Tag: เนเธอร์แลนด์
-
พาชม “หมู่บ้านกังหัน” ของชาวดัตช์ เคยเห็นแต่ในโลโก้นมเปรี้ยว ของจริงมันสวยเวอร์!!
กังหันลมสไตล์ดัตช์ พร้อมด้วยทุ่งดอกไม้และวิวทิวทัศน์อันสวยงาม คงจะหาที่ไหนไม่ได้นอกจากในโลโก้ของนมเปรี้ยว เย้ย! ประเทศเนเธอร์แลนด์ยังไงล่ะ โดยเฉพาะในหมู่บ้านกังหันลมที่ชื่อว่า Zaanse Schans (อ่านว่า ซานเซ่อะ-สคานส) นั้นเรียกได้ว่าเป็นแบบฉบับของความงามของหมู้บ้านสไตล์ดัตช์กันเลยทีเดียว แต่งานนี้เราไม่ต้องบินไปชมกันถึงประเทศเนเธอร์แลนด์ก็ได้ เพราะว่าช่างภาพชาวดัตช์นามว่า Albert Dros ได้เก็บภาพถ่ายสวยๆ ด้วยฝีมือของเขามาเผยแพร่ให้พวกเราได้ชมกัน “ผมโชคดีมากที่ไปยังหมู่บ้านทันเวลาตี 5 และได้เก็บภาพเอาไว้ เพราะตอนนั้นมันเหมือนกับผมได้เดินอยู่ในโลกของนิยายเลยล่ะ” Albert กล่าว เอาล่ะ อยากเห็นกันแล้วใช่ไหมล่ะว่าหมู่บ้านกังหันลมจะสวยสดงดงามราวเทพนิยายจริงหรือเปล่า งั้นเราไปชมพร้อมๆ กันเลย!! 1. ช่วงเวลาก่อนอาทิตย์ขึ้นเผยให้เห็นผืนหมอกสีม่วงครามที่โอบห่มกังหันเอาไว้ (โห!!) 2. ทะเลหมอกไล่สีราวหมู่บ้านกังหันลอยอยู่บนโลกเทพนิยายเลยทีเดียว 3. แสงสีชมพูที่เกิดจากแสงอาทิตย์อ่อนๆ ที่สาดทะลุหมอกเข้ามา ทำให้เกิดภาพที่ไม่อยากเชื่อว่านี่คือโลกแห่งความจริง 4. และนี่คือฟาร์มชีสของที่นั่น บรรยากาศแบบนี้ยากนักที่จะได้สัมผัส 5. แสงอาทิตย์ที่เริ่มทอประกายทำให้เกิดแสงออร่ารอบๆ หมู่บ้านกังหันลม 6. นี่คือบ้านที่มีคนอาศัยอยู่จริงๆ นะ ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อให้คนมาถ่ายรูป (ได้อยู่บ้านที่มีสภาพแวดล้อมงดงามขนาดนี้จะรู้สึกยังไงน้อ?) 7. ภาพราวกับโลกนิยายนี้เกิดจากต้นไม้เก่าแก่ที่มีกังหันลม หมอก และแสงอาทิตย์เป็นพื้นหลัง…
-
‘นายกฯ เนเธอร์แลนด์’ เผลอทำกาแฟหก แย่งไม้ถูพื้นจากแม่บ้านหน้าตาเฉย…
เมื่อมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูงในระดับประเทศ ย่อมมีผู้คนห้อมล้อมคอยเป็นบริวารอันถือว่าธรรมดาตามฐานะสังคม แต่คุณจะเชื่อหรือไม่ว่า ผู้ใหญ่บางท่านกลับยังปฏิบัติตนเหมือนคนสามัญชนทั่วไป ตัวอย่างดีๆ จากนาย Mark Rutte นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ กำลังเดินเข้ารัฐสภา ผ่านหน้าจุดตรวจความปลอดภัยมาได้ พร้อมกับกาแฟแก้วน้อยๆ ของเขา ทว่ากาแฟแก้วที่ว่าดันหกเลอะเทอะบนพื้นเสียนี่… แม้จะมีหน้าที่การงานใหญ่โต แทนที่จะให้แม่บ้านมาจัดการตามหน้าที่ แต่เมื่อทำอะไรลงไปก็ต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง เขาไม่รอช้าคว้าไม้ถูพื้นจากแม่บ้านมา ถูคราบกาแฟเองท่ามกลางเสียงของแม่บ้าน ฮร่าาาา เช็ดถู เช็ดถู อยู่นานสองนาน ดูเหมือนท่านนายกยังไม่พอใจกับความสะอาด ถึงขั้นถามแม่บ้านว่าจะปรับความยาวก้านจับไม้ยังไงกันเลยทีเดียว เขากำไม้ไว้แน่นไม่ยอมปล่อยพร้อมกับถูพื้นแถมให้อีก… ความน่ารักของนาย Mark Rutte นอกจากจะถูพื้นเองแล้ว เขาก็ยังเคยปั่นจักรยานไปทำงานด้วยนะ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ประชาชนคนทั่วไป หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมในวันที่พร้อมจะทำ และเคยปั่นจักรยานไปเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์เนเธอร์แลนด์ด้วยเช่นกัน เดินทางเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์ด้วยการปั่นจักรยาน ขนาดอยู่ในวังยังต้องล็อค วันธรรมดาก็ปั่นไปทำงาน สื่อมวลชนรออยู่ โบกมือทักทายสักหน่อย ไปแล้วน้าาาาาา ที่มา: euronews, tribune,…
-
13 นวัตกรรมที่จะพิสูจน์ว่าทำไม ประเทศ ‘เนเธอร์แลนด์’ ถึงเป็นกุญแจสำคัญสู่อนาคต
หากเราได้ทำการค้นหานวัตกรรมล้ำๆ ชื่อของประเทศ “เนเธอร์แลนด์” ต้องขึ้นมาให้เพื่อนๆ ได้เห็นบ่อยๆ อย่างแน่นอน ซึ่งประเทศเนเธอร์แลนด์ไม่ได้มีดีเพียงคิดค้นแต่นวัตกรรมที่จะทำให้โลกของเราสะดวกสบายมากขึ้นเพียงอย่างเดียวนะ แต่หลายนวัตกรรมที่พวกเขานำมาใช้นั้นพวกเขาพยายามปรับเปลี่ยนให้เข้ากับธรรมชาติและรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย และที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ดูกันในวันนี้ก็เป็น 15 เหตุผลที่จะพิสูจน์ว่าทำไมประเทศเนเธอร์แลนด์ถึงจะเป็นกุญแจที่จะนำโลกไปสู่ยุคอนาคตได้ ไปดูกันเล้ย 1. เลนจักรยานพลังงานแสงอาทิตย์ ในปี 2014 เนเธอร์แลนด์กลายเป็นประเทศแรกที่ได้มีการนำเอาเลนจักรยานพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้จริง ซึ่งพลังงานที่ได้มาแต่ละวันจะถูกใช้ไปกับไฟจราจร เสาไฟตามถนนและอื่นๆ 2. อุปกรณ์ควบคุมความฝัน นักประสาทวิทยาจากเนเธอร์แลนด์ประสบความสำเร็จในการสร้างอุปกรณ์ที่จะให้ผู้คนสามารถควบคุมความฝันได้ แต่ว่าในการใช้งานจำเป็นต้องมีทักษะบางอย่าง ซึ่งมันน่าสนใจสุดๆ 3. มีหอคอยที่เปลี่ยนมลพิษให้กลายเป็นเครื่องประดับได้ เนเธอร์แลนด์มีหอคอยที่เปลี่ยนมลพิษเป็นลูกบาศก์เล็กๆ ซึ่งภายหลังแล้วเจ้าลูกบาศก์พวกนั้นถูกนำเอาไปใช้ทำเป็นเครื่องประดับอย่างเช่นแหวน แหม่… ดูเก๋ไม่หยอกเลยดีเดียว 4. มีเรือนกระจกที่สามารถควบคุมสภาพภูมิอากาศได้ อีกหนึ่งนวัตกรรมที่จะช่วยให้เกษตรกรในเนเธอร์แลนด์สบายยิ่งขึ้น เพราะเหล่าเรือนกระจกเหล่านี้นั้นติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมภูมิอากาศที่สามารถทำให้พืชที่อยู่ข้างในเติบโตได้ทุกฤดู 5. รถที่สร้างจากหัวผักกาดหวานและแผ่นผ้าลินิน นี่คือผลงานของนักศึกษา รถที่สร้างจากวัตถุดิบที่สามารถย่อยสลายได้ง่ายอย่างหัวผักกาดหวานและผ้าลินิน มีเพียงแค่ล้อเครื่องยนต์และระบบกันสะเทือนที่สร้างจากวัสดุปกติ 6. เป้ปรับอากาศ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานของนักศึกษาเช่นกัน กับกระเป๋าเป้ที่มีพืชอยู่ข้างในเพื่อคอยฟอกอากาศให้แก่เรา นี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยป้องกันเราจากมลพิษทางอากาศ 7. สะพานแขวนสำหรับนักปั่นจักรยาน รู้ๆ…
-
เนเธอร์แลนด์สั่งปิดคุกกว่า 32 แห่ง เหตุอัตราอาชญากรรมต่ำ จำนวนนักโทษก็น้อยตาม…
ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ในโลกยังคงมีปัญหาอาชญากรรมเกิดขึ้นทุกวัน แต่ประเทศฝั่งยุโปรกลับมีปัญหาน้อยลงเรื่อยๆ อย่างเช่นประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ล่าสุดประสบปัญหาประเทศสงบเกินไปจนคุกเหลือที่ว่างเยอะเกินไป… นับตั้งแต่ปี 2009 คุกกว่า 27 แห่งทั่วประเทศเนเธอร์แลนด์ต้องถูกสั่งปิดตัวลง แถมด้วยอีก 5 แห่งที่ถูกสั่งปิดไปเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา โดยมีเหตุผลเดียวกันคือ อัตราการก่ออาชญากรรมมีน้อย ทำให้จำนวนนักโทษก็มีน้อยเช่นกัน ด้วยจำนวนประชากรกว่า 17 ล้านคน แต่กลับมีจำนวนนักโทษเพียงแค่ 11,600 คนจากทั่วประเทศ ซึ่งเป็นอัตราเฉลี่ยที่น้อยมาก ทำให้ประเทศเนเธอร์แลนด์กลายเป็นหนึ่งประเทศที่มีอัตราการจำคุกที่น้อยที่สุดในยุโรป แม้ในช่วงเดือนกันยายนปี 2016 ทางเนเธอร์แลนด์พยายามแก้ปัญหา ‘คุกว่าง’ ด้วยการโอนนักโทษชาวนอร์เวย์จำนวน 240 ราย มายังเรือนจำ Norgerhaven ทางตอนเหนือของเมืองอัมสเตอร์ดัม รวมไปถึงการเปิดให้ห้องขังในเรือนจำของตนให้กับประเทศอื่นๆ ด้วย ส่วนเหตุผลที่ทำให้อัตราการก่อคดีต่างๆ ลดลงต่ำนั่นก็เพราะในปี 2004 และ 2005 ทางรัฐบาลได้ปราบปรามและปิดกั้นปัญหายาเสพติดที่นำเข้ามาสู่ประเทศอย่างจริงจัง อย่างการลักลอบขนยาเสพติดข้ามประเทศผ่านเส้นทางสนามบิน และไม่ได้ทำการจับกุมยาเสพติดชนิดเบาที่ใช้ภายในบ้าน แต่กลับกัน พวกเขาใช้วิธีการฟื้นฟูคนที่มีปัญหาดังกล่าวมากกว่าการคุมขัง ด้วยการติดเครื่องติดตามตัวไว้กับอาชญากรที่มีโทษไม่ร้ายแรงมากนัก อย่างเช่นพวกคดีลักเล็กขโมยน้อยเป็นต้น ด้วยวิธีดังกล่าวทำให้เหล่าอาชญากรสามารถมีชีวิตปกติและกลับไปทำงานได้…
-
สาวหน่าย เจอผู้ชายปากหมาแซวไม่เลิก เลยถ่ายเซลฟี่เอามาอวดลงอินสตาแกรมซะเลย..!!
คงไม่มีอะไรจะทำให้สาวๆ รู้สึกรำคาญใจได้มากเท่าการเจอพวกผู้ชายปากหอยปากปูที่ไม่รู้ไปขาดความอบอุ่นมาจากไหน เห็นคนสวยทีไรเป็นต้องแซวทู๊กกที เหตุการณ์ทำนองนี้ก็เกิดขึ้นกับ Noa Jansma นักศึกษาสาววัย 20 ปี จากเมืองอัมสเตอร์ดัมเช่นเดียวกัน ไม่ว่าเธอจะไปไหนมาไหนก็มีคนแซะแซวตลอด แต่ใช่ว่าจะมีแค่ความฮาเท่านั้นที่เธอต้องการนำเสนอผ่านอินสตาแกรม @dearcatcallers เพราะอีกแง่หนึ่งเธอต้องการให้สังคมได้รับรู้ว่า ในแต่ละวันมีผู้หญิงที่ต้องรับมือกับปัญหาอันน่ารำคาญใจนี้มากขนาดไหน… “ฮึ่มมมม… ขอป๋าจุ๊บหน่อยสิจ๊ะ” หนุ่มคนนี้เดินตามเธอประมาณ 10 นาทีได้ จากนั้นก็แซวว่า “สาวเซ็กซี่จะไปไหนจ๊ะ… ขอพี่ไปด้วยได้ป่ะ!?” และเธอก็เบื่อเหลือเกินกับการถูกแซวว่า.. ไงจ๊ะเบบี๋ ลุงคนนี้ขับรถตามเธอ จากนั้นก็ตะโกนแซวว่า “คนงาม.. ตั๋วไค่ไปตวยอ้ายก่อ” บางทีก็ถูกแซวเป็นภาษาสเปน อย่างกรณีนี้โดนประมาณว่า “สาวน้อย… จะไปไหนคนเดียวจ๊ะ?” ถ้าเป็นบ้านเราก็คงประมาณโดนเด็กแว๊นแซวว่า…. เฮ้ยสาว!! ไรงี้ คนนี้มาแบบน่ากลัว… “พี่รู้นะว่าพี่ทำอะไรหนูได้บ้างแม่สาวน้อย ฮึ่ฮึ่ฮึ่” คราวนี้โดนตามตอแย.. “สาวน้อยทำไมทำหน้าเศร้างั้นล่ะ… อ้าวไม่ได้เศร้าแล้วทำไมไม่ยิ้มให้พี่ละจ๊ะ!?” เธอโดนบีบแตรใส่ 3 ครั้ง จากนั้นก็พูดออกมาว่า…
-
ความเจ๋งของ “เนเธอร์แลนด์” มีที่ดินอันดับที่ 131 แต่กลับเป็นผู้ส่งออกอาหารใหญ่อันดับ 2 ของโลก
ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมอันดับต้นๆ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งประเทศของเราเป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่ หลายๆ ประเทศแถบตะวันตกได้เข้ามาลงทุนสร้างฐานการผลิตที่ไทย ด้วยความอุดมสมบูรณ์เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของบ้านเรา ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศหนึ่งที่มีคนอยากเข้ามาทำงาน สังเกตได้จากแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านที่ทยอยเข้ามาทำงานจำนวนมาก ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตยิ่งขึ้นและมีความก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ในการแข่งขันของประเทศต่างๆ บนโลก ความก้าวหน้าทางเกษตรกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศมีความเจริญ หลายๆ ประเทศให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมการเกษตรเป็นอย่างอย่างมาก ดังเช่น ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่กำลังพัฒนาและกำลังจะก้าวเข้าสู่การเป็นประเทศที่มีการส่งออกอาหารที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา ธุรกิจการเกษตรเป็นหนึ่งในแรงผลักดันทางการเกษตรของประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมาเนเธอร์แลนด์ได้พัฒนาฟาร์มเล็กๆ ให้กลายเป็นฟาร์มขนาดใหญที่มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว อีกทั้งมีงบประมาณในการสนับสนุนด้านการวิจัยการเกษตร มีความใส่ใจจากทีมบริหารประเทศ ทำให้เนเธอร์แลนด์มีการพัฒนาแบบก้าวกระโดด มาแรงแซงทางโค้งหลายๆ ประเทศที่กำลังพัฒนา ความล้ำสมัยของการเกษตรของเนเธอร์แลนด์ มีการบำบัดจัดการน้ำให้ใช้ประโยชน์สูงสุด ลดการใช้สารกำจัดศัตรูพืช หันมาใช้การพึ่งพาแบบธรรมชาติ อีกทั้งมีการศึกษาค้นคว้าใช้เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์มาพัฒนาการเกษตรควบคู่กันไป ยกตัวอย่างการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับการปลูกมันฝรั่งและหัวหอม โดยใช้โดรนในการสอดส่องการเจริญเติบโต บันทึกผล นำไปพัฒนา ทำให้ผลผลิตที่ได้มีอัตราเพิ่มถึง 2 เท่า อีกทั้งการใช้โรงกระจกควบคุมสภาพอากาศ ปรับสมดุลในการผลิต ทำให้ผลิตผลมีคุณภาพ นำไปใช้กับการปลูกมะเขือเทศ พริก แตงกวา และพืชผักผลไม้อื่นๆ ทำให้เนเธอร์แลนด์มียอดส่งออกผักและผลไม้เป็นอันดับ 3 ของโลก…
-
ไปดูระบบการศึกษาของเนเธอร์แลนด์ อีกประเทศที่ประสบความสำเร็จด้านการปฏิรูปการศึกษา
ระบบการศึกษาแต่ละประเทศก็จะมีความแตกต่างกันไปบ้าง เพื่อทำให้ตนเองก้าวสู่ความเป็นหนึ่งในการให้ความรู้กับเยาวชนทั้งหลาย ซึ่ง เนเธอร์แลนด์ ก็ถือได้ว่าอยู่ในระดับต้นๆ ของเรื่องนี้เลยทีเดียว ปัญหาในเรื่องของการเมืองที่ยาวนานไม่ได้สร้างผลกระทบให้กับความตั้งใจที่จะพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศแต่อย่างใด เพราะหลังจากเรื่องนั้นจบลงรัฐบาลก็ได้มุ่งเป้ามาที่การสร้างความเท่าเทียมให้กับทั้งโรงเรียนรัฐและเอกชน เพื่อการศึกษาที่ดีในทุกที่ทั่วประเทศ การศึกษาที่ดีไม่ถือว่าเพียงพอ เพราะจุดประสงค์ของพวกเขาก็คือทำให้มันอยู่ในระดับดีเยี่ยม จึงใส่ใจให้กับทุกสิ่งที่เป็นส่วนประกอบของการเรียนการสอน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน คุณครู หรือทางโรงเรียนเองก็ตาม ความเป็นอิสระถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะเป็นแกนหลักให้เด็กสามารถเรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้อย่างเต็มที่ คุณครูสามารถใช้วิธีการสอนได้ตามที่ตนถนัด และเรื่องของการบริหารก็จะปล่อยให้ทางโรงเรียนเป็นคนจัดการโดยที่รัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงใดๆ ถึงอย่างนั้นการพัฒนาก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอาจารย์ที่จะจะต้องมีประสิทธิภาพในการถ่ายทอดความรู้และทำให้เด็กมีแรงจูงใจกับการเรียนการสอน จึงได้เกิดวิธีการให้ครูผู้สอนสังเกตการณ์การเรียนการสอนของครูผู้สอนคนอื่นๆ และนำมาพัฒนาการเรียนการสอนของตัวเอง หรือแม้แต่การเข้าไปดูการสอนของอีกท่านเพื่อเป็นการชี้แนะและแนะนำให้เป็นไปในทางที่ดีมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นวิธีการที่สามารถสร้างได้ทั้งประสิทธิภาพและความสัมพันธ์ระหว่างกันได้อย่างดีเยี่ยม มองว่าคุณครูทุกคนก็เปรียบเสมือนทีมเดียวกันที่จะช่วยกันผลักดันให้ก้าวต่อไป ผู้อำนวยการวิทยาลัยไทลิงเกนในเนเธอร์แลนด์ ได้พูดว่า “แน่นอนว่าความสำคัญอย่างแรกของการเป็นครูคือความเชี่ยวชาญในเรื่องที่สอน และอย่างที่สองคือการเปิดรับเพื่อพัฒนาตนเองให้สามารถเข้าถึงนักเรียนได้ดีที่สุด เพราะว่าเรื่องที่สอนเป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายทอดทักษะความรู้” นอกจากนั้นกระทรวงศึกษาธิการของประเทศก็ได้จัดตั้งโปรแกรม School ann Zet ขึ้นเพื่อให้คุณครูในแต่ละภาควิชาที่แตกต่างกัน เข้ามาพูดถึงแผนการสองในอนาคตของตัวเองทุกเดือน และปรึกษาร่วมกันเพื่อให้มีผลสัมฤทธิ์ทางสอนและการเรียนรู้อย่างแท้จริง และแม้ว่าวิชาจะแตกต่างกัน แต่วิธีการหรือแนวทางการสอนก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาการสอนของตัวเองได้อีกด้วย เป็นทั้งการรับความรู้และการให้คำแนะนำในเวลาเดียวกัน คลิปวิดีโอที่มาและการจัดการระบบการศึกษาในเนเธอร์แลนด์ จากวิธีการของระบบดังกล่าวทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าพวกเขานั้นสนใจที่จะพัฒนาศักยภาพในตัวบุคคลทั้งหมด เพราะว่าในขณะที่นักเรียนเป็นผู้รับ อาจารย์เองก็เป็นตัวกลางที่จะถ่ายทอดความรู้ให้กับนักเรียนอย่างมีประสิทธิภาพอีกเช่นเดียวกัน และอิสระที่เท่าเทียมกับการช่วยเหลือกัน…
-
บ้านเลขที่ 1234 สุดซวย ถูกกระหน่ำใช้เป็นที่อยู่ปลอม ถูกตัดน้ำตัดไฟ และกองจดหมายขยะเพียบ!?
มันเป็นเรื่องปกติที่เราอาจจะได้รับอีเมล์ขยะ หรือสแปมเมล์ในอีเมล์ทุกๆ วัน จนบางทีก็แอบทำให้รู้สึกรำคาญว่าจะส่งมาทำไมเยอะแยะ แต่ทั้งนี้เราก็ยังมีวิธีที่จะกำจัดอีเมล์ขยะเหล่านั้นได้อย่างง่ายๆ เพียงแค่กดลบออกไป เท่านี้มันก็หายไปแล้ว แต่สำหรับสถานที่แห่งหนึ่งในประเทศเนเธอร์แลนด์ ผู้คนกลับต้องมาเจอกับความซวยขั้นสุด เพราะพวกเขาได้รับจดหมายขยะของจริงในทุกๆ วันซะอย่างนั้น โอ้ววว…เห็นแล้วลำบากใจแทนจริงๆ วันที่ 28 กรกฎาคม 2017 ทางเว็บไซต์ Vice ได้รายงานว่า อาคารบ้านเลขที่ 1234 AB ซึ่งภายหลังถูกเปลี่ยนเป็น 123 (ด้วยเหตุผลส่วนตัว) ได้รับจดหมายขยะมากที่สุดในประเทศเนเธอแลนด์ ทั้งนี้จึงได้มีการออกตรวจสอบว่าที่อยู่ดังกล่าวมีจริงหรือไม่ ซึ่งภายหลังจากที่ได้ทำการค้นหา ก็พบว่าสถานที่ดังกล่าวมีอยู่จริง โดยตั้งอยู่ในจังหวัดนอร์ทฮอลแลนด์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ นอกจากนี้ ยังได้มีการค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของผู้คนที่อาศัยอยู่สถานที่แห่งนั้น เพื่อสอบถามว่าการที่ได้รับสแปมเมล์มากที่สุดในประเทศ ส่งผลต่ออย่างไรต่อการใช้ชีวิตของพวกเขาบ้าง และนี่คือคำตอบ… Fransen คือคนแรกที่ทางเว็บไซต์ Vice ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ ซึ่งเขาก็ได้ออกมาเผยถึงเรื่องราวที่น่าสนใจว่า… ประมาณครึ่งปีหลังในปี 2009 หลังจากที่ได้ย้ายมาที่ 1234 AB, 123 โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตของเขาถูกตัดสัญญาณ แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือน บ้านของเขาก็ถูกตัดน้ำตัดไฟ ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้น…
-
ภาพบรรยากาศ ‘เทศกาลดอกทิวลิป’ จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ใครเห็นเป็นต้องอยากไป
ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนา – พฤษภา) ของทุกปี ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์จะมีเทศกาลที่เป็นที่ถูกอกถูกใจของคนทั่วโลก นั่นก็คือเทศกาลดอกทิวลิปนั่นเอง และปีนี้ทางการของประเทศก็ได้ประกาศออกมาแล้วว่า เทศกาลดังกล่าวจะถูกจัดขึ้นในช่วงวันที่ 23 มีนาคม – 21 พฤษภาคม เราตามไปชมภาพบรรยากาศจากกระตุ้นต่อมอยากออกไปเที่ยวกันเลยดีกว่า ยินดีต้อนรับเข้าสู่ Keukenhof สวนดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพียงแค่ 25 กิโลฯ จากกรุงอัมสเตอร์ดัม ประวัติศาสตร์ของที่นี่ต้องย้อนกลับไปในสมัย 1641 เคยเป็นที่ตั้งของปราสาท Keukenhof โดยชื่อ Keukenhof แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า ‘Kitchen Garden’ เป็นสวนที่ใช้ปลูกพืชผักสวนครัว และสมุนไพรต่างๆ ต่อมาในปี 1857 ก็ได้มีสถาปนิกออกแบบแลนด์สเคปแห่งนี้ใหม่ ให้กลายเป็นสวนหย่อมแบบบริติชสไตล์ ส่วนเทศกาลดอกทิวลิปเริ่มต้นครั้งแรกเมื่อปี 1950 เป็นครั้งแรกที่สวนแห่งนี้เปิดให้เข้าชมได้อย่างสาธารณะ นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างเดินทางกันเข้ามาเยี่ยมชมความสวยงามของทุ่งดอกทิวลิป โดยในปี 2017 นี้ จะถือเป็นครั้งที่ 68 แล้วล่ะ มีดอกไม้สวยงามมากกว่า 20 สายพันธุ์ถูกนำมาจัดแสดง และผู้ปลูกดอกไม้อีกกว่า…
-
ทัวร์ภายใน “เรือนจำ” ที่ปิดตัวของเนเธอร์แลนด์ วันนี้ถูกเปลี่ยนเป็นบ้านผู้ลี้ภัยแล้ว…
ก่อนหน้านี้เราคงได้เห็นข่าวคราวเรื่องของเรือนจำ จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ต้องถูกปิดตัวลงไปหลายแห่งอันเนื่องมาจากอัตราการก่อเหตุอาชญกรรมของชาวเมืองที่นั่น ลดลงอย่างน่าใจหาย และปัจจุบันสถานที่เรือนจำเหล่านั้นถูกเปลี่ยนให้เป็นบ้านพักสำหรับผู้ลี้ภัย พวกเขายินดีต้อนรับคนจากทุกเชื้อชาติไม่ว่าจะเป็น ซีเรีย อิรัก หรือลิเบีย ที่ต้องการจะหลบหนีสงคราม และเริ่มต้นสร้างชีวิตใหม่ เราตามไปดูกันเลยว่าปัจจุบันเรือนจำเหล่านั้นจะเปลี่ยนไปมากขนาดไหน ในปี 2015 เนเธอร์แลนด์คาดว่ามีผู้ลี้ภัยเข้ามามากถึง 60,000 คน นี่คือตัวอย่างของเรือนจำจากเมือง Haarlem ที่ถูกเปลี่ยนมาเป็นที่พักอาศัยของผู้ลี้ภัย ทางรัฐบาลได้จัดแบ่งโซนไว้ชัดเจนสำหรับชายหญิง เพื่อที่พวกเขาจะได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ‘ความปลอดภัยของพวกเขา เป็นเหมือนภารกิจหนึ่งของเรา ประเทศเราอาจใหม่สำหรับพวกเขา และนั่นก็เป็นหน้าที่เราที่ต้องคอยดูแลทุกคน’ Menno Schot ผู้ดูแลเรือนจำกล่าว อ้างอิงจากสื่อ AP ผู้ลี้ภัยหลายคนบอกว่าชีวิตของพวกเขาดีขึ้นเยอะ ไม่ว่าจะเรื่องอาหาร และการอยู่อาศัย ประตูที่เหล็กที่เคยใช้คุมขังนักโทษ ตอนนี้ก็ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นประตูที่มอบความปลอดภัยให้ผู้ลี้ภัยทุกคน ‘ผมไม่รู้สึกว่าเราอยู่ในคุกเลยแม้แต่น้อย เพราะที่นี่ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยมากกว่าบ้านเกิดเราซะอีก’ ผู้ลี้ภัยวัย 16 ปี คนหนึ่งให้สัมภาษณ์ ผู้ลี้ภัยหลายคนยังเป็นวัยรุ่น บ้างก็อพยพมากับครอบครัว บ้างก็ต้องหลบหนีมาตัวคนเดียว อย่างเช่น Shazia Lutfi สาววัย 19 จากอัฟกานิสถานคนนี้ …
-
ล้ำไปอีก เนเธอร์แลนด์เตรียมโละ ‘รถดีเซลราง’ หันมาใช้รถไฟฟ้าพลังงานกังหันลมแทน!!
อุตสาหกรรมด้านพลังงานก็จัดว่าเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการเป็นอยู่ของมนุษย์เราเหมือนกัน โดยเฉพาะในยุคโพสต์โมเดิร์นแบบนี้ ดูเหมือนหลายประเทศที่พัฒนาแล้วต่างก็เร่งพัฒนาหาพลังงานทดแทนจากธรรมชาติกันยกใหญ่ และล่าสุดประเทศเนเธอร์แลนด์ เค้าก็ได้พัฒนาไปไกลอีกขั้น หลังจากมีการประกาศใช้ ‘พลังงานลม’ สำหรับขับเคลื่อนรถไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ โอ้ววโหวว!! ‘นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นไป ทุกระบบรถไฟฟ้าของเราจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานลมครับ’ โฆษกการรถไฟ Ton Boon ให้สัมภาษณ์ โดยโครงการดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือระหว่างการรถไฟของภาครัฐ และบริษัทผู้ผลิตพลังงานเอกชนรายใหญ่ Eneco ทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมกันปรับเปลี่ยนพลังงานการเดินรถจากเชื้อเพลิงดีเซล มาเป็นการใช้พลังจากกังหันลมแทน ซึ่งในขั้นตอนการผลิตไฟฟ้านั้นกังหันลม 1 ตัวจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากถึง 1.2 พันล้านวัตต์/ชั่วโมง และนั่นมันก็มากพอสำหรับที่จะให้รถไฟฟ้าวิ่งเดินทางได้ไกลถึง 190 กิโลเมตรเลยล่ะ อีกทั้งตอนนี้พวกเขายังได้วางแผนพัฒนาระบบการผลิตพลังงานลม เพื่อนำไปใช้กับระบบไฟฟ้ารูปแบบอื่นๆ เช่น สำหรับสถานีรถไฟฟ้า เป็นต้น และที่สำคัญเนเธอร์แลนด์จะกลายเป็นประเทศแรกในโลก ที่สามารถเปลี่ยนมาใช้พลังงานกังหันลมกับรถไฟฟ้าได้สำเร็จ อย่างเต็มรูปแบบอีกด้วยนะ นอกจากจะมีระบบขนส่งที่ดี (กว่าบ้านเรา) แล้ว ยังไม่ก่อมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อมอีก ประชากรเค้าชีวิตดี๊ดีเนาะ ที่มา: TheGuardian
-
เนเธอร์แลนด์ประสบวิกฤติหนัก ‘ขาดแคลนนักโทษ’ ถึงขั้นต้องยุบเรือนจำกว่า 19 แห่ง
ในขณะที่ประเทศฟิลิปินส์เพิ่งจะประสบปัญหานักโทษล้นคุกไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2016 ทีผ่านมา จนต้องของบจากรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหา แต่ขณะเดียวกันที่เนเธอร์แลนด์กลับประสบปัญหาที่ไม่ว่าชาติไหนๆ ก็อยากจะให้เกิด นั่นคือ “ขาดแคลนนักโทษ” เว็บไซต์ BBC ของต่างประเทศได้รายงานว่าในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา เรือนจำกว่า 19 แห่งต้องปิดตัวลง และยังมีอีกหลายแห่งที่เตรียมตัวปิดในปีถัดๆ ไป เนื่องจากมีนักโทษไม่เพียงพอให้กักขัง นับตั้งแต่เมื่อปี 2005 นักโทษในเนเธอร์แลนด์มีจำนวนราวๆ 14,468 คน แต่พอถึงปี 2015 จำนวนกลับลดลงอย่างมากเหลือเพียง 8,245 คนเท่านั้น เมื่อคิดเป็นสัดส่วนต่อประชากรทั้งหมด เหลือเพียงแค่ 57:100,000 คนเท่านั้น ถือเป็นสัดส่วนที่น้อยที่สุดของโลกประเทศหนึ่งเลยก็ว่าได้ เหตุที่เนเธอร์แลนด์ไม่ค่อยมีนักโทษหรือการทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนอย่างในประเทศอื่นๆ อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยหน่วยงานยุติธรรมและราชทัณฑ์ของเนเธอร์แลนด์ออกมาให้ความเห็นว่า เป็นเพราะการแก้ไขปัญหาการกระทำผิดและปรับปรุงเป็นรายบุคคล แทนที่จะลงโทษอย่างเดียว ซึ่งหากว่ากันตามจริงแล้ว ประเทศเนเธอร์แลนด์เองมักไม่ลงโทษผู้ต้องหาด้วยการจำคุกเป็นเวลานานๆ อย่างเดียว แต่จะลงโทษด้วยวิธีอื่น เช่นติดเครื่องส่งสัญญาณที่ผู้ต้องหา เพื่อดูพฤติกรรม หรือให้ทำงานเพื่อสังคม และบำบัดอาการทางจิต ความโกรธหรืออะไรก็แล้วแต่ที่อาจส่งผลให้เกิดการทำผิดซ้ำขึ้นอีก นอกจากนี้ทางเรือนจำในเนเธอร์แลนด์ยังมีวิธีการดูแลผู้ต้องหาในแบบที่แตกต่างไปจากที่อื่นๆ ด้วย เพราะพวกเขาจะปรับให้ภายในเรือนจำมีความผ่อนคลาย มีห้องสมุด…
-
พาชมสะพานน้ำ ‘Veluwemeer Aqueduct’ ในเนเธอร์แลนด์ ที่เรือข้ามข้างบน แต่รถลอดข้างล่าง!?
บนโลกของเรานั้นมีสิ่งมหัศจรรย์อยู่มากมาย มีทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและถูกสร้างขึ้นโดยน้ำมือของมนุษย์ และสิ่งมหัศจรรย์ที่ #เหมียวหง่าว จะพาเพื่อนๆ ไปชมกันในวันนี้ก็คือ สะพานทางด่วนน้ำ หรือจะเรียกว่าอุโมงค์ทางด่วนรถลอดใต้แม่น้ำ ที่อยู่ในประเทศเนเธอเแลนด์ และนี่คืองานสถาปัตยกรรมสุดเจ๋งที่ตั้งอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ อุโมงค์ลอดแม่น้ำ Veluwemeer Aqueduct ที่เชื่อมกันระหว่างแผ่นดินใหญ่กับเกาะเทียมที่มีชื่อว่าเกาะ Flevoland โครงการสร้างสำเร็จเมื่อปี 2002 เจ้าสะพานน้ำนี้อยู่บนถนนเส้น N302 ในเมือง Harderwijk ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ (พิกัด Google Maps: 52°21’39.6″N 5°37’07.5″E ) แต่รู้หรือไม่ว่าก่อนได้สร้าง ในระหว่างที่มันยังเป็นเพียงต้นแบบอยู่นั้น ก็มีการถกเถียงกันอยู่นานว่าจะสร้างดีหรือไม่!? นั่นเพราะว่าการสร้างสะพานลอดใต้น้ำนั้นไม่ใช่สะพานธรรมดาๆ และต้องใช้งบสิ้นเปลืองเป็นอย่างมาก แถมยังต้องใช้เวลาในการสร้างที่ยาวนานพอสมควรเลยล่ะ ไอเดียหลักของเจ้าสะพานนี้ก็คือช่วยให้การเดินทางทั้งทางน้ำและทางบกสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกโดยปราศจากสิ่งกีดขวางที่เป็นเสาสะพาน ปัญหารถติด หรือเหล่าเรือข้ามฟากทั้งหลาย รถก็สามารถวิ่งได้สะดวกโดยการลอดอุโมงค์ ไม่จำเป็นต้องข้ามสะพานและหยุดรอให้รถติดเมื่อต้องเปิดสะพานเพื่อให้เรือผ่าน ส่วนเรือก็ไม่ต้องคอยคิวเปิดสะพาน เพราะสามารถแล่นได้ปกติตลอดเวลา แต่ในที่สุดทางการของ Netherland ก็ได้ตัดสินใจที่จะเซ็นอนุมัติให้สร้างสะพานนี้ขึ้นมา โดยตัวอุโมงค์นั้นมีความยาว 25 เมตร และกว้าง 19 เมตร มีความลึกลงไปจากผิวน้ำถึง 3 เมตรด้วยกัน ส่วนทางข้างบนนั้นก็มีทางน้ำเล็กๆ…
-
เนเธอร์แลนด์ผุด ‘บาร์แก้แฮงค์เฉพาะกิจ’ รักษาอาการงึกๆ งักๆ จนคนแห่ใช้บริการคับคั่ง!!
มาถึงจุดๆ นี้เพื่อนๆ ก็คงจะเคยดื่มหนักและมีอาการแฮ้งค์โอเวอร์ในยามเช้ากันมาบ้าง วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็อยากจะแนะนำสถานที่ดีๆ แห่งเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์กันสักหน่อย รับรองถูกใจสายแข็งและขาแฮ้งค์ชัวร์!! เพราะตอนนี้มีบาร์แห่งใหม่เกิดขึ้น ชื่อว่า Hangover Bar ในกรุงอัมสเตอร์ดัม และจะเปิดเพียง 3 วันเท่านั้น 23-25 กันยายน 2559 เพื่อเหล่าบุคคลเมาค้างโดยเฉพาะ แถมผู้คนต่างแห่กันเข้าใช้บริการกันอย่างคับคั่ง จนต้องจองบาร์กันไว้เพื่อไปใช้บริการกันล่วงหน้าเลยทีเดียว!! มีทั้งเตียงนุ่มสบายๆ น้ำผลไม้เพื่อให้สร่าง และเมนูแก้แฮงค์มากมาย ในตอนเช้าที่คุณยังคงปวดหัวตุบๆ จากการดื่มหนักมาเมื่อคืน คุณสามารถเรียกให้รูมเซอร์วิสไปส่งขนมแก้แฮงค์ให้คุณถึงเตียง ขณะที่กำลังดูหนังอยู่ก็ยังได้ บาร์ที่เต็มไปด้วยออกซิเจนบริสุทธิ์ เพื่อช่วยให้สมองได้รับออกซิเจนมากขึ้น จะได้กลับมาสดชื่นไวๆ รวมทั้งบริการ ‘ถอน’ ที่ทางบริกรจะเสิร์ฟวอดก้าให้กับคุณอีกสักช็อต สร้างความตื่นตัวชั่วครู่ให้คุณสามารถสู้กับวันใหม่กันได้อย่างสบายๆ ตอนนี้ถ้าจะไปก็คงไม่ทันแล้ว แต่ไอเดียของบาร์แห่งนี้ใช้ได้เลยนะเนี่ย!! น่าเสียดายที่เปิดแค่ไม่กี่วันเอง แต่เพื่อนๆ สามารถนำวิธีการของพวกเขาไปใช้ได้นะเนี่ย ทั้งการเสิร์ฟขนม เมนูแก้แฮงค์ การวางต้นไม้ประดับข้างๆ เตียงเพื่อเพิ่มออกซิเจนบริสุทธิ์ในยามเช้า นี่มาจากรีวิวขี้เมารึเปล่าเนี่ย!!? ที่มา:…
-
ช่างภาพชาวดัตช์ เชิญชวนให้ทุกคน ‘ไปเที่ยวบ้านผมหน่อย’ แล้วมันก็น่าไปโคตรๆ!!
ในวันนี้ช่างภาพชาวเนเธอร์แลนด์ชื่อว่า Albert Dros จะเป็นคนมาเชิญชวนเพื่อนๆ ทุกคนให้ไปเยี่ยมเยียนที่ประเทศที่เรียกได้ว่าเป็นบ้านเกิดของเขากัน ช่างภาพบอกว่า ที่เนเธอร์แลนด์ นั้นเป็นประเทศที่ค่อนข้างจะธรรมดา ไม่มีภูเขาสูงเพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ ไม่มีตึกสูงระฟ้า สิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่จะไม่สูงซักเท่าไหร่ และนั่นเองก็ทำให้คนส่วนมากคิดว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ที่น่าเบื่อรึเปล่านะ? แต่ขอบอกเลยว่าให้กลับความคิดเสียใหม่… เพราะที่นี่เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยความมีเอกลักษณ์ ลองนึกภาพถึงแปลงดอกไม้ที่ยาวสุดลูกหูลูกตา พร้อมกับมีโรงนาใหญ่ๆ ดูสิ หรือจะเป็นกังหันลมที่ตั้งทอดยาวออกไปสุดลูกหูลูกตา ถนนหนทางที่ทอดยาวเข้าไปในป่าที่มีแต่ต้นไม้ต้นใหญ่เต็มไปหมดระหว่างสองข้างทาง พื้นที่ราบที่ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกบางๆ ในยามเช้า บ้านเรือนที่มีสีสันแปลกตา สิ่งปลูกสร้างที่มีความงดงาม และมีเอกลักษณ์ทางด้านสถาปัตยกรรม ดอกทิวลิป!! สามารถนอนดูดาวได้โดยที่ไม่มีภูเขาบดบัง ป่าไม้ที่เขียวชะอุ่ม ที่ราบที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้ บ้านสไตล์ดัตช์ ที่เต็มไปด้วยสีสัน ท้องทะเลสีฟ้าคราม ฝากไว้เป็นเกร็ดความรู้นิดนึง เนื่องจากประเทศเนเธอร์แลนด์นั้นมีสภาพภูมิประเทศเป็นแบบที่ราบ และพื้นที่ส่วนใหญ่นั้นอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ในอดีตจึงเกิดน้ำท่วมแทบตลอด แต่ถึงอย่างไรก็ตามประเทศเนเธอร์แลนด์ก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการจัดการน้ำที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้เลยนะ ที่นี่มีการทำเกษตรกรรมกันมาก ไม่ว่าจะเป็นทำสวนปลูกดอกไม้ พืชผลทางการเกษตรต่างๆ หรือการเลี้ยงสัตว์ ทั้งหมดนี้จำเป็นจะต้องใช้น้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงให้ความสำคัญกับการจัดการในเรื่องของน้ำ ไม่ให้มีมากเกินจำเป็น…
-
7 เหตุผลที่ว่าทำไม ‘เนเธอร์แลนด์’ จึงก้าวขึ้นมา เป็นประเทศแห่งยุคอนาคต..!!
เป็นที่รู้กันดีว่า ประเทศเนเธอร์แลนด์นั้น มักจะมีชื่อเสียงในด้านการออกแบบสิ่งใหม่ๆ หรือโครงการต่างๆ ที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกประหลาดใจและประทับใจอยู่เสมอ โดยล่าสุดทางเว็บไซต์ Bright Side ก็ได้นำเสนอความเป็นจริงเกี่ยวกับประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศในอุดมคติที่หลายๆ ประเทศใฝ่ฝันอยากให้เป็นในโลกอนาคตอันใกล้นี้เลย 1. เป็นประเทศเดียวที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงถูกทอดทิ้ง เรื่องนี้ได้รับการยืนยันเมื่อไม่นานมานี้ ว่าปรเทศเนเธอร์แลนด์ไม่มีสัตว์ที่ถูกทิ้ง หรือไม่มีกระทั่งหมาจรจัดเลย ทั้งนี้เป็นเพราะว่ารัฐบาลมีความเข้มงวดในกฏหมายที่ว่าด้วยสิทธิสัตว์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการทารุณและทอดทิ้งสัตว์เลี้ยง 2. เนเธอร์แลนด์มีเลนจักรยานที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นประเทศแรกของโลก โครงการที่เรียกว่า SolaRoad เกิดจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา โดยเส้นทางสายแรกเปิดในปี 2015 มีความยาวเพียง 100 เมตร แต่ก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าอย่างมากสำหรับการสร้างถนนในอนาคต แนวคิดหลักของโครงการนี้คือการผลิตไฟฟ้าเพื่อเพียงพอต่อการให้แสงสว่างถนนและการชาร์จแบตยานพาหนะ 3. จุดชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ที่ตั้งห่างไม่เกิน 50 เมตร ในแต่ละพื้นที่ หนึ่งในจุดเด่นของประเทศเนเธอร์แลนด์คือการมีระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เนเธอร์แลนด์พยายามจะหยุดการใช้ยานพาหนะที่ต้องใช้น้ำมันเบนซินและดีเซล แต่หันมาใช้รถไฟฟ้าที่อาศัยการชาร์ตแบตแทน 4. ในเนเธอร์แลนด์ มีเมืองหนึ่งซึ่งไม่มีคนขับรถยนต์เลย นับตั้งแต่ปี 1980 พลเมืองกว่า 4,000 คนในเมือง Houten ได้รณรงค์ให้ใช้รถจักรยานมากกว่ารถชนิดอื่นๆ ตั้งแต่นั้นมาผู้คนก็หันมาใช้จักรยานกันมากขึ้นตามลำดับ 5. เป็นประเทศที่กำลังจะห้ามจำหน่ายรถใช้เชื้อเพลิงเบนซินและดีเซล ในปี…
-
คือดีงาม… นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ไปทำงานด้วยการ ‘ปั่นจักรยาน’ เองบ่อยๆ
พูดถึงการเดินทางของนายกรัฐมนตรีของแต่ละประเทศแล้ว หลายคนอาจนึกถึงขบวนรถตำรวจใหญ่โตอารักขาอำนวยความสะดวกตลอดทาง ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและอื่นๆ อีกมากมาย แต่นั่นไม่ใช่สำหรับ มาร์ค รูทท์ นายกรัฐมนตรีของประเทศเนเธอร์แลนด์คนนี้ เพราะเขาปั่นจักรยานไปทำงานทุกวัน โดยไม่มีขบวนอารักขาใหญ่โตแต่อย่างใด!! โดย นายมาร์ค รูทท์ ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ชื่นชอบการปั่นจักรยานมาทำงานมาก มากถึงขนาดที่ครั้งหนึ่งที่คณะผู้แทนจากประเทศอิหร่านได้มาเยือนทำเนียบรัฐบาลของเนเธอร์แลนด์ และแล้วภาพที่เขาเห็นพวกเขาถึงกับตกตะลึงว่า นายกรัฐมนตรีของเนเธอร์แลนด์ปั่นจักรยานมาถึงทำเนียบ โดยไม่มีแม้แต่ขบวนอารักขาแต่อย่างใด… ซึ่งสำนักข่าว Kenya Today จากประเทศเคนย่า ได้ยกย่องนายมาร์ก รูทท์เป็นอย่างมาก ที่แม้จะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 15 ของโลก แต่ก็ยังปั่นจักรยานมาทำงาน ผิดกับนายกรัฐมนตรีของประเทศเคนย่าที่ยากจนมากๆ แต่นายกรัฐมนตรีกลับมีรถหรูขับตามตลอดเวลา การปั่นจักรยานมาทำงานของนายมาร์ก รูทท์นี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดสำหรับชาวเนเธอร์แลนด์ เพราะเนเธอร์แลนด์ถือว่าเป็นประเทศที่มีการใช้จักรยานในชีวิตประจำวันมากที่สุดในโลก โดยเป็นผลมาจากนโยบายลดอุบัติเหตุทางรถยนต์และลดมลพิษของรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่ช่วงปี 2000 นั่นเอง นายกเนเธอแลนด์ไม่เท่เบย สู้นายกของเราก็ไม่ได้ ถึงกับขี่บิ๊กไบค์มาทำงานเลยนะ เจ๋งกว่าเยอะ อิอิ ที่มา evworld, kenya-today
-
เนเธอร์แลนด์เตรียมเปลี่ยน ‘คุก’ เป็นบ้านพักผู้อพยพ เพราะประสบปัญหาร้าง-ไม่มีนักโทษ!!
พูดถึง คุก หรือ เรือนจำ เชื่อว่าหลายๆ ประเทศต้องประสบปัญหาคล้ายๆ กัน นั่นก็คือมีนักโทษมากเกินไป จนกลายเป็นปัญหานักโทษล้นคุก อย่างเช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีประชากรนักโทษถึง 2.4 ล้านคนทั่วประเทศ…. แต่สำหรับประเทศเนเธอร์แลนด์แล้วกลับประสบปัญหาที่ตรงกันข้าม เพราะเรือนจำของพวกเขากลับร้าง ไม่มีนักโทษให้ขัง จนต้องมีแนวคิดที่จะนำนักโทษจากประเทศข้างๆ มาขังแทน หรือเปลี่ยนคุกให้เป็นแคมป์สำหรับผู้ลี้ภัยต่างๆ สำนักข่าว Washington Post รายงานว่าในช่วงปี 2011-2015 จำนวนนักโทษของเนเธอร์แลนด์ลดลงถึง 27 เปอร์เซ็น ซึ่งหากนักโทษของสหรัฐอเมริกาลดไป 27 เปอร์เซ็นบ้าง จะสามารถลดนักโทษได้ถึง 600,000 คน (หรือเท่าๆ กับประชากรของจังหวัดสุโขทัยทั้งจังหวัดเลยทีเดียว!!) ภาพจากคุก Scheveningen ในเนเธอร์แลนด์ เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นผลมาจากนโยบายใหม่ของเนเธอร์แลนด์ที่พยายามลดบทลงโทษของคดที่ไม่มีผู้เสียหายหรือเสียชีวิต รวมถึงผ่อนปรนของผิดกฎหมายบางอย่างเช่น กัญชา ให้ประชาชนสามารถสูบกันได้อย่างเสรี ซึ่งผู้ที่กระทำผิดส่วนใหญ่จะถูกคุมประพฤติหรือให้บำเพ็ญประโยชน์ให้กับสังคมแทน ภาพผู้อพยพชาวซีเรีย ที่หนีภัยสงครามไปยังยุโรป นอกจากนี้ทางการเนเธอร์แลนด์ยังมีแผนเปลี่ยนคุกที่ไร้นักโทษทั้งหลาย ให้กลายเป็นสถานที่รับรองสำหรับเหล่าผู้ลี้ภัยต่างๆ เนื่องจากในคุกมีทั้งห้องพัก เตียงนอน โรงออกกำลังกาย และโรงอาหารเตรียมไว้พร้อมหมดแล้วอีกด้วย คุกในเนเธอร์แลนด์…
-
นวัตกรรมใหม่เอาใจขาล่อง ‘E-joint’ กัญชาไฟฟ้าที่เติมได้ไม่อั้น จากบริษัทในเนเธอแลนด์!!!
เรียกได้ว่าเป็นแนวหน้าเรื่องนี้กันอยู่แล้วสำหรับประเทศนี้ เมื่อสำนักข่าวต่างประเทศ Independent ได้รายงานเกี่ยวกับนวัตกรรมใหม่ในประเทศเนเธอแลนด์ ที่คงถูกใจขาล่องกันสุดๆ ไปเลยทีเดียว!!! E-joint หรือกัญชาไฟฟ้า นวัตกรรมใหม่ของบริษัท E-Njoint BV ที่นอกจากจะช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกผ่อนคลาย และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพแล้ว ยังถูกกฎหมายของประเทศด้วยล่ะ E-joint จาก E-Njoint BV สำหรับสินค้าตัวนี้ สามารถเติมกัญชาได้ทั้งชนิดเหลวและแห้ง ลักษณะก็จะคล้ายบุหรี่ไฟฟ้าที่มีวางขายตามท้องตลาดทั่วไป แต่ตรงปลายแท่งจะมีไฟสีเขียวรูปใบกัญชา ที่จะสว่างขึ้นทุกครั้งที่สูบ เป็นเอกลักษณ์ของทางผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ทางผู้ผลิตได้เปิดเผยว่า กัญชาไฟฟ้า กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก โดยขณะนี้บริษัทสามารถผลิตออกจำหน่ายได้วันละ 10,000 ชิ้นเลยทีเดียว!!! ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย ลองมาชมคลิปวิดีโอกันได้ที่นี่ ในส่วนของราคานั้นก็ไม่ได้แพงอย่างที่คิด มีตั้งแต่แพ็กเกจชุดเล็กสุดราวๆ 5 ยูโร (200 บาท) ไปจนถึงชุดใหญ่แบบจุใจ ราวๆ 30 ยูโร (1,200 บาท) เลยทีเดียว ทั้งแบบแค่ตัวสูบแบบเดี่ยวๆ หรือ พร้อมน้ำยาแบบต่างๆ เลือกกันได้อย่างจุใจ!!! ก็เป็นที่รู้กันดีกว่าเนเธอแลนด์นั้นเป็นหนึ่งในประเทศที่เปิดเสรีให้กับเรื่องพวกนี้อย่างมาก และเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ เลยล่ะที่มีการจัดจำหน่ายกัญชากันอย่างถูกกฎหมายอย่างแพร่หลาย หากจะมีผลิตภัณฑ์แบบนี้ออกมาก็คงไม่น่าแปลกใจนัก……
-
Amsterdam เมืองหลวงแห่งมวลมหาจักรยาน กับปัญหาจักรยานตกคลองที่ไม่จบสิ้น!!
เป็นที่ขึ้นชื่อในเรื่องของเมืองหลวงแห่งมวลมหาจักรยาน Amsterdam จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ใครที่ชอบปั่นจักรยานไปทำงานหรือไปเที่ยวหรือจะออกกำลังกายคงจะชอบเมืองนี้แน่นอน แต่ทว่าด้วยจำนวนอันมากมายมหาศาลที่ผู้คนเลือกใช้จักรยานนั้นกลับก่อปัญหาอันใหญ่หลวงตามมาแบบไม่รู้จบ!! ใครๆ ก็เลือกที่จะใช้จักรยานในเมือง Amsterdam เมืองหลวงแห่งจักรยาน หากคุณกำลังคิดว่าชีวิตที่นี่ดี๊ดี เป็นเมืองสะอาด ผู้คนช่วยกันลดมลพิษด้วยการปั่นจักรยาน แถมยังมีคลองสวยๆ ตัดผ่านในเมืองอีก อยากจะบอกให้รู้เอาไว้ว่าคลองทั้งหลายสายที่ตัดผ่านนั้นล้วนสกปรกอันเนื่องมาจากปัญหาจักรยานตกลงไปในคลองและจมอยู่ในนั้นจนกลายมาเป็นขยะ การจอดจักรยานริมคลองในเมือง Amsterdam ลานจอดจักรยานขนาดใหญ่ติดคลอง ทั้งนี้จากการสำรวจจำนวนประชากรภายในเมือง Amsterdam คาดว่ามีผู้คนอาศัยอยู่ราวๆ 780,559 คน และคาดว่าน่าจะมีจักรยานในครอบครองเป็นจำนวน 880,000 – 1,000,000 คัน ซึ่งมีทั้งผู้ที่ใช้จักรยานในการเดินทางไปทำงานแบบไปกลับ และบางส่วนเลือกที่จะทิ้งจักรยานไปเลยก็มี จักรยานจำนวนมากมายมหาศาลภายในเมือง Amsterdam การจอดจักรยานริมคลองในเมือง Amsterdam ภายในเมือง Amsterdam นั้นมีคลองตัดผ่านมากถึง 165 สายด้วยกัน ความยาวประมาณ 100 กิโลเมตร และผู้คนก็มักจะเลือกที่จอดจักรยานริมคลอง จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าจะมีจักรยานจำนวน 15,000…
-
เรียกสั้นๆ ว่า ‘ห้องสมุด’ ส่วนเรียกยาวๆ ว่า ‘ภูเขาหนังสือ Spijkenisse’ แห่งเนเธอร์แลนด์!!
เดี๋ยวนี้ห้องสมุดทุกที่ในโลกก็มักจะได้รับการปรับปรุงอยู่เสมอ เพื่อให้ทันยุคสมัยและการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ นอกจากจะปรับตัวแล้วก็ยังมีการออกแบบและสร้างสรรค์ห้องสมุดขึ้นมาใหม่ เรียกได้ว่าสามารถดึงดูดผู้คนให้เข้ามาใช้บริการภายในห้องสมุดได้เป็นอย่างดี ที่ต่างประเทศนั้นเขาให้ความสำคัญกับห้องสมุดมากๆ เลยล่ะ อย่างเช่นห้องสมุด Spijkenisse หรือ กองภูเขาหนังสือ Spijkenisse จากประเทศเนเธอร์แลนด์นี้ โดยลักษณะการออกแบบที่ตั้งใจให้เหมือนกับภูเขาที่ก่อตัวขึ้นมาจากกองหนังสือ 5 ชั้น เหมียวว่าเป็นไอเดียที่ดีมากๆ เลยทีเดียว เพราะเป็นการประหยัดพื้นที่รอบด้านของห้องสมุดให้กลายมาเป็นที่นั่งอ่านหนังสือหรือใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้ และรวบรวมหนังสือไว้ในที่เดียวกัน ผลงานการออกแบบสุดบรรเจิดนี้เป็นผลงานของทีมสถาปนิกจาก MVDV ซึ่งนอกจากจะเป็นห้องสมุดแล้ว ก็ยังเป็นศูนย์การศึกษา, สโมสรหมากรุก, ห้องประชุม, สำนักงานของบริษัท และร้านค้าปลีกอีกมากมาย เรียกได้ว่าครบครันแทบจะทุกอย่างเลย แถมบรรยากาศก็น่าเข้าไปใช้บริการซะเหลือเกิน ทั้งบรรยากาศภายนอกและภายในดูดีไปหมดเลยแฮะ ถ้าหากว่าได้มีโอกาสไปเยือนประเทศเนเธอร์แลนด์ก็ลองไปเยี่ยมชมห้องสมุดแห่งนี้กันบ้างนะจ๊ะ ที่มา : thechive
-
พิพิธภัณฑ์ในเนเธอร์แลนด์ ให้ใช้การ “วาด” แทนการ “ถ่ายภาพ” เพื่อสัมผัสความงามที่แท้จริง!?
การไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ ในที่ต่างๆ สิ่งหนึ่งที่ผู้คนมักจะทำก็คือการถ่ายภาพนั่นเอง เพราะในพิพิธภัณฑ์จะมีสิ่งของสำคัญๆ ที่เก็บรวบรวมไว้มากมาย และเราก็คงจะอดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องขึ้นมาบันทึกเรื่องราวเหล่านั้นไว้ แต่ดูเหมือนว่าพิพิธภันฑ์บางแห่งจะไม่เห็นด้วยและสั่งห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวนำกล้องเข้าไปถ่ายภาพ เพราะคิดว่าการ “ถ่ายภาพ” นั้นง่ายเกินไป!? วันนี้เหมียวจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์ The Rijksmuseum ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่นี่มีกฎห้ามไม่ให้ผู้คนนำกล้องและโทรศัพท์มือถือเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ หากนักท่องเที่ยวคนไหนอยากจะเก็บรูปไว้เป็นที่ระลึกแล้วล่ะก็ พวกคุณจะต้องวาดเอาเอง สาเหตุที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งกฎแบบนี้ขึ้นมาก็เพราะว่าต้องการให้นักท่องเที่ยวสัมผัสความงามของศิลปะด้วยตนเอง แม้ว่าภาพวาดที่ออกมานั้นจะสวยบ้าง ไม่สวยบ้าง แต่นั่นก็เกิดจากฝีมือของคุณเอง และนั่นถือเป็นประสบการณ์ความงามอันล้ำค่าที่คุณควรได้สัมผัสมันเอง เพราะหากว่าคุณใช้การถ่ายภาพ มันจะทำให้คุณเห็นแต่ “ภาพ” ที่ประกอบไปด้วยองค์ประกอบและวัตถุมากมาย จนบางครั้งคุณก็อาจสังเกตเห็นมันได้ไม่หมด แต่การวาดจะทำให้คุณสนใจในทุกรายละเอียดและเส้นสาย จนคุณเข้าใจความงามที่แท้จริง หากว่าคุณเดินทางมาที่แห่งนี้ แต่ดันลืมพกกระดาษและดินสอมาแล้วล่ะก็ ทางพิพิธภัณฑ์เองก็เตรียมไว้ให้แล้วเหมือนกัน หากใครอยากลองสัมผัสศิลปะที่เกิดจากศิลปะอย่างแท้จริงแล้วล่ะก็ ลองเปลี่ยนจากการถ่ายภาพเป็นการวาดภาพดูไหมล่ะ? ที่มา boredpanda