Tag: เฮอร์ริเคน
-
‘แมวน้อย’ ผู้รอดชีวิตจากเฮอร์ริเคน ได้รับการช่วยเหลือจากชายหนุ่มจนกลับมาแข็งแรงดังเดิม
ปัญหาที่เกิดขึ้นจากลมพายุที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงของเฮอริเคนเออร์ม่า ทำให้มีฝนตกหนักและน้ำท่วมตามมาจากเหตุการณ์นั้น ผู้คนต้องพบทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชีวิตรอดผ่านไปให้ได้ สัตว์ทั้งหลายเองก็เช่นกัน เมื่อทุกอย่างจบลงเหลือเพียงซากความเสียหาย ที่ทำให้บ้านของ Chad Mitchell ไม่มีไฟฟ้าใช้ ชายคนนี้จึงต้องปั่นจักรยานออกไปที่สถานีพลังงานสำรองใกล้บ้าน แต่ระหว่างทางเขาก็ต้องเจอกับสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน เขาได้ยินเสียงแหลมๆ ดังอยู่ไม่ไกล ซึ่งตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเสียงของจักรยานที่ปั่นมา แต่เมื่อลงไปเช็คก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ทำให้เขาเริ่มสงสัยและออกเดินดูโดยรอบ จนพบเข้ากับลูกแมวตัวหนึ่งในสภาพเปียกโชก นอนแน่นิ่งอยู่ในพงหญ้า ขาหน้ายื่นออกมา และแทบไม่หายใจ สภาพเปียกปอนไปหมดทั้งตัว เพราะเหมือนกับว่าจมน้ำฝนอยู่อย่างนั้นมานาน ต้องรีบให้ความอบอุ่นในทันที ในตอนแรกเขาคิดว่ามันตายไปแล้ว จนกระทั้งได้ยินเสียงของมันดังออกมาอย่างแผ่วเบา เขาจึงรีบอุ้มมันใส่ไว้ในหมวกเบสบอล และพามันกลับมาที่บ้านในทันที ระหว่าทางก็พยายามทำทุกทางให้มันตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เมื่อถึงบ้าน เขาและ Carre ภรรยา ก็ช่วยกันใช้ไฟฉายส่องหาอะไรก็ตาม ที่สามารถช่วยยื้อชีวิตของแมวน้อยตัวนี้ไว้ให้ได้ ด้วยร่างกายที่เย็นเฉียบของพวกมัน พวกเขาจึงรีบทำให้มันแห้งและอบอุ่นด้วยผ้าขนหนู ถึงแม้ว่ามันเหมือนจะไม่รอดแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่ยอมแพ้ พ่อครับป๋มหนาววว ผ่านไป 2 ชั่วโมงก็เริ่มเห็นความหวัง เพราะมันเริ่มที่จะเงยหน้าขึ้นมา ส่งเสียงร้องบ้างแล้ว จากนั้นพวกเขาจึงนำอาหารกระป๋อง น้ำ และข้าวโอ๊ตมาผสมรวมกันให้มันกิน และแมวน้อยก็แสดงท่าทางดีใจออกมา ที่ได้มีอะไรตกถึงท้อง แต่มันก็ยังคงมีอาการสั่นอยู่…
-
การค้นพบโดยบังเอิญ… เมื่อเฮอร์ริเคนเออร์ม่าพัด ‘เรือแคนูโบราณ’ ของอินเดียนแดงขึ้นฝั่ง!?
เฮอร์ริเคนเออร์มาสร้างความเสียหายให้กับรัฐฟลอริดา ประเทศอเมริกา เอาไว้อย่างมาก เต็มไปด้วยซากปรักหักพังอันเกิดจากลมพายุที่รุนแรง รวมถึงน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นติดต่อกันหลายวัน แต่ท่ามกลางผลกระทบจากภัยพิบัติเหล่านั้น กลับมีการค้นพบที่น่าทึ่งอยู่ เมื่อช่างภาพหนุ่มผู้หลงใหลในประวัติศาสตร์นามว่า Randy Lathrop ได้พบกับเรือแคนูโบราณของชนเผ่าอินเดียนแดงโดยบังเอิญ ในขณะที่เขากำลังปั่นจักรยานไปตามท้องถนน ลมพายุทำให้เรือโบราณลำนี้ ถูกพัดขึ้นมาจากใต้แม่น้ำ Indian River และในตอนนั้นเอง เขาก็คิดเพียงแค่ว่าจะทำอย่างไรเพื่อรักษาให้มันอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ระหว่างรอให้เจ้าหน้าที่รัฐมาเก็บไปตั้งไว้ในพิพิธภัณฑ์หลังจากนี้ เขาบอกว่าน้ำหนักที่แท้จริงของมันจะอยู่ที่ประมาณ 317 กิโลกรัม แต่จากการที่จมอยู่ในน้ำมาเป็นเวลานาน จึงทำให้ดูดซับน้ำเข้าไปจนมีน้ำหนักมากถึง 453 กิโลกรัม การค้นพบครั้งนี้เขาได้ถ่ายรูปและอัพลงในเพจเฟซบุ๊คส่วนตัว จนในที่สุดเจ้าหน้าที่จากฝ่ายทรัพยากรทางประวัติศาสตร์รัฐฟลอริดา ได้เข้ามาเก็บกู้มันกลับไปในวันต่อมา และเริ่มรู้สึกได้ว่าความหวังที่มันจะถูกสืบทอดให้ลูกหลานได้เรียนรู้กันต่อไปกำลังจะเป็นจริง ปัจจุบันเรือลำดังกล่าวก็ได้เข้าไปอยู่ในอ่างน้ำควบคุมอุณหภูมิเป็นที่เรียบร้อย เพื่อรักษาให้มันอยู่ในสภาพเดิมหลังจากที่กู้กลับไป Sarah Revell โฆษกจากหน่วยเก็บกู้ทรัพยกรประวัติศาสตร์ประจำรัฐฟลอริดา ได้กล่าวว่า การสืบหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสี จะช่วยทำให้ทราบรายละเอียดของเรือ 15 ฟุต ที่เต็มไปด้วยลักษณะเด่นลำนี้ได้มากยิ่งขึ้นไปอีก หรือแม้แต่การสังเกตจากโครงสร้างแปลกๆ บางอย่างเช่น ตะปูที่เป็นแบบหัวตัด ซึ่งเป็นสิ่งที่มีการคิดค้นครั้งแรกในยุคศตวรรษที่ 19 ก็สามารถทำให้ตีกรอบอายุได้แคบลงมากขึ้น และพื้นที่ที่เรือถูกพัดขึ้นมาเกยฝั่ง ก็ได้รับการยืนยันแล้วว่า…
-
ชาวบ้านงง พบสิ่งมีชีวิตประหลาดขึ้นมาเกยตื้นบนชายหาดเท็กซัส หลังถูก ‘ฮาร์วี่ย์’ ถล่ม
เรียกได้ว่าพายุเฮอร์ริเคน ‘ฮาร์วี่ย์’ เป็นอีกหนึ่งในภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงที่สุด เท่าที่เคยมีมา แน่นอนว่าภาพที่เราเห็นบ่อยๆ คือสภาพบ้านเมืองที่ถูกซัดกระหน่ำจนไม่เหลือแค่เศษซาก แต่นอกเหนือจากความสูญเสีย ก็ได้เกิดเหตุการณ์แปลกๆ ขึ้น เมื่อมีชาวเมืองคนหนึ่งได้โพสต์ภาพสิ่งมีชีวิตหน้าตาแปลกประหลาดลงบนทวิตเตอร์ โดยอ้างว่าพบมันมาเกยตื้นบนชายฝั่ง Texas City ลักษณะตัวใหญ่ยาว มีฟันแหลมคม และไม่มีตา หลังจากที่มีชาวเน็ตได้นำภาพดังกล่าวเผยแพร่ลงบนโลกโซเชียล สิ่งมีชีวิตสุดแปลกนี้ก็ได้สร้างเสียงฮือฮาให้ผู้คนไปทั่วเมือง เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน Preeti Desai ผู้เชี่ยวชาญจากองค์กร National Audobon Society ได้ออกมาให้ข้อมูลสันนิษฐานถึงสิ่งมีชีวิตสุดแปลกนี้ว่า “ภาพแรกที่เห็นจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ใต้ท้องทะเลลึก ตอนแรกดูไกลๆ ผมคิดว่าเป็นปลาแลมป์เพรย์ แต่พอไปเห็นใกล้ๆ แล้วผมว่ามันไม่ใช่เลย ลักษณะปากของมันดูแตกต่างออกไปมากๆ” ทางด้านของนักชีววิทยา ก็ได้ออกมาให้ข้อสันนิษฐานว่า ดูจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกับกลุ่มปลาไหล ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าข้อสันนิษฐานที่น่าเป็นไปได้มากที่สุด คือมันเป็นตัว ปลาไหลเขี้ยวงู (Fangtooth Snake-Eel หรือ Tusky Eel) ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตหายากที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งของประเทศเม็กซิโก ทีมสำรวจหลายฝ่ายพยายามพลิกคว่ำพลิกหงายศพมันอยู่หลายรอบ เพื่อจะพิสูจน์ว่าจริงๆ แล้วมันคือตัวอะไรกันแน่ ถ้าหากมันเป็นปลาไหลเขี้ยวงูจริงละก็ ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า..…
-
มาดูกันว่า “พายุ” แต่ละลูกที่เคยเกิดขึ้นบนโลก มันยิ่งใหญ่และรุนแรงขนาดไหน
ช่วงนี้เพื่อนๆ คงได้ยินข่าวพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์และเออร์ม่าที่ได้เข้าโจมตีหลายๆ ประเทศในช่วงที่ผ่านมากันไปแล้ว จนสร้างความเสียหายมูลค่านับไม่ถ้วน แล้วเราเคยรู้กันบ้างหรือเปล่าว่าเจ้าพายุที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้ง มีขนาดและความรุนแรงขนาดไหน เมื่อเทียบกับที่เคยเกิดขึ้นมาบนโลกของเราทั้งหมด แชนแนลยูทูปที่มีชื่อว่า Reigarw Comparisons ก็ได้ออกมาให้คำตอบ และเรียงลำดับให้เราดูกันไปเลย ว่าพายุที่ใหญ่ที่สุด มันจะซักแค่ไหนกันเชียว ดูจากด้านบนเริ่มจากขนาดเล็กที่สุดคือพายุโซนร้อน Marco เส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 37 กิโลเมตร นับว่าอยู่ในกลุ่มที่ 1 ทำได้เพียงแค่ ถอนรากต้นไม้เล็กๆ ส่วนเฮอร์ริเคน Andrew ใหญ่สุดในรูปด้านบน เส้นผ่านศูนย์กลางยาว 300 กิโลเมตร เพิ่มขึ้นมาเกือบ 10 เท่า และอยู่ในระดับ 5 เป็นกลุ่มที่รุนแรงที่สุด สามารถยกรถบรรทุก ทำลายอาคารขนาดเล็ก และทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ได้ ทว่าที่น่ากลัวที่สุดในภาพนั้นคงเป็นไซโคลน Bhola แม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า เส้นผ่านศูนย์กลาง แต่มันก็ได้คร่าชีวิตคนไปมากถึง 5 แสนคน ซึ่งสูงที่สุดที่เคยมีมาแล้ว ตอนนี้เราก็จะได้เห็นขนาดของเฮอร์ริเคน Harvey กันแล้ว เส้นผ่านศูนย์กลาง 400 กิโลเมตร…
-
สปิริตแรงกล้า!! นักข่าวสาว CNN ยืนหยัดรายงานข่าว ท่ามกลางลมพายุจนตัวเกือบจะปลิว…
จะเป็นยังไงหากเราต้องไปยืนอยู่ในรัศมีของพายุเฮอร์ริเคนที่มีความรุนแรงอย่างมาก แน่นอนว่าหากเราไม่เคยเจอเข้ากับตัวเองคงยากที่จะพูดได้ แต่หากได้ดูคลิปนี้แล้วจะทำให้คุณเห็นภาพได้ดีขึ้นมากเลยแหละ เมื่อนักข่าวภาคสนามแห่งสำนักข่าว CNN ที่ชื่อว่า Sara Sidner ลงพื้นที่ไปยังชายหาดเดย์โทนา รัฐฟลอริด้า สถานที่ซึ่งกำลังรับผลกระทบจนทำให้ผู้คนต้องอพยพออกไป ผลกระทบดังกล่าวเกิดจากเฮอร์ริเคนเออร์มา ทำให้เกิดแรงลมที่โหมกระหน่ำ พัดพาเอาข้าวของต้นไม้ลอยไปคนละทิศละทาง และน้ำท่วมไปทั่วท้องถนนเพราะฝนที่ตกอย่างหนัก โดยในตอนที่เธอกำลังยืนทำข่าวอยู่ แรงลมและขนาดของเฮอร์ริเคนนั้นอยู่ในระดับที่ 2 จาก 5 ระดับ แต่ในคลิปวิดีโอสามารถเห็นได้เลยว่า ลมที่พัดเข้ามาทำให้เธอแทบจะยืนไม่อยู่เลยทีเดียว คลิปวิดีโอการลงภาคสนามของนักข่าว CNN ต้องขอบคุณเธอที่ลงทุนลงแรงไปยังสถานที่จริง พร้อมทั้งกล่าวเตือนทุกคนให้ระวังอุบัติเหตุ หากว่ายังอยู่ใกล้กับพื้นที่ของพายุ แต่ถึงอย่างไรก็ตามกระแสตอบรับของผู้ชมที่ตอบกลับมาก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เพราะหลายคนมองว่าการให้นักข่าวต้องไปเสี่ยงชีวิตขนาดนี้ มันเป็นอะไรที่มากจนเกินไป ชาวเน็ตจึงได้ออกมาคอมเม้นท์กันในทำนองไม่ค่อยเห็นด้วย “ฝากถึง CNN นักข่าวของคุณไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ ช่วยบอกให้พวกเขาหยุดทีเถอะ และหวังว่าจะไม่ได้ทำไปเพราะเรตติ้งของช่องหรอกนะ ให้พวกเขาได้อยู่ด้านใน เรารู้แล้วว่าลมมันแรงขนาดไหน” “ฉันเพิ่งดูคลิปนี้จบและอยากจะบอกเลยว่า นักข่าวคนนี้โหดมาก พวกเขาสมควรที่จะได้รับสิ่งตอบแทนที่ดีกว่าเมื่อทำอย่างนี้น่ะหรอ? ฉันไม่คิดว่าอย่างนั้นนะ” “ทำไมเธอต้องถูกพาไปเสี่ยงอันตรายอย่างนี้ด้วย!?? เธอยังสามารถที่จะรายงานข่าวได้ แม้ว่าไม่ต้องออกไปอยู่ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้” เพียงแค่ยกมือขึ้น ตัวก็แทบจะปลิวไปตามแรงลมแล้ว… ที่มา: CNN
-
งี้ก็มี!? หนุ่มเมกันผุดกิจกรรม ‘กระหน่ำปืนใส่เฮอร์ริเคน Irma’ หวังไล่ให้มันออกไปไกลๆ..!!
อาจจะเป็นธรรมเนียมของชาวเมกันก็ได้นะ ที่แบบว่า… ถ้าไม่ชอบใจอะไรซักอย่างแล้ว ก็ยิงแม่มเลยล่ะกัน!! เช่นเดียวกับพายุเฮอร์ริเคน Irma ที่กำลังจะเข้ามาพัดถล่มหมู่เกาะและชายฝั่งในรัฐฟลอริดา จนทำให้ล่าสุดทางการต้องสั่งอพยพชาวเมืองกว่า 5,600,000 คน อย่างเร่งด่วนที่สุด แน่นอนว่าไม่มีใครชอบหรอก.. ที่จู่ๆ จะมีฟ้าฝนลมแรงมาพัดบ้านเราพังไปทั้งหลัง ด้วยเหตุนี้หนุ่มเฟี้ยววัย 22 ปี Ryon Edwards ผู้อาศัยอยู่ในฟลอริดามาตั้งแต่เด็กจนโต รู้สึกว่าเขาต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อปกป้องบ้านเมืองของตัวเอง แต่ตัวเองไม่มีพลังวิเศษ… งั้นก็เอาปืนมายิงใส่แบบสไตล์อเมริกันคาวบอยเลยละกัน Ryon ได้สร้างอีเวนท์ ‘Shoot At Hurricane Irma’ บนเฟซบุ๊ก และถูกอกถูกใจชาวเมืองจนมีคนกดติดตามเข้าร่วมด้วยมากกว่า 50,000 คน อันที่จริงแล้วในช่วงเวลาที่ชาวเมืองทุกคนต่างเร่งรีบอพยพหนีภัยจากพายุแบบนี้ คงไม่มีใครมายืนยิ้มยิงปืนใส่พายุหรอกจริงมั้ย? แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนเอาปืนออกมาเล็งใส่พายุจริงๆ หรอกนะ… Ryon ให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า “ด้วยพลังแห่งความเครียดผสมกับความเซ็งและเบื่อหน่าย ผมเลยจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาซะเลย แถมผลตอบรับนี่โคตรจะเซอร์ไพรส์สุดๆ ไปเลยครับ ตอนแรกผมก็ไม่คิดหรอกว่าจะมีคนบ้าเอาปืนมาเล็งใส่พายุกันจริงๆ เราก็แค่อยากเกรียนไปเล่นๆ แค่นั้น เอาไปเอามากลายเป็นเรื่องจริงจังเฉยเลย” มีหนุ่มฟลอริด้าคนหนึ่ง……
-
ผู้เชี่ยวชาญเผยถึงเหตุผลสำคัญที่ว่า “ทำไมชื่อของพายุเฮอร์ริเคน ต้องตั้งตามชื่อคน?”
เมื่อเกิดเหตุการณ์พายุเฮอร์ริเคนถล่มแต่ละครั้ง จะมีการตั้งชื่อให้กับพายุแต่ละลูกตามชื่อของมนุษย์ แล้วเราเคยสงสัยกันมั้ยว่ามันมีเหตุผลอะไรซ่อนอยู่ในการตั้งชื่อเช่นนั้น? ชื่อพายุเฮอร์ริเคนในแถบมหาสมุทรแอตแลนติกเหล่านี้ ถูกตั้งขึ้นโดยศูนย์พายุหมุนแห่งชาติในช่วงปี 1950 ซึ่งบริหารจัดการโดยองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานที่นั่นได้ตัดสินใจตั้งชื่อให้เฮอร์ริเคนแต่ละลูก โดยมีเหตุผลสำคัญที่ทำเช่นนั้น ทำไมเราต้องตั้งชื่อให้พายุเฮอร์ริเคน? หลักการนั้นไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมากมาย นั่นก็คือการตั้งชื่อจะทำให้จำง่ายกว่าตัวเลข และที่สำคัญมันง่ายต่อการเตือนภัยและสามารถนำเสนอผ่านสื่อให้เข้าใจตรงกันได้ เมื่อมีการตั้งชื่อให้พายุเฮอร์ริเคน เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องจะใช้ชื่อดังกล่าวเตือนภัยให้ประชาชน เพื่อที่จะสามารถเตรียมตัวรับมือและอพยพผู้คนออกจากพื้นที่ได้ทันเวลา โดยหวังจะให้เกิดความสูญเสียน้อยลง นอกจากนี้การตั้งชื่อจะทำให้เกิดโอกาสผิดพลาดในการวางแผนน้อยลง แต่หากใช้ละติจูด ลองจิจูด หรือวิธีระบุถึงพายุด้วยวิธีอื่นๆ ที่ไม่ใช่ชื่อ อาจทำให้ยากต่อการแจ้งเตือนได้ นอกจากนี้การตั้งชื่อจะช่วยให้เรือ ฐานเฝ้าระวังชายฝั่งทะล และสถานีตรวจสอบสถานการณ์ สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและสื่อสารกันได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ วิธีการตั้งชื่อพายุเฮอร์ริเคน พายุเฮอร์ริเคนจะถูกตั้งชื่อโดยเรียงตามตัวอักษร แต่ต้องมีความสอดคล้องกับลำดับวันเดือนปี โดยจะมีทั้งหมด 6 ชื่อ และมีการวนทุกๆ หกปี เดิมทีจะมีการนำชื่อผู้หญิงมาใช้ แต่ต่อมาในปี 1979 ได้มีการนำชื่อผู้ชายมาใช้ด้วย จนทำให้มีชื่อทั้งหมด 12 ชื่อ โดยจะนำไปตั้งเป็นชื่อของพายุแปซิฟิก ไซโคลน และไต้ฝุ่น อย่างไรก็ตาม ชื่อที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร Q U…
-
ทีมวิจัยส่งเครื่องบินเข้าใจกลาง ‘พายุเฮอร์ริเคนเออร์มา’ เผยให้เห็นความสงบแบบที่หลายคนยังไม่รู้…
‘พายุเฮอร์ริเคน’ ถือเป็นอีกหนึ่งภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มีความร้ายแรงมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ด้วยแรงลมที่มีความรุนแรงจนสามารถพัดพาทุกอย่างลอยขึ้นไปบนอากาศได้อย่างง่ายดาย โดยส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเคยเห็นหรือรับรู้กันดีว่ารูปร่างหน้าตาภายนอกของพายุนั้นมีหน้าตาคล้ายๆ กับทรงกรวย แต่มีน้อยคนนักที่จะเคยได้เห็นส่วนที่เป็นใจกลางของมัน สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมกันว่าภายในใจกลางของพายุเฮอร์ริเคนนั้นมันจะมีหน้าตาเป็นอย่างไรกันนะ? จะมีข้าวของเครื่องใช้เศษหินเศษดินอยู่เต็มไปหมดเลยรึเปล่า? หรือมีแต่ภาพมัวๆ ไม่เห็นอะไรเลย…วันนี้เราจะได้ทราบไปพร้อมๆ กัน ทีมนักล่าพายุขององค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National Oceanic and Atmospheric Administration) ได้ทำการขับเครื่องบินเข้าไปยังใจกลางของพายุเฮอร์ริเคนเออร์มา ที่กำลังเข้าถล่มประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ในขณะนี้ โดยมีจุดประสงค์ก็เพื่อเก็บข้อมูลนำไปทำงานวิจัย และนำข้อมูลที่เก็บได้นั้นไปศึกษาซึ่งมันสามารถคาดเดาทิศทางการเดินของของพายุเฮอร์ริเคนได้ ทำให้สามารถเตรียมการรับมือได้อย่างทันท่วงที เราอาจจะคิดว่าการขับเครื่องบินฝ่าพายุลมแรงเข้าไปยังใจกลางเป็นอะไรที่บ้าระห่ำมาก แต่พอเข้าไปถึงใจกลางพายุเฮอร์ริเคนแล้วกลับพบว่ามันน่าเหลือเชื่อจริงๆ เพราะมันช่างแตกต่างกับภาพภายนอกที่ดูน่ากลัวและรุนแรง แต่กลับกันมันดันดูสงบ และงดงามอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ ลองไปชมคลิปเหตุการณ์กันแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…. แถม…นี่เป็นคลิปวิดีโอของพายุเฮอร์ริเคนเออร์มา ที่ถ่ายจากดาวเทียมของ NASA พอได้เห็นแล้วมันช่างยิ่งใหญ่เสียจริงๆ และสาเหตุที่ทำให้ใจกลางของพายุเฮอร์ริเคนดูสงบและงดงาม นั่นก็เป็นเพราะว่าตรงจุดศูนย์กลางหรือ ‘ตา’ ของพายุนั้นจะเป็นส่วนที่มีลมเบามากที่สุดและเป็นจุดกำเนิดของลม ซึ่งถ้าหากไม่มีจุดศูนย์กลางที่ว่านี้ก็จะทำให้พายุเฮอร์ริเคนไม่สามารถก่อกำเนิดขึ้นมาได้ โดยปกติแล้วแรงลมที่พัดวนอยู่รอบตาพายุนี้ก็จะมีอุณหภูมิสูงและมีความหนาแน่น ซึ่งมันจะก่อสร้างเป็นเสมือนกำแพงขึ้นมาเพื่อปกป้องตาพายุ และพื้นที่นี้เองก็จะเป็นพื้นที่ที่มีความสงบ ท้องฟ้าจะเป็นสีฟ้าใส สามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ได้อย่างชัดเจน…
-
เจ้าหมาลี้ภัยพายุในเท็กซัส พร้อมหิ้วถุงอาหารดูอุ้ยอ้ายน่ารัก ถูกอกถูกใจชาวเน็ตกันยกใหญ่..!!
ท่ามกลางพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วี่ ที่โถมกระหน่ำเข้าใส่บ้านเมืองในรัฐเท็กซัส ได้มีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมายทั้งเรื่องราวการช่วยเหลือกันซึ้งๆ ของเพื่อนมนุษย์และสัตว์โลก หรือจะเป็นเรื่องน่ารักๆ แบบเจ้าตูบตัวนี้ นี่เป็นเรื่องราวของเจ้า Otis สุนัขสายพันธุ์เยอรมันเชฟเพิร์ดที่กลายเป็นกระแสไวรัลโด่งดังไปทั่วรัฐเท็กซัส เมื่อจู่ๆ วันหนึ่งมันก็หายไปจากบ้านอย่างไร้ร่องรอย นี่คือเจ้า Otis เรื่องราวทั้งหมดมันมีอยู่ว่า ก่อนหน้านี้เจ้า Otis เป็นสุนัขเพื่อนรักของหนูน้อยวัย 5 ขวบ Segovia ทว่าหลังจากที่เกิดเหตุพายุเฮอร์ริเคนถล่ม จู่ๆ เจ้าตูบก็หายไปจากบ้านอย่างไร้ร่องรอย พวกเขาพยายามจะตามหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ Salvador Segovia ให้สัมภาษณ์ว่า “จู่ๆ มันก็หายไปจากบ้านในคืนที่พายุพัดกระหน่ำ พออีกวันเราพยายามตะโกนตามหามันแต่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่เจอ…” เจ้าตูบ Otis กับหนูน้อย แต่เจ้าหมาไม่ได้หายไปไหนไกล เพราะหลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีชาวเน็ตโพสต์ภาพของเจ้า Otis คาบถุงอาหารเดินเตงๆ ไปทั่วเมือง ซึ่งหลังจากที่ชาวเน็ตได้โพสต์ภาพดังกล่าว ก็มีชาวเมืองแชร์ต่อออกไปอีกมากกว่า 6,000 ครั้ง จนทำให้เจ้าของสามารถตามตัวมันเจอได้ในท้ายที่สุด “ตอนนี้เจ้า Otis กลายเป็นคนดังไปซะแล้ว มันไปแดรี่ควีนได้ แถมมันยังไปสั่งเบอร์เกอร์กินเองได้ด้วยนะ และมันยังเป็นสุนัขตัวเดียวในเมืองที่สามารถไปนอนเล่นหน้าที่ว่าการได้ มันกลายเป็นหมาดังไปแล้วค่ะ” …
-
ชาวเมืองรู้สึกผวา หลังพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ถล่ม พัดพาจระเข้ออกมาป้วนเปี้ยนเต็มเมือง…
ภัยพิบัติตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นมักจะมาคู่กับความรุนแรงก่อให้เกิดความสูญเสียในหลายๆ อย่าง เห็นได้ชัดสุดก็คือเหล่าต้นไม้ ตึกรามบ้านช่องที่ได้รับผลกระทบ แต่เฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ ที่เกิดขึ้นในชายฝั่งรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา กลับมีอะไรที่เพิ่มขึ้นมามากกว่าการทำลายล้างเนี่ยสิ พายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์มีความรุนแรงมากที่สุดในรอบกว่า 10 ปีที่ผ่านมา เคลื่อนตัวเข้าโจมตีทำความเสียหายให้กับพื้นที่โดยรอบมากมาย ภาพความรุนแรงของเฮอร์ริเคน Harvey ที่ทำซะหลังคาปลิว และจากเหตุการณ์เคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งก็ส่งผลทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างหนักด้วย แต่สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นก็ยังไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนหวาดผวากันเท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากพายุสงบลง เพราะเหล่ากองทัพจระเข้ได้ออกมาเดินเล่นป้วนเปี้ยนอยู่ตามท้องถนน หรือไม่ก็ซ่อนตัวกันอยู่ใต้รถบ้าง บางตัวก็อัธยาศัยดีแวะไปทักทายตามหน้าบ้านของผู้อยู่อาศัยในละแวกนั้นกันเลยทีเดียว ใครเจอแบบนี้เข้าไปในตอนแรกก็คงจะตกใจกันเป็นธรรมดา ทว่าพวกมันกลับไม่ได้น่ากลัวหรือเป็นอันตรายแต่อย่างใด เพราะพวกมันเพียงแค่หนีขึ้นที่สูงหลบน้ำท่วมเท่านั้นเอง ตัวแทนจากสำนักงานนายอำเภอมณฑล Fort Bend ได้ออกมาพูดว่า “คาดว่านี่เป็นการพลัดถิ่น เพื่อมองหาพื้นที่สูงเพียงเท่านั้น ก็ปล่อยให้มันอยู่ไปก่อนจนกกว่าน้ำจะลง” ทีมงานอนุรักษ์จระเข้ในเท็กซัสก็ได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กไว้ว่า “เป็นเรื่องที่รู้กันว่าพวกมันจะหาที่อยู่ในตอนน้ำท่วม แม้ว่าจะเป็นไปได้ยากกับที่มันมาอยู่ตามถนน ตามชานบ้าน หรือใต้รถของคุณ แต่มันก็ไม่ขึ้นมาเพื่อมองหาอาหารหรือมีอาการก้าวร้าว หากคุณปล่อยให้มันไดัพักและกลับสู่ภูมิลำเนาหลังจากที่น้ำลดแล้ว เราควรอยู่ห่างจากพวกมันประมาณซัก 10 เมตร และอย่าไปแหย่ทำให้มันตกใจกลัว หรือการจะพยายามย้ายที่มันก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ” . ความแตกตื่นตกใจกับสัตว์ที่เรามองว่าพวกมันดูโหดร้ายก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่หากว่ามันไม่ได้ทำร้ายหรือเบียดเบียนเรามากจนเกินไป ก็ถือซะว่าเป็นการถ้อยทีถ้อยอาศัยกันไปเถอะนะครับ…