Tag: เสี่ยงดวง
-
หนุ่มจีนอาศัยอยู่ใต้สะพานนานนับสิบปี พยายามฝึกวิชาถอดรหัส ‘หวย’ หวังรวยทางลัด
หากพูดถึงลาภลอยนั้น ก็เป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครๆ ต่างก็อยากได้ทั้งนั้น เพราะเราอาจจะเป็นเศรษฐีได้โดยไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลยทั้งสิ้น ดังนั้นจึงได้กำเนิดสิ่งที่เรียกว่า ‘หวย’ หรือลอตเตอรี่ขึ้นมาในหลายๆ ประเทศ เพื่อใหันักเสี่ยงดวงทั้งหลายได้ลองเสี่ยงดวงกัน ซึ่งหากโชคดีก็อาจจะได้รับทรัพย์ก้อนโตจากตัวเลขกันไป แต่ถึงจะเป็นเรื่องของโชคลาภอย่างไร ก็มีคนๆ หนึ่งที่คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องของโชคชะตาฟ้าลิขิตอย่างเดียว แต่มันต้องอาศัยความมุมานะด้วย เขาจึงใช้เวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา พยายามถอดรหัสอัลกอริทึ่มของการหมุนสลากลอตเตอรี่ โดยหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้เป็นมหาเศรษฐีจากสิ่งที่เขาคิดไว้ให้จนได้!! โดยชายคนดังกล่าวมีชื่อว่า Wang Chengzhou วัย 49 ปี ที่อาศัยอยู่บริเวณใต้สะพานใกล้กับแม่น้ำแยงซี ในเทศบาลนครฉงชิ่ง ประเทศจีน ซึ่งในทุกๆ วันเขาจะใช้เวลาหลายชั่วโมงในช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 02.00-05.00 หมดไปกับการคิดค้นหากลไกที่จะถอดรหัสลอตเตอรี่ดังกล่าวให้จนได้ สำหรับความคิดนี้ Wang ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ Chengdu Business Daily เอาไว้ว่า ไอเดียการถอดรหัสลอตเตอรี่ของเขาได้เริ่มขึ้นจากการที่เขากำลังดื่มสุราอยู่ในวันหนึ่งของปี 2004 และก็ได้ติดอยู่กับความคิดนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งในตอนนี้เขาก็ได้เรียกตัวเองว่าเป็น ‘ปรมาจารย์’ ด้านการถอดรหัส โดยในแต่ละเดือนนั้นเขาจะใช้เงินประมาณ 2,000 หยวน(ประมาณ 9,900 บาท) หมดไปกับการซื้อลอตเตอรี่เพื่อทดสอบวิธีการของเขาว่าจะได้ผลหรือไม่นั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็บอกว่าไม่สามารถจำได้ว่าเคยถูกรางวัลมาแล้วเท่าไหร่ พร้อมทั้งยังปฏิเสธไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปยังสถานที่สำหรับถอดรหัสที่เรียกว่า ‘สตูดิโอ’…
-
มิติใหม่ของการขายบ้าน!! หนุ่มประกาศขายลอตเตอรี่แค่ 86 บาท ใครชนะเอาบ้าน 34 ล้านไปเลย…
ขายตรงๆ ไม่ได้ ก็ขายแบบเสี่ยงดวงเอาเลยก็แล้วกัน!! Dunstan Lowe หนุ่มอังกฤษวัย 37 ปี ผู้ตกหลุมรักเข้ากับ Melling Manor คฤหาสน์หลังโตในเมืองแลงคาเชอร์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งเขายอมทุ่มทุนซื้อมาในราคา 544,000 เหรียญสหรัฐ (ราวๆ 18 ล้านบาท) เมื่อปี 2011 หลังจากซิ้อมันมา เขาก็ยังลงทุนเพิ่มตกแต่งรีโนเวทจนภายในกลายเป็นบ้านอันทันสมัยและถูกใจตัวเอง ซึ่งผลงานที่เสร็จแล้วนั้นต้องบอกว่ามันสวยน่าอยู่เอามากๆ เลยล่ะ แต่แล้วเขาก็ต้องเจอกับปัญหาการชำระเงินจำนองบ้าน ซึ่งมันบีบบังคับให้เขาต้องประกาศขายมันไปในที่สุด โดยตอนแรกเขาประกาศขายมันไปในราคา 1,000,000 เหรียญสหรัฐ (ราวๆ 34 ล้านบาท) จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครสนใจจะซื้อบ้านต่อเขาสักที พอเข้าสู่เดือนธันวาคมปี 2016 เขาก็รู้ทันทีว่าด้วยราคาดังกล่าวมันคงจะขายไม่ออกแน่ เขาเลยปิดการขายและเปิดด้วยราคาใหม่จนเวลาผ่านไปก็ยังไม่มีคนสนใจจะซื้อมันอยู่ดี เขาจึงตัดสินใจลดราคามันลงมาเรื่อยๆ จนเหลือเพียง 813,000 เหรียญสหรัฐ (ราวๆ 27 ล้านบาท) ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ช่วยอะไรเลย เขาจึงปรึกษาภรรยาของเขาเพื่อช่วยกันหาทางออก จนตัดสินใจใช้วิธีใหม่นั่นก็คือ การขายบ้านแบบตั๋วลอตเตอรี่ในราคาใบละ 2.5 เหรียญสหรัฐ (ราวๆ 86 บาท) เท่านั้น แถมถ้าชนะรางวัลก็จะได้คฤหาสน์หลังโตไปครองทันที!! ฟังดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ดี แต่วิธีนี้ก็ยืนอยู่บนความเสี่ยงเช่นกัน…
-
ตู้กาชาปองญี่ปุ่นล้ำเกินไป ถึงขั้นเสี่ยงดวงได้ซีพียูกันแล้วนะเออ มูลค่าร่วมหมื่นบาท!!
ตู้กาชาปอง ตู้หมุนไข่ ไข่เสี่ยงดวง หรืออะไรก็แล้วแต่ตามที่จะเรียกกัน สำหรับในประเทศไทยแล้วเราก็มีนะ แต่ของข้างในไข่เหล่านั้นมักจะเป็นของเล่นเด็กกระจุกกระจิก ราคาหยอดทีนึงก็ประมาณ 10 บาทได้ ครั้งนี้ #เหมียวเลเซอร์ จะพาไปถึงแดนต้นกำเนิดไข่เสี่ยงดวงที่ญี่ปุ่น ที่นั่นมีเยอะแยะหลายประเภทมาก ส่วนก็จะเป็นของเล่นเด็กเหมือนกัน แต่สำหรับตู้กาชาปองนี้ เต็มไปด้วยซีพูยู หน่วยประมวลผลกลางของคอมพิวเตอร์ที่เราใช้ๆ กันอยู่นี่แหละ ถ้าเอาแบบดีๆ หน่อยมูลค่าก็เฉลี่ยตัวละ 10,000 บาทเลยล่ะ ปิ๊ง!! ตู้กาชาปองซีพียู อยากจะเสี่ยงดวงก็ครั้งละ 500 เยน (ประมาณ 161 บาท) ต่อครั้ง แล้วของที่ได้ล่ะ เป็นซีพียู รึเปล่า มีคนไปลองมาแล้ว ปรากฏว่าเป็นซีพียู Intel Core i7 4770 3.4 GHz!! ลองเทียบราคาปัจจุบันดูคร่าวๆ จากร้านจำหน่ายในประเทศไทยก็ได้ประมาณนี้แหละ . อื้อหือ!! เสียครั้งละประมาณ 161 บาท…
-
พฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มชาเขียวของคนไทยที่เปลี่ยนไป ติดหวานหรือติดชิงโชคกันแน่!?
จากคลิปข่าวจาก Voice TV จะว่าไปแล้วหากย้อนกลับไปในช่วงที่เครื่องดื่มชาเขียวบรรจุขวดเพิ่งเข้ามาทำตลาดใหม่ๆ เป็นเจ้าแรกและมีเจ้าเดียวในประเทศไทย ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากไม่ว่าจะในทั้งด้านยอดขายและการตลาด แต่แล้วจู่ๆ ก็เกิดการแข่งขันขึ้นมาอีก เมื่อเจ้าของเดิมออกมาทำอีกแบรนด์เพื่อมาสู้กับแบรนด์เก่าของตัวเอง คราวนี้การแข่งขันทางด้านการตลาดและยอดขายก็เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้เรามาดูว่าเมื่อก่อนลักษณะการเลือกซื้อและดื่มชาเขียวบรรจุขวดของคนไทยเป็นอย่างไรบ้าง แรกๆ ที่เหมียวเองสัมผัสได้ก็คือรสชาติของชาเขียวที่ถูกปากคนไทยนั้นจะเน้นความหวานซะมากกว่า ยิ่งแช่เย็นมากเท่าไหร่บวกกับความหวานที่ใส่เข้าไปก็ยิ่งถูกใจคนไทยมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะด้วยอากาศเมืองไทยที่มันร้อนซะเหลือเกินด้วยแหละมั้ง เมื่อมาถึงจุดเปลี่ยนของวงการชาเขียวที่มีการแข่งขันสูง พฤติกรรมของผู้บริโภคก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปด้วย เมื่อมีการอัดแผนการตลาดแบบชิงโชคเข้ามา ทั้งฝั่งแบรนด์เก่า และฝั่งแบรนด์ใหม่ที่เทียบชั้นได้อย่างรวดเร็ว บวกกับการโปรโมตผ่านโซเชียลและอื่นๆ อีกมากมาย ยังไม่รวมเรื่องราวดราม่าที่ก่อให้เกิดความเอนเอียงเข้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จากที่ผู้บริโภคซื้อเครื่องดื่มชาเขียวบรรจุขวด เพื่อดับกระหายคลายร้อน (ยังไม่รวมอาการติดหวานนะ) ตอนนี้ก็กลายเป็นว่าติดหวานด้วย ไหนจะติดชิงโชคเหมือนกับหวยอีก แต่ยังมีที่หนักไปกว่านั้นก็คือการซื้อมาเพื่อเอาเพียงแค่รหัสใต้ฝาหรือไม่ก็ยินยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รหัสใต้ฝาเพื่อส่งชิงโชคเพียงอย่างเดียว เครื่องดื่มข้างในขวดไม่สนใจ นำไปเททิ้งหรือไม่ก็ให้ผู้อื่นดื่มแทน ไหนจะลามไปถึงผุดธุรกิจฝาชาเขียวขึ้นมาอีก!! แจกทอง แจกแพคเกจทัวร์ต่างประเทศ และอื่นๆ อีกมากมาย และด้วยรางวัลต่างๆ ที่โหมกระหน่ำแจกให้ผู้โชคดีเพียงไม่กี่ราย กลับต้องทำให้หลายๆ คนทุ่มเทไปกับการซื้อและเฟ้นหารหัสใต้ฝาเพื่อมาชิงโชค กลายเป็นการหล่อหลอมพฤติกรรมเสี่ยงดวงที่ไม่อาจแก้ไขได้อีก โดยหวังว่าการส่งชิงโชคถ้าถูกรางวัลชีวิตก็จะดีขึ้น แต่ผลสุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย เสียทั้งสุขภาพร่างกาย (ความหวานจากเครื่องดื่ม) ไหนจะเสียสุขภาพจิตอีก…