Tag: แบรนด์เสื้อผ้า
-
โรงเรียนญี่ปุ่น จ้างแบรนด์ดังตัดชุดยูนิฟอร์ม แถมเก็บเงินผู้ปกครองร่วม 20,000 เป็นค่าชุด
เมื่อลูกของเราอยู่ในวัยเล่าเรียน ฤดูเปิดเทอมก็อาจจะเป็นช่วงเวลาที่น่าปวดหัวของคนที่เป็นพ่อแม่ซะจริงๆ เพราะว่ามันจะต้องมีค่าใช้จ่ายอย่างมากมายตามมา ทั้งค่าเทอม ค่าขนมให้ลูกไปโรงเรียน รวมถึงเรื่องของเสื้อผ้านักเรียนก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องเช่นเดียวกัน ในเรื่องของชุดนักเรียน พ่อแม่หลายคนก็อาจจะเลือกเสื้อผ้าที่ตัวใหญ่ๆ หน่อยเพื่อจะได้ใส่ไปอีกหลายปี ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการประหยัดค่าใช้จ่ายไปในตัว แต่ก็มีโรงเรียนแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นที่แทบจะทำให้พ่อแม่ของเด็กนักเรียนตาถลนออกจากเบ้า เพราะโรงเรียนแห่งนี้กำลังจะวางแผนให้นักเรียนใช้ชุดของแบรนด์หรูระดับโลก!!! โรงเรียน Taimei โรงเรียนที่ว่านี้มีชื่อว่า Taimei โรงเรียนสำหรับเด็กชั้นประถมศึกษาภาครัฐในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่กำลังวางแผนจะใช้เสื้อผ้าจากแบรนด์อิตาลีอย่าง Giorgio Armani มาเป็นชุดสำหรับนักเรียนของพวกเขา และด้วยเหตุนี้ก็จะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับผู้ปกครองประมาณ 80,000 เยน (ประมาณ 23,000 บาท) ซึ่งจะมากกว่าค่าใช้จ่ายปัจจุบันถึง 3 เท่าตัวเลย และที่สำคัญคือสำนักงานใหญ่ของแบรนด์ Armani นี้ตั้งอยู่ที่ย่านกินซ่า ที่มีระยะห่างจากโรงเรียน Taimei เพียง 200 เมตร เท่านั้น แบรนด์ดังที่จะมาออกแบบชุดนักเรียนให้ “มันเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์จริงๆ ฉันสงสัยว่าทำไมแบรนด์หรูอย่างนี้ ถึงถูกเลือกมาใช้เป็นชุดสำหรับเด็กๆ ของโรงเรียนรัฐกันนะ” คุณแม่คนหนึ่งที่ไม่ประสงค์ออกนามกล่าว ในจดหมายถึงผู้ปกครองเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา คุณครูใหญ่ Toshitsugu Wada ได้กล่าวเอาไว้ว่าโรงเรียน Taimei แห่งนี้เป็นโรงเรียนอันดับหนึ่งในย่านกินซ่า และตัดสินใจที่จะนำเครื่องแต่งกายที่ได้รับการออกแบบโดย Armani มาใช้เพื่อสร้างบรรยากาศที่เหมาะสำหรับการเรียนภายในโรงเรียนแห่งนี้ขึ้น…
-
ร้าน H&M ในแอฟริกาใต้ถูกถล่มจนเละ หลังจากมีดราม่าเสื้อที่มีคำพูดเชิงเหยียดเชื้อชาติ
หลังจากที่มีข่าวว่า H&M แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดัง นำรูปเด็กชายผิวสีสวมเสื้อฮู้ดที่มีสโลกแกน ‘Coolest Monkey in the Jungle’ (ลิงที่เจ๋งที่สุดในป่า) ซึ่งสื่อถึงการเหยียดสีผิว ขึ้นบนเว็บไซต์ ชาวเน็ตก็ได้ออกมาต่อต้านกันมากมาย แม้ว่าล่าสุดทาง H&M จะนำรูปเสื้อตัวนั้นออกจากเว็บไซต์ และมีคำขอโทษออกมาแล้ว แต่การประท้วงต่อการเหยียดคนผิวสีนั้นยังคงดำเนินต่อไป และมทวีความรุนแรงมากขึ้น รูปเด็กชายและเสื้อฮู้ดที่เคยอยู่ในเว็บไซต์ H&M ที่เป็นข่าวดังเรื่องเหยียดสีผิวในขณะนี้ ล่าสุด ผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งในประเทศแอฟริกาใต้ ได้บุกเข้าไปทำลายข้าวของในร้าน H&M ตามห้างสรรพสินค้ากว่า 6 แห่ง เนื่องจากไม่พอใจที่เสื้อตัวใหม่ของ H&M มีข้อความเหยียดสีผิวด้วย เหตุเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 13 มกราคาคมที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าการก่อเหตุรุนแรงขนาดใหญ่นี้ ได้มีการวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้ว โดยในคลิปวิดีโอหนึ่งที่บันทึกเหตุการณ์นี้ไว้ได้ จะเห็นว่ามีชายคนหนึ่งเข้ามากระโดดเตะราวเสื้อผ้าล้มระนาว จากนั้นก็มีคนอื่นๆ เข้ามาร่วมสมทบอีกด้วย นอกจากร้านค้า H&M ที่ได้รับความเสียหายแล้ว ลูกค้าที่กำลังซื้อของในร้าน และคนที่อยู่ใกล้เคียงก็ได้รับความเดือดร้อนไปด้วยเช่นกัน กลุ่มผู้ประท้วงยังคงทำลายข้าวของในร้านค้าโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แม้ว่าตำรวจจะเข้ามาห้ามปรามไว้แล้วก็ตาม ทำให้ท้ายที่สุด ตำรวจจำเป็นต้องใช้กระสุนยางยิงผู้ประท้วงเหล่านี้ และจับกุมตัวไว้ …
-
H&M ออกมาขอโทษ หลังถูกวิจารณ์ข้อความไม่เหมาะสมบนเสื้อ สื่อไปในทาง “เหยียดเชื้อชาติ”
H&M แบรนด์เสื้อผ้าที่มีร้านค้าอยู่มากมายทั่วโลกได้ออกมาขอโทษผู้บริโภค หลังจากบริษัทได้โฆษณาเสื้อฮู้ดที่มีสโลแกนที่อาจสื่อถึงการเหยียดสีผิวได้ และยืนยันว่าจะระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้นอีก เสื้อฮู้ดสีเขียวที่มีสโลแกนว่า ‘Coolest Monkey in the Jungle’ (ลิงที่เจ๋งที่สุดในป่า) ก่อนหน้านี้ทาง H&M ได้ทำเสื้อฮู้ดสีเขียวแบบใหม่ออกมา ตรงกลางอกของเสื้อพิมพ์ข้อความว่า Coolest Monkey in the Jungle และใช้เด็กผิวสีคนหนึ่งเป็นนายแบบของเสื้อตัวนี้ จากนั้นจึงได้นำภาพมาโฆษณาบนเว็บไซต์หลักของบริษัท แม้ว่าดูผ่านๆ อาจจะไม่มีอะไร แต่สโลแกนบนเสื้อ ประกอบกับลักษณะของนายแบบ ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนเข้าใจว่า H&M กำลังเหยียดคนสีผิวอยู่ โดยเปรียบเทียบว่าพวกเขาเป็นเพียงลิงที่ไร้อารยธรรมเท่านั้น หลังจากเสื้อตัวนี้ถูกโฆษณาบนเว็บไซต์หลัก ชาวเน็ตก็แสดงปฎิกิริยาต่อต้านเรื่องนี้กันจำนวนมากเลยทีเดียว ในจำนวนนั้นก็รวมถึงคนดังหลายคนด้วย ทวีตจาก Models of Diversity Models of Diversity องค์กรที่ส่งเสริมความเท่าเทียมและความหลากหลายในมนุษย์เอง ก็ได้ออกมาทวีตถึง H&M ว่า “H&M ในประเทศอังกฤษให้เด็กผิวสีคนหนึ่งเป็นนายแบบให้เสื้อฮู้ด ‘Coolest Monkey in the Jungle’…
-
ศิลปินติดป้ายโฆษณาแบรนด์เสื้อผ้า เผยให้เห็นเบื้องหลังแสนหดหู่ของอุตสาหกรรมแฟชั่นในบังคลาเทศ
เมื่อระบบทุนนิยมเติบโตมากขึ้น อุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูปก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เจ้าของบริษัทผู้ผลิตแบรนด์เสื้อผ้าต้องแข่งกันแสวงหากำไรให้ได้มากที่สุด โดยใช้วิธีการลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลง และพึ่งพาแรงงานราคาถูกในการตัดเย็บ “บังคลาเทศ” เป็นประเทศที่ผลิตเสื้อผ้าให้กับแบรนด์ดังมากมาย เช่น Zara, H&M ฯลฯ อีกทั้ง ยังมีฐานการผลิตเสื้อผ้าที่มีค่าแรงถูกที่สุดในโลก คนงานในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าได้รับค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน ทำให้พวกเขาต้องทำงานหนักแบบไม่ได้หยุดพัก ขณะที่ผู้บริโภคได้ใส่เสื้อผ้าที่มีคุณภาพ ทันสมัย และสวยงาม แต่หารู้ไม่ว่าความงามเหล่านั้นมันเต็มไปด้วยเบื้องหลังการผลิตที่แสนหดหู่และเลวร้าย อย่างไรก็ตาม ในปี 2013 ที่ผ่านมา โรงงานเสื้อผ้าในประเทศบังคลาเทศหลายแห่งได้เกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ เนื่องจากส่วนใหญ่โรงงานเหล่านี้ไม่ได้มาตรฐาน ส่วนเจ้าของโรงงานก็ไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องความปลอดภัย ดังนั้น จึงทำให้ผู้ใช้แรงงานได้เสียชีวิตไปมากถึง 1,134 คน ซึ่งก็นับเป็นโศกนาฏกรรมร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์แฟชั่นบังคลาเทศเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้ ศิลปินนามว่า Igor Dobrowolski จึงได้ตัดสินใจทำป้ายโฆษณาแบรนด์เสื้อผ้าไปติดไว้บนถนนในกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ เพื่อแสดงให้ผู้คนได้เห็นถึงเบื้องหลังอันแสนเลวร้าย และน่าสะพรึงกลัวของวงการอุตสาหกรรมแฟชั่นในบังคลาเทศ และนี่คือผลงานของเขา… . . . สำหรับใครที่ชื่นชอบผลงานขอเขา คุณสามารถเข้าไปติดตามเขาได้ทางเฟซบุ๊ก igor.dobrowolski.5 และอินสตาแกรม igordobrowolski ได้เลยจ้า ที่มา : boredpanda
-
เรื่องราวของแบรนด์ Nasty Gal จากเสื้อมือสองเพียงตัวเดียว กลายเป็นธุรกิจมูลค่า 600 ล้านบาท
สาวๆ ที่รักในแฟชั่นทั้งหลาย คงรู้จักเว็บไซต์จำหน่ายเสื้อผ้าออนไลน์ nastygal กันอยู่บ้าง ที่มีแฟชั่นเครื่องแต่งกายแนววินเทจสุดเจ๋งที่สาวๆ ที่สวมใส่ต่างดูมีสไตล์สุดๆ แต่ถ้าใครที่ยังไม่รู้จักแบรนด์สุดเท่นี้ เราจะไปพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวการเริ่มต้นของเจ้าของแบรนด์อย่าง Sophia Amoruso ที่เธอเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ จนตอนนี้ความฝันของเธอกลายเป็นธุจกิจที่มีมูลค่ากว่า 6 ร้อยล้านบาท เราไปทำความรู้จักกับแบรนด์เครื่องแต่งกายแบรนด์นี้กันเลยดีกว่า Nasty Gal คือแบรนด์ขายปลีกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายสัญชาติอเมริกัน ที่ออกแบบชุดต่างๆ ได้โดนใจสาวๆ ทั่วโลกจนตอนนี้บริษัทมีลูกค้ามากกว่า 550,000 ราย ในกว่า 60 ประเทศ Nasty Gal ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2006 โดย Sophia Amoruso และยังได้รับฉายาว่าเป็น “แบรนด์เสื้อผ้าขายปลีกที่เติบโตเร็วที่สุด” จากนิตยสาร INC . แบรนด์ Nasty Gal ตั้งอยู่ที่ Los Angeles ซึ่งแรกเริ่ม Sophia ได้ทำธุรกิจขายเสื้อผ้าออนไลน์บน eBay โดยนำเสื้อผ้าที่เธอซื้อมาในราคาถูก มามิกซ์แอนด์แมตช์ให้ดูมีสไตล์สุดๆ จนสามารถเพิ่มมูลค่าสินค้าได้ เธอเป็นทั้งนางแบบเอง ถ่ายเอง และเขียนคำบรรยายเสื้อผ้าเอง เรียกได้ว่าเธอเริ่มต้นจากศูนย์จริงๆ จนในปี 2008 เธอได้สร้างเว็บไซต์ของตัวเองขึ้นมาในชื่อ Nasty Gal ซึ่งเป็นชื่อเดิมกับร้านค้าใน eBay ที่เธอเคยขาย จุดเปลี่ยนของเธอก็คือการไปซื้อเสื้อแจ็กเก็ตแบรนด์ Chanel…
-
สาวน้อยวัย 10 ขวบ ถูกเพื่อนล้อเรื่องสีผิว จนเป็นนางแบบเสื้อผ้า และมีแบรนด์ของตัวเอง..!!
การที่เด็กคนหนึ่งถูกเพื่อนๆ ในโรงเรียนล้อไม่ว่าจะเป็นเรื่องสีผิว หรืออะไรก็แล้วแต่… สุดท้ายแล้วคำพูดที่ปล่อยออกมาแบบไม่ทันได้คิด อาจจะทำให้ชีวิตใครบางคนเปลี่ยนไปตลอดกาลเลยก็ว่าได้ และวันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ Kheris Rogers สาวน้อยวัย 10 ขวบ เชื้อสายแอฟริกัน – อเมริกัน ซึ่งก่อนหน้านี้เธอถูกเพื่อนๆ ที่โรงเรียนล้อเรื่องสีผิว ทว่ามันกลับทำให้เธอได้กลายเป็นนางแบบตามความฝันของเธอ Kheris Rogers สาวน้อยผู้ถูกล้อเพียงเพราะเธอมีสีผิวที่เข้มมากกว่าปกติ ‘หนูถูกแกล้งเยอะมากที่โรงเรียน ก่อนหน้านี้หนูต้องคบแต่กับเพื่อนที่เป็นชาวแอฟริกันเหมือนกันเท่านั้น’ สาวน้อยให้สัมภาษณ์ นอกจากเพื่อนร่วมชั้นแล้ว ครั้งหนึ่งคุณครูให้เธอวาดรูปตัวเอง และเธอขอสีน้ำตาล แต่คุณครูยื่นสีดำมาให้ ซึ่งนั่นทำให้เธอรู้สึกว่าถูกล้อเลียน และคุกคามอย่างมาก กระทั่งวันหนึ่งพี่สาวของเธออยากจะทำให้น้องสาวตัวเองรู้สึกดีขึ้นบ้าง จึงโพสต์ภาพของน้องสาวและเรื่องราวทั้งหมดผ่านทวิตเตอร์ตัวเอง และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด หลังมีคนแชร์ต่อไปมากกว่าแสนคน จนทำให้น้องสาวของเธอไปริเริ่มที่จะสร้างแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง โดยเธอใช้ชื่อแบรนด์ว่า Flexin’ in My Complexion แปลเป็นไทยก็ประมาณว่า ‘ความเหมาะสมบนผิวพรรณของตัวเอง’ หลังจากที่เธอเปิดร้านเสื้อผ้าออนไลน์เป็นของตัวเองได้ไม่นาน เธอก็เริ่มที่จะใช้ตัวเองเป็นนางแบบเพื่อสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง นอกจากจะทำให้เธอมั่นใจในตัวเองมากขึ้นแล้ว เธอยังสามารถสร้างรายได้พิเศษมาช่วยเหลือครอบครัวได้อีกด้วย ‘มันทำให้หนูรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ก่อนหน้านี้หนูไม่อยากจะไปโรงเรียน…