Tag: เน่า
-
ฝรั่งรีวิว “ไข่เยี่ยวม้า” ชิมแล้วคายทิ้ง พร้อมบอกว่า “เหมือนไข่เน่า” ชาวเน็ตปรี๊ดแตก!!
ไข่เยี่ยวม้า ไข่เนื้อวุ้นสีน้ำตาลเข้มจนถึงดำ เป็นของโปรดในหลายๆ เมนูอาหารสำหรับชาวไทยและชาวเอเชียหลายประเทศ หลายคนอาจกล่าวว่าความเอร็ดอร่อยของมันอยู่ที่รสสัมผัสของไข่ขาวที่เด้งราวกับวุ้นแต่ส่วนไข่แดงกลับเนียนนุ่ม โดยทั้งสองส่วนให้รสชาติเค็มมันปะแล่มๆ ประกอบกับกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งหาได้จากไข่เยี่ยวม้าเท่านั้น ทว่าชาวต่างชาติโดยเฉพาะฝั่งตะวันตกกลับบอกว่า “ไม่ชอบ” เจ้าอาหารที่เรียกว่า ไข่เยี่ยวม้า หรือ Century Egg แบบสุดๆ บริษัทผลิตสื่ออย่าง Vocativ ได้สร้างวิดีโอการทดลองชิมไข่เยี่ยวม้าโดยชาวตะวันตก แต่คำวิจารณ์และปฏิกิริยาแง่ลบกลับทำให้ชาวเอเชียจำนวนไม่น้อยเกิดความไม่พอใจ เพราะพวกเขาบอกว่ากลิ่นเหมือนกับไข่เน่าแถมรสชาติยังไม่อร่อยอีกด้วย แถมยังมีการคอมเมนต์ว่า “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนเราจะกินไอ้ของแบบนี้ได้จริงๆ” ชมคลิปวิดีโอจาก Vocativ ในคลิป Vocativ มีการเขียนอธิบายว่า “ไข่พวกนี้ส่งกลิ่นเหม็นน่าขยะแขยงออกมา แถมเนื้อของมันยังเป็นวุ้นสีมืดๆ ที่ดูไม่น่ากินอีกด้วย” ในช่วงต้นของคลิปจะเผยให้เห็นวิธีการทำไข่เยี่ยวม้า และหลังจากนั้นก็จะเผยภาพปฏิกิริยา ทั้งสีหน้า และคำวิจารณ์ ของชาวตะวันตกที่ลองชิมเจ้าไข่เยี่ยวม้านี้ คลิปวิดีโอแสดงให้เห็นว่าหลายคนที่ชิมไข่เยี่ยวม้านั้นต้องหน้าเบ้ และรีบคายทิ้งอย่างรวดเร็ว Vocativ จึงเขียนคำอธิบายว่า “ชาวต่างชาติต่างต้องพยายามกลืนและยัดอาหารสุดประหลาดนี้ลงคอให้ได้” “แต่บางคนก็บอกว่าหากสามารถทนกลิ่นมันได้ มันก็ถือว่าเป็นอาหารที่อร่อยเลยล่ะ” สุดท้าย Vocativ เสนอว่า “เราควรทานแบบดั้งเดิมน่ะดีที่สุดแล้ว” หลังจากคลิปวิดีโอนี้ถูกเผยแพร่ลงบนโลกโซเชียล…
-
อี๋วววว~ นี่คือสาเหตุที่เราไม่ควรเข้าใกล้ “ศพปลาวาฬ” ทั้งแก๊สทั้งกลิ่นมาเต็ม!!
วาฬ หรือ ปลาวาฬ หลายคนอาจทราบกันดีว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สัตว์ชนิดนี้ถึงแม้จะมีขนาดมหึมาแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นสัตว์อันตรายหรือดุร้ายแต่อย่างใด แต่เมื่อพวกมันสิ้นชีพลงมันกลับอันตรายต่อมนุษย์เสียยิ่งกว่าตอนมีชีวิตอยู่เสียอีก ศพของปลาวาฬย่อมเป็นจุดสังเกตของผู้คนเนื่องจากขนาดตัวที่ใหญ่โต บางครั้งศพของมันก็ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ บางครั้งมันก็เกยตื้นอยู่ตามชายหาด แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ศพของปลาวาฬไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์อย่างเราควรเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย ต่อไปนี้คือ เหตุผล ที่ทำไมเราถึงไม่ควรเข้าใกล้ศพปลาวาฬ… เมื่อปลาวาฬตายลงภายในศพจะมีแก๊สอัดแน่อยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะในส่วนท้องที่อัดจนพองรอเวลาระเบิดออก เมื่อเซลล์เริ่มเสื่อมสลายลงทีละนิด แก๊สภายในจึงเหมือนระเบิดเวลาที่รอให้เซลล์รับแรงดันไม่ไหวหรือมีอะไรมากระตุ้นจนเกิดการระเบิดออกมา เครื่องในของปลาวาฬสามารถระเบิดออกมาได้ภายในเสี้ยววินาทีโดยไม่มีสัญญาณเตือน หากชายคนนี้ต้องการหลบระเบิดให้ทันต้องใช้ความเร็วออกตัวที่ 70 กม./ชม. เลยล่ะ แถมแรงระเบิดยังทำให้เครื่องในและไขมันของปลาวาฬสามารถปลิวได้ไกลกว่า 50 เมตรอีกด้วย ที่น่าขนลุกยิ่งกว่าแรงระเบิดของแก๊สภายในศพปลาวาฬก็คือ กลิ่นของมันที่เลื่องลือกันว่าเป็นกลิ่นที่เหม็นเน่าที่สุดเท่าที่คนเราเคยสัมผัสมา บึ้ม! เผละ… อี๋… ขอสาบานเลยว่าชาตินี้จะไม่ขอเข้าใกล้ศพปลาวาฬอย่างแน่นอนเลยล่ะจ้า!! ที่มา: thechive
-
คู่รักกับสภาพเท้าอันเน่าเปื่อย ผลพวงจาก ‘พยาธิปากขอ’ สิงเท้าเปล่าบนชายหาด!!
[บทความต่อไปนี้อาจมีภาพและเนื้อหาที่ต้องใช้วิจารณญาณในการรับชม] วันหยุดทั้งทีใครก็ต้องอยากพักผ่อนให้ชื่นใจ แต่บางครั้งการพักผ่อนนั้นก็ไม่ได้ตามมาด้วยความชื่นใจเสมอไปหรอก มันอาจมีบางสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ตามมาด้วย และอาจทำให้วันหยุดของคุณเลวร้ายลงสุดๆ เลยก็เป็นได้ อย่างเช่นคู่รักหนุ่มสาวชาวแคนาดาคู่นี้ Katie Stephens วัย 22 ปีและ Eddie Zytner วัย 25 ปี ทั้งคู่ได้ใช้ช่วงเวลาวันหยุดด้วยกันที่สาธารณรัฐโดมินิกัน ณ รีสอร์ตแห่งหนึ่ง และได้ไปเดินเล่นเท้าเปล่าบนชายหาดใน Punta Cana แต่หลังจากที่เขากลับบ้านมาในช่วงเดือนมกราคม 2018 กลับรู้สึกคันบริเวณเท้าของพวกเขา ขณะนั้นพวกเขาคิดว่าน่าจะเป็นเพราะแมลงกัด เมือพวกเขาไปพบแพทย์ก็ไม่มีแพทย์คนไหนทราบว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งเข้าพบแพทย์คนที่ 3 ที่พบว่า “พยาธิปากขอ” อยู่ในเท้าของพวกเขา . หลังจากนั้น พวกเขาจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยา “Ivermectin” ซึ่งหาไม่ได้ในประเทศแคนาคา ทำให้พวกเขาต้องเดินทางไปถึงสหรัฐอเมริกาเพื่อหายาดังกล่าว และอาการของพวกเขาดีขึ้นอย่างช้าๆ . พยาธิปากขอนั้นสามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้หากคนเราไปสัมผัสโดนพื้นดินหรือทรายที่ปนเปื้อนอุจจาระของสัตว์ที่มีพยาธิติดอยู่ ทางที่ดีควรป้องกันโดยการ สวมรองเท้าหากออกไปข้างนอก ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร และดูแลสัตว์เลี้ยงของคุณให้ดี เช่น…
-
แบคทีเรียกินเนื้อคร่าชีวิตเด็กชาย หมอพยายามยื้อสุดหนทาง ตัดจนไม่เหลืออะไรให้ตัดแล้ว…
แบคทีเรียนั้นมีอยู่ตามที่ต่างๆ แม้รอบๆ ตัวของพวกเราเองก็มีแบคทีเรียซ่อนอยู่ในที่ที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างสะอาดเท่าที่ควร และเมื่อคนเราได้รับแบคทีเรียมากๆ เข้า ก็จะส่งผลกับร่างกายของเรา และมนุษย์เราเองก็ไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าจะมีแบคทีเรียชนิดไหน อยู่ที่ไหนบ้าง และอาจจะโชคร้ายแบบเด็กชายรายนี้ที่ชื่อว่า Liam Flanagan เขาเป็นเพียงหนุ่มน้อยอายุ 8 ปี ที่ดันขี่จักรยานล้มขณะกำลังจะปั่นไปหาครอบครัว ในวันที่ 13 มกราคม 2018 ที่ผ่านมา จากอุบัติเหตุทำให้คันบังคับหรือแฮนด์ของจักรยานนั้นไปเกี่ยวกับ “ต้นขา” ของเขาเข้า จึงต้องถูกนำตัวไปส่งโรงพยาบาลเพื่อทำแผล หลังจากกลับบ้านมาได้ไม่กี่วันเขาพบว่า ที่แผลบนหน้าของเขานั้นเกิดเจ็บปวดและม่วงแดง เหมือนกับว่ามันเริ่มเน่า เข้าจึงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอีกครั้ง เมื่อแพทย์วินิจฉัยจึงพบว่า เขาเป็น “โรคเนื้อเน่า” ที่เกิดจาก “แบคทีเรียกินเนื้อ” นั่นเอง จากนั้นหนูน้อย Liam จึงเข้ารับการรักษาโดยการผ่าตัดเนื้อออกโดย 3 โรงพยาบาลด้วยกัน แต่แบคทีเรียตัวร้ายกลับทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ “พวกเขาตัดเนื้อของ Liam ออกชิ้นแล้วชิ้นเล่า” Scott Hinkle พ่อบุญธรรมของ Liam กล่าว Sara Hebard แม่ของ Liam กล่าวว่า “เนื้อขาขวาถูกตัดออกเกือบทั้งหมด แต่ก็ทำได้แค่ตัดและก็หวังว่ามันจะหาย…
-
หมาน้อยจรจัด ถูกทิ้งไว้พร้อมแผลเน่า แต่กลับรอดปาฏิหาริย์จากน้ำใจเพื่อนมนุษย์…
แม้น้องหมาจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่า ยังมีน้องหมาอีกนับล้านตัวที่ถูกทอดทิ้ง และกำลังทนทุกข์ทรมาณจากความหิวโหย รวมทั้งโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ อย่างเช่นเจ้าหมาที่ชื่อ Teddy Bear จากอินเดียตัวนี้ ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหน และใครนำมาทิ้ง แต่ชาวบ้านพบว่ามันมีแผลเน่าบนใบหน้า จนไม่สามารถลืมตาข้างซ้ายได้ รวมทั้งเกิดรูโหว่ขนาดใหญ่เนื้อจากถูกหนอนและแมลงกัดกิน พวกเขาตัดสินใจแจ้ง Animal Aid Unlimited องค์กรการกุศลที่คอยช่วยเหลือสัตว์ต่างๆ ที่กำลังได้รับความยากลำบาก และนั่นคือจุดเริ่มต้นของชีวิตของเจ้า Teddy Bear ที่เปลี่ยนไปตลอดกาล ทันทีที่สัตวแพทย์เห็นอาการของเจ้า Teddy Bear พวกเขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก เพราะเกือบครึ่งของเนื้อบริเวณปากแทบจะเสียหายไปหมดแล้ว พวกเขาไม่มั่นใจเลยว่าจะสามารถรักษาชีวิตน้อยๆ ของเจ้าหมาตัวนี้ไว้ได้หรือไม่ แต่พวกเขาก็ขอเสี่ยงดูซักครั้ง… พวกเขาค่อยๆ กำจัดหนอนแมลงที่อยู่ในแผลเน่าเหล่านั้น และตัดเนื้อที่เน่าทิ้งไป จากนั้นก็ทำแผลพร้อมทั้งจ่ายยาปฏิชีวนะ นั่นคือทั้งหมดที่พวกเขาทำได้ จากนี้ไปขึ้นอยู่กับกำลังใจของเจ้า Teddy Bear แล้ว ด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิดจากเจ้าหน้าที่และหัวใจอันเข้มแข็งของเจ้า Teddy Bear นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในสามเดือนต่อมา !! พวกเขาบันทึกคลิปการรักษามา เพื่อเผยแพร่ลงบนโลกออนไลน์ ว้าววววววววว หายดีแล้ว!!!…
-
ดูเป็นอุทาหรณ์!! หนุ่มจีนเชื่อหมอเถื่อน รักษาด้วยการนวดครอบแก้ว เกือบตายแล้วไหมละ…
อาการเจ็บป่วยเป็นสิ่งที่ใครก็ไม่อยากเจอ โดยเฉพาะอาการป่วยที่เรื้อรังรักษาไม่หาย จนบางคนถึงกับหันไปพึ่งวิธีการรักษาแปลกๆ ซึ่งไม่ได้รับการรับรองจากแพทย์ แต่บางครั้ง การรักษาอย่างไม่ถูกวิธีเหล่านั้น อาจทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายกว่าเดิมได้ อย่างเช่นสิ่งที่หนุ่มใหญ่ชาวจีนคนนี้ต้องเจอ รับรองว่าเพื่อนๆ เห็นแล้วต้องสยดสยองอย่างแน่นอน ไม่เชื่อไปชมกันเลย เรื่องราวดังกล่าวเป็นของหนุ่มใหญ่จากมณฑลเสฉวนวัย 63 ปี ด้วยวัยที่มากขึ้นทำให้เขามีอาการปวดหลังอย่างรุนแรง ซึ่งรักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ตลอด แถมยังมีคอเลสเตอรอลในเลือดสูง วันหนึ่งเขาตัดสินใจเข้าคอร์สการรักษาด้วยการครอบแก้ว ในร้านนวดแผนปัจจุบันแห่งหนึ่งในเมืองเฉิงตู ซึ่งทางร้านบอกว่า ถ้าเขาเข้ารับการครอบแก้วทุกวันติดต่อกันหนึ่งเดือน เขาจะหายจากการป่วยทุกชนิด แม้ว่าหลังจากช่วง 10 วันแรกเขาเริ่มมีแผลพุพองบนหลัง แต่ทางร้านก็ยังยืนยันว่าต้องเข้าคอร์สต่อให้เสร็จจนครบหนึ่งเดือน โดยทางร้านใช้วิธีเจาะแผลพุพองเหล่านั้น ก่อนจะล้างด้วยน้ำเกลือเพื่อทำความสะอาด หลังจากหนึ่งเดือนผ่านไป วันหนึ่งเขาตื่นขึ้นมาและรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก เขาจึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลใกล้ๆ ทันที หมอพบว่าเขามีไข้สูงถึง 39.7 องศาเซลเซียส เมื่อหมอได้ตรวจร่างกายเขาก็พบว่า เขามีแผลเน่าอยู่บนหลังถึง 7 แผล ซึ่งแต่ละแผลมีการติดเชื้อขั้นรุนแรง หากเขามาโรงพยาบาลช้ากว่านี้อีกนิดหนึ่ง เขาอาจต้องเสียชีวิตจากอาการติดเชื้อในกระแสเลือดได้ เมื่อชาวเน็ตจีนได้เห็นภาพดังกล่าว ก็ได้เข้ามาแสดงความเห็นกันอย่างมากมาย เช่น…
-
พิษศัลยกรรม…หญิงสาวศัลยกรรมเสริมหน้าอก-สะโพก เคราะห์ร้ายดัน ‘เน่า’ ซะงั้น!!
หากพูดถึงการศัลยกรรมในปัจจุบัน หลายคนอาจมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ด้วยเหตุที่เทคโนโลยีทางการแพทย์พัฒนาขึ้นมาก ทำให้การศัลยกรรมไม่ได้ดูน่ากลัวอีกต่อไป และหลายคนก็หันมาทำศัลยกรรม เพื่อเติมเต็มในส่วนที่ขาดของชีวิต แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนนี้ที่ทำการศัลยกรรมแล้ว จะมีแต่เรื่องดีๆ เข้ามา ดั่งเช่นหญิงสาวคนนี้ การศัลยกรรมได้ทำให้ชีวิตของเธอ เปลี่ยนไปในทางที่ไม่มีใครอยากเป็นไปตลอดกาล หญิงสาวผู้ไม่ประสงค์ออกนามรายนี้ ได้แชร์ภาพของตัวเธอเองลงบนอินเตอร์เน็ต หลังจากที่เธอได้ทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกและสะโพก โชคร้ายซิลิโคนที่ฉีดเข้าไป กลับทำปฏิกิริยากับร่างกาย จนเกิดเป็นรอยช้ำไปทั่วบริเวณหน้าอกและสะโพก ไม่มีใครทราบว่าเธอนั้นไปศัลยกรรมมาจากที่ไหน และเป็นการศัลยกรรมที่ถูกกฎหมายหรือไม่ แต่ภาพที่ออกมาต้องบอกว่าน่าสะเทือนใจและสยดสยองไปพร้อมๆ กัน แม้สิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่ได้เป็นการสรุปว่า การศัลยกรรมเป็นสิ่งที่เลวร้าย แต่อย่างน้อยหากท่านใดกำลังคิดจะเข้ารับการศัลยกรรมแล้วล่ะก็ จงศึกษาหาข้อมูลทั้งผลดีและผลเสีย เพราะการศัลยกรรมอาจเปลี่ยนชีวิตของท่านไปตลอดกาลก็เป็นได้ น่ากลัวจริงๆ เลยเนอะเหมียว ใครจะไปทำก็ศึกษาดีๆนะ เกิดเป็นอย่างนี้ขึ้นมารับรองว่ายุ่งแน่นอน ที่มา lacarambolashow