Tag: เมือง
-
“เมืองอิงะ” ขอชาวต่างชาติเลิกโทรมาสมัคร ขาดแคลน “นินจา” จริงๆ แต่ไม่ได้เปิดรับจ้า!?
ก่อนหน้านี้มีข่าวเผยแพร่ออกมาจากสื่อหลายสำนักว่า เมืองอิงะในจังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น กำลังขาดแคลนนักรบโบราณสายนินจาอย่างหนัก เนื่องจากเป็นเมืองที่โปรโมทการท่องเที่ยวด้วยนินจา และกำลังต้องการคนรุ่นใหม่มาสืบสานวิถีนินจาด้วยอัตราเงินเดือนที่สูงลิบลิ่ว เนื่องจากสถานีวิทยุแห่งชาติในสหรัฐอเมริกาได้รายงานเรื่องขาดแคลนนินจาในเมืองอิงะปุ๊บ ว่าต้องการนักแสดงนินจาเพื่อมาปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือเมืองทางด้านการท่องเที่ยว (โชว์นินจา) พร้อมกับเงินเดือนรายปีระดับหลักล้านบาทกันเลยทีเดียว Motoyoshi Shimai เจ้าหน้าที่แผนกยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวเมืองอิงะ ถึงกับต้องออกมาบอกปัดทันทีว่า “ไม่ใช่แล้วล่ะ นั่นมันผิดเพี้ยนกันไปหมด เราไม่ได้ให้สัมภาษณ์เปิดเผยถึงเรื่องนั้นเลย อย่างไรก็ตาม บุคคลผู้พึงประสงค์จะเป็นนินจาจากทั่วโลก ที่ทราบเรื่องแบบผิดๆ ก็แห่ส่งทั้งอีเมลรวมไปถึงต่อโทรศัพท์ไปหารวมกว่า 115 คน จากทั้งหมด 23 ประเทศ รวมในประเทศญี่ปุ่นด้วย “ส่วนใหญ่ก็เข้ามาสอบถามว่าเมื่อไหร่เราจะเปิดรับสมัคร บางรายก็ถึงขั้นขอร้องอ้อนวอนให้เราจ้างเป็นนินจา แถมยังพยายามโปรโมตตัวเองยกใหญ่ เพราะพวกเขามั่นใจในความแข็งแกร่งของร่างกายมากๆ” Shimai กล่าวเสริม ทางการอิงะจึงต้องออกแถลงการณ์ในหลายภาษาเพื่ออธิบายว่า ยังไม่ได้มีการจ้างนินจาใดๆ เกิดขึ้น และไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องดังกล่าวเท่าไหร่นัก เพียงแต่แปลกใจมากๆ เพราะมีผู้คนให้ความสนใจเกี่ยวกับนินจามากเป็นพิเศษ แต่อย่างไรก็ตาม ในปี 2008 Sugako Nakagawa ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์นินจาในท้องถิ่น เคยเปิดเผยกับทางสำนักข่าวรอยเตอร์ไว้ว่า… นินจาไม่ใช่สิ่งที่สามารถสืบทอดกันได้ง่ายๆ…
-
เจ๋ง! พาชมเมือง Spirited Away จาก Minecraft เวอร์ชันละเอียด งามตาน่าเล่นสุดๆ!!
คนจำนวนไม่น้อยเลยที่หลงรักการ์ตูนจากค่าย Studio Ghibli อย่างเช่นเรื่อง Spirited Away ที่ให้บรรยากาศเหมือนกับความฝัน จินตนาการ และเต็มไปด้วยความลึกลับ สิ่งที่การ์ตูนเรื่องนี้ทำออกมาได้ดี นอกจากจะเป็นเนื้อเรื่องแสนสนุกแล้ว ก็คือภาพบ้านเมืองและกลิ่นอายของมิติลึกลับแห่งความฝันนั่นเอง ที่ตราตรึงอยู่ในใจใครหลายๆ คนจนอยากให้มันมีอยู่บนโลกจริงๆ นาย Alan Becker ก็เช่นกัน ยูทูบเบอร์และเกมเมอร์ผู้นี้เองก็ต้องการเนรมิตดินแดนอัศจรรย์ในการ์ตูนเรื่อง Spirited Away ขึ้นมาด้วยเกม Minecraft แถมตั้งใจทำออกมาให้มีรายละเอียดที่ใกล้เคียงสุดๆ คลิปพาชมเมือง Spirited Away เวอร์ชัน Minecraft มาดูกันว่าเจ๋งขนาดไหน (คำเตือน! มีการสปอยล์เนื้อหาของการ์ตูนนิดหน่อย หากใครยังไม่ได้ดูกรุณาระมัดระวัง) ภายในคลิปจะมีการพาทัวร์เมืองไปยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่การเปิดเรื่องของ Spirited Away ที่ตัวเอกนั่งรถผ่านสถานที่ต่างๆ เพื่อไปยังบ้านใหม่กับครอบครัว ซึ่งทั้งครอบครัวก็ต้องหยุดลงที่หอนาฬิกาประหลาดแห่งหนึ่งก่อนที่จะทะลุเข้าไปยังโลกอีกมิติที่พิศวง และนั่นคือจุดเริ่มต้นการผจญภัยของ จิฮิโระ เด็กสาวตัวเอกของเรื่อง บรรยากาศรอบๆ เมืองในเรื่อง Spirited Away Alan สามารถสร้างสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น ถนน ภูเขา และอาคารบ้านเรือนได้เนียนและสมจริง…
-
เทศบาลทำเป็นเนียน ตัดต่อนายกเทศมนตรีลงไปตรวจงานก่อสร้าง โดนชาวเน็ตพาไปเที่ยวแทน!!
เมื่อมีการตกลงว่าจ้างจากฝ่ายราชการแล้ว ในขณะที่ทำการก่อสร้างหรือต่อเติมอะไรก็ตามแต่ จะต้องมีการตรวจงานก่อนที่จะทำการส่งมอบเพื่อเป็นการปิดงานแต่ครั้ง และระบบแบบนี้ก็มีในประเทศบราซิลเช่นเดียวกัน เมื่อนายกเทศมนตรี José Arno Appolo do Amaral ประจำเมือง Alvorada รัฐรีอูกรันดีดูซูล ประเทศบราซิล ต้องออกมาตรวจงานก่อสร้างพัฒนาเทศบาล โดยส่งร่างทรงของตัวเองมาแทน… ภาพดังกล่าวที่เห็นต่อไปนี้ โพสต์ผ่านเฟสบุ๊กของเทศบาลเมือง Alvorada เป็นภาพที่แสดงให้เห็นว่าท่านนายกเทศมนตรี พร้อมกับปลัด Valter Slayfer มาตรวจงามขุดลอกคลอง พร้อมกับแคปชั่นบอกรายละเอียดงานยาวเหยียดเป็นหางว่าว แน่นอนว่าจะเห็นท่านนายกเทศมนตรียืนอยูทางซ้าย พร้อมชี้นิ้วเหมือนจะสั่งการอะไรบางอย่าง ส่วนปลัดก็ยืนเอามือไพล่หลังในเสื้อสีชมพู แต่แล้วก็ไม่รอดพ้นชาวเน็ตสายตาดี สังเกตเห็นว่าภาพถ่ายนี้ดูแปลกๆ ทั้งตำแหน่งที่ยืนบนถนน รวมไปถึงสีโดยรวมทั้งภาพ… และภาพดังกล่าวก็ถูกแชร์นำไปตัดต่อเพิ่มเติมอีกเพียบ กลายมาเป็นมีมตลกล้อเลียนท่านนายกเทศมนตรีไปโดยปริยาย ทางด้านเทศบาลเมืองก็รีบลบภาพต้นฉบับออกไป แต่กลับกลายเป็นว่าสายไปเสียแล้ว ทางโฆษกเทศบาลเมืองได้ให้คำอธิบายผ่านหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น Correio do Povo ไว้ว่า ภาพดังกล่าวไม่มีการดัดแปลงแต่อย่างใด แต่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมถึงต้องลบภาพออกจากเพจของเทศบาลเมือง แต่ยังยืนยันว่างานขุดลอกได้ดำเนินการไปแล้ว แม่เอ็งชื่ออะไรฟะ!? …
-
สถาปนิกวาดภาพยักษ์ลงบนภาพถ่ายของเขา แสดงสิ่งลี้ลับที่แอบใช้ชีวิตอยู่ในเมืองตุรกี
เคยคิดกันไหมว่าในภาพถ่ายที่เราดูกันอยู่ทุกวันนี้ มันจะมีอะไรเหนือจินตนาการใส่เข้าไปได้อีกหรือไม่ และถ้าคิดจะทำแบบนั้น เราจะจินตนาการตัวอะไรแบบไหนใส่เข้าไปดี สัตว์ประหลาดทำลายล้างเหรอ หรือว่าจะเป็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ อย่างหนวดคน หรือพรมวิเศษ Hakan Keleş เป็็น สถาปนิก นักวิชาการ และนักวาดภาพชาวตุรกี เขาเริ่มวาดตัวละครตัวใหญ่ๆ บนภาพถ่ายถนนที่เขาถ่ายด้วยสมาร์ตโฟน งานของเขามีชื่อว่า “Lilliputs ซีรีส์” ชื่อที่ได้แรงบันดาลใจมากจากนิทาน “การเดินทางของกัลลิเวอร์” ในช่วงเมืองของคนแคระ แต่ในที่นี้ คนธรรมดานั่นล่ะคือคนแคระ ฉันนั่งตกคาร์ (Car) อยู่ริมตลิ่ง ไม่อยากให้ใครเข้า เดี๋ยวปู่ช่วยเอง ของเล่นของเด็กเล็ก? ดีดๆ ไประวังโดนช็อตด้วยนะ ปรุงยาๆ ที่แท้ปูนก็เป็นยาพิษของแม่มดนี่เอง มาจีบอะไรกันแถวนี้ล่ะพี่ นั่งแล้วหักแบบนี้ ก้นหนักอ่ะนิ ถ้าผึ้งตัวขนาดนั้นจริง… ตายแป๊ป ไปล้างตึกมาเหรอ พิงได้แต่ระวังตึกพังนะ สบายเลยนะเจ้าหมา หว่า… แอบน่ากลัว บุหรี่มันอันตรายนะ …
-
ญี่ปุ่นผุดไอเดียเจ๋ง รังสรรค์สังคมเมืองให้อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้ โดยการสร้าง ‘ตึกป่า’ สูงระฟ้าที่ทำจากวัสดุเพื่อสิ่งแวดล้อม
เมื่อบ้านเมืองของเราจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นตึกสูงที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเมืองของเรามีการเจริญเติบโตและมีการกลายเป็นเมืองอย่างต่อเนื่อง แต่แน่นอนว่า ยิ่งพื้นที่กลายเป็นเมืองมากขึ้นเท่าไหร่ พื้นที่ธรรมชาติย่อมจะลดลงมากขึ้นเท่านั้น แต่ประเทศญี่ปุ่นเขาได้เกิดความคิดที่ผสานความเป็นเมืองกับความเป็นธรรมชาติเอาไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ด้วยการสร้างตึกสูงระฟ้าที่ประดับประดาไปด้วยป่าและต้นไม้ ซึ่งทำให้ได้รับกลิ่นอายของธรรมชาติ บริษัท Sumitomo Forestry มีแผนสำหรับการก่อสร้างตึกสูงแห่งใหม่ ชื่อโครงการว่า “W350 Project” เนื่องจากตั้งใจว่าตึกจะสูง 350 เมตร และจะสร้างสำเร็จในปี 2041 เพื่อเป็นสัญลักษณ์การครบรอบ 350 ปี ของบริษัท จุดกำเนิดของบริษัท Sumitomo Forestry เริ่มขึ้นในปี 1691 พวกเขามีหน้าที่ดูแลจัดการผืนป่าบริเวณรอบๆ เหมืองทองแดง Besshi ในจังหวัดเอะฮิเมะ บนเกาะชิโกกุ และบริษัทนี้เองที่เป็นหัวใจสำคัญของโครงการสร้างตึกสูง ซึ่งต้องการใช้ไม้รวมแล้วราวๆ 185,000 ลูกบาศก์เมตรในการก่อสร้าง ทั้งนี้ทางบริษัทบอกว่าต้องใช้ทักษะและความสามารถทางวิศกรรมในการก่อสร้างในระดับสูงกว่าการสร้างตึกระฟ้าอื่นๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งก็ได้มีการค้นคว้าและออกแบบสิ่งก่อสร้างที่ผสานธรรมชาติลงไปโดยหน่วยงานวิจัยและพัฒนาชื่อว่า Tsukuba Research Laboratory ที่เป็นของบริษัทเอง การก่อสร้างตึกดังกล่าวจะใช้วัสดุที่เป็นลูกผสมของไม้และเหล็กในอัตราส่วน 9:1 โดยจะร่วมมือกับองค์การสถาปนิก Nikken Sekkei โครงสร้างของตึกจะมีการใช้ท่อหุ้มรั้งในส่วนมุมต่างๆ ของตึก เพื่อป้องการแรงกระแทกจากด้านนอก เช่น ลมกระโชกและแผ่นดินไหว เป็นต้น ตึกระฟ้านี้คาดว่าจะมี 70…
-
Cape Town หนึ่งในเมืองใหญ่ของโลกที่กำลังจะเจอกับปัญหา ‘ขาดน้ำ’ เป็นเมืองแรก
Cape Town เมืองหลวงของประเทศแอฟริกาใต้ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและธรรมชาติอันสวยงาม บวกกับความเจริญก้าวหน้าที่ติดอันดับต้นๆ ของโลก ทำให้ที่นี่เป็นเมืองที่ทั้งผู้อยู่อาศัยและนักท่องเที่ยงต่างพากันชื่นชอบ แต่หนึ่งในเมืองอันยิ่งใหญ่ของโลกตอนนี้กลับต้องเจอกับปัญหาใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ปัญหาที่ว่านั้นคือ “ปัญหาการขาดแคลนน้ำ” ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่การคาดเดาโดยไม่มีที่มาที่ไป แต่พวกเขาถึงกับสามารถคำนวณได้เลยว่าจะไม่มีน้ำให้ใช้กันตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ จากการวัดผลและทดสอบหลายๆ อย่าง ทำให้ผู้เชี่ยวชาญออกมาประกาศว่าเมืองแห่งนี้จะไม่มีน้ำใช้ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2018 เป็นต้นไป หรือก็คือเหลือเวลาให้เตรียมใจอีกเพียงแค่ประมาณ 3 เดือนเท่านั้นเอง โดยพวกเขาเรียกวันนั้นว่าเป็นวัน Day Zero วันที่ประชากรกว่า 4 ล้านคนจะไม่มีน้ำไว้ใช้สำหรับสาธารณูปโภค สำหรับสาเหตุของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ เป็นผลมาจากการที่อ่างเก็บน้ำใหญ่ที่สุดของเมืองได้แก่ เขื่อน Theewaterskloof กำลังประสบปัญหาน้ำแห้งในเร็ววัน เขื่อนแห่งนี้คือสถานที่ที่สามารถจุน้ำได้มากถึง 480,000 ล้านลิตร แต่ปัจจุบันน้ำในเขื่อนกลับเหลืออยู่ไม่ถึงครึ่ง ลดลงมาเหลือเพียงแค่ 13 เปอร์เซ็นต์จากปริมาณน้ำทั้งหมด เรื่องของปริมาณน้ำที่ลดลงอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญได้เล็งเห็นมาก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2014 จากการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ทดสอบดูว่า น้ำที่มีอยู่เต็มเขื่อนจะสามารถใช้ได้นานขนาดไหน ผลก็คือมันสามารถทำให้ประชากรในเมืองมีน้ำใช้ได้แค่ประมาณ 1 ปี จากการคาดการณ์ของเหล่าผู้เชี่ยวชาญ เชื่อว่าปัญหานี้เกิดขึ้นได้จาก 3 สาเหตุ…
-
รู้จักกับเมือง Monowi ในอเมริกา เมืองแสนเหงาเต็มไปด้วยความว่างเปล่า และผู้อยู่อาศัย 1 คน
หากเพื่อนๆ คนไหนต้องการจะหลีกหนีความวุ่นวาย มุ่งสู่การใช้ชีวิตแบบเงียบสงบ เพลิดเพลินไปกับความเรียบง่าย เราขอแนะนำให้คุณรู้จักกับเมือง Monowi รัฐเนแบรสกา สหรัฐอเมริกา ซึ่งบอกเลยว่ามันตรงกับความต้องการของคุณมากๆ อย่างแน่นอน เพราะเมืองนี้มีประชากรอาศัยอยู่แค่คนเดียวเท่านั้น!! เมื่ออ้างอิงตามข้อมูลประชากรของอเมริกาในปี 2010 ยืนยันแล้วว่าที่นี่มีคนอาศัยอยู่แค่คนเดียวจริงๆ เธอคนนั้นมีชื่อว่า Elsie Eiler สาววัย 84 ปี ผู้ที่ยังคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขท่ามกลางเมืองเล็กๆ อันแสนเดียวดาย ป้ายชื่อเมือง และจำนวนประชากรที่เหลืออยู่ Elsie เล่าว่าเมือง Monowi ไม่ได้เป็นเมืองที่เงียบเหงามาตั้งแต่แรก หากย้อนกลับไปในช่วง 1930s ที่นี่เคยมีประชากรอาศัยอยู่ด้วยกันกว่า 150 คน และเป็นเมืองที่อยู่ระหว่างเส้นทางรถไฟ Elkhorn ทำให้มีผู้คนสัญจรไปมาอยู่เสมอ ภายในเมืองตอนนั้นประกอบด้วยร้านขายของชำ 3 แห่ง ร้านอาหารอีกมากมาย หรือแม้แต่คุกที่นี่ก็ยังมี ซึ่งในยุคนั้น Elsie อาศัยอยู่ในฟาร์มที่ตั้งอยู่เขตรอบนอกของเมืองและได้เจอกับ Rudy สามีในอนาคตของเธอ ตอนที่ทั้งคู่กำลังเรียนอยู่ชั้นประถม เมื่อทั้งสองเรียนจบมัธยม พวกเขาก็ต้องแยกย้ายกันไป Rudy ได้ไปเป็นทหารรับใช้ชาติช่วงสงครามเกาหลี ในขณะที่ Elsie มุ่งหน้าสู่เมืองแคนซัส…
-
ความยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองของ “Baiae” เมืองใต้น้ำยุคโรมันที่เคยมีอยู่จริงเมื่อ 1,700 ปีก่อน
Baiae คือชื่อเมืองโรมันที่มีอยู่มาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 1 ตามประวัติศาสตร์แล้ว นี่คือเมืองที่ยิ่งใหญ่อลังการและมั่งคั่งไปด้วยเงินตรา เปรียบได้กับหมู่บ้านของเหล่าชนชั้นสูงในยุคนั้น ก่อนที่จะจมลงไปใต้ผิวน้ำเพราะการเปลี่ยนแปลงของชายฝั่งและการระเบิดของแผ่นดินไหว จนกระทั่งผ่านมาประมาณ 1,700 ปีนับจากวันที่เมืองนี้หายไป ตำนานของมันก็ได้กลับมาถูกเล่าขานอีกครั้ง หลังจากที่มีการค้นพบเมืองแห่งนี้จมอยู่ใต้น้ำใกล้กับชายฝั่งทางตะวันตกของประเทศอิตาลี . . . ภาพของเมืองโบราณที่ได้รับการค้นพบนี้ถูกถ่ายโดยช่างภาพ Antonio Busiello ที่ได้ลงไปเก็บความสวยงามของมันพร้อมกับทีมนักประดาน้ำ พวกเขาได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่นี้เป็นกลุ่มแรกๆ ข้างใต้นั้นจะพบกับเส้นทางถนน กำแพง กระเบื้องเคลือบ หรือแม้แต่รูปปั้นแกะสลัก ที่สามารถรอดจากช่วงเวลาของการล่มสลายมาได้ และไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะพวกเขายังได้พบกับอาคารที่คาดว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของคนรวยในสมัยก่อน แสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งของคนที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองนี้ ภาพแผนผังของเมืองที่เชื่อว่ามีอยู่ในยุคโรมัน รูปปั้นจำนวนมากที่ยังคงรูปร่างเอาไว้ . ซากของอาคารของคนร่ำรวยในสมัยก่อน ในต้นปี 2017 นี้ โปรเจกต์ Rome’s Sunken Secrets ได้ถูกจัดขึ้นเพื่อการเข้ามาสำรวจและเรียนรู้เมืองดังกล่าวที่จมอยู่ใต้น้ำ เป็นการเปิดหูเปิดตาและเป็นที่สนใจของนักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ทั่วโลก ศาสตราจารย์ Kevin Dicus ได้ให้ข้อมูลเอาไว้ว่า มีการค้นพบสิ่งที่เหมือนกับท่อน้ำที่สลักคำว่า L’Pisonis แสดงให้เห็นว่าอาคารที่ใช้ท่อน้ำดังกล่าวเป็นบ้านของครอบครัวตระกูล Piso นั่นหมายความว่านี่เป็นบ้านของ…
-
ไปดูกันว่าสนามเด็กเล่นที่ชื่อ ‘เปียงยาง’ ของท่านผู้นำ ‘คิมจองอึน’ มีอะไรประดับประดาบ้าง!!
เกาหลีเหนือประเทศที่ถูกชาติทั่วโลกต่างพากันประนามถึงความโหดเหี้ยมของผู้นำ แนวทางที่ล้าหลังต่างจากชาติอื่นๆ ภาพลักษณ์ที่ถูกมองจึงไม่ค่อยจะมีอะไรดีเท่าไหร่นัก ที่สำคัญเรื่องการมีอาวุธในครอบครองก็ทำให้มุมมองที่คนทั้งโลกมองชาติดังกล่าวลดลงไปอีก และด้วยความที่เกาหลีเหนือเป็นประเทศปิด และภาพลักษณ์ที่ถูกเผยแพร่ออกมาส่วนใหญ่ก็หมุนรอบตัวท่านผู้นำ จึงทำให้เราไม่ค่อยได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ที่แท้ทรูของชาวเมืองเท่าไห่รนัก จนสุดท้ายเราต่างคิดว่ากรุงเปียงยางช่างล้าหลังสุดๆ แต่ความจริงคือเมืองเปียงยางนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเมืองหลวงอื่นๆ ในโลกเลยนะ จะมีแต่รอบนอกและเมืองอื่นๆ ของประเทศเท่านั้นที่ต่างออกไป ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่า เปียงยางมีการคัดสรรประชากรให้เข้ามาอยู่ คนที่รวยหรือเก่งก็จะได้อยู่ในเมือง ส่วนคนทั่วไปหรือคนจนก็จะต้องอยู่ในส่วนรอบนอก และถ้าใครคิดไม่ออกว่าความเจริญในเปียงยางเป็นยังไง งั้นเราลองมาดูสนามเด็กเล่นของท่านผู้นำตัวอ้วนน่ารักกัน ว่าในทุ่งดอกไม้ที่เรียกกันว่า เปียงยาง จะมีอะไรให้เราได้ดูกันบ้าง!! ก่อนจะเข้าสู่เปียงยาง ทุกคนก็จะเจอกับประตูสุดยิ่งใหญ่ เห็นแบบนี้ เปียงยางก็มีตึกสูงเยอะแยะเลยนะ แถวรูปปั้นของสองพ่อลูกก็เท่ไม่เหมือนใคร ต้องยอมรับเลยว่างานสิ่งก่อสร้างอย่างรูปปั้นของที่นี้เขาสุดยอดจริงๆ การผสมผสานระหว่างโลกสมัยใหม่และประวัติศาสตร์ชาติเกาหลีเหนือ ใบหน้าของอดีตผู้นำทั้งสอง ซึ่งสามารถเห็นได้ทั่วไปในเกาหลีเหนือ . สิ่งปลูกสร้างอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งเชิดชูชนชั้นแรงงาน แม้เมืองจะหลับใหล แต่ภาพของท่านผู้นำไม่เคยหลับ ตึกอันล้ำสมัยที่เห็นนั้นเป็นตึกที่ชื่อว่า Ryugyong Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมที่ตอนนี้ถูกทิ้งร้างไว้ ทุกสิ่งปลูกสร้างในเปียงยางล้วนแฝงไปด้วยความเป็นเกาหลีเหนือที่ไม่สามารถหาจากที่อื่นได้ อาคารวิทยาศาสตร์ที่สร้างเป็นรูปอะตอมก็เจ๋งไม่เบา ท่านผู้นำเขาหวังว่าอาคารแห่งนี้จะช่วยยกระดับความทันสมัยในเรื่องวิทยาศาสตร์ให้แก่ชาติของเขา แม้จะมีตึกสูงมากมาย…
-
เมืองหนึ่งในอิตาลีที่อยากให้คนย้ายเข้าไปอยู่ จนถึงกับยอมควักเงินจ่ายให้เลยนะเออ
เราต้องเสียเงินเป็นจำนวนมากให้กับการย้ายบ้านหรือย้ายที่อยู่ ทั้งเรื่องรถขนของ ค่าเช่าบ้านใหม่ ค่าซ่อมแซมอื่นๆ แต่ถ้าคุณได้ย้ายมาที่เมืองนี้รับรองว่าไม่ได้ทำให้คุณเสียเงินเพียงอย่างเดียว เพราะคุณจะได้รับเงินค่าตอบแทนที่ย้ายเข้ามาอีกด้วย เมืองดังกล่าวมีชื่อว่า Candela ตั้งอยู่ในประเทศอิตาลี โดยพวกเขาได้ให้ข้อเสนอเอาไว้ว่าถ้าหากคุณย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในเมือง จะทำให้ได้รับเงินมากกว่า 78,000 บาทเลยทีเดียว . เหตุผลที่ต้องทำอย่างนั้นก็เพราะจำนวนประชากรที่ลดลงไปมาก จากที่เคยมีคนอยู่กว่า 8,000 คนตอนนี้กลับเหลือเพียงแค่ 2,700 คนเท่านั้นเอง เมื่อคนหายไป ความครึกครื้นมีชีวิตชีวาของเมืองก็หายตามไปด้วย วัยรุ่นหนุ่มสาวส่วนใหญ่ก็หนีไปที่อื่น เหลือไว้เพียงแค่ผู้เฒ่าผู้แก่ เพราะอย่างนั้นหากปล่อยทิ้งไว้เมืองนี้คงกลายเป็นเมืองร้างอย่างแน่นอน Nicola Gatta นายกเทศมนตรีประจำเมืองจึงไม่อาจอยู่นิ่งเฉยได้ เขาจึงคิดข้อเสนอใหม่สำหรับดึงดูดให้คนเข้ามาอยู่กันมากขึ้น สังเกตเห็นได้ว่าในเมืองมีผู้สูงอายุอยู่กันเป็นส่วนใหญ่ ถนนที่ทอดยาวเชื่อมหาเมืองใกล้ๆ ข้อเสนอนั้นคือการมอบเงินค่าตอบแทนให้โดยแบ่งตามจำนวนคนในครอบครัว ถ้ามาแบบคนเดียวโสดๆ ก็จะได้รับ 30,000 บาท มากับแฟนได้ 46,000 บาท มาเป็นครอบครัวสามคนได้ 70,000 บาท และถ้าหากมากัน 4 – 5 คนจะได้มากกว่า 78,000 บาทกันไปเลย และยังมีเรื่องของภาษีค่าใช้จ่าย…
-
22 ภาพชีวิตผู้คนใน Oymyakon และ Yakutsk หนาวสุดๆ ก็แค่ -70 องศาเท่านั้นเอง…
ด้วยความที่ไทยเราเป็นประเทศเขตร้อน จะให้เราจินตนาการถึงชีวิตที่แสนยากลำบากท่ามกลางความหนาวสุดขั้วก็ดูจะเป็นอะไรที่ไกลตัว แต่ถ้าให้บรรยายความร้อนของแดดล่ะก็… เล่า 3 วันก็คงไม่จบ ด้วยเหตุนี้เราจะพาไปชม 22 ภาพพร้อมเรื่องราวซึ่งเป็นผลงานของ Amos Chapple ที่จะบอกเล่าถึงชีวิตการเป็นอยู่ของผู้คนจากหมู่บ้าน Oymyakon และ Yakutsk ในประเทศรัสเซีย ที่ๆ ครั้งหนึ่งเคยมีอุณหภูมิต่ำสุดถึง -71.45 เซลเซียส!! โดยตัว Amos Chapple เองได้เริ่มต้นทริปนี้ที่เมือง Yakutsk ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งชาวรัสเซียต่างรู้ดีว่า นี่คือเขตที่หนาวมากที่สุด Yakutsk เป็นเมืองที่มีประชากรเพียง 300,000 คน และโดยปกติแล้วในช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิจะลดต่ำอยู่ที่ประมาณ -34.5 องศาเซลเซียส แม้จะเป็นเมืองที่หนาวสุดๆ แต่เจ้าของเรื่องราวก็ได้เล่าว่าผู้คนที่นี่กลับเต็มไปด้วยมิตรไมตรี ยิ้มแย้ม และให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นกันเองมากๆ แล้วชาวรัสเซียรับมือกับความหนาวยังไงน่ะเหรอ? ชาวรัสเซียจะมีเครื่องดื่มที่เรียกว่า ‘Russki Chai’ อันที่จริงมันแปลว่าชารัสเซียนั่นแหละ แต่สิ่งที่บางคนเค้าดื่มแก้หนาวกันคือวอดก้านะ..!! สภาพอากาศของเมืองนี้มันหนาวถึงขนาดที่ว่า ตัวช่างภาพเองพยายามที่จะทำอาหารตอบแทนคนท้องถิ่น แต่เขามือชาเกินกว่าที่จะหั่นผักผลไม้ได้ แต่ด้วยอุตสาหกรรมเพชรพลอย ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งเศรษฐกิจที่มีเงินหมุนมากมาย…
-
60 สุดยอดภาพหาดูยาก วิถีชีวิตของเมืองกลาสโกว์ในยุค 1980 เมืองใหญ่สุดแห่งสก็อตแลนด์.!!
ย้อนไปในปี 1980 เป็นครั้งแรกที่นักข่าวช่างภาพชาวฝรั่งเศส Raymond Depardon ได้รับการเชื้อเชิญจาก Sunday Times ให้เจ้าตัวไปถ่ายภาพโปรโมทการท่องเที่ยวที่เมืองกลาสโกว์… “ตอนนั้นผมพูดภาษาอังกฤษยังไม่ได้ เราฟังสำเนียงคนกลาสโกว์ไม่ออกซะด้วย การสื่อสารเป็นไปได้อย่างยากลำบาก เมื่อผมเข้าไปถามเด็กๆ ในพื้นที่ บางทีพวกเขาก็ฟังไม่ออกแต่ก็พยายามนำทางให้เรา ทั้งหมดนี้ต้องยกเครดิตให้กับเด็กๆ ในตอนนั้น ที่ทำให้ผมได้ถ่ายภาพเจ๋งๆ ทั้งหมดนี้ออกมา..” Raymond เล่า ตรงกันข้ามกับช่างภาพคนอื่นๆ ที่อาจจะเลือกเดินทางไปเก็บภาพแฟชั่นของผู้คนแถวย่าน Hillhead หรือ Victorian Boulevard แต่ตัวช่างภาพเองเลือกที่จะถ่ายทอดชีวิตของผู้คนจากย่าน Govan, Maryhill, Gorbals และ Calton แทน ที่ซึ่งอดีตเป็นเมืองที่เคยประสบปัญหาจากภาวะสงครามมาก่อน ที่แห่งนี้จึงเต็มไปด้วยความดิ้นรนของผู้คนที่เกิดจากความล้มเหลวทั้งด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และประชากร ทั้งหมดนี้จึงเป็นภาพสะท้อนเรื่องราวทั้งหมดที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นกับเมืองกลาสโกว์แห่งนี้ . . . . . . . . . . . . . . . . .…
-
ชาวเมืองใช้ชีวิตไม่ค่อยสุขี เพราะต้องอยู่ร่วมกับ “แก๊งนกอินทรี” เข้ายึดครองพื้นที่ บินโฉบไปมา…
การที่เราจะได้เห็นนกพิราบหรือนกกระจอกบินอยู่ในเมืองมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และก็ไม่ได้รับอันตรายจากนกเหล่านั้นสักเท่าไหร่ อย่างมากสุดก็คงเป็นเรื่องที่พวกมันชอบอึใส่เราก็เท่านั้นเอง และเมืองแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยนกเช่นเดียวกัน เพียงแต่มันแตกต่างกับที่เราคุ้นชินไปมากเลยเนี่ยสิ… เรามาทำความรู้จักกับเมือง Unalaska ในรัฐอะแลสกา เมืองเล็กๆ บนเกาะที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามน่าอยู่และบรรยากาศที่ดึงดูดน่าไปเที่ยวชมวิวทิวทัศน์ที่เป็นภูเขาเขียวขจี รายล้อมไปด้วยทะเลสุดลูกหูลูกตา เกาะเขียวขจีที่รายล้อมไปด้วยทะเลสุดลูกหูลูกตา นอกจากนั้นก็ยังมีท่าเรือที่ชื่อว่า Dutch Harbor ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในท่าเรือที่ใหญ่มากอีกด้วย ดูแล้วก็จะเหมือนกับเป็นเมืองที่จะใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุขผ่อนคลายกันไป แต่ความจริงแล้วมันกลับไม่ใชอย่างนั้นซะทีเดียว เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากนกที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้นมีมากมาย โดยพวกมันไม่ใช่นกที่เราจะได้เห็นกันทั่วไปแต่มันคืออินทรีหัวขาวที่บินกันว่อนอยู่ทั่วเมือง จนทำเอาชาวบ้านต้องอยู่กันอย่างยากลำบากไม่ใช่น้อย… แก๊งอินทรีหัวล้าน นกอินทรีหากเราไปรุกรานอาหารหรือพื้นที่อยู่อาศัยของมัน ก็อาจทำให้เกิดการโต้กลับด้วยทักษะการบินอันโฉบเฉี่ยว และจงอยปากอันแหลมคมเข้ามาทำร้านเราได้ ปัญหานี้จึงเกิดขึ้นแม้แต่การไปส่งจดหมาย เพราะพวกมันดันมาทำรังกันอยู่ข้างตู้ไปรษณีย์ซะอย่างนั้น เมื่อรังของมันอยู่ใกล้ๆ สัญชาตญาณของการปกป้องก็ทำให้พวกมันอาจสร้างอันตรายให้กับผู้ที่มาใช้บริการส่งจดหมายได้ จนถึงกับต้องทำป้ายปักไว้หน้าที่ทำการให้ระวังอินทรีโฉบมาจิกหัวของคุณ เพราะว่ารังมันอยู่ใกล้ๆ ยิ่งหากว่ารังมันถูกโจมตีด้วยแล้วละก็จะลำบากกันไปใหญ่เลยล่ะ ป้ายเตือนระวังอินทรีโฉบ เพราะมีรังมันอยู่ใกล้ๆ คลิปวิดีโอสัมภาษณ์ชาวเมืองถึงการใช้ชีวิตร่วมกับเหล่าอินทรี นอกจากนี้ เรือหาปลาที่กลับมาเทียบฝั่งก็จะถูกปล้นปลาที่หามาได้ไปต่อหน้าต่อตา หรือหากคุณวางถังใส่ปลาไว้หลังกระบะตอนจอดรถลงไปซื้อของละก็ รับรองได้ว่ามันจะต้องหายไปอย่างไร้วี่แววแน่นอน และไม่ใช่เพียงแค่อาหารเท่านั้น เพราะบางทีพวกอินทรีหัวล้านก็จะฉกเอาสิ่งของอื่นๆ ติดไปด้วยอย่างหน้าตาเฉย อย่างเช่นกล่องบิงโก… หลายคนคงจะรู้กันว่านกชนิดดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอเมริกา ด้วยความสง่างามที่ดูองอาจของพวกมันบวกกับกฎหมายการคุ้มครองสัตว์ชนิดนี้ที่เกิดขึ้นในปี 1940 จึงทำให้ผู้อยู่อาศัยในเมืองไม่สามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้มากนัก …
-
สื่อต่างชาติพาไปชม ชีวิตสุดแออัดจากเมืองใหญ่รอบโลก ที่อาจไม่ได้ชิคอย่างที่คุณคิด…
หัวข้ออาจจะดูโหดร้ายไปบ้างแต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องจริง เมื่อสื่อต่างชาติอย่างเว็บไซต์ BusinessInsider ได้นำเสนอข้อมูลภาพเปรียบเทียบความแออัดระหว่างวิถีชีวิตของผู้คนในนิวยอร์ก มาเปรียบเทียบกับความแออัดของชุมชนสลัมจากประเทศอื่นๆ นิวยอร์กเป็นเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่มากถึง 27,000 คน/ตารางกิโลเมตร ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่แออัดมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ในขณะที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ มีประชากรอาศัยอยู่มากถึง 107,000 คน/ตารางกิโลเมตร ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าประชากรจะเพิ่มขึ้นอีกสองเท่าในปี 2025 ทว่าปัญหาที่ตามมาอาจเป็นเรื่องของระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ไม่ทั่วถึงเท่าที่ควร การจราจรในเมืองโกลกัตต้าประเทศอินเดีย ก็สามารถบ่งบอกถึงความแออัดของชาวเมืองได้ที่สุด โดยมีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 63,000 คน/ตารางกิโลเมตรเลยทีเดียว ที่พักอาศัยของชาวเมืองที่นี่ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกสุขลักษณะเท่าที่ควร เช่นเดียวกับที่มุมไบ ที่ซึ่งมีประชากรแออัดอยู่มากถึง 73,000 คน/ตารางกิโลเมตรเมตร ด้วยจำนวนคนที่มากบวกกับพื้นที่อาศัยที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้ชาวอินเดียหลายๆ คนต้องอาศัยอยู่ในห้องพักขนาดเล็ก เช่นเดียวกับชาวฮ่องกง สำหรับครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะพวกเขาอาจจำเป็นที่จะต้องอาศัยอยู่ในห้องเช่าขนาดเล็กเพียงแค่ 60 ตารางฟุต โดยมีราคาเช่าสูงถึง 17,000 บาท ถึงขนาดมีคำว่า ‘Cubicle Homes’ ซึ่งเป็นที่พักสำหรับผู้สูงอายุที่ไร้ญาติ พวกเขาจะต้องมาอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างแออัดในที่แห่งนี้ ที่เมืองธากา ประเทศบังคลาเทศ…
-
‘Picher’ แห่งโอคลาโฮมา เมืองปนเปื้อนสารพิษที่มากที่สุดใน USA ไม่อาจอาศัยอยู่ได้เลย!!
ถ้าพูดถึงเรื่องเมืองร้างหลายคนอาจจะนึกถึงภาพของเมือง ‘Silent Hill’ ที่เคยทำออกมาเป็นทั้งเกมและหนังมาให้เราได้รู้สึกขวัญผวากันมาแล้ว แต่ไม่น่าเชื่อว่าโลกเราจะมีเมืองร้างที่สิ่งมีชีวิตไม่สามารถอาศัยอยู่ได้จริงๆ และหนึ่งในนั้นก็คือเมือง ‘Picher’ จากรัฐโฮคลาโฮมา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมือง Picher เป็นเมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในเขตการปกครองของ Ottawa County แล้วเหตุใดกันที่ทำให้อดีตเมืองอุตสาหกรรมแห่งนี้ กลายเป็นเมืองร้างที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้..? ย้อนกลับไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 (ไม่มีการระบุปีที่แน่ชัด) Picher ได้เป็นหนึ่งในเมืองที่ตั้งอยู่ใจกลาง 3 รัฐใหญ่ที่ทำอุตสาหกรรมเหมืองแร่ และแน่นอนว่าครั้งหนึ่งมันเคยเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่เต็มไปด้วยเม็ดเงินหมุนเวียนจำนวนมาก ทว่าเดือนกันยายน ปี 2009 หนึ่งปีให้หลังจากการเกิดเหตุการณ์ทอร์นาโดครั้งรุนแรงระดับ EF4 ที่พรากชีวิตชาวเมืองไปกว่า 8 ชีวิต และทำลายอาคารบ้านเรือนไปกว่า 150 หลัง แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้เมืองร้าง ปัญหาที่แท้จริงเกิดขึ้นเมื่อพบว่า น้ำสะอาดและดินของเมืองนี้ปนเปื้อนไปด้วยธาตุโลหะหนักจำนวนมาก ย้อนกลับไปในปี 1913 ได้มีนายทุนคนหนึ่งนามว่า Harry Crawfish ได้ค้นพบและนำทีมมาขุดแร่ในบริเวณดังกล่าว ทำการเปิดตลาดขายแร่ จนเริ่มพัฒนาเป็นบริษัทเหมืองแร่ Picher Lead Company เนื่องจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1…
-
เว็บต่างชาติยกย่อง “เชียงใหม่” เมืองน่าอยู่อันดับ 3 ของโลก เคียงคู่ เกียวโต-ฟลอเรนซ์
ไม่นานมานี้เว็บไซต์ Traveland Leisure ได้มีการเปิดให้ผู้อ่านในเว็บไซต์ของพวกเขาโหวตเมืองที่สุดยอดที่สุดในโลกกัน ซึ่งพวกเขาก็จะทำการโหวตกันเป็นประจำทุกปี แต่ใครจะเชื่อว่าผลโหวตนี้กลับมีเมืองจากประเทศไทยติดด้วย!!? ซึ่งอันดับที่ว่านี้ถูกจัดในหัวข้อที่ว่า 15 อันดับเมืองที่คนคิดว่าดีที่สุดในโลก ถ้าให้เพื่อนๆ ลองคิดเล่นๆ คิดว่าเมืองไหนในไทยจะติดอันดันกัน? แล้วอันดับที่จะติดมันจะเท่าไหร่กันนะ? ซึ่งทาง Traveland Leisure ก็ได้บอกใบ้ว่าอันดับส่วนใหญ่ที่ติดมา ก็ล้วนจะเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเสียส่วนใหญ่ ยกตัวอย่างเช่นเมือง San Miguel de Allende จากประเทศ Mexico ซึ่งเป็นเมืองที่ที่ประวัติศาสตร์อันยาวนานพอสมควร แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนไปทันสมัยขึ้นแค่ไหน แต่ก็จะมีหลายส่วนของเมืองที่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์และเสน่ห์ของประวัติศาสตร์นั่นเอง เอาล่ะ เกริ่นกันมาเยอะแล้ว เรามาดูกัน 15 อันดับเมืองที่ดีที่สุดในโลก ที่ถูกจัดอันดับโดนผู้อ่านจาก Traveland Leisure กันเลยดีกว่า ว่าแต่ละเมืองจะได้คะแนนเท่าไหร่กัน… 15. Barcelona, Spain ได้คะแนนเฉลี่ย 89.52 14. Udaipur, India ได้คะแนนเฉลี่ย 89.54 13. Siem Reap, Cambodia ได้คะแนนเฉลี่ย 89.57 12. Rome, Italy ได้คะแนนเฉลี่ย 89.73 …
-
จากผลสำรวจปี 2015 สื่อนอกยก ‘Detroit’ เป็นเมืองที่แย่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา…
สหรัฐอเมริกาหนึ่งในชาติมหาอำนาจของโลก พวกเขาคือชาติที่เต็มไปด้วยการพัฒนาต่างๆ มากมายและมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง แต่ถึงแม้จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วก็ยังคงมีเรื่องหนึ่งที่หนีไม่พ้นนั่นก็คือปัญหาพื้นที่เสื่อมโทรมนั่นเอง ในปี 2015 ทางเว็บไซต์ 24/7 Wall Street ได้จัดอันดับความน่าอยู่ของเมืองที่มีประชากรมากกว่า 65,000 คนทั้งสิ้น 551 เมือง โดยพวกเขาได้แบ่งเกณฑ์การให้คะแนนออกเป็น 9 ด้านประกอบด้วยด้านอาชญากรรม, เศรษฐกิจ, ประชากร, การศึกษา, สิ่งแวดล้อม, สุขภาพ, ที่อยู่อาศัยโครงสร้างพื้นฐานและการพักผ่อนหย่อนใจ และนำมาวิเคราะห์กับปัจจัยอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งผลจากการศึกษาพบว่าเมืองที่เลวร้ายมากที่สุดนั้นได้แก่เมือง Detroit รัฐมิชิแกนนั่นเอง ที่เมืองนี้มีประชากรทั้งหมด 677,124 คน มีประชากรที่ยากจนคิดเป็น 39.8 เปอร์เซ็นต์และมีประชากรที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีเพียงแค่ 14.2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ถึงแม้ว่าเมืองนี้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพบว่ามีอัตราการจ้างงานที่ลดลง และรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนนั้นเหลือเพียงแค่ประมาณ 8 แสนต่อปีเท่านั้นซึ่งต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยรายได้ของครัวเรือนทั่วประเทศ นอกจากนี้ที่เมือง Detroit ยังเต็มไปด้วยอาชญากรรมอีกมากมาย จากการสำรวจพบว่าที่นี่มีอัตตราการเกิดอาชญากรรมสูงเป็นอันดับสองของประเทศ โดยมีผู้เสียชีวิตจากอาชญากรรมมากถึง 1,760 รายจากประชากร 1 แสนคนเลยทีเดียว ส่วนอันดับอื่นๆ จากการสำรวจนั้นพบว่าเมือง Birmingham รัฐ Alabama นั้นอยู่อันดับสอง และเมือง Flint…
-
จีนเตรียมสร้าง ‘เมืองป่า’ แห่งแรกของโลกในปี 2020 หวังช่วยลดปัญหามลพิษในอากาศ
ในขณะที่โลกทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลง อาคารบ้านเมืองต่างๆ กำลังขยายตัวขึ้น สิ่งหนึ่งที่ตามมาจากการพัฒนานี้ก็คงหนีไม่พ้นปัญหาด้านมลพิษทางอากาศอย่างแน่นอน และหนึ่งในประเทศที่เรียกได้ว่ามีมลพิษทางอากาศสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกนั่นก็คือประเทศจีน แต่เมื่อไม่นานมานี้ทางการจีนมีแผนที่จะจัดการกับปัญหาดังกล่าว โดยพวกเขาได้วางแผนสร้างเมืองต้นไม้เพื่อหวังแก้ปัญหามลพิษที่ว่านี้ สำหรับโครงการเมืองต้นไม้นี้ ทางการจีนกำลังวางแผนจะสร้างในเมือง Liuzhou ในเขตปกครองตนเอง Guangxi ซึ่งพวกเขาอ้างว่าเมืองแห่งนี้จะเป็นเมืองแห่งป่าที่แรกของโลกเลยทีเดียว!! การออกแบบดังกล่าวเป็นผลงานของคุณ Stefano Boeri สถาปนิกชื่อดังที่เคยฝากผลงานการออกแบบอาคารต้นไม้ในเมือง Milan มาแล้ว เมืองเล็กๆ แห่งนี้จะมีพื้นที่ในการก่อสร้างทั้งหมดราวๆ 1,750,000 ตารางเมตร และจะประกอบไปด้วยที่พักอาศัยของผู้คนประมาณ 30,000 คน ในเมืองต้นไม้แห่งนี้จะมีการนำพลังงานเชื้อเพลิงที่สะอาดอย่างความร้อนจากใต้พื้นโลก พลังงานแสงอาทิตย์ มาใช้ทดแทนพลังฟอสซิล และนอกจากเมืองดังกล่าวยังเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งโรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว และโรงพยาบาล โปรเจกต์ดังกล่าวเป็นหนึ่งในความต้องการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศของรัฐบาลจีน ที่นี่จะเต็มไปด้วยต้นไม้ถึง 40,000 สายพันธุ์มากกว่า 1,000,000 ต้น โดยแต่ละปีต้นไม้เหล่านี้จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซน์ได้เกือบ 10,000 ตันและสารพิษอื่นๆ อีก 57 ตัน และนอกจากนี้พื้นที่สีเขียวเหล่านี้ยังสามารถสร้างก๊าซออกซิเจนได้มากถึง 900 ตันต่อปีเลยทีเดียว นอกจากประโยชน์ในเรื่องของการลดปัญหามลพิษและให้ความร่มรื่นกับมนุษย์แล้ว พันธุ์ไม้หลากชนิดในเมืองสีเขียวแห่งโลกอนาคตนี้ยังอาจช่วยพื้นฟูระบบนิเวศต่างๆ และเป็นที่อยู่ของพวกแมลงและสัตว์ต่างๆ อีกด้วย…
-
เหมือนดั่งเมืองใต้น้ำ… เผยภาพช่วงเวลาตี 4 ของ Kraków ถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอกทั่วเมือง
การต้องฝืนตัวเองให้ตื่นเช้าๆ ช่างเป็นอะไรที่ยากเหลือเกิน ว่ามั้ย? เว้นเสียแต่ว่าเช้านั้นเรามีธุระหรือเหตุจำเป็นให้ต้องตื่นเช้า… ถ้าคุณเป็นคนที่เกลียดการตื่นเช้า ลองมาดูประสบการณ์ของช่างภาพคนนี้ที่ตื่นขึ้นมาตอนตี 4 แล้วก็พบว่าการตื่นเช้าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าจริงๆ เมืองกรากุฟเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองและเก่าแก่ที่สุดในประเทศโปแลนด์ และเป็นจุดหมายปลายทางที่นิยมของนักท่องเที่ยว แต่น้อยคนนักที่จะได้เห็นบรรยากาศในช่วงเช้า และไม่รู้ว่าเพราะความบังเอิญหรือตั้งใจเมื่อช่างภาพคนนี้ตื่นขึ้นมาตอนตี 4 แล้วพบว่าเมืองกรากุฟถูกปกคลุมไปด้วยหมอก แน่นอนว่ามันเป็นภาพที่ไม่ค่อยคุ้นตานัก เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ตื่นเช้ามากขนาดนี้ เขาจึงเดินไปตามถนนพร้อมกล้องหนึ่งตัวเพื่อบันทึกภาพสุดประทับใจเหล่านี้ การที่ทุกอย่างถูกปกคลุมไปด้วยหมอก ทำให้เห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวไม่ค่อยชัดเจน แต่มันก็เป็นความพร่ามัวที่สวยงาม และคนตื่นเช้าเท่านั้นแหละที่จะได้สัมผัส ถ้าเราไม่รู้เรื่องราวของภาพนี้มาก่อน เราก็อาจจะคิดได้ว่ามันเป็นเมืองใต้น้ำจริงๆ ความสวยงามของช่วงเช้าไม่ได้มีแค่ในเมืองกรากุฟเท่านั้น เพราะที่เมืองไทยของเราก็มีนะ ลองตื่นเช้าๆ สักวันสิ แล้วจะรู้ว่ามันคุ้มที่จะสละเวลานอนเพื่อสัมผัสบรรยากาศในตอนเช้าตรู่แบบนี้ . . . . . . . . . เห็นแบบนี้แล้ว มาตื่นเช้าๆ กันเถอะ ที่มา boredpanda l behance.net
-
เมื่อค้นหาภาพเมืองหลวงต่างๆ ใน Google แต่ละภาพที่ได้นั้น งดงามประชันกันได้เลย!!
สำหรับหลายๆ คนแล้วการเข้าเว็บไซต์ Google คงเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันกันไปแล้ว แต่เพื่อนๆ เคยสังเกตกันไหมว่าหากเราเสิร์ชหารูปภาพของเมืองหลวงในแต่ละประเทศ เราจะได้พบเจอกับภาพใดเป็นภาพแรก? จะเป็นภาพชูโรงให้เราได้เห็นถึงความงดงามจนเกิดความรู้สึกว่าอยากไปเที่ยวเลยรึเปล่า? หรือว่าเป็นแค่ภาพธรรมด๊าธรรมดาที่ดูแล้วไม่รู้สึกอะไรเลย ก็ลองไปชมพร้อมๆ กันที่ข้างล่างนี้เลยจ้า… 1. Stockholm ประเทศสวีเดน 2. Reykjavik ประเทศไอซ์แลนด์ 3. Berlin ประเทศเยอรมนี 4. Baku ประเทศอาเซอร์ไบจาน 5. Budapest ประเทศฮังการี 6. Copenhagen ประเทศเดนมาร์ก 7. Bern ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ 8. Moscow ประเทศรัสเซีย 9. Lisbon ประเทศโปรตุเกส 10. Havana ประเทศคิวบา 11. Astana…
-
หนุ่มฝรั่งเศสใช้เวลา 6 ปี ถ่ายภาพตึกด้วยมุมแหงนบนเกาะฮ่องกง เมืองที่ไม่เคยหลับใหล
ภาพถ่ายทั้งหมดที่เราจะได้เห็นนี้เป็นผลงานของหนุ่มชาวฝรั่งเศส Romain Jacquet-Lagreze ซึ่งเขาได้ย้ายไปอาศัยอยู่บนเกาะฮ่องกงตั้งแต่ปี 2011 และได้เห็นการเจริญเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่งของเมืองบนแผ่นดินนี้ เจ้าตัวเล่าว่าวันหนึ่งเขาแหงนมองหน้าขึ้นไปบนฟ้า แล้วรู้สึกว่ามันเป็นมุมที่สามารถอธิบายความศิวิไลซ์ที่พัฒนาไปอย่างไม่หยุดนิ่งได้ดี เขาจึงใช้เวลากว่า 6 ปีรวบรวมเป็นผลงานทั้งหมดนี้มาให้เราได้ชมกัน ภาพนี้ถ่ายเมื่อปี 2016 ไฟจากตึกที่อยู่อาศัยช่วยทำให้ท้องฟ้าดูสว่างไสวยามค่ำคืน ภาพของตึกที่ถูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์น ตั้งอยู่ที่เกาลูน ถูกถ่ายเมื่อปี 2012 สิ่งที่ทำให้ดูเหมือนว่าเมืองนี้ไม่เคยหลับใหล คือตึกรามบ้านช่องที่อยู่ทั่วทั้งเมือง ภาพนี้ถูกถ่ายเมื่อปี 2015 จะเห็นได้ว่าคนที่นี่ส่วนใหญ่มักจะอาศัยอยู่ในแฟลต หรืออพาร์ทเม้นท์ซะส่วนใหญ่ สลับมุมกันบ้าง คราวนี้เป็นแบบถ่ายลงต่ำ ภาพนี้ถูกถ่ายจากมาเก๊า เมื่อปี 2016 จะสังเกตได้ว่ามีพระจันทร์ส่องแสงผ่านมวลเมฆอยู่เหนือตึก ช่วงเวลาที่ตะวันกำลังจะตกดิน เมืองทั้งเมืองก็จะถูกแทนที่ด้วยแสงจากหลอดนีออน ภาพของตึกสำหรับคนที่มีฐานะค่อนข้างดี จะดูแออัดน้อยกว่า และมีพื้นที่กว้างขวางกว่า ในขณะที่ตึกอื่นๆ อาจจะดูเหมือนกันหมด แต่เขาก็ได้ไปเจอกับตึกแห่งนี้ที่มีการออกแบบที่แตกต่างออกไป ตึกจากบริเวณเมืองเก่าของมาเก๊า ถูกถ่ายเมื่อปี 2016 ตลาดแห่งหนึ่งในย่านเกาลูน ก็มีธงนานาชาติผูกไว้เหมือนกัน …
-
รู้จักหมู่บ้าน Fucking ที่มีอยู่จริงในออสเตรีย อยากจะเปลี่ยนชื่อแทบแย่ แต่ก็เปลี่ยนไม่ได้…
สถานที่บนโลกใบนี้ส่วนใหญ่แล้วก็ล้วนจะมีชื่อเพื่อบ่งบอกถึงที่ตั้งอยู่เสมอ และเพื่อให้คนได้จดจำและรู้จัก ซึ่งมักจะตั้งกันตามลักษณะที่ตั้งหรือความหมายของสถานที่นั้นๆ เช่น บ้านดอนทุเรียน เพราะมีสวนทุเรียน หรือหมู่บ้านดงอีกาดำ เพราะมีกาสีดำชุกชุม เป็นต้น แต่ก็มีไม่น้อยเลยทีเดียวที่มีชื่อสถานที่แปลกๆ ทั้งออกแนวตลก ไปจนถึงหยาบคายก็มี แต่เบื้องหลังชื่อพวกนั้นมันก็ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพราะต้องใจหยาบคายอะไรหรอกนะ แต่คนเราเนี่ยแหละที่ไปคิดว่ามันหยาบคาย อย่างหมู่บ้านเล็กๆ ในประเทศออสเตรียที่ชื่อว่า Fucking Village . หมู่บ้าน Fucking แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ประเทศออสเตรีย ถ้าอ่านกันตามปกติเราก็คงจะอ่านชื่อเมืองนี้ว่า ฟักกิ้ง เป็นแน่แท้ แต่จริงๆ แล้วหมู่บ้านแห่งนี้มันอ่านว่า ฟุกกิ้ง ต่างหากล่ะ ด้วยความที่ชื่อของเมืองมันล่อแหลมขนาดนี้ ผู้คนทั่วทุกสารทิศเมื่อได้เห็นและรู้จัก พวกเขาก็ต่างพากันหัวเราะสนุกสนาน บ้างก็นำชื่อเมืองไปใช้ในทางที่ไม่ดี แถมยังมีผู้ไม่หวังดีโทรมากลั่นแกล้งชาวบ้านด้วยคำพูดล่อแหลมและหยาบคายไม่เว้นแต่ละวัน แค่นั้นยังไม่พอ ชาวบ้านยังต้องประสบกับปัญหาป้ายเมืองบ่อยๆ รวมถึงยังมีคู่รักมากมายมานอนเปลือยกาย หรือทำอนาจารบริเวณป้ายชื่อเมืองอีกต่างหาก ส่วนถ้าใครกำลังนั่งคิดว่า เอ้า!! งี้ก็จัดการเปลี่ยนชื่อเมืองซะสิ ต้องบอกว่า พวกเขาเคยคิดจะทำแล้วเมื่อราวๆ ปี 2012 โดยให้ชาวบ้านโหวตชื่อ เปลี่ยนชื่อเป็น Fugging แต่ว่ามันทำไม่ได้ เพราะมันมีเมืองชื่อดังกล่าวอยู่ในออสเตรียแล้ว ส่วน Andreas Dockner นายกเทศมนตรีเมือง Fugging ก็ออกมาบอกว่าควรจะมีเมือง Fugging ในออสเตรียแค่แห่งเดียวก็พอ พร้อมให้คำแนะนำเมือง Fucking ว่า “ถ้าเมืองของผมชื่อว่า…
-
งานเปิดตัว Kong: Skull Island สุดเฟล มีลิงยักษ์อลังกาล ‘งานไฟไหม้’ หนีกันจ้าล่ะหวั่น!!
เวลามีงานเปิดตัวหนังเรื่องใหม่ ทางค่ายผู้ผลิตหรือจัดจำหน่ายต้องพยายามทำงานออกมาให้น่าประทับใจให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เหล่าผู้เข้าร่วมงานรู้สึกประทับใจ และลองนึกถึงหนังเรื่อง Kong: Skull Island จะมีอะไรน่าประทับใจไปกว่าการนำโมเดลลิงยักษ์มาจัดแสดงในงาน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในงานเปิดตัวหนังเรื่อง Kong: Skull Island ในเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ ประเทศเวียดนาม เมื่อทางค่ายผู้จัดจำหน่ายได้นำโมเดลคิงคองขนาดยักษ์มาจัดแสดงในงาน แถมมีการเซ็ตเอฟเฟคไฟสุดอลังกาล ที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องประทับใจ . แต่ทันใดนั้นเอง ดูเหมือนจะมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น เมื่อบริเวณมือซ้ายของหุ่นจำลองคิงคอง กลับมีไฟลุกขึ้นมา . ตอนแรกหลายคนก็นึกว่าเป็นเอฟเฟค แต่เฮ่ย นี่มันไฟไหม้จริงๆ นี่หว่า ทำให้เกิดการวิ่งหนีอย่างจ้าล่ะหวั่น . โอ้โห เฟลแทนผู้จัดงานจริงๆ พี่คองเรากลายเป็นคองไฟลุกเลย ลองไปชมคลิปกันดีกว่า เหตุการณ์เกิดประมาณช่วงนาทีที่ 3.30 กดข้ามไปได้เลย แต่แม้เหตุการณ์จะเลวร้ายขนาดไหน พ่อบ้านใจกล้าของเราก็ยังเนียนเสมอ บอกเลยจับไม่ได้หรอก ทีหลังจะจัดงานอะไรก็ขอให้เซ็ตฉากกันดีๆ ก่อนนะ ไม่งั้นอาจเฟลแบบนี้ได้ ฮาาา ที่มา Bí Mật Vbiz
-
นี่คือ 12 อันดับเมืองของ Treepedia จากหลากประเทศ ที่ขึ้นชื่อว่ามีต้นไม้เยอะที่สุดในโลก
“ต้นไม้” คือเครื่องปรับอากาศตามธรรมชาติที่ดีที่สุด เมื่อโลกของเราเต็มไปด้วยต้นไม้ แน่นอนว่ามันจะทำให้คุณได้รับบรรยากาศที่สดชื่นในทุกๆ วัน ด้วยเหตุนี้ หลายๆ ประเทศทั่วโลก จึงมีการร่วมแรงร่วมในกัน เพื่อส่งเสริมให้แต่ละเมืองมีการปลูกต้นไม้มากขึ้น นอกจากนี้ ทาง MIT’s Senseable Lab ยังได้ร่วมมือกับ World Economic Forum (WEF) เพื่อสร้าง Treepedia ซึ่งเป็นแผนที่ที่แสดงความหนาแน่นของพื้นที่สีเขียวในเมืองใหญ่ต่างๆ ทั่วโลกนั่นเอง และนี่คือ 12 อันดับเมืองในแต่ละประเทศที่ได้รับผลการประเมินว่า เป็นเมืองที่มีต้นไม้เยอะที่สุดในโลก ไปดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีประเทศไหนกันบ้าง 12.ลอสแอนเจลิส เมืองในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา – มีต้นไม้อยู่ทั้งหมด 15.2% 11.เทลอาวีฟ เมืองในประเทศอิสราเอล – มีต้นไม้อยู่ทั้งหมด 17.5% 10.บอสตัน นครในรัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา – มีต้นไม้อยู่ทั้งหมด 18.2% 9.ไมแอมี เมืองในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา…
-
จีนทุ่มงบกว่า 2,500 ล้านบาทเพื่อเนรมิต “เมืองกุ้ยหยางโบราณ” ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง!!
โดยทั่วไป หลายประเทศพยายามที่จะอนุรักษ์เมืองโบราณไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้เห็นประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน สถานที่สำคัญ หรือแม้กระทั่งกำแพงก็ยังเป็นสิ่งที่น่าค้นหา แต่สำหรับในมณฑลหูหนานแล้ว ได้ทำการลงทุนสร้างเมืองโบราณขึ้นมาใหม่เองซะเลย โดยใช้งบประมาณประมาณ 2,500 พันล้านบาท เพื่อเนรมิตเมืองกุ้ยหยางเก่าแก่ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยโปรเจกต์นี้เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเมืองเก่าแก่นี้จะใช้พื้นที่ประมาณ 144 เฮกตาร์ หรือ 1,440,000 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าใหญ่มากๆ ประมาณหนึ่งหมู่บ้านหรือหนึ่งตำบลในบ้านเราเลย ในเมืองนี้เราจะได้เห็นสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่เหมือนกับเมืองกุ้ยหยางโบราณทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวัด Guiyang Confucius Temple, พิพิธภัณฑ์, Kun Opera House, และเขตการค้าซึ่งจำลองแบบมาจาก 2,000 ปีที่แล้วอย่างครบถ้วน ตอนนี้ยังไม่มีกำหนดการว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ แต่ถ้าสร้างเสร็จออกมามันต้องเป็นอะไรที่สวยงามและเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบใหม่ๆ แน่นอน ที่มา people.cn
-
สภาพของเมือง ‘ฟูกุชิมะ’ 5 ปีผ่านไป สถานที่กาลเวลาหยุดนิ่ง ทุกอย่างยังคงอยู่ตรงนั้น…
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่เมืองฟุกุชิมะเมื่อช่วงเดือนมีนาคม ปี 2011 ที่ผ่านมา หรือเมื่อราวๆ 6 ปีก่อน จนเกิดเป็นภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่เรียกได้ว่าสร้างความเสียหายยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เหตุการณ์เชอร์โนบิลเลยทีเดียว แม้จะไม่มีรายงานว่ามีการเสียชีวิตที่เชื่อมโยงกับการสัมผัสกับสารกัมมันตรังสีในระยะสั้นที่มากเกินไป แต่ก็มีผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว และสึนามิมากกว่า 18,500 คน เลยทีเดียว จากความเสียหายครั้งใหญ่ในคราวนั้น ก็ผ่านแล้วเป็นเวลา 5 ปี เมืองที่เคยคึกคักกลับถูกทิ้งร้างให้ว่างเปล่า แต่ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมบรรยากาศภายในเมืองฟุกุชิมะกัน จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ลองไปชมผลงานของช่างภาพ Arkadiusz Podniesinski ชาวโปแลนด์ ที่เข้าไปเก็บภาพในเมืองมาให้พวกเราได้ชมกัน 1. เจ้าหน้าที่ทำการตรวจผู้มาเยือน เพื่อเช็คการปนเปื้อนแม้จะผ่านไปแล้ว 5 ปีก็ตาม 2. ร้านขายแผ่นเสียงที่เงียบงัน ไม่มีชีวิตชีวาแม้แต่น้อย 3. มีแต่แมงมุมที่เข้ามาสร้างรังอาศัยอยู่ 4. ไปทางไหนก็มีแต่ต้นหญ้าขึ้นสูงเต็มไปหมด 5. ถนนตอนกลางคืนที่ยังคงส่องสว่าง แม้จะไม่มีใครอยู่อาศัยแล้วก็ตาม 6. แหล่งทิ้งขยะเรียงรายนับล้านถุง 7. ขบวนรถที่จอดอยู่มากมาย ทำให้เราเห็นว่าในอดีตก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นบนท้องถนนเคยคึกคักมากแค่ไหน …
-
รู้จักชื่อเมืองยาวเฟื้อย ‘Llanfairpwllgwyngyll’ ของจริงไม่ได้ล้อเล่นนะ โอ้ซาสสสส!?
ก่อนหน้านี้ #เหมียวหง่าว ได้นำเสนอเรื่องราวของชายที่ชื่อยาวแถมไม่พอยังอ่านโคตรยาก แต่โด่งดังไปทั่วโลก กับชื่อ ‘อูฟู่โฟยฟั่ยฟอย โอเยทเทนเย่วัย อุวิมมุวิม โอซาส‘ กันไปแล้ว คราวนี้เราจะขอพาไปรู้จักกับเมืองหนึ่งซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะมีเมืองที่ชื่อยาว แถมยังอ่านยากไม่แพ้ อูฟู่โฟยฟั่ยฟอยฯ โดยเมืองนี้เป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งบนเกาะ Anglesey รัฐเวลส์ ชื่อของมันคือ…‘Llanfairpwllgwyngyllgogerychwyrndrobwllllantysiliogogogoch’ จะให้เราพิมพ์บอก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันอ่านว่ายังไง ยาวซะขนาดนี้ เอาเป็นว่าไปชมคลิปวิดีโอที่นักข่าวเค้าอ่านออกเสียงเมืองนี้ให้ฟังกันก่อนเลยล่ะกัน สรุปแล้วเมืองนี้มันอ่านว่า “!@#$%^&*&^%$#$@#% โก โก โก้ค’ (ฟังออกเท่านี้จริงๆ 555+) ซึ่งเป็นเมืองขนาดเล็กมีประชากรเพียงแค่ประมาณ 3,000 กว่าคนเท่านั้นเอง โดยชื่อเมืองนี้แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า ‘St. Marys Church in The Hollow of The White Hazel Near to The Rapid Whirlpool of Llantysilio of The Red Cave’ (อะไรมันจะยาวขนาดน๊านนน)…
-
30 ภาพของมหานคร “ดูไบ” อธิบายถึงความอลังการ ที่แม้สุดแสนจะเวอร์ แต่ก็เป็นแบบนี้แหละ!!
ดูไบคือหนึ่งในเมืองแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นเมืองที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และพัฒนาอย่างต่อเนื่องภายในเวลาเพียง 30 ปี จากเมืองที่ครั้งหนึ่งเป็นเพียงแค่เมืองท่าและศูนย์กลางของการค้าทางทะเล จนกลายมาเป็นเมืองที่รวยที่สุดในโลกไปแล้ว จากความสำเร็จในการค้าขายและการส่งออก รวมไปถึงการหลุดออกมาจากอาณานิคมของอังกฤษจนสามารถก่อตั้งเป็นประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ ก็ถูกต่อยอดความเจริญด้วยการลงทุนสร้างสิ่งก่อสร้างเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอีกมากมาย ภาพเปรียบเทียบของถนน E 11 หรือในอีกชื่อหนึ่ง Sheikh Zayed ของมหานครดูไบ จากปี 1990 และปี 2015 ในความเจริญนี้ก็ยังมีบางสิ่งที่เราไม่เคยเห็นมันมาก่อน ซึ่งวันนี้ #เหมียวสามสี ขออาสาพาทุกท่านไปเยี่ยมชมความอลังการและความบ้าบิ่นของเมืองนี้เอง จะมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลย นี่คือมุมมองจากมุมด้านบนของดูไบที่เราจะได้เห็นจากในอนาคตอันใกล้ มุมมองจากด้านล่าง เราจะได้เห็นเมืองแห่งเทคโนโลยีที่สร้างเกาะเองได้จากฝีมือมนุษย์ ผลออกมาก็จะประมาณนี้ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในดูไบ เพราะที่นี่ยังมีอีกหลายที่ที่ดึงดูดให้ใครหลายๆ คนอยากมาเยือน โดยเฉพาะการขึ้นไปอยู่บนตึกเหนือเมฆ ความงามที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว สนามกอล์ฟกว้างขวาง ภัตตาคารสวยงาม ได้ชมวิวใต้น้ำไปด้วย ภายในศูนย์การค้าก็หรูหราอลังการ มีอะไรให้ทำเยอะแยะมากมาย เหมาะสำหรับคนชอบอะไรที่แตกต่าง อีกทั้งยังเป็นสวรรค์สำหรับคนที่ชอบรถหรูๆ…
-
16 เมืองเล็กๆ อันได้ชื่อว่าสวยงามและทรงเสน่ห์ที่สุดในยุโรป แต่คุณอาจจะยังไม่รู้จัก…
สำหรับหลายๆ คนแล้ว ทวีปยุโรปถือว่าเป็นดินแดนในฝันที่ต้องไปเยือนให้ได้ซักครั้งในชีวิต ด้วยภูมิประเทศและวัฒนธรรมอันสวยงามไม่เหมือนที่ใดในโลก ทำให้มีนักท่องเที่ยวปีละหลายล้านคนเดินทางไปเที่ยวในยุโรป และถ้าเพื่อนๆ คนไหนอยากไปยุโรป แต่เบื่อเมืองใหญ่ๆ แล้ว ลองไปชม 16 เมืองเล็กๆ เหล่านี้สิ เพราะมันได้ชื่อว่าสวยงามและทรงเสน่ห์ที่สุดในยุโรป ซึ่งคุณควรจะไปให้ได้เลยล่ะ Manarola, Italy ตึกรามบ้านช่องสีสันสวยงาม แถมตั้งอยู่บนหน้าผาริมทะเล นี่อาจเป็นทางเลือกที่ดี หากท่านไม่อยากไปเผชิญกับความวุ่นวายในเมืองหลวงอย่างโรมหรือเมืองใหญ่อย่างมิลาน Reine, Norway หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ในตั้งอยู่บริเวณอ่าวริมฝั่งมหาสมุทธใกล้แถบขั้วโลก ถูกโหวตว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ น่าไปสัมผัสซักครั้ง Portree, Scotland หมู่บ้านเล็กๆ ที่มีประชากรแค่ 2,500 คน มีอ่าว ท่าเรือ และตึกสีสันสดใสตั้งอยู่ หากอยากสัมผัสวิถีชีวิตแบบสก็อตแลนด์แท้ๆ ที่นี่ก็ถือว่าน่าสนใจนะ Colmar, France เมืองเล็กๆ ที่ได้รับฉายาว่าเวนิสขนาดย่อม ก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 9 แถมหมู่บ้านนี้ยังได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากเยอรมันและฝรั่งเศส ทำให้ผสมผสานกันเป็นจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร Bled, Slovenia โบสต์ที่ตั้งอยู่กลางน้ำแห่งนี้ กลายเป็นสถานที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมเมืองเล็กๆ แห่งนี้อยู่เสมอ…
-
สบายใจหายห่วง… EIU จัดอันดับ 15 เมืองที่ปลอดภัยที่สุดในโลกประจำปี 2016
ในการตัดสินใจที่จะลงหลักปักฐานในสถานที่ใดๆ นั้น ความปลอดภัยก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญเช่นกัน… จากการอ้างอิงข้อมูลจากทาง Economist Intelligence Unit นี่คือ 15 เมืองที่มีความปลอดภัยสูงที่สุดของโลก โดยการจัดอันดับจะอ้างอิงจาก 40 ตัวชี้วัด โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ ด้านความปลอดภัยทางด้านไอที สุขภาพอนามัย ความปลอดภัยทางด้านโครงสร้างภายใน และความปลอดภัยส่วนบุคคล และคราวนี้น่าสนใจจริงๆ ที่มีเมืองในเอเชียติดเข้ามาหลายอันดับเลยล่ะ ลองมาดูกันเลยว่าจะมีเมืองไหนกันบ้าง!! อันดับ 15. Barcelona 75.16 คะแนน รายงานระบุว่าอาชญากรรมของเมืองลดลงกว่า 32% เลยทีเดียว หลังจากเมื่อ 3 ปีก่อนทางสภาของเมืองได้เริ่มนโยบายจัดวางเวรยามตำรวจตามท้องถนนมากขึ้น นั่นทำให้ติดอันดับเข้ามาในปีนี้ อันดับ 14. Montreal 75.6 คะแนน นอกจากเป็นเมืองที่ปลอดภัยแล้ว บรรยากาศในการทำธุรกิจที่เมืองแห่งนี้ก็ยังอยู่อันดับต้นๆ ของโลก และในส่วนคะแนนคุณภาพของอาหารที่ชาวเมืองได้รับประทานกันก็ยังเป็นอันดับต้นๆ ด้วยเช่นกัน อันดับ 13. Taipei 76.51 คะแนน ในด้านความปลอดภัยโดยรวมแล้วอาจจะเข้ามาในอันดับที่ 13 แต่หากแยกดูตามหัวข้อแล้ว ความปลอดภัยทางด้านข้อมูลส่วนตัวเมืองไทเป ได้เป็นอันดับที่ 4 ของโลกเลยล่ะ อันดับ 12. San Francisco 76.63 คะแนน…
-
จะเป็นอย่างไร ถ้าเอาเอกลักษณ์ของ ‘กรุงโตเกียว’ เข้าไปอยู่ในเมืองดังๆ รอบโลก
โตเกียว เป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นที่มีประชากรทั้งหมดกว่า 13.62 ล้านคน อีกทั้งยังขึ้นชื่อได้ว่าเป็นเมืองที่คึกคัก และเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมกันตลอดทั้งกลางวัน และกลางคืนอยู่เสมอ ยิ่งถ้าเป็นในเวลากลางคืน คุณก็จะได้เห็นถึงสีสัน เสียง ผนังแสงไฟนีออน และรวมถึงจอ LED อยู่เต็มทั่วทั้งเมือง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีทั้งความสวยงาม และน่าไปเที่ยวชมมากจริงๆ และถ้าเราลองคิดเล่นๆ ว่า เมืองต่างๆ ในแต่ละประเทศทั่วโลก ถูกเปลี่ยนให้มีบรรยากาศเหมือนมหานครโตเกียว ซึ่งเป็นเมืองแห่งสีสันในยามค่ำคืน เพื่อนๆ คิดว่ามันจะเป็นอย่างไร Liam Wong ช่างภาพ และ Daigo Ishii สถาปนิก ได้ปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิด โดยการลองนำเอกลักษณ์ของกรุงโตเกียว ไปใส่ในเมืองดังๆ รอบโลก เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าแต่ละเมืองจะออกมาเป็นอย่างไร 1.นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา 2.กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส 3.กรุงเวนิส ประเทศอิตาลี 4.โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก 5.บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา 6.ลาปาซ ประเทศโบลิเวีย …
-
จัดอันดับ 25 ประเทศที่ประชากรมีความสุข สุขภาพดี และมีความมั่งคั่งที่สุดประจำปี 2016!!
Legatum Institute หนึ่งในสถาบันจัดอันดับที่ได้รับการมากเชื่อถือที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน ได้เผยลิสต์ 25 ประเทศที่ประชากรมีความสุขที่สุด มั่งคั่งที่สุด และสุขภาพดีที่สุดของปีนี้ออกมาแล้ว โดยจะนำข้อมูลของทั้ง 149 ประเทศมาวิเคราะห์ ตั้งแต่เรื่อง GDP จำนวนชั่วโมงงานของประชากรโดยเฉลี่ย ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ รวมถึงความปลอดภัยของเซิฟเวอร์อินเตอร์เน็ทก็ถูกนำมาเฉลี่ยและวิเคราะห์ทั้งหมด จะมีประเทศไหนติดอันดับมาบ้าง เรามาดูกันได้เลย!! อันดับ 25. ประเทศโปรตุเกส ถึงแม้อันดับอื่นๆ โปรตุเกสจะได้อันดับที่ 50 มาครอง แต่เรื่องสิทธิและเสรีภาพของประชากรนั้น ทำคะแนนได้ดีจนได้รับอันดับ 10 เลยทีเดียว ทำให้ติดเข้ามาในลิสต์ท็อป 25 นี้ อันดับ 24. ประเทศมัลต้า ประเทศเกาะเล็กๆ ใจกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในด้านอื่นๆ นั้นเข้ามาเป็นอันดับที่ 20 แต่ที่โดดเด่นสุดๆ คงไม่พ้น ทุนทรัพย์ของรัฐบาลที่เข้ามาเป็นอันดับ 8 ของโลก อันดับ 23. ฮ่องกง ถึงแม้ว่าอาจจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นประเทศ แต่ก็ถือว่าติดโผเข้ามาในลิสต์นี้อยู่ดี โดยเฉพาะการที่เข้ามาในอันดับนี้ได้ก็เพราะติดอันดับ 4 พื้นที่ๆ…
-
25 ภาพการเปลี่ยนแปลงเมืองให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นด้วยการใช้ “สตรีทอาร์ต” สุดเจ๋ง!!!
ลองมองไปรอบๆ ตัวคุณสิ โลกนี้เต็มไปด้วยพื้นที่ว่างเปล่ามากมาย หลายที่พอดูโล่งๆ แล้วรู้สึกสะอาดตา หลายที่ที่เคยโล่ง ตอนนี้กลับสกปรกและไม่ได้รับการแก้ไข จนทำให้มองกี่ทีก็รู้สึกขัดหูขัดตา ทางการก็ไม่ได้แก้ไขในจุดนี้ จนบางครั้งก็ต้องพึ่งคนทั่วไปอย่างเราให้มาแก้ปัญหาให้ แต่จะให้ทำความสะอาดให้มัน สักวันมันก็คงจะกลับมาสกปรกอีกครั้ง ทางที่ดีสำหรับหลายๆ คน คือการเปลี่ยนที่แห่งนั้นให้มันกลายเป็นที่ที่สวยงามจนใครไม่กล้าจะมาทำลายได้อีกโดยใช้ “สตรีทอาร์ต” นี่แหละ และวันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปชมการเปลี่ยนแปลงเมืองที่ไร้สีสัน ให้กลับมามีชีวิตชีวาด้วยภาพวาดบนกำแพงเหล่านี้ จากหลากหลายประเทศ ไปดูกันเลย Knowledge Speaks – Wisdom Listens, Street Art In Athens, Greece Juliette Et Les Esprits, Montpellier , France Poznan, Poland Renaissance, Le Puy en Velay, France Au Fil De…
-
กรุงปารีสออกกฎ อนุญาตชาวเมือง ‘ทำสวน’ ได้อย่างอิสระ เพิ่มความงดงามให้กับเมือง
ก็อย่างที่เรารู้กันดีว่ากรุงปารีส นั้นเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความสวยงามมากที่สุดในโลก ทั้งการวางแผงเมืองและสถาปัตยกรรมเองก็มีเอกลักษณ์ รวมไปถึงกลิ่นอายฝรั่งเศส จนเป็นที่มาของชื่อเสียงอันเลื่องลือไปทั่วโลก และล่าสุด!! ความงดงามของเมืองนี้คงจะเพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะล่าสุดกฎหมายใหม่ก็เพิ่งร่างผ่านไป โดยสามารถอนุญาตให้ประชากรสามารถทำสวนเป็นของตัวเองในพื้นที่ของเมืองได้แล้ว เหล่าผู้คนที่อยู่อาศัยจะได้รับใบอนุญาตเป็นเวลา 3 ปี ในการปลูกผัก ผลไม้ ดอกไม้ และ พืชพรรณอื่นๆ จากตัวบทกฎหมายแล้ว สวนเหล่านี้จะต้องใช้วิธีการดูแลรักษาอย่างยั่งยืนเท่านั้น นั่นหมายความว่าจะไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลง หรือสารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช!! และทางกรุงปารีส เองก็ได้จัดตั้งหน่วยงานเพื่อแจกจ่ายอุปกรณ์ในการทำสวน อันประกอบไปด้วย เมล็ดพันธุ์ และดิน และนี่เองก็เป็นการริเริ่มโปรเจคเปลี่ยนกรุงปารีสให้เป็นสีเขียว โดยท่านนายกเทศมนตรี Anne Hidalgo มีเป้าหมายไว้ว่าจะเปลี่ยนพื้นที่เป็นบริเวณ 10,000 ตารางเมตร ให้กลายเป็นสีเขียวภายในปี 2020 คาดว่านโยบายนี้จะดึงดูดคนให้สร้างพื้นที่สีเขียวบนที่พักอาศัย บนอาคาร รวมถึงบริเวณบ้านของตนเองมากยิ่งขึ้น แหม่ ต้องขอบอกเลยว่าอะไรที่เป็นสีเขียวๆ นี่มันช่างดูร่มรื่นแล้วก็สวยงามไปซะหมดเลยนะเนี่ย ^^ ที่มา : boredpanda
-
สถานบำบัดสร้าง “เมืองจำลองขนาดใหญ่” เพื่อเยียวยาความทรงจำให้เหล่าผู้ป่วยอัลไซเมอร์
สถานบำบัดแห่งหนึ่งมีชื่อว่า Lantern ตั้งอยู่ที่เมือง Chagrin Falls รัฐ Ohio เป็นหนึ่งในสามของสถานที่อำนวยความสะดวกที่มีจุดประสงค์เฉพาะเจาะจงแตกต่างจากที่อื่นไปอย่างสิ้นเชิง เพราะมันถูกสร้างให้เหมือนกับเป็นหมู่บ้านจำลองให้สำหรับผู้ป่วยอัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อม ภายในนั้นตกแต่งไปด้วยพรมสีเขียวที่ดูเหมือนกับหญ้า พร้อมทั้งมีการตกแต่งภายในของบ้านแต่ละหลัง มีสนามหญ้าและทางเดินภายในบ้านพร้อมกับม้านั่งหน้าบ้านที่นั่งแล้วจะเห็นวิวของสนามกอล์ฟ พร้อมทั้งระบบเสียงที่เปิดเสียงนกร้อง ให้คล้ายกับบรรยากาศจริงๆ และท้องฟ้ายังมีลูกเล่นเปลี่ยนเป็นตอนกลางวันและกลางคืนได้อีกด้วย สิ่งนี้จะทำให้ผู้ป่วนอัลไซเมอร์สามารถนึกย้อนไปในอดีตได้ เหมือนเป็นเครื่องย้อนเวลา ซึ่งจะได้ผลดีอย่างมากสำหรับผู้ป่วยที่เคยผ่านยุค 1930s – 1940s มาแล้ว ซีอีโอของ Lantern นั่นก็คือ Jean Makesh ผู้เป็นทั้งนักบำบัดและผู้ออกแบบโครงการนี้มาตั้งแต่ปี 2007 แต่ตอนนั้นไม่มีนักลงทุนเข้ามาจนกระทั่งถึงปี 2010 ก็มีคนยอมมาช่วยและพร้อมจะเสี่ยงไปกับโครงการนี้ Jean เล่าว่าการควบคุมสภาพแวดล้อมจะทำให้ลดอัตราการเกิดความโกรธเคืองและสภาวะซึมเศร้าได้อีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อสมอง ซึ่งเขาได้ใส่ใจรายละเอียดไม่ว่าจะเป็นสีต่างๆ ที่ใช้ทาล้วนมีผลต่อสมองทั้งสิ้น . . เราไปเยี่ยมชมที่แห่งนี้กันเลย ที่มา designyoutrust
-
พาชม 3+7 เมืองแห่งโลกอนาคตในอเมริกา ที่ผลิตพลังงานสะอาดใช้แบบ 100%
ก็อย่างที่เราทราบกันเป็นอย่างดีว่า ตอนนี้โลกของเรานั้นกำลังเสพติดพลังงานจากฟอสซิลเป็นอย่างมาก ในที่นี้ก็คือน้ำมันและถ่านหินต่างๆ นั่นเอง และการใช้พลังงานจากสิ่งเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดมลพิษต่อโลกเป็นอย่างมาก แต่ก็มีความพยายามเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีกว่าเช่นกัน อย่างการใช้ Renewable energy หรือพลังงานหมุนเวียนที่ได้จากธรรมชาติรอบตัวเราและหามาใช้ได้เรื่อยๆ โดยไม่ก่อเกิดมลพิษเช่นพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานจากน้ำนั่นเอง ซึ่งวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็อยากจะพาเพื่อนๆ ไปพบกับ 3 เมืองในสหรัฐฯ ที่ใช้พลังงานหมุนเวียนแล้วแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ และอีก 7 เมืองที่วางแผนจะทำตามได้สำเร็จในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า มาดูกันเลยดีกว่า!!! พลังงานหมุนเวียนต่างๆ เช่นพลังงานจากโซลาเซลล์ Aspen, Colorado ใช้พลังงานสะอาดแบบ 100 เปอร์เซ็นต์มาตั้งแต่ปี 2015 ตั้งแต่ราวๆ ปีก่อนแล้วที่เมืองเล็กๆ ประชากรราวๆ 6,658 คนแห่งนี้เป็นเมืองแห่งพลังงานสะอาด ส่วนมากพลังงานที่ได้นั้นมาจากกระแสลมและน้ำ เรียกได้ว่าเป็นเมืองลำดับที่ 3 ในประเทศสหรัฐฯ ที่สามารถใช้พลังงานสะอาดได้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ Burlington, Vermont ใช้พลังงานสะอาดแบบ 100 เปอร์เซ็นต์มาตั้งแต่ปี 2014 Burlington…
-
Kamikatsu สุดยอดเมืองในญี่ปุ่น ตั้งเป้าเป็น ‘เมืองปลอดขยะ’ แห่งแรกของโลก!!
ใจกลางศูนย์แยกขยะของเมือง Kamikatsu ประเทศญี่ปุ่น มีถังสำหรับไว้แยกขยะมากมาย แค่กระดาษก็มีการแบ่งแยกทั้งหนังสือพิมพ์ แม็กกาซีน กระดาษชำระ ฯลฯ ส่วนของกระป๋องก็มีทั้งแบบอะลูมิเนียม เหล็ก และเหล็กกล้า ถึงจะจำแนกประเภทขนาดนี้ นี่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น เพราะว่าการแยกขยะของเมืองนี้รวมแล้วสามารถแยกออกไปได้กว่า 34 หมวด แถมแต่ละหมวดก็มีการแยกแบบยิบย่อยลงไปอีกนั่นเอง เมือง Kamikatsu เมืองที่ปลอดขยะมากที่สุดในโลก ณ ขณะนี้!!! มันอาจจะดูโอเว่อร์เกินไปสำหรับเมืองที่มีประชากรเพียง 1,700 คนแบบนี้ นโยบายของเมืองนี้ก็คือสามารถเป็นเมืองที่ปลอดขยะ 100 เปอร์เซ็นต์ได้ในปี 2020 และพวกเขาเกือบทำได้แล้ว เพราะตอนนี้มีอัตรการรีไซเคิลกว่าร้อยละ 80 ของขยะทั้งหมด และเพียงร้อยละ 20 เท่านั้นที่ต้องไถกลบลงดินไป!! เรื่องราวของเมืองนี้ที่ถูกถ่ายทอดผ่านวิดีโอ หากเปรียบเทียบแล้ว ในตอนนี้อัตราการรีไซเคิลขยะของประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ราวๆ ร้อยละ 34 (บ้านเราคงไม่ต้องนับหรอกเนาะ -*-) ขนาดพลาสติก ยังแยกพลาสติกที่เปื้อนจากการใส่อาหาร และพลาสติกที่ไม่เปื้อนออกด้วยกัน!!! หลักๆ แล้วก็เพราะความมีวินัย เคารพกฎที่ตั้งขึ่นมาร่วมกัน และการใส่ใจของคนในเมืองนี้ …
-
พาทัวร์ “บาริโอ ทริสเต้” ย่านสุดแสนอันตรายของอดีตเจ้าพ่อค้ายา “ปาโบล เอสโกบาร์”
พูดถึง ปาโบล เอสโกบาร์ เชื่อว่าน้อยคนนักจะไม่รู้จัก เพราะเขาคือเจ้าพ่อยาเสพติดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก แม้เขาจะลาโลกไปแล้ว แต่วีรกรรมและอิทธิพลที่ครั้งหนึ่งทำให้เขาเคยยิ่งใหญ่ ก็ยังคงถูกพูดถึงในปัจจุบัน และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปทัวร์ย่านบาริโอ ทริสเต้ ในเมืองเมเดยิน ประเทศโคลอมเบีย ที่ครั้งหนึ่งเคยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของปาโบล เอสโคบาร์ จนได้รับฉายาว่าเป็น “เมืองที่อันตรายที่สุดในโลก” ซึ่งแม้เอสโกบาร์จะเสียชีวิตไปกว่า 23 ปีแล้ว แต่สิ่งที่พวกเขาได้เริ่มต้นไว้ ยังคงส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย บาริโอ ทริสเต้ เป็นย่านสลัมเล็กๆ ตั้งอยู่ในเมืองเมเดยิน เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศโคลอมเบีย ในทวีปอเมริกาใต้ ภายในย่านนี้มีสลัมแออัด รวมไปถึงโรงงานต่างๆ อีกมากมาย และสิ่งที่มาคู่กับสลัมในอเมริกาใต้ นั่นก็คือ “ยาเสพติด” และ “อาชญากรรม” ด้วยความที่ครั้งหนึ่ง เจ้าพ่อยาเสพติดอย่าง ปาโบล เอสโคบาร์ เคยอาศัยอยู่ในเมืองเมเดยินแห่งนี้ ทำให้ยาเสพติด กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวสลัมไปเสียแล้ว (การใช้ยาเสพติดในดินแดนแห่งนี้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก) แม้ทางรัฐบาลจะสามารถจัดการเอสโคบาร์ได้ตั้งแต่ปี 1993 แต่ยาเสพติดก็ยังไม่หายไปจากสังคมเสียทีเดียว…
-
27 ภาพน่าตื่นตาตื่นใจ ทำให้เราได้เห็นว่า “ดูไบ” คือเมืองอันมหัศจรรย์อย่างแท้จริง
“ดูไบ” เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อีกทั้งยังเป็นเมืองแห่งความมหัศจรรย์ ที่ความร่ำรวย มีตึกระฟ้าที่หรูหรา และอลังการงานสร้างสุดๆ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ผู้คนในเมืองนี้ จะมีชีวิตที่ดี๊ดีย์ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูไฮโซไปซะหมด นั่นเป็นเพราะไลฟ์สไตล์ หรือรูปแบบการดำเนินชีวิตของพวกเขานั่นเอง และในวันนี้เราจะพาคุณมารับชมภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจของดูไบ ที่จะมาพิสูจน์ให้เห็นว่าเมืองแห่งนี้ มีความมหัศจรรย์มากแค่ไหน ว่าแล้วก็ไปรับชมกันได้เลย เพราะที่ดูไบ สามารถเปลี่ยนทะเลทรายธรรมดา ให้เป็นแดนมหัศจรรย์ เกาะที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของมนุษย์ ส่วนนี่คือภาพของเกาะ ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเลียนแบบแผนที่โลก . . หมู่เกาะต้นปาล์มแห่งดูไบ นอกจากทะเลแล้ว คุณยังจะได้เห็นความสวยงามของตึกระฟ้าที่สูงเหนือเมฆอีกด้วย . . ภาพถ่ายของเมืองดูไบในตอนกลางคืน… . สวยงามสมกับเป็นเมืองแห่งความมหัศจรรย์มากจริงๆ . และเป็นอีกหนึ่งสวรรค์ของคนเล่นกอล์ฟ เพราะมันอลังการแบบนี้ยังไงล่ะ… ร้านอาหารที่ดูหรูหรา เปิดบริการให้กับแขกมีระดับ . ส่วนห้างสรรพสินค้า ตกแต่งอย่างเอกลักษณ์ . คงไม่มีอควาเรียมที่ยิ่งใหญ่กว่านี้บนโลกมากนักหรอกน่าาาา…
-
ตะลุยเขตอันตราย Red Zone ในฟุกุชิมะ ที่ยังคงร้าง แม้จะผ่านเหตุนิวเคลียร์มาแล้ว 5 ปี!!
เชื่อว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวและซึนามิที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2011 ยังคงอยู่ในความทรงจำหลายๆ คน เพราะถือว่าเป็นซึนามิที่ร้ายแรงที่สุดอีกครั้งหนึ่งในเกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 21 และทำให้เกิดอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รั่วไหล จนทำให้พื้นที่บางส่วนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ล่าสุดตากล้องชาวมาเลย์เซีย Keow Wee Long ได้พาพวกเราทุกท่านเข้าไปชมความเป็นไปของพื้นที่สีแดงเหล่านั้น หลังจากผ่านไปห้าปี ทุกสิ่งทุกอย่างยังเหมือนเดิมหรือไม่ เราไปชมกันเลยดีกว่า เขาเล่าว่าการที่จะเข้าไปในพื้นที่สีแดงเหล่านี้ ต้องสวมหน้ากากกันสารพิษและกัมมันตรังสีอยู่เสมอ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกแสบตาและแสบจมูกอยู่ดี ทุกสิ่งทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมเมื่อตอนเกิดแผ่นดินไหวเมื่อ 5 ปีก่อน ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของสะดวกซื้อ . ข้าวของเครื่องใช้ในซุปเปอร์มาเก็ตก็ยังอยู่ครบ ร้านเช่าวีดีโอ ร้านซักผ้า . . เขาบอกว่าที่นี่แตกต่างจากที่เชอร์โนบิลมาก แม้ไม่มีคนอยู่มาห้าปี แต่ก็แทบจะไม่มีอะไรหายไปเลย ผิดกับที่เชอร์โนบิลที่ทั้งเมืองถูกขโมยของมีค่าออกไปหมดแล้ว . แน่นอนว่า กัมมันตรังสีไม่ได้ส่งผลกระทบต่อมนุษย์เท่านั้น แม้แต่เหล่าสัตว์น้ำและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน . ร้านขายซีดีเพลง รถที่ถูกทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน ที่กั้นไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไป .…
-
19 ภาพการเปลี่ยนแปลงของ “เมืองชื่อดัง” อดีต-ปัจจุบัน จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม!!!
โลกนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับประชากรและเทคโนโลยีที่มี ทำให้ผู้คนได้สร้างสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาเสมอ โดยเฉพาะเมืองต่างๆ ที่มีการสร้างสิ่งก่อสร้างขึ้นมาใหม่อยู่เสมอ ในตลอดร้อยปีที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างมาก เราเติบโตมาพร้อมๆ กับเมืองก็อาจจะไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรมาก แต่ถ้าเอาภาพมาเทียบกับเลยจะรู้ว่ามันต่างกันมาก วันนี้ #เหมียวสามสี ก็เลยจะพาทุกท่านไปชมการเปลี่ยนแปลงของ 19 เมืองที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีจากเมื่อก่อนถึงตอนนี้จะแตกต่างกันมากแค่ไหนกันนะ? #1 Dubai, United Arab Emirates – ปี 2000 และปัจจุบัน #2 Vilnius, Lithuania – ปี 1900 และปัจจุบัน #3 Seoul, South Korea – ปี 1900 และปัจจุบัน #4 Abu Dhabi, United Arab Emirates – ปี 1970 และปัจจุบัน #5 Singapore, Republic Of…
-
พาทัวร์ Fallujah เมืองที่ถูกกลุ่ม ISIS ครอบครองยาวนานที่สุด แต่วันนี้ได้รับการปลดแอกแล้ว…
ในส่วนของข่าวคราวเกี่ยวกับความรุนแรงในช่วงนี้นั้น คงไม่มีเรื่องใดที่จะใหญ่กว่าการรบกับกลุ่ม ISIS อีกแล้ว นับตั้งแต่การแพร่ขยายอาณาเขตในปี 2014 เมืองแห่งนี้ Fallujah คือเมืองแรกที่ถูกยึดเอาไว้ได้ และราวกับว่ามีความหมายสำคัญเป็นอย่างมากต่อกลุ่มนี้ วันนี้เราเลยจะพาเพื่อนๆ ไปชม 18 ภาพปัจจุบันของ Fallujah เมืองที่ถูกกลุ่ม ISIS ครอบครองไว้นานที่สุด!!! ถนนสายต่างๆ สะท้อนให้เห็นภาพของสงครามและความยุ่งเหยิงได้แบบสุดๆ ราวกับเป็นเศษซากเลยทีเดียว อาคารและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ล้วนถูกทำลายลงจนเกือบราบคาบ บางส่วนของเมืองเหมือนถูกทิ้งร้างมาเป็นระยะเวลานาน มัสยิดถูกทำลาย กำแพงที่ผุพังจากแรงระเบิด Iraqi Security Forces หน่วยทหารของอิรักที่สามารถปลดแอกเมืองนี้จากกลุ่ม ISIS ได้สำเร็จ ที่กำลังขับรถฉลองประกาศชัยชนะ ถึงแม้จะไม่มีผู้คนออกมาดูเลยก็ตาม นายทหารของ Iraqi Security Forces กำลังตรวจตราดูว่ามีอะไรหลงเหลือจากกลุ่ม ISIS ในเมืองนี้หรือเปล่าเพื่อความปลอดภัย สภาพภายในโรงงานผลิตอาวุธของ ISIS ในเมือง โรงเรียนที่เต็มไปด้วยวัตถุระเบิดและวัตถุไวไฟ โรงเรียนที่ถูกแปลงสภาพให้กลายเป็นโรงงานผลิตอาวุธให้กับกลุ่ม ISIS …
-
จิตรกรสาวสร้างผลงานศิลปะจากขนมปังกว่า 1,000 แผ่น ให้เป็นภาพวาดเมืองเกิดของตัวเอง!!
เมื่อกล่าวถึง ‘งานศิลปะ’ หลายๆ คงคิดถึงงานจิตรกรรมที่วาดภาพระบายสีลงบนผืนกระดาษและผ้าใบ บางคนก็อาจจะนึกถึงรูปปั้นสวยๆ งาม และสถาปัตยกรรมต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่า ศิลปะนั้นมันไม่ได้มีแค่นี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่จรรโลงใจของมนุษย์ อันที่เรามองแล้วรู้สึกว่ามันสวยมันงามสิ่งนั้นก็สามารถเรียกได้ว่าเป็น ‘งานศิลปะ’ แล้ว ปัจจุบันงานศิลปะนั้นพัฒนาไปอย่างกว้างไกล บางครั้งก็ไกลจนเกินที่มนุษย์ธรรมดาจะเข้าใจได้ แต่เรื่องราวที่ #เหมียวหง่าว จะหยิบยกมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ก็เป็นผลงานศิลปะนี่แหละ แต่มนุษย์ปกติสามารถเข้าใจได้สบายๆ เลยนะ ฮร่า Jolita Vaitkutė ศิลปินที่สร้างผลงานศิลปะเกี่ยวกับอาหาร ได้ร่วมกันกับทีมงานเพื่อร่วมกันสร้างผลงานศิลปะด้วย ‘แผ่นขนมปัง’ โดยจะวาดเป็นภาพของเมือง Vilnius ในประเทศ Lithuania ที่เป็นเมืองเกิดของ Jolita โดยจะทำการใช้ดินสอระบายสีลงในขนมปังแต่ละแผ่นแล้วก็นำมาต่อกันเป็นภาพขนาดใหญ่ ก่อนอื่นเลยทีมงานทั้งหลายก็ต้องไปนำแผ่นขนมปังมาผึ่งให้แห้งซะก่อนที่จะลงมือจัดการมัน โดย Jolita เลือกที่จะใช้วิธีสเก็ตช์ภาพจำลองออกมาก่อนโดยแบ่งเป็นชิ้นต่างๆ ให้มีสัดส่วนเล็กกว่าชิ้นงานจริง จากนั้นก็จะมาดูว่าขนมปังแผ่นไหนจะต้องลงแสงและเงาอย่างไรบ้าง นอกจากสีของดินสอที่นำมาสร้างเป็นลายเส้นและแรเงาแล้ว ยังมีการใช้คัตเตอร์แกะสลักให้แต่ละขนมปังแต่ละแผ่นมีส่วนเว้าส่วนโค้ง และความตื้น-ลึก เพื่อให้ภาพออกมาดูสมจริงและสวยงามมากที่สุด โดยงานศิลปะที่ทำจากขนมปังชิ้นนี้ใช้แผ่นขนมปังกว่า 1,064 แผ่น และใช้เวลาในการทำกว่า 50 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งโดยรวมทั้งหมดเมื่อนำขนมปังแต่ละชิ้นมาประกอบกันแล้วทำให้งานศิลปะชิ้นนี้มีขนาดถึง 3.5×2.5…
-
“มนุษย์จิ๋วผจญโลกกว้าง” ผลงานศิลปะที่ต้องเพ่งมอง ถึงจะเจอสิ่งสวยงาม!!
ทุกครั้งที่เราเดินตามท้องถนน เราอาจจะเห็นสิ่งที่เราเจออยู่ทุกวันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณลองมองให้ดีๆ อาจจะได้พบกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ กำลังอาศัยอยู่ก็ได้นะ ศิลปินสตรีทอาร์ดชื่อว่า Slinkachu ได้สร้างผลงานที่ไม่ว่าใครก็มองไม่เห็น ด้วยการเอาโมเดลของคนขนาดจิ๋ว ไปอย่ในสถานการณ์ทั่วไปที่เราพบเจอได้ตามท้องถนน โมเดลแต่ละตัวนั้นผ่านการคิดและวางแผนมาอย่างดี ก่อนที่จะนำไปวางแล้วถ่ายภาพเก็บไว้ ซึ่งแต่ละภาพนั้นก็แสดงให้เห็นถึงไอเดียของสิ่งแวดล้อม โลกาภิวัต์ และวัฒนธรรมที่แตกต่างที่เจอในเมืองใหญ่ . . . . . . . . . . ดูแต่ละภาพแล้วก็รู้สึกได้เลยว่ามันพยายามบอกอะไรเราอยู่ ภาพถ่ายในเมืองใหญ่ แต่บางภาพก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับพื้นที่นอกเมือง มันสะท้อนให้เห็นอะไรบางอย่างจริงๆ ที่มา colossal
-
จะเป็นอย่างไรหน๊อออ ถ้าเราได้ไปใช้ชีวิตใน Bern หนึ่งในเมืองที่คนมีความสุขที่สุดในโลก!!!
ก็อย่างที่หลายๆ คนพอจะทราบกันดีอยู่แล้วล่ะว่า หลายๆ ประเทศในยุโรป ถือเป็นโซนที่ประชากรมีวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีมาก และหนึ่งในประเทศที่จะลืมไม่ได้เลยถ้าพูดเกี่ยวกับด้านนี้ก็คือประเทซสวิตเซอร์แลนด์นั่นเองล่ะ จากการสำรวจของ Legatum Institute แห่งประเทศอังกฤษนั้นพบว่า ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่ประชากรมีความสุขที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รวยที่สุดในโลก มีสุขภาพดีที่สุดในโลก และที่สำคัญเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดอาชญากรรมน้อยที่สุดในโลกอีกด้วย!!! และวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปดูความเป็นอยู่ของผู้คนในเมือง Bern แห่งประเทศสวิตเซอร์แลนด์กันล่ะ ซึ่งติดมาในอันดับที่ 14 ของลิสต์เมืองที่ประชากรมีความเป็นอยู่ดีที่สุดในโลกของ Quality of Living Index ล่ะ!!! เมือง Bern ที่เป็นศูนย์กลางที่คุณสามารถเดินทางไปได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็น Zurich และ Geneva สองเมืองสำคัญของประเทศ สำหรับข้อมูลของการรีวิวครั้งนี้จัดทำโดย Rebecca Griffiths นักศึกษาแห่งกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ ที่ได้ไปฝึกงานที่เมืองนี้เป็นระยะเวลา 1 เดือนเต็มๆ ล่ะ เรื่องแรกที่เธอประทับใจตั้งแต่แรกพบเลยก็คือ วิวทิวทัศน์ของเมืองที่สวยงามจนน่าใจหาย และแทบไม่อยากเชื่อเลยล่ะว่านี่เป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ของประเทศ!!! นอกจากนี้แม่น้ำที่ไหลผ่านตัวเมืองนั้นก็ใสและสวยงามมากๆ จนราวกับว่าเราสามารถตักขึ้นมาดื่มได้เลยทีเดียว ที่สำคัญชาวเมืองก็มักลงไปว่ายเล่นกันเป็นประจำ นี่คือวิวสวยๆ จากอพาร์ทเม้นท์ของเธอ ถนนของที่นี่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก แต่ไม่มีเหตุการณ์รถติดให้ได้เห็นกันเลย ส่วนหนึ่งก็เพราะระบบการขนส่งสาธารณะของที่นี่มีประสิทธิภาพสูงมาก…
-
บริษัทเบียร์เบลเยียมเตรียมสร้าง “ท่อส่งเบียร์” ข้ามเมือง หลังรถบรรทุกเบียร์ทำจราจรติดขัด!!
พูดถึง “ท่อส่ง” ที่เดินผ่านบ้านเมืองทั้งหลาย เราจะคิดถึงอะไรเป็นอย่างแรก? บางคนอาจนึกถึงท่อประปา บางคนอาจนึกถึงท่อแก๊ส แต่สำหรับในเมืองบรูจ ประเทศเบลเยียมแล้ว พวกเขากำลังจะมี “ท่อส่งเบียร์” เป็นของตนเองแล้ว De Halve Maan เป็นเบียร์ชื่อดังที่กำเนิดขึ้นที่เมืองบรูจ ประเทศเบลเยียม ชื่อเสียงของเบียร์ยี่ห้อนี้โด่งดังมาก และมียอดขายสูงพอสมควร แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดด้อยของการผลิตเบียร์ยี่ห้อนี้ก็คือ ถังหมักกับโรงงานบรรจุขวดอยู่คนละที่กัน ด้วยเหตุนี้ทางบริษัทจะต้องบรรจุเบียร์ใส่รถบรรทุก แล้วขับออกไปส่งยังโรงงานบรรจุขวดที่อยู่นอกเมือง และนั่นคือจุดเริ่มต้นของปัญหา ด้วยความที่เมืองบรูจเป็นหนึ่งในเมืองที่มีถนนหนทางแคบและเล็กที่สุดในยุโรป ทำให้เมืองนี้ประสบปัญหาการจราจรติดขัดอยู่บ่อยๆ และยิ่งต้องเพิ่มรถบรรทุกเบียร์ขนาดใหญ่วันละหลายสิบเที่ยวเข้าไป การจราจรก็ยิ่งติดมากขึ้นไปอีก Xavier Vanneste เจ้าของบริษัท De Halve Maan เริ่มตระหนักถึงปัญหานี้ นอกจากการจราจรที่ติดขัดแล้ว ค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นค่าบำรุงรักษารถ ค่าน้ำมัน และค่าอื่นๆ ก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ อีกด้วย วันหนึ่งขณะที่ Vanneste กำลังขับรถอยู่บนถนน เขาเห็นคนงานกำลังขุดวางสายเคเบิ้ลใต้ดินกันอยู่ เขาจึงปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่า ถ้าเราวางท่อส่งเบียร์จากถังหมักไปยังโรงงานบรรจุขวด ค่าใช้จ่ายจะลดลงไปขนาดไหนกันนะ!? หลังจากนั้นเขาใช้เวลา 3 ปีในการวางแผน ค้นคว้าหาข้อดีข้อเสีย ขออนุญาตจากรัฐบาลท้องถิ่น และก่อสร้าง…
-
มือบอนอย่างสร้างสรรค์!! ศิลปินเติมแต่งสีสันให้กับเมืองให้ดูไม่น่าเบื่อ
ศิลปินแนวสตรีทอาร์ตคนหนึ่งนามว่า TokTok เขามีสายตาในการมองสภาพแวดล้อมที่แตกต่างไปจากเราเป็นอย่างมาก สมมติว่าเราเห็นทางม้าลาย ก็ก็เห็นเป็นทางม้าลายเฉยๆ แต่เขาสามารถเปลี่ยนใหม่ให้ดูมีเรื่องราวได้ ความคิดของเขาก็คือ ทุกอย่างบนโลกนี้สามารถเปลี่ยนเป็นอีกอย่างที่ดูซับซ้อนได้อีกขั้น และเขาก็พยายามที่จะหาว่ามันสามารถเปลี่ยนเป็นอะไรได้บ้าง เขาได้เดินทางไปทั่วเมืองเพื่อเติมแต่งสีสันให้มันดูไม่น่าเบื่อ พร้อมกับถ่ายรูปเก็บไว้ เราจะได้เห็นเรื่องราวที่เขาได้คิดขึ้นมา บางอันก็คิดไม่ถึง บางอันก็สร้างเสียงหัวเราะได้ เราไปชมกันเลยว่าจะเจ๋งแค่ไหน 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. 13. 14. 15. อาจจะเรียกว่ามือบอนก็ได้นะ แต่สิ่งที่เขาทำมันก็สามารถทำให้เมืองดูมีรอยยิ้มขึ้นมาไม่มากก็น้อย ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเลยล่ะ ที่มา boredpanda, Facebook
-
อนิเมชั่นโปรโมตเมือง Tsurugashima ของญี่ปุ่น เรื่องราวของสองชายหญิงอันซึ้งกินใจ!!
ประเทศญี่ปุ่นมีความคิดสร้างสรรค์ที่สูงมาก สามารถสร้างแรงจูงใจให้ผู้คนเข้ามาท่องเที่ยวได้อย่างอยู่หมัด ใครต่อใครที่ได้ไปเยือนต่างก็หลงใหลในเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น และที่ญี่ปุ่นเองก็ได้ทำการโปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะมากมาย แต่ในคราวนี้มาในรูปแบบของอนิเมชั่นสั้นไร้บทพูด เพื่อโปรโมตเมือง Tsurugashima ในจังหวัด Saitama เป็นเรื่องราวของเด็กชายและเด็กสาวที่เติบโตมาด้วยกัน หลังจากที่เด็กชายย้ายมาอาศัยอยู่ในเมืองนี้ จนกระทั่งวันหนึ่งฝ่ายผู้หญิงจำเป็นที่จะต้องย้ายออกไปแทน เริ่มจากเด็กชายไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่หลังจากที่เพิ่งย้ายเข้ามาในเมืองนี้ จู่ๆ ฝนก็ตกลงมาอย่างไม่เป็นใจ เขาวิ่งมาจนกระทั่งเจอกับตุ๊กตาที่ตกอยู่บนพื้น ที่แท้ก็เป็นของเด็กหญิงคนนี้นี่เอง จนกระทั้งฝ่ายเด็กหญิงก็เริ่มแนะนำว่าเมืองแห่งนี้มีอะไรที่น่าสนใจมาก อย่างเช่นปลาคาร์ปในวันเด็ก ซากุระบานสะพรั่ง ขบวนพาเหรดแห่มังกร อ้าว!! ที่แท้ก็เป็นเพื่อนบ้าน อยู่ข้างๆ กันนี่เอง ทั้งสองเติบโตมาด้วยกัน จนกระทั่งตกหลุมรักกันในที่สุด และแล้ววันหนึ่ง เธอก็ได้รู้ความจริงว่าจะต้องย้ายไปอยู่ที่จังหวัดอื่น เธอยังไม่พร้อมที่จะจากไปในตอนนี้ หัวใจยังไม่พร้อมที่จะจากลา แล้วจะต้องทำอย่างไรล่ะ? ตอนจบจะเป็นอย่างไร มาติดตามกันได้เลย!! ที่มา : 鶴ヶ島市, rocketnews24
-
ส่งตรงจาก Chernobyl ดินแดนรกร้างผสานความหลอน จากเหตุหายนะนิวเคลียร์ในรอบ 30 ปี
แม้เวลาจะผ่านล่วงเลยมานานแค่ไหนก็ตาม เหตุภัยพิบัติ Chernobyl ยังคงเป็นที่จดจำได้มากที่สุด อันเนื่องมาจากการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Chernobyl ในวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1986 ส่งผลทำให้สารกัมมันตภาพรังสีพวยพุ่งขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ผู้คนต่างต้องอพยพเพื่อเอาชีวิตรอด บางส่วนได้รับผลกระทบจนถึงขั้นเสียชีวิต แม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะผ่านมาได้ 30 ปี แล้ว แต่ด้วยสภาพความเสียหายของเมือง สารกัมมันตภาพรังสียังคงหลงเหลืออยู่ จึงทำให้ทั้งเมืองกลายเป็นดินแดนที่รกร้าง ไม่เหมาะกับการใช้เป็นถิ่นอาศัย สิ่งที่หลงเหลืออยู่ก็คืออดีตอันแสนเศร้าและความหลอนชวนขนหัวลุก สภาพภายในโรงเรียนอนุบาลที่ตั้งอยู่ในเมือง Pripyat ของยูเครน ใกล้ๆ กับบริเวณนิคม Chernobyl การเข้าไปสำรวจสภาพในเมืองรกร้างแห่งนี้ เก็บภาพโดย Gleb Garanich จากสำนักข่าว Reuters เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติรุนแรง เมือง Pripyat และนิคม Chernobyl เคยรุ่งโรจน์มากๆ ซึ่งในช่วงนั้นก็เป็นขาขึ้นของสหภาพโซเวียตด้วย สวนสนุกที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง …
-
Gdańsk อดีตเมืองที่สวยที่สุดในโปแลนด์ ก่อนถูกทำลายลงอย่างย่อยยับโดยสงคราม และบูรณะขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
Gdańsk เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศโปแลนด์ ในอดีตสมัยสงครามโลก เมืองแห่งนี้ได้รับผลกระทบเต็มๆ ทำให้ทั้งเมืองถูกทำลายลงไปอย่างย่อยยับกว่า 90% เลยทีเดียว ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนที่เยอรมนีบุกประเทศโปแลนด์ เมืองนี้ถูกทำลายลงในปี 1939 และตั้งแต่นั้นมาชาวเมืองก็ค่อยๆ บูรณะเมืองนี้ขึ้นเรื่อยๆ และนี่ก็คือ 17 ภาพเปรียบเทียบสถานที่เดียวกันตอนสงครามโลกครั้งที่สอง และตอนนี้ ต้องบอกว่าสุดยอดจริงๆ ไม่นึกเลยว่าจะกลับมาเป็นเมืองที่สวยงามได้เลยนะเนี่ย!!!? ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองที่สวยงามที่สุดในประเทศโปแลนด์ ถูกทำลายลงอย่างย่อยยับโดยสงคราม ตอนนี้ถูกบูรณะขึ้นใหม่อีกครั้ง โดยการร่วมมือกันของชาวเมือง จากรุ่นสู่รุ่น หลายต่อหลายปี กว่าจะกลับมาสวยงามดังเดิม ไม่นึกเลยนะเนี่ยว่าจะเป็นสถานที่เดียวกัน ควันไฟแห่งสงคราม ภาพการก่อสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ จากเศษซากปรักหักพัง #จ่าสิบเหมียว ไม่อยากคิดเลยว่าจะต้องใช้เวลานานสักเท่าไหร่กว่าจะทำให้กลับมาสวยได้ดังเดิมแบบนี้ นี่แหละผลเสียของสงครามล่ะ… ที่มา:…
-
พาชมบรรยากาศตลาดค้าปลาของท่าเรือ Sassoon ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย
ก็เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในวิถีชีวิตที่เราคงไม่ได้เห็นกันทุกๆ วัน หรอกนะเนี่ย วันนี้ #จ่าสิบเหมียว จะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวมุมไบ หนึ่งในเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศอินเดียกัน กับตลาดค้าปลาแห่งท่าเรือ Sassoon ตลาดค้าปลาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองมุมไบ ที่คับคั่ง หนาแน่นไปด้วยผู้คนและสินค้า ผลงานของช่างถ่ายภาพ Yash Chavan ช่างถ่ายภาพที่ต้องถ่างตาตื่นมาตั้งแต่ตี 4 เพื่อไปเก็บบรรยากาศของตลาดแห่งนี้มา…เราลองมาดูกันเลย ยามเช้าของตลาดปลาแห่งนี้ เริ่มมีแสงจากพระอาทิตย์ แผงปลาที่วางขายกันเกลื่อนกลาด หลากหลายชนิด มีขนาดใหญ่ทั้งนั้น รวมถึงอาหารทะเลชนิดอื่นๆ การขนส่ง คัดเลือกปลา การนำปลาขึ้นมาจากเรือ ผู้คนที่คับคั่ง เรือประมงขนาดเล็กก็ยังมีให้เห็นกัน ชาวประมงที่กำลังนั่งพัก การซื้อขาย เอกลักษณ์ของชาวอินเดียจริงๆ การยกของไว้บนหัว ตัวใหญ่มว๊ากกกก…
-
หลังได้รับขนานนามเป็น ‘สิ่งก่อสร้างสุดน่าเกลียดของเมือง’ McDonald’s เลยแต่งร้านใหม่ซะเลย!!!
ใน พ.ศ. นี้ คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักร้านอาหารฟาสฟู๊ดส์ชื่อดังอย่าง McDonald’s กันใช่มั้ยล่ะ?? หิวเมื่อไหร่ หรือเวลาอยากกินเบอร์เกอร์ อยากกินเฟรนช์ฟราย ที่แรกที่นึกถึงก็คงเป็นที่นี่ ล่าสุดทาง McDonald’s ก็ได้เปิดสาขาใหม่ที่ Rotterdamn ในประเทศเนเธอร์แลนด์ล่ะ และสาขานี้อาจจะเป็นสาขาที่สวยที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้!!? ผลงานการออกแบบของบริษัท Mei Architects เหตุผลที่บริษัทนี้ถูกว่าจ้างให้มาออกแบบร้านขึ้นใหม่ก็เพราะว่าร้านแห่งนี้ได้รับขนานนามให้เป็นสิ่งก่อสร้างที่น่าเกลียดที่สุดในเมือง จากกลุ่มชาวเมือง และกำลังจะถูกโล๊ะทิ้งโดยเจ้าหน้าที่ล่ะ ตอนนี้กลับกลายเป็นหนึ่งในสาขาที่สวยที่สุดซะงั้น การตกแต่งผนังที่นำภาพผู้คนของเมืองนี้มาใส่ลงไป (อาจสื่อว่าไม่มีผู้คนมาบ่น เราคงไม่ต้องสร้างใหม่ ฮ่าๆๆ) นี่คือภาพของร้านเก่าที่ได้รับการขนานนามว่า ‘สิ่งก่อสร้างที่น่าเกลียดที่สุดในเมือง’ ล่ะ โดยส่วนตัวแล้ว #จ่าสิบเหมียว คิดว่าร้านเก่าก็ดีนะ น่ารักๆ ดี แต่แบบนั้นก็ถือว่าน่าเกลียดแล้วล่ะสำหรับเมืองนี้ ฮ่าๆๆ ต้องยอมรับจริงๆ ว่าร้านใหม่เขาสวยสุดยอดไปเลย… ที่มา: BusinessInsider
-
ชมภาพ “นครดูไบ” เมื่อ 40 ปีก่อนกับปัจจุบัน จากดินแดนรกร้าง สู่เมืองเศรษฐีแห่งตะวันออกกลาง..
หากพูดถึงเมืองที่เจริญที่สุดเมืองหนึ่งในแถบตะวันออกกลาง ชื่อของนครดูไบ แห่งประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตต้องโผล่มาเป็นชื่อแรกๆ อย่างแน่นอน ด้วยตึกสูงนับร้อยแห่งและสิ่งปลูกสร้างเจ๋งๆ มากมาย ทำให้หลายๆ คนต่างอยากไปเที่ยวเมืองเจ้าของฉายาแมนฮัตตันแห่งตะวันออกกลางนี่ซักครั้ง แต่รู้หรือไม่ ถ้าใครมีโอกาสได้เห็นนครดูไบเมื่อสี่สิบปีก่อนละก็ จะต้องไม่มีใครคิดแน่นอน ว่าเมืองแห่งนี้จะกลายเป็นเมืองที่เจริญที่สุดเมืองหนึ่งในเอเชีย จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย . ภาพชุดนี้ถูกถ่ายเมื่อช่วงยุค 1960s และปัจจุบันถูกเก็บไว้ที่ Sheikh Mohammed Centre for Cultural Understanding เป็นที่นครดูไบ เกิดการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดช่วงหนึ่ง . ในตอนแรกดูไบเป็นเพียงเมืองท่าเล็กๆ ที่ชาวเมืองต่างดำรงชีวิตด้วยการประมงเท่านั้น จนกระทั่งเจ้าผู้ครองนคร ได้ประกาศให้ดูไบ เป็นเมืองที่ไม่เก็บภาษีแม้แต่สตางค์เดียว ทำให้มีผู้คนจำนวนมากเริ่มเข้ามาอาศัยในเมืองท่าแห่งนี้ . จากเมืองท่าเล็กๆ ค่อยๆ พัฒนาเป็นเมืองท่าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ในช่วงยุค 1950s ดูไบมีท่าเรือขนาดใหญ่มากมาย ทำให้มีเงินสะพัดหลายล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว . แต่เมื่อถึงช่วงยุค 1960s ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมีการค้นพบแหล่งน้ำมันดิบขนาดใหญ่ใต้แผ่นดินนครดูไบแห่งนี้ จากเมืองท่าธรรมดาๆ ก็กลายเป็นหนึ่งในเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในโลก . แต่ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้ราบรื่นเสมอไป…
-
Palouse เมืองแห่งเกษตรกรรม ที่เต็มไปด้วยเนินเขาหลากสี งดงามตระการตาราวกับ ‘ภาพวาด’
Christine Haines ช่างภาพมืออาชีพ ผู้ที่ได้เก็บภาพอันแสนประทับใจของ Palouse เมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเมืองแห่งนี้นอกจากจะมีความงดงามแล้ว ยังเป็นพื้นที่ทางการเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในรัฐวอชิงตันอีกด้วย โดยพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่มีสมบูรณ์ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 3,000 ตารางไมล์ หรือเกือบ 5,000,000 ไร่ มีพื้นที่ครอบคลุม 3 รัฐได้แก่ ตะวันออกเฉียงใต้รัฐวอชิงตัน ทางภาคเหนือของรัฐไอดาโฮ และตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐโอเรกอน และที่สำคัญพื้นแห่งนี้ไม่ได้มีความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่มันยังสามารถแปรเปลี่ยนสภาพไปตามฤดูการในการทำการเกษตร โดยลักษณะเป็นพื้นที่จะเป็นเนินเขาสีเขียวชอุ่มสวยงาม และเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวก็จะกลายเป็นสีเหลือง โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดเนินเขามากมายบนพื้นที่เหล่านี้ เป็นเพราะเกิดการสะสมของตะกอนจากธารน้ำแข็งในอดีตนั่นเอง เป็นเนินเขาที่มีสีสันสวยงามมากจริงๆ หลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นภาพวาด แต่ความจริงแล้วมันคือภาพถ่ายต่างหากละ เหมียวเชื่อว่ายังมีสถานที่สวยงามอีกมากมายบนโลกใบนี้ ที่กำลังรอคอยให้พวกมนุษย์ได้เดินทางไปค้นพบ และหาคำตอบอยู่ ที่มา : dailymail
-
รวม 11 เหตุผล (และ 26 ภาพ) ทำไมคุณถึงไม่ควรไปเยือน ‘เนเธอแลนด์’ แม้แต่ครั้งเดียว…จริงๆ นะ
หากพูดถึงประเทศที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวในยุโรป หลายคนอาจนึกถึงประเทศอย่างสเปน อังกฤษ ฝรั่งเศสเป็นที่แรกๆ และเชื่อว่าสำหรับหลายๆคน ประเทศเนเธอแลนด์ ประเทศเล็กๆ ที่มีประชากรเพียงสิบกว่าล้านคน คงไม่ใช่ที่ที่หลายคนอยากไปอย่างแน่นอน และวันนี้เหมียวจะพาเพื่อนๆ ไปชม 11 เหตุผลและ 26 ภาพว่าทำไม คุณถึงไม่ควรไปเยือนประเทศเนเธอร์แลนด์แม้แต่ครั้งเดียว…จริงๆ นะ ไม่เชื่อ ไปชมกันเลย ประเทศนี้ไม่ค่อยมีอะไรสวยเท่าไหร่หรอก ไม่เชื่อดูดอกไม้นี่สิ สีเหมือนกัน เฮ้อ ไม่หลากหลายเบย ถนนหนทางก็งั้นๆ แถมมีตะไคร่ขึ้นเต็มสองข้างทาง ยี้!!! ภูมิประเทศก็เฉยๆ หมอกลงจัดแบบนี้จะขับรถมองเห็นทางได้ไง สถาปัตยกรรมก็เฉยๆ บ้านเหลี่ยมๆสีสันก็แสบตาเกิ๊น คลองต่างๆก็ดูเหมือนกันไปหมด แบบนี้ใครจะไปจำทางได้ กังหันลมจากครั้งอดีต อ้วนก็อ้วน สู้หุ่นเอสเคิร์ฟของสาวไทยไม่ได้ ดูสิ มีเห็ดราขึ้นเต็มต้นไม้ แถมฟ้าผ่าน่ากลัว ทะเลก็จิ๊บๆ ดวงดาวบนท้องฝ้าและทางช้างเผือกก็จิ๊บๆ เห็นบรรยากาศน่ากลัวๆ แบบนี้แล้วใครจะอยากไป จริงมั้ย อิอิ บอกแล้วว่าไม่สวย…
-
ช่างภาพจับช่วงเวลาจังหวะ ‘ London เมืองหลวงแห่งอังกฤษร้างไร้ผู้คน’ ราวกับเป็นเมืองผีสิง!!
ว่ากันว่าตามเมืองหลวงในประเทศใหญ่ หรือแม้แต่ประเทศเล็กๆ ก็ตามที มักจะต้องมีผู้คนเดินผ่านวนเวียนและสัญจรไปมาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหนก็ตาม ทั้งกลางวันและกลางคืน จึงมีความเป็นไปได้ยากที่ว่าส่วนต่างๆ ของเมืองจะไม่มีคนอยู่เลย!! นอกเสียจากว่าจะพึ่งพลังของเทคโนโลยี การตัดต่อหรือแม้แต่คอมพิวเตอร์กราฟฟิค ต่างๆ เข้ามาสร้างสรรค์สิ่งเหล่าานั้น แต่ไม่ใช่หนหางของช่างภาพ Genaro Bardy จากประเทศฝรั่งเศสผู้นี้ เพราะภาพถ่ายเหล่านี้คือช่วงจังหวะที่เมือง London ร้างเหมือนดั่งเมืองผีสิงไม่มีคนโผล่มาเลย โดยภาพเหล่านี้ถูกถ่ายในช่วงคริสต์มาสอีฟของปีค.ศ. 2015 ที่ผ่านมา โดยเป็นเรื่องที่ยากพอสมควรกับการที่จะทำให้ภาพของเมืองหลวงใหญ่ของอังกฤษดูร้างไร้ผู้คน ไร้รถยนต์แล่นบนถนน ทั้งนี้ก็อันเนื่องมาจากผู้คนส่วนใหญ่มักจะอยู่บ้าน เฉลิมฉลองกันอยู่ภายในอาคาร จึงทำให้จังหวะนี้เองทั้งเมืองดูเงียบสงัด เพื่อให้เข้าถึงความเป็นไปได้ เขาจะเลือกถ่ายในช่วงเวลาตั้งแต่ 5 ทุ่มถึง 6 โมงเช้าของวันที่ 24 – 25 ธันวาคม ทั้งนี้เขาก็กล่าวเอาไว้ว่ายังไม่อยากจบซีรีย์ภาพเมืองร้างที่ London ยังมีคิวเมืองอื่นๆ ตามมาอีกเพียบ ว่าแล้วบรรยากาศก็ดูเหงาและวังเวงชอบกลแฮะ …
-
เมือง Mumbai ในประเทศอินเดียแบนการถ่ายภาพเซลฟี่ หลังสถิติคนตายทั่วประเทศพุ่งถึง 19 ราย!!!
สำหรับการถ่ายภาพเซลฟี่ก็เป็นหนึ่งในเทรนด์การถ่ายภาพที่มาแรงที่สุดในขณะนี้ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็ขอมีภาพเซลฟี่ร่วมกับสถานที่นั้นๆ อยู่สักหน่อยเถอะ ก็ถือเป็นการประสบความสำเร็จสูงสุดแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ แต่หลังๆ ก็มีข่าวคราวเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวที่ต้องเสียชีวิตเพราะการเซลฟี่ตามสถานที่ต่างๆ หนาหูขึ้น ซึ่งทำให้ล่าสุด Mumbai หนึ่งในเมืองใหญ่ของประเทศอินเดียได้แบนการถ่ายภาพเซลฟี่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วล่ะ แบนการถ่ายภาพเซลฟี่ แต่ก็ไม่ได้ห้ามทั้งเมืองนะจ๊ะ มีราวๆ 16 พื้นที่อันตรายรอบเมืองเท่านั้นที่ห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยว รวมไปถึงบุคคลทั่วไปถ่ายภาพเซลฟี่ เพราะมีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้สูง ส่วนที่มาของเรื่องนี้ก็คือประเทศอินเดีย เป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการเซลฟี่มากที่สุดในโลก ถึง 19 รายด้วยกัน จากการบันทึกรอบโลกทั้งหมดจำนวน 49 รายตั้งแต่ปี 2014 (จากข้อมูลของ Priceonomics) อาจเป็นไปได้ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตที่มากนั้นเกิดจากการที่อินเดียมีประชากรเยอะเป็นอันดับสองของโลก และตลาดสมาร์ทโฟนในอินเดียก็เป็นหนึ่งในตลาดที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูงที่สุดในโลก นักท่องเที่ยวมักเสียชีวิตจากการเซลฟี่อย่างไม่ระมัดระวัง ซึ่งทางกรมตำรวจของเมือง Mumbai ก็ได้วางกำลังไว้ตามจุดเสี่ยงต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดการเสียชีวิตจากการถ่ายภาพเซลฟี่ในเขตห้ามถ่าย ซึ่งถ้านักท่องเที่ยวหรือผู้คนในละแวกฝ่าฝืน ค่าปรับจะถูกเก็บในเรทเดียวกันคือราวๆ 400-500 บาท อย่างไรก็ตามการถ่ายภาพนี้ก็ถือว่าเป็นเทรนด์ที่มาแรงจริงๆ ถ้าไม่มีผู้ดูแลก็คงบังคับได้ไม่ง่ายนัก กระนั้นเวลาถ่ายก็อย่าลืมเรื่องความปลอดภัยกันนะจ๊ะ ขอให้มาเป็นอันดับหนึ่งก่อนเรื่องอื่นๆ เลย ถึงภาพจะสวยแต่ไม่ได้อยู่ดูก็ไม่มีความหมายหรอก… ที่มา: Metro
-
ภาพเปรียบเทียบเมืองดัง จาก “อดีตสู่ปัจจุบัน” ทำให้รู้ว่าโลกเรามาไกลมาเพียงใด!!
กาลเวลาผ่านมาหลายต่อหลายปี มนุษย์ต่างก็สร้างเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชีวิตเรา อีกทั้งพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์เพื่อทำให้คนมีอายุที่ยืนยาวยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่ลืมสุนทรีในการเสพศิลปะด้วย ทุกอย่างที่ว่ามานี้ ทำให้บ้านเมืองของเราเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น รวมไปถึงตึกรามบ้านช่องก็เปลี่ยนไปมาเช่นเดียวกัน ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา วันนี้เหมียวจะพาทุกท่านมาเยี่ยมชม 8 เมืองใหญ่ที่ผ่านกาลเวลามา ดูเหมือนว่าเมืองเหล่านี้จะเปลี่ยนไปเยอะมากจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมเลย ไปชมภาพเปรียบเทียบเหล่านี้กันเลยดีกว่า!! New York City London Shanghai Toronto Sydney Rio De Janeiro Paris Moscow ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเปลี่ยนไปเยอะขนาดนี้ เราซึ่งอยู่มาถึงตอนนี้ก็เห็นแค่รูปปัจจุบัน แต่ไม่เคยเห็นอดีตมาก่อนเลย ที่มา rsvlts
-
พาไปชม 20 เมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเยือนมากที่สุดในโลก (ไทยติดตั้ง 3 อันดับ)
สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว การที่ได้ไปพิชิตแลนด์มาร์คถือเป็นสิ่งที่ทุกคนใฝ่ฝัน เมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ Business Insider ได้รวบรวมข้อมูลจาก Euromonitor International ที่ปล่อยข้อมูลเกี่ยวกับ 100 อันดับเมืองที่คนนิยมไปเที่ยวมากที่สุด โดยวัดจากจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2014 แต่วันนี้เหมียวจะเอามาให้ดูแค่ 20 ก็พอแล้ว เยอะไปก็เที่ยวไม่หมดหรอก แต่ไม่น่าเชื่อว่าทั้ง 20 อันดับนี้เอเชียก็กินไปเกินครึ่งแล้ว อีกทั้งไทยยังติดตั้ง 3 อันดับ เราไปดูกันเลยว่าจะมีที่ไหนกันบ้าง 20. Shanghai, China: มีนักท่องเที่ยว 6.39 ล้านคน 19. Pattaya, Thailand: มีนักท่องเที่ยว 6.4 ล้านคน 18. Miami, Florida: มีนักท่องเที่ยว 7.3 ล้านคน 17. Phuket, Thailand: มีนักท่องเที่ยว 8.1 ล้านคน…
-
สุดยอดไอเดียแหวนรูป “เมือง” อยากให้หนุ่มสถาปัตขอแต่งงานด้วยแหวนนี้จัง!!
เหมียวเชื่อว่าสาวๆ หลายคนคงฝันที่อยากจะมีแฟนเป็นหนุ่มจากคณะสถาปัต เพราะคนที่มาจากคณะนี้มักจะมีออร่าบางอย่างที่คนอื่นไม่มี พวกเขาติสต์ในระดับพอดีพองาม แถมบางคนยังไว้ผมยาวเป็นหนุ่มฮิปสเตอร์ด้วย คงจะเป็นอะไรที่ฟินไม่ใช่น้อย แล้วลองนึกภาพตอนที่เขามาขอเราแต่งงานด้วยแหวนที่มันเข้ากับอาชีพของเขาด้วย จะเป็นอะไรที่ดีงามมากๆ วันนี้เหมียวก็เลยเอาไอเดียแหวนสวยๆ ที่ออกแบบมาให้เป็นสถาปัตยกรรมของเมืองต่างๆ มาให้ทุกท่านได้ชมกัน Ola Shekhtman เป็นนักปั้นทองให้เป็นตัวของแท้เลย เธอได้ออกแบบแหวนชุดนี้ขึ้นมา โดยเอาจุดเด่นของเมืองชื่อดังต่างๆ มาประดับบนแหวน แล้วค่อยๆบรรจงทำออกมาให้ได้เป็นรูปร่าง เราไปดูกันเลยว่าจะสวยงามแค่ไหน แหม่ นึกภาพหนุ่มสถาปัตเดินบอกบอกเราว่า “แต่งงานกับผมนะ แล้วไปเที่ยวเมืองนี้ด้วยกัน” แล้วก็ยื่นแหวนปารีสมาให้ อื้อหือ หนังรักชัดๆ ที่มา boredpanda
-
Grand Junction เมืองแรกในประเทศสหรัฐฯ ที่เติมเชื้อเพลิงให้รถด้วยพลังงานจาก ‘ของเสียมนุษย์’ !!!
นับว่าเป็นแนวคิดที่ดีมากๆ เลยนะเนี่ย สำหรับการใช้สิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์แล้ว ทำให้มันมีประโยชน์ขึ้นมา โดยเฉพาะด้านพลังงานที่ทั่วโลกกำลังขาดแคลนกันอยู่ Grand Junction เมืองในโคโลราโด ได้กลายมาเป็นเมืองแรกในประเทศสหรัฐฯ ที่รถภายในเมืองใช้แก๊สที่ผลิตจากของเสียจากมนุษย์!!! เมือง Grand Junction อ่านไม่ผิดหรอกเมี๊ยวว เพราะว่ารถยนต์ของเมืองนี้ใช้พลังงานจากของเสียจากมนุษย์ นั่นก็คืออึและฉี่นั่นแหละ เป็นการใช้ประโยชน์ได้เยี่ยมยอดเลยทีเดียว สำหรับโครงการนี้ก็เริ่มมาตั้งแต่ 10 ปีที่แล้วโดยเป็นแผนของสภาเมือง และได้ใช้เงินในค่าโครงการนี้ไปราวๆ 2.8 ล้านเหรียญ หรือ 100 ล้านบาท โดยส่วนตัวแล้วเงินจำนวนนี้เหมียวว่าคุ้มมากๆ เลยนะ -*- รถที่เติมเชื้อเพลิงจากของเสียมนุษย์ ไอเดียนี้สามารถใช้ได้จริงๆ ไม่ได้ล้อเล่น แถมเจ้าหน้าที่สภาของเมืองยังเชื่อมั่นว่า โปรเจคนี้จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของทั้งเมืองกว่าร้อยละ 80 เลยทีเดียวในอนาคต สิ่งเดียวที่น่าเสียดายก็คือ มีเพียงเมืองนี้เมืองเดียวเท่านั้น ในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีโปรเจคในการนำของเสียจากมนุษย์มาทำเป็นเชื้อเพลิง… เหมียวว่าเข้าท่าไปเลยนะเนี่ย เงิน 100 ล้าน แลกกับการที่สามารถนำของเสียที่เกิดขึ้นทั้งเมือง ทั่วเมือง และเป็นปัญหา นำไปใช้ในทางใดทางหนึ่งให้เกิดประโยชน์ได้ เป็นก้าวแรกเล็กๆ ที่เยี่ยมยอดไปเลย ที่มา: Metro
-
ดีไซเนอร์สร้าง “โต๊ะกาแฟ” เป็นเมืองที่โค้งงอ ได้แรงบันดาลใจมากจากหนัง Inception
บางคนดื่มกาแฟเพราะว่าต้องการสิ่งที่กระตุ้นการทำงานของคุณ บางคนก็ดื่มเพราะว่าหลงไหลในรสชาติของมัน บางคนก็ต้องการดื่มเอาบรรยากาศ ซึ่งก็ต้องการสิ่งที่มันเห็นแล้วสบา่ยตาตอนดื่มด้วย และวันนี้เหมียวก็เลยมีโต๊ะกาแฟสำหรับคอกาแฟตัวจริง ถ้าได้ดื่มที่โต๊ะนี้แล้วฟินแน่ๆ Stelios Mousarris นักออกแบบชาวไซปรัสได้ประดิษฐ์โต๊ะตัวหนึ่งขึ้นมา เป็นโต๊ะที่เขาได้แรงบันดาลในมาจากภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Inception ในฉากความฝันที่มีเมืองโค้งงอได้ เขาได้เอาฉากนั้นมาสร้างเป็นโต๊ะกาแฟที่ทำจากไม้ แต่รายละเอียดยังคงงดงามเหมือนในหนังเป๊ะๆ เห็นโต๊ะทำจากไม้แบบนี้ จริงๆแล้วมีส่วนที่เป็นโครงเหล็กอยู่เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับโต๊ะจะได้ไม่หักง่าย รายละเอียดต่างๆ นั้นใช้เทคโนโลยี 3D ปริ้นท์ในการสร้างขึ้นมา ใช้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 150,000 บาทเลยทีเดียว ถือว่าแพงน่าดู แต่มันก็งามมากๆ ถ้าได้โต๊ะแบบนี้มาประดับที่ห้องคงจะเป็นอะไรที่ฟินมากๆ เลยนะเนี่ย แต่ดูจากค่าใช้จ่ายในการประดิษฐ์แล้ว คงต้องโบกมือบ๊ายบาย ที่มา designbooom
-
ชีวิตดี๊ดี 11 เมืองจากรอบโลก ที่เหล่ามนุษย์เงินเดือนได้รับวันหยุดแบบ ‘จ่ายเงินให้’ มากที่สุด!!!
ถ้าเพื่อนๆ คนไหนชอบทำงาน บ้างาน งานคือเงิน เงินคืองานล่ะก็ เหมียวแนะนำให้ย้ายไปยังฮ่องกงเลยล่ะ ที่ฮ่องกงเพื่อนๆ จะได้ทำงานราวๆ 50 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เลยทีเดียว แถมปีหนึ่งได้หยุดราวๆ 17 วันเท่านั้น…ฟังดูดีมากๆ สำหรับคนชอบทำงาน -*- แต่ถ้าเพื่อนๆ ไม่ชอบทำงาน อยากได้วันหยุดมากๆ ประเทศฝรั่งเศสเป็นตัวเลือกที่ดีเลยล่ะ เพราะประชากรที่นี่ ทำงานกันสัปดาห์ละ 35 ชั่วโมงเท่านั้น แถมปีหนึ่งได้หยุดแบบจ่ายเงินให้ถึง 29 วันเลยล่ะ เมืองที่เหล่าพนักงานได้รับวันหยุดแบบจ่ายเงินมากที่สุด!!! จากการสำรวจของทาง UBS การที่เรามีชั่วโมงทำงานน้อย รายได้มาก และวันหยุดมาก ถือเป็นตัวชี้วัดค่าความมี ‘ชีวิตดี๊ดี’ โดยทั่วทั้งโลกจะมีค่าเฉลี่ยการทำงานอยู่ที่คนละ 40 ชั่วโมงต่ออาทิตย์ และได้รับวันหยุดแบบจ่ายเงินให้ราวๆ 4 สัปดาห์ต่อปี ยกเว้นบางเมือง เช่นในเซี่ยงไฮ้ ที่พนักงานได้วันหยุดเพียง 7 วันเท่านั้น (ไม่รวมวันหยุดราชการ) และในกรุงเทพฯ จากการสำรวจที่ได้รับวันหยุดจ่ายเงินราวๆ 9 วันเท่านั้น แต่จะได้รับวันหยุดราชการให้อีกราวๆ 16 วัน…
-
พ่อหนุ่มเปลี่ยงแปลงชีวิตตัวเอง ออกทัวร์ทวีปยุโรปโดยไม่ใช้เงินเลย เพื่อการกุศลสำหรับโรคมะเร็ง!!
แทบจะทุกคนเลยก็ว่าได้ กับการตั้งเป้าหมายในชีวิตเอาไว้ว่าอยากจะออกไปเที่ยวรอบโลก อยากจะทำแบบนี้ให้ได้ซักครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ก็ไม่อาจทำได้นั่นก็เป็นเพราะว่าด้วยปัจจัยของหน้าที่การงานและเรื่องของการเงิน ซึ่งเวลาที่เราจะเดินทางไปที่ไหนซักที่ มันก็ต้องใช้เงิน ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าที่พักและอื่นๆ อีกมากมาย ไม่มีทางที่จะไม่ใช้เงิน แต่สำหรับพ่อหนุ่ม Kris Mole วัย 24 ปีผู้นี้ ได้พยายามพิสูจน์ให้เห็นว่าการออกไปผจญภัยไม่จำเป็นต้องใช้เงินเสมอไป Kris Mole เดินทางด้วยระยะทางกว่า 15,712 กิโลเมตรแล้ว (9,763 ไมล์) ผ่านทั้งเมืองหลวงเมืองเล็กในยุโรปรวมแล้วทั้งสิ้น 23 เมือง ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น อีกทั้งยังสามารถระดมทุนสำหรับองค์กร Cancer Research ได้อีกเป็นจำนวนมาก จุดเริ่มต้นการเดินทางของเขานั้นก็มาจากเมืองไบรตัน ประเทศอังกฤษ แต่ก่อนเคยเป็นคนติดเหล้าและการพนัน จนหมดเนื้อหมดตัว อีกทั้งหลังจากที่คุณป้าของเขาถูกวินิจฉัยเป็นโรคมะเร็ง เขาจึงตัดสินใจเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเอง!! ตั้งแต่ปีค.ศ. 2007 เขาเริ่มต้นทริปไร้การใช้เงินเพื่อการกุศล เดินทางไปทั่วทวีปยุโรป ท้าทายชีวิตด้วยการเสี่ยงถูกจับบนรถไฟโดยที่ไม่ซื้อตั๋ว ค่ำที่ไหนก็นอนที่นั่น…
-
ความลงตัวระหว่างเมืองกับธรรมชาติ อพาร์ทเม้นท์แห่งแรกในโลกที่ปลูกต้นไม้บนอาคาร!!
ท่ามกลางความเจริญของถิ่นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ที่พัฒนาขึ้นจากชุมชนเล็กๆ แบบหมู่บ้านตามชนบทเริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นตัวเมืองที่ใหญ่มากขึ้น แต่สิ่งที่หายไปนั่นก็คือธรรมชาติสีเขียวของต้นไม้ต่างๆ จะเห็นได้ว่าตามอาคารสูงๆ หรือตึกต่างๆ แทบจะไม่มีต้นไม้เลย ด้วยเหุตนี้เอง สถาปนิกชาวอิตาลี Stefano Boeri จึงได้สร้างนวัตกรรมใหม่ของการออกแบบอาคารร่วมสมัยให้เข้ากับธรรมชาติได้อย่างลงตัว ด้วยการสร้างอพาร์ทเม้นท์ที่มีความสูงถึง 117 เมตร ภายในเมือง Lausanne ประเทศ Switzerland สำหรับอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ จะเป็นอพาร์ทเม้นท์แห่งแรกในโลกที่มีการปลูกต้นไม้จริงๆ อยู่บนอาคาร ส่งเสริมธรรมชาติท่ามกลางชีวิตแบบชาวเมือง ภายใต้ชื่อ La Tour des Cedres (The Tower of Cedars) โดยจะมีต้นไม้ทั้งหมดประมาณ 100 ต้น พุ่มไม้อีก 6,000 พุ่ม และพืชเล็กๆ อีก 18,000 ชนิด กระจายทั่วพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร ทั้งนี้พืชสีเขียวทั้งหลายจะช่วยปกป้องอาคารจากลมแรง ฝุ่น และมลพิษทางเสียง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มมุมมองสีเขียวภายในเมืองอีกด้วย…
-
21 ภาพของ ‘นิวยอร์ก’ ในมุมสูง ที่อาจทำให้เรามองความงามของเมืองนี้ แตกต่างออกไป
ก็เหมือนเมืองใหญ่ๆ จากทั่วโลกที่มีความสวยงามในตัวของมันอยู่ New York ก็มีอีกหลายๆ มุมมองที่เราอาจไม่เคยเห็นกันมาก่อน George Steinmetz เป็นช่างภาพที่ชอบถ่ายแนววิวทิวทัศน์เป็นชีวิตจิตใจ เลยได้สร้างผลงานนี้ขึ้นมา โดยการถ่ายภาพเมืองทั้งเมืองจากมุมสูง ชื่อว่า newyorkairbook ทางอินสตาแกรม ซึ่งดูแล้วเพลินดีมากๆ เลยล่ะ ตึกสูงและสถาปัตยกรรมที่สวยงาม มินิมาราธอน บาสเก็ตบอล เทพีเสรีภาพ ที่สะพาน Verrazano Narrows Bridge ตึกที่ดูแปลกตา สวนสาธารณะใจกลางเมือง Central Park Times Square พิพิธภัณฑ์ แมนฮัตตันในยามโพล้เพล้ สวนสนุก Times Square ช่วงคืนวันเสาร์ สระน้ำ McCarren ที่สถานีแท็กซี่ JFK’s Central Taxi Hold …
-
หรือว่าเอเลี่ยน!?!? ชาวจีนถึงกับเหวอ หลังมีคนเห็น “เมือง” อยู่บนก้อนเมฆ!!!
เหล่านักทฤษฏีสมคบคิดต่างๆได้มีงานทำกันแล้ว หลังจากมีการปล่อยคลิปซึ่งอ้างว่า พบเห็นเงาของเมือง อยู่บนก้อนเมฆบนท้องฟ้าในประเทศจีน โดยเจ้าเมฆหน้าตาประหลาดนี้ถูกพบเห็นในเมืองโฝชาน มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน และอีกครั้งในไม่กี่วันถัดมาในมณฑลเจียงซี โดยผู้ที่ถ่ายคลิปเล่าว่า เขาเห็นเมืองขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยตึก ลอยอยู่บนก้อนเมฆ และไม่ใช่เขาคนเดียวเท่านั้นที่เห็น ยังมีเพื่อนบ้านอีกนับร้อยเห็นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า เคยมีคนเห็นเมือนลอยได้แล้วครั้งหนึ่ง ที่เมือง Hastings ประเทศ New Zealand ซึ่งยังไม่มีการยืนยันว่า เป็นอันเดียวกันหรือเปล่า ยังไม่มีรายงานแน่ชัดว่า นี่เป็นเรื่องราวใดกันแน่ บ้างก็บอกว่าเป็นโปรเจคลับของนาซ่าชื่อว่า Project Blue Beam ซึ่งเป็นการจำลองการบุกโลกของเหล่าเอเลี่ยน บ้างก็บอกว่ามีคนยิงโฮโลแกรมขึ้นไป และบ้างก็บอกว่าเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น ไปชมคลิปเหตุการณ์กันเลยดีกว่า เหมียวว่ามันเหมือนจริงๆเลยนะ หรือว่าข้างบนจะเป็นดินแดนสกายเปีย??? ที่มา Metro
-
เผยคลิปปรากฏการณ์ธรรมชาติสุดสะพรึงของ ‘พายุฝุ่นลูกยักษ์’ ที่กำลังพัดถล่มเมืองในสหรัฐอเมริกา
นี่คือคลิปวีดีโออันน่าสะพรึงของปรากฏการณ์พายุฝุ่นลูกยักษ์พัดถล่ม ที่เกิดขึ้น ณ เมืองฟินิกซ์ รัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 16 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งจากภาพได้เผยให้เห็นพายุทรายจากทะเลทราย เคลื่อนที่เข้าปกคลุมเมืองฟินิกซ์ด้วยความเร็วลมไม่ต่ำกว่า 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และก่อตัวสูงนับร้อยเมตรแบบนี้… โอ้ววว พอถ่ายภาพจากมุมสูงลงมา จะเห็นได้เลยนะว่ามันช่างเป็นภาพที่ตื่นตาตื่นใจจริงๆ และนี่คือภาพที่ช่าวเมืองได้ถ่ายเอาไว้…มันน่าสะพรึงมาก จากภาพดูเหมือนว่าพายุทรายลูกยักษ์กำลังจะกลืนกินเมืองนี้ทั้งเมืองเลยละ เราลองไปชมคลิปวีดีโอ ที่ถูกถ่ายขึ้นโดยชาวเมืองฟินิกซ์ รัฐแอริโซนา กันเลยจ้า ที่มา : stuff
-
ช่างภาพเข้าไปถ่ายภาพเมืองร้างฟุกุชิม่า หลังจากเกิดเหตุนิวเคลียร์รั่วไหลเมื่อปี 2011!!!
ในปี 2011 เพื่อนๆ คงจำกันได้ดีถึงเหตุการณ์นิวเคลียร์รั่วไหลในฟุกุชิม่า ประเทศญี่ปุ่นเนื่องจากสึนามิและแผ่นดินไหว จากใจกลางของโรงไฟฟ้าราวๆ 20 กิโลเมตร เหมือนเป็นแคปซูลเวลาที่หยุดนิ่งตั้งแต่ตอนนั้นก็มิปาน ช่างภาพที่ชื่อว่า Arkadiusz Podniesinski ได้เสี่ยงชีวิตของเขาเพื่อไปถ่ายภาพพวกนี้มาจากโซนอันตราย ลองมาดูกันได้เลยนะว่าจะขนาดไหน… Arkadiusz Podniesinski ต้องสวมชุดป้องกันรังสีแบบหนาแน่น ภาพของรถที่การจราจรติดขัดระหว่างการอพยพ แน่นอนว่ามันตั้งอยู่บนถนน ซึ่งตอนนี้หญ้าได้ทำการปกคลุมจนแทบไม่เห็นเค้าเดิม รถบางคันราวกับว่าเป็นกระถางต้นไม้เลยทีเดียว ถูกปกคลุมซะจนแทบไม่เหลือ ตั้งแต่เกิดเหตุนิวเคลียร์รั่วไหล มอเตอร์ไซค์คันนี้ ได้จอดที่นี่ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุการณ์เสียอีก หลังจาก 4 ปีที่ไม่มีมนุษย์รุกล้ำเข้าไป ธรรมชาติก็เริ่มเข้ามายึดครองพื้นที่แถบนี้แทน โซนอันตรายจากรังสี แผ่ขยายไปครอบคลุมสวนสนุกด้วยเช่นกัน โกคาร์ทเหล่านี้ก็ไม่ได้ขยับไปไหนเลยตั้งแต่ตอนนั้น ค่ากัมมันตรังสีในพื้นที่ จากเครื่องวัดที่ช่างถ่ายภาพผู้กล้าของเรานำติดตัวเข้าไปด้วย แผ่นดินแยกเกิดจากแผ่นดินไหว ซึ่งทำให้เกิดสึนามิหลังจากนั้น โดยฟาร์มแห่งนี้เป็นของนาย Masami Yoshizawa ซึ่งเขากำลังรอคอยว่าเมื่อไหร่เขาจะสามารถกลับมายังบ้านของเขาได้ เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทีวี แน่นอนว่าได้รับผลกระทบจากสารกัมมันตภาพ ดินที่ถูกสารนิวเคลียร์ปนเปื้อน ถูกเก็บนำมารวมไว้ในที่แห่งนี้…
-
ศิลปินคุณยายวัย 104 ปี สร้างผลงาน “ถักไหมพรม” สร้างสีสันประดับไปทั่วเมือง
คุณยายทวด Grace Brett วัย 104 ปี อาจจะเป็นศิลปินข้างถนนที่แก่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ เพราะเธอได้สร้างผลงานที่ทำให้เมืองมีสีสันสวยงามด้วยการถักไหมพรมประดับเมืองที่เธออาศัยอยู่เพื่อช่วยกลุ่มกลุ่มหนึ่งที่ชื่อ Souter Stormers ที่เป็นกลุ่มย่อยของ yarnstormers ซึ่งตอนนี้ก็ได้สร้างผลงานกว่า 46 ที่ในสก็อตแลนด์ “ฉันคิดว่ามันเป็นไอเดียที่ดีที่จะได้ตกแต่งเมืองพร้อมทั้งสนุกกับการถักโครเชต์ไปด้วย” คุณยาย Grace กล่าว “ฉันชอบเห็นผลงานของฉันแสดงให้คนทั่วไปเห็น และทำให้เมืองดูน่ารักขึ้น” หลานสาวของเธอ Daphne พูดถึงคุณยายว่า “หนูเห็นคุณยายถักตลอดเวลาเลย” “คุณยายมากจะถักแล้วมอบให้กับเด็กๆ แล้วก็ทำผ้าคลุมไหล่ด้วย” เราไปชมคลิปสัมภาษณ์คุณยายกันเลยดีกว่า ที่มา boredpanda
-
ท่องเมืองญี่ปุ่นในรูปแบบใหม่ผ่าน Cat Street View ส่องวิถีชีวิตผู้คนและเหล่าแมวเหมียว!!
หากใครที่กำลังใฝ่ฝันว่าอยากจะออกไปเที่ยวที่ต่างประเทศ เปิดหูเปิดตาให้กับตัวเอง แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ก็ได้แต่นั่งซึมซับบรรยากาศผ่าน Google Street View ไปก่อน เผื่อซักวันหนึ่งจะได้มีโอกาสไปสัมผัสจริงๆ แต่ดูเหมือนว่า Google Street View กำลังจะมีคู่แข่งแล้วล่ะ โดยล่าสุดนี้จังหวัดฮิโระชิมะของประเทศญี่ปุ่นได้เปิดให้บริการพิเศษที่คล้ายๆ กันเลย นั่นก็คือ Cat Street View แต่ว่าสามารถท่องได้เพียงแค่ในเมือง Onomichi แค่แห่งเดียวเท่านั้น แต่ถึงแม้ว่าจะท่องได้แค่ภายในเมืองเล็กๆ แค่เมืองเดียว กลับมีความพิเศษที่แตกต่างกว่านั้นก็คือจะนำเสนอในมุมมองแบบแมวนั่นเอง เป็นกล้องมุมต่ำแทบจะติดพื้นเลยล่ะ ให้อารมณ์เหมือนกับเป็นแมวเดินไปทั่วเมืองนั่นเอง การเดินท่องเที่ยวแบบ Cat Street View นี้จะผ่านทางเดินที่รายล้อมไปด้วยวัดวาอารามและร้านค้าต่างๆ รวมไปถึงเหล่าแมวเหมียวที่อยู่ตามทางเป็นจำนวนเยอะมาก!! ไม่ว่าจะเป็นทั้งแมวจรและแมวเลี้ยง เรียกได้ว่าเป็นเมืองแห่งแมวเลยล่ะ และด้วยสาเหตุนี้เองทำให้บอร์ดผู้บริหารการท่องเที่ยวของจังหวัดฮิโระชิมะจึงได้จัดทำการท่องเที่ยว Street View แบบพิเศษขึ้นมา จัดเป็นกล้องมุมต่ำเพื่อให้เข้าถึงเมืองแห่งแมว แทนที่จะทำเป็นแบบธรรมดาทั่วไป และเมื่อไหร่ก็ตามที่พบกับแมวเลี้ยงก็สามารถกดที่รูปไอคอนแมวได้ เพื่ออ่านประวัติของแมวเลี้ยงแต่ละตัว…
-
ทีมสถาปนิกระดมทุนสร้าง ‘Minas Tirith’ ให้เท่ากับขนาดจริงจากเรื่อง The Lord of The Rings!!
โลกในจินตนาการจากนวนิยายถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์สามารถทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น แล้วถ้าเกิดว่าอยากจะให้มันออกมาเป็นของจริงล่ะ? จะทำแบบนั้นได้บ้างมั้ยหนอ? ทีมสถาปนิกจากสหราชอาณาจักรต้องการที่จะสร้างฝันออกมาให้เป็นจริงด้วยการสร้าง Minas Tirith จากเรื่อง The Lord of The Rings ที่ต้องใช้งบประมาณมากถึง 1.85 พันล้านปอนด์!! ซึ่งในตอนนี้พวกเขาก็ได้เปิดระดมทุนสำหรับโครงนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งยอดเงินสมทบมีเพียงแค่ 69,651 ปอนด์เท่านั้น แต่ก็ไม่แน่นะ อาจจะมีคนทุ่มเงินให้มากพอที่จะสร้างขึ้นมาจริงๆ ก็เป็นได้!! โครงการนี้จะทำการเนรมิตเมือง Minas Tirith ให้เท่ากับขนาดจริง สามารถใช้งานได้จริงและทำให้ผู้คนสามารถอยู่อาศัยได้ด้วย งบประมาณค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ก็คือ ค่าที่ดินประมาณ 23.5 ล้านดอลลาร์ ค่าแรงงานประมาณ 294 ล้านดอลลาร์ และอีก 218 ดอลลาร์สำหรับอุปกรณ์และวัสดุที่ใช้สำหรับก่อสร้าง ทีมสถาปนิกวางแผนที่จะสร้างบ้านทั้งหมด 645 หลังที่มีคุณภาพตั้งแต่โรงแรมระดับ 2 ดาวไปจนถึงระดับ 5 ดาวเป็นเพนท์เฮาส์กันเลยทีเดียวล่ะ!! ถ้าหากว่าการระดมทุนถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ พวกเขาก็จะเริ่มทำการก่อสร้างในปลายปีค.ศ. 2016 นี้ คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปีค.ศ. 2023 ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ จะอลังการแค่ไหนเชียว!! นึกภาพของจริงไม่ออกเลยแฮะ ที่มา :…
-
นวัตกรรมเปลี่ยนถังขยะธรรมดา ให้กลายเป็นถังขยะสุดล้ำ “ปล่อย WiFi ได้ อัดขยะได้อีก”
เทคโนโลยีไม่หยุดพัฒนากันเลยจริงๆ ยังคงมีอะไรมาให้เราเซอร์ไพรส์กันเรื่อยๆ อย่างเรื่องของถังขยะธรรมดาๆ ในเมืองนิวยอร์กจะไม่ธรรมดาอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าเขาจะเพิ่มความสามารถของมันให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองมากขึ้น นั่นก็คือถังขยะปล่อยสัญญาณ WiFi อย่างไรก็ตามเป็นเพียงแค่แผนการของทางบริษัท BigBelly เท่านั้น เพื่อที่จะพัฒนาคุณประโยชน์ของถังขยะในเมืองนิวยอร์กให้มากขึ้น สามารถปล่อยสัญญาณ WiFi ได้โดยอาศัยพลังงานแสงอาทิตย์ในการทำงาน นอกจากนี้ยังเพิ่มความสามารถในการตรวจปริมาณขยะในตัวเอง ซึ่งถ้าหากว่าไม่มีเจ้าหน้าที่มาเก็บขยะซักที มันก็จะบีดอัดขยะภายในให้เหลือเนื้อที่ทิ้งขยะเพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญก็คือมันยังสามารถเป็นป้ายประกาศดิจิตอลสำหรับบริการทางสาธารณะได้อีกด้วย อะไรจะล้ำได้มากมายขนาดนี้เนี่ย!? ที่มา : ubergizmo
-
รัฐบาลเม็กซิกันขอศิลปินวาดรูปบนผนังบ้านกว่า 209 หลัง เพื่อความงามเป็นหนึ่ง!!
องค์กรหนึ่งที่เป็นที่รู้จักเกี่ยวกับการทำกราฟิตี้ ได้ร่วมมือกับรัฐบาลในเม็กซิกัน สร้างผลงานตกแต่งเมือง Pachuca ใหม่ โดยการทาสีผนังบ้านให้ดูเป็นภาพเดียวกันเมื่อมองจากไกล โดยทั้งหมดมี 209 หลังคาเรือนด้วยกัน กลุ่มที่วาดนี้มีชื่อว่า Germen Crew พวกเขาได้วาดลงบนกำแพงเปล่าๆกว่า 209 หรือคิดเป็น 2 หมื่นตารางเมตร โดยเมื่อทำกำแพงบ้านมาต่อกัน ก็จะกลายเป็นรูปสายรุ้งอันงดงาม จากรายงานข่าวพบว่าชาวบ้านส่วนมากแฮปปี้กว่า 452 ครอบครัวหรือ 1808 คน อีกทั้งยังทำให้ปัญหาความรุนแรงในเด็กลดลงไปด้วยอย่าน่าเหลือเชื่อ เราไปดูผลงานของพวกเขากันเลย ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ planisferio.com | Facebook | Instagram | Twitter ที่มา streetartnews,demilked
-
นายกเทศมนตรีเมืองในประเทศสเปนประกาศ ให้หลับกลางวันได้วันละ 3 ชั่วโมง!!!!
เคยไหม กินข้าวกลางวันมาอิ่มๆ แล้วจะรู้สึกง่วงมาก แต่จะไปหลับก็ไม่ได้ เพราะว่าต้องทำงานอยู่ แถมกว่าจะได้กลับไปนอน ก็ตอนหกโมงหรือทุ่มหนึ่งโน่น ถ้าคุณประสบกับปัญหานี้ ขอแนะนำให้ย้ายไปเมือง Ador ในแคว้น Valencia ประเทศ Spain เพราะนาย Joan Faus Vitoria ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองนี้ ได้ประกาศให้ช่วงบ่ายสองถึงห้าโมงเย็นเป็นช่วงเวลาหลับกลางวันของทุกๆคน!! แม้ว่าประเทศสเปนจะขึ้นชื่อเรื่องการนอนหลับกลางวัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องนำเด็กเข้าบ้าน และมีการห้ามส่งเสียงดังอย่างไม่จำเป็นในช่วงเวลานั้น สาเหตุที่มีการนำนโยบายนี้มาใช้ก็เพราะว่า กลุ่มคนใช้แรงงานจะได้มีเวลาพักผ่อนในช่วงที่ร้อนที่สุดของวัน และหวังว่านายจ้างจะเข้าใจ แต่ถึงไม่ทำตาม ก็ไม่ได้มีบทลงโทษอะไร นโยบายนี้เป็นเหมือนสิ่งที่พวกเขาแนะนำให้ประชาชนทำเพื่อทำให้เมืองดีขึ้นเฉยๆ มีใครสนใจย้ายไปมั่ง ตอนนี้แอดเหมียวเก็บข้าวของแระ เดี๋ยวจะไปพรุ่งนี้เลย อิอิ ที่มา Metro
-
มองเมืองผ่านเลนส์ กับภาพถ่ายทางแยกของเมืองนิวยอร์กมุมสูง สวยงามแปลกตา!!
ท่ามกลางเมืองอันแสนกว้างใหญ่ เมืองที่ไม่เคยหลับ นิวยอร์กคือเมืองที่มีผู้คนมากมายและมีตุกสูงอยู่เพียบ นอกจากเราจะได้เห็นความงดงามของเมืองจากมุมมองด้านล่างแล้ว คราวนี้ช่างภาพ Navid Baraty ก็ได้นำความสวยงามจากมุมมองด้านบน ในชื่อชุดภาพ “ทางแยก” ของเมืองนิวยอร์ก ที่มา : twistedsifter
-
ชม “10 เมืองที่ดีที่สุดในโลก” จัดอันดับโดยนักเดินทางตัวจริง มีของไทยด้วยนะ!!
ทาง Travel + Leisure ได้ทำการมอบรางวัล World’s Best Awards ประจำปี 2015 หนึ่งในนั้นก็ได้มีการจัดอันดับเมืองที่ดีที่สุดในโลกโดยการสำรวจจากนักเดินทางกว่าพันคนผู้มีประสบการณ์ท่องเที่ยวมาแล้วกว่าหลายประเทศ ผลการสำรวจก็ได้พบเมืองดีๆกระจัดกระจายอยู่ทั่วโลก โดยที่มีอิตาลีที่มี 2 เมืองที่ติดอันดับเข้ามา อีกทั้งยังมีของไทยด้วยนะเออ จะมีเมืองอะไรบ้าง เราไปดูกันเลย 10. เยรูซาเลม 9. Cape Town อเมริกาใต้ 8. Barcelona สเปน 7. Kraków โปแลนด์ 6. กรุงเทพ 5. โรม 4. Florence อิตาลี 3. Siem Reap กัมพูชา 2. Charleston เซาท์ แคโรไลน่า…