ที่รองรับเฉพาะ iPhone 6S เท่านั้น สะดวกสบายมากขึ้น
ต้องยอมรับเลยว่าหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่คนทั้งโลกลุ้นและรอคอยกันตัวโก่งว่าเมื่อไหร่ที่จะได้จับจองเป็นเจ้าของเสียที หลังจากที่มีการเปิดตัวไปแล้วกับ iPhone 6S ซึ่งในตอนนี้กำลังกระจายวางจำหน่ายไปทั่วโลก ทั้งนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ด้วย รวมไปถึงฟีเจอร์ใหม่ที่รองรับเฉพาะ iPhone 6S เท่านั้น จะมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเถอะ!! iPhone 6S มาพร้อมกับระบบ Live Photos เป็นระบบการเก็บภาพถ่ายในช่วงจังหวะก่อนและหลังกดปุ่มชัตเตอร์ทำให้ภาพดูมีชีวิตชีวามากขึ้น คุณสามารถใช้งานแอพฯ ได้ทันทีโดยไม่ต้องเข้าแอพฯ ด้วย 3D Touch อย่างเช่นอยากจะโพสต์รูปใน Instagram ก็เพียงแค่จิ้มค้างบนไอคอน Instagram เบาๆ จากนั้นก็จิ้มโพสต์ใหม่ได้ทันที และด้วยการเพิ่มแฟลชให้กล้องหน้ากับ iPhone 6S นั้นทำให้การเซลฟี่ตอนกลางคืนดูดีมากขึ้น โดยจะเปิดแฟลชให้อัตโนมัติเมื่อมีแสงน้อยกว่าปกติ (ด้านขวาเป็น iPhone 6 Plus) คีย์บอร์ดสามารถเปลี่ยนเป็น Trackpad ได้แล้ว (ลากพิมพ์ได้อย่างแม่นยำ) เพียงแค่แตะค้างไว้เบาๆ บนคีย์บอร์ดก็สามารถใช้งานได้ทันที คุณสามารถสลับการใช้งานแอพฯ ต่างๆ ได้เพียงแค่แตะค้างไว้ที่ข้างหน้าจอ ตอนที่ใช้แอพฯ…
-
ชมคอนเซ็ป “โต๊ะทำอาหาร” จาก IKEA ในอนาคตปี 2025 ถ้ามีจริงจะเยี่ยมมาก!!
ทุกวันนี้การทำอาหารในแต่ละมื้อก็ดูเหมือนจะง่ายขึ้นด้วยเทคโนโลยีต่างๆที่ช่วยอำนวยความสะดวก ไม่ใช่เฉพาะการทำเท่านั้น เทคโนโลยียังช่วยให้เราได้ค้นหาเมนูแปลกใหม่จากทั่วทุกมุมโลกอีกด้วย วันนี้เหมียวไปเจอคลิปหนึ่งมา เป็นคลิปตอนเซ็ปโต๊ะทำอาหารในอนาคต โดยเขาได้บอกว่ามาจาก IKEA เพราะว่ามันได้สร้างเฟอร์นิเจอร์ที่ดูหรูหราทันสมัย ดังนั้นความแปลกใหม่ก็คงต้องเป็น IKEA นี่แหละ โต๊ะตัวนี้ความพิเศษของมันก็คือ เมื่อเอาอะไรวางไปแล้ว มันสามารถบอกข้อมูลทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบอกข้อมูลว่าวัตถุดิบชิ้นนี้ทำอะไรได้ การทำเมนูนี้ควรใช้ปริมาณเท่าไหร่ หั่นยังไง อีกทั้งยังสามารถตั้งเตาทำอาหารได้เลย โดยใช้เครื่องยิงภาพมาจากข้างบน ถือเป็นอะไรที่เหมาะกับโลกอนาคตมากๆ เราไปชมคลิปคอนเซ็ปกันเลยดีกว่า ที่มา Sly Golo
-
ยลโฉมเครื่องบินใหม่ของ British Airways ‘787-9 Dreamliner’ หรูหราตามสไตล์ผู้ดีอังกฤษ!!
หลายๆ ท่านก็คงจะเคยเห็นหรือได้สัมผัสกับบรรยากาศของเครื่องบินระดับชั้นหนึ่งหรือ First Class จากหลากหลายสายการบินมาบ้างแล้ว ซึ่งในครั้งนี้เหมียวจะพามาชมสายการบิน British Airways กับเครื่องบินหรูระดับชั้นหนึ่งตัวใหม่ล่าสุดของสายการบินเลยล่ะ!! Boeing 787-9 ‘Dreamliner’ คือชื่อของเครื่องบินสุดหรูหราลำนี้ที่จะมาให้บริการในสายการบิน British Airways ซึ่งภายในเครื่องบินลำนี้จะประกอบไปด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดในบรรดาเครื่องบินทั้งหมดแล้ว สำหรับที่นั่งของผู้โดยสารนั้นจะมีเพียงแค่ 8 ที่นั่งเท่านั้น ไม่เหมือนกับเครื่องบินชั้นหนึ่งทั่วไปที่จะมี 14 ที่นั่ง ถูกออกแบบและตกแต่งออกมาในสีโทนมืด เพื่อให้เข้าถึงแก่นของความเป็นส่วนตัว ซึ่งทำให้มันดูเป็นเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวมากกว่าที่จะเป็นเครื่องบินพาณิชย์ซะอีก!! สำหรับเครื่องบิน Dreamliner นี้จะพร้อมเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคมเป็นต้นไป ในเส้นทางเที่ยวบินระหว่างกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษไปยังมหานครเดลี ประเทศอินเดีย ที่มา : thechive
-
20 ภาพสุดจี๊ด ที่ทำให้เห็นว่า “โรคติดเทคโนโลยี” นั้นมันกำลังคืบคลานเข้ามา!!
ศิลปินท่านนี้ชื่อว่า Ajit Johnson กำลังศึกษาปริญญาเอกเกี่ยวกับโรคมะเร็งและจีโนมิกส์ และอีกความสนใจของเขาก็คือการเล่าเรื่องราวผ่านภาพการ์ตูนที่สะท้อนถึงอะไรบางอย่าง เขาเป็นคนหนึ่งที่ใช้โทรศัพท์บ่อยและนานจนวันหนึ่งเขาอยากจะท้าทายตัวเองโดยการลองไม่ใช้มันหนึ่งวันเต็มๆ แล้วก็ค้นพบว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ผลงานชิ้นนี้เขาสร้างขึ้นมาภายใต้ชื่อว่า #This_Generation เป็นโปสเตอร์สไตล์มินิมอลที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับยุคนี้ที่คนมักจะให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากเกินไป การใช้เทคโนโลยีอาจทำให้สนุกและสะดวกรวดเร็ว แต่บางทีมันก็พาเราไปสู่ด้านมืด เราไปดูผลงานของเขากันเลยดีกว่า อกหักแต่ละครั้งก็ต้องมายุติความสัมพันธ์กันในนี้ด้วย เวลาจะซ่อนอะไรก็ต้องเอาให้มันลึกเข้าไว้ เมื่อก่อน “คิดก่อนพูด” / ตอนนี้ “ค้นกูเกิลก่อนโพสต์” ขนาดว่าไม่มีโซเชียลเน็ตเวิร์คแล้ว ก็ยังถามถึงอะไรที่เกี่ยวกับมันจนได้ อยู่หน้าจออย่างราชสีห์ พอเจอหน้าก็แค่แมวน้อยธรรมดา ขออัพรูปก่อนตายแล้วกันนะ เป็นกันมั้ย “โรคกลัวคนไม่กดไลค์” คำว่า “ไอดอล” มันเปลี่ยนไปแล้ว แล้วคุณล่ะ เปิดอะไรบ่อยกว่ากัน ฝันร้ายสำหรับคนยุคนี้ ในห้องน้ำ คุณทำอะไรนานที่สุด หนังสือที่เลือกอ่านก็เปลี่ยนไป อนาคตคงต้องมีป้ายระวังคนกดมือถือข้ามถนน การขอความช่วยเหลือก็เปลี่ยนไปมาก เด็ก 11 ขวบก็ตั้งท้องได้ โหมดซอมบี้…
-
ปากกาเมจิกของจริง!! COPiC Smart เปลี่ยนสีได้ทุกเฉดที่มีบนโลก สั่งได้ดั่งใจเพียงปลายนิ้วสัมผัส
ทุกวันนี้โลกของเราเปลี่ยนไปมากเลยล่ะ จากที่เมื่อก่อนอุปกรณ์ที่เราใช้งานกันก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ด้วยการนำส่วนผสมของเทคโนโยลีใหม่ๆ ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ นั้นมีความล้ำไปอีกหลายเท่าตัว อย่างเช่นเจ้า COPiC Smart ปากกาเปลี่ยนสีได้ตามใจสั่ง นวัตกรรมที่จะมาเปลี่ยนโลกของปากกานี้ เป็นเพียงแค่คอนเซ็ปต์เท่านั้น ยังไม่มีการผลิตเพื่อวางจำหน่ายจริง แต่ก็ถือว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียว เพราะคุณสมบัติเด่นๆ ของเจ้า COPiC Smart นี้ เจ๋งจริง!! โดยที่ COPiC Smart นั้นเป็นปากกาที่สามารถเลือกเปลี่ยนสีได้แทบจะทุกเฉดสี ควบคมผ่านแอพพิลเคชั่นในสมาร์ทโฟนและเชื่อมต่อกับปากกาด้วยระบบบูลทูธ ส่วนประกอบของภายในปากกา COPiC Smart จะบรรจุแม่สีเอาไว้ และจะทำการับคำสั่งสีในแอพพลิเคชั่น ประมวลผลเป็นสีที่ต้องการออกมาที่ปลายปากกา ทั้งนี้บนตัวปากกามีปุ่มเปลี่ยนสีให้กดได้สะดวก มีปุ่มกดเชื่อมต่อ และไฟแสดงสถานะการเชื่อมต่อให้ด้วย ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ไอเดียที่ยังไม่ออกมาเป็นตัวผลิตภัณฑ์จริงๆ แต่เหมียวว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ ลองคิดดูสิใช้ปากกาแค่แท่งเดียวแต่สามารถเขียนออกมาได้ทุกสี มันจะเจ๋งแค่ไหน!! ที่มา : theinspiration, designtaxi
-
ตรวจสอบความแรงของคลื่นโทรศัพท์ให้ชัดเจนมากขึ้น ด้วยเทคนิคพิเศษของ iPhone!!
หากคุณกำลังหงุดหงิดกับการบอกความแรงของคลื่นโทรศัพท์ใน iPhone ที่มาเป็นลักษณะวงกลม 5 วงที่ไล่ระดับจากคลื่นอ่อนไปจนถึงคลื่นแรง แต่มันก็ยังบอกได้ไม่ชัดเจนอยู่ดีว่า คลื่นที่มีอยู่นั้นมันแรงแค่ไหน? ถ้าอยากจะรู้จริงๆ ให้ทำตามดังนี้ เริ่มจากกดหมายเลข *3001#12345#* จากนั้นกดปุ่มโทรออกเพื่อเข้าสู่โหมด Field Test เมื่อเข้าสู่โหมด Field Test เรียบร้อยให้กดปุ่ม Power จนกว่าจะขึ้นหน้าปิดเครื่อง เมื่อถึงหน้าปิดเครื่องให้กดปุ่มโฮมค้างเอาไว้ประมาณ 6 วินาที จนกว่าจะเข้าสู่หน้าโฮม จะสังเกตเห็นได้ว่าตัวบอกค่าความแรงของคลื่นโทรศัพท์ของเราจะเปลี่ยนมาแสดงเป็นรูปแบบตัวเลขแทนแล้ว สำหรับค่าคลื่นโทรศัพท์ที่อยู่ในระดับดีนั้นจะอยู่ที่ช่วงประมาณ -44 ถึง -77 ยิ่งตัวเลขติดลบมากเท่าไหร่ก็หมายถึงคลื่นดีและแรงนั่นเอง หากใครอยากจะให้กลับมาแสดงความแรงของคลื่นแบบเดิม ให้เข้าโหมด Field Test อีกครั้งแล้วก็กดปุ่มโฮมออกมาได้เลยจ้า ที่มา : fooyoh
-
อนาคตอยู่ที่นี่แล้ว!! Lexus เปิดตัว Hoverboard สเก็ตบอร์ดแห่งอนาคต
หลังจากที่ปล่อยคลิปโปรโมทสั้นๆออกมาเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ล่าสุดบริษัท Lexus ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ก็ได้ฤกษ์ปล่อยคลิปเวอร์ชั่นเต็มของเจ้า Hoverboard สเก็ตบอร์ดแห่งอนาคต ออกมาให้เราได้ชมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การทำงานของเจ้า Hoverboard จะใช้เทคโนโลยีการดันตัวให้ลอยขึ้นจากพลังงานแม่เหล็กถาวรกับตัวนำไฟฟ้ายิ่งยวด ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกนำไปใช้ทดลองกับวัตถุเล็กๆมาก่อน ก่อนจะพัฒนามาใช้กัวัตถุที่ใหญ่ขึ้นและรองรับน้ำหนักได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการทำงานร่วมกับไนโตรเจนเหลว(Liquid Nitrogen-coolded Super conductors and permanent magnets) ด้วย ทำให้เกิดไอสีขาวลอยพุ่งออกมาอย่างที่เห็น ซึ่งการเติมไนโตรเจนเหลวแต่ละครั้ง จะสามารถอยู่ได้ราวๆ 10 – 15 นาที ก่อนที่จะต้องหยุดและเติมไนโตรเจนเข้าไปใหม่ ตัว Hoverboard จะสามารถลอยอยู่เหนือพื้นได้ประมาณ 4 เซ็นติเมตร แต่ถึงแม้จะดูน่าสนุกแค่ไหน แต่จากคลิปการทดสอบแล้ว น่าจะยากพอสมควร เพราะมันไม่มีล้อไว้ใช้สำหรับควบคุมทิศทางนั่นเอง คลิ๊กชมคลิปได้ที่ด้านล่าง ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่มีการเผยรายละเอียดการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หรือราคาของเจ้า Hoverboard ออกมาให้เราได้ทราบกัน สำหรับใครที่อยากได้ อาจจะต้องอดใจรอสักแป็บนึงนะจ๊ะ ที่มา Lexus International
-
รวม 17 เทคโนโลยีที่ทำให้คุณรู้ว่า ตอนนี้โลกเขาไปไกลแล้ว!!!
เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วตลอดเวลา ลองนึกภาพเมื่อ 10 ปีที่แล้วสิ ใครจะไปนึกว่าเราจะมี Smart Watch หรือ Smart Phone ใช้กันทั่วไปอย่างทุกวันนี้ และนี่คือเหล่าสุดยอดเทคโนโลยีจากทั่วโลก ที่จะทำให้คุณรู้ว่า บางครั้งโลกของเราก็ก้าวไกลจนเราตามไม่ทันแล้ววววววว ควบคุมอุปกรณ์อิเลคทรอนิค แปลป้ายแบบ real time รถเข็นแบบขึ้นบันไดได้ ประตูที่เปลี่ยนเป็นแบบใสและทึบได้ กินเบอเกอร์กระป๋อง ถังขยะแบบตามเก็บทุกชิ้น ขณะรอไอศครีมละลาย ก็ดูนี่ไปเพลินๆก่อน ตู้เย็นแบบโปร่งใส นาฬิกาแบบเขียน รถยนต์ไร้คนขับ ป้ายโฆษณาเคลื่อนไหวได้ ฝึกทำอาหารแบบไม่ต้องทำจริงๆ เครื่องเล่นรูบิก วาดรูปแบบ 3 มิติจริงๆ ความจุค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆ เทียบกับเมื่อ 60 ปีก่อน 5 เมกกะไบต์ราคาราวๆ 3 ล้านบาท ปัจจุบันความจุ 16 กิกะไบต์ ราคาไม่ถึง 300 บาท แอบน่ากลัวเบาๆนะเนี่ย อีกหน่อยเราคงนั่งเฉยๆ…
-
จีนท้าชนสมาร์ทโฟนทำเอง OnePlus 2 หวังจะสยบ iPhone 6 Plus ให้จงได้!!
ประเทศจีนเป็นฐานผลิตสินค้าต่างๆ มากมายจากหลายประเทศ ซึ่งนอกจากจะผลิตให้คนอื่นแล้ว ก็ยังจะผลิตของตัวเองออกมาอีกด้วยแหละ อาศัยความชำนาญจากการผลิตจนนำไปสู่การสร้างผลิตภัณฑ์ของตัวเองอย่างเช่นสมาร์ทโฟนรูปร่างคล้ายๆ กับ iPhone 6 Plus ในชื่อ OnePlus 2 เผยโฉมหน้าตาออกมาให้เราได้ชมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับ OnePlus 2 จากที่ทำยอดขายได้ถล่มทลายในปีค.ศ. 2014 ซึ่งเจ้า OnePlus 2 นี้จะมาพร้อมกับระบปฏิบัติการ Android ขนาดตัวของมันก็เท่าๆ กับ iPhone 6 Plus เลยนะ ลองมาดูด้านล่างตัวเครื่องกันบ้าง สิ่งที่เกือบจะเหมือนกันเลยก็คือลำโพง แต่เจ้า OnePlus 2 นั้นจะเป็นลำโพงคู่แทน ไม่มีช่องเสียบหูฟังที่ด้านล่างตัวเครื่อง ตำแหน่งในการวางกล้องของ OnePlus 2 นั้นจะอยู่ที่ตรงกลางด้านหลังเครื่อง พร้อมกับโลโก้ 1+ เกือบจะคล้ายๆ กับของ Apple แล้วล่ะ ฮ่าฮ่า!! เอาเป็นว่ารักใครชอบใครก็เลือกซื้อตามที่ตัวเองพอใจละกันเนอะ แต่ชื่อของ OnePlus นี่ตั้งใจเอามาข่มรุ่น Plus ของ iPhone รึเปล่าหนอ?…
-
Google โชว์ของ!! แอพฯ แปลภาษาที่เหนือไปอีกขั้น “แปลภาษาผ่านกล้อง” รวดเร็วทันใจ
หลายครั้งหลายคราวที่เราต้องการความช่วยเหลือจาก Google ในส่วนของการให้บริการแปลภาษา ปัจจุบันก็ให้บริการในทั้งรูปแบบบนเว็บไซต์และแอพพิลเคชั่น แต่ Google ยังไม่หยุดยั้งเพียงเท่านี้ พัฒนาความสามารถของแอพฯ แปลภาษาให้สามารถอ่านแล้วแปลผ่านกล้องได้แล้ว!! ล่าสุดนี้ทางทีมงานของ Google ก็ได้ปล่อยวิดีโอคลิปโชว์ความสามารถของแอพฯ แปลภาษา ที่ทำการอ่านและแปลผ่านกล้องของสมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็วและทันใจ แปลได้มากถึง 27 ภาษากันเลยทีเดียว สุดยอดไปเลยจ้า!! คลิปวิดีโอทดสอบในการใช้งานจริง เด็ดมากๆ ขอบอก!! ที่มา : twistedsifter
-
แขนเทียมแต่งตามใจด้วยตัวต่อเลโก้ สร้างรอยยิ้มให้กับเด็กๆ ผู้พิการได้อีกครั้ง!!
ความสุขของเด็กๆ ก็คงจะอยู่ที่การได้เล่นของเล่นที่ตนเองชอบ คงจะดีไม่น้อยเลยถ้าหากว่าเด็กผู้พิการไร้แขนนั้นไม่อาจรับรู้ได้ถึงความสุขเหล่านั้น พวกเขาถูกจำกัดความสุขเนื่องจากได้เล่นของเล่นที่เหมาะสมกับแขนเทียมทั่วไปเท่านั้น และเนื่องด้วยโอกาสอันดีของทาง Carlos Arturo Torres Tovar จากมหาวิทยาลัย Umeå ประเทศสวีเดน ผู้ผลิตและคิดค้นแขนเทียมสำหรับเด็กขึ้นมาใหม่ ให้ชื่อกับระบบแขนเทียมสุดวิเศษนี้ว่า IKO ความวิเศษของแขนเทียม IKO นี้คือระบบแขนเทียมอัจฉริยะที่สามารถตอบสนองต่อคำสั่งผู้ใช้ได้ และยังสามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการหมุน การเปลี่ยนสลับชิ้นส่วนแขนเทียม ด้วยการร่วมมือพัฒนาควบคู่ไปกับองค์กร CIREC จาก Colombia และ LEGO Future LAB จากประเทศเดนมาร์ก ทำให้เด็กๆ สามารถปรับแต่งแขนเทียมตัวเองด้วยตัวต่อเลโก้ได้ และสามารถใช้งานในรูปแบบต่างๆ ตามความคิดสร้างสรรค์ที่มี ระบบแขนเทียมสุดสร้างสรรค์ IKO นี้สามารถเรียกรอยยิ้มให้กลับมาสู่บนใบหน้าของเด็กๆ ได้อีกครั้ง มีความสุขและสนุกสนานไปกับการปรับแต่งแขนเทียมของตัวเอง จนลืมหน้าบึ้งไปเลย!! ที่มา : twistedsifter
-
ที่แรกในโลก ‘ตู้ทำพิซซ่าอัตโนมัติ’ หิวเมื่อไรก็แวะมา ซื้อกินได้ 24 ชั่วโมง
เมื่อพูดถึงอิตาลี่ ‘พิซซ่า’ ก็เป็นอาหารที่อีกอย่างที่ขึ้นชื่อของที่นี่ แต่รู้รึเปล่าว่าที่อิตาลี่เค้ามีเครื่องทำพิซซ่าอัตโนมัติด้วย!! ชื่อว่า Let’s Pizza และเร็วๆนี้เจ้าตู้นี้ก็จะมีที่นิวยอร์ก เป็นตู้ทำพิซซ่าอัตโนมัติที่ให้บริการ 24 ชั่วโมงอีกด้วย เครื่องทำพิซซ่านี้ถูกคิดค้นขึ้นโดยบริษัท Claudio Torghele ได้รับการออกแบบ และผลิตครั้งแรกในภาคเหนือของอิตาลี โดยเจ้าเครื่องนี้สามารถให้ลูกค้าเลือกชนิดแป้ง ซอส ท็อปปิ้ง และ อบด้วยระบบอินฟราเรดในเวลาเพียง 2.5 นาทีเท่านั้น แต่ที่เก๋สุดๆคือ พวกเขาจะสามารถเห็นทุกขั้นตอนต่างๆในการทำพิซซ่าตั้งแต่ขั้นตอนการนวดแป้งจนอบเสร็จเป็นพิซซ่าร้อนๆถึงมือเลย เจ้าตู้นี้สามารถผลิตพิซซ่าได้ 90-100 ชิ้นต่อการเติมวัตถุดิบแต่ละครั้ง ถือว่าสะดวกสุดๆเลยหล่ะ มีแป้งให้เลือกถึง 4 แบบ ใช้เวลาอบเพียง 2.5 นาที เราไปดูคลิปเครื่อง Let’s Pizza ที่อิตาลีกันว่ามันจะเจ๋งยังไง!! เหมียวว่าเจ้าเครื่องนี้คงถูกใจคนรักพิซซ่าอยู่ไม่น้อยเลยนะเนี่ย ส่วนของเมืองไทยจะมีคนคิดค้นตู้ขายส้มตำอัตโนมัติบ้างรึเปล่า เราอาจจะได้เห็นในอนาคตก็ได้ ฮ่าาาาา!! ที่มา mentalfloss, W. Andrew Powell
-
10 นวัตกรรมจากบริษัท Google ที่จะมาเปลี่ยนโลกมนุษย์ในยุคอนาคต!!
ในหนึ่งวันที่โลกค่อยๆ หมุนไปอย่างช้าๆ แต่เทคโนโลยีไม่เคยหยุดเพัฒนาเลยแม้แต่น้อย กลับพัฒนาไปได้ไกลอย่างก้าวกระโดดเกินจินตนาการที่เคยคาดเดากันเอาไว้แล้ว หนึ่งในบริษัทที่มีนวัตกรรมมากมายอย่าง Google นั้น หากประสบความสำเร็จและนำมาใช้ได้จริง อาจจะเปลี่ยนโลกนี้ไปเลยก็เป็นได้ Project Loon โปรเจคบอลลูนลอยฟ้าที่ไม่ใช่บอลลูนธรรมดา จะสามารถเชื่อมคนทั้งโลกไว้ด้วยกันด้วยการปล่อยสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายให้ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ ง่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในซีกไหนของโลก กองทัพหุ่นยนต์ของ Google Google เองก็แอบซุ่มพัฒนาหุ่นยนต์เหมือนกันนะเออ มีทั้งหุ่นยนต์ทั่วๆ ไปที่สามารถสื่ออารมณ์ความรู้สึกของตัวเองได้ไปจนถึงหุ่นยนต์รบกันเลยทีเดียว Calico หนึ่งในโครงการที่จะสร้างความอมตะให้กับมนุษย์ Google ได้ร่วมมือกับ Dr. Arthur Levinson เพื่อคิดค้นกระบวนการชะลอความชราในร่างกายมนุษย์ Google Contact Lens ในเมื่อมีแว่นแล้ว คนที่ไม่ชอบใส่แว่นก็คงจะเกลียด Google Glass ไปเลย แล้วทำไมไม่ทำคอนแทคเลนส์บ้างล่ะ? เพิ่มฟังก์ชั่นวิเคราะห์ระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยเบาหวานเข้าไปด้วย โดยที่ไม่จำเป็นต้องเจาะเลือด มันจะล้ำเกินไปแล้ว!! Liftware อุปกรณ์ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน (มีความผิดปกติของระบบการเคลื่อนไหว) สามารถทานอาหารเองได้…
-
รวม 10 แอพพลิเคชั่นสุดแปลก ที่หาประโยชน์ใดๆ ไม่ได้เลย อยากรู้ต้องลอง!!
จากที่เมื่อก่อนสมาร์ทโฟนถือว่าเป็นเรื่องที่ใหม่มาก แต่เดี๋ยวนี้กลับกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน ย้อนกลับไปในช่วงแรกๆ แอพพลิเคชั่นยังไม่มีเยอะเท่าไหร่ พอมาถึงปัจจุบันกลับมีออกมามากมายหลากหลาย มีประโยชน์ในทางที่แตกต่างกันไป แต่ก็ใช่ว่าจะมีประโยชน์ไปซะทุกแอพฯ อันที่แปลกๆ มันก็มีนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอามาทำไม!? Yo แอพพลิเคชั่นที่ทำได้เพียงแค่อย่างเดียว ก็ตามชื่อแอพฯ เลย พูดแค่คำว่า “Yo” แค่นั้นจริงๆ Pimple Popper ถ้าหากว่าเกิดอาการคันไม้คันมือบีบสิวบนหน้าตัวเองมันไม่สะใจ ลองโหลดมาเล่นดูได้นะ Places I’ve Pooped แอพพลิเคชั่นที่ทำงานตามชื่อของมัน บันทึกสถานที่ต่างๆ ที่เราได้ไปทิ้งระเบิดเอาไว้ The Pointless Game สำหรับแอพฯ นี้มีการเล่นที่ง่ายดายมากๆ เพียงแค่แตะนิ้วลงบนจอก็ได้คะแนนแล้ว แต่ถ้ายกนิ้วปุ๊บ แพ้ปั๊บ!! Punch-a-Hipster เกมต่อยตัวการ์ตูนฮิปสเตอร์ หมั่นไส้ฮิปสเตอร์คนไหนก็สามารถอัพโหลดรูปเข้าไปแล้วก็ต่อยได้ตามอัธยาศัย Watching Cute Girl แอพฯ นี้มีเพียงแค่ภาพสาวน่ารักที่จะคอยจ้องตาคุณแล้วก็พูดแต่คำหวานๆ…
-
แรร์ไอเท็ม!! เครื่องเล่นเกม Playstation ต้นแบบจากโซนี่ที่เคยร่วมมือกับนินเทนโด
ในวงการเครื่องเล่นเกมคอนโซลนั้นคงจะไม่มีใครไม่รู้จักกับ Playstation จากค่ายโซนี่อย่างแน่นอน ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบันนี้ออกมาเป็นเครื่องรุ่นที่ 4 แล้ว ย้อนกลับไปเมื่อยุคที่ยังไม่มี Playstation กำเนิดขึ้นมา ต้องยกแชมป์ให้กับเครื่อง Super Famicom จากนินเทนโดเลย จนกระทั่งทั้งสองบริษัทก็ได้มาร่วมมือกันสร้างเครื่อง Playstation ต้นแบบขึ้นมา!! จะเห็นได้ว่าหน้าตาของมันดูแปลกๆ ไปซักหน่อย เนื่องจากเป็นเครื่องต้นแบบที่ไม่ได้ออกมาตีตลาดแต่อย่างใด สำหรับเจ้าเครื่อง Playstation ต้นแบบนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่างโซนี่และนินเทนโด ผู้ใช้ที่ชื่อว่า DanDiebold จากเว็บไซต์ Imgur ได้โพสต์ภาพเครื่องต้นแบบนี้ และกล่าวเอาไว้ว่าคุณพ่อของเขาพบเจ้าเครื่องนี้อยู่ในกองขยะของบริษัทที่เคยทำงานอยู่ โดยบริษัทที่พ่อของเขาเคยทำงานนั้นเคยร่วมงานกับโซนี่และนินเทนโด แต่เนื่องจากประสบกับปัญหาล้มละลาย และทั้งสองบริษัทต่างไม่ลงรอยกัน จึงนำไปสู่การแยกทางกันในที่สุด ไปตามเส้นทางของใครของมัน ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเครื่องเกมลูกผสมแบบนี้อยู่จริงๆ ด้วย น่าเสียดายแฮะ!! ตัวเป็นๆ ของมันก็ใหญ่ใช้ได้เลยนะเนี่ย ที่มา : thechive
-
ญี่ปุ่นก้าวไกล พัฒนา “โฮโลแกรม” ที่สามารถจับต้องได้สำเร็จแล้ว!!
ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศแห่งเทคโนโลยีไม่น้อยหน้าตะวันตกเลยนะ มีทั้งการพัฒนาเครื่องจักรต่างๆ รถยนต์ คอมพิวเตอร์ รวมไปถึงหุ่นยนต์ ซึ่งในตอนนี้ญี่ปุ่นไปไกลมากๆ แล้ว ล่าสุดก็สามารถพัฒนาการฉายภาพโฮโลแกรมที่สามารถจับต้องได้สำเร็จแล้ว บริษัทสัญชาติญี่ปุ่น Digital Nature Group ทำการสร้างโฮโลแกรมฉายภาพ 3 มิติที่ใช้แสงเลเซอร์ชนิดพิเศษ Femtosecond Laser เป็นส่วนประกอบ สำหรับภาพโฮโลแกรม 3 มิตินั้นทำการสร้างและพัฒนากันมาอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับกรณีนี้คือเป็นครั้งแรกที่สามารถจับต้องภาพฉายได้โดยไม่มีอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น จุดที่มีแสงมารวมตัวกันจนกลายมาเป็นภาพฉาย 3 มิตินั้นจะเรียกกันว่า Voxels จากที่เคยจินตนาการเทคโนโลยีโฮโลแกรมเอาไว้ในอดีต ตอนนี้ก้าวหน้าไปอีกขึ้นแล้ว ต่อจากนี้จะมีอะไรอีก คงต้องรอลุ้นกันต่อไปแล้วล่ะ ที่มา : thechive
-
สื่อนอกเผย ยาน ‘เจ็ทแพ็ค’ ส่วนบุคคล ราคา 5.3 ล้านบาท วางขายจริงปี 2016
หากใครที่กำลังเบื่อกับการเดินทางในรูปแบบเดิมๆแล้วล่ะก็วันนี้แอดเหมียวมีตัวเลือกใหม่มานำเสนอ นั่นก็คือ’เจ็ทแพ็ค’ไปที่ไหนก็ได้!!(ทำเสียงเหมือนโดราเอมอน) หลังจากที่ใช้เวลาในการพัฒนามาหลายปี ล่าสุดบริษัท Martin Aircraft ผู้พัฒนาเจ็ทแพ็คก็ได้เริ่มโปรโมทผลิตภัณฑ์ที่กำลังจะวางขายรุ่นแรกแบบจริงๆจังๆแล้วในปี 2016 ตัวเจ็ทแพ็คมีความเร็วโดยประมาณอยู่ที่ 72 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถบินได้นาน 30 นาที สามารถบินสูงได้ถึง 900 เมตร ตัวเจ็ทแพ็คยังมีร่มชูชีพติดมาด้วย เผื่อในกรณีที่เครื่องเกิดขัดข้องหรือต้องลงจอดแบบกะทันหัน แต่ถึงแม้จะออกมาวางขายอย่างเป็นทางการ ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถซื้อมาใช้ได้ เพราะการควบคุมยังเป็นเรื่องที่ยากสำหรับมือใหม่อยู่นั่นเอง ชมคลิปได้ที่ด้านล่าง ทางด้านนาย Peter Coker ประธานแห่งบริษัท Martin Aircraft ได้ออกมาพูดถึงคุณสมบัติของเจ้าเจ็ทแพ็คนี้ว่า “ผมคิดว่าผู้คนจะเห็นว่ามันช่วยเสริมสร้างความสามารถให้กับพวกเขาแค่ไหน มันสามารถนำไปใช้สำหรับการพยาบาลแบบฉุกเฉินได้ หรือช่วยตามหาคนหายให้เจอได้ในเวลาอันรวดเร็ว” หากใครอยากจะเป็นเจ้าของเจ็ทแพ็คแบบนี้สักลำล่ะก็ เขาก็ตั้งราคาอยู่ที่ 100,000 ปอนด์ หรือประมาณ 5.3 ล้านบาทเท่านั้นเอง(เหรอ) หวังว่าในอนาคตเราอาจจะได้เห็นมันมาบินอยู่ในประเทศไทยบ้างนะ ที่มา ODN