Tag: เสี่ยงชีวิต

  • ‘คุณปู่’ วัย 90 ปี ยอมเสี่ยงชีวิต โดดลงไปช่วยเหลือเด็กน้อยที่กำลังจะจมน้ำ

    ‘คุณปู่’ วัย 90 ปี ยอมเสี่ยงชีวิต โดดลงไปช่วยเหลือเด็กน้อยที่กำลังจะจมน้ำ

    ร่างกายของเรามีวันเสื่อมสลายตามกาลเวลา แต่ความดีนั้นจะยังคงฝังแน่นอยู่กับคนคนนั้นไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตาม และการทำความดีของชายชราคนนี้คือข้อพิสูจน์ของความคิดนั้น นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2018 ในเมือง Santai ประเทศจีน เด็กน้อยวัยขวบครึ่งคนหนึ่งกำลังปั่นจักรยานเล่นอยู่แถวริมแม่น้ำ แต่แล้วก็เกิดอุบัติเหตุผลัดตกลงไปด้านล่าง     ด้วยความกลัว เขาจึงร้องขอความช่วยเหลือจากคนเดินผ่านไปมา จนทำให้คุณปู่วัย 90 ปีที่บังเอิญได้ยินเข้า รีบวิ่งไปหาเด็กเท่าที่ตัวเองจะสามารถวิ่งได้ไหว ก่อนที่จะกระโจนลงไปช่วยเหลือเด็กคนนั้น แล้วคุณปู่ก็สามารถช่วยเด็กน้อยขึ้นมาจากน้ำได้สำเร็จ ส่วนตัวเองนั้นก็ได้รับการช่วยเหลือจากชาวบ้านที่ตามมาทีหลัง ทำให้ทั้งคู่ไม่ได้รับอันตรายใดๆ เลย   คลิปในตอนที่ชาวบ้านคนอื่นๆ ตามมาช่วย    คุณปู่ได้พูดทิ้งท้ายกับแม่ของเด็กคนนั้นว่า “ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมพอทำได้ ถ้าผมตายไปมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เด็กน้อยไม่ควรจะได้รับในสิ่งนั้น” แล้วคุณปู่ก็ค่อยเดินจากไป ลองคิดดูว่าคุณปู่วัย 90 ปี เดินเหินปกติยังอาจจะไม่ค่อยไหว แต่ความดีที่แกมีติดตัวมาตลอดนั้นทำให้ไม่สามารถเมินเฉยต่อเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเด็กคนนั้นได้จริงๆ   ที่มา: medium

  • อ้ออ๊อย!! เจ้าเสือดาวพลัดตกลงไปในบ่อน้ำ ทำหน้าตาน่าสงสารจนมนุษย์ต้องช่วยเหลือไว้

    อ้ออ๊อย!! เจ้าเสือดาวพลัดตกลงไปในบ่อน้ำ ทำหน้าตาน่าสงสารจนมนุษย์ต้องช่วยเหลือไว้

    ด้วยความไม่รู้ภาษีภาษาของสัตว์ ทำให้บางครั้งมันก็มักจะพาตัวเองไปเผชิญอันตรายต่างๆ ด้วยความไร้เดียงสาและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของมัน และเมื่อเห็นสัตว์กำลังตกอยู่ในอันตรายซึ่งถ้าหากไม่ได้รับการช่วยเหลือก็อาจจะเสียชีวิต มีหรือที่มนุษย์โลกผู้มีจิตใจอารีอย่างเราๆ จะไม่ช่วยเหลือแม้ว่าสัตว์ที่ต้องช่วยนั้นจะเป็นสัตว์ป่าที่ขึ้นชื่อว่าดุร้ายอย่างเสือก็ตาม   แง ช่วยหนูด้วย   ตามรายงานในประเทศอินเดีย มีสัตว์มากกว่า 1,500 ตัวต้องเสียชีวิตจากการพลัดตกไปในบ่อน้ำซึ่งมีมากในประเทศอินเดียเมื่อช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมืองกูวาฮาติ ในรัฐอัสสัม ประเทศอินเดียและได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา เมื่อมีเสือดาวตัวหนึ่งเกิดพลัดตกลงไปในบ่อน้ำที่มีความลึกมากถึง 9.1 เมตรและกำลังร้องขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน   สถานที่เกิดเหตุคือรัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย   โดยชาวบ้านที่พบเห็นได้คาดการณ์เอาไว้ว่าเจ้าแมวยักษ์ตัวนี้ น่าจะพลัดตกลงไปในบ่อน้ำเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมงแล้ว และเมื่อมาพบเสือตัวนี้อยู่ในบ่อน้ำเข้า พวกเขาก็ไม่รอช้าที่จะโทรแจ้งผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ให้มาช่วยเสือตัวนี้ออกจากบ่อน้ำนี้ทันที เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงพวกเขาก็สรรหาวิธีที่จะนำเสือดาวตัวนี้ขึ้นมาให้ได้ แต่ด้วยความที่มันเป็นสัตว์ที่มีสัญชาตญาณเพชฌฆาตอยู่ทำให้การช่วยเหลือมันเป็นไปด้วยความลำบาก และต้องระวังตัวอยู่เสมอ ซึ่งต่างจากการช่วยแกะ ช่วยแพะที่ไม่มีภัยอันตรายเป็นอย่างมาก   โดยปกติมันน่ากลัวใช่ไหมล่ะ   ซึ่งหลังจากหาวิธีการช่วยเหลือมานาน พวกเขาก็ตกลงกันว่าเพื่อความปลอดภัยของทั้งคนและทั้งเสือ พวกเขาจะยิงยากล่อมประสาทไปที่ตัวเสือก่อนเพื่อให้มันไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ได้หลังจากนั้นก็จะส่งคนลงไปอุ้มมันขึ้นมา   ในตอนนี้ไร้ซึ่งพิษภัยใดๆ   สำหรับผู้โชคดีที่ได้ลงไปสัมผัสเสือตัวเป็นๆ ก็คือ Dr. Bijoy Gogoi สัตวแพทย์มืออาชีพ เขาลงไปด้วยการปีนบันไดลงไปพร้อมกับกำเชือกในมือเพื่อจะผูกเสือตัวนี้แล้วให้คนช่วยดึง และเมื่อลงไปด้านล่างแล้วเขาก็พบว่าเจ้าเสือได้เชื่องเป็นแมวหงอยจากฤทธิ์ของยากล่อมประสาทนั่นเอง  …

  • รู้จักอาชีพ “ทำความสะอาดท่อระบายน้ำ” ในบังกลาเทศ ต้องผจญสิ่งสกปรกด้วยตัวเปล่า…

    รู้จักอาชีพ “ทำความสะอาดท่อระบายน้ำ” ในบังกลาเทศ ต้องผจญสิ่งสกปรกด้วยตัวเปล่า…

    ในการทำงานที่มีความเสี่ยงสูงต่อชีวิตอย่างเช่นการปีนเสาไฟฟ้า การขุดอุโมงค์ หรืองานก่อสร้างต่างๆ ย่อมมีมาตรฐานในการดูแลผู้ปฏิบัติงานกันอยู่แล้ว แต่ว่ามาตรฐานที่ว่านี้จะสูงมากน้อยแค่ไหนอันนี้ก็คงต้องแล้วแต่กฎหมายของประเทศนั้นด้วย และหนึ่งในอาชีพที่ต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานนั่นก็คือนักดำน้ำ!! อ่า..หลายคนอาจจะงงว่าอาชีพนักดำน้ำนี่มันอันตรายตรงไหนฟระ?? ใจเย็นๆ ยังบอกไม่หมดเลย กำลังจะบอกว่านักดำน้ำในท่อระบายน้ำเพื่อกำจัดสิ่งปฏิกูลที่เข้าไปติดค้างในท่อต่างหากล่ะ     เมื่อไม่นานมานี้ทางเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานเรื่องของชายหนุ่มชาวบังกลาเทศท่านหนึ่ง ซึ่งประกอบอาชีพเป็นพนักงานกำจัดของเสียในบ่อเกรอะของบริษัททำความสะอาดแห่งหนึ่งในเมื่อง Dhaka งานของเขาคือการดำลงไปในท่อระบายน้ำที่เต็มไปด้วยของเสียที่ตั้งอยู่หลายแห่งทั่วเมือง พร้อมกับไม้หนึ่งด้ามเพื่อจัดการกับของเสียอย่างเช่นขยะ เศษอาหาร และสิ่งปฏิกูลมากมายที่ไหลมาจากบ้านเรือนในเมืองนี้ แล้วมันทำให้ท่ออุดตัน ชายหนุ่มต้องดำลงไปในบ่อที่เต็มไปด้วยของเสียต่างๆ และต้องตักของเสียทั้งหมดที่อยู่ในท่อขึ้นมาด้วยมือเปล่า โดยปราศจากเครื่องป้องกันอย่างเช่นหน้ากาก หรือชุดคลุม     เมือง Dhaka มีประชากรมากถึง 14 ล้านคน และมักจะประสบกับปัญหาน้ำท่วมอยู่บ่อยๆ เนื่องจากขยะในเมืองที่มากมายทำให้ท่ออุดตัน และระบายน้ำไม่ทัน ตอนนี้ถึงแม้จะมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากอาชีพล้างท่อนี้เป็นจำนวนมาก แต่ทางบริษัทก็ยังคงไม่มีมาตรการในการให้ความปลอดภัยในการทำงานของพวกเขาแต่อย่างไร   และต่อไปนี้คือภาพของคนงานที่กำลังทำหน้าที่ของพวกเขา โดยปราศจากเครื่องป้องกัน   คนงานมีเพียงไม้ไผ่หนึ่งแท่งและตัวเปล่า เพื่อทำความสะอาดของเสียที่อยู่ในท่อ   คนงานยังคงดำลงไปในท่อ ถึงแม้พวกเขาจะรู้ดีว่าสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในท่อนั้นสามารถทำให้เขาตายได้   เขาต้องดำลงไปเพื่อจัดการกับของเสียที่อยู่ในท่อนี้โดยไม่มีหน้ากากหรือชุดเพื่อป้องกันเลย .   ความปลอดภัยในการทำงานของพวกเขาต่ำมากจนน่าตกใจ!! แม้จะมีเสียงวิจารณ์ถึงการที่ต้องทำงานเสี่ยงๆ แบบนี้โดยไม่มีเครื่องป้องกันอะไร แต่ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยที่ต่ำของข้อกฎหมายและบริษัท รวมถึงความจำเป็นในการหาเลี้ยงปากท้องของพนักงาน ทำให้งานเช่นนี้ก็ยังคงอยู่ต่อไป…. ที่มา dailymail

  • จำได้ไหม!? ภาพหนูน้อยซีเรียผู้บาดเจ็บ ตอนนี้อาศัยกับครอบครัว และดูดีขึ้นมากจริงๆ

    จำได้ไหม!? ภาพหนูน้อยซีเรียผู้บาดเจ็บ ตอนนี้อาศัยกับครอบครัว และดูดีขึ้นมากจริงๆ

    ช่วงที่เกิดสงครามซีเรีย หลายคนอาจจะจำหน้าของ Omran Daqneesh คือหนุ่มน้อยวัย 5 ขวบ ที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความรุนแรงที่เกิดขึ้น ภาพของหนูน้อยที่ชวนให้คนทั้งโลกรู้สึกสลดใจ ก็คือภาพตอนที่เจ้าตัวถูกช่วยเหลือออกมาจากพื้นที่สงคราม และได้รับผลกระทบจากความรุนแรงโดยมีคราบเลือด และบาดแผลติดเต็มใบหน้าเขาไปหมด ลิ้งค์ข่าวเดิม หนุ่มน้อย 6 ขวบที่เคยเขียนจดหมาย ขอให้เด็กซีเรียมาอยู่ด้วย ตอนนี้ได้เข้าพบ Obama แล้ว   ถ้าใครนึกไม่ออก.. ก็หนูน้อยคนนี้ไงล่ะ ที่ภาพของเขาโด่งดังไปทั่วโลก   ชีวิตของเด็กคนหนึ่งที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนท่ามกลางสงครามอันแสนโหดร้ายไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หนุ่มน้อยต้องสูญเสียพี่ชายวัย 10 ขวบ ไปจากการโจมตีครั้งรุนแรง ทว่าปัจจุบันหนูน้อยได้ย้ายไปอาศัยอยู่กับครอบครัวของเขา โดยทีมงานสำนักข่าวท้องถิ่นได้เข้าไปสัมภาษณ์หนูน้อย และพบว่าเขามีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากพอสมควร     โดยก่อนหน้านี้ทางครอบครัวปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อทุกเจ้า เพราะพวกเขากลัวว่าจะกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตของครอบครัวตัวเอง ล่าสุดพวกเขายอมให้สื่อเข้าพบ และถ่ายทอดชีวิตของพวกเขาออกมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเจ้าหนูจะเปลี่ยนไปจนเราแทบจำไม่ได้เลยล่ะ   แต่ถึงกระนั้นก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย ว่าภาพถ่ายของหนูน้อย Omran อาจเป็นเพียงเครื่องมือของกองทัพสหรัฐฯ ที่นำมาใช้สำหรับการโฆษณาชวนเชื่อให้คนทั้งโลกเห็น     แต่ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง ขอแค่ตอนนี้หนุ่มน้อยปลอดภัย และไม่ต้องเสี่ยงชีวิตกับสงครามอีก ก็ดูจะเป็นอะไรที่โอเคแล้วล่ะ   ในโลกที่เต็มไปด้วยการก่อการร้ายและสงคราม เมื่อไหร่น้อ… ที่มันจะสงบสุขซักที…

  • เรื่องราวของ “สไปเดอร์แมนจีน” อาชีพเสี่ยงชีวิตปีนป่ายหน้าผา เพื่อเก็บขยะนักท่องเที่ยว!!

    เรื่องราวของ “สไปเดอร์แมนจีน” อาชีพเสี่ยงชีวิตปีนป่ายหน้าผา เพื่อเก็บขยะนักท่องเที่ยว!!

    ทุกคนคงจะรู้จักสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นในหนังกันอยู่แล้ว คงไม่ต้องอธิบายให้มากความก็รู้ว่าความสามารถของพี่แกมีอะไรบ้าง และไม่น่าเชื่อว่าที่ประเทศจีน ก็มีสไปเดอร์แมนกับเค้าเหมือนกัน แต่เวอร์ชั่นนี้ไม่ได้ปีนป่ายตึกจับโจร หากแต่พ่อหนุ่มเขาเลือกที่จะปีนป่ายหน้าผาเพื่อทำความสะอาดสถานที่ท่องเที่ยวแทน   สื่อจีนรายงานว่า ได้มีการว่าจ้างคนทำความสะอาด อนุสรณ์สถานบนหุบเขา Meng ในจังหวัดซานตง มาตั้งแต่ปี 2012 แล้ว   สถานที่ดังกล่าว เป็นสถานที่ๆ มีนักท่องเที่ยวชาวจีนต่างเข้ามาเยี่ยมเยียนเป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี ปัญหาที่ตามมาก็คือ จำนวนขยะที่ถูกทิ้งเรี่ยราดมีมากเกินไป จนทำให้ทัศนียภาพของสถานที่แห่งนี้ดูไม่สวยงาม ซึ่งทำให้ผู้ดูแลสถานที่ปิ๊งไอเดียที่จะว่าจ้างชายหนุ่มผู้มีใจกล้า ไม่กลัวความสูง ให้มารับหน้าที่สวมชุดสไปเดอร์แมน และห้อยโหนทำความสะอาดเก็บขยะตามหุบเขา   โดยจะได้เงินทั้งหมด 50,000 บาท เป็นค่าตอบแทนสำหรับการทำงานหนึ่งวัน แต่จะไม่รับประกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้   Peng Wen หนึ่งในชายที่ทำงานอยู่ใต้ชุดสไปเดอร์แมนมานานกว่า 17 ปี ได้เล่าว่า การที่นักท่องเที่ยวได้เห็นภาพของสไปเดอร์แมนเสี่ยงชีวิตอยู่บนหน้าผา เพื่อเก็บเศษขยะที่พวกเขาทิ้งลงมา ช่วยทำให้ปัญหาขยะลดลงได้จริง ‘ตอนนี้ผมไม่ต้องเสี่ยงชีวิตบ่อยเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว จำนวนขยะลดน้อยลง นักท่องเที่ยวตระหนักถึงเรื่องนี้มากขึ้น ซึ่งผมเชื่อว่ามันเป็นเพราะชุดสไปเดอร์แมนที่ดูเตะตาเนี่ยแหละ’ เจ้าตัวให้สัมภาษณ์   ต้องโหนตัวจากหน้าผาลงไปเก็บขยะที่ติดอยู่ตามซอกหิน   เมื่อมองดูจากระยะไกล นักท่องเที่ยวจะสังเกตเห็นสไปเดอร์แมนห้อยโหนเก็บขยะอยู่อย่างยากลำบาก   ซึ่งต้องถือว่าเป็นอีกวิธีการแก้ปัญหาที่ค่อนข้างจะได้ผล หลังจากที่ชาวเมืองต้องเห็นภาพสไปเดอร์แมนเก็บขยะอย่างทุลักทุเล…

  • คุณป้าเสี่ยงชีวิตลุยฝ่าเปลวเพลิง เพื่อช่วยเหลือแมวเหมียว 24 ชีวิต ที่ติดอยู่ในตึกไฟไหม้!!

    คุณป้าเสี่ยงชีวิตลุยฝ่าเปลวเพลิง เพื่อช่วยเหลือแมวเหมียว 24 ชีวิต ที่ติดอยู่ในตึกไฟไหม้!!

    บางทีเมื่อเกิดเหตุการณ์สุดวิสัยอย่าง ‘ไฟไหม้’ หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรง เหล่าสัตว์โลกตัวน้อยอย่างแมวเหมียวผู้น่ารัก มักจะต้องการความช่วยเหลือจากสัตว์ใหญ่อย่างมนุษย์เราอยู่เสมอ จากรายงานของเว็บไซต์คนรักแมว LoveMeow ได้รายงานเรื่องราววีรกรรมความกล้าหาญของคุณป้า ‘Jean Favini’ ประธานผู้ก่อตั้ง ‘Oasis for Animals’ ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์แห่งรัฐวอชิงตัน   คุณป้าผู้กล้าหาญ และหนึ่งในแมวเหมียวที่เธอช่วยเอาไว้ได้ทัน   เรื่องราวทั้งหมดมีอยู่ว่า วันหนึ่งที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ของคุณป้านั้น จู่ๆก็เกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจร เกิดเพลิงไหม้ขึ้นมาอย่างรวดเร็วบนชั้นบนสุด ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของแมวจำนวนหนึ่ง “อยู่ดีๆก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น พอเราออกไปดูก็เห็นไฟกำลังลุกลามอยู่ตรงชั้นบนสุด ที่ๆเราเอาแมวเหมียวจำนวนหนึ่งไปพักผ่อนไว้ ควันดำลุกโชยอย่างรวดเร็ว ฉันคิดแค่ว่า เราไม่มีเวลาแม้แต่ 1 นาที เพื่อช่วยเหลือเจ้าแมว ถ้าไม่รีบไปตอนนี้ พวกมันทุกตัวอาจจะไม่รอด” คุณป้าให้สัมภาษณ์กับ Love Meow   การที่ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว เพราะทั้งชั้นเต็มไปด้วยซองอาหารแมว และวัสดุพลาสติก ซึ่งทำให้เพลิงไหม้ครั้งนี้ มีแต่ควันสีดำลุกทั่วไปหมด ราวกับอยู่ในนรก   ทันทีที่เกิดเหตุ เธอรีบโทรแจ้ง 911 และเจ้าหน้าที่ได้บอกให้เธอรออยู่ด้านนอก แต่เธอรู้ดีว่าแมวเหมียวทุกตัวที่เธอช่วยเหลือมากับมือ อาจจะต้องสำลักควัน จนเสียชีวิต เธอจึงเอาผ้าเช็ดตัวชุบน้ำปิดหน้าเธอไว้ และรีบวิ่งฝ่าเข้ากองไฟที่กำลังลุกลามอย่างรวดเร็ว…

  • อดีตทหารหนุ่มกับภารกิจลับ ยอมเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือน้องหมา ในดินแดนตะวันออกกลาง!!

    อดีตทหารหนุ่มกับภารกิจลับ ยอมเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือน้องหมา ในดินแดนตะวันออกกลาง!!

    ถ้าพูดกันถึงเรื่องศักดิ์ศรีของชายชาติทหารแล้ว พวกเขาพร้อมที่จะยอมเอาตัวเองไปเสี่ยง เพื่อเป็นรั้วของชาติ คอยปกป้องรักษาประเทศให้มีแต่ความสงบสุข แต่สำหรับอดีตชายชาติทหารอกสามศอกอย่าง Robert Misseri ถึงแม้จะปลดประจำการแล้ว แต่อุดมการณ์ที่อยากจะมอบความสงบสุข และช่วยเหลือสัตว์โลกของเค้ายังคงอยู่ จึงกลายเป็นที่มาของกลุ่ม ‘Guardian of Rescue’   และสำหรับภารกิจลับที่เหล่าทหารต้องทำให้สำเร็จครั้งนี้ นั่นก็คือการย้อนกลับไปในแถบตะวันออกกลาง ซึ่งไม่ระบุว่าแถวไหน ส่วนเป้าหมายที่ต้องจัดการ นั่นก็คือเจ้าหมาตัวเดียวที่ยังรอดชีวิตมาได้ ‘Ghost’ ภารกิจครั้งนี้ไม่ใช่การฆ่าแกงกันหรอกนะ แต่เป็นการเข้าไปช่วยเหลือและหาบ้านหลังใหม่ให้มันต่างหากล่ะ   ภาพของเจ้า Ghost และลูกๆของมัน น่าเศร้าที่ลูกของมันถูกชาวบ้านแถวนั้นกำจัดไปทีละตัว สองตัว   ทันทีที่พวกเค้าเดินทางมาถึงฐานทัพทหารในตะวันออกกลาง พวกเค้าก็รีบออกตามหาเจ้า ‘Ghost’ ทันที และโชคดีที่พบว่ามันยังคงอาศัยอยู่แถวนั้น ถึงแม้ว่าจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ตามลำพัง เจ้าหมาดูผอมซูบ ราวกับว่ามันไม่ได้รับการดูแลที่ดี และไม่มีใครให้อาหารมันมาหลายวันแล้ว และสิ่งที่พวกเค้าต้องการ ก็คือพามันกลับบ้าน ไปอยู่อย่างมีความสุข     “ตอนนี้พวกมันกำลังตกอยู่ในภาวะที่เสี่ยงมากๆ มันไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ไกล และไม่มีใครดูแล ทางเดียวที่จะช่วยได้นั่นก็คือ ส่งคนที่ไว้ใจได้ เข้าไปพาเจ้าหมาออกมา” Robert กล่าว แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าออกได้อย่างง่ายดายเหมือนไปบ้านเพื่อน เพราะเขตที่พวกเขาต้องการเข้าไป…

  • Adham ชายผู้เสี่ยงชีวิตไป ‘แจกตุ๊กตา’ ให้เด็กในเมือง Aleppo ของซีเรีย เพื่อเยียวยาจิตใจพวกเขา

    Adham ชายผู้เสี่ยงชีวิตไป ‘แจกตุ๊กตา’ ให้เด็กในเมือง Aleppo ของซีเรีย เพื่อเยียวยาจิตใจพวกเขา

    ในสังคมเราทุกวันนี้ มีน้อยคนนักที่ยอมเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อความสุขของคนอื่น และพวกเขาเหล่านี้ก็สมควรแก่การยกย่องด้วย Rami Adham เขามีเชื้อสายฟินนิช-ซีเรียน และเป็นพ่อของลูกๆ 6 คน เขาในวัย 44 ปี ได้ลักลอบนำของเล่นไปยังเมือง Aleppo ประเทศซีเรีย ซึ่งเขาได้เดินทางไปซีเรียเกือบ 30 ครั้ง ตั้งแต่เกิดสงครามใน 6 ปีที่ผ่านมา…   เมื่อทางสำนักข่าว NBC ถามว่า ‘ทำไมต้องเสี่ยงชีวิตไปที่นั่นด้วย?’ เขาตอบว่า “เด็กๆ เหล่านั้นต้องสูญเสียสิ่งที่พวกเขาควรได้ในวัยเด็ก และนี่ก็เป็นปีที่หกแล้วที่ต้องอยู่ท่ามกลางสงคราม ดูเหมือนว่าผู้คนจะลืมพวกเขาแล้วด้วย”   Miral Khalagi วัย 4 ขวบ ที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย ในเมือง Idlib ประเทศซีเรีย เธอสูญเสียพ่อแม่ เมื่อกลุ่มคนติดอาวุธบุกเข้ามาในบ้านของเธอ และฆ่าพ่อของเธอต่อหน้า ก่อนที่เธอจะหนีออกมากับปู่ ส่วนแม่ถูกจับตัวไปและไม่ได้เจอกันอีกเลยตั้งแต่นั้นมา เดือนก่อนหน้านี้ Adham ไปเดินทางไปยังซีเรียเป็นครั้งที่ 28 พร้อมของเล่นมากมาย และเขาก็ได้ให้ของขวัญพิเศษกับ Miral ด้วย เป็นม้าโพนี่สีม่วง และเธอก็รับไปพร้อมรอยยิ้มที่สดใส     “พวกเขาไม่เพียงแต่รับตุ๊กตาไปเพราะความชอบเท่านั้น แต่พวกเขารู้สึกว่าได้รับกำลังใจและมีคนสนับสนุนพวกเค้าวอยู่ และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะอยู่กับพวกเขาที่นี่”  …

  • 26 ภาพความลำบากของอาชีพ ‘ตากล้อง’ ที่กว่าจะได้ภาพดีๆ อาจต้องเสี่ยงชีวิตกันเลยทีเดียว!!!

    26 ภาพความลำบากของอาชีพ ‘ตากล้อง’ ที่กว่าจะได้ภาพดีๆ อาจต้องเสี่ยงชีวิตกันเลยทีเดียว!!!

    บางทีการที่จะได้ภาพถ่ายดีๆ มาสักภาพ ก็เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญสุดๆ ซึ่งเราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าระหว่างเหตุการณ์นั้น เราจะเจออะไรบ้าง และนี่คือ 26 ภาพสุดเซอร์ไพร้ซ์ ของชีวิตการทำงานช่างภาพ ที่หลายๆ คนอาจไม่เคยรู้มาก่อน มาดูกันเลย!!! ตายละหว่าาาา!!! ขออีกรูปละกัน ไหนๆ ดูซิว่าสวยมั้ย แพ็คคู่ ฟินไปอีกกกก เสียววววว ตายละตรู !@#@#%%*(**() เป็นนางแบบมั้งเนี่ย ตายจริงๆ -*- จะเอาชัดแค่ไหน พอดีเลย รักกล้องเท่าชีพ ยิ้มให้กล่องหน่อยจ้าาาา ฟินๆ กันกับพระอาทิตย์ยามเช้า กลัวไม่ได้ภาพที่ดี …………… หนีสิเพื่อน หนี!!! ชั้นเห็นแกนะ!!! เจ้าตัวน้อย หนีเร้ววววว คลาสสิกมาก ลุงคนนี้ก็ถ่ายลุงข้างบนรึเปล่า!? หนีสิค้าบบบบ กังฟูคิก เหมียวเซเลป ลงทุนมาก เผ่นให้ป่าราบบบบ กว่าจะได้ภาพสวยๆ ซักภาพนี่นะ >< เหมียวเข้าใจแล้ววววววววว ที่มา: Distractify

  • คลิปนี้จะทำให้คุณรู้ว่า บางครั้งตากล้องก็ต้องเสี่ยงชีวิต เพื่อให้ได้ภาพเจ๋งๆไม่กี่ภาพ!!!

    คลิปนี้จะทำให้คุณรู้ว่า บางครั้งตากล้องก็ต้องเสี่ยงชีวิต เพื่อให้ได้ภาพเจ๋งๆไม่กี่ภาพ!!!

      หลายคนๆอาจจะมองว่าอาชีพตากล้อง เป็นอาชีพง่ายๆ ที่แค่ถือกล้องไปมาแล้วก็ถ่ายภาพ เท่านั้นก็ได้เงิน แต่ความเป็นจริงแล้ว มันไม่ใช่แค่นั้น กว่าที่พวกเขาจะได้ภาพมาแต่ละภาพ ต้องใช้ความทุ่มเท ความพยายามมากมาย บางครั้งรวมถึงการเสี่ยงชีวิตอีกด้วย อย่างเช่นตากล้องคนนี้ที่มีนามว่า Joe McNally เขาได้ปีนขึ้นไปบนจุดที่สูงที่สุดของตึก Burj Khalifa ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกขณะนี้ เพื่อเก็บภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจให้เราได้ชม   เริ่มแรกเขาขึ้นลิฟต์ของแขกขึ้นไป   แล้วก็ต่อด้วยลิฟต์อีกตัวเพื่อไปยังจุดชมวิว   ถึงจุดชมวิวแระ   ติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยให้เรียบร้อย   ได้เวลาปีนขึ้นไปที่ยอดของตึกละ โดยใช้บันไดซ่อมบำรุง   พอถึงแล้วก็ปีนออกไปนอกตัวอาคาร   ไปชมคลิปเต็มๆเลย ใครกลัวความสูงแนะนำอย่าดู เพราะมันเสียวมากกกกก   อื้อหือ ต้องทุ่มเทกันขนาดนี้เลยล่ะ เห็นแล้วเสียวแทนเลย เกิดเชือกขาดนี่คือจบเลย บอกแล้วว่าชีวิตตากล้องไม่ได้ง่ายอย่างที่ทุกคนคิดหรอกนะ ที่มา Joe McNally