Tag: เศร้า
-
คริสต์มาสแสนเศร้าในรัสเซีย เมื่อลุงซานต้า “เสียชีวิต” ต่อหน้าเหล่าเด็กๆ ในโรงเรียน
สำหรับเด็กๆ ชาวตะวันตกแล้ว การได้เจอคุณลุงซานต้าในวันคริสต์มาส คงจะเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขามีความสุขและสนุกสนานอย่างที่สุด แต่ล่าสุด เด็กๆ ในโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในเมืองเคเมโรโว ประเทศรัสเซีย กลับต้องประสบกับการสูญเสียอันน่าสลดใจ เมื่อซานตาคลอสของพวกเขา ล้มลงและสิ้นใจ ไปต่อหน้าต่อตา กลายเป็นคริสต์มาสแสนเศร้า เมื่อลุงซานต้าสิ้นใจลงต่อหน้าเหล่าเด็กๆ . . Valery Titenko นักแสดงวัย 67 ปีผู้มากประสบการณ์การแสดงละครเวทีของรัสเซีย และยังเป็นที่รักของคนในพื้นที่รวมถึงคนในวงการอย่างมากอีกด้วย โดยเมื่อทางโรงเรียนอนุบาลตั้งใจจะจัดงานฉลองคริสต์มาส จึงเชิญทีมนักแสดงของโรงละคร Kuzbass มาช่วยให้ความสนุกสนานกับเด็กๆ โดย Valery ก็เป็นหนึ่งในนักแสดงของทีม ภายหลังทราบว่า วันก่อนที่จะมีงานคริสต์มาสของโรงเรียน Valery นั้นมีอาการทางสุขภาพที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก มีอาการเจ็บหน้าอกและไม่ค่อยสบาย แต่เมื่อนึกถึงเด็กๆ แล้ว เขายินดีที่จะเข้าร่วมในบทบาทของ ซานตาคลอส Valery Titenko วัย 67 ปี เมื่อถึงงานฉลองคริสต์มาส ทุกคนก็แต่งตัวกันมาอย่างมีสีสัน โดย Valery นั้นเป็นซานตาคลอส ถือว่าเป็นคนสำคัญของงานเลยก็ว่าได้ บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนาน ก่อนที่มันจะสิ้นสุดลงพร้อมกันการสิ้นใจของ Valery…
-
สาวโพสต์เศร้า เพื่อนร่วมงานไม่สนใจวันเกิด ชาวเน็ตแนะนำ “จัดเอง” ไปเลย!!
แต่ละคนก็ให้ความสำคัญกับวันเกิดแตกต่างกันออกไป บ้างก็เห็นว่าเป็นเพียงวันครบรอบอายุที่แสนธรรมดา บ้างก็มองว่ามันคือวันพิเศษที่ต้องการให้เพื่อนๆ มาร่วมเฉลิมฉลอง เช่นหญิงสาวที่ใช้ชื่อบนเว็บ Imgur ว่า AppleDarling คนนี้ ที่ได้โพสต์เล่าถึงความหม่นหมองเมื่อเพื่อนร่วมงานของเธอ ไม่มีใครมาอวยพรวันเกิดให้เธอเลย AppleDarling เล่าว่า… “ฉันทำงานที่นี่มา 6 เดือนแล้ว ที่นี่ผู้ชายเป็นใหญ่เอามากๆ มีเพื่อนร่วมงานหญิงแค่คนเดียวที่อายุพอๆ กับฉัน แต่เธอมักคุยหรือสนใจพวกเพื่อนร่วมงานผู้ชายเสียมากกว่า ฉันพยายามทำตัวเป็นมิตรกับเธอและเพื่อนผู้ชายคนอื่นๆ ฉันมักเห็นเธอวางแผนจัดงานปาร์ตี้วันเกิดและมอบของขวัญให้พนักงานคนอื่นๆ อยู่เสมอ นั่นทำให้ฉันตื่นเต้นมาก และเมื่อวานขณะที่ฉันกำลังจะกลับบ้าน เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งก็เข้ามากล่าวสุขสันต์วันเกิดล่วงหน้ากับฉันเพราะรู้ว่าวันถัดไปฉันจะหยุดงาน ฉันจึงถามเขาว่ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร นั่นทำให้ฉันรู้ว่า เพื่อนร่วมงานหญิงของฉันคนนั้นได้บอกกับทุกคนว่าฉันจะไม่มาทำงานในวันเกิดของตัวเอง ทุกคนก็เลยไม่ต้องเตรียมตัวจะฉลองหรือเตรียมของขวัญอะไรให้ฉัน…” จากนั้น ชาวเน็ตส่วนหนึ่งก็มาแนะนำว่าให้เธอจัดปาร์ตี้เองไปเลย “คุณเตรียมคัพเค้กมาให้ทุกคนซะสิ ไม่ใช่ว่าทำเพราะเซอร์ไพรส์หรอก แต่มันเป็นเรื่องของการแบ่งปันสิ่งดีๆ น่ะ นี่วันเกิดของคุณนะอย่าปล่อยให้เพื่อนร่วมงานหญิงของคุณทำลายมันสิ” “ถ้าอยากเอาคืนก็เตรียมคัพเค้กมาแจกทุกคนซะสิ แล้วบอกพวกเขาว่าพวกเขาน่ะโดนคนบางคนหลอกเสียแล้ว พวกเขาย่อมรู้ดีว่าเขาได้ฟังเรื่องนี้มาจากใคร นี่แหละวิธีเอาคืนที่ดีที่สุด” “ใช่แล้ว มาทำงานเถอะ แล้วนำข้าวของสำหรับปาร์ตี้มาด้วย และทุกคนจะรู้เลยว่านังผู้หญิงคนนั้นมันห่วยขนาดไหนที่บอกว่าเธอจะไม่มา” “ต้องใช้ความใจดีเพื่อเอาชนะหญิงคนนั้น ทำตามที่หลายๆ คนบอกเถอะนะ…
-
ชาวเน็ตตั้งคำถาม…ทำไมสื่อรายงานข่าว ‘หมารุมกัดเด็กเสียชีวิต’ ต้องคาดตาหมาด้วย!?
หลายๆ ครั้งที่เรามักจะเห็นในข่าวอาชญากรรม คือการ ‘คาดตา’ ของผู้ร้าย ซึ่งเอาจริงๆ แล้วตามคอมมอนเซนส์ทั่วๆ ไปเราคงจะคิดว่าทำไมไม่เปิดเผยหน้าคนร้าย จะได้ระวังเอาไว้เพราะเขาอาจจะมาก่อคดีกับเราก็ได้ แต่สำหรับสื่อบ้านเราจะเห็นบ่อยๆ ว่า เมื่อมีการรายงานข่าวอาชญากรรม ก็จะมีการเซ็นเซอร์ใบหน้าของคนร้าย แต่กลับเปิดใบหน้าของ ‘เหยื่อ’ หรือ ‘ผู้เสียหาย’ เช่นเดียวกันกับข่าว ‘หมารุมกัดเด็กวัย 4 ขวบจนถึงแก่ชีวิต’ ก็มีประเด็นดังกล่าวขึ้นมาให้ถกเถียงในโลกโซเชียลเช่นกัน เมื่อสมาชิกเว็บไซต์ท่านหนึ่งตั้งกระทู้ขึ้นมาว่า “ทำไมในข่าวสุนัข 3 ตัวขย้ำเด็กตาย สำนักข่าวต้องเซ็นเซอร์คาดตาสุนัขด้วยครับแต่เปิดหน้าเด็กที่ตาย” เนื้อหาในกระทู้ระบุเอาไว้ว่า “ผมแค่สงสัยเฉยๆ นะครับ เห็นเซ็นเซอร์คาดตาสุนัขแต่เปิดหน้าเด็กที่ตายต้องเซ็นเซอร์กันจริงจังขนาดนี้เลยเหรอครับ?” จากการตั้งคำถามนี้ก็ทำให้ชาวเน็ตหลายคนต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆ นานา ทั้งเรื่องของความเหมาะสม และหาคำตอบว่าทำไมถึงต้องทำแบบนั้น บ้างก็ว่าอาจจะกลัวว่าสุนัขจะได้รับความอับอาย อาจจะกลัวพรบ. คุ้มครองสัตว์ ที่มีบทลงโทษที่รุนแรง หรืออาจจะเป็นการประชดก็เป็นได้ . ผู้รับเคราะห์กลับเปิดโชว์ใบหน้าเต็มๆ บางส่วนก็มองว่าการไม่คาดใบหน้าของเด็กไม่เป็นไร เพราะเด็กไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ควรได้รับการอนุญาตก่อน ส่วนการคาดตาหมานั้นไม่เห็นด้วย .…
-
เด็กชายวัย 13 ขวบ ถูกเพื่อนแกล้งที่โรงเรียน ‘โยนชีสใส่’ จนนำไปสู่การเสียชีวิต
บางครั้งจากเหตุกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนของเด็กๆ ที่ใครหลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่อง ‘ขำๆ’ มันอาจจะบานปลายจนกลายเป็นโศกนาฏกรรมก็เป็นได้ เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ที่เด็กชายวัย 13 ขวบ ถูกเพื่อนๆ กลั่นแกล้งโยนชีสใส่ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขา ‘แพ้’ มันอย่างรุนแรง จนนำไปสู่การเสียชีวิต!! Karanbir Cheema เด็กชายวัย 13 ปี อาศัยอยู่ในเขต Greenford กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เขามีอาการแพ้อาหารจำพวกข้าวสาลี, กลูเตน, และอาหารอื่นๆ ที่หาทานได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวันอย่างไข่ และถั่วต่างๆ ซึ่งมันจะทำให้เขาหายใจไม่ออกและมีผื่นขึ้นตามร่างกาย หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็อาจจะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ แม้จะรู้อย่างนั้นแต่เพื่อนๆ ของเขาในโรงเรียนไฮสคูล William Perkin Church พยายามที่จะกลั่นแกล้งเขา โดยการโยน ‘ชีส’ ใส่ และนั่นเองทำให้เขาเกิดอาการช็อก และเกร็งหายใจไม่ออก เจ้าหน้าที่ Kierin Oppatt ได้รับแจ้งว่ามีเหตุฉุกเฉิน มีผู้ป่วยแพ้อาหารอย่างรุนแรงที่โรงเรียน และเขาก็รีบเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบว่าเด็กชาย Karan กำลังนอนชักเกร็ง พยายามที่จะหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปอย่างยากลำบาก…
-
คนดูช็อก…คุณยายอินเดียวัย 81 ปี “เสียชีวิตกลางรายการ” เนื่องจากภาวะหัวใจหยุดเต้น
หลายครั้งที่ ความตาย มาเยือนโดยไม่บอกกล่าว ไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ จะรู้สึกเศร้าหรือสนุกสนานก็ตามแต่ แต่เมื่อถึงเวลา ความตายก็จะมาหาทันที อย่างเช่นล่าสุด ศาสตราจารย์หญิง Rita Jitendra วัย 81 ปีชาวอินเดีย ขณะกำลังพูดคุยเสวนากับทางรายการ Good Morning J&K อยู่ จู่ๆ เธอก็เงยหน้าขึ้น อ้าปาก แล้วก็เงียบหายไป ขณะที่ก่อนหน้านั้นบรรยากาศการสนทนาเป็นไปอย่างสนุกสนาน แต่แล้วบรรยากาศเหล่านั้นต้องจบลงหลังศาสตราจารย์ไม่มีการตอบโต้ ร่างกายของคุณยาย Rita แน่นิ่งและถูกพบว่า เสียชีวิต กลางรายการ ศาสตราจารย์ Rita Jitendra รายการนี้ออกอากาศในช่วงเช้าเวลา 08.30 น. ทำให้การเสียชีวิตของคุณยาย Rita ประจักษ์ต่อสายตาทุกคนที่ชมรายการนี้ แม้ว่ากล้องจะรีบตัดภาพกลับมายังพิธีกร แต่ผู้ชมต่างก็ยังตะลึงกับภาพที่ตนได้เห็น ชมวิดีโอบันทึกจากรายการดังกล่าว หลังจากนั้น ทางรายการจึงหยุดการออกอากาศชั่วคราว แล้วส่งตัวคุณยาย Rita ให้กับแพทย์ฉุกเฉิน สุดท้ายทีมแพทย์ก็ไม่สามารถช่วยเหลือคุณยายได้ ทั้งนี้ แพทย์พบว่าสาเหตุการตายของคุณยาย Rita นั้นเป็นผลมาจากภาวะหัวใจหยุดเต้น หัวใจเต้นผิดจังหวะ รวมไปถึงโรคหัวใจ …
-
หนุ่มสุดช้ำ โดนคู่หมั้นนอกใจ เลยโพสต์ขาย ‘ชุดแต่งงาน’ เอาเงินไป ‘ตี Curry’
บางครั้งชีวิตมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หวังเอาไว้… เช่นเดียวกันกับชายหนุ่มคนนี้ที่วาดฝันเอาไว้ถึงชีวิตอันแสนสุขร่วมกับว่าที่ภรรยา หลังจากที่วางแผนว่าจะจัดงานแต่งงานกันอีกไม่นานนี้ แต่แล้วเรื่องราวไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อว่าที่เจ้าสาวของเขาดันนอกใจไปมีคนอื่นเสียก่อน!? ทั้งที่วางแผนกันไว้ว่าจะแต่งงานและซื้อ ‘ชุดเจ้าสาว’ มาแล้วเรียบร้อย สุดท้ายความฝันทุกอย่างก็พังทลายลงไปอย่างน่าเสียดาย แต่แทนที่จะจมอยู่กับความเศร้านั้น ว่าที่เจ้าบ่าวกลับนำชุดแต่งงานนั้นไปโพสต์ขายผ่านทางเว็บออนไลน์แบบไม่เอากำไร และตั้งใจที่จะเอาเงินไปทำอย่างอื่นแทน!! เขาเขียนอธิบายถึงชุดเจ้าสาวนี้เอาไว้ว่า “ขายด่วนครับขายด่วน” นอกจากนี้พี่แกยังอธิบายให้ฟังอีกว่าเงินที่ขายได้มานั้นจะเอาไปทำอะไรบ้าง “ส่วนเงินที่ได้จะเอาไปใช้ดังนี้ : 20% ค่าเบียร์ 20% ค่าตี Curry (ซื้อบริการทางเพศ) 20% เล่นพนัน” “และ อีก 5% เอาไปซื้อเบียร์เพิ่ม ส่วน 35% ที่เหลือก็เอาไปตี Curry อีก” หนุ่มผู้ขายชุดแต่งงานนี้อาศัยอยู่ที่เมือง Kells จากเขต Meath ประเทศอังกฤษ เขาประกาศขายชุดแต่งงานนี้ในราคา 750 ยูโร (29,000 บาท) ทั้งๆ ที่ซื้อมาในราคาที่สูงถึง 3,500 ยูโร (135,000 บาท)!? …
-
ศิลปินวาดการ์ตูน ‘ซินเดอเรลลา’ มุมมองจากเจ้าชาย ตอนจบหักมุมทำเอาน้ำตาซึม
‘ซินเดอเรลลา’ เป็นนิทานที่เราคงจะเคยได้ยินกันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว… เป็นเรื่องราวของสาวน้อยคนหนึ่งที่บ้านมีฐานะยากจน ถูกกลั่นแกล้งโดยแม่เลี้ยงใจร้ายมาโดยตลอด จนมาวันหนึ่งเธอก็ไปพบกับนางฟ้าแม่ทูนหัว ด้วยความที่เป็นคนดีเธอจึงได้รับพรวิเศษ นางฟ้าช่วยเสกชุดที่ดูหรูหราพร้อม ‘รองเท้าแก้ว’ กับรถฟักทองสุดหรู เพื่อไปร่วมงานเต้นรำที่พระราชวัง และเมื่อไปถึงพระราชวังสาวน้อยก็ได้พบรักกับเจ้าชาย แต่เนื่องจากข้อจำกัดของเวทมนตร์เธอจะต้องกลับบ้านก่อนเที่ยงคืน เวลาผ่านไปใกล้ครบกำหนดหญิงสาวนึกขึ้นได้จึงรีบวิ่งกลับไปขึ้นรถฟักทอง เลยเผลอทำรองเท้าแก้วหล่นไว้ข้างหนึ่ง เจ้าชายเก็บรองเท้าแก้วไว้ได้เลยออกตามหาใครสวมได้พอดีก็จะได้กลายเป็นเจ้าหญิง จนในที่สุดทั้งคู่ก็ได้เจอกันอีกครั้งแม้จะมีอุปสรรคมากมายขวางกั้นก็ตาม… แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมนิทานเรื่อง ‘ซินเดอเรลลา’ ในอีกเวอร์ชันหนึ่ง ที่ขอบอกเลยว่ามันกลับตาลปัตรจากต้นฉบับจนชนิดที่เพื่อนๆ คาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว ผลงานนี้เป็นของศิลปินที่มีชื่อว่า Tum Ulit ได้ทำการสร้างสรรค์ซินเดอเรลลาแต่เปลี่ยนการเล่าเรื่องราวผ่านซินเดอเรลลาที่เป็นตัวเอกมาเป็น ‘เจ้าชาย’ กาลครั้งหนึ่งมีเจ้าชายรูปงาม และเจ้าหญิง ทั้งสองคนได้พบเจอกันที่งานเต้นรำ และร่วมเต้นรำด้วยกัน . สบตาซึ่งกันและกัน ช่วงเวลานี้มีเพียงเราแค่สองคน ทันใดนั้นเอง เวลาก็ล่วงเลยไปถึงเที่ยงคืน ‘เจ้าหญิง’ จะต้องกลับแล้ว เธอรีบเสียจนทำรองเท้าแก้วหลุดไว้ข้างหนึ่ง พอมาถึงจุดนี้ หลายๆ คนคงจะคิดว่า ‘เดี๋ยวเจ้าชายก็คงจะเอารองเท้าแก้วคู่นี้ไปตามหาเจ้าหญิงแล้วทั้งคู่ก็ได้พบรักกันจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งแบบตามเคย’ แต่มันไม่ใช่แบบนั้น… เพราะเจ้าหญิงเองก็มีผู้ชายคนอื่นที่เธอหมายปอง…
-
ทรานส์เจนเดอร์เสียชีวิต เพื่อนเลยระดมทุนจัดงานศพให้ เพราะพ่อแม่ไม่ยอมรับเพศสภาพ
ในยุคปัจจุบันความหลากหลายเรื่อง ‘เพศ’ กลายเป็นสิ่งที่ยอมรับกันแล้วอย่างแพร่หลาย แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงมีบางส่วนที่ยึดติดกับความคิดแบบเดิม ที่ว่าเพศสภาพต้องมีแค่ ‘ชายกับหญิง’ เท่านั้น!! จึงกลายเป็นที่มาของเรื่องราวอันน่าเศร้านี้…เมื่อทรานส์เจนเดอร์วัย 22 ปี Daine Grey ได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า แต่เนื่องจากว่าพ่อแม่ของ Daine ไม่ยอมรับกับเพศสภาพของเขา ก็เลยตัดความสัมพันธ์และไม่รับจัดงานศพให้กับลูก Daine เปิดเผยตัวเองว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นทรานส์เจนเดอร์ผ่านทางเฟซบุ๊ก “นี่เป็นการบอกทุกคนเป็นครั้งแรกว่าแท้จริงแล้วฉันเพศของตัวเองไม่ตรงกับเพศสภาพที่มีมาตั้งแต่เกิด ฉันกินยาฮอร์โมนมาประมาณ 8 เดือนแล้ว ตอนนี้ฉันเปลี่ยนไปมากสำหรับคนที่ไม่ได้เจอเป็นระยะเวลานาน” “หวังว่านี่จะไม่ทำให้ฉันสูญเสียเพื่อน และคนในครอบครัวไปนะ” เพื่อนๆ ของ Daine จึงตัดสินใจเข้าไปในเว็บไซต์ Gofundme เพื่อเรี่ยไรเงินมาจัดงานศพให้กับเขา “Daine Grey เปรียบดั่งดวงดาวที่เฉิดฉาย และเราได้เสียเขาไปแล้วเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา แต่พ่อแม่ของเขาไม่ยอมติดต่อมาเพื่อรับศพของเขาไป เราจึงอยากจะส่ง Daine ไปสู่สุคติ เพราะเขาควรจะได้รับการอำลาครั้งสุดท้ายที่แสนงดงาม” เบื้องต้น เพื่อนๆ ตั้งยอดบริจาคเอาไว้ที่ 17,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ…
-
โมเมนต์บอกลาครั้งสุดท้าย “ผมรู้คุณไม่ได้ยินผมแล้ว แต่ผมรักคุณนะ” ปิดฉากรัก 60 ปี
“รักแท้” มีรูปร่างหน้าตาและความรู้สึกเป็นอย่างไร หากจะให้นิยามเป็นรูปแบบที่ตายตัวคงจะไม่ได้ เพราะทุกคนต่างผ่านเส้นทางความรักที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างจากเรื่องราวของคุณตา Bobby Moore โดยบอกเล่าผ่านภาพถ่ายของช่างภาพสายข่าว April Yurcevic Shepperd ด้วยการเป็นพยานประจักษ์ถึงตำนานความรักแท้ในครั้งนี้ “ในวันนี้ฉันได้เจอกับชายคนหนึ่ง ชายผู้แหลกสลาย ยืนอยู่ตรงหน้าสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต และนี่ก็คือความรักที่มีตัวตนของเขา เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้อง การย่างเท้าของเขาไม่มั่นคง แต่ความตั้งใจของเขายังแน่วแน่ ดวงตาจ้องมองมาที่ปลายทางใจกลางห้อง โลงศพเหล็กสีเทาวางอยู่ตรงนั้นภายใต้แสงสีนวลตา ครึ่งหนึ่งของโลกถูกเปิดเอาไว้ ตกแต่งไปด้วยโบและดอกไม้หลากสีสัน พร้อมกับเขียนคำว่า “ภรรยา” และ “แม่” เมื่อมาถึงปลายทางที่เขาตั้งใจ เขาก้มตัวและจูบริมฝีปากของเธอ ร่างกายอันอ่อนแอก็ยิ่งสั่นคลอน จนกระทั่งคำพูดอันสุภาพและอ่อนน้อมได้หลุดออกมาจากปากของเขา เขาพูดเพื่อให้เธอได้ยินเพียงคนเดียว และถูกพูดนับครั้งไม่ถ้วนในห้วงเวลาอันแสนสั้น แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พูดกับเธอ… “ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ยินผมอีกแล้ว แต่ผมรักคุณนะ” สิ้นสุดคำพูดของคุณตา น้ำตาก็เอ่อล้นไหลรินออกมา ตลอด 60 ปีที่ผ่านมา คุณยายอยู่เคียงข้างคุณตามาโดยตลอด แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ ยังไม่ใกล้เคียงเสียด้วยซ้ำ คุณตาจึงคว้าเก้าอี้มานั่งอยู่ข้างๆ โลง ในขณะที่ไม้ค้ำอยู่ทางด้านขวา และร่างของภรรยาอยู่ทางด้านซ้าย เขานั่งอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานานเกือบชั่วโมง เขาคว้ามือของภรรยาและลูบเบาๆ คล้ายกับว่าเขากำลังปลอบโยนเธออยู่…
-
สิ่งที่สะท้อนผ่าน “ของเล่นเด็ก” เหล่านี้ คือคุณภาพชีวิตของแต่ละบ้านที่ฐานะแตกต่างกัน
Anna Rosling Rönnlund ริเริ่มก่อตั้งทีมนักถ่ายภาพให้ออกไปถ่ายภาพของ 264 ครัวเรือนจำนวน 50 ประเทศ โดยในแต่ละบ้านที่พวกเขาเข้าไปถ่ายนั้นจะใช้เวลาเกือบทั้งวัน พวกเขาต้องถ่ายสิ่งของราว 135 ชิ้นในบ้านนั้นๆ เช่น รองเท้า แปรงสีฟัน หรือแม้แต่ของเล่นที่พวกเขามีให้กับลูกๆ สิ่งของเหล่านี้จะแสดงให้เห็นถึง สภาพความเป็นอยู่ คุณภาพชีวิต และรายได้ของแต่ละครอบครัว สิ่งที่เราจะนำมาให้ทุกท่านได้พินิจพิจารณากันในวันนี้ก็คือ ภาพของเล่นเด็ก ในแต่ละบ้าน ที่จะสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างทางสังคม บางครอบครัวที่มีรายได้หลักแสนต่อเดือน ของเล่นลูกๆ ก็จะเป็นแบบหนึ่ง ส่วนครอบครัวที่มีรายได้ต่อเดือนหลักพัน ก็จะมีของเล่นให้กับลูกๆ อีกแบบที่ต่างกันไป ลองไปชมภาพเหล่านั้นกันเลยดีกว่า… ครอบครัวในประเทศบูร์กินาฟาโซ รายได้ 931 บาท ต่อผู้ใหญ่ 1 คน/เดือน ของเล่นที่ดีที่สุดของหนูก็คือ ยางรถเก่าๆ ครอบครัวในประเทศบุรุนดี รายได้ 931 บาท ต่อผู้ใหญ่ 1 คน/เดือน ของเล่นแสนสนุกของผมคือ หัวปลี ครอบครัวในประเทศอินเดีย รายได้ 995 บาท ต่อผู้ใหญ่ 1…
-
คุณพ่อจัดงานปาร์ตี้ฉลองกับเพื่อนๆ ก่อนที่จะ “ฆ่าตัวตาย” เพราะทุกข์ทรมานจากโรคซึมเศร้า
คุณพ่อ John Clayton นักวิจัยวัย 41 ปี ได้จัดงานปาร์ตี้ขึ้นกับเพื่อนฝูง ก่อนที่จะตัดสินใจปลิดชีพตนเองเนื่องจากต้องทนทุกข์กับความเจ็บป่วยทางจิตที่เรียกว่า โรคซึมเศร้าหลังมีลูก (Postnatal Depression) หลังจากที่ John ให้กำเนิดลูกชายของเขา Hugo เขาก็ต้องทนทุกข์ทรมานกับโรคซึมเศร้าชนิดนี้ โดย Vicky Clayton อดีภรรยาวัย 38 ปีของเขาก็บอกว่าสุขภาพจิตของ John ย่ำแย่ลงหลังจากให้กำเนิดบุตรเมื่อ 5 ปีที่แล้ว Vicky ผู้เป็นภรรยาเองก็มีอาการซึมเศร้าหลังมีลูกเช่นกัน แต่พอเธอทราบว่า John สามีของเธอก็มีอาการ ทั้งคู่จึงตัดสินใจย้ายที่อยู่ใหม่ เธอเล่าว่า “การต้องกลายเป็นพ่อคนนั้นเป็นเรื่องใหญ่สำหรับ John มากเลยทีเดียว บางที่ฉันก็ลืมไปว่าผู้ชายเองก็เป็นโรคซึมเศร้าหลังมีลูกได้เหมือนกัน” แต่หลังจากที่ลูกน้อย Hugo มีอายุได้ราวๆ 9 เดือน John และ Vicky ก็แยกทางกัน แต่ก็ยังเป็นเพื่อนกัน แถมยังช่วยกันเลี้ยงลูกอีกด้วย จากนั้นในปี 2016 John…
-
รวมทวีต “เรื่องเล่าจากคุณหมอ” ผ่านทวิตเตอร์ ทั้งสุขและเศร้าอยากเล่าให้ทุกคนได้ฟัง
ขณะนี้มีเทรนด์ในทวิตเตอร์ เป็นแฮชแท็ก #ShareAStoryInOneTweet ที่ให้ชาวทวิตเตอร์ได้มาแบ่งปันประสบการณ์และเรื่องราวน่าประทับใจสั้นๆ เพียงโพสต์เดียวเท่านั้น สิ่งที่น่าสนใจก็คือเรื่องราวของเหล่า “บุคลากรแพทย์” ที่หลายคนคิดว่าแพทย์เป็นอาชีพที่น่าอิจฉา ทั้งมีรายได้สูงและได้รับความเคารพจากผู้คนในสังคม แต่รู้หรือไม่ ชีวิตของพวกเขาก็ไม่ต่างจากคนธรรมดา ที่มีทั้งความทุกข์ ความสุข ความเศร้า ลองมาดูกันว่า เรื่องเล่าจากคุณหมอ ที่น้อยคนจะได้รับรู้ มันจะซึ้ง เศร้า และน่าประทับใจขนาดไหน… ผมเห็นเด็กๆ ต้องตายจากโรคหัดทุกวันในเคนยา ผมได้เห็นคุณแม่คนหนึ่งกระเตงลูกของเธอมาไกลเกือบ 50 กม. เพื่อรับวัคซีนยา ส่วนในประเทศโลกที่หนึ่ง พ่อแม่ที่ไม่พาลูกมาฉีดวัคซีนนี่โคตรเห็นแก่ตัวเลย ครั้งหนึ่ง ผมทำคลอดหนูน้อยน้ำหนัก 450 กรัมคนหนึ่งออกมา หลายคนบอกว่าเธอไม่น่ารอด เพราะเธอตัวเล็กเกินไป และเธอก็มักจะหยุดหายใจอยู่เสมอ ผมจึงใช้เวลาอยู่กับเธอ 2 คืนเต็มๆ นวดลงไปบริเวณหน้าอกเพื่อให้ปอดเธอได้หายใจ ผู้แนะนำบอกว่าสิ่งที่ผมทำมันเปล่าประโยชน์ แต่ปัจจุบันนี้เธอเป็นสาวน้อยวัย 6 ขวบที่กำลังจะออกแสดงบัลเลต์เป็นครั้งแรก ในช่วงแรกๆ ที่โรคเอดส์ระบาดหนัก นางพยาบาลมักเลี่ยงที่จะเข้าไปหาผู้ป่วย ผมในฐานะหมอฝึกงาน ขณะนั้นผมไม่ได้อยู่ในชั่วโมงทำงานด้วยซ้ำ แต่ผมก็ยังเข้าไปหาพวกเขา ผมใช้เพจเจอร์และโทรศัพท์โทรหาพ่อแม่พี่น้องของผู้ป่วย จากนั้นก็นั่งจับมือพวกเขาเอาไว้ และติดต่อให้พวกเขาได้คุยกับลูกๆ พวกเขาจะต้องไม่ตายอย่างโดดเดี่ยว คุณถูกรถชนต่อหน้าฉัน…
-
“สาวทอม” เมาแล้วตั้งครรภ์ ร้องทุกข์อยากได้ลูกคืนจาก “เกย์” ที่วางใจให้เป็นพ่อ
เรื่องราวในวันนี้ เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันระแวดระวัง เมื่อสาวทอมคนหนึ่งมีลูกผู้น่ารักหนึ่งคน และแล้วชายที่เป็นเกย์คนหนึ่งก็เข้ามาดูแลทำดีด้วยจนไว้ใจ สุดท้ายกลับขโมยลูกของเธอไปไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2561 เธอจึงขอใช้พื้นที่เฟซบุ๊กเพจ บิ๊กเกรียน ในการเผยแพร่เรื่องราวของเธอ และขอให้โลกอินเทอร์เน็ตช่วยเธอตามหาลูกที่ถูกขโมยไปของเธอ . เรื่องราวของเธอมีอยู่ว่า ครั้งหนึ่งตนเคยพลาดท่าตั้งครรภ์เพราะเมา แต่เธอก็ยินดีที่จะเก็บเด็กเอาไว้ จนถึงช่วงหนึ่งที่เธอมีอายุครรภ์ได้ราว 5-6 เดือน เธอก็ได้พบกับเกย์หนุ่มนายหนึ่ง เกย์คนดังกล่าวเข้ามาทำดีและดูและทุกอย่าง โดยไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแต่อย่างใด จากที่เธอไม่มีแม้เงินติดตัวก็กลายเป็นว่าเธอมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น กระทั่งวันที่เธอต้องคลอดลูก เธอเองก็เริ่มไว้วางใจเกย์ผู้นี้และยอมให้เซ็นชื่อรับเป็นพ่อ จากนั้นสาวทอมและลูกก็อยู่ด้วยกันกับเกย์ผู้รับเป็นพ่อประมาณหนึ่งเดือน แล้วก็แยกกัน ล่าสุดวันที่ 7 เมษายน 2561 เกย์คนดังกล่าวได้เข้ามาขอกับสาวทอมว่าจะนำลูกไปเลี้ยง แล้วจะส่งข่าวคราวมาให้ตลอด แต่หลังจากที่เขาเอาลูกไปแล้วกลับไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย ไปหาถึงที่พักต่างจังหวัดก็ไม่พบ ถามเจ้าของที่พักก็ได้คำตอบว่าไม่เห็นเกย์รายนี้มานานแล้ว . . . แต่ล่าสุด สาวทอมผู้นี้ก็ไม่นิ่งนอนใจ ได้ติดต่อแจ้งเรื่องราวให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกระจายข่าวการตามหาลูกของตนผ่านช่องทางสื่อสังคมต่างๆ โดยเธอเองก็บอกว่าไม่ได้ต้องการอะไรเลยนอกจากอยากได้ลูกคืน ที่มา: บิ๊กเกรียน
-
ปัญหาน่าเศร้าของญี่ปุ่น หญิงชราก่อคดีหวังเข้า “คุก” เพราะ ‘ฉันจะไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว…’
ประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าดูจะเป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรืองทั้งด้านเทคโนโลยีและวัฒนธรรม แต่เมื่อหลายๆ สิ่งเปลี่ยนไป ประชากรของประเทศกลับต้องประสบปัญหาที่น่าเศร้า… ประชากรในประเทศญี่ปุ่น 27.3 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด เป็นผู้สูงวัยที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป และสิ่งที่เป็นปัญหาตอนนี้คือการก่ออาชญากรรมของผู้สูงอายุนั่นเอง จากสถิติแล้วมีการแจ้งความและจับกุมผู้สูงอายุในญี่ปุ่นจำนวนมาก โดยเฉพาะ หญิงชรา ที่มีอัตราการก่อคดีสูงกว่ากลุ่มประชากรอื่นๆ เช่นกัน ราวๆ 1 ใน 5 ของจำนวนนักโทษนั้นเป็นผู้สูงอายุ และส่วนมากนักโทษหญิงสูงวัย 9 ใน 10 คน ถูกระบุว่าต้องโทษคดี ขโมยของในร้านค้า สาเหตุที่พวกเธอต้องลงมือก่อคดี หรือว่าขโมยของ ก็เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของประเทศญี่ปุ่น จากปี 1980 ที่การดูแลผู้สูงอายุนั้นเป็นหน้าที่สำคัญของครอบครัวและชุมชน เปลี่ยนแปลงมาจนถึงปี 2015 ที่กลับกลายเป็นว่าผู้สูงอายุต้อง อาศัยอยู่ตามลำพังเพิ่มมากขึ้น ราว 6 ล้านคนหรือมากกว่า 6 เท่าเลยทีเดียว จากการสำรวจของรัฐบาลญี่ปุ่นในปี 2017 พบว่าครึ่งหนึ่งของนักโทษหญิงชราในคดีขโมยของนั้นต้อง อาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยว และอีก 40 เปอร์เซ็นต์ไม่มีครอบครัวหรือไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเครือญาติ พวกเขาเหล่านี้มักพูดว่า พวกเขาไม่เหลือที่พึ่งอีกแล้วยามที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ…
-
3 เรื่องเล่าแห่งแรงบันดาลใจ เรื่องราวสั้นๆ แอบซึ้ง แต่แฝงเอาไว้ด้วยข้อคิดมากมายเหลือเกิน
อยากได้กำลังใจไปสู้กับงานในสัปดาห์อันโหดร้ายกันไหมล่ะ รู้สึกว่าชีวิตมันเหนื่อยจนไม่อยากทำอะไรไหม ถ้าใช่ ก็ขอบอกว่ามาถูกที่แล้ว เพราะนี่คือ 3 เรื่องสั้นแห่งแรงบันดาลใจ เรื่องราวสั้นๆ แอบซึ้งนิดๆ แฝงเอาไว้ด้วยข้อคิด ที่อาจจะช่วยให้คุณมีกำลังใจทำงานผ่านสัปดาห์อันยากลำบากไปได้ไม่ยาก… แต่ถึงจะไม่หมดกำลังใจก็อ่านได้นะ เก็บเอาไว้เล่าเป็นนิทานไง การดิ้นรนของผีเสื้อ ชายคนหนึ่งพบดักแด้ของผีเสื้ออยู่ใกล้ๆ กับหน้าต่างห้องของเขา เขาจึงตัดสินใจที่จะสังเกตการเติบโตของมัน วันหนึ่งดักแด้ก็เริ่มแยกออก ชายหนึ่งจึงตัดสินใจที่จะนั่งดูการปรากฏตัวของผีเสื้อตัวนั้น เจ้าผีเสื้อออกมาจากรูเล็กๆ ที่ดักแด้ ทีละนิดๆ มันพยายามเอาตัวของมันออกมา แต่หลังจากที่เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงมันก็ยังออกมาไม่สำเร็จ และในที่สุดมันก็เลิกที่จะพยายามต่อ ชายหนุ่มเห็นแบบนั้นเลยตัดสินใจที่จะช่วยผีเสื้อตัวนั้น เขาเอากรรไกรตัดรูดักแด้ให้กว้างขึ้น และทำให้เจ้าผีเสื้อสามารถออกมาได้อย่างง่ายดาย มันเป็นผีเสื้อที่ตัวใหญ่มาก แต่กลับมีปีกที่เล็กเหลือเกิน ชายหนุ่มไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องนี้นัก เขากลับมานั่งรอให้ผีเสื้อออกบินอีกครั้ง แต่มันก็ไม่ออกบินอีกเลยทั้งชีวิต มันเอาแต่คลานอยู่ที่พื้นด้วยร่างกายอันใหญ่โตของมันไม่ต่างกับตัวหนอนที่มีปีกไว้เพียงประดับเท่านั้น แม้จะเข้าไปช่วยด้วยความเป็นห่วงแค่ไหน แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีทางรู้ได้ว่าการที่จะต้องออกจากดักแด้ให้ได้ด้วยตัวมันเอง คือวิธีเดียวที่ผีเสื้อจะสามารถฉีดเลือดของมันเข้าไปในปีก และทำให้มันบินได้ สุนัขตัวน้อย เจ้าของร้านขายสัตว์แห่งหนึ่งขึ้นป้ายขายสัตว์ขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจของคนที่ผ่านไปมา และส่วนมากมันก็จะได้ผลกับเด็กๆ เสียด้วย วันหนึ่งมีเด็กผู้ชายเข้ามาเห็นป้ายนี้เข้า และตัดสินใจเดินเข้าไปถามเจ้าของร้านว่า “สุนัขพวกนี้ราคาเท่าไหร่เหรอ” เจ้าของร้านตอบกลับมาว่าตั้งแต่ 900 บาท ไปจนถึง 1,500 บาท เด็กหนุ่มหยิบเงินทั้งหมดที่มีออกมานับ “ผมมีอยู่แค่ร้อยเดียว…
-
สรุปการตายของน้อง Alfie เมื่อโรงบาลชนะคดี ถอดเครื่องช่วยหายใจ พ่อแม่ได้แต่ยืนหลั่งน้ำตา
นี่เป็นโศกนาฏกรรมของเด็กชายวัย 23 เดือนที่เสียชีวิตหลังจากใช้เวลากว่าหนึ่งปีในโรงพยาบาล และได้รับความสนใจอย่างมากจากทั้งผู้คนและสื่อมวลชน เด็กคนนี้มีชื่อว่า Alfie Evans เกิดมาในฐานะบุตรชายของ Tom Evans และ Kate James จาก Bootle ใน Merseyside เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2016 เด็กชายถูกส่งเข้าโรงพยาบาลเด็ก Alder Hey ในลิเวอร์พูลเมื่อเดือนธันวาคมปี 2016 หลังจากมีอาการชัก และต้องนอนเป็นรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แพทย์ที่วินิจฉัยอาการบอกว่าเขามีอาการระบบประสาทเสื่อมสภาพ แต่ก็ไม่สามารถระบุอาการอย่างชัดเจนได้ พ่อแม่ของ Alfie และโรงพยาบาลมีการโต้เถียงกันเกี่ยวกับอาการของเด็กน้อยเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี จนมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น ทางพ่อแม่ของเด็กนั้นต้องการที่จะนำตัวลูกชายไปรักษาที่กรุงโรมในอิตาลี เพราะโรงพยาบาลอิตาเลียนซึ่งเชื่อมโยงกับวาติกันได้แนะนำการดำเนินการเพื่อช่วยให้ Alfie หายใจและทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้ในอีก “ช่วงเวลาหนึ่ง” ส่วนทางโรงพยาบาลบอกว่า การรักษา Alfie ต่อในอิตาลีนั้น ไม่ได้เป็นการรักษาทางวิทยาศาสตร์ มีเรื่องของความเชื่อและสิ่งศักด์สิทธิ์มาเกี่ยวข้อง ไม่ใช่เรื่องที่ดี พวกเขาให้เหตุผลว่ามันทั้ง “ไร้ประโยชน์” “โหดร้าย” และยัง “ไร้มนุษยธรรม” จึงห้ามไม่ให้มีการย้ายโรงพยาบาลเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์…
-
17 ภาพฮาๆ ความคาดหวัง VS ความเป็นจริง เมื่อสิ่งที่หวัง ไม่เป็นไปอย่างที่คิด…
จริงหรือเปล่าที่ว่า คนเรานั้นอยู่ได้ด้วยความหวัง? ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเชื่อเลยว่าหลายๆ คนต้องอยู่ไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะว่า ความผิดหวัง มันช่างเกิดขึ้นได้ง่ายเหลือเกิน อย่างเช่นภาพที่จะนำมาให้ทุกท่านได้รับชมกันต่อไปนี้ ภาพต่อไปนี้ เป็นภาพที่จะเปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ เลยว่า สิ่งที่คิดไว้กับสิ่งที่ออกมาจริงๆ นั้นมันแตกต่างกันขนาดไหน เมื่อดูแล้วผู้ชมจะรู้ได้เองทันทีเลยว่า “น่าผิดหวังจริงๆ” อย่ารอช้า ไปชม 17 ภาพสิ่งที่คาดหวัง VS ภาพความเป็นจริง กันเลย!! 1. อุตส่าห์ได้ไปเที่ยวชมหอนาฬิกา Big Ben แต่ดู๊ ทำไมไม่เหมือนกับที่คิดไว้เลยฟะ!!? 2. ไอ้เราก็หวังไว้เสียเต็มที่เลย ว่าลายบนแก้วจะเปลี่ยนสีได้ คุณหลอกดาว!! 3. ดูภาพบนกล่องแล้วน้ำลายไหล แต่ดูข้างในแล้วน้ำตารินเลยล่ะ 4. สงสัยช็อกโกแลตมันจะไปอยู่ในภาพหมดแล้ว 5. ความผิดหวังที่แท้จริงเป็นอย่างไร ลองดูที่ภาพนี้ 6. เมื่อพูดถึงประเทศสกอตแลนด์ ภาพปราสาทอันยิ่งใหญ่คงจะลอยมาแต่ไกล แต่พอไปจริงๆ หมอกดันลอยมาแทน 7. ช่วงนี้เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ Groot…
-
เรื่องราวสุดสลด เมื่อลูกสาวถูกแม่ทิ้งไป เพียงเพราะเธอป่วยเป็นมะเร็งขั้นรุนแรง
พ่อแม่ผู้ปกครองคือคนสำคัญที่จะช่วยดูแลและเยียวยารักษาเด็กๆ หรือลูกของตัวเอง พวกเขาไม่ได้เพียงแค่มีอิทธิพลต่อร่างกายการเจริญเติบโตของเด็ก แต่มันยังรวมถึงเรื่องจิตใจ ซึ่งคงไม่มีเด็กคนไหนจะอยากถูกพ่อแม่ทิ้งไปเหมือนกับเธอคนนี้ เด็กหญิงคนดังกล่าวมีชื่อว่า Gong Miao ชื่อเล่น Miaomiao วัย 9 ขวบ เธอต้องเจอกับความทุกข์ทรมานและความรู้สึกผิด หลังจากที่ถูกแม่แท้ๆ ของตัวเองทิ้งไปเพราะอาการป่วยของเธอ Miaomiao เด็กหญิงที่ต้องเผชิญกับอาการป่วย เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2017 Miaomiao มีอาการของไข้หวัดที่รุนแรงเป็นอย่างมาก ทำให้เธอถูกส่งตัวไปเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเด็กเมืองฮาร์บิน ประเทศจีน และหมอก็ได้วินิจฉัยว่าเธอป่วยเป็นโรค Acute Lymphoblastic Leukemia (ALL) รูปแบบของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่รุนแรงเป็นอย่างมาก ตั้งแต่นั้นมาเด็กหญิงคนนี้จึงต้องทุกข์ทรมานกับอาการป่วยที่ถาโถมเข้าใส่ เจ็บปวดตามร่างกาย หายใจไม่สะดวก เหนื่อยล้า ทำให้เธอต้องเข้ารับการทำเคมีบำบัดในโรงพยาบาล The First Affiliated Hospital of Harbin Medical University ด้วยอาการที่น่าเป็นห่วง แต่สิ่งที่เลวร้ายกว่าอาการป่วยของเธอก็คือ 3 เดือนหลังจากที่หมอวินิจฉัยอาการป่วยของเธอ Zhao Huanhuan…
-
มาดู 18 หนุ่มจืดที่ถูก “Friend Zone” จากสาวที่ตนชอบ ทำดีเท่าไหร่ก็เป็นได้ “แค่เพื่อน”
คนที่ไม่ใช่ ทำอะไรเธอก็คงจะไม่ชอบ… เรื่องราวของคนที่ไปชอบเขาแต่เขาบอกว่า เป็นได้แค่เพื่อน นั้นไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหนก็ยังคงเป็นเรื่องน่าเศร้าอยู่เสมอ เมื่อใดก็ตามที่คุณถูกเขาจัดให้อยู่ใน Friend Zone ต่อให้คุณจะทำดีกับเขาขนาดไหน คุณก็ยังคงเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น สำหรับผู้ที่เคยมีประสบการณ์แบบนี้คงจะเข้าใจดีเลยล่ะว่า อาการของคนที่มันถูกจัดให้อยู่ใน Friend Zone มันเจ็บปวดรวดร้าวขนาดไหน แต่หากใครที่ยังไม่เคยสัมผัสอารมณ์แบบนั้นมาก่อนล่ะก็ เราจะพาคุณไปชมภาพบรรยากาศ ขณะที่หนุ่มๆ ถูกสาวที่ชอบบอกว่าเป็น “แค่เพื่อน” 1. คุณจะรู้สึกอย่างไร หากสาวที่คุณชอบมาขี่คอคุณ… เพื่อไปจูบกับชายอีกคนหนึ่ง 2. ก็ไม่ได้รังเกียจนะ แต่นายอยู่ได้แค่ในโซนเพื่อนเท่านั้น 3. ภาพนี้ก็เหมือนกับเวลาที่สาว บอกกับคุณว่าเป็นได้แค่เพื่อน (ต่อให้พยายามแค่ไหนก็เสียบไม่ได้) 4. “ก็ฉันไม่มีแฟนให้ถ่ายรูปด้วยนี่นา ก็เลยต้องถ่ายกับแอนโทนี” (ยินดีด้วยนะแอนโทนี นายได้เพื่อนใหม่แล้วล่ะ) 5. “ฉันไปทานมื้อเย็นกับเพื่อนสนิทแล้วคนอื่นๆ คิดว่าเราคบกัน” แต่ “เขาเป็นเหมือนพี่ชาย แล้วก็ช่วยแยกใบเสร็จให้ด้วยนะ” 6. ผม: นี่ๆ เราจะบอกชอบคนที่เราชอบยังไงดีอะ? เธอ: ก็บอกเขาไปเลยสิว่า ผมชอบคุณนะ ชอบมากๆ…
-
สุดสลด!! ‘น้องอิน’ อดีตดาราเด็กชื่อดังของช่อง 7 ขับรถพุ่งชนต้นไม้ เสียชีวิต
เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 7 เม.ย. 2018 สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์หรูพุ่งชนต้นไม้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ติดอยู่ในซากรถบนถนนทางหลวงหมายเลข 9 บริเวณ เชิงสะพานข้ามทางรถไฟ หลักกิโลเมตรที่ 79 มุ่งหน้าสระบุรี ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ ณ สถานที่เกิดเหตุพบรถยนต์ BMW รุ่น X1 สีขาว หมายเลขทะเบียน 5กบ-5248 กรุงเทพมหานคร เสียหลักตกลงไปข้างทางชนกับต้นจามจุรีขนาดใหญ่ สภาพพังยับเยินทั้งคัน เศษชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์กระจายเกลื่อน ซากรถ BMW ในที่เกิดเหตุ . ภายในรถที่นั่งด้านคนขับพบศพ น.ส.ณัฐนิชา เชิดชูบุพากรี อายุ 21 ปี หรือ น้องอิน อดีตดารานักแสดงช่อง 7 โดยสภาพศพมีเลือดไหลบริเวณศีรษะออกมาเป็นจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิจึงต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาจากซากรถ น้องอิน อดีตดาราเด็กที่เคยมีชื่อเสียงอย่างมากทางโทรทัศน์ …
-
ไอดอลญี่ปุ่น จัดคอนเสิร์ตเพื่อระลึกถึงแฟนคลับวัย 55 ปี ที่จากโลกนี้ไปอย่างเดียวดาย…
ต้องขอบอกเลยว่าในวงการไอดอลของญี่ปุ่น เรื่องของความสัมพันธ์ระหว่าง ‘แฟนคลับ’ กับ ‘ไอดอล’ นั้นเป็นอะไรที่แน่นแฟ้นมากๆ ไม่ใช่แค่ว่าบรรดาเหล่าแฟนคลับจะเป็นฝ่ายเข้าหาไอดอลเพียงอย่างเดียว แต่ไอดอลเองก็มีการเข้าหาแฟนคลับด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกันกับเรื่องราวที่ #เหมียวหง่าว จะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของแฟนคลับวัย 55 ปี ที่เสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ทำให้ศิลปินไอดอลสาวอย่าง Emi Arisaka ตัดสินใจจัดงานคอนเสิร์ตขึ้นเพื่อรำลึกถึงเขา เป็นเวลาหลายสิบปีแล้วที่ Okkyan คุณลุงแฟนคลับวัย 55 ปี ติดตามไอดอลสาว Emi Arisaka มา เขาเดินทางไปเข้าร่วมงานคอนเสิร์ตของเธอทุกงาน แต่ในปี 2017 เขาก็หายหน้าหายตาไปซะดื้อๆ ไม่มางานคอนเสิร์ตของไอดอลสาวเลย Arisaka เริ่มเป็นห่วงแฟนคลับของเธอ จึงเริ่มเปิดค้นข้อมูลในโลกออนไลน์ แล้วก็พบว่า Okkyan หยุดการอัปเดตในโลกโซเชียลมีเดียมาได้สักพักหนึ่งแล้ว จนในที่สุดก็สืบทราบที่อยู่ของเขา เธอจึงตัดสินใจเดินทางไปเยี่ยมหาแฟนคลับตามที่อยู่นั้นเพื่อเช็กดูว่าเขาสบายดีหรือเปล่า แต่หลังจากที่ไปเยี่ยมก็ไม่พบใคร เพื่อนบ้านได้บอกเอาไว้ว่า Okkyan เข้าโรงพยาบาลไปเมื่อปีก่อนเพื่อรักษาโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของเลือดที่ไหลอยู่ในอวัยวะภายใน (Aortic dissection) หลังจากรักษาอาการป่วยเรียบร้อยก็กลับมาอยู่ที่บ้าน แต่จู่ๆ ก็ทรุดลงอย่างหนักจนทำให้ถึงแก่ชีวิตในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2017 Okkyan…
-
17 เรื่องเศร้าเคล้าน้ำตา เรื่องราวสั้นๆ เรื่องล่ะไม่เกินสองบรรทัด ที่อาจจะทำให้คุณน้ำตาไหล
โลกใบนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย บางก็เป็นเรื่องที่ดี บางก็เป็นเรื่องเลวร้าย ชีวิตของคนเรานั้นแท้จริงแล้วอาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆ ที่เขียนออกมาก็ไม่ถึงสองบรรทัดเรื่องหนึ่งของโลกอันกว้างใหญ่นั้นก็เป็นได้ แต่พวกเรื่องราวเล็กๆ สั้นๆ เหล่านั้น ในบางครั้งกลับมีความหมายมากกว่าที่เราคิด เมื่อเราลองมองลงไปในสถานการณ์การที่คนเหล่านั้นได้พบ ไม่แน่นะว่า เราอาจจะได้เรียนรู้เรื่องราวอันน่าเศร้าของชีวิตเล็กๆ ทั้ง 17 ชีวิตจากข้อความเพียงสองบรรทัดเหล่านั้นก็เป็นได้ ผมได้พบกับคนที่ตามหามาตลอด แต่เธอนั้นยังไม่พบ เขาสัญญาว่าจะรอเธอตลอดไป และเธอทำให้เขาต้องรอตลอดไป บางสิ่งนั้นมีมากมาย แต่มันไม่เคยมากพอ เขาตื่นขึ้นมาแล้วเอื้อมมือไปหาเธอ แต่เธอไม่อยู่ที่นั่นอีกต่อไปแล้ว พวกเขาบอกจะสามารถช่วยภรรยาหรือลูกของผมไว้สักคนหนึ่ง พวกเขาคิดผิด หลังจากที่รอมาเป็นเดือนในที่สุดเขาก็ได้พบกับภรรยาของเขา มันไม่มีอะไรที่น่าดีใจไปกว่านี้ แต่เขาก็รู้ดีว่าอีกไม่นานเขาจะต้องตื่นขึ้นแล้ว เจ้านายของฉันยังไม่ตื่นขึ้นเลย อาหารที่เขาให้ไว้มันหมดไปนานมากแล้ว ฉันกอดลูกน้อยไว้แน่นพลางร้องเพลงกล่อมเธอ อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันคิดว่าเธอนั้นแค่หลับไป ผมอุ้มร่างของเธอไปที่โรงพยาบาลในสภาพปางตายเพราะเสพยาเกินขนาด ผมเป็นคนๆ เดียวที่เฝ้ารอให้เธอหายดี แต่ทุกๆ วันเธอจะตอกย้ำให้ผมฟังว่าเธอเกลียดผมแค่ไหนที่ช่วยเธอมา ผมมาเป็นแพทย์สนามเพื่อช่วยชีวิตคน แต่เพียงยี่สิบนาทีที่ผมปั๊มหัวใจของพ่อ ก็ทำให้ผมรู้ว่าความคิดนั้นมันเป็นเพียงเรื่องโกหก คลื่นหัวใจประสานเสียงเป็นครั้งสุดท้าย… และจบลงโดยไร้ซึ่งเสียงปรบมือ ผมบอกเธอว่าผมไม่เป็นไร…
-
ความปวดร้าวของสาวความจำเสื่อม ทุกข์ทรมานซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อจำได้ว่าถูกสามีทิ้ง!!
บางครั้งการไม่รู้อะไรเลยอาจจะยังดีกว่า ที่จะต้องเผชิญกับความจริงอันเจ็บปวด แต่สำหรับหญิงสาวคนนี้ที่สูญเสียความทรงจำระยะสั้น ทำให้เธอต้องเจ็บช้ำซ้ำๆ ทุกวันเมื่อรู้ว่าสามีที่รักได้ทิ้งเธอไปแล้ว… Veronika Mescheryakova สาวชาวเมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย ผู้ป่วยเป็นโรคพอร์ฟิเรีย (Porphyria) เป็นอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติทางพันธุกรรมหายาก ซึ่งมันจะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร ทางผิวหนัง หรือระบบประสาท Veronika Mescheryakova ส่วนในเคสของ Veronika นั้นส่งผลโดยตรงต่อระบบประสาทร่างกาย ทำให้เธอสูญเสียความทรงจำระยะสั้นและอวัยวะแขนขาเป็นอัมพาต แม้จะได้เข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านั้น แต่ก็ไม่เป็นผล จากผลของโรคดังกล่าวทำให้เธอไม่สามารถจดจำได้เลยว่า สามีได้หย่าขาดกับเธอไปแล้วเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2017 ที่ผ่านมา และทุกครั้งที่เธอจำความได้ เธอก็จะร้องไห้ออกมาทุกครั้ง ในทุกๆ วัน Veronika จะเข้าใจว่าสามีของเธอเพียงแค่ออกไปทำงาน ก่อนที่จะเริ่มสับสนว่าทำไมถึงยังไม่กลับมาสักที แม่ของเธอก็จะมาบอกให้รู้ว่าสามีของเธอได้ทิ้งไปแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้ Veronika ร่ำไห้เสียใจทุกครั้ง ส่วนเหตุผลที่สามีได้ทิ้งเธอไปนั้น ทางสื่อท้องถิ่นของเมืองคาซานมิไม่ได้เปิดเผยแต่อย่างใด แต่รายงานระบุเอาไว้ว่า Veronika มักจะร้องไห้แล้วร้องไห้อีก ทุกครั้งที่ได้รู้ข่าวการหย่าของคู่ตัวเอง ส่วนคนที่คอยช่วยเหลือในด้านต่างๆ ทั้งการจดจำ และสอนให้ทำกิจกรรมต่างๆ ก็คือแม่ของเธอ โดยหลังว่าสักวันหนึ่งลูกสาวของตัวเองจะหายกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง …
-
สิ่งที่เหลืออยู่ของเหยื่อเหตุกราดยิงวัย 14 ในช่วงมัธยมต้นปี 2 และวันสุดท้ายในชีวิต
เหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ณ โรงเรียน Marjory Stoneman Douglas High School เมือง Parkland รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งใหญ่ที่ทำให้ทั่วทั้งโลกตื่นตัวกับปัญหาทางด้านจิตวิทยาและกฎหมายการครอบครองปืน นอกเหนือจากข้อมูลของผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตแล้ว หนึ่งในผู้ปกครองของผู้เสียชีวิต Lori Alhadeff ผู้เป็นแม่ของ Alyssa Alhadeff วัย 14 ปี ได้เปิดเผยถึงเรื่องราวหลังจากเกิดเหตุ ที่เหลือเพียงบาดแผลลึกในจิตใจ กับสิ่งของของลูกสาวที่ทิ้งไว้ดูต่างหน้า นาง Lori นั่งอยู่ภายในห้องนอนของลูกสาวพร้อมกับเสื้อสเวตเตอร์ของเธอ และข้าวของเครื่องใช้ในช่วงชีวิตการเรียนชั้นมัธยม ทั้งตำราเรียน กระดาษโน๊ต หวี ปากกามาร์กเกอร์ พร้อมทั้งแผ่นมาร์กหน้าและน้ำยาทาเล็บของลูกสาว . คุณแม่เปิดเผยว่า ในวันก่อนเกิดเหตุลูกสาวของเธอกำลังเคลียร์ห้องนอน เพื่อจัดแจงอุปกรณ์ไปโรงเรียน จนกระทั่งในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ลูกสาวของเธอก็ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ทุกวันนี้ คุณแม่นอนหลับได้เพียงวันละไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น เพราะยังคงคิดว่าลูกสาวยังอยู่กับเพื่อนที่โรงเรียน และหวังว่าเธอจะกลับมา……
-
ชิวาว่าแสนเศร้า เมื่อของเล่นสุดโปรดตลอด 4 ปี เลิกผลิต ชาวเน็ตช่วยหากันยกใหญ่…
เคยสังเกตกันไหมว่าทุกคนล้วนจะมีของชิ้นโปรดที่ถูกใจแล้วใช้แบบเดิมไม่ยอมเปลี่ยนกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เสื้อผ้า ยาสระผม หรือสบู่ พวกหมาเองก็มีของแบบนี้เหมือนกัน บางตัวก็จะมีหมอนเน่าของตัวเอง แต่สำหรับเจ้า Jaxon สุนัขพันธุ์ชิวาว่าอายุ 12 ปีแล้ว ของที่มันโปรดปรานเป็นพิเศษก็คือ ‘Greenie‘ ตุ๊กตาจระเข้ตัวสีเขียวที่มันเล่นมาตั้งแต่เด็ก Jaxon กับของเล่นสุดรัก Greenie เจ้าหมาชอบเล่นของเล่นชิ้นนี้มาตั้งแต่ Brown เจ้าของของมันนำเจ้าจระเข้มาให้ตอนเริ่มเลี้ยงในปี 2014 จากนั้นเป็นต้นมาถึงจะซื้อของเล่นอันอื่นมาให้มันก็ไม่สนใจเลย ดังนั้นเวลาที่ตุ๊กตาตัวเก่าโทรมแล้ว เธอก็จะซื้อเจ้า Greenie จระเข้สีเขียวแบบเดิมสีเดิมมาให้กับมันเสมอ ก็เค้าชอบแต่อันนี้อะ อันอื่นเค้าไม่เอา การต้องหาตุ๊กตาตัวเดิมมาให้มันเป็นประจำใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย จนกระทั่งเมื่อเดือนมกราคม 2018 ที่ผ่านมา ตอนที่เธอไปซื้อตุ๊กตา Greenie ที่ร้านประจำนั้นเอง เจ้าของร้านก็บอกข่าวร้ายว่าของเล่นรุ่นนี้เลิกผลิตไปซะแล้ว เมื่อรู้แบบนั้นเธอก็เลยหันไปหาซื้อตุ๊กตา Greenie ทางอินเตอร์เน็ตแทน แต่ไม่ว่าเธอจะค้นหาเท่าไหร่ ก็ไม่มีสินค้าเหลือให้เธอซื้อเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ตอนนี้เจ้า Jaxon เลยไม่มีของเล่นแล้วก็ซึมไปเลย แม่ เมื่อไหร่ของเล่นเค้าจะมาอะ รอนานแล้วนะ พอหมดหนทางหาของเล่นให้เจ้าหมาสุดรัก เธอก็เลยหาที่พึ่งสุดท้ายโดยการโพสต์หาซื้อตุ๊กตารุ่นนี้จากคนที่มีมันอยู่บนทวิตเตอร์นี่แหละ เผื่อจะมีคนขายให้กับเธอบ้าง…
-
12 ผลการค้นหา “สถานที่เศร้าที่สุด” ในแผนที่โลก และผลที่ได้มันฮาซะเหลือเกิน!!
เรื่องราวคของสถานที่สุดเศร้าที่ซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆ นี้มีจุดเริ่มต้นมาจากความว่างของหนุ่มออสเตรเลียวัย 33 ปีนามว่าคุณ Damien Rudd หลังจากที่เขาได้รวบรวมสถานที่ที่มีชื่อสุดหมดหวังเอาไว้อินสตาแกรม Sad topographies หนุ่มออสซีวัย 33 ปีเริ่มต้นรวบรวมสถานที่แสนสิ้นหวังนี้จากความบังเอินที่เขาได้กดเข้าไปตรงช่องค้นหาของ Google พร้อมค้นหาคำที่เศร้าที่สุด และหลังจากนั้นเขาก็ได้พบกับ Mount Hopeless (ภูเขาสิ้นหวัง) – จากประเทศออสเตรเลีย และจากวันนั้นเป็นต้นมา ชายหนุ่มก็ได้อุทิศเวลาของตัวเองเพื่อค้นหาสถานที่ที่เศร้าที่สุดในโลก และรวบรวมเอาไว้เพื่อแบ่งปันความฮากับคนอื่นๆ ในอินสตาแกรมของเขา “ผมใส่คำค้นหาว่าสิ้นหวังใน Google Map และพบสถานที่มากมายที่มีคำว่าสิ้นหวังอยู่ในชื่อ และนอกจากนี้ยังมีสถานที่อื่นๆ ที่มีความหมายใกล้เคียงกันอีกด้วย ผมจึงเริ่มที่จะแคปภาพของสถานที่เหล่านั้นและเก็บรวบรวมไว้” Damien ให้สัมภาษณ์ และตอนนี้ดูเหมือนว่าสถานที่ต่างๆ ที่เขารวบรวมนั้นจะมากขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถทำเป็นหนังสือได้เลยทีเดียว ซึ่งเขาได้รวบรวมสถานที่สุดเศร้าเหล่านี้เอาไว้ในหนังสือ Sad Topographies เกาะไร้ประโยชน์ จากประเทศนิวซีแลนด์ หนึ่งในสถานที่สุดเศร้าจากคอลเลคชั่นของหนุ่มออสซีรายนี้ Damien ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานที่ที่เขาชื่นชอบมากที่สุด ชายหนุ่มเล่าว่าทวีปแอนตาร์กติกาถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีความสนใจมากที่สุด ที่นั่นมีภูเขา Shapeless Mountain (ภูเขาไร้รูปร่าง) ที่ถูกตั้งชื่อหลังจากที่ไม่มีใครมองออกว่ามันเป็นรูปร่างอะไร “Shapeless Mountain คือภูเขาที่นักเดินทางพยายามที่จะปีนขึ้นไป แต่พวกเขาเกิดวัดขนาดของมันผิดพลาดนั่นจึงทำให้มันมีอีกชื่อหนึ่งว่า Mistake Mountain (ภูเขาแห่งความผิดพลาด)” ชายหนุ่มเล่าถึงที่มาของชื่ออันแสนเศร้าของภูเขาแห่งนี้ …
-
เด็กหญิงน้อยใจ ไม่มีเพื่อนมาร่วมงานวันเกิดเลย ‘เอลซ่า’ จึงปรากฎกายมาช่วยมอบความสุขให้เธอ
ปกติแล้วในวันเกิดของเด็กๆ นอกจากของขวัญจากพ่อแม่แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่พวกเขาอยากได้มากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นการที่เพื่อนๆ มาร่วมงานของพวกเขา และร่วมสร้างความสุขด้วยกันในวันสำคัญดังกล่าว แต่ในสหรัฐอเมริกาก็มีไม่น้อยเลยที่เด็กตัวเล็กๆ นั้นจะรู้สึกน้อยใจจากการเชิญเพื่อนในห้องเรียนให้มางานวันเกิดของตน แต่พอถึงวันจริงก็ไม่มีใครมาเลย และนั่นก็คือปัญหาที่หนูน้อย Leyana วัย 7 ขวบจากรัฐโคโลราโดกำลังเผชิญอยู่ คุณแม่ของหนูน้อย Leyana เล่าว่าลูกสาวนั้นตั้งตารอให้ถึงวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 7 ขวบของเธออย่างใจจดใจจ่อ เพราะเธอหวังว่าเพื่อนๆ ของเธอจะมาร่วมแสดงความยินดีกับเธอกับคับคั่ง แต่พอถึงวันงานจริงๆ ความจริงอันโหดร้ายกลับเล่นงานเธออย่างจัง เพราะวันนั้นไม่มีใครมาเลย… อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันนั้นเองคุณของของหนูน้อย ก็เล่าว่าเธอรู้สึกใจหายมากๆ เพราะก่อนวันเกิดลูกสาว 1 สัปดาห์เธอได้ส่งคำเชิญไปให้กับทุกคนแล้ว แต่กลับไม่มีใครมา เหลือทิ้งไว้แต่ความเศร้า ความไม่เข้าใจของเด็กน้อยวัย 7 ขวบ เธอได้แต่พร่ำถามแม่ของเธอว่า ทำไมเพื่อนของเธอไม่ยอมมา ผู้เป็นแม่ก็ได้แต่ยกเหตุผลมากมายทั้งมันตรงกับวันหยุดพวกเขาเลยไปเที่ยวกัน หรือไม่พวกเขาอาจจะป่วยก็ได้เลยไม่สะดวกมา โชคยังดีที่แม่ของหนูน้อย Leyana ได้ว่าจ้าง Lindsay Robert นักคอสเพลย์สาวเพื่อมามอบความสุขให้กับเด็กๆ ซึ่งเจ้าตัวนั้นได้แต่งตัวเป็นเจ้าหญิง Elsa ตัวละครจากเรื่อง Frozen ของค่าย Disney ที่เด็กๆ ชอบ …
-
“3 วิธีการพูด” ที่เป็นสัญญาณว่าคุณมีแนวโน้มของ “โรคซึมเศร้า” ลองไปสังเกตกันดู…
ในสังคมปัจจุบันนี้เราสามารถพบเห็นผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้มากกว่าในสมัยก่อน โดยผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะไม่เหมือนกับความรู้สึกเศร้าของคนทั่วไปที่เกิดขึ้นและหายไปเป็นครั้งคราว พวกเขาจะรู้สึกซึมเศร้าเป็นประจำและแต่ละครั้งก็ยาวนานกว่าปกติ แถมบ่อยครั้งยังไม่รู้สาเหตุของความเศร้าด้วย อย่างไรก็ตามการที่จะสังเกตว่าเราหรือคนรอบตัวเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก บางคนก็เป็นโรคซึมเศร้าโดยที่ไม่รู้ตัว หากอยากทราบแน่ชัดต้องไปให้จิตแพทย์วินิจฉัยเท่านั้น แต่ในวันนี้มีอีกหนึ่งวิธีสังเกตที่ได้ผ่านผลการรับรองจากนักวิจัยแล้ว ด้วยการสังเกตจากวิธีพูดของแต่ละคนนั่นเอง งานวิจัยที่ว่านี้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ Clinical Psychological Science โดยทำการทดลองจากการอ่านบันทึก และฟังบทสนทนาจำนวนมากของคนที่เป็นโรคซึมเศร้า และคนที่ไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า จึงสังเกตเห็นว่าคนที่เป็นโรคซึมเศร้าจะมีการใช้ภาษาที่แตกต่างออกไปดังนี้ 1. มักจะใช้สรรพนามบุคคลที่หนึ่งที่เป็นเอกพจน์ คนเป็นโรคซึมเศร้ามักจะใช้สรรพนามกล่าวถึงตัวเองเช่น ฉัน ผม หรือเรา(ในกรณีที่หมายถึงตัวเองคนเดียว) อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นตัวชี้ให้เห็นว่าพวกเขาไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นมากนัก อาจจะเป็นเพราะเพวกเขาชอบปลีกตัวมาอยู่คนเดียวมากกว่าจะอยู่คนจำนวนมากก็ได้ อีกทั้งการใช้สรรพนามแบบนี้ ยังทำให้เราเห็นว่าคนที่เป็นโรคซีมเศร้ามักจะให้ความสนใจกับตัวเองและแนวคิดของตัวเองมากเป็นพิเศษ และไม่ค่อยสนใจแนวคิดในแบบของคนอื่นมากนัก 2. พูดถ้อยคำที่มีความหมายในเชิงลบอยู่บ่อยครั้ง เมื่อเปรียบเทียบกับคนทั่วไปแล้ว คนที่เป็นโรคซึมเศร้าจะใช้คำที่มีความหมายเชิงลบมากกว่า โดยคำพูดเหล่านั้นมักจะเกี่ยวกับอารมณ์ในเชิงลบเช่น เศร้า และเหงา เป็นต้น และยังรวมไปถึงคำพูดอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ของตัวเองด้วย แต่ผลการวิจัยก็ชี้ว่าการใช้สรรพนามบ่งบอกถึงโรคซึมเศร้าได้ดีกว่าการใช้คำพูดในเชิงลบอย่างเห็นได้ชัด 3. ภาษาที่ใช้มักจะมีความสุดโต่ง เมื่อคนเราอยู่ในภาวะซึมเศร้าก็มักจะใช้ภาษาแบบสุดโต่ง (ถ้าไม่ขาวก็ดำไปเลย ไม่มีระหว่างกลาง) มากกว่าที่คิด อย่างเช่นคำว่า เป็นประจำ ไม่เคย เต็มไปหมด…
-
เหล่าบุคคลที่ต้องพานพบกับความผิดหวัง นี่คือปฏิกิริยาของพวกเขา โอ้วม่าย มันจี๊ดเหลือเกิน
ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เรียบง่ายไปตลอด บางครั้งเราก็ต้องพบกับความผิดหวังในชีวิตบ้าง เป็นอีกหนึ่งรสชาติชีวิตที่เราต้องเจอ สมหวังบ้าง ผิดหวังบ้างมันก็เรื่องธรรมดา อย่างเช่นบุคคลต่อไปนี้ที่ต้องพบเจอกับความผิดหวัง แต่ในความผิดหวังนั้นก็กลับกลายมาเป็นความฮาให้กับคนในโลกออนไลน์ ถือซะว่าเป็นการสร้างเสียงหัวเราะให้กับชาวโลกแล้วกันนะ สิ่งที่บอกช่างกับสิ่งที่ได้จริงๆ เจ็บยิ่งกว่าบอกว่าเอาออกนิดเดียว ราคาค่าสายชาร์จรวมๆ แล้วคงซื้อมือถือใหม่ได้อีกเครื่องหนึ่ง ทำไมมันช่างเปราะบางเหลือเกิน… โถ่น้องงง ใครแกล้งน้องมาพี่มา กลายเป็นหมาม่วงซะนี่ ต่อหน้าฉันเธอทำอย่างนั้นได้อย่างไร หาา…. สภาพของคุณเมื่อวิ่งตามรถขายไอติมแล้วมันไม่หยุด กลับมาได้หรือเปล่า คำว่าไซส์ XL ของแต่ละแบรนด์มันไม่เหมือนกันจริงๆ ดูเหมือนว่าอากาศจะเย็นเกินไปจนทำให้กาแฟแข็งคาแก้ว ยังดีที่มันไม่หก เอ้า ไม่ตรงปกง่ะแบบนี้ ฟ้องใครได้บ้างเนี่ย? อย่าให้ข้าหลุดออกไปได้นะมนุษย์ ข้าจะข่วนหมอนของแกให้ยับ คอยดู หลอกลวงกันทำไม ฉันไปทำอะไรให้เธอ เมื่อทางร้านจัดโปรโมชั่น เพิ่มไข่ดาวในราคา 50 เซ็นต์ (15 บาท) ฉันก็เลยอยากจะสั่งมาทานกับเครื่องดื่มของฉันบ้าง ฉันไม่ได้สั่งผิดใช่ไหม? ที่เขาทะเลาะกับช่างตัดผมมาหรือเปล่า? …
-
เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดพิธีกรรมอำลาสุนัขตำรวจที่ป่วยหนักอย่างสุดซึ้ง ทำเอาน้ำตาซึม
สำหรับตำรวจแล้วสุนัขตำรวจก็เปรียบเสมือนเจ้าหน้าที่พนักงานทั่วไป มันเป็นทั้งเพื่อนร่วมงานที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี และยังเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาด้วย เวลาที่จะบอกลากันจึงต้องทำเหมือนกับตำรวจคนหนึ่งจะพ้นจากหน้าที่เลยทีเดียว สุนัขตำรวจ Pajti เริ่มปฏิบัติหน้าที่มาตั้งแต่ปี 2013 มันประจำการอยู่ที่เมือง Lonoke รัฐอาร์คันซอ ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เมื่อไม่นานมานี้มันป่วยหนักมากจนจำเป็นต้องปลดมันออกจากหน้าที่ ทางตำรวจจึงจัดงานอำลาให้มันอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ สุนัขตำรวจแสนรู้ Pajti สัตวแพทย์ตรวจพบว่า Pajti เป็นโรค Osteosarcoma ซึ่งเป็นมะเร็งกระดูกชนิกหนึ่ง มะเร็งที่ว่านี้แพร่กระจายไปทั่วตัวของมันอย่างรวดเร็วจนร่างกายของมันอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด นายอำเภอ John Staley จึงตัดสินใจปลดมันออกจากหน้าที่เสีย มันจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่อาการของมันก็แย่กว่าที่พวกเขาคิด พอดูอาการแล้วสัตวแพทย์ถึงกับแนะนำให้พวกเขาการุณยฆาตมันเสีย มันจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน เจ้าหน้าที่ Brooks Grabill คู่หูของเจ้าสุนัขตำรวจฟังแล้วก็ใจหายอย่างช่วยไม่ได้ Brooks Grabil คู่หูของสุนัขตำรวจที่ป่วย เจ้าหน้าที่ Rob Ruble เพื่อนของ Grabil บอกว่า “ในฐานะที่เขาเป็นคนดูแลมัน ก็จำเป็นต้องอยู่กับมันตลอด 24 ชั่วโมงเลย ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาต้องรู้สึกผูกพันกันอย่างมาก” เขายังบอกอีกว่า “มันเหมือนกับเรากำลังเสียเพื่อนซี้ไปสักคนหนึ่ง คงจะเป็นแบบนั้นแหละ พวกเขากำลังจะเสียเพื่อนที่สนิทที่สุดคนหนึ่งไป” เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากมายืนส่งมันอย่างสมศักดิ์ศรี…
-
หญิงสาวป่วยมะเร็งวัย 27 ปีเขียนจดหมายล้ำค่า บอกเล่าบทเรียนของชีวิต ก่อนเธอจะจากไป…
ช่วงอายุ 20-30 ปี คงถือได้ว่าเป็นช่วงที่เราใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรียนหนังสือ เริ่มต้นงานที่ตนเองสนใจ ไต่เต้าตำแหน่งในสายงาน ออกไปท่องเที่ยวและใช้ชีวิต หรือสังสรรค์กับหมู่เพื่อน ซึ่งในวัยนี้เราจะทำอะไรก็ได้ที่ใจนึกเพราะคิดว่ายังมีเวลาอีกมากในชีวิต แต่แท้จริงแล้ว การที่เราอายุยังน้อย ไม่ได้หมายความว่าเรายังเหลือเวลาในชีวิตอีกมาก มีคนหลายคนที่ต้องจากโลกนี้ไปทั้งที่อายุยังน้อยอยู่ Holly Butcher เองก็เป็นคนหนึ่งในนั้นเช่นกัน เธอจึงอยากบอกให้ทุกคนใช้ชีวิตให้คุ้มค่าไม่ว่าคุณจะมีอายุเท่าไรก็ตาม Holly Butcher Butcher เป็นหญิงสาวที่อาศัยอยู่ในเมืองกราฟตัน รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เธอป่วยเป็นโรค Ewing’s sacroma ซึ่งเป็นมะเร็งกระดูกชนิดหนึ่งที่มักพบในคนอายุน้อย เมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ เธอก็เสียชีวิตไปด้วยวัยเพียง 27 ปีเท่านั้น ก่อนหน้าที่เธอจะเสียชีวิต เธอใช้เวลาหลายเดือนเพื่อนั่งทบทวนสิ่งต่างๆ ในชีวิต และเตรียมพร้อมรับความตายที่กำลังจะมาถึง ในวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา เธอจึงได้เขียนบทเรียนในชีวิตที่เธอได้เรียนรู็ โพสต์ลงในเฟสบุ๊กของเธอ เพื่อเป็นข้อคิดเตือนใจให้หลายๆ คนได้นำไปปรับใช้กับชีวิตของตน จะได้มองเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ ในชีวิตมากขึ้น โดยมีใจความบางส่วนดังนี้ “ฉันอยากให้ทุกคนหยุดกังวลกับเรื่องยิบย่อยในชีวิต และคิดให้ได้ว่าเราทุกคนล้วนมีจุดจบเหมือนกันหมด ทุกคนจะได้ใช้เวลาทุกวินาทีอย่างมีค่า ถ้ามองข้ามเรื่องแย่ๆ ในชีวิตไป” “ในเวลาที่คุณชอบบ่นถึงเรื่องเล็กๆ…
-
9 อนิเมะจอเงิน ที่ดูกี่ครั้งก็สามารถทำให้ทุกคนอิน จนต้องหลั่งน้ำตาได้อย่างไม่ยากเย็น
เวลาที่เราพูดถึงอนิเมะ ถ้าเป็นฉบับซีรีส์ส่วนใหญ่เราก็มักจะคิดถึงอนิเมะสายหลักที่เน้นฉากต่อสู้หรือแนวตลกฮาๆ ไม่ก็หนักไปทางฮาเร็ม แต่ถ้าเราพูดถึงอนิเมะฉบับหนังโรง ที่มีต้นทุนสูงกว่า เราก็มักจะได้เจอกับเนื้อหาที่ดีกว่า หนักแน่นและภาพที่สวยงามยิ่งกว่า ถ้าใครคิดภาพไม่ออกก็ลองนึกถึงอนิเมะจากสตูดิโอจิบลิ หรือจากผู้กำกับดังๆ อีกหลายคนเช่น มาโคโตะ ชินไคอะไรทำนองนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีฉากซึ้งๆ และเนื้อเรื่องกินใจแฝงมาด้วยเสมอ ซึ่งถ้าใครคิดไม่ออกว่าจะเริ่มดูเรื่องไหนดี แล้วเรื่องไหนมันจะซึ้งโดนใจชัวร์ๆ ฉะนั้นก็เชิญเลือกได้จาก 9 เรื่องข้างล่างนี้เลย… 1 . A Silent Voice เริ่มกันที่เรื่องแรกกับ A Silent Voice หรือชื่อภาษาไทยที่เพิ่งออกแผ่นไปไม่นานว่า “รักไร้เสียง” โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องของเด็กสาวที่มักจะถูกกลั่นแกล้งโดยเด็กชายคนหนึ่ง เพราะเธอเป็นใบ้และหูหนวก จนเวลาผ่านไปทั้งคู่กลับมาเจอกันอีกครั้ง แต่คราวนี้เด็กชายที่โตขึ้นรู้สึกอยากจะแก้ไขความผิดของตัวเอง 2. Hotarubi no Mori e เรื่องราวของเด็กสาวคนหนึ่งที่หลงเข้าไปยังป่าที่เต็มไปด้วยภูติผี แล้วได้บังเอิญพบเข้ากับ กิง เด็กหนุ่มที่สวมหน้ากากตลอดเวลา ซึ่งเขาไม่สามารถสัมผัสกับมนุษย์ได้เพราะถ้าเขาทำอย่างนั้น ตัวเองจะต้องสลายไปตลอดกาล แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังเต็มใจจะช่วยเด็กสาวให้กลับไปยังที่ของเธอ เวลาผ่านไปทั้งคู่ก็ยังคงใช้เวลาร่วมกันจนเกิดเป็นความรัก เพียงแต่ว่าเขาไม่สามารถสัมผัสกับเธอได้ แล้วสุดท้ายเรื่องราวนี้จะไปจบลงตรงไหนก็คงต้องไปตามกันต่อนั่นเอง… 3. In This Corner of the World จะเป็นอย่างไรเมื่อหญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอ ต้องเผชิญกับความเป็นจริงของโลกอันโหดร้าย…
-
ชุดภาพความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของชายหนุ่มกับตุ๊กตายาง เป็นความรักที่เกิดขึ้นและคงอยู่จริงๆ
ในปัจจุบันนั้นปัญหาชีวิตคู่ถือเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่ประชากรในหลายประเทศกำลังประสบอยู่ จะเนื่องด้วยเหตุผลการหย่าร้าง การไม่เข้าใจหรือการนอกใจกันก็ตาม ซึ่งนั้นจึงทำให้คนจำนวนมากให้ไปพึ่งตุ๊กตายางแทน… หลายคนอ่านแล้วก็คงจะไม่เชื่อ เช่นเดียวกับ Sandra Hoyn ช่างภาพชาวเยอรมันที่ไม่เชื่อและอยากจะรู้เกี่ยวกับความรักของคนกับตุ๊กตายาง เธอจึงเดินทางไปตามติดชีวิต Dirk ชายผู้อยู่กินกับตุ๊กตายางมาเป็นเวลากว่า 4 ปี!! ผลงานการตามติดชีวิตครั้งนี้มีชื่อว่า ‘Jenny’s Soul‘ ซึ่งเป็นชื่อที่นำมาจากการบอกเล่าเกี่ยวกับตัวตุ๊กตายางที่ชื่อ Jenny ซึ่งเป็นคู่รักของ Dirk ชายผู้เลิกรากับภรรยาไปและตัดสินใจไปซื้อ Jenny มาในราคา 7,105 ดอลลาร์สหรัฐหรือตีเป็นเงินไทยก็ราว 230,000 บาท โดยเขาบอกว่าตุ๊กตาของเขานั้นมีจิตวิญญาณจริงๆ “ตอนที่ผมยังอยู่กับอดีตภรรยา พวกเราทะเลาะกันบ่อยมากและผมต้องสู้เพื่อให้ได้ความรักมา แต่กับ Jenny ผมไม่ต้องทำอะไรเลย” Dirk เล่าว่าเขานั้นมีความสุขมากๆ ตั้งแต่ได้อยู่กับ Jenny เขายังบอกอีกว่าเขาได้ยินเสียงของ Jenny ด้วยและตั้งแต่มีเธอ เขาก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นความใกล้ชิดที่เธอมีให้กับเขา เขาบอกว่าชีวิตของเขานั้นไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว ถ้าชีวิตของเขาไม่ได้อยู่กับ Jenny โดยในแต่ละวันเขาก็ได้แต่หวังว่าการใช้ชีวิตของเขากับ Jenny จะราบรื่นกว่านี้และสามารถออกไปยังที่สาธารณะได้ Jenny นั้นหนักถึง 50 กิโลกรัม…
-
11 อันดับฉากเรียกน้ำตาในหนัง Pixar ที่ทำให้เราซึ้ง และจดจำมาจนวันนี้…
ใกล้เข้ามาทุกขณะแล้วกับหนังอนิเมะชั่นเรื่องเยี่ยมเรื่องใหม่ของทางค่าย Pixar ในชื่อเรื่องว่า CoCo เรื่องราวของเด็กหนุ่มที่หลงเข้าไปอยู่ในดินแดนของคนตายและต้องหาทางเพื่อกลับออกมาได้!! ซึ่งแค่เราดูตัวอย่างของหนังเรื่องดังกล่าวเราก็รู้สึกได้ว่ามันจะต้องมีซีนอารมณ์อยู่ด้วยอย่างแน่นอน และทุกครั้งในหนังของค่ายนี้ก็มักจะมีซีนอารมณ์เจ๋งๆ แทบทุกเรื่อง แต่ถ้าให้เรานึกถึงฉากที่ประทับใจและน้ำตาไหลที่ยอดเยี่ยมที่สุดจากทางค่าย Pixar ล่ะ เราจะนึกถึงเรื่องอะไร? ถ้าใครยังคิดไม่ออกก็ลองมาดูลิสต์การจัดอันดับฉากเรียกน้ำตาของ Pixar ที่จัดโดย IGN กันดูหน่อยเป็นไง แล้วค่อยมาแสดงความคิดเห็นกันว่า มีฉากไหนที่เพื่อนๆ ร้องไห้และชื่นชอบเหมือนกันบ้าง… 11. Finding Nemo ฉาก Marlin ทิ้ง Dory ฉากเปิดที่ Nemo ถูกจับไปและ Marlin ก็ตัดใจเพราะคิดว่าช่วยลูกไม่ทันแล้ว มันเป็นฉากที่เจ็บปวดมากๆ แม้คำพูดจะน้อยนิด 10. Brave ฉาก Merida คิดว่าคำสาปจะไม่หายไป ฉากที่ Merida ได้สูญเสียความหวังและคิดว่าคำสาปของแม่เธอนั้นจะไม่หายไป ทำให้เธอได้แต่ร้องไห้อย่างหนักเพราะคิดว่าต้นเหตุทั้งหมดก็เริ่มมาจากเธอนั่นเอง 9. Inside Out ฉาก Joy สูญสิ้นความหวัง หลังจากที่เธอรู้สึกเหมือนถูกทิ้งจนสูญเสียความหวังที่จะกลับไป แต่นั่นทำให้เธอได้ค้นพบความหมายของความเศร้าที่บางครั้งก็เป็นต้นเหตุของความสุข 8. WALL-E ฉาก WALL-E รีบูตตัวเองและลืมทุกอย่าง…
-
ชายชาวโอซาก้าหลับนอนกับ ‘ศพคนรัก’ นาน 5 วัน เพราะสะเทือนใจจนไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี
ในบางสถานการณ์เราอาจไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร เพราะว่าสิ่งที่เราเจอมันทำให้เรารู้สึกไม่อยากยอมรับความจริงจนในสมองมันตันไปหมด เหมือนกับชายคนนี้ที่พอเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาเขาก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก จนทำให้ต้องนอนอยู่กับศพไปนานถึง 5 วัน เรื่องราวนี้ถูกพบในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2017 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองฮิระกะตะ จังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าตรวจค้นบ้านของชายวัย 48 ปีคนหนึ่งในสภาพที่ดูไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ และพบเข้ากับศพหญิงสาววัย 44 ปีที่เป็นคนรักของเขานอนอยู่บนเตียงภายในบ้าน สถานีตำรวจเมืองฮิระกะตะ ตำรวจได้ทำการตรวจค้นหลังจากที่ผู้อยู่อาศัยในละแวกนั้นบังเอิญไปเห็นศพของหญิงสาวสวมชุดนอนอยู่ข้างๆ กับชายเจ้าของห้องบนเตียง จึงได้ทำการแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาตรวจสอบ จากการสอบถามข้อมูลทำให้ทราบว่าชายคนนี้เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยให้กับบริเวณที่อยู่อาศัยดังกล่าว โดยในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาคนรักของเขาก็จะเข้ามานอนที่ห้องบ้างเป็นบางครั้ง ชายคนนี้ได้บอกว่าคนรักของเขามีสุภาพที่ไม่แข็งแรงอยู่แล้ว และเธอก็ไม่ยอมเข้ารับการตรวจหรือรักษาจากแพทย์ ทำให้อาการแย่ลงเรื่อยๆ จนกระทั่งในคืนวันที่ 4 พฤศจิกายน 2017 เธอก็ได้เสียชีวิตไปขณะที่ยังหลับอยู่ เขาเล่าว่า “ในคืนนั้นร่างกายของเธอเย็นยะเยือก จนทำให้ผมไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อไปดี” เขาตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ทั้งจิตใจและความรู้สึกของเขาแทบจะเป็นอัมพาตไปเลยในตอนนั้น จึงได้ตัดสินใจเก็บร่างไร้วิญญาณของคนรักเอาไว้เป็นเวลานานถึง 5 วันจนกระทั่งมีคนไปพบเข้า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงหาสาเหตุการตายของหญิงสาวต่อไปและไม่ได้มองว่าชายคนนี้เป็นคนฆ่าเธอ แต่ก็ได้ทำการจับกุมเขาในความผิดที่ไม่ยอมแจ้งความเกี่ยวกับการเสียชีวิตของหญิงสาวและไม่ยอมพาเธอไปรักษาแม้รู้ว่าเธอกำลังอยู่ในขั้นอันตราย ที่มา: rocketnews24
-
ชาวเน็ตวิจารณ์ยับ หลังพบร้านอาหารใน ‘อาร์มีเนีย’ ขังหมีไว้ให้ลูกค้าดูเล่น..!?
กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่องค์กรช่วยเหลือสัตว์ทั่วโลกต่างพูดถึง หลังจากที่มีการแพร่ภาพของร้านอาหารแห่งหนึ่งในประเทศอาร์มีเนีย โดยเว็บไซต์ Dailymail ได้นำเสนอภาพของหมีสีน้ำตาลผู้น่าสงสาร ที่ถูกกักขังไว้ภายในกรงเหล็กขนาดเล็ก เพียงเพื่อใช้มันเป็นจุดสนใจสำหรับดึงลูกค้าเข้ามารับประทานอาหาร..!? สภาพของน้องหมีที่ต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่คับแคบ และนั่งดูลูกค้ารับประทานอาหาร มุมจากโต๊ะอาหารของลูกค้า จะเห็นได้ว่าหมีสีน้ำตาลถูกขังไว้อย่างน่าสงสาร และพยายามเรียกร้องขอความช่วยเหลือ แม้ว่า ‘อาร์มีเนีย’ จะเป็นประเทศที่มีประเพณีการจับหมีเพื่อเลี้ยงดูมาอย่างช้านาน ทว่าการจับหมีสีน้ำตาลออกมาจากแหล่งอาศัยตามธรรมชาติ และนำมันมาใช้หาผลประโยชน์เช่นนี้ ก็ถูกหลายองค์กรทั่วโลกโจมตีและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว ทำให้กลุ่ม IAR จากอังกฤษ ได้ประกาศลดจำนวนหมีที่ถูกนำมาขังในประเทศอาร์มีเนียให้ได้มากที่สุด… “บางตัวถูกขังอยู่ในนั้นมาเกือบทั้งชีวิต ประทังชีวิตอยู่ด้วยเศษอาหารเหลือจนพวกมันมีสภาพร่างกายผอมซูบ” “อีกทั้งพวกมันยังต้องอาศัยอยู่ในน้ำที่ไม่มีการระบาย และเหม็นอับ หลายๆ ตัวพยายามหาวิธีปีนหนีออกมาแต่ก็ไม่สำเร็จ” Alan Knight หัวหน้าองค์กร IAR เล่า ซึ่งตอนนี้ทางองค์กรกำลังวางแผนและระดมเงินทุน หวังปลดปล่อยอิสรภาพให้พี่หมีกว่า 80 ชีวิตทั่วทั้งอาร์มีเนีย การจะช่วยเหลือหมีตัวหนึ่งต้องใช้ค่าใช้จ่ายรวมแล้วสูงถึง 4,000 ยูโร (ราว 150,000 บาท) ไม่ว่าจะค่าขนส่ง ค่ารักษาพยาบาล ค่าที่อยู่พักฟื้น…
-
เจ้าหมาตาบอด Smiley ผู้ช่วยบำบัดรักษาเด็กๆ ได้จากไปอย่างสงบด้วยโรคมะเร็ง
หลายคนอาจต้องเกิดมามีความผิดปกติทางร่างกายจนรู้สึกไม่อยากก้าวเดินต่อไป ถึงอย่างไรเราก็ต้องไม่ย่อท้อและใช้ทั้งชีวิตให้มีความสุขเหมือนกับเจ้าหมาตัวนี้ นี่เป็นเรื่องราวอันน่าเศร้าของสุนัขที่ชื่อว่า Smiley ที่ได้จากไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2017 หลังจากที่ต่อสู้กับโรคมะเร็งมาอย่างยาวนาน น้องหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวนี้ต้องเกิดมาพร้อมกับความพิการไม่มีดวงตาทั้งสองข้าง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงมีความสุขได้จากความผิดปกติหายากที่ทำให้ฟันมีขนาดใหญ่กว่าปกติจนเหมือนกับว่ามันยิ้มอยู่ตลอดเวลา แม้เกิดมาไม่มีดวงตาจนต้องถูกเย็บปิดเอาไว้เพื่อป้องกันการติดเชื้อ แต่เจ้า Smiley ก็ยังคงยิ้มอยู่เสมอ ชีวิตของมันเริ่มขึ้นในศูนย์ดูแลลูกสัตว์ก่อนที่ Joanne George จะมารับมันไปเลี้ยงในตอนที่อายุได้ 2 ขวบ หลังจากนั้นมันก็ได้ออกช่วยเหลือผู้คนจำนวนมาก เจ้าหมาจะเดินทางไปตามโรงพยาบาล สถานพักฟื้นหรือโรงเรียนเพื่อไปให้กำลังใจเหล่าคนไข้ที่ต้องอยู่ในช่วงเวลาอันย่ำแย่ ให้พวกเขาสามารถกลับมายิ้มได้อีกครั้ง Joanne ที่มอบความรักให้กับมันมาโดยตลอด ด้วยการที่มันต้องเกิดมาผิดปกติแต่ใบหน้าก็ยังคงเต็มไปด้วยความสุข ทำให้ทุกคนที่ได้เจอกับมันกลับมามีกำลังใจกล้าเผชิญกับปัญหากันต่อไป โดยเฉพาะกับเด็กที่ต้องพิการแต่กำเนิดซึ่งน้องหมาสามารถเข้าไปเยียวยาจิตใจพวกเขาได้เป็นอย่างดี คนไข้ที่ชื่อว่า Teddy ผู้ป่วยที่ไม่พูดไม่จาและไม่สื่อสารอะไรกับใครเลยก็ถึงกับทำให้ทุกคนแปลกใจเมื่อเขายิ้มออกมาเป็นครั้งแรกขณะที่ได้เจอกับ Smiley เหมือนกับว่ามันเกิดมาเพื่อมอบความสุขให้กับทุกคนเลยจริงๆ ใบหน้าที่ช่วยเยียวยาจิตใจให้กับทุกคน แต่เมื่อเดือนกรกฎาคมเจ้าของของมันก็ได้โพสต์ข่าวร้ายลงไปในเฟซบุ๊ก เมื่อมีการตรวจพบมะเร็งในตับและกระเพาะของเจ้าหมา นั่นหมายความว่ามันจะใช้ชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน การเดินทางเพื่อช่วยเหลือผู้คนมาตลอด 12 ปีกำลังจะจบลงอย่างน่าเศร้า ในตอนนี้อินสตาแกรมของมันมีคนติดตามมากกว่า 200,000 คนแล้ว ซึ่งล่าสุดเจ้าของได้โพสต์ภาพขอณะที่เขากำลังจับมือมันเอาไว้พร้อมกับแคปชั่นที่แสนสะเทือนใจว่า “นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่พอจะตอบแทนทุกอย่างที่มันทำมาตลอดได้ พรุ่งนี้คงต้องปล่อยให้มันจากไปอย่างสงบหลังจากที่ต่อสู้มาอย่างยากลำบาก”…
-
แมวน้อยไม่ยอมห่างจากเจ้าของ นอนอยู่ข้าง ‘หลุมฝังศพ’ ไม่มีใครพรากทั้งคู่ให้จากกันได้
หลายคนคงไม่อยากยอมรับกับเรื่องการจากไปของคนที่เรารักและต้องจมอยู่กับความเสียใจไปนาน ไม่ต่างกับเจ้าเหมียวตัวนี้ที่มันเองก็คงจะทำใจไม่ได้เหมือนกัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบนเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย ในงานศพของนาย Ismail Mat วันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ผู้คนที่มาร่วมงานต่างเศร้าโศกเสียใจกับการจากไปของเขารวมถึงสัตว์เลี้ยงแสนรักอีกตัวหนึ่งด้วย เจ้าเหมียวสัตว์เลี้ยงแสนรักของผู้ตาย เมื่อเจ้าเหมียวที่เขาเลี้ยงเอาไว้คงยังไม่พร้อมสำหรับการจากไปในครั้งนี้ เมื่อพิธีในงานเริ่มขึ้นมันก็เดินเข้ามาที่หลุมฝังศพของเจ้าของมัน เกลือกกลิ้งไปมาหรือพยายามขุดดินตรงนั้นไม่ยอมไปไหน เหมือนกับว่าอยากจะปลุกให้เจ้านายลุกขึ้นมาอีกครั้ง มันทำได้เพียงแต่ไว้อาลัย แม้ว่าจะยังทำใจไม่ได้ก็ตาม ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Soffuan CZ เขียนบอกเอาไว้ในโพสต์ว่า “ปู่ของผมเป็นคนเดียวที่คอยดูแลเจ้าแมวมาโดยตลอด” จึงอาจเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงได้ผูกพันและแสดงออกมาแบบนี้ ผู้คนที่อยู่ในงานพยายามจะอุ้มมันออกไปจากตรงนั้น แต่มันก็ขัดขืนจะอยู่ตรงข้างหลุมศพให้ได้ ภาพที่เห็นทำให้ผู้ร่วมงานต้องรู้สึกซาบซึ้งไปกับความรักที่เจ้าเหมียวมีให้กับผู้ตาย คลิปวิดีโอของเจ้าเหมียว ที่แม้ความตายก็ไม่อาจพรากมันจากเจ้าของได้ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อคลิปวิดีโอพฤติกรรมของมันได้ถูกเผยแพร่ลงโซเชียลมีเดียในวันต่อมา ก็มีคนเข้ามาชมมากกว่า 6 ล้านครั้ง คอมเม้นท์ต่างๆ มีทั้งไว้อาลัยผู้ตายและรู้สึกเสียใจที่ต้องเห็นเจ้าแมวเป็นอย่างนั้น ยังคงไม่สามารถก้าวไปไหนได้เลย เราคงไม่สามารถไปบังคับให้มันไม่เศร้ากับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เพราะมันก็ยังคงมีความผูกพันกับเจ้านายของมันไม่ต่างกับผู้ร่วมงานคนอื่นหรอก ที่มา: nextshark
-
เด็กหนุ่มวัย 15 จบชีวิตตัวเอง หลังกลายเป็นเหยื่อการกลั่นแกล้ง ถึงขั้นถูกขู่ข่มขืนแม่..!?
อีกหนึ่งประเด็นเกี่ยวกับการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียน จนนำมาซึ่งความสูญเสียของครอบครัวรายัต ชาวอินเดียผู้อาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษ โดยเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2017 เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานเรื่องราวของ ‘แบรนดอน รายัต’ เด็กหนุ่มวัย 15 ปี ที่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง หลังจากตกเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งอย่างหนักที่โรงเรียน ครอบครัวรายัตกับภาพของลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัว แม้ว่าภาพลักษณ์ภายนอกของแบรนดอน จะดูเป็นปกติทุกอย่าง ทว่าคนรอบตัวกลับไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่า เขามีพฤติกรรมสะสมความเครียดมาโดยตลอด และพยายามหาเรื่องบ่ายเบี่ยงไม่อยากไปโรงเรียน… ย้อนไปเมื่อปี 2015 ตัวเขาต้องทนกับภาพแวดล้อมที่ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่นัก หลังเลิกรากับแฟนสาวเขาก็ตกเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งอย่างหนักนับตั้งแต่นั้นมา ถึงขนาดที่ว่าครั้งหนึ่งแบรนดอนยอมโกนผมตัวเอง เพื่อให้กลุ่มเด็กเกเรยอมรับและเลิกกลั่นแกล้งเขาเสียที ครั้งหนึ่งในวิชาคอมพิวเตอร์ เคยมีเพื่อนร่วมชั้นเผยภาพหน้าบ้านของเขาจากกูเกิลแมพส์ พร้อมกับขู่ว่าจะบุกไปข่มขืนแม่ของเขาถึงที่บ้าน (ในภายหลังเพื่อนคนนี้ก็อ้างว่าเป็นการอำกันขำๆ) ภาพจากข้อความส่วนหนึ่งระหว่างแบรนดอน กับเพื่อนที่เคยขู่ว่าจะบุกไปข่มขืนแม่ถึงบ้าน ตลอดเวลาที่ผ่านมาคนใกล้ตัวไม่เคยสังเกตเห็นความร้าวระทมในใจของแบรนดอน จนกระทั่งในเดือนเมษายน ปี 2015 แบรนดอนได้เอ่ยเป็นนัยๆ ว่าตนไม่อยากไปโรงเรียนอีกแล้ว อีกทั้งยังมีอาการเครียดจัดจนสติแตก และคุณหมอก็ได้วินิจฉัยว่าเขาประสบภาวะความเครียดเฉียบพลัน “เขาต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกกลั่นแกล้ง และสิ่งเหล่านี้ก็วนเวียนอยู่หัวของแบรนดอนไม่เคยหายไปไหน ความเศร้าทุกอย่างทำให้ชีวิตเขาดูแย่ลง เพราะยิ่งเขาโตขึ้น ก็ยิ่งมีสาวๆ มารุมล้อม และฉันคิดว่านี่อาจเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้เพื่อนรุ่นเดียวกันรู้สึกอิจฉา”…
-
นักวิทยาศาสตร์ทำการศึกษา อธิบายว่า “การถูกบอกเลิก” แบบไหนที่ทำให้เราเจ็บที่สุด
ในตอนที่เราอกหักครั้งแรกตอนนั้นรู้สึกอย่างไรกันบ้าง กินไม่ได้นอนไม่หลับ รู้สึกทรมาน มีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างยากลำบาก ประมาณนั้นหรือเปล่า? แล้วครั้งนั้นเป็นครั้งที่เจ็บที่สุดมั้ย? เราสามารถถูกบอกเลิกได้หลากหลายเหตุผล ทว่าแล้วเหตุผลไหนที่เจ็บที่สุดล่ะ? นี่จึงกลายเป็นคำถามให้กับนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัย Cornell ได้ออกมาหาคำตอบกัน การถูกบอกเลิกก็คือการที่ถูกอีกฝ่ายบอกปฏิเสธนั่นเอง ผู้วิจัยจึงได้ทำการทดลองกับคน 600 คน โดยการทดลองแรกนั้นจะมีหน้าม้าเป็นผู้หญิงสองคน และผู้ชายอีกคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรอยู่รวมกัน จากนั้นพวกเขาจะมอบหมายงานบางอย่างให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง และเธอคนนั้นต้องเลือกว่าจะทำงานกับผู้หญิงอีกคน ทำงานกับผู้ชาย หรือว่าทำคนเดียว ซึ่งเธอเลือกที่จะทำกับผู้หญิงอีกคนหรือทำคนเดียวเท่านั้น และเมื่อผู้ชายไม่ได้อยู่ในการตัดสินใจของเธอเลย นั่นจะทำให้พวกเขาสามารถรับรู้ความรู้สึกของการถูกปฏิเสธได้ ส่วนการทดลองอื่นจะให้ผู้เข้าร่วมอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ใช้เวลาร่วมกันและกระตุ้นให้พวกเขาเหล่านั้นแสดงความรู้สึกออกมาว่า รู้สึกอย่างไรกันบ้างเมื่อตนเองต้องถูกปฏิเสธด้วยสาเหตุต่างๆ ในขณะที่ผู้วิจัยจะทำการสังเกตร่วมด้วย การศึกษาทั้งสองนี้เผยให้เห็นว่าการที่ต้องถูกปฏิเสธและไปเลือกคนอื่น สร้างความรุนแรงได้มากกว่าปฏิเสธด้วยเหตุผลอื่นที่ไม่มีบุคคลที่สามมาเกี่ยวข้อง ดังนั้นหากว่าอกหักเพราะอีกฝ่ายไปกับอีกคน จะยิ่งสร้างความทรมานใจได้มากกว่าสิ่งอื่นใด นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า “การถูกปฏิเสธจากการเปรียบเทียบ” เหตุผลที่มันมีความรุนแรงมากที่สุดก็เพราะ การปฏิเสธคือการทำให้รู้สึกถูกตัดทิ้งออกไปและลดความเป็นเจ้าของลง นั่นยิ่งทำให้รู้สึกแย่เมื่อพบว่าตนเองเป็นตัวเลือกที่แย่กว่า จากการสังเกตอื่นๆ ของผู้วิจัยพบว่า หากคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองถูกปฏิเสธเพราะอะไร ก็จะพยายามหาคำตอบให้ได้ แม้ว่าสิ่งที่ได้อาจทำให้เจ็บกว่าเดิมก็ตาม แต่ถ้าหากหาเหตุผลไม่ได้จริงๆ พวกเขาจะตีความไปเองว่าคนใหม่ที่โผล่มาในรูปของเธอคนนั้นคือคนที่เธอเลือก นักวิทยาศาสตร์เสริมให้อีกว่า มันเป็นเรื่องดีที่จะบอกให้ผู้ที่ถูกปฏิเสธรับรู้ว่าคุณไม่ได้เลิกกับเขาเพื่อไปมีคนอื่น ซึ่งจะทำให้เขาเหล่านั้นรู้สึกดีขึ้น แต่หากว่าไปมีคนอื่นจริงๆ การแสดงออกว่าคนๆ นั้นดีกว่าคนเดิมก็ควรจะเก็บเอาไว้เป็นความลับให้มากที่สุด…
-
การจากไปที่แสนเศร้า ของเจ้า “หมีแพนด้า” ที่แก่ที่สุดในโลกเสียชีวิตด้วยวัย 37 ปี
การจากไปของคนที่เรารู้จักหรือสัตว์ที่เรารัก สร้างความเศร้าโศกเสียใจและความเจ็บปวดให้กับคนใกล้ชิดอย่างมากมาย ยิ่งหากว่าเป็นที่รักของใครหลายคนด้วยแล้ว เรื่องราวต่างๆ ก็จะถูกเก็บไว้ไม่จางหายไปไหน หมีแพนด้า เป็นสัตว์ที่เราทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี ด้วยความน่ารักน่าชัง สีสันที่เป็นเอกลักษณ์ ถึงขนาดที่บ้านเราเองมีช่องที่สามารถส่องตามติดชีวิตมันได้เลยทีเดียว หลายคนคงรู้อยู่แล้วว่าเจ้าสัตว์ชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศจีน จึงทำให้คนนประเทศนั้นรักพวกมันเป็นอย่างมาก และต้องแลกมาด้วยความเศร้าใจอย่างมากเช่นเดียวกัน เมื่อ Basi หมีแพนด้าที่อายุมากที่สุดในโลกได้ตายลงไป ในปัจจุบันยังคงไม่มีการพูดถึงอายุเฉลี่ยของแพนด้า ทว่าตามสถิติเจ้านี่คือตัวที่มีอายุยืนยาวที่สุด ซึ่งอยู่มานานถึง 37 ปี และตลอดเวลานั้นมันก็สามารถมีชีวิตได้อย่างเต็มที่ และสร้างความสุขให้กับใครหลายคน ตัวมันถูกช่วยเหลือมากจากบริเวณแม่น้ำที่เย็นจนจับตัวเป็นน้ำแข็งในมณฑลเสฉวน ปี 1984 ก่อนที่จะพามันไปอยู่บ้านใหม่ นั่นคือศูนย์วิจัยและแลกเปลี่ยนแพนด้ายักษ์ช่องแคบฝูโจว กายกรรมก็ไม่ใช่ปัญหา ต่อมาในปี 1990 มันก็ได้รับเลือกเป็นมาสค็อตให้กับกีฬา เอเชี่ยนเกมส์ และได้เดินทางไปโชว์ตัวในสวนสัตว์แซนดิเอโก ประเทศสหรัฐอเมริกา การเดินทางไปต่างประเทศ ทำให้ดูตื่นเต้นไม่น้อย ช่วงชีวิตของมันหากเทียบกับมนุษย์แล้ว เรียกได้ว่ามันแก่กว่า 100 ปีเลยทีเดียว การจากไปของมันเป็นไปอย่างสงบและอบอุ่น ภายในบ้านที่คุ้นเคยที่เมืองฝูโจว วันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา ทำท่านั่งได้คล้ายกับมนุษย์เลย ทุกคนที่เคยพบเห็นความน่ารักของมันและทางสถาบันที่เลี้ยงดูมันมาเอง…
-
เฮิร์ทแบบคูลๆ… หนุ่มประกาศจะเล่นเปียโนไม่หยุด เพราะอกหักจากรักที่เธอไม่เอา~
เรื่องเฮิร์ทๆ เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากเจอ ก็แหงล่ะ… เมื่อเราได้รู้สึกตกหลุมรักใครซักคนแล้ว เราก็อยากจะทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะใจเธอ แต่บางทีความรักก็มักไม่เข้าข้าง เหมือนกับพ่อหนุ่ม Luke Howard วัย 34 ปี ที่ถูกแฟนสาวที่คบกันมาได้ 4 เดือน (ห๊ะ!!) ทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใย เจ้าตัวเลยขอประกาศระบายความโศกไปกับโน๊ตเปียโนในที่สาธารณะซะเลย แด่ความรัก… ผมชื่อ Luke และวันนี้ผมจะมาเล่นเปียโนให้กับรักที่เพิ่งผ่านพ้นไป (แถมมีบอกให้ไลค์&แชร์ เพจบนเฟซฯ ด้วยนะ) ถ้าเป็นเราก็อาจจะเปิดเพลงเศร้าเคล้าน้ำตาที่เจิ่งนอง แล้วก็เอาฝักบัวมาสาดน้ำใส่หัวให้ดูเศร้าหมอง แต่ Luke Howard ลงทุนเล่นใหญ่กว่านั้น เขาจัดแจงนำเงินเก็บไปซื้อเปียโน จากนั้นก็นำมาตั้งไว้กลางที่สาธารณะในเมืองบริสตอล รัฐโรดไอแลนด์ ประเทศสหรัฐฯ พร้อมกับให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นว่า “ผมมาที่นี่เพื่อเล่นเปียโน… เพราะผมก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรดี” ทุกๆ ฉาก ทุกๆ ตอน ฉันจะคิดถึงเธอเสมอนะลินดา… (แฟนเค้าไม่ได้ชื่อลินดานะ) พ่อหนุ่มเล่าถึงความสัมพันธ์ของตนกับอดีตแฟนสาวไว้ว่า… “ผมตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเธอเป็นคนที่วิเศษมากๆ ผมไม่เคยเจอใครแบบนี้มาก่อน แต่สุดท้ายก็เหมือนกับว่าเราสองคนไปกันต่อไม่ได้ ผมขอเลือกที่จะไม่ยอมแพ้และตัดใจ แต่ผมจะพิสูจน์ให้เธอเห็นถึงความรักด้วยการเล่นเปียโนอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าจะแดดออก…
-
คุณแม่สุดระทม ต้องขึ้นศาลเจอกับอดีตสามี ด้วยข้อหา… ‘ฆาตกรรมลูกชายตัวเอง’!!
สำหรับหัวอกคนเป็นแม่แล้ว เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะไม่รักลูกของตัวเอง เพราะกว่าที่คุณแม่จะให้กำเนิดลูกน้อยได้พวกเธอต้องคอยดูแลเอาใจใส่อยู่นานหลายเดือน และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความรักระหว่างแม่ – ลูก ที่ไม่มีสิ่งใดเทียบเคียงได้ และนี่ก็เป็นเรื่องราวสุดร้าวระทมใจของคุณแม่ Ana Estevez ที่ถึงกับต้องหลั่งน้ำตาออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ เมื่อเธอต้องมาขึ้นศาลเพื่อฟังคำตัดสินเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมลูกชายเธอ และผู้ต้องหาในครั้งนี้ก็คืออดีตสามีหรือคุณพ่อของผู้เสียชีวิตจริงๆ นั่นเอง ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนเมษายนตอนต้นปี เป็นวันที่ผู้ต้องหา (พ่อ) พาเด็กหนุ่มวัย 5 ขวบ Aramazd Andressian Jr. ไปเที่ยวที่ดิสนีย์แลนด์ ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พยานกล่าวว่า เด็กชายนั่งรถออกจากสวนสนุกไปกับคุณพ่อ จากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นอีกเลย หลังจากหนึ่งเพียงหนึ่งวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานว่า มีคนพบว่าคุณพ่อคนดังกล่าว นอนสลบไม่ได้สติอยู่บนรถของตนเองในสวนสาธารณะ Arroyo Seco Park โดยบนรถมีการราดน้ำมันไว้ทั่วคัน และมีแผงยาหลายชนิดตกอยู่บนเบาะ ดูเหมือนว่าเขามีเจตนาจะฆ่าตัวตาย ตำรวจจึงเข้าควบคุมตัวไว้ เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเขาเป็นคนลงมือฆ่าบุตรชายด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่มีหลักฐานเพียงพอ เจ้าหน้าที่จึงต้องปล่อยตัวคุณพ่อฆาตกรคนนี้ไปก่อน มีรายงานว่าเพียงวันเดียวหลังจากที่เขาถูกปล่อยตัว เขาได้ทำการย้อมสีผมและโกนหนวด ราวกับว่าพยายามปกปิดอัตลักษณ์ของตนเอง รวมทั้งย้ายไปอยู่ที่ลาส เวกัส มีรายงานอีกว่า คุณพ่อฆาตกรคนดังกล่าวไม่มีท่าทีเสียใจแม้แต่นิดเดียว เขายังออกไปพบปะผู้คน กินเที่ยวอย่างสนุกสนาน รวมทั้งวางแผนที่จะเดินทางออกนอกประเทศอีกด้วย …
-
เรื่องราวของคุณแม่ชาวเท็กซัส ผู้สละชีวิตตัวเอง เพื่อช่วยไม่ให้ลูกจมน้ำ
มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมายท่ามกลางสถานการณ์พายุที่ซัดกระหน่ำ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่อาจทำให้เราน้ำตาไหลออกมาได้โดยไม่รู้ตัว เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานเรื่องราวของคุณแม่ Collette Sulcer วัย 41 ปี ผู้ยอมสละชีวิตตนเองเพื่อช่วยลูกน้อยของเธอให้อยู่รอดปลอดภัย… คุณแม่ Collette Sulcer และ Jordyn ลูกสาววัย 3 ขวบ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา คุณแม่และลูกน้อยทั้งสองคนได้ขับรถลี้ภัยน้ำท่วมออกมาจากบริเวณย่าน Beaumont ในรัฐเท็กซัส ช่วงเวลาประมาณ 15.30 น. ทว่าด้วยกระแสน้ำที่แรงเกินไป ทำให้รถของเธอติดอยู่กลางถนนและไม่สามารถหนีออกไปไหนได้ และก่อนที่รถจะถูกพัดคุณแม่ก็ได้โอบกอดลูกน้อยไว้ไม่ให้จมน้ำ หลังจากที่รถถูกกระแสน้ำพัดอย่างแรง คุณแม่ก็ได้พยายามอุ้มลูกน้อยของเธอให้ศีรษะอยู่เหนือน้ำไว้ ก่อนจะพยายามเดินฝ่าน้ำไปหาที่หลบภัย แต่น่าเศร้าที่กระแสน้ำพัดแรงเกินไป พวกเขาทั้งคู่ถูกพัดออกไปไกลจากจุดเดิมถึงประมาณ 800 เมตร และเมื่อทีมกู้ภัยเข้าไปช่วยเหลือก็พบว่า พวกเขาทั้งสองอยู่ในสภาพที่กำลังลอย พยายามไม่ให้ลูกน้อยจมน้ำ Carol Riley หัวหน้าทีมกู้ภัยให้สัมภาษณ์ว่า ตอนที่ทีมพวกเขาไปถึงก็พบว่าคุณแม่ได้พยายามอุ้มไม่ให้ลูกน้อยจมน้ำ ทว่าทั้งคู่ก็ต้องเผชิญกับภาวะตัวเย็นเกิน (hypothermia) ซึ่งหลังจากที่ทั้งสองได้รับการช่วยเหลือแล้ว ทีมแพทย์ก็ได้พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะยื้อชีวิตคุณแม่ไว้ แต่กลับไม่สำเร็จ… คุณแม่เสียชีวิตลงจากนั้นไม่นาน…
-
เมื่อหญิงสาวต้องเลือกระหว่าง ชีวิตของลูกหรือของเธอเอง และเธอก็เลือกมอบชีวิตให้ลูก…
ในหลายครั้งเราจำเป็นต้องเลือกสิ่งหนึ่งเพื่อแลกกับอีกสิ่งหนึ่ง ซึ่งบางทีตัวเลือกที่เราได้รับนั้นก็คงจะทำให้รู้สึกรักพี่เสียดายน้อง เพราะว่ามันก็สำคัญกับตัวเราทั้งนั้น เหมือนกับเธอคนนี้แตกต่างกันที่ว่าเธอไม่มีความลังเลใดๆ เลย เมื่อว่าที่คุณแม่อย่าง Tasha Trafford วัยเพียง 33 ปี ประสบกับโรคมะเร็งกระดูกในขณะที่เธอกำลังตั้งท้องอยู่ ซึ่งในช่วงเวลา 16 สัปดาห์นั้น เธอจำเป็นต้องทำการฉายรังสีเพื่อรักษาตัวเองให้หายจากโรคร้าย แต่เธอก็ได้ปฏิเสธที่จะทำการรักษา เพราะว่าหากเธอต้องการเช่นนั้น นั่นหมายความว่าเธอจำเป็นที่จะต้องเอาลูกออก ไม่อย่างนั้นก็จะเริ่มการรักษาไม่ได้ จากการที่เธอคอยพยาบาลและดูแลตัวเองมาโดยตลอดทราบดีว่า เธอมีโอกาสที่จะทำให้ตัวเองสามารถมีชีวิตต่อไปได้นานยิ่งขึ้นจากการต่อสู้กับโรคร้ายนี้ แต่เธอก็ตั้งใจและมีความคิดที่แน่วแน่ว่า เธอต้องการให้ลูกได้ออกมาลืมตาดูโลก… คุณแม่ Tasha และลูกชาย Cooper เธอพูดว่า “การทำสิ่งใดก็ตามที่จะสร้างอันตรายให้กับลูก ไม่เคยมีอยู่ในความคิดของฉันเลย” จากสิ่งที่เธอเลือกก็ทำให้เด็กชายได้คลอดออกมาในวันที่ 12 ธันวาคม 2015 แน่นอนว่าโรคร้ายของเธอก็ยังคงไม่หายไปไหน ทำให้เธอมีเวลาได้อยู่กับลูกเพียงแค่ 11 เดือน ก็ต้องจากโลกนี้ไปอย่างน่าเศร้า หวังเพียงต่อการจะให้ตัวเองได้อยู่ครบรอบวันเกิดของเด็กน้อยในปีแรก แต่ก็ไม่สำเร็จ เรื่องสะเทือนใจนี้ทำให้พ่อของเธอ Dai Gallivan ตัดสินใจที่จะออกเดินทางไปยังภูเขาคิลิมันจาโร เพื่อการปีนขึ้นไปสู่ยอดเขาสำหรับการกุศลที่จะมอบเงินให้ศูนย์ดูแลมะเร็ง Tenovus เขาได้เข้ามาดูแลลูกสาวของเขาในหนึ่งเดือนก่อนที่เธอจะจากไป แทนที่ลูกชายอีกคน David และในวันที่เธอจากไปเขาก็ได้โทรบอกลูกชายคนนี้พร้อมกับออกเดินทางไปภูเขา ถึงแม้รู้ดีว่าเมื่อเขากลับมาจะไม่มีเธออยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้วก็ตาม…
-
คุณแม่ขังลูกทั้ง 2 ไว้ในรถอันร้อนระอุ เพียงเพราะต้องการ “สั่งสอน” จนเป็นเหตุถึงขั้นเสียชีวิต…
เด็กเล็กๆ ก็มีบ้างที่จะไม่เข้าใจหรือเชื่อฟังในสิ่งที่ผู้ปกครองพูด จนบางครั้งก็ลงเอยด้วยการทำโทษเพื่อให้มีความรู้สึกหลาบจำและปฏิบัติตามในสิ่งที่ผู้ใหญ่ต้องการ แต่ทว่าการทำโทษนั้นอาจรุนแรงถึงขั้นที่เสียชีวิตได้เลย… อุทาหรณ์เรื่องนี้เกิดขึ้นในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเจ้าหน้าที่ได้จับกุม Cynthia Marie Randolph คุณแม่ลูกสองวัย 25 ปี ที่เป็นต้นเหตุทำให้ลูกๆ ของเธอที่มีอายุเพียงแค่ 2 ขวบและ 1 ขวบกว่าๆ ต้องเสียชีวิต จากการที่ขังพวกเขาไว้ในรถเพื่อเป็นการทำโทษ… Cynthia Marie Randolph คุณแม่ลูกสองที่ขังลูกเอาไว้ในรถ จนเป็นเหตุทำให้เสียชีวิต โดยที่ทั้งคู่นั้นถูกพบศพในวันที่ 26 พฤษภาคม 2017 และเธอก็ถูกตัดสินในข้อหาทำให้เด็กได้รับการบาดเจ็บร้ายแรงระดับที่หนึ่ง ผลจากการชันสูตรจากลูกทั้งสองคนสามารถระบุได้ว่าเป็นการฆาตกรรม จากอาการไข้ขึ้นสูงจัดจนเสียชีวิตภายในรถ ที่เธอได้ขังพวกเขาเอาไว้ด้วยอุณหภูมิสูงถึง 35 องศาเซลเซียส ทางด้านตำรวจได้ให้ข้อมูลว่า เธอต้องการที่จะสั่งสอนลูกของเธอที่ไม่ยอมลงจากรถเมื่อถูกสั่ง ตามข้อกล่าวหาคือเธอขังเด็กเอาไว้ในนั้นและเข้าบ้านไปสูบกัญชา ก่อนจะงีบหลับไป 2 ถึง 3 ชั่วโมง เพราะคิดว่าลูกๆ จะสามารถออกมาจากรถได้เอง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเสริมอีกว่า เมื่อเธอได้ออกมาเห็นลูกน้อยทรมานอยู่ในรถ ก็ทำการทุบกระจกรถให้ดูเหมือนกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอุบัติเหตุ ลูกสาววัย…
-
นักว่ายน้ำยืนนิ่ง ไม่ยอมกระโดดเพื่อ “ไว้อาลัยบาร์เซโลน่า” สร้างกระแสถกเถียงในสังคม
นับว่าวีรกรรมของนักกีฬาว่ายน้ำ Fernando Alvarez ได้รับการกล่าวถึงไปทั่วโลก จากการแข่งขัน World Championships ที่เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ซึ่งก่อนหน้าที่จะเกิดการแข่งขัน เมืองในยุโรปอย่าง บาร์เซโลน่า ก็ต้องเผชิญการถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายสร้างเหตุการณ์ความไม่สงบใส่ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 15 คน และบาดเจ็บอีกนับ 100 ราย กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ซึ่งก่อนการแข่งขัน Alvarez ก็ได้ยื่นเรื่องเสนอผู้จัดการแข่งขัน ให้มีการยืนไว้อาลัยแด่ผู้ประสบภัยในเหตุการณ์ที่บาร์เซโลน่า เหมือนกับการแข่งขันหลายๆ อย่าง เช่น ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ที่จะยืนไว้อาลัย 1 นาทีในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่กลับถูกคณะกรรมการปฏิเสธ “ผมยื่นเรื่องให้มีการยืนไว้อาลัยซักครู่ แต่กลับถูกปฏิเสธเพราะพวกเขาให้เหตุผลว่า จะเสียเวลาแม้แต่ 1 นาทีก็ไม่ได้ ดังนั้นผมเลยเลือกที่จะยืนไว้อาลัยด้วยตัวเอง และออกตัวช้ากว่าคนอื่น 1 นาที สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมรู้สึกถึงคุณค่าของการแข่งขันมากกว่าเหรียญทองซะอีก” Alvarez ให้สัมภาษณ์ ลองไปชมคลิปวิดีโอของเจ้าตัวกันเลย แน่นอนว่าเรื่องราวของ Fernando Alvarez ถูกอกถูกใจชาวเน็ตจากทั่วโลก รวมถึงสร้างกระแสเป็นที่พูดถึง ชาวเน็ตหลายคนเข้ามากล่าวคำชมเชย แม้ว่าคณะกรรการจะปฏิเสธ…
-
ชมสภาพเมือง ‘Rio de Janeiro’ หลังจบโอลิมปิค และต้องเผชิญปัญหาเศรษฐกิจล้มละลาย
การจะเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิคได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะอย่างน้อยๆ ประเทศเจ้าภาพก็ต้องมั่นใจว่าเศรษฐกิจของตัวเองดีพอ และมีเงินหมุนมากพอ ที่จะไม่ทำให้ประชาชนต้องตกระกรำลำบากหลังจบงานไปแล้ว ทว่าหลังจบงานโอลิมปิคปี 2016 เมือง Rio de Janeiro ก็ได้ประกาศเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจล้มละลาย ซึ่งวันนี้เราจะพาไปชมสภาพบ้านเมืองหลังจบงานโอลิมปิคอีกครั้ง… หลังเสร็จสิ้นพิธีปิดได้ไม่นาน ก็มีการประกาศเข้าสู่สภาพวะเศรษฐกิจล้มละลาย แม้ว่าหน้าฉากในช่วงการแข่งขัน เราจะเห็นภาพรอยยิ้มของชาวบราซิล ทว่าหลังจบงานสภาพการเป็นอยู่ของพวกเขากลับไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็นกันในสื่อ นักกีฬาผู้เป็นดั่งฮีโร่ของชาวบราซิลหลายๆ คน ก็ไม่ได้รับค่าตัวจากรัฐบาลหลังการแข่งขัน Maicon Andrade นักกีฬาเหรียญทองแดงเทควันโดให้สัมภาษณ์ว่า “ผมคิดว่าเส้นทางกีฬาจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น แต่เปล่าเลย… แม้แต่ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ได้รับค่าตอบแทนแม้แต่สตางค์เดียว” หนึ่งในสเตเดียมที่ใช้ทุนสร้างมหาศาล ทว่าหลังจบการแข่งขันมันก็กลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่ไร้ประโยชน์ทันที หลายๆ พื้นที่การแข่งขัน ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ชุมชนแออัด ทำให้มีประชาชนจำนวนมากกลายเป็นคนไร้ที่อยู่ และไม่ได้รับการเหลียวแลใดๆ จากรัฐบาล และทั้งหมดก็มีสเตเดียมที่กลายเป็นพื้นที่รกร้างไปแล้วมากกว่า 27 แห่ง ยกตัวอย่างเช่นสนามแข่งปั่นจักรยาน ที่เคยใช้งานเพียงแค่ครั้งเดียวหลังสร้างเสร็จ ทว่าต้องสูญเงินไปกับค่าบำรุงรักษาสูงถึงปีละ 840,000 ยูโร (ราว 32 ล้านบาท) …
-
ร้านส่ง “มิลค์เชค” ไกลกว่า 600 กิโลให้หญิงใกล้ตาย เพื่อให้เธอมีความสุขกับของโปรดครั้งสุดท้าย…
หากเราอยากกินโน่นกินนี่มันก็คงไม่ยากที่เราจะขับรถไปกิน หรือถ้าไม่มีรถเราก็อาจนั่งรถประจำทางหรือโทรสั่งมากินได้ที่บ้าน แต่สำหรับเธอคนนี้นั้นมันเป็นสิ่งที่ยากเหลือเกินเมื่อมันอยู่ห่างออกไปไกลและเธอก็ไม่สามารถจะไปกินได้ด้วยตัวเอง นี่คือเรื่องราวของหญิงสาวชาวอเมริกันที่มีชื่อว่า Emily Pomeranz ผู้ป่วยโรคมะเร็งตับอ่อนพร้อมกับคำขอสุดท้ายของเธอที่จะได้กินมิลค์เชคจากร้านโปรดก่อนที่เธอจะจากไปอย่างน่าเศร้า เธอนั้นเติบโตในเมือง Cleveland Heights รัฐโอไฮโอ ซึ่งที่นั่นมีร้านอาหารชื่อว่า Tommy’s ที่มีชื่อเสียงความอร่อยจากอาหารและมิลค์เชค นอกจากนั้นร้านนี้ยังเป็นร้านโปรดของเธออีกด้วย Sam Klein เพื่อนของเธอได้เข้าไปเยี่ยมเธอที่สถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน และได้ถามว่าเธอต้องการอะไรบ้างไหม เขาจะได้ไปหามาให้ เธอได้ตอบกลับมาว่าเธอต้องการหมวกเบสบอล เขาจึงได้นำมาให้ในวันถัดมาและถามอีกว่า เธอยังต้องการอะไรอีกไหม เธอจึงตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “ฉันหวังว่าฉันจะได้กินมอคค่ามิลค์เชคจากร้านโปรดอีกสักครั้ง” อย่างที่รู้ว่าเธอคงไม่สามารถไปด้วยตนเองได้ ด้วยความเป็นเพื่อนจึงได้ตัดสินใจส่งอีเมล์ไปถามที่ร้านว่าจะมีทางไหนมั้ยที่จะทำให้เธอสมหวังด้วยระยะทางที่ไกลจากร้านถึง 600 กิโลเมตร มายังรัฐเวอร์จิเนีย ที่เธอพักอยู่ ไม่กี่วันผ่านไป Tommy Fello เจ้าของร้านก็ได้ติดต่อกลับมาว่า “ได้ เราจะหาทางให้เอง” จากการหาข้อมูลทางร้านจึงได้ส่งพัสดุที่บรรจุให้อย่างดีมาและเมื่อเปิดออกก็พบว่านั่นคือมิลค์เชคที่เธอต้องการนั่นเอง มันเป็นสิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน โดยเฉพาะเธอที่รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และได้แบ่งกันกินกับครอบครัวของเธอ Sam ได้บอกอีกว่า เธอเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนที่เจอฟังในทุกๆ วัน สิ่งนั้นก็ทำให้ทุกคนยิ้มได้มากแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเมื่อเธอต้องจากไปเมื่ออาทิตย์ก่อน โดยทิ้งความทรงจำอันสวยงาม เสียงหัวเราะและความสุขไว้ให้กับเพื่อนๆ และครอบครัวของเธอ “ถึงอย่างไร…
-
จากใจป้าแม่บ้าน… พนักงานทำความสะอาดทิ้งโน้ตตัดพ้อ หลังได้ยินเด็กหอบ่นว่าที่อื่นสะอาดกว่า
ชีวิตนักเรียนนักศึกษาของใครหลายคนก็คงจะต้องผ่านการใช้ชีวิตในหอพักมาบ้างแล้ว และหากยิ่งเป็นหอพักที่ใช้ห้องน้ำรวมด้วยแล้วละก็ คงจะได้เจอกับปัญหาห้องน้ำสกปรก มีกลิ่นเหม็น มีแมลงสาบอะไรทำนองนี้บ้าง แล้วก็คงจะบ่นกันไปไม่มากก็น้อย หากเรามาลองมองกลับกันถึงมุมมองของคนที่ทำความสะอาดให้เราดูบ้างว่าเขามีความรู้สึกหรือมีความคิดเห็นกันอย่างไร กับสิ่งที่เราแสดงออกหรือโวยวายเกี่ยวกับปัญหาเหล่านั้น เมื่อเฟซบุ๊คที่มีชื่อว่า Tipaksorn Netsangsri ได้มาบอกเล่าประสบการณ์ในลักษณะเดียวกันว่า “เมื่อเช้าเข้าห้องน้ำและได้ยินเสียงร้องไห้ พอออกจากห้องน้ำก็เห็นกระดาษแผ่นนี้ติดอยู่กับผนัง” โดยสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเธอคาดว่าอาจเกิดมาจากที่มีคนไปโวยป้าแกบอกตึกอื่นทำความสะอาดได้ดีกว่านี้สะอาดกว่านี้ โดยที่เธอก็ไม่ได้เอะใจอะไร และได้เสริมอีกว่า ป้าคนนี้นั้นคอยถามเธออยู่เสมอว่าป้าขัดมันได้ดีหรือยัง มันพอใช้ได้ไหม เหตุจากที่ป้าแกเพิ่งมาทำได้ไม่กี่เดือนเลยไม่รู้ว่าต้องสะอาดขนาดไหน ข้อความจากโพสต์ของคุณ Tipaksorn เมื่อเช้าเข้าห้องน้ำได้ยินเสียงคนร้องไห้ .. ก็ไม่ได้คิดอะไร พอออกจากห้องน้ำเห็นกระดาษแผ่นนี้ติดอยู่ผนัง เอาจริงๆป้าแกน่ารักมาก และเป็นมิตรมากกกกก! ยิ้มให้ตลอด ชอบถามตลอดว่าป้าขัดโอเคมั้ยมันดีรึยัง มันพอใช้ได้มั้ย เพราะป้าแกเพิ่งมาทำได้ไม่กี่เดือนไม่รู้ว่าต้องสะอาดขนาดไหน โดนติบ่อย เพราะหอมันก็เก่าล่ะอ่ะจะให้ดีกว่านี้คงลำบาก ~ และไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องเมื่อวานรึป่าวที่มีคนพูดกับป้าแกว่าตึกโน้นสะอาดกว่านี้ทำดีกว่านี้โอเคกว่านี้ นี่ก็ไม่เอะ! ใจจะฟัง ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ป้าแกร้องไห้จริงๆนี่ว่าป้าแกน่าเห็นใจมากเลยนะเว้ยยย คือแกตั้งใจทำงานมาตลอดไง มาเจอคำพูดที่เป็นเรา เราก็ไม่โอเคนะ พูดเหมือนแบบอยากให้สะอาดอยากให้ดีตลอดเว เอ้าาาา!อิดอกกกกนี่ก็คนนนนทำงานงกๆ จะให้มาสะอาดตลอดเวลามันไม่ใช่ป่ะ ไม่โอเคตรงไหนก็ทำเองมีมือมีตีน หรือว่าไม่มี? #ป้าแกร้องไห้จริงยืนยันจากกูเองงค่ะ ??? ก็นั่นแหละจะติจะเตือนใครก็ควรใช้คำพูดที่ถนอมน้ำใจกันบ้าง ไม่มีใครจะมารองมือรองตีนเราได้ตลอดถูกมั้ย…
-
หนุ่มฝากหมาปั๊กไว้กับร้าน 6 สัปดาห์ กลับมาพบว่าถูกทำร้ายจนเกือบไม่รอดชีวิต
สำหรับหัวอกคนเลี้ยงสัตว์แล้ว ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เราก็คงไม่อยากจะเอาสัตว์เลี้ยงของเราไปฝากไว้กับคนอื่นหรอก ถึงแม้ว่าจะเป็นร้านรับเลี้ยงสัตว์ก็เถอะ แต่ยังไงก็ไม่ดีเท่าเราดูแลเอง เช่นเดียวกับ Jackson Millan หนุ่มนักดนตรีชาวเมืองซิดนีย์ โดยก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้นำ Otis หมาปั๊กเพื่อนซี้ไปฝากไว้กับร้าน เพราะต้องเดินทางไปบราซิล 6 สัปดาห์ ทว่าเมื่อกลับมาเขาก็ต้องเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิด **คำเตือน: เนื้อหาดังกล่าวอาจมีภาพที่รุนแรงและกระทบกระเทือนต่อจิตใจ** Jackson และ Otis ในช่วง 2 สัปดาห์แรกที่เจ้าตัวไปถึงประเทศบราซิล เขาได้ทำการติดต่อกับร้านรับฝากเลี้ยงให้ส่งภาพเจ้าหมาปั๊กมาให้ ทุกอย่างก็ดูปกติดีจนกระทั่ง… ช่วงอาทิตย์สุดท้ายร้านรับฝากพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ส่งภาพไปให้ จนในที่สุดพ่อหนุ่มก็ได้รับภาพของหมาปั๊กสุดที่รัก ทว่าเขาก็สังเกตเห็นบางอย่างที่เปลี่ยนไป เพราะโดยปกติแล้ว Otis จะมีปลอกคอที่เขาสวมใส่ไว้ให้ตั้งแต่เด็กๆ แต่ในภาพถ่ายกลับไม่มีปลอกคอดังกล่าว ทันทีที่รู้ว่าเกิดเหตุผิดปกติ เขาก็รีบวานให้เพื่อนที่สนิทไปรับตัวเจ้า Otis มาทันที สิ่งที่เค้าได้พบก็ต้องทำให้รู้สึกตกใจ เมื่อสัตวแพทย์วินิจฉัยว่า บาดแผลตรงบริเวณคอของเจ้า Otis น่าจะเกิดมาจากของมีคม อีกทั้งเจ้าปั๊กยังต้องต่อสู้กับอาการติดเชื้อจากบาดแผล “แผลมีความยาวขนาด 15 เซนติเมตรได้ ผมไม่รู้เลยว่าพวกเขาทำอะไรกับ Otis บ้าง บางทีสุนัขผมอาจจะตายไปแล้วก็ได้ถ้าเราไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย และยังมีอีกหลายขั้นตอนการรักษากำลังรออยู่ ผมเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากครับ”…
-
ภารกิจเข้าช่วยเหลือ ‘อดีตม้าแข่งระดับแชมป์’ หมดค่าก็ถูกทิ้ง เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก…
บางครั้งชีวิตของคนเราก็อาจจะได้พบเจอกับจุดสูงสุด และจุดต่ำสุดกันบ้างสลับกันไป… เช่นเดียวกันกับชีวิตของเจ้าอดีตม้าแข่งตัวนี้ ที่เมื่อก่อนเคยเป็นยอดม้าที่กวาดรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันมาแล้วหลายรายการ แต่หลังจากที่เรี่ยวแรงเริ่มโรยราไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เหมือนในอดีต สุดท้ายก็ถูกทิ้งไว้ให้อยู่ในสภาพที่น่าเวทนา ผู้หวังดีที่อาศัยอยู่ในเมือง Opelousas รัฐ Louisiana ได้ทำการติดต่อไปยังองค์กรช่วยเหลือสัตว์ St. Landry Parish Animal Control and Rescue (SLPAC) ให้เข้ามาช่วยเหลือเจ้าม้าตัวดังกล่าวหลังพบว่ามันมีสภาพย่ำแย่มาก พอเดินทางมาถึงสถานที่แล้วก็เริ่มให้การช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ให้ข้อมูลว่ามันอ่อนแอมาก ร่างกายของมันพังพินาศอย่างสิ้นเชิง กระดูกสันหลังถูกหนอนชอนไช เนื่องจากแผลที่เกิดขึ้นจากการผูกอานที่แน่นเกินไปเป็นระยะเวลานาน จนทำให้เกิดแผลเปิดขึ้นมากมายหลายจุด ซึ่งบาดแผลแต่ละที่นั้นก็มีการติดเชื้ออย่างรุนแรง แถมยังมีฝีอยู่ในปากของมันทำให้ไม่สามารถเคี้ยวหญ้าแห้งได้ เป็นเหตุให้เนื้อตัวของมันซูบผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก เจ้าหน้าที่จึงตกลงปลงใจว่าวิธีการช่วยเหลือที่ดีที่สุดสำหรับมันก็คือช่วยให้มันไปสบาย จะได้ไม่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสแบบนี้อีกต่อไป…ใช่แล้ว พวกเขาตัดสินใจทำการุณยฆาตมัน “ผมเชื่อว่าอย่างน้อยมันก็น่าจะเข้าใจว่าพวกเราได้พยายามจนถึงที่สุดแล้ว” คุณ Stacey McKnight เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์กร SLPAC กล่าว แม้มันจะเป็นวิธีที่ฟังดูโหดร้าย แต่มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ขอให้หลับให้สบายนะเจ้าม้า ที่มา : thedodo
-
นักเทนนิสร่ำไห้กลางการแข่งขัน “Wimbledon” เพราะยังรู้สึกคิดถึงพ่อที่จากไปแล้ว…
สำหรับนักกีฬาเทนนิสมืออาชีพนั้น เชื่อว่าเป้าหมายสูงสุดอย่างหนึ่งของพวกเขาคือการได้คว้าแชมป์รายการ Wimbledon เช่นเดียวกับ Steve Johnson นักเทนนิสมือวางอันดับที่ 31 ของโลก เขาก็เป็นหนึ่งในหลายๆ คนที่มีเป้าหมายเป็นถ้วยรายการวิมเบิลดัน ทว่าระหว่างการแข่งขันกลับมีเหตุการณ์ที่ชวนให้คนทั้งโลกน้ำตาคลอเกิดขึ้น Steve Johnson นักเทนนิสมือวางอันดับที่ 31 ของโลก สัญชาติอเมริกัน นับว่าการแข่งขันครั้งนี้เป็นครั้งแรกของ Steve Johnson ที่ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรายการวิมเบิลดัน ทว่าจู่ๆ เจ้าตัวก็หลั่งน้ำตาออกมาในเซ็ตที่ 3 ระหว่างประมือกับ Marin Cilic (มือวางอันดับ 6) และเป็นอย่างที่เราทราบกันดีว่า ความเสียใจถึงพ่อผู้จากไปที่ถาโถมเข้ามาระหว่างการแข่งขันนั้น ได้ทำให้เจ้าตัวเสียสมาธิและแพ้คู่แข่งไปอย่างน่าเสียดาย คุณพ่อของนักเทนนิสหนุ่มคนนี้มีนามว่า Steve Johnson Snr เขาได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบด้วยวัย 58 ปี เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นอกจากคุณพ่อของเขาจะทำหน้าที่คอยดูแลเลี้ยงดูลูก จนกลายเป็นนักเทนนิสอันดับต้นๆ ของโลกแล้ว คุณพ่อของเขายังเป็นโค้ชสอนเทนนิสให้กับลูกชายมาตั้งแต่ยังเด็กอีกด้วย พ่อลูกในฐานะนักกีฬาและโค้ช ระหว่างการแข่งขันเซ็ตสุดท้ายจู่ๆ เจ้าตัวก็เริ่มเสียสมาธิและหลั่งน้ำตาออกมา …
-
ยูทูบเบอร์ตั้งทฤษฎี ที่อยู่เบื้องหลังการ ‘ไม่ปรากฎตัว’ ของพ่อ Andy ในหนัง และมันเศร้ามากๆ
โดยปกติแล้วเราจะเข้าใจกันดีว่าการ์ตูนเรื่อง Toy Story นั้นเป็นเรื่องที่สดใส เหมาะสำหรับให้เด็กๆ ดูเล่นเวลาแก้เหงา เสริมสร้างจินตนาการให้กับพวกเขา และสร้างความบันเทิงไปกับการมโนว่าเหล่าของเล่นทั้งหลายนั้นมีชีวิตขึ้นมา แต่เอาจริงๆ แล้วเพื่อนๆ หารู้ไม่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเบื้องหลังเรื่อง Toy Story นี้เป็นอะไรที่เศร้ามากๆ เลยล่ะ ซึ่งเรื่องราวที่ #เหมียวหง่าว จะมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังต่อไปนี้ เป็นทฤษฎีของยูทูบเบอร์ Jonathan Carlin ที่เป็นคนเดาขึ้นมาเองล้วนๆ โดยเกิดจากความสงสัยว่าทำไมถึงไม่มีฉากคุณพ่อของหนูน้อย Andy ให้เห็นเลย!? เอาล่ะ มาเริ่มกันเลยดีกว่า ต้องขอบอกเลยว่าพ่อแม่ของ Andy นั้นไม่ได้หย่ากันแต่อย่างใด แต่คุณพ่อของเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว และบ้านที่เราเห็นในหนังนั้นเป็นบ้านของคุณปู่คุณย่าของ Andy นั่นเอง ซึ่งมันก็ดูเหมือนจะมีเหตุผลอยู่ไม่น้อย เพราะภาพที่แขวนอยู่บนผนังฝาบ้านนั้นไม่ใช่ภาพของ Andy แต่เป็นภาพของคุณพ่อของเขา!! แล้วรู้ได้อย่างไรล่ะ? ก็เพราะเด็กที่อยู่ในรูปภาพนั้นสวมแว่นตาน่ะสิ!! เพราะในหนัง Andy ไม่ใช่คนสวมแว่นตา และหากไม่สวมก็หมายความว่าอาจจะไปทำเลสิคมาแล้วก็ได้ หรือไม่ก็ภาพเหล่านี้ไม่ใช่ภาพของเขาเลย… ก็อย่างที่ Carlin ได้เล่าในฉากนี้ว่าพ่อของ Andy…
-
เผยข้อความสุดท้าย จากคู่รักที่ติดอยู่ในเหตุการณ์ไฟไหม้ Grenfell Tower ณ เวสท์ลอนดอน
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาหลายคนคงได้เห็นข่าวเหตุการณ์เพลิงไหม้อาคารสูง 24 ชั้นในกรุงลอนดอน และตอนนี้ก็มีรายงานว่ายอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 12 คนแล้ว หนึ่งในเรื่องราวที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในโลกโซเชียลตอนนี้ คือเรื่องราวของคู่รัก Gloria Trevisan และ Marco Gottardi ผู้เคราะห์ร้ายที่ติดอยู่ในอาคาร ทว่าก่อนที่เขาจะจากไปเขาได้ส่งข้อความอำลาคุณแม่ของพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย Gloria Trevisan และ Marco Gottardi ทีมข่าว Dailymail จึงได้เดินทางไปสัมภาษณ์ญาติคนสนิทของทั้งคู่ และญาติๆ ของทั้งคู่ได้เล่าเรื่องราวเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้ทีมงานได้ฟังดังนี้… “เป็นช่วงเวลากลางดึก ในขณะที่เรากำลังนอนหลับสนิทอยู่เราก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกชายของเรา พวกเขาทั้งคู่ดูมีน้ำเสียงที่ตื่นกลัวเอามากๆ ทั้งคู่โทรมาเล่าให้เราฟังว่า ตอนนี้มีไฟไหม้ภายในอาคารที่พวกเขาอาศัยอยู่ และทั้งคู่ก็อาศัยอยู่บนชั้นที่ 23” น่าเศร้าที่ทั้งสองคนเพิ่งย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในตึกนี้ได้ไม่ถึงสองอาทิตย์เท่านั้น คุณพ่อของ Gottardi เล่าเสริมว่า “จากนั้นเราก็รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าไปช่วยเหลือ หลังจากนั้นไม่นานเราก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกชายของเรา… และมันก็เป็นสิ่งติดตาผมมาจนถึงทุกวันนี้ Gottardi โทรกลับมาเพื่อที่จะบอกเราว่า มีควันไฟเต็มไปทั่วทั้งตึกและดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สามารถออกมาได้ เขาอยู่กับเราจนวินาทีสุดท้าย เป็นเวลาประมาณ ตี 4 ได้ จนลูกชายบอกเราไฟกำลังลามมาถึงหน้าห้องของเขาทุกอย่างดูจะแย่ลงไปอีก จากนั้นสัญญาณก็ตัดไปและเราก็ติดต่อเขาไม่ได้อีกเลย” ทางด้านผู้ปกครองของแฟนสาว Trevisan ได้เล่าว่า “ลูกสาวโทรมาหาพวกเราตอนประมาณตี…
-
วินาทีแห่งน้ำตา… หนุ่มได้รับกีต้าร์เป็นของขวัญวันเกิด จากคุณพ่อที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน
กำลังเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก เกี่ยวกับเรื่องราวของเด็กหนุ่มวัย 16 ปี Jonathon Crow จากเมืองมิชิแกน และของขวัญสุดล้ำค่าที่ได้รับจากคุณพ่อที่เพิ่งจากโลกนี้ไปไม่นาน เหตุการณ์ที่ชวนให้ชาวเน็ตทั่วโลกถึงกับหลั่งน้ำตาในครั้งนี้ เกิดขึ้นที่เมือง Port Huron รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่ออยู่ดีๆ พี่สาวเพียงคนเดียวของเขาเอาผ้ามาปิดตา และบอกแค่ว่ามีอะไรบางอย่างจะให้เขาดู… ทันทีที่เขาไปถึง พ่อหนุ่มก็ได้รับจดหมายที่เขียนโดยพ่อของเขา ผู้ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อสองเดือนก่อน ภาพในวัยเด็กของ Jonathon และคุณพ่อของเขา ตอนแรกที่พ่อหนุ่มทราบเรื่องราวดังกล่าว เจ้าตัวก็เกิดอาการงงเล็กน้อยว่าใครกันนะจะมาซื้อกีต้าร์ให้ เพราะคุณพ่อก็ได้จากเขาไปตั้งแต่เมื่อสองเดือนก่อนแล้ว ปรากฎว่าทั้งหมดนี้เป็นของขวัญจากคุณพ่อของเขา ซึ่งก่อนหน้านี้เขาทำงานอยู่ในร้านขายอุปกรณ์ดนตรีแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่ๆ เขามักจะพาลูกชายมาเรียนวิชากีต้าร์จากเพื่อนร่วมงานด้วยเสมอ เพื่อนร่วมงานของพ่อเล่าให้ฟังว่า กีต้าร์ตัวนี้ถูกสั่งมาตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว ทว่าคุณพ่อต้องการจะเก็บไว้เซอร์ไพรส์ลูกชาย ก่อนที่ตัวเองจะจากไปเมื่อเดือนเมษายน “ในฐานะพี่สาวเพียงคนเดียวของน้อง ดิฉันรู้เรื่องนี้มานานแล้วค่ะ และดิฉันก็อยากจะสานต่อความฝันของคุณพ่อให้กลายเป็นจริง เขาจะต้องภูมิใจมากแน่ๆ ที่มีลูกชายชื่นชอบในเสียงดนตรีเหมือนกับพ่อ” พี่สาวให้สัมภาษณ์ หลังจากที่คลิปวิดีโอโมเม้นต์แห่งน้ำตาถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์ ก็กลายเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วโลก มีชาวเน็ตแชร์ไปแล้วมากกว่าแสนครั้ง เรื่องราวทั้งหมดที่พี่สาวโพสต์ลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวของเธอเอง พร้อมกับบันทึกช่วงเวลาที่น้องชายได้รับกีตาร์จากคุณพ่อผู้จากไป… ที่มา: Dailymail
-
เหมาะสมหรือไม่!? สวนสัตว์จีนให้อาหารเสือด้วยลาเป็นๆ ทั้งคนเห็นสนับสนุนและคัดค้าน ดราม่าเพียบ
(คำเตือน บทความนี้มีเนื้อหาและภาพที่รุนแรง อาจจะไม่เหมาะสำหรับบางคน ฉะนั้นแนะนำให้เลี่ยง) เมื่อไม่นานมานี้ได้มีกระแสสังคมที่ออกมาถกเถียงกันหนักพอสมควรเลยทีเดียว หลังจากได้มีการเผยแพร่ภาพเหตุการณ์สุดระทึกในสวนสัตว์ฉางโจว มณฑลเจียงซู ซึ่งเป็นคลิปเหตุการณ์ให้อาหารเสือด้วยลาตัวเป็นๆ ซึ่งจากภายในคลิปเหตุการณ์เหล่าเจ้าหน้าที่ได้ดันเจ้าลาลงไปในบ่อเสือ ซึ่งในวินาทีที่ลาตกลงไป เสือตัวหนึ่งก็ดูเหมือนจะรู้ทันทีว่ามันต้องล่าเจ้าลา จึงได้วิ่งกระโจนเข้ามาเพื่อจะโจมตี แต่ด้วยความที่มันเป็นเสือที่ถูกเลี้ยงอยู่ในสวนสัตว์เป็นเวลานาน ทำให้มันไม่สามารถที่จะโจมตีและสังหารได้อย่างถูกวิธี รวมถึงเสือตัวอื่นๆ ในบ่อก็ดูเหมือนจะไม่รู้วิธีล่าสัตว์สิ่งที่พวกมันทำได้ก็มีแค่มองเสือตัวแรกโจมตีเจ้าลานั่นเอง และด้วยเหตุนั้นความทรมานของเจ้าลาในบ่อเสือที่ล่าไม่เป็นจึงเริ่มขึ้น พวกเสือใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงกว่าจะสังหารและปลิดชีพลาลงได้ วินาทีเอาตัวรอดและต้องอยู่เป็นเหยื่อให้เสือฝึกล่าสัตว์นั้นทำให้เกิดเป็นภาพอันสลดขึ้นท่ามกลางนักท่องเที่ยวที่มาดูมากมาย ประเด็นดังกล่าวกลายเป็นคลิปและภาพที่แชร์กันทั่วโลกออนไลน์ของจีน ถึงกระบวนการปฏิบัติของสวนสัตว์ดังกล่าวว่ามีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร ผู้คนบางส่วนก็ออกมาแสดงความคิดเห็นมากมายว่าเรื่องดังกล่าวนั้นมันโหดร้ายมากๆ หรือบ้างก็บอกว่านี่เป็นเรื่องปกติของสวนสัตว์ในจีนไม่เห็นแปลกอะไร… ทว่าต่อให้บอกว่าการกระทำแบบนี้จะเป็นการฝึกให้เสือหัดล่า แต่เสือเหล่านั้นมันอยู่ในสวนสัตว์และอาจจะไม่ได้กลับไปสู่ธรรมชาติด้วยซ้ำ ทำไมถึงยังต้องฝึกให้มันล่าด้วยวิธีอันโหดร้ายแบบนี้กันล่ะ? แต่นอกจากการถกเถียงของชาวเน็ตแล้ว ดูเหมือนเรื่องดังกล่าวจะมีเบื้องหลังบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล เพราะหนึ่งในคนงานที่ไม่อาจะเปิดเผยชื่อได้เล่าว่า คลิปเหตุการณ์ดังกล่าวมันเกิดขึ้นเพราะปัญหาความขัดแย้งภายในระหว่างผู้ถือหุ้นของสวนสัตว์ ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผู้ถือหุ้นส่วนหนึ่งจึงทำการดิสเครดิตสวนสัตว์ โดยการสั่งให้คนงานพาลาเจ้ากรรมไปโยนโดนไม่ได้รับอนุญาติ และอัดคลิปลงอินเตอร์เน็ต เพื่อสร้างความแตกตื่นรวมถึงกระแสด้านลบนั่นเอง แต่เรื่องจริงจะเป็นยังไงนั้นก็ยังไม่แน่ชัด ส่วนถ้าใครอยากดูแบบคลิปเต็มๆ สามารถดูได้ที่คลิปข้างล่างเลยครับ ใครจะคิดว่าเรื่องราวสุดเศร้า จะกลับกลายเป็นเรื่องของธุรกิจกันไปได้ แต่จุดจบของเรื่องจะเป็นยังไงนั้น คงต้องรอติดตามกันต่อไปครับ… ที่มา shanghaiist
-
สุดเศร้า… เมื่อเจ้าม้า จำใจต้องบอกลามนุษย์เพื่อนรักเป็นครั้งสุดท้าย ในงานศพของเขา
ตลอดช่วงชีวิตของคนเลี้ยงม้า หรือนักแข่งม้าแล้ว เชื่อว่าคงไม่มีอะไรจะสำคัญ และรู้ใจคนๆ นั้นไปมากกว่าม้าคู่ใจของเขาเอง เช่นเดียวกับ Wagner Figueiredo de Lima ชายหนุ่มชาวบราซิล ผู้อาศัยอยู่กับม้าของเขา Sereno แทบจะทั้งชีวิต ทว่างานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา มีพบก็ต้องมีจาก… Lima เสียชีวิตในวัย 34 ปี ด้วยอุบัติเหตุบนท้องถนนในเมือง Paraiba ประเทศบราซิล และเมื่อวันอังคารที่ 30 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ก็ได้มีการจัดพิธีศพให้กับชายคนดังกล่าว โดยมีเพื่อนสนิทมิตรสหายมากมายต่างเดินทางมาร่วมแสดงความไว้อาลัย ทว่ามีเพียง Wando พี่ชายของเขาเท่านั้น ที่รู้ว่าถ้าหากน้องชายของเขาสามารถลุกขึ้นมาบอกกล่าวถึงสิ่งสุดท้ายในชีวิตได้ เขาคงอยากจะเจอเจ้า Sereno ม้าเพื่อนรักเป็นครั้งสุดท้าย ภายในงานไม่มีใครเชื่อว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ กลับกลายเป็นความเศร้าที่ช่วยบีบคั้นน้ำตาให้ผู้คนภายในงานได้เป็นอย่างดี… ทันทีที่โรงศพของ Lima มาถึง เจ้าม้า Sereno ก็รู้ทันทีว่าเพื่อนรักของมันนอนอยู่ในนั้น และสิ่งเดียวที่มันพอจะทำได้ ก็คือการพยายามเอาร่างกายของมันไปใกล้ชิดกับเขาให้ได้มากที่สุด “ทันทีที่โลงศพมาถึง Sereno ก็พยายามเดินวนรอบโลงศพ และดมหากลิ่น จนมันรู้ว่าคนที่อยู่ข้างในนั้นก็คือ Limbo…
-
เผยภาพใบหน้าสุดเศร้า ของสัตว์โลกนับร้อยชีวิต จากสวนสัตว์ที่ปิดตัวในอาร์เจนติน่า..!!
ตอนเด็กๆ หลายคนคงเคยมีโอกาสไปทัศนศึกษาที่สวนสัตว์กับโรงเรียนกันมาบ้างแล้ว ซึ่งเอาจริงๆ ในวัยนั้นเราก็ไม่ค่อยจะสนใจว่าจริงๆ แล้วพวกมันอยู่ดีกินดีกันรึเปล่า? ครั้งนี้เราจะพาไปที่สวนสัตว์ประจำเมือง Buenos Aires ประเทศอาร์เจนติน่า ที่ซึ่งปิดให้บริการไปนานหลายปี ไร้ซึ่งการดูแลเลี้ยงดูอย่างทั่วถึง และนี่คือใบหน้าแห่งความเศร้าของพวกมัน… สวนสัตว์แห่งนี้เคยเปิดให้บริการครั้งล่าสุดเมื่อ 140 ปีก่อน และปัจจุบันถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสวนสาธารณะ ทว่าการเป็นอยู่ของพวกมันกลับไม่ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง และอย่างดีเท่าที่ควร เช่น Guille ฮิปโปฯ ผู้อาศัยอยู่ในบ่อน้ำที่ไม่ได้รับการทำความสะอาด และเปลี่ยนถ่ายน้ำมานานแล้ว แม้แต่ชาวเมืองต่างก็รู้ดีว่า ที่นี่เต็มไปด้วยสีหน้าอันเศร้าสร้อยของพวกมัน สวนสัตว์แห่งนี้เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1875 แต่ด้วยพิษเศรษฐกิจที่ทำให้ต้องปิดตัวลง มีหลายองค์กรในภาคเอกชนที่ออกมาเรียกร้องให้มีการปรับปรุง และเคลื่อนย้ายสัตว์ป่าไปอยู่ในที่ๆ มันสมควรจะอยู่ ซึ่งทางหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องก็เคยออกมาประกาศว่าจะมีการปรับปรุงสถานที่แห่งนี้ใหม่ แต่จวบจนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีซึ่งการเปลี่ยนแปลงใดๆ และดูเหมือนพวกสัตว์ทั้งหลายก็ต้องใช้ชีวิตอย่างน่าเศร้าไปแบบวันต่อวัน Claudio Bertonatti อดีตเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องให้สัมภาษณ์ว่า ‘สถานการณ์มันแย่ลงเรื่อยๆ ไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาดูแล และมันก็แย่ยิ่งกว่าเรือโนอาห์ที่แตกกลางทะเลซะอีก’ Horacio Rodriguez Larreta นายกเทศมนตรีประจำเมือง ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ‘เรามีโครงการที่จะปรับปรุงพื้นที่ทั้งหมด…
-
สุดยอด 18 ฉากทรงพลังจากแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่เคยทำให้รู้สึกกลัวและเศร้ามาแล้ว!!
ถึงแม้ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในโลกเวทมนตร์จะจบลงแล้ว แต่ทุกความทรงจำดีๆ ตลอดช่วงเวลาที่เราได้ติดตามการผจญภัยของแฮร์รี่ พอตเตอร์ร์ และผองเพื่อนก็ยังคงอยู่ในใจเสมอมา วันนี้เราจะพาไปย้อนรำลึกถึง 18 ฉากเหตุการณ์สำคัญจากภาพยนตร์ทั้งหมดของเรื่องนี้ ที่เต็มไปด้วยทั้งความเศร้า ความน่ากลัว ชวนให้น่าขบคิด เรียกได้ว่าหลากหลายอารมณ์ เราตามไปดูกันเลย 1. ฉากที่รอน วิสลีย์ ต้องสูญเสียเฟร็ด วิสลีย์ พี่ชายของตัวเอง 2. ความจริงสุดหลอนที่ว่า หนูสัตว์เลี้ยงของรอนเป็นชายชราปลอมตัวมา แต่ก็มีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมตอนที่ฝาแฝดเฟรด และจอร์จใช้แผนที่ตัวกวน ทำไมถึงไม่มีชื่อของ Peter ที่ปลอมตัวเป็นหนูปรากฎขึ้นมาล่ะ? 3. ฉากการสูญเสียนกฮูกเฮ็ดวิก ทำไมช่างโหดร้ายถึงทำกับนกฮูกน้อยได้ลงคอ ฮือออ T_T 4. ฉากเบลลาทริกซ์ทำโทษเฮอร์ไมโอนี่ ด้วยการสลักคำว่า ‘Mudblood’ ลงไปบนตัวเธอ 5. ฉากที่เฮอร์ไมโอนี่จำเป็นจะต้องลบความทรงจำของพ่อแม่เธอ เพื่อป้องกันอันตรายจากโวลเดอมอร์ เป็นอีกฉากที่ถึงแม้จะมาเพียงแค่ช่วงสั้นๆ แต่ก็เล่นกับความรู้สึกของคนดูได้ยอดเยี่ยมมาก 6. ความจริงอันน่าสยองที่ว่า Quirrell มีโวลเดอมอร์อาศัยอยู่อีกร่างหนึ่งมาโดยตลอด ตอนเห็นครั้งแรกรู้สึกว่าหลอนโคตร 7.…
-
ผู้ประกาศข่าวสุดสตรอง รายงานข่าวสามีตัวเองเสียชีวิต กลั้นน้ำตาทำหน้าที่ต่อจนจบรายการ!!
Supreet Kaur ผู้ประกาศข่าวสาวชาวอินเดีย ขณะที่กำลังทำหน้าที่ประกาศข่าวออกอากาศสดทางช่อง IBC24 จู่ๆ ก็มีรายงานด่วนเข้ามาถึงสถานการณ์อุบัติเหตุรถชน และมีผู้เสียชีวิตถึง 3 คนด้วยกัน เธอทำหน้าที่รายงานข่าวตามปกติ แต่ในครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหน เพราะหนึ่งในนั้นมีรายชื่อของสามีสุดที่รักของเธออยู่ด้วย หลังจากที่รับทราบแล้วว่าสามีได้เสียชีวิตลง Supreet ก็พยายามอดกลั้นน้ำตาทำหน้าที่รายงานต่อไป เป็นเวลากว่า 10 นาที ก่อนที่ทางห้องส่งจะตัดภาพออกอากาศออกไป สามีของ Supreet นาย Harshad Kawade ได้นั่งรถออกไปข้างนอกกับเพื่อนๆ อีก 5 คน ก่อนที่จะถูกรถบรรทุกพุ่งชนจนเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นให้การว่า “อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงมาก ผู้โดยสารที่นั่งมาในรถยนต์เสียชีวิตทันที 3 คน ขณะที่อีก 2 คนบาดเจ็บสาหัส” ผู้กำกับการรายงานข่าวของช่อง IBC24 เล่าวว่า “ขณะที่เธอกำลังอ่านรายงานข่าว เธอก็เอะใจว่านั่นเป็นรถที่สามีของเธอโดยสารไปด้วย ในวันเดียวกันนั้นเลย” “แม้ว่าผู้รายงานข่าวภาคสนามจะไม่ได้แจ้งรายชื่อผู้เสียชีวิต แต่ทีมโปรดัคชั่นก็มีรายชื่อเรียบร้อยแล้ว แต่เราไม่สามารถบอกเธอขณะที่รายการทำลังถ่ายทอดสดได้” “แม้เธอจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับรถที่สามีของเธอโดยสารไปด้วย แต่ก็ต้องยอมรับในความเป็นมืออาชีพของเธอจริงๆ เพราะเธอยังคงทำหน้าที่ต่อไปอีกกว่า 10…
-
คู่รักต่อสู้เพื่อลูกน้อยทั้ง 2 คนที่เสียชีวิตไป กับกฎหมายที่ไม่ยอมรับว่าพวกเขามีตัวตนอยู่…
เรื่องราวอันน่าสลดใจของคู่รักที่ดิ้นรนต่อสู้เพื่อลูกๆ ทั้ง 3 คน หลังเสียพวกเขาไปภายในระยะเวลา 6 เดือน กับกฎหมายอังกฤษที่ไม่ยอมรับว่าพวกเขามีตัวตนอยู่ในสังคม เจ้าหนู Matilda ลูกของ Lucy Black และ Adam Henry เพิ่งจะเสียชีวิตจากการคลอดหลังจากมีอายุครรภ์ได้ 8 เดือน เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แม้ว่าทั้งคู่เพิ่งจะได้พบกับเรื่องเศร้ามาหมาดๆ แต่หลังจากนั้นไม่กี่เดือนทั้งคู่ก็ได้รับข่าวดีเพราะคุณ Lucy วัย 32 ปี ได้ตั้งครรภ์อีกครั้ง และครั้งนี้ก็ได้ลูกแฝดด้วย!! แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อนหลังจากที่ตั้งครรภ์ไปได้เพียง 5 เดือน ก็ต้องคลอดออกมาก่อนกำหนด และหลังจากคลอดออกมาประมาณ 20 นาที เจ้าหนู Joshua และ Harriet ก็เสียชีวิต ซึ่งตามกฎหมายของประเทศอังกฤษแล้วจะไม่ถือว่าเด็กทั้งสองคนอยู่ในฐานะของการมีตัวตน โดยจะนับเป็นทารกและมีชีวิตจริงๆ ก็ต่อเมื่อมีอายุ 5 เดือนกับอีก 2 สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งการจดทะเบียนเกิด และการจดทะเบียนเสียชีวิตของเจ้าหนู Joshua และ Harriet ไม่สามารถทำได้เพราะเสียชีวิตตอนมีอายุครรภ์ได้ 5…
-
น่าเศร้า น้องพิทบูลน้ำตาไหลพราก เมื่อถูกครอบครัวพามันมาปล่อยอย่างไร้เยื่อใย….
สำหรับมนุษย์บางคนสุนัขที่พวกเขาเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก อาจจะเป็นได้เพียงแค่สัตว์เลี้ยงไว้ใช้งาน หรือเอาไว้เฝ้าบ้าน และเมื่อมันแก่ตัวมามนุษย์ใจร้ายบางคนก็เลือกที่จะเอามันไปปล่อยอย่างไม่ใยดี เช่นเดียวกันกับเจ้าพิทบูลตัวนี้ จู่ๆครอบครัวที่มันรัก ได้พามันมาปล่อยไว้ที่ศูนย์สงเคราะห์สัตว์ สิ่งที่ทุกคนได้เห็นคือ…น้ำตาแห่งความอาลัย มันมีชื่อว่า ‘Blue King’ หลังจากที่มันถูกเอามาปล่อย เจ้าหน้าที่ก็สังเกตเห็นความซึมเศร้าที่ส่งผ่านออกมาจากนัยตาของมัน เป็นเวลาหลายวันที่มันไม่ยอมกินอะไรเลย มันรู้สึกเศร้า เครียด และดูเหมือนมันไม่อยากจะมีชีวิตต่อไปอีกแล้วล่ะ ไม่ว่าจะมีคนพยายามมาเล่นกับมันมากแค่ไหน มันก็จะทำเพียงแค่สบัดหางไปมา และนอนจมอยู่กับความทุกข์เหมือนเดิม ทว่าวันหนึ่งหญิงสาวที่ชื่อ McKay รู้สึกได้ถึงความเศร้าของมัน เธอจึงตัดสินใจทำเรื่องขอรับอุปการะมันมาไว้ในอ้อมกอดของเธอแทน ‘ตอนที่ฉันได้เจอกับมันครั้งแรก ฉันรู้สึกได้เลยว่ามันต้องเศร้ามากแน่ๆ บางทีมันอาจจะไม่ยอมรับฉันเป็นเพื่อนก็ได้นะ แต่ฉันมั่นใจว่ายังไงซะเตียงนอนของมันที่บ้าน ต้องดีกว่าที่นี่แน่นอน’ McKay เล่า ราวกับปาฏิหาริย์มีอยู่จริง ถึงมันจะยังดูเศร้าอยู่บ้าง แต่เธอก็พยายามทำกิจกรรมร่วมกับมัน โดยหวังว่ามันจะกลับมาร่าเริงได้อีก ตอนแรกมันเศร้ามาก แต่ตอนนี้มันยึดบ้านหลังนี้ได้สำเร็จแล้วล่ะ มันกลับมาร่าเริงอีกครั้ง แถมยังเป็นหมาหลงตัวเอง ชอบยืนอยู่หน้ากระจกเป็นประจำ และตอนนี้ทั้งคู่ก็ได้กลายเป็นเพื่อนซี้กันแล้ว McKay ก็สัญญาว่าจะดูแลมันเป็นอย่างดี ในขณะที่ Blue King…
-
บริษัทอังกฤษรับทำ “เถ้ากระดูกคนตาย” เป็นแผ่นเสียง เพื่อระลึกถึงคนที่คุณรัก…
‘ความตาย’ เป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่ว่าใครต่างก็ต้องพบเจอ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นมันก็มักจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดความเศร้า และความคิดถึงแทบใจจะขาด ให้กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีวิธีการจัดการกับความเศร้าที่แตกต่างกันออกไป และนี่ก็คือวิธีที่เรียกได้เลยว่าแปลกมากๆ เพราะทางบริษัท And Vinyly ของประเทศอังกฤษ ได้ทำการนำเถ้ากระดูกของผู้เสียชีวิตมาทำเป็นแผ่นเสียง นั่นก็เพื่อให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้เปิดฟังและระลึกถึงคนสำคัญที่จากไป… วิธีการทำก็คือการนำเถ้ากระดูกของผู้เสียชีวิตมาโรยลงไปบนแผ่นเสียง ที่ทางลูกค้าจะเป็นคนเลือกเพลง หรือเสียงอะไรก็ตามที่ต้องการให้เขียนลงบนแผ่นเสียง จากนั้นก็จะทำการเคลือบแผ่นเสียงอีกครั้ง ให้เถ้ากระดูกติดอยู่กับแผ่นเสียงไม่หลุดออกไป และเวลาเปิดแผ่นเสียงฟังนั้นจะมีเสียงตะกุกตะกักอันเกิดมาจากเศษเถ้ากระดูกเล็กน้อย เป็นการแสดงว่าพวกเขายังคงอยู่ในแผ่นเสียงนั้น ใกล้ๆ กับเราตลอดเวลา นอกจากนี้ในส่วนของตลับแผ่นเสียงนั้นก็มีบริการจากศิลปินจาก National Portrait Gallery มาช่วยวาดภาพพอร์เทรทให้อีกด้วย นาย Jason Leach ผู้ก่อตั้งได้กล่าวเอาไว้ในหนังสั้นเรื่อง Hearing Madge ถึงธุรกิจของเขาเอาไว้ว่า “เรื่องราวอันอ่อนโยนของชีวิตนั้นถูกบันทึกไว้โดยเสียง” . หากใครสนใจล่ะก็สามารถติดต่อโดยตรงไปยังบริษัท andvinyly ได้เลย และมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 130,000 บาท ถึงจะเป็นราคาที่ดูแพงไปสักหน่อย แต่สำหรับหลายคนมันกลับคุ้มค่ามาก… ลองไปชมคลิปหนังสั้นโปรโมท ของบริษัท And Vinyly กันแบบเต็มๆ ในตัวอย่างวิดีโอด้านล่าง… ที่มา…
-
ซาบซึ้งใจ… ลูกบันทึกภาพความรัก พ่อแม่นอนป่วยกุมมือกัน ในช่วงสุดท้ายของชีวิต
เมื่อเราลองจินตนาการถึงการที่ต้องเห็นคนรักเจ็บไข้ได้ป่วย มันดูจะเป็นสิ่งทรมาณจิตใจของเราไม่น้อย แต่มันจะยิ่งน่าเศร้าเข้าไปอีกเมื่อคุณเองก็กำลังป่วยและใกล้จะตายไปพร้อมๆ กับคนที่คุณรักเช่นกัน เรื่องราวที่#เหมียวฟิ้นจะนำเสนอต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของคุณแแม่ลูกสามที่ชื่อ Julie Bennet จาประเทศอังกฤษ เธอถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเมื่อราวๆ เดือนพฤษภาคม 2016 ในขณะที่สามีของเธอ Mike Bennet ป่วยเป็นโรคมะเร็งในสมองมาตั้งแต่ปี 2013 แล้ว จนมาถึงปี 2016 อาการของพวกเขาก็แย่ลงจนยากต่อการรักษา Julie สั่งให้ลูกๆ ของเธอพยายามทำกิจวัตรประจำวันให้เหมือนเดิมทุกอย่างในช่วงที่สามีของเธอป่วย แต่พอเธอเริ่มป่วยบ้างเธอก็เหมือนจะรู้ว่าตัวเองมีเวลาอีกไม่นาน เธอเลยพยายามสร้างความทรงจำกับครอบครัวของเธอให้มากที่สุด ในระหว่างที่พวกเขาทั้งคู่ป่วยหนักและพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เหล่าลูกๆ ได้แก่ Oliver 13 ปี Hannah 18 ปี และ Luke 21 ปี ก็อดรู้สึกหดหู่กับภาพที่เกิดขึ้นไม่ได้ พวกเขาจึงถ่ายภาพในระหว่างที่พ่อกับแม่นอนกุมมือกันแล้วนำมาบอกเล่าให้โลกออนไลน์ได้รับรู้ เพื่อบันทึกว่าครั้งหนึ่งเคยมีคนสองคนรักกันมากแค่ไหนและจากโลกนี้ไปยังไง ทั้ง Julie และ Mike มีเพื่อนที่สนิทต่อกันอยู่หลายคน และเพื่อนของพวกเขาให้คำมั่นว่าจะดูแลลูกๆ แทนหากพวกเขาจากโลกนี้ไปแล้ว Sue Wright คือหนึ่งในเพื่อนของทั้งคู่กล่าวว่า “เราบอกกับ Julie ว่าคนในชุมชนของเราจะช่วยกันดูแลลูกๆ ของเธอเอง และจากนั้นเธอก็ลืมตาและยิ้มให้ฉัน”…
-
อินตาแกรมบันทึกชีวิต “หมาเศร้า” เพราะต้องรอเจ้านายหน้าร้านค้าเป็นเวลาน๊านนาน…
ใครที่เลี้ยงน้องหมา คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่ามันเป็นสัตว์ที่ไม่ได้มีแต่ความน่ารักเพียงอย่างเดียว แต่สุนัขยังกล้าหาญชาญชัย และมีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของเป็นอย่างมาก ในบางครั้งเวลาที่เจ้าของไปช้อปปิ้งแล้วพาน้องหมาไปด้วย พวกเขาก็มักจะผูกมันไว้กับเสา และให้มันนั่งรออยู่ตรงนั้น ซึ่งนี่อาจจะเป็นบททดสอบที่ทำให้เห็นว่า ถึงเราจะหายไปเป็นเวลานาน แต่เจ้าหมาแสนรักก็ยังคงนั่งรอเราอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน!! และในวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ มารับชมภาพน่ารักๆ ของเจ้าหมาจากทั่วโลก ที่กำลังนั่งทำหน้าตาน่าสงสารหลังถูกเจ้าของทิ้งให้อยู่เพียงลำพังชั่วคราว โถๆ น่าสงสาร และภาพทั้งหมดก็มาจากโปรเจค “Sad Dogs Outside Shops” ที่ Andy ผู้รักหมาจากประเทศออสเตรเลียได้สร้างขึ้นมา เพื่อให้เราได้เห็นถึงความน่ารัก น่าเอ็นดูของพวกมันยังไงละ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาได้เริ่มแชร์ภาพถ่ายของน้องหมาที่ทำหน้าตาเศร้าสร้อยอย่างน่าสงสาร ขณะที่กำลังนั่งรอเจ้านายของพวกมันอยู่หน้าร้านค้าอย่างอดทน อีกทั้งยังได้ส่งเสริมให้ผู้คนส่งภาพเจ้าหมากำลังทำหน้าตาเศร้าสร้อยขณะรอเจ้าของอยู่หน้าร้านค้า แล้วนำมาแบ่งปันให้ผู้คนในเฟจบุคแฟนเพจ และอินสตาแกรมที่เขาสร้างขึ้นได้รับชมอีกด้วย สำหรับโปรเจคดังกล่าว ได้เริ่มขึ้นหลังจากที่เขาได้ย้ายจากไอร์แลนด์ไปยังประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเขาได้เผยว่า “สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตเห็น เมื่อผมได้ย้ายไปออสเตรเลียคือ มีหมาจำนวนมากที่เจ้าของผูกติดกับสิ่งต่างๆ ไว้หน้าร้านค้า… ผมรักสุนัข และชอบเลี้ยงพวกมัน เพื่ออยากให้พวกมันสนุกสนาน ดังนั้นเมื่อผมเห็นพวกมัน ผมคิดว่าผู้คนบนโลกออนไลน์ก็คงอยากจะเห็นด้วย” และหลังจากนั้นผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, สเปน, ไอร์แลนด์,…
-
9 ฉากน่าประทับใจที่สุดใน ‘นารูโตะ’ สุดยอดการ์ตูน ที่ทำให้เราน้ำตาซึม (โดย #เหมียวหง่าว)
ต้องขอบอกเลยว่าการ์ตูนเรื่อง ‘นารูโตะ’ คงเป็นหนึ่งในเรื่องโปรดของใครหลายๆ คนเลยล่ะ และแน่นอนว่า #เหมียวหง่าว เอง ก็ชอบเรื่องนี้เช่นกัน เพราะเป็นเรื่องราวของโลกนินจา ที่ว่ากันว่าเป็นอาชีพที่น่าสนใจมากที่สุดของประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ และจุดที่เด่นที่สุดก็คือฉากดราม่าเรียกน้ำตาที่มีให้เห็นกันตลอดทั้งเรื่องนี่แหละที่ทำให้การ์ตูนเรื่อง ‘นารูโตะ’ พิเศษกว่าเรื่องไหนๆ หลังจากที่เพิ่งได้ชมอนิเมะจบไปและก็เสียน้ำตาไปหลายฉากหลายตอนมาก ก็เลยจะมาจัดอันดับฉากที่เศร้าที่สุดในเรื่องนารูโตะให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน จะมีฉากไหนบ้างลองนั้นลองไปดูพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… 9. เรื่องราวในอดีตของกลุ่มแสงอุษา ความเจ็บปวดของนางาโตะจากการสูญเสียยาฮิโกะเพื่อนรัก ก็อย่างที่รู้กันดีว่ากลุ่มแสงอุษานั้นคือองค์กรที่รวบรวมเหล่าอาชญากรจากโลกนินจามาไว้รวมกันและมีเป้าหมายในการรวมสัตว์หางทั้ง 9 เพื่อทำแผน ‘เนตรจันทรา’ ให้สำเร็จ แต่เอาจริงๆ แล้วกลุ่ม ‘แสงอุษา’ นั้นเป็นองค์กรที่ก่อตั้งมามีจุดประสงค์เพื่อเจรจาต่อรองกับหมู่บ้านต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดสงคราม และนำสันติภาพมาสู่โลกนินจา นำโดย ‘ยาฮิโกะ’ เพื่อนเก่าของนางาโตะเพน ที่เป็นหัวหน้าองค์กรคนปัจจุบัน แต่เรื่องราวในอดีตที่แสนเศร้าทำให้ ยาฮิโกะ ต้องตายไป ทำให้นางาโตะกลายมาเป็นหัวหน้าองค์กร และเปลี่ยนเป้าหมายของแสงอุษาไป โดยเฉพาะตอนที่นางาโตะได้เห็นภาพของเพื่อนรักต้องตายไปต่อหน้าต่อตา ฉากนี้ทำ #เหมียวหง่าว ต้องน้ำตาซึมเลยล่ะ 8. การเสียสละเพื่อหมู่บ้านของ ‘อุจิวะ อิทาจิ’ (Uchiha Itachi) กับความรักที่มีต่อน้องชาย ในตอนแรกนั้นตัวละครที่ไม่ว่าใครก็ไม่ค่อยชอบกันซักเท่าไหร่…
-
สุดเศร้า!! เจ้าม้าที่เคยสดใส มีอาการเสียใจหนัก หลังรู้ว่าเจ้านายผู้เป็นที่รัก ได้จากโลกนี้ไปซะแล้ว
ช่วงเวลาที่ทำให้หลายคนรู้สึกเศร้า และเสียใจมากที่สุดในชีวิต คงจะเป็นช่วงเวลาที่คนที่คุณรักจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ และนอกจากมนุษย์แล้ว สัตว์โลกอย่างเจ้าม้า ก็มีความรู้สึกแบบนี้เช่นกัน และนี่ภาพของ Sereno ม้าที่กำลังอยู่ในช่วงเศร้าโศก หลังจากที่รู้ว่าเจ้าของได้จากไปอย่างกะทันหัน งานนี้จึงทำให้เจ้าม้าที่เคยสดใส มีอาการเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2560 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์ ได้เผยภาพของเจ้า Sereno ม้าที่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีโดยเจ้าของชาวบราซิลเลี่ยนวัย 34 ปี ในรัฐปาราอีบา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศบราซิล สำหรับ Sereno กับเจ้านายของมัน ทั้งคู่รัก และสนิทกันมาก จนกระทั่งในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา เจ้า Sereno ก็ได้รับข่าวร้ายว่าเจ้านายได้จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับเนื่องจากประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ และนั่นก็ทำให้มันรู้สึกเศร้า และเสียใจมากที่สุดในชีวิต หลังจากที่เจ้านายได้เสียชีวิตลง Sereno ก็ได้มีโอกาสไปบอกลาเจ้านายของมันเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งภาพที่เห็นก็คือ มันได้วางหัวของมันเพื่อไว้อาลัยลงบนโลงศพ และถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้าโศก เรื่องราวของ Sereno ได้ถูกนำไปเผยแพร่ลงสู่โลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว และนั่นก็ทำให้ชาวเน็ตหลายต่อหลายคนรู้สึกสงสาร และเห็นใจเจ้าม้าเป็นอย่างมาก ทางด้านคนสนิทของทางครอบครัวเจ้านายของ Sereno ได้ออกมาเผยว่า…
-
เจ้าเหมียวกำลังวิ่งไล่จับหนูอยู่ จู่ๆ ก็มีไก่เข้ามาจิกเหยื่อไปต่อหน้า โถ…น่าเห็นใจจริงๆ
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2559 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์ ได้เผยภาพที่ถูกบันทึกเอาไว้โดย Daniel Boe ผู้อาศัยอยู่ในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจากภาพเราจะเห็นได้ว่า มีเจ้าเหมียวตัวหนึ่งกำลังพยายามวิ่งไล่จับหนู แต่จู่ๆ ก็ดันมีสิ่งมีชีวิตสองขา ที่โผล่มาขโมยเหยื่อของมันไปอย่างหน้าตาเฉย งานนี้เล่นเอาเจ้าเหมียวถึงกับเงิบขึ้นมาทันที และสิ่งมีชีวิตที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือเจ้าไก่กระต๊ากนั่นเอง ทางด้าน Daniel Boe ได้เผยว่า “เขาได้สังเกตเห็นเจ้าเหมียวกำลังเล่นกับบางสิ่งบางอย่าง และพอเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่าสิ่งนั้นคือเจ้าหนูน้อย ก่อนที่มันจะถูกไก่เข้ามาโจมตี ซึ่งเจ้าไก่ตัวนี้ได้วิ่งเข้ามาจิกเหยื่อของมันไปต่อหน้าต่อตา” และหลังจากที่สามารถแย่งเหยื่อจากแมวมาแล้ว เจ้าไก่ก็รีบจิกกินหนูเป็นอาหารด้วยความหิว โถววว เจ้าเหมียวน่าสงสารจริงๆ รับชมคลิปวีดีโอได้เลย สำหรับภาพ และคลิปวีดีโอดังกล่าว อาจจะทำให้หลายคนคิดว่ามันดูโหดร้ายเกินไป แต่เมื่อลองมองอีกมุมหนึ่ง มันคือสัญชาตญาณในการล่าเหยื่อตามธรรมชาติของสัตว์ และก็ต้องมีการแก่งแย่งกันเป็นธรรมดา ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้เราจึงต้องยอมรับในกฎของธรรมชาติ ซึ่งในโลกความเป็นจริง มันไม่ได้มีสิ่งที่สวยงามให้เห็นเสมอไป บางทีมันอาจจะมีอะไรที่เลวร้ายมากกว่านี้เยอะ ที่มา : dailymail
-
แฟนบอลตัวน้อย อยู่ได้อีกแค่ 1 เดือน ทีมฟุตบอลยักษ์ใหญ่พร้อมใจ มอบของขวัญคริสมาสต์สุดล้ำค่า…
โลกของเรานั้นยังมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา…แต่สำหรับหนูน้อย Bradley แล้ว นี่อาจเป็นเรื่องดีๆ ที่จะเกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของเขา Bradley Lowery หนูน้อยวัย 5 ขวบต้องเผชิญกับโรคมะเร็งต่อมหมวกไตมาตั้งแต่เกิด ทำให้เขาต้องเข้ารับการรักษามาอย่างต่อเนื่อง และต้องขอบอกเลยว่าเขาเป็นคอฟุตบอลตัวยงเลยล่ะ และทีมสุดโปรดของเขาก็คือทีมที่มีฉายาว่าแมวดำ Sunderland นั้นเอง เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทีม Sunderland ได้เปิดโอกาสให้หนูน้อย Bradley เดินลงสนามในฐานะมาสค็อตครั้งแรก ในเกมที่เปิดบ้านรับการมาเยือนของท็อฟฟี่สีน้ำเงิน Everton ถือเป็นการบอกให้ทั้งโลกรับรู้เรื่องราวของแฟนบอลตัวน้อยๆ คนหนึ่งที่กำลังต่อสู้กับโรคร้ายอย่างมะเร็งอยู่ จากนั้นไม่นานก็มีคนร่วมบริจาคเงินมากกว่า 31 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรักษาตัวที่ประเทศสหรัฐอเมริกาให้กับหนู Bradley นอกจากทีม Sunderland ที่อาสาเข้ามาทำหน้าที่ในการช่วยเหลือด้านการเงินแล้ว ทีม Everton เองก็ได้สมทบทุนช่วยมาอีก 9 ล้านบาท และเรื่องราวน่ารักๆ ยังไม่หมดลงแค่นี้ มีแฟนบอลมากมายเขียนการ์ดวันคริสต์มาสส่งไปที่บ้านของหนู Bradley เพื่ออวยพรให้เขาหายป่วยโดยเร็ว และขอให้มีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น มากกว่า 11,000 ใบเลยทีเดียว และเมื่อคืนที่ผ่านมาหนูน้อย Bradley ก็ถูกเชิญไปเป็นมาสค็อตนำทีมที่ตนรักเดินลงสนามอีกครั้งในเกมที่เปิดบ้านพบกับจ่าฝูงอย่างทีม…
-
ช่างภาพพบ จดหมายในซากลูกโป่ง เขียนส่งถึงพ่อบนสวรรค์ ตามหาตัวเด็กชายเพื่อสานฝันให้…
กลายเป็นเรื่องราวที่สะเทือนใจชาวโซเชียลเป็นอย่างมากเมื่อเว็บไซต์ DailyMail ได้แชร์ภาพของจดหมายวันคริสต์มาสต์ที่เขียนโดยเด็กชายคนหนึ่งเขียนถึงคุณพ่อของเขาที่เสียชีวิตไปแล้วติดอยู่กับซากลูกโป่งที่ตกอยู่บริเวณสนามหญ้าในเมือง Dunfermline ประเทศสก็อตแลนด์ เนื้อหาในจดหมายได้อธิบายถึงความคิดถึงที่มีต่อคุณพ่อของเขา และเล่าให้คุณพ่อที่อยู่บนสวรรค์ฟังว่าเขาได้ถูกพาไปยังศูนย์อุปการะเพราะว่าคุณแม่ของเขาป่วย เด็กหนุ่มบอกว่าในวันคริสต์มาสต์นี้เขาหวังอยากจะให้คุณพ่อที่อยู่บนสวรรค์ได้อ่านจดหมายนี้ นอกจากนี้ยังบอกอีกว่าเขาต้องการชุดแข่งของทีมฟุตบอลชื่อดังอย่าง Real Madrid เนื้อหาในจดหมายเขียนไว้ว่า… “สวัสดีครับพ่อ ผมแค่อยากจะเขียนจดหมายมาบอกคุณพ่อว่าผมคิดถึงพ่อมาก และต้องการที่จะบอกข่าว ผมแน่ใจว่าพ่อรู้แล่วว่าตอนนี้ผมต้องเข้ามาอยู่ที่ศูนย์อุปการะ เพราะว่าแม่ป่วย และหูของผมก็รู้สึกเจ็บตั้งแต่วันจันทร์แล้ว แต่พรุ่งนี้เราก็จะออกจากที่นี่แล้วล่ะ ผมคิดถึงโรงเรียนและคุณพ่อมากๆ ผมรู้ว่าคุณพ่อขึ้นไปอยู่บนสวรรค์แล้ว แต่คุณพ่อปลอดภัยดีรึเปล่า? โอ้ ก่อนที่ผมจะไป อยากจะบอกความฝันของผมในวันคริสต์มากให้พ่อฟัง ความฝันของผมก็คืออยากให้คุณพ่อเขียนจดหมายตอบกลับมา จะเอามาวางไว้ที่ใต้หมอนของผมก็ได้นะ และนี่คือของขวัญวันคริสต์มาสต์ที่ผมอยากได้ : รองเท้าสตั๊ดรุ่น Astro, โกลขนาดเล็ก (สำหรับเล่นฟุตบอล), ลูกฟุตบอลของพรีมียร์ลีคปีล่าสุด, เสื้อแข่งของ Real Madrid ลาก่อนครับพ่อ ผมรักพ่อนะ” จดหมายนี้ถูกพบโดยคุณ Mr McColl ช่างภาพวัย 30 ปี บริเวณสนามหญ้าในโรงแรม 4 ดาว Balmule House ที่อยู่ในเมือง Dunfermline…
-
เรื่องราวความรักของเจ้าเหมียวจรจัด ที่เกิดขึ้นตรงข้างถนน กลายเป็นเรื่องโด่งดังในโลกออนไลน์
สำหรับหลายๆ คนที่ผิดหวังกับความรักแล้วคงจะมีสภาพที่หดหู่ เศร้าสร้อยใจอย่างเห็นได้ชัด และไม่ได้มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่มีอาการแบบนี้ ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวของเจ้าเหมียวที่ผิดหวังสุดๆ เมื่อรู้ว่าแฟนสาวของตัวเองนอกใจ กลายเป็นเรื่องโด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์ของประเทศจีน เมื่อชาวเน็ตจีนได้ทำการแชร์รูปภาพบอกเล่าเรื่องราวความรักของเจ้าเหมียวตัวสีเหลืองที่ในตอนจบนั้นไม่ได้สวยงามเหมือนกับในละคร ทางเว็บไซต์วาไรตี้ของประเทศจีน Bastille Post ได้ทำการแชร์ภาพความน่ารักของคู่รักแมวเหมียวจรจัดตัวสีส้มและตัวสีเทาที่ดูจะรักกันปานจะกลืนกิน ทั้งคู่นั้นดูเหมือนว่าจะรักกันมากคอยคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ กันตลอดเวลา เจ้าเหมียวเพศผู้ตัวสีส้มนั้นกอดคอเจ้าตัวเมียถ้ามันพูดได้ก็คงจะพูดว่า ฉันจะอยู่กับเธอตลอดไปเลยนะ… แต่แล้วเรื่องราวอันแสนโหดร้ายก็เกิดขึ้น เพราะมีชาวเน็ตคนหนึ่งได้ทำการถ่ายรูปเรื่องราวความรักที่ไม่ได้จบลงอย่างสวยหรูมาให้ชาวเน็ตทุกๆ ได้ชมกัน เป็นภาพของเจ้าเหมียวตัวสีเหลืองตัวเดิมกำลังมองดูคู่รักของตนกำลังสมสู่ร่วมกันกับชายชู้อยู่ (เพื่อให้จำได้ง่ายเขาก็เลยใส่หมวกสีเขียวให้มันไว้ด้วย) มันช่างเป็นเหตุการณ์ที่น่าเจ็บปวดใจยิ่งนัก อะเหื้ออออออ!! จากนั้นก็มีชาวเน็ตอีกคนได้ทำการแชร์รูปภาพของเจ้าเหมียวตัวสีส้มตัวนั้นที่มีท่าทางอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่ามันกำลังเศร้าใจที่ถูกคนที่มันรักและไว้ใจที่สุดทำลายความไว้ใจของมันให้พังทลายลงโดยไม่เหลือชิ้นดี โถๆๆ คงจะเศร้ามากเลยสินะเจ้าเหมียว T T โถๆ แมวตัวเมียไม่ได้มีอยู่ตัวเดียวบนโลกซักกะหน่อยนะเจ้าเหมียว อีกหน่อยแกอาจจะเจอคนที่ใช่กว่านี้อีกก็ได้ อิอิ ถ้าไม่หมดหวังล่ะก็นะ ^^ ที่มา : bastillepost
-
BenBen เหมียวเศร้าที่สุดในโลก ได้รับการช่วยเหลือ จนตอนนี้ใบหน้าของมันมีแต่รอยยิ้ม!!
การเกิดเป็นลูกแมวจรจัด และต้องเริ่มใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบใหญ่เพียงลำพัง มันช่างยากลำบากสำหรับ BenBen เจ้าเหมียวจรจัดผู้น่าสงสารตัวนี้ซะเหลือเกิน เพราะนอกจากจะต้องเผชิญชะตากรรมอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายแล้ว มันยังไม่มีแม่ หรือเจ้าของมาคอยปกป้องหากต้องเจอกับอันตรายรอบด้าน ซึ่งครั้งหนึ่ง มันเคยถูกสัตว์ใหญ่ทำร้าย จนทำให้กระดูกสันหลัง รวมทั้งใบหูของมัน เป็นแผลลึก แต่อย่างน้อย เจ้าเหมียวก็โชคดีที่ทางศูนย์พักพิงสัตว์สัตว์เข้ามาช่วยเหลือไว้ทัน จนทำให้มันรอดตาย และได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับเจ้าคนใหม่ที่พร้อมจะรับมันไปดูแลสักที ในตอนแรกอาการของมันไม่ค่อยดีเลย อีกทั้งผิวหนังที่เป็นส่วนเกินบนใบหน้าของมัน ยังส่งผลให้เจ้าเหมียวมีหน้าตาที่เศร้าสร้อย และเหงาหงอยเป็นอย่างมาก เจ้าเหมียวนี่น่าสงสารกำลังรอคอยใครบางคนมารับมันไปเลี้ยง และเราก็หวังว่ามันจะสมหวังในเร็ววัน จนในที่สุด วันแห่งความโชคดีก็มาถึง เพราะหลังจากที่หญิงคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในแผนกฉุกเฉินของคลินิก ได้ยินเรื่องราวของเจ้า BenBen เหมียวหน้าเศร้าผู้น่าสงสาร เธอก็ตัดสินใจที่จะรับอุปการะมันทันที ก็อ้อนขนาดนี้ ใครจะปล่อยให้เผชิญชะตากรรมอยู่เพียงลำพังละ เมื่อเจ้าเหมียว ได้เข้ามาอาศัยในบ้านหลังใหม่ ชีวิตของมันก็ดีขึ้น แต่มันก็จะต้องเข้ารับการรักษาอยู่เสมอ เพื่อให้อาการบาดเจ็บหายดี เพราะก่อนหน้าที่ BenBen ยังอยู่ในศูนย์พักพิง มันไม่อยากจะกิน หรือดื่มอะไรเลย แม้แต่เคลื่อนไหวตัวก็ยังไม่อยากทำ เพราะมันรู้ตัวว่ากำลังจะตายในไม่ช้า แต่หลังจากที่ได้เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านอันแสนอบอุ่น เจ้าเหมียวก็เริ่มกลับมาสดใสอีกครั้ง แม้ว่าต้องใช้เวลาปรับตัวสักพักก็ตาม…
-
สาววัย 17 โพสต์ภาพ ‘ดอกไม้และจดหมาย’ ที่พ่อให้กับแม่ในวันหย่า จนชาวเน็ตร่วมให้กำลังใจ…
หลายๆ ครั้ง ‘ความรัก’ ก็ไม่ได้จบลงที่การได้อยู่ด้วยกันเสมอไป แต่ถึงอย่างนั้นความรักก็ยังคงเป็นสิ่งที่สวยงามอยู่เสมอ… Morgan Lynn สาววัย 17 ปี จากรัฐ Texas พ่อแม่ของเธอนั้นแต่งงานกันมานานกว่า 19 ปี ก่อนที่ล่าสุดความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะจบลงด้วยการหย่าร้างกันไปเมื่อไม่นานมานี้ เธอไม่ได้ระบุว่าที่ต้องหย่าร้างกันเพราะอะไร แต่เมื่อทั้งสองตัดสินใจ มันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของพวกเขาแล้ว มันเป็นทางเลือกที่ยากของทุกคน ทั้งพ่อ แม่ และลูกสาว ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับชีวิตใหม่นี้ให้ได้ ในวันแห่งการหย่าร้างได้มาถึงนั้น คุณพ่อของ Lynn ก็ได้ส่งดอกไม้ที่คุณแม่ของเธอชอบมาให้ พร้อมกับมีโน๊ตเขียนไว้ว่า “จะรักคุณตลอดไป จาก Jason” โดย Lynn เล่าว่า ในวันแย่ๆ คุณพ่อของเธอนั้นมักจะส่งดอกไม้ให้กับแม่แบบนี้อยู่เสมอ Lynn ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ในตอนที่เธอได้เห็นโน๊ตและดอกไม้ช่อนั้น เธอก็ร้องไห้ออกมาทันที จึงตัดสินใจที่จะแชร์รูปภาพความรู้สึกของพ่อลงบนทวิตเตอร์ และชาวเน็ตทั้งหลายต่างก็ได้รับความรู้สึกนั้นไปเต็มๆ หลังจากที่พ่อแม่ฉันแต่งงานมา 19 ปี ก็มาถึงวันอย่าร้าง และวันนี้มันก็มาถึง พ่อเลยส่งดอกไม้ที่แม่ชอบที่สุดมาให้แม่ มีผู้คนให้ความสนใจกับรูปภาพที่เธอโพสต์เป็นอย่างมาก โดยมีคนกดไลค์ไปกว่า 229,600…
-
เจ้าหมาพิทบูลแต่งตัวซะน่ารักในวันฮาโลวีน แต่ต้องมานั่งเศร้า เพราะไม่มีใครสนใจเลย
ในขณะที่น้องหมาพันธุ์คอร์กี้ ปอม ดัชชุน โกลเด้น หรือชิวาวา ถูกมองว่าเป็นสัตว์ที่น่ารัก จนใครๆ ก็อยากเข้าใกล้ แต่พอพูดถึงสุนัขพันธุ์พิทบูลขึ้นมาเมื่อไหร่ ทำไม๊ทำไมถึงมีแต่คนวิ่งหนีน้า ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว มันก็น่ารักไม่แพ้กับน้องหมาตัวอื่นเลย >< นี่คือเจ้า Dublin สุนัขพันธุ์พิทบูลของ William ชายหนุ่มที่อาศัยอยู่ในรัฐ Massachusetts สหรัฐอเมริกา มันดูสดใส และร่าเริงมาก ย้อนเวลากลับไปในคืนวันฮาโลวีนที่ผ่านมา หลายคนอาจจะมีความสุข แต่สำหรับ Dublin แล้ว มันเป็นคืนที่น่าเศร้ามาก เพราะคืนนั้นไม่มีใครอยากเข้ามาเล่นกับมันเลย ทั้งๆ ที่มันก็อุตส่าห์แต่งตัวรอซะน่ารัก อ๋อยยยย น่าสงสาร และเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 หลังผ่านพ้นคืนวันฮาโลวีนไปแล้ว William ก็ได้นำภาพของเจ้า Dublin ที่กำลังทำหน้าตาเศร้าสร้อยในชุดแฟนซี มาโพสต์ลงในทวิตเตอร์ พร้อมเผยว่า… “สุนัขของผมรอให้เด็กๆ มาเล่น trick-or-treaters ทั้งคืน แต่พวกเขากลัวที่จะมาเล่นกับมัน น่าเศร้าจริงๆ” …
-
เจ้าหมาของครอบครัวเพิ่งตายไป จู่ๆ ก็พบสัญญาณในถาดน้ำ ราวกับมาบอกว่า ‘สบายดี’
เรื่องราวสุดประทับใจของครอบครัวครอบครัวหนึ่งที่เพิ่งสูญเสียเจ้าหมาที่เป็นสมาชิกในครอบครัวไป ในขณะที่กำลังโศกเศร้าเสียใจอยู่นั้นก็ได้พบกับสัญญาณบางอย่าง ราวกับมันพยายามที่จะบอกให้ทุกคนรู้ว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันสบายดี” กลายเป็นเรื่องราวสุดซึ้งไปทั่วโลกออนไลน์ คุณ Catie Callaghan มีความทรงจำที่ดีมากกับเจ้า Bandit หมาอันเป็นที่รักของครอบครัว…“มันเป็นหมาที่แสนดี” เธอเล่า “เจ้า Bandit นั้นมีเหตุให้ต้องเปลี่ยนเจ้าของหลายครั้ง และครอบครัวของเราก็เป็นบ้านหลังที่ 4 สำหรับมัน แน่นอนว่าพวกเราพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อมอบชีวิตที่ดีที่สุดให้กับมัน” คุณ Catie ให้สัมภาษณ์กับ Buzzfeed News เธอยังเล่าอีกว่าเจ้า Bandit นั้นเป็นที่รักของทุกๆ คน โดยเฉพาะคุณพ่อของเธอที่ดูจะรักและเอ็นดูมากเป็นพิเศษ เจ้า Bandit นั้นผ่านการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยมากมายหลายครั้งตลอดช่วงชีวิตของมัน จนมาถึงการรักษาในครั้งสุดท้ายในช่วงอายุ 15 ปี มันก็ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ คุณ Catie เล่าว่าครอบครัวของเธอนั้นแทบใจสลาย จนกระทั่งคุณแม่ของเธอได้เห็นสัญญาณบางอย่างที่เจ้า Bandit ทิ้งไว้ให้ก่อนที่มันจะมุ่งหน้าไปยังสวรรค์ “หลังจากที่เจ้าหมาอายุ 15 ปีของฉัน จากไปเมื่อสองวันก่อน คุณแม่ก็ได้พบอะไรบางอย่างในถาดน้ำของมันเป็นแบบนี้ สวรรค์ของเหล่ามะหมามีอยู่จริง รักเธอนะ…
-
คุณแม่คลอด “ลูกแห่งปาฏิหาริย์” หลังแท้งมา 16 ครั้ง แต่โรคร้ายก็พรากลูกไปจากเธอ..
นี่คือเรื่องราวสุดแสนเศร้าของคุณแม่ท่าหนึ่ง ผู้เอาชนะร่างการตัวเอง หลังจากแท้งลูกไปกว่า 16 ครั้ง ตอนนี้เธอได้มีลูกครั้งแรก แต่แล้วก็เกิดเหตุเศร้าขึ้นเมื่อลูกของเธอเกิดเยื้อหุ้มสมองอักเสบจนเสียชีวิต Fleur-Rose Allen เด็กน้อยวัย 15 เดือนจากเมือง Bridgnorth ได้จากโลกนี้ไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจากที่เด็กน้อยเพิ่งหัดเดินได้เพียงแค่ 1 วัน ซึ่งเด็กคนนี้ถือกำเนิดก่อนกำหนด ทำให้คลอดยากกว่าปกติ คุณแม่ Lizzie Allen วัย 32 ปี ได้เห็นอาการหลังจากลูกตื่นขึ้นแล้วร้องไห้อย่างหนักในช่วงเวลาประมาณ บ่าย 1 โมง พร้อมกับอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น เธอจึงให้น้ำพร้อมกับยา แต่หลังจากพาส่งโรงพยาบาลตอน 6 โมงเย็น คุณหมอก็ได้แถลงว่าลูกของเธอเสียชีวิตแล้วเนื่องจากเยื้อหุ้มสมองอักเสบเมื่อเวลา 5 ทุ่ม คุณแม่เล่าว่า ปกติแล้ว Fleur-Rose เป็นเด็กสุขภาพดี หัวเราะ ยิ้มเก่ง แต่ในเช้าวันที่เด็กได้เสียชีวิต Fleur-Rose ตื่นขึ้นมาพร้อมกับมีอาการตัวร้อน สาเหตุที่เด็กร้องไห้ก็เพราะอุณหภูมิในร่างกายร้อนเกินไป ในช่วงขึ้นรถพยาบาลนั้นวัดได้สูงถึง 39 องศาเซลเซียส มีไข้สูง พอไปถึงโรงพยาบาลเด็กน้อยก็กลับมากระฉับกระเฉงอีกครั้ง แม้ว่าตอนช่วงทานอาหารกลางวันเด็กจะอ้วก แต่ก็กลับมาเล่นของเล่นได้ดูเหมือนไม่เป็นอะไร ในตอนเที่ยงคุณแม่ยังให้เด็กลองทานมันบด…
-
ภาพคุณยายกำลังนั่งฟังเพลงโปรดที่เคยฟังกับคุณตาผู้เป็นที่รัก แต่ตอนนี้เหลือเพียงรูปถ่าย…
การจากลานั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ทุกชีวิตต้องพบเจอ สักวันหนึ่งเมื่อถึงเวลาเราก็ต้องจากไปอยู่ดี ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ สิ่งที่คนยังอยู่พอจะทำได้ก็มีแต่การคิดคำนึงถึงคนที่จากไปเท่านั้น… นี่คือคุณ Alicia Salas และคุณยาย Josie Reza วัย 85 ปีของเธอ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาครอบครัว Salas ก็ได้ทำการฉลองวันเกิดครบ 85 ปีให้กับคุณยาย Reza “ฉันคิดว่านี่เป็นความสำเร็จที่เธอควรจะได้รับ” Alicia และครอบครัวของเธอได้ทำการเซอร์ไพรส์คุณยายด้วยวงดนตรี Mariachi ซึ่งเป็นแนวดนตรีที่คุณยายเคยฟังด้วยกันกับคุณตาในสมัยก่อนที่เขาจะจากไปตลอดกาล ครอบครัวได้ทำการจ้างวงดนตรีและขอให้พวกเขาเล่นเพลง “Las Mañanitas” ที่เป็นเพลงที่มีความหมายต่อคุณยาย Reza เป็นอย่างมาก “นี่เป็นเพลงโปรดของเธอและคุณปู่ของฉัน ดูเหมือนเธอจะคิดถึงเขาเป็นอย่างมากในทุกๆ วัน พวกเราทุกคนคิดก็ถึงเขาเช่นกัน” คุณ Alicia เล่า และวันงานก็มาถึง ในขณะที่นักดนตรีบรรเลงเพลงอยู่ คุณ Alicia ก็ได้ทำการถ่ายภาพเหตุการณ์สุดประทับใจในวันนั้นไว้ด้วย ซึ่ง ณ ตอนนั้น คุณยายกำลังถือรูปคุณตาพร้อมกับนั่งฟังเพลงไปด้วย ทำให้ภาพนั้นกลายเป็นภาพที่สะเทือนจิตใจของใครหลายๆ คน และรูปภาพนั้นก็ถูกอัพลงทวิตเตอร์ทำให้ผู้คนให้ความสนใจกันมากมาย โดยมียอดไลค์มากกว่า…
-
เจ้าของทำให้ ‘สุนัขป่วย’ มีความสุขในวันสุดท้าย ก่อนการุณยฆาต จากกันไปตลอดกาล…
ขึ้นชื่อว่า สัตว์เลี้ยง ถ้าได้อยู่ด้วยกันนานๆ ยิ่งเกิดความผูกพัน เหมือนมันเป็นคนในครอบครัว และถ้าเรารู้ว่า ต้องเสียมันไปในวันหนึ่ง ก็คงยากที่จะทำใจ เหมือนเรื่องราวของหมาตัวหนึ่ง ที่ใครได้อ่านก็ต้องน้ำตาไหล เมื่อเจ้าของรู้ว่า มันกำลังจะตาย จึงได้พามันเที่ยวพร้อมทำเรื่องสนุกๆ ก่อนที่มันจะจากไปตลอดกาล เรื่องราวนี้ถูกแชร์ในเว็บไซต์ imgur เป็นภาพของ Hannah สุนัขอเมริกัน พิทบูล ตัวหนึ่งที่ป่วยหนักด้วยโรคไต โดยมีโรคแทรกซ้อนอื่นๆ อีก และวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่มันได้ใช้เวลากับครอบครัวอย่างมีความสุข เจ้าของเล่าให้ฟังว่า “เมื่อ 2 เดือนก่อน มันมีอาการชัก แต่ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จนหลังๆ มา อาการมันเริ่มแย่ๆ ลงเรื่อยๆ” มันเริ่มใช้ชีวิตลำบากมากขึ้น การเดินขึ้นบันไดกลายเป็นเรื่องยากสำหรับมัน หรือแม้แต่เนินเขาเตี้ยๆ ก็กลายเป็นภูเขาสูงชันสำหรับมัน ส่วนยาที่ให้มันกิน ก็ดูเหมือนว่า จะไม่ได้ผลอีกแล้ว ทั้งหมอและเจ้าของพยายามยื้อชีวิต Hannah อย่างสุดความสามารถ แต่มันยิ่งสร้างความทรมานให้กับมันขึ้นเรื่อยๆ จนหมอแนะนำให้ทำการุณยฆาตมัน แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะทำใจ แต่พวกเขาก็ทนเห็นมันทรมานไม่ได้ จึงตัดสินใจทำตามคำแนะนำ แต่ก่อนที่จะทำการุณยฆาตมันนั้น พวกเขาได้ทำให้ Hannah มีความสุขมากที่สุดเท่าที่ทำได้ เช่น พาไปเที่ยว ไปกินอาหารโปรด และกิจกรรรมอื่นที่จะทำให้มันมีความสุข …
-
สาวเผลอขับรถชนนกตายรู้สึกผิดจนร้องไห้ไม่หยุด…พร้อมกลับไปรับศพของมันมาฝังเป็นอย่างดี
หลายๆ คนมองว่าชีวิตแต่ละชีวิตนั้นมีค่า ไม่ว่าจะเป็น สัตว์ คน หรือแม้แต่ต้นไม้เองก็มีชีวิต ฉะนั้นหากเราพลาดพลั้งทำให้ชีวิตหนึ่งชีวิตต้องตายไปก็จะรู้สึกเศร้าเสียใจเป็นเรื่องธรรมดา เช่นเดียวกับสาวน้อยคนนี้ที่ไม่ได้ตั้งใจขับรถชนเข้ากับเจ้านกตัวน้อยจนทำให้มันตาย ซึ่งเธอก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก และนี่คือ Simone (คนตัวเล็ก) และ Mikayla (คนตัวสูง) สองคู่ซี้วัยเรียน จากเมือง Houston รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อไม่นานมานี้เอง Mikayla ได้ขับรถออกไปข้างนอก ร่วมกันกับเพื่อนรักของเธอ และพี่สาว แต่จู่ระหว่างทางเธอก็ได้ขับรถชนกับเจ้านกตัวน้อยอย่างจัง เป็นเหตุให้มันเสียชีวิตในทันที นั่นทำให้ Mikayla รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก ก็เลยร้องไห้ออกมาไม่หยุดตลอดทาง ซึ่งเพื่อนของเธอก็เลยถ่ายคลิปมาอัพลงโซเชียลเน็ตเวิร์คซะเลย ในระหว่างนั้นก็ได้เปิดเพลงเศร้าคลอไปด้วย Mikayla เล่าว่า “เมื่อฉันได้ยินเพลงเศร้า ก็ทำให้นึกถึงฉากในหนังที่เจ้านกน้อยพลัดร่วงลงมาจากรัง ในวันที่มีแสงแดดส่องจ้า ท่ามกลางใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นลงมาช้าๆ เป็นสัญญาณบอกว่าชีวิตใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว!! แต่ก็น่าเศร้าใจที่รู้ว่าหลังจากนั้นมีคนพรากชีวิตของมันไป และมันคงไม่มีโอกาสที่จะได้โบยบินอีกครั้ง” นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่าเธอเป็นคนที่รักสัตว์มากๆ และเธอไม่เคยฆ่าแม้แต่แมลงซักตัวที่อยู่ในบ้านของเธอเลย “ฉันเป็นคนที่รู้สึกอ่อนไหวต่อเรื่องต่างๆ ได้ง่ายมาก ฉันไม่สามารถทนเห็นเรื่องเศร้าแบบนี้ได้โดยไม่ร้องไห้ออกมา” Mikayla กล่าว แต่ถึงอย่างนั้น…
-
สายตานั้นเศร้าที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมา… ทีมกู้ภัยเปิดใจ หลังได้เข้าช่วยหมาที่กำลังจะถูกน้ำท่วมตาย
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศ ได้เผยภาพพร้อมเรื่องราวของเจ้าตูบที่น่าสงสารตัวหนึ่ง ที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ขณะกำลังลอยคออยู่กลางน้ำท่วม ในเมืองบาตันรูช รัฐลุยเซียนา ประเทศสหรัฐอเมริกา โถๆๆ น่าสงสารจังน้องหมา Josh Pettit หนึ่งในหน่วยทีมกู้ภัย ผู้ที่ได้นำเรือออกไปช่วยเหลือผู้ประสบกับปัญหาน้ำท่วม และเป็นผู้ที่ได้เข้าไปช่วยเหลือเจ้าหมาตัวนี้ ได้โพสต์เรื่องราวขณะที่เขาได้พบมัน ซึ่งในขณะนั้นเขาได้ผ่านมาทางนั้นพอดี และได้สังเกตเห็นว่าพุ่มไม้สั่นไหว… ดังนั้น เขาจึงได้เข้าไปดูใกล้ๆ และได้เจอน้องหมาสีเทาตัวดังกล่าว ที่ตัวเกือบจะจมน้ำ กำลังทำหน้าตาเศร้าและจ้องมองมาที่เขาอย่างมีความหวัง มันคงจะรอคนมาช่วยเหลือแน่ๆ อีกทั้งมันยังเป็นหมาที่มีใบหน้าเศร้าที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาเลยล่ะ เจ้าหมาไม่สามารถขยับตัวได้ เนื่องจากตัวของมันติดกับโคลนด้านล่าง เมื่อเห็นดังนั้น Josh จึงรีบเข้าช่วยเหลือมันทันที โดยการพามันขึ้นมาบนเรือ และแน่นอนว่าเจ้าหมารอดตายแล้ว มันคงจะดีใจมากแน่ๆ หลังจากที่เขาได้ช่วยเหลือมัน และพาเจ้าหมาขึ้นไปบนฝั่งอย่างปลอดภัย Josh ก็ได้พบกับเจ้าของหมาตัวนี้ และก็ได้รู้อีกว่าเจ้าหมามีชื่อว่า Sadie ตอนนี้หลายๆ คนก็คงจะหายห่วงได้แล้วล่ะ เพราะเจ้า Sadie ปลอดภัยดีแล้ว เป็นโชคดีของมันจริงๆ ที่มีคนมาช่วยเอาไว้ได้ทัน…
-
ชายหนุ่มเล่าเรื่องราวสุดเศร้าของ “โครงกระดูก” จนกลายเป็นเรื่องที่โด่งดัง (และฮา)!!!
ถ้าใครเคยเล่น Snapchat ก็คงจะเข้าใช้ดีว่ามันคือแอปฯ ที่เอาไว้แชร์ภาพที่นเน้นไปในทางสื่อสารอารมณ์มากกว่าการแชร์เอาสวยงาม ดังนั้นก็เลยจะมีไอเดียการสร้างเรื่องราวเจ๋งๆ เกิดขึ้นเสมอ เหมือนอย่างที่ Cooper เขาได้สร้างเรื่องราวเศร้าๆ ที่ฮาจนใครๆ ต่างก็แชร์กันไปทั่ว โดยจริงๆ แล้วมันเริ่มมาตั้งแต่ปี 2014 เขาได้แชร์ลงในเว็บไซต์ Tumblr จนคนกดโน้ตกว่า 550,000 ครั้ง ต่อมาก็ได้โพสต์ลงใน Imgur จนมียอดวิวกว่า 150,000 ครั้งในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง ซึ่งก็มาดังใน Snapchat ต่อในทุกวันนี้ และนี่ก็คือเรื่องราวสุดเศร้าของเจ้าโครงกระดูก.. หวัดดีเพื่อน จะไปไหนอ่ะ? หยุดวิ่งหนีฉันสักที แกจะวิ่งหนีทำไม.. ไม่นะ แกจะกระโดดไม่ได้ เพราะว่า… แกไม่มีไส้ (ในที่นี้พ้องเสียง หมายถึงความกล้าได้ด้วย) ม่ายยยยยยยยย ป๊อก!! เพลงมา…. โถ เกิดมาเป็นโครงกระดูกนี่มันช่างน่าเศร้าจริงๆ บรูค เราเข้าใจความรู้สึกนายแล้วล่ะ ที่มา boredpanda
-
‘ลูกวาฬเพชฌฆาต’ ตรอมใจหลังจากสูญเสียแม่ ไม่ยอมกิน-ยึดติดลูกบอลเป็นตัวแทนแม่มัน
การสูญเสียคนที่รัก เป็นเรื่องยากที่เราจะทำใจได้ บางคนเสียใจจนไม่เป็นอันทำอะไรกันเลย… และบางที เรื่องราวแบบนี้ไม่ได้เกิดแค่กับมนุษย์เท่านั้น เหล่าสัตว์เองก็ไม่ต่างจากเรา เมื่อต้องสูญเสียสิ่งที่มันรัก เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อ Bob วาฬเพชฌฆาตวัย 6 เดือน ได้สูญเสียแม่ไป หลังจากเหตุการณ์นั้น มันกลายเป็นวาฬน้อยที่เศร้าเสียใจตลอดเวลา ตามรายงานข่าวระบุว่า มันใช้บอลลอยน้ำเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ที่เหมือนเป็นตัวแทนของแม่ โดยที่มันไม่เคยว่ายน้ำออกห่างจากบอลลอยน้ำนี้เลย ด้วยความเศร้านี้ ทำให้สุขภาพของ Bob แย่ลงเรื่อยๆ จนเจ้าหน้าที่คิดว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้มันต้องตายแน่ๆ เลยเอามันไปดูแลที่สระน้ำ และให้อาหารผ่านหลอด เนื่องจากมันไม่ยอมกินอาหารเองเลย แต่… เรื่องนี้ไม่มีปาฏิหาริย์ อาการของมันก็ไม่เคยดีขึ้น กลับแย่ลงไปอีก จนในที่สุดมันก็เสียชีวิตในวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา เรื่องราวของ Bob สร้างความโศกเศร้าให้กับผู้คนจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ที่ดูแลมัน รวมทั้ง Maggie Barry รัฐมนตรีกระทรวงอนุรักษญ์ทรัพยากรณ์ธรรมชาติ ที่กล่าวแสดงความเสียใจกับวาฬน้อยตัวนี้ว่า “วาฬเพชฌฆาตตัวนี้ เป็นสัตว์ที่อายุน้อยที่สุดที่เราเคยช่วยเหลือมา แต่เราก็ต้องเสียที่ไม่สามารถช่วยให้มันมีชีวิตต่อไปได้ เพราะมันเป็นเคสที่มีโอกาสรอดน้อยมาก” ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ นี่แหละนะสัตว์โลก…
-
40 ภาพแรก-ภาพสุดท้าย ของสัตว์เลี้ยงและเจ้าของ… บอกเล่าความรู้สึกโดยไม่ต้องบรรยาย
‘เมื่อมีพบก็ต้องมีจาก’ เป็นสัจธรรมของโลกใบนี้ และแน่นอนว่าเหล่าคนที่รับสัตว์มาเลี้ยงทั้งหลายต่างก็รู้ในข้อนี้ดี เมื่อวันที่รับมาเลี้ยงจะรู้อยู่แก่ใจแล้ว่าสักวันหนึ่งเจ้าหมาหรือเจ้าเหมียวก็ต้องจากเราไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่อย่างน้อยเราก็ได้มอบช่วงชีวิตที่สนมีความสุขให้กับพวกมัน ขณะเดียวกันพวกมันก็ได้มอบความสุขให้กับพวกเราอีกด้วย ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะพาเพื่อนๆ ไปหลั่งน้ำตากันกับภาพแรกสุดที่รับสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยง และภาพสุดท้ายก่อนที่มันจะจากไป จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นลองไปชมพร้อมๆ กัน… 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. 13. 14. 15. 16. 17. 18. 19. 20. 21.…
-
สลด!! สุนัขฮีโร่ปกป้องเจ้านายจากงูเห่า 4 ตัว แต่ต้องแลกมาด้วยชีวิตตัวเองเพราะพิษงู T T
สุนัขเป็นสัตว์ที่ซื่อสัตว์ และเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ เมื่อเราเลี้ยงมันด้วยความรัก ความใส่ใจ มันเองก็พร้อมจะตอบแทนเราทุกอย่าง แม้กระทั่งชีวิตของมัน เหมือนกับเจ้าสุนัขพันธุ์โดเบอร์แมนตัวนี้ ที่พยายามช่วยเจ้าของจากงูเห่าถึง 4 ตัว จนสุดท้ายมันก็จากไปอันเนื่องมาจากพิษงู เจ้าของสุนัขตัวนี้คือ Dibakar Raita ครอบครัวชาวอินเดีย ในรัฐโอริสสา ประเทศอินเดีย โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเข้าของวันที่ 11 กรกาฎาคม มีงูเห่าสี่ตัวพยายามเลื้อยเข้ามาในบ้านของเขา เมื่อสุนัขตัวนี้เห็นเข้า มันก็เข้าไปต่อสู้กับงูทั้ง 4 ตัว เพื่อปกป้องเจ้านายของมัน มันสู้อย่างไม่คิดชีวิต และโดนงูฉกเข้าไปหลายครั้ง จนในที่สุดมันก็ล้มลงเพราะพิษที่แล่นเข้าสู่ร่างกาย Dibakar Raita ผู้เป็นเจ้าของสุนัข กล่าวว่า “รู้สึกตกใจมาก มันยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องครอบครัวเรา เราจะจดจำเจ้าสุนัขตัวนี้ไปตลอด ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง และหวังว่าวิญญาณของมันจะไปสู่สุคติ” และแล้วในที่สุดพวกเค้าก็ได้ทำการฝังศพให้เจ้าสุนัขฮีโร่ตัวนี้ ในบริเวณใกล้ๆ กับบ้านของพวกเขาเอง นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมมนุษย์ชอบเลี้ยงสุนัข ไม่ใช่เพื่อให้มันตายแทนเรานะ แต่เพราะมันซื่อสัตว์และจงรักภักดีกับเจ้าของต่างหาก หลับให้สบายนะ ตอนนี้มันคงกลายเป็นสุนัขที่น่าจดจำสำหรับใครหลายๆ คนไปแล้ว T T ที่มา metro
-
“หมีที่เศร้าที่สุดในโลก” ลาโลกด้วยวัย 30 หลังอยู่ตัวเดียวในสวนสัตว์นาน 22 ปี!!
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่สวนสัตว์ Mendoza Zoological Park ในประเทศอาร์เจนติน่าได้เกิดการศูนย์เสียครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อ Arturo หมีขั้วโลกที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้เป็นเวลากว่า 22 ปีได้ตายจากไปด้วยวัย 30 ปี หลังจากอยู่ที่นี่คนเดียวมานาน การที่มันอยู่ที่นี่ทำให้มันมีอาการแปลกๆ พฤติกรรมของมันไม่เหมือนกับหมีขั้วโลกทั่วไป มันมีความเครียดสะสมจนทำให้มันแสดงออกเหมือนกับว่าเป็นบ้า หลายคนพยายามที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือชีวิตมันโดยการเอาไปเลี้ยงที่อื่น เพราะอาร์เจนติน่าไม่ใช่ที่สำหรับหมีขั้วโลก แต่ทางสวนสัตว์ก็ไม่ยอมอนุมัติให้มันไป จนสุดท้ายมันก็จากโลกนี่ไป ไม่น่าเชื่อว่าอิสระภาพก็คือการตายของมันเอง “มันใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตในสวนสัตว์แห่งนี้ ด้วยสภาพแวดล้อมทำให้มันเครียดและผู้คนก็ไม่ได้ใจดีกับมันเหมือนกับว่ามันไม่ใช่สัตว์” “เพราะร่างกายของหมีขั้วโลกออกแบบมาเพื่อรับสภาพกับหิมะ แต่ที่นี่มันไม่ใช่เลย มันมาไกลจากถิ่นดั้งเดิมของมันเป็นอย่างมาก” Barry MacKay เล่าอีกว่าเขาเคยจะพามันย้ายไปที่สวนสัตว์แคนาดา แต่ก็ไม่สำเร็จ มันใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จนได้ชื่อว่า “หมีขั้วโลกที่เศร้าที่สุดในโลก” ในวาระสุดท้ายของมัน อย่างน้อยก็น่าจะให้มันได้ไปอยู่ที่ที่มันควรจะอยู่ แต่ตอนนี้มันก็ได้รับอิสระแล้ว.. ชมเรื่องราวของมันจากในคลิปนี้ได้เลย ต้องบรรยายอะไรอีกไหม… ไม่ต้องละมั้ง บางทีความเงียบสัก 1-2 นาที แล้วคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ น่าจะให้เราได้คำตอบอะไรเยอะเลยทีเดียว ที่มา boredpanda
-
มองให้เป็นศิลปะ… 21 ภาพชุดหญิงสาวกับสรรพสัตว์ เผยมุมดาร์คของเทพนิยาย!!
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเทพนิยาย บางครั้งมันก็ไม่ได้สวยหรูเสมอไป ไม่ได้เป็นเรื่องราวฟรุ้งฟริ้งของเจ้าหญิงที่เดินทางบนทางเดินโรยไปด้วยกลีบดอกไม้ไปเจอเจ้าชายแต่งงานกันแล้วก็จบแบบแฮปปี้เอนด์ดิ้ง นิทานหรือเทพนิยายหลายๆ เรื่องนั้นต่างก็มีเรื่องราวของความดาร์คเกิดขึ้น ทั้งแม่มด คำสาป การรบราฆ่าฟันกันของมนุษย์ การใช้กลอุบายล่อหลอกเพื่อให้ได้สิ่งที่หวัง เป็นต้น วันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปผลงานชุดภาพถ่ายที่ถ่ายทอดความงดงามราวกับว่าอยู่ในเทพนิยาย แถมยังมีความดาร์คแบบสุดๆ อีกด้วย เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปชมพร้อมๆ กันได้เลย… ผลงานชุดภาพถ่ายนี้เป็นผลงานของศิลปินสาวชื่อว่า Laura Makabresku มีคอนเซ็ปต์คือเรื่องราวในเทพนิยายที่ดูงดงามแต่ก็แฝงไปด้วยความโหดร้าย 1. โดยเธอได้ไอเดียมาจากการอ่านหนังสือเรื่องเล่าพื้นบ้านและนิทานปรัมปราที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ การแก้แค้น และเรื่องของเวรกรรม 2. โครงสร้างงานของเธอก็เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในความฝัน ความเป็นไปตามธรรมชาติ การอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัวของมนุษย์และสัตว์ จนกลายออกมาเป็นผลงานภาพถ่ายที่ดูมีเรื่องราวโดยไม่ต้องมีคำอธิบาย (แต่ก็แอบหลอนเหมือนกันนะเนี่ย) 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. …
-
สาวน้อยเขียนจดหมายถึงตัวเองใน 10 ปีข้างหน้า… แต่น่าเสียดาย เธอไม่มีโอกาสได้อ่านมัน
คงมีใครหลายๆ คนที่ใช้วิธีการย้ำเตือนความจำของตัวเองด้วยการเขียนบันทึกความทรงจำไว้ในรูปแบบของจดหมายถึงตัวเองในอนาคต ซึ่งหากเราได้เปิดอ่านในอนาคตย่อมทำให้เราหวนคิดถึงวันเก่าๆ พร้อมทั้งได้รับรู้ถึงความรู้สึก และความตั้งใจในวันที่เขียนได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับสาวน้อย Taylor Smith ที่เขียนจดหมายถึงตัวเองไว้ในอีกสิบปีข้างหน้า…แต่เธอกลับไม่มีโอกาสได้เปิดอ่านมัน จึงทำให้ครอบครัวของเธอได้สานต่อเจตนารมย์ของเธอด้วยการหยิบจดหมายนั้นมาเพื่อเล่าเรื่องราวชีวิตอันสุดแสนจะสนุกของเธอให้กับพวกเราได้ทราบกัน สาวน้อย Taylor Smith อาศัยอยู่กับครอบครัวที่แสนอบอุ่นในเมือง Johnso City รัฐ Tennessee เธอเป็นเด็กที่มีนิสัยร่าเริงแจ่มใส และใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขร่วมกับครอบครัวของเธอพร้อมกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน แต่โชคร้ายยิ่งนักที่เธอต้องมาด่วนจากไปด้วยวัยเพียง 12 ปี จากการติดเชื้อของโรคปอดบวม หลังจากที่สาวน้อย Taylor ได้จากไป ทั้งครอบครัวและเพื่อนๆ ต่างก็เสียใจเป็นอย่างมาก ขณะที่พวกเขากำลังทำการเก็บข้าวเก็บของในห้องนอนของ Taylor ก็ได้พบกับจดหมายที่สาวน้อยได้เขียนถึงตัวในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่น่าเสียดายที่เธอไม่มีโอกาสได้อ่านมันอีกแล้ว… โดยระบุวันเปิดผนึกจดหมายนี้ไว้ในวันที่ 13 เดือน เมษายน ปี 2023 ซึ่งเธอเสียชีวิตไปในวันที่ 5 เดือนมกราคม ปี 2014 ครอบครัวของสาวน้อย Taylor…
-
22 สถานที่ต่างๆ รอบโลก ถึงแม้มันจะถูก ‘ทิ้งร้าง’ แต่ก็ช่างงดงาม น่าไปเที่ยวเหลือเกิน…
ถึงแม้ว่าจะมีความสวยงาม แต่ภายใต้ความสวยงามนั้นก็แอบให้ความรู้สึกเหงาและเศร้ามากมายเลยทีเดียว และสำหรับวันนี้ เราก็จะพาเพื่อนๆ ไปชม 22 สถานที่สวยๆ จากรอบโลกที่ถูกทิ้งร้าง จะสวยขนาดไหนนั้น เรามาดูกันเลย… ซากของปราสาทเก่าใน Sintra ประเทศโปรตุเกส โบสถ์ที่ถูกทิ้งร้างใน Detroit, USA โรงนาใน Colorado อุโมงค์รถไฟที่ไม่ได้ใช้งานแล้วใน Paris บ่อน้ำใน Sintra ในประเทศโปรตุเกส Belchite สถานที่ๆ ได้ชื่อว่า ‘เมืองผี’ ถูกทำลายในช่วงสงครามกลางเมืองประเทศสเปน บ้านในแถบชนบทของนอร์เวย์ เรือที่เกยตื้นใน County Louthประเทศไอร์แลนด์ โบสถ์ที่ถูกทิ้งร้างในประเทศฝรั่งเศส ภาพเขียนในโบสถ์ที่ถูกทิ้งร้าง ’Land of Oz’ สวนสนุกใน North Carolina ประเทศสหรัฐอเมริกา สะพานสู่สรวงสวรรค์ในฮาวาย เรือที่เกยตื้นใน Fuerteventura, Canary Islands ปราสาทที่ถูกทิ้ง Kopice ใน…
-
วันสุดท้ายของเจ้า ‘Daisy’ อดีตหมากู้ภัย ที่ต้องถูก ‘การุณยฆาต’ หลังปัญหาสุขภาพรุมเร้า !!
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ‘ชีวิตคือการผจญภัย’ และแน่นอนว่าสักวันหนึ่งมันก็ต้องจบลง เมื่อเราเดินทางไปถึงจุดหมาย หรืออาจจะจบลงระหว่างทางก็ไม่มีใครรู้ได้ ซึ่งก็เหมารวมไปถึงสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกใบนี้ด้วย เช่นเดียวกับเรื่องราวของเจ้าหมาพิทบูลที่ถูกเจ้านายสุดแสนใจดีช่วยเหลือมาจากสถานพักพิงสัตว์ และใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข แต่ด้วยสุขภาพร่างกายที่ทรุดโทรมเนื่องจากถูกโรคภัยรุมเร้า จนเจ้าของที่แสนดีเห็นแล้วว่ามันช่างไม่มีความสุขกับชีวิตเสียเลย พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะให้มันจากไปอย่างสงบ เจ้าหมาตัวนี้มีชื่อว่า Daisy เป็นสุนัขพันธุ์พิตบูลถูกช่วยเหลือโดยคุณ Nina มาตั้งแต่ปี 2002 เธอไปรับเจ้า Daisy มาจากสถานสงเคราะห์สัตว์ Riverside County Animal Shelter ในรัฐ California Nina ได้เล่าว่าในตอนแรกนั้นเธอไม่ได้ตั้งใจที่จะไปรับเจ้า Daisy มาเลี้ยง โดยเธอมีธุระที่จะต้องไปเกี่ยวกับงานที่จะต้องไปทำที่สถานสงเคราะห์สัตว์ แต่พอเดินผ่านกรงขังเจ้า Daisy กลับมีท่าทางเป็นมิตรและส่ายหางกระดุ๊กกระดิ๊กต่อเธอ จึงทำให้ Nina คิดว่าจะต้องพามันกลับไปด้วย จากนั้นพวกเขาก็ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข โดยในช่วงแรกนั้นเจ้า Daisy ดูจะมีการปรับตัวเข้ากับสุนัขตัวอื่นยากมากๆ เธอต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเพื่อทำให้มันคุ้นชินกับโลกภายนอกและสุนัขตัวอื่นๆ ด้วยการพามันออกไปเดินเล่นทุกวันเป็นเวลากว่า 8 ปี และเจ้า Daisy เองก็มีทวิตเตอร์เป็นของตัวเองด้วยนะ โดยมีคุณ Nina…
-
เมื่อ ‘สาวออทิสติก’ วัย 18 ปี ฉลองวันเกิดอย่างโดดเดี่ยว พี่สาวโพสต์ซึ้ง ขอกำลังใจชาวเน็ตหน่อย!!
สำหรับเด็กออทิสติกแล้ว คงไม่มีสิ่งไหนที่พวกเขาต้องการมากกว่าความรักและความใส่ใจจากคนรอบข้าง แต่จะเป็นเรื่องสุดสะเทือนใจขนาดไหน หากเด็กออทิสติกคนหนึ่งจัดงานวันเกิด แต่กลับไม่มีใครมาร่วมงานวันเกิดแม้แต่คนเดียว เรื่องราวดังกล่าวเป็นของ Hallee Sorenson เด็กสาวออทิสติกวัย 18 ปีคนหนึ่ง เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว เธอได้จัดงานวันเกิดครบรอบ 18 ปี โดยเชิญชวนเพื่อนร่วมชั้นเรียนมาร่วมเฉลิมฉลอง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ไม่มีเพื่อนคนไหนมาร่วมงานวันเกิดของเธอแม้แต่คนเดียว ทำให้เธอต้องนั่งเหงาๆ และร้องไห้อยู่กับเค้กและของกินเพียงลำพัง ภาพนี้ Hallee ถ่ายคู่กับคุณแม่ของเธอ นับจากวันนั้นเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้ว และวันเกิดของ Hallee ก็กำลังจะเวียนกลับมาอีกครั้ง Rebecca Lyn ลูกพี่ลูกน้องของเธอ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้นอีก เธอจึงออกมาเชิญชวนชาวเน็ต ให้ร่วมเฉลิมฉลองวันเกิดกับ Hallee “ทุกคนช่วยอ่านหน่อยนะ นี่คือลูกพี่ลูกน้องของฉัน Hallee เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักทั้งภายนอกและภายใน เธอสามารถทำให้ทั้งโลกสดใสด้วยรอยยิ้มของเธอ เธอเป็นคนที่เป็นห่วงเป็นใย สนุกสนาน ฉลาด และน่ารัก ฉันภูมิใจมากที่ได้เป็นญาติของเธอ เธอเป็นแค่ผู้หญิงโชคร้ายที่มีอาการออทิสติก แต่เธอไม่เคยปล่อยให้สิ่งนั้นมากำหนดชีวิตของเธอ นั่นคือสาเหตุที่ฉันไม่ค่อยบรรยายเธอด้วยคำนั้น (ออทิสติก) เท่าไหร่ ตอนนี้วันเกิดของ Hallee กำลังใกล้เข้ามาอีกแล้ว และฉันมีอะไรบางอย่างที่อยากขอจากพวกคุณ” …
-
สาวน้อยเสียพี่ชายไปจากอุบัติเหตุ… ต่อมา 10 ปี เพิ่งรู้ว่า ‘หัวใจ’ ของพี่ เต้นอยู่ในร่างหญิงอีกคน
ไม่มีใครบนโลกนี้หนีพ้น ‘ความตาย’ ไปได้ ทุกครั้งที่มันเกิดขึ้นก็มักจะนำพาความเจ็บปวดและเศร้าใจมาให้กับผู้คนรอบข้าง ซึ่งคนที่มีชีวิตอยู่ก็ทำได้เพียงแค่คิดถึงเท่านั้น… วันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวสุดซึ้งที่เกิดขึ้นในงานฉลองวันเกิดของสาวน้อยคนหนึ่ง ซึ่งพี่ชายของเขาเสียไปร่วม 10 ปี เป็นการเซอร์ไพรซ์วันเกิดที่จะทำให้เพื่อนๆ ต้องน้ำตาซึมอย่างแน่นอน สาวน้อย Monique Salinas และพี่ชายของเธอ Mikey ในงานฉลองวันเกิดเมื่อสมัยยังเด็กๆ แต่ความจริงมักเป็นสิ่งที่เลวร้ายเสมอ…เมื่อ 10 ปีที่แล้วหนุ่มน้อย Mikey เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ แน่นอนว่าทุกคนต้องเศร้าเสียใจเป็นอย่างมากโดยเฉพาะ Monique ที่ดูจะรักเขามากเป็นพิเศษ วันเวลาผ่านไปไม่มีวันใดที่คนในครอบครัวไม่คิดถึง Mikey เลย และในวันนี้ก็เป็นวันเกิดครบรอบ 15 ปีของ Monique ซึ่งตามประเพณีของชาวละตินแล้วเรียกว่า Quinceanera โดยจะมีการเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งในปาร์ตี้นี้ก็ได้มีการจัดเซอร์ไพรซ์ให้กับ Monique แน่นอนว่ามันเป็นอะไรที่สำคัญเป็นอย่างมาก และคงเป็นเรื่องที่เธอคาดไม่ถึงมาก่อน หลังจากที่ Mikey เสียชีวิตลง พ่อแม่ของเขาได้ตัดสินใจที่จะบริจาคอวัยวะให้กับทางโรงพยาบาล และหัวใจของเขาก็ถูกนำไปช่วยชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า Aubrey Reeves ซึ่งตอนนี้ Aubrey มีอายุ 18 แล้ว ซึ่งตอนนี้หัวใจที่เต้นอยู่ในร่างของเธอก็คือหัวใจของ…
-
อุทธาหรณ์…ภรรยาหลวงจับได้คาหนังคาเขาสามีแอบมีเมียน้อย…สุดท้ายถูกสามีขับรถชนดับ
เมื่อกล่าวถึงเรื่องของสามี-ภรรยา แล้วการมีเล็กมีน้อยนั้นถือว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เหตุเกิดมาจากความไม่พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่และมักมากจนเกินไป #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเหตุการณ์สุดสลด ไว้เป็นอุทธาหรณ์สอนใจเหล่าคู่สามีภรรยา ทั้งหลาย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เรื่องมีอยู่ว่าแฟนเพจเฟสบุ๊ค กลุ่มคนอาสา กู้ชีพ กู้ภัย Thailand ได้ทำการโพสท์รูปภาพและข้อความ การออกปฏิบัติภารกิจเมื่อช่วงเช้าตรู่ในที่ผ่านมา โดยให้แคปชั่นว่า… “เมื่อเวลา 04.45น.เช้าตรู่วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2559 หน่วยกู้ชีพนครสาเกตรับแจ้งมีเหตุสามีขับรถชนภรรยาเสียชีวิต ภายในถนนหมู่บ้าน บ้านดงเค็ง-แสบง ต.ปอภาร อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด หน่วยกู้ภัยนครสาเกต กู้ชีพ อบต.ปอภาร พันตำรวจตรี นรินทร์ นามบ้านค้อ สารวัตรเวร สภ.เมืองร้อยเอ็ด ชุดสืบสวนสุนสีห์ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิต นอนจมกองเลือดอยู่ ทราบชื่อ คือ นางดาวรุ่ง เทพเบตร์ อายุ39ปี อาศัยอยู่บ้านดอนไฮ ต.สวนจิก อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด ทางด้านสารวัตรเวรจึงประสาน นายแพทย์ บดินทร์ แพทย์เวรชันสูตรประจำวัน ร.พ.ร้อยเอ็ด เดินทางมาชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการตาย แต่แพทย์เวรได้สั่งให้นำศพผู้ตายเข้ามาชันสูตรที่ ร.พ.ร้อยเอ็ด อีกครั้ง…
-
อุทธาหรณ์การฝากแมวไว้กับร้านรับเลี้ยง…ผ่านไปไม่ถึง 2 ชั่วโมง ทางร้านแจ้งมาว่าแมวตาย!?
ปัจจุบันมีธุรกิจรับฝากสัตว์เลี้ยงในบ้านเราโผล่ขึ้นมามากมาย ซึ่งก็อำนวยความสะดวกให้กับเหล่าคนรักหมารักแมวทั้งหลาย ได้ออกไปทำธุระข้างนอกบ้านอย่างสบายใจ โดยไม่ต้องเป็นห่วงหรือพะวงเกี่ยวกับเจ้าหมาหรือเจ้าแมวที่บ้าน วันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวที่เป็นอุทธาหรณ์สำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังทำธุรกิจรับฝากสัตว์เลี้ยง หรือเพื่อนๆ ที่ใช้บริการสถานรับฝากสัตว์เลี้ยงอยู่บ่อยๆ มาเล่าให้ฟัง เรื่องมีอยู่ว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ NingNing Dee ได้โพสท์เรื่องราวลงในกลุ่ม ทาสแมว โดยเล่าว่าทาสแมวคนหนึ่ง ซึ่งเป็นพี่สาวที่ทำงานของเขา ได้นำแมวไปฝากไว้กับร้านรับฝากเลี้ยง แต่ผลปรากฎว่าผ่านไปยังไม่ถึง 2 ชั่วโมง ทานร้านกลับไลน์มาแจ้งบอกเจ้าทาสว่า ‘แมวตายแล้ว!?’ หลังจากที่โพสท์นี้ถูกแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก ทางร้านรับเลี้ยงก็ได้ออกมาโพสท์ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว ตามนี้… สรุปได้คร่าวๆ ว่าหลังจากที่พนักงานเปิดกรงเพื่อที่จะนำมันออกมาแล้ว เจ้าเหมียวก็วิ่งหนี และพยายามมุดหน้าต่างเพื่อกระโดดออกจกตึกชั้น 5 ซึ่งพนักงานก็พยายามจะจับแมวเพราะกลัวว่ามันจะตกลงไป จึงใช้มือจับเข้าที่หางของมันแต่ก็ถูกมันกัดเข้าให้ พร้อมกับโพสท์รูปแผลของพนักงานที่โดนเจ้าเหมียวกัด ทำให้ต้องเปลี่ยนมาใช้เชือกคล้องคอดึงมันขึ้นมา แต่พอดึงขึ้นมาได้แล้วแมวกลับมีอาการดิ้นและชัก เจ้าของร้านจึงรีบโทรหาเจ้าของเพื่อให้มาพาแมวไปหาหมอ หลังผ่านไป 1 ชั่วโมงลูกค้าจึงมาถึง และพบว่าเจ้าเหมียวได้ตายลงแล้ว ทำให้ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย โดยส่วนมากออกไปในทางตำหนิทางร้านรับฝากเลี้ยงกันอย่างหนักหน่วง… …
-
เรื่องราวอันแสนเศร้าของเด็กๆ ผู้อพยพชาวซีเรีย ที่เกิดมาก็รู้จักแต่ชีวิตระหกระเหินเพื่อหนีภัยสงคราม…
สำหรับคำว่า ‘สงคราม’ แน่นอนว่าคงไม่มีคนดีๆ ที่ไหนชอบ เพราะว่าสงครามทุกสงครามล้วนแต่นำไปสู่ความสูญเสีย และชีวิตของผู้บริสุทธิ์เท่านั้น และที่หนักกว่านั้นคือทุกสงครามล้วนเกิดจากการขัดผลประโยชน์ของกลุ่มคนส่วนหนึ่งเพียงเท่านั้น… สถานการณ์ของโลกปัจจุบันคงไม่มีประเทศไหนที่จะหนักหนาไปกว่าซีเรียอีกแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการถือกำเนิดของกลุ่ม ISIS ในแถบนี้ ซึ่งทำให้ประชากรในพื้นที่ต้องกลายเป็นคนไร้บ้านและผู้อพยพจนต้องแตกกระจายไปใช้ชีวิตในหลายๆ ประเทศ และที่สำคัญที่สุดก็คือ ในจำนวนผู้อพยพเหล่านั้นมีเด็กๆ ด้วยล่ะ… ผู้อพยพของซีเรีย จากข้อมูลของ U.N. รายงานว่าเด็กๆ จำนวนกว่า 3.7 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 เกิดในช่วงที่สงครามปะทุขึ้นในประเทศ และมากไปกว่านั้นเด็กๆ กว่า 306,000 ราย พอลืมตาดูโลกก็อยู่ในสถานะ ‘ผู้อพยพ’ ซะแล้ว และก็ได้ใช้ชีวิตแบบนั้นเรื่อยมาอย่างไม่มีทางเลือก… เด็กๆ กว่าร้อยละ 80 ของประเทศ หรือราวๆ 8.4 ล้านคนกำลังได้รับผลกระทบจากสงครามที่ระอุขึ้นในประเทศ ทำให้ต้องเดินทางลี้ภัยกระจัดกระจายไปตามประเทศต่างๆ จากการรายงานของ U.N. และมากไปกว่านั้น เด็กๆ ว่า 1,500…
-
20 มุมคิ้วท์ๆ ของบ้าน ที่บังเอิญมีใบหน้าเหมือนคน แถมแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าออกมาได้ด้วยนะเออ
หลายคนอาจจะไม่เคยสังเกตบ้านของตัวเองสักเท่าไหร่ ซึ่งนั่นมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ถ้าวันไหนมีเวลาว่างๆ ก็ลองสังเกตรอบๆ บ้านดูบ้างก็ดีนะ ไม่แน่นะว่าบ้านที่คุณอยู่ในทุกๆ วัน บางมีมันอาจจะมีสิ่งน่าสนใจบางอย่างที่เรามองข้ามไปก็ได้ ดังเช่นภาพของบ้านเหล่านี้ ที่ดูภายนอกมันก็เหมือนบ้านทั่วๆ ไป แต่คุณลองดูดีๆ สิว่าลักษณะโดยรวมของมันมีทั้งตา หู ปาก จมูก แถมยังดูเหมือนว่ามันกำลังสื่ออารมณ์ออกมาเลยละ แล้วบ้านของคุณละเป็นแบบนี้บ้างหรือเปล่า หลังนี้มองไกลๆ ดูเหมือนกำลังทำหน้าแบ๊วๆ อยู่นะว่ามั้ย มันเป็นเรื่องบังเอิญ หรือตั้งใจกันแน่ ชัดเจน เจอแบบนี้ตอนกลางคืนคงวิ่งแทบไม่ทัน โอ๊ะโอ…สงสัยอะไรกัน หน้าเหวอก็มี ตกใจอะไรหรอ มันกำลังสื่ออะไรนะ เพื่อนๆ ช่วยบอกทีจิ บ้านของคุณสื่ออารมณ์ได้แบบนี้หรือเปล่า เห้ย!! เหมือนมีฟันด้วยละ 😀 ดูๆ ไปก็น่ารักดีเนอะ มุมคิวท์ๆ ของบ้าน หาดูไม่ได้ง่ายๆ…
-
เพลงเศร้าไม่ได้หดหู่เสมอไป เพราะงานวิจัยชิ้นใหม่ชี้ “เพลงเศร้า” สามารถเพิ่มสุขภาพจิตที่ดีได้
หากจะพูดถึงเพลงที่ช่วยให้เรารู้สึกสดชื่น รู้สึกกระปรี้กระเปร่า อย่างเช่นเพลง Happy ของ Pharrell Williams ที่ไม่ว่าได้ยินตอนไหนคุณก็รู้สึกอยากขยับแข้งขยับขาและแหกปากร้องตาม แต่จากงานวิจัยชิ้นใหม่จากต่างประเทศชี้ว่า “เพลงเศร้า” ก็สามารถเสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดีได้ไม่แพ้เพลงให้กำลังใจหรือเพลงสนุกๆ เลยนะ ย้อนไปในปี 2014 มีนักวิจัยที่ชื่อว่า Liila Taruffi และ Stefan Koelsch จากมหาวิทยาลัย Freie ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน ได้ทำการศึกษาและค้นคว้าเกี่ยวกับเพลงเศร้าและเหตุผลที่พวกเราชอบฟังมันจากกลุ่มคนกว่า 770 คนทั่วโลก และเมื่อทั้งคู่หาข้อสรุปได้แล้ว พวกเขาก็นำมันไปตีพิมพ์ลงในนิตยสาร PLOS ONE ทั้งนี้พวกเขาค้นพบว่าโดยรวมแล้วเพลงเศร้าสามารถทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกในเชิงบวกได้ เช่นความสงบ ความสามัคคี ความเมตตา นอกจากนี้งานวิจัยยังพบอีกว่าเพลงเศร้าทำให้คนเรารู้สึกเห็นอกเห็นใจมากขึ้น นั่นก็เพราะว่าเนื้อเพลงทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับศิลปินได้มากขึ้นนั่นเอง เราจึงสามารถที่จะได้สัมผัสกับความโศกเศร้าในจิตใจโดยไม่ต้องมี “ประสบการณ์ในชีวิตจริง” เช่นการจากลากับคนรัก หรือการตายจากกันไปก็ได้ การบริหารสุขภาพจิตดังกล่าวทำให้เราสามารถเข้าถึงตัวเราเองและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นได้ในเวลาที่พวกเขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเพลง, คำพูด, หรือศิลปะ เราก็สามารถเชื่อมต่อกับมันได้หากมันมีความเกี่ยวข้องกับเรา มันเกือบจะเหมือนกับการเข้าร่วมกลุ่มแลกเปลี่ยนปรับทุกข์กัน เพราะแต่ละคนจะมีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกันและแบ่งปันมันให้กับคนอื่นๆ ในกลุ่ม ทุกๆ คนจะได้อะไรดีๆ…
-
น่าจ๋งจ๋านเหลือเกิน เหมียวพาไปรู้จักเจ้า Bum แมวที่ทำหน้าเศร้าเหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลา
เราเคยได้เห็นเจ้าเหมียวหน้าโกรธอย่าง Grumpy Cat มาแล้ว วันนี้แอดเหมียวจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับแมวในขั้วตรงข้ามกันบ้าง เพราะเจ้าเหมียวที่จะพาไปรู้จักในวันนี้ เป็นเจ้าเหมียวหน้าเศร้า ที่ไม่ว่าทำอะไรก็เหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลา เจ้าเหมียวที่พูดถึงนี้มีชื่อว่าเจ้า Bum มันเป็นแมวที่โด่งดังในโลกออนไลน์ที่ทุกคนจะรู้จักมันในฉายา “เหมียวขี้กังวล” มันเป็นแมวไร้เจ้าของที่อาสัยอยู่ในศูนย์ดูแลสัตว์ และเมื่อมันมีอายุได้ 4 สัปดาห์ ก็มีคนมารับมันไปเลี้ยงดู เมื่อมันโตขึ้น เจ้าของก็เริ่มสังเกตเห็นใบหน้าอันเศร้าสร้อยของมัน (ซึ่งจริงๆ มันอาจจะไม่ได้เศร้าอยู่) ทำให้พวกเขาหลงรักมันเข้าอย่างเต็มเปา เพราะมันแสดงสายตาได้เว้าวอน เหมือนกำลังกังวลหรือเสียใจอะไรสักอย่าง ทั้งนี้เจ้าของที่รับมันมาเลี้ยงได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “เจ้า Bum มักจะขี้อายกับผู้คนใหม่ๆ แต่ถ้ามันรู้จักคุณแล้วมันจะขี้อ้อนเป็นที่สุด มันชอบเข้ามาปลุกเราในตอนเช้า และนอนหลับอยู่ใต้ผ้าห่ม แถมเขายังรักแมวตัวอื่นๆ ด้วยนะ โดยเฉพาะลูกแมว” หากใครชื่นชอบเจ้า Bum และอยากจะติดตามชีวิตความเป็นอยู่ และรูปภาพฮาๆ ของมัน ก็ไปกดติดตามได้ที่ IG @worried_cat_aka_bum เลยนะจ๊ะ โอ๋เอ๋ ไม่ร้องน้าไม่ร้อง…
-
หากกำลังเครียดเชิญทางนี้ รวม 15 เคล็บลับง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณผ่านพ้นช่วง “จิตตก” ไปได้
ไม่ใช่ทุกวันหรอกนะ ที่เราจะสามารถยิ้มแย้มร่าเริงได้ทุกวัน มันจะต้องมีวันที่เรารู้สึกแย่ รู้สึกเครียด รู้สึกจิตตกกันบ้าง บางคนอาจจะหาวิธีแก้ด้วยการทำสิ่งต่างๆ เพื่อให้ตัวเองลืม แต่กับบางคนมันกลับเป็นเรื่องที่ยากมาก หากคุณรู้สึกแย่และไม่รู้จะหาทางออกยังไง วันนี้แอดเหมียวมี 15 วิธีดีๆ ในการฟื้นฟูตัวเองมาให้ได้อ่านกัน ขอบอกว่าง่ายมากๆ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย 1. ดื่มน้ำเยอะๆ ในน้ำมีออกซิเจน ช่วยให้สมองปลอดโปร่งมากขึ้น 2. จัดที่นอนใหม่ เพราะเตียงนอนคือที่พักผ่อนสำหรับคุณ หากมีสิ่งสกปรกหรือเตียงยับยู่ยี่ ก็อาจทำให้คุณหงุดหงิดได้ 3. อาบน้ำ ชำระล้างร่างกาย ถูสบู่สระผมให้เรียบร้อย เมื่อคุณเนื้อตัวสะอาด ร่างกายผ่อนคลาย อะไรๆ มันก็จะดีเอง 4. หาของว่างกิน (แต่ไม่ใช่อาหารขยะนะ) เติมพลังให้ตัวเองสักนิดจะได้สดชื่น (แต่อย่ากินเยอะไปนะ) 5. ออกไปเดินเล่น สูดอากาศภายนอก ให้สายตาได้พักผ่อน 6. เปลี่ยนเสื้อผ้า การสวมใส่เสื้อผ้าสวยๆ สามารถช่วยให้คุณอารมณ์ดีขึ้นได้นะ 7. เปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง…
-
สะเทือนใจ…ตำรวจเมกันนอนปลอบประโลมม้าเพื่อนรัก ก่อนที่มันจะหมดลมหายใจ
กลายเป็นภาพสุดสะเทือนใจสำหรับผู้พบเห็น เมื่อทางกรมตำรวจ Houston ได้แชร์ภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งกำลังปลอบประโลมม้าเพื่อนรักของเขา ในช่วงลมหายใจสุดท้ายของมัน เจ้าม้าลาดตระเวนตัวนี้มีชื่อว่า Chalotte วัย 6 ปี ขณะที่มันกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น มันเกิดอาการตกใจ และวิ่งออกไปที่ถนน จนถูกรถบรรทุกชน แม้จะทราบว่า มันคงไม่มีทางรอดแน่ๆแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ D Herrejon ปฏิเสธไม่ยอมไปโรงพยาบาล ทั้งที่ประสบอุบัติเหตุเช่นกัน แต่คอยอยู่ปลอบประโลมเพื่อนรักเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่มันจะจากโลกนี้ไป หลังจากนั้น ทางกรมตำรวจ Houston ก็ได้เผยแพร่คำสดุดีแก่เจ้า Charlotte หลังจากมันได้ปฏิบัติหน้าที่มาอย่างยาวนาน พร้อมทั้งบอกว่า พวกเขาจะคิดถึงมันตลอดไป น่าเศร้าจังเลยเนอะ แต่สุดท้ายมันก็ไปดีแล้ว ขอให้เธอจากไปอย่างสงบนะ แล้วพวกเราจะคิดถึงเธอตลอดไป ที่มา itv
-
ฝูงวัวยืนล้อมและร่วมไว้อาลัยเพื่อนวัวที่จากไปจากการถูกรถชนในฮ่องกง น่าสงสารเหลือเกิน!!
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ต่างๆ สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตนั้นมีความรู้สึกเหมือนกัน ทั้งมีความสุขหรือโศกเศร้าเสียใจ เช่นเดียวกันกับฝูงวัวเหล่านี้ ที่ยืนล้อมและร่วมไว้อาลัยแก่การจากไปของเพื่อนวัวตัวหนึ่งที่ถูกรถชน เหตุการณ์อันน่าเศร้านี้เกิดขึ้นที่ฮ่องกง เวลาประมาณ 7.30 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น เกิดเหตุรถชนวัวตัวหนึ่งทำให้มันได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ขาขวาด้านหน้า และมีเลือดไหลออกจากทางปาก ซึ่งหลังจากนั้นผู้ที่ขับรถชนก็ได้หยุดรถและโทรเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมายังที่เกิดเหตุ ภายหลังไม่นานนัก วัวตัวหนึ่งก็ได้ร้องโหยหวนและเรียกเพื่อนๆ ที่เหลือออกมาช่วยกันใช้หัวดันเพื่อนที่จากไปออกไปจากถนน แต่ก็ไม่อาจทำได้สำเร็จ พวกมันจึงยืนล้อมและร่วมไว้อาลัยแก่การจากไปของเพื่อนที่ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว ผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งเล่าว่า ‘พวกมันพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว พวกมันก็ยังยืนอยู่รอบๆ บริเวณ พยายามปลุกเพื่อนให้ลุกขึ้น แม้จะนานแค่ไหนก็ตาม’ ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามไล่ต้อนฝูงวัวให้ออกไปจากที่เกิดเหตุและได้ทำการเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว แต่ภาพโศกนาฏกรรมที่เห็นนั้นช่างน่าเศร้า แม้แต่สัตว์ก็ยังมีความสึกเช่นเดียวเหมือนกับมนุษย์ 大黃牛遭四驅車撞死 同伴不離不棄 目擊者阿Ben見到時,牛牛仲企喺度苦苦掙扎到我哋同事趕到時牛牛終於支持唔住佢嘅同伴亦唔忍心離去……R.I.P【大黃牛遭四驅車撞死 同伴不離不棄】http://bit.ly/1MpjzGN====================跟實我哋【 現場 - 蘋果突發】就知更多社會事#牛牛 #萬物皆有情 Posted by 現場 - 蘋果突發 on Sunday, November 1, 2015 ที่มา…
-
ชมคลิปสุดเศร้าของนกน้อยพยายามจะ “บอกลา” เพื่อนที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
การสูญเสียใครสักคนไป ถือเป็นช่วงเวลาที่ทำใจได้ยากจริงๆ ไม่ใช่เฉพาะคนเท่านั้นที่มีความรู้สึกนี้ สัตว์ก็เช่นเดียวกัน… ได้มีงานเขียนหนึ่งที่ได้พูดเกี่ยวกับความเศร้าของสัตว์ Marc Bekoff ซึ่งเขาได้ศึกษามาทางด้านการใช้อารมณ์ของสัตว์ ซึ่งในบทความ “Grief in animals: It’s arrogant to think we’re the only animals who mourn” ได้พูดถึงการแสดงออกทางความเศร้าว่าสัตว์จะทำการส่งเสียงคร่ำครวญเป็นเสียงแหลมหรือหอน ซึ่งการสูญเสียนั้นก็เกิดขึ้นได้หลายทาง ทั้งตายตามธรรมชาติ หรือจะตายจากการถูกล่าจากห่วงโซ่อาหาร อีกทั้ง Bekoff ยังได้อ้างงานของ Jane Goodall นักมานุษยวิทยา ที่ได้ทำการสำรวจลิงชิมแปนซีที่ชื่อว่า ฟลิ้นต์ มันไม่ยอมกินอาหารอะไรเลยหลังจากที่แม่ของมันได้ตายจากไป และสุดท้าย มันก็ตายตามแม่ของมัน อีกทั้งสุนัขจิ้งจอกก็มีพิธีกรรมหลังจากที่พวกพ้องของมันได้ตาย วันนี้เหมียวก็ได้มีคลิปสุดแสนสะเทือนใจของนกตัวหนึ่งที่พยายามจะบอกลาเพื่อนของมันที่ได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว เห็นแล้วสงสารจริงๆ Inna Lillahi wa inna ilaihi raji’u Posted by Muksadul Alam Suikat on Sunday, November 1, 2015…
-
ภรรยา ‘Robin Williams’ แฉสาเหตุการตายที่แท้จริงของสามี ปิดตำนาน ‘ตัวตลกแสนเศร้า’ เหยื่อของสื่อทั่วโลก!!!
อีกหนึ่งเรื่องราวที่เราอยากเอามานำเสนอกัน เกี่ยวกับเรื่องสื่อและโฆษณาชวนเชื่อ ที่มีให้เห็นกันอยู่ทั่วโลก และแน่นอนเวลาจะเชื่ออะไรเราก็ต้องใช้วิจารณญาณ หาข้อมูลจากหลายๆ แหล่งมาประกอบกันนะจ๊ะ เวลามีคนดัง หรือคนมีชื่อเสียงตาย แน่นอนว่าต้องมีการสร้างสตอรี่ของพวกเขา เพื่อให้เกิดเป็นกระแสเต้าข่าวขายไปทั่วโลก และในกรณีของ ‘Robin Williams’ ดาวตลกชื่อดังของโลกที่ฆ่าตัวตาย พวกเขาได้เลือกใช้เรื่องราวของ ‘ตัวตลกผู้แสนเศร้า’ ที่ปิดบังความเศร้าไว้เพื่อสร้างความสุขให้กับคนอื่นๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นทุกข์และไม่เคยมีความสุขเลย… ทายสิ มันได้ผลมากๆ และแน่นอนคนทั่วโลกเชื่อกันแบบนั้นเป็นตุเป็นตะ หรือที่จริงแล้วมันอยู่ในพันธุกรรมของพวกเราที่ชอบและคลั่งไคล้ในเรื่องดราม่า?? คราวนี้พายุสื่อก็โหมไฟกันให้แซ่ดว่าดาวตลกผู้น่าสงสารฆ่าตัวตายเพราะโรคซึมเศร้า ในมุมซ่อนเร้นที่เราไม่ได้เห็นกันมาก่อน…แต่ใช่เรื่องจริงหรือเปล่าล่ะ!!? ตำนานเกี่ยวกับตัวตลกแสนเศร้านั้น ที่จริงมีส่วนถูกอยู่ แต่น้อยมาก เพราะล่าสุดทาง Susan Williams ได้มาขอความเป็นธรรมให้กับสามีผู้ล่วงลับของเธอ ว่าเขาไม่ได้ฆ่าตัวตายเพราะเป็นโรคซึมเศร้า แต่เพราะทรมานจากโรคร้ายหลายๆ โรคต่างหาก!!! ตำนานตัวตลกผู้แสนเศร้า… ทั้งโรคอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน ภาวะสมองเสื่อม โรคบ้า รวมถึงโรคจิตเภทต่างหาก ส่วนภาวะโรคซึมเศร้านั้น เป็นเพียงสาเหตุเล็กๆ เท่านั้น เพราะอาการอื่นน่ะหนักหน่วงกว่ามากๆ เรื่องที่ว่าเขาเป็นตัวตลกผู้แสนเศร้าที่สลดหดหู่ใจคนทั้งโลกนั้น กลับเป็นเรื่องราวที่เสริมเติมแต่งขึ้นมาให้ไข่คว้าความสนใจจากผู้เสพข่าวเสียมากกว่า ถ้าในมุมมองของตลกแล้ว ถ้ามีคนมาบอกว่าคุณตลกเพราะว่ามีอาการทางจิตที่ผิดปกติ คุณก็จะเกิดความเชื่อมั่นแบบผิดๆ จะไม่ไปหาหมอและขอความช่วยเหลือในเรื่องนั้นๆ…
-
อย่าไปน้า… ชมคลิปเจ้าหมาที่น่าสงสารตัวนี้ “ร้องไห้” ทุกครั้งที่ไปส่งเพื่อนที่โรงเรียน
การจากลาเป็นเรื่องที่เศร้านะ ไม่ว่าจะลาโดยที่เรารู้หรือไม่รู้ก็ตาม มันก็ต้องมีช่วงเวลาที่ต้องคิดถึงคนคนนั้นบาง ไม่ใช่เฉพาะคนเท่านั้นที่รู้สึกถึงการจากลาได ้สุนัขก็รู้สึกเช่นด้วยกัน คลิปนี้อัพโหลดโดย 1626gaby เมื่อเธอได้ขับรถไปส่งลูกชายไปโรงเรียน พร้อมกับสุนัขตัวนี้ที่เธอได้รับมันมาเลี้ยง มันได้แสดงออกอย่างมากว่าไม่อยากให้ลูกของเธอไปโรงเรียนเลย ด้วยการพยายามมองตามลูกของเธอตลอดเวลา ไม่นะ… อย่าจากผมไป แต่เธอก็บอกแล้วนะว่าเดี๋ยวตอนเย็นก็จะกลับมา แต่ดูเหมือนว่าหมาตัวนี้จะยังไม่ชินกับการจากลาเท่าไหร่ เราไปชมคลิปสุดแสนน่ารักอันนี้เลยดีกว่า เหมียวว่าหมาทุกตัวก็เป็นนะ เวลาเราจะไปไหนแต่ละที่ แต่ไม่ได้เอามันไปด้วย เพียงแต่เราต้องทำบ่อยๆ ไปกลับให้ตรงเวลา เพื่อที่ว่านานๆไปมันจะเรียนรู้เองว่าเราจะมีธุระเวลานี้ แล้วมันก็จะไม่งอแงอีก ที่มา 1626gaby
-
เจ้าตูบจรถูกรับเลี้ยงราวกับได้ชีวิตใหม่ แต่กลับต้องใจสลาย เมื่อครอบครัวมีความจำเป็นต้องส่งคืนศูนย์ดูแล เพราะมีลูกน้อย
สำหรับเรื่องนี้เหมียวก็อยากบอกกับทุกๆ คนว่า สัตว์เลี้ยงก็มีความรู้สึกนึกคิด และที่สำคัญ มีหัวใจเหมือนกันนะเออ และเรื่องนี้จะทำให้เพื่อนๆ สลดใจกันเลยล่ะ เจ้า Lana สุนัขจรจัดที่เคยอยู่แถวกองขยะมาก่อน ถูกช่วยเหลือให้มาพักพิงในศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Mighty Mutts ในประเทศแคนาดา และเมื่อมันอายุได้ 5 เดือนครึ่ง ก็ได้มีครอบครัวหนึ่งรับมันไปเลี้ยง ปัญหามันเกิดตรงที่ พอครอบครัวนั้นส่งเจ้าตูบคืนศูนย์ช่วยเหลือนี่สิ เจ้าตูบออกอาการเศร้าแบบสุดๆ มาถึงจุดนี้หลลายๆ คคงจะคิดว่าครอบครัวนี้ทำไมแย่จัง แต่ลองฟังเหตุผลกันก่อน สาเหตุที่ต้องส่งเจ้าตูบคืนก็เพราะว่าครอบครัวมีลูกอ่อน และสัญชาตญาณระวังภัยของเจ้า Lana ที่รุนแรงเกินไปตั้งแต่ครั้งเป็นลูกหมาตัวน้อยในกองขยะที่ต้องแย่งชิงอาหารกับเหล่าพี่น้องตลอดเวลา ภาพนี้ถูกถ่ายได้ตอนที่ครอบครัวของมันนำมาส่งคืนที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ ราวกับเหมือนมันจะบอกว่า โลกทั้งใบของมันได้พังทลายลงไปเสียแล้ว มันแทบไม่มีแรงลุกยืนขึ้นเพื่อออกไปเดินเล่นเลยทีเดียว จนศูนย์ต้องติดต่อให้ทางพนักงานที่เคยดูแลเจ้าตูบตอนยังเป็นหมาตัวน้อยแล้วมายังศูนย์ดูแลใหม่ๆ เพื่อมาดูแลมัน ถึงมีอาการดีขึ้น ก็น่าเห็นใจกันทั้งสองฝ่ายอ่ะนะ ทั้งเจ้าตูบและก็ครอบครัวด้วยล่ะ สำหรับตอนนี้เจ้า Lana ก็มีอาการดีขึ้น ร่าเริงขั้น เป็นลำดับ ข่าวดีก็คือ ตอนนี้เจ้า Lana กำลังมีผู้เหมาะสมติดต่อเข้ามาแล้วล่ะ และแน่นอนมันกำลังจะได้บ้านใหม่ในไม่ช้า เหมียวก็ขอให้แกมีความสุขกับครอบครัวใหม่นะจ๊ะ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักเอ็งหรอกนะ…
-
มะเร็งร้ายพรากชีวิตภรรยาไปจากอ้อมแขนของสามี หลังจากแต่งงานกันได้เพียง 6 สัปดาห์!!
จุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตคู่ และเป็นความฝันอันสูงสุดของผู้หญิงที่จะได้ใส่ชุดเจ้าสาวในวันแต่งงาน ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ เรื่องราวของ Courtney Webb วัย 27 ปี ที่ได้พบกับความสุขที่ดีที่สุดในชีวิตกับการได้แต่งงานกับแฟนหนุ่ม Bill ที่คบหาดูใจกันมานานมากถึง 11 ปี โดยเชื่อว่าความรักที่เกิดขึ้นกับทั้งสองคือความรักที่แท้จริงเปรียบเป็นดั่งคู่ชีวิตของกันและกัน และในที่สุดความฝันก็เป็นจริง ทั้งสองก็ได้แต่งงานกันในที่สุด ผู้ร่วมงานและเจ้าบ่าว เจ้าสาว ต่างก็มีความสุขเป็นอย่างมาก แต่ภายหลังจากที่เริ่มต้นชีวิตคู่แต่งงานกันได้เพียง 6 สัปดาห์เท่านั้น ความสูญเสียก็มาเยือนอย่างไม่คาดฝัน มะเร็งร้ายได้พรากชีวิต Courtney ไปจาก Bill ซึ่งในตอนนี้เขากลายมาเป็นพ่อม่ายที่สูญเสียสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตไป โดยเขากล่าวเอาไว้ว่า ‘เธอซบที่หน้าอกของผมและเผลอหลับอยู่ภายใต้อ้อมแขนของผมเป็นประจำเหมือนกับหลายครั้งที่ผ่านมา’ ‘แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งไหน เพราะเธอไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว และผมไม่รู้ว่าผมจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร โดยที่ไม่มีเธอ แต่ผมยังคงจดจำวันที่เรามีความสุขที่สุดได้อยู่เสมอ’ Courtney เสียชีวิตภายในบ้านของครอบครัวเธอ หลังจากที่ต่อสู้กับโรคมะเร็งร้ายมาอย่างยาวนานถึง 8 เดือนด้วยกัน โดยที่มะเร็งร้ายก่อตัวขึ้นจากไต ก่อนที่จะลุกลามเข้าสู่กระแสเลือด ตับ และหัวใจของเธอ …
-
เชิญรับชม 19 ภาพสุดขำของพวกมนุษย์ และสัตว์โลก ที่จะทำให้ทุกคนหัวเราะไปทั้งวันแน่นอน!!
หากใครที่กำลังรู้สึก เบื่อ เศร้า เหงา เซ็ง เชิญทางนี้ได้เลยจ้า เพราะในวันนี้เหมียวจะขอมามอบความสุข และความฮาให้กับเพื่อนๆ ทุกคน โดยการพามาชม 19 ภาพฮาๆ ของพวกมนุษย์ และสัตว์ ที่มักจะแสดงพฤติกรรมแปลกๆ มาให้เราได้ชมกันเสมอ ขอบอกเลยว่าใครที่ได้ชมภาพเหล่านี้ จะต้องหัวเราะจนกรามค้างแน่นอน เอิบ!! ดูจากสภาพแล้ว น่าจะอยู่มานานเหมือนกันนะเนี่ย ดูเหมือนว่าเจ้าหมาอยากจะเข้ามาเล่นกับน้องเหมียวซะเหลือเกิน นี่มันเจ๋งสุดๆ ไปเลย น่ารักน่าชังจริงๆ หลุดมาจากที่ไหนเนี่ย ขอแย่งซีนหน่อยน้า เจ้าลิงจอมป่วน ทำของเลอะเทอะไปหมดเลย ใครจะเก็บละทีนี้ รู้นะว่ามองอะไรกันอยู่ ฮ่าๆ ท่านชายจะเข้าห้องน้ำทั้งทีต้องฝ่าดงชั้นในผู้หญิง!! เห็นหรือยังละว่า หมา เป็นสัตว์ที่สร้างความฮาได้ตลอดเวลาจริงๆ เจอแบบนี้เข้าไป ฮากระจายกันเลยทีเดียว พวกเธอดูแข็งแกร่งกันเกินไปแล้ว ที่มา : ebaumsworld
-
น้ำตาจะไหล เมื่อได้ชมชุดภาพถ่าย ‘ภาพแรก & ภาพสดท้าย’ ของเจ้าของและสัตว์เลี้ยง ก่อนบอกลากัน
ความผูกพันธ์ของเจ้าของและสัตว์เลี้ยงนั้นเริ่มก่อตัวตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกัน ร่วมทุกข์และร่วมสุขด้วยกันทุกวัน แต่เมื่อพบก็ต้องมีจาก เมื่อถึงเวลาของเหล่าสัตว์เลี้ยงที่มีอายุขัยอันแสนสั้น จึงกลายมาเป็นรูปภาพที่ถ่ายร่วมกับเจ้าของเป็นครั้งสุดท้าย และทุกตัวจะอยู่ในความทรงจำของเจ้าของตลอดไป ‘จากการทักทายครั้งแรกนำไปสู่การบอกลาครั้งสุดท้าย เป็นสุนัขที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเลี้ยงมา’ ‘ด้วยความรักและความห่วงใยที่มีให้ตลอดช่วงเวลาดีๆ ที่ยังอยู่ด้วยกัน’ ‘เจ้าเหมียวขี้บ่น Cassie เสียไปเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เรายังคงคิดถึงเธออยู่เสมอ’ ‘ภาพแรกและภาสุดท้ายของสุนัขอันเป็นที่รักของผม’ ‘วันแรกและวันสุดท้ายที่เราได้อยู่ด้วยกัน’ ’14 ปีแห่งมิตรภาพอันสวยงาม ขอให้ไปสู่สุขตินะเจ้า Docker’ ‘ภาพแรกและภาพสุดท้ายของเจ้า Steve Holt แล้วฉันจะคิดถึงแกนะ’ ‘ภาพแรกและภาพสุดท้ายของฉันกับเจ้า Kilo ขอให้ไปสู่สุขคตินะสหายตัวน้อย’ ‘ภาพแรกของเราทางด้านซ้าย และมันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป’ ‘เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา ฉันรักเธอมาก และฉันจะคิดถึงเธอ’ ‘ภาพแรกและภาพสุดท้ายที่เราอยู่ด้วยกัน เจ้าเหมียว Mortimer’ ‘นี่คือภาพแรกและภาพสุดท้ายของเจ้าเหมียวของฉัน’ ‘นี่คือภาพแรกและภาพสุดท้ายที่เราได้เก็บเอาไว้ตลอดระยะเวลา 16…
-
ภาพน่ารักปนเศร้าของ “จิงโจ้น้อยกำพร้า” ที่แค่อยากจะกอดตุ๊กตาหมี
ใครๆก็ต้องการเพื่อนกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม่แต่เหล่าสัตว์ทั้งหลาย อย่างเช่นเจ้าจิงโจ้น้อยตัวนี้ Tim Beshara ที่ปรึกษาแห่งวุฒิสมาชิกกรีนส์แห่ง Tasmania Peter Whish-Wilson ได้ทวีตภาพของจิงโจ้ตัวนี้ซึ่งเป็นจิงโจ้กำพร้า กำลังกอดตุ๊กตาหมีอย่างแนบแน่นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เจ้าจิงโจ้ตัวนี้มีชื่อว่า “ดูเดิลบั๊ก” อยู่ภายใต้การดูแลของ Gillian Abbott ซึ่งเป็นแม่ของ Tim นั่นเอง อาศัยอยู่ที่ นิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย Tim กล่าวกับสำนักข่าว Daily Mail ว่า “บางทีเขาอาจจะตกลงมาจากกระเป๋าของแม่แล้วพลัดหลงหรือบางทีแม่ของมันก็อาจจะตายแล้ว” เธอยังกล่าวอีกว่าเจ้า “ดูเดิลบั๊ก” นี้ได้เข้ามาอยู่ในการควบคุมของแม่เขาและได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี และตอนนี้มันก็กระโดดไปเที่ยวในป่า แล้วก็กลับมาเพื่อกินอาหาร หรือไม่ก็หาเพื่อตุ๊กตาหมีตัวนี้ ดูจากภาพแล้วรู้สึกน่ารักปนเศร้าๆยังไงไม่รู้เนอะ ก็คงเหมือนเด็กทั่วไปนั่นแหละมั้ง ที่อยากมีของเล่นเป็นเพื่อนของเราเอง ที่มา boredpanda
-
เจ้าลิงอุรังอุตังตัวน้อย ‘ใจสลาย’ หลังจากที่แม่ของมันถูกฆ่า แถมยังตรอมใจหนัก ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ
ช่างเป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้าจริงๆ สำหรับเรื่องราวของเจ้า Udin ลูกลิงอุรังอุตังตัวน้อย ที่ต้องสูญเสียแม่อันสุดที่รักของมันไปจากการถูกแทงหรือถูกยิงตาย ซึ่งทำให้เจ้า Udin ถึงกับตรอมใจ และไม่ยอมกินข้าวกินน้ำกันเลยทีเดียว โถ…น่าสงสารจริงๆ ใบหน้า และแววตาอันสุดเศร้าของมัน ทำเอาคนรักสัตว์ทั้งหลายถึงกับใจสลายแทนเลยนะเนี่ย TT หลังจากที่แม่ของมันถูกฆ่าตาย เจ้า Udin ตัวน้อย ก็ถูกขายให้กับชาวสวน โดยเขาได้จับมันไปเป็นสัตว์เลี้ยงโดยให้มันอยู่ในกรงเล็กๆ ยังไงล่ะเหมียว แต่เมื่อเจ้าหน้าที่จาก IAR (หน่วยช่วยเหลือสัตว์) ได้พบมัน พวกเขาก็ทำการช่วยเหลือเจ้า Udin ตัวน้อย และนำตัวมันไปยังศูนย์ช่วยเหลืออุรังอุตังในบอร์เนียว ถือว่าเป็นโชคดีของแกแล้วนะเจ้า Udin ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้บอกอาการของมันว่า เจ้า Udin อยู่ในสภาพที่โศกเศร้า ไม่ยอมกินน้ำ และอาหาร แถมยังพยายามที่จะตายหลายครั้งอีกด้วย และแน่นอนว่าพวกเขาไม่อาจทนเห็นมันอยู่ในสภาพนี้ได้เลย ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามช่วยกันฟื้นฟูสภาพจิตใจของมัน และคอยดูแลมันอย่างใกล้ชิด แถมยังให้สัตวแพทย์พามันไปนอนด้วย เพื่อทำให้มันรู้สึกเหมือนตอนที่มันยังมีแม่อยู่ยังไงล่ะ และในตอนนี้อาการของเจ้า Udin…
-
16 ภาพสุดเย็นยะเยือก ของฤดูหนาวในออสเตรเลีย ที่เห็นแล้ว…หดเลย
เพื่ออรรถรสในการรับชม เหมียวขอแนะนำให้เพื่อนๆ เปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำ จนตัวเองรู้สึกหนาว แล้วดูในผ้าห่ม…มันฟินไปแบบสุดๆ เลยล่ะเชื่อเหมียว อิอิ ว่าแล้วก็มาดูกันได้เลย!!! หิมะตกหนามากในประเทศออสเตรเลีย จนบางที่หิมะถมหนากว่า 20 ซม. เลยล่ะ ใครอกหักนี่มีน้ำตาไหลกันบ้างอ่ะ สวยแบบเศร้าๆ เหงาๆ แต่ถนนก็ยังได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ถมม้านั่งไปเลย -*- ยิ่งกลางคืนยิ่งตกหนัก ไม่เห็นป้ายเลยทีเดียว สถานีรถไฟ… วันนี้คงไม่ได้เล่นเทนนิสแล้วล่ะ เสียดายที่บ้านเราไม่มีสภาพอากาศแบบนี้ อื้อหือออ ต้นไม้ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ตุ๊กตามนุษย์น้ำแข็ง Do you want to build a snowman!!? เหมียวว่าเริ่มรู้สึกหนาวละนะ >< นี่มันมอเตอร์ไซค์ของคริสแพลท ในจูราสสิคเวิร์ลรึเปล่าเนี่ย!!? โถๆๆๆ…
-
ภาพถ่าย Close-Up เผยใบหน้าอันเศร้าหมองของน้องหมาจรจัด น้องๆ ต้องการบ้านอยู่!!
ผลงานอันน่าทึ่งของช่างภาพนามว่า Traer Scott กับการถ่ายภาพหน้าของสุนัขจรจัดอย่างใกล้ชิด ที่เปิดเผยให้เห็นถึงความเศร้าในดวงตาของเหล่าสุนัขจรจัด เพราะสิ่งที่ขาดก็คือความต้องการความรักและการดูแลเอาใจใส่ของมนุษย์นั่นเอง Scott นั้นต้องการที่จะช่วยเหลือเจ้าสุนัขจรจัดเหล่านี้ ด้วยการถ่ายภาพและถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกที่มีไปยังผู้คนที่ยังพอสามารถดูแลสุนัขได้นำไปเลี้ยง โดยหวังว่าจะสามารถหาบ้านให้กับเจ้าสุนัขเหล่านี้ได้ทุกตัว ที่มา : designtaxi
-
น่าสงสาร….รวม 20 ปฏิกิริยาของสัตว์เลี้ยง หลังรู้ว่าเจ้าของกำลังจะไปเที่ยว!!
หากเราต้องไปเที่ยว แปลว่าเหล่าสัตว์เลี้ยงของเรา ต้องอยู่เฝ้าบ้านคนเดียวเป็นเวลาหลายวัน จึงไม่แปลกอะไร หากมันรู้ว่าเจ้าของมันต้องไม่อยู่บ้านนานๆ จะแสดงปฏิกิริยาเช่นนี้ออกมา ไปชมกันเลยว่าจะน่ารักขนาดไหน!!! ผมได้ไปด้วยใช่ป่าว… ฉันไม่ชอบแบบนี้เลย!! ทำไมทำกับผมแบบนี้ ไม่ต้องเอาอะไรไปเยอะหรอก เอาผมไปก็พอ เขาไม่ว่าอะไรหรอกฮะ ตัวผมเล็กนิดเดียว เดี๋ยวผมนอนในนี้รอเลยนะ มองตาผมสิ แค่บอกว่าผมเป็นตุ๊กตา ก็ไปได้สบายละฮะ ขอปาดน้ำตาก่อนนะ ถ้าจะให้ผมไป ก็ปลุกแล้วกัน.. พอดีเป๊ะเลย ดูสิ ผมเข้าไปได้พอดีเป๊ะ ให้ผมไปด้วยน้า จะไปแล้วเหยออออ… ไม่มีผมคงจะดีกว่าสินะ เฮ้ออออออ…สุดท้ายก็ต้องอยู่คนเดียว แฮร่ ให้ผมไปด้วยนะครับ ไม่ให้ไป เราขาดกัน ไม่มีใครเห็นแน่ๆ ผมพร้อมแล้ว ไปกันเลย…