Tag: เอดส์
-
ผลตรวจผิดพลาด!! แม่เหมือนตกนรกทั้งเป็นนาน 6 ปี เข้าใจว่าเธอและลูกติดเชื้อ HIV
ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ แม้แต่กับผลตรวจทางการแพทย์และมันอาจกลายเป็นสิ่งที่ทำให้คนคนหนึ่งต้องทุกข์ทรมานอยู่กับความผิดพลาดในครั้งนั้นมาโดยตลอดเหมือนอย่างคุณแม่คนนี้ เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2018 เพจเฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ ได้โพสต์เรื่องราวของคุณแม่ที่เข้ามาระบายให้ทางเพจฟัง เป็นเรื่องของผลตรวจเลือดที่ผิดพลาด ทำให้เธอเข้าใจมาตลอดว่าลูกของเธอที่เพิ่งคลอดออกมาและตัวเธอเองนั้นติดเชื้อ HIV เธอเล่าว่าลูกคลอดออกมามีน้ำหนักเพียง 1,800 กรัม ซึ่งถือว่าน้อยกว่าเด็กทั่วไปค่อนข้างมาก ทำให้คุณหมอต้องเฝ้าดูอาการอยู่ในห้องอบเด็ก และบอกกับเธอว่ามีโอกาส 50/50 ที่เธออาจจะไม่สามารถพาน้องกลับไปเลี้ยงได้ตามปกติ ลูกของเธอนอนอยู่โรงพยาบาลนานถึง 3 วัน ก่อนที่จะสามารถกลับไปบ้านได้ เพราะร่างกายแข็งแรงดีแล้ว แต่ทว่าเธอกลับได้รับข่าวร้ายที่สะเทือนจิตใจเป็นอย่างมาก แพทย์แจ้งว่าเธอมีเชื้อ HIV (สาเหตุของภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง และอาจนำไปสู่โรคเอดส์) ไม่สามารถให้ลูกดื่มนมจากเต้าของเธอได้ และเด็กก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับเชื้อจากเธอไปด้วย ข่าวร้ายในครั้งนั้นทำให้เธอรู้สึกตกใจและเสียใจจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป สงสารลูกและหลานที่จะต้องใช้ชีวิตหลังจากนี้ ทำได้เพียงกอดลูกสาวแล้วร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ราวกับว่าครอบครัวของเธอตกนรกทั้งเป็น จนกระทั่งปัจจุบันผ่านมาเกือบ 6 ปี ลูกของเธอไม่สบายจึงต้องพาไปโรงพยาบาล แล้วหมอคนเดียวกันกับที่ทำคลอดให้เธอในตอนแรกสุดก็ต่อว่าเธอ เพราะเธอไม่ได้พาลูกมารับยาในตอนก่อนหน้านี้ จากนั้นคุณหมอก็ตรวจเลือดลูกสาวเธออีกครั้ง ก่อนที่วันต่อมาหมอจะแจ้งกับเธอว่า เด็กไม่ได้มีเชื้อ HIV แต่อย่างใด ทำให้เธอเริ่มสงสัยและถามกับหมอว่าถ้าเธอมีเชื้อจริง แล้วทำไมแฟนเก่าของเธอถึงไม่มีเชื้อดังกล่าว…
-
ภาพผู้ป่วยเอดส์ในยุค 90 ช่วงที่เอดส์แพร่ระบาด กับการรักษาด้วยการให้กำลังใจ
ย้อนกลับไปในปี 1993 Gideon Mendel หนึ่งในช่างภาพหนุ่มได้รับโอกาสเข้าไปทำการบันทึกภาพในโรงพยาบาล Middlesex ในวอร์ดผู้ป่วยโรคเอดส์ เขาใช้เวลาในการเข้าไปเก็บภาพนานประมาณ 3 สัปดาห์ก็ได้เห็นชีวิตของทั้งผู้ป่วย หมอและพยาบาลในมุมมองที่เปลี่ยนไป ในช่วงนั้นผู้ป่วยโรคเอดส์ส่วนมากอยู่ในวัยหนุ่มสาวโดยเฉพาะชายรักชาย ทัศนคติของคนอื่นที่มองผู้ป่วยโรคนี้ไม่ค่อยดีมากนัก ทำให้ช่างภาพคนอื่นๆ ที่ถูกเชิญมาบันทึกภาพไม่ค่อยกล้าที่จะเข้ามาสัมผัส แต่นาย Gideon เป็นผู้ที่กล้าก้าวผ่านประตูมาเพื่อสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง ที่โรงพยาบาลแห่งนี้แพทย์และพยาบาลใช้วิธีรักษาที่ดีมากๆ นั่นก็คือการให้กำลังใจผู้ป่วย ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มียารักษา การให้กำลังใจเป็นหนึ่งสิ่งที่จะเยียวยาได้ดีที่สุดแตกต่างจากบ้านเราที่ผู้ป่วยโรคเอดส์จะถูกมองว่าเป็นคนไม่ดี เป็นคนน่ารังเกียจ ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานทัศนคติแบบนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ดูแลผู้ป่วยเหมือนเพื่อนและคนในครอบครัว ลบภาพความน่ากลัวของโรคให้เปลี่ยนมาเป็นภาพแห่งความรัก สามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้โดยไม่รังเกียจ แพทย์และพยาบาลเองก็เป็นส่วนหนึ่งในการให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด น้อยคนนักที่จะได้เห็นภาพในมุมนี้ ก้าวข้ามผ่านกำแพงความกลัว เปลี่ยนมุมมองลบๆ ที่มีอยู่ โชคร้ายที่คนเหล่านี้ไม่ทันได้ใช้ยารักษาเหมือนในปัจจุบัน ยารักษาโรคที่สำคัญที่สุดคือการรักษาจิตใจ ที่มา demilked
-
“น้องก่อน BNK48” โพสต์ชวนผู้ติดเชื้อ HIV มาร่วมงานจับมือแบบไม่รังเกียจ ดังไปถึงญี่ปุ่น!!
โรคเอดส์หรือการติดเชื้อ HIV นั้นถือเป็นหนึ่งในอาการป่วยที่รุนแรง และถึงแม้ว่าปัจจุบันพัฒนาทางการแพทย์นั้นสามารถคิดค้นวัคซีนเพื่อต้านเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้แล้วก็ตาม แต่ผู้ป่วยโรคดังกล่าวก็ยังดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมสักเท่าไหร่ และเมื่อไม่นานมานี้น้องก่อน หนึ่งในสมาชิกของวง BNK48 วงเกิร์ลกรุ๊ปรุ่นน้องของ AKB48 เองก็ได้ออกมาโพสต์เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว พร้อมกับบอกเชิญชวนให้ผู้ป่วยมาร่วมงานจับมือกับพวกเธอที่จะมีขึ้นในวันที่ 13 มกราคมนี้ สาวน้อยจาก BNK48 ได้โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจของเธอว่า “ก่อนได้ทราบข่าวมาว่า มีแฟนคลับที่มีเชื้อไวรัส HIV อยู่ แล้วกังวลว่าพวกเรา จะรังเกียจไหมที่จะต้องจับมือด้วย ก่อนจะขอเป็นตัวแทนพูดแทนนะคะ ในปัจจุบันเชื้อไวรัส HIV สามารถควบคุมได้ด้วยการทานยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอ การปรึกษาคุณหมออย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และอื่นๆ อีกมากมาย ถ้าคุณคิดว่าได้ทำสิ่งเหล่านี้แล้ว แล้วร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องจับมือเลยค่ะ อีกอย่างคนที่มีเชื้อไวรัส HIV นั้น จริงๆ แล้วสามารถใช้ชีวิตอย่างคนปกติได้เลยค่ะ ก็เลยไม่อยากให้กังวลกันค่ะ ก่อนและเหล่าเมมเบอร์ BNK48 นั้นก็อยากร่วมเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยเชื้อไวรัส HIV ค่ะ แล้วใครที่อยากได้กำลังใจกับพวกเราอย่างใกล้ชิดก็สามารถมาจับมือพวกเราในวันที่ 13-14 มกราคม นี้! ที่เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน นะคะ ปล.ถ้ามีอะไรผิดพลาดไปต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะคะ…
-
หนุ่มจงใจปล่อยเชื้อ HIV ใส่คู่นอนที่เจอกันผ่าน “แอปหาคู่” ถึง 4 คน แถมส่งข้อความเยาะเย้ย
ทุกคนคงรู้จักโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่าง HIV กันอยู่แล้ว และนั่นจึงทำให้ถุงยางมีประโยชน์มากกว่าการคุมกำเนิดเพราะสามารถป้องกันโรคดังกล่าวนี้ได้อีกด้วย ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้เองก็ต้องระวังไม่ให้ใครได้รับโรคร้ายนี้ไปด้วย ตรงข้ามกับชายหนุ่มชื่อ Daryll Rowe ที่ถึงแม้จะรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคนี้แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะแพร่เชื้อไปให้กับคนอื่นๆ เรื่องราวของช่างตัดผมวัย 26 ปีคนนี้เริ่มขึ้นเมื่อเขาได้ถูกวินิจฉัยว่าป่วยติดเชื้อ HIV ในเดือนเมษายน 2015 ที่เมือง Edinburgh ประเทศสกอตแลนด์ หลังจากนั้นเขาจึงกินยาต้านเพื่อไม่ให้ไวรัสเข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ต่อมาเขาก็ย้ายไปเมือง Brighton ประเทศอังกฤษ และเนื่องจากเขาไม่มีที่ไหนที่พอจะสามารถพักพิงได้ จึงใช้แอปฯหาคู่ชื่อ Grindr ตามหาการมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน โดยเขาจะพูดคุยกับคนในแอปฯ ก่อนที่จะไปหาพวกเขาเหล่านั้นที่บ้านและมีอะไรกัน เพื่อที่เขาจะสามารถแพร่ไวรัสที่ตัวเองเป็นอยู่ไปให้กับคนอื่นๆ ได้ วิธีการของเขาก็คือหลอกให้ทุกคนตายใจว่าเขาไม่ได้ป่วย HIV และปฏิเสธที่จะใช้ถุงยาง หรือถ้าหากอีกฝ่ายไม่ยอมเขาก็จะใส่แล้วค่อยฉีกถุงในตอนที่กำลังร่วมเพศกันอยู่ ถึงแม้ว่าในตอนแรกเขาจะกินยาต้านแต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เลิกกินเพื่อให้คนอื่นๆ มีโอกาสที่ติดเชื้อจากเขาไปได้มากขึ้น หลังจากนั้นเมื่อแยกย้ายกันไปเขาก็จะโทรหรือส่งข้อความไปเยาะเย้ยให้กับผู้โชคร้ายเหล่านั้นอย่างเช่น “ไม่แน่ว่าคุณอาจจะมีไข้ เพราะว่าผมสอดใส่เข้าไปในตัวคุณและผมเป็น HIV อุ๊บส์!” หรือ ”ตอนนั้นผมฉีกถุงยางโดยที่คุณไม่รู้ เพราะคุณเป็นคนที่โง่มาก” อัยการ Caroline Carberry ได้เล่าว่า ชายคนนี้ได้ทำพฤติกรรมดังกล่าวมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2015 จนถึงธันวาคม 2016…
-
นักวิจัยพัฒนาแฟลชไดรฟ์ ตรวจเชื้อ HIV ด้วยเลือดเพียงหยดเดียว รู้ผลทันทีในครึ่งชั่วโมง!!
เรียกว่าเป็นอีกก้าวที่น่าสนใจสำหรับวงการแพทย์เลยทีเดียว เมื่อทีมนักวิจัยจาก Scientists at Imperial College of London ร่วมมือกับ UK biotech บริษัทพันธุกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อพัฒนาแฟลช์ไดรฟ์ที่สามารถตรวจเชื้อไวรัส HIV ในร่างกายมนุษย์จากเลือดเพียงหยดเดียว และรู้ผลได้ทันทีภายในครึ่งชั่วโมง!! วิธีการใช้งานก็ไม่ยากเพียงแค่ใช้ตัวอย่างเลือดหนึ่งหยด จากนั้นตัวแฟลชไดรฟ์ก็จะทำการคำนวนวัดระดับเชื้อ HIV1 ภายในเลือด ก่อนจะแปลงข้อมูลแล้วส่งไปยังคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่ออยู่ โดยกระบวนการทั้งหมดจะใช้เวลาไม่เกิน 21 นาทีและสามารถรู้ผลได้เลย เรียกว่ารวดเร็วกว่าส่งผลเลือดเข้าห้องทดลองเป็นไหนๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ทำการทดสอบเชื้อเป็นครั้งแรก หรือสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการวัดระดับเชื้อในเลือดของตนเองในขณะนั้น อย่างที่ทราบกันดีกว่าปัจจุบันเชื้อไวรัส HIV เป็นหนึ่งในเชื้อไวรัสที่คุกคามสุขภาพพลานามัยของมนุษยชาติ จนมีผู้เสียชีวิตปีละกว่า 1 ล้านคน แม้ว่าอุปกรณ์จะยังอยู่ในช่วงของการพัฒนา แต่ก็ถือว่าเป็นนิมิตรหมายอันดีในการควบคุมและรักษาโรคดังกล่าว นอกจากนี้ แนวทางการตรวจโรคแบบนี้ อาจสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการตรวจโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเลือดได้ อย่างเช่น เบาหวาน เป็นต้น ที่มา techcrunch
-
ชมโรงเรียนสำหรับเด็กติดเชื้อ HIV แห่งแรกในจีน กับภาพที่เต็มไปด้วยอารมณ์หลายๆ อย่าง…
อย่างที่ทราบกันดีว่า ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีนั้นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ด้วยเหตุนี้จึงมีการตั้งโรงเรียนขึ้นมาแห่งหนึ่งในมณฑลซานซี เพื่อดูแลเด็กๆ ผู้โชคร้าย ที่ติดเชื้อเอชไอวีโดยเฉพาะ โรงเรียนแห่งนี้มีชื่อว่า “หลินเฟินเรดริบบ้อน” โดยโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนแห่งเดียวในประเทศจีน ที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับเด็กๆ ที่ติดเชื้อเอชไอวีและเอดส์มาจากพ่อแม่ ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2011 ปัจจุบันมีนักเรียนทั้งหมด 32 คน และไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายใดๆ จากนักเรียน ที่น่าเศร้าคือเด็กๆ ในโรงเรียนนี้ส่วนมากเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกพ่อแม่ทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็กๆ หลังจากทราบว่าเด็กเหล่านี้ติดเชื้อเอชไอวี โดยผู้ที่ดูแลและเป็นอาจารย์ใหญ่ในโรงเรียนนี้ คืออาจารย์กู่เสี่ยวผิงคนนี้ เขาพยายามดูแลเด็กนี้ด้วยความเข้าใจและมอบความอบอุ่นให้ได้มากที่สุด แม้เด็กๆ หลายจะอยากเรียกเขาว่า “พ่อ” แต่เขากลับไม่เห็นด้วย เขาบอกว่าเขาไม่สามารถแทบที่พ่อแม่เหล่านั้นได้ ไม่ว่าพวกเขาจะปฏิบัติอย่างเลวร้ายขนาดไหนต่อเด็กๆ เหล่านี้ก็ตาม อาจารย์หลิว อาจารย์อีกคนที่คอยดูแลเด็กๆ ในโรงเรียนแห่งนี้ เด็กๆ บางคนก็มีโอกาสได้เรียนกีต้าร์อย่างมีความสุข คลาสสอนเต้นก็มี น่าสะเทือนใจที่เด็กบางคนมีพ่อแม่เป็นแรงงานเถื่อน ทำให้เขาเกิดมาโดยที่ไม่ได้เป็นพลเมืองจีน จึงไม่ได้รับสิทธิจากทางการใดๆ ทั้งสิ้น บางครั้งก็มีกลุ่มอาสาสมัครจากต่างประเทศมาร่วมทำกิจกรรมและทานอาหารด้วยกัน หากวันไหนอากาศภายนอกไม่เป็นใจ พวกเขาก็จะนั่งล้อมวงดูโทรทัศน์ . อาจารย์กู่เล่าว่า นับตั้งแต่เปิดโรงเรียนมามีเด็กเสียชีวิตไปแล้วหนึ่งคน…
-
แปลไทยแบบชัดๆ จากคลิปสอบสวน Martin Shkreli ชายที่คนทั้งโลกหมั่นไส้ที่สุดในขณะนี้
เชื่อว่าหลายคนคงได้ชมคลิปนี้กันแล้วนะครับ สำหรับคลิปสอบสวน Martin Shkreli บุรุษที่ชาวอเมริกันและชาวโลกพร้อมใจกันเกลียดมากที่สุดคนหนึ่ง "Pharma Bro" goes to Washington Today was Martin Shkreli's day in Congress, but that didn't stop him from acting the part as “the most hated man in America.” Posted by Quartz on Thursday, February 4, 2016 ท้าวความเล็กน้อย ใครที่ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรมา เขาคือคนที่เข้าซื้อ Turing Pharmaceutical บริษัทที่ถือสิทธิบัตรยา Daraprim ที่เป็นยาต้าน HIV แต่เพียงผู้เดียว นั่นทำให้เขาสามารถกำหนดราคาได้ตามใจชอบโดยไม่มีความผิดทางกฎมาย และเขาได้ปั่นมันขึ้นไปจาก 13.5 ดอลลาร์ เป็น 750 ดอลลาร์ หรือว่า…
-
GTH ทำคลิป ” ‘พละ’ ผมมีเชื้อ HIV ครับ” แจงข้อมูลเกี่ยวกับโรค ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด!!
ในช่วงนี้บอกได้เลยว่าไม่มีอะไรมาแรงเท่า Hormones The Series ซีซั่น 3 อีกแล้ว เพราะแต่ละประเด็นที่ทางซีรีส์ได้นำเสนอมานั้น มันเข้ากับบ้านเรามากๆ ยิ่งดูก็ยิ่งคิดได้ว่าสังคมเรามันเป็นแบบนี้จริงเหรอเนี่ย เมื่ออาทิตย์ก่อนๆ ได้มีประเด็นที่คนสงสัยกันมานานว่าตัวละครที่ชื่อว่า “พละ” เขามีเชื้อ HIV จริงหรือเปล่า เพราะได้มีคนวิเคราะห์การใช้ชีวิตของเขาแล้วมันตรงกับผู้ป่วยติดเชื้อ HIV มากๆ จนกระทั่งตัวอย่างตอนต่อไปได้เฉลยว่าข้อสันนิษฐานนั้นเป็นจริง และวันนี้ ทาง GTH ก็ได้ทำคลิปคลิปหนึ่งออกมา โดยให้พละเป็นคนเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมกับบอกเล่าข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อ HIV ว่าเป็นยังไง เราไปชมกันเลย ถือเป็นซีรีส์หรือละครโดดเด่นทั้งเนื้อหาและการนำเสนอจริงๆ เหมียวคิดว่านี่แหละคืออนาคตของซีรีส์บ้านเรา มันต้องแบบนี้!! สำหรับใครที่ไม่เคยดู เหมียวแนะนำให้ดูเลย มีย้อนหลังในยูทูบทุกตอน ไม่ต้องดูซีซั่นก่อนๆก็สามารถเข้าใจได้ ดูเหอะ มันดีจริงๆนะ ที่มา GTHchannel
-
ญี่ปุ่นทำเจ๋ง!! ถ้าคุณกลั้นใจไม่ลืมตามอง “หน่มน๊มสาว” ทางเว็บจะบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ป่วยเอดส์
เว็บไซต์ช่องทีวีสำหรับผู้ใหญ่ของญี่ปุ่น ERO24TV ได้จัดกิจกรรมดีๆขึ้นมาเพื่อนำเงินไปบริจาคให้กับผู้ป่วยเอดส์ โดยเงินนั้นจะได้มาจากการที่คุณเข้าไปในเว็บของเขา แล้วทำการอดทนไม่มองนมของสาวๆที่กำลังจะโชว์ให้คุณดู เพียงแค่นี้ก็เป็นการได้ทำบุญแล้ว กิจกรรมนี้เริ่มจัดตั้งแต่วันที่ 26 ถึง 6 ธันวาคม มีชื่อว่า “Love is Patience” ที่จะท้าทายเหล่าชายหื่นทั้งหลายว่าจะสามารถอดใจไม่ลืมตามองนมของสาวๆ โดยที่ทางเว็บจะเชื่อมต่อกับเว็บแคมของคุณเพื่อดูว่าคุณได้ลืมตาดูหรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าคุณต้องมีเว็บแคมก่อนถึงจะใช้บริการเว็บนี้ได้ พอเข้าเว็บมาก็จะเจอหน้าตาประมาณนี้ ถ้าคุณไม่มีเว็บแคมจะเข้าไม่ได้นะจ๊ะ ถ้าคุณผ่านด่านแรกมาแล้ว ก็จะมีสาวสวยมาแนะนำอะไรต่างๆ ซึ่งเขาจะทดสอบให้คุณได้ลองลืมตา หลับตา แล้วหลังจากนั้นเกมก็จะเริ่มขึ้น ระหว่างที่คุณหลับตา เธอก็จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคเอดส์ พอผ่านไปสักพักก็จะมีสาวสวยคัพ G ออกมายั่วให้คุณอยากเปิดตา ถ้าคุณทนไม่ไหว ลืมตาขึ้นมา เว็บแคมก็จะตรวจจับได้ แล้วทุกอย่างก็จบ ไม่ได้เงินไปบริจาค แต่ถ้าคุณมีจิตใจที่แน่วแน่พอจนจบครบ 1 นาที ทางเว็บก็จะบริจาคเงิน 5 เยน ประมาณ 1.5 บาท ต่อนาที ย้ำ!! ต่อนาที ให้กับมูลนิธิหยุดยั้งโรคเอดส์ ยิ่งถ้าคุณอดกลั้นได้นานเท่าไหร่ เงินก็จะยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้เหมียวก็ยังไม่ได้ลองเลยว่าเป็นยังไง เพราะไม่มีเว็บแคม…
-
ชับชับชับ!! WHO อนุมัติ ‘ShangRing’ อุปกรณ์ช่วยขลิบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ต่อสู้กับ HIV
เหมียวเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยของมนุษย์บนโลกนี้ล้วนไม่มีใครอยากมีโรคภัยไข้เจ็บกันทั้งนั้น ยิ่งโดยเฉพาะโรคติดต่อร้ายแรงอย่าง ‘เอดส์’ ที่เราพยายามรณรงค์และต่อสู้กับมันมาโดยตลอดทุกรูปแบบ และล่าสุดก็มีรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศว่า องค์การอนามัยโลกได้ปล่อยดาเมจการรณรงค์ต่อสู้กับเชื้อ HIV ด้วยการอนุมัติให้อุปกรณ์ช่วยขลิบสำหรับท่านชายแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งชิ้นนี้ล่ะ!! นี่ก็คือ ‘ShangRing’ ที่ตั้งชื่อตามหนุ่มจีนจากมณฑลอานฮุย ‘นายชาง เจี้ยนจง’ นักประดิษฐ์หัวใส ที่ทำให้การผ่าตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายมีเลือดออกระหว่างการผ่าตัดน้อยที่สุดด้วยแหวนที่ว่า อันที่จริงแล้วอุปกรณ์นี้ไม่ได้เพิ่งเริ่มผลิตขึ้นนะจ๊ะ แต่สำหรับการใช้งานของมันถือว่าสะดวกและน่าสนใจจริงๆ เพราะจากข้อมูลที่เหมียวได้สืบค้นมาสรุปได้ว่า วงแหวน 2 ชิ้นซ้อนกันที่เห็นนี้ ทำหน้าที่ล็อคหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศเพื่อท่านชายได้สวมใส่เข้าไป ถ้าใครใจแข็งพอก็กุมเป้าไว้ แล้วกดเพลย์คลิปนี้เลยฮะพี่น้อง!! ส่วนทางองค์กรอนามัยโลกหรือ WHO ก็ได้มีการรับรองว่าเจ้าอุปกรณ์นี้สามารถใช้อำนวยความสะดวกในการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายได้ ทั้งตามความเชื่อทางศาสนาและเพื่อสุขอนามัย งานนี้เค้าก็ได้ทดลองกับหนุ่มๆ ในประเทศแถบแอฟริกา เช่น เคนยา ยูกันดา และแอฟริกาใต้กันไปแล้ว พบว่าสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ HIV ในเพศชายได้ถึง 60% เชียวหละจ้า!! ที่มา springnews, markfriedman93