Tag: เหยียด
-
ตำรวจออสเตรเลีย พูดเหยียดคนขับรถว่า “กลับจีนไปเลยไป” ทั้งที่ตนเองก็เป็นชาวเอเชีย…
เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2018 ได้มีคลิปวิดีโอเผยแพร่ออกมาบนอินเทอร์เน็ต โดยเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Caleb Strik เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า การเหยียดชนชาติ ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดในช่วงเวลาราว 06.30 น. บนถนน Marsden ใกล้กับสี่แยก Pennant Hills ในรัฐนิวเซาต์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เจ้าหน้าที่จราจรนายหนึ่งได้เดินเข้ามายังรถยนต์ Toyota Camry คันหนึ่งเพื่อสุ่มตรวจแอลกอฮอล์และถามคนขับรถว่ามาจากไหน ก่อนจะพูดออกมาว่า “กลับจีนไปเลยไป” พร้อมใช้มือผลัก ชมคลิปแรก ชมคลิปที่สอง ชมคลิปที่สาม ตัวของ Strik ผู้ถ่ายคลิปและผู้ที่เห็นเหตุการณ์นั้นให้สัมภาษณ์ว่า เขาตกใจมากที่เห็นการเหยียดแบบนี้ แถมวาจาเหยียดนั้นก็ออกมาจากปากของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นชาวเอเชียด้วยกัน หาใช่ชาวออสเตรเลียไม่ เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวจึงเข้ามาห้ามไม่ให้ Strik นั้นบันทึกวิดีโอ แต่ Strik ก็ตอบกลับไปว่าเขาจะถ่าย เขามีสิทธิ์เพราะเขาเป็นชาวออสเตรเลีย จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็หันไปขอความช่วยเหลือจากชายชาวเอเชียอีกคนหนึ่ง เพราะเขาไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเท่าใดนัก ขณะนี้ วิดีโอดังกล่าวกำลังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งนิวเซาต์เวลส์ …
-
ประธานาธิบดีอียิปต์ ถูกมอง “เหยียดคนอ้วน” หลังสั่งปชช.ลดน้ำหนักและห้ามสื่อเผยภาพคนอ้วน
นาย Abdel-Fattah el-Sissi ประธานาธิบดีของประเทศอียิปต์ถูกกล่าวหาว่า เหยียดคนอ้วน (Fat Shaming) หลังบอกให้สื่อโทรทัศน์งดแพร่รายการต่างๆ ที่มีแขกรับเชิญหรือผู้ดำเนินรายการเป็น “คนอ้วน” ท่านประธานาธิบดีได้บ่นเอาไว้ว่าในอียิปต์นั้มีจำนวนประชากรที่น้ำหนักเกินมาตรฐานเยอะเกินไป เขาจึงใช้เสนอให้สถาบันการศึกษาเน้นไปที่วิชาส่งเสริมสุขภาพและกีฬาเป็นหลัก Abdel-Fattah el-Sissi ประธานาธิบดีของประเทศอียิปต์ อย่างไรก็ตาม เหล่านักวิจารณ์ก็ได้กล่าวหาว่าท่านประธานาธิบดีผู้นี้นั้นเป็นคนที่มองตัวเองเหนือกว่าผู้อื่น และอ้างว่าการที่ประชากรจำนวนมากตกอยู่ในภาวะอ้วนนั้นก็มีสาเหตุมาจากความยากจน และการที่ผักผลไม้มีราคาสูงขึ้น สืบเนื่องจากการปฏิรูปเศรษฐกิจในสมัยของ El-Sissi ทำให้อาหารขยะนั้นมีราคาถูกและน่าสนใจกว่าอาหารสดที่ดีต่อสุขภาพแต่กลับมีราคาสูง จากการสำรวจของสถาบันการวตรวจวัดและประเมินสุขภาพของมหาวิทยาลัยวอชิงตันเมื่อปี 2017 พบว่า 1 ใน 3 ของประชากรอียิปต์อยู่ในภาวะอ้วน ประธานาธิบดี El-Sissi มักย้ำเตือนให้ชาวอียิปต์อดทนและต่อสู้กับความอ้วนอยู่เสมอ และมักบอกให้คนอ้วนลดน้ำหนักให้ได้ เขายังเล่าอีกว่า… “ผมเดินไปยังที่แห่งหนึ่งแล้วก็พบกับสิ่งที่ไม่คาดคิด ผมมองไปยังผู้คนแล้วถามตัวเองว่า ‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น? คนพวกนี้เป็นใคร? ทำไมพวกเขาถึงไม่รู้จักดูแลตัวเองกันเสียเลย?’” ส่วน Mohamed Zaree ทนายความขององค์กรสิทธิมนุษยชนก็เสนอว่า ท่านประธานาธิบดีควรมองหาวิธีทีช่วยให้ประชาชนสามารถลดน้ำหนักได้ แทนที่จะมาสั่งให้ประชาชนต้องออกกำลังกาย “ท่านควรทำให้ราคาอาหารเพื่อสุขภาพมีราคาน้อยลง จัดตั้งสถานที่สำหรับออกกำลังกาย และจัดตั้งหน่วยงานพิเศษสำหรับดูแลผู้ป่วยโรคอ้วนภายใต้สวัสดิการทางการแพทย์ของรัฐ” ที่มา: thesun และ dailymail
-
หญิงสาวบน Tinder บอกกับชายหนุ่มว่า “ไม่ชอบคนอ้วน” เจอไอ้หนุ่มสวนหน้าเงิบไปเลย!!
แอปพลิเคชันหาคู่ยอดฮิตอย่าง Tinder มีโอกาสทำให้เราสามารถพบเจอกับเพื่อนคุยมากหน้าหลายตา ที่อาจพัฒนามาเป็นคนรู้ใจ อนึ่งมันก็อาจทำให้เราพบเจอกับคนแปลกๆ ได้เช่นกัน อย่างเช่นเรื่องราวที่แชร์ต่อกันมาบนโลกออนไลน์ เมื่อหนุ่มได้เจอกับสาวคนหนึ่งที่ออกตัวว่าไม่ชอบ “คนอ้วน” บนแอป Tinder ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์สาวคนนี้อย่างหนักหน่วง ลองไปชมบทสนทนาอันแสนดุเดือดของหนุ่มสาวคู่นี้กัน Becca หญิงสาวที่ออกตัวว่าไม่ชอบ “คนอ้วน” พิมพ์ว่า “คุณอ้วนมากอะ ฉันไม่ชอบคนอ้วน และฉันก็กดไลก์คุณโดยบังเอิญ” “ขอโทษทีนะ ขอร้องว่าอย่าฆ่าตัวตายล่ะ มันคงจะมีใครบางคนที่รักคุณและฮัสกี้*ของคุณได้สักวัน” (ฮัสกี้* แปลว่าสุนัขฮัสกี้ก็ได้ แปลว่ารูปร่างใหญ่โตก็ได้) “แต่คนคนนั้นแค่ไม่ใช่ฉัน เพราะฉันมีรูปร่างอย่างคนปกติ แต่คุณไม่” จากนั้นสาวเจ้าก็บอกลา ส่วนชายหนุ่มตอบว่า “เดี๋ยวๆ ผมอ้วนเหรอ!? ตรงไหนเนี่ย?” “แต่ผมสัญญาว่าจะไม่ฆ่าตัวตาย ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปร่างของผม ผมจะพยายามจัดการมันนะ และอีกอย่างผมก็ไม่ได้กำลังมองหา อีกะ** เช่นกัน” เมื่อบทสนทนาแสนดุเดือดนี้ถูกเผยแพร่และแชร์ต่อกันบนโลกโซเชียล ชาวเน็ตก็เข้ามาคอมเมนต์กับเพียบ ลองไปชมตัวอย่างกันเลย “เรื่องน้ำหนักมันแก้ไขกันได้นะ แต่เป็นคนน่ารังเกียจแบบนี้ต่างหากที่เป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้” “เธอดูเข้าสังคมไม่เก่งอะ เธอมีความคาดหวังที่เกินจริงไปหน่อย…
-
ทีมเชลซีเตรียมส่ง ‘แฟนบอลขี้เหยียด’ ไปทัวร์ ‘ค่ายกักกัน Auschwitz’ เพื่อให้สำนึกผิด
เรื่องของการเหยียดนั้นเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับทุกวงการ โดยเฉพาะใน ‘วงการกีฬา’ ที่มักจะเจอปัญหานี้อยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นตัวนักกีฬาเอง หรือบรรดาแฟนกีฬาทั้งหลาย ที่ดูเหมือนจะอินจัดไปหน่อย เวลาเกลียดคู่แข่งก็ต้องหาเรื่องมาถากถางกัน และเรื่องเชื้อชาติหรือสีผิว ก็มักจะกลายเป็นประเด็นที่ถูกยกมาด่าทอกันบ่อยครั้งที่สุดแล้ว ด้วยเหตุนี้เองทางสโมสรทีมฟุตบอลเชลซี (Chelsea) ทีมชั้นนำจากลีกอังกฤษ ก็เลยเสนอมาตรการในการแก้ไขปัญหา ‘ดัดนิสัย’ บรรดาแฟนบอลที่ชอบเหยียด ด้วยการพาไปทัวร์ ‘ค่ายกักกัน’ ซะเลย!! ซึ่งโดยปกติแล้วมาตรการในการจัดการกับแฟนบอลที่มีนิสัยชอบเหยียด ก็คือการ ‘แบน’ ไม่ให้เข้ามาชมการแข่งขันที่สนาม แต่นาย Roman Abramovich เจ้าของสโมสร ที่เป็นชาวยิว จึงเสนอวิธีการใหม่ขึ้นมาแทน คือการพาแฟนบอลเหล่านั้นไปทัวร์ค่ายกักกัน Auschwitz ที่นาซีใช้เป็นสถานที่กักกันชาวยิวในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีชื่อเสียงเรื่อง ‘ห้องรมแก๊ส’ เพื่อให้พวกเขาศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และผลกระทบจากการ ‘เหยียดเชื้อชาติ’ แทน “ถ้าคุณแค่แบนพวกเขาไม่ให้เข้ามาชมการแข่งขัน คุณจะไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของพวกเขาได้” นาย Bruce Buck หนึ่งในผู้บริหารของทีม Chelsea กล่าว “มาตรการนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้พวกเขาสำนึกว่า ตัวเองได้ทำอะไรลงไป และเมื่อคิดได้เขาก็จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น” “หากย้อนกลับไปในอดีต เราจะแบนพวกเขาไม่ให้เข้ามาชมเกมในสนามไม่ต่ำกว่า…
-
ภาพโฆษณา ‘โรงแรม’ ที่ดูไม่มีอะไร แต่กลับเกิดดราม่า ‘เหยียดเพศ’ จนต้องยอมถอดมันออก!?
หากจะกล่าวถึงประเด็นเรื่อง ‘การเหยียด’ บางครั้งมันก็บอบบางเสียจนชนิดที่ว่ามันกลายเป็นเรื่องเหยียดไปได้อย่างไร!? เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ ที่ภาพโฆษณาของโรงแรม ที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่กลับถูกวิจารณ์ว่า ‘เหยียด’ จนถึงกับทำให้ทางโรงแรมถึงกับต้องลบภาพที่ใช้โฆษณาดังกล่าวออกไปเลยทีเดียว!! ลองไปชมภาพต้นเรื่องกันก่อนครับ… เป็นภาพโฆษณาของโรงแรม Sofitel ในเมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย มีหญิงชายคู่หนึ่งนอนอยู่บนเตียง ฝ่ายชายเปิดหนังสือพิมพ์อ่าน ส่วนฝ่ายหญิงเป็นนิตยสารแฟชั่น ทั้งสองคนหันมองหน้าเข้าหากันด้วยรอยยิ้ม ขณะที่ตรงกลางเตียงมีอาหารวางอยู่ จากที่ดูแล้วมันก็ไม่น่าจะมีประเด็นเหยียดอะไรได้เลย สรุปแล้วมันเหยียดยังไงกันล่ะเนี่ย? เอาล่ะ จริงๆ แล้วมันอยู่ในภาพนั่นแหละ แต่เพียงแค่เราอาจจะต้องมองให้ลึกลงไปอีกสักหน่อยนึง…. ติ๊กต่อกๆๆๆ ….อาจจะยากไปสักหน่อย เอาเป็นว่าเฉลยเลยก็แล้วกัน ประเด็นมันอยู่ตรงที่ ‘สิ่งที่ทั้งสองคนอ่าน’ นั่นแหละครับทุกท่าน ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่ามันคือประเด็น ‘เหยียดเพศ’ คือฝ่ายชาย ได้อ่านหนังสือพิมพ์ ‘Financial Review’ ที่เป็นหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับการเงิน การลงทุน การเมือง ฯลฯ ขณะที่เขากำลังนั่งอ่านถึงวิธีการลงทุนต่างๆ อย่างขมักเขม้น ตัดภาพกลับมาที่หญิงสาวคู่นอนของเขา กำลังอ่านนิตยสารแฟชั่นชั้นนำระดับโลกอย่าง Chanel มันเลยได้ข้อสรุปออกมาว่า ในขณะที่ฝ่ายชายกำลังมองหาลู่ทางในการหาเงิน ฝ่ายหญิงกลับมองหาเสื้อผ้าสวยๆ ถลุงเงินจากฝ่ายชายมาใช้อย่างสิ้นเปลืองซะงั้น!? ช่างเป็นโฆษณาที่เหยียดเพศเสียจริงๆ!!…
-
Brooklyn ลูกชาย David Beckham โดนดราม่าโพสต์ภาพ “เหยียด” นักท่องเที่ยวชาวจีน!
Brooklyn Beckham ลูกชายแท้ๆ ของตำนานนักฟุตบอลอย่าง David Beckham ได้ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างมากมายหลังจากที่เขาถ่าย “นักท่องเที่ยวจีน” ในอิตาลี แล้วโพสต์ลงอินสตาแกรม . Brooklyn แอบถ่ายภาพของชาวจีน (หรือชาวเอเชีย) ที่เดินเลือกซื้อของและล่องเรือกอนโดลาอยู่ในเมืองเวนิส พร้อมโพสต์ลงบนอินสตาแกรมพร้อมด้วยคำบรรยายภาพว่า… “คงไม่มีที่ไหนดีเท่าอิตาลีแล้วล่ะเนาะ” (No place like Italy innit.) และนั่นทำให้ชาวเน็ตโดยเฉพาะชาวจีนที่เข้ามาเห็นได้พากันคอมเมนต์อย่างโกรธเคือง เพราะมันฟังดูเหมือนการแซะ การดูถูก ถึงขั้นว่าเป็นการ “เหยียด” กันเลยก็ว่าได้ ภาพดังกล่าวมียอดไลก์นับแสน แต่ปัจจุบันรูปภาพเหล่านั้นถูกลบไปเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่ชาวจีนหลายคนก็ยืนยันว่าต้องการให้ Brooklyn ออกมากล่าวขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป ตัวอย่างคอมเมนต์กล่าวว่า “นี่น่ะเป็นการเหยียดเชื้อชาติอย่างแท้จริง เขาเองก็ไม่ใช่ชาวอิตาลี เขาก็เป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกัน มีสิทธิ์อะไรมาว่าพวกเรา มันสูงส่งกว่าชาวเอเชียอย่างพวกเราตรงไหน?” เมื่อโดนกระหน่ำมากๆ เขา Brooklyn ก็ถึงกับล็อกให้อินสตาแกรมของตนเองเป็นโหมดส่วนตัว งานนี้ไม่ใช่แค่หนุ่ม Brooklyn ที่โดนกระหน่ำ ความซวยตกลงไปถึง David และ Victoria…
-
คุณป้าโดนแจ้งตำรวจจับ หลังตำหนิสองสาว ‘พูดสเปน’ บอก ‘อยู่ประเทศนี้ต้องพูดอังกฤษ’!!
แม้ในโลกยุคปัจจุบัน จะมีความเปิดกว้างในหลายๆ ด้านแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ เพศ, สีผิว, เชื้อชาติ, หรือชนชั้นต่างๆ และทำให้การ ‘เหยียด’ เรื่องต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นการกระทำที่ไม่ได้รับการยอมรับ เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ ที่เกิดขึ้นในห้างสรรพสินค้าของเมือง Rifle รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา มีคนสองคนพูดเป็นภาษาสเปน แต่กลับถูกผู้หญิงคนหนึ่งต่อว่าและแสดงท่าทีเหยียดใส่ซะอย่างนั้น แต่โชคดีที่มีพลเมืองดีอยู่ในเหตุการณ์และเธอไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นและดำเนินไปราวกับว่ามันเป็นอะไรที่ยอมรับกันได้ Kamira Trent เดินเข้ามาพร้อมกับต่อว่า Linda Dwire ที่แสดงท่าทีเหยียดคนพูดสเปน มีคนถ่ายคลิปวิดีโอเหตุการณ์เอาไว้ได้ และนำไปแชร์ลงโซเชียลเน็ตเวิร์กจนกลายเป็นกระแสไวรัล มีคนเข้าชมมากกว่า 1 ล้านครั้งเลยทีเดียว!! เรื่องมันเริ่มต้นตรงที่ว่าจู่ๆ Dwire ก็เดินตรงเข้าไปหาผู้หญิงสองคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ เพราะพวกเขาใช้ภาษาสเปน พร้อมกับถามว่า ‘พวกเธอน่ะอาศัยอยู่ในประเทศนี้เหรอ?’ ก่อนที่ทั้งสองคนจะตอบว่า ‘ใช่ค่ะ’ แล้ว Dwire ก็พูดอีกว่า ‘งั้นก็หัดเรียนภาษาอังกฤษซะสิ’ หนึ่งในผู้หญิงที่พูดภาษาสเปนนั้นอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกามาแล้วกว่า 8 ปี ในวันนั้นเธอไปเลือกซื้อของกับลูกๆ อีก 3 คน แต่ดันบังเอิญไปเจอคนบ้านเดียวกันก็เลยแวะทักทายกันตามประสา แต่กลับถูกต่อว่าด้วยถ้อยคำที่รุนแรง รวมไปถึงพยายามที่จะทำร้ายร่างกายอีกด้วย…
-
มหาวิทยาลัยดังในอังกฤษแจก ‘กล่องอุปกรณ์สำหรับน้องใหม่’ โดนวิจารณ์ว่าเหยียดเพศ!!
เรื่องของการ ‘เหยียด’ ถือเป็นประเด็นที่ค่อนข้างจะมีความบอบบางและสลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก จนบางครั้งเรื่องที่เราอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่กลายเป็นว่าคนอื่นอาจจะรู้สึกว่ามัน ‘เหยียด’ ก็เป็นได้ เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ ที่กล่องอุปกรณ์ต้อนรับนักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัย University of Sussex ที่ได้รับการสนับสนุนจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย กลับถูกวิจารณ์ว่า ‘เหยียดเพศ’ ในกล่องอุปกรณ์ประกอบไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับเด็กใหม่ คู่มือ และ ‘จานรองแก้ว’ ที่มีโฆษณาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย เป็นภาพของปากผู้หญิงที่เต็มไปด้วยฟองของยาสีฟัน และเจ้าจานรองแก้วอันนี้แหละที่กลายเป็นประเด็น ซึ่งอีกด้านหนึ่งมีการเขียนข้อความเอาไว้ว่า “ไม่ว่าคุณจะคายหรือจะกลืนมันลงไป ในการ…..แปรงฟันของคุณทั้ง 2 ครั้งใน 1 วัน โปรดไว้วางใจให้ Brushbox เป็นคนดูแลสุขภาพช่องปากของคุณเถอะ” จากแผ่นรองแก้วนี้ เลยทำให้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า RaquelRosarioSánchez โพสต์ทวีตเปิดประเด็นการเหยียดเพศของการโฆษณานี้ขึ้นมา “ลองจินตนาการว่าคุณเป็นนักศึกษาหญิงที่รู้สึกตื่นเต้นกับการได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอังกฤษ แล้วดันมาเจอสิ่งนี้อยู่ในของขวัญสำหรับนักศึกษาใหม่ดูสิ” “การเหยียดเพศก็คือการเหยียดเพศ แม้ว่ามันจะเป็น ‘เรื่องตลก’ ก็ตาม ผู้หญิงควรจะได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่านี้” ทวีตดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก มีคนเข้ามากดไลก์กว่า 1,400 ครั้ง และรีทวีตไปอีกกว่า 832 ครั้งเลยทีเดียว …
-
สมาชิกสภาสหรัฐฯ รับได้ที่ชาวจีน “ทานเนื้อสุนัข” เพราะชาวอเมริกันก็ทานกระต่ายเช่นกัน
หลังจากชาวจีน (รวมถึงชาวเอเชียที่ละม้ายคล้ายชาวจีน) ถูกมองในแง่ลบจากสายตาของประเทศตะวันตกเนื่องจากพฤติกรรมการ บริโภคเนื้อสุนัข ของชาวจีนบางส่วน ครั้งนี้ในคลิปวิดีโอรายการ Voice of America China ที่เผยแพร่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ตัวแทนจาก พรรคริพับลิกัน (Republican) ก็กล่าวในการสัมภาษณ์ว่าการทานเนื้อสุนัขเป็นเรื่องรับได้ ถ้ามันอร่อย เพราะชาวอเมริกันเองก็ทานกระต่ายเช่นกัน คลิปวิดีโอการสัมภาษณ์ Dana Rohrabacher สมาชิกสภาริพับลิกัน นาย Dana Rohrabacher สมาชิกสภาริพับลิกันได้นั่งให้สัมภาษณ์กับรายการ Voice of America (VOA) ของประเทศจีน ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ของจีนพอดี เขาจึงมอบคำพูดให้กับผู้ชมว่า… “ในโอกาสที่ปีนี้เป็นปีจอ อย่างที่เห็นกันว่าชาวอเมริกันหลายคนไม่ชอบชาวจีนที่ทานเนื้อสุนัข แต่ผมเองก็อยากให้ชาวจีนรู้เหมือนกันนะว่า ชาวอเมริกันก็ทานเนื้อกระต่าย แถมยังทานสัตว์เล็กชนิดอื่นๆ อีกด้วย ผมไม่เคยตำหนิหากชาวจีนจะทานเนื้อสุนัข คุณอยากทานก็ทานไป ถ้าหากเนื้อมันอร่อย มันก็คือของอร่อยชนิดหนึ่งเท่านั้นแหละ” Dana Rohrabacher สมาชิกสภาริพับลิกัน ผู้ทำหน้าที่สัมภาษณ์แสดงสีหน้าหลังจากคำกล่าวของท่านสมาชิกสภา . . จากนั้น Rohrabacher ยังกล่าวว่า เขาและสหรัฐอเมริกาเองก็มองว่าชาวจีนก็เปรียบเสมอประชาชนในประเทศเหมือนกัน…
-
คู่รักเกย์ในสหรัฐฯ ถูกเหยียดจากสายการบิน บอกให้ย้ายที่นั่งเพราะ “คู่รักชายหญิง” อยากนั่งด้วยกัน
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้มีชายคนหนึ่งโพสต์เล่าเรื่องราวที่ตนและคนรักถูก เหยียดเพศ บนเครื่องบินของสายการบินหนึ่งในสหรัฐอเมริกา คนรักหนุ่มของเขาถูกขอให้ลุกไปนั่งที่อื่นเพียงเพราะ “คู่รักหญิง-ชาย” ต้องการนั่งด้วยกัน ทวิตเตอร์ของ David Cooley เจ้าของเรื่อง David Cooley เรื่องราวมีอยู่ว่าชายที่ชื่อว่า David Cooley ได้จองตั๋วเครื่องบินของ Alaska Airlines จากสนามบิน John F. Kennedy ไปยังสนามบิน ลอสแอนเจลิส เขาและแฟนหนุ่มของเขาก็ได้ขึ้นไปนั่งที่นั่งชั้นพรีเมียมตามที่ซื้อเอาไว้ หลังจากนั่งได้ไม่นาน พนักงานบริการบนเครื่องบินก็เข้ามาขอให้คนรักของ David ย้ายไปนั่งที่นั่งธรรมดา เพราะที่นั่งตรงนี้คู่รักชาย-หญิงคู่หนึ่งต้องการจะนั่งด้วยกัน David จึงตอบไปว่า “เราทั้งคู่ก็เป็นคู่รัก และก็อยากนั่งด้วยกันเช่นกัน” แต่พนักงานให้บริการบนเครื่องบินกลับตอบมาว่าหากไม่สละที่นั่งพรีเมียมไปนั่งที่ธรรมดาก็ลุกแล้วลงจากเครื่องไปเสีย David และแฟนหนุ่มรู้สึกไม่ชอบใจและหน้าชากับการถูกเหยียดที่พวกเขาเป็นคู่รัก LGBTQ (เพศทางเลือก) ทั้งคู่จึงตัดสินใจลงจากเครื่องแล้วไปจองเที่ยวบินอื่นแทน “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสายการบินสมัยนี้จะให้สิทธิ์คู่รักชาย-หญิงมากกว่าคู่รักเกย์แบบพวกเรา แถมยิ่งกว่านั้นยังขอให้พวกเราลงจากเครื่องอีกด้วย” David พิมพ์ลงบนโพสต์ของเขา นอกจากนี้เขายังทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า เขาเลือกใช้สายการบิน Delta แทน และเชิญชวนให้ผู้ที่เป็นเพศทางเลือก เลือกใช้บริการสายการบินที่เป็นมิตรกับ LGBTQ ด้วยเช่นกัน โพสต์ต้นฉบับ บนเฟซบุ๊กของ David…
-
สาวเหยียดครอบครัวผิวสี บอก ‘พวกแกไม่ควรอยู่ที่นี่’ สุดท้ายโดนตำรวจจับใส่กุญแจมือ!!
เรื่องของความหลากหลายทางเชื้อชาติ สีผิว เพศสภาพ ถือเป็นเรื่องที่ได้รับการยอมรับแล้วในปัจจุบัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางส่วนที่ไม่ยอมรับกับความหลากหลาย และพยายามที่จะทำพฤติกรรม ‘เหยียด’ กันต่อไป เช่นเดียวกันกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อไปนี้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา มีครอบรัวผิวสีครอบครัวหนึ่งกำลังเดินอยู่บนทางเท้าในเมืองเบิร์กเลย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงวันหยุดยาว เนื่องจากเป็นครอบครัวใหญ่ทำให้ต้องใช้พื้นที่บนทางเท้ามากเป็นธรรมดา จู่ๆ ก็มีหญิงสาวผิวขาวคนหนึ่งเดินสวนมาพอดี แต่แทนที่เธอจะหลบหรือเลือกเดินทางอื่น กลับไม่ยอมและเริ่มกระทำการตามรังควานครอบครัวผิวสี มีการถ่ายคลิปวิดีโอเหตุการณ์เอาไว้ หญิงสาวผิวขาวพูดออกมาว่า “พวกแกไม่ควรอยู่ที่นี่ ออกไปจากเบิร์กเลย์ซะ พวกแกไม่ควรที่จะอยู่ที่ไหนทั้งนั้นบนโลกใบนี้” คนในครอบครัวผิวสีพยายามที่จะบอกให้เธอใจเย็นก่อน แต่กลับทำให้เหตุการณ์ยิ่งเดือดขึ้นกว่าเดิม เพราะหญิงสาวผิวขาวคนนั้นเริ่มใช้ความรุนแรงด้วยการตบตี จากรายงานระบุว่าหญิงสาวผิวขาวนั้นมีชื่อว่า Lauren Milewski วัย 31 ปี เธอพยายามทำร้ายร่างกายหลานสาวคนเล็กของครอบครัวผิวสีที่มีอายุ 24 ปี ด้วยการดึงผม และกระชากกระโปรง เหตุการณ์ความรุนแรงเริ่มบานปลาย สมาชิกครอบครัวผิวสีพยายามที่จะมองหาคนช่วยเหลือ แต่ปรากฏว่าหลายๆ คนเลือกที่จะไม่สนใจ และในที่สุดก็มีครอบครัวผิวขาวครอบครัวหนึ่งหยุดและเข้ามาช่วยเหลือพวกเขาด้วยการโทรแจ้งตำรวจ และบอกว่าหญิงผิวขาวกำลังกระทำการก่อกวนครอบครัวผิวสีอยู่ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง Lauren ก็กลับลำบอกว่าครอบครัวผิวสีนั้นเป็นม็อบก่อกวน และพยายามที่จะทำร้ายเธอ แต่กลายเป็นว่า…
-
คลิปชายหนุ่มล้อเลียน “ช่างทำเล็บชาวจีน” เพื่อความสนุก แต่ชาวเน็ตมองเป็นการ ‘เหยียด’ ชนชาติ
เรื่องของการเหยียดเพศและชนชาตินั้นยังคงมีให้เห็นกันได้ทั่วไป เนื่องจากบางครั้งผู้ที่ทำการเหยียดก็ไม่ทราบว่าการกระทำของตนคือการ “เหยียด” ผู้อื่น อย่างเช่นเหตุการณ์ล่าสุดที่ชายคนหนึ่งทำคลิปวิดีโอขึ้นมาเพื่อ “ล้อเลียน” ช่างทำเล็บหญิงชาวจีน ซึ่งการล้อเลียนในครั้งนี้ทำให้ชาวเน็ตที่เข้ามาชมวิดีโอแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งมองว่านี่คือการเหยียด แต่อีกฝ่ายคิดตรงข้าม บททวิตเตอร์ที่ชื่อว่า @iShineSoBright_ มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่ชายคนหนึ่งกำลังทำท่าทาง “ทำเล็บ” ให้กับภรรยาโดยมีการแสดงล้อเลียนช่างทำเล็บชาวจีนอีกด้วย บนโพสต์ทวิตเตอร์ดังกล่าวมีการเขียนอธิบายภาพว่า “ดูชายคนนี้สิ เขาทำเล็บให้ภรรยาราวกับว่าตัวเขาเป็นช่างทำเล็บชาวจีนเลยล่ะ” https://twitter.com/iShineSoBright_/status/1019975772168126464 วิดีโอความยาวราว 2 นาทีนี้เผยให้เห็นว่าชายในคลิปกำลังพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงชาวจีนตามความคิดของคนส่วนใหญ่ พร้อมกับทำท่านวดขาและทำเล็บให้ภรรยา นอกจากนี้ยังมีการเลียนแบบวิธีการพูดคุย รวมถึงท่าทีอื่นๆ ที่อ้างว่าเป็นสิ่งที่มักจะเจอในช่างทำเล็บสาวชาวจีน ทาสีเล็บ นวดเท้าและพูดคุยไปด้วย มีการทำทีหันไปเมาท์ ทำเอาหญิงในคลิปหัวเราะออกมา หันมาคุยกับลูกค้าด้วยสำเนียงที่ล้อเลียน หญิงในคลิปก็หัวเราะร่า วิดีโอดังกล่าวมียอดเข้าชมถึง 1.24 ล้านครั้ง แถมมีการแชร์ไปกว่า 18,000 ครั้ง หลังจากนั้นจึงทำให้เกิดข้อโต้แย้งระหว่างกลุ่มชาวเน็ตที่มองว่านี่คือการเหยียด เราลองมาดูคอมเมนต์ของชาวเน็ตแต่ละกลุ่มดีกว่าว่า เสียงแตกออกเป็นแบบไหนกันบ้าง… กลุ่มมองว่าเป็นการเหยียด “นี่มันไม่ใช่แล้วมุกตลกแบบนี้มันไม่ตลก ผู้คนมักล้อเลียนชาวเอเชียและชาวละติน บอกไว้เลยว่าคนผิวสีเองก็ไม่มีสิทธิ์ล้อเลียนคนอื่นเขาเหมือนกัน ฉันล่ะเบื่อ” “พวกเขาคงตลกกันมาก…
-
ผู้อาศัยใหม่เจอ “จดหมายเตือน” ให้ระวังข้าวของให้ดี ‘คนรายได้น้อย’ จะย้ายเข้ามา…
เหตุการณ์เกิดขึ้นกับผู้อาศัยรายใหม่ของบ้านหลังหนึ่งในนิวซีแลนด์ ที่จู่ๆ ก็มีจดหมายจากเพื่อนบ้านมาสอดเอาไว้ในกล่องรับจดหมาย จดหมายเขียนด้วยลายมือมีใจความว่าอีกไม่นานบ้านข้างๆ จะกลายเป็นบ้านของรัฐฯ ที่เปิดให้เช่าในราคาถูก หมายถึงอีกไม่นานจะมีผู้มีรายได้น้อยเขามาอาศัย ให้ “ระวังเอาไว้ จับตาดูทุกสิ่งที่น่าสงสัย” “กรุณาระวังเอาไว้ ผู้ที่จะย้ายเข้ามาอาศัยข้างๆ บ้านคุณคงจะเป็นคนที่มีรายได้น้อย หรือไม่ก็เป็นผู้ที่กรมจัดหางานส่งมา” ข้อความในจดหมายเขียนเอาไว้ “คาดว่าน่าจะราว 2-3 สัปดาห์ก็จะมีผู้อาศัยใหม่เข้าอยู่ในบ้านหลังนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามแล้วดูน่าสงสัย โปรดระมัดระวังเอาไว้ให้ดี” ข้อความในจดหมายกล่าว “หากมีข้าวของสูญหาย หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบนถนนสายนี้ กรุณาแจ้งตำรวจและดำเนินการประชุมตรวจตราบ้านใกล้เรือนเคียง” ข้อความกล่าวพร้อมจบด้วยการลงชื่อ “เพื่อนบ้านที่ปรารถนาดี” จดหมายดังกล่าวจั่วหัวกระดาษว่า “เรียนผู้เข้าอาศัย” อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ทำให้หลายคนเกิดความไม่พอใจอย่างมาก “นี่มันเป็นการเหยียดกันชัดๆ เอาจริงๆ ทุกคนต้อนรับผู้อาศัยใหม่กันทั้งนั้น บ้านไหนกันแน่นะที่กล้าส่งจดหมายแบบนี้ไป?” ผู้อาศัยรายหนึ่งกล่าวกับ Stuff NZ. ส่วนอีกรายก็นำเรื่องดังกล่าวไปโพสต์ลงบนเฟซบุ๊กว่าเป็นจดหมายที่ “น่ารังเกียจและน่ากลัว” จริงๆ “ฉันรังเกียจและผวากับการกระทำของคนคนนี้มาก! นี่ขนาดยังไม่รู้เลยนะว่าใครจะเข้ามาอาศัยกันแน่ก็ด่วนตัดสินเขาไปเสียแล้ว แถมเอาไปบอกให้คนอื่นระวังตัวอีก เด็กรุ่นใหม่ๆ จะติดความคิดแบบนี้ไปหรือเปล่าเนี่ย?” สุดท้ายโฆษกของกรมสิทธิมนุษยชนได้ออกมากล่าวแล้วว่าจดหมายฉบับนี้ถือว่าเป็นการ เหยียดชนชั้น ของมนุษย์ “เป็นเรื่องเศร้าที่ยังมีผู้คนซึ่งตัดสินผู้อื่นจากพื้นฐานของรายได้ หรือพื้นฐานที่ว่าเขาได้รับสวัสดิการจากรัฐบาลหรือไม่” เขากล่าว …
-
หนุ่มมะกันบุกบ้านชาวเอเชีย สั่งให้เอาป้ายด่า Trump ออก พร้อมเหยียดว่า “Ni**er”
กลายเป็นเรื่องราวของการเหยียดเสียอย่างนั้น เมื่อชายผู้หนึ่งบุกเข้ามายังสนามหญ้าหน้าบ้านของครอบครัวชาวเอเชียน-อเมริกัน เพื่อ “สั่ง” ให้นำป้ายที่มีข้อความโจมตีประธานาธิบดี Donald Trump ออก ป้ายดังกล่าวมีข้อความที่เขียนว่า “F**k Donald Trump” ทำให้ชายจากนอร์ธแคโรไลนาเกิดความไม่พอใจและมีปากเสียงกับเจ้าของบ้านอยู่ชั่วระยะหนึ่ง จนสุดท้ายชายที่เข้ามาบุกบ้านของครอบครัวชาวเอเชีย-อเมริกันก็ลั่นวาจาเหยียดพวกเขาออกมาว่า “Ni**er” ซึ่งเป็นคำด่าคนผิวสีนั่นเอง คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คลิปที่ 1 ในคลิปที่แรกนี้ จะเห็นได้ว่าชายเสื้อสีน้ำเงินพร้อมกางเกงยีนได้มีปากเสียงกับชายที่ไม่ได้สวมเสื้อซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน https://twitter.com/Freeyourmindkid/status/1018632667158532096?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1018632667158532096&ref_url=https%3A%2F%2Fnextshark.com%2Fracist-man-storms-asian-american-familys-yard-calling-nr-fk-donald-trump-sign%2F เจ้าของบ้านตะโกนออกมาว่า “ออกไปจากบ้านตรูเดี๋ยวนี้เลย แกจะมาสนใจอะไรในบ้านฉันวะ?” ชายบุกบ้านตอบว่า “ฉันลงคะแนนให้ Bernie Sanders โว้ยไอ้งั่ง ฉันไม่ได้สนใจอะไรของบ้านแกหรอก!” แต่เขาบอกว่าป้ายหน้าบ้านของครอบครัวเอเชีย-อเมริกันนี้ดันไปทำให้ลูกๆ ของเขาไม่พอใจ “ฉันจอดรถอยู่ใกล้ๆ แล้วดันได้กลิ่นคล้ายๆ กัญชาออกมาจากบ้านของแกไง” ชายบุกบ้านกล่าวต่อ จากนั้นชายบุกบ้านก็ขู่ว่าจะแจ้งความกับตำรวจ แล้วเขาก็เดินจากไปยังรถของเขาพร้อมกับชูนิ้วกลางบนมือของเขาอีกด้วย “เห็นทะเบียนรถมันมั้ย? ถ่ายเอาไว้นะ ฉันจะตามตัวมันให้เจอให้ได้เลยไอ้ห่านี่” เจ้าของบ้านพูดกับหญิงที่เป็นผู้ถือกล้องถ่ายคลิปวิดีโอ จากนั้นเจ้าของบ้านก็เรียกชายผู้บุกรุกคนนี้ว่า “Cracker” ที่แปลว่า “ไอ้เฮงซวย” พร้อมๆ กัน อีกฝ่ายก็ก่นด่ากลับมาว่า “Ni**er” ที่เป็นคำด่าเหยียดชาวผิวสีเช่นกัน จากนั้นชายผู้บุกรุกก็ตอบว่า…
-
ดราม่าโฆษณาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เหยียดคนไม่กินเผ็ด = เป็นคนอ่อนเหมือนเด็กน้อย!!
กำลังกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์บ้านเราอย่างดุเด็ดเผ็ดมันส์ กับกรณีของโฆษณาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อหนึ่งที่มีเนื้อหา ‘เหยียด’ คนไม่กินเผ็ด ลองไปชมโฆษณากันดูก่อนเลยจ้า… ตัวโฆษณาดังกล่าวมีชื่อว่า Baby Boy หรือเด็กทารกชายนั่นเอง ส่วนเนื้อหาก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งแนะนำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้กับผู้ชายที่เธอชอบ แต่กลับกลายเป็นว่าชายคนนั้นไม่กินเผ็ด!! จนนำไปสู่เรื่องราวที่เป็นประเด็นขึ้นมา เพราะหลังจากนั้นฝ่ายสาวเจ้าก็คิดขึ้นมาในใจว่า ไม่กินเผ็ด = เด็กน้อย ถ้าให้แต่งงานด้วยก็คงไม่เอา จากนั้นก็เหลือบไปเห็นผู้ชายอีกคนที่ภายนอกดูเป็นหนุ่มจืดแต่สามารถกินเผ็ดได้ เธอก็เลยเปลี่ยนใจไปชอบผู้ชายคนนั้นแทน จึงกลายเป็นประเด็นที่ว่าโฆษณาดังกล่าวมีการปลูกฝังค่านิยม ที่มองว่าคนกินเผ็ดเท่ากับเป็นคนดี คนเท่ ทำอะไรได้ดีกว่าคนไม่กินเผ็ด ที่ในโฆษณาชี้ให้เห็นว่าเป็นเด็กทารกน้อย ทำอะไรก็ไม่ได้ หรือเปล่านะ!? ชาวเน็ตหลายๆ คนพอได้เห็นคลิปโฆษณาดังกล่าวต่างก็แสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆ นานา หลายคนมองว่าโฆษณานี้มีเนื้อหาเหยียด . . . . บางส่วนก็บอกว่าโฆษณานี้ไม่ได้เหยียดเลย แถมทำออกมาได้ดีด้วย . แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดว่าอย่างไร? โฆษณานี้เหยียดคนไม่กินเผ็ดอย่างที่เขาว่ากันหรือไม่ ลองแสดงความคิดเห็นกันเข้ามาได้นะจ๊ะ ที่มา…
-
ชาวโคลอมเบียโร่ขอโทษ หลังคลิปแฟนบอลชาติตัวเอง หลอกแฟนบอลญี่ปุ่นพูด ‘เป็นคุณตัว’
คงจะเคยเห็นมุกตลกขบขันที่ให้ชาวต่างชาติลองพูดคำเป็นภาษาตัวเอง อย่างเช่นคำว่า ‘สวัสดี’ ให้พูดว่า ‘บิดาท่านสิ้น’ อะไรประมาณนี้ ซึ่งถ้ามองผิวเผินอาจจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ แต่ก็ไม่ควรมองข้าม… เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต่อมุมมองของคนในชาติภาครวมได้ เพราะการไปหลอกให้พวกเขาพูดแบบนั้นอาจจะเป็นการดูแคลนสติปัญญา ทำให้พวกเขาดูโง่ในสายตาคนชาติอื่น ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 คู่ระหว่างญี่ปุ่นเจอกับโคลอมเบีย (วันอังคารที่ 19 มิถุนายน 2018) และญี่ปุ่นสามารถเอาชนะไปได้ 2-1 ประตู หลังจากจบเกมการแข่งขันนอกสนาม Mordovia Arena แฟนบอลชาวโคลอมเบีย Guillermo Morales วัย 40 ปี ได้อัดคลิปวิดีโอหลอกสาวแฟนบอลชาวญี่ปุ่น 2 คนให้พูดวลีภาษาสเปนตามเขา… คลิปวิดีโอต้นเหตุ โดยที่สาวคนแรก ผู้ไม่พูดและไม่เข้าใจภาษาสเปนได้พูดวลีตามเขาว่า ‘Yo soy perra’ แปลได้คร่าวว่า ‘ฉันเป็นหญิงขายบริการ’ โดยที่ไม่มีการอธิบายความหมายใดๆ เพิ่มเติม พร้อมกับให้พูดวลี ‘Mas puta’ อันมีความหมายไปในทางทิศเดียวกัน อีกคลิปหนึ่ง ชายคนเดียวกันไปหลอกแฟนบอลญี่ปุ่นผู้ชายอีกสองราย ให้พูดคำว่า ‘Yo…
-
มนุษย์ป้าหัวร้อนอาหารไม่สุก เททิ้ง+ขว้างใส่ พนง. ชาวจีน แถมพูดจาเหยียดต่อไปอีก!!
ถึงจะโมโหหรือโกรธเกรี้ยว การพูดเหยียดคนอื่นก็ยังไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำอยู่ดี เพราะในฐานะของมนุษย์แล้วทุกคนควรจะมีความเท่าเทียมกัน แต่หญิงรุ่นราวคราวป้าคนหนึ่งเกิดอารมณ์ฉุนเฉียว ณ ร้านอาหารจีนในประเทศอังกฤษ เมื่ออาหารที่ตนสั่งมัน “ไม่สุก” จนกระทั่งต้องเปล่งวาจาเหยียดเชื้อสายออกมาเสียอย่างนั้น เรื่องราวนี้จึงกลายเป็นดราม่าในอินเทอร์เน็ตไปในทันที เหตุการณ์เกิดขึ้น ณ ร้านอาหารจีน Wonderful Chinese ในเมืองเวสต์ยอร์กไชร์ ประเทศอังกฤษ ราวๆ 1 สัปดาห์เห็นจะได้ หญิงไม่ระบุตัวตนได้เกิดโวยวายที่หน้าเคาน์เตอร์คิดเงินก่อนจะเทอาหารทิ้งและตามด้วยวาจาเหยียด หญิงคนดังกล่าวเทอาหารทิ้งบนเคาน์เตอร์เพราะไม่พอใจที่มันไม่สุก แถมตามด้วยการขว้างปาอาหารใส่พนักงานอีกด้วย พนักงานหญิงเชื้อสายจีนตอบโต้ด้วยการห้ามไม่ให้มาที่นี่อีก พร้อมขู่ว่าจะแจ้งตำรวจ และนั่นทำให้หญิงผู้ฉุนเฉียวเกิดหัวร้อนยิ่งกว่าเก่าจนต้องเหยียดออกมาว่า “ฉันน่ะคนเมลแธม ฉันเกิดที่นี่เลย แต่แกน่ะแค่นั่งเรือข้ามมา” แล้วเธอก็ออกจากร้านไป มาดูคลิปเหตุการณ์กันดีกว่า https://twitter.com/dylanletremy/status/1005149571654340609 อย่างไรก็ตาม ความโมโหและความไม่ระมัดระวังในการใช้วาจา มันอาจทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ แค่อาหารไม่สุก กลายเป็นเหยียดกันเฉยเลย ที่มา: Dylaaaaan, metro และ nextshark
-
กลุ่มเฟสบุ๊กขี้ชังออกรับหน้า กับการปั่นกระแสใส่ Marie Tran จนต้องลบภาพในไอจี!!
ตั้งแต่การเริ่มต้นไตรภาคใหม่ของภาพยนตร์ชุดสงครามอวกาศ Star Wars ที่มีทั้งตัวละครหน้าเก่าและการกำเนิดตัวละครชุดใหม่ มีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบปะปนกันไป สิ่งที่รุนแรงมากที่สุดก็คือกระแสตอบรับของตัวละครใหม่ เริ่มจากที่ไม่ยอมรับในบทของตัวละคร จนลามไปถึงการเหยียดเชื้อชาติและหน้าตาของนักแสดง ซึ่งกรณีนี้เกิดขึ้นกับ Kelly Marie Tran ผู้รับบท Rose Tico ใน The Last Jedi Kelly Marie Tran ในบท Rose Tico (The Last Jedi) เธอทำการลบทุกภาพบนอินสตาแกรมของตัวเอง โดยที่ไม่มีการบอกกล่าวอะไรกับใครเลยทั้งคนใกล้ตัวและชาวเน็ตที่กำลังติดตามเธออยู่ ทั้งนี้ในวันที่ 8 มิถุนายน กลุ่มบนเฟสบุ๊ก Down With Disney’s Treatment of Franchises and its Fanboys (ชื่อจะยาวไปไหน) ได้ทำการอ้างว่าการโจมตีทางโซเชียลมีเดียต่อ Marie Tran จนต้องปิดไอจีนั้น เป็นฝีมือของพวกเขาเอง และการโจมตีครั้งนี้ถือว่าเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของแฟนๆ สตาร์วอร์ที่เกลียดดิสนีย์และไม่ต้องการให้มีความหลากหลายทางเชื้อชาติหรือเพศในจักรวาลหนังอันเป็นที่รักของพวกเขา …
-
สาวเอเชียถูกเหยียด “ชอบกินหมาแมวใช่ไหม?” ได้รับเงินชดใช้เกือบ 3 แสนบาท!!
เชื่อว่าหลายคนอาจไม่เข้าใจว่าการกระทำหรือคำพูดแบบใดบ้างถึงจะเรียกว่าเป็นการ “เหยียด” คนอื่น ฉะนั้น มันก็อาจมีบ้างทีที่เราจะพูดอะไรออกไปแล้วไปเหยียดคนอื่นเข้าโดยไม่ได้เจตนา ขณะเดียวกันก็มีคนที่ตั้งใจจะพูดเหยียดคนอื่นจริงๆ คนที่ชอบเหยียดคนอื่น ซึ่งทำให้ผู้อื่นต้องเจ็บช้ำน้ำใจ ก็สมควรจะชดใช้ในสิ่งที่เขากระทำลงไป อย่างเช่นเหตุการณ์ต่อไปนี้… หญิงสาวชาวเอเชียที่เข้าไปทำงานยังบริษัทบัญชีแห่งหนึ่งในไอร์แลนด์ เมื่อราวๆ เดือนกรกฎาคม 2017 เพียงเดือนแรกที่เธอเข้าทำงาน เพื่อนร่วมงานเพศชายก็เข้ามาถามด้วยความเหยียดว่า “ผมได้ยินมาว่าแมวและหมาเป็นอาหารจานหลักของชาวเอเชียนี่ คุณชอบทานมันใช่ไหม?” คำถามนั้นทำให้หญิงสาวเสียความรู้สึกอย่างมาก เธอไปรายงานกับผู้จัดการด้วยน้ำตา จากนั้นผู้จัดการจึงรับปากว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้ โดยการทำให้ชายที่เหยียดเธอต้องออกมาขอโทษ ในวันที่ 10 พฤศจิกายน หญิงสาวคนนี้ก็ลาออกจากตำแหน่งงานเดิม และก็ได้ยอมรับคำขอโทษของเพื่อนร่วมงานที่เคยพูดจาเหยียดเธอ แต่เรื่องราวกลับใหญ่โตไปถึงองค์กร Workplace Relations Commission (WRC) ที่ขอให้บริษัทชดใช้ให้เธอเป็นจำนวนเงินราว 296,000 บาท ขณะในระหว่างการสอบสวน ทางองค์กรก็ทราบมาอีกว่า เพื่อนร่วมงานชายคนดังกล่าวยังมีพฤติกรรมเหยียดแบบอื่นอีก เขาได้แอบถ่ายรูปของสาวเอเชียคนนี้และส่งไปให้เพื่อนของเขาดู แถมเธอยังบอกว่า บางครั้งแอบเห็นเพื่อนของเขาคนหนึ่งเรียกเธอว่า “แม่สาวร่องสวย” นอกจากนี้ ชายคนเดิมยังมีพฤติกรรมเหยียดอื่นๆ อีกมากมาย เช่น พูดว่า “ผมคงจะได้หญิงสักคนในคืนที่คุณไปเที่ยว เพราะที่ที่คุณไปผมก็จะไปด้วยเหมือนกัน”…
-
เน็ตไอดอลสาวฝรั่ง ประกาศแต่งกับแฟนเกาหลี คอมเม้นท์เหยียดแรงยิิ่งกว่าคำยินดี…
ในอีกฟากโลกทางตะวันตกนั้นปัญหาการเหยียดผิวยังคงมีอยู่ รวมไปถึงการเหยียดเชื้อชาติอย่างชาวเอเชีย ที่มักจะถูกเหมารวมเป็น ‘คนจีน’ ก็ยังคงมีอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะในโลกออนไลน์หลังแป้นคีย์บอร์ด ที่ใครจะแสดงความคิดเห็นอย่างไรก็ได้ จากโพสต์ของคนกลางที่กลายมาเป็นเหยื่อทางความคิดของตน… Lisa Vannatta และแฟนหนุ่ม Jay หลังจากที่สตรีมเมอร์สาว Lisa Vannatta ได้ทำการเปิดตัว Jay แฟนหนุ่มชาวเกาหลีให้กับเหล่าแฟนคลับได้รับรู้ ก็เกิดเป็นประเด็นอ่อนไหวขึ้นมาทันทีในทำนอง ‘ผู้ชายเอเชียไม่คู่ควรกับหญิงผิวขาว’ หรือ ‘เธอตกอับถึงกับต้องคว้าผู้ชายเอเชียมาเป็นแฟน’ และอีกครั้งเมื่อเธอโพสต์ภาพถ่ายผ่านอินสตาแกรม พร้อมกับแคปชั่นประกาศแต่งงาน https://www.instagram.com/p/BjDw1GnACFA/ โดยก่อนหน้านี้ หลังจากที่เธอเปิดตัวคบกับแฟนหนุ่มชาวเกาหลี เธอต่างต้องพบเจอกับความคิดเห็นเชิงลบอย่างรุนแรง และมีเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น ‘พวกโรคไข้เหลือง’ จนไปถึง ‘นังทรยศเชื้อชาติ’ ในส่วนของ Jay ก็เจอหนักไม่แพ้กัน แถมโดนด่าบ่อยกว่าแฟนสาว ทั้ง ‘เอเชียสั้นป้อม’ ‘พวกผิดเพศ’ ‘เจ๊ก’ และ ‘ไอ้โชคช่วยแย่เม็ด’ และสารพัดคำด่าเปรียบเทียบต่างๆ นานาน พ่อหนุ่มน่าสงสาร แต่งงานกับสาวผิวขาวมีปัญหากับพ่อ แฟนเธอคือ PSY?…
-
โกรธใครมา… หญิงชี้หน้าด่าชูนิ้วกลาง ไล่ชายอัฟกันกลับประเทศ ถูกลงดาบไล่ออกหลังคลิปหลุด!!
การให้ความเคารพผู้อื่นดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ยากมากๆ สำหรับใครก็ตามที่ยังคงมองผู้คนจากภายนอก ภาพลักษณ์ภาพจำที่คนคนนั้นมีเชื้อชาติแตกต่างไปจากตน ต่อให้เป็นพลเมืองในชาติเดียวกันภายหลังก็ตามที… เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับนาย Monir Omerzai และผองเพื่อน ที่ต้องเผชิญหน้ากับหญิงชาวแคนาดานามว่า Kelly Pocha ภายในร้านอาหาร Denny ณ เมืองเลทบริดจ์ รัฐแอลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา หญิงแคนาดาเดือด ใช้วาจาและกิริยารุนแรงไล่กลับประเทศ คลิปทั้งหมดถูกบันทึกและเผยแพร่ผ่านโลกอินเทอร์เน็ตมาได้ไม่นานนัก และกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างรวดเร็ว เมื่อนาย Omerzai ผู้มาจากอัฟกานิสถานเมื่อ 13 ปีที่แล้ว พร้อมกับเพื่อนอีก 3 คน ใช้ภาษาท้องถิ่นพูดคุยภายในร้าน ก็เจอกับคู่กรณี Pocha เดือดดาลชี้หน้าด่าแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “หุบปากเน่าๆ ของเอ็งซะ” Pocha เปิดบทสนทนาที่ดูเหมือนจะเป็นการด่าในต้นคลิป “พวกเอ็งรู้มั้ยว่า กำลังเผชิญหน้ากับหญิงชาวแคนาดาตัวจริง กรูจะปีนข้ามโต๊ะไปต่อยปาก*งเดี๋ยวนี้แหละ” แม้ว่าทางฝั่ง Omerzai จะคลี่คลายความเดือดด้วยเสียงหัวเราะกลบเกลื่อน แต่อีกฝั่งไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น “กลับประเทศ*งไปเลย พวกกรูไม่ต้องการพวก*งอยู่ที่นี่” ฝ่ายผู้เป็นสามีของนาง Pocha ก็ห้ามปรามทั้งภรรยาตัวเอง และบอกให้อีกฝ่ายใจเย็น…
-
ชาวเมืองโอ๊คแลนด์รวมตัวออกมาจัด ‘ปาร์ตี้บาร์บีคิว’ ณ จุดเกิดเหตุ ‘สาวโทรแจ้งตำรวจ’
สืบเนื่องจากประเด็นเรื่องการเหยียดผิวของ หญิงสาวที่โทรแจ้งตำรวจเพราะครอบครัวผิวสีจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวในสวนสาธารณะ เข้าไปอ่านข่าวเก่าได้ที่ : สาวโทรแจ้งตำรวจ เพราะเห็น ‘ครอบครัวผิวสี’ มาจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวในสวนสาธารณะ ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2018 เว็บไซต์เดลี่เมล ได้รายงานว่ามีความเคลื่อนไหวของชาวเมืองโอ๊คแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ร่วมกันออกมาปิ้งบาร์บีคิวจัดปาร์ตี้กันที่ริมทะเลสาบ Merritt กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งริมทะเลสาบนั้นเป็นสถานที่เกิดเหตุที่ครอบครัวผิวสี ถูกหญิงสาวโทรแจ้งตำรวจว่าพวกเขามาปิ้งบาร์บีคิวพร้อมกับใช้ถ่าน โดยอ้างว่าสถานที่นั้นห้ามใช้ถ่านปิ้งบาร์บีคิว จนกลายเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วโซเชียล ชาวเน็ตหลายคนที่ได้ชมคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวต่างก็ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งกับการกระทำของหญิงสาว ตามรายงานระบุว่าในคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ชาวเมืองโอ๊คแลนด์จำนวนมากออกมาปิ้งย่างกันอย่างสนุกสนาน พร้อมกับมีการอัปคลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวลงโซเชียลเน็ตเวิร์ก มีการแคปชั่นคลิปวิดีโอเอาไว้ว่า “นี่คือสิ่งที่คนผิวสีในโอ๊คแลนด์ทำ เมื่อหญิงสาวผิวขาวโทรแจ้งตำรวจ เพราะเห็นครอบครัวผิวสีจัดปาร์ตี้บาร์บีคิว” จากในคลิปวิดีโอจะพบว่าในกลุ่มคนที่มาร่วมงานปาร์ตี้ประกอบไปด้วยทั้งคนผิวสี และผิวขาวมากมาย หลังจากที่ชาวเน็ตคนอื่นๆ ที่ได้เห็นคลิปวิดีโอเหตุการณ์นี้ ก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า “หญิงสาวคนนั้นทำให้เกิดคลื่นพลังที่ออกมาต่อต้านและสิ่งนี้เลยเกิดขึ้นมา ขอขอบคุณความเกลียดชังของเธอนะ” คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่า เรื่องของการ ‘เหยียดผิว’ นั้นไม่ได้เป็นที่ยอมรับของคนจำนวนมาก และผู้คนก็ออกมาทำอะไรบางอย่างที่แสดงให้เห็นว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ที่มา : dailymail,…
-
สาวโทรแจ้งตำรวจ เพราะเห็น ‘ครอบครัวผิวสี’ มาจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวในสวนสาธารณะ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัญหาการเหยียดผิวในประเทศอเมริกานั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำ และเรามักจะเห็นตามข่าวอยู่บ่อยๆ เช่นเดียวกันกับเรื่องราวที่ #เหมียวหง่าว จะหยิบมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังต่อไปนี้… เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2018 เว็บไซต์เดลี่เมลรายงานว่าหญิงสาวคนหนึ่งถูกถ่ายคลิปวิดีโอขณะกำลังโทรแจ้งตำรวจ เพราะมีครอบครัวผิวสี มาย่างบาร์บีคิวกินกันอย่างมีความสุขที่สวนสาธารณะในเมืองโอ๊คแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ตามรายงานระบุว่า หญิงสาวคนดังกล่าวบอกว่าครอบครัวนั้นใช้ถ่านในการปิ้งย่างบาร์บีคิว ซึ่งสถานที่ตรงนั้นอยู่ข้างทะเลสาบ Merritt และเป็นสถานที่ที่อนุญาตให้ทำการปิ้งย่างได้ หนึ่งในผู้อยู่ในเหตุการณ์ชื่อว่า Michelle Snider พบเห็นความปกติ และคิดว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจะสร้างความรังควานให้กับครอบครัวผิวสี ด้วยการโทรศัพท์แจ้งตำรวจ เธอก็เลยถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้ คลิปวิดีโอถูกนำไปโพสต์ลงโซเชียล และได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก ในคลิปดังกล่าว Snider ถามคำถามกับหญิงสาวที่โทรแจ้งตำรวจว่า “ทำไมคุณถึงโกรธนัก ที่พวกเขามาย่างบาร์บีคิวกันตรงนั้น?” ทางด้านหญิงสาวก็ตอบว่า “เพราะมันสร้างค่าใช้จ่ายให้กับเมืองของเรา เมื่อเด็กๆ ได้รับบาดเจ็บจากถ่านที่พวกเขาใช้ในการปิ้งย่าง” พอโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปได้สักพักหญิงสาวก็เดินหนีไปหาตำรวจที่อยู่ตรงร้านขายของชำที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่ง Snider ก็เดินถ่ายคลิปตามไปด้วย จากนั้นหญิงสาวก็เริ่มร้องไห้ และบอกเจ้าหน้าที่ว่าเธอ ‘ถูกคุกคาม’ เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวก็เข้าไปไกล่เกลี่ยสถานการณ์ และไม่ได้ทำการปรับครอบครัวผิวสีแต่อย่างใด พื้นที่ริมทะเลสาบ Merritt…
-
เมื่อบุคคลไม่มีเชื้อเอเชีย ใส่กี่เพ้าเคล้าดราม่าไปร่วมงานพรอม ชาวเน็ตติงถึงความเหมาะสม!!
เอกลักษณ์ของชุดประจำเชื้อชาตินั้นยังคงเป็นสิ่งที่ถกเถียงกันว่า ควรจะให้บุคคลเชื้อสายอื่นได้มีโอกาสสวมใส่ได้หรือไม่ หรือในอีกประเด็นหนึ่งก็คือการนำชุดไปใส่ในงานต่างๆ นั้นมีข้อจำกัดอยู่มากน้อยแค่ไหนกัน… อันเนื่องมาจากประเด็นที่ชาวเน็ตต่างชาติกำลังพูดถึงกันอยู่ก็คือ ชุดกี่เพ้า อันเป็นชุดเอกลักษณ์เฉพาะของชาวจีน มีหญิงรายหนึ่งสวมใส่ชุดนี้ไปร่วมงานพรอม แต่กลับถูกวิจารณ์อย่างหนักเนื่องจากการใส่ชุดกี่เพ้าไปงานพรอมนั้นไม่เหมาะสม และลามไปจนถึงไม่มีเชื้อสาย ‘เอเชีย’ เรื่องมันเกิดขึ้นจาก @daumkeziah ได้ทำการโพสต์รูปภาพของเธอในชุดกี่เพ้าเข้าร่วมงานพรอม มองผิวเผินทั่วไปก็คงจะเป็นชุดสวยๆ ที่ใส่ออกงานอยู่แล้ว แต่ทว่าหลังจากโพสต์ถูกรีทวีตไปเป็นจำนวนมาก ข้อความที่มองกลับในฝั่งตรงข้ามก็มีเยอะเช่นเดียวกัน แบบนี้ไม่โอเค ฉันคงไม่ใส่ชุดประจำชาติเกาหลี ญี่ปุ่น หรือชุดประจำชาติอื่นๆ และฉันเป็นชาวเอเชีย ฉันจะไม่ใส่ชุดประจำชาติไอร์แลนด์ สวีเดน หรือกรีก ด้วยเช่นกัน มันมีประวัติศาสตร์อยู่เบื้องหลังชุดเหล่านี้อยู่นะ เศร้าใจจัง วัฒนธรรมเอเชียไม่ใช่เรื่องสุนทรียะที่คุณจะเอามาใช้ได้ ความตั้งใจของเธอไม่ตรงประเด็น การตัดสินใจอันย่ำแย่นี้เป็นการยึดครองทางวัฒนธรรมและเป็นการสร้างภาพวัฒนธรรมของเราให้คนขาว กรุณาดูรางเหง้าตัวเองด้วย วัฒนธรรมของเราไม่ได้เป็นชุดไปงานพรอมนะ! อย่างไรก็ตามเธอพยายามอธิบายว่าไม่ได้ตั้งใจลบหลู่วัฒนธรรมชาวจีน เพียงแค่ชื่นชมและจะไม่ยอมลบเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด มันก็เป็นแค่ชุด และมันก็สวยมากๆ แม้จะมีใครบอกกล่าวไปแล้ว ว่าเธอไม่ใช่ชาวเอเชีย จะเป็นการดีกว่าที่เธอจะยอมฟังชาวเอเชียแท้ๆ เพราะเธอกำลังบอกว่าชื่นชมวัฒนธรรมของพวกเขาอยู่นะ ชาวเน็ตบางรายก็เข้ามาย้ำอีกรอบว่า เพราะท่าทางของเธอนั่นแหละ… …
-
กรณีซ้ำซ้อน!? ผู้จัดการฟิตเนสเรียกตำรวจจับชายผิวสีที่ใช้พาสชั่วคราวจนตนโดนไล่ออกเอง
การเหยียดสีผิวยังคงมีอยู่ในสังคมมนุษย์เราในปัจจุบัน ถึงแม้จะมีการเปิดกว้างเปิดแนวคิดใหม่ๆ แล้วก็ตาม สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นปัญหาที่ฝังรากลึก และไม่อาจทำให้หายไปได้เสียที… อย่างในกรณีล่าสุดก็คือ พนักงานสตาร์บักส์แจ้งตำรวจจับ 2 ชายผิวสีในร้าน เหตุเพราะขอเข้าห้องน้ำ แต่ไม่สั่งกาแฟ และตามมาด้วยผู้จัดการฟิตเนสแห่งหนึ่ง แจ้งตำรวจมาจับชายผิวสีที่ทำทีเข้ามาหาเพื่อนด้วยพาสชั่วคราว… เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2018 มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของผู้จัดการฟิตเนสของบริษัท L.A. Fitness ในเมือง Secaucus รัฐนิวเจอร์ซีย์ ทำการโทรเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้มารวบตัวชายผิวสีสองราย โดยให้เหตุผลว่าทั้งสองไม่ได้เป็นสมาชิกของฟิตเนสอย่างถูกต้อง ทั้งๆ ที่หนึ่งในนั้นคือ สมาชิกที่ใช้บริการมานานต่อเนื่องถึง 8 ปี และอีกคนหนึ่งก็ใช้พาสเข้าใช้งานฟิตเนส 4 วัน ตามกฎระเบียบของฟิตเนส เพื่อนผู้เป็นสมาชิกฟิตเนสมา 8 ปี (ซ้าย) และนาย Tshyrad Oates (ขวา) นาย Tshyrad Oates คือผู้ที่ถูกกล่าวหาจากผู้จัดการฟิตเนส เผยให้เห็นว่าพาส 4 วันที่เขาใช้งานนั้นถูกต้องตามกฎ เพื่อที่จะเข้ามาออกกำลังกายพร้อมกับเพื่อนผู้ที่เป็นสมาชิกของฟิตเนสแห่งนี้มาอย่างยาวนาน…
-
ชาวเน็ตไทยเปิดประเด็น ‘ดูถูก’ ประเทศกัมพูชา นำไปสู่ดราม่า ด่ากันยับ หยุดไม่อยู่แล้ววว!!
กำลังกลายเป็นประเด็นเด่นประเด็นร้อนเลยทีเดียวเชียวกับกรณีของชาวเน็ตมือดีคนหนึ่ง ที่อยู่ดีๆ ก็ไปคอมเมนต์ด่าคอมเมนต์ของชาวกัมพูชาแบบเสียๆ หายๆ เหยียดชนชาติ แล้วก็เกิดการถกเถียงกันจนกลายเป็นดราม่า เรื่องราวมันเริ่มต้นจากเน็ตไอดอลชื่อดังชาวฟิลิปปินส์นามว่า Ranz Kyle ได้มาเที่ยวสงกรานต์ที่ประเทศไทย และเมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมาพี่แกก็โพสต์ภาพลงบนแฟนเพจเฟซบุ๊กเพื่ออวดแฟนๆ พร้อมกับแคปชั่นว่า “วันสุดท้ายของสงกรานต์ เราไปร่วมเทศกาลและไปเต้นทุกที่กันเถอะ” โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากแฟนคลับของเขาเป็นอย่างมากจนมีคนเข้ามากดไลก์ถึง 43,000 ครั้ง และแชร์ไปอีกกว่า 4,783 ครั้งเลยทีเดียว แต่เรื่องก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไร จนมีคอมเมนต์ของชาวเน็ตรายหนึ่งที่คาดว่าจะเป็นคนไทยไปพิมพ์ตอบในคอมเมนต์ของชาวกัมพูชาในภาพของเน็ตไอดอลคนดังกล่าวเพื่อเชิญชวนไปเที่ยวสงกรานต์ที่ประเทศกัมพูชาบ้าง คอมเมนต์ที่ชาวเน็ตไทยไปตอบมีความว่า “ใครอยากจะไปที่ประเทศของเธอกัน ทั้งยากจน ยังไม่พัฒนา การเดินทางก็ยากลำบาก แถมอันตราย ที่พักก็ไม่ได้มาตรฐาน แถมยังสกปรก ผู้คนท้องถิ่นที่นั่นไร้วัฒนธรรมและไม่มีศีลธรรม” (ตอนนี้คอมเมนต์นั้นได้ลบไปแล้ว) เท่านั้น แหละชาวเน็ตทั้งกัมพูชาก็เดือดดาลมาด่าประเทศไทยแบบเหมารวม ชาวเน็ตไทยบางส่วนก็เข้าไปผสมโรงด่าตอบโต้ชาวเน็ตกัมพูชาอย่างดุเด็ดเผ็ดมันส์ แต่ก็มีชาวเน็ตบางส่วนที่เข้าไปขอโทศแทนชาวไทยที่ทำพฤติกรรมแย่ๆ “ถึงประเทศไทย ที่คุณบอกว่าประเทศกัมพูชารถติดเดินทางลำบาก มีอุบัติเหตุเยอะ โปรดลืมตาขึ้นมามองความจริงบ้างเถอะ” “ถึงชาวไทย คุณเคยเรียนประวัติศาสตร์มาก่อนหรือไม่? คุณครูของคุณได้บอกมั้ยว่าวัฒนธรรมของบ้านคุณน่ะขโมยของเขมรมา นี่คือภาพของวัดแห่งหนึ่งในเขมรไม่ใช่ที่อยุธยา” “สงกรานต์ที่ประเทศกัมพูชายังคงความเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมอยู่ ไม่เหมือนกับสงกรานต์ของไทย ที่มีการเต้นแบบไม่น่าดูชม แถมใส่เสื้อผ้าไม่มิดชิดอีก”…
-
เมื่อ ‘หมอแปลก’ มาเยือนเกาหลี ‘ยกมือไหว้’ ทักทายแฟนๆ ถูกกล่าวหาว่าเหยียดเชื้อชาติ!!
กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลทั้งบ้านเรา ที่เกาหลี และลามไปทั่วโลก… กรณีของดาราชื่อดัง Benedict Cumberbatch หรือพี่หมอแปลก ได้เดินทางมายังประเทศเกาหลีใต้เพื่อโปรโมตภาพยนตร์ Avengers ภาคล่าสุด ที่กำลังจะเข้าฉายในเร็วๆ นี้ ตอนเดินออกมาจากเกตก็มีแฟนๆ มาต้อนรับมากมาย พี่แกก็ ‘ไหว้’ เพื่อเป็นการทักทาย แต่ผ่านไปไม่ทันไร ก็กลายเป็นเรื่องดราม่าซะได้!? เพราะจู่ๆ มีแฟนๆ ชาวเกาหลีไปโพสต์ดราม่าในทวิตเตอร์ว่าพี่ Benedict น่ะ เหยียดเชื้อชาติเฉยเลย ภาพการไหว้ที่กลายเป็นดราม่า… ประเด็นเหยียดเชื้อชาติที่ชาวเน็ตเกาหลีกล่าวถึง “Benedict Cumberbatch มาเยือนเกาหลี แต่ทักทายแฟนๆ แบบนี้ ทำให้แฟนๆ ชาวเกาหลีผิดหวังเพราะว่าเราไม่ได้ทักทายกันแบบนี้ แต่คนดังมากมายพอมาเที่ยวที่นี่มักจะทำแบบนี้ ซึ่งพวกเขาไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย” “ถึงคนขาวทั้งหลาย การประกบมือสองข้างไว้ด้วยกันแล้วกล่าวทักทายเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำในทวีปเอเชีย นอกเสียจากว่าคนที่คุณเจอน่ะเป็นพระ ไอ้พวกขี้เหยียด” บ้างก็ถึงกับเขียนข้อความทับลงไปบนภาพเลย “นี่ไม่ใช่วัฒนธรรมของเกาหลี” อย่างไรก็ตาม มีคนที่ไม่ได้คิดเหมือนกับกลุ่มคนข้างบน ออกมาแสดงความคิดเห็นเพื่อปกป้อง Benedict โดยบอกว่าที่เขาทำมันก็ไม่ได้ถึงกับผิดร้ายแรงขนาดเหยียดเชื้อชาติสักหน่อย …
-
สาวเมาลั่นวาจาเหยียดชนชาติ “ไล่กลับประเทศ” หลังขอน้ำดื่มฟรีกับพนักงานไม่สำเร็จ
เนี่ยแหละนะ เวลาที่แอลกอฮอล์เข้าร่างกายจนมึนเมา คนเราก็มักจะทำอะไรออกไปโดยไม่คิด ซึ่งบางครั้งมันก็อาจจะนำไปสู่สิ่งเลวร้ายอันเป็นภัยต่อตนเองและผู้อื่นได้ อย่างเช่นเหตุการณ์นี้ ที่หญิงสาวคนหนึ่ง เชื่อว่าน่าจะอยู่ในช่วงวัย 20 ปีกว่าๆ ได้เข้ามายังร้านขายไก่ทอดแห่งหนึ่งขณะที่ตนกำลังเมามาย และได้กระทำการเหยียดหยามพนักงานขาย ทั้งไล่กลับประเทศบ้านเกิดและถ่มน้ำลายใส่ ทั้งนี้ เนื่องมากจากหญิงสาวคนดังกล่าวถูกพนักงานขายปฏิเสธที่จะให้น้ำดื่มกับเธอฟรีๆ เหตุการณ์เกิดขึ้นในร้านขายไก่ทอดชื่อว่า Chicken Stop ในเมืองเชฟฟีลด์ ประเทศอังกฤษ หลักฐานที่เป็นคลิปวิดีโอจากพนักงานเผยว่าหญิงคนดังกล่าวใช้วาจารุนแรงโดยกล่าวว่า “พวกเรามาจากอังกฤษนะเว้ยเพื่อน กลับประเทศแอลจีเรียของแกไปไป๊ แกน่ะมันตัวอัปยศ …พวกเราเกิดและเติบโตในประเทศอังกฤษ และเราก็โคตรเชื่อมั่นในประเทศบ้านเกิดเลยว่ะ” ภายหลังทราบว่า ผู้กระทำมีนามว่า Amina “ถุ้ยย” เธอถ่มน้ำลายใส่พนักงานหนุ่ม ลองมาชมวิดีโอเหตุการณ์จริงกันเถอะ ทั้งนี้ก็มีชาวเน็ตมาให้ความเห็นต่างๆ นานาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น: “น่าโมโหจริงๆ ที่วิดีโอนี้ถูกเผยแพร่ไปทั่ว คือเราต้องฟังเรื่องราวจากทั้งสองฝ่ายอะ แค่วิดีโออันเดียวมันอาจตัดสินอะไรไม่ได้ เราเห็นได้ชัดเลยนี่ว่าฝ่ายหญิงเหมือนไม่พอใจเอามากๆ” “เธอนั่นแหละสร้างความอัปยศให้กับชนชาติตัวเอง” “เราเชื่อว่าชายที่อยู่หลังเคาท์เตอร์น่าจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้หญิงที่ด่านะ” “ภายหลังมีรายงานออกมาว่า หญิงคนนี้ชื่อ Ameena Khan อาศัยอยู่แถวถนนโบว์ฟีลด์ ดูเหมือนว่าหญิงคนนี้จะมีพฤติกรรมก้าวร้าวอยู่เสมอ ทั้งในบ้านและนอกบ้าน”…
-
หญิงผิวขาวเหยียดรุนแรง ด่ากราดลูกครึ่งเอเชียอเมริกัน ลั่นวาจาไล่ “กลับประเทศบ้านเกิด”
แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการรณรงค์ความคิดยุคใหม่ในเรื่องของ ‘การเหยียดเชื้อชาติ’ แต่ทว่าปัญหาดังกล่าวยังคงไม่จางหายไป เพราะประเด็นของการถกเถียงในเรื่องเลือดแท้หรือเลือดผสมนั้น ยังมีความรุนแรงในประเทศเสรีอย่างสหรัฐอเมริกาอยู่ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับ Tony Kao และครอบครัวในเมืองลองบีช รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อพวกเขาได้พูดคุยกับหญิงผิวขาวรายหนึ่ง โดยเป็นคลิปเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ ต่างฝ่ายต่างโต้เถียงกันในเรื่องของความไม่เข้าใจเรื่องเชื้อชาติ และมีการดูถูกเหยียดหยาม… ใจความระหว่างสองฝ่ายได้พูดคุยกันนั้น กล่าวถึงประเด็นที่ว่าทำไมหญิงรายนี้ต้องลั่นวาจาไล่เขากลับประเทศ ทั้งๆ ที่เขาก็เกิดและเติบโตในสหรัฐอเมริกา… Tony: “ผมก็แค่อยากจะให้คุณบอกกับทุกคนว่า ทำไมคุณถึงบอกให้เรากลับประเทศบ้านเกิดล่ะ” หญิงผิวขาว: “คุณต้องกลับไปที่ประเทศของตัวซะ” Tony: “แทบไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดในช่วงนี้เลย ทั้งๆ ที่เราเกิดและโตในสหรัฐฯ และคุณบอกให้ผมกลับบ้านเกิดเนี่ยนะ?” หญิงผิวขาว: “ฉันจะไม่มีวันบอกคุณหรอก” ทางด้าน Tony ได้ชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ว่า “เราเจอกับคนแบ่งแยกเชื้อชาติ ในย่านที่พักอาศัยของเรา ระหว่างที่กำลังเดินเล่นช่วงบ่ายกับภรรยาและลูกสาว จนมาพบกับหญิงผิวขาวที่เดินผ่านมาพร้อมกับพูดแบบนี้โดยที่ไม่หยุดเลย ผมอยากจะขอโทษภรรยาและลูกสาวที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ครั้งแรก คุณอาจจะเคยได้ยินเรื่องการเหยียดในสังคมของเรามาบ้าง… แต่เมื่อคุณได้เจอเข้าจริงๆ เป็นครั้งแรกพร้อมกับคนที่คุณรัก มันทำให้ทั้งวันของคุณพังได้ในพริบตา แทบไม่อยากจะเชื่อว่าความคิดแบบนี้ยังมีอยู่ในสหรัฐ และเมืองที่เปิดกว้างทางความหลากหลายและวัฒนธรรม” หลังจากที่คลิปถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตต่างก็รู้สึกไปในทำนองเดียวรู้สึกช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้น แทบไม่อยากจะเชื่อ รู้สึกภูมิใจกับคุณนะ Tony คุณควบคุมสถานการณ์ด้วยความนอบน้อม…
-
อดีตผู้เข้าประกวดมิสเยอรมนีเผย ถูกเลือกปฏิบัติและขู่ฆ่า เพียงเพราะเธอมีแฟนเป็น ‘คนเอเชีย’
ปัญหาเรื่องการเหยียดเชื้อชาตินั้นถือเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะกับเหล่าคนดังในโลกอินเตอร์เน็ตที่เป็นสาวหรือหนุ่มๆ ที่ออกมาเปิดเผยว่าแฟนของพวกเขานั้นเป็นคนเอเชีย คนเหล่านี้ก็มักจะถูกโจมตีกันยกใหญ่ ครั้งนี้เป็นคิวของอดีตผู้เข้ารอบสุดท้าย Miss Germany 2016 นามว่า Farina Beh ซึ่งปัจจุบันเธอได้ผันตัวมาเป็นยูทูบเบอร์ที่ใช้ชื่อว่า Farina Jo 파리나 ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 22,000 คน และด้วยความที่เธอสวย น่ารัก ย่อมทำให้มีคนชื่นชอบเธอมากมาย แต่จุดพีคมันอยู่ตรงที่เมื่อราว 1 เดือนก่อนเธอได้อัปโหลดคลิปที่เปิดตัวแฟนหนุ่มเกาหลีของเธอลงบนช่อง ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อสาวสวยเปิดตัวแฟนเป็นคนเอเชีย แฟนคลับที่เป็นคนเหยียดเชื้อชาติก็มักจะไม่พอใจเสมอ เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นยังไม่มีใครรับรู้จนกระทั่งผ่านไปสองสัปดาห์ Farina ก็ได้อัปโหลดคลิปใหม่อีกครั้ง โดยเธอออกมาพูดถึงจดหมายขู่ฆ่าเธอและแฟนหนุ่ม ผ่านช่องทางต่างๆ บนอินเตอร์เน็ต เธอเล่าว่า ตัวเธอกับแฟนหนุ่มนั้นคบกันมากว่า 2 ปีแล้ว เพียงแต่เธอไม่ได้เปิดเผยบนโลกอินเตอร์เน็ต เธอรู้ว่ามีคนเหยียดเชื้อชาติอยู่ทุกที่ เพียงแต่ในชีวิตจริงๆ เธอมักจะเจอแค่การเหยียดผ่านสายตาของผู้สูงอายุหัวเก่า ซึ่งเธอก็ไม่คิดว่าพอเปิดเผยเรื่องของเธอบนอินเตอร์เน็ตจะได้ผลลัพธ์แบบนี้ นอกจากนี้ Farina จดหมายขู่ฆ่าดังกล่าวนั้นไม่ได้มาเพียงแค่ช่องทางส่วนตัวของเธอเท่านั้น แต่มันมาถึงอีเมลในที่ทำงานของเธอกันเลยทีเดียว แถมวันหนึ่งก็ส่งมามากกว่า 12 ข้อความต่อวัน ทุกข้อความล้วนเป็นจดหมายขู่ฆ่าเธอกับแฟนหนุ่ม หรือเบาลงหน่อยก็จะบอกให้เธอหาแฟนใหม่ซะ…
-
ร้าน H&M ในแอฟริกาใต้ถูกถล่มจนเละ หลังจากมีดราม่าเสื้อที่มีคำพูดเชิงเหยียดเชื้อชาติ
หลังจากที่มีข่าวว่า H&M แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดัง นำรูปเด็กชายผิวสีสวมเสื้อฮู้ดที่มีสโลกแกน ‘Coolest Monkey in the Jungle’ (ลิงที่เจ๋งที่สุดในป่า) ซึ่งสื่อถึงการเหยียดสีผิว ขึ้นบนเว็บไซต์ ชาวเน็ตก็ได้ออกมาต่อต้านกันมากมาย แม้ว่าล่าสุดทาง H&M จะนำรูปเสื้อตัวนั้นออกจากเว็บไซต์ และมีคำขอโทษออกมาแล้ว แต่การประท้วงต่อการเหยียดคนผิวสีนั้นยังคงดำเนินต่อไป และมทวีความรุนแรงมากขึ้น รูปเด็กชายและเสื้อฮู้ดที่เคยอยู่ในเว็บไซต์ H&M ที่เป็นข่าวดังเรื่องเหยียดสีผิวในขณะนี้ ล่าสุด ผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งในประเทศแอฟริกาใต้ ได้บุกเข้าไปทำลายข้าวของในร้าน H&M ตามห้างสรรพสินค้ากว่า 6 แห่ง เนื่องจากไม่พอใจที่เสื้อตัวใหม่ของ H&M มีข้อความเหยียดสีผิวด้วย เหตุเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 13 มกราคาคมที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าการก่อเหตุรุนแรงขนาดใหญ่นี้ ได้มีการวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้ว โดยในคลิปวิดีโอหนึ่งที่บันทึกเหตุการณ์นี้ไว้ได้ จะเห็นว่ามีชายคนหนึ่งเข้ามากระโดดเตะราวเสื้อผ้าล้มระนาว จากนั้นก็มีคนอื่นๆ เข้ามาร่วมสมทบอีกด้วย นอกจากร้านค้า H&M ที่ได้รับความเสียหายแล้ว ลูกค้าที่กำลังซื้อของในร้าน และคนที่อยู่ใกล้เคียงก็ได้รับความเดือดร้อนไปด้วยเช่นกัน กลุ่มผู้ประท้วงยังคงทำลายข้าวของในร้านค้าโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แม้ว่าตำรวจจะเข้ามาห้ามปรามไว้แล้วก็ตาม ทำให้ท้ายที่สุด ตำรวจจำเป็นต้องใช้กระสุนยางยิงผู้ประท้วงเหล่านี้ และจับกุมตัวไว้ …
-
จากคลิปสามีเกาหลีลดน้ำหนักเพื่อภรรยา ทั้งสองกลับโดนคอมเมนต์ต่อว่าจำนวนมาก
ก่อนหน้านี้ในเดือนสิงหาคม 2017 #เหมียวมู่ทู่ เคยนำเสนอเรื่องราวของ Hugh Gwon หนุ่มเกาหลีผู้เปลี่ยนแปลงตัวเอง พยายามลดน้ำหนักเพื่อเป็นกำลังใจให้ภรรยา Nicholas สาวชาวออสเตรเลียที่ประสบปัญหาการมีลูกยาก (อ่านข่าวเก่าได้ที่ สามีตัดสินใจลดน้ำหนักจนมีซิกแพ็ค เพื่อให้กำลังใจภรรยา ในช่วง ‘ภาวะมีบุตรยาก’) จากการออกกำลังกายและควบคุมอาหารของเขา ทำให้สามารถลดน้ำหนักลงไปได้มากถึง 22 กิโลกรัม ในระยะเวลา 23 สัปดาห์ และภรรยาก็ตั้งท้องได้สำเร็จด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว จากความพยายามของเขา ทำให้เปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ เขาและภรรยารู้สึกยินดีกับผลลัพธ์ในครั้งนี้มาก ฟิตเปรี๊ยะ จำแทบไม่ได้เลยทีเดียว แต่ก็ไม่ได้มีเพียงเรื่องราวดีๆ เท่านั้น เพราะหลังจากที่ทั้งคู่โพสต์คลิปความพยายามและการประสบความสำเร็จของนาย Hugh ลงในโลกโซเชียล จนทำให้ชาวเน็ตเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ในหลากหลายแง่มุม ทำให้ทั้งสองต้องเจอการโจมตีในแง่ลบจากหลายๆ ความคิดเห็น คลิปความพยายามและการเปลี่ยนแปลงของหนุ่มเกาหลีคนนี้ คอมเมนต์จากชาวเน็ตที่เข้ามาโจมตีพวกเขาในหลายๆ เรื่อง.. เมื่อ Hugh ลดน้ำหนักแล้ว นี่คงถึงตาของคุณภรรยาแล้วแหละ . ชาวเน็ตคนนี้เข้ามาบอกว่า Nicholas ดูอ้วนมากๆ และมองว่านี่คือการกดขี่เรื่องเพศที่เหมือนบังคับให้ผู้ชายต้องมาออกกำลังกายอย่างหนัก แต่ผู้หญิงที่อ้วนเหมือนกันกลับไม่ต้องทำอะไร …
-
ชาวเน็ตขุดคุ้ยคุณแม่น้อง Keaton กุเรื่องกลั่นแกล้งขึ้นมา เพื่อเรี่ยไรเงินมาจุนเจือตัวเอง?
ก่อนหน้านี้เราอาจได้เห็นเรื่องราวของ Keaton Jones เด็กหนุ่มที่ออกมาพูดแสดงความรู้สึกเกี่ยวกับการที่ตัวเองถูกกลั่นแกล้งมาโดยตลอด จนทำให้คนดังจำนวนมากเข้ามาพูดให้กำลังใจเขา แต่ในวันนี้ได้มีคนเริ่มพูดถึงอีกหลายๆ ประเด็นที่อาจอยู่เบื้อหลังของเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อชาวเน็ตบางคนได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ Kimberly Jones แม่ของเด็กคนดังกล่าว หลังจากมีคนไปเห็นเพจ GoFundMe ที่เรียกร้องเงินให้ช่วยเหลือ Keaton จากการถูกกลั่นแกล้ง ซึ่งมีถึง 2 เพจด้วยกัน นั่นจึงทำให้มีคนสงสัยว่าเงินจะสามารถช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้จริงหรือเปล่า? ไม่แน่ว่าความจริงแล้วคุณแม่คนนี้อาจกำลังใช้ลูกเป็นเครื่องมือหาเงินก็ได้ คุณแม่ Kimberly ที่ได้กลายมาเป็นประเด็นจากคลิปลูกของเธอ ทาง GoFundMe ออกมาบอกว่า 1 ใน 2 เพจดังกล่าวถูกตั้งขึ้นมาจากชายคนหนึ่งที่ไม่ได้รู้จักกับ Kimberly เลย ในขณะที่อีกเพจเป็นของคุณแม่ที่เรียกเงินบริจาคสำหรับของขวัญวันคริสต์มาสของ Keaton แต่พอเริ่มมีคนขุดคุ้ยเบื้องหลังของครอบครัวนี้ ทั้ง 2 เพจก็กลับปิดตัวลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หลายๆ คนก็ยังคงสงสัยในตัวคุณแม่คนนี้อยู่ดี เมื่อ Joe Schilling นักศิลปะการต่อสู้แบบผสม (หรือเรียกว่า MMA) ได้พูดคุยกับเธอผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว เขากลับรู้สึกไม่พอใจอย่างมากหลังจากที่ความหวังดีของเขาถูกปฏิเสธ เพราะ Kimberly ต้องการแต่เงินเท่านั้น ด้วยความที่เขาสงสาร…
-
Born With It หนังสั้นเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของเด็ก ‘ผิวสี’ ในสังคมญี่ปุ่นที่ไม่ยอมรับในเชื้อชาติ
การเหยียดเชื้อชาติในประเทศญี่ปุ่น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดภายในสังคมและเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนอย่างมาก เรื่องนั้นทำให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้ามาศึกษาวัฒนธรรมอันสวยงามไม่ได้รับการต้อนรับจากคนในประเทศนี้ซักเท่าไหร่ ซึ่งพวกเขาบอกว่ามันเกิดจากความไม่รู้ถึงความแตกต่างไม่ใช่ความเกลียดชังอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เพราะอย่างนั้นจึงทำให้นักทำหนังชาวแอฟริกัน-อเมริกันจากเท็กซัสที่ชื่อว่า Emmanuel Osei-Kuffour ได้ใช้ประสบการณ์กว่า 6 ปีที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นมาถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ที่เขาต้องเจอมาตลอดผ่านหนังสั้น Born With It (生まれつき) หนังสั้นที่พูดถึงเรื่องราวของเด็กประถมผิวสีคนหนึ่งที่ต้องเจอกับเพื่อนร่วมห้องที่แสดงถึงการเหยียดเชื้อชาติตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้าไปในโรงเรียน โดยในหนังเด็กคนนี้ต้องพยายามพิสูจน์ให้เพื่อนเห็นว่าสีผิวไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจ คลิปที่ถูกตัดมาจากตอนต้นเรื่องของหนัง เขาบอกว่าการที่เขาถ่ายทอดผ่านมุมมองของเด็กก็เพราะเวลาที่เราเห็นใครสักคนสูญเสียความความไร้เดียงสาของตัวเองไป มันคือสิ่งที่มีพลังต่อความรู้สึกเราอย่างมาก “เป็นเรื่องราวของอคติและการได้เห็นเด็กๆ แสดงพฤติกรรมออกมาเหมือนกับผู้ใหญ่หลายคนที่ทำกับผมมาโดยตลอด เพียงเพราะผมเป็นนักท่องเที่ยวต่างเชื้อชาติจึงทำให้ได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจนเหมือนกับว่าผมไม่ใช่มนุษย์” เขากล่าว นอกจากนั้นชาวญี่ปุ่นหลายคนคิดว่าเขาไม่สามารถเข้าใจถึงแนวคิดและวัฒนธรรมของที่นี่ได้ในเมื่อไม่ได้เป็นคนญี่ปุ่น ซึ่งเขาสามารถสังเกตได้จากเวลาไปประชุมกับบริษัท งานเลี้ยง หรือการพูดคุยกับหลายๆ คน จากเรื่องราวสะท้อนสังคมทำให้หนังสั้นความยาว 17 นาทีเรื่องนี้ได้รับรางวัลจากงานเทศกาลหนังต่างๆ ทั่วโลกเช่นรางวัล The Best Film & Social Impact จากเทศกาลหนังสั้น NBC-Universal แม้ว่าเราจะเกิดมาแตกต่างกันแต่เราต้องไม่ลืมว่าถึงอย่างไรเราก็คนเหมือนกัน ที่มา: nextshark , japansubculture
-
ชาวเน็ตเดือดหลัง “เกมร้านอาหารจีน” ให้คนไล่จับหมาแมวไปทำอาหาร ว่าเหยียดเชื้อชาติ
กลายเป็นประเด็นสุดเดือดบนโลกโซเชียลเลยทีเดียว สำหรับเกม “Dirty Chinese Restaurant” จากค่าย Big-O-Tree Games เมื่อชาวเน็ตเห็นว่าเกมดังกล่าวนำเสนอเนื้อหาเหยียดเชื้อชาติอย่างรุนแรง และเกมดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับสมาชิกสภาคองเกรสเชื้อสายเอเชียเป็นอย่างมาก Dirty Chinese Restaurant จะให้เราบริหารร้านอาหารจีนในสหรัฐอเมริกาให้สามารถอยู่รอดปลอยภัยโดยใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด รวมทั้งต้องบริหารไม่ให้พนักงานของเราทำผิดกฎหมาย จนโดนส่งกลับประเทศอีกด้วย ซึ่งในการบริหารร้านนี้เอง เราสามารถจับหมาแมวในร้านมาประกอบอาหารเพื่อเป็นการลดต้นทุนได้ รวมทั้งเราต้องคอยห้ามไม่ให้ลูกจ้างชาวจีนของเราทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นพนันหรืออื่นๆ จนต้องถูกส่งตัวกลับประเทศ . เกมดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับสมาชิกสภาคองเกรสชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียอย่าง Grace Meng เป็นอย่างมาก โดยเธอคิดว่ามันเป็นการเหมารวมและเหยียดเชื้อชาติอย่างไม่น่าให้อภัย และอาจสร้างค่านิยมผิดๆ ให้กับคนทั่วไปได้ โดยเฉพาะการที่ร้านอาหารสามารถนำหมาแมวมาทำอาหาร และเธอยังเรียกร้องให้เจ้าของแพลตฟอร์มอย่าง Apple และ Google ถอดเกมออกจากสโตร์ของตนเองด้วย อย่างไรก็ตามทางทีมผู้พัฒนาก็ออกมาแถลงว่าเกมของพวกเขาไม่ได้มีเจตนาเหยียดเชื้อชาติแต่อย่างใด ซึ่งพวกเขาคิดว่ามุขตลกในเกมของเขา อยู่ในระดับเดียวกับซีรี่ส์ Family Guy หรือ South Park เท่านั้น แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดเห็นอย่างไรกับประเด็นนี้บ้าง ลองแสดงความเห็นกันเข้ามานะฮะ ที่มา Dailymail
-
ครอบครัวชาวมุสลิมได้รับ “หัวหมู” จากเพื่อนบ้าน เพราะไม่อยากให้มาสร้างบ้านอยู่ใกล้ๆ
ต้องบอกก่อนว่าเหตุการณ์ที่เรานำเสนอต่อไปนี้ ไม่ได้ต้องการสร้างความแตกแยก หรือเอามาล้อเล่นเป็นเรื่องตลกอะไรหรอกนะ แค่อยากให้เห็นว่ามันไม่สมควรจะเกิดขึ้นเลย ถ้าเราอยากอยู่ร่วมกันแบบสงบสุข โดยเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า เดิมทีครอบครัวของ Adnan Ali ผู้ย้ายถิ่นฐานจากอิรัก มาอาศัยอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ได้รับหัวหมู และคำด่าทอมากมายจากเพื่อนบ้าน เพียงเพราะไม่อยากให้พวกเขาสร้างบ้านอยู่ในละแวกนั้น เจ้าตัวเล่าว่า บ่อยครั้งที่เขากลับมาที่รถพร้อมกับเห็นหัวหมูวางอยู่แบบนี้ โดยครอบครัวของ Adnan Ali และลูกๆ อีก 5 คน ได้ย้ายมาอาศัยอยู่ที่ออสเตรเลียตั้งแต่ 20 ปีก่อน และปัจจุบันพวกเขาวางแผนที่จะสร้างบ้านที่ถูกต้องตามกฎหมาย ในย่าน Toongabbie ทางตะวันตกของซิดนีย์ แต่ดูเหมือนว่าความฝันที่อยากจะมีบ้าน และได้อยู่อย่างสงบสุขจากครอบครัวจะกลายเป็นฝันร้าย เมื่อเขาได้รับข้อความเชิงด่าทอเสียหาย และการเหยียดหยาม หนึ่งในป้ายที่พวกเขาได้รับ ‘ออกไปซะตอนนี้ อย่าเสียเวลา และเสียเงินของแกเลย ไอ้หมูอ้วน!!’ ‘เราก็ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงเกลียดเรานักหนา ทั้งที่เราไม่เคยสร้างความเดือดร้อนอะไรให้เลย และผมคิดว่าหัวหมูน่าจะหมายถึงสัญลักษณ์การต่อต้านความเชื่อทางศาสนาของเรา’ Adnan กล่าว พวกเขารู้สึกว่าตนเองถูกคุกคาม จึงเข้าแจ้งความกับสถานีตำรวจ นอกจากจะได้รับคำด่าทอเชิงเสียหาย…
-
หนุ่มอะบอริจิน เจอโต๊ะข้างๆ นินทาเหยียดเชื้อชาติ… เขากลับ ‘เลี้ยงน้ำชา’ ตอบแทนซะ!!!
ในส่วนของการเหยียดผิวหรือเชื้อชาตินั้น ถึงแม้จะมีการรณรงค์จากทั่วโลกว่าเป็นการกระทำที่ไม่ดี ไม่น่าเชิดชู และไม่ควรฝังความคิดลงไปให้กับเด็กๆ รุ่นใหม่ แต่กระนั้น ในสังคมเราก็ยังคงเห็นผู้คนทำเรื่องแบบนี้ต่อกันอยู่ดี Jared Wall ก็เป็นหนึ่งในนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนสัญชาติออสเตรเลีย แต่โดยพื้นเพแล้ว เขาเป็นชาวอะบอริจิน ที่เป็นชนพื้นเมืองเดิมของประเทศแห่งนี้ก่อนการเข้ามาของชาวตะวันตก ในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เขาและเพื่อนไปนั่ง เขาเผอิญไปได้ยินผู้หญิงผิวขาวสองคนกำลังพูดจาเกี่ยวกับการเหยียดเชื้อชาติอะบอริจินของเขาอยู่… โพสต์ของเขาที่กล่าวถึึงเรื่องนี้ ข้อความจากโพสต์คือ ‘วันนี้เราไปทานข้าวกลางวันที่ร้าน อาหารอร่อยมาก แต่โชคร้ายหน่อยที่เราดันไปได้ยินหญิงชราสองคนที่นั่งข้างๆ พูดคุยเกี่ยวกับเชื้อชาติของเรา (อะบอริจิน) ในเชิงเหยียดๆ พูดจริงๆ เราสามารถบันดาลโทสะตอนนั้นเสียก็ได้ แต่ผมเลือกอีกทางนั่นก็คือเลี้ยงน้ำชาให้กับพวกเขา พร้อมกับโน๊ตเล็กๆ น่ารักติดไปด้วย หวังว่าคราวหลังทั้งสองจะพูดก่อนคิดและที่สำคัญที่สุดก็คือเลิกทำพฤติกรรมแบบนี้เสีย’ Jared Wall ใครได้ยินเรื่องอะไรแบบนี้ก็คงจะโกรธหัวร้อนเป็นฟืนเป็นไฟกันอยู่แล้ว แต่แทนที่ Jared จะเข้าไปต่อว่าผู้หญิงทั้งสอง เขากลับทำสิ่งที่แปลกออกไป คือซื้อน้ำชาในร้านเลี้ยงเธอทั้งสองซะเลย พร้อมกับข้อความสั้นๆ แต่ทรงพลังเขียนติดไปกับใบเสร็จรับเงิน ‘Enjoy the tea! Compliments of the 2 aboriginals sitting…
-
นักเลงคีย์บอร์ดจ๋อย ใครโพสเหยียดผิว/เชื้อชาติ จะถูกทำป้ายประจาน!!
ปัญหาการเหยียดผิวและเชื้อชาติยังคงมีอยู่ในหลายๆที่ทั่วโลก แม้จะมีการรณรงค์ตลอด แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังสนุกสนานกับการเหยียดผู้อื่น โดยเฉพาะในสังคมออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น Twitter หรือ Facebook ทางประเทศบราซิลจึงทำการรณรงค์ต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ ด้วยแคมเปญ Virtual racism, consequences is real (เหยียดในโลกโซเชียล ได้รับผลกรรมในโลกจริง) โดยพวกเขาจะนำโพสที่มีข้อความเหยียดมาทำป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่ และนำไปติดในย่านที่คนโพสนั้นอาศัยอยู่ เรียกได้ว่าเป็นการแก้เผ็ดที่เจ็บแสบสำหรับพวกนักเลงคีย์บอร์ดที่โพสแล้วไม่คิด บนป้ายเขียนว่า “cabelo de parafuso enferrujado” แปลว่า “ผมเหมือนสกรูขึ้นสนิม” ประมาณว่าหัวทั้งหยิก ทั้งแดงน่าเกลียดอะไรประมาณนั้น ซึ่งแผ่นป้ายนี้ก็ถูกอกถูกใจชาวเมืองหลายๆคน เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่า บราซิลเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติมากที่สุดประเทศหนึ่งบนโลก พวกเขาจึงคิดว่า คนที่ชอบเหยียดผู้อื่น สมควรได้รับโทษบางอย่างจากสังคม ไปชมคลิปกันเลย ถ้าใครโดนประจานแบบนี้ ถึงจะเซ็นเซอร์ก็เถอะ คงจะเข็ดกับการเหยียดผู้อื่นไปอีกนาน ที่มา ONG Criola
-
สลดใจ กลุ่มเหยียดผิวตั้งแคมเปญ #BoycottStarWarsVII เพราะผู้กำกับให้บทสำคัญกับคนผิวสี!!?
เหมียวขอประนามการกระทำแบบนี้จะรุนแรงไปรึเปล่า -*- สำหรับการเหยียดผิวในต่างประเทศ ถึงจะมีการรณรงค์ออกมามากมาย แต่แน่นอนก็ยังมีให้เห็นกันอยู่เนืองๆ สำหรับโลกโซเชียลในตอนนี้กระแสการบอยคอทหนัง Star Wars VII ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นโดยเฉพาะในทวิตเตอร์ เพราะว่ามีคนผิวดำได้รับบทบาทสำคัญในหนังเรื่องนี้!!? โดยมีแฮชแทกกลุ่มว่า #BoycottStarWarsVII เหมียวเข้าใจว่าโลกนี้มีทั้งคนดี คนไม่ดีปะปนกันไปนะ แต่เห็นผู้คนที่มีความคิดแบบนี้แล้วเหมียวอยากท่องหนีไปในอวกาศอันไกลแสนไกลเสียจริงๆ นี่มัน พ.ศ. อะไรกันแล้ว เลิกเหยียดสีผิวกันได้แล้วววว -*- ลองมาดูดูทวิตเตอร์ของหลายๆ คนที่มีข้อความเหยียดสีผิวกัน… #BoycottStarWarsVII เพราะโปรดิวเซอร์มีส่วนในการผลักดันให้กำจัดคนผิวขาว… เพราะว่าหนังต่อต้านการโปรโมทของคนผิวขาว อันนี้แรงมาก มีใครอยากให้ลูกๆ ของตัวเองแต่งงานกับคนดำรึเปล่า!!? ถ้าคนผิวขาวไม่เป็นที่ต้องการในสตาร์วอร์ส เงินของเราก็ไม่ต้องการหนังเรื่องนี้เช่นกัน โอยยยย เหมียวนี่อยากจะหนีไปกาแล็กซี่อันไกลโพ้นจริงๆ แต่ยังดีที่มีกระแสต่อต้านการเหยียดสีผิวเช่นกัน และกำลังกลืนโพสต์สิ้นคิดพวกนี้ไปจนตอนนี้หาดูได้ยากแล้วล่ะ ก็รอกันไปยาวๆ ถึงวันที่ 17 ธันวาคม วันกำหนดฉายละกันเนาะ ใครไม่บอยคอทก็ไปดูกับเหมียวกันได้นะจ๊ะ ^^ ที่มา:…
-
ประโยชน์ดีๆ ที่ควรทำตาม กับการเหยียดเท้าออกมาหนึ่งข้างตอนนอนหลับ!!
เวลานอนเคยเป็นกันบ้างมั้ย อาจจะทั้งเผลอและตั้งใจกับการเหยียดเท้าออกมาหนึ่งข้างตอนนอนหลับ ส่วนเท้าอีกข้างก็ซุกเอาไว้ใต้ผ้าห่ม บางคนอาจจะไม่เคยทำเลยก็ได้ ซุกเท้าเอาไว้ทั้งสองข้างอยู่ใต้ผ้าห่มอยู่อย่างนั้น แต่รู้มั้ยเอ่ย? การเหยียดเท้าโผล่ออกมาหนึ่งข้างตอนนอนเนี่ยมีประโยชน์กับร่างกายมากๆ เลยนะ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่จะมาอธิบายให้เราเข้าใจได้ง่ายๆ กับประโยชน์ของการเหยียดเท้าออกมาหนึ่งข้างตอนนอน การเหยียดเท้าออกมาหนึ่งข้างนั้นจะช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะฉะนั้นหากรู้สึกร้อนแต่ไม่อยากถีบผ้าห่ม ก็ลองเหยียดเท้าออกมาซักหนึ่งข้างนะ จะช่วยได้ ถ้าอยากรู้ว่าจริงมั้ย คืนนี้ก็ลองเลย!! ที่มา : fooyoh