Tag: เผย
-
อดีตรมว. กระทรวงกลาโหมของแคนาดา ออกมาบอกว่า ‘อิลลูมินาตี’ มีอยู่จริง!!
เชื่อว่าหลายท่านคงเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้างกับคำว่า องค์กรลับอิลลูมินาตี (Illuminati) เพราะเคยปรากฏอยู่ในภาพยนตร์หรือวรรณกรรมต่างๆ ที่บอกว่าองค์กรนี้เป็นผู้ที่บังคับบัญชาและบงการทุกอย่างอยู่เบื้องหลัง อีกทั้งยังพยายามที่จะจัดระเบียบโลกขึ้นมาใหม่ …แล้วองค์กรที่ว่านี้มันมีอยู่จริงๆ หรือไม่? ก่อนอื่น มันมีสมมติฐานหลายอย่างเกี่ยวกับองค์กรที่เชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการเมืองการปกครองนี้ อาจจะใช้เวลาเป็นวันหากต้องการอ่านบทบาทขององค์กรอิลลูมินาตีระหว่างช่วงสงคราม เช่น วินาศกรรม 11 กันยายน 2001 หรือสงครามอื่นๆ และเราก็อาจจะจบลงที่รู้สึกถึงความวิตกกังวลและหวาดระแวง กับเรื่องที่ไม่รู้ว่าจริงแท้แค่ไหน แต่ขณะนี้ ความรู้สึกวิตกกังวลและหวาดระแวงดังกล่าวได้เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อ Paul Hellyer อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของแคนาดา ผู้ที่เคยกำกับการกองกำลังป้องกันประเทศในช่วงปี 1960 ได้ออกมากล่าวว่า องค์กรอิลลูมินาตีนั้นมีตัวตนจริงและกำลังควบคุมโลกใบนี้อยู่ ซึ่งทำให้ตัวเขาถึงกับต้องออกมาแจ้งเรื่องนี้ด้วยตัวเอง Hellyer กล่าวว่าการทำโครงการ Lazarus Effect เป็นเทคโนโลยีที่สามารถเปลี่ยนแปลงผลกระทบจากภาวะโลกร้อนได้ แต่โครงการต้องถูกระงับเอาไว้เนื่องจากองค์กรอิลลูมินาตีต้องการช่วยเหลืออุตสาหกรรมปิโตรเลียม เขาบอกอีกว่าสมาชิกหลายคนในองค์กรอิลลูมินาตีมีส่วนได้ส่วนเสียกับอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงและน้ำมัน จึงต้องการให้แหล่งอุตสาหกรรมเหล่านี้มีผลการผลิตที่ดีที่สุด “คุณกำลังอยู่ในแผนการลับที่ควบคุมโลกนี้อยู่” Hellyer กล่าว “และพวกเขาก็ได้ระงับเทคโนโลยีนี้เอาไว้จนกว่าอุตสาหกรรมน้ำมันจะทำกำไรให้พวกเขาได้เป็นหมื่นหรือแสนล้าน” “มันจะเป็นแบบนี้ไปตลอดจนกว่าคนจำนวนร้อยหรือพันจะรวมกลุ่มกันแล้วออกมาเรียกร้องว่า ‘พวกแกต้องแสดงความบริสุทธิ์ บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น และเปลี่ยนจุดประสงค์หลักของพวกแกซะ แทนที่จะก่อสงคราม ก็เปลี่ยนเป็นการปกป้องโลกไว้ให้คนรุ่นหลัง’” ด้วยความที่ Hellyer เป็นบุคคลระดับสูงทางการเมือง มันอาจทำให้คุณสงสัยว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริงมากหรือน้อยเพียงใด ครั้งก่อนเขาเคยอ้างว่า…
-
ผู้เชี่ยวชาญเผย.. ถึงสาเหตุที่ว่า ทำไม ‘แมวเหมียว’ มักจะนั่งจ้องนานๆ ราวกับว่าเห็นผี!!
ถ้าคุณเป็นคนที่ผูกพันและสนิทสนมกับแมวมานานหลายปี คุณคงพอจะทราบได้ว่าหนึ่งในความสามารถพิเศษที่มันมีเหนือมนุษย์เราก็คือ.. สัมผัสที่ 6 นั่นเอง บรึ๋ยยย!! วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญกันว่า เพราะเหตุใดอยู่ดีๆ เจ้าเหมียวถึงนั่งจ้องบางสิ่งบางอย่างราวกับว่าพวกมันมองเห็นผี จนบางทีก็เล่นเอาทาสมนุษย์อย่างเราๆ รู้สึกกลัวไปตามๆ กันเลยทีเดียว มีงานวิจัยที่เคยศึกษาในปี 2014 ระบุไว้ว่า สำหรับสุนัขและแมวเหมียวนั้นพวกมันมีคุณสมบัติหนึ่งที่คล้ายกัน นั่นก็คือสายตาที่สามารถแยกสเปคตรัมของแสงได้แตกต่างจากมนุษย์เรา เมื่อทีมวิจัยได้นำสายตาของมนุษย์และแมวเหมียวมาเปรียบเทียบกัน พวกเขาก็พบว่าสายตาของแมวเหมียวสามารถตรวจจับความละเอียดของแสงได้ดีกว่ามนุษย์ถึง 6 เท่า ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกมันสามารถมองเห็นสีได้มากกว่าในระดับแสงที่ต่ำกว่า Katie Armour หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์เลี้ยงได้ให้ความเห็นว่า “เราเชื่อว่าแมวมีพฤติกรรมบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากสัตว์ทุกชนิดบนโลก และสิ่งที่เรารู้แน่ชัดก็คือ.. พวกมันเป็นสัตว์ที่มีประสาทการรับรู้ที่สูงมาก” จากประสบการณ์ที่ได้เฝ้าดูแลแมวเหมียวมานานกว่าหลายสิบปี ทำให้เธอพอจะเข้าใจในพฤติกรรมที่ไร้ซึ่งคำอธิบายของพวกมันอยู่บ้าง “มันมีการทำงานของสมองที่เราไม่อาจเดาได้เลยว่าพวกมันกำลังคิดอะไรกันอยู่ ยกตัวอย่างเช่นเจ้าเหมียวที่บ้านของฉัน บางทีพวกมันก็นั่งจ้องมองกำแพงที่มีแสงจากทีวีตกกระทบ หรือบางทีพวกมันก็มักจะเล่นจับฝุ่นจนดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาซะมากกว่า” สุดท้ายคุณอาจจะพบว่าเจ้าเหมียวหันจากการจ้องบางอย่าง มานั่งจ้องหน้าคุณแทน ซึ่งถ้าโดนแบบนี้ก็ไม่ต้องตกใจว่าจะมีผีขี่คอหรืออะไรหรอกนะ เพราะสิ่งที่เจ้าเหมียวต้องการ ก็คงจะเป็นแค่ความรู้สึกไม่มั่นใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น (ต้องเข้าใจว่าแมวเป็นพวกขี้ตกใจ) และสิ่งที่เราควรจะทำก็แค่อยู่เคียงข้างพวกมันด้วยความรักก็เท่านั้นเอง ที่มา: TheDodo
-
J.K. Rowling เผยจะมีหนังสือ “แฮร์รี่ พอตเตอร์” ใหม่มาอีก 2 เล่มในเดือนตุลาคมนี้แน่นอน!!
สำหรับแฟนๆ หนังสือหรือหนัง “แฮร์รี่ พอตเตอร์” ต่างรู้ดีกว่าการจะได้อ่านเรื่องราวใหม่ๆ เกี่ยวกับโลกเวทมนตร์นั้นเป็นอะไรที่ยากเหลือเกิน เพราะกว่านักเขียนอย่าง J.K. Rowling จะเปิดเผยเรื่องราวใหม่ๆ นั้นเรียกได้ว่ายากกกก ถึงขั้นยากมากๆ ถ้าใครยังจำกันได้… เมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมา J.K. Rowling ก็ได้จัดนิทรรศการเกี่ยวกับการเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ใน British Library ซึ่งในงานนั้นได้พูดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เวทมนตร์ แต่ข่าวดียิ่งกว่านั้นคือ ในงานเราจะได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับ “แฮร์รี่ พอตเตอร์” เล่มใหม่อีกสองเล่ม คุณอ่านไม่ผิดหรอก มันคือการเปิดตัวหนังสือใหม่อีก 2 เล่ม เริ่มจากเรื่องแรกเลยคือ Harry Potter: A History of Magic หรือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับประวัติศาสตร์เวทมนตร์ ซึ่งได้บรรยายไว้ว่าผู้อ่านจะได้ผจญภัยไปกับวิชาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ปรุงยา สมุนไพรศาสตร์ ไปจนถึงวิชาดูแลสัตว์วิเศษ ที่เป็นวิชาในฮอกวอตส์จริงๆ ซึ่งเราคงเคยเจอในหนังหรือในหนังสือมาบ้าง ส่วนอีกเล่มจะชื่อว่า Harry Potter: A Journey…
-
16 เคล็ดไม่ลับสำหรับพูดคุยกับ “คนตัวเตี้ย” ที่คุณอาจไม่รู้มาก่อนว่า… แบบนี้ก็ได้เหรอ!?
ต้องบอกก่อนเลยว่าสำหรับคอนเทนท์นี้ เราไม่ได้ต้องการจะเหยียดคนที่มีความสูงต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานแต่อย่างใด เพียงแต่เราแค่อยากเอาเคล็ดลับดีๆ มาแนะนำก็เท่านั้นเอง หลายคนอาจจะสงสัยว่าการคุยกับคนเตี้ยเนี่ย เราควรจะวางตัวยังไงให้เหมาะสมกับกาละเทศะมากที่สุด ดังนั้นเราจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ 16 เคล็ดไม่ค่อยลับที่ชาวเน็ตนำมาแชร์กันบนเว็บไซต์ Imgur 1. ถ้าเจอเตี้ยมากๆ ก็อาจจะต้องใช้แว่นขยายบ้างอะไรบ้าง… 2. บางคนอาจจะตัวไม่สูงขึ้นเลยตั้งแต่เด็ก ถ้าแบบนั้นก็เอาเห็ดมาริโอ้มาให้มันกินซะเลยสิ!! 3. ใครว่าไมเคิล แจ็คสันเต้นมั่ว จริงๆ แล้วเค้าพยายามสอนวิธีคุยกับคนเตี้ยให้ชาวโลกมาตั้งนานแล้ว 4. อย่าไปยืนกอดอกคุยกับเค้านะ แบบนั้นมันเสียมารยาท ต้องทำแบบในภาพขวานี่รู้ไหม!? 5. เพื่อนตัวเตี้ยจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพียงแค่คุณใช้รถเครนยกพวกเขาขึ้นมา 6. หรือไม่ก็.. จับมันมายืดแขนขาแบบในยุคกลางซะเลย 7. วิธีนี้ก็เวิร์คใช้ได้เลยนะ หาผ้าคลุมลอยได้มาให้มันใส่ซะนี่ 8. ถ้าการเป็นซูเปอร์แมนมันยาก อาจจะลองไปหาแมงมุมมากัดเป็นสไปเดอร์แมน จะได้โหนตัวมาคุยกับเพื่อนเตี้ยได้ยังไงละ 9. แต่บางทีถ้ามันคุยไม่รู้เรื่องก็… เอาแม่มเลย!! 10. ไหนๆ ก็เตี้ยแล้ว..…
-
ผู้เชี่ยวชาญเผย 4 เคล็ดลับการป้องกันอาการ “แฮงค์โอเวอร์” เพื่อเช้าวันใหม่ที่ดีกว่า..!!
สำหรับนักดื่มทั้งหลายแล้ว เราเชื่อว่าหนึ่งในปัญหาที่กวนใจมากที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องอาการเมาค้าง แฮงค์โอเวอร์ที่เกิดขึ้นในเช้าวันใหม่นี่แหละ มันช่างทรมานซะเหลือเกิ๊นน และด้วยเหตุนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ 4 เคล็ดลับป้องกันอาการแฮงค์โอเวอร์ จาก Dr. Ralph Holsworth ซึ่งเรามั่นใจว่าเคล็ดลับทั้งหมดนี้จะช่วยทำให้คุณไม่ต้องตื่นมาแล้วรู้สึกเหมือนเป็นคนตายอีกต่อไป…!! 1. มั่นใจว่าร่างกายของคุณมีปริมาณน้ำที่เพียงพอก่อนออกไปปาร์ตี้ จากผลการวิจัยของ Dr. Holsworth พบว่ากว่า 70% ของประชากรทั่วโลกอยู่ในสภาวะขาดน้ำโดยไม่รู้ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคน้ำเปล่าที่น้อยเกินไป และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณดื่มแอลกอฮอล์ ร่างกายของเราจะพยายามขับสารเคมีออกมาเพื่อยับยั้งแอลกอฮอล์ที่เราดื่มเข้าไปซึ่งนั่นเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะขาดแคลนน้ำมากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นเราควรดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย ก่อนจะออกไปปาร์ตี้ให้สุดเหวี่ยงยามค่ำคืน ซึ่งปริมาณน้ำในร่างกายนั้นสามารถบ่งบอกได้จากความเข้มข้นของปัสสาวะเช่นกัน 2. ดื่มน้ำตามเป็นระยะๆ ในขณะที่เรากำลังดื่มแอลกอฮอล์อย่างเมามันส์ อีกหนึ่งวิธีแก้ปัญหาอาการเมาค้างได้ดีที่สุดก็คือ พยายามดื่มน้ำเปล่าให้มากเท่ากับแอลกอฮอล์ที่เราดื่มเข้าไป และอาจจะดูแปลกไปหน่อยถ้าหากคุณเป็นพวกชอบดื่มเหล้าช็อต เพราะปริมาณแอลกอฮอล์ในเหล้าช็อตมีมากกว่าเบียร์หรือไวน์ ดังนั้นคุณอาจจะต้องดื่มน้ำตามมากกว่าปกติ ยกตัวอย่างเช่นถ้าหากคุณดื่มเหล้า 2 ช็อต คุณก็ควรจะดื่มน้ำเปล่าตามในปริมาณ 2 แก้ว นอกจากนั้นผู้เชี่ยวชาญยังแนะว่า วิธีนี้ช่วยให้คุณแก้อาการเมาค้างได้สองทาง อย่างแรกคือร่างกายของคุณจะไม่เสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ และประการที่สองปริมาณน้ำที่รับเข้าไปจะช่วยชะลอการดูดซับแอลกอฮอล์ในร่างกายอีกด้วย 3. ทานอาหารที่มีปริมาณไขมันดีสูงก่อนดื่มแอลกอฮอล์ สาเหตุที่เราต้องรับประทานอาหารที่มีไขมันดีสูง นั่นก็เพราะว่าไขมันชนิดนี้สามารถชะลอการดูดซับแอลกอฮอล์เข้าสู่ระบบร่างกายเราได้ ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าไขมันเหล่านี้จะไปเกาะติดอยู่ตามลำไส้ใหญ่ของเรานั่นเอง…
-
งานวิจัยชี้ ผู้ใช้กัญชามีแนวโน้มประสบความสำเร็จ และพึงพอใจในชีวิตมากกว่า…!?
ปกติแล้วถ้าพูดถึงคนเสพกัญชาเราคงเห็นภาพของคนที่มีลักษณะนิสัยขี้เกียจ บางคนอาจจะลามไปถึงขั้นมองว่าคนๆ นั้นล้มเหลว และไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ทว่างานวิจัยเชิงการตลาดจาก BDS Analytics (บริษัทวิจัยกัญชา) ได้ทำการสำรวจกลุ่มผู้ใช้กัญชาจากหลายเงื่อนไของค์ประกอบในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสุขในชีวิต คุณภาพทางจิตใจ การเข้าสังคม และรวมไปถึงปัจจัยทางการเงิน โดยข้อมูลทั้งหมดเก็บรวบรวมมาจากกลุ่มผู้ใช้กัญชาในรัฐแคลิฟอร์เนีย และโคโลราโด ซึ่งเป็นรัฐที่การซื้อขายกัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ผลสำรวจจากรัฐแคลิฟอร์เนียก็ยิ่งชวนให้ทึ่งเข้าไปอีก เมื่อพบว่า 20% ของผู้ใช้กัญชาเรียนจบถึงระดับปริญญาโท นอกจากนั้นในเรื่องของรายได้เฉลี่ยพบว่า ผู้ใช้กัญชาจะมีรายได้เฉลี่ย 93,800 เหรียญ/ปี ในขณะที่กลุ่มผู้ปฏิเสธกัญชามีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 70,000 เหรียญ/ปี เท่านั้น เช่นเดียวกับรัฐโคโลราโดผลสำรวจทางการตลาดพบว่า 64% ของกลุ่มผู้ใช้กัญชามีงานฟูลไทม์ประจำทำ ในขณะที่กลุ่มผู้ปฏิเสธการใช้กัญชามีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าอยู่ที่ 54% ในส่วนของความพึงพอใจในชีวิต จากการสำรวจพบว่ากว่า 5 ใน 10 ของกลุ่มผู้ใช้กัญชารู้สึกมีความพึงพอใจในชีวิตมากกว่าที่เคยเป็นอยู่ ตรงกันข้ามกับกลุ่มคนไม่ใช้กัญชามีความพึงพอใจในชีวิตเพียง 4 ใน 10 เท่านั้น และปัจจัยทางสังคมผลสถิติจากรัฐโคโลราโดชี้แจงว่า 36% ของกลุ่มคนใช้กัญชาอธิบายตนเองว่ามีลักษณะนิสัยเข้าสังคมง่าย ในขณะที่กลุ่มผู้ไม่ใช้กัญชามีเพียง 28% เท่านั้น …
-
ชาวเน็ตญี่ปุ่นเผยเทคนิค “บรรเทาอาการปวดหลัง” ด้วยผ้าห่ม ได้รับความนิยมอย่างสูง
ในยุคสังคมปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่มักจะมีอาหารปวดหลังกันมากยิ่งขึ้น นั่นอาจมีสาเหตุมาจากการนั่งนาน เช่น การนั่งทำงาน หรือนั่งขณะดูหนัง ซึ่งก็อาจจะส่งผลให้เกิดอาการดังกล่าวได้ง่ายเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ทางผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นนามว่า @itiitiY จึงได้ออกมาเผยเทคนิคง่ายๆ ที่สามารถช่วยลดอาการปวดหลังได้ และไม่น่าเชื่อเลยว่าวิธีของเธอนั้นจะทำให้ชาวเน็ตคนอื่นๆ ชื่นชอบ จนมีการรีทวิตและถูกใจรวมกันกว่าไปมากกว่า 50,000 ครั้ง เธอบอกว่าก่อนหน้านี้เธอเองก็มีอาการปวดหลังอยู่บ่อยๆ อันมีสาเหตุมาจากการนั่งดูหนังในโรงหนังเป็นเวลานาน ดังนั้น เธอจึงได้หาวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านั้น โดยการเข้าไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และพบว่าจริงๆ แล้วผ้าห่มก็สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้นะ แอร์โรงภาพยนตร์มันอาจจะหนาวจับใจ ดังนั้นโรงภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่นหลายๆ แห่ง มักจะมีการใช้เช่าผ้าห่มตอนดูหนัง เพื่อที่จะทำลูกค้าได้ชมภาพยนตร์อย่างสบายใจมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามชาวเน็ตผู้ใช้ชื่อคุณ @itiitiY ได้ออกมาบอกว่า นอกจากจะใช้ห่มแล้ว ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ อีกด้วย หลังจากนั้น เธอโพสต์ภาพวิธีการใช้ผ้าห่มเพื่อช่วยลดอาการปวดหลังลงในทวิตเตอร์ พร้อมอธิบายประกอบด้วยว่า เพียงแค่ใช้ผ้าห่ม และม้วนมันแค่ไม่กี่ครั้ง จากนั้นก็นำไปวางไว้ตรงกลางเบาะ และนั่งทับลงไป เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถเพลิดเพลินไปกับการรับชมภาพยนตร์ โดยที่ไม่ต้องปวดหลังอีกต่อไปแล้ว ม้วนให้ถูกวิธีด้วยนะ เดี๋ยวจะปวดยิ่งกว่าเดิม… นอกจากนี้ เธอยังแนะนำอีกว่า คุณสามารถนำเทคนิคง่ายๆ เหล่านี้ ไปใช้บนรถ หรือเก้าอี้ที่บ้านขณะนั่งทำงาน เล่นเกม…
-
Ser Gregor ‘The Moutain’ เผยสูตรการกินที่ต้องทำ ถ้าคุณอยากเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก!!!
ในส่วนของซีรีย์ดังอย่าง Game of Thrones นั้น ก็เปิดตัวตอนแรกของซีซั่น 6 ไปอย่างยิ่งใหญ่ และหนึ่งในนักแสดงที่ถูกจับตามองมากที่สุดตั้งแต่ซีซั่นที่แล้วก็คือ Ser Gregor ‘The Moutain’ ชายที่ตัวใหญ่และแข็งแรงที่สุดในเรื่องนั้นเอง แต่เพื่อนๆ รู้มั้ยล่ะว่า ที่จริงแล้วเขาชื่อ Hafþór Júlíus Björnsson หรือเรียกสั้นๆ ว่า Thor และเขายังเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแรงที่สุดในโลก และได้ตำแหน่ง World Strongest Viking มาอยู่ในครอบครองอีกด้วย ล่าสุดก็มีเหล่าแฟนๆ คลับไปถามไถ่เขาว่าวันๆ นึงเขากินอะไรบ้าง ถึงได้แข็งแรงดุจหินผาขนาดนี้… Hafþór Júlíus Björnsson เขาเป็นชายที่ตัวใหญ่มากจริงๆ แถมล่าสุดเขาก็ได้โพสต์สิ่งที่เขากินในแต่ละวัน มีแค่นี้เอง… 6.50 ออกกำลังกายยาเช้า คาร์ดิโอ และคอร์ 30 นาที กินกรดอะมิโนและอัลมอนต์ 1 กำมือ 7.30 ไข่ไก่ 8…
-
อดีต CTO ของ Facebook เผยประสบการณ์การทำงานกับ Mark Zuckerberg แบบหมดเปลือก!!!
สำหรับการทำงานแน่นอนว่าถ้าได้มีโอกาสไปทำกับบริษัทใหญ่ๆ หรือบริษัทนานาชาติด้วยแล้วล่ะก็ คุณจะได้ประสบการณ์ แนวคิด และวิธีทำงานดีๆ มามากมายเลยล่ะ แต่ถ้าคุณได้มีโอกาสทำงานกับ CEO ระดับโลกล่ะ?? วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับ Mark Zuckerberg ผู้เป็น CEO ของเฟซบุ๊คและหนึ่งในผู้ที่รวยที่สุดในโลก ของ Bret Taylor อดีต CTO ของบริษัท Facebook มาฝากกัน ลองมาอ่านเรื่องราวของเขากันดูนะ ^^ Bret Taylor อดีต CTO ของ Facebook สำหรับคำพูดทั้งหมดนี้เป็นคำพูดของเขาเลยนะจ๊ะ #จ่าสิบเหมียว ขออนุญาตไม่ใส่ “” และจะใช้ตัวเอียงแทนนะจ๊ะ จะได้พิมพ์สะดวก และอ่านสะดวกด้วย ^^ ถ้าจะให้ผมตอบโดยตรงล่ะก็ การทำงานร่วมกับ Mark Zuckerberg นั้นถือเป็นประสบการณ์ที่ดีในชีวิตของผมครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้ นอกจากเขาจะมีคุณสมบัติที่น่ายกย่องในฐานะผู้นำแล้ว เขายังมีจิตใจที่เปิดกว้างและพร้อมรับฟังไอเดียใหม่ๆ ของเพื่อนร่วมงานเสมอๆ ถ้าเกิดระหว่างการทำงานมีเรื่องอะไรที่ผมกับเขามีความเห็นที่ไม่ตรงกันแล้วล่ะก็ ไม่เหมือนผู้บริหารรายอื่นๆ ที่ผมเคยทำงานด้วย เพราะพวกเขาจะปรับทัศนะคติผมหรือชักจูงให้ผมเห็นพ้องกับพวกเขา แต่ Mark นั้นกลับทำในสิ่งที่ต่างออกไป เขาจะพยายามถามลึกลงไปว่าทำไมผมถึงมีแนวคิดแบบนั้นและพยายามที่จะเข้าใจผมและมุมมองของผมที่ไม่ตรงกับเขา…
-
นักสถิติเผย ปลายศตวรรษนี้ Facebook จะกลายเป็นสุสานออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก!!!
อ่านหัวข้อดูแล้วอาจจะงงๆ แต่เดี๋ยว #จ่าสิบเหมียว จะพาไปขยายความกันเองจ้า ง่ายๆ เลยก็คือ ปลายศตวรรษนี้แหละ Facebook สังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ของโลกจะกลายเป็นสุสานขนาดใหญ่ที่สุดของโลกไซเบอร์เลยทีเดียว Hachem Sadikki ผู้เชี่ยวชาญด้านสถิติจาก University of Massachusetts ได้ออกมาเผยว่าราวๆ ปี 2098 ที่จะถึงนี้สังคมออนไลน์ดังกล่าวจะกลายมาเป็นสุสานโลกออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด เพราะผู้ใช้งานที่ล้มหายตายจากไปจนมากกว่าผู้ใช้งานที่มีชีวิตอยู่!!! สุสานออนไลน์!? ตามระบบการทำงานของ Facebook นั้น จะไม่ลบแอคเค้าท์ของผู้ตายแบบอัตโนมัติ และตามการคาดการณ์ทางสถิติแล้วอัตราการเติบโตของ Facebook จะเริ่มลดลงนับตั้งแต่นี้ไป ในปัจจุบัน Facebook มีวิธีการจัดการกับแอคเค้าท์ของสมาชิกผู้เสียชีวิตโดยเปลี่ยนให้เป็นโหมด ‘รักและอาลัย’ แต่ก็ไม่ได้ลบแอคเค้าท์ไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งถ้าต้องการจะลบ มีวิธีเดียวก็คือใครสักคนที่มีรหัสของแอคเค้าท์นั้นๆ ต้องล็อกอินเข้าไปและกดปิดเฟซ สถิติน่าสนใจจากบริษัทวางแผนออนไลน์ Digital Beyond ก็คือ ในปี 2010 มีผู้ใช้ Facebook เสียชีวิต 385,968 ราย และปี 2012 มีจำนวน 580,000 ราย ซึ่งตามคาดการณ์ในปี…
-
แฟนบอยกรี๊ด!! ภาพเบื้องหลัง Justice League มีคนตาดีเห็นชุดฮีโร่ใหม่ข้างหลัง
ยุคนี้เป็นยุคของหนังฮีโร่จริงๆ แต่สำหรับ #เหมียวสามสี แล้ว ซึ่งเป็นแฟนของการ์ตูนฝั่ง DC นั้นก็รอคอยการรวมตัวของฮีโร่ Justice League อยู่ และตอนนี้เราก็มีข่าวดีก็คือใน Justice League – Part One กำลังจะเริ่มถ่ายทำในวันที่ 11 เมษายนนี้แล้ว หลังจากรู้ข่าวว่าจะมีการรวมตัวฮีโร่ของฝั่ง DC สิ่งหนึ่งที่คนรอยคอยมานานก็คือชุดคอสตูมที่จะใช้ในหนัง เนื่องจากชุดใน Man of Steel และ แบทแมนของเวอร์ชั่น Zack Snyder นั้นทำเอาไว้ดีมากๆ แต่แล้วเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2016 ผู้กำกับ Zack Snyder ก็ได้ทวีตถ่ายภาพเบื้องหลัง Justice League – Part One คู่กับ Jason Momoa ที่จะรับบทเป็น Aquaman ฮีโร่ผู้มาจากทะเล แต่สิ่งที่ทำให้คนกรี๊ดกันนั่นก็คือชุดคอสตูมที่อยู่ข้างหลังนั่นเอง ในรูปนี้ จากซ้ายไปขวาเราจะได้เห็นชุดของ The Flash สีแดงมาแต่ไกล ต่อมาน่าจะเป็นชุดของ Aquaman และชุดสีดำนั่นเดาไม่ออกจากๆ น่าจะเป็น Batman…
-
Kim Kardashian ออกมาเผยเทคนิคเต้ากลมโตอวบอิ่มของเธอผ่านทวิตเตอร์ ง่ายๆ แค่ใช้ ‘เทปกาว’ !!!
เออเนาะ ฮ่าๆๆๆ เห็นข่าวนี้แล้วรู้ซึ้งถึงคำว่า ‘ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง’ จริงๆ โดยเฉพาะเหล่าสาวๆ ทีการตกแต่งหน้าตาก็เป็นเรื่องธรรมดา และอยู่ที่เทคนิคของแต่ละคนที่จะแพรวพราวแค่ไหน ล่าสุด Kim Kardashian หนึ่งในเซเลบริตี้ที่คนทั้งโลกจับตามองก็ได้ออกมาเผยเคล็ดลับเต้าสวยที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยของเธอ ผ่านทวิตเตอร์ สังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่ต้องบอกว่าเป็นการเปิดโลกให้สาวๆ หลายๆ คนเลยทีเดียว เพราะเต้าสวยนั้นไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ฮร่าาา เชื่อว่าจะเป็นการเปิดโลกของสาวๆ หลายๆ คนเลยทีเดียว แต่ก่อนอื่น ‘ต้องมี’ ให้ทำก่อนนะจ๊ะ ฮ่าๆๆ เหมือนที่คุณพอจะเอาได้นั่นแหละ ‘เทปกาว’ เทปกาวเยอะเย้อออออ เลยยยย!!! เธอได้อธิบายลงในทวิตเตอร์ว่า ‘ฉันรู้สึกว่าจะต้องแชร์เคล็ดลับนี้ให้โลกได้รู้จริงๆ วิธีที่จะทำให้ฉันมีส่วนเว้าส่วนโค้งของหน้าอกหน้าใจที่สมบูรณ์แบบ ง่ายๆ เลย ก็คือการแปะเทปกาวมันซะเลย แค่นี้ก็จะได้ความเพอร์เฟ็คต์มาแล้วล่ะ อาจจะยากนิดหน่อยแต่มันคุ้มค่ามากๆ แต่อย่าเผลอทาโลชั่นหรือน้ำมันลงไปบนเนินอกล่ะ ไม่งั้นมีหลุดแน่ ทีนี้ปัญหาก็อยู่แค่การเอาออกแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ ‘ ทนเจ็บหน่อยแต่อร่อยชัวร์ (หมายถึงสวยน่ะ อิอิ) ทีนี้ก็มีหน้าอกหน้าใจสวยๆ ได้อย่างโปรแล้วล่ะ ^^ …
-
Bill Gates เผยเคล็ดลับ ‘จำป้ายทะเบียนรถ’ พนักงานทุกคน เพื่อเช็คว่าเขาไปกลับตอนไหนบ้าง!!?
ถ้าเพื่อนๆ คนไหนคิดว่า บอสของตัวเองนั้นจู้จี้จุกจิกแล้ว พอได้ยินเรื่องนี้แล้วอาจเปลี่ยนความคิดแล้วไปรู้สึกดีกับบอสของตัวเองเลยก็เป็นได้ ฮ่าๆๆๆ เมื่อล่าสุด Bill Gates ได้ออกมาเผยถึงพฤติกรรมสุดจิต ที่เขาเคยทำขณะเป็น CEO ของไมโครซอฟต์ให้สื่ออย่าง BBC ได้ฟังกัน และนั่นเป็นอะไรที่อาจเรียกได้ว่าฝันร้ายมากๆ !!!? Bill Gates นายจ้างที่ฝันร้ายสุดๆ !!? เพราะเขาจะจดจำป้ายทะเบียนรถของพนักงานทุกๆ คน และเดินดูที่จอดรถว่าคนๆ นั้นมาทำงานกี่โมง กลับกี่โมง!!? สำหรับข้อมูลนี้ บิล เกตส์ ก็ได้ออกมายอมรับกับทางสถานีวิทยุของ BBC ว่าเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน และยังกล่าวเพิ่มด้วยว่า ‘ผมต้องระวังมากๆ ที่จะไม่เอามาตรฐานในการทำงานหนักของผม ไปเทียบและใช้กับเหล่าพนักงาน แต่สุดท้ายแล้วผมก็ต้องหยุดทำเรื่องแบบนี้ เพราะว่าบริษัทเริ่มขยายและโตขึ้นเรื่อยๆ ‘ เขากล่าว ความเคร่งครัดของเขาในฐานะหัวหน้า… จะว่าไปแล้วช่วงแรกๆ ที่เริ่มก่อตั้ง Microsoft นั้น บริษัทใหญ่ยักษ์ระดับโลกนี้ ไม่ได้มีพนักงานนับพันๆ คนอย่างเช่นปัจจุบัน แต่มีเพียง 11 คนเท่านั้น การจำป้ายทะเบียนรถแล้วเดินดูว่าพวกเขามากันกี่โมงกลับกี่โมงก็คงไม่ยากเท่าไหร่นัก……
-
นักวิทย์ฯ เผยทฤษฎีใหม่ ‘พระเยซู’ ควรมีรูปร่างหน้าตาแบบนี้มากกว่า!!!
เพื่อนๆ เคยสงสัยกันมั้ยว่า แท้จริงแล้วนั้นพระเยซูมีรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง!!? จะเหมือนในหนังในภาพยนตร์ที่เหล่าผู้กำกับสร้างขึ้นมามั้ย แต่ที่แน่ๆ หลายๆ เรื่องทำให้รูปลักษณ์ของพระองค์บิดเบือนไปล่ะ… เหล่าผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์หลายท่านได้รวมกลุ่มกัน เพื่อศึกษากระโหลกของชาวยิว และอาหรับในยุคนั้น รวมถึงยุคปัจจุบันด้วย เพื่อศึกษาถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด ใบหน้าของพระเยซูที่นิยมใช้ในภาพยนตร์ แต่จากการศึกษาใหม่นี้ ใบหน้าที่ควรเป็นคือ นักศิลปะทางการแพทย์ Richard Neave ได้จำลองรูปนี้ขึ้นมา โดยนำลักษณะของชาวยิวในพื้นที่นั้นใส่ลงไป ทั้งการที่มีผมหยักศก ผิวสีแทน และใบหน้าที่กว้าง เพราะเป็นลักษณะเด่นของชาวยิวในตะวันออกกลาง แม้กระทั่งในปัจจุบัน ลักษณะเด่นนี้ก็ยังคงให้เห็นกันอยู่นั่นเอง หลักการศึกษาของเขาใช้ทั้งนิติมานุษวิทยาและข้อมูลที่รวบรวมเกี่ยวกับลักษณะของพระองค์ในพระคัมภีร์ไบเบิล รวมถึงการใช้เทคโนโลยีแบบ 3 มิติ เพื่อสร้างบางส่วนของกระโหลกขึ้นมา และคำนวนว่าผิวหนังและสภาพผิวควรมีลักษณะเป็นอย่างไร!!? ส่วนในเรื่องของผมนั้น ในพระคัมภีร์ไบเบิลได้บันทึกไว้ว่า พระองค์มีผมที่สั้น เพราะว่าถ้าผู้ชายมีผมที่ยาวนั้น จะทำให้เขาเสื่อมเสียเกียรติ เป็นความเชื่อของคนในยุคนั้น ผลงานที่ออกมาเลยได้รูปพระพักตร์ของพระองค์ที่เรียกได้ว่าขัดกับลุคก่อนอย่างมากเลยล่ะ ก็ถือว่าเป็นการศึกษา การวิจัยที่จริงจังมากๆ เลยก็ว่าได้…
-
พบกับ 17 ใบหน้าของนักแสดงที่ใต้ “หน้ากาก” จากภาพยนตร์อันโด่งดัง
ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบดูภาพยนตร์ ก็ตงจะจดจำตัวละครที่ใส่หน้ากากได้ เพราะมันเป็นเอกลักษณ์ของภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เห็นหน้าที่แท้จริงของเขา หรือบางทีเราเดาไม่ออกว่าเขาคือใครก็ตาม แต่วันนี้ เหมียวจะพาทุกท่านมาดูเบื้องหลังภายใต้หน้ากากเหล่านี้ว่ามีใครกันบ้างที่เป็นนักแสดง ซึ่งส่วนมากก็มาจากภาพยนตร์แนวสยองขวัญแทบทั้งสิ้น เราไปดูกันเลยดีกว่า 1. Pennywise แสดงโดย Tim Curry 2. Swamp Thing แสดงโดย Dick Durock 3. Boba Fett แสดงโดย Jeremy Bulloch 4. Jason (ดั้งเดิม) แสดงโดย Ari Lehman 5. Pumpkinhead แสดงโดย Tom Woodruff Jr. 6. The Collector แสดงโดย Juan Fernandez de Alarcon 7. Predator…
-
ระวังตัวเอาไว้ให้ดี!! เผย 8 กลยุทธ์ในการจับโกหก จากอดีตเจ้าหน้าที่ FBI
ความคิดของมนุษย์เป็นสิ่งที่ซับซ้อนมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่กระทำความผิด ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นผู้กระทำแต่ไม่อยากเปิดเผยให้ใครได้รับรู้ กลายมาเป็นบ่อเกิดแห่งการโกหกและหลอกลวงเพื่อให้พ้นผิด โดยที่อดีตเจ้าหน้าที่ FBI นามว่า LaRae Quy ผู้ที่ร่วมฝึกฝนและปฏิบัติหน้าที่ในการอ่านจิตใจของผู้คน เพื่อที่จะเค้นความจริงที่ปกปิดอยู่ภายใน ได้ออกมาเปิดเผยและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจับโกหก ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตจริงได้ 1. สร้างบรรยากาศที่ดีในการเปิดอกพูดคุย โดยทั่วไปแล้วการสืบสวนเพื่อเค้นหาความจริง บทบาทของตำรวจที่ดีมักจะได้ผลดีกว่าตำรวจที่แย่เสมอ (ความเคร่งขรึมและทำร้ายร่างกายผู้ต้องหา) เพราะฉะนั้นแล้วการเห็นอกเห็นใจในระหว่างบทสนทนา จะช่วยสร้างความไว้ใจให้กับฝ่ายตรงข้าม จนยอมเปิดเผยความจริงให้เราได้รับรู้ 2. สร้างความประหลาดใจกับคำถามที่คาดไม่ถึง คนที่โกหกจะพยายามคาดเดาคำถามของฝ่ายตรงข้ามอยู่เสมอ ซึ่งคำตอบที่ออกมานั้นจะไหลลื่นและเป็นธรรมชาติ รวมไปถึงอาจจะมีการฝึกซ้อมตอบคำถามมาก่อนด้วย ดังนั้นการถามคำถามที่พวกเขาคาดไม่ถึงจะทำให้การตอบคำถามชะงักไปในทันที จนเริ่มไม่มั่นใจที่จะตอบ 3. ให้ฟังมากกว่าพูด (สังเกตอาการของคู่สนทนา) คนโกหกมักจะพูดมากกว่าคนที่พูดแต่ความจริง (มีแต่น้ำไม่มีเนื้อ) เพื่อพยายามโน้มน้าวและหลีกเลี่ยงประเด็นให้คนฟังรู้สึกคล้อยตามด้วยประโยคที่สลับซับซ้อนเพื่อซ่อนความจริง ลองสังเกตพฤติกรรมในระหว่างที่พูดอยู่ดังต่อไปนี้ 3.1 หากรู้สึกมีความตึงเครียด จะพูดเร็วกว่าปกติ 3.2 ยิ่งเครียดก็จะยิ่งพูดเสียงดังมากขึ้น 3.3 น้ำเสียงเริ่มไม่เป็นธรรมชาติ เปลี่ยนไปจากเดิมในตอนแรกที่เริ่มพูด 3.4 มักจะไอและล้างลำคอบ่อยๆ เวลาที่พูดแล้วรู้สึกเครียด…
-
ผวาหนัก เมื่อบริษัทกาแฟยักษ์ใหญ่ออกมาเผย อีกไม่กี่ปีนี้โลกอาจประสบภาวะ ‘ขาดแคลนกาแฟ’ อย่างหนัก!!!
ใจเย็นๆ นะทุกคน เรื่องนี้ถือเป็นหายนะร้ายแรงของโลกเลยทีเดียวถ้าเกิดขึ้นจริง เมื่อทางบริษัทกาแฟยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลี ได้ออกมาเผยข้อมูลว่าภาวะขาดแคลนกาแฟโลกอาจเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้!!! Andrea Illy ซีอีโอของ Illycafe ได้ออกมากล่าวว่า ‘ภาวะขาดแคลนกาแฟเกิดจากการบริโภคที่มากขึ้น ในทศวรรษหน้าเราอาจต้องใช้เมล็ดกาแฟ 40 – 50 ล้านถุงเลยทีเดียว’ ภาวะขาดแคลนกาแฟ ถ้าสงสัย 40-50 ล้านถุงนี่เยอะขนาดไหน คำตอบคือเยอะกว่าพืชผักทั้งหมดที่เก็บเกี่ยวได้จากบราซิลเสียอีก!!! แถมสถานการณ์ยังเลวร้ายมากขึ้น จากการที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และราคาของเมล็ดกาแฟที่ไม่ค่อยคุ้มทุนเท่าไหร่ จึงทำให้ผู้ปลูก ล้มเลิกไปหลายราย Andrea Illy ยังกล่าวเสริมอีกว่า ‘ในอีกไม่กี่ปีนี้เราต้องตัดสินใจเกี่ยวกับปัญหานี้ ว่าเราจะจัดการกับมันอย่างไร เราก็ไม่รู้ว่าตอนนี้จะไปหาส่วนที่ขาดไปจากไหน’ ภาวะขาดแคลนกาแฟ ถ้าสภาพอากาศยังเปลี่ยนแปลงต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้ จะทำให้ผลผลิตกาแฟโดยเฉพาะจากบราซิล ลดลงถึง 1 ใน 4 แถมประเทศในแถบนั้นที่ผลิตเมล็ดกาแฟก็จะประสบปัญหาเช่นเดียวกัน ผกผันกับการผลิต อัตราการบริโภคกาแฟเพิ่มขึ้นสูงมากถึงร้อยละ 25 ใน 5 ปีมานี้ จากการสำรวจของ International Coffee Organization (ICO) โดยเฉพาะในประเทศอินเดีย จีน…