Tag: เยอรมัน
-
รู้จักกับ Ghost Army กองกำลังผีไร้ตัวตน ใช้กลยุทธ์ลวงนาซี ไม่ต้องพึ่งไสยศาสตร์…
ท่ามกลางความสูญเสียในสงครามโลกครั้งที่ 2 การบุกตามตำแหน่งในพื้นที่ต่างๆ ของฝ่ายพันธมิตร จะเจาะเข้าดินแดนศัตรูที่ต้องเน้นจำนวนกำลังพลเข้าสู้ ยิ่งทำให้สูญกำลังและพลังใจในการรบยิ่งกว่าเดิม ในปี 1944 ฝ่ายพันธมิตร ได้จัดตั้งกองกำลัง Ghost Army กองพลทหารไร้ตัวตน ที่มีเพียงแค่รถถังลมและอากาศยานบรรทุกปลอมๆ ใช้ลวงฝ่ายนาซีเยอรมันในภารกิจลาดตระเวน การที่สามารถยกกองกำลังเข้าบุกนอร์มังดีช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สำเร็จนั้น จะขาดกองกำลังที่ไม่มีตัวตนนี้ไปไม่ได้ เพราะ Ghost Army ช่วยหลอกล่อฝ่ายเยอรมันให้ย้ายแนวป้องกันไปยังทิศอื่น ปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด คือการบุกเข้ายึดนอร์มังดี และต้องใช้กองทหารมากถึง 1 ล้านนายจากทั้งหมด 5 ประเทศพันธมิตร ปฏิบัติการระดับใหญ่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และทางฝ่ายพันธมิตรต่างรู้ดีว่าจะสำเร็จได้ต้องใช้ทั้ง กึ๋น ความกล้าหาญ และการหลอกล่อ… ทางด้าน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ได้คาดการณ์ถึงการบุกตามแนวชายฝั่งและทางอากาศจากฝั่งประเทศอังกฤษ เลยมอบหน้าที่ให้นายพล แอร์วิน รอมเมิล ทำการตั้งรับไปสร้างป้อมปืน บังเกอร์ แนวอุปสรรคป้องกันรถถัง รวมถึงท่อนไม้โยงสายกว่าล้านท่อนป้องกันพลร่มที่จะเคลื่อนพลสู่ภาคพื้นดิน โชคดี…
-
ครั้งแรกในเยอรมัน ‘น้องๆ สู้ๆ’ พาดหัวหน้าหนึ่งเป็นภาษาไทย ส่งกำลังใจสู่ทีมหมูป่า!!
จากกระแสข่าวในประเทศไทยกับเหตุการณ์ทีมหมูป่า 13 ชีวิตติดอยู่ภายในถ้ำหลวง ต่างเป็นที่สนใจและกำลังถูกนำเสนอไปทั่วโลก สื่อรายใหญ่ต่างติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดไม่ต่างไปจากภายในบ้านเรา ในขณะที่เรากำลังรอลุ้นกันอยู่ว่าจะพาเด็กๆ และผู้ช่วยโค้ชออกมาจากถ้ำได้เมื่อไหร่ กระแสของการให้กำลังใจจากต่างประเทศก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ซึ่งในครั้งนี้ก็มาจากประเทศเยอรมนี จากเฟสบุ๊กของคุณ Makut Onrudee มกุฎ อรฤดี จากสำนักพิมพ์ผีเสื้อ ได้โพสต์ภาพถ่ายหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ Bild และข้อความของนักเขียน ในใจ เม็ทซกะ ขณะอยู่กับครอบครัวในเยอรมนี และภารกิจพาน้องกลับบ้านก็ไปถึงสื่อของที่นี่ “คนเยอรมันบอกว่า ‘นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่หนังสือพิมพ์เยอรมัน พาดหัวข่าวหน้า 1 เป็นภาษาไทย’ 5 กรกฎาคม 2561 ฉันเห็นหนังสือพิมพ์วันนี้แล้วตื่นเต้นมาก ฉันเลยอยากส่งข่าวให้ทางเมืองไทยทราบ พ่อช่วยฉันแปลข้อความในหนังสือพิมพ์หน้าแรกคือ: พวกเขาติดอยู่ลึกในถ้ำที่เมืองไทย ปฏิบัติการช่วยเหลือซับซ้อนและอันตรายมาก เราจั่วหัวเรื่องหนังสือพิมพ์วันนี้ เป็นภาษาเยอรมันและภาษาไทยว่า “น้องๆ สู้ๆ” ทั้งโลกวิตกกังวลไปกับเด็ก 12 คน และโค้ชของพวกเขา BILD ได้พูดคุยกับครอบครัวของเด็กๆที่นั่น อ่านเหตุการณ์น่าสะเทือนใจ และคำถามเกี่ยวกับการช่วยเหลือเด็กๆ ต่อได้ที่หน้า 6” …
-
เยอรมันแพ้บอลโลกได้ แต่ชาวเยอรมันยังไม่แพ้ ส่องภาพชีวิตดีๆ ที่ลงตัว ณ กรุงเบอร์ลิน!!
กลายมาเป็นพลิกโผทุกสำนักทายผลบอลโลกกันเลยทีเดียว หลังจากที่แชมป์เก่าฟุตบอลทีมชาติเยอรมนี (อินทรีเหล็ก) พ่ายแพ้ต่อทีมชาติเกาหลีใต้ 2 – 0 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ… ส่งผลทำให้ทีมชาติเยอรมนีต้องตกรอบไป เนื่องจากรั้งอันดับสุดท้ายของกลุ่ม ส่วนเกาหลีใต้ถึงจะคว่ำแชมป์เก่าได้ก็ต้องตกรอบเช่นกันเนื่องจากจบในอันดับที่สามของกลุ่มเอฟ ถึงแม้ว่าจะต้องเสียใจทั้งสองทีม กอดคอกันกลับบ้านไปมือเปล่า โดยเฉพาะฝั่งเชียร์อินทรีเหล็กดูท่าจะเจ็บช้ำกว่าใครๆ แต่ไม่เป็นไร ขนาดชาวเมืองเบอร์ลินยังยังไม่ยอมแพ้เลย ต่อให้มีอุปสรรคกับชีวิตมากแค่ไหน แค่ลืมมันไปเดี๋ยวก็กลับมาผงาดได้ใหม่ (แต่ต้องยอมรับจริงๆ ว่าฟอร์มตก) พวกเรามีความเป็นทีมเวิร์คสูง!! แต่เหนื่อยนักก็พักก่อน มักจะวางแผนไว้ล่วงหน้าเสมอ เรื่องอาหารการกินก็สำคัญ ปิ้งย่างทั้งรถเข็นนี่แหละ ในรถไฟฟ้าก็ยิ่งดี ‘ไส้กรอกย่างที่คุณคู่ควร กินได้ทุกที่ กินที่ทุกที่จริงๆ!! ลงมาต่อในสถานีก็ยังได้ เป็นชาวเยอรมัน ยิ่งเป็นคนในเบอร์ลินต้องรู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และต้องมีความพยายามให้มากขึ้น (โดยที่ไม่จำเป็น) วิธีการสัมผัสอากาศสดชื่นให้ใกล้ชิดที่สุด หน้าต่างมันไม่พอ มันต้องขึ้นหลังคา!! แดดไม่ร้อนเท่าประเทศไทยสักเท่าไหร่ ไฮแฟชั่นต้องมาก่อน …
-
หนุ่มพยายามหยอดคำหวานเพื่อชนะใจ นร. สาวแลกเปลี่ยน งัดทุกคำที่รู้ออกมาใช้ให้หมด!!
ความมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เลยนะ แม้ว่าการที่จะพยายามเริ่มความสัมพันธ์ในรูปแบบไหนก็ตาม หากเรามีความรู้สึกดีๆ อยากจะบอกกับอีกฝ่าย ต่อให้เป็นการใช้ภาษาต่างประเทศก็ถือว่าเป็นหนึ่งในการฝึกฝนเช่นกัน อย่างนักเรียนชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ต้องการจะใช้ทักษะทางด้านภาษาอังกฤษให้เกิดประโยชน์ เพื่อหยอดคำหวานเกี้ยวสาวนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวเยอรมันที่มาอยู่ในคลาสเดียวกัน ฮร่าาาา เรื่องราวของ Carolin Marie ยูทูบเบอร์ ช่างภาพ และนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวเยอรมันวัย 18 ปี ได้มีโอกาสแวะไปในห้องเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น และแนะนำตัวให้กับเพื่อนๆ ในห้องได้รู้จัก ซึ่งก็จะมีช่วงเวลาที่ให้เพื่อนๆ ได้ถามคำถามเธอด้วย แต่แล้วก็มีนักเรียนชายผู้กล้า ลุกขึ้นถามเธอในสิ่งที่แตกต่างจากเพื่อนคนอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง ใช้วิถีความเซียนในการเนียนจีบเธอแบบน่ารักสุดๆ “ผมขอถามคุณหน่อยได้มั้ย?” เขาเริ่มต้นบทสนทนา และเธอก็ตอบ “ได้สิ” จากนั้นก็เริ่มด้วยการบอกว่า “เนี่ย มีคนดีๆ อยู่นะ” พร้อมกับชี้ไปที่เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนที่จะชี้กลับมาที่ตัวเองว่า “โดยเฉพาะตัวผม” แหม๊… หมอนี่มันร้ายกาจจริงๆ “แล้วถ้าคุณมีแฟนในห้องนี้ คนไหนจะเหมาะสมที่สุด?” . ด้วยความเขินก็ทำได้แค่เพียงบอกว่า “ทุกคนน่ารักมากๆ เลย ฉันตัดสินใจไม่ได้จริงๆ” ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโมเม้นท์น่ารักๆ จากประเทศญี่ปุ่น…
-
ศิลปินสร้างสีสันให้ภาพเด็กสาวที่ถูกถ่ายใน ‘ค่ายเอาชวิทซ์’ กับความโหดร้ายที่เธอพบเจอ
ว่ากันว่าภาพเก่าๆ หากนำมาแต่งแต้มให้มีสีสันจะช่วยให้ภาพเหล่านั้น สามารถแสดงให้เห็นถึงความรู้สึก และอารมณ์ของภาพได้มากกว่าเดิม และนี่เองก็เป็นเรื่องราวที่สามารถพิสูจน์ชี้ชัดว่าเรื่องที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นความจริง!! ศิลปิน Marina Amaral ได้ทำการแต่งแต้มสีสันให้กับรูปภาพของ Czeslawa Kwoka เด็กสาววัย 14 ปี ชาวโปแลนด์ ที่ตกเป็นนักโทษถูกกักขังอยู่ในค่ายกักกันเอาชวิทซ์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากที่ภาพดังกล่าวถูกแต่งเติมสีสันให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ก็พบว่าภาพนั้นมันช่างดูหดหู่เหลือเกิน เผยให้เห็นถึงความเลวร้ายที่เธอต้องเผชิญมาจากค่ายกักกัน ที่เรียกได้ว่าเป็นนรกบนดินก็ไม่ปาน “มันยากมากที่จะจ้องมองที่ใบหน้าของเธอเป็นเวลานานๆ โดยที่รู้ว่าสิ่งที่เธอพบเจอนั้นมันหนักหนาสาหัสแค่ไหน แม้ว่าการจ้องมองนั้นจะเป็นการมองไปที่ภาพของเธอก็ตาม” Amaral กล่าว “ฉันต้องการให้ Czeslawa ได้รับโอกาสในการบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง ซึ่งอาจจะมีเรื่องราวของผู้คนอีกมากมายที่ตกเป็นเหยื่อในค่ายกักกันเอาชวิทซ์” “ซึ่งมันก็ง่ายมากๆ เพียงแค่เราเปลี่ยนภาพของพวกเขาให้มีสีสันขึ้นมา เราก็รับรู้ได้เลยว่าพวกเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง ลองจินตนาการดูว่ายังมีคนอีกมากมายนับล้านคนที่ต้องประสบพบเจอกับความโหดร้ายแบบนี้ แต่ก็ไม่สามารถรอดชีวิตออกมาได้” “จากภาพเราจะเห็นถึงรอยฟกช้ำของเธอ มีรอยตัดอยู่ที่บริเวณปาก และเลือดที่เปื้อนใบหน้า ความโหดร้ายทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเพียงเพราะคำพูดที่ชักจูงให้เกิดความเชื่อในทางที่ผิดๆ เท่านั้น” ภาพดั้งเดิมนั้นถ่ายโดยช่างภาพ Wilhelm Brasse เป็นช่างภาพที่มีชื่อเสียงและเขาก็เป็นคนที่ติดตามและเก็บภาพของค่ายกักกันเอาช์วิทซ์ ตอนที่มีชีวิตอยู่เขาได้เล่าถึงภาพใบนี้ว่า “ผมจำภาพของเด็กหญิงนักโทษคนหนึ่งได้ เพราะเธอดูเด็กมาก แต่ก็มีแววตาที่โกรธเกรี้ยว” “เมื่อเธอเดินทางมาถึงที่ค่าย เธอไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าผู้คนที่นี่พูดอะไรกับเธอบ้าง…
-
‘Bridegroom’s Oak’ ต้นไม้แห่งความโรแมนติก มีอายุกว่า 500 ปี ช่วยสื่อรักมานานร่วมศตวรรษ
ความเชื่อตามท้องถิ่นที่เกิดขึ้นมานั้น ก็ล้วนแล้วแต่ตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดกันมา แต่มักจะมีสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นร่วมกันก็คือ ความเชื่อในเรื่องของความรัก กับการกระทำบางอย่าง ในบางสถานที่ จุดประสงค์ก็เพื่อให้รักนั้นสมบูรณ์แบบที่สุด ในบทความนี้ #เหมียวเลเซอร์ จะพาบินไปสู่ประเทศเยอรมนี เพื่อพาท่านไปรู้จักกับต้นไม้ Bridegroom’s Oak มีอายุประมาณ 500 ปี คอยทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง รับสารจากผู้แสวงหาความรักจากทั่วทุกมุมโลก!! ตำแหน่งที่ตั้งของต้น Bridegroom’s Oak นั้น อยู่ในบริเวณเมือง Eutin ประเทศเยอรมนี ซึ่งในปัจจุบันมีที่อยู่ตามไปรษณีย์เป็นของตัวเองแล้ว และมักจะได้รับจดหมายราวๆ 40 ฉบับต่อวันเลยล่ะ ในยุคเทคโนโลยีเฟื่องฟู มีแอปพลิเคชั่นหาคู่และบริการที่เกี่ยวข้องเกิดขึ้นมากมาย การส่งจดหมายบอกรักโรแมนติกแบบดั้งเดิมคงจะยากที่จะได้เจอกับความรัก แต่สำหรับวิธีนี้ก็ยังมีเสน่ห์ที่หาไม่ได้จากแบบอื่นๆ รอคอยให้ปาฏิหาริย์ทำหน้าที่ของมัน และยังคงได้รับความนิยมแม้จะเข้าสู่โลกยุคดิจิทัลแล้ว “มีอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกวิเศษ และโรแมนติกเกี่ยวกับต้นไม้ต้นนี้ บนโลกอินเทอร์เน็ต ความจริงและชุดคำถามจะจับคู่คนไว้ด้วยกัน แต่สำหรับต้นไม้ต้นนี้ มันคือความบังเอิญที่สวยงาม ราวกับพรหมลิขิต” Karl-Heinz Martens บุรุษไปรษณีย์วัย 72 ปี กล่าวกับสำนักข่าว BBC…
-
ซีเมนต์ไทยไปเวทีโลก เผยภาพกระเป๋าลาย ‘ถุงปูน’ ตั้งโชว์หน้าร้านในยุโรป เฮ้ ยูว์มาได้ไง!?
การจะนำแรงบันดาลใจมาผลิตเป็นสินค้าแฟชั่นนั้น จะมาจากหลากหลายแหล่ง ก่อนจะออกมาเป็นตัวผลิตภัณฑ์อันสวยงาม แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจทำให้เกิดเป็นกระเป๋าลายแบบนี้ออกมาขายในฝั่งยุโรป… ก่อนหน้านี้ก็เคยมีแตะขอบฟ้า กระเป๋าลายถุงกระสอบมณี 7 สี ไปแล้ว ซึ่งล่าสุดนี้ #เหมียวเลเซอร์ ก็ไปเจอของดีเอกลักษณ์ไทยแลนด์มาอีกแล้ว ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ เลย เพราะมันคือ ‘กระเป๋าลายถุงปูน‘ ใช่แล้ว!! กระเป๋าลายถุงปูนจริงๆ โดยต้นโพสต์นั้นเริ่มมาจากเพจ นักล่าเนตไอดอล รีเทิร์น เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2018 เผยให้เห็นภาพกระเป๋าลายถุงปูนแบบชัดเจนมาก ถูกตั้งวางโชว์อยู่ในตู้กระจกหน้าร้าน และกลายเป็นของขึ้นห้างแห่งหนึ่งในประเทศเยอรมนี โดยทางเพจให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กระเป๋าลายถุงปูนนี้ ใบที่มีมูลค่าแพงที่สุดนั้นอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาทเลยทีเดียว!! . เพื่อให้แน่ชัดว่ากระเป๋าดังกล่าวนั้นมีอยู่จริงหรือไม่ ปรากฏว่าข้อมูลจากหน้าเว็บไซต์ Elephbo บริษัทสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ทำการวางจำหน่ายกระเป๋าลายถุงปูนดังกล่าวจริง มีจำหน่ายในชื่อลาย Green Tiger และ Blue Eagle แบบแรกจำหน่ายในราคา 229 ฟรังก์สวิต (ประมาณ…
-
เปิดประวัตินาซี เคยฝึกสุนัขให้พูด อ่านและสะกดเป็นภาษามนุษย์ หวังชนะสงครามโลก!?
ใครจะเชื่อว่าครั้งหนึ่งชาวเยอรมันจะเคยมีความคิดเรื่องการเอาชนะสงคราม ด้วยสุนัขแสนรู้ แต่มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อมีงานวิจัยเผยออกมาว่า ชาวเยอรมันนั้นเชื่อว่าสุนัขเองก็มีสติปัญญาไม่ต่างไปจากมนุษย์ และยังพยายามที่จะสร้างกองกำลัง “สุนัขพูดได้” ที่น่าขนลุกขึ้นมาอีกด้วย อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำชาวเยอรมันแห่ง พรรคนาซี เกิดความหวังขึ้นมาสุนัขจะสามารถเรียนรู้การสื่อสารกับทหารผู้ฝึกสอนมันได้ยิ่งไปกว่านั้นเขายังถึงกับสร้างโรงเรียนพิเศษสำหรับสอนสุนัขพูดโดยเฉพาะ จากนั้น เจ้าหน้าที่ของนาซีจึงทำการเฟ้นหาสุนัขแสนรู้ที่ได้รับการฝึกมาแล้ว ทั่วทั้งเยอรมัน และนำมาฝึกสอนการพูดและการสื่อสารโดยใช้อุ้งเท้าของพวกมัน สุนัขพันธุ์ผสมตัวหนึ่ง เมื่อถูกถามว่า อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ คือใคร มันสามารถตอบได้ว่า “Mein Fuhrer” ที่แปลว่า ผู้นำของฉัน ส่วนสุนัขตัวอื่นๆ ก็สามารถใช้อุ้งเท้าแตะตัวอักษรต่างๆ เพื่อสื่อสารได้ และยังเชื่อว่าพวกมันสามารถเรียนรู้ศาสนาและบทกลอนได้อีกด้วย ทั้งนี้ ชาวเยอรมันเองก็มีแผนที่จะใช้สุนัขเหล่านี้ในสงคราม เช่น ทำงานร่วมกับทหารของฮิตเลอร์ และคอยเปลี่ยนเวรกับทหารเฝ้ายาม การทดลอง Wooffan SS ของ Dr. Jan Bondeson นักวิชาการจาก มหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์ ได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับงานวิจัยเกี่ยวสุนัขหลังจากที่เขาทุ่มเททดลองมาแสนนาน และเขาก็ยังมาเยือนกรุงเบอร์ลินเพื่อสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับสุนัขเพื่อเขียนหนังสือโดยเฉพาะอีกด้วย หนังสือที่ Dr. Bondeson เขียนขึ้นมาชื่อว่า Amazing Dogs: A Cabinet of…
-
สถิติเผย การช่วยตัวเองเป็นเหตุทำให้ผู้คนในเยอรมนีเสียชีวิตกว่า 100 คนต่อปี!?
ว่ากันว่าสัญชาติญาณทางเพศของมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่หักห้ามได้ยาก การเกิดอารมณ์ทางเพศขึ้นเป็นเรื่องทางธรรมชาติ ฉะนั้น “การช่วยตัวเอง” เพื่อระบายความต้องการทางเพศออกมาจึงไม่ใช่เรื่องแปลก และก็ไม่มีใครคาดคิดด้วยว่าการช่วยตัวเองจะเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ มีการศึกษาใหม่ออกมาซึ่งผลลัพธ์ของมันพบว่า การช่วยตัวเองได้ทำให้ชาวเยอรมันเสียชีวิต 80 ถึง 100 รายต่อปี เนื่องจากการถึงจุดสุดยอดนั้นทำให้เกิดความเสี่ยงจนถึงชีวิตได้ จากบันทึกของ The Legal Medicine ในเมืองฮัมบูร์ก เยอรมนี แสดงให้เห็นถึงผู้เสียชีวิต 40 ราย จากการช่วยตัวเองตั้งแต่ปี 1983 ถึงปี 2003 ซึ่งผู้เสียชีวิตมีตั้งแต่อายุ 13 ปี ไปจนถึงอายุ 79 ปี ปัจจัยสำคัญของการเสียชีวิตที่พบมากที่สุดในผู้เสียชีวิตดังกล่าวก็คือการกั้นออกซิเจนของตนเองขณะกำลังมีความรู้สึก “ถึงจุดสุดยอด” อาการแบบนี้ถูกเรียกว่า Auto Erotic Asphyxiation การเสียชีวิตลักษณะนี้กลายเป็นสิ่งผิดปกติ และแพร่หลายมากขึ้นเป็นวงกว้าง อีกทั้งยังพบในกลุ่มที่มีรสนิยมทางเพศที่หลากหลาย ชายคนหนึ่งถูกพบว่าเสียชีวิตหลังจากที่พยายามละลายชีสใส่ตนเอง ส่วนผู้เสียชีวิตอีกรายหนึ่งถูกพบว่าเสียชีวิตหลังจากหนีบดวงไฟต้นคริสต์มาสไว้กับหัวนมของเขา นายแพทย์ Harald Voß ได้เตือนถึงสิ่งที่ถูกมองข้ามในอาการ Auto Erotic Asphyxiation…
-
ผลงานภาพถ่ายขาวดำจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เผยให้เห็นอีกด้านหนึ่งของสงคราม
ภาพของเหล่าทหารเยอรมันที่กำลังพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล และภาพของเด็กๆ ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ เป็นภาพถ่ายสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 จากฝีมือของ Käthe Buchler ช่างภาพสาวชาวเยอรมัน ช่างภาพของเราได้บันทึกภาพต่างๆ ในช่วงเวลานั้น พร้อมกับให้ความหมายของภาพถ่ายเธอว่า “นี่คือความดื้อรั้นของพลเรือนชั้นกลาง” ตามมาด้วยภาพของเหล่าทหารที่กำลังดื่มชา หรือพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเหล่าที่ช่วยย้ำเตือนถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี โดยผลงานของช่างภาพสาวรายนี้ ถูกถ่ายด้วยฟิล์มแบบขาวดำทั้งหมด ซึ่งเธอตั้งชื่อผลงานชุดนี้ว่า Beyond the Battlefields และถูกเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ภาพถ่ายในเมืองเบราน์ชไวก์ ประเทศเยอรมัน ชุดภาพถ่ายดังกล่าวถูกแสดงในนิทรรศการการท่องเที่ยว ที่พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ Birmingham ประเทศอังกฤษระหว่างวันที่ 20 ตุลาคม 2017 ถึง 14 มกราคม 2018 ที่ผ่านมา ภาพของพยาบาลสาวและทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากสงครามโลกครั้งที่ 1 . . เด็กๆ ในสถานพยาบาล ระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ภาพถ่ายของ Käthe Buchler ที่เผยให้เห็นอีกมุมหนึ่งของสงครามได้เป็นอย่างดี . . ภาพของเด็กชายชาวเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่…
-
โรงเรียนเยอรมัน เนรมิตเสื้อกั๊กทรายสำหรับเด็กดีด ไม่ตั้งใจเรียนเพียรถ่วงน้ำหนัก…
เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นมักจะมีปัญหากับการเพ่งสมาธิไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นปัญหาอย่างมากในขณะที่พวกเขาต้องตั้งใจเรียนตอนอยู่ในชั้นเรียน โดยเบื้องต้นแล้วหมอจิตเวชมักจะให้ยารักษากับเด็กเหล่านี้ อย่างไรก็ตามในตอนนี้หลายโรงเรียนในประเทศเยอรมัน หันมาใช้วิธีช่วยเหลือเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นรูปแบบใหม่ โดยให้พวกเขาสวมเสื้อกั๊กทรายถ่วงน้ำหนักเพื่อเพิ่มสมาธิให้กับเด็ก แต่ผู้ปกครองและหมอจิตเวชบางส่วนก็ยังมีข้อกังขากับวิธีรักษาแบบใหม่นี้ ในขณะนี้เสื้อกั๊กทรายถ่วงน้ำหนักกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการรักษาเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้น เสื้อที่ว่านี้ใช้ทรายถ่วงน้ำหนักโดยแต่ละตัวจะมีน้ำหักตั้งแต่ 1.2 – 6 กิโลกัรม โรงเรียนกว่า 200 แห่งในเยอรมันก็กำลังใช้เสื้อตัวนี้เพื่อทำให้เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นในโรงเรียนตั้งใจเรียนมากขึ้น ผู้ปกครองบางส่วนบอกว่าการให้ลูกสวมเสื้อกั๊กทรายนั้นสามารถช่วยให้เด็กมีการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมในทางที่ดีขึ้นจริงๆ ทางโรงเรียนที่ใช้เสื้อกั๊กนี้บางแห่งก็บอกว่ามันเป็นวิธีรักษาที่อ่อนโยนกว่าการให้เด็กทานยาจากหมอจิตเวชอีกด้วย Gerhild de Wall คุณครูจากโรงเรียน Grumbrechtstrasse ในเมือง Hamburg ประเทศเยอรมันเองก็บอกว่า “ไม่มีใครบังคับให้เด็กๆ ใส่เสื้อกั๊กทราย พวกเขาเต็มใจที่จะใส่มันด้วยตัวเองและดูเหมือนพวกเขาจะชอบมันมากด้วย” ทว่าผู้ปกครองและหมอจิตเวชอีกส่วนหนึ่งมีคามเห็นที่ต่างออกไป พวกเขาคิดว่าเสื้อกั๊กทรายดูเหมือนเสื้อที่ให้คนในโรงพยาบาลบ้าใส่ และเด็กที่ใส่มันอาจจะถูกตีตราว่าเป็นเด็กมีปัญหาจนทำให้พวกเขาโดนล้อด้วย ผู้ปกครองท่านหนึ่งบอกว่า “เราควรจะหลีกเลี่ยงวิธีการที่ทรมานแบบนี้ มันเหมือนกับเราบอกว่า ‘เธอเป็นคนป่วยก็เลยต้องถูกลงโทษโดยสวมเสื้อกั๊กทราย ที่ทั้งเป็นภาระต่อร่างกายและยังทำให้ดูเหมือนคนโง่ในชั้นเรียนด้วย’ ฉันคิดว่ามันเป็นวิธีแก้ไขที่ไม่ถูกจุด “ แต่ Truller-Voigt ผู้ปกครองอีกท่านก็แย้งว่า “ลูกของฉันเต็มใจที่จะใส่มันเองแล้วเขาก็รู้สึกว่ามันช่วยเขาได้ด้วย … มันทำให้เขามีสมาธิมากขึ้นและสนใจกับเนื้อหาที่ครูสอนโดยไม่ต้องมากังวลกับการควบคุมมือและเท้าของตัวเองให้อยู่นิ่ง” De Wall อธิบายหลักการของเสื้อกั๊กตัวนี้ว่า “เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นมักจะมีปัญหาเพราะมัวแต่สนใจสิ่งรอบตัว … เสื้อกั๊กทรายจะช่วยให้พวกเขาเพ่งความสนใจไปที่ตัวเองมากขึ้น…
-
ฆาตกรในคราบเทวดา… บุรุษพยาบาลชาวเยอรมัน ถูกจับกุมหลังฆ่าคนไข้ไปกว่า 97 คน!!
บุรุษพยาบาล ฉายาว่า “เทวดาแห่งความตาย” มีความผิดข้อหาฆาตกรรมโดยมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และต่อมาจึงพบอีกว่า เขาได้ก่อเหตุฆาตกรรมไปแล้วถึง 97 ศพ พยาบาลฆาตกรรายนี้มีชื่อว่า Niels Hoegel ซึ่งเป็นชาวเยอรมัน ได้ถูกตัดสินคดีว่ามีความผิดฐานฆาตกรรมเหยื่อ 2 ราย และพยายามฆ่าอีก 2 ราย และล่าสุดผู้ฟ้องร้องกล่าวว่าเมื่อหลายปีก่อน Niels ได้ฆ่าคนไป 97 คน จากทั้ง 2 โรงพยาบาลที่เขาเคยอยู่ โดยแห่งแรกก็คือ โรงพยาบาลใน Oldenburg ตั้งแต่ปี 1999 จนถึงปี 2002 และแห่งที่สองก็คือคลินิกที่ Delmenhorst ตั้งแต่ปี 2003 จนถึงปี 2005 จากการสอบสวน Niels ในปี 2015 เขาให้การว่า ที่คลินิกใน Delmenhorst เขาจงใจทำให้ผู้ป่วยประมาณ 90 คนมีภาวะหัวใจล้มเหลว เนื่องจากเขาชื่นชอบในการพยายามทำให้ผู้ป่วย “ฟื้นจากความตาย” และเขายังให้การเพิ่มว่าเขาได้ทำการฆาตกรรมมาตลอดในช่วงที่ทำงานใน Oldenburg หลังจากได้รับคำสารภาพจาก Niels ผู้สืบสวนจึงทำการทดสอบสารพิษของผู้ป่วยที่เสียชีวิตในช่วงที่ Niels ทำงานในโรงพยาบาล และทำให้พบความผิดของเขาเพิ่มมากขึ้น ผู้ฟ้องร้องนามว่า Martin…
-
ตุ๊กตาเซ็กส์ดอลล์ Bieber ออกวางจำหน่ายแล้ว แฟนๆ อย่ารอช้ารีบหาซื้อมานอนกอดกันเร็ว!!
คริสต์มาสและปีใหม่ใกล้เข้ามาทุกขณะ ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะให้ของขวัญเพื่อนสาวเป็นอะไรดี งั้นลองมาดูของขวัญสุดพิเศษชิ้นนี้หน่อยเป็นไง กับตุ๊กตายางที่ใช้ Justin Bieber เป็นต้นแบบ…น่าสนใจใช่ไหมล๊าาาา ตุ๊กตาเซ็กส์ดอลล์ที่มีหน้าเหมือน Justine Bieber นั้นได้วางขายอยู่บน AliExpress ที่ราคา 1,300 ดอลลาร์สหรัฐหรือเป็นเงินไทยราว 42,000 บาท ซึ่งราคาอาจจะดูแพงพอสมควร แต่เมื่อเทียบกับประสบการณ์ที่จะได้รับจากตุ๊กตา Justin มันก็คุ้มใช่ไหม นอกจากตัวตุ๊กตาที่ถูกสร้างมาให้เหมือน Bieber แล้วเรายังสามารถเลือกขนาดของปิกาจูได้ด้วยนะ ใครชอบแบบ 9 นิ้วก็สามารถสั่งทำแบบ 9 นิ้วได้ รับรองว่าไซส์ใหญ่ถูกใจสาวๆ แน่นอน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเวลามองดีๆ มันอาจจะไม่เหมือน Justin เป๊ะๆ แต่ด้านวัสดุรับรองว่าของเขาดีจริงๆ เพราะมันใช้ ‘เทอร์โมพลาสติก’ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสุดล้ำจากทางการแพทย์นั่นเอง ภายในตัวตุ๊กตายังมีโครงกระดูกที่ทำให้เราสามารถจัดแต่งท่าทางของหุ่นได้ตามใจอยาก ฉะนั้นถ้าเกิดอยากลองท่าไหนก็สามารถทำได้สบายมาก แต่ที่เด็ดสุดคือ เราสามารถสั่งให้ทีมงานปรับแต่งสีผิว ทรงผมและสีเล็บได้ตามที่เราพอใจด้วยนะ โดยตุ๊กตาจะมีความสูงอยู่ที่ 160 เซนติเมตร โดยตุ๊กตาจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ราวๆ 3 ปี หรืออาจจะนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับการดูแล . ฉะนั้นถ้าใครเป็นแฟนอยากได้…
-
เมือง Staufen ณ เยอรมนี กำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ จากเหตุขุดเจาะใต้ดินที่ผิดพลาดในอดีต!!
Staufen คือชื่อของเมืองในประเทศเยอรมนีที่มีผู้อยู่ในอาศัยมากกว่า 8,100 ครัวเรือน ทางการเคยมองว่าเมืองแห่งนี้จะเป็นสถานที่นำร่องพลังงานสีเขียวของประเทศ จึงทำการจัดตั้งโปรเจกต์ใหญ่ขึ้นมาพร้อมขุดเจาะเพื่อหาพลังงานสีเขียวในปี 2007 แน่นอนว่าผลลัพธ์มันค่อยๆ ส่งผลเสียมาทีละนิดๆ จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน โดยชาวเมืองได้ค้นพบว่า โปรเจกต์หาพลังงานสีเขียวโดยการขุดเจาะดังกล่าวมันดันส่งผลเสียอันใหญ่หลวงเกินกว่าหลายคนคาดไว้ เพราะหลังจากที่แท่นขุดเจาะขุดลงไปถึงชั้นน้ำบาดาล ผลที่ตามมากลับทำให้พื้นดินเกิดขยายตัวและสูงขึ้น ทำให้บ้านเรือนจำนวนมากกว่า 230 หลังเกิดรอยร้าวตามมา!? ผู้ว่าการเมือง Staufen ก็ออกมาบอกว่า “พวกเราต้องอยู่ในสภาพพร้อมรับปัญหาแบบนี้มา 10 ปีแล้ว มันเป็นภัยร้ายที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ” อาคารหลายๆ แห่งในตัวเมืองจะมีการทาสีเหมือนพลาสเตอร์แปะไว้ พร้อมกับมีข้อความเขียนไว้ว่า “Staufen จะต้องไม่พังลง” ซึ่งมันก็เป็นคำปลอบใจชาวเมืองที่ไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่ ตอนนี้พื้นดินในเมืองเคลื่อนสูงขึ้นกว่า 60 เซนติเมตรและเคลื่อนไปด้านข้างถึง 45 เซนติเมตร และผลของการเคลื่อนตัวในครั้งนี้ ทำให้บ้านสองหลังถล่มลงมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้อาคารหลังอื่นๆ ก็อาจพังลงมาได้ทุกเมื่อเช่นกัน ผู้ว่าเมืองได้บอกว่า เขาพยายามสู้กับปัญหานี้มาเป็นเวลานานแล้ว เขาพยายามมองหาทางออกเพื่อให้พื้นที่ตัวเมืองกลับไปเป็นเหมือนเดิมแต่มันก็คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม Staufen ไม่ใช่เมืองเพียงแห่งเดียวที่ต้องเผชิญกับปัญหานี้ เมือง Freiburg ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ก็เจอปัญหาคล้ายแบบเดียวกันเป๊ะ ซึ่งทาง German Geothermal Association ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด พวกเขายังคงมองหาทางออกอยู่เรื่อยๆ นั่นเอง ที่มา odditycentral,thelocal
-
สาวน้อยเป่าขลุ่ยเล่นกับนักเชลโลข้างถนน พริบตาก็มีเซอร์ไพรส์ยกใหญ่มาแบบเต็มวง!!
เหตุการณ์สุดเซอร์ไพรส์เมื่อเด็กสาวคนหนึ่ง เดินเข้าไปขอประชันฝีมือกับนักเชลโลข้างถนน ซึ่งหนูน้อยได้หยิบขลุ่ยขึ้นมาพร้อมค่อยๆ เป่าสลับกับพ่อหนุ่มเชลโล ซึ่งเพลงที่ทั้งคู่เล่นมีชื่อว่า Ode an die Freude ซึ่งหลังจากหนูน้อยเป่าเพลงดังกล่าวจบ พ่อหนุ่มเชลโลก็จัดการบรรเลงเพลงต่อ แต่ว่าไม่นานนักก็เริ่มมีนักดนตรีคนอื่นทยอยมาแจมด้วยเรื่อยๆ จนสุดท้ายเกิดเป็นวงขนาดใหญ่และสะกดคนรอบๆ ไว้ได้อย่างอยู่หมัด!! เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นที่เมืองเนือร์นแบร์ก ประเทศเยอรมนี เมื่อปี 2014 ซึ่งเป็นการทำแฟลชม็อบเพื่อฉลองครบรอบ 130 ปีของเมือง โดยเป็นการร่วมมือกันของวง “Hans-Sachs”-Choir และ the Philharmonic Orchestra of Nuremberg ที่ได้นัดแนะกันมาก่อนแล้วนั่นเอง . . อย่างไรก็ตามการทำแฟลชม็อบนี้ก็สามารถสะกดผุู้คนในเมืองที่ผ่านมาเห็นได้สบายๆ จะเรียกว่าแฟลชม็อบประสบความสำเร็จก็ว่าได้ ยิ่งเสียงตอบรับจากชาวเน็ตไม่ต้องพูดถึงชมกับเพียบ!! แม้เหตุการณ์จะเก่าแล้ว แต่ก็ยังประทับใจได้เสมอเลยนะ ที่มา inspiremore
-
คุณตาวัย 76 ปี ได้เจอรถของตัวเองอีกครั้ง หลังจากลืมไว้เมื่อ 20 ปีก่อน!?
สำหรับบางคนที่อาจจะมีนิสัยขี้ลืม อาจจะเคยลืมสิ่งของบางอย่างไว้นานๆ และกว่าจะนึกได้เจ้าสิ่งของที่ว่านั้นก็อาจจะหายไปเสียแล้ว และชายชราวัย 76 ปีผู้นี้เองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกันหลังจากที่เขาดั๊นจำไม่ได้ว่าตัวเองจอดรถไว้ที่ไหนเมื่อ 20 ปีก่อน ย้อนกลับไปเมื่อปี 1997 คุณ Helmut Kohl ชายชาวเยอรมันวัย 76 ปี ได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองแฟรงก์เฟิร์ตว่ารถของตนเองหาย หลังจากที่เขาหารถของตัวเองไม่เจอและคิดว่ามันถูกขโมยไป ชายชราตัดสินใจรื้อโรงรถของเขาหลังจากที่ตามหารถที่หายไปไม่เจอ แต่พอเวลาผ่านไป 20 ปี คุณปู่ท่านนี้ก็ได้พบว่ารถของตัวเองจอดอยู่ที่เดิมที่เขาลืมไว้นั่นเอง เมื่อได้พบกับรถของเขา คุณปู่กลับบอกว่าตอนนี้เขาไม่ต้องการเจ้ารถคันนั้นอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ซากรถคันดังกล่าวอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ และถูกส่งไปยังสุสานรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “รถคันดังกล่าวไม่ได้ใช้งานมาเป็นเวลานาน และเรากำลังจะส่งมันไปที่สุสานรถ” เจ้าหน้าที่ตำรวจของเมืองแฟรงก์เฟิร์ต กล่าว นอกจากนี้เมื่อประมาณปีที่แล้วก็ได้มีเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษเช่นกัน หลังจากที่มีรายงานว่าหนุ่มสก็อตแลนด์ผู้หนึ่งได้พบกับรถ BMW ของเขาที่จอดลืมไว้นานถึง 6 เดือนอีกครั้ง หลังจากที่เขาจอดลืมไว้ใกล้ๆ กับสนาม Etihad Stadium ของทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้นั่นเอง ชายคนดังกล่าวพยายามจะค้นหารถของเขา แต่กลับไม่พบ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถคันดังกล่าวในอีกหกเดือนต่อมา ซึ่งชายหนุ่มบอกว่าเขาต้องเสียค่าจอดรถเป็นเงินถึง 5,000 ปอนด์ หรือประมาณ 210,000 บาทเลยทีเดียว บางทีอาจจะไม่ได้ขี้ลืมหรอกนะ แต่มันแค่นึกไม่ออกเท่านั้นเอง แฮะๆ…
-
ชมภาพประวัติศาสตร์ เผยช่วงเหตุการณ์ตอนชาวเยอรมันเลือก ‘ฮิตเลอร์’ มาเป็นผู้นำ..!!
หนึ่งในเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่กลายเป็นบทเรียนราคาแพงให้ชาวเยอรมันได้มากที่สุด คงหนีไม่พ้นเหตุการณ์หลังจากที่ ‘อดอล์ฟ ฮิตเลอร์’ ถูกเลือกให้เป็นผู้นำ หลังมีการประกาศนโยบายสร้างชาติครั้งใหม่..!! แต่ใครเล่าจะรู้ว่าหลังฮิตเลอร์ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้นำ เขาได้กำจัดคู่แข่งทางการเมืองอย่างโหดเหี้ยม รวมทั้งดำเนินนโยบายทางการทหารอย่างสุดโต่ง และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด ในเมือง Nuremberg ปี 1928 อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ได้กล่าวคำปราศรัยเพื่อสร้างฐานเสียง พร้อมกลุ่มทหารผู้ติดตาม ‘Brownshirts’ ในช่วงแรกสมาชิกกลุ่ม ‘Brownshirts’ มักจะเข้าไปเจรจาพูดคุยกับชาวเมืองเพื่ออธิบายถึงนโยบายและความดีงามของพรรคนาซี มกราคม 1933 กลุ่มผู้สนับสนุนได้ออกมาเดินขบวนพาเหรด หลังฮิตเลอร์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีประจำเยอรมนี ย้อนกลับไปปี 1925 นี่คือภาพของผู้คนที่เดินทางมาฟังฮิตเลอร์ปราศรัยในโรงเบียร์แห่งหนึ่งในเมืองมิวนิค จากนั้นไม่นานเขาก็กลายเป็นผู้มีอิทธิพลอันสูงส่ง และมีกองกำลังทหารเป็นของตัวเอง ปี 1932 งานเลี้ยงของพรรคนาซีที่เต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูง และมีการประดับลูกโป่งด้วยสัญลักษณ์สวัสติกะ เมษายน ปี 1931 มีการเดินขบวนพรรคนาซี และเหล่า ‘Brownshirts’ ต่างก็ยืนฟังคำปราศรัยจากฮิตเลอร์อย่างเป็นระเบียบ ภาพของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และสมาชิกพรรคนาซีในปี 1930 หลังได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อดอล์ฟ ฮิตเลอร์…
-
ชมผลงานสุดยอดศิลปะกระดาษป๊อบอัพ จากศิลปินชาวเยอรมัน พร้อมสอนวิธีการทำแบบฟรีๆ
งานกระดาษแบบบ๊อบอัพ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งงานฝีมือที่ทำให้เราต้องทึ่งในความสวยงามได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะนอกจากความสร้างสรรค์ของผลงานแล้ว บางครั้งมันยังทำให้ภาพสองมิติธรรมดาๆ ที่อยู่บนหน้ากระดาษดูสมจริงขึ้นมาอีกด้วย และวันนี้เราก็มีผลงานศิลปะที่ว่านี้จากคุณ Peter Dahmen ศิลปินผู้เชี่ยวชาญทางด้านการทำงานศิลปะประเภทนี้มากที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งผลงานของเขานั้นบอกได้เลยว่าไม่ธรรมดาจริงๆ และนี่ก็คืออาคารขนาดใหญ่ หนึ่งในผลงานศิลปะป๊อบอัพขนาดใหญ่ของเขา ศิลปินชาวเยอรมันคนนี้ได้เริ่มต้นงานศิลปะป๊อบอัพนี้ตั้งแต่ตอนที่เขาเริ่มศึกษาด้านกราฟิกดีไซน์ เพื่อใช้ในการสร้างงานออกแบบ 3 มิติของเขาเพื่อส่งอาจารย์ และจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ นั้นมันก็ทำให้เขาเริ่มพัฒนาฝีมือการออกแบบ และกลายมาเป็นหนึ่งในศิลปินป๊อบอัพที่มีฝีมือมากที่สุดคนหนึ่งเลย นอกจากนี้ในช่องยูทูบ Peter Dahmen Papierdesign ของเขายังได้มีการสอนเทคนิคการทำป๊อบอัพกระดาษแบบสามมิติง่ายๆ ให้สำหรับผู้ที่สนใจได้ลองทำตามอีกด้วย หนึ่งในผลงานที่สวยงามและน่าทึ่งของเขา และนี่คือคลิปวิดีโอที่รวบรวมผลงานศิลปะป๊อบอัพของเขาเอาไว้ล่ะ และสำหรับใครที่อยากฝึกทำงานศิลปะป๊อบอัพแบบนี้ ทางคุณ Peter Dahmen ก็ได้เปิดเว็บไซต์เพื่อสอนวิธีการทำป๊อบอัพแบบง่ายๆ ฟรีๆ กันอีกด้วยนะ โดยสามารถเข้าไปดูวิธีการทำได้ที่เว็บไซต์ peterdahmen ของเค้ากันได้เลย ที่มา thisiscolossal
-
8 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ ‘อดอล์ฟ ฮิตเลอร์’ ในมุมมองที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนเลย…
น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักกับ “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์” เพราะนอกจากหนวดอันจุ๋มจิ๋มของเขาแล้ว ความโหดร้ายที่เขาได้ทำไว้นั้นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนจดจำเขาได้ แต่นอกเหนือจากเรื่องราวการแบ่งแยกเชื้อชาติ และการกระทำอันโหดร้ายของเขาแล้ว ยังมีบางอย่างที่เกี่ยวกับตัวเขาอีกที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่ทราบ และวันนี้เราก็มีข้อมูลเกี่ยวกับ 8 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ ‘อดอล์ฟ ฮิตเลอร์’ จากเว็บ Brightside ที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยมาฝากกัน 8. อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เคยตกหลุมรักหญิงสาวชาวยิว นี่อาจจะฟังดูเป็นเรื่องแปลก แต่เขาตกหลุมรักสาวชาวยิวผู้นี้ระหว่างที่เรียนอยู่ในโรงเรียน โดยเธอผู้นั้นก็คือ Stephanie Isak ในตอนนั้นเขาอายมากที่จะบอกความรู้สึกกับเธอและเธอเองก็ไม่เคยรู้เลยว่าเขารักเธอ การผิดหวังในความรักครั้งนี้อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขาเกลียดชาวยิวก็ได้ 7. เขามีปัญหาด้านระบบการย่อยอาหาร ฮิตเลอร์ประสบปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารอย่างรุนแรงในช่วงชีวิตของเขา เขามักจะปวดท้องและมีกรดในกระเพาะอาหารเกินอยู่เสมอ เขาพยายามใช้ยามากกว่า 29 ชนิด แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้เขาหายจากอาการเจ็บปวดนั้นได้ 6. อดอล์ฟ ฮิตเลอร์มีอัณฑะแค่ลูกเดียว!! หลายๆ คนอาจจะไม่เชื่อเรื่องนี้ แต่หลังจากที่ได้รับบาทเจ็บระหว่างออกรบในสมรภูมิ Somme ตอนปี 1916 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และทำให้แพทย์ต้องตัดลูกอัณฑะเขาออก 1 ข้างเพื่อช่วยชีวิตเขาเอาไว้ 5. เขาเคยมีความฝันอยากเป็นนักบวช เมื่อตอนอายุ 4 ขวบเขาถูกบาทหลวงช่วยชีวิตไว้หลังจากจมลงไปในบ่อน้ำ เหตุการณ์ในครั้งนั้นเป็นแรงบันดาลใจให้เขาอยากเป็นนักบวช…
-
‘Martina Big’ แอร์โฮสเตสผิวขาว ผู้ผันตัวเป็นนางแบบผิวสี ด้วยหน้าอกไซส์ 32S ใหญ่สุดในยุโรป..!!
ปกติแล้วในวงการนางแบบเราอาจไม่ค่อยเห็นใครที่ยอมเปลี่ยนสีผิวตัวเอง เพื่อที่จะได้โลดแล่นในวงการซักเท่าไหร่ แต่ขอบอกเลยว่าสำหรับอดีตแอร์โฮสเตส Martina Big แล้ว.. นี่คือความฝันอันสูงสุดของเธอเลยก็ว่าได้ ดังนั้นเราจะพาไปรู้จักกับเรื่องราวของอดีตแอร์โฮสเตสสาวชาวเยอรมนี ผู้ยอมทุ่มเงินทุนกว่า 50,000 ปอนด์ (ราว 2.3 ล้านบาท) ในการศัลยกรรมเปลี่ยนผิวสี และอัพไซส์หน้าอกให้มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป..!! “ฉันเป็นคนผิวสี นั่นคือเชื้อชาติที่แท้จริงของฉัน ฉันอดใจรอที่จะไปแอฟริกาไม่ไหวแล้วล่ะ ฉันรู้แต่ว่าความรู้สึกในใจมันบอกเราว่า เรารู้สึกดีกว่าที่ได้เป็นคนผิวสี” Martina ให้สัมภาษณ์ ย้อนกลับไปในช่วงปี 2012 เป็นครั้งแรกที่ Martina เข้ารับการศัลยกรรม โดยตอนนั้นเธอรู้สึกว่าอยากแปลงโฉมตัวเองให้เหมือนกับตุ๊กตาบาร์บี้ แต่มีทรวดทรงรูปร่างที่ดูดีกว่า… จากนั้นเธอก็รู้สึกความต้องการจากก้นบึ้งของจิตใจตัวเอง ที่เรียกร้องให้เธออยากเข้ารับการปรับเปลี่ยนสีผิว ในตอนแรกเธอศัลยกรรมหน้าอกก่อนที่จะเริ่มปรับสภาพผิวของตัวเองให้เข้มขึ้นเรื่อยๆ Michael คู่ชีวิตที่เธอบอกว่าเป็นกำลังใจคนสำคัญของชีวิต หลังจากที่เธอต้องสูญเสียครอบครัวไปจากอุบัติเหตุบนท้องถนน Michael เล่าถึงเรื่องราวชีวิตคู่ว่า “ตอนนั้นผมเป็นนักเรียนใหม่ในห้อง จากนั้นก็ได้รู้จักกับ Martina ทั้งห้องมีผู้หญิง 23 คน แต่ผมกลับรู้สึกตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจัง จากนั้นหลังเรียนจบเราทั้งคู่ก็ไปทำงานเป็นพนักงานต้อนรับสายการบินอยู่ 7 ปี จนกระทั่งผมมีปัญหาด้านสายตาทำให้ต้องออกจากงาน” ช่วงหลังจากนั้นเองที่ Martina…
-
ชาวมิวนิคเผย 5 เหตุผลที่คุณควรหลีกเลี่ยง Oktoberfest เทศกาลเบียร์ที่ใหญ่สุดของโลก..!!
สำหรับคอเบียร์ทั้งหลาย เราเชื่อว่าทุกคนต่างต้องมีงานเทศกาล ‘Oktoberfest’ เป็นหนึ่งในสิ่งที่อยากจะไปให้ได้ซักครั้งในชีวิต… ทว่าล่าสุดนักเขียนชาวมิวนิค Sophie-Claire Hoeller ได้ออกมาเผยถึง 5 เหตุผลที่ชาวโลกควรหลีกเลี่ยงไม่ไปงานเทศกาลดังกล่าว นับว่าคนท้องถิ่นออกมาบอกด้วยตัวเองแบบนี้จะไม่อ่านหน่อยก็คงไม่ได้แล้วแหละ เทศกาล Okterberfest สนุกจริง แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดของการมาเที่ยวเยอรมนีเช่นกัน!! Sophie เล่าว่า นักท่องเที่ยวเกือบทั้งหมดไม่รู้ว่าเทศกาลดังกล่าวเดิมทีเป็นประเพณีที่จัดสืบต่อกันมา ครั้งแรกสุดมันถูกจัดขึ้นในงานอภิเสกสมรสของกษัตริย์แห่งบาวาเรีย เมื่อปี 1810 ตามแบบฉบับดั้งเดิมของคนท้องถิ่น เทศกาลเบียร์จะถูกจัดขึ้นอย่างย่อมๆ เพื่อเป็นช่วงเวลาดีๆ ให้ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน เพื่อร่วมรับประทานเบียร์ชั้นเลิศและอาหารจานเด็ดร่วมกัน แต่ปัจจุบันมีตัวเลขนักท่องเที่ยวเดินทางไปงานดังกล่าวสูงถึง 6.3 ล้านคน/ปี ในแต่ละปีมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากความเมามายและอุบัติเหตุต่างๆ ราว 7,900 คน..!! ในช่วงเทศกาลน่ะเหรอ… ทั่วทั้งเมืองมีแต่นักท่องเที่ยวเท่านั้นแหละ ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ต่างเดินทางมากระจุกอยู่ในสถานที่เดียวกันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนเมาจากร้อยพ่อพันแม่ที่ไม่ต้องเดาก็พอทราบได้ว่า ปัญหาความวุ่นวายและความยุ่งเหยิงต่างๆ มีให้เจ้าหน้าที่ได้วิ่งวุ่นกันทุกปีแน่นอน นอกจากนั้นตลอดทั้งวันคุณจะได้เห็นเทศกาลที่เต็มไปด้วยคนที่ชาวบ้านเรียกว่า ‘Beer Corpses’ ซึ่งก็คือพวกเมาหนักจนโงหัวไม่ขึ้น ถึงกับต้องนอนสลบกันอยู่ตามเต๊นท์นั่นแหละ อย่าหวังว่าจะวอล์คอินเข้าร้านไหนได้ง่ายๆ ในเทศกาลที่มีคนมากถึง 6.3 ล้านมารวมตัวกัน เราคงนึกภาพกันออกใช่ไหมว่าในจำนวนนี้จะมีคนที่ไปยืนต่อคิวหน้าร้านที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเยอะขนาดไหน เพราะฉะนั้นถ้าหากอยากจะมาเที่ยวงานนี้จริงๆ…
-
10 เรื่องที่คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับประเทศ “เยอรมนี” อ่านเพิ่มเติมความรู้ ไปเล่าให้เพื่อนฟังได้อีก!!
ต้องบอกตามตรงว่า นอกจากเทศกาลเบียร์ระดับโลกอย่าง Oktoberfest ในเมืองมิวนิคแล้ว เราก็ไม่รู้อะไรอีกเลยเกี่ยวกับประเทศนี้… แต่บ่อยครั้งที่เรามักจะได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างเกี่ยวกับประเทศเยอรมนีกันมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็น.. ความไร้อารมณ์ขันของผู้คน หรือความจริงจังขึงขังในการใช้ชีวิต เอาเป็นว่าเราไปทำความรู้จักกับประเทศนี้ที่มีอะไรมากกว่าเรื่องราวของฮิตเลอร์ กันเลยดีกว่า 1. ภาษาเยอรมันดูรุนแรง ในความเป็นจริงแล้วภาษาเยอรมันที่ผู้คนใช้กัน ไม่ได้มีท่าทีที่ดูจริงจังเหมือนคนโมโหร้ายตลอดเวลา เพราะพฤติกรรมแบบนั้นก็คงมีแต่คนหัวรุนแรงเท่านั้นเอง ในส่วนของความเป็นจริงนั้นผู้คนก็ยังใช้ภาษาพูดกันอย่างสุภาพนุ่มนวล 2. เยอรมนีมีทางหลวงพิเศษ (autobahn) ที่ไม่จำกัดความเร็ว ที่ประเทศเยอรมนีจะมีทางหลวงพิเศษที่เรียกว่า autobahn ซึ่งตามกฎหมายแล้วบนทางหลวงเส้นนี้จะไม่มีการจำกัดความเร็วแทบทั้งหมด คนจึงคิดว่าไม่จำกัดความเร็วเลย แต่ที่จริงแล้วจะมีเพียงประมาณ 40% ของเส้นทางหลวงพิเศษเท่านั้น ที่จำกัดความเร็วอยู่ที่ประมาณ 90 – 120 กม./ชั่วโมง 3. คนเยอรมนีดูหยาบคายและดุร้าย แม้ว่าภายนอกคนเยอรมันอาจจะดูเหมือนคนหน้าบึ้ง แต่เอาจริงๆ แล้วพวกเขาไม่ใช่คนหยาบคาย กลับกันนั่นคือสิ่งที่เรียกว่าความจริงใจ ความตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม และความนับถือเชื่อใจกัน พวกเขาแค่ยิ้มยากกว่าคนไทยเท่านั้นเอง 4. คนเยอรมันชอบใส่ชุด Dirndl and Lederhosen (แบบที่เห็นในโฆษณาเบียร์นั่นแหละ) ก็คงอารมณ์คล้ายๆ กับเวลามีฝรั่งมาถามคนไทยว่า.. ‘ยูใส่ชุดไทยตลอดเลยรึเปล่า?’ เพราะเอาจริงๆ แล้วชุดดังกล่าวมาจากวัฒนธรรมฝั่งแคว้นบาวาเรีย และหากเทียบตามจำนวนประชากรแล้ว คนบาวาเรียนจะมีอยู่แค่…
-
ซุปเปอร์มาร์เก็ตนำ “อาหารต่างชาติ” ออกจากชั้น สะท้อนให้คนเหยียดชนชาติรู้ว่า มันจะแย่เพียงใด…
ในทุกมุมโลกไม่ว่าที่ไหน ก็มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับการเหยียดเชื้อชาติอยู่เสมอ ซึ่งทัศนคตินี้สามารถเกิดได้กับทุกคนทุกเพศ ทุกวัย ซึ่งเป็นเรื่องความคิดเห็นส่วนบุคคล และเพื่อแสดงให้เห็นถึงแนวคิดเหล่านี้ ซุปเปอร์มาเก็ตที่เปิดให้บริการผู้คนมากมายหลากหลายเชื้อชาติ ก็ได้เลือกกระทำในสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความหลากหลายที่หายไป… ให้ความรู้สึกที่แปลกตาอย่างที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อน เมื่อไม่นานมานี้ได้เกิดเหตุการณ์ที่สินค้าต่างๆ ภายในซุปเปอร์มาร์เก็ต Edeka ของประเทศเยอรมนี ได้หายไปจนเกือบหมดชั้น ทำให้เกิดความงุงงงแก่ลูกค้าเป็นจำนวนมาก ว่าเพราะอะไรจึงเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น เพราะสินค้าที่หายไปนั้นเป็นสินค้าจากต่างประเทศทั้งหมด และวางขายแค่เพียงสินค้าของประเยอรมันเท่านั้น โดยเหตุการณ์นี้เกิดในซุปเปอร์มาร์เก็ต Edeka สาขาของเมืองฮัมบวร์ค โดยที่ลูกค้าส่วนใหญ่ต่างคิดว่าสินค้าภายในซุปเปอร์มาเก็ตนั้นหมดสต็อกแล้วหรือ?? แต่เมื่อเข้าไปอ่านป้ายที่กำกับเอาไว้บนแต่ละชั้นด้วยใจความที่แตกต่างกันไป เช่น “ชั้นสินค้าที่ว่างเปล่านั้นจากเหตุที่ไร้สินค้าต่างชาติ” และ “ชั้นวางของที่ไร้ความหลากหลายก็มาพร้อมกับความน่าเบื่อ” เป็นการสะท้อนถึงแนวคิดเหยียดเชื้อชาติได้อย่างเฉียบคมมากๆ ดังนั้นซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ ก็จะไม่มีสินค้าที่มาต้นกำเนิดมาจากต่างประเทศขึ้นชั้นวางขายเลย… “Edeka ยึดมั่นในความหลากหลาย และเราผลิตอาหารหลากหลายประเภท ซึ่งผลิตจากภูมิภาคต่างๆ ของประเทศเยอรมนี” โฆษกของ Edeka กล่าว “แต่การได้พึ่งพาผลิตภัณฑ์ที่มาจากต่างประเทศด้วย ก็จะช่วยให้พวกเราสามารถสร้างความหลากหลายที่ช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้าของเราได้อย่างทวีคูณ” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้ เป็นเพราะทางซุปเปอร์มาร์เก็ตต้องการสะท้อนให้เห็นถึง แนวคิดการเหยียดผิวและความหลากหลายทางเชื้อชาตินั่นเอง . แล้วเพื่อนๆ ล่ะ…
-
หนุ่มเยอรมันจิตหงุดเงี้ยว ไปทำงานก็รถติดทุกวัน เลยตัดสินใจว่ายน้ำไปออฟฟิศแม่มเลย..!!
ถ้าพูดถึงเรื่องรถติดเรามั่นใจเลยว่า ประเทศไทยเรานี่แหละเป็นอีกหนึ่งประเทศที่รถโคตะระมหาจะติดได้ทั้งเช้าทั้งเย็น ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาติดนักหนา ครั้นจะใช้ขนส่งสาธารณะ หลายคนก็ไม่อยากจะเอาชีวิตไปเสี่ยงกับการขับรถประจำทางที่สุดยอดซะจนโดมินิค โทเรทโต้ ยังต้องยกนิ้วให้ (นิ้วกลางนะ) เหตุการณ์แบบนี้ก็ได้เกิดขึ้นกับหนุ่มชาวเยอรมัน Benjamin David ด้วยเหมือนกัน ทุกเช้าที่เขาไปทำงาน ต้องตื่นมาเจอกับรถติดอันยาวเยียด จนจิตใจหงุดหงิด ไปถึงออฟฟิศด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองและไม่อยากทำงานแล้ว นั่นก็ทำให้เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่แตกต่างออกไป… คนอื่นอาจจะขับรถบนถนนเพื่อรีบไปทำงาน แต่สำหรับ Benjamin David เขามีเส้นทางอยู่บนน้ำ เป็นประจำทุกเช้าที่เจ้าตัวจะแพ็คอุปกรณ์ในการทำงานทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นแล็ปท็อป มือถือ กระเป๋าตัง ฯลฯ จากนั้นเจ้าตัวก็จะถอดชุดทำงานออก และกระโดดลงไปในแม่น้ำ Isar แห่งเมืองมิวนิค เขาต้องว่ายน้ำบนกระแสน้ำเชี่ยวกว่า 2 กิโลเมตร เป็นประจำทุกวันเพื่อไปทำงาน “ผมพูดตามตรงเลยนะ การจราจรที่เมืองนี้(แม่ง)แย่มาก ผมต้องเสียเวลาไปติดอยู่บนถนนนานเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงที่ทำงาน แต่คุณเชื่อมั้ยล่ะว่าผมว่ายน้ำไปทำงานยังถึงเร็วกว่าซะอีก” เจ้าตัวเล่า นอกเหนือจากการว่ายน้ำแล้ว สิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เขาก็คือ กระเป๋ากันน้ำจากเพื่อนนักดีไซน์เนอร์นั่นเอง โดยเจ้าตัวเล่าว่าเขามีไอเท็มที่ทำให้การเดินทางสะดวกสบายขึ้น ซึ่งก็คือกระเป๋ากันน้ำจากเพื่อนนักดีไซเนอร์ ที่สามารถเปลี่ยนมาเป็นห่วงยางลอยน้ำได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นใช่ว่าเจ้าตัวจะกระโดดลงน้ำไปแบบดื้อๆ เลย เพราะในแต่ละอาทิตย์เขามักจะตรวจเช็คสภาพลมฟ้าอากาศและความแรงของกระแสน้ำก่อนเสมอ…
-
ศาสตราจารย์ซื้อแป้นเก่าในราคาถูก โดยคนขายไม่รู้ว่าเป็น ‘เครื่องอินิกมา’ ที่ขายได้ 2 ล้านบาท!!
กลายเป็นข่าวดังกึกก้องไปทั่วโลก เมื่อมีชาวโรมาเนียคนหนึ่งนำแป้นพิมพ์สภาพเก่าราวกับหลุดมาจากสมัยสงครามโลก มาประกาศขายในตลาดสินค้ามือสองด้วยราคาเพียงแค่ 100 ยูโรเท่านั้น (4,000 บาท) ทว่าเจ้าตัวกลับไม่รู้เลยว่าแป้นพิมพ์ดังกล่าวเป็น ‘เครื่องแปลงรหัสอินิกมา’ ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับส่งรหัสปฏิบัติการณ์ลับที่ตกถอดมาจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แถมยังขายได้ราคาสูงถึง 45,000 ยูโร (ราวเกือบ 2 ล้านบาท) สภาพหน้าตาของเครื่องอินิกมาที่ตกทอดมาจากกองทัพเยอรมัน ถึงแม้จะไม่มีการเปิดเผยว่าใครเป็นคนซื้อ แต่หลังจากที่แป้นพิมพ์นี้ถูกขายต่อด้วยราคาเพียง 100 ยูโร เจ้าของคนใหม่ก็ได้นำเครื่องนี้ไปขายต่อในตลาด Bucharest Artmark โดยเปิดประมูลไว้ที่ราคา 9,000 ยูโร ก่อนจะมีเศรษฐีนิรนามปิดประมูลที่ราคา 45,000 ยูโร “เป็นเรื่องราวที่ฮือฮาในตลาดประมูลสินค้ามากครับ มีศาสตราจารย์ด้านการถอดรหัสคนหนึ่ง เขาไปเจอกับเครื่องถอดรหัสอินิกม่าและซื้อมันมาในราคาถูกแสนถูก ก่อนจะเปิดประมูลและปิดราคาได้อย่างสวยงาม” Cristian Gavrila ผู้จัดการ Artmark ให้สัมภาษณ์ เดิมทีเครื่องอินิกม่าถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกในเยอรมัน เมื่อปี 1920 เพื่อใช้สำหรับการส่งรหัสปฏิบัติการทางสงครามต่างๆ โดยไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ ทว่าต่อมาประเทศอังกฤษและฝ่ายสัมพันธมิตรได้พยายามถอดรหัสเครื่องอินิกม่าให้ได้ จนกระทั่งมีนักคณิตศาสตร์ที่ชื่อว่า Alan Turing สามารถไขรหัสของกองทัพเยอรมันได้สำเร็จ และสามารถเอาชนะสงครามได้ในที่สุด…
-
สุขภาพมาก่อน… เยอรมนีเตรียมออกกฎหมาย สั่งปรับพ่อแม่ที่ไม่พาเด็กไปฉีดวัคซีน!!
เมื่อเร็วๆ นี้หากเพื่อนๆ ได้ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับแวดวงของการแพทย์ก็อาจจะทราบกันมาแล้วว่าปัจจุบันนี้มีพ่อแม่หลายคนในต่างประเทศที่ไม่ยอมพาลูกๆ ไปฉีดวัคซีนเพราะมีความเชื่อผิดๆ ว่าการฉีดวัคซีนจะทำให้ลูกเป็นออทิสซึม ซึ่งจากรายงานขององค์กร World Health Organization ได้บอกเอาไว้ว่าการฉีดวัคซีนได้ช่วยชีวิตของมนุษยชาติไว้มากกว่า 17.1 ล้านชีวิตมาตั้งแต่ปี 2000 แต่ดูเหมือนว่าสถิติดังกล่าวค่อยๆ ชะลอตัวลง เพราะในช่วงหลังๆ มานี้มีพ่อแม่ชาวสหรัฐอเมริกาจำนวนมากไม่ยอมพาลูกของตัวเองไปฉีดวัคซีน ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา รวมไปถึงความเชื่อผิดๆ จากลัทธิต่อต้านการฉีดวัคซีนด้วย และในประเทศเยอรมนีเองก็เริ่มมีตัวเลขของผู้ติดเชื้อโรคหัดเพิ่มขึ้นในทุกๆ วัน หลังจากที่เกิดเหตุการณ์คุณแม่ลูกสามเสียชีวิตจากการติดเชื้อโรคนี้เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้ทางการของเยอรมนีต้องวางแผนที่จะออกกฎหมายใหม่แล้ว โดยการปรับเงินพ่อแม่ที่ไม่ยอมพาลูกไปฉีดวัคซีนเป็นจำนวนเงินมากกว่า 95,000 บาท เลยทีเดียว ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข Hermann Gröhe ได้ให้สัมภาษณ์ว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้เป็นเรื่องที่สำคัญเพื่อป้องกันการระบาดของโรคหัด “ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นของผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัด เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถเมินเฉยต่อมันได้” ท่านรัฐมนตรีกล่าว สำหรับหน้าที่การตรวจสอบนั้นทางรัฐบาลจะมอบให้เป็นหน้าที่ของทางโรงเรียนอนุบาลที่จะทำการขอดูใบรับรองการฉีดวัคซีนของบุตรหลานจากผู้ปกครอง และหากผู้ปกครองท่านใดไม่มีใบรับรองก็จะถูกเตือนและให้พาเด็กไปฉีดวัคซีนเสียก่อน หากยังไม่ทำตามก็จะถูกเชิญให้ออกจากโรงเรียนและปรับเงิน จากรายงานของสถาบัน Robert Koch พบว่าในประเทศเยอรมันปีนี้ตั้งแต่ช่วงต้นปีถึงช่วงกลางเดือนเมษายน ก็พบผู้ป่วยเป็นโรคหัดมากกว่า 410 รายแล้ว ซึ่งมากกว่าสถิติทั้งปีของปี 2016 ที่มีเพียงแค่ 325 รายเท่านั้น จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทางรัฐบาลของประเทศเยอรมนีต้องจัดการ…
-
30 ภาพจากสังเวียน ‘Fight Club’ ของหญิงสาวชาวเยอรมัน ต่อยจริง เลือดจริง ไม่ได้โม้!!
เรียกได้ว่านับตั้งแต่ที่หนังเรื่อง Fight Club เริ่มโด่งดังทั่วโลก (ตอนขายแผ่น) ก็มีคนเอาแนวคิดของ Tyler Durden นำมาสร้างให้กลายเป็นความจริง และทั้งหมดนี้ก็คือ 30 ภาพโคตรดิบ จากสังเวียนไฟท์คลับ ในเมืองเยอรมัน ทว่าสังเวียนนี้ไม่ใช่ของผู้ชาย แต่เป็นของผู้หญิง พวกเธอเลือกที่จะต่อสู้กันด้วยกำปั้นจริง เลือดออกจริง เจ็บจริง และทั้งหมดก็นำมาซึ่งมิตรภาพจริง!! **คำเตือน: เนื้อหาภาพดังต่อไปนี้อาจมีความรุนแรง และความไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม** เดิมทีสถานที่แห่งนี้เป็นสมาคมเพาะกายของผู้หญิง แต่ตอนนี้พวกเธอได้เปลี่ยนให้มันกลายเป็นสังเวียนคนเดือด ไม่มีการแบ่งรุ่นชกตามน้ำหนัก ไม่มีการกำหนดส่วนสูง ไม่สำคัญว่าคุณจะเคยเป็นนักมวยอาชีพมาก่อน นักมวยปล้ำ… หรือจะเป็นแม่บ้านที่ไม่เคยมีเรื่องชกต่อยมาก่อนเลย แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะที่นี่มีกฏอยู่อย่างหนึ่งเหมือนในหนังก็คือ… ทุกคนเสมอภาคกันด้วยกำปั้น ในระหว่างการต่อสู้พวกเธอสามารถใช้ทักษะด้านใดก็ได้ ไม่ว่าจะมือ เท้า เข่า หรือแม้แต่ศอก บนสังเวียนไม่มีคำว่ากติกา ไม่มีกรรมการตัดสิน และไม่มีของรางวัลใดๆ ให้แก่ผู้ชนะทั้งสิ้น …
-
บริษัทวิจัยเยอรมัน ประกาศหาอาสาสมัครมาสูบกัญชาฟรี เพื่อกรณีศึกษาทางการแพทย์!!
นี่อาจเป็นโอกาสทองของสายเขียวทั่วโลกเลยก็ว่าได้ เพราะบริษัทวิจัยทางการแพทย์จากเยอรมัน กำลังประกาศหาอาสาสมัครมาสูบกัญชา เพื่อนำข้อมูลไปวิจัยทางการแพทย์แบบฟรีๆ!! ข่าวดีก็คือ… โครงการนี้รับสมัครอาสาสมัครทั้งหมด 25,000 ชีวิต และตอนนี้มีผู้สมัครเข้าร่วมเพียงแค่ 2,000 คนเท่านั้น โดยบริษัทจะมอบกัญชาให้อาสาสมัครฟรี 30 กรัมต่อเดือน Marko Dörre หัวหน้าโครงการวิจัยดังกล่าว ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ‘ในเยอรมันมีประชาชนนับล้านที่ใช้กัญชา และถือว่าเป็นเวลาอันสมควรแล้ว ที่เราจะนำกัญชามาศึกษาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ในอนาคต’ ทางด้านของ Dr. Thomas Schnel หนึ่งในทีมวิจัยได้อธิบายเสริมว่า ‘กัญชาถูกจัดให้เป็นสิ่งเสพติดที่ได้รับความนิยมสูงไปทั่วโลก อ้างอิงข้อมูลจาก World Drug Report แต่นอกเหนือจากการนำมาใช้ในเชิงสิ่งเสพติดแล้ว คุณจะพบว่ากัญชาเป็นพืชที่มีคุณประโยชน์มากมาย และควรค่าแก่การวิจัยอย่างยิ่ง’ ในส่วนของ Hermann Gröhe รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสุขภาพ ก็ได้ออกมาให้ความเห็นสนับสนุนการวิจัยเกี่ยวกับกัญชา ในเยอรมันไว้ว่า ‘ผู้ป่วยมีสิทธิ์ที่จะได้รับการรักษาที่ดีที่สุด… ปัจจุบันมีงานวิจัยทางการแพทย์หลายชิ้น และเคสของผู้ป่วยหลายกรณีที่ชี้ให้เห็นว่า เราสามารถนำประโยชน์จากสารสกัดกัญชามาใช้รักษาผู้ป่วยได้จริง และนี่ก็เป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน’ ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลเยอรมัน ก็ได้มีการออกกฎหมายให้ผู้ป่วยสามารถใช้กัญชาเพื่อการรักษาตามใบสั่งแพทย์ได้แล้วเช่นกัน และสำหรับใครที่สนใจอยากจะสมัครละก็ สามารถเข้าไปดาวน์โหลดไปใบสมัครได้ที่ CannabisResearch หน้าเว็บสามารถแปลเป็นอังกฤษได้อยู่ แต่ส่วนใบสมัครคงต้องหาเพื่อนที่รู้ภาษาเยอรมันมาช่วยแปลแล้วล่ะ……
-
ทีมนักวิทย์ฯ ชาวเยอรมันสามารถสร้าง ‘พระอาทิตย์จำลอง’ สำเร็จ เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน
หลอดดูเหมือนว่าตอนนี้เทคโนโลยีของมนุษยชาติจะล้ำไปอีกขั้น เพราะล่าสุดได้มีการรายงานว่า ทีมนักวิทย์ฯ จากเยอรมัน สามารถสร้างพระอาทิตย์จำลองที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้สำเร็จ หรือที่เรียกว่า ‘Synlight’ ซึ่งพลังงานความร้อนของมัน มากพอที่จะแผดเผาทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากองได้ภายในพริบตา แต่โชคดีที่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์ของการสร้าง เพราะพวกเขาต้องการที่จะนำมาใช้ในการศึกษาด้านพลังงานทดแทนต่างหากล่ะ Synlight พระอาทิตย์จำลองดังกล่าวถูกสร้างขึ้นจากหลอดไฟซีน่อนแบบ Short Arc Lamps (ชนิดเดียวกับไฟหน้ารถ) ทั้งหมด 149 หลอด แต่ละหลอดมีขนาดประมาณ 20×20 ซม. ที่สำคัญมันสามารถผลิตพลังงานความร้อนได้มากกว่าที่แสงอาทิตย์ส่องมายังโลกถึง 1,000 เท่า พูดง่ายๆ ว่ามันสามารถสร้างความร้อนได้สูงถึง 3,000 เซลเซียส เผาเหล็กกล้าให้หลอมละลายได้เลย หลอดไฟชนิดนี้ยังเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ในโรงหนัง ซึ่งโรงหนังขนาดใหญ่ก็ต้องการหลอดไฟแบบนี้แค่ดวงเดียวเท่านั้น ลองคิดดูสิว่านี่เล่นเอามารวมกันตั้ง 149 หลอด มันจะร้อนแรงขนาดไหน… โดยทีมนักวิทยศาสตร์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ‘ไฮโดรเจนคือธาตุที่สำคัญที่สุดในจักรวาล แต่ธาตุไฮโดรเจนแท้ช่างหายากเหลือเกินบนโลกเรา และเราก็หวังว่าพระอาทิตย์จำลองนี้จะช่วยให้เราผลิตพลังงานดังกล่าวให้เราได้มากขึ้น’ โครงการพระอาทิตย์จำลองนี้ใช้เวลาก่อสร้างทั้งหมด 2 ปี และใช้งบประมาณไปทั้งหมด 129 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นความสำเร็จครั้งแรกของมนุษย์ ที่สามารถสร้างเครื่องมือช่วยผลิตไฮโดรเจนบริสุทธิ์ได้…
-
ชาวเมืองขี้เกรงใจ เจอเหมียวเนียนหลับในรถไฟใต้ดิน จะปลุกขอที่นั่งก็ยังไงอยู่!!
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่สถานีรถไฟแห่งหนึ่งในรัฐ Baden Wurttemberg ประเทศเยอรมนี ชาวเมืองทุกคนที่ได้ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน ถึงกับต้องผงะ เมื่อเปิดประตูมาพบเจ้าเหมียวสีส้มมาตัวเดียว แต่มันเล่นนอนทีเดียวบนสองที่นั่ง ปั๊ดดโถ่ววเอ๊ยยย!! ดู๊วว… นี่เอ็งชักจะสบายตัวเกินไปแล้วนะเหมียว ไม่แบ่งที่ให้คนอื่นเค้าได้นั่งเลย ภาพนี้ถูกถ่ายไว้ได้โดย Patrick Maurer ระหว่างที่เขากำลังจะนั่งรถไฟเดินทางไปยังเมือง Stuttgart เขาและชาวเมืองคนอื่นๆ ถึงกับตกใจผสมอมยิ้มเล็กน้อย เพราะความเห็นแก่ตัวของเจ้าเหมียวมันช่างดูน่ารัก น่าเอ็นดู สำหรับทาสมนุษย์เหลือเกิน ‘ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหน มีเจ้าของรึเปล่า? ถ้าหากเจ้าตัวนี้เป็นแมวของคุณ สามารถไปรับมันได้ที่สถานีรถไฟ ถามพนักงานได้เลยเขารู้จักมันแน่นอน’ Patrick โพสต์ลงในเฟซฯ ส่วนตัว หลังจากที่ภาพของไอ้เหมียวขี้เซาถูกชาวเน็ตในเยอรมนี แชร์ต่อไปมากกว่า 30,000 ครั้ง ชาวเน็ตต่างก็เข้ามาแสดงความเอ็นดูถึงมัน บางคนคาดว่ามันน่าจะหลงทางมา แล้วเดินตามคนเข้ามาในขบวนรถไฟ ปรากฏว่าข้างในรถไฟมีอากาศที่อุ่นกว่า เจ้าเหมียวเลยนอนหลับสบาย และตอนนี้เจ้าหน้าที่ก็ได้ส่งตัวมันกลับคืนสู่บ้านแสนรักของมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โถ่ววไอ้เมี๊ยวว เดินเล่นเพลินจนหลงทางเลยใช่มั้ยล่ะสิเอ็ง! ที่มา: Lovemeow
-
ความสุขระหว่างคริสต์มาส ทหารอังกฤษและเยอรมันพักรบ ชวนกันเตะบอลในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
พูดถึงสงครามแล้ว เราอาจนึกถึงความโหดร้าย ความตาย และการเฆ่นฆ่ากันระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ แต่เชื่อหรือไม่ว่าครั้งในหนึ่งสงครามครั้งที่ใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ เคยมีการพักรบกันระหว่างทหารสองฝ่ายและเตะฟุตบอลกระชับมิตรในช่วงคริสตมาส แม้คืนก่อนหน้านั้น พวกเขายังสาดอาวุธเข้าใส่กันก็ตาม (ภาพประกอบไม่เกี่ยวของกับเหตุการณ์แต่อย่างใด) เรื่องราวเกิดขึ้นในในปี 1914 ที่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งยังครุกรุ่นอยู่ทั่วยุโรป กองทหารอังกฤษและกองทหารเยอรมันกำลังปะทะกันอย่างหนักหน่วง ณ สมรภูมิ Ploegsteert ที่ประเทศเบลเยี่ยม การสู้รบของทั้งสองฝ่ายต่างผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ จนการสู้รบยืดยื้อมาจนถึงช่วงวันคริสต์มาส สำหรับชาวตะวันตกแล้ว วันคริสต์มาสคือวันที่พวกเขาควรจะได้อยู่เฉลิมฉลองกับครอบครัวอย่างมีความสุข แต่นายทหารเหล่านั้นกลับต้องสู้รบกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำให้จิตใจของพวกเขาห่อเหี่ยวเป็นอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นในวันคริสต์มาสนั้นเอง จากคำบอกเล่าของร้อยเอก A.D. Chater ที่เขียนจดหมายกลับไปเล่าเรื่องราวให้กับมารดาของตนเองฟังว่า ในช่วงเวลาประมาณสิบโมงเช้า ทหารอังกฤษสังเกตเห็นทหารเยอรมันคนหนึ่ง โบกไม้โบกมืออยู่ฝั่งตรงข้ามของบังเกอร์ จากนั้นเขาก็เห็นทหารเยอรมันอีกสองคนเดินมุ่งตรงมาที่พวกเขา ขณะที่พวกเขากำลังเตรียมต่อสู้นั้นเอง พวกเขาก็สังเกตเห็นว่าทหารเยอรมันนั้นสองนั้นไม่ได้พกอาวุธมาด้วย นายทหารอังกฤษคนหนึ่งจึงตัดสินใจเดินออกไปพบกับทหารฝ่ายศัตรูทั้งสอง สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ทหารทั้งฝ่ายต่างจับมือและอวยพรวันคริสต์มาสให้แก่กันและกัน หลังจากนั้นนายทหารคนอื่นๆ ก็ออกไปร่วมแจมด้วย พวกเขาต่างอวยพรให้สามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย จากนั้นก็ถ่ายภาพและเปลี่ยนบุหรี่ซึ่งกันและกัน ราวกับจำไม่ได้ว่าวันก่อนหน้านั้น พวกเขายังมุ่งร้ายต่อกันอยู่ ไม้กางเขนรำลึกที่ถูกปักอยู่นอกบริเวณป่า Ploegsteert อันเป็นสนามฟุตบอลที่ทหารทั้งสองฝ่ายเตะบอลร่วมกันในวันคริสต์มาส ปี 1914 …
-
23 สินค้าแบบแปลกๆ จากประเทศเยอรมนี ด้วยฟังก์ชั่นที่แบบว่า… มีไว้ทำไมฟระ!?
เวลาเราพูดถึงประเทศเยอรมัน เราอาจนึกถึงประเทศที่เต็มไปด้วยความจริงจัง รถยนต์สุดหรู วิศวกรรมสุดเทพ และเบียร์สุดอร่อย ซึ่งไม่ว่าใครก็อยากจะไปเยือนซักครั้งในชีวิต แต่รู้หรือไม่ ประเทศที่จริงจังสุดๆ อย่างเยอรมัน ก็มีเรื่องราวแปลกๆ เช่นกัน อย่างเช่น 23 สิ่งของเหล่านี้ ที่รับรองว่าเพื่อนๆ เห็นแล้วต้องงงแน่นอนว่า มันมีเอาไว้ทำอะไรเนี่ย ไม่เชื่อลองไปชมกันเลย! แว่นตานอนอ่านหนังสือ หมอนคนโสด ที่คีบใบไม้แบบนุ่มนวล กล่องใส่ไส้กรอก หมวกที่เปิดขวด ถุงใส่ปัสสาวะ ถุงครอบหัวอาบน้ำ จะได้มองเห็นทุกอย่างเวลาน้ำไหลผ่านหัว แว่นขยายสำหรับเล่นสมาร์ทโฟน ไม้กางเขนสามมิติ ปลั๊กไฟตัดไฟอัตโนมัติ ปืนทำความสะอาดสุขภัณฑ์ อุปกรณ์ช่วยจับกล่องน้ำผลไม้หรือนม ที่คลายเบื่อยามเข้าห้องน้ำ นี่ก็ใช่ ที่ปิดหัวนม เมาส์ทองแท่ง ตุ๊กตาตัวตลกเต้นได้ Enrico บัวรดน้ำนกฮูก…
-
โปแลนด์เผยภาพทหารนาซีในค่าย “เอาชวิทซ์” คร่าชีวิตชาวยิวไปกว่า 1.1 ล้านคน…
ถ้าถามว่าเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งไหนเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ เชื่อว่าเหตุการณ์แรกๆ ที่หลายๆ คนนึกถึง จะต้องเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวโดยกลุ่มทหารนาซีเยอรมัน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองอย่างแน่นอน โดยในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตกว่า 6 ล้านคนเลยทีเดียว ชุดนอนลายขวางอันคุ้นเคย ล่าสุดทางการโปแลนด์ได้เผยชื่อเหล่าทหารนาซีผู้ที่ประจำการในค่ายกักกันเอาชวิตซ์จำนวน 9,686 นายออกมา ซึ่งค่ายดังกล่าวเป็นหนึ่งในค่ายกักกันที่สังหารชาวยิวและชนเผ่าเล็กๆ ในยุโรปไปกว่า 1.1 ล้านคน โดยในการเปิดเผยครั้งนี้ มีการเผยภาพของเหล่าทหารนับร้อยนายออกมาด้วย ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการเผยภาพของทหารเหล่านี้ออกสู่สาธารณะชน ค่ายเอาชวิตซ์ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี 1940 หลังจากกองทัพนาซีได้บุกยึดประเทศโปแลนด์ ช่วงแรกกองทัพนาซีได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นคุกสำหรับขังนักโทษทางการเมืองเท่านั้น แต่ภายหลังก็ได้เปลี่ยนเป็นห้องทดลองและสถานที่สังหารหมู่ชาวยิว เมื่อสงครามจบลง ทางกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรได้เข้ายึดค่ายกักกันแห่งนี้ และได้ตัดสินโทษประหารชีวิตเหล่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงในค่ายแห่งนี้กว่า 40 คน ส่วนนายทหารที่เหลือถูกสินจำคุกและได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา ซึ่งส่วนใหญ่ก็กลับไปใช้ชีวิตในประเทศเยอรมัน และนี่คือทหารนาซีทั้งหมดผู้ทำการปลิดชีวิตชาวยิวในค่ายดังกล่าว… ที่มา dailymail
-
ตำรวจจับตัวแล้ว “หนุ่มบัลแกเรีย ถีบหญิงสาวในสถานีรถไฟ” หลังคนขับรถบัสจำหน้าได้
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีคลิปๆ หนึ่งที่โด่งดังจนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วโลก นั่นก็คือคลิปวิดีโอของชายหนุ่มคนหนึ่งในสถานีรถไฟใต้ดิน ที่จู่ๆ ก็เดินเข้าไปถีบหญิงสาวตกจากบันไดแบบไร้สาเหตุ (อ่านข่าวเก่าหนุ่มบัลแกเรียถีบหญิงสาวตกบันไดโดยไร้เหตุได้ที่นี่) ล่าสุดมีรายงานว่าชายหนุ่มคนนี้ได้ถูกจับกุมตัวแล้วเรียบร้อย เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมสำนักข่าวต่างประเทศหลายๆ แห่งเช่น Dailymail หรือ Thesun ได้มีรายงานตรงกันว่านาย Svetoslav Stoykov ชาวบัลแกเรียวัย 27 ปี ได้ถูกเจ้าหน้าตำรวจที่จับกุมตัว หลังจากมีคนขับรถโดยสารคนหนึ่งจำหน้าเขาได้ จึงได้รีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาจับกุมเขาโดยทันที ตามรายงานบอกว่าหลังจากที่เขาก่อเหตุในกรุงเบอลิน ประเทศเยอรมันแล้ว เขาก็ได้เดินทางออกจากเยอรมันไปยังฝรั่งเศสเพื่อไปซ่อนตัวที่บ้านญาติๆ ของเขาในฝรั่งเศส แต่เมื่อกลับไปแล้ว เขาก็เกิดความคิดว่าการอยู่ในฝรั่งเศสน่าจะเป็นอันตรายกว่า และที่เยอรมันคงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว จึงตัดสินใจบินกลับไปยังกรุงเบอลินอีกครั้งพร้อมกับภรรยา แต่นั่นก็เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดทีเดียว เมื่อนาย Svetoslav Stoykov ได้ไปใช้บริการขนส่งสาธารณะ แต่คนขับรถบัสบอกว่าเขาได้ยินเสียงของนาย Svetoslav กำลังเถียงกับผู้โดยสารอีกรายด้วยภาษาบัลแกเรีย ซึ่งคนขับเองเป็นชาวบัลแกเรียเหมือนกัน จึงจดจำใบหน้าของเขาได้ว่าเคยก่อเหตุอะไรมา เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้ง พวกเขาก็ขนเอาเจ้าหน้าที่กว่าสิบนายมารอรับเขาที่สถานีรถบัส และสามารถเข้าจับกุมเขาได้โดยไม่มีการขัดขืนใดๆ เบื้องต้นเขาได้ถูกตั้งข้อหาทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยเจตนา และอาจถูกจำคุกระหว่าง 6 เดือนถึง 10 ปี…
-
5 เหตุผลว่าทำไม “คนเยอรมัน” ทำงานใช้เวลาน้อยกว่าชาติอื่น แต่ได้ประสิทธิภาพงานที่มากกว่า!?
โดยส่วนตัวของ#เหมียวฟิ้นเอง เคยได้มีโอกาสทำงานร่วมกับบริษัทของเยอรมันแห่งหนึ่ง ซึ่งขอบอกเลยว่าบรรยากาศการทำงานนั้นแตกต่างจากการทำงานแบบคนไทยมากๆ อย่างแรกที่เราสัมผัสได้เลยคืองานของพวกเขาจะมีประสิทธิภาพมาก เวลางานเป็นเวลางาน เวลาพักก็พักกันแบบไม่สามารถตามตัวได้เลย หากเทียบเวลาการทำงานกับบริษัทของไทยแล้ว การทำงานในบริษัทเยอรมันดูจะได้ผลงานเป็นที่น่าพอใจมากกว่า ทำไมถึงเป็นแบบนั้นไปได้? เมื่อไม่นานมานี้#เหมียวฟิ้นเพิ่งจะมีโอกาสได้อ่านบทความบทความหนึ่งของเว็บไซต์ Knote.com ที่เป็นการเปิดเผยถึงเคล็ดลับในการทำงานแบบคนเยอรมัน ว่าทำไมถึงมีประสิทธิภาพมาเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เราลองไปดูกันทีละข้อๆ เลย 1. เวลางานคือเวลาทำงาน ในวัฒนธรรมการทำงานของชาวเยอรมัน พวกเขาจะไม่ทำอะไรเลยนอกจากงาน การเล่น Facebook การนั่งเมาท์กัน การแว้บไปเปิดเว็บโน่นนี่ระหว่างทำงานแทบจะไม่ใช่วิสัยของพวกเขาเลย ในขณะที่ถ้าเป็นบ้านเรา คุณจะเห็นพนักงานจับกลุ่มคุยกัน บางคนแอบงีบแอบเล่นเกมในที่ทำงาน บางคนเดินไปเข้าห้องน้ำบ่อยครั้ง ในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2013 สำนักข่าว BBC ได้เคยทำสารคดีที่ชื่อว่า Make Me a German เกี่ยวกับหญิงสาวชาวเยอรมันที่เดินทางไปทำงานและเปลี่ยนวัฒนธรรมที่อังกฤษ แต่เธอกลับช็อคมากที่วัฒนธรรมที่นั่นแตกต่างจากบ้านเกิดของเธอโดยสิ้นเชิง “ฉันไปทำงานแลกเปลี่ยนที่อังกฤษมา ฉันทำงานอยู่ในออฟฟิศและผู้คนก็เอาแต่พูดตลอดเวลาเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของพวกเขา ‘คืนนี้ทำอะไรดี?’ และเอาแต่ดื่มกาแฟกันตลอดเวลาเลย” หญิงสาวชาวเยอรมันกล่าว 2. มุ่งเน้นเป้าหมาย สื่อสารโดยตรงเป็นสิ่งที่มีค่า ในการทำธุรกิจแบบชาวเยอรมันจะมีการกำหนดเป้าหมายที่เข้มข้นมาก และมีการสื่อสารกันโดยตรงโดยไม่เกี่ยงว่าคนที่เราต้องสื่อสารด้วยจะมีตำแหน่งที่สูงหรือต่ำกว่าเรา เมื่อลองย้อนมาดูการทำงานในสไตล์ไทยๆ แบบบ้านเรา เราจะมีการพูดคุยกันแบบกลุ่มเล็กๆ…
-
ภาพถ่ายจากประวัติศาสตร์เยอรมนี เผยให้เห็นวิถีชีวิตของฝั่ง ‘นาซี’ ที่ถูกปิดไว้มานาน
สำหรับเรื่องราวของ ‘นาซี’ ในอดีตแล้ว อาจจะไม่เป็นที่น่าจดจำของคนเยอรมันในปัจจุบันมากนัก แต่ครั้งนึงกองทัพของ ‘อดอล์ฟ ฮิตเลอร์’ เคยยิ่งใหญ่ถึงขนาดที่ว่าเกือบจะครองโลกได้สำเร็จ ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นซะก่อน จากเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะได้เห็นภาพความโหดร้ายที่กลุ่มทหารนาซี กระทำกับชาวยิว จนเกิดเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ว่าแต่มีใครเคยเห็นภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของฝั่งนาซีบ้างมั้ยเอ่ย? เราตามไปดูภาพถ่ายสะท้อนเรื่องราวความยิ่งใหญ่ของทหาร และประชาชนชาวเยอรมันในยุคนาซีกันเลย… ฮิตเลอร์ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ให้กับราชสภาเยอรมัน ในวันที่ 6 ตุลาคม ปี 1939 ทำให้ต่อมาหลายคนคล้อยตาม และยอมเป็นส่วนหนึ่งของการกอบกู้ชาติในครั้งนี้ ชาวเมืองเยอรมันตะวันออก เริ่มเดินทางไปตั้งถิ่นฐานใหม่ โดยได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลของฮิตเลอร์ ปี 1939 ช่วงที่สงครามยังไม่รุนแรงมากนัก มีการแข่งขันฟุตบอลลีคในเยอรมัน โดยปีนี้ได้ทีมชาลเก้ ขึ้นนำเป็นแชมเปี้ยนประจำลีก เหตุการณ์ในเเชคโกสโลวาเกีย ปี 1939 ที่ดูเหมือนจะค่อยๆ รุนแรงมากขึ้น เมื่อร้านค้า หรือบ้านเรือนของชาวยิว ต่างถูกโจมตีอย่างหนัก และไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ การประกาศยอมแพ้ต่อทหารเยอรมันของชาวโปแลนด์ ฮิตเลอร์เข้าไปเยี่ยมเยียนฐานทัพอากาศ ‘Luftwaffe’ ซึ่งมีทหารนายหนึ่งได้นำนกอินทรีย์ที่แกะสลักจากไม้ นำมามอบให้เป็นของขวัญ ปี 1939…
-
สายการบิน ตปท. เตรียมเปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศที่สั้นที่สุด ใช้เวลาบินเพียงแค่ 8 นาที!?
พูดถึงเรื่องของการโดยสารเครื่องบินไปยังจุดหมายปลายทาง แน่นอนว่ามันต้องเร็วกว่าการเดินทางบนพื้นดินอยู่แล้ว โดยส่วนมากจะเร็วที่สุดก็ประมาณ 1 ชั่วโมงสำหรับเส้นทางการบินภายในประเทศ หรืออาจจะน้อยกว่านั้นลดลงไปเป็นหลักสิบนาที แต่สำหรับเส้นทางการบินระหว่างประเทศนั้นอย่างเร็วที่สุดก็เป็นหลักชั่วโมง แต่ตอนนี้คุณรู้มั้ยว่า สายการบินต่างประเทศกำลังจะเปิดเที่ยวบินใหม่ ที่ใช้เวลาบินระหว่างประเทศน้อยมาก เพียงแค่ 8 นาทีเท่านั้นเอง!! สายการบินสัญชาติออสเตรีย People’s Viennaline เตรียมที่จะเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศใหม่ล่าสุด โดยจะเริ่มบินวันที่ 2 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ บินจากเมืองเซนต์ กาลเลิน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ไปยังเมืองเฟรดิกชาเฟน ประเทศเยอรมนี ทำไมเที่ยวบินนี้จึงเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศที่สั้นที่สุด? นั่นก็เพราะด้วยระยะทาง 13 ไมล์ (ประมาณ 20 กิโลเมตร) จะใช้เวลาในการบินเพียงแค่ 8 นาทีเท่านั้นเอง ค่าเดินทางจะอยู่ที่ 34 ปอนด์ (40 ยูโร – ประมาณ 1,500 บาท) เมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยรถยนต์แล้ว จะต้องขับอ้อมทะเลสาบ Constance เพื่อไปยังจุดหมายปลายทางนั้น ในระยะ 77 กิโลเมตร…
-
รีสอร์ตร้างที่ “นาซี” เคยสร้างไว้เมื่อสงครามโลก กำลังจะเปลี่ยนเป็นที่พักสุดหรูแล้ว!!
สามปีก่อนที่เยอรมนีจะบุกเจ้าไปที่โปแลนด์ในปี 1939 อะดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำของนาซีได้สั่งให้สร้างรีสอร์ตสำหรับนักท่องเที่ยวให้ตั้งอยู่ที่ชายหาดบนเกาะ Rügen แล้วตั้งชื่อให้ว่า Prora ที่แห่งนี้รองรับได้กว่า 20,000 ครัวเรือนในเวลาเดียวกัน ซึ่งมันเหมาะสำหรับคนเยอรมันที่อยากจะมาพักผ่อนในที่สบายๆ แห่งนี้ แต่เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองอุบัตขึ้น ที่แห่งนี้จำเป็นต้องหยุดสร้างชั่วคราว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้สร้างต่อ.. ในปี 1936 เยอรมนียังมีคอนเซ็ปต์ที่ให้ผู้คนได้มารวมตัวกันอยู่ หรือที่เรียกว่า “volksgemeinschaft” จากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เยอรมันรวมตัวกันได้ ในระหว่างที่กำลังพัฒนาเรื่องรัฐตำรวจนาซี พวกเขาต้องการที่จะรวมผู้คนได้ และ Prora ก็คือสิ่งนั้น ที่แห่งนี้ใช้เวลากว่า 3 ปีในการสร้าง โดยมีคนงานกว่า 9,000 คนช่วยกันตลอดความยาวหาด 3 กิโลเมตรกว่าๆ ดูแค่ภาพอาจจะตัดสินอะไรไม่ได้ เพราะของจริงมันใหญ่มากๆ เป็นสิ่งก่อสร้างที่คาดไม่ถึงเลยจริงๆ แต่เมื่อจักรวรรดิไรซ์ที่ 3 ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากในยุโรป ทำให้คนงานกลับไปที่โรงงานเดิม ทิ้ง Prora ไว้ทั้งๆ ที่ยังไม่เสร็จ ความฝันของนาซีก็หยุดชะงักลง จากหนึ่งปีก็เป็นหลายสิบปี.. จนกระทั่งเมื่อปี 2013…
-
มีความเก๋า!! คุณปู่ฮิปสเตอร์วัย 70 ปี กับแฟชั่นการแต่งตัวชิคจนหลานๆ ยังยกนิ้วให้
หนึ่งในกระแสการแต่งตัวที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่วัยรุ่นคงจะหนีไม่พ้น “ฮิปสเตอร์” อย่างแน่นอน เรียกว่าไปทางไหนก็เห็นแต่คนแต่ตัวสไตล์นี้จริงๆ แต่อย่าไปคิดว่าจะมีแต่วัยรุ่นเท่านั้นที่ชื่นชอบกระแสฮิปสเตอร์ เพราะวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับคุณปู่วัยร่วมร้อยคนหนึ่ง ที่มีความฮิปสเตอร์ไม่แพ้รุ่นหลานๆ เลย คุณปู่ท่านนี้มีชื่อว่า Günther Krabbenhöft วัย 70 ปี จากประเทศเยอรมนี เขาเริ่มมีชื่อเสียงหลังจากมีคนถ่ายภาพสไตล์การแต่งตัวของเขามาโพสลงอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีความฮิปแบบต่างไปจากคนวัยเดียวกันเลยล่ะ เขาบอกว่า เขาไม่ได้เกาะกระแสฮิปสเตอร์ที่กำลังโด่งดังในปัจจุบันแต่อย่างใด เพราะเขาแต่งตัวแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ว่าจะไปทำงานหรือออกกำลังกายก็แต่งแบบนี้ ทุกครั้งที่เขาได้แต่งตัวเท่ๆ ก็ทำให้เขามีความสุข แถมยังเป็นการสะท้อนตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมาด้วย . ที่น่าตลกยิ่งกว่าก็คือ เมื่อชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้นมาบนโลกอินเตอร์เน็ต สื่อหลายๆ แห่งก็แต่งเติมเรื่องราวมั่วๆ เข้าไปเช่นบอกว่าเขาอายุหลักร้อยบ้าง ทั้งที่ความจริงแล้วเขาอายุเพียง 68-70 ปีเท่านั้น ซึ่งมันก็ดูน่าตลกดี ลองไปชมความชิคของคุณปู่กันดีกว่า . . . . . . รสนิยมไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุจริงๆ สุดยอดไปเลยฮะ ใครสนใจอยากนำสไตล์ของคุณปู่ไปปรับใช้บ้างก็ไม่ว่ากันนะ รับรองว่าเท่ฝุดๆ แน่นอน ใครที่สนใจสามารถไปติดตามคุณปู่กันได้ที่เฟซบุ๊ค www.facebook.com/gunther.krabbenhoft กันได้เลยนะครับ……
-
คนจะดังช่วยไม่ได้!! เด็กกาญจนบุรีจับพลัดจับผลู ได้ถ่ายแบบลงนิตยสาร GQ Germany ซะงั้น!!
กลายเป็นเรื่องราวที่ชวนให้เรารู้สึกยินดีไปด้วยเลย เพราะล่าสุดมีข่าวคราวว่ามีกองถ่ายนิตยสารชื่อดังจากประเทศเยอรมันเดินทางมาถ่ายภาพแฟชั่นที่ประเทศไทย แต่ดันไปเตะตาเข้ากับหนุ่มน้อยคนหนึ่ง จึงทาบทามมาเป็นนายแบบเดี๋ยวนั้นเลย!? เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กเพจของคุณ หนูน้อยบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยบอกว่าดีไซน์เยอร์ชื่อดัง Kim Jones และทีมงานจากนิตยสาร GQ Germany ได้ยกกองกันมาถ่ายแบบที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี แต่ในระหว่างที่กำลังถ่ายแบบอยู่นั้นเอง พวกเขาก็ดันไปเห็นเด็กหนุ่มคนนึงเข้า มีผิวสีน้ำผึ้งและโครงหน้าที่สวยงาม ทางทีมงานจึงจับเด็กหนุ่มคนนั้นมาทดสอบหน้ากล้องและเปลี่ยนเสื้อผ้าถ่ายมันเดี๋ยวนั้นเลย!! ซึ่งชุดที่ใส่ถ่ายแบบก็ไม่ใช่ไก่กา แต่เป็นเสื้อผ้าจากแบรนด์ Louis Vuitton เลยทีเดียว และนี่คือหน้าตาของดีไซน์เนอร์ Kim Jones ที่ว่าล่ะ เคยมาไทยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2016 ด้วยล่ะ เรียกได้ว่าดังแบบฟ้าผ่าเลยนะเนี๊ยะ หลังจากนี้ไปขอให้โด่งดังและมีงานถ่ายแบบเข้ามาเยอะๆ นะจ๊ะ ที่มา stephandimu , gq_germany , หนูน้อยบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ
-
Academic Fencing ประเพณีสุดเดือดของชาวเยอรมันในอดีต กินเหล้าแล้วดวลดาบให้ได้แผล!!!
ถ้าพูดถึงเรื่องประเพณีดังๆ ของทางประเทศเยอรมนีล่ะก็ หลายๆ คนคงนึกถึงเทศกาล Oktoberfest หรือเทศกาลดื่มเบียร์อันดับ 1 ของโลกกันใช่มั้ยล่ะ?? แต่ในอดีตยังมีประเพณีสุดโหดร้ายประเภทหนึ่งอยู่ และวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกัน Academic Fencing หรือการดวลดาบทางวิชาการระหว่างนักศึกษา เป็นที่นิยมในเหล่านักศึกษาชาวเยอรมันและออสเตรีย ถึงขั้นเลือดตกยางออกกันเลยทีเดียว แม้กระทั่งในปัจจุบันเราก็ยังสามารถเห็นรอยแผลบนใบหน้าของผู้ใหญ่บางคนอยู่!!! สำหรับประเพณีนี้เป็นที่นิยมมากๆ ในศตวรรษที่ 19 และถึงประเพณีนี้จะไม่โหดร้ายเท่ากับการดวลดาบในอดีตจริงๆ ซึ่งนั่นหมายถึงชีวิตของผู้แพ้ แต่การดวลดาบทางวิชาการนี้จะมีเครื่องป้องกันที่น้อยกว่า!!! กิจกรรมนี้จะเริ่มจากการที่นักศึกษามาร่วมกินและดื่มด้วยกัน และในที่สุดก็ตัดสินใจดวลดาบกัน!!! และส่วนมากมักจบลงด้วยการที่มีบาดแผลกันตามใบหน้าและลำคอ และบาดแผลยังถือเป็นรอยแห่งศักดิ์ศรีด้วยนะเออ การมีรอยบาดแผลตามใบหน้าหรือลำคอเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ และเป็นเรื่องปกติในสังคมวิชาการ เครื่องป้องกันน้อยชิ้น และมักจบลงด้วยการมีบาดแผลตามใบหน้าและลำคอ และแม้กระทั่งในปัจจุบันก็ยังสามารถเห็นผู้ใหญ่บางคนที่มีบาดแผลเหล่านี้อยู่!!! อย่างไรก็ดีตอนนี้ประเพณีนี้ไม่ได้รับความนิยมเท่าสมัยก่อนแล้วนะจ๊ะ สบายใจกันได้สำหรับคนที่อยากไปเรียนประเทศนี้กัน ไม่ต้องกลัวเสียโฉมแล้ววว อิอิ แต่ถ้าในมุมมองของเหมียว เหมียวว่าก็คงเริ่มเรื่องจากการดื่มและกินด้วยกันนั่นแหละ และอาจจะเกิดผิดใจกันขึ้น ถึงจะดูโหดร้าย แต่ก็คงเป็นวิธีการเคลียปัญหาแบบแมนๆ ในยุคนั้นแหละเนาะ >< ที่มา: Viralnova
-
เยอรมนีเจ๋ง สร้าง “ทางจักรยาน” ยาวกว่า 100 กิโลเมตร เอาใจนักปั่นโดยเฉพาะ!!
ถ้าพูดถึงถนนในประเทศเยอรมนีแล้ว หลายคนคงรู้จักถนนที่ชื่อว่าออโต้บอห์น เป็นถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ที่รถวิ่งกันอย่างอิสระในความเร็ว แต่ครั้งนี้เยอรมนีก็ได้สร้างถนนอีกเส้นหนึ่งขึ้นมา แต่เอามาให้จักรยานได้วิ่งกันอย่างอิสระบ้าง ทางการได้สร้างถนนให้สำหรับจักรยานเท่านั้นเป็นระยะทางกว่า 100 กิโลเมตร เรียกได้ว่าเป็นถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ได้เลย แต่ตอนนี้มีให้ปั่นไปก่อน 5 กิโลเมตร เรียกน้ำย่อย ถนนไฮเวย์นี้จะเชื่อมโยงทั้งหมด 10 เมืองด้วยกัน ทั้งเมืองที่สำคัญอย่าง Duisburg, Bochum และ Hamm ซึ่งทางเหล่านี้จะสร้างไว้ข้างๆทางรถไฟร้างที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว Martin Toennes กลุ่มนักพัฒนาส่วนภูมิภาคของ RVP ได้บอกว่ามีผู้คนกว่า 2 ล้านคนอาศัยอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ และสามารถใช้เส้นทางเหล่านี้ได้ อาจทำให้ลดรถยนต์บนถนนไปได้ถึง 50,000 คันเลยทีเดียว ที่มา afp.com
-
น้ำตาจะไหล!! ชมโฆษณาจากเยอรมนี เล่าเรื่องราวชายชรารอคอยลูกๆกลับบ้านวันคริสต์มาส
ในวัยเด็กเรามักจะไม่ทันคิดว่าการอยู่บ้านกับพ่อแม่นั้น เป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุดแล้ว แต่พอโตขึ้น ถึงวัยที่ต้องมีหน้าที่ มีงานที่ต้องทำเพื่อหาเลี้ยงตัวเองและคนอื่น ในตอนนั้นคนที่บ้านจะรู้สึกอย่างไร เมื่อเราไม่ได้อยู่ทานอาหารพร้อมกันเหมือนวันก่อนๆ ในทุกๆเทศกาล ก็ต้องมีช่วงเวลาที่ครอบครัวต้องกลับมาพบหน้ากัน แล้วมากินข้าวในโต๊ะเดียวกัน พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องเก่าๆ ถือเป็นสิ่งๆดีๆที่ทำให้ครอบครัวกลายเป็นครอบครัว ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม วันนี้ไปเจอโฆษณา EDEKA จากประเทศเยอรมนี เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชายชราที่อยู่บ้านคนเดียว หลังจากที่ลูกๆมีงานทำในต่างที่กัน ทำให้เขาต้องอยู่บ้านคนเดียว เมื่อถึงเทศกาลวันคริสต์มาส เขาอยากให้ลูกๆกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เราไปชมคลิปซึ้งๆอันนี้กันเลย ใครที่ทำงานใกล้บ้านก็ลองหาโอกาสไปหาท่านบ้างนะ ไม่ต้องถึงกับไปบ่อยก็ได้ เหมียวเชื่อว่าแค่ท่านได้เห็นหน้าเราก็หายคิดถึงแล้วล่ะ ที่มา EDEKA
-
รู้จักกับ Maren Schiller นักกรีฑาสาวชาวเยอรมัน หน้าท้องสวย ผมบลอนด์พราวเสน่ห์!!
พลพรรคผู้รักการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาคงจะชื่นชอบเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหนุ่มๆ ทั้งหลาย เพราะในคราวนี้เหมียวจะพาไปรู้จักกับนักกรีฑาสาวแสนสวยจากแดนเบียร์ตะวันตกเยอรมัน เธอผู้นี้มีชื่อว่า Maren Schiller เป็นนักกรีฑามืออาชีพ แถมยังมีหน้าตาและหน้าท้องที่ อื้อหือ!! แม่เจ้าโว้ย กันเลยทีเดียว ด้วยรูปร่าง ผมบลอนด์ ใบหน้า ดวงตาสีฟ้าและหน้าท้องอันสวยเด่น ทำให้เธอโด่งดังสุดขีด มีผู้ติดตามในอินสตาแกรมสูงถึง 67,000 คน โอ้ยยยย!! สวยแถมยังเป็นนักกีฬาด้วย แบบนี้หนุ่มๆ จะไม่หลงรักได้ยังไง ว่าแล้วก็ทำให้อยากไปวิ่งทันที อิอิ นอกจากวิ่งในลู่แล้วก็ต้องเสริมพลังด้วยการเข้าฟิตเนส หุ่นดีมากกกกก!! รอยยิ้มใสๆ โอ้ยยยย!! ยิ่งเห็นก็ยิ่งใจละลาย เอาเป็นว่าถ้าหากใครอยากจะติดตามความฟิตแอนด์เฟิร์มและความสวยของเธอ ก็ไปตามกันได้ที่ @maaren_xx กันได้เลยจ้า ที่มา : thechive
-
เชรดโด้!! เหมียวชวนหวาดเสียวไปกับ สะพานแขวนในเยอรมัน เสียวไปยันท้องน้อย
เมื่อไม่กี่วันก่อนหากใครยังจำกันได้ แอดเหมียวได้เคยนำเสนอเรื่องราวของสะพานกระจกในจีนสุดหวาดเสียวไป ดูเหมือนว่าจะมีสะพานอีกแห่งหนึ่งในเยอรมัน ขอมาประชันความเสียวด้วยแล้วล่ะ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่านักท่องเที่ยวต่างพากันเดินทางไปท่องเที่ยวในหุบเขา Geierley ประเทศเยอรมัน เพื่อชมความสวยงามและหวาดเสียวของสะพานแขวน ที่มีความสูงจากพื้น 91 เมตร และมีความยาวกว่า 365 เมตร สะพานแห่งนี้ถือเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้เข้าชมเป็นอ่างมาก โดยทางการเยอรมันคาดไว้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าชมกว่า 170,000 คนและสร้างเม็ดเงินได้กว่า 1.8 ล้านดอลลาร์ต่อปีเลยทีเดียว ที่มา metro
-
ความสยอง ณ ประเทศเยอรมนี กับขบวนพาเหรดของเหล่าซอมบี้ พร้อมขยี้เหยื่อผู้เคราะห์ร้าย!!
คนเรามักจะมีความชื่อนชอบที่แตกต่างกัน แต่อย่างน้อยความชื่นชอบของเราก็จะต้องมีผู้ที่มีรสนิยมเหมือนกันอยู่บ้างแหละ อย่างเช่นผู้คนที่หลงใหลในตำนานความสยองขวัญของเหล่าผีดิบเดินดิน ‘ซอมบี้’ เหล่านี้นั่นเอง!! ผู้คนที่ชื่นชอบซอมบี้ได้มารวมตัวกัน ณ เมือง Duesseldorf ประเทศเยอรมนี พร้อมกับแต่งองค์ทรงเครื่องเปลี่ยนร่างตัวเองให้กลายมาเป็นผีดิบ ถ่ายทอดอารมณ์ความสยองได้สมจริงมาก!! โดยการเดินขบวนพาเหรดนี้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ผู้คนที่ชื่นชอบและหลงใหลในสิ่งเดียวกันก็จะมารวมตัวกันเพื่อกลายร่างมาเป็นซอมบี้ และร่วมเดินขบวนยกทัพความสยองไปทั่วเมืองเลย ฝีมือการแต่งหน้า และชุดคอสตูมของแต่ละคนถือว่าจัดเต็มสุดๆ ถ่ายทอดลักษณะและอารมณ์ของซอมบี้ได้เป็นอย่างดี ถ้าเกิดมาเดินตอนดึกๆ มีหวังหนีกันกระเจิงแน่นอน ฮ่าฮ่า!! ที่มา : gettyimages, bdcwire, acidcow
-
ลีลาลูกเตะ Scorpion Kick จากลีคเยอรมัน ท่าไม้ตายพิชิตประตูอย่างสวยงาม!!
พักผ่อนชมกีฬามันๆ กันบ้างเนอะพี่น้องชาวเหมืยว ในที่นี้มีใครติดตามกีฬาฟุตบอลกันบ้าง ส่วนใหญ่แล้วก็คงจะดูแต่ลีคอังกฤษเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่คราวนี้เราลองมาดูลีคเยอรมันกันบ้าง มีทีเด็ดไม่แพ้ลีคอังกฤษเลยนะ!! ผลงานทำประตูอันสุดยอดและสวยงามที่สุดของปีนี้เลยก็ว่าได้ เมื่อ Carsten Kammlott จากสโมสร Erfurt ได้จังหวะเด็ดหน้าประตูจากส่งลูกของเพื่อน พิชิตประตูด้วยลูกเตะ Scorpion Kick เข้าไปอย่างสวยงาม!! ดูกันอีกมุมชัดๆ ท่าไม้ตายสุดยอดจริงๆ ผู้รักษาประตูเจอท่านี้เข้าไป เดาทางแทบไม่ออกกันเลยทีเดียว เป็นเหมียวเองก็คงรู้สึกช็อคเหมือนกันนะ ฮ่าฮ่า!! ที่มา : thechive
-
ไปดูวิวัฒนาการความงามของ “สาวเยอรมัน” ใน 100 ปี ที่ผ่านมา
ถ้าพูดถึงประเทศเยอรมนีแล้ว เราคงไม่ค่อยได้นึกถึงเรื่องแฟชั่นการแต่งกายกันสักเท่าไหร่ เพราะเราไม่ค่อยได้รับสื่อหรืออิทธิพลจากเยอมันมากเท่าไหร่นัก วันนี้เหมียวจึงพาทุกท่านมาย้อนประวัติศาสตร์ชาติเยอรมันโดยนำเอาแฟชั่นความสวยความงามตั้งแต่ 100 ปีที่แล้ว รวบรวมและจัดทำโดย Cut Video เราไปดูกันว่าผู้หญิงเยอรมันเขามีวิวัฒนาการทางด้านนี้ยังไงกันบ้าง เริ่มจากยุค 1910 1920 มาเรื่อยๆ จนถึงยุกที่เยอรมนีแบ่งเป็นสองฝั่งคือ เยอรมนีตะวันออกและเยอรมนีตะวันตก ในยุค 1950 แล้วก็กลับมาเป็นเยอรมนีอีกครั้งในยุค 1990 เราไปดูเป็นคลิปกันเลยดีกว่า ที่มา Cut Video
-
อย่างโหด!! หนุ่มเมืองเบียร์โดยศาลสั่งปรับ หลังวางยาแฟนสาวเพื่อเล่นเกมแบบชิวๆ
เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่า หนุ่มชาวเยอรมันวัย 23 ปี ได้ถูกศาลสั่งปรับเป็นจำนวนเงิน 500 ยูโร หรือประมาณ 18,800 บาท ฐานวางยากล่อมประสาทแฟนตัวเองเพื่อจะได้เล่นเกมตลอดทั้งคืน ตามรายงานบอกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2014 ในขณะที่แฟนสาวกลับมาบ้าน เธอเห็นว่าชายหนุ่มกำลังเล่นเกม Playstation อยู่กับเพื่อนๆ และเพื่อให้การเล่นเกมเป็นไปอย่างราบรื่น เขาจึงชงชาให้แฟนของเขา โดยหยดยากล่อมประสาทลงไปเพื่อให้เธอหลับ ชายหนุ่มได้ให้การต่อศาลในเมืองคัสทรอพ-เราเซิล ว่า “ผมแค่หยดมันลงไปในถ้วยชาของเธอแค่ 4-5 หยดเท่านั้น” หลังจากนั้นหญิงสาวก็หลับไป และตื่นอีกครั้งในช่วงเที่ยงของอีกวัน เธอยังได้บอกอีกว่าด้วยฤทธิ์ของยา ทำให้เธอต้องสัปหงกตลอดเวลาที่เธออยู่ที่ทำงาน สุดท้ายชายหนุ่มรายดังกล่าวก็ถูกศาลสั่งปรับ และแม้ว่าจะไม่มีใครได้รับอันตรายจากเหตุการณ์นี้ แต่ศาลก็ให้การว่า “มันคือการทำร้ายร่างกายโดยไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าแน่นอน” ที่มา metro
-
คณะกรรมการจริยธรรมในเยอรมันอยากให้ ‘ความรักระหว่างพี่น้อง’ เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย
เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่า สภาจริยธรรมแห่งชาติของเยอรมันได้ร่วมหารือกันและเรียกร้องให้ ‘ความรักระหว่างพี่น้อง’ เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่พี่น้องอยู่กินด้วยกันและมีลูกด้วยกันถึง 4 คน แม้ว่าการให้กำเนิดทารกจากพ่อแม่ที่มีสายเลือดเดียวกันจะมีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดความผิดปกติทางร่างกายหรือไม่สมประกอบได้ แต่ทางคณะกรรมการก็ได้ออกมายืนยันว่ามันมีความเสี่ยงไม่มากพอที่จะกลายเป็นความผิดทางอาญา คณะกรรมการได้ยกกรณีตัวอย่างของนาย Patrick Stuebing ที่ถูกอุปการะเลี้ยงตอนอายุ 20 จากผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วทั้งคู่ก็เริ่มมีความสัมพันธ์ต่อกัน แต่ปรากฏว่าหญิงสาวรายนั้นกลับเป็นพี่สาวแท้ๆของตัวเอง เขาถูกจำคุกเป็นเวลา 3 ปี ในปี 2008 และเสียสิทธิ์ในการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสิทธิมนุษยชนของยุโรปสำหรับครอบครัวของเขาในปี 2012 ภายใต้กฎหมายของเยอรมันในปัจจุบัน ยังถือว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายและสามารถถูกลงโทษโดยการจำคุกได้ถึง 2 ปีด้วยกัน เมื่อเร็วๆนี้ได้มีการลงคะแนนโดยสภาจริยธรรมโดยมีผู้เห็นด้วยกับการยกเลิกกฎหมายดังกล่าวถึง 14 คน และอีก 9 คนไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว ในขณะที่อีก 2 คนงดออกเสียง เมื่อวันพุธที่ผ่านมา มีคำแถลงการณ์จากสภาจริยธรรมออกมาว่า “การมีความรักกันระหว่างพี่น้องเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากในสังคมตะวันตก แต่พวกเขาก็ได้อธิบายว่าสถานการณ์ของพวกเขามันยากแค่ไหนในแง่ของการลงโทษ พวกเขารู้สึกว่าถูกจำกัดเสรีภาพและถูกบังคับให้ต้องปกปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ” ที่มา metro *ภาพในบทความนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับเนื้อหา*