Tag: เรื่องเล่า
-
10 เรื่องเล่า “ประสบการณ์วันฮาโลวีน” แบบแปลกๆ จากชาวเน็ต อยากเล่นบ้างเลย!!
เทศกาลวันฮาโลวีนนั้นนับว่าอีกเทศกาลหนึ่งที่ชาวตะวันตกมีการละเล่นและการเฉลิมฉลองกันมาตั้งแต่สมัยก่อน แน่นอนว่าเมื่อมีการละเล่นเกิดขึ้นทุกปี มันก็จะต้องมีบางปีที่ใครบางคนพบกับประสบการณ์วันฮาโลวีนแบบแปลกๆ ฮาๆ กันบ้างไม่มากก็น้อย วันนี้เราได้รวมเรื่องราวจากชาวเน็ตที่ออกมาเล่า ประสบการณ์วันฮาโลวีนฉบับฮาๆ ให้เราได้ฟังกัน จะฮาขนาดไหนและมีเรื่องอะไรบ้าง เราไปฟังพร้อมๆ กันเลย! 1. ช่วงยุค 80s นั้นวันฮาโลวีนยังไม่เป็นที่รู้จักในเยอรมันเท่าไหร่ พวกเรายังเด็กจึงพยายามริเริ่มเทศกาลนี้ในละแวกบ้านของตัวเอง ปรากฏว่าคุณยายคนหนึ่งโทรแจ้งตำรวจ และพวกเราก็ถูกสอบสวน คิดดูสิ เด็กอายุ 10 ขวบถูกสอบสวนขณะสวมชุดมนุษย์หมาป่าที่ทำขึ้นเอง 2. ฉันแต่งตัวเป็นผู้พยากรณ์ในงานปาร์ตี้ของมหาวิทยาลัย ชายคนหนึ่งก็เข้ามาหาฉันแล้วบอกให้ฉันอ่านลายมือของเขา ฉันบอกเขาไปว่าเขาจะเมาและมีความสุขในงานนี้ อีกราวๆ ชั่วโมงหนึ่งเขากลับมาพร้อมบอกฉันว่า “ตรงเผงเลยแฮะ” แล้วก็ฟุบลงกับโต๊ะ 3. มีเด็กคนหนึ่งมาเคาะประตูบ้านฉัน ดึกกว่าเด็กคนอื่นๆ เด็กคนนั้นแต่งกายด้วยชุดสีแดงแถมไม่พูดว่า “Trick or treat” อีกด้วย แต่เขากลับพูดว่า “ผมคือประจำเดือนของคุณ ขอโทษทีที่มาช้าไปหน่อย” 4. ฉันเคยอยู่ในงานปาร์ตี้ที่คน 2 คนแต่งกายเป็น Hillary Clinton และ Donald Trump และทั้งคู่ก็เริ่มทำกิจกรรมทางเพศกัน……
-
เส้นทางรักระหว่างสาวไทยกับหนุ่มอังกฤษ สวีทหวานจนหลายคนต้องอิจฉา!!
เวลาเรามีความรัก บางครั้งเราอาจจะไม่เคยรู้ตัวเลยว่ามันเกิดขึ้นมาตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตกันและกันไปแล้ว และโอกาสที่เกิดขึ้นกับคนใกล้ๆ ตัวน่าจะมีมากกว่า แต่สำหรับเธอแล้วหนุ่มคนรักของเธอมาไกลจากอังกฤษเลยแน่ะ!! คุณ Maywadee Sanusant (เม) ได้แชร์เรื่องราวความรักของเธอและแฟนหนุ่ม เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา เพื่อบอกเล่าว่า เธอได้พบกับแจ็คอย่างไร เรื่องราวอาจจะไม่ได้สวยหรูเท่าที่หลายคนคิด แต่พอได้อ่านทั้งหมดแล้วอมยิ้มน่ารักไม่หยอกเลยล่ะ “บอกแล้วว่าวันนี้ว่างมากกกก เมทำสตอรี่ขึ้นมาว่า “เมกับแจคเจอกันได้ยังไง” เห็นหลายๆคนถาม วันนี้เมทำให้ดูแล้วน้า อาจไม่หวานเส้นทางไม่สวยหรู แต่ก็ตั้งใจเล่าให้ฟังเด้อ อ่านกันได้ตามสบายเด้อ 555555” . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .…
-
เรื่องราวดีๆ ท่ามกลางความโชคร้าย ของเหล่าสัตว์จากศูนย์พักพิง
ศูนย์พักพิงเป็นสถานที่สำหรับสัตว์จรจัดและสัตว์ที่ถูกทิ้ง ถ้าให้เลือกจริงๆ ก็คงไม่อยากมีสัตว์ตัวไหนมาอยู่ที่นี่หรอก อยู่บ้านกับเจ้าของดีกว่ากันเป็นไหนๆ ทว่าในศูนย์พักพิงเองก็เป็นสถานที่ที่พลิกชีวิตของสัตว์หลายตัวให้ดีขึ้นเช่นกัน ถือเป็นความโชคดีของพวกมันที่ได้เจอเรื่องอุ่นใจท่ามกลางความโหดร้ายของชีวิต เหมือนกับที่สัตว์พวกนี้ได้เจอ 1. แม่หมา Ohana กับลูกน้อยต่างสายเลือด แม่หมา Ohana อยู่ในศูนย์พักพิง Trio Animal Shelter มันไม่ได้ท้อง แต่ก็มีลูกถึง 2 ตัวด้วยกัน ซึ่งเป็นลูกหมากำพร้าในศูนย์พักพิงที่มันเป็นคนดูแลเอง มันรักลูกหมาทั้ง 2 ตัวเหมือนเป็นลูกแท้ๆ ทำให้ลูกหมาได้มีครอบครัวแม้จะยังไม่มีคนรับไปเลี้ยง 2. หมาหูหนวกกับเพื่อนใหม่หัวอกเดียวกัน เจ้า Walter จากศูนย์พักพิง Pasadena Humane Society เป็นหมาหูหนวก ทำให้มันน่าจะมีโอกาสถูกรับเลี้ยงน้อยลง แต่ความพิการของมันทำให้มันได้เจอกับ Julia Vasquez เด็กหญิงหูหนวกที่ตามหาสุนัขสักตัวไปเป็นสุนัขคู่ใจ พอเธอได้เจอเพื่อนหัวอกเดียวกันเธอก็รู้สึกผูกพันกับมันแล้วรับมันไปเลี้ยงทันที 3. ทริปเที่ยวเล่นหิมะของเจ้า Natalie ถึงจะยังไม่มีใครมารับพวกมันไปเลี้ยง อาสาสมัครจาก City Dogs Cleveland ก็รู้ดีว่าพวกหมาไม่อยากอุดอู้อยู่ในกรงอย่างเดียว พวกเขาก็เลยพาพวกมันออกมาเดินเล่นท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยหิมะฤดูหนาว Natalie เองก็เป็นหนึ่งในหมาที่ได้ออกมาเที่ยวเล่นเหมือนกัน โอกาสครั้งนี้ทำให้มันได้สัมผัสกับความรู้สึกเหมือนมีเจ้าของมาเที่ยวเล่น…
-
จริงอ๊ะป่าว… ชาวเน็ตเผยประสบการณ์ลอง ‘ทำงานผ่านเน็ต’ รายได้ดี 640,000 บาท/เดือน
การใช้ชีวิตบนโลกอินเทอร์เน็ต คุณจะได้พบเจอกับบรรดาโฆษณาหลากหลายรูปแบบ ทั้งที่เป็นจริงบ้างก็มี เรื่องหลอกลวงก็เยอะ เรื่องชวนเชื่อที่รอวันพิสูจน์ก็เช่นกัน… ในช่วงที่ผ่านมาตามโลกโซเชียลในอาณาเขตไทย คุณจะได้เห็นโฆษณาชวนไปทำงาน งานง่ายๆ แค่เล่นเน็ตก็ได้ตังค์ และสุดท้ายก็มาในรูปแบบธุรกิจเครือข่าย MLM (หัวกินหาง ขายของราคาแพง) และรูปแบบโฆษณาชวนเชื่อดังกล่าวก็มีในต่างประเทศเช่นกัน แต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงกันมากนัก จนแทบจะไม่รู้เลยว่า จริงแล้วงานสบายรายได้ดีแบบนี้ มันทำกันยังไง มันได้ตังค์จริงรึเปล่า จำนวนเงินต่อเดือนอะไรมันจะเยอะขนาดนั้น และจะต่างจากประเทศไทยหรือไม่? ชาวเน็ตจาก Reddit จึงตั้งคำถามขึ้นมาว่า มีใครบ้างที่เคยลองไปทำตามโฆษณารายได้เสริม 10,000 ดอลลาร์ต่อเดือนบ้าง? (ประมาณ 320,000 บาท) และมีคำถามทั้งหมด 5 ข้อต่อไปนี้ 1) แนวคิดที่อยู่เบื้องหลังกลอุบายนี้คืออะไร? 2) ได้ลองทำตามคำแนะนำด้วยหรือไม่? 3) ผลออกมาเป็นยังไง? 4) บริษัทเหล่านี้ได้เงินจากคุณมายังไง? 5) แล้วคุณออกมาทำไม? และแล้วก็มีผู้กล้าในนามแฝง WildFireTamer มาให้คำตอบ… และทั้งหมดนี้ก็คือใจความที่เขาเล่าผ่านประสบการณ์ที่เจอมา (กรุณาชั่งใจความเชื่อของท่านก่อนอ่าน)…
-
รวมทวีต “เรื่องเล่าจากคุณหมอ” ผ่านทวิตเตอร์ ทั้งสุขและเศร้าอยากเล่าให้ทุกคนได้ฟัง
ขณะนี้มีเทรนด์ในทวิตเตอร์ เป็นแฮชแท็ก #ShareAStoryInOneTweet ที่ให้ชาวทวิตเตอร์ได้มาแบ่งปันประสบการณ์และเรื่องราวน่าประทับใจสั้นๆ เพียงโพสต์เดียวเท่านั้น สิ่งที่น่าสนใจก็คือเรื่องราวของเหล่า “บุคลากรแพทย์” ที่หลายคนคิดว่าแพทย์เป็นอาชีพที่น่าอิจฉา ทั้งมีรายได้สูงและได้รับความเคารพจากผู้คนในสังคม แต่รู้หรือไม่ ชีวิตของพวกเขาก็ไม่ต่างจากคนธรรมดา ที่มีทั้งความทุกข์ ความสุข ความเศร้า ลองมาดูกันว่า เรื่องเล่าจากคุณหมอ ที่น้อยคนจะได้รับรู้ มันจะซึ้ง เศร้า และน่าประทับใจขนาดไหน… ผมเห็นเด็กๆ ต้องตายจากโรคหัดทุกวันในเคนยา ผมได้เห็นคุณแม่คนหนึ่งกระเตงลูกของเธอมาไกลเกือบ 50 กม. เพื่อรับวัคซีนยา ส่วนในประเทศโลกที่หนึ่ง พ่อแม่ที่ไม่พาลูกมาฉีดวัคซีนนี่โคตรเห็นแก่ตัวเลย ครั้งหนึ่ง ผมทำคลอดหนูน้อยน้ำหนัก 450 กรัมคนหนึ่งออกมา หลายคนบอกว่าเธอไม่น่ารอด เพราะเธอตัวเล็กเกินไป และเธอก็มักจะหยุดหายใจอยู่เสมอ ผมจึงใช้เวลาอยู่กับเธอ 2 คืนเต็มๆ นวดลงไปบริเวณหน้าอกเพื่อให้ปอดเธอได้หายใจ ผู้แนะนำบอกว่าสิ่งที่ผมทำมันเปล่าประโยชน์ แต่ปัจจุบันนี้เธอเป็นสาวน้อยวัย 6 ขวบที่กำลังจะออกแสดงบัลเลต์เป็นครั้งแรก ในช่วงแรกๆ ที่โรคเอดส์ระบาดหนัก นางพยาบาลมักเลี่ยงที่จะเข้าไปหาผู้ป่วย ผมในฐานะหมอฝึกงาน ขณะนั้นผมไม่ได้อยู่ในชั่วโมงทำงานด้วยซ้ำ แต่ผมก็ยังเข้าไปหาพวกเขา ผมใช้เพจเจอร์และโทรศัพท์โทรหาพ่อแม่พี่น้องของผู้ป่วย จากนั้นก็นั่งจับมือพวกเขาเอาไว้ และติดต่อให้พวกเขาได้คุยกับลูกๆ พวกเขาจะต้องไม่ตายอย่างโดดเดี่ยว คุณถูกรถชนต่อหน้าฉัน…
-
3 เรื่องเล่าแห่งแรงบันดาลใจ เรื่องราวสั้นๆ แอบซึ้ง แต่แฝงเอาไว้ด้วยข้อคิดมากมายเหลือเกิน
อยากได้กำลังใจไปสู้กับงานในสัปดาห์อันโหดร้ายกันไหมล่ะ รู้สึกว่าชีวิตมันเหนื่อยจนไม่อยากทำอะไรไหม ถ้าใช่ ก็ขอบอกว่ามาถูกที่แล้ว เพราะนี่คือ 3 เรื่องสั้นแห่งแรงบันดาลใจ เรื่องราวสั้นๆ แอบซึ้งนิดๆ แฝงเอาไว้ด้วยข้อคิด ที่อาจจะช่วยให้คุณมีกำลังใจทำงานผ่านสัปดาห์อันยากลำบากไปได้ไม่ยาก… แต่ถึงจะไม่หมดกำลังใจก็อ่านได้นะ เก็บเอาไว้เล่าเป็นนิทานไง การดิ้นรนของผีเสื้อ ชายคนหนึ่งพบดักแด้ของผีเสื้ออยู่ใกล้ๆ กับหน้าต่างห้องของเขา เขาจึงตัดสินใจที่จะสังเกตการเติบโตของมัน วันหนึ่งดักแด้ก็เริ่มแยกออก ชายหนึ่งจึงตัดสินใจที่จะนั่งดูการปรากฏตัวของผีเสื้อตัวนั้น เจ้าผีเสื้อออกมาจากรูเล็กๆ ที่ดักแด้ ทีละนิดๆ มันพยายามเอาตัวของมันออกมา แต่หลังจากที่เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงมันก็ยังออกมาไม่สำเร็จ และในที่สุดมันก็เลิกที่จะพยายามต่อ ชายหนุ่มเห็นแบบนั้นเลยตัดสินใจที่จะช่วยผีเสื้อตัวนั้น เขาเอากรรไกรตัดรูดักแด้ให้กว้างขึ้น และทำให้เจ้าผีเสื้อสามารถออกมาได้อย่างง่ายดาย มันเป็นผีเสื้อที่ตัวใหญ่มาก แต่กลับมีปีกที่เล็กเหลือเกิน ชายหนุ่มไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องนี้นัก เขากลับมานั่งรอให้ผีเสื้อออกบินอีกครั้ง แต่มันก็ไม่ออกบินอีกเลยทั้งชีวิต มันเอาแต่คลานอยู่ที่พื้นด้วยร่างกายอันใหญ่โตของมันไม่ต่างกับตัวหนอนที่มีปีกไว้เพียงประดับเท่านั้น แม้จะเข้าไปช่วยด้วยความเป็นห่วงแค่ไหน แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีทางรู้ได้ว่าการที่จะต้องออกจากดักแด้ให้ได้ด้วยตัวมันเอง คือวิธีเดียวที่ผีเสื้อจะสามารถฉีดเลือดของมันเข้าไปในปีก และทำให้มันบินได้ สุนัขตัวน้อย เจ้าของร้านขายสัตว์แห่งหนึ่งขึ้นป้ายขายสัตว์ขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจของคนที่ผ่านไปมา และส่วนมากมันก็จะได้ผลกับเด็กๆ เสียด้วย วันหนึ่งมีเด็กผู้ชายเข้ามาเห็นป้ายนี้เข้า และตัดสินใจเดินเข้าไปถามเจ้าของร้านว่า “สุนัขพวกนี้ราคาเท่าไหร่เหรอ” เจ้าของร้านตอบกลับมาว่าตั้งแต่ 900 บาท ไปจนถึง 1,500 บาท เด็กหนุ่มหยิบเงินทั้งหมดที่มีออกมานับ “ผมมีอยู่แค่ร้อยเดียว…
-
มหากาพย์ประวัติ “ผีกระสือ!!” ผีไทยที่ฉีกทุกกฎเกณฑ์ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ สังคม คณิต ฯลฯ
ตั้งแต่เด็กๆ เราก็มักจะได้ยินตำนานเรื่องเล่ากล่าวขานเรื่องผีสางนางไม้ต่างๆ จากคนรุ่นก่อนๆ และเป็นความเชื่อที่เล่าต่อๆ กันมา แต่ผีที่น่าสนใจและเราจะพูดถึงก็คือผีกระสือ เพราะเป็นผีที่มีความสามารถอันน่าทึ่งและมีความน่าสนใจมากมาย เรียกได้ว่าเป็นผีที่ฉีกทุกกฎเกณฑ์ของธรรมชาติแบบสุดๆ กระสือ แฮร่!! ประวัติของผีกระสือในอดีตนั้นมีความเชื่อว่าผีกระสือเกิดมาจากวิบากกรรมตอนที่ยังเป็นมนุษย์ หากินโดยในทางมิชอบ หลอกลวงต้มตุ๋นคนอื่น มีพฤติกรรมสกปรก เมื่อเกิดเป็นภูตแล้วจึงกินได้แต่ของสกปรกหรือของเน่าเหม็น และจะเข้าสิงมนุษย์ที่มีวิบากกรรมเหมือนกับที่ตนเองเคยทำตอนเป็นมนุษย์ได้ เวลากลางวันผีกระสือจะมีร่างเหมือนกับผู้หญิงทั่วไป มีพฤติกรรมแปลกๆ คล้ายคนป่วย แต่เมื่อถึงเวลากลางคืน ผีกระสือจะถอดหัวพร้อมกับเครื่องในออกจากร่าง บินออกไปล่าเหยื่อพวกวัวควายหรือสัตว์เล็กๆ และพวกของเน่าเช่นอุจจาระ จากนั้นก็จะเอาปากไปเช็ดกับผ้าของชาวบ้านที่นำมาตากไว้ การสืบสายพันธุ์ของผีกระสือจะสืบทอดโดยการให้ผู้ที่จะเป็นทายาทกินน้ำลายของผีกระสือเข้าไป หลังจากนั้นบุคคลที่กินน้ำลายเข้าไปก็จะซึมซับความเป็นผีกระสือเรื่อยๆ จนกลายเป็นผีกระสือในที่สุด สำหรับผีกระสือที่มากความสามารถนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากหากนำหลักวิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งความสามารถหลักๆ ที่น่าสนใจก็คือ ความสามารถในการบิน ความสามารถในการเรืองแสง และความสามารถในการแพร่พันธุ์ 1. ความสามารถในการบินฉีกกฎฟิสิกส์ ผีกระสือสามารถถอดหัวและบินได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงแรงยกหรือหลักแอร์โรไดนามิกใดๆ ทั้งสิ้น ราวกับว่าสามารถลอยตัวได้โดยไร้แรงโน้มถ่วง หรือเรียกได้ว่าเป็นการขับเคลื่อนทางอากาศยานแบบไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์มากมาย (Minimal Aviation) หากทำการศึกษาและนำมาปรับใช้ได้ อาจจะเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของการคมนาคมของมวลมนุษยชาติเลยก็ว่าได้ 2. ความสามารถในการเรืองแสง ฉีกกฎเคมี การเรืองแสงของผีกระสือนั้นสามารถสันนิษฐานได้…
-
ผู้คนบอกร่วมเล่าประสบการณ์เด็ด “การลาออก” ไหนๆ ก็จะออกแล้ว ขอสะใจหน่อยแล้วกัน
“ออกสิพี่ เงินเดือนแค่นี้จะอยู่ยังไงไหว!!” เชื่อว่าคงมีหลายๆ คนอยากพูดแบบนี้เวลามีคนถามว่าทำไมถึงลาออกเหรอ? แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมาจริงๆ ใช่ไหมล่ะ คนเรานั้นอยู่บนโลกที่ต้องวางตัว และใส่หน้ากากเขาหากันนี่นะ ขนาดจะลาออกยังต้องมานั่งกลัวว่าสักวันอาจจะได้เจอกันอีกหรือสักวันหัวหน้าอาจจะกลายมาเป็นลูกค้า นั่นเป็นเหตุผลที่ในใบลาออกนั้นมักจะมีเหตุผลซ้ำๆ ซากๆ อย่าง ได้งานใหม่ หรือ ความสามารถไม่เพียงพอ ให้เห็นกันจน HR เบื่อ แต่มันไม่ใช่สำหรับเหล่าผู้คนต่อไปนี้ เพราะพวกเขานั้น มีประสบการณ์เกี่ยวกับการลาออกเด็ดๆ มาเล่าให้ฟัง กวาดระเบียงตอนฝนตก ฉันเคยทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ตลอดการทำงานฉันไม่เคยเจอกับเจ้าของร้านเลย แต่พอเจอกันฉันก็ได้รู้ว่าไม่เจอกันน่าจะดีกว่า… เธอบอกให้ฉันไปกวาดระเบียงในขณะที่ฝนตกโดยที่ไม่มีทั้งร่ม และหลังคา ฉันตัดสินใจที่จะไม่เถียงอะไรกับเธอ แต่เดินไปเอาขยะของร้านมาเทใส่พรมพรมเปอร์เซียในออฟฟิศของเธอก่อนจะลาออกอย่างมีความสุข ยารักษาโรคจิต เมื่อวานนี้ผู้จัดการผู้อารมณ์ร้ายและบางครั้งก็จิตนิดๆ ของเรา ยืนด่าพนักงานที่ผมเชื่อว่าใจเย็นที่สุดในร้านอยู่นานสองนานด้วยเรื่องที่ไม่ได้มีเหตุมีผลอะไรเลย เพื่อนร่วมงานของผมยังคงเงียบ และใจเย็นเหมือนเดิม เขารอให้ผู้จัดการพล่ามจนจบ จิบกาแฟสบายๆ หนึ่งที แล้วก็ราดกาแฟที่เหลือใส่หัวผู้จัดการ!! จากนั้น เขาก็เดินไปหยิบเสื้อโค๊ตแล้วบอกว่า “ผมจะมาเอาเงินค่าจ้างที่คุณติดผมไว้พรุ่งนี้ แล้วก็ลาก่อน” ก่อนที่จะเดินออกไปท่ามกลางเสียงปรบมือของพนักงานทั้งออฟฟิศ ส่วนคุณผู้จัดการก็กลายเป็นคนสุภาพสุดๆ ไปเลย เปิดโปง ฉันทำงานในร้านอาหารและไม่ได้ค่าจ้างมา 6 เดือนแล้ว ผู้จัดการคนก่อนพยายามทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้ แต่ก็โดนบังคับลาออกหลังจากนั้น…
-
เรื่องสั้นสอนใจ Mother’s Sacrifice “การเสียสละของแม่” หญิงพิการผู้ทำทุกอย่างเพื่อลูกเสมอ..
Mother’s Sacrifice หรือ “การเสียสละของแม่” เป็นเรื่องเล่าสอนใจที่เชื่อว่ามีต้นกำเนิดมาจากดินแดนเกาหลี ว่าด้วยเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำทุกอย่างเพื่อลูกชายของเธอ ต่อให้ลูกชายของเธอเกลียดเธอมากแค่ไหนก็ตามที มันเป็นเรื่องราวสั้นๆ แต่แสดงให้เห็นถึงความรักและความห่วงใย เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ขอให้รับชมกันได้ที่นี่… การเสียสละของแม่ แม่ของผมมีตาข้างเดียว… รู้ไหมว่าคนเราเวลามีเบ้าตาที่กลวงโบ๋มันน่ารังเกลียดแค่ไหน? นั่นทำให้ผมเกลียดแม่มากๆ จะบอกว่าเธอเป็นความน่าอับอายของผมเลยก็ว่าได้ แม่เปิดร้านเล็กๆ ในตลาดเก่าๆ แห่งหนึ่ง เพราะไม่มีใครอยากรับคนที่มีตาข้างเดียวไปทำงานด้วยหรอก เธอเก็บสมุนไพรเล็กๆ น้อยขายเพื่อหาเงินใช้ ผมยังจำวันที่แม่มาที่โรงเรียนของผมได้ดี และจะไม่มีวันลืม เพื่อนๆ ทุกคนล้อผมว่า เป็นลูกของปลาตาเดียวบ้างล่ะ มีแม่เป็นโจรสลัดบ้างล่ะ วันนั้นผมได้แต่ส่งสายตารังเกียจให้แม่ แต่เธอก็ไม่รู้ตัวเสียที จนในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว และต้องวิ่งหนีจากทุกคนทั้งน้ำตา คุณแม่ตามผมมาหลังจากนั้น ทั้งๆ ที่ผมอยากจะอยู่คนเดียว ดังนั้นเพื่อที่จะไล่แม่ไปให้พ้นๆ ผมเลยบอกแม่ไปว่า “แม่!! ทำไมแม่ต้องมีตาข้างเดียวด้วย แม่รู้ไหมว่าแม่ทำให้ผมอายแค่ไหน ไปตายซะเลยไป๊!!” แม่ไม่ตอบอะไรกลับมา ผมคิดว่าตัวเองพูดแรงเกินไปอยู่บ้าง แต่ท่าทางแม่จะไม่ได้คิดมากเท่าไหร่ ก็เธอไม่ดุผมด้วยซ้ำนี่นะ คืนนั้นผมตื่นขึ้นมาตอนกลางคืนและพบแม่แอบร้องไห้อยู่ในครัว คุณรู้รึเปล่าว่าคนเรานั้นน้ำตาไหลได้แม้ไม่มีลูกตา? อย่างไรก็ตามสำหรับผมแล้วน้ำตาที่ไหลออกมาจากเบ้าตากลวงๆ นั้น มันน่าขยะแขยงสุดจะบรรยาย ในตอนนั้นเองผมก็บอกกับตัวเองว่า ทางเลือกที่ดีที่สุดของผมคงเป็นการโตขึ้นประสบความสำเร็จ จะได้ไม่ต้องมายากจนหมดหวัง…
-
ขอโทษที่เคยเลว 9 วีรกรรมสุดเห้ของเหล่าผู้คน ที่ออกมาสารภาพเรื่องชั่วที่เคยทำในอดีต
มีคนเคยพูดว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่ไม่เคยทำผิด หรือทำเรื่องเลวร้ายในชีวิต และเพราะการทำผิดมันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากเล่า ดังนั้นการที่คนๆ หนึ่งจะกล้าออกมาสารภาพเรื่องร้ายๆ ที่เคยทำในอดีตนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากเป็นธรรมดา เรื่องเล่าต่อไปนี้คือ 9 วีรกรรมยอดแย่ของเหล่าผู้คน ที่ออกมาเล่าเรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ของตัวเองในอดีต ที่อาจจะเรียกเสียงหัวเราะจากผู้อ่านได้เป็นอย่างดี แต่ก็จำกันไว้นะว่านี่เป็นเรื่องไม่ดี และอย่าได้ทำตามกันเลยจะดีกว่า เดิมพัน ผมบอกน้องชายว่าผมจะให้แผ่นเกม NES ทั้งหมดกับเขา ถ้าเขากล้ากินดินสกปรกที่ผสมกับน้ำมันหล่อลื่น น้ำมันก๊าด ซากกวางตาย ซากปลาตาย ที่อยู่หลังของรถบรรทุกพ่อ และเคี้ยวมันช้าๆ ในขณะที่ผมนับถึง 1 ถึง 10 ไม่น่าเชื่อว่าเขาทำมันจริงๆ… ส่วนผมเอาแต่ยืนหัวเราะโดยไม่เริ่มนับเลข และไม่ได้ให้อะไรเขาเลยด้วย ล้างแค้น ผมตัดต่อรูปผลการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยทำเป็นว่าผมเป็นโรคไวรัสตับอักเสบซี เพื่อเอามาใส่ความแฟนสาวที่นอกใจ เพื่อให้เธอจะต้องมารู้สึกกังวลเหมือนกับตอนที่ผมต้องไปตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สปอย ในวันที่ “แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม” ออกฉาย ผมก็เปลี่ยนชื่อในเกมเป็น “สเนปฆ่าดัมเบิลดอร์!!!” อย่าว่าอะไรผมเลยนะตอนนั้นผมอายุแค่ 9 ขวบอยู่เลย ทรายแมว ตอนที่ผมอายุ 11 ขวบ ผมเอาเพรทเซลจิ้มลงในทรายแมว แล้วเอาไปให้เด็ก…
-
เรื่องชวนสยองจากหอพัก… 5 เรื่องเล่าผีๆ จากเด็กหอ ที่ต่างประเทศก็มีเหมือนกันเหรอเนี่ย!?
บทความนี้มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับความเชื่อ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม การอยู่หอกับเรื่องผีๆ นั้นเป็นของคู่กัน ไม่ว่าคุณจะอยู่หอที่มหาวิทยาลัย หรือห้องเช่าในวัยทำงาน คุณก็จะพบกับเรื่องราวเหล่านี้อยู่เสมอๆ ทำไมเรื่องพวกนี้ถึงได้เป็นที่นิยมกันเหลือเกิน ทำไมถึงมีเรื่องราวเหนือธรรมชาติแบบนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ แบบนั้น อย่าบอกนะว่าหอพักนั้นเป็นศูนย์รวมของวิญญาณอย่างนั้นเหรอ สถานที่จำพวก โรงเรียน โรงพยาบาล และโรงแรม มักจะมีพลังงานของคนที่หลากหลายร่วมกันอยู่ และดึงดูดให้อะไรบางอย่างพวกนั้นเข้ามาอยู่ได้ง่ายๆ ในทางวิทยาศาสตร์อาจจะมองว่าการมีคนอยู่เยอะก็จะมีเรื่องเล่าต่างๆ เข้ามาเยอะตามไปด้วยก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าสถานที่แบบหอพักก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าพวกนั้นเช่นกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นทางไหน วิทยาศาสตร์ หรือไสยศาสตร์ มันก็เป็นเรื่องเล่าที่น่าสนใจอยู่ดี และนี่คือเรื่องเล่าชวนขนหัวลุกจาก BuzzFeed Community ที่จะมาทำให้คุณอกสั่นขวัญผวา ชายในหน้าต่าง โดย ayseeoh89 คือหนึ่งฉันกลับมาที่ห้องหลังจากที่ไปฝึกงานมาทั้งวัน แล้วก็ทิ้งตัวลงนั่งดูทีวี โซฟาที่ฉันนั่งมันหันไปทางหน้าต่างบานใหญ่ และมีทีวีอยู่ที่มุมหน้าต่างนั้น ในตอนนั้นมันเป็นช่วงหน้าหนาว ข้างนอกก็เลยมืดมากๆ และไม่รู้ทำไมฉันถึงได้อยากมองออกไปข้างนอกนั่น ที่ข้างนอกมันไม่มีอะไรแปลกก็จริง แต่ในเงาสะท้อนตัวฉันในกระจก กลับมีชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังของฉัน เขากำลังโน้มตัวลงมามองฉันอยู่ ฉันตกใจมากจนเหลียวกลับไปมอง แต่ก็ไม่พบกลับใคร และพอหันกลับมา เขาก็ไม่อยู่ในกระจกอีกต่อไปแล้ว เด็กสาวในกระจก โดย juliea13 ฉันเคยไปโรงเรียนสอนศาสนาที่เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ ดูเหมือนว่าที่นี่จะเคยเป็นโรงพยาบาลในสมัยสงครามกลางเมืองด้วย คืนหนึ่งฉันฝันเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งหัวเราะใส่ฉันในห้องน้ำ โดยที่มองออกมาจากกระจก ฉันตกใจตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองไม่ได้นอนอยู่ในที่นอน…
-
งานสายนี้มันเหนื่อย… IT Support ออกมาแชร์เรื่องแปลก ที่พวกเขาได้พบในชีวิตการทำงาน
ถ้าหากว่าเพื่อนๆ ท่องไปใน Facebook อยู่บ่อยๆ ก็คงจะเคยเห็นเหล่าคนทำงานออกมาบ่นลูกค้าของตัวเองอยู่บ่อยๆ ใช่ไหมล่ะ ไม่ว่าจะเหล่าศิลปินที่มันจะโดนขอให้ทำงานให้ฟรีๆ หรือฟรีแลนซ์กับการแก้งานซ้ำแล้วซ้ำอีก แน่นอนว่าเรื่องราวในวันนี้ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการออกมาแชร์เรื่องราวของผู้ประกอบอาชีพนั่นเอง IT support เป็นงานที่ต้องทำงานกับคนหลากหลายประเภท บวกกับโดยพื้นฐานที่เป็นงานสายแก้ปัญหาด้วยแล้ว จึงไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะต้องพบกับลูกค้าประหลาดๆ หรือสภาพงานที่ไม่เข้าใจเลยว่าไปทำอย่างไรถึงได้เป็นแบบนั้น จนบางครั้งก็เก็บไว้คนเดียวไม่ไหว ต้องเอาออกมาบ่นกันให้คนอื่นฟัง แบบเรื่องต่อไปนี้ ลูกค้า: บอกพาสเวิร์ดของผมมาที เป็น IT support ต้องรู้สิ IT: แต่มันเป็นพาสเวิร์ดที่คุณตั้งเองนะ ใครจะไปรู้ล่ะ IT support นะ ไม่ใช่ Hacker ลูกค้า: แอนติไวรัสของฉันพังอ่ะ มันบอกว่า “System Infected Backdoor Adwind Activity Detected” มันไม่ได้พังงงงง!!! เครื่องเจ๊โดนไวรัส!!! ลูกค้า: สวัสดี ช่วยมาทาสีรั้วให้หน่อยสิ IT: ….หา? ลูกค้า: ทาสีรั้วไง คุณเป็น IT support ไม่ใช่เหรอ?…
-
เปิดเรื่องเล่าลับๆ ของคนในบ้านกับ 10 ความลับของครอบครัวที่เคยถูกปิดไว้ไม่ให้ใครรู้
ว่ากันว่าทุกๆ ครอบครัวจะมีความลับกันครอบครัวล่ะข้อสองข้อ เพราะไม่ว่าใครก็คงมีเรื่องที่ไม่อยากเล่าให้ใครฟังเหมือนๆ กัน แต่ก็มีคำพูดที่ว่าความลับนั้นไม่มีอยู่ในโลกเช่นกัน เพราะไม่ว่าจะเรื่องอะไร มันก็ต้องมีคนที่รู้ความจริงของเรื่องนั้นๆ อยู่สักคนนั่นล่ะ แถมความลับน่ะ เป็นสิ่งที่ยิ่งอยากจะปกปิดแค่นั้น มันก็ยิ่งคันปากอยากพูดเสียด้วยสิ ในวันนี้เองความลับของครอบครัวก็กำลังจะถูกเปิดเผยออกมาอีก 10 เรื่อง แต่จะเป็นเรื่องอะไรบ้างนั้น คงจะต้องให้ไปชมกันเอง ข้างล่างนี้ แผนลับเพื่อบ้านเล็ก โดย avcmurray ตอนที่คุณลุงของฉันเสียชีวิตไป พวกเราก็รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาได้แอบซ่อนภรรยาลับไว้หนึ่งคน น่าแปลกที่ทั้งฝั่งของภรรยาลับ และฝั่งของพวกเราไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย แถมคุณลุงยังมีบ้านอีกหลัง (หลังที่อยู่กับภรรยาลับนั่นล่ะ) ที่หน้าตาเหมือนกับบ้านของเราเปี๊ยบ ทั้งข้าวของเครื่องใช้และการจัดวาง ราวกับว่าเป็นบ้านที่อยู่ในกระจกเลย ไม่แน่นะว่านั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ไม่มีใครรู้เลยว่าคุณลุงแอบนอกใจก็ได้ ความรักต้องห้าม โดย jessicaw456d24aec คุณยายของสามีของฉันเป็นชาวยิวซึ่งใช้ชีวิตวัยรุ่นอยู่ที่เยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เธอถูกส่งไปที่ค่ายกักกันแต่โชคดีที่มียามนาซีคนหนึ่งหลงรักเธอเข้า เขาแอบเอาอาหารและเสื้อผ้ามาให้เธอเป็นพิเศษ แถมยังคอยปกป้องไม่ให้เธอตายไปเสียก่อนอีกด้วย เมื่อสงครามจบลงเธอได้เดินทางมาที่อเมริกาและเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่ เธอบอกเรื่องนี้กลับครอบครัวในวันสุดท้ายของชีวิต และจากไปโดยที่พวกเราไม่ได้รู้เลยว่ายามชาวนาซีคนนั้นเป็นอย่างไรต่อไป เรื่องสั้นๆ แต่บ้าคลั่งกว่าที่คิด โดย erinl4ae5a3000 ป้าของฉันวางยาพิษยายของฉันเพื่อมรดกของเธอ ทุกคนในครอบครัวของฉันรู้เรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้พูดถึงมัน สาเหตุการตาย โดย emilyw42929c600 พี่ชายของปู่ของผมตายเพราะโดนรถไฟชนในช่วงยุค 60 ผมมารู้เอาเมื่อไม่นานมานี้ว่าเหตุผลที่เขาตายนั้นเกิดขึ้นเพราะเขานอกใจไปจู๋จี๋กับสาวคนอื่นอยู่ในรถที่จอดอยู่ที่ทางรถไฟ…
-
5 เรื่องเล่าแห่งแรงบันดาลใจ เรื่องแฝงข้อคิด ที่จะช่วยให้คุณก้าวต่อไปบนโลกที่โหดร้ายใบนี้
ชีวิตของคนเรานั้นต้องพบกับอะไรต่ออะไรที่หลากหลาย จนบางครั้งคนเราก็รู้สึกท้อแท้ในชีวิตขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ถึงอย่างนั้น คนเราก็จำเป็นที่จะต้องลุกขึ้นมาเพื่อที่จะต่อสู้กับการใช้ชีวิตกันต่อไปในสักวัน การท้อแท้ ความสิ้นหวัง และความล้มเหลวนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ถ้าหากว่าสิ่งเหล่านั้นมันหนักหนาเกินกว่าที่คุณจะลุกขึ้นมาเองได้แล้วล่ะก็ #เหมียวศรัทธา ขอเป็นแรงในการฉุดรั้งให้ทุกคนลุกขึ้นและก้าวต่อไป ด้วยเรื่องเล่าแห่งแรงบันดาลใจ ทั้ง 5 เรื่องต่อไปนี้ ทุกๆ คนมีเรื่องเล่าของตัวเอง ชายหนุ่มวัย 24 มองออกไปนอกหน้าต่างรถไฟที่เขาโดยสารมากับพ่อของเขา และคู่รักแปลกหน้าอีกหนึ่งคู่ เขาแลดูตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเห็นมาก ราวกับเป็นเด็กๆ ที่เพิ่งจะได้ขึ้นรถไฟเป็นครั้งแรกก็ไม่ผิด “พ่อๆ ดูสิต้นไม้ผ่านเราไปล่ะ!!!” พ่อของเขายิ้มให้ชายหนุ่ม แต่ไม่ใช่กับคู่รักที่นั่งมาด้วย สำหรับพวกเขาแล้ว การกระทำของชายคนนี้ มันช่างน่ารำคาญสิ้นดีเลย “พ่อๆ ดูสิ เมฆลอยตามพวกเรามาด้วย” แม้ว่าคู่รักคู่นั้นจะยังคงรักษามารยาท และไม่ได้ด่าว่าอะไรออกมา แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องถามอะไรพ่อของชายหนุ่มเกี่ยวกับอาการเริงร่าเกินควรของลูกชายเขา “ทำไมคุณไม่พาลูกชายไปหาหมอดีๆ เหรอ? ถ้ายังไงให้พวกเราแนะนำหมอให้ไหม?” ชายแก่ได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มให้คู่รักทั้งคู่ ดูเหมือนพวกเขาจะเข้าใจอะไรผิดไปมาก “ผมพาเขาไปหาแล้ว ที่จริงแล้วพวกเราเพิ่งจะกลับมาจากโรงพยาบาลด้วยซ้ำ ลูกชายของผมตาบอดมาตั้งแต่เกิด และเพิ่งจะได้มองเห็นเป็นครั้งแรกในวันนี้ ต้องขอโทษด้วยก็แล้วกันถ้าเขาจะ เริงร่าเกินไปบ้าง” ทุกๆ คนบนโลกใบนี้มีเรื่องเล่าเป็นของตัวเองคนล่ะเรื่องสองเรื่อง อย่าได้ตัดสินใครเพียงเพราะเรื่องเล่าของเขาต่างออกไปจากคุณเลย…
-
เรื่องบ๊องๆ ตลกขบเผาะ ที่ผู้คนเคยได้ยินมา ระหว่างที่เดินเที่ยวเล่นในวัยมหาวิทยาลัย…
มหาวิทยาลัยเป็นศูนย์ร่วมของคนมากมายหลากหลายประเภท ตั้งแต่เด็กเรียน อัจฉริยะ เรื่อยไปยันเด็กกิจกรรม เด็กชอบเที่ยว และขี้เหล้า จะว่าไปแล้วมหาวิทยาลัยนี่มันก็คล้ายๆ กับโลกอีกใบหนึ่งเลยก็ว่าได้ มีเรื่องราวมากมายที่เริ่มขึ้นขึ้นจากที่นั่น และก็มีเรื่องราวมากมายจบลงไปในที่แห่งนั้น มหาวิทยาลัยนั้นเต็มไปด้วยเรื่องเล่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีๆ ที่เต็มไปด้วยความฝัน หรือว่า เรื่องบ้าๆ บ๊องๆ ตลกขำขัน เรื่องราวเหล่านั้นล้วนแต่เป็นเรื่องที่ไปได้ยินได้จากโลกใบที่สองแห่งนี้ทั้งนั้น เช่นเดียวกับเรื่องตลกขำขันชวนอมยิ้มต่อไปนี้ พวกสาวๆ กำลังคุยกันเรื่องหนุ่มคนหนึ่ง “นี่นะ… เขาสั่งนักเก็ต 80 ชิ้นเลยยนะ แบบว่ากล่องล่ะ 20 ชิ้น 4 กล่องอ่ะ” “ดูแค่นั้นก็น่าจะรู้แล้วว่าเขารวยมากกก” แล้วก็อาจจะอ้วนมากกก ด้วยสินะ เด็กสาวคนหนึ่งอธิบายกับเพื่อนว่าทำยังไงถึงจะได้คะแนนเยอะจากการแต่งกลอน “กลอนภาษาอังกฤษที่ฉันเอาส่งอาจารย์ไป มาจากการเอาเพลงภาษาฝรั่งเศสไปแปลใน Google ล้วนๆ” น่าเสียดายที่ภาษาไทยมันต้องมีสัมผัสสระอะไรพวกนี้ ไม่งั้นก็ว่าจะทำเหมือนกัน ในคาบเรียนของอาจารย์คนหนึ่ง อาจารย์: “โชคดีจริงๆ ที่ผมได้เขียนอะไรต่ออะไรลงบนกระดาน เพราะการดมปากกาเมจิกมันทำให้ผมผ่านวันอันเลวร้ายไปได้ง่ายๆ เลย” อาจารย์มั่นใจนะว่านั่นเป็นปากกาเมจิก ไม่ใช่กาว เพื่อนสองคนกำลังคุยกันเรื่องสิ่งที่จะทำในอนาคต เพื่อน A: “เฮ้เพื่อน จบไปนายคิดว่านายจะไปทำอะไรเหรอ…” เพื่อน B:…
-
2 เรื่องเล่าชวนขนลุกของเพื่อนในจินตนาการ เพื่อนเล่นในวัยเด็กที่ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง
เคยได้ยินเรื่องเพื่อนในจินตนาการไหม? ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าประเทศของเรามีเรื่องพวกนี้อยู่มากไหม แต่สำหรับชาวต่างประเทศแล้ว การมีเพื่อนในจินตนาการนั้นเกิดขึ้นกับเด็กๆ จำนวนมากจนดูจะเป็นเรื่องปกติกันเลยทีเดียว เพื่อนในจินตนาการนั้นเกิดมาจากจินตนาการของเด็กๆ สมกับชื่อ บางครั้งก็จะออกมาในรูปแบบของมนุษย์ที่มีนิสัยแปลกๆ หรือบางครั้งก็ไม่ใช่มนุษย์เสียด้วยซ้ำ ทำให้มีเรื่องเล่าน่ากลัวๆ ของเพื่อนที่ว่านี้ออกมาให้เห็นกันอยู่เรื่อยไป เหมือนดังเรื่องเล่าทั้งสองเรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านต่อไปนี้ Jenny เมื่อตอนที่ฉันอายุได้สี่ขวบ ฉันกับแม่ได้มีโอกาสย้ายไปอยู่ในบ้านหลังใหญ่ ที่สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงอย่างนั้นก็ตาม ดูเหมือนว่าคุณแม่ของฉันจะรู้สึกไม่ค่อยดีกับบ้านหลังนี้สักเท่าไหร่นัก เพราะมันมีส่วนหนึ่งของอิฐในชั้นใต้ดินของบ้าน ซึ่งดูจะไม่กลมกลืนกับส่วนอื่นๆ คุณแม่บอกกับฉันว่าทันทีที่ฉันเข้าไปอยู่ในบ้าน ฉันก็เริ่มที่จะมีเพื่อนในจินตนาการขึ้นมาทันที โดยฉันบอกกับแม่ว่า เพื่อนคนนั้นมีชื่อว่า Jenny ในตอนนั้นคุณแม่คิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กๆ จะเริ่มมีเพื่อนในจินตนาการเลยไม่ได้สนใจอะไรมากนัก จนกระทั่งวันหนึ่งฉันบอกกับแม่ว่า Jenny อยากเล่นกับแมว และขอให้ฉันปล่อยแมวลงไปเล่นกับเธอที่ชั้นใต้ดิน พอคุณแม่ได้ฟังแบบนั้นเธอก็อนุญาต ฉันจึงปล่อยแมวที่เราเลี้ยงไว้ลงไปเพื่อเล่นกับเธอ… แต่มันก็ไม่กลับมาหาเราอีกเลย เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นทำให้คุณแม่รู้สึกไม่ดีเอามากๆ ดังนั้นไม่กี่วันต่อมาในตอนที่ฉันบอกเธอว่าฉันขอลงไปเล่นกับ Jenny ที่ชั้นใต้ดินคุณแม่จึงไม่อนุญาต และไล่ให้ฉันไปนอนแทน เช้าวันต่อมาฉันก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับแผลข่วนลึกที่แผ่นหลัง และขาทั้งสองข้าง ส่วนคุณแม่ที่กลัวเรื่องที่เกิดขึ้นมากก็ลองสืบประวัติของบ้านในทันที เธอเจอรูปเก่าๆ รูปหนึ่งซึ่งเป็นรูปของเด็กเจ็ดคน ที่มีชื่อของแต่ละคนเขียนไว้ที่ด้านหลังของรูป คุณแม่เอารูปที่ว่ามาให้ฉันดู และถามฉันว่ารู้จักใครในรูปนี้ไหม? ฉันชี้ไปที่ผู้หญิงในรูปหนึ่งคนโดยไม่ลังเล และบอกว่านี่ล่ะคือ Jenny ซึ่งมันเป็นคนเดียวกับที่ชื่อด้านหลังเขียนว่า Jenny จริงๆ…
-
มาดูกันว่าใครเจ๋ง 7 เรื่องเล่าความทรงจำชีวิตเด็กหอ ประเทศไทย VS ต่างประเทศ
ยังจำกิจกรรม CatDumb Challenge บอกเล่าความทรงจำชีวิตเด็กหอ กันได้ไหมเพื่อนๆ ตอนนั้น #เหมียวศรัทธา เคยบอกไว้ว่าเรื่องราวที่น่าสนใจ จะได้รับการรวบรวมมาเป็นคอนเทนต์สนุกๆ ลงในเว็บไซต์ CatDumb ใช่ไหมล่ะ คอนเทนต์ในวันนี้ก็มีที่มามาจากกิจกรรมอันนั้นนั่นล่ะ แต่จะให้เอาเรื่องราวของเพื่อนๆ มาเขียนเฉยๆ เลยมันก็จะดูธรรมดาไปนิด ดังนั้น #เหมียวศรัทธา เลยไปหาเรื่องเล่าเด็กหอแบบเดียวกันมาจากต่างประเทศเพื่อมาเปรียบเทียบกันเสียเลย คิดเสียว่าเป็นการแข่งขันก็แล้วกัน เพียงแต่ว่าไม่มีผู้แพ้ผู้ชนะหรอกนะ เพราะสุดท้ายแล้ว เรื่องไหนจะสนุก เรื่องไหนจะโดนใจ คนอ่านก็เป็นผู้ตัดสินอยู่ดี ทีมไทย โดยสมาชิกเพจ CatDumb ผีห้องน้ำ โดยคุณ Weerachat Tengtrairat ที่หอใน มหาวิทยาลัยรังสิต เราใช้ชีวิตอยู่กับรูมเมทโดยที่ทุกเย็นเราจะไปออกกำลังกายที่โรงยิม วันนั้นหากุญแจห้องไม่เจอเลยบอกรูมเมทว่า “อย่าล็อกห้องนะ หากุญแจไม่เจอ” แต่พอกลับมาจากยิมเพื่อนดันล็อกห้อง ด้วยความที่อารมณ์ไม่ดี เราก็ค้นในกระเป๋าไปเจอกุญแจห้องที่หายไปก็เลยไขเข้าห้องไป กลายเป็นว่ารูมเมทที่รักกำลังอาบน้ำอยู่ ด้วยความหมั่นไส้เลยแกล้งปิดไฟ พอมันโวยวายเราก็เปิด แล้วก็ปิดอีก ทีนี้ต่อให้โวยวายเราไม่เปิดแล้ว แต่ไปแอบมุมห้อง มันเปิดประตูมาเปิดไฟไม่เจอใครมันเลยได้แต่บ่นๆ และอาบน้ำต่อ เราเลยย่องลงไปนั่งเล่นห้องเพื่อนอยู่ครึ่งชั่วโมงก่อนจะกลับขึ้นมา ด้วยความเนียนมีกุญแจแต่ไม่ไข ใช้เคาะประตูห้องเอา เมทเปิดให้ก็บอกมึงมีกุญแจ จะเคาะทำไม ก็เลยทำเป็นด่ามันไป “ก็บอกแล้วว่าหากุญแจไม่เจอ อย่าล็อกห้อง แล้วเอ็งล่ะล็อกทำหอกอะไร”…
-
10 เรื่องเล่าสั้นๆ สุดขำขัน จาก Tumblr ที่จะมาช่วยให้วันที่น่าเบื่อของคุณมีสีสันขึ้น
เวลาที่รู้สึกว่าชีวิตเครียดๆ เพื่อนๆ จะทำอะไรกันเหรอ… คนส่วนใหญ่คงเปิดเว็บดูแก้เซ็งใช่ไหมล่ะ ก็คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตของพวกเราน่ะ เป็นแหล่งรวมเรื่องราวสนุกสนานเอาไว้เต็มไปหมดนี่น่า ไม่แปลกที่จะมีเรื่องที่เราชอบอยู่สักเรื่องสองเรื่อง เชื่อว่านี่ล่ะคือเหตุผลที่หลายๆ คนเข้ามาอ่านบทความนี้ เพราะในวันนี้พวกเราจะมาดู 10 เรื่องเล่าสุดขำขันจากสมาชิกเว็บ Tumblr ที่จะมาช่วยให้วันที่น่าเบื่อของทุกๆ คนมีสีสันขึ้น เรื่องที่ 1: สีเสื้อของแฟนพี่ ที่โต๊ะกินข้าว พี่สาวของผมถามทุกคนที่อยู่ที่นั่นว่าเสื้อที่แฟนของเธอใส่นั้นสีอะไร หลังจากที่ทุกคนตอบว่าเทา เธอก็หันไปพูดกับแฟนเธอว่า “เอ้า คราวนี้บอกพวกเขาไปสิ ว่านายคิดว่านายใส่เสื้อสีอะไร” แฟนของพี่พูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า “สีขาวโทนมืด” เรื่องที่ 2: คุณครูผู้เศร้าโศก ในระหว่างคาบเรียนมีครูของฉันคนหนึ่งเหยียบเต่าทองตาย เขาเป็นชาววีแกนที่เคร่งมากๆ เกี่ยวกับการไม่ฆ่าสัตว์ เพราะฉะนั้นตอนที่เขารู้ตัวเขาจึงตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะค่อยๆ ช้อนแมลงตัวนั้นไว้บนฝ่ามือก่อนที่จะเริ่มยกคำพูดของจากหนังสือของ Shakespeare มาพูด เอาเสียฉันไม่กล้าบอกเลยว่าที่เขาเหยียบไปมันคือเม็ด M&M สีแดงต่างหาก เรื่องที่ 3: ลูก(แตงโม)ของฉัน วันนี้ในที่ทำงานของฉันมีผู้หญิงคนหนึ่งพยายามจะขโมยแตงโมทั้งลูกซ่อนไว้ในเสื้อโดยแกล้งทำเป็นคนท้อง เธอลื่นล้มระหว่างจะออกจากร้านและทำแตงโมแตก เธอได้แต่ตะโกนว่า “ลูกของฉัน!!” ซ้ำไปซ้ำมา และเริ่มร้องไห้ นั่นเป็นสิ่งที่ตลกที่สุดที่ฉันเคยเห็นมาเลย เรื่องที่ 4: นับนิ้ว…
-
เรื่องมันช่างน่าอาย!! 8 เรื่องเล่าของความเสียหน้า ที่จะขำก็รู้สึกสงสารอย่างบอกไม่ถูก
ความน่าอับอายและการเสียหน้านั้นเกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคน มันขึ้นอยู่กับแต่ล่ะคนว่าจะรับเรื่องพวกนั้นได้มากแค่ไหน คนที่ยอมรับในความอับอายของตนไม่ได้ก็มีแต่จะจมอยู่กับเรื่องราวเหล่านั้นไปตลอด ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะมีช่วงที่รับการกระทำของตัวเองไม่ได้ขึ้นมาเสมอๆ แต่สำหรับคนที่รับในความอับอายเหล่านั้นได้ เรื่องที่เคยเกิดขึ้นนั้นมันก็จะไม่ต่างอะไรกับเรื่องตลกที่นำมาเล่าในเวลาว่างก็เท่านั้น เหมือนกับเจ้าของเรื่องราวความน่าอับอายทั้ง 8 เรื่องต่อไปนี้นั่นเอง เช็คเงินสด ในตอนที่ฉันทำงานอยู่ที่ธนาคาร มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาขอขึ้นเงินจากเช็คเงินสด ในเช็คนั้นมีค่าอยู่ที่ 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราวๆ 4,676,100 บาท) และระหว่างที่กำลังขึ้นเงินอยู่พวกเราก็เริ่มที่จะคุยกันไปเรื่อยเปื่อย อะไรประมาณว่า “ฉันอยากได้เช็คเงินแบบนี้บ้างจัง” หญิงสาวยิ้มเจื่อนๆ ให้กับฉัน และบอกว่า “อย่าเลยค่ะ มันเป็นเงินจากประกันชีวิต ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากให้คนคนนั้นยังอยู่กับฉันมากกว่าเช็คใบนี้นะคะ” เกาะอก พวกคุณเข้าใจความรู้สึกของแม่ที่ไม่อยากให้ลูกแต่งตัวโชว์สะดือไหม แม่ของฉันเห็นฉันใจเสื้อโชว์สะดือก็เลยดึงชุดเกาะอกของฉันลงไปปิด มันปิดสะดือได้ก็จริงอยู่ แต่หน้าอกของฉันโผล่ออกมาโชว์ความเด่นเป็นสง่าให้คนทั้งห้องเห็นเลย… E เตี้ย ฉันเบื่อที่จะเป็นคนเตี้ยแล้วอ่ะ คุณไม่รู้หรอกว่ามันน่าอายแค่ไหนตอนที่พวกเราย้ายบ้านแล้วมีเด็กในละแวกนั้นมาเคาะประตูถามคุณพ่อฉันว่าฉันอยู่ไหมและชวนไปเล่นที่สนามเด็กเล่นด้วยกันน่ะ อีกสองเดือนฉันก็จะ 22 แล้วด้วย เพื่อนร่วมชั้น ผมขึ้นลิฟท์ไปที่ทำงานกับคนที่ไม่รู้จัก พวกเราไปชั้นเดียวกันผมเล่นพูดเล่นๆ ไปว่านี่เราเป็น “เพื่อนร่วมชั้น” กันสินะ… หลังจากนั้นลิฟท์ก็เงียบไปเลย ใครก็ได้แนะนำที่ทำงานดีๆ ที่อื่นให้ผมที เด็กมันน่ารำคาญ เมื่อวานนี้ฉันไปเจอสาวคนหนึ่งร้องไห้อยู่ในห้องน้ำ ดูเหมือนว่าแฟนของเธอจะนอกใจไปนอนกับสาวคนอื่น…
-
White Lie เรื่องเล่าจากประเทศญี่ปุ่น โกหกที่ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็นำมาซึ่งเรื่องราวอันน่าเศร้า
White Lie หรือการโกหกสีขาว คือการโกหกเพื่อความสบายใจของผู้ที่รับฟัง จะเรียกว่าการโกหกที่ไม่ใช่เรื่องผิด หรือการโกหกที่ไร้เดียงสาก็ได้ บ่อยครั้งที่เป็นการกระทำเพื่อรักษาน้ำใจของอีกฝ่าย กล่าวง่ายๆ ว่ามักจะเป็นการโกหกด้วยความหวังดีนั่นเอง แต่การโกหกสีขาวนั้นก็ไม่ได้นำมาซึ่งเรื่องที่ดีเสมอไป เพราะสุดท้ายนั้น การโกหก ก็ยังคงเป็นการโกหกอยู่ดี เรื่องเล่าในครั้งนี้เป็นเรื่องเล่ากึ่งนิทานของประเทศญี่ปุ่น ว่าด้วยเรื่องราวของเด็กสาวขี้โกหก กับคุณแม่ผู้เกลียดการโกหกเข้าไส้ ด้วยชื่อเรื่อง “White Lie” ครั้งหนึ่งเคยมีเด็กสาวชื่อว่าจิอากิ เธอได้ยินเสียงของแม่เรียกในระหว่างที่กำลังเล่นอยู่ในห้องนอน เธอเดินลงมาจากชั้นสองและพบกับคุณแม่ที่อยู่ในห้องครัว “จิอากิมานี่หน่อยสิ แม่มีอะไรจะถาม” แม่ของเธอกล่าว พลางกวักมือเรียกจิอากิเข้าไปหา “อะไรเหรอแม่?” จิอากิถาม “ลูกรู้ไหมว่าใครเป็นคนกินเค้กสำหรับแขกไป?” แม่ของเธอถามกลับ “อืม…ไม่รู้ค่ะ” เธอปฏิเสธ “ลูกกินไปรึเปล่า?” แม่ของเธอถามด้วยความสงสัย “หนูไม่ได้กินนะแม่” เด็กสาวปฏิเสธอีกครั้ง พลางบิดมือด้วยความไม่สบายใจ “จิอากิแม่ดูออกนะเวลาลูกโกหก” แม่ของเธอกล่าว จิอากิอาจจะไม่รู้ตัวแต่เวลาเธอโกหกเธอจะบิดมือเหมือนกับตอนนี้ “การเป็นหัวขโมยมันเริ่มต้นจากการโกหกนี่ล่ะ และหัวขโมยจะต้องถูกจับและลงโทษเสมอ ลูกเข้าใจที่แม่พูดไหม” จิอากิทนรับความรู้สึกผิดไม่ไหว จึงยอมรับผิด เธอร้องไห้และบอกว่าเธอเป็นคนที่แอบกินเค้กไปเอง “โอ้ โอ้ หยุดร้องไห้เถอะลูก” แม่ของเธอกล่าว “แม่ไม่ได้เกลียดลูกหรอกนะ ก็แค่ไม่อยากให้ลูกเป็นคนขี้โกหกเท่านั้นเอง” เรื่องราวประมาณนี้เกิดขึ้นอยู่หลายต่อหลายครั้ง บางทีนั่นอาจจะเป็นการเรียกร้องความสนใจในแบบของเด็กสาวก็เป็นได้…
-
8 เรื่องเล่าสั้นๆ ว่าด้วยการโกหกของเด็กๆ ที่น่ารักน่าชัง นำมาซึ่งเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี
ดูเหมือนว่า #เหมียวศรัทธา จะเคยบอกว่าเด็กๆ นั้นพูดความจริงอยู่เสมอๆ สินะ แต่พอได้ฟังเรื่องเล่าข้างล่างนี้แล้ว…ชักจะไม่แน่ใจแล้วสิว่าเด็กๆ จะพูดแต่ความจริงไหม… เอาเป็นว่าที่เคยบอกว่าเด็กๆ มักจะบริสุทธิ์อยู่เสมอมันยังไม่เปลี่ยนแปลงก็แล้วกัน เพราะเด็กๆ นั้น บริสุทธิ์แม้แต่เวลาโกหกจริงๆ ไม่เชื่อก็ลองไปอ่านกันดูได้ นี่คือ 8 เรื่องราวสั้นๆ ของการโกหกของเด็กๆ ที่ทั้งน่ารักน่าชัง แถมยังนำมาซึ่งเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดีอีกด้วย 1. สถานที่ที่ลูกอยู่ ที่โรงเรียนโทรมาบอกฉันว่าลูกสาวของฉันไม่ได้ไปโรงเรียน ด้วยความสงสัยฉันจึงโทรไปที่เบอร์ๆ หนึ่งเพื่อยืนยันอะไรบางอย่าง… หลังจากที่รอสายอยู่ราวๆ สิบวินาที ก็มีคนมารับสาย มันเป็นเสียงเล็กๆ ของลูกสาวของฉัน ฉัน: ลูกรู้นี่ว่าลูกไม่ควรอยู่ที่บ้านในตอนนี้ ไม่มีใครอยู่บ้านกับลูกเลยนะ ลูกสาว: แต่หนูไม่ได้อยู่ที่บ้านนะแม่!! ฉัน: จะไม่ได้อยู่ได้ยังไง!! ในเมื่อลูกกำลังคุยกับแม่ผ่านโทรศัพท์บ้านอยู่เนี่ย 2. ผมไม่ได้ทำ ลูกชายวัยสามขวบของฉันอึราดกางเกง… เอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมาก แต่ฉันก็ถามเขาดูว่าทำไมเขาถึงไม่ใช้กระโถน เขาบอกฉันว่า เขาไม่ได้เป็นคนทำ เขากำลังเล่น LEGO กับน้องชายของเขาอยู่ และน้องชายของเขาจู่ๆ ก็เดินมาอึใส่กางเกงของเขา เขาบอกว่าเขาพยายามหยุดน้องแล้วแต่น้องก็ไม่ฟังแถมยังอึในกางเกงเขาต่อไปอีกด้วย 3.…
-
7 เรื่องเล่าแห่งความรัก เรื่องราวชีวิตรักหวานซึ้ง ของผู้เป็นสามี ที่จะมาละลายหัวใจของคุณ
ว่ากันว่าความรักนั้นทำให้โลกงดงาม ความรักจะทำให้ปัญหาทุกอย่างถูกคลี่คลายลงได้ด้วยดี และความรักนั้นจะเป็นสิ่งที่ไม่ตายจากไป ในสมัยก่อนคนเรายังเคยเชื่อว่าโลกใบนี้นั้นอยู่ได้ด้วยความรักของเหล่าชายหญิง ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ก็ตาม แม้ว่าในเวลานี้ ศรัทธาเหล่านั้น อาจจะค่อยๆ หายไปเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน แต่ไม่แน่นะว่าเรื่องเล่าทั้งเจ็ดเรื่องในครั้งนี้อาจจะเป็นตัวอย่างที่ดีของสิ่งที่จะมากอบกู้ศรัทธาเหล่านั้นก็เป็นได้ ด้วยเรื่องราวชีวิตรักอันหวานซึ้ง ของผู้เป็นสามี ที่จะมาละลายหัวใจที่เย็นชาของผู้คน สามีผู้เป็นห่วง เมื่อตอนที่แฟนหนุ่มเห็นฉันถอดรองพื้นหน้ากากแบบใสเป็นครั้งแรก เขาตกใจมากจนอ้าปากพะงาบๆ ตัวแข็งทื่อขยับไม่ได้ไปอีกสองสามนาที ตาของเขากระตุก แต่แล้วเขาก็ตั้งตัวได้กลืนน้ำลายและพูดออกมาอย่างจริงจังว่า “ผิวของเธอหลุดออกมาเป็นแผ่นๆ แบบนี้บ่อยไหม?” พรจากดวงดาว ผมกำลังนอนดูดาวกับแฟนของผม เธอกำลังรอดาวหางเพื่อที่จะขอพรสักข้อ จนในที่สุดเธอก็ผล็อยหลับไป ในวินาทีถัดมานั่นเองผมก็เห็นดาวหางพุ่งผ่านฟากฟ้าไป ผมหลับตาลงและขอให้ความฝันทั้งหมดของเธอเป็นจริง แอ่งน้ำแห่งการพบพาน ผมได้พบกับภรรยาในตอนที่พวกเราอยู่ในมหาวิทยาลัย ในเช้าวันนั้นผมกำลังวิ่งไปที่ชั้นเรียนของผมในวันที่พื้นเปียกแฉะ เพราะฝนที่ตกอย่างหนักคืนก่อนหน้า ที่ตรงหน้าตึกมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังขอความช่วยเหลือเพราะเธอไม่สามารถหาทางข้ามแอ่งน้ำขังลึกขนาดใหญ่ได้ ผมเดินเข้าไปหาเธอ และอุ้มเธอไปที่ตึก ทุกคนบนถนนในตอนนั้นรู้สึกประหลาดใจมาก แต่ผมก็ไม่สนใจ วันนั้นผมไม่เพียงแต่ได้รองเท้าที่เปียกไปหมด แต่ยังผมได้ภรรยาอีกด้วย และเรื่องราวที่เราพบกันก็กลายเป็นเรื่องเล่าเรื่องโปรดของผมไปตั้งแต่ตอนนั้น แผนการของลูกสาว ทุกครั้งที่ผมทะเลาะกับภรรยาลูกสาวตัวน้อยของเราก็มักจะล้ม และเจ็บมือหรือเข่า เมื่อเร็วๆ นี้เรากำลังทะเลาะกันอยู่ที่ครัว ในขณะที่ลูกสาวของเรากำลังงีบหลับอยู่ เธอได้ยินเสียงพวกเราเถียงกันจึงเดินเข้ามาในห้องครัว เธอคว้าเอามือของผม และขอให้ผมไปนอนเป็นเพื่อนเพราะเธอฝันร้ายจนไม่กล้ากลับไปนอน ไม่กี่นาทีต่อมาเราทั้งสองก็หลับไป เธอได้ป้องกันไม่ให้การทะเลาะกันใหญ่โตไปกว่านั้น ในตอนนั้นเองที่พวกเรารู้ว่าสิ่งที่เธอทำลงไป ทั้งในวันนี้ และการแกล้งล้มในวันก่อนๆ…
-
พนง. โดนขู่หาคนมาแทน เหตุจะไปดูแลเมียป่วย เซย์โนแคร์เพราะ ‘ไม่มีใครแทนที่เมียได้’
เรื่องของการดูแลคู่ชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ แม้ว่าหน้าที่การงานจะต้องมาก่อนเสมอ แต่มองในอีกมุมหนึ่งแล้วคนที่คอยอยู่เคียงข้างนั้นจะอยู่สนับสนุนและกำลังใจในชีวิต ที่ใครก็ไม่อาจแทนที่ได้… และเป็นที่รู้กันว่าสภาพของสังคมการทำงานในญี่ปุ่น เหล่าพนักงานออฟฟิศ มนุษย์เงินเดือนฝ่ายชายส่วนใหญ่ จะต้องทำงานแบบถวายหัว จะมองงานมาเป็นอันดับหนึ่ง โดยที่ทิ้งความรู้สึกของคนในครอบครัวเป็นอันดับรอง แต่ทุกครั้งที่เกิดเรื่องสำคัญกับคนในครอบครัว มนุษย์เงินเดือนจะแปรเปลี่ยนไปได้หรือไม่? และเรื่องเล่าจาก @Rakshasa_JP ชาวเน็ตญี่ปุ่น ที่ได้แชร์เรื่องราวสามีของเพื่อนตนเองว่า เหล่ามนุษย์ออฟฟิศญี่ปุ่นไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไปหรอก เขาเล่าว่า วันหนึ่งฝ่ายสามีได้พูดคุยกับผู้จัดการว่า ‘ภรรยาของผมป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ เพราะฉะนั้นผมขอกลับบ้านก่อนเวลานะครับ’ ก็เพื่อที่จะได้ไปดูแลภรรยาที่กำลังนอนป่วยอยู่บ้าน แต่ทว่าฝั่งผู้จัดการไม่เห็นด้วยกับเหตุผลที่กล่าวมา พร้อมตอบกลับด้วยความโมโห ‘รู้มั้ยว่า… เราหาคนมาแทนที่แกได้ง่ายมากเลยนะ’ เป็นการพูดในเชิงว่าจะไล่เขาออก ด้วยบทสนทนาที่ดูรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ฝ่ายสามีจึงตอบไป ‘เมียของผมจะหาใครมาแทนไม่ได้ทั้งนั้น ไอ้งั่ง’ ด้วยประโยคคำขาดเขาก็กลับบ้านไปทำหน้าที่สามีดูแลภรรยา และคิดว่างานในบริษัทครั้งนี้คงจบสิ้นแล้ว… ในตอนจบที่แท้จริง คุณ @Rakshasa_JP ได้เผยว่า ฝ่ายสามีไม่ถูกไล่ออก แต่กลับกันคือผู้จัดการคนดังกล่าวตกงานไปเรียบร้อย โดยที่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่า ทางบริษัทไล่ผู้จัดการออกด้วยเหตุผลอะไร อาจจะเพราะการใช้อำนาจโดยมิชอบ (ซึ่งที่ญี่ปุ่นกำลังตื่นตัวเรื่องมาตรการในการจัดการกับการคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment) และการใช้อำนาจในทางมิชอบ (Power Harassment) ในที่ทำงานอยู่) หรือประสิทธิภาพในการทำงานของตัวผู้จัดการเอง แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม…
-
7 เรื่องเล่าติดเรทของผู้คน แต่อ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นเรื่องตลก มากกว่าเรื่องไม่เหมาะสม
เรื่องเล่ากับคนเรานั้นเป็นของคู่กัน คนเรานั้นย่อมต้องพบกับเหตุการณ์อะไรบางอย่างอยู่ทุกวันอยู่แล้ว เพียงแต่มันจะเป็นเรื่องราวแบบไหนก็เท่านั้น ในคราวนี้เองก็เป็นคิวของเรื่องราวติดเรทกันบ้างแล้ว แต่จะให้เล่าเรื่องลามกๆ เฉยๆ อย่างกับนิยายโรแมนติกมันก็จะดูธรรมดาไปนิด ดังนั้นหัวข้อของเรื่องราวในครั้งนี้จึงเป็นเรื่องเล่าติดเรทของผู้คนที่อ่านแล้วรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องตลก มากกว่าเรื่องราวที่ไม่เหมาะสม ตอนนั้นมันมีงานเทศกาล แล้วมันก็ร้อนมากๆ ฉันนั่งท้องเสียอยู่ในห้องน้ำชั่วคราวที่เอามาตั้งเพื่องานเทศกาลในครั้งนี้โดยเฉพาะ ฉันเหงื่อออกเยอะมากๆ ก็เลยตัดสินใจถอดเสื้อผ้าออก ว่าง่ายๆ ฉันกำลังนั่งโป๊ขี้แตกอยู่ในสวม ในตอนนั้นเองก็มีผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้เปิดประตูของน้ำเข้ามา… ใช่แล้ว ฉันท้องเสียหนักเสียจนลืมล็อกห้องน้ำ!? นึกภาพว่าไปเจอคนแก้ผ้าในห้องน้ำเล็กๆ ที่เหม็นทั้งเหงื่อทั้งอึดูสิ เชื่อว่าทั้งเขาและฉันคงไม่มีใครอยากจะจำมันหรอก ตอนนั้นผมกำลังตัดผมให้ลูกค้าหญิงคนหนึ่งอยู่ พวกเราคุยกันถูกคอมากเธอจนเธอคิดว่าจะเอารูปสวนที่บ้านของเธอให้ผมดู สวนมันก็ดูดีอยู่หรอกแต่พอเธอเผลอเลื่อนภาพไปอีกภาพนี่สิ… ภาพถ่ายคนอ้าขาโชว์จิมิ๊เต็มหน้าผมเลย ตอนนั้นผมกำลังเข้าแถวรอรับพัสดุอยู่ในมหาวิทยาลัย มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินกลับมาที่แถวหลังจากที่เธอไปห้องน้ำมา เธอเดินไปเล่นโทรศัพท์ไปจนกระทั่งมาหยุดอยู่ข้างๆ ผม ในตอนที่ผมไม่ได้คิดอะไรนั่นเอง เธอก็ยื่นมือของเธอเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของผม ไม่ใช่เพื่อจะล้วงกระเป๋าแต่เพื่อไปเล่นกับส่วนหัวของเจ้าน้องชายของผม ผมตกใจมากและพยายามจะถอยหนีแต่ก็ขยับอะไรมากไม่ได้ ผมเลยหันไปหาเธอตรงๆ แล้วพยายามจะพูดอะไรสักอย่างประมาณว่า “อ่า… ขอโทษนะครับ..” เธอเงยหน้าจากมือถือมามองผม ผมยังจำรอยในตอนนั้นได้แม่นเลย มันเป็นรอยยิ้มเซ็กซี่ๆ ที่เปลี่ยนเป็นสีหน้าตกใจอย่างสุดขีดในเสี้ยววินาที เธอตะโกนว่า “ขอโทษค่ะ” และรีบวิ่งออกประตูไป และผมเห็นเธอคว้าแขนใครบางคนที่แต่งตัวคล้ายกับผมมากไปด้วย ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นแฟนของเธอนั่นเอง ไม่น่าเชื่อเลยว่าเรื่องทั้งหมดจะเกิดขึ้นในเวลาแค่ราวๆ สิบวินาที ตอนนั้นผมเป็นเด็กส่งอาหารและมีการสั่งอาหารมาจากอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ตอนที่ผมกำลังขึ้นลิฟต์อยู่นั่นเองก็มีหญิงแก่ตัวอ้วนคนหนึ่งเข้ามาในลิฟต์ เธอเหงื่อออกเยอะมากๆ…
-
ส่งผิดชีวิตเปลี่ยน 13 ข้อความ ที่ถูกส่งไปหาผู้รับผิดคน อย่างน่าอายที่สุดในชีวิต
ในบางครั้งการส่งข้อความก็เป็นการสื่อสารที่คนเราถนัดมากกว่าการพูดคุย มันทั้งเรียบง่ายและมีเวลาเรียบเรียง ต่างจากการพูดที่จะพลั้งปากเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าการส่งข้อความจะไม่มีข้อด้อยเลย ไหนจะเรื่องของการที่ข้อความไม่มีน้ำสียงที่ทำให้รู้ว่าข้อความนั้นพูดจริงหรือล้อเล่น และที่สำคัญที่สุดคือข้อความนั้น มันส่งผิดกันได้ง่ายๆ เหมือนกันคน 13 คนต่อไปนี้ ที่ส่งข้อความไปหาผู้รับได้ผิดคนอย่างไม่น่าให้อภัย จนกลายเป็นหนึ่งในเรื่องน่าอายที่สุดในชีวิตไปเลย 1. แฟนของผมทิ้งในกางเกงในไว้ให้ผม เธอบอกให้ผมลองใส่ดูแล้วส่งภาพไปให้เธอด้วย ผมคิดว่ามันตลกดีเลยลองทำตามซะเลย เธอไม่ตอบอะไรกลับมา ผมเลยไปถามเธอว่า เธอได้รับรูปไหม แต่เธอกลับบอกว่าไม่เห็นได้รูปอะไรเลย ภาพกระเจี๊ยวที่แทบจะทะลักออกมาจากในกางเกงในของผม ถูกส่งไปให้กับน้องชายของผมแทน และน้องชายของผมก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า “เชี้ยไรเนี่ย” ผมกับเขาตัดสินใจว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น และไม่พูดถึงมันอีก แต่ไม่แน่ว่าสักวันผมอาจจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วดูว่าเขายังจำมันได้ไหมก็ได้ 2. น้องชายของผมอยากจะเห็นรูปของสาวที่ผมกำลังจีบอยู่ ผมก็เลยกดถ่ายภาพหน้าจอโปรไฟล์ของเธอส่งไปให้น้องชายของผม แต่ผมดันกดผิดส่งไปให้สาวที่ผมกำลังจีบอยู่แทนซะงั้น นึกภาพคนที่ส่งรูปของคุณมาให้คุณดูสิ โชคดีที่ในรูปมีคนอื่นอยู่ด้วยผมก็เลยเนียนส่งรูปอื่นไปด้วย แล้วถามเธอว่าเธออยู่ตรงไหนของรูป ว่ากันตรงๆ หลังจากนั้นเธอก็บอกว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำเอาเธอขนลุกอยู่เหมือนกัน แต่สุดท้ายพวกเราก็ได้คบกัน 3. เพื่อนของฉันนอกใจแฟนแล้วก็พยายามทำเหมือนกับว่าเรื่องมันเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว เธอจึงเตี๊ยมกับหนุ่มคนที่ว่า ด้วยการส่งข้อความว่า “ถ้า(แฟนของฉัน)ถาม บอกไปว่าเธอได้กันแค่ครั้งเดียวนะ” แล้วก็ส่งข้อความผิดไปให้แฟนเธอเอง… 4. ผมส่งข้อความไปให้ผู้บริหารของบริษัทที่ผมทำงานอยู่ (บริษัทนานาชาติใหญ่โต ที่มีคนอยู่กว่า 3,000 คน)…
-
คำพูดสุดสยองจากปากของเหล่าเด็กๆ ที่จะทำให้คุณขนลุก หวีดหวิว นอนไม่หลับ
ว่ากันว่า สัตว์เลี้ยงและเด็กๆ นั้น มักจะสามารถมองเห็นในสิ่งที่พวกเราไม่รู้จักได้ ดังนั้นพวกเขาจึงชอบมองไปในที่ที่ไม่มีอะไรอยู่ หรือว่าพูดอะไรที่น่ากลัวออกมา แน่นอนว่าคนส่วนมากก็มักจะมองเรื่องเหล่านี้ว่ามันเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันนะ ว่าเบื้องหลังสิ่งที่พวกเขาพูดนั้น มันอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ก็เป็นได้ ลูกชายของผมเมื่อตอนห้าขวบพูดว่า ลูกชาย: พ่อๆ ผมจะกินพ่อล่ะนะ ผม: หืมมมมม ลูก: ช่าย ผมจะหั่นพ่อเป็นชิ้นๆ ผม: …. วันหนึ่งลูกสาวฝาแฝดของฉันพูดขึ้นพร้อมๆ กันว่า “เราเห็นทุกสิ่งที่แม่ทำเลยนะ… เห็น… ทุก… สิ่ง…” โอ้… โอเค… เมื่อตอนหลานสาวของฉันอายุได้ 7 ขวบ เธอถามพวกเราว่าทำไมเราต้องเก็บพวกคุณย่าคุณยายที่ตายไปแล้วไว้บนห้องใต้หลังคา แล้วก็หัวเราะ…. ฉันเคยถามลูกชายของเพื่อนว่าเขากำลังขุดอะไรอยู่ เขาตอบมาว่า “ศพไง… ทำไม…? คุณไม่เคยเห็นร่างคนตายเหรอ” ระหว่างที่เรากำลังปิกนิกกันที่สวน ตอนนั้นเองลูกชายของฉันก็จับมือฉันไว้แน่น แน่นมากๆ แล้วบอกฉันด้วยรอยยิ้มว่า “แม่ครับ พอแม่ตายผมจะทำตุ๊กตาของคุณแม่ขึ้นมา เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป… นั่นสินะ ตุ๊กตาจะทำจากหนังของคุณแม่ แล้วก็ตาด้วย แต่คงไม่เอาเครื่องใน” …
-
9 เรื่องเล่าอบอุ่นหัวใจ ที่จะมาละลายน้ำแข็งในหัวใจเรา ให้พบกับฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่น
นักเขียนที่ดีที่สุดของการเล่าเรื่องราวอันอบอุ่นนั้น ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชีวิตของพวกเราเอง ทั้งการเปลี่ยนแปลงของโชคชะตา หรือปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่ เรื่องราวของคนเรานั้นบางครั้งมันก็อบอุ่นได้อย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ เรื่องราวต่อไปนี้เป็น เรื่องเล่าสุดอบอุ่นหัวใจ ที่เกิดจากการเขียนบทของโลกใบนี้ ให้มาละลายหัวใจที่เป็นน้ำแข็งของผู้คน จนรู้สึกอบอุ่นราวกับได้พบกับฤดูใบไม้ผลิในหัวใจของตัวเองไม่มีผิด เรื่องที่ 1 แรงผลักดัน น้องสาวของฉันเดินไม่ได้อีกหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่จริงแล้วบาดแผลของเธอนั้นหายนานแล้ว แต่เธอก็ยังเดินไม่ได้อยู่ดี คุณหมอบอกพวกเราว่าเธอต้องการแรงผลักดันอะไรสักอย่าง แต่ไม่ว่าพวกเราจะลองทำอะไร น้องสาวของฉันก็ยังเดินไม่ได้อยู่ดี วันหนึ่งพวกเราไปเดินเล่นด้วยกันโดยที่น้องสาวของฉันนั่งอยู่บนรถเข็น ตอนนั้นเองก็มีจักรยานแล่นผ่านแอ่งน้ำขังจนน้ำในนั้นกระเด็นไปใส่น้องสาวของฉันจนเปียกไปทั้งตัว พวกเราตกใจมาก ฉันรีบหยิบทิชชู่ออกมาจากกระเป๋าและพยายามที่จะเข้าไปปลอบน้องสาวของฉัน เธอพลักฉันออกจากทาง ยืนขึ้นแล้วก็ออกวิ่งตามจักรยานคันนั้นไปเฉยเลย แถมในตอนที่เรารู้ตัว น้องสาวของฉันก็ลื่นล้มลงในแอ่งน้ำขังอันเดียวกันและเริ่มหัวเราะ ไม่รู้สินะ แต่ฉันต้องขอบคุณคนปั่นจักรยานคันนั้นจริงๆ แรงผลักดันของเขามันสุดยอดมากเลย เรื่องที่ 2 คนแปลกหน้า เมื่อไหร่ที่ฉันรู้สึกอารมณ์ไม่ดี หรือว่ามีปัญหามารุมเร้า ฉันมักจะเดินไปคุยกับคนแปลกหน้าแล้วก็ชมเรื่องดีๆ ของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา การแต่งกาย สีผม น้ำเสียง หรือหนังสือที่พวกเขากำลังอ่านอยู่ ฉันชอบที่จะได้เห็นคนอึ้งกับสิ่งที่ฉันพูด ก่อนที่จะยิ้มให้แล้วก็ขอบคุณฉัน เรื่องที่ 3 สะสมรอยยิ้ม วันนั้นฉันไปมหาวิทยาลัยอย่างอารมณ์เสียสุดๆ ในตอนที่เดินผ่านตึกที่กำลังก่อสร้างนั่นเอง คนงานคนหนึ่งก็หยุดมือของเขาแล้วพูดกับฉันว่า “น้องๆ ช่วยอะไรพี่หน่อยได้ไหม”…
-
17 เรื่องเศร้าเคล้าน้ำตา เรื่องราวสั้นๆ เรื่องล่ะไม่เกินสองบรรทัด ที่อาจจะทำให้คุณน้ำตาไหล
โลกใบนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย บางก็เป็นเรื่องที่ดี บางก็เป็นเรื่องเลวร้าย ชีวิตของคนเรานั้นแท้จริงแล้วอาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆ ที่เขียนออกมาก็ไม่ถึงสองบรรทัดเรื่องหนึ่งของโลกอันกว้างใหญ่นั้นก็เป็นได้ แต่พวกเรื่องราวเล็กๆ สั้นๆ เหล่านั้น ในบางครั้งกลับมีความหมายมากกว่าที่เราคิด เมื่อเราลองมองลงไปในสถานการณ์การที่คนเหล่านั้นได้พบ ไม่แน่นะว่า เราอาจจะได้เรียนรู้เรื่องราวอันน่าเศร้าของชีวิตเล็กๆ ทั้ง 17 ชีวิตจากข้อความเพียงสองบรรทัดเหล่านั้นก็เป็นได้ ผมได้พบกับคนที่ตามหามาตลอด แต่เธอนั้นยังไม่พบ เขาสัญญาว่าจะรอเธอตลอดไป และเธอทำให้เขาต้องรอตลอดไป บางสิ่งนั้นมีมากมาย แต่มันไม่เคยมากพอ เขาตื่นขึ้นมาแล้วเอื้อมมือไปหาเธอ แต่เธอไม่อยู่ที่นั่นอีกต่อไปแล้ว พวกเขาบอกจะสามารถช่วยภรรยาหรือลูกของผมไว้สักคนหนึ่ง พวกเขาคิดผิด หลังจากที่รอมาเป็นเดือนในที่สุดเขาก็ได้พบกับภรรยาของเขา มันไม่มีอะไรที่น่าดีใจไปกว่านี้ แต่เขาก็รู้ดีว่าอีกไม่นานเขาจะต้องตื่นขึ้นแล้ว เจ้านายของฉันยังไม่ตื่นขึ้นเลย อาหารที่เขาให้ไว้มันหมดไปนานมากแล้ว ฉันกอดลูกน้อยไว้แน่นพลางร้องเพลงกล่อมเธอ อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันคิดว่าเธอนั้นแค่หลับไป ผมอุ้มร่างของเธอไปที่โรงพยาบาลในสภาพปางตายเพราะเสพยาเกินขนาด ผมเป็นคนๆ เดียวที่เฝ้ารอให้เธอหายดี แต่ทุกๆ วันเธอจะตอกย้ำให้ผมฟังว่าเธอเกลียดผมแค่ไหนที่ช่วยเธอมา ผมมาเป็นแพทย์สนามเพื่อช่วยชีวิตคน แต่เพียงยี่สิบนาทีที่ผมปั๊มหัวใจของพ่อ ก็ทำให้ผมรู้ว่าความคิดนั้นมันเป็นเพียงเรื่องโกหก คลื่นหัวใจประสานเสียงเป็นครั้งสุดท้าย… และจบลงโดยไร้ซึ่งเสียงปรบมือ ผมบอกเธอว่าผมไม่เป็นไร…
-
กาลครั้งหนึ่ง มี ‘หมาป่า’ ผู้เป็นมิตรแห่งอลาสก้าตัวหนึ่ง เข้าไปมัดใจมนุษย์จนอยู่หมัด
หากพูดถึงหมาป่าแล้วล่ะก็ นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูสง่างามแล้ว คนทั่วไปมักจะนึกถึงมันในฐานะนักล่าตามธรรมชาติที่ฉลาดและแข็งแรง เวลาเจอหมาป่าเข้าจึงควรอยู่ให้ห่างที่สุดเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง ทว่าในอดีตยังมีหมาป่าอยู่ตัวหนึ่ง มันไม่เหมือนหมาป่าทั่วไปที่เราเคยรู้จัก มันกล้าเดินออกมาจากป่าซึ่งเป็นที่ซ่อนตัวของมัน แล้วเข้ามาหาคนและสุนัขตัวอื่นอย่างสันติ ความเป็นมิตรที่มันมอบให้กับทุกคนในละแวกนั้นทำให้ทุกคนในชุมชนที่รู้จักเจ้าหมาป่าต่างก็หลงรักมันทั้งนั้น ชื่อของมันก็คือ Romeo … Romeo หมาป่าผู้เป็นมิตร ในปี 2004 ช่างภาพชาวอลาสก้า Nick Jans และสุนัขของเขาใช้เวลาร่วมกันอยู่ในแผ่นน้ำแข็ง Mendenhall Glacier Park ในเขตป่าสงวน Tongass National Forest รัฐอลาสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกาตามปกติ ทว่าจู่ๆ ก็มีหมาป่าสีดำตัวหนึ่งโผล่ออกมาจากป่าโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ชายหนุ่มที่กำลังตื่นตระหนกอยู่ทำอะไรไม่ถูกเลย เขาจึงไม่ทันห้ามสุนัขของตัวเองที่วิ่งเข้าไปหาเจ้าหมาป่าซะแล้ว แต่แทนที่พวกมันจะต่อสู้กันอย่างที่เขาคิดไว้ เจ้าหมาป่าและเจ้าหมากลับเล่นกันอย่างสนุกสนานแทน ทำให้เขาแปลกใจกับภาพที่เห็นมาก . จากนั้นเป็นต้นมาเขาก็มักจะเจอเจ้าหมาป่าที่บริเวณทะเลสาบแห่งนี้เป็นประจำ เขาก็เลยตั้งชื่อให้มันว่า Romeo เขาเกิดความสนใจในตัวมันขึ้นมาเพราะความเป็นมิตรที่แปลกประหลาด เขาก็เลยติดตามดูชีวิตของเจ้าหมาป่าตัวนี้ . Romeo ไม่เพียงเป็นมิตรต่อเขาและสัตว์เลี้ยงของเขาเท่านั้น มันยังเข้ามาเล่นกับสุนัขทุกตัวที่มาเดินเล่นบริเวณนี้ด้วย มันไม่เคยแสดงท่าทีดุร้ายออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว . แม้ว่าในตอนแรกคนในชุมชนจะกลัว Romeo…
-
เรื่องเล่าฮาๆ จากต่างประเทศ ว่าด้วยเรื่องประสบการณ์สุดขำของการมีแฟนคนแรกในชีวิต
มนุษย์เรานั้นมักจะพบว่าตัวเองนั้นมักจะทำให้ตัวเองตกอยู่ในเหตุการณ์ที่น่าอายอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะกับเรื่องที่ไม่คุ้นเคย หรืออะไรที่ทำเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แต่ในขณะเดียวกันเรื่องเหล่านั้นก็มักจะกลายเป็นเรื่องตลกเฮฮาเอาได้ง่ายๆ เช่นกัน ด้วยเหตุนี้เองทางต่างประเทศจึงได้มีการออกมาเล่าเรื่องเล่าฮาๆ ว่าด้วยเรื่องประสบการณ์สุดขำของการมีแฟนคนแรกในชีวิต ซึ่งจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น #เหมียวฝึกหัด ได้นำมาให้ชมแล้วที่นี่ ครั้งแรกที่ฉันจูบกับใครสักคน เป็นตอนที่ฉันยังอายุ 18 ปี ยังแต่เด็กจนถึงตอนนั้น ฉันเคยเห็นฉากจูบแค่ในฉากมีเซ็กส์ จากในหนังหรือละครเท่านั้น ดังนั้นตอนที่เราจูบกัน (ในที่สาธารณะ) ฉันเลยทำเสียงเหมือนในหนังเพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องทำ โอ๊ย ฉันล่ะเกลียดตัวเองจริงๆ นึกถึงยัยบ้าที่ทำเสียง อืม อืม อืมมมม ระหว่างจูบดูสิ ฉันมองหน้าแฟนคนนั้นไม่ติดอีกเลย เราเริ่มจูบกันที่ลานจอดรถร้าน Target เธอขึ้นคร่อมผมแล้วเริ่มถอดเสื้อ ก่อนที่จะรู้ตัวว่าในรถคันข้างหน้ามีครอบครัวหนึ่งมองเราอยู่ ตอนที่แฟนผมจูบผม ผมคิดว่ามันจะเหมือนในหนัง ผมผลักเธอลงบนเตียงเบาๆ และพยายามจะถอดกางเกงของเธอ… แล้วแม่ของเธอก็เดินเข้าห้องมา พยายามจะทำอะไรกันบนรถ… ในขณะที่รถกำลังวิ่ง แน่นอนว่าจบไม่สวย ไปปิกนิกกับแฟนในสวน ฉันอยากโชว์ให้แฟนรู้ว่าผู้หญิงก็ทำงานใช้แรงได้เหมือนกัน ฉันเลยหยิบอีเต้อขึ้นมาเหวี่ยงโดยไม่รู้ว่าเขายืนอยู่ข้างหลัง เขาเลยโดนอีเต้อเฉาะเข้าที่หัวเข่าจนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่หลังจากนั้นเขากลับขอฉันแต่งงานเฉยเลย เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อผมเรียนมัธยมปลายปีแรก ตอนนั้นกำลังจะถึงวันเกิดของแฟนผม ผมก็เลยอยากหาอะไรดีๆ ให้กับเธอ…
-
5 เรื่องเล่าที่แม้จะไม่ซึ้งจนน้ำตาไหล แต่ “พ่อ” นี่แหละ คือฮีโร่ที่อยู่ข้างๆ เราเสมอ
เราทุกคนมักได้ยินเรื่องดีๆ มากมายเกี่ยวกับผู้เป็นแม่ แต่พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณพ่อแล้ว เรื่องส่วนใหญ่ที่เราได้ยินก็มักจะออกไปทางตลกขำขันเสียมากกว่าใช่ไหมล่ะ แน่นอนว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีอะไร แต่บางครั้งพวกเราก็อยากจะได้ยินเรื่องซึ้งๆ จากฝั่งพ่อกันบ้าง เรื่องเล่าต่อไปนี้เป็นตัวอย่างที่ดีที่จะทำให้เราได้รู้ว่า แม้อาจจะไม่ซึ้งจนน้ำตาไหล แม้จะมีบ้างที่เป็นเรื่องธรรมดาๆ แต่พ่อของเรานี่ล่ะ คือฮีโร่ที่อยู่ข้างๆ เราเสมอมา 1. พ่อผู้ไม่อยากให้ลูกเป็นเด็กเกเร ตอนนั้นฉันกำลังจะกลับไปทำงานหลังจากที่ไปทานอาหารกลางวัน อากาศมันดีมากเลย ฉันก็เลยเริ่มเดินไปฮัมเพลงที่ฟังไป ในตอนนั้นเองก็มีคนอุ้มฉันจนตัวลอยแล้วตะโกนว่า “ลูกมาทำอะไรที่นี่!!” ด้วยความตกใจฉันเลยหันไปมองเขาขณะที่กำลังโดนอุ้มเหมือนกับลูกแมวตัวเล็กๆ เขามีสีหน้าตกใจมากๆ และค่อยๆ ปล่อยฉันลงบนพื้น เขาเริ่มพร่ำขอโทษฉัน ประมาณว่า “ขอโทษครับ ต้องขอโทษจริงๆ ผมนึกว่าคุณเป็นลูกสาวของผม ตอนนี้เธอคงทำข้อสอบคณิตศาสตร์อยู่ที่โรงเรียน” อย่างนี้นี่เอง เขาก็แค่คนเป็นพ่อคนหนึ่งที่โมโหเพราะคิดว่าลูกโดดเรียนในวันที่มีสอบนั่นเอง 2. พ่อผู้อยากให้ลูกได้พบกับคนดีๆ ตอนนั้นฉันนั่งอยู่บนรถบัสกับคุณพ่อ (พ่อนั่งข้างหลังฉัน) มีชายร่างผอมบางคนหนึ่งเดินเข้ามาถามฉันว่า “แม่ของคุณอยากได้ลูกเขยไหม?” ฉันรู้ทันทีว่าเขามาจีบ ฉันก็เลยตอบกลับไปว่า “ไม่รู้สินะว่าแม่อยากได้ไหม แต่เดี๋ยวถามคุณพ่อให้” ก่อนที่หนุ่มคนนั้นจะตอบอะไรกลับมา ฉันก็หันไปถามคุณพ่อว่า “พ่ออยากได้ลูกเขยไหม” ในตอนนั้นเองคุณพ่อก็พูดขึ้นว่า “เฮ้ คุณลูกเขย นายวิดพื้นได้กี่ครั้ง” หนุ่มคนนั้นถ้าทางจะเหวอไปน่าดู แต่สุดท้ายเขาก็ตอบกลับไปว่า “หกครั้งครับ” พอเห็นอย่างนั้นพ่อเลยถามต่อ “แล้วซิทอัพล่ะ” เด็กหนุ่มตอบว่า…
-
ช่างภาพใช้เวลา 4 ปีคลุกคลีอยู่กับคนไร้บ้าน และมันก็เป็นช่วงเวลาอันประทับใจหลังได้คุยกับพวกเขา
Mikaël Theimer ช่างภาพที่ให้ความสนใจกับกลุ่มคนไร้บ้าน กลุ่มคนที่สังคมมักจะมองว่าพวกเขาคือส่วนเกินและล้มเหลวในชีวิต แต่กลับกันช่างภาพคนนี้กลับมาเห็นอะไรบางอย่างในตัวพวกเขาและเริ่มเดินสายเข้าไปคลุกคลีอยู่กับกลุ่มคนเหล่านั้นด้วยคำพูดง่ายๆ ว่า “สวัสดีครับ เป็นยังไง สบายดีไหม?” ผลลัพธ์จากการกล่าวคำทักทายของ Mikaël นั้นได้เปิดโลกใบใหม่ให้กับเขา เขาได้สัมผัสถึงความสุข ความทุกข์ ความโกรธและอื่นๆ อีกมากมายที่คนไร้บ้านต้องเจอ บางคนไม่ได้มีปัญหาจากยาเสพติดหรือความล้มเหลวที่พวกเขาตั้งใจจะก่อ Mikaël จึงได้ถ่ายภาพของคนที่เขาได้ไปคุยด้วยพร้อมกับบอกเล่าด้วยข้อความสั้นๆ และน่าสนใจมาให้เราได้อ่านกัน… Mario ชายที่ต้องไปอยู่ในคุกหลังฆ่าคนที่ข่มขืนลูกชายของเขา นั่นส่งผลให้เขาต้องเสียทุกอย่างไป ชายคนนี้เมื่อถูกถามว่าเขาอยากบอกอะไรผ่านสื่อ เขาบอกว่า “รัก…ผมรักภรรยาของผมมากๆ” หญิงคนนี้เคยเอาไม้ฟาดลงไปที่ชายใจร้ายคนหนึ่ง หลังเขาทำแบบเดียวกับสุนัขของตัวเอง Fernand ชายไร้บ้านแสนอบอุ่น เขามักจะไปมาไหนกับแมวสีดำของเขาเสมอ Normand ชายไร้บ้านหน่วยก้านดี ซึ่งเขาเพิ่งจะมีคนจ้างไปทำงานก่อสร้างหลังจากที่ Mikaël โพสต์ภาพของเขา Mostafa หนุ่มผิวสีไร้บ้านแต่ไม่ไร้ความสามารถ เขาคนนี้สามารถพูดได้ถึง 8 ภาษา!! แม้ชายคนนี้จะไร้บ้าน แต่เขาไม่หยุดที่จะหัวเราะและมองหามุมดีๆ ให้กับชีวิต เขายังโน้มน้าวให้ Mikaël หัวเราะไปกับเขาด้วย …
-
9 เรื่องราวสุดบ้าที่มี “เงิน” มาเกี่ยวข้อง ทำให้รู้ว่าเงินมีอิทธิพลกับคนมากขนาดไหน
คงไม่มีใครเถียงหรอกว่าปัจจุบันเงินเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิตจริงๆ แค่ก้าวเท้าออกจากบ้านก็มีเรื่องให้ต้องเสียเงินกันเสียทุกครั้งแล้ว ถ้าไม่มีเงินจะอยู่ยังไงล่ะ จะไปใช้ชีวิตปลูกผักกินเองแบบชาวไร่ในสมัยก่อนก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะยังต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่นค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าขนส่งอีก แม้แต่ในสมัยก่อนที่คนไม่ต้องพึ่งพาเงินมากเหมือนในปัจจุบัน เงินก็มีส่วนทำให้คนทำเรื่องที่ปกติตัวเองคงไม่ทำถ้าไม่เพราะเงินจำนวนมากอยู่ด้วย ลองไปรับฟังกันดูนะว่ามันบ้าขนาดไหน 1. จ่ายค่าเช่าหวังฮุบอพาร์ตเม้นต์ เมื่อปี 1965 ทนาย Andre-Francois ทำสัญญาจะจ่ายเงินค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ให้คุณยาย Jeanne Calment วัย 90 ปีทุกเดือน โดยมีข้อแม้ว่าถ้าคุณยายตายไปแล้วจะต้องยกอพาร์ตเมนต์ให้กับเขา คงหวังจะได้อพาร์ตเมนต์ราคาถูกมาครอง เพราะคุณยายแก่แล้วน่าจะอยู่ได้ไม่นาน แต่อาจจะเพราะเธอไม่อยากยกอพาร์ตเม้นต์ให้เขาง่ายๆ คุณยายก็ฮึดมาจากไหนไม่รู้ มีชีวิตอยู่ยาวนานจนทนายคนนั้นตายไปก่อนตัวเองเสียอีก แล้วในปีถัดมาคุณยายก็ตายไปด้วยอายุ 122 ปี ทนายหนุ่มจึงได้จ่ายค่าอพาร์ทเมนต์นานกว่า 30 ปี ทั้งที่ตัวเขาไม่มีโอกาสได้เข้าไปอยู่เลย รวมแล้วเป็นเงินกว่า 280,000 ดอลลาร์สหรัฐในยุคปัจจุบัน (ประมาณ 9 ล้านบาท) 2. เก็บความตายของพ่อไว้เป็นความลับ หวังเอาเบี้ยคนชรา เมื่อปี 2010 ทางการของกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นเดินทางไปที่บ้านของนาย Sogen Kato เพื่อยินดีกับเขาเนื่องในโอกาสอายุครบ 111 ปี ถือเป็นชายที่อายุเยอะที่สุดในเมือง…
-
5 ตำนานเรื่องเล่าขนหัวลุก ที่เหล่าเด็กๆ เกาหลีมักจะได้ฟัง น่ากลัวเสียจนนอนไม่หลับ
เรื่องเล่าสยองขวัญ หลายๆ เรื่องอาจไปเป็นเรื่องจริง หรือไม่ก็เป็นเรื่องแต่ง แต่ไม่ว่าจะประเทศไหนๆ ก็ล้วนแต่มีเรื่องเล่าที่ชวนน่าขนลุกกันทุกประเทศ ไม่เว้นแต่ประเทศเกาหลีใต้ โดยที่วันนี้ทางเราได้รวบรวมเรื่องเล่าชวนน่าขนลุก 5 เรื่องของประเทศเกาหลีใต้มาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน 1. การค้ามนุษย์ เรื่องเล่ายอดนิยมของเกาหลีเรื่องแรกได้แก่การค้ามนุษย์เลย โดยที่จะมีองค์กรใต้ดินที่คอยลักพาตัวคนในเมือง และขโมยอวัยวะของพวกเขาไปขาย หรือไม่ก็ใช้บังคับขายบริการทางเพศ แม้ว่ามันยากที่จะฟันธงว่ามีมันเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วกี่ครั้ง แต่มันก็ยังคงเป็นปัญหาที่ทั่วโลกต้องตระหนักถึง ไม่ใช่ปัญหาแค่เพียงในเกาหลีเท่านั้น 2.หน้ากากแดง นี่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหญิงสาวคนหนึ่งผู้ที่ปากนั้นฉีกไปถึงแก้ม ซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุที่ไม่สามารถระบุได้ และมันก็มีเรื่องเล่าแตกต่างกันเกี่ยวกับเรื่องราวของเธอ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหากคุณดันไปพบเจอเธอแบบตัวต่อตัว แต่ตอนจบของเรื่องส่วนมากนั้นมักจะเหมือนกัน คนที่พบเธอมักจะต้องพบกับความตาย จุดเริ่มต้นเรื่องราวจริงๆ นั้นอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1978 แต่ว่าเรื่องนี้กลับไปได้รับความนิยมในโรงเรียนประถมและมัธยมในเกาหลีมากกว่าเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน โดยหลายสมมติฐานของเรื่องเล่านี้ดั้งเดิมแล้วมาจากที่ชาวญี่ปุ่นที่ใส่สวมใสหน้ากากในระหว่างฤดูใบไม้ผลิ เพราะในอากาศนั้นเต็มไปด้วยสารก่อภูมิแพ้และมลพิษ ซึ่งมันเป็นไปได้ว่าผู้หญิงที่ใส่หน้ากากคนนี้ บังเอิญทาลิปสติกสีแดงและมันก็เลอะปากจนขึ้นไปถึงแก้มของเธอเนื่องจากเสียดสีกับหน้ากากที่เธอใส่ ซึ่งมันทำให้ดูเหมือนว่าปากของเธอนั้นฉีกขาดและมีเลือดไหลนั่นเอง 3. พัดลมแห่งความตาย มันเป็นเรื่องเล่าของความเชื่อของคนเกาหลี ที่เชื่อว่าหากใครเปิดพัดลมทิ้งไว้ตอนที่ไม่เปิดหน้าต่าง และเผลอหลับไป จะตายเพราะขาดอากาศหายใจ ช่วงยุค 90 ช่องข่าวหลายๆ ช่องของเกาหลีใต้นั้นได้รายงานเรื่องของพัดลมแห่งความตาย ว่ามันเป็นเรื่องจริง และยังระบุอีกด้วยว่าต้นเหตุของการเสียชีวิตของชาวเกาหลีจำนวนมากนั้นมาจากพัดลม…
-
หนุ่มซื้อปลากัดจากร้าน สภาพของมันดูไม่สวยเหมือนตัวอื่นๆ แต่ตอนนี้ สวยราวกับพระอาทิตย์!!
เวลาใครสักคนจะเลือกซื้อหรือรับเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมาสักตัว คนส่วนใหญ่มักจะตัดสินจากหน้าตาของมันในตอนแรก ถ้าพวกมันหน้าตาน่ารักหรือดูสวยงามแล้วละก็ โอกาสที่จะถูกรับเลี้ยงก็สูงตาม แต่ถ้าสัตว์ตัวนั้นหน้าตาไม่ค่อยโอเคละ? แน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับสัตว์สี่ขาอย่างหมาและแมวเท่านั้น แต่กับปลากัดก็โดนด้วยเช่นกัน โดยหนุ่มคนหนึ่งได้เล่าว่าเขาเป็นคนที่ชอบเลี้ยงปลามากๆ และเขาก็จะรักพวกมันเหมือนกับที่คนทั่วไปรักหมาแมวเลยละ แต่แล้ววันหนึ่งปลากัดของเขาได้ตายจากไปอย่างไม่หวนคืน เขาใจสลายมากๆ แต่ว่าเพื่อเติมเต็มช่องว่างที่หายไปเขาจะต้องพาเพื่อนคู่ใจตัวใหม่ เขาจึงเดินทางไปร้านขายสัตว์เลี้ยงเพื่อหาปลากัดตัวใหม่ พร้อมกับถามคนขายว่า “เฮ้ พี่ชาย ผมอยากจะรู้ว่าปลากัดในร้านของพี่ตัวไหนยาวที่สุด!!” หนุ่มคนรักปลาถามเจ้าของร้านขายสัตว์เลี้ยงอย่างมีความหวังว่าเขาจะได้ปลาตัวสวยงามและยาวมาเลี้ยง… แต่ไม่เลยเจ้าของร้านชี้ไปที่ปลาตัวหนึ่งที่กำลังว่ายน้ำอยู่ในโหลขุ่นๆ พร้อมบอกว่า “ตัวนี้เลยหนุ่ม ยาวและอยู่มานานที่สุดแล้ว แต่มันอาจจะไม่สวยหน่อยนะเพราะคนที่มาส่วนใหญ่ล้วนบอกว่ามันน่าเกลียด” หนุ่มผู้รักปลากัดหาได้สนไม่ เขาบอกกับตัวเองว่าช่างมัน ต่อให้เจ้าปลาตัวที่เจ้าของร้านส่งให้จะไม่สวยตามที่บอก แต่เขาจะรับหน้าที่ดูแลมันอย่างดีเอง ซึ่งหลังจากที่หนุ่มรักปลาคนนี้กลับมาถึงเขาก็ไม่รอช้าจัดแจงเปลี่ยนน้ำจัดตู้ปลาอย่างดีให้กับเพื่อนรักปลากัดตัวใหม่ของเขา วินาทีที่ปลากัดลงไปในตู้ปลาใสสะอาดตู้ใหม่ หนุ่มก็พบว่าจริงๆ ปลาที่เขาซื้อมานั้นไม่ได้รับการดูแลจากเจ้าของร้านดีเท่าที่ควร มันมีครีบที่ขาดๆ และสภาพปลาก็ย่ำแย่มากๆ แต่หนุ่มรักปลาก็ไม่สนเพราะเขารับมันมาแล้วเขาก็ตั้งใจว่าจะทำให้มันกลับมามีชีวิตที่ดีให้ได้ เวลาผ่านไป หนุ่มรักปลาก็ค้นพบว่าปลาของเขาไม่ได้น่าเกลียดอย่างที่คิด แต่มันกลับสวยงามมากๆ เพราะเมื่อมันได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีแล้ว มันกลับมีครีบที่สวยงามหางที่พริ้วไหว แถมสีของเจ้าปลากัดตัวนี้ก็มีสีส้มสวยงามราวกับดอกทานตะวันหรือพระอาทิตย์ที่กำลังส่องแสงเลยทีเดียว สุดท้ายหนุ่มรักปลาก็บอกว่า อย่าตัดสินสัตว์เลี้ยงของคุณที่หน้าตาในตอนเด็กของมัน ต่อให้มันหน้าตาน่าเกลียดยังไง ถ้าคุณดูแลเอาใจใส่พวกมันอย่างดีแล้วละก็ รับรองพวกมันจะมีรูปร่างที่สวยงามและน่ารักกว่าเดิมเยอะ!! ที่มา boredpanda
-
ชาวเน็ตร่วมแชร์ สิ่งที่คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติในตอนเด็ก แต่พอโตมามันไม่ใช่แบบน๊านน!!
ในวัยเด็กซึ่งเป็นวัยที่เรากำลังเรียนรู้สิ่งต่างๆ บนโลกนี้ บางครั้งพ่อแม่ก็มักจะสอนอะไรแปลกๆ ที่ไม่เหมือนกับบ้านอื่นมา แล้วเราก็ดันเก็บไปคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ พอโตมาถึงได้รู้ว่าเราคิดแปลกอยู่คนเดียวนี่หว่า เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นกับเด็กแทบทุกคนในโลกแหละ ชาวเน็ตจำนวนมากก็มีประสบการณ์ในทำนองนั้นเหมือนกัน วันนี้พวกเขาจะมาแชร์ความเข้าใจผิดแบบสุดติ่งให้เราได้ฟังและขำไปพร้อมๆ กัน 1. กินกล้วยเจ็บปาก ตั้งแต่ตอนเด็กผู้ใช้งาน kels369 เชื่อมาตลอดว่าการกินกล้วยแล้วรู้สึกเจ็บปากเป็นเรื่องปกติเหมือนการกินลูกอมทั่วไปนั่นแหละ จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเขาอายุ 18 ปี เขาได้บ่นเรื่องนี้ให้แม่ฟัง แม่ของเธอถึงกับงงกับลูกเลย ตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งได้รู้ความจริงว่าคนทั่วไปกินกล้วยไม่เจ็บปากกันหรอกนะ แต่เขาแพ้กล้วยต่างหาก 2. ขับรถไป Herrera luken4b6dbefbe เล่าว่า “ตอนฉันยังเด็กอยู่ เวลาที่พ่อกับแม่อยากให้ฉันนอนหลับทีไร พวกเขาก็จะบอกฉันว่าจะขับรถไป ‘Herrera’” เธอเข้าใจมาตลอดว่าที่นั่นเป็นที่ที่ไกลมาก เธอจึงมักจะหลับบนรถรอเสมอ แต่เมื่อโตมาถึงได้รู้ว่าชื่อสถานที่นั้นไม่มีอยู่บนแผนที่โลกเลย 3. นางฟ้าต้นคริสต์มาส เมื่อถึงวันคริสต์มาส พ่อแม่ของ paigef45ef1ae8e มักจะบอกเขาเสมอว่า ‘นางฟ้าต้นคริสต์มาส’ เป็นคนเอาของขวัญไปซ่อนไว้ในต้นคริสต์มาส เพราะนั่นเป็นวิธีการให้ของขวัญเฉพาะของบ้านนั้นนั่นเอง เขาก็คิดว่านางฟ้าต้นคริสต์มาสก็โด่งดังเหมือนกับซานตาคลอสและนางฟ้าฟันน้ำนม เมื่อเขาโตมาแล้วพูดเรื่องนี้กับเพื่อนในวันคริสต์มาสถึงได้รู้ว่านอกจากเขาแล้วไม่มีใครรู้จักนางฟ้าต้นคริสต์มาสเลย 4. โทรศัพท์รั่ว k42cfc146d เล่าว่า “ตอนที่ฉันยังเด็กอยู่ เวลาโทรศัพท์ดังพ่อมักจะตะโกนว่า ‘โทรศัพท์รั่วแล้ว ไปรับหน่อย’…
-
‘เอเวอเรสต์’ ยอดเขามรณะพิชิตนักปีนเขา ดั่งสุสานลอยฟ้าที่ทิ้งร่างของผู้พ่ายแพ้
เมื่อพูดถึงภูเขาที่สูงที่สุดในโลกแล้วละก็ คงจะไม่มีสถานที่ใดมาเทียบเคียงกับ ‘ยอดเขาเอเวอเรสต์‘ ได้อีกแล้ว ด้วยระดับความสูงที่ 8,848 เมตร จึงทำให้นักปืนเขามากมายจากทั่วโลกรู้สึกตื่นเต้นและอยากจะพิชิตมันให้ได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายอดเขาแห่งนี้จะมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเพียงใด แต่มันก็ลบความเป็นจริงที่ว่ามันเป็นดั่งสุสานลอยฟ้าของเหล่านักปีนเขาออกไปไม่ได้เสียที ด้วยความที่สภาพอากาศระหว่างไปยอดเขานั้นมันโหดร้ายมากๆ ทั้งหนาวเย็นและออกซิเจนก็น้อยนิด มันจึงคร่าชีวิตผู้คนมากมายมานับตั้งแต่อดีต ทิ้งไว้ก็แต่ร่างไร้วิญญาณมากมายบนกองหิมะอันหนาวเน็บ บ้างก็รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน บ้างก็ไม่อาจจะทราบได้ว่าพวกเขาเป็นใคร ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมีคนเสียชีวิตการจะพาพวกเขากลับมาด้วยก็เป็นเรื่องที่ยากเมื่อคุณขึ้นไปถึงระดับที่สูงขึ้น เพราะถ้าคุณมัวกู้ร่างของผู้เสียชีวิต ก็เท่ากับว่าคุณก็พร้อมจะเอาชีวิตไปเสี่ยงด้วยเช่นกัน… ในปัจจุบันภูเขาแห่งนี้ได้กลายเป็นสุสานแก่นักปีนเขาจำนวนเกือบ 300 คน ซึ่งในแต่ละการตายก็มีเรื่องเล่าที่สืบต่อกันมาหลากหลายเรื่องเลยทีเดียว . อย่างเช่นเรื่อง ‘Green Boots’ ที่เล่าถึง Tsewang Paljor นักปีนเขาจากอินเดียที่เสียชีวิตในปี 1996 ส่วนสาเหตุที่ต้นเหตุของเรื่องเล่าก็มาจากรองเท้าที่เขาใส่ไปปีนมันเป็นสีเขียว และนักปีนเขาคนอื่นๆ ในช่วงนั้นก็จะต้องเจอกับศพของเขาระหว่างทางนั่นเอง หรือจะเป็นเรื่อง ‘Sleeping Beauty’ ที่เล่าถึงสองสามีภรรยา Francys และ Sergei Arsentiev ที่ได้ไปพิชิตยอดเขาในปี 1998 ซึ่งทำให้ Francys นั้นยังเป็นหญิงชาวอเมริกันคนแรกที่สามารถพิชิตยอดเขาได้ แต่โชคร้ายที่ทั้งคู่ได้เสียชีวิตระหว่างทางกลับลงมานั่นเอง…
-
ตำนานปีศาจ Popobawa แห่งแทนซาเนีย ข่มขืนไม่เลือกหน้าทั้งชายและหญิง ผู้คนพากันขวัญผวา!!
เวลาพูดถึงปีศาจที่ข่มขืนคน เรามักจะนึกถึง Succubus ปีศาจผู้หญิงที่ชอบข่มขืนและสูบกินผู้ชาย แต่เราคงไม่เคยได้ยินปีศาจที่ชื่อ Popobawa ปีศาจหน้าตาเหมือนค้างคาวที่สูบกินทั้งชายและหญิงมาก่อนใช่ไหม? มาๆ ล้อมวงเข้ามา เดี๋ยวหมอจะเล่าให้ฟัง… Popobawa นั้นเป็นปีศาจที่มีตำนานเล่ากันมาในประเทศแทนซาเนีย ซึ่งเป็นประเทศทางฝั่งแอฟริกา และถูกบอกเล่าถึงการค้นพบเมื่อปี 1965 โดยเจ้าปีศาจตัวนี้จะสามารถสลับร่างไปมาได้ระหว่างคนและร่างปีศาจ ในร่างปีศาจนั้น มันจะมีหน้าตาคล้ายๆ กับคนผสมค้างคาวและมีตาเดียว ที่สำคัญมันยังมีอวัยวะเพศที่ใหญ่ยาวสุดๆ นอกจากนี้ทุกครั้งที่มันบินมันจะหายใจดัง แฮ่กๆ…ไม่ใช่สิ “ฟี้ด….ฟี้ดดดด” ต่างหาก เจ้า Popobawa นั้นมันเป็นปีศาจที่มีนิสัยชอบแอบย่องเข้าไปในบ้านคนกลางดึก ซึ่งมันจะข่มขืนคนที่หลับอยู่ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง เด็กหรือผู้ใหญ่ แต่จากคำบอกเล่านั้นรายงานว่าเหยื่อส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายเสียมากกว่า (แถมบางที่ยังบอกว่าเคยโดนพร้อมกันทั้งครอบครัวด้วยนะ) เหยื่อหลายคนที่ถูก Popobawa ข่มขืนนั้นได้บอกถึงประสบการณ์ของพวกเขาว่า “ความรู้สึกที่โดน มันเหมือนเรากำลังฝันอยู่ แต่ในเวลาเดียวกันเราก็รู้สึกถึง ปิกาจูของมันที่กำลังสอดเข้ามาได้ และแม้จะพยายามตื่นหรือขยับเท่าไหร่เราก็ไม่สามารถทำได้เลย รวมถึงการส่งเสียงขอความช่วยเหลือก็เช่นกัน มันให้ความรู้สึกเหมือนตะโกนสุดเสียงแต่ไม่มีใครได้ยิน” คนที่ถูกปีศาจ Popobawa บุกมาข่มขืนตอนกลางคืน จะเริ่มมีอาการวิตกกังวลและหวาดกลัวทุกอย่างในเช้าวันถัดมา ซึ่งชาวบ้านได้ช่วยกันหาทางออกโดยการรวบรวมคนมานอนข้างนอกบ้านพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เพื่อที่มันจะได้ไม่กล้าทำอะไรนั่นเอง …
-
รวมเหตุการณ์สุดเหลือเชื่อที่ถ้าเล่าเฉยๆ คนต้องหาว่าโกหกแน่ๆ แต่ขอโทษพี่มีรูปมายืนยัน!!
เคยไหมที่เราไปเจอเหตุการณ์อะไรแปลกๆ สุดเหลือเชื่อจนเราตื่นเต้นไม่อยากเก็บไว้คนเดียว อยากจะแบ่งปันให้กับเพื่อนหรือคนรู้จักฟัง แต่พอเราเล่าไปเขากลับไม่เชื่อ เพราะว่าเราไม่มีหลักฐานอะไรติดมือมา เช่น รูปภาพ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ชาวเน็ตหลายคนที่เคยเจอเหตุการณ์เดียวกัน ก็เลยอดใจไม่ได้อยากจะแชร์เรื่องของตัวเองบ้าง แต่พวกเขาไม่ได้เล่าเฉยๆ เพราะชาวเน็ตพวกนี้จะไม่ยอมให้คนมาหาว่าเขาโม้อีกต่อไป งานนี้ก็เลยมีรูปมาเป็นภาพปลากรอบด้วย!! ฉันไปเจอแมวเล่นม้าหมุนที่สนามเด็กเล่นด้วย!! ตำรวจแคนซัสซิตีติดลิฟท์ เลยได้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากแคนซัสซิตีมาช่วยอีกที กระรอกมันตกลงมาจากหลังคา ตกจริงๆ ไม่เชื่อดู!! เจ้าของภาพเล่าว่าว่าสมัยก่อน เขาได้เจอกับ Robin Williams ในงานที่เขาจัดขึ้น แถมยังได้รับกอดอุ่นๆ จากพี่แกอีก กลัวคนไม่เชื่อเลยขอยืมกล้องเพื่อนมาถ่ายไว้ เฮ้ย วันนั้นตรูไปเที่ยวมาเจอเกาะๆ หนึ่งแม่มโครตเหมือนตรูเลย ไม่เชื่อดูดิ สมัยก่อนผมเคยเล่นหมากรุกกับ Morgan Freeman ด้วย นี่ไงหลักฐาน เจ้าของภาพเล่าว่า เขาลืมกุญแจไว้ในรถเลยเรียกให้ช่างมาเอาออกให้ พอช่างมาถึงเอากุญแจรถเจ้าของภาพคืนมาได้สำเร็จ ช่างก็ดันลืมกุญแจรถตัวเองไว้อีก งานนี้ช่างอีกคนก็เลยต้องมาช่วย วันก่อนครับ ไปสวนสัตว์ ลิงแม่มโชว์นิ้วกลางใส่ผม ผมก็เลยโชว์คืนมัน เชื่อไหมว่ามันโมโหด้วย แฟนผมเล่าว่าเธอเจอนกเขาสีรุ้ง…
-
เจาะตำนานหลายเวอร์ชั่นเก่าๆ ของ ‘หนูน้อยหมวกแดง’ ที่ตอนจบอาจหดหู่กว่าที่ได้ยินมา
ปกติแล้วถ้าพูดถึงนิทานเรื่อง ‘หนูน้อยหมวกแดง’ เราคงคุ้นเคยแต่กับเวอร์ชั่นที่มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับวัยเด็กมากยิ่งขึ้น แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าอันที่จริงแล้ว… เรื่องราวของเด็กสาวกับหมาป่า ถูกนำไปดัดแปลงไว้มากมาย และคราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับเวอร์ชั่นที่มีความโหดร้ายที่มากกว่า ย้อนกลับไปช่วงศตวรรษที่ 10 ในประเทศฝรั่งเศส ได้มีการนำนิทานเรื่องนี้มาเล่าก่อนแล้ว โดยใช้ชื่อว่า ‘The Story of Grandmother’ ตามแบบฉบับดั้งเดิมเล่าว่า… ‘กาลครั้งหนึ่งมีเด็กสาวถูกไหว้วานจากคุณแม่ให้เอาขนมปังไปให้คุณยาย เมื่อเด็กสาวเดินทางมาถึงสี่แยกแห่งหนึ่ง เธอก็ได้พบกับ bzou หมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ เธอถูกหลอกถามว่าจะนำของไปให้คุณยาย ณ ที่แห่งใด.. เมื่อเจ้า bzou รู้ที่หมายแล้ว มันจึงรีบไปดักหน้าและฆ่าคุณยายทิ้งและรอการมาถึงของเด็กสาว เมื่อเด็กสาวมาถึง เธอกลับไม่รู้เลยว่าคุณยายของเธอถูก bzou ฆาตกรรมและปลอมตัวเป็นคุณยายซะเอง bzou โน้มน้าวให้เด็กสาวทานอาหารและดื่มไวน์ ที่ทำมาจากเนื้อหนังและเลือดของคุณยายเธอเอง จากนั้นเด็กสาวก็ถูกคุณยายตัวปลอมหว่านล้อมให้ทำตามคำสั่ง ทั้งถอดเสื้อและให้ไปหลับนอนด้วย ทว่าเด็กสาวจับผิดสังเกตได้ว่าคุณยายของเธอมีลักษณะที่แตกต่างจากเดิม เมื่อรู้อย่างนั้นแล้วเด็กสาวก็เรียกร้องที่จะออกไปข้างนอกให้ได้ bzou จึงผูกเชือกไว้กับเท้าของเด็กสาว และปล่อยให้เธอออกไปวิ่งเล่นข้างนอกอยู่ครู่หนึ่งเด็กสาวดูมีท่าทางพิรุธเหมือนกำลังจะผูกเชือกไว้กับอะไรบางอย่าง หมาป่าชักไม่แน่ใจจึงออกไปดูก่อนจะพบว่า.. เด็กสาวได้หนีกลับบ้านไปแล้ว’ Dr. Jamie Tehrani นักมานุษยวิทยา ได้ค้นพบตำนาน ‘หนูน้อยหมวกแดง’ ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นจากยุคกรีกเมื่อศตวรรษที่…
-
เปิดตำนาน “คุณยายสปีด” เรื่องเล่าสุดหลอน พร้อมบทสัมภาษณ์จากผู้แต่งเรื่องนี้คนแรก!??
ถ้าพูดถึงเรื่องหลอนๆ ของเหล่าแก๊งซิ่ง หรือพูดถึงตำนานผีที่มีความเร็วราวกับเดอะแฟลช เชื่อว่าหลายคนก็จะต้องนึกถึงผีคุณยายสปีดอย่างแน่นอน คุณยายสปีดนั้นเป็นผีที่เล่าต่อๆ กันมา ซึ่งไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นของตำนานนั้นมันจากไหน แต่ที่รู้ชัดคือมันเป็นเรื่องเล่าที่ทำให้เหล่านักซิ่งยามวิกาลขนหัวลุกหัวผองกันเลยทีเดียว เพราะตามตำนานมักเล่าว่า ยายแกเป็นคุณยายที่ถูกรถซิ่งชน เลยโกรธแค้นเหล่าเด็กแว๊น ถ้าแก๊งซิ่งคันไหนไปโผล่ในเขตที่ตำนานยายแกอยู่ จะถูกแกหลอกและวิ่งตามด้วยความเร็วแสง บ้างก็บอกว่าถ้าดวงไม่ดี อาจจะถึงตายได้เลย ฉะนั้นตำนานของยายสปีดจึงเป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆ แต่เรื่องราวคนหัวลุกนี้อาจจะต้องจบลง เมื่อมีกระทู้พันทิปได้ตั้งข้อสงสัยถึงตำนานนี้ และรู้สึกว่า เอ…ตูว่ามันคุ้นๆ นะ จากนั้นกระทู้ดังกล่าวก็ถามว่า “ยายสปีด” เนี่ย เป็นยายที่ถูกหยิบมาจากเรื่อง “นูเบ มืออสูรล่าปีศาจ” สมัยนู๊นนน หรือเปล่า!? เนื่องจากในเรื่องนูเบตอนที่ 157 นั้นมีชื่อตอนว่าคุณยายเจ็ท ซึ่งเป็นผีคุณยายที่วิ่งเร็วมากๆ และมักจะวิ่งตัดผ่านรถในเรื่อง คนที่เห็นคุณยายก็จะหันคอตามไปดูจนคอเคล็ดหันกลับไม่ได้ และรถคว่ำตายในท้ายที่สุด… เป็นไง มีความคล้ายกันอยู่ใช่ไหม ไม่หมดเท่านั้น ล่าสุดได้มีชาวเน็ตคนหนึ่งออกมาคอนเฟิร์มว่า เขาคนนี้นี่แหละที่เป็นคนเผยแพร่เรื่องของยายสปีดคนแรกในเมืองไทย มาเล่าให้น้องๆ ที่มหาวิทยาลัยฟังตั้งแต่ 18-19 ปีก่อน จนโด่งดังและกลายเป็นเรื่องเล่าผ่านเดอะช็อคนั่นเอง ซึ่งเพื่อเป็นการคอนเฟิร์มทางทีมงานแคทดั๊มบ์ก็เลยไปถามเจ้าตัวดูเลยว่ามันเป็นมายังไงกันแน่ โดยในที่นี้เราจะขอใช้นามสมมุติว่า ‘คุณเจ็ท’ ก็แล้วกัน เพราะเจ้าตัวอยากจะแชร์เรื่องราวเฉยๆ…
-
เรื่องราวสุดหลอนจากนักวิจัยเรื่องลี้ลับ รายงานตรงจากหน้าตู้ตุ๊กตา “Annabelle” ของจริง!!
กระแสหนัง Annabelle นั้นยังคงแรงต่อเนื่อง และหลายคนก็คงจะเคยอ่านหรือรู้ประวัติของตุ๊กตาผีตัวนี้กันไปแล้ว แต่หลายคนก็อาจจะไม่รู้ว่าตุ๊กตาผีตัวนี้มันน่ากลัวยังไง และทำอะไรไว้บ้าง… ด้วยเหตุนี้ทางช่อง CT STYLE ก็เลยเดินทางไปยัง The Warren’s Occult Museum สถานที่ตั้งของตุ๊กตาตัวดังกล่าว และเขาก็ได้พูดคุยกับ Tony Spera ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและวิจัยเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับจาก New England Paranormal Research Center มาพูดคุยกันดู Tony เล่าว่า เริ่มแรกเดิมทีนั้นตุ๊กตา Annabelle เริ่มมาจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเมื่อปี 1970 ซึ่งเป็นตุ๊กตาของพยาบาลในโรงพยาบาลดังกล่าวและได้รับมอบจากแม่ของเธอ แน่นอนว่าเธอรักตุ๊กตาตัวนี้มากๆ ดูแลเป็นอย่างดีพร้อมเก็บไว้ในอพาร์ทเม้นต์ของเธอ จุดเริ่มต้นความหลอนมันเริ่มจากตรงนี้ วันหนึ่งเธอเจอเข้ากับกระดาษที่เขียนไว้ว่า ‘ช่วยด้วย’ นั่นทำให้เธอรู้สึกว่าต้องมีใครสักคนบุกเข้ามา เธอเลยแปะสก็อตเท็ปและเอาพรมมาวางเพื่อดูว่าใครแอบเข้ามาไหม ซึ่งมันก็ไม่มีใครเลย แต่ว่าตุ๊กตาดันขยับ!! นอกจากนั้น ความหลอนยังสานต่อเมื่อคู่หมั้นของพยาบาลเจ้าของตุ๊กตา ได้ฝันเห็นว่าตุ๊กตามาทำร้ายเขาในฝันและพอตื่นมาก็พบว่ามีรอบข่วนอยู่ตามร่างกาย จนท้ายที่สุดตุ๊กตาก็ถูกส่งต่อไปยัง Ed Warren ตุ๊กตา Annabelle นั้นได้ถูกนำมาเก็บไว้ที่บ้านของเขาจนภายหลังกลายเป็น The Warren’s Occult Museum ซึ่งก็มีคนมากมายอยากจะลองดีกับตุ๊กตานี้ โดยคนแรกที่โดนก็เป็นตัว Ed เอง ซึ่งเป็นผลพวงจากที่นักบวชคนหนึ่งมายังที่แห่งนี้และปาตุ๊กตาลงพร้อมพูดว่า “พระเจ้ามีพลังมากกว่าภูติผีวิญญานทั้งปวง” …
-
เปิดตำนาน Longcat และ Tacgnol เทพเจ้าแห่งแมว ผู้นำความสมดุลมาสู่โลกไซเบอร์!!
เปิดตำนานเรื่องราวของ เจ้า Longcat และ Tacngol เทพเจ้าแมวแห่งโลกไซเบอร์ ซึ่งคนที่เล่นเน็ตทุกคนควรได้รับรู้ไว้… ทุกอย่างเริ่มต้นมาจากการที่ชาวเน็ตได้ไปพบเจอเข้ากับรูปภาพของแมวตัวสีขาวที่มีขนาดและความยาวมากมายมหาศาลชื่อว่า Longcat ซึ่งกลายมาเป็นเน็ตไอดอลแห่งแมว แต่ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไปชาวเน็ตก็คลั่งไคล้มันมากขึ้นเรื่อยๆ และยกย่องมันเป็นราวกับตัวแทนแห่งพลังความดีของแมว หลังจากนั้นมันก็ได้นำพลังด้านสว่างเข้ามาสู่โลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค ขณะเดียวกันก็มีพลังด้านมืดที่เกิดขึ้นมาแบบลับๆ ในส่วนที่อยู่ลึกเข้าไปในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค เป็นพลังแห่งความมืดและชั่วร้าย นั่นก็คือ Tacgnol เป็นตัวแทนของพลังแห่งความน่ากลัว และความชั่วร้าย ที่จะมารักษาความสมดุลในโลกออนไลน์ (สังเกตดีๆ มันก็คือ Longcat มาไล่อักษรจากหลังไปหน้านั่นแหละ และนั่นอาจจะเป็นด้านมืดของเจ้าเหมียวขาวเหรอเนี่ย!??) มีผู้คนมากมายต่างก็สงสัยในความยาวของเจ้า Tacgnol โดยเอาไปเปรียบเทียบกับเจ้า Longcat ว่ามันยาวกว่าหรือไม่ หลายๆ คนก็ไม่อยากจะคิดว่าเจ้า Tacgnol นั้นยาวกว่าเพราะจะเป็นการให้ความสำคัญกับพลังด้านมืดจนเกินไป อาจทำให้นำความชั่วร้ายมาสู่โลกไซเบอร์ เนื่องจากว่ารูปลักษณ์ของมันนั้นสามารถบ่งบอกถึงความชั่วร้ายได้เป็นอย่างดี ทั้งสีขนที่ดำสนิท ดวงตาที่แฝงไปด้วยพลังชั่วร้าย แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามเหล่าสาวกที่เลื่อมใสในด้านมืด ก็ได้สันนิษฐานว่าการที่เจ้า Tacgnol ได้ถือกำเนิดขึ้นมานั้นก็เพื่อถ่วงความสมดุลในโลกไซเบอร์ ไม่ให้พลังด้านใดด้านหนึ่งมากจนเกินไป หากเป็นแบบนั้นโลกอาจจะถึงกาลอวสานเลยก็ว่าได้ (เหมือนกับ หยิน-หยาง ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความสมดุล) บ้างก็บอกว่าแท้จริงแล้ว เจ้า Longcat…
-
มีจริงหรือหลอกลวง!? ตำนานหลอนหมายเลข 666 บน YouTube มีแต่ภาพแหวะๆ กับเลข 6
มันเป็นเรื่องที่กล่าวขานกันมาอย่างยาวนานกับตำนานของผู้ใช้ที่ชื่อว่า 666 หมายเลขแห่งปีศาจซาตาน จากเว็บไซต์วิดีโอชื่อดังอย่าง YouTube ในสมัยก่อนนู้น ในช่วงที่ Google กำลังจะกลายมาเป็นเจ้าของเว็บไซต์ดังกล่าว โดยต้นกำเนิดของเรื่องชวนขนลุกปนสยองสู่สายตานี้มันเกิดขึ้นเมื่อปีค.ศ. 2006 เมื่อมีการเล่าแบบปากต่อปากว่า หากคุณค้นหาช่อง 666 หรือผู้ใช้ 666 นี้ จะพบกับความว่างเปล่า บัญชีนี้ถูกระงับ แต่ถ้าหากว่าลองรีเฟรชหน้านั้นเรื่อยๆ ความสยองก็จะปรากฏอยู่ตรงหน้า ตัวอักษรทุกตัวจะกลายเป็นเลข 6 และแชแนลลึกลับจะเผยตัวออกมา พร้อมกับวิดีโอชวนแหวะ หน้าจอก็จะกลายเป็นสีเลือด อีกทั้งเมื่อทำการรับชมวิดีโอภายในแชแนลนี้แล้ว จะไม่มีทางสามารถหยุดได้เลย ปิดก็ไม่ได้ วิดีโอจะเล่นอย่างต่อเนื่อง มีแต่เลือดสีแดงพร้อมกับท่วงทำนองเพลงประหลาดๆ ราวกับว่าโดนไวรัสหรือโดนแฮกยังไงยังงั้นเลย แถมด้วยสมัยนั้นยังมีเพียงแค่ Internet Explorer สุดอืดอาดและความปลอดภัยต่ำให้ใช้ จนในที่สุดก็ต้องกดปุ่มชัตดาวน์ปิดเครื่องไป สืบเนื่องจากความลึกลับแบบนี้ คาดว่าเป็นการกระทำของศิลปินทัศนศิลป์ชาวญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Piropito หรืออีกชื่อหนึ่งใน YouTube – nana825763 โดยวิดีโอที่จัดทำขึ้นมานั้นเป็นภาพยนตร์รูปแบบ Flash สำหรับเทศกาลภาพยนตร์ (ในสมัยนี้เป็นยุครุ่งเรืองของ Flash…