Tag: โรค

  • หนุ่มรัสเซีย พร้อมเสี่ยงเข้ารับผ่าตัด “เปลี่ยนหัว” เป็นคนแรก แม้จะมีภรรยาพร้อมลูกน้อย

    หนุ่มรัสเซีย พร้อมเสี่ยงเข้ารับผ่าตัด “เปลี่ยนหัว” เป็นคนแรก แม้จะมีภรรยาพร้อมลูกน้อย

    Valery Spiridonov หนุ่มชาวรัสเซียวัย 33 ปีผู้เตรียมตัวเข้ารับ การปลูกถ่ายศีรษะ เผยกำลังย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกาอย่างมีความสุขกับลูกและภรรยาแสนสวย แต่ก็พร้อมยอมรับความเสี่ยง Valery นั้นได้ อาสา เข้ารับการผ่าตัดเพื่อย้าย “ทั้งศีรษะ” ไปไว้กับอีกร่างกายหนึ่ง เนื่องจากเขามีอาการเจ็บป่วยจากกล้ามเนื้อสันหลังที่ผิดปกติ หรือที่เรียกว่า โรค Werdnig-Hoffman    Valery Spiridonov   นายแพทย์ผู้ที่จะดำเนินการผ่าตัดให้กับ Valery มีนามว่า Sergio Canavero ซึ่งมีฉายาว่า Doctor Frankenstein เนื่องจากการผ่าตัดของนายแพทย์คนนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันในสังคมเรื่องความปลอดภัย และล่าสุดตัวของแพทย์ Sergio เองก็กำลังทำโปรเจกต์อยู่ที่ประเทศจีน เป็นโปรเจกต์เกี่ยวกับผ่าตัดมนุษย์และศพ อย่างไรก็ตาม Valery และ Anastasia Panfilova ผู้เป็นภรรยาพร้อมลูกน้อยก็กำลังจะย้ายครอบครัวไปอาศัยอยู่ในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย   Anastasia Panfilova   ปัจจุบัน Valery กำลังทำการศึกษาด้านการวิเคราะห์ทางคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยฟลอริดา อย่างไรก็ตาม มีหลายคนจะไม่เชื่อว่าเขาและ Anastasia จะเป็นสามีภรรยากันจริงๆ เนื่องจากทั้งคู่ไม่มีรูปถ่ายร่วมกันเลย แต่ทางฝ่ายหญิงก็ออกมาเผยว่ามีความสุขดีในความสัมพันธ์ของเธอและชายหนุ่มที่นั่งรถเข็น ผู้มีจิตใจดี อารมณ์ลึกซึ้ง และฉลาด     ส่วนตัวของ Valery เองก็กล่าวเตรียมตัวในการรับการผ่าตัดว่า… “ผมรู้ว่ามันเสี่ยงในการเข้ารับการผ่าตัดที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนแบบนี้ แต่ผมมีอะไรจะเสียซะที่ไหนล่ะ?…

  • หนุ่มมีแฟนเป็น “โรคตื่นตระหนกและโรควิตกกังวล” จึงออกมาแชร์ 7 วิธีรับมือกับอาการ

    หนุ่มมีแฟนเป็น “โรคตื่นตระหนกและโรควิตกกังวล” จึงออกมาแชร์ 7 วิธีรับมือกับอาการ

    ต้องยอมรับว่าความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการรับมือกับผู้ที่มี อาการทางจิต ของคนทั่วๆ ไปยังถือว่าน้อย หากว่าไม่ได้เป็นผู้ที่รับการศึกษาด้านนี้หรือเป็นผู้ที่สนิทชิดเชื้อกับผู้ป่วยทางจิตมาก่อน ก็อาจรับมือได้ยากทีเดียว และวันนี้หนุ่มคนหนึ่งที่แฟนสาวของเขาเคยมีอาการของ โรคแพนิก และ โรควิตกกังวล ก็จะมาเขียนเล่าถึงวิธีการรับมือกับอาการตื่นตระหนกและวิตกกังวล ที่เขาได้เรียนรู้มาจากแฟนสาว     สถิติจาก Anxiety and Depression Association of America เผยว่าในชาวอเมริกันกลุ่มโรควิตกกังวล (รวมโรคแพนิกด้วย) นั่นเป็นความเจ็บป่วยทางจิตที่พบบ่อยที่สุด กระนั้นกลุ่มโรควิตกกังวลนับว่าเป็นกลุ่มโรคที่รักษาได้ง่าย แต่ก็มีผู้ป่วยเพียง 36.9 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่เข้ารับการรักษา แล้วเราจะทำอย่างไรเมื่อพบว่าตัวเองหรือคนรอบข้างมีอาการของโรคแพนิกและโรควิตกกังวล ลองไปอ่านที่หนุ่มคนดังกล่าวเขียนอธิบายเอาไว้กันเลยดีกว่า…     นี่คือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับอาการแพนิกจากแฟนของผม 1. พยายามอย่ากอดบ่อย มันใช้เวลานานมากนะกว่าแฟนผมจะรู้สึกดีขึ้นเวลาที่ถูกกอดให้ใจเย็นลง เพราะการกอดมันทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้หยุดตื่นตระหนก 2. เวลาที่พวกเขาไม่ตอบคุณไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่สนใจคุณนะ แต่บางครั้งเป็นเพราะพวกเขายังไม่พร้อมคุยเท่านั้นเอง อาการแพนิกบางทีก็มาตอนทะเลาะกันนั่นแหละ หลายครั้งผมก็ใช้วิธีการเงียบใส่และมันผิดพลาดมาก อันที่จริงถ้าคุณอยากคุยแต่เขายังไม่อยากคุย ก็แค่ลองใช้นิ้วสะกิดพวกเขาเบาๆ ดู 3. หายใจให้ดังๆ เข้าไว้ คุณเคยได้ยินไหมว่าหากเรากอดหรือคลอเคลียกับใคร เราจะหายใจพร้อมๆ กันโดยอัตโนมัติ หรือหากมีใครมาสูดหายใจลึกๆ ใกล้ๆ คุณมันก็จะทำให้คุณอยากหายใจตามจังหวะของคนๆ นั้น เช่นเดียวกันเลย เมื่อพวกเขาเกิดอาการแพนิกและหายใจแรงแบบควบคุมไม่ได้ ให้คุณหายใจดังๆ ช้าๆ…

  • 10 เซเลบริตี้ ที่แม้ว่าจะมีชื่อเสียงโด่งดัง…แต่กลับต้องมี “โรค” และปัญหาทางสุขภาพ

    10 เซเลบริตี้ ที่แม้ว่าจะมีชื่อเสียงโด่งดัง…แต่กลับต้องมี “โรค” และปัญหาทางสุขภาพ

    คนดังทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นดาราหรือศิลปิน ต่อให้พวกเขาจะใช้ชีวิตแตกต่างจากพวกเราขนาดไหน แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ โรคและการเจ็บป่วย เพราะอย่างไรแล้วพวกเขาก็คงหนีเรื่องพวกนี้ไม่พ้น เหล่าศิลปินและคนดังกับเบื้องหน้าที่ยิ้มแย้มและประสบความสำเร็จ แต่เบื้องหลังจะมีใครรู้หรือไม่ว่าพวกเขาต้องประสบกับปัญหาทางสุขภาพที่รุนแรงอะไรกันบ้าง วันนี้ จึงขอเสนอ 10 คนดัง ที่แม้ว่าจะมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่กลับต้องประสบกับปัญหาทางสุขภาพที่ย่ำแย่ จะมีใครบ้าง และมีปัญหาอะไรกันบ้าง ไปชมพร้อมกันเลย…   1. Lady Gaga เธอได้เผยเมื่อปี 2017 ว่าเธอมีอาการของโรค Fibromyalgia หรือโรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง จาก Twitter@ladygaga   2. Marilyn Monroe เธอมีภาวะขาไม่เท่ากันมาตั้งแต่เกิด นอกจากนี้เธอยังเป็นโรค Bipolar ซึ่งเป็นอาการทางจิตที่ทำให้เกิดความไม่ปกติทางอารมณ์อีกด้วย จาก หนังสือ Marilyn Monroe (1998) โดย Barbara Leaming    3. Kim Kardashian เธอเผยบนอิสตาแกรมของตัวเองว่ามีอาการของ โรคสะเก็ดเงิน  จาก Instagram   4. Norman Reedus นักแสดงดังจากซีรีส์ The Walking Dead เคยประสบอุบัติเหตุเมื่อปี 2005 ทำให้เขาเสียเนื้อเยื่อบริเวณตาซ้ายไปพร้อมกระดูกที่แตกเป็นเสี่ยง เขาจึงได้เข้ารับการผ่าตัดหลายครั้งและปัจจุบันเบ้าตาซ้ายของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยแผ่นโลหะ จาก zimbio…

  • 10 วิธีการรักษาทางการแพทย์ “แปลกๆ” ในอดีต โชคดีแล้วที่เราไม่ได้เกิดมาในยุคนั้น…

    10 วิธีการรักษาทางการแพทย์ “แปลกๆ” ในอดีต โชคดีแล้วที่เราไม่ได้เกิดมาในยุคนั้น…

    โรคภัยไข้เจ็บนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอกับมนุษย์เรา แต่โชคดีที่มนุษย์นั้นสามารถหาทางรักษาโรคต่างๆ ได้ แต่กว่าจะค้นหาวิธีการรักษาแต่ละโรคได้นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย ทุกวันนี้ เพียงการรักษาด้วยการฉีดยาหรือผ่าตัดสำหรับบางคนก็อาจจะร้อง “ยี้” แล้ว แต่ลองย้อนกลับไปสมัยก่อนที่การแพทย์กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาล่ะก็ รับรองว่าการรักษาโรคไม่ได้ทำง่ายๆ เพียงแค่ฉีดยาแน่นอน ไปชมกันเลยว่าในสมัยก่อนการรักษาโรคต่างๆ กว่าจะประสบความสำเร็จแบบทุกวันนี้ได้ต้องผ่าน ความเชื่อผิดๆ  แบบไหนมาบ้าง…??   1. รักษาด้วยการ “มีเซ็กส์กับชาย/หญิงบริสุทธิ์” ครั้งหนึ่งเมื่อคุณมีโรคติดต่อทางเพศ มีความเชื่อว่าหากไปมีเพศสัมพันธ์กับชาย/หญิงบริสุทธิ์ โรคจะถูกส่งต่อไปสู่คนผู้นั้น และคุณก็จะหาย (แถมทุกวันนี้บางที่ก็ยังเชื่อแบบนี้อยู่เลย)   2. รักษากามโรคด้วย “โรคมาลาเรีย” ครั้งหนึ่ง แพทย์ส่วนใหญ่เชื่อว่าการฉีดเชื้อโรคมาลาเรียเข้าไปในผู้ที่ป่วยเป็นโรคซิฟิลิสจะทำให้อาการไข้สามารถทำลายเชื้อของทั้งสองโรคได้ แต่ผลสุดท้ายคนไข้ก็ตายด้วยโรคมาลาเรีย   3. หนูตายรักษาได้แทบทุกอย่าง ตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณซากหนูที่ตายนั้นจะถูกนำมาใช้รักษาอาการปวดฟัน ส่วนในสมัยเอลิซาเบธ ศพหนูจะถูกผ่าครึ่งแล้วนำมารักษาหูด นอกจากนี้หนูตายตามรายงานยังบอกว่าเคยถูกนำมาใช้รักษาอาการไอกรน โรคหัด ฝีดาษ และการฉี่รดที่นอนอีกด้วย   4. เหล็กแหลมร้อนรักษาริดสีดวง ในสมัยโบราณ นักบวชกลุ่มหนึ่งมีความเชื่อการใช้เหล็กแหลมร้อนเสียบเข้าไปในรูทวารนั้นสามารถรักษาอาการริดสีดวงทวารได้   5. การใช้ปรอทเหลว ในสมัยกรีกและเปอร์เซียโบราณมีการใช้ปรอทเหลวเป็นเครื่องทาคล้ายยาขี้ผึ้ง ส่วนชาวจีนโบราณใช้เป็นยาอายุวัฒนะ และมีการใช้เป็นยาวิเศษอีกหลายแห่ง แต่ความจริงแล้วปรอทเหลวมีแต่จะนำความตายมาให้   6.…

  • หญิงสาวผู้ไม่ยอมแพ้ แม้จะป่วยแต่ก็ยังไม่ล้มเลิกความฝันในการเป็น ‘นักวิ่ง’!!

    หญิงสาวผู้ไม่ยอมแพ้ แม้จะป่วยแต่ก็ยังไม่ล้มเลิกความฝันในการเป็น ‘นักวิ่ง’!!

    ‘คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้’   เช่นเดียวกันกับชีวิตของ Kayla Montgomery จากมือง Winston-Salem รัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเทศหรัฐอเมริกา ย้อนกลับเมื่อตอนอายุ 14 จู่ๆ เธอก็ล้มลงระหว่างแข่งขันฟุตบอล ตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป….     เธอป่วยเป็นโรค MS หรือ Multiple Sclerosis (โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง) เป็นปัญหาสุขภาพเรื้อรังที่ส่งผลต่อสมอง ไขสันหลัง และเส้นประสาทตา “ฉันรู้สึกแย่มาก มันแย่มากจริงๆ” Kayla กล่าว     จากการป่วยเป็นโรคนี้มันทำให้ Kayla ต้องเลิกเล่นกีฬาแทบทั้งหมด แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ พยายามต่อไปกับสิ่งที่เธอรักอย่างการเล่นกีฬา ด้วยความช่วยเหลือของโค้ช Patrick Cromwell รับ Kayla เข้ามาอยู่ในทีมวิ่ง เขาได้ให้คำแนะนำและช่วยให้กำลังใจ ในการเดินทางตามความใฝ่ฝันของเธอ     ทุกวันนี้ Kayla กลายเป็นหนึ่งในทีมนักวิ่ง ที่วิ่งกันทุกรูปแบบ ทั้งสนามในร่ม กลางแจ้ง วิ่งข้ามประเทศ รวมไปถึงการวิ่งเพื่อหาเงินช่วยเหลือคนที่ป่วยเป็นโรค MS “อย่าพูดว่าไม่มีวันทำได้” นี่คือคติของ…

  • สำรวจตัวเอง “Hoarding Disorder” โรคขี้เสียดาย ทิ้งของไม่ได้ สะสมจนเป็นภัยต่อตัวเอง…

    สำรวจตัวเอง “Hoarding Disorder” โรคขี้เสียดาย ทิ้งของไม่ได้ สะสมจนเป็นภัยต่อตัวเอง…

    เมื่อคนเรามีความชื่นชอบในบางสิ่งบางอย่าง สิ่งของที่มีมูลค่าราคาแพงทั้งทางด้านการเงินและจิตใจ ก็มักจะมีการเก็บสะสมเอาไว้เชยชมเป็นธรรมดาทั่วไป ใครๆ เขาก็ทำกัน สิ่งของธรรมดาๆ ก็เช่นเดียวกันที่มักจะมีคนเก็บสะสมไว้ แต่เมื่อมีจำนวนมากในระดับหนึ่ง บางคนก็ต้องมีการโล๊ะบางส่วนออกไป ส่วนบางคนอาจจะเก็บเพิ่มต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นล้นจนแทบไม่มีทางเดินในบ้านกันเลยทีเดียว     อาการเก็บสะสมของแบบไม่ยอมโละทิ้งก็คือ Hoarding Disorder ที่มักจะเห็นประจำกันผ่านโทรทัศน์อยู่บ่อยๆ ยังถือว่าเป็นโรคทางจิตเวชชนิดใหม่ในประเทศไทยด้วย ทั้งนี้ยังไม่มีชื่อเรียกภาษาไทยอย่างเป็นทางการแต่ด้วยลักษณะของโรคมักจะเรียกว่า “โรคเก็บสะสมของ โรคทิ้งไม่ลง โรคทิ้งไม่เป็น” ฯลฯ     จากผลการศึกษาในต่างประเทศ โรคเก็บสะสมของนี้จะพบในบุคคลทั่วไปประมาณ 2-5% และบุคคลที่ประสบกับโรคนี้ส่วนใหญ่มักจะเป็นโสด (แน่นอนว่าลักษณะนิสัยแบบนี้จะเข้าใจได้ว่าทำไมถึงโสด)   อาการของโรค การเก็บสิ่งของเป็นจำนวนมากจนหาที่เก็บไม่ได้ ล้นออกมาถึงทางเดินภายในบ้าน รู้สึกตัดสินใจยากที่จะเลือกทิ้งของที่เก็บมา คือสัญญาณแรกของและเป็นอาการเบื้องต้นของโรค จะเริ่มเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่นจนถึงวัยผู้ใหญ่ต้นๆ ยิ่งอายุมากขึ้น บุคคลที่เป็นโรคนี้จะเริ่มเก็บของที่ไม่จำเป็นต่อชีวิต เอามาวางกองไว้ในบ้านมากขึ้น เพราะมักคิดว่าเดี๋ยวต้องได้ใช้ เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยกลางคนอาการของโรคก็ยิ่งหนักจนยากแก่การรักษาให้หายได้ ปัญหาทางจิตดังกล่าวจะเรื้อรังจนกลายเป็นนิสัย     สัญญาที่บ่งบอกว่าเป็นโรค – เก็บสิ่งของที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตเอามาไว้ในบ้าน หรือเก็บสิ่งของมาเพิ่มทั้งๆ ที่ไม่มีที่เก็บ – ตัดสินใจลำบากที่จะทิ้งของที่เก็บ ไม่ว่าจะมีค่าหรือไม่ก็ตาม – มีความรู้สึกอยากเก็บของเหล่านี้เอาไว้ตลอด…

  • หญิงสาวผู้มี 12 บุคลิก ใช้วิธีแยกสมุดโน้ต 12 เล่ม บันทึกพฤติกรรมตัวเองในแต่ละช่วง

    หญิงสาวผู้มี 12 บุคลิก ใช้วิธีแยกสมุดโน้ต 12 เล่ม บันทึกพฤติกรรมตัวเองในแต่ละช่วง

    ฟังดูอาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของคนปกติ หากเราได้ยินว่าคนเราสามารถมีบุคลิกได้มากกว่า 1 แบบ สมัยก่อนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ แต่ปัจจุบันอาการดังกล่าวได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคทางจิตเวชประเภทหนึ่งเรียบร้อยแล้ว     Lauren Stott วัย 23 ปี ต้องประสบกับอาการของโรคหลายบุคลิก หรือ Dissociative Identity Disorder (DID) โดยที่เธอนั้นมี 12 บุคลิกอยู่ภายในร่างเดียวกัน เธอจะต้องพกสมุดโน้ต 12 เล่มเพื่อจดบันทึกความคิด ความรู้สึก ที่เกิดขึ้นในแต่ละบุคลิกนำมาประกอบเป็นตัวตนของเธอเอง     ความผิดปกติทางจิตนี้ โดยส่วนมากจะเกิดขึ้นจากการได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรง หรืออาจจะหมายถึงความผิดปกติ ที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจได้เช่นเดียวกัน ทางด้านจิตแพทย์เชื่อว่า Lauren นั้นทุกข์ทรมานจากความผิดปกติที่ไม่สามารถระบุได้ตั้งแต่ช่วง ป. 1 – ป. 2 นำไปสู่การแยกบุคลิกเพื่อความอยู่รอด     เธอได้รับวินิจฉัยโรคครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2017 ซึ่งก่อนหน้านั้นเธอเคยพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วในเดือนสิงหาคม 2016 หลังจากนั้นเป็นต้นมา เธอเข้ารับการรักษาแทบทุกวัน เพื่อที่จะมองเห็นภาพบุคลิกทั้ง 12 ร่างให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นภายในห้องบำบัดที่จัดโต๊ะไว้ให้สำหรับเธอคนเดียว 12 ที่!!…

  • หญิงสาวผู้เกิดมาพร้อมกับ ‘กระดูก’ อันแสนบอบบาง แค่สะอึก / จาม ก็ทำให้หักได้

    หญิงสาวผู้เกิดมาพร้อมกับ ‘กระดูก’ อันแสนบอบบาง แค่สะอึก / จาม ก็ทำให้หักได้

    Marie Holm Laursen สาววัย 21 ปี ผู้เกิดมาเป็นโรคกระดูกเปราะกรรมพันธุ์ ซึ่งเป็นความผิดปกติของยีนที่ผลิตสารที่พบในข้อต่อ และเป็นส่วนสำคัญในการสร้างกระดูก Marie อาศัยอยู่ในเมือง Aarhus ประเทศเดนมาร์ก เธอป่วยเป็นโรคนี้ตั้งแต่อายุได้ 1 สัปดาห์ เธอเล่าถึงตอนที่รู้ตัวว่าป่วยเป็นโรคนี้ว่า วันนั้นเธอไปหาหมอเพราะเวลาเธอขยับขาไปมาก็จะมีเสียงแตกคล้ายกับว่ากระดูกหัก     คุณหมอจึงพาเธอเข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์แบบเต็มตัว และพบว่ามันเป็นเสียงกระดูกของเธอที่หัก รวมไปถึงมีร่องรอยของกระดูกหักเต็มไปหมดทั้งตัว เขาจึงสรุปว่าเธอเป็นโรคกระดูกเปราะบาง ตั้งแต่เกิดมาเธอเคยกระดูกหักไปแล้วมากกว่า 500 ครั้ง เพียงแค่ขยับผิดท่า ไอ จาม สะอึก หรือถูกกอดแรงเกินไป ก็ทำให้กระดูกของเธอหักได้แล้ว     “ประสบการณ์ที่แย่ที่สุดในชีวิตของฉันคือการตกเก้าอี้รถเข็นเมื่อปี 2013 กระดูกในร่างกายของฉันหักเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงมีเลือดออกในสมอง แม้แต่คุณหมอก็ไม่แน่ใจว่าฉันจะรอดจากอุบัติเหตุในครั้งนั้นได้หรือเปล่า” Marie เล่า ชีวิตในวัยเด็กของ Marie นั้นเป็นอะไรที่ยากลำบากเป็นอย่างมาก เธอเล่าว่าผู้คนมักจะมองเธอด้วยสายตาประหลาด แถมยังมีคนแอบซุบซิบนินทาอยู่บ่อยครั้ง แต่ปัจจุบันเธอเลือกที่จะมองข้ามสิ่งเหล่านั้น “ผู้คนไม่มีความรู้เกี่ยวกับโรคนี้ และฉันจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อบอกให้พวกเขารู้” Marie กล่าว “โรคที่ฉันเป็นมันส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของฉัน เพราะความเปราะบางของมัน ทำให้ฉันต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ” “ส่วนสำคัญที่ทำให้ฉันสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขเหมือนในทุกวันนี้ก็คือครอบครัวและเพื่อนๆ…

  • หนุ่มลาออกงาน เพื่อดูแลแฟนสาวป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย วอนช่วยเหลือค่าเปลี่ยนถังออกซิเจน

    หนุ่มลาออกงาน เพื่อดูแลแฟนสาวป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย วอนช่วยเหลือค่าเปลี่ยนถังออกซิเจน

    หลายครั้งที่เราได้เห็นการแสดงน้ำใจและหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับคนแปลกหน้าผ่านหน้าเฟซบุ๊ก ทำให้เราเห็นว่าเครือข่ายสังคมออนไลน์แห่งนี้ก็ยังมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย นี่เป็นเรื่องราวของคุณกวาง เทพประเสริฐ วรรณกาล ชายหนุ่มจากจังหวัดอำนาจเจริญ ที่เพียรพยายามดูแลแฟนสาวของเขา คุณเก๋ ศศิมาภรณ์ บุญโท เนื่องจากเธอป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในปอดระยะสุดท้าย พร้อมกับลูกวัย 10 ขวบอีก 1 คน     ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2018 ที่ผ่านมา คุณกวางได้โพสต์ขอความช่วยเหลือผ่านหน้าเฟซบุ๊กของตัวเองที่ชื่อ บุคคล ศูนย์หาย เพื่อขอรับบริจาคเงินเพื่อนำไปเปลี่ยนถังออกซิเจนให้กับแฟนสาว เนื่องจากตนเองต้องลาออกจากงานเพื่อมาดูแลแบบเต็มตัว ประกอบกับโรคที่เธอเป็นนั้นทำให้หายใจลำบาก จึงอยากวอนขอผู้ที่มีจิตเมตตาช่วยต่อลมหายใจให้กับแฟนของเขา   ข้อความจากเฟซบุ๊กของคุณกวาง .   ภาพของคุณกวางที่ต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อมาดูแลแฟนสาว   หลังจากที่ข้อความของคุณกวางถูกแชร์ออกไป ก็ได้มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความช่วยเหลือแก่ทั้งสองคน หลายคนช่วยกันกดแชร์ข้อความของเขา และอีกหลายคนก็ช่วยกันโอนเงินบริจาค หรือบางคนทำธุรกิจเกี่ยวกับถังออกซิเจนอยู่แล้ว ก็เสนอความช่วยเหลือให้กับเขา   . . . . .   ต่อมาในวันที่ 23 เมษายน ทีมงานเฟซบุ๊กเพจ ฮักอำนาจเจริญ ได้ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือทั้งคู่แล้ว โดยให้รายละเอียดไว้ว่าตอนนี้มีหน่วยงานรัฐและเอกชนสนใจให้ความช่วยเหลือทั้งสองรวมไปถึงการปรับปรุงสถานที่พักอาศัยให้เหมาะสมและสะดวกแก่ผู้ป่วยอีกด้วย   .…

  • สาวป่วยโรคซึมเศร้า บอกเล่าวิธีการรักษาที่แปลกแต่ได้ผล ทำให้พูดแง่ลบน้อยลง

    สาวป่วยโรคซึมเศร้า บอกเล่าวิธีการรักษาที่แปลกแต่ได้ผล ทำให้พูดแง่ลบน้อยลง

    ปัญหาสุขภาพจิตอย่างโรคซึมเศร้า โรคขี้กังวล และอารมณ์แปรปรวนนั้นไม่อาจมองข้ามได้ ซึ่งในปัจจุบันก็มีการเปิดกว้างและยอมรับว่าเป็นโรคอย่างหนึ่งของมนุษย์แล้ว และใครก็ตามที่กำลังประสบอยู่ก็ไม่จำเป็นจะต้องทนทรมานอย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป… แต่ทว่าวิธีการรักษานั้นยังไม่มีแนวทางที่แพร่หลายมากนัก ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการให้คำปรึกษาจากจิตแพทย์ การรับยาปรับสารเคมีในสมอง แต่ก็คงไม่แปลกเท่ากับวิธีของนักบำบัดรายหนึ่งที่ทำกับชาวเน็ตท่านนี้! เรื่องบอกเล่าจากผู้ใช้เว็บบล็อก Tumblr นามว่า anarchetypal เล่าถึงนักบำบัดที่ชื่อ Paul กับวิธีการรักษาโรคซึมเศร้าของเธอที่ไม่ได้ให้ยา ไม่ได้ให้คำปรึกษา แต่เป็นการยิงปืน Nerf Gun ใช่แล้วล่ะ มันคือปืนอัดลมยิงลูกดอกโฟม!   ปืนลมยิงลูกดอกโฟม Nerf Gun   เมื่อเธอไปหานักบำบัดตามนัด ก็ต้องพบกับวิธีการรักษาที่คาดไม่ถึง! .   “เมื่อฉันได้เห็นโพสต์เกี่ยวกับนักบำบัด มันทำให้ฉันจำได้ว่า Paul นักบำบัดคนเก่า ที่ฉันคิดว่าเป็นชายผู้ยิ่งใหญ่ที่ยังมีชีวิต และเป็นผู้ที่ไม่ยอมแพ้กับความงี่เง่าของฉันแม้แต่วินาทีเดียว”     “ฉันไปหา Paul ในช่วงหน้าร้อนปี 2016 แล้วฉันก็แสดงความงี่เง่าตามปกติ อย่างการพูดแย่ๆ เกี่ยวกับตัวเอง และ Paul ก็จ้องมาที่ฉัน จากนั้นก็ตัดบทและพูดว่าเขามีอุปกรณ์ใหม่ที่จะช่วยให้ผู้คนหลาบจำกับการพูดในแง่ลบ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง”     “แล้วฉันก็ทำเป็นว่า เอาเลย…

  • หญิงผู้ใช้ชีวิตในห้องปลอดเชื้อ 13 ปี แพ้แทบทุกอย่างบนโลก แม้จะกอดคนรักก็ยังไม่ได้

    หญิงผู้ใช้ชีวิตในห้องปลอดเชื้อ 13 ปี แพ้แทบทุกอย่างบนโลก แม้จะกอดคนรักก็ยังไม่ได้

    ตามปกติแล้วการที่คนเราต้องใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ สิ่งที่ควรจะมีติดตัวอยู่กับทุกคนคืออิสระในการไปไหนมาไหน สัมผัสอะไรก็ได้ตามใจต้องการ… สำหรับ Juana Munoz วัย 53 ปี จากเมืองกาดิซ ประเทศสเปน กลับต้องใช้ชีวิตที่แตกต่างจากคนอื่น ถูกตัดขาดจากอิสระที่หวังเอาไว้ เพราะทุกสิ่งจากโลกภายนอกอาจคร่าชีวิตเธอได้ ทำได้แค่เพียงมองผ่านจากตู้กระจกปลอดเชื้อที่เป็นบ้านของเธอมาตลอด 13 ปี     หลังจากที่เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรง 4 ชนิด ทั้งอาการแพ้สารเคมีหลายชนิด โรคไฟโบรมัยอัลเจีย อาการล้าเรื้อรัง และภูมิแพ้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้เธอไม่เหลือทางเลือกใดๆ จนจำเป็นต้องตัดขาดตัวเองออกจากโลกทั้งใบ เพื่อมาอาศัยอยู่ในตู้กระจกแบบนี้     เธอจะไม่สามารถออกจากตู้กระจกนี้ได้ ถ้าหากไม่ปฏิบัติตามกฎที่เข้มงวด และใครก็ตามที่จะเข้ามาหาเธอ ต้องชำระล้างร่างกายให้ปลอดจากสารเคมี และสวมเสื้อผ้าที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติเท่านั้น สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือ คนในครอบครัวไม่สามารถแตะเนื้อต้องตัวเธอได้เลย ถึงขั้นที่ว่าการกอดอาจทำให้เธอตายได้ มีเพียงแค่ลูก 2 คน ที่ได้รับอนุญาตให้กอดเธอได้ 2 ครั้งต่อปี และการกอดแต่ละครั้งจะต้องผ่านการเตรียมการหลายวัน     ฝันร้ายของ Juana เริ่มต้นเมื่อ 29 ปีก่อน จากมันฝรั่งที่ปลูกในสวนหลังบ้าน เมื่อเธอจับมันฝรั่งลูกนั้น…

  • มารู้จักกับ 9 โรคหายาก พร้อมกับอาการแปลกประหลาดที่เราอาจไม่เคยเห็นกันมาก่อน

    มารู้จักกับ 9 โรคหายาก พร้อมกับอาการแปลกประหลาดที่เราอาจไม่เคยเห็นกันมาก่อน

    ความผิดปกติทางร่างกายหลายๆ อย่างในปัจจุบันนั้นสามารถอธิบายได้ด้วยกระบวนการทางการแพทย์ แต่โรคที่เรารู้จักกันทั่วไปนั้นอาจเป็นแค่เรื่องธรรมดาไปในทันที เมื่อเทียบกับโรคที่เพื่อนๆ กำลังจะได้เห็นกันต่อไปนี้ ทั้งหมดนี้คือโรคที่เราอาจไม่ได้เห็นกันในชีวิตประจำวัน เรียกว่าเป็นโรคหายากที่แทบไม่มีใครรู้จักมาก่อนเลยก็ว่าได้ ยิ่งไปกว่านั้นอาการต่างๆ ของแต่ละความผิดปกติก็ดูเหมือนจะแปลกเหนือความคาดหมายของเราอีกด้วย เราลองไปทำความรู้จักกับโรคเหล่านั้นกันดูดีกว่า ว่าแต่ละอาการมันเป็นอย่างไรบ้าง และเกิดขึ้นจากอะไร   1. โรค Fibrodysplasia Ossificans Progressive (FOP) มีอีกชื่อหนึ่งว่าโรค Stone Man Syndrome เพราะอาการของมันจะทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกาย อย่างเช่น กล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อ และเอ็น เปลี่ยนเป็นเหมือนกับกระดูก มีลักษณะแข็งยึดติดกัน ทำให้ขยับตัวแทบไม่ได้เหมือนกับมนุษย์หิน ซึ่งมันจะเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงวัยเด็กตอนที่ร่างกายกำลังเกิดกระบวนการสร้างกระดูก โรคตามกรรมพันธุ์นี้มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากๆ เพียงแค่ 1 ในสองล้านคน และเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาเยียวยา หากใครพยายามที่จะผ่าตัดเอากระดูกบางส่วนออก บริเวณที่ทำการผ่าตัดนั้นก็จะยิ่งมีกระดูกงอกขึ้นมามากกว่าเดิม   2. โรค Cotard’s Delusion คืออาการทางจิตหายากที่ทำให้ผู้ป่วยเชื่อว่าตัวเองมีบางส่วนของร่างกายหายไป อย่างเช่นสมอง หรืออาจคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว ทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะไม่กิน ไม่อาบน้ำ อยู่แต่ในสุสานหรือป่าช้า เพราะการได้เจอคนตายทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าได้เจอพวกเดียวกัน โรคนี้จึงมีอีกชื่อว่า Walking Corpse…

  • จากการศึกษาพบว่า ภาพบน IG อาจช่วยให้เราทำนายได้ว่า ใครกำลังป่วยเป็นโรคซึมเศร้า?

    จากการศึกษาพบว่า ภาพบน IG อาจช่วยให้เราทำนายได้ว่า ใครกำลังป่วยเป็นโรคซึมเศร้า?

    โรคซึมเศร้าดูจะเป็นโรคที่ถูกพูดถึงในสังคมวงกว้างไปแล้ว หลังจากแฝงตัวเงียบๆ มานานจนสังคมเริ่มตื่นตัวขึ้น แม้แต่คนใกล้ตัวก็อาจจะป่วยเป็นโรคนี้มาตลอดโดยที่เราไม่รู้ เราจึงพยายามมองหาหนทางในการคาดเดาว่าใครบ้างที่มีโอกาสป่วยเป็นโรคซึมเศร้า? ด้วยเทคโนโลยีและงานวิจัยต่างๆ เราก็พอจะมีวิธีที่ทำให้คุณสามารถคาดเดาอาการซึมเศร้าจากปลายนิ้วของคุณได้นะ     ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมปี 2016 เว็บไซต์ newscientist.com ได้มีการเผยแพร่งานวิจัยของนาย Andrew Reece จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และ Chris Danforth จากมหาวิทยาลัยเวอร์มอนต์ พวกเขาได้ทำการสำรวจสภาพจิตใจของผู้คนกว่า 166 คน จากนั้นก็นำภาพทั้งหมด 43,950 ภาพที่กลุ่มคนเหล่านี้ได้โพสต์ลงในโลกออนไลน์มาประมวลผลแล้วสร้างอัลกอริทึ่มขึ้นมา เพื่อค้นหาคุณลักษณะที่สัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้า     จากการสำรวจพบว่ากลุ่มคนที่มีอาการซึมเศร้านั้นจะมีการโพสต์ภาพที่มีโทนสีฟ้าๆ หรือทึมๆ หรือใช้ฟิลเตอร์แบบขาวดำ นอกจากนี้พวกเขายังชอบโพสต์ภาพใบหน้า แต่ในหนึ่งภาพจะมีใบหน้าคนน้อยกว่าคนปกติ Danforth กล่าวว่านี่อาจจะหมายถึงการเซลฟี่หน้าตัวเองบ่อยๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขับเน้นให้เห็นว่าตัวเองอยู่ในอาการซึมเศร้า (แต่ก็อย่าเหมารวมว่าคนเซลฟี่บ่อยๆ ทุกคนจะเป็นซึมเศร้านะ) หรืออีกความหมายก็คือ กลุ่มคนเหล่านี้ใช้เวลากับครอบครัวหรือเพื่อนๆ น้อยลงนั่นเอง     เจ้าตัวอัลกอริทึ่มตัวนี้ใช้คุณลักษณะที่ว่าในการทำนายว่าใครเป็นโรคซึมเศร้าได้ถูกต้องถึง 70% เลยทีเดียว ในขณะที่การตรวจสอบด้วยมนุษย์มีความถูกต้องแม่นยำอยู่ที่ 42% หากเรานำเอาเจ้าอัลกอริทึ่มตัวนี้มาประยุกต์ใช้ได้ก็หมายความว่าเราอาจช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที “มัน(อัลกอริทึ่ม)มีราคาไม่แพงมาก มันอาจจะกลายเป็นแอปฯบนมือถือของใครสักคนก็ได้” Danforth กล่าว     อย่างไรก็ตามแพทย์เองอาจจะเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ยาก…

  • คุณแม่เผชิญกับคนที่เป็น “โรคชอบเด็ก” ที่กำลังล่อลวงลูกชายเธอในเกมออนไลน์

    คุณแม่เผชิญกับคนที่เป็น “โรคชอบเด็ก” ที่กำลังล่อลวงลูกชายเธอในเกมออนไลน์

    ทุกวันนี้เกมออนไลน์สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย เด็กเล็กๆ ก็สามารถดาวน์โหลดเกมมาเล่นเองได้โดยไม่ต้องให้ผู้ใหญ่สอน และผู้ใหญ่บางคนก็คิดว่าเกมที่ลูกเล่นคนไม่มีพิษภัยอะไรมากมาย แต่มันขึ้นชื่อว่าเป็นเกมออนไลน์ ก็ต้องเจอกับผู้คนทั่วโลกเป็นธรรมดา บางครั้งเราก็ไม่อาจทราบได้ว่าคนที่เข้ามาจะมาดีหรือมาร้าย เหมือนอย่างกรณีที่คุณแม่คนนี้เจอ ถือว่าเป็นบทเรียนของเธออีกบทหนึ่งเลยก็ว่าได้ คุณแม่ไม่ประสงค์ออกนามจากเมือง Merseyside ในประเทศอังกฤษ เธอเล่าว่าเธอรู้สึกมวนท้องหลังได้ฟังคนแก่ในเกมออนไลน์ที่ชื่อว่า Fortnite: Battle Royale พูดจาไม่ค่อยดีกับลูกชายวัย 12 ปีของเธอ     โดยในเหตุการณ์นั้น ฝ่ายชายแก่พยายามที่จะพูดโน้มน้าวและยื่นข้อเสนอจะมอบเงินให้เด็กชาย เพื่อที่จะให้ทำอะไรที่ผิดกฎหมายให้ ซึ่งคุณแม่ได้บันทึกการสนทนาด้วยเสียงนั้นไว้ในมือถือเป็นที่เรียบร้อย สำนักข่าว Liverpool Echo ยังรายงานอีกว่าชายแก่คนนี้ขอให้เด็กชายส่งรูปภาพตัวเองตอนเปลือยให้เขา และพูดกับเด็กชายว่าเขาจะ “ตายอย่างช้าๆ” อีกด้วย คุณแม่ได้บอกกับนักข่าวว่าในตอนนั้นเธออยู่ในห้องถัดไปตอนที่ได้ยินเสียงอันน่าขนลุกที่ขอให้ลูกชายเธอทำอะไรต่างๆ เธอก็เลยรีบวิ่งไปที่ห้องลูกชายทันที     “ฉันวิ่งไปที่ห้องลูกชายแล้วบอกกับเขา (คนในเกม) ว่าลูกชายของเธออายุแค่ 12 ปีนะ และถามว่าที่เขาทำมันไม่น่ารังเกียจเหรอ ที่คุยกับเด็กอายุ 12 ปีแบบนี้ และเขาก็ตอบมาว่า ไม่ เขาไม่สนใจ นั่นทำให้ฉันแแทบบ้าเลยล่ะ หัวฉันร้อนไปหมดและบอกกับลูกให้ออกเกมมาซะ พร้อมกับโทรหาตำรวจ” คุณแม่เล่า     คุณแม่ยังเล่าอีกว่าลูกชายเธอไม่รู้ว่าเป็นเพื่อน(ในเกม)กับชายแก่คนนี้ตอนไหน แต่เขาก็ยังขอรูปเปลือย เธอก็เลยบันทึกการสนทนาไว้ส่งให้กับตำรวจ ทำให้ตอนนี้คุณแม่รู้สึกกังวลกับการเล่นเกมของลูกมากขึ้น เพราะเมื่อก่อนลูกชอบพูดคุยกับเพื่อนๆ…

  • เรื่องราวของชายผู้ที่ถ่ายเพียงเดือนละครั้ง บ่มเพาะปัญหาลำไส้อุดตัน จุของเสียขนาดยักษ์…

    เรื่องราวของชายผู้ที่ถ่ายเพียงเดือนละครั้ง บ่มเพาะปัญหาลำไส้อุดตัน จุของเสียขนาดยักษ์…

    สิ่งที่ช่วยหล่อเลี้ยงให้มนุษย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้ นอกจากการหายใจและการทานอาหารแล้ว “การขับถ่าย” ก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ลองจินตนาการว่ามันจะเป็นอย่างไร หากเราทานอาหารเข้าไปในทุกๆ วันแต่เราไม่ขับถ่ายเลย… หากยังจินตนาการไม่ออกล่ะก็ เรามีเรื่องราวของชายผู้หนึ่งมานำเสนอ ชายผู้นี้ใช้ชีวิตของเขาไปพร้อมกับการ ขับถ่ายอุจจาระเพียง “เดือนละหนึ่งครั้ง” เท่านั้น ชื่อของชายผู้นี้ไม่ถูกเปิดเผย แต่เขาเป็นคนที่มีอาการของ โรคลำไส้ใหญ่โป่งพองโดยกำเนิด หรือ Hirschsprung’s disease เป็นอาการที่เกิดจากเซลล์ประสาทบริเวณปลายลำไส้ใหญ่ของบุคคลผู้นั้นมีการพัฒนาที่ไม่สมบูรณ์ส่งผลให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหวน้อย อุจจาระผ่านได้ยากและเกิดการอุดตัน     อิงจาก วิทยาลัยการแพทย์ของฟิลาเดลเฟีย เมื่อเขายังเป็นเด็กทารก เขามีสุขภาพทั่วไปแข็งแรงเป็นปกติ เว้นแต่เพียงว่ามีขนาดท้องที่ใหญ่และมีอาการท้องผูกเล็กน้อย แต่เมื่อเขามีอายุได้หนึ่งขวบครึ่ง อาการก็แย่ลง เมื่อเขาโตขึ้นเขาก็ต้องพบกับความเจ็บปวดจากอาการท้องผูกรุนแรงและขนาดท้องที่พองขึ้นเรื่อยๆ เวลาผ่านไปจนเขามีอายุได้ 16 ปี เขากลายเป็นผู้ที่ขับถ่ายเพียงเดือนละหนึ่งครั้ง แม้ว่าทางการแพทย์จะทราบถึงอาการนี้ดีว่ามันเกิดจากปัญหาของปลายลำไส้ใหญ่ แต่การผ่าตัดลำไส้นั้นเป็นวิธีการรักษาที่ถือว่าเสี่ยงมากในสมัยช่วงปี 1890     น่าเสียดายว่าแทนที่เขาจะได้รับการช่วยเหลือ เขาในวัย 20 ปีกลับต้องไปแสดงตัวที่พิพิธภัณฑ์ราคาถูก เขาเป็นที่รู้จักกันในนาม “มนุษย์ถุงลม (Wind Bag)” หรือ “มนุษย์ลูกโป่ง (Balloon Man)” ผู้คนจะจ่ายเงินเพื่อเข้ามาดูท้องที่โป่งพองของเขา สุดท้าย มนุษย์ลูกโป่งคนนี้ก็เสียชีวิตลงในวัย 29 ปี เนื่องจากโรคทางลำไส้และการขับถ่ายของเขา ศพของเขาถูกพบในห้องน้ำขณะที่เขาพยายามจะขับถ่าย หลังจากที่เขาเสียชีวิตลงก็มีการผ่าตัดลำไส้ของเขาออกมา…

  • หญิงสาวชาวอเมริกันป่วยเป็นโรคประหลาด นอนหลับทีไร ตื่นมาสำเนียงเปลี่ยนทุกที

    หญิงสาวชาวอเมริกันป่วยเป็นโรคประหลาด นอนหลับทีไร ตื่นมาสำเนียงเปลี่ยนทุกที

    หญิงกลางคนวัย 45 ปีั Michelle Myers จากเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา ป่วยเป็นโรค Foreign Accent Syndrome ที่ทำให้การพูดของเธอมีสำเนียงเพี้ยนไปเป็นสำเนียงต่างชาติ เช่น บริติช ออสเตรเลียน และไอริช ทั้งที่เธอไม่เคยออกจากสหรัฐอเมริกาเลย ในปี 2015 เธอเข้ารับการวินิจฉัยด้วยอาการที่แปลกประหลาด หลังจากที่เธอเข้านอนพร้อมอาการ “ปวดหัวรุนแรง” และเมื่อเธอตื่นขึ้นมา เธอกลับไม่สามารถพูดได้รวมไปถึงรู้สึกชาไปทั้งด้านซ้ายของร่างกาย เธอจึงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในละแวกใกล้เคียง ซึ่งก็คือโรงพยาบาล West Valley ในเมืองกู๊ดเยียร์ ที่นั่นแพทย์บอกว่าเธอมีอาการของ ภาวะเสียการสื่อความ (Aphasia) ที่ทำให้เธอสื่อสารไม่ได้ เป็นอาการที่เกิดจากสมองได้รับความบาดเจ็บหรือการกระทบกระเทือน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลการวินิจฉัยจะออกมาดังกล่าว เธอก็สามารถกลับมาพูดได้อีกครั้ง     “ฉันต้องการจะพูดว่า ‘ฉันชื่อ Michelle นะ’ แต่มันกลายเป็นว่าฉันพูดว่า ‘กระต่าย หมาป่า…’” Myers กล่าว “ไม่มีใครเข้าใจฉันได้เลย ฉันเลยสงสัยเกิดอะไรขึ้นกับสมองฉันกันแน่” แต่สุดท้ายคำพูดของเธอก็เรียงเป็นประโยคได้อีกครั้ง ทว่ากลับมีบางอย่างแปลกไป นั่นก็คือ “สำเนียง” ของเธอนั่นเอง Michelle ถึงแม้ว่าเธอจะเกิดในโอกลาโฮมา แต่สำเนียงของเธอขณะนั้นกลับฟังดูเหมือนเธอมาจากประเทศอังกฤษ ซึ่งทำให้แพทย์ต้องตกใจ นักจิตวิทยาจึงเข้ามาทำการทดสอบเธอเพื่อวินิจฉัยอาการ…

  • รวมเคสจัดฟันแฟชั่นที่เกิดขึ้น ‘จริง’ ในบ้านเรา ภัยอันตรายที่จากความสวยเพียงไม่กี่ร้อย

    รวมเคสจัดฟันแฟชั่นที่เกิดขึ้น ‘จริง’ ในบ้านเรา ภัยอันตรายที่จากความสวยเพียงไม่กี่ร้อย

    สำหรับหลายๆ คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับฟันไม่ได้รูป หรือมีปัญหาในการรับประทานอาหาร การจัดฟันอาจจะเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับเราได้ นอกจากฟันที่สวยได้รูปแล้ว อีกหนึ่งผลพลอยได้ของการรักษานี้ก็คือสีสันของยางรัดฟัน ที่ทำให้มันกลายเป็นค่านิยมความสวยงามแบบผิดๆ จนส่งผลให้กระแสการดัดฟันแฟชั่นที่มีราคาถูกนั้นได้รับความนิยมอย่างมาก ถึงแม้ว่าทางกระทรวงสาธารณสุขและสื่อต่างๆ จะออกมาเตือนอยู่หลายครั้งว่า ความงามราคาหลักร้อยนี้อาจจะต้องแลกมาด้วยความสูญเสียมากมาย จนบางครั้งอาจต้องแลกด้วยชีวิตเลยก็ตาม แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยกล้าที่จะเสี่ยง และทำให้การจัดฟันเถื่อนยังคงเป็นที่นิยมในทุกวันนี้     เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงอันตรายและความน่ากลัวของการจัดฟันแฟชั่น วันนี้ #เหมียวเวจจี้ จึงขอรวบรวมกรณีของความสูญเสียมาให้ได้ชมกัน เริ่มกันที่กรณีแรก เป็นเรื่องราวของผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่าคุณอมฤต ชัยบุตร ที่ได้โพสต์ภาพของช่องปากที่ทางลูกศิษย์ส่งมาให้ชม ซึ่งภาพดังกล่าวนั้นก็ไม่ใช่ฝีมือใครที่ไหน เจ้าเหล็กดัดฟันเถื่อนนั่นเอง!!   ภาพจากเฟซบุ๊กของคุณอมฤต ชัยบุตร   ส่วนกรณีต่อมานั้นก็คือเรื่องราวจากแฟนเพจห้องทำฟันหมายเลข 10 ที่โพสต์ภาพของฟันที่ไม่ได้รูปหลังจากผู้ป่วยได้ไปทำการจัดฟันแฟชั่นมา พร้อมกับข้อความว่า “แม่ค้าบอกปลอดภัย100%……เชื่อแม่ค้าซะงั้น กรรมเวร อย่าคิดว่าแค่เอาลวดเอาเหล็กไปติดไว้เฉยๆ ไม่เป็นไรหรอก แรงจากลวดแม้เพียงเล็กน้อยก็ค่อยๆ ขยับฟันไปทีละนิด รู้ตัวอีกทีฟันก็เรียงผิดรูปไปหมดแล้ว”     ส่วนกรณีต่อมาอาจจะน่ากลัวสักหน่อยสำหรับใครที่ใจไม่แข็งพอ โดยเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2017 ที่ผ่านมาทางเพจชื่อดังอย่างหมอแล็บแพนด้า ได้โพสต์ภาพอันน่าสยดสยองของฟันจากผู้ป่วยรายหนึ่งที่ต้องถูกถอนออกมายกแผงหลังจากที่ได้ทำการดัดฟันแฟชั่นมา     ส่วนกรณีล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เลยนั่นก็คือทางเฟซบุ๊ก Vittawat Pongsapas ได้โพสต์ภาพของฟันที่โค้งงออย่างมาก หลังจากที่ได้ทำการดัดฟันแฟชั่นมา…

  • 10 อาการเจ็บปวดที่หลายๆ ครั้งคุณอาจมองข้าม แต่ตอนนี้ควรหันมาสนใจมันได้แล้วนะ!!

    10 อาการเจ็บปวดที่หลายๆ ครั้งคุณอาจมองข้าม แต่ตอนนี้ควรหันมาสนใจมันได้แล้วนะ!!

    หากคุณเคยรู้สึกเจ็บปวดร่างกายส่วนไหนเป็นพิเศษ เช่นอยู่ๆ ก็ปวดหัว เจ็บหน้าอก หรือปวดหลัง บ่อยครั้งที่เรามักจะคิดว่ามันเกิดจากการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ หรืออาจจะเกิดจากสภาพร่างกายที่อ่อนแอในช่วงนั้นของเรา เดี๋ยวมันก็คงหายไปเอง ทว่าทางที่ดีแล้วถ้ามีอาการที่ว่ามานี้คุณควรจะไปตรวจร่างกายเสียหน่อยจะดีกว่านะ เพราะอาการเจ็บปวดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้อาจจะบ่งบอกได้ว่าร่างกายของคุณกำลังมีปัญหาที่ร้ายแรงกว่าซ่อนอยู่ก็ได้ ลองไปดูกันว่าอาการไหนที่บ่งบอกว่าคุณอาจจะป่วยได้บ้าง   1. ปวดหัวแบบเฉียบพลัน   ถ้าจู่ๆ คุณก็รู้สึกปวดหัวแบบรุนแรงจนแทบทนไม่ได้ มันอาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณเป็นโรคหลอดเลือดในสมองโป่งพอง ถ้าหากคุณเป็นโรคนี้แล้วปล่อยมันทิ้งไว้อาจจะทำให้เส้นเลือดในสมองแตกเลยก็ได้นะ   2. ปวดฟันเมื่อดื่มหรือกินของเย็น   หากคุณเกิดอาการนี้แสดงว่าผิวชั้นนอกของฟันคุณอาจจะถูกทำลาย ส่งผลให้เส้นประสาทถูกกระทบโดยตรงเวลาคุณกินของเย็นหรือร้อนมากๆ นอกจากจะทำให้คุณปวดจี้ดแล้วคุณยังมีโอกาสติดเชื้อจากแบคทีเรียจนเชื้อลุกลามไปยังส่วนอื่นของร่างกายด้วย ควรพบหมอฟันโดยด่วน   3. ปวดหรือชาบริเวณมือหรือแขน   เมื่อคุณรู้สึกเจ็บหรือชาฝ่ามือ ข้อมือ หรือนิ้วมือ โดยเฉพาะนิ้วโป้ง นิ้วชี้และนิ้วกลาง คุณอาจจะมีโอกาสเป็นโรคเส้นประสาทกดทับบริเวณข้อมือ และถ้าทิ้งไว้นานๆ อาจจะทำให้มือของคุณใช้การไม่ได้ไปเลย   4. เจ็บหน้าอก   อาการเจ็บอกเป็นสัญญาณเบื้องต้นของโรคหัวใจ มักจะเกิดจากการที่หัวใจมีออกซิเจนไปเลี้ยงไม่เพียงพอ ยิ่งถ้าอาการเจ็บนี้ไล่ไปถึงไหล่ คอ หรือขากรรไกรก็ยิ่งชัดเจนว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจสูง   5. ปวดบริเวณกลางหลัง   ถ้าคุณรู้สึกปวดหลังแล้วยังมีไข้หรือรู้สึกวิงเวียนศรีษะตามมาด้วย ก็แสดงว่าไตของคุณอาจจะติดเชื้อ…

  • งานวิจัยเผย!! คนที่ปวดหัวไมเกรน อาจมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง

    งานวิจัยเผย!! คนที่ปวดหัวไมเกรน อาจมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง

    อาการปวดหัวไมเกรนอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ กับหลายคน แต่ถ้าหากเจ้าอาการที่ว่านั้นไม่ได้รุนแรงจนถึงขั้นที่ทำให้คุณไม่สามารถลุกไปไหนได้ หรือหนักจนถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล่ะก็ เราก็มักจะไม่สนใจและปล่อยปละละเลยกันใช่ไหมล่ะ แต่!! อย่าเพิ่งชะล่าใจไปเพื่อนรัก บางครั้งการปวดหัวไมเกรนธรรมดาๆ นั้นก็อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้นะเออ!!     ผลงานวิจัยชิ้นล่าสุดจากประเทศเดนมาร์กเผยว่า ผู้ป่วยที่มีอาการปวดหัวไมเกรนนั้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป โดยทำการศึกษาจากสถิติผู้ป่วยไมเกรนมากกว่า 50,000 รายและผู้ป่วยที่ไม่มีอาการปวดหัวมากกว่า 500,000 รายตลอดระยะเวลา 19 ปี โรคหลอดเลือดสมองหรือ Stroke นั้นจะทำให้สมองขาดเลือดซึ่งสาเหตุมาจากผู้ป่วยหัวใจวาย 49 เปอร์เซ็นต์ และผู้ป่วยที่มีก้อนเลือดที่บริเวณขาและปอด 59 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 25 เปอร์เซ็นต์คือผู้ป่วยที่มีอาการหัวใจเต้นผิดปรกติ     และดูเหมือนว่างานนนี้หนุ่มๆ จะต้องระวังกันมากเป็นพิเศษแล้ว เพราะผลการศึกษาดังกล่าวยังเผยอีกว่า เพศชายที่มีอาการปวดหัวไมเกรนนั้นมีความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองมากกว่าคนทั่วไปถึง 12 เท่า คุณหมอ  Kasper Adelborg ผู้ทำการศึกษาครั้งนี้อธิบายว่าอาการบีบเกร็งของหลอดเลือดที่ผิดปรกตินั้นไม่เพียงแค่ทำให้เกิดอาการไมเกรนเท่านั้น และอาการดังกล่าวยังเพิ่มโอกาสของการเกิดโรคหลอดเลือดในสมองอีกด้วย     นอกนี้การใช้ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตอรอยด์ หรือ Non-steroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDs) เพื่อแก้อาการปวดหัวไมเกรน ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจวายอีกด้วย เนื่องจากยาชนิดนี้จะทำให้เลือดแข็งตัวผิดปรกติ…

  • รู้จักกับ ‘หัวนมที่ 3’ สิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติแอบซ่อนไว้ในร่างกายเรา ไม่แน่คุณก็อาจจะมี!!

    รู้จักกับ ‘หัวนมที่ 3’ สิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติแอบซ่อนไว้ในร่างกายเรา ไม่แน่คุณก็อาจจะมี!!

    มนุษย์นั้นถือเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา นอกจากความสามารถในด้านความคิดความอ่านแล้ว ร่างกายของมนุษย์เรานั้นก็ยังมีความลับอีกมากมายซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเจ้าหัวนมที่ 3 นั่นเอง สิ่งลับนี้อาจจะฟังดูแปลกๆ ไปซักนิด แต่เจ้าลักษณะพิเศษนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ และไม่เพียงเท่านั้นเหล่าดาราดังอย่างหนุ่ม Mark Wahlberg และ Harry Styles จากวง One Direction เองก็มีเจ้าหัวนมที่ว่านี้เช่นกัน อ่า… และวันนี้เราก็จะขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับลักษณะพิเศษของร่างกายที่ว่านี้กัน!!   Harry Styles และ Mark Wahlberg กับหัวนมที่ 3 ของเขา   มาทำความรู้จักกันก่อน เจ้าหัวนมที่ 3 (Third Nipples) หรือมักจะเรียกว่าหัวนมส่วนเกินนี้ จะเป็นลักษณะพิเศษที่ร่างกายของคุณจะมีหัวนมขึ้นเพิ่มมาอย่างน้อย 1 จุดตรงหน้าอกซึ่งบางคนอาจจะมีมากกว่า 8 เลยทีเดียว!! โดยทางการแพทย์จะเรียกอาการผิดปรกตินี้ว่า Polythelia หรือหัวนมหลายหัว อาการดังกล่าวถือเป็นลักษณะพิเศษที่พบได้ยากเกิดได้ทั้งกับชายและหญิง จากการรายงานของศูนย์ข้อมูลทางพันธุกรรมและโรคหายาก (GARD) ระบุว่ามีชาวอเมริกันจำนวน 200,000 คนที่มีลักษณะพิเศษดังกล่าว   จะรู้ได้อย่างไรว่าเราเองก็มีหัวนมที่ 3 ?? เจ้าหัวนมซ่อนเร้นนี้จะไม่มีการพัฒนาเต็มที่เหมือนกับหัวนมปรกติ ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณอาจจะไม่สามารถรู้ได้ทันทีว่าตัวเองก็มีหัวนมที่ 3 กับเค้าเหมือนกัน บางอันอาจจะมีลักษณะเป็นติ่งเล็กๆ แต่บางอันก็อาจจะมีลักษณะคล้ายกับหัวนมของคุณ ปรกตินั้นเจ้าหัวนมซ่อนเร้นจะเกิดขึ้นตามแนวเต้านม ซึ่งจะอยู่บริเวณด้านหน้าเราตั้งแต่บริเวณรักแร้ลากผ่านหัวนมของเราไปจนถึงบริเวณของอวัยวะเพศ…

  • สุภัทรา สะสุพันธ์ ‘น้องแนท’ ผู้ป่วยโรคขนดก ได้พบกับรักแท้ที่พร้อมจะดูแลเธอแล้ว…

    สุภัทรา สะสุพันธ์ ‘น้องแนท’ ผู้ป่วยโรคขนดก ได้พบกับรักแท้ที่พร้อมจะดูแลเธอแล้ว…

    น้องแนท หรือ นางสาวสุภัทรา สะสุพันธ์ เด็กไทยเป็นโรคขนดกที่เคยดังไปไกลถึงเมืองนอก (อ่านข่าวเก่าได้ที่นี่) เธอเคยได้รับการจดบันทึกจาก Guinness World Records ในปี 2010 ว่าเป็นหญิงสาวที่ขนดกที่สุดในโลก เนื่องจากเธอเป็นโรคที่เรียกว่า “แอมบราส ซินโดรม” แอมบราส ซินโดรม ทำให้เธอมีขนขึ้นตามร่างกายรวมถึงใบหน้ามากกว่าปกติ เธอเคยเข้ารับการรักษาด้วยเลเซอร์เพื่อให้ขนหยุดเจริญเติบโต แต่ก็ล้มเหลว เธอจึงจำเป็นต้องโกนมันด้วยตัวเองอยู่เสมอๆ     ถึงแม้น้องแนทจะเป็นโรคดังกล่าว แต่ครอบครัวและเพื่อน ๆ ต่างก็ยอมรับและคอยหนุนหลังเธอเสมอ จึงทำให้เธอสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข   ปัจจุบัน น้องแนทมีอายุได้ 17 ปี และทำการโพสท์รูปตนเองผ่านโซเชียลมีเดีย รูปภาพของเธอเผยให้เห็นถึงหน้าที่แท้จริงแบบไม่มีขนหนาๆ มาปิดบังแบบที่เคยเห็น   พร้อมทั้งมีการโพสต์ภาพตนเองที่ถ่ายคู่กับคนรักของเธออีกด้วย   “เธอไม่ใช่แค่รักแรก แต่เธอคือรักสุดท้ายของทั้งชีวิต” คือแคปชั่นของภาพเธอกับคนรักที่อ่านแล้วรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของน้องแนทที่มีให้กับคนรักของเธอได้ชัดเจนเลยทีเดียว   ชาวเน็ตต่างก็มาแสดงความคิดเห็นในข่าวเป็นกำลังใจให้กับน้องแนทกันมากมาย เช่น คุณ eslizzywizzy แสดงความเห็นว่า “ขอพระเจ้าคุ้มครอง และขอให้มีอนาคตที่มีความสุขนะ” คุณ Lychee4U กล่าวว่า “ดีสำหรับเธอแล้วล่ะ ขอให้เธอมีชีวิตที่ดี” และคุณ Kansa ก็บอกว่า “มหัศจรรย์มากที่เธอมีครอบครัว…

  • 7 เรื่องราวเกี่ยวกับ ‘ฉี่’ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน แต่รู้ไว้ก็ดีนะเพราะมันเกี่ยวกับสุขภาพของคุณ!!

    7 เรื่องราวเกี่ยวกับ ‘ฉี่’ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน แต่รู้ไว้ก็ดีนะเพราะมันเกี่ยวกับสุขภาพของคุณ!!

    บางครั้งการตรวจสุขภาพร่างกายของเราก็สามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ ในห้องน้ำที่บ้าน อย่างที่หลายๆ คนพอจะทราบกันดีว่าเราสามารถตรวจสุขภาพของลำไส้หรือกระเพาะได้ง่ายๆ โดยสังเกตจากสภาพของ ‘ทองคำ’ ที่เบ่งออกมา และเมื่อไม่นานมานี้ทางเว็บไซต์ Bright Side ก็ได้แนะนำวิธีตรวจสอบร่างกายเราง่ายๆ จากปัสสาวะของเราพร้อมกับแนะนำวิธีดูแลตัวเองอีกด้วย จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นไปชมกันเลย!!     เริ่มกันที่สีส้ม ปัสสาวะสีนี้อาจเป็นผลมาจากการทานยายาแก้อัก ยาระบาย การทำเคมีบำบัด การทานวิตามินบี 2 หรือการบริโภคพืชผักที่มีสารเบต้าแคโรทีนมากเกินไปนั่นเอง นอกจากนี้การดื่มน้ำน้อยก็อาจจะทำให้ปัสสาวะของคุณมีสีส้มถึงส้มเข้มได้อีกด้วย แต่สิ่งสำคัญอีกข้อหนึ่งนั่นก็คือลองเช็กดวงตาของคุณถ้าหากมีสีเหลืองด้วยล่ะก็นั่นอาจจะหมายความว่าตับของคุณเริ่มมีปัญหาแล้ว!!   สีชมพูหรือสีแดงระเรื่อ แน่นอนว่าอะไรที่เป็นสีแดงๆ นั้นมักจะทำให้พวกเราใจคอไม่ดี แต่อย่าเพิ่งแตกตื่นกันเพื่อนรักบางครั้งสาเหตุของปัสสาวะสีแดงนั้นอาจจะมาจากอาหารอย่างบีทรูท พวกเบอรี่ต่าง หรือยาปฏิชีวนะอย่าง Rifadin หรือ Rimactane ที่คุณทานเข้าไปก็ได้ โดยมันจะกลับเป็นปรกติหลังจากนั้น 1 วัน แต่ถ้าหากว่าคุณไม่แน่ใจล่ะก็อาจจะไปพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียดก็ได้ เพราะบางครั้งปัสสาวะสีนี้อาจจะหมายถึงอาการผิดปรกติของกระเพาะปัสสาวะ หรือไตได้เช่นกัน   สีเขียวหรือสีน้ำเงิน นี่อาจจะเป็นสีที่พบเห็นได้ยาก ปัสสาวะสีนี้อาจจะมาจากการกินอาหารที่มีการย้อมสีหรือทานยาบางประเภทอย่างเช่น Amitriptyline, Indomethacin และ Propofol แต่ถ้าหากว่าคุณยังหาสาเหตุไม่พบล่ะก็ แนะนำว่าให้รีบไปพบแพทย์จะดีกว่าเพราะปัสสาวะสีนี้เป็นสีที่พบได้ยาก และมันอาจจะหมายความว่าโดนแบคทีเรียในกลุ่ม Pseudomonas เล่นงานเข้าให้แล้ว และนอกจากนี้คุณยังอาจจะเป็นนิ่วในไตอีกด้วย!!   สีน้ำตาล ปัสสาวะสีน้ำตาลนั้นอาจจะส่งสัญญาณเตือนว่าตอนนี้ร่างกายของคุณกำลังขาดน้ำ หรือเป็นผลมาจากการทานผักอย่างรูบาร์บหรือพวกถั่วปากอ้าเข้าไปนั่นเอง แต่ถ้าหากว่าคุณไม่แน่ใจล่ะก็ลองปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูเพราะปัสสาวะสีนี้อาจบอกได้ว่าตับและไตของคุณกำลังมีปัญหานั่นเอง   ปัสสาวะมีฟอง ฟองในปัสสาวะนั้นอาจจะเป็นเรื่องปรกติ แต่ถ้าหากว่ามันมากเกินผิดสังเกตุล่ะก็คุณควรไปพบแพทย์…

  • เด็กน้อยป่วยเป็นโรคประหลาด ไม่สามารถทานอะไรได้เลยนอกเสียจาก “ลูกพีช”

    เด็กน้อยป่วยเป็นโรคประหลาด ไม่สามารถทานอะไรได้เลยนอกเสียจาก “ลูกพีช”

    เมื่อเรากินอะไรสักอย่างติดต่อกันเป็นเวลานาน ย่อมจะต้องรู้สึกเบื่ออาหารเป็นธรรมดา เราจึงพยายามมองหามื้ออาหารที่แตกต่างกันในแต่ละวัน เพื่อที่จะได้ลิ้มรสอาหารที่ไม่ซ้ำซาก แต่บางคนกลับโชคร้าย เพราะเกิดมาพร้อมกับอาการแพ้อาหาร จึงไม่มีโอกาสได้ลองลิ้มรสชาติของอาหารเหล่านั้น แต่คงไม่มีใครโชคร้ายเท่ากับเด็กคนนี้แล้วล่ะ เพราะเขาไม่สามารถกินอาหารอะไรได้เลย ยกเว้นเพียงลูกพีชสดเท่านั้น   Micah   เด็กน้อยคนนี้ชื่อว่า Micah ขณะนี้เขาอายุเพียง 2 ปีเท่านั้น ย้อนกลับไปเมื่อเขาอายุได้ 6 เดือน แพทย์ตรวจพบว่าเขาป่วยเป็นโรค Food-protein Induced Enterocolitis Syndrome หรือเรียกสั้นๆว่า FPIEs ซึ่งทำให้เขาแพ้อาหารหลายชนิด อาการแพ้อาหารนี้รุนแรง และอาจทำให้เขาท้องเสีย อาเจียน ผิวซีด และมีเข้าสู่ภาวะช็อกได้เลย คุณแม่ของเขาเล่าให้ฟังว่า “ครั้งแรกที่เขาช็อก พวกเราทำอะไรไม่ถูกเลย ถึงเราจะขอความช่วยเหลือจาก 911 แล้ว พวกเขาก็ไม่รู้วิธีรับมือกับ FPIEs เราจึงทำได้เพียงกอดเขาไว้ และร้องไห้กันทั้งคืน” นอกจากนี้เขายังป่วยเป็นโรคอี่นๆ อีกหลายอย่างเช่น DiGeorge Syndrome และ 15Q13.3 Micro-Duplication พ่อและแม่ของเขาจึงต้องพาเขาไปพบแพทย์เฉพาะทางทุกเดือน แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายก็สูงตามไปด้วย     นอกจากค่ารักษาของน้อง Micah…

  • ชวนฟังเพลงที่นักประสาทวิทยาคอนเฟิร์ม ช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวลได้มากถึง 65% โค๊ววว!!

    ชวนฟังเพลงที่นักประสาทวิทยาคอนเฟิร์ม ช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวลได้มากถึง 65% โค๊ววว!!

    อาการวิตกกังวลเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน สาเหตุอาจเกิดจากความหวาดกลัว ระแวง หรือกังวลถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งหากคุณมีอาการดังกล่าวบ่อยครั้งหรือกังวลอย่างหนัก ก็อาจทำให้คุณป่วยเป็นโรควิตกกังวลได้เลย โรคดังกล่าวนอกจากจะทำให้รู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องต่างๆ แล้ว มันยังส่งผลต่อไปถึงร่างกายของเราได้อีกด้วย เช่น เจ็บหน้าอก ชาตามร่างกาย เวียนหัว หรือท้องไส้ปั่นป่วน หลายคนที่เป็นอาจเลือกรักษาด้วยการกินยา ซึ่งแน่นอนว่าการรับสารเคมีเข้าไปในร่างกายต้องได้รับผลกระทบบางอย่างอยู่ แต่ตอนนี้ผลการวิจัยล่าสุดออกมาแล้วว่ามีอยู่เพลงหนึ่งที่สามารถช่วยลดความกังวลได้มากถึง 65 เปอร์เซ็นต์!!     นักประสาทวิทยาจาก Mindlab International ในสหราชอาณาจักร ได้ร่วมกันวิจัยเพื่อหาคำตอบว่าเพลงแนวไหนที่สามารถลดความวิตกกังวลได้มากที่สุด จากการสังเกตเรื่องการทำงานของสมอง อัตราการเต้นของหัวใจ ความดันเลือด และอัตราการหายใจของผู้เข้าทดสอบที่ฟังเพลงหลายๆ แนว ทางทีมวิจัยก็ได้นำผลลัพธ์ส่งต่อให้นักดนตรีและนักบำบัดด้วยเสียง ให้พวกเขาช่วยกันแต่งเพลงขึ้นมา ทำให้ออกมาเป็นเพลงที่ชื่อว่า Weightless ของ Marconi Union โดยจากการทดสอบเพลงนี้สามารถลดความวิตกกังวลได้มากถึง 65 เปอร์เซ็นต์ และช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายมีอัตราการพักผ่อนเพิ่มขึ้น 35 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพของเราจริงๆ เพื่อนๆ ลองไปฟังกันดูเลยยย   บทเพลงแห่งความผ่อนคลาย ช่วยลดความวิตกกังวลได้เป็นอย่างดี   นอกจากการฟังเพลงนี้แล้ว เพื่อนๆ ก็อย่าลืมหากิจกรรมอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อผ่อนคลายตัวเองจะได้ไม่เครียด  …

  • หญิงสาวผู้ป่วยเป็นโรคจำได้ทุกอย่าง เปิดเผยความรู้สึกแรกหลังจากที่มีความสามารถนี้

    หญิงสาวผู้ป่วยเป็นโรคจำได้ทุกอย่าง เปิดเผยความรู้สึกแรกหลังจากที่มีความสามารถนี้

    เราแทบทุกคนไม่สามารถจำได้ว่าตอนเป็นเด็กเรารู้สึกอย่างไรหรือมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง สิ่งนั้นเป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์ที่เมื่อเราใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ความทรงจำเก่าๆ ก็จะยิ่งเลือนรางจางหายไปทุกที แต่สิ่งที่ว่ามานั้นกลับไม่ได้เกิดขึ้นกับหญิงสาวที่มีชื่อว่า Rebecca Sharrock ผู้ป่วยเป็นโรค Highly Superior Autobiographical Memory (หรือที่เรียกว่า HSAM) ทำให้เธอสามารถจำเหตุการณ์ในชีวิตของเธอได้แทบจะทั้งหมด แม้แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ     โรค HSAM เรียกได้ว่าหายากมากๆ มีเพียงไม่ถึง 100 คนบนโลก โดยผู้ป่วยสามารถจดจำความรู้สึกหรือสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้ แต่หากเป็นเรื่องอื่นๆ หรือของคนรอบข้างความจำก็จะมีความเลือนรางอยู่เหมือนคนทั่วไป ซึ่งโรคดังกล่าวยังคงไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าเกิดจากอะไร ในกรณีตัวอย่างของเธอคนนี้ที่ิอาศัยอยู่ในรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย แม้ว่าจะไม่สามารถจำวันแรกที่ตัวเองลืมตาดูโลกได้ แต่เธอสามารถจดจำทุกอย่าง ทั้งความรู้สึก ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับตัวเอง หรือแม้กระทั่งรสชาติอาหาร ซึ่งเธอจำได้ตั้งแต่ตอนที่ตัวเองอายุเพียงแค่ 12 วันเท่านั้น   เธอสามารถจำความรู้สึกของตัวเองในตอนที่อายุเพียงแค่ 12 วันได้   เธอเล่าว่า “ฉันจำได้ว่าตอนนั้นฉันน่าจะนอนอยู่บนเปลในโรงพยาบาล และตอนที่ได้อยู่ในห้องนอนก็มีความรู้สึกหลงใหลไปกับพัดลมที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ แต่ก็ไม่สามารถลุกออกไปดูและทำความรู้จักกับมันได้” เล่าต่ออีกว่าตอนที่ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ จะพูดหรือใช้เครื่องมือต่างๆ ก็ไม่ได้ ในตอนนั้นเธอรู้สึกสนใจและสงสัยสิ่งรอบตัวมากกว่าปัจจุบันหลายเท่าเลย แสดงให้เห็นเลยว่าเธอสามารถจดจำได้กระทั่งว่าตอนนั้นเธอรู้สึกอย่างไร   คนทั่วไปแค่คิดถึงตอนอายุ…

  • 10 เรื่องจริงเกี่ยวกับ ‘การผ่าตัด & ศัลยกรรม’ จากยุคกลาง แหม๊… มันช่างน่ารักสดใสซะจริ๊งง!!

    10 เรื่องจริงเกี่ยวกับ ‘การผ่าตัด & ศัลยกรรม’ จากยุคกลาง แหม๊… มันช่างน่ารักสดใสซะจริ๊งง!!

    ถ้าพูดถึงการเข้ารับการผ่าตัด & ศัลยกรรมในสมัยนี้ หลายคนอาจจะไม่รู้สึกกลัว เพราะไหนจะมีทั้งยาชา ยาสลบ แถมยังมีกรรมวิธีอีกมากมายที่ช่วยให้อะไรๆ ก็เป็นไปได้ง่ายขึ้น แต่คราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 10 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการผ่าตัดทางการแพทย์ในสมัยยุคกลาง ซึ่งเป็นยุคสมัยที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ยังไม่ก้าวหน้ามากนัก และการจะรักษาโรคแต่ละอย่างมันก็ช่างแหม๊… ดูน่าลิ้มลองซะจริง!!   1. การผ่าตัดในยุคกลางมีแต่ความเจ็บปวด เจ็บปวด และเจ็บปวด   ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าการผ่าตัดในยุคกลางนั้นเป็นเรื่องที่ทารุนแบบสุด (ถึงขั้นที่คุณอาจเสียชีวิตจากความเจ็บปวดได้เลย) ไม่ว่าจะสาเหตุมาจากความรู้ความเข้าใจในเรื่องกายวิภาคของมนุษย์ที่ยังไม่มากพอ หรือจะเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆ ที่ยังไม่เอื้ออำนวย ที่สำคัญ ในสมัยนั้นผู้ที่รับหน้าที่เป็นหมอส่วนใหญ่แล้วจะมาจากอาชีพบาทหลวงมาก่อน และส่วนใหญ่จะใช้ตำราการแพทย์จากฝั่งอาหรับเป็นหลัก จนกระทั่งในปี 1215 พระสันตปาปาได้ประกาศให้บาทหลวงห้ามยุ่งเกี่ยวกับการแพทย์ และเปิดโอกาสให้เป็นพื้นที่ของคนที่ตั้งใจศึกษาด้านนี้จริงๆ แต่ถึงกระนั้นการผ่าตัดก็ยังไม่ใช่เรื่องทั่วไปเหมือนสมัยนี้อยู่ดี     2. ยาชา/ยาสลบ ในยุคกลางจะใช้สิ่งที่เรียกว่า ‘Dwale’   ชีวิตของผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดในยุคกลางค่อนข้างจะแขวนอยู่บนเส้นด้าย ในสมัยนั้นมีการใช้ยาชาที่เรียกว่า ‘Dwale’ ซึ่งเกิดจากการผสมสารต่างๆ ที่สกัดได้จากธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน แต่ก็ใช่ว่าการผ่าตัดจะเป็นไปอย่างเรียบง่าย เพราะเจ้า Dwale นี่แหละ บางทีก็สร้างปัญหาให้ตัวหมอเอง เนื่องจากบางครั้งมันก็แรงมากซะจนทำให้ผู้ป่วยหลับสนิทจนไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย…     3. วิธีการรักษาต้อกระจกสุดโหด…!!   หากใครเป็นโรคต้อกระจกในช่วงยุคกลาง…

  • ชายแก่ผู้ป่วยเป็นโรคประหลาดทำให้เขาเก็บสะสมขยะและของทุกชิ้นเอาไว้จนล้นบ้าน

    ชายแก่ผู้ป่วยเป็นโรคประหลาดทำให้เขาเก็บสะสมขยะและของทุกชิ้นเอาไว้จนล้นบ้าน

    คนเก็บขยะเป็นเหมือนกับอาชีพที่เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไป ส่วนใหญ่พวกเขาก็จะนำไปขายเพื่อเอาเงินไปทำอย่างอื่น แต่ไม่ใช่กับชายคนนี้เพราะเขาเก็บขยะทุกชิ้นเอามาไว้ในบ้านของตัวเองซะอย่างนั้น ชายแก่วัย 60 ปีที่ชื่อว่า Jean เขาป่วยเป็นโรคที่ชื่อว่า Diogenes Syndrome ทำให้เขาไม่สนใจที่จะดูแลตัวเองเลยและยังมีพฤติกรรมประหลาดอีกอย่างคือ เขาจะออกไปเก็บขยะมาไว้ที่บ้านของตัวเองทุกวัน   เพราะโรคประหลาดหายากนี้ทำให้เขาต้องใช้ชีวิตในแบบที่ไม่เหมือนใคร   กองขยะที่เก็บเอาไว้จนแทบไม่เหลือพื้นที่ทางเดิน   ชายคนนี้เคยเป็นช่างเทคนิคงานก่อสร้างมาก่อน จนกระทั่งปี 2002 เขาได้เกษียณตัวเองและออกมาประทังชีวิตด้วยของที่เก็บได้จากถังขยะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีเงินเลย เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้นำมรดกที่ได้มาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเท่านั้นเอง   ในทุกคืนเขาจะออกบ้านไปเก็บขยะมาเรื่อยๆ โดยไม่สนว่าชีวิตของตัวเองจะเป็นอย่างไร   ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้อะไรก็ตามเขาจะนำกลับไปด้วยเสมอ   หรือแม้แต่อาหารที่ไม่ต้องเสียเงินเลยซักบาทก็อิ่มท้องได้   หากปล่อยให้เขาเก็บทุกอย่างมาไว้ในบ้านไปเรื่อยๆ แบบนี้มีหวังคงได้จมกองขยะตายแน่ๆ ทางรัฐบาลจึงบังคับให้มีการเก็บกวาดบ้านปีละหนึ่งครั้งเพื่อป้องกันในเรื่องของสุขภาพและความปลอดภัย โดยการทำความสะอาดทุกครั้งชายแก่ต้องรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายด้วยตัวเอง   เขาต้องจ่ายเงินให้คนที่เข้ามาทำความสะอาดให้ด้วยตัวเอง   รัฐบาลบังคับให้ทำความสะอาดเพื่อสุขภาพและความปลอดภัยในการใช้ชีวิต   พฤติกรรมแปลกๆ นี้ทำให้ช่างภาพชาวฝรั่งเศส Arnaud Chochon สนใจเข้ามาเก็บภาพการใช้ชีวิตของชายแก่ ช่างภาพคนนี้ใช้เวลากว่า 3 เดือนในการขอให้ชายแก่อนุญาตให้เขาเข้าบ้าน หลังจากนั้นการตามเก็บภาพต่างๆ ก็ได้เริ่มต้นขึ้น   เศษอาหารที่กินไปทุกอย่างถูกเก็บเอาไว้ ไม่ได้นำออกไปทิ้ง   ประตูที่ถูกปิดตายด้วยกองขยะขนาดมหึมา…

  • 8 สิ่งที่เราทำในชีวิตประจำวัน แต่มีผลเสียต่อ “กระดูกสันหลัง” อย่างไม่น่าเชื่อ พร้อมวิธีแก้ไข

    8 สิ่งที่เราทำในชีวิตประจำวัน แต่มีผลเสียต่อ “กระดูกสันหลัง” อย่างไม่น่าเชื่อ พร้อมวิธีแก้ไข

    เชื่อหรือไม่ว่า การกระทำทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเรานั้นส่งผลระยะยาวกับสุขภาพของเรา ไม่ว่าจะทำงานบ้าน กินข้าว หรือช็อปปิ้งก็ตามล้วนสามารถส่งผลต่อกระดูกสันหลังของเราได้ และมันก็ไม่ดีเอาซะเลย… ฉะนั้น วันนี้เราเลยจะมาดู 8 สิ่งยอดฮิตที่เราทำในทุกวันโดยไม่คิดอะไร แต่ส่งผลกับกระดูกสันหลังอย่างร้ายแรงกัน รวมถึงวิธีการจะแก้ปัญหาก่อนที่มันจะสายไป เอ้า!! อย่ารอช้ามีอะไรบ้างมาดูกัน   เวลาแปรงฟัน ในตอนที่เรายืนอยู่นั้นหลายคนคงชอบที่จะก้มลงไปกับอ่างล้างหน้า จากนั้นก็บรรเลงฝีมือการใช้แปรงฟันอย่างรวดเร็วและรุนแรงอยู่นานสองนาน โดยที่ไม่คิดเลยว่าช่วงที่ก้มอยู่นั้นคือต้นเหตุของอาการกระดูกสันหลังเสื่อมและอาการปวดหลัง โดยวิธีแก้ทำได้ง่ายมาก เพียงแค่ยืนตรงและเอามือข้างหนึ่งวางไว้บนกำแพง เท่านี้ก็หมดปัญหาแล้ว…   ล้างจาน เช่นเดียวกับการแปรงฟัน เวลาที่เราล้างจานนั้นเรามักจะก้มลงไปที่ซิ้งน้ำ ซึ่งแน่นอนว่าส่วนสูงหลายคนอาจจะเป็นปัญหาในการหยิบจานขึ้นมาล้าง ทำให้ช่วงหลังและไหล่ต้องรับงานหนัก ปัญหานี้ช่วยได้เพียงแค่หาอะไรมารองเข่าหนึ่งข้าง จากนั้นก็ล้างจานตัวตรงปกติ หรือเอนตัวไปนิดหน่อย ปัญหาการปวดหลังก็จะหายไปแล้วล่ะ   เปลี่ยนยางรถหรือเติมลมยาง เวลาที่เราเติมลมรถหรือเปลี่ยนยางรถ เรามักจะก้มลงไปทำกิจกรรมดังกล่าวเสมอๆ โดยที่เราไม่รู้เลยว่ามันจะส่งผลเสียแค่ไหน บางคนก้มเปลี่ยนยางนานๆ อาจจะรู้เลยว่ามันปวดหลังมากๆ วิธีการแก้ไขปัญหานั้นทำได้ไม่ยาก เพียงแค่นั่งลงไปกับพื้นโดยไม่ต้องกลัวเปื้อน และจัดการปัญหาดังกล่าวให้เสร็จด้วยท่านั่งนั่นเอง   หิ้วถุงใส่ของหนักๆ หลายคนเวลาไปซื้อกับแฟนสาว หรือไปซื้อของจากซุปเปอร์มาเก็ตไว้เป็นเสบียงทีละเยอะๆ ก็คงจะเจอกับปัญหาการหิ้วของหนักๆ ใช่ไหมล่ะ และเมื่อวางมันลงคุณก็จะรู้สึกปวดช่วงไหล่มาก ปัญหานี้จัดการง่ายมากเพียงแค่ ตอนที่หยิบของใส่ถุง ให้เราแบ่งออกเป็นสองถุงในน้ำหนักพอๆ กันและถือมาสองมือเพื่อแบ่งเบาน้ำหนักที่ต้องแบกด้วยมือเดียว   ถูพื้นด้วยผ้า…

  • รู้จักกับ 9 โรคแปลกๆ ที่เกิดขึ้นเฉพาะในบางเมือง และเกิดเฉพาะกับคนบางพื้นที่เท่านั้น

    รู้จักกับ 9 โรคแปลกๆ ที่เกิดขึ้นเฉพาะในบางเมือง และเกิดเฉพาะกับคนบางพื้นที่เท่านั้น

    ในโลกนี้มีโรคต่างมากมาย แต่เชื่อมั้ยว่าต่อให้เราเป็นคนเหมือนกัน แต่โรคบางชนิดที่เราเป็น คนที่อื่นอาจไม่เป็น เช่นเดียวกัน บางโรคคนที่อื่นเป็น แต่เราเป็นไม่ได้ เพราะโรคเหล่านี้จะเกิดขึ้นเฉพาะในบางพื้นที่เท่านั้น   1. อินเดียซินโดรม ทุกๆ ปี ผู้คนจากทั่วโลกจะเดินทางไปยังอินเดียเพื่อแสวงบุญ แต่มีบางคนที่ไม่ได้กลับบ้านอีกเลย ทั้งนี้เป็นเพราะในอินเดียมีลัทธิต่างๆ มากมาย บางลัทธิมีการวิธีการดึงดูดจนทำให้ผู้แสดวงบุญรู้สึกติดเหมือนการติดยาจนถอนตัวไมได้ การฝึกทำตามวิถีของลัทธิอาจทำให้นักเดินทางบางคนสูญเสียความเป็นตัวเอง และมอบชีวิตให้สิ่งตัวเองนับถือ ภาวะเช่นนี้เรียกว่า “โรคอินเดีย”     โรคนี้มักเกิดกับคนตะวันตกที่เดินทางไปหาที่พึ่งพาในอินเดีย เพราะวัฒนธรรมต่างๆ ในอินเดียมักจะทำให้คนตะวันตกรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลา โรคนี้อาจจะหายไปเมื่อพวกเขาได้กลับบ้าน สัมผัสบรรยากาศเดิมๆ ที่บ้าน แต่บางคนไม่สามารถแก้ได้ พวกเขาจะกลายเป็นคนประสาทหลอนถาวร และจะหายได้ต่อเมื่อเสียชีวิตเท่านั้น เพิ่มเติม culteducation   2. สตอกโฮล์มซินโดรม โรคนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้คนถูกทำร้ายร่างกาย แต่พวกเขากลับไม่เอาผิดคนทำร้าย ตรงข้าม กลับเห็นอกเห็นใจและยอมให้ตัวเองถูกทำร้ายต่อไป รวมทั้งอาจมีความรู้สึกเสน่หาต่อคนร้ายด้วย     โรคนี้เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1973  เมื่อมีคน 4 คน ถูกนาย Jan-Erik Olsson วัย 32 ปี จับเป็นตัวประกันระหว่างทำการปล้นธนาคาร เมื่อการปล้นจบลง…

  • เด็กน้อยวัย 2 ขวบ เกิดมาพร้อมโรคแขนใหญ่ข้างเดียวเหมือนกับ ‘Hellboy’ ..!!

    เด็กน้อยวัย 2 ขวบ เกิดมาพร้อมโรคแขนใหญ่ข้างเดียวเหมือนกับ ‘Hellboy’ ..!!

    เรื่องราวของหนูน้อย Shakiba วัย 2 ขวบ จากประเทศบังคลาเทศ ที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลกหลังจากที่นักข่าวได้เข้าไปถ่ายทำชีวิตของเขา แต่สิ่งที่พิเศษกว่านั้นก็คือ อาการผิดปกติตั้งแต่กำเนิดนั้น ทำให้หนูน้อยคนนี้มีแขนที่ใหญ่โตราวกับ Hellboy กันเลยล่ะ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ลองวัดดูแล้วก็พบว่ามันหนักมากถึง 2 กิโลกรัม   หนูน้อย Shakiba   คุณพ่อของหนูน้อยวัย 23 ปี Abdul Satter ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า “ด้วยความที่เรายากจน เราก็คงได้แต่หวังพึ่งความเห็นใจจากพระองค์ เรายังคงศรัทธาในพระเจ้าและคุณหมอ และผมก็ยังหวังว่าซักวันหนึ่งจะมีคนมารักษาและมอบชีวิตปกติสุขให้เธอได้”   แต่หลังจากที่เรื่องราวของหนูน้อยเริ่มเป็นที่รู้จัก ตอนนี้ก็มีหน่วยงานเข้าไปช่วยเหลือเธอแล้ว   ทางคุณหมอได้วินิจฉัยและพบว่านี่คือโรค Haemangioma ซึ่งเกิดจากการที่มีเส้นเลือดฝอยถูกกดทับอยู่ใต้ชั้นผิวหนัง และนั่นก็ทำให้เกิดเลือดคั่งจนนำมาสู่อาการผิดปกติดังกล่าว โดยคุณหมอเจ้าของเคสเชื่อว่าทั่วโลกมีคนป่วยเป็นโรคนี้อยู่มากกว่า 30,000 คนเลยทีเดียว     Dr. Shamim Hossain ผู้ดูแลเรื่องนี้ได้แจ้งว่า “ตอนนี้เราได้ตั้งทีมขึ้นมาโดยประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ทาง เพื่อช่วยกันหาวิธีรักษาอาการดังกล่าว เมื่อไหร่ที่เราสามารถแก้เรื่องเลือดคั่งได้แล้ว เราก็จะสามารถผ่าตัดชั้นผิวหนังให้หนูน้อยได้ต่อ”     ซึ่งทางครอบครัวก็ได้แต่หวังว่า…

  • สาวป่วยโรคหายาก จากนักกีฬาสู่ชีวิตวีลแชร์ ถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดผ่านภาพศิลปะเหล่านี้…

    สาวป่วยโรคหายาก จากนักกีฬาสู่ชีวิตวีลแชร์ ถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดผ่านภาพศิลปะเหล่านี้…

    ทั้งหมดที่เราจะได้ชมนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ Kam Redlawsk หญิงสาวที่มีชีวิตปกติเฉกเช่นคนอื่นๆ ทว่าจู่ๆ ในวัย 20 ปี เธอก็ค้นพบว่าตัวเองป่วยด้วยโรค HIBM ซึ่งเป็นโรคหายากที่มีผู้ป่วยเพียง 1 ใน 3,000 คนทั่วโลกเท่านั้น ตลอดช่วงชีวิตหลังจากที่ประสบโรคร้าย เธอก็ต้องต่อสู้กับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่เคยเป็นนักกีฬาก็ต้องผันมาใช้ชีวิตบนวีลแชร์แทน จนกระทั่งวันหนึ่งเธอมีโอกาสได้เดินทางไปยังแคลิฟอร์เนีย เพื่อทำงานด้านดีไซน์ และนั่นเองก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอพบกับกลุ่มคนที่ป่วยด้วยโรคเดียวกัน ซึ่งเธอก็ได้บอกเล่าความรู้สึกทุกอย่างผ่านภาพศิลปะทั้งหมดนี้…   It’ll be alright   I Don’t Want To Be An Inspiration Today   Daydreaming   Please Don’t Leave Me   Waves   Better Days Ahead   Baby Mine   Oneiros and I…

  • พยาบาลรับเลี้ยงเด็กแฝด ผู้ป่วยโรคหายาก เมื่อพ่อแม่ดูแลไม่ได้ จึงขอทำหน้าที่มอบความรักแทน…

    พยาบาลรับเลี้ยงเด็กแฝด ผู้ป่วยโรคหายาก เมื่อพ่อแม่ดูแลไม่ได้ จึงขอทำหน้าที่มอบความรักแทน…

    ความผิดปกติทางด้านร่างกายนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และยากที่จะดูแล เด็กบางคนที่เกิดมาผิดปกติอาจถูกนำไปเลี้ยงดูในสถานรับเลี้ยงเฉพาะ หรือเด็กบางคนอาจถูกทิ้งไม่ได้รับความรักจากคนร้อบข้างเลยแม้แต่น้อย เมื่อเด็กน้อยฝาแฝดได้เกิดขึ้นมาพร้อมกับโรคหายากอย่าง Pfeiffer Syndrome ที่ทำให้กระดูกในกะโหลกของพวกเขาเชื่อมต่อผิดรูป ทำให้ศีรษะมีลักษณะที่ใหญ่กว่าปกติ และพ่อแม่ของเด็กน้อยทั้งสองนั้นคิดว่าไม่สามารถดูแลพวกเขาได้ดีพอ…     จนเมื่อพยาบาลคนหนึ่งที่ดูแลพวกเขามาตลอด 4 สัปดาห์ในช่วงแรกเกิด ได้ตัดสินใจรับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมพร้อมกันทั้งคู่ เพราะคิดว่าพวกเขาเป็นเด็กที่น่ารักน่าทะนุถนอมที่สุดที่เธอเคยเจอมา และไม่ควรจะต้องถูกพรากออกจากกันแต่อย่างใด   .   พยาบาลผู้นี้มีชื่อว่า Linda Trepanier วัย 58 ปี ถูกถามโดยพนักงานบริการสังคมเพื่อให้เธอรับเลี้ยงเด็กไม่คนใดก็คนหนึ่งจากสองคนนี้ แต่เธอก็ได้รับเลี้ยงเขาพร้อมกันทั้งคู่พร้อมทั้งบอกอีกว่า “ฉันตกหลุมรักพวกเขา ฉันรู้ได้ด้วยหัวใจเลยว่าเขาคือลูกของฉัน”     สิ่งที่พวกเขาเป็นนั้นทำให้การดูแลเป็นไปได้ยากมาก แต่สำหรับเธอแล้ว ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาจะช่วยให้การเลี้ยงดูเป็นไปได้ดีกว่าใครหลายคน และคิดว่าหากเธอไม่ได้เป็นคนที่มาเจอและตัดสินใจรับเลี้ยงพวกเขา แล้วใครล่ะที่จะมาทำแทนเธอ? คนรอบข้างของเธอนั้นคิดว่าด้วยอายุขนาดนี้ เธอควรจะคิดถึงเรียกวัยเกษียณที่จะได้พักผ่อนอยู่บ้าน แต่เธอไม่สนใจสิ่งเหล่านั้น เธอคิดว่าเธอจะสามารถทำให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้นได้จริงๆ…     Matthew และ Marshall ฝาแฝดผู้มีอาการผิดปกติที่เกิดจากพันธุกรรมที่รับมาจากพ่อของพวกเขา ส่งผลให้รูปลักษณ์หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นมือเท้า ข้อต่อ ดวงตาที่โหนกนูน ใบหู และที่เห็นได้ชัดคือกระโหลกศีรษะที่ผิดรูป ต้องได้รับการดูแลอยู่ตลอด 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว…

  • รวม 10 อาการสภาวะทางจิตอันแปลกประหลาด ความนึกคิดที่แตกต่างไปจากคนธรรมดา…

    รวม 10 อาการสภาวะทางจิตอันแปลกประหลาด ความนึกคิดที่แตกต่างไปจากคนธรรมดา…

    จากสถิติ 1 ใน 4 ของประชากรทั้งโลกจะมีอาการผิดปกติในเรื่องของจิตใจหรือพฤติกรรม แต่ในความผิดปกติที่มากมายแตกต่างกันไปเหล่านั้น เราลองมาดูอาการที่ให้ความรู้สึกว่าแปลก พิลึกกว่าที่เราเคยได้ยินมาก่อน… กับความผิดปกติทางด้านจิตใจที่ส่งต่อไปยังการทำงานของร่างกาย ที่ออกมาในรูปแบบของพฤติกรรมความคิดแปลกๆ ทั้ง 10 ความผิดปกติ   1.Quasimodo Syndrome   โรคนี้ถือว่ามีอาการที่น่ากลัวอยู่มากเลยทีเดียว เพราะจะคิดว่าตัวเองนั้นมีร่างกายที่ผิดปกติหรือมีความบกพร่องที่เกินจริง จะส่องกระจกอยู่ตลอดเพื่อพยายามจับผิดตัวเอง ถึงขนาดไม่ชอบที่จะถ่ายรูปเพราะกลัวว่าจะเห็นในข้อบกพร่องของตัวเองในภาพ มีความภูมิใจในตัวเองน้อยมาก และกลัวการเข้าสังคมเพราะคิดว่าคนอื่นจะหัวเราะเยาะในความผิดปกติที่ตัวเองคิดไว้   2.Erotomania   ผู้ป่วยจะคิดว่ามีคนตกหลุมรักตัวเองอยู่ แล้วคนคนนั้นก็คือบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคมเช่น ดารานักร้อง จินตนาการเอาว่าเหล่าคนดังนั้นจะส่งสัญญาณแสดงความรักมาให้อยู่ตลอด และจะพยายามติดต่อกลับไปหาด้วยวิธีต่างๆ เพื่อเป็นการแสดงถึงความรัก ถึงแม้ว่าคนดังเหล่านั้นจะตอบปฏิเสธ แต่ก็ยังคิดว่านั่นคือการเก็บให้เรื่องของพวกเขาเป็นความลับต่อสาธารณชนเพียงแค่นั้น   3.Capgras Delusion   อาการก็คือจะมีความเชื่อว่าตัวเองหรือคนใกล้ตัวนั้นถูกแทนที่ด้วยร่างฝาแฝด และจะคิดว่าเรื่องแย่ๆ ที่ได้ทำลงไปนั้นไม่ใช่ฝีมือของตน แต่เป็นฝีมือของอีกร่างหนึ่งที่ไม่ใช่ตัวเองแต่มีลักษณะเหมือนกันมากๆ โรคนี้มักจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กับโรคจิตเภท   4.Fregoli Delusion   เขาจะเชื่อว่าคนแปลกหน้ารอบตัวคือคนที่พวกเขารู้จัก แต่แค่ปลอมตัวมาเพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่าง ซึ่งโรคดังกล่าวนั้นได้รับการอธิบายครั้งแรกในปี 1927 เมื่อเด็กสาวคนหนึ่งเชื่อว่าตัวเองถูกติดตามจากนักแสดงในโรงละครที่เธอไปบ่อยครั้ง ทำการปลอมตัวมาเป็นคนที่เธอรู้จักหรือเคยเห็นหน้า  …

  • สังเกต 10 สัญญาณเตือน ที่ช่วยบ่งบอกได้ว่า คุณเสี่ยงจะเป็นโรคอารมณ์สองขั้วหรือไม่…

    สังเกต 10 สัญญาณเตือน ที่ช่วยบ่งบอกได้ว่า คุณเสี่ยงจะเป็นโรคอารมณ์สองขั้วหรือไม่…

    ป่วยกายยังรับรู้ได้ง่ายกว่าการป่วยใจ เพราะสังเกตได้จากอาการภายนอก แต่สำหรับอาการจิตใจที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นจะสังเกตได้ยากมากๆ ด้วยความซับซ้อนของความคิดหรือสิ่งที่เกิดขึ้นภายในตัวเรา จึงทำให้อาการป่วยทางจิตใจนั้นมีมากมายหลายรูปแบบ แต่ถึงอย่างนั้นในความเป็นจริงแล้ว การที่จะชี้ว่าเป็นอะไรได้อย่างชัดเจนนั้นมันเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโรค Bipolar หรือ โรคอารมณ์สองขั้ว “ความแปรปรวนของอารมณ์กลุ้มอกกลุ้มใจกับการทำงาน หรือว่าความรู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนแรงนั้น คือเรื่องปกติที่เกิดขึ้น แต่ในความผิดปกตินั้นจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและแตกต่างกันไป” นี่คือคำพูดของ Dr. Carrie Bearden ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขาจิตเวช พฤติกรรมศาสตร์และจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย UCLA ในแคลิฟอร์เนีย     โรค Bipolar หรืออารมณ์สองขั้วนั้นคือความผิดปกติทางอารมณ์อย่างหนึ่ง ที่ผู้ป่วยจะมีลักษะอารมณ์สลับช่วงไปมาระหว่างอารมณ์ซึมเศร้า สลับกับช่วงที่อารมณ์ดีมากกว่าปกติ โดยแต่ละช่วงอาจอยู่เป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนๆ งั้นเราลองมาดู 10 สัญญาณที่สามารถสังเกตได้ว่าคุณมีความใกล้เคียงกับความเสี่ยงที่อาจเป็นโรคนี้หรือไม่   1. อารมณ์ดี   อย่าเพิ่งคิดกันว่าทำไมอารมณ์ดีก็เป็นอาการหนึ่ง แต่อย่างที่บอกคือโรคนี้คือการสลับช่วงกันจากเศร้าไปเป็นอารมณ์ดี ในช่วงอารมณ์ดีนั่นแหละที่ผู้ป่วยบางคนอาจเป็นมากจนเกินไปถึงขั้นทำลายความเป็นจริงไปเลย แต่นอกจากนั้นก็ยังมีช่วงที่เรียกว่า Hypomania ที่จะทำให้คุณรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานและความคิดสร้างสรรค์ทำให้มีความรู้สึกสบายผ่อนคลาย รู้สึกสนุกไปจนจบช่วงนั้นๆ   2. ไร้ความสามารถในการทำภาระหน้าที่ให้สำเร็จ   เป็นอีกหนึ่งสัญญาณสังเกตได้จากการที่ไม่สามารถทำงานหนึ่งต่อไปอีกงานหนึ่ง วางแผนไว้อย่างยิ่งใหญ่หรือโปรเจคในหัวที่ไม่มีความเป็นไปได้ และเมื่อคิดเอาไว้ก็ไม่สามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้สำเร็จซักอย่าง แต่ก็ยังจะก้าวไปทำเรื่องอื่นต่อไป เริ่มเป็นล้านสิ่งแต่ไม่สำเร็จสักอย่างนั่นเอง  …

  • สาวถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเหยื่อโดนน้ำกรดสาด ที่จริงแล้วเธอป่วยเป็นโรค จนทำให้ไม่มีแขน

    สาวถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเหยื่อโดนน้ำกรดสาด ที่จริงแล้วเธอป่วยเป็นโรค จนทำให้ไม่มีแขน

    เรื่องราวของ Myra Ali สาววัย 29 ปี กับตลอดช่วงชีวิตของเธอที่ถูกคนรอบตัวเข้าใจผิด คิดว่าเธอเป็นเหยื่อของการโดนน้ำกรดสาด ซึ่งแท้จริงแล้วเธอไม่ได้ถูกน้ำกรดสาดแต่อย่างใด ทว่านี่คืออาการป่วยหายากชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า ‘โรคตุ่มน้ำพองใสในเด็ก’ ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้ผิวหนังของเธอดูเหมือนถูกน้ำกรดสาดมา   Myra Ali   แม้ว่าอาการป่วยของเธอจะเป็นอาการที่ติดต่อจากรุ่นสู่รุ่น แต่ถึงกระนั้นผู้คนก็มักจะเข้าใจผิดอยู่เสมอว่า ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นสาวงามแต่ถูกน้ำกรดสาด “ต้องยอมรับค่ะ ว่าก่อนหน้านี้ฉันสูญเสียความมั่นใจในตัวเองมากๆ เพราะคนมักจะเข้ามาถามไถ่ว่าฉันไปโดนอะไรมา… ซึ่งฉันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิด ถึงขนาดที่ช่วงหนึ่งฉันต้องคุมแผลทั้งตัวเพื่อออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน” Myra Ali กล่าว     จากอาการป่วยดังกล่าวทำให้เธอสูญเสียมือทั้งสองข้าง   “ถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกเจ็บเท้าและมือมากๆ เลย แต่ฉันก็ต้องต่อสู้เพื่อใช้ชีวิตประจำวันต่อไป ทุกวันนี้ฉันไม่สนใจคำนินทาของคนรอบตัวอีกต่อไปแล้ว… เพราะฉันได้รู้แล้วว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวเราเอง”   มันไม่ง่ายเลยกับตลอดช่วงชีวิตของเธอ ที่ต้องต่อสู้กับเสียงวิจารณ์จากผู้คนรอบข้าง แต่เธอก็สามารถต่อสู้พากเพียรจนเรียนจบได้   “สิ่งหนึ่งที่ฉันอยากจะบอกก็คือ.. หลายคนอาจจะเข้าใจผิดได้ว่าฉันโดนน้ำกรดสาด แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย มันเป็นอาการป่วยทางพันธุกรรมชนิดหนึ่งเท่านั้นเอง” เจ้าตัวกล่าวทิ้งท้าย     ไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่ไปกว่าการมั่นใจในตัวเองอีกแล้ว ที่มา: Dailymail

  • นักวิทย์เผย สาเหตุที่แท้จริงของโรค ‘Trypophobia’ อาการกลัวรู ไม่แน่นะคุณอาจเป็นหนึ่งในนั้น

    นักวิทย์เผย สาเหตุที่แท้จริงของโรค ‘Trypophobia’ อาการกลัวรู ไม่แน่นะคุณอาจเป็นหนึ่งในนั้น

    หนึ่งในอาการกลัวหรือการวิตกกังวลต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่เรามักเรียกว่าอาการ “โฟเบีย” ต่างๆ นั้น อาจมีสาเหตุมาจากเหตุการณ์ที่มากระทบจิตใจของผู้ป่วยตั้งแต่ช่วงวัยเด็ก จนทำให้เกิดความกลัว อย่างเช่นอาการ Thalassophobia หรือโรคกลัวทะเล (อ่านข่าวเก่า พาไปรู้จักกับโรค Thalassophobia หรือ ‘อาการกลัวทะเล’ แล้วคุณเป็นหนึ่งในนั้นด้วยรึเปล่า!!?) และนอกจากนี้ยังมีอาการกลัวที่หลายๆ คนรู้จักกันเป็นอย่างดี อย่างเช่นอาการกลัวรู (Trypophobia) ถึงแม้จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการดังกล่าว แต่ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์เริ่มค้นพบทฤษฎีที่น่าสนใจเกี่ยวกับโรคที่ว่านี้แล้ว     การศึกษาของ Geoff Cole และ Arnold Wilkins ที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Psychological Science บอกว่าผู้ที่มีอาการกลัวรูนั้น อาจจะไม่ได้รู้สึกกลัวรู แต่มีสาเหตุมาจากการกลัวสิ่งแปลกปลอมที่อาศัยอยู่ในรูเหล่านั้น ผู้ป่วยอาจเกิดอาการสั่นและรู้สึกกลัวเมื่อเห็นภาพของรังผึ้ง ฟองน้ำ หรือปะการัง     นอกจากนี้ทั้งคู่ยังได้วิเคราะห์ภาพถ่ายของรูปหลุมต่างๆ และเขียนอธิบายไว้ในเว็บไซต์ Trypophobia.com โดยการศึกษาดังกล่าวพูดถึงความแตกต่างของรูต่างๆ ในภาพถ่าย มีผลต่อความกลัวของผู้ป่วย คุณ Cole ได้ทดลองให้ผู้ป่วยดูภาพของหมึกสายวงน้ำเงินซึ่งมีจุดวงกลมต่างๆ ที่ชัดเจน แต่เค้ากลับพบว่าพวกเขาก็กลัวภาพถ่ายรูปรูภาพอื่นๆ ด้วยเช่นกัน     ทั้งสองสรุปผลการศึกษาว่าอาการ Trypophobia นั้นเกิดจากการเห็นภาพของหลุมหรือรูต่างๆ เป็นตัวกระตุ้น “ประสบการณ์ที่ฝังอยู่ในสมองของพวกเขา จะเชื่อมโยงกับภาพที่เห็น และทำให้รู้สึกว่ากำลังจะได้รับอันตรายเมื่อมองไปที่ภาพที่เป็นตัวกระตุ้น” คุณ Cole กล่าวกับทาง NPR’s Shots blog  …

  • เด็กวัย 7 ขวบ กับทรงผม ‘หัวปุ๊’ เหมือนเด็กพังค์ ที่จริงๆ แล้วเกิดจากความผิดปกติในร่างกาย

    เด็กวัย 7 ขวบ กับทรงผม ‘หัวปุ๊’ เหมือนเด็กพังค์ ที่จริงๆ แล้วเกิดจากความผิดปกติในร่างกาย

    “ทรงผม” จัดว่าเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักของร่างกายที่สามารถใช้บ่งบอกแฟชั่นของตัวบุคคล และทรงผมก็เป็นอะไรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลเท่านั้น เพราะบางคนก็ผมงอ บางคนก็ผมตรง บางคนก็ผมบาง แตกต่างกันไป… สำหรับเด็กน้อย Shilah Yin วัย 7 ขวบที่มีทรงผมสุดแปลกไม่เหมือนใครนี้ หลายคนก็ต้องคิดว่าทรงผมสุดฟูฟ่อง ราวกับเด็กพังค์ของแม่หนูคนนี้ จะต้องมาจากการจัดแต่งแน่ๆ แต่ความจริงมันกลับไม่เป็นอย่างนั้น     Shilah เป็นเด็กสาวที่เกิดในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเธอเกิดมาพร้อมกับโรคสุดประหลาด “Uncombable Hair Syndrome” ซึ่งทำให้หัวของเธอฟูฟ่องไม่เหมือนใคร และถ้าสังเกตเราก็จะรู้ได้ทันทีว่าผมทรงนี้ช่างเหมือนนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังไอน์สไตน์นั่นเอง     ดูแล้วทรงหัวฟูอาจจะแปลกๆ แต่แม่หนู Shilah ก็ดูจะชอบมันพอสมควรเลยล่ะ เพราะมันทำให้เธอดูแปลกตาไม่เหมือนใครแม้เธอจะรู้ว่ามันเป็นโรคแปลกประหลาดก็ตาม แต่ด้วยเสียงตอบรับและกำลังใจจากรอบข้างทุกอย่างจึงเป็นไปได้ด้วยดี     ด้านการดูแลทรงผมนี้นั้น ก็ไม่ได้มีปัญหามากมายเท่าไหร่ เพราะหลังจากที่หนูน้อยสระผมไม่นานและให้คุณพ่อเป่าผม เพียงแค่ไม่กี่นาทีผมก็จะกลับมาชี้ฟูเหมือนเดิมแล้ว (บอกตรงๆ เท่จริงๆ นะ)   .   ทว่าบางครั้งทรงผมนี้ก็สร้างปัญหา เพราะมันไม่ได้กลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ทุกครั้ง ในบางครั้งมันก็จะจัดทรงยากมากๆ แต่ก็เป็นแค่บางครั้งเท่านั้น ยังไงก็ตามมันก็ไม่ได้สร้างผลเสียอะไรมากมายต่อร่างกายนัก จึงไม่ต้องห่วงอะไรนั่นเอง…   ที่มา odditycentral

  • งานวิจัยชี้… “ความเหงา” ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว ร้ายแรงเทียบเท่าได้กับโรคอ้วน..!!

    งานวิจัยชี้… “ความเหงา” ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว ร้ายแรงเทียบเท่าได้กับโรคอ้วน..!!

    ครั้งหนึ่ง #เหมียวหง่าว เคยกล่าวเอาไว้แบบลอยๆ ว่า “ความเหงาไม่เคยฆ่าใคร” ซึ่งดูเผินๆ ก็เหมือนกับคำพูดเท่ๆ ที่เอามาปลอบประโลมคนไม่มีคู่นั่นแหละ… แต่น่าเสียใจสำหรับคนโสดและคนขี้เหงาเป็นอย่างยิ่ง เพราะล่าสุดนี้มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้เผยออกมาแล้วว่า ความเหงาและความโดดเดี่ยว ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร..!!     โดยก่อนหน้านี้ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Brigham Young University ได้ทุ่มเทเวลาหลายปี ไปกับการเก็บข้อมูลพฤติกรรมอาสาสมัครกว่า 3,400,000 คนทั่วโลก ผลจากการสำรวจก็ทำให้ทีมวิจัยแปลกใจมากๆ เมื่อพวกเขาพบว่าในกลุ่มคนที่มีการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในสังคมอย่างสม่ำเสมอ จะมีตัวเลขการเสียชีวิตที่ต่ำกว่ากลุ่มคนที่มักจะแยกตัว และอยู่อย่างโดดเดี่ยวมากถึง 50% นอกจากนี้ทีมวิจัยยังพบว่าในกลุ่มคนที่เข้าสังคมน้อยกว่า หรืออยู่อย่างโดดเดี่ยว มีโอกาสที่จะเสียชีวิตก่อนวัยอันควร โดยเทียบเท่ากับคนที่ป่วยเป็นโรคอ้วนได้เลยทีเดียว     แม้ว่างานวิจัยดังกล่าวจะไม่ได้ชี้ชัดว่า ความเหงาเป็นตัวแปรสำคัญในการคร่าชีวิตผู้คน แต่ทางนักวิจัยก็ได้ค้นพบเหมือนกันว่า การเข้าสังคมเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตมนุษย์ที่เราไม่สามารถปฏิเสธได้โดยสิ้นเชิง “เราได้ค้นพบว่า การเข้าสังคมเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของมนุษย์ซึ่งส่งผลไปถึงพฤติกรรมในระยะยาว ในกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมปิดกั้นตัวเอง หรือมักปลีกแยกตัวออกจากสังคม มักจะมีความเสี่ยงต่อสุขภาพต่างๆ มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่อยู่ในวัยชรา หรือวัยเกษียณ สังคมควรตระหนักถึงปัญหาเรื่องนี้มากขึ้น โดยเฉพาะในยุคสมัยที่ผู้คนเริ่มสนใจในโลกออนไลน์ มากกว่าการหันมาให้ความสนใจกับคนที่อยู่ข้างๆ กัน” Dr. Holt-Lunstad ให้สัมภาษณ์     สรุปแล้ว.. จากพื้นฐานที่เราทราบกันดีว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ความเหงา…

  • หญิงสาวเป็นโรคทางพันธุกรรม เล่าประสบการณ์ “ป่วยใกล้ตาย” ได้อย่างมีความสุข…

    หญิงสาวเป็นโรคทางพันธุกรรม เล่าประสบการณ์ “ป่วยใกล้ตาย” ได้อย่างมีความสุข…

    ลองคิดดูว่าถ้าคุณเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ต้องพกถังออกซิเจนตลอดเวลา และไม่รู้ว่าคุณจะตายเมื่อไร คุณจะยังมีความสุขแบบนี้หรือไม่.. เรื่องราวของ Claire Wineland หญิงสาววัย 20 ปี ผู้ป่วยเป็นโรคซิสติกไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis) โรคเรื้อรังที่่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งจะทำให้ปอดและระบบย่อยอาหารเกิดความสียหายอย่างรุนแรง ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วผู้ป่วยจะมีอายุเพียงแค่ 37 ปีเท่านั้น     โรคดังกล่าวทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเธอต้องเข้ากับการผ่าตัดหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 13 เมษายน ปี 2010 เธอเกิดอาการปอดล้มเหลวถึงขั้นโคม่า และต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน หลังจากผ่านเรื่องร้ายๆ ในวันนั้นมา หญิงสาวตัดสินใจที่จะมอบแรงบันดาลใจและกำลังใจให้กับผู้ป่วยคนอื่นๆ จากการถ่ายทอดประสบการณ์เฉียดตายของเธออย่างมีความสุข     ในคลิปวิดีโอหนึ่ง เธอเล่าถึงวิธีการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขถึงแม้ว่าจะรู้ว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายแล้วก็ตาม Claire เล่าว่า ในแต่ละวันเธอต้องใช้บำบัดการหายใจประมาณ 4-5 ชั่วโมง และต้องทานยาประมาณ 50 เม็ด แต่เธอก็ยังคงออกไปใช้ชีวิตแบบคนปกติได้ “เมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกทรมานกับความเจ็บปวด คุณไม่ควรคิดว่ามันคือจุดจบของชีวิต แต่คุณควรจะคิดว่าจะผ่านมันไปได้อย่างไรต่างหาก ยังมีอะไรอีกมาในโลกภายนอกที่ให้เราได้เจอ” Claire กล่าว     “ในตอนแรกที่ฉันเกิดมา หมอบอกว่าฉันจะมีอายุได้แค่ 10 ปีเท่านั้น…

  • เด็กน้อยวัย 3 ขวบ กับผลกระทบหลังผ่าตัดเนื้องอกในสมอง น้ำหนักเพิ่มขึ้นถึง 40 กิโลฯ!!

    เด็กน้อยวัย 3 ขวบ กับผลกระทบหลังผ่าตัดเนื้องอกในสมอง น้ำหนักเพิ่มขึ้นถึง 40 กิโลฯ!!

    เป็นอีกกรณีที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากมาก ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังผ่าตัดเนื้องอกในสมองให้แก่เด็กน้อยวัย 3 ขวบ Freddie Hunt หนูน้อยผู้มีช่วงชีวิตในวัยเด็กที่แตกต่างจากคนอื่น แม้ว่าเจ้าตัวจะสามารถเอาชนะเนื้องอกที่มีขนาดเท่ากำปั้นได้ แต่ผลข้างเคียงที่ตามมาก็ทำให้เด็กน้อยคนนี้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเช่นเดียวกัน   Freddie Hunt   ตอนแรกทุกอย่างก็ดูเหมือนจะปกติดี คุณหมอสามารถผ่าตัดเอาเนื้องอกในสมองกว่า 90% ออกไปได้ ทว่า 20 วันให้หลังจากการผ่าตัดสภาพร่างกายของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป จากนั้นไม่นานเด็กหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น และผลข้างเคียงต่างๆ เช่น คลื่นไส้อาเจียน     หลังจากที่ผู้ปกครองสังเกตเห็นน้ำหนักตัวที่ผิดปกติของลูกชาย พวกเขาได้ส่งตัวไปเช็คอาการกับคุณหมออีกครั้ง และดูเหมือนว่าหลังจากผ่าตัด สมองของ Freddie จะได้รับการกระทบกระเทือน ทำให้เส้นประสาทสมองส่วนที่ควบคุมระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานผิดปกติ   Freddie ก่อนที่จะเป็นเนื้องอกในสมอง   ซึ่งนั่นหมายความว่า ร่างกายของ Freddie จะไม่หยุดการดูดซับสารอาหาร ส่งผลให้เด็กน้อยรู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลา 5 เดือนต่อมาน้ำหนักของเด็กน้อยเพิ่มขึ้นเป็น 37.84 กิโลกรัม ซึ่งนับว่ามากกว่าค่าเฉลี่ยที่เหมาะสมสำหรับเด็กวัยนี้   “สำหรับครอบครัวเราตอนนี้ ทางการแพทย์ไม่มีทางไหนที่จะรักษาลูกเราได้เลย เราคงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเค้า” คุณแม่ให้สัมภาษณ์   ทุกวันนี้ครอบครัวต้องหันมาใช้วิธีการที่เบสิคที่สุด นั่นก็คือการพยายามควบคุมอาหารที่มีประโยชน์…

  • สาวผิวสีผู้ป่วยเป็นโรคด่างขาว ผลักดันตัวเองสู่นางแบบมืออาชีพ สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คน!!

    สาวผิวสีผู้ป่วยเป็นโรคด่างขาว ผลักดันตัวเองสู่นางแบบมืออาชีพ สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คน!!

    โรคที่เป็นแล้วผู้อื่นสามารถรับรู้หรือมองเห็นได้อย่างอีสุกอีใสหรือเกลื้อนนั้น สามารถหายได้ไปตามกาลเวลาตามการรักษา แต่โรคที่จะได้เจอต่อไปนี้เป็นโรคที่เกี่ยวกับผิวหนังเช่นเดียวกันแต่มันจะติดตัวไปตลอด การเยียวยาที่ช่วยได้มีเพียงจิตใจเท่านั้น Iomikoe Johnson คุณแม่ลูกสี่ผิวสี วัย 37 ปี จากรัฐลุยเซียนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เจอกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเมื่อ 12 ปีก่อน เมื่อพบว่าตัวเธอเองนั้นป่วยเป็นโรคด่างขาว     โดยเริ่มจากการเห็นจุดขาวบริเวณหลังแขนทำให้คิดว่าเธอเป็นมะเร็ง จนในที่สุดมันก็ได้ลุกลามไปทั่ว ในตอนนั้นเธอรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ว่าจะต้องกลับไปถูกรังแกเหมือนในช่วงวัยเด็กเนื่องจากเป็นคนผิวสี และนี่เธอกลับมีสองสีที่แตกต่างกันบนผิวของเธอ เธอถูกคนรอบข้างจ้องมองเวลาที่ไปไหนมาไหน และถูกปฏิเสธที่จะจับมือทักทาย นั่นจึงทำให้เธอตัดสินใจใช้เครื่องสำอางปกปิดสิ่งที่เป็น โดยในแต่ละวันต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง และสวมได้เพียงเสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวเท่านั้น     เธอพูดว่า “ฉันเหนื่อยมากที่ต้องทำอย่างนี้ เมื่อฉันพบว่าตัวเองเป็นโรคนี้ตอนอายุ 25 ความเสียใจก็ถาโถมเข้ามา รู้สึกเหมือนโลกของฉันได้พังทลายลงไป” คู่หมั้นและครอบครัวของเธอได้บอกกับเธอว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องคอยปกปิดเลยเพราะพวกเขาจะยังคงรักเธอไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม จนเมื่อเธอได้เห็นเฟซบุ๊คของ Winnie Harlow นางแบบผู้เป็นโรคด่างขาว จึงเป็นมุมมองใหม่ที่เธอได้เห็นจากโรคนี้   ภาพของ Winnie Harlow   “ในแวบแรกนั้นคิดออกมาเลยว่าเธอคนนั้นดูสวยมาก ทั้งที่ป่วยเป็นโรคเดียวกัน ฉันรู้สึกประทับใจในความสวยของเธอและคิดว่าฉันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นได้” นี่คือสิ่งที่เธอคิดได้ตอนนั้น เธอได้ตื่นขึ้นมาในวันหนึ่งและออกไปใช้ชีวิตโดยไม่ซ่อนความเป็นตัวเธอ ไม่สนว่าใครจะคิดกับเธออย่างไร เพราะหน้าที่ที่เธอจะทำตอนนี้ คือการแสดงให้เห็นว่าความสวยนั้นอยู่เหนือกว่าผิวเปลือกนอก…

  • 18 ภาพที่จะทำให้คุณรู้จัก Thalassophobia หรือ ‘อาการกลัวทะเล’ ไม่แน่คุณอาจจะเป็นก็ได้นะ

    18 ภาพที่จะทำให้คุณรู้จัก Thalassophobia หรือ ‘อาการกลัวทะเล’ ไม่แน่คุณอาจจะเป็นก็ได้นะ

    ในปัจจุบันเรามักจะพบเห็นอาการหวาดกลัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการกลัวรู กลัวที่สูง หรือแม้แต่กลัวพริกก็ตาม!! (มันมีคนกลัวพริกอยู่จริงๆ นะ ในออฟฟิศแคทดั๊มบ์นี่แหละ) ผู้ที่มีอาการเหล่านั้นเมื่อเห็นสิ่งเร้าต่างๆ ที่ว่านี้จะเกิดอาการหายใจไม่ถนัด เหงื่อออก ท้องใส้ปั่นป่วนหรือบางรายถึงขั้นเป็นลมกันเลยทีเดียว และหนึ่งในอาการกลัวที่เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักกันนั้นก็คืออาการ Thalassophobia หรือโรคกลัวทะเลนั่นเอง   คุณกลัวอะไรที่อยู่ภายใต้น้ำนั่นไหม!?   โดยคำว่า Thalassophobia นั้นมาจากภาษากรีก นั่นก็คือ ‘Thalassa’ ซึ่งหมายถึงภูตผีในทะเลตามความเชื่อโบราณ และอย่างที่เราทราบกัน ‘Phobia’ แปลว่าอาการกลัว ซึ่งผันมาจากภาษากรีก ‘Phobos’ อีกนั่นน่ะแหละ รวมๆ แล้วก็คืออาการกลัวทะเลนั่นเอง และวันนี้เราก็ได้รวบรวมลักษณะอาการต่างๆ ของผู้ที่เป็นโรค Thalassophobia นี้มาฝากกัน โดยโรคกลัวทะเลที่ว่านี้จะมีอาการอย่างไรบ้างนั้นไปชมกันเลย…   อย่างแรกคุณมักกลัวว่าใต้ทะเลอาจมีสิ่งแปลกๆ อยู่ใช่ไหมล่ะ??   อย่างเช่น ปลานักล่า   หรือสิ่งแปลกปลอมอย่างเจ้าสิ่งนี้!!   ปลาวาฬขนาดยักษ์??   หรือซากของเรือที่จมอยู่ใต้มหาสมุทร ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะทำให้คุณนั้นไม่กล้าที่จะลองเล่นน้ำทะเลเลย   และนอกจากอาการกลัวสิ่งที่อยู่ใต้ทะเลแล้ว บางครั้งคุณก็อาจจะสงสัยก็ได้ว่า พื้นที่คุณเหยีบลงไปนั้นมันคือพื้นทรายจริงๆ รึเปล่านะ??   และอาการข้อต่อมาก็คือ คุณจะรู้สึกเป็นกังวลหรือไม่กล้าออกมานอกชายหาดไกลๆ   แต่นอกจากจะกลัวไม่ได้กลับเข้าฝั่งแล้ว เมื่อเห็นท้องทะเลที่กว้างใหญ่คุณก็เกิดอาการอ่อนแรงได้เหมือนกัน  …

  • เด็กหนุ่มป่วยเป็นโรคประหลาด ร่างกายจะหยุดหายใจทันที เมื่อรู้สึกง่วงและอยากนอนหลับ…!!

    เด็กหนุ่มป่วยเป็นโรคประหลาด ร่างกายจะหยุดหายใจทันที เมื่อรู้สึกง่วงและอยากนอนหลับ…!!

    นับว่าเป็นโรคที่แปลกประหลาดมากที่สุดที่เราเคยเจอมาแล้วก็ว่าได้ ลองจินตนาการดูสิว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าหากร่างกายของคุณจะหยุดการหายใจโดยอัตโนมัติ ทุกครั้งที่คุณนอนหลับ อาการผิดปกตินี้เรียกว่า ‘Central Hypoventilation’ (โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจแต่กำเนิด) ซึ่งเป็นเคสที่เกิดขึ้นได้ยากมาก และมันก็ได้เกิดขึ้นแล้วกับหนุ่มวัย 18 ปี Liam Derbyshire   ตอนแรกเกิดคุณหมอวินิจฉัยว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 6 สัปดาห์เท่านั้น   จากรายงานทางการแพทย์เปิดเผยว่า ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาคาดว่าทั้งโลกมีเพียง 1,500 คน เท่านั้นที่ป่วยเป็นอาการนี้ แต่ในเคสของ Liam นั้นนับว่าแปลกและแตกต่างออกไป เพราะร่างกายของเขาจะหยุดหายใจทันทีหลังจากที่เจ้าตัวหลับสนิท และนั่นก็ทำให้เขาต้องนอนอยู่บนเตียงรักษาพยาบาลมาแทบจะทั้งชีวิต โดยต้องสวมหน้ากากออกซิเจนเอาไว้ตลอดเวลาในระหว่างที่เขาเข้านอน     จากอาการป่วยทำให้ชีวิตวัยรุ่นของเขาแตกต่างไปจากคนอื่นด้วยเช่นกัน เพราะเขาต้องอาศัยอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์วางสลับกับของใช้ที่สะท้อนความเป็นวัยรุ่นของตัวเขาเอง และจะต้องมีใครซักคนอยู่ในบ้านเพื่อคอยดูแลเขาอยู่เสมอ หากว่าเกิดอะไรผิดปกติขึ้นมา… สำหรับครอบครัวแล้ว การดูแลลูกชายจะต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายมหาศาล ทั้งค่าอุปกรณ์การแพทย์ ค่าไฟฟ้า รวมไปถึงอุปกรณ์สำรองไฟ แม้จะลำบากมากแค่ไหนแต่ทางครอบครัวก็มีความสุขที่ลูกชายยังมีชีวิตที่ปกติอย่างที่ควรจะเป็น “เราโชคดีมากที่ลูกชายยังอยู่กับเรา ในฐานะคนเป็นแม่เรายังอยากให้เขาได้มีชีวิตวัยรุ่นที่เหมือนเด็กคนอื่นๆ อยู่เสมอ เมื่อไหร่ที่เขายิ้มได้หัวเราะได้เราก็มีความสุขไปด้วย และเราเชื่อว่าทุกๆ วันเป็นวันพิเศษสำหรับครอบครัวเรา” คุณแม่ Kim ให้สัมภาษณ์     สำหรับชีวิตของ Liam Derbyshire…

  • “คุณอยู่ในประเทศที่ขี้เกียจหรือไม่!?” บีบีซีจัดอันดับประเทศที่คน “ก้าวเดิน” น้อยที่สุดในโลก

    “คุณอยู่ในประเทศที่ขี้เกียจหรือไม่!?” บีบีซีจัดอันดับประเทศที่คน “ก้าวเดิน” น้อยที่สุดในโลก

    เมื่อไม่นานมานี้ทางศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาได้เก็บข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือของผู้คนเพื่อ ดูว่าในแต่ละวันพวกเขามีการทำกิจกรรมต่างๆ มากน้อยแค่ไหน การวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ของมหาวิทยาลัย Stanford University ที่ศึกษาปริมาณกิจกรรมของประชากรทั่วโลกในแต่ละวันกับจำนวนก้าวเดิน พบว่าโดยเฉลี่ยแล้วคนทั่วๆ ไปจะมีก้าวเดินเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4,961 ก้าวต่อวัน     โดยประเทศที่มีจำนวนก้าวเฉลี่ยสูงสุดนั้นได้แก่ฮ่องกง 6,880 ก้าวต่อวัน ส่วนประเทศอินโดนีเซียนั้นมีจำนวนก้าวเฉลี่ยของประชากรน้อยที่สุดอยู่ที่ 3,513 ก้าวต่อวันเท่านั้น ในส่วนของประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 4,500-5,000 ก้าวต่อวัน นอกจากนี้ยังพบว่าจำนวนก้าวเดินนั้นมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับโรคอ้วนอีกด้วย การศึกษาดังกล่าวใช้ข้อมูลจากแอพลิเคชั่นบันทึกกิจกรรมอย่าง Argus activity ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 7 แสนคนทั่วโลก ศาสตราจารย์ Scott Delp ผู้ทำการศึกษาเรื่องนี้ออกมาเผยว่า “การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาที่ใหญ่มากๆ เราได้ผลสำรวจจากประเทศอื่นๆ ด้วย ซึ่งมันทำให้งานวิจัยชิ้นนี้มีขนาดใหญ่แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน”   และนี่คือกราฟแสดงจำนวนก้าวเดินเฉลี่ยของประชากรแต่ละประเทศ   ผลการศึกษาดังกล่าวได้ถูกตีพิมพ์ลงวารสาร The Journal Nature โดยผู้วิจัยได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเพิ่มเติม แต่อย่างไรก็ตามจำนวนก้าวเดินนั้นอาจไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะบ่งบอกถึงระดับของคนอ้วนภายในประเทศแต่ยังมีเรื่องของคุณภาพกิจกรรมที่สัมพันธ์กับหลายๆ ปัจจัยภายในประเทศด้วยเช่นกัน ความแตกต่างของการทำกิจกรรมนั้นมีผลเกี่ยวกับปริมาณคนอ้วน อย่างเช่นสหรัฐอเมริกากับเม็กซิโก ที่มีจำนวนก้าวเฉลี่ยที่เท่ากันแต่สหรัฐอเมริกากลับมีปริมาณคนอ้วนสูงกว่า ซึ่งสาเหตุหนึ่งมาจากความแตกต่างกันของกิจกรรม อาหาร หรือไลฟ์สไตล์นั่นเอง     นอกจากนี้นักวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า การออกแบบผังเมืองที่ดีและมีพื้นที่ในการเดินที่มากขึ้นนั้น ก็จะช่วยให้จำนวนเฉลี่ยของก้าวเดินนั้นเพิ่มขึ้นด้วย และเป็นหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณของคนอ้วนภายในประเทศเช่นกัน   ส่วนตัว #เหมียวเวจจี้ คิดว่า…

  • สาวป่วยเป็นโรค Daydream Disorder ที่มีบุคลิกมากกว่า 120 คน ภายในตัวเพียงคนเดียว!!

    สาวป่วยเป็นโรค Daydream Disorder ที่มีบุคลิกมากกว่า 120 คน ภายในตัวเพียงคนเดียว!!

    หลายคนอาจจะรู้จักภาพยนตร์เรื่อง ‘Split’ ที่เป็นการนำเรื่องจริงของชายผู้มีอาการป่วยทางจิต ทำให้มีบุคลิกออกมามากถึง 23 บุคลิก นั่นก็ถือว่าเยอะมากแล้วนะ แต่คุณอาจจะยังไม่รู้ว่ายังมีคนหลายบุคลิกที่มากกว่านั้นอีก อย่างเช่นเรื่องราวของ Kate Dranfield วัย 17 ปี จะทำให้เราต้องรู้สึกอึ้ง… เพราะเธอป่วยเป็นโรค ‘Daydream Disorder’ ซึ่งส่งผลทำให้เธอมีบุคลิกตัวตนมากถึง 120 คน!!   Kate Dranfield และคุณแม่ของเธอ Sheila Dranfield   “ทุกครั้งที่หนูเกิดอาการ หนูจะรู้สึกเหมือนกำลังเข้าสู่อีกโลกหนึ่งซึ่งเป็นโลกที่หนูกลายมาเป็นบุคคลที่ 3 และมันก็เป็นเรื่องยากมากที่เราจะรู้ว่าตัวตนไหนกำลังใช้ความคิดอยู่” เธอเล่าถึงอาการป่วยของเธอ ส่วนใหญ่แล้วอาการป่วยของเธอจะเริ่มแสดงออกมาทุกครั้ง เมื่อเธอรู้สึกเหนื่อยล้าหรือรู้สึกเครียด และโดยส่วนใหญ่แล้วบุคลิกต่างๆ จะแสดงตัวตนออกมาประมาณเกือบชั่วโมง   Kate มีตุ๊กตา 6 ตัว เพื่อช่วยเยียวยาเธอจากการที่ไม่ได้ออกไปมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนภายนอกเลย   เธอเริ่มรู้จักกับอาการนี้ครั้งแรกตอนอายุ 6 ขวบ และนั่นก็ทำให้เธอเริ่มมีปัญหากับการเข้าสังคม อีกทั้งอาการป่วยยังเริ่มส่งผลต่อการเรียนและการใช้ชีวิตประจำวันของเธอ ทว่าอาการดังกล่าวในทางการแพทย์ยังไม่มีวิธีรักษาที่แน่ชัด ทำให้ทางโรงเรียนไม่อาจจะให้การสนับสนุนและดูแลเธอในเรื่องนี้ได้   Jade (ซ้าย) บุคลิกผู้หญิงข้ามเพศ…

  • ทำความรู้จัก Becky Sharrock หญิงสาวผู้มีความสามารถพิเศษ “จดจำทุกอย่างในชีวิตได้”

    ทำความรู้จัก Becky Sharrock หญิงสาวผู้มีความสามารถพิเศษ “จดจำทุกอย่างในชีวิตได้”

    จะเป็นยังไงถ้าคุณสามารถที่จะจำทุกสิ่งที่อย่างที่ตัวเองเคยประสบในช่วงเวลาต่างๆ ของชีวิต!? ปกติแล้วคนเราจะไม่สามารถที่จะจำทุกอย่างในช่วงชีวิตได้ เช่น ความทรงจำในวัยทารก หรือบางช่วงเวลาที่มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือเรื่องธรรมดาในอดีตที่เราก็คงไม่จำหรอกว่าวันนี้เมื่อปีก่อนกินข้าวกับอะไร?? แต่บนโลกใบนี้กลับมีคนจำนวนหนึ่งที่จะมีความสามารถพิเศษที่หาได้ยากมากๆ ประเภทหนึ่ง ความสามารถที่ว่านั่นก็คือการจดจำทุกสิ่งทุกเหตุการณ์ที่ตัวพวกเขาเคยประสบ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่อ่าน หนังที่ดู หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก พวกเขาล้วนสามารถจำเหตุการณ์ดังกล่าวได้ทั้งสิ้น     Becky Sharrock คือหญิงสาววัย 27 ปีที่เป็นหนึ่งในคนจำนวนนั้น เธอเล่าว่าเธอสามารถที่จะจดจำเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตได้อย่างดีเยี่ยม โดยเหตุการณ์แรกที่ทำให้เธอรู้ว่าตัวเธอมีความสามารถนี้ก็เมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งเธอไปอ่านหนังสือพิมพ์ที่เขียนไว้ว่าคนเราไม่สามารถจำสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 4 ขวบแรกได้ ทว่าเธอกลับพูดขึ้นว่า “ข่าวนี้มันมั่ว ไม่จริงเลยสักนิด” จากนั้นเธอก็บอกว่าเธอสามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนอายุ 12 วันได้ เธอบอกว่าแม่ของตนพาไปนั่งตรงที่นั่งคนขับและถ่ายรูปด้วยกัน แถมเธอยังสามารถเล่ารายละเอียดทุกอย่างได้ถูกต้องทั้งหมด     ยังไม่หมดแค่นั้น ในบางครั้งเธอยังเกิดคำถามแปลกๆ กับแม่ของเธอบ่อยครั้ง เช่น เวลาที่แม่ของเธอพูดขึ้นว่าเธอชอบรายการทีวีนีมากๆ Becky จะพูดขึ้นมาว่า “แต่ครั้งล่าสุดแม่ไม่ได้บอกว่าชอบรายการนี้นะ”  แม่ของ Becky ตอบกลับทันทีว่า “ครั้งสุดท้ายที่ว่ามันคือเมื่อไหร่?” และ Becky ก็ตอบกลับด้วยคำตอบที่แม่ของเธอจะต้องอึ้งทันทีว่า “เมื่อ 5 ปีก่อนไง แม่จำไม่ได้เหรอ?”…

  • “หญิงสาวในฟองสบู่” สาวออสซี่ผู้ป่วยด้วยโรคร้าย แพ้สารเคมีแทบทุกอย่างบนโลก..

    “หญิงสาวในฟองสบู่” สาวออสซี่ผู้ป่วยด้วยโรคร้าย แพ้สารเคมีแทบทุกอย่างบนโลก..

    ถึงแม้ว่าในปัจจุบันการแพทย์จะก้าวหน้าไปอย่างมาก หลายๆ โรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้ ถูกค้นพบแนวทางการรักษา ทำให้สามารถช่วยชีวิตป่วยจากโรคร้ายเหล่านั้นได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีบางโรคที่ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังคงหาคำตอบของสาเหตุการเกิดและวิธีการรักษาไม่ได้ อย่างเช่นโรคที่เกี่ยวกับอาการภูมิแพ้ต่างๆ ซึ่งบางอาการแพ้ก็ยังไม่สามารที่จะหาแนวทางการรักษาที่ชัดเจนเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยหายขาดจากโรคได้ และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายคนหนึ่งที่ป่วยด้วยอาการภูมิแพ้ โดยโรคของเธอนั้นรุนแรงอย่างมาก ทำให้เธอต้องลาออกจากงานและต้องอาศัยอยู่แต่ในห้องที่ปราศจากสารเคมี…     Amelia Hill หญิงสาววัย 41 ปีหรือที่รู้จักกันในชื่อของ “ผู้หญิงในฟองสบู่” ต้องอาศัยอยู่ภายในบ้านราวกับเป็นนักโทษ เนื่องจากอาการแพ้สารเคมีและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างรุนแรงของเธอ ทำให้เธอไม่สามารถออกมาใช้ชีวิตตามปกติภายนอกได้ เธอบอกว่าเธอเริ่มมีอาการแพ้ครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 15 ปีหลังจากที่ได้สัมผัสกับสเปรย์ฉีดปลวก สาวผู้เคราะห์ร้ายวัย 41 ปีบอกว่า “บางครั้งเป็นอาการแพ้ของฉันเกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง มันทรมานอย่างมาก ฉันทั้งปวดกล้ามเนื้อ มีผื่นขึ้นและอ่อนแรง” นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่า บางครั้งสารเคมีในบ้านอย่างพวกน้ำยาล้างพื้นก็ทำให้เธอแพ้ได้ บางทีแค่เธอได้สัมผัสมันก็เกิดอาการหายใจไม่ออกและเกือบเอาชีวิตไม่รอดเลยทีเดียว จนกระทั้งตอนอายุ 33 เธอได้รับการวินิจฉัยว่ามีอาการแพ้สารเคมีหลายชนิด มีอาการอ่อนล้าเรื้อรัง (Chronic Fatigue Syndrome) และเป็นโรคอาการไวต่อการสัมผัสสนามแม่เหล็ก (Electromagnetic Hypersensitivity)     โดยก่อนที่จะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคดังกล่าว เธอทำงานเป็นนักออกแบบและบรรณาธิการนิตยสารแห่งหนึ่ง แต่เมื่ออายุ 30 ปีอาการแพ้ของเธอเริ่มหนักขึ้น เธอรู้สึกอ่อนแรงและไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ จึงเข้ารับการรักษาและนั่นจึงทำให้เธอต้องออกจากงานเพื่อพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน อาการเเพ้ของเธอตอบสนองกับสารเคมีแทบจะทุกชนิด…

  • รู้จักกับ Apeirophobia โรคกลัว “ความเป็นอมตะ” และ “ความไม่มีที่สิ้นสุด”

    รู้จักกับ Apeirophobia โรคกลัว “ความเป็นอมตะ” และ “ความไม่มีที่สิ้นสุด”

    สำหรับหลายๆ คน การได้ค้นพบความลับของความเป็นอมตะ หรือ การได้ไปอยู่ในดินแดนที่มีความสุขนิรันดร์ (เช่นการไปอยู่กับพระเจ้าในศาสนาคริสต์) ถือว่าเป็นความสุขสูงสุดของชีวิต แต่สำหรับหลายๆ คน ความเป็นอมตะหรือความสุขนิรันด์ใช่เป้าหมายในชีวิตของพวกเขา แถมมันยังทำให้พวกเขากลัวอีกด้วย อาการดังกล่าวมีชื่อว่า Apeirophobia แม้จะไม่ค่อยมีรายงานหรือวิจัยเกี่ยวกับโรคนี้มากมายเท่าไหร่นัก ไม่มีแม้กระทั่งหน้าวิกิพีเดียของตนเอง แต่มีการพบว่า มีการพูดถึงโรคดังกล่าวในโซเชียลมีเดีย บล็อก และในเว็บบอร์ดต่างๆ หลายต่อหลายเว็บ     โดยผู้ที่มีอาการของโลกดังกล่าวเล่าว่า พวกเขารู้สึกกลัวการมีชีวิตอมตะและกลัวสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด จนมีอาการตื่นตระหนก วิตกกังวล นอนไม่หลับ และมีอาการของโรคซึมเศร้า โดยชีวิตอมตะดังกล่าวไม่ได้หมายถึงการมีชีวิตอมตะบนโลกเท่านั้น แต่ยังหมายถึงชีวิตบนสวรรค์หรือดินแดนหลังความตายอีกด้วย “หากผมเป็นอมตะ มันจะต้องมีจุดหนึ่งที่ผมได้มีประสบการณ์กับทุกๆ สิ่ง เรียนรู้ทุกๆ สิ่ง ทำทุกๆ อย่าง รู้จักทุกๆ คน จนสุดท้ายผมก็เบื่อ แต่ผมก็ไม่สามารถทำอย่างอื่น หรือ ตายเพื่อให้พ้นๆ ไปได้” Pual หนึ่งในผู้มีอาการโรค Apeirophobia เล่าบนเว็บไซต์ Phobia Fear Release     “สำหรับชาวคริสต์ ชีวิตนิรันด์กับพระเจ้าอาจเป็นเป้าหมายสูงสุดของพวกเขา แต่มันไม่ใช่กับผม ผมนอนอยู่บนเตียงแล้วก็คิดถึงเรื่องชีวิตอมตะ…

  • 10 อาการป่วยแปลกประหลาด ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักกับมนุษย์ แต่มันมีอยู่จริงบนโลกนี้!!

    10 อาการป่วยแปลกประหลาด ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักกับมนุษย์ แต่มันมีอยู่จริงบนโลกนี้!!

    *บทความนี้อาจมีภาพที่ดูรุนแรง หากใครขวัญอ่อนก็คิดดูดีๆ ก่อนจะเลื่อนลงไปอ่านนะจ๊ะ   โลกของเรามันช่างกว้างใหญ่ยิ่งนัก กว้างจนขนาดที่ว่าขนาด ‘ร่างกาย’ ของเราเองก็ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เรายังไม่รู้ และในวันนี้เอง #เหมียวหง่าว ก็เลยอยากจะขอพาเพื่อนๆ ไปชม ‘อาการป่วย’ แบบแปลกๆ ที่ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่ามันจะมีอยู่จริงๆ บนโลกใบนี้ จะมีอะไรบ้างลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   1. อาการ Sleepy Sickness หรืออีกชื่อก็คือ Encephalitis Lethargica   เกิดจากอาการอักเสบของสมองอย่างกะทันหัน ทำให้คนกลายเป็นรูปปั้นที่มีชีวิต ไม่สามารถขยับไปไหน หรือพูดได้เลย ซึ่งเจ้าโรคนี้เคยคร่าชีวิตประชากรโลกไปมากกว่า 500,000 คนเลยทีเดียว!! แม้ว่าจะรอดมาได้ผู้ป่วยก็จะยังคงอยู่ในภาวะซึมเศร้า และจะนั่งอยู่ที่จุดเดิมทั้งวันโดยที่ไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว   2. โรคสมองผิดปกติ หรือที่เรียกว่า Chiari Malformation   เกิดขึ้นเมื่อกะโหลกมีขนาดเล็กเกินไป หรือมีรูปร่างที่ผิดแปลกออกไปจากกะโหลกทั่วๆ ไปจนดันสมองลงไปข้างล่าง และผลของมันก็จะทำให้สมองขยายตัวเข้าไปอยู่ในโพรงกระดูกสันหลัง ซึ่งมันจะทำให้คนที่มีความผิดปกตินี้เกิดขึ้นกับร่างกาย ไม่สามารถหลับได้ แต่ถือเป็นโชคดีที่มันสามารถใช้การผ่าตัดรักษาให้หายได้   3. ภาวะเสียการระลึกรู้ หรือที่เรียกว่า Pure Alexia   เป็นอาการผิดปกติที่จะทำให้รสูญเสียความสามารถในการรู้จำวัตถุ…

  • คุณเกลียดเสียงเคี้ยวอาหารของคนอื่นบ้างหรือเปล่า? ถ้าใช่แปลว่าคุณมีปัญหาด้านสมองอยู่

    คุณเกลียดเสียงเคี้ยวอาหารของคนอื่นบ้างหรือเปล่า? ถ้าใช่แปลว่าคุณมีปัญหาด้านสมองอยู่

    เมื่อคุณได้ยินเสียงเคี้ยวอาหาร “แจ๊บๆๆ” จากคนรอบข้าง แล้วเกิดความรู้สึกรำคาญ นั่นถือเป็นเรื่องปกติมากๆ นะ แต่ถ้าคุณรู้สึกรำคาญจนทนไม่ได้ แม้ว่าพวกเขาจะเคี้ยวเบาลงแล้วล่ะก็ คุณอาจจะต้องเช็คตัวเองหน่อยแล้วล่ะ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณที่บอกคุณว่าคุณมีอาการผิดปกติทางสมอง     อาการที่#เหมียวฟิ้นพูดถึงอยู่นี้มันมีชื่อเรียกว่า Misophonia เป็นความผิดปกติทางสมอง มันถูกค้นพบเมื่อราวๆ ปี 2001 เป็นอาการผิดปกติทางสมองที่มักพบได้ในวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เกิดความรำคาญเสียงรอบๆ ตัวเช่นเสียงเคี้ยวอาหาร หายใจ หรือเสียงกดแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์หรือกดปาก บุคคลที่มีอาการนี้จะเกิดความรำคาญ รู้สึกหงุดหงิดหรือขยะแขยง นอกจากนี้ยังค้นพบว่าคนที่มีประสบการณ์กับอาการ Misophonia มีอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้นและมีเหงื่อออกมากกว่าปกติ เมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับเสียงเหล่านั้นด้วย     Olana Tansley-Hancock วัย 29 ปี จากเมืองแอชฟอร์ด รัฐเคนท์ คือหนึ่งในคนที่มีอาการป่วยแบบที่เรากล่าวมา ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เธออายุได้ 8 ขวบ เธอเริ่มมีความรู้สึกรำคาญกับเสียงการรับประทานอาหารของครอบครัวเธอมาก “เสียงน่ารำคาญระหว่างที่ครอบครัวของฉันกำลังกินข้าว มันทำให้ฉันทนไม่ได้จนต้องกลับเข้าไปอยู่ในห้องนอนของตัวเองเพื่อกินอาหารคนเดียวเงียบๆ ฉันบอกได้แค่เพียงว่ามันเป็นความรู้สึกที่โมโหจนอยากจะต่อยหน้าใครสักคน” Olana กล่าว     หลังจากที่ต้องทนกับอาการที่คนอื่นมองว่าแปลกมานาน เธอก็เริ่มศึกษาค้นคว้าเพื่อให้เข้าใจถึงอาการ Misophonia เธอจึงเปลี่ยนวิถีชีวิตเสียใหม่ เธอลดคาเฟอีนและแอลกอฮอล และใช้ที่ครอบหูเพื่อกันเสียงน่ารำคาญออกไป ในปัจจุบันยังคงไม่มีทางรักษาให้หายขาด แต่ก็พอจะบรรเทาอาการได้ด้วยการไปขอคำปรึกษาจากแพทย์ หรือขอคำแนะนำจากคนที่มีอาการเดียวกันนี้ หรือสะกดจิตในรูปแบบต่างๆ…

  • หนุ่มบังคลาเทศ ‘มนุษย์ต้นไม้’ ผู้ป่วยโรคประหลาด ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จนเกือบหายดีแล้ว!!

    หนุ่มบังคลาเทศ ‘มนุษย์ต้นไม้’ ผู้ป่วยโรคประหลาด ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จนเกือบหายดีแล้ว!!

    ถ้าใครจำได้ ช่วงต้นปี 2016 ที่ผ่านมา สำนักข่าวแคทดั้มเคยนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ Abul Bajandar หนุ่มบังคลาเทศผู้ป่วยเป็นโรคประหลาด Epidermodysplasia Verruciformis ที่ร่างกายค่อยๆ มีสิ่งแปลกปลอมคล้ายกับรากไม้งอกออกมาจากมือและเท้าของเขา (ย้อนอ่าน : สะพรึงมาก!! หนุ่มบังคลาเทศป่วยเป็นโรคประหลาด ค่อยๆ กลายร่างเป็นต้นไม้!?)     ล่าสุด เขาได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล Dhaka Medical College Hospital หลังจากแพทย์ได้ทำการผ่าตัดกว่า 16 ครั้ง ตอนนี้ดูเหมือนว่ามือเท้าของเขาเริ่มกลับมาเหมือนคนปกติแล้ว!! “การรักษามือของ Bajandar ให้กลับมาเป็นปกติจะกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการวิทยาศาสต์ทางการแพทย์ เราได้ทำการผ่าตัดมือและเท้าของเขากว่า 16 ครั้ง และจะมีการนัดผ่าตัดเพื่อตกแต่งแผลอีกครั้งในอีก 30 วันข้างหน้า” Samanta Lal Sen แพทย์หัวหน้าทีมผ่าตัดกล่าว     สำหรับ Bajandar แล้ว การได้เห็นมือเท้าของตนเองกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ถือว่าเป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดมาก่อนในชีวิต “ผมไม่คิดเลยว่าผมจะได้โอบกอดลูกชายด้วยมือของผมอีกครั้ง ตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นมาก ผมสามารถดึงลูกเข้ามากอดและเล่นกับลูกๆ ได้ ผมอดใจรอกลับบ้านแทบไม่ไหวแล้ว” Bajandar กล่าว     Bajandar วางแผนเอาไว้ว่า เมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้วเขาจะกลับไปประกอบธุรกิจเล็กๆ เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว…

  • จากหญิงสาวที่เผลอหลับไป กลายมาเป็นโรค “เจ้าหญิงนิทรา” หลับจริงนานถึง 6 เดือน!!

    จากหญิงสาวที่เผลอหลับไป กลายมาเป็นโรค “เจ้าหญิงนิทรา” หลับจริงนานถึง 6 เดือน!!

    Beth Goodier หญิงสาววัย 22 ปี ผู้ใช้ชีวิตอย่างธรรมดา แต่วันหนึ่งชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป เธอต้องนอนวันละประมาณ 22 ชั่วโมงต่อวัน ไม่ใช่เพราะว่าเธอขี้เกียจแต่อย่างใด แต่เธอถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรค KLS (Kleine-Levin syndrome) หรือโรคเจ้าหญิงนิทรา โรคนี้เกิดจากความผิดปกติทางระบบประสาทและอาจจะเกี่ยวเรื่องจิตใจด้วย โดยอาการคือผู้ป่วยจะเหนื่อยง่าย มีอาการง่วงหรืองัวเงียตลอดเวลา บางคนก็จะนอนตลอดหรือนอนเยอะกว่าคนอื่น และเมื่อตื่นขึ้นมาก็จะงัวเงียไม่สดชื่นเหมือนคนทั่วไป   มีอีกมากกว่าหนึ่งร้อยคนที่ประสบปัญหาเดียวกับเธอ ซึ่งก็คือโรคเจ้าหญิงนิทราที่ประเทศอังกฤษ   เธอนอนหลับเป็นเวลานานมากๆจนกระทั่งเธออายุได้ 16 ปี แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้เผลอหลับไปอีกครั้ง เธอเป็นแบบนี้อยู่ประมาณ 6 เดือน ในแต่ละวันเธอทำได้แค่ตื่นมา ทานข้าว และทำอะไรนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็หลับไปอีกครั้ง และที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือเธอไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าเธอจะหลับไปอีกครั้งเมื่อไหร่ ด้วยอาการนี้ทำให้เธอต้องหมดโอกาสหลายอย่างในชีวิตไป เช่นการเรียน การได้ทำงานดีๆ หรือการได้สนุกกับชีวิตเป็นเวลานานๆ   5 ปีที่แล้ว เธอเผลอหลับไปในเดือนพฤศจิกายน แล้วก็ตื่นอีกทีในเดือนเมษายน   Janine แม่ของเธอเล่าว่าลูกของเธอใช้เวลานอนหลับกว่า 75% มาตลอด 5 ปี   Dan แฟนของเธอก็อยู่กับเธอตลอดในช่วงเวลาที่เธอหลับ   ในแต่ละวัน เธอใช้เวลาหลับนอนกว่า…

  • รู้จักกับโรค PTSD อาการตื่นกลัวตลอดเวลา ของเหล่าทหารผ่านศึก และผู้ประสบเหตุเลวร้าย…

    รู้จักกับโรค PTSD อาการตื่นกลัวตลอดเวลา ของเหล่าทหารผ่านศึก และผู้ประสบเหตุเลวร้าย…

    สำหรับหลายๆ คนที่อาจไม่รู้จักอาการนี้ Post-traumatic stress disorder หรือ PTSD คืออาการเครียดหลังประสบเหตุการณ์สะเทือนใจ กับความผิดปกติทางอารมณ์ที่กระทบต่อการดำเนินชีวิต… อาการความเครียดแบบนี้มักพบเห็นในเหล่าผู้ที่ประสบพบเจอกับเหตุการณ์ร้ายแรงอันไม่คาดฝัน แม้สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถลืมเหตุการณ์นั้นได้ เช่นเหล่าทหารผ่านศึกที่ต้องไปใช้ชีวิตมาในสมรภูมิ ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกทารุณกรรมทางเพศ พบเห็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญ เป็นต้น และสิ่งที่หนักที่สุดของโรคนี้ก็คือความเครียดและมีพฤติกรรมบางอย่างที่กระทบต่อการดำเนินชีวิต!!   อาการ PTSD   ในตอนนี้ประเทศสหรัฐฯ ประเทศเดียวมีผู้ป่วยที่มีอาการนี้อยู่กว่า 8 ล้านราย หรือคิดเป็นประชากรร้อยละ 2.5 ของประเทศ และร้อยละ 11-20 ของผู้ป่วยอาการนี้คือเหล่าทหารผ่านศึกอิรักและอัฟกานิสถาน อย่างช่วงก่อนก็มีข่าวเกี่ยวกับทหารผ่านศึกที่หักรถเลี้ยวหลบถุงพลาสติกที่ปลิวมากลางถนนเพราะเธอคิดว่าคือระเบิด ซึ่งนั่นก็คือหนึ่งในกรณีตัวอย่างอาการของโรคนี้…   ส่งผลต่อผู้คนรอบข้าง อาจทำให้เสียงาน ครอบครัวตีจาก จนตัดสินใจฆ่าตัวตายเลยทีเดียว   สำหรับอาการของ PTSD นั้นจะแสดงออกมาเป็น 2 ระยะ คือ ระยะ 1 เดือนแรกหลังจากเกิดเหตุ เรียกว่า Acute Stress Disorder (ASD) หรือ โรคเครียดฉับพลัน จากนั้นจะเข้าสู่ระยะที่ 2 คือหลังเกิดเหตุการณ์มาแล้ว 1 เดือนที่เรียกว่า PTSD ซึ่งสุดท้ายแล้วก็สามารถแบ่งผู้ป่วยออกได้เป็น 3…

  • นักวิจัยพัฒนาแฟลชไดรฟ์ ตรวจเชื้อ HIV ด้วยเลือดเพียงหยดเดียว รู้ผลทันทีในครึ่งชั่วโมง!!

    นักวิจัยพัฒนาแฟลชไดรฟ์ ตรวจเชื้อ HIV ด้วยเลือดเพียงหยดเดียว รู้ผลทันทีในครึ่งชั่วโมง!!

    เรียกว่าเป็นอีกก้าวที่น่าสนใจสำหรับวงการแพทย์เลยทีเดียว เมื่อทีมนักวิจัยจาก Scientists at Imperial College of London ร่วมมือกับ UK biotech บริษัทพันธุกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อพัฒนาแฟลช์ไดรฟ์ที่สามารถตรวจเชื้อไวรัส HIV ในร่างกายมนุษย์จากเลือดเพียงหยดเดียว และรู้ผลได้ทันทีภายในครึ่งชั่วโมง!!     วิธีการใช้งานก็ไม่ยากเพียงแค่ใช้ตัวอย่างเลือดหนึ่งหยด จากนั้นตัวแฟลชไดรฟ์ก็จะทำการคำนวนวัดระดับเชื้อ HIV1 ภายในเลือด ก่อนจะแปลงข้อมูลแล้วส่งไปยังคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่ออยู่ โดยกระบวนการทั้งหมดจะใช้เวลาไม่เกิน 21 นาทีและสามารถรู้ผลได้เลย เรียกว่ารวดเร็วกว่าส่งผลเลือดเข้าห้องทดลองเป็นไหนๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ทำการทดสอบเชื้อเป็นครั้งแรก หรือสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการวัดระดับเชื้อในเลือดของตนเองในขณะนั้น     อย่างที่ทราบกันดีกว่าปัจจุบันเชื้อไวรัส HIV เป็นหนึ่งในเชื้อไวรัสที่คุกคามสุขภาพพลานามัยของมนุษยชาติ จนมีผู้เสียชีวิตปีละกว่า 1 ล้านคน แม้ว่าอุปกรณ์จะยังอยู่ในช่วงของการพัฒนา แต่ก็ถือว่าเป็นนิมิตรหมายอันดีในการควบคุมและรักษาโรคดังกล่าว นอกจากนี้ แนวทางการตรวจโรคแบบนี้ อาจสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการตรวจโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเลือดได้ อย่างเช่น เบาหวาน เป็นต้น   ที่มา techcrunch

  • คุณแม่คลอด “ลูกแห่งปาฏิหาริย์” หลังแท้งมา 16 ครั้ง แต่โรคร้ายก็พรากลูกไปจากเธอ..

    คุณแม่คลอด “ลูกแห่งปาฏิหาริย์” หลังแท้งมา 16 ครั้ง แต่โรคร้ายก็พรากลูกไปจากเธอ..

    นี่คือเรื่องราวสุดแสนเศร้าของคุณแม่ท่าหนึ่ง ผู้เอาชนะร่างการตัวเอง หลังจากแท้งลูกไปกว่า 16 ครั้ง ตอนนี้เธอได้มีลูกครั้งแรก แต่แล้วก็เกิดเหตุเศร้าขึ้นเมื่อลูกของเธอเกิดเยื้อหุ้มสมองอักเสบจนเสียชีวิต Fleur-Rose Allen เด็กน้อยวัย 15 เดือนจากเมือง Bridgnorth ได้จากโลกนี้ไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจากที่เด็กน้อยเพิ่งหัดเดินได้เพียงแค่ 1 วัน ซึ่งเด็กคนนี้ถือกำเนิดก่อนกำหนด ทำให้คลอดยากกว่าปกติ     คุณแม่ Lizzie Allen วัย 32 ปี ได้เห็นอาการหลังจากลูกตื่นขึ้นแล้วร้องไห้อย่างหนักในช่วงเวลาประมาณ บ่าย 1 โมง พร้อมกับอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น  เธอจึงให้น้ำพร้อมกับยา แต่หลังจากพาส่งโรงพยาบาลตอน 6 โมงเย็น คุณหมอก็ได้แถลงว่าลูกของเธอเสียชีวิตแล้วเนื่องจากเยื้อหุ้มสมองอักเสบเมื่อเวลา 5 ทุ่ม คุณแม่เล่าว่า ปกติแล้ว Fleur-Rose เป็นเด็กสุขภาพดี หัวเราะ ยิ้มเก่ง แต่ในเช้าวันที่เด็กได้เสียชีวิต Fleur-Rose ตื่นขึ้นมาพร้อมกับมีอาการตัวร้อน     สาเหตุที่เด็กร้องไห้ก็เพราะอุณหภูมิในร่างกายร้อนเกินไป ในช่วงขึ้นรถพยาบาลนั้นวัดได้สูงถึง 39 องศาเซลเซียส มีไข้สูง พอไปถึงโรงพยาบาลเด็กน้อยก็กลับมากระฉับกระเฉงอีกครั้ง แม้ว่าตอนช่วงทานอาหารกลางวันเด็กจะอ้วก แต่ก็กลับมาเล่นของเล่นได้ดูเหมือนไม่เป็นอะไร ในตอนเที่ยงคุณแม่ยังให้เด็กลองทานมันบด…

  • รู้จักกับ 8 คนผู้เกิดมาพร้อมความผิดปกติของร่างกาย แต่เหมือนตัวละครในโลกการ์ตูนเป๊ะ!!!

    รู้จักกับ 8 คนผู้เกิดมาพร้อมความผิดปกติของร่างกาย แต่เหมือนตัวละครในโลกการ์ตูนเป๊ะ!!!

    เวลาที่เราดูการ์ตูนก็มักจะได้เห็นพลังวิเศษ หรืออภินิหารจากตัวละครต่างๆ บ้างก็ปล่อยพลังได บ้างก็พูดโกหกแล้วจมูกจะยาว แล้วแต่ผู้สร้างเค้าจะเติมแต่งจินตนาการลงไป แล้วเพื่อนๆเชื่อมั้ยว่าบนโลกเรามีคนที่เป็นแบบนั้นอยู่จริงๆ พวกเค้าไม่ได้สามารถปล่อยพลังวิเศษ หรือเดินเหินไปบนอากาศได้หรอกนะ แต่สิ่งที่พวกเค้ามีมาแต่กำเนิด นับเป็นความผิดปกติทางร่างกายที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก เอ๊ะ!!..หรือว่าการ์ตูนจะได้แรงบันดาลใจจากความผิดปกติของร่างกายนี้กันแน่นะ?   1.มนุษย์หุ่นกระป๋องเหล็กของจริง (scleroderma) ส่วนใหญ่แล้วเวลาที่เราตื่นนอนตอนเช้าก็มักจะบิดขี้เกียจกันใช่มั้ยล่ะ แต่สำหรับ Nicola Whitehill มันไม่ง่ายแบบนั้น เพราะทุกๆเช้าเธอจะต้องแช่ในอ่างเป็นเวลา 3 ชั่วโมง เพื่อให้กล้ามเนื้อแขนขาที่แข็งตัวอย่างกับเหล็กคลายออก ซึ่งความผิดปกติของโรคนี้ส่งผลให้เส้นเลือด และผิวหนังของเธอยึดตึง ยากต่อการขยับไปมา “ทุกๆเช้าที่ฉันตื่นนอน มันเหมือนกับว่าเราเป็นหุ่นกระป๋องเลยค่ะ ทั้งตัวฉันแข็งไปหมด และรู้สึกเหมือนเครื่องหนังที่มันหนาๆ ฉันต้องแช่ในอ่างแว๊กซ์พาราฟิน และชะโลมร่างกายด้วยผิว ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะไม่สามารถขยับอะไรได้เลย” เธอกล่าว   2. หนูน้อยพินอคคิโอตัวจริง (encephalocele) หนูน้อย Ollie Trezise ผู้เกิดมาพร้อมความผิดปกติที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก ซึ่งส่งผลให้มีจมูกใหญ่ผิดปกติ อันเนื่องมาจากสมองเจริญเติบโตผ่านรอยร้าวในหัวกระโหลก ลามไปจนถึงจมูก และหนูน้อยจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายต่อหลายครั้งเพื่อให้เค้าสามารถหายใจ   3. เจ้าหญิงนิทรา (Kleine-Levin syndrome) มันเกิดขึ้นจริงๆกับเรื่องราวของสาววัย 15 Louisa Ball…

  • ศิลปินอธิบายอาการ “ผู้ป่วยทางจิต” ผ่านภาพวาด เพื่อความเข้าใจพวกเขามากขึ้น!!

    ศิลปินอธิบายอาการ “ผู้ป่วยทางจิต” ผ่านภาพวาด เพื่อความเข้าใจพวกเขามากขึ้น!!

    ก่อนที่จะไปดูภาพ ขอเล่าเรื่องราวของกิจกรรมหนึ่งที่ชื่อว่า Inktober กันก่อน ผู้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาคือ Jake Parker โดยผู้เข้าร่วมจะต้องวาดภาพ 31 ภาพ ใน 31 วันตามโจทย์ที่ได้รับ มีผู้เข้าร่วมจากทั่วโลก และจะจัดขึ้นในเดือนตุลาคม จึงเป็นที่มาของคำว่า Inktober (Ink+October)   และวันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านมาชมผลงานภาพวาด จากศิลปินที่ชื่อว่า Shawn Coss เขาได้วาดภาพส่งไปในกิจกรรมครั้งนี้โดยภาพเหล่านั้นเป็นภาพที่บรรยายถึงผู้ป่วยทางจิตหลากหลายชนิด บางอย่างเราก็ไม่สามารถเข้าใจพวกเขาได้ ศิลปินท่านนี้ก็เลยว่าเป็นภาพออกมาให้เราได้ชม เราไปดูกันเลยว่าแต่ละอย่างจะหลอนได้สักแค่ไหน (ภาพทั้งหมดนี้อาจจะบรรยายเกินจริง เนื่องจากเกิดจากจินตนาการของผู้วาดทั้งหมด ดังนั้นอยากเพิ่งคิดว่าโรคเหล่านี้จะน่ากลัวเหมือนในภาพนะจ๊ะ)   โรคดิสโซสิเอทีฟ หรือโรคหลายบุคลิก   โรคประสาทแบบหวาดกลัว กลัวชุมชน กลัวที่โล่ง   บุคลิกภาพแปรปรวน   โรคย้ำคิดย้ำทำ   บุคลิกภาพแปรปรวน   โรคจิตเภทชนิดหวาดระแวง   ออทิสติก   โรคไบโพล่าร์ หรือ โรคอารมณ์สองขั้ว   โรคซึมเศร้า   โรคนอนไม่หลับ   บุคลิกวิปลาส…

  • เคยเป็นไหม!? “L’appel Du Vide” อาการของคนอยากโดดจากที่สูง แตกต่างจากฆ่าตัวตาย

    เคยเป็นไหม!? “L’appel Du Vide” อาการของคนอยากโดดจากที่สูง แตกต่างจากฆ่าตัวตาย

    คุณเคยไปอยู่ในที่สูงๆ แล้วเกิดความรู้สึกแปลกๆ ว่าอยากจะลองกระโดดลงไปบ้างไหม? ถ้าคุณเคยแต่หาคำอธิบายเกี่ยวกับความรู้สึกนั้นไม่ได้ล่ะก็ วันนี้#เหมียวฟิ้นจะมาอธิบายเอง     ไอ้เจ้าอาการที่ว่านี้ดูจะไม่มีคำอธิบายหรือถูกบัญญัติไว้ในภาษาอื่นแบบชัดๆ แต่ในภาษาฝรั่งเศสมีคำเฉพาะเลย นั่นคือ “L’appel Du Vide” (ลาปเปล ดูวีด) แปลเป็นไทยแบบตรงๆ ว่า “เสียงเรียกจากช่องว่าง”   อาการที่ว่านี้เป็นอาการของคนที่อยากกระโดดลงจากที่สูงๆ เช่นบนตึกหรือบนยอดเขา ทุกครั้งที่ไปอยู่ตามสถานที่เหล่านี้จิตใต้สำนึกจะสั่งเราว่าให้โดดลงไปเพราะอยากรู้ว่าเมื่อลงไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น!? แต่จะแตกต่างจากความรู้สึกของคนที่อยากกระโดดลงไปเพราะอยากฆ่าตัวตาย     เรื่องนี้ได้รับความสนใจจากนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรัฐฟลอริดา และกลายเป็นบทความที่ชื่อว่า Journal of Affective Disorders ถูกตีพิมพ์เมื่อปี 2011 ในการค้นคว้าของเขาพบว่ามีผู้คนประมาณ 30% ที่ทำแบบสอบถามยอมรับว่า พวกเขาเคยมีอาการเหล่านี้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง       อาการแปลกประหลาดนี้อาจมีผลชั่วคราวต่ออการรับรู้ของสมอง นักวิจัยสงสัยว่าระบบที่ว่านี้อาจเกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็วทำให้เราไม่สามารถควบคุมสติได้ในชั่วเวลาหนึ่งจนมีความคิดอยากกระโดดแล่นเข้ามาในสมอง ในขณะที่คนอื่นๆ เกิดความรู้สึกแบบนี้ได้ช้ากว่า จนสามารถควบคุมความรู้สึกอยากกระโดดเอาไว้ได้ ใครที่เคยเกิดอาการแบบนี้ก็ไม่ต้องตกใจไปว่าคุณจะกลายเป็นโรคจิตหรืออยากฆ่าตัวตายนะ เพราะมีคนที่มีอาการแบบนี้อยู่ทั่วโลกเลย แต่มันก็เป็นแค่ชั่วคราว และสมองของเราจะสั่งการโดยอัตโนมัติเองว่า “อันตราย ถอยออกมาหน่อย”     แล้วตัวคุณล่ะ… เคยมีอาการแบบที่ว่าบ้างรึเปล่า!? เรียบเรียงโดย…

  • วิจัยใหม่เผย การเล่นกับแมวมากๆ อาจทำให้ได้รับ “เชื้อโรคแมวข่วน” โดยไม่รู้ตัว

    วิจัยใหม่เผย การเล่นกับแมวมากๆ อาจทำให้ได้รับ “เชื้อโรคแมวข่วน” โดยไม่รู้ตัว

    แมวเป็นสัตว์ที่น่ารัก ใครเห็นเป็นต้องอยากเข้าไปอุ้ม ไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับมันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าการทำแบบนั้นอาจเสี่ยงต่ออันตรายมากๆ เพราะได้มีผลวิจัยใหม่ออกมาจากสถาบัน Centers for Disease Control and Prevention (CDC) เขาได้ออกมาเตือนเจ้าของแมวทั้งหลายว่าแมวอาจจะฆ่าเราได้จากรอยข่วนเพียงน้อยนิด จนทำให้เกิดโรคที่ใช้ชื่อว่า โรคแมวข่วน (Cat-scratch) นี้     โดยโรคนี้จะแพร่กระจายทางเห็บหมัดและอึของมัน และ 40% ของแมวจะมีแบคทีเรียตัวนี้อยู่ ซึ่งถ้าคนไปโดนเข้าไม่ว่าจะเป็นจากการโดนข่วน โดนกัด หรือว่าแมวเลียโดนแผลของเราก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อด้วย ทาง CDC ได้ทำการสำรวจเกี่ยวกับสุขภาพตั้งแต่ปี 2005 ถึง 2013 และพบกว่า 13,273 คนถูกวินิจฉัยว่ามีเชื้อตัวนี้ และอีกกว่า 538 คน ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วย     สำนักข่าว TODAY รายงานว่าถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะมีรายงานเข้ามาต่ำ แต่ผู้ป่วยหลายคนก็ได้รับผลข้างเคียงจากโรคนี้เพิ่มมากขึ้น คิดเป็นประมาณ 4.5 ของผู้ป่วยจากประมาณ 100,000 รายชื่อที่ได้เข้ารับการรักษา ซึ่งโรคนี้จะแสดงอาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 3 – 14 วัน ซึ่งจะแผลนั้นจะบวม แดง และนูนขึ้นมา…

  • สภาพห้องก่อน-หลัง ของคนเป็น ‘โรคซึมเศร้า’ ย้ำเตือนให้พวกเรา เข้าใจพวกเขามากขึ้น!!

    สภาพห้องก่อน-หลัง ของคนเป็น ‘โรคซึมเศร้า’ ย้ำเตือนให้พวกเรา เข้าใจพวกเขามากขึ้น!!

    ว่ากันว่าในยุคสมัยนี้ผู้คนประสบกับปัญหาของโรคซึมเศร้ากันมากขึ้น ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับกลุ่มวัยรุ่นเป็นจำนวนมาก และไม่อาจบอกได้เลยว่าบุคคลเหล่านั้นกำลังเป็นโรคนี้อยู่ เพราะพวกเขามักจะไม่ค่อยเอ่ยปากยอมรับ อีกทั้งคนรอบข้างก็ไม่อาจสังเกตเห็นได้   โรคซึมเศร้าก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมามากมาย รวมไปถึงปัญหาเล็กๆ อย่างการจัดการระเบียบชีวิต   โรคซึมเศร้านั้นส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยแทบทุกทาง จากจิตใจอันห่อเหี่ยวก็ยิ่งส่งผลไปถึงพฤติกรรมการกระทำต่างๆ ด้วย อย่างในเรื่องของกิจวัตรประจำวันง่ายๆ เช่นการจัดระเบียบห้อง การเก็บกวาดทำความสะอาด ในบางครั้งคนอื่นอาจจะมองว่าเกิดขึ้นเพราะความขี้เกียจ แต่หารู้ไม่ว่ามันเกิดขึ้นจากโรคซึมเศร้าก็เป็นได้   อย่างเช่นภาพของห้องที่รกและเต็มไปด้วยขยะห้องนี้ ที่กลายมาเป็นกระแสไวรัลในต่างประเทศเป็นอย่างมาก   ผู้ใช้นามแฝง toofuckingbusyandviceversa จากเว็บไซต์ imgur ได้ทำการโพสต์ภาพห้องของตัวเอง พร้อมกับอธิบายไว้ว่า ‘ฉันทรมานกับความซึมเศร้าอย่างรุนแรงและมันเป็นช่วงเวลาที่ยากต่อการทำความสะอาดรวมไปถึงการทำงานบ้านอย่างอื่นด้วย ห้องของฉันรกมาเป็นเวลานานหลายเดือน เพราะว่าฉันไม่มีแรงจูงใจที่จะดูแลมัน แต่วันศุกร์นี้แหละ ฉันก็ทำมันได้เสียที’   และนี่ก็คือภาพห้องเดียวกัน ในสามวันถัดมา   ‘คุณจะเห็นได้ว่าตอนนี้ได้พื้นห้องคืนมาแล้ว กล่าวทักทายหมีเท็ดดี้ Nalle บนเตียงด้วย ฉันรู้มันไม่ใช่ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่อะไร แต่สำหรับฉันแล้วมันยิ่งใหญ่มากที่จะสามารถเปิดบ้านต้อนรับผู้คนเข้ามาอีกครั้ง ฉันรู้สึกสงบอีกครั้ง และอยากจะร่วมแบ่งปันความรู้สึกให้กับทุกๆ คน’   ชาวเน็ตที่เห็นภาพแห่งความเปลี่ยนแปลงต่างก็ร่วมแสดงความรู้สึกยินดีด้วย   ‘ด้วยความที่เป็นผู้ทรมานกับความซึมเศร้า มันทำให้ฉันรู้สึกดีมาก อย่าให้มันชนะเรานะ!’ ‘ฉันก็ทรมานกับความซึมเศร้าเช่นกัน และฉันรู้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะทำในสิ่งเล็กๆ…

  • สาระก็มา… ทำความรู้จักโรคความจำเสื่อมชั่วคราว แบบในหนัง “แฟนเดย์” ที่มีอยู่จริงๆ

    สาระก็มา… ทำความรู้จักโรคความจำเสื่อมชั่วคราว แบบในหนัง “แฟนเดย์” ที่มีอยู่จริงๆ

    ตอนนี้หนังเรื่องแฟนเดย์…แฟนกันแค่วันเดียวของค่าย GDH ก็เข้าโรงให้ได้ชมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลายคนที่ได้ไปชมกันมีความเห็นแตกต่างกันไป (อ่านบทวิจารณ์หนังของ#เหมียวฟิ้นได้ที่นี่นะ) แต่สิ่งหนี่งที่หนังเรื่องนี้หยิบเอามาเป็นแกนหลักเลยคือการเล่นกับอาการความจำเสื่อมชั่วคราวของนางเอกนี่แหละ ที่ทำให้พระเอกของเราได้กลายเป็นแฟนของเธอโดยปริยาย     แต่จะบอกว่าอาการความจำเสื่อมชั่วคราวมันมีอยู่จริงๆ นะ และมีโอกาสเกิดขึ้นได้จริงๆ ด้วย เราลองไปทำความรู้จักกับโรคนี้กันดีกว่า เผื่อว่าเราจะเข้าใจนุ้ย (นางเอกในแฟนเดย์) มากขึ้น   อาการของโรค โรคอาการสมองเสื่อมชั่วคราว (Transient Global Amnesia) เป็นอาการที่สมองจดจำเรื่องราวต่างๆ ในอดีต (ที่เพิ่งเกิด) ไม่ได้ แต่จะเกิดขึ้นในระยะสั้นๆ เท่านั้น ผู้ที่มีอาการนี้จะจดจำชื่อของคนที่เพิ่งรู้จักหรือเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาไม่ได้  แต่สำหรับคนที่รู้จักกันมานานจะจำได้ หรือวันเดือนปีเกิด บ้านเลขที่อะไรจะยังจำได้อยู่ อาการนี้จะพบได้น้อยมากๆ อย่างเช่นในสหรัฐฯ เอง มีการตรวจพบอาการนี้ใน 100,000 คน จะเจอเพียง 5 คนเท่านั้น และจะพบมากในผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป     สาเหตุ แม้จะยังไม่มีผลการยืนยันแน่ชัด แต่คาดกันว่าเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่นอาการทางสมองของตัวผู้ป่วยเอง ได้แก่ สมองขาดเลือดชั่วคราว ปวดหัวไมเกรน เป็นโรคลมชัก มีเลือดดำคั่งในสมอง…

  • แต่งงานกับผมนะ…หนุ่ม ม.ปลายป่วยเป็นมะเร็ง ขอแฟนสาวแต่งงาน ก่อนจะไม่มีโอกาส

    แต่งงานกับผมนะ…หนุ่ม ม.ปลายป่วยเป็นมะเร็ง ขอแฟนสาวแต่งงาน ก่อนจะไม่มีโอกาส

    ก่อนที่จะอ่านเรื่องต่อไปนี้ #เหมียวฟิ้น อยากจะถามคุณว่า…ระหว่างคุณกับคนรักเคยมีประสบการณ์ที่ต้องผ่านช่วงเวลาแสนยากลำบากร่วมกันหรือไม่? แล้วถ้ามีมันหนักหนาขนาดไหน? ลองเก็บคำตอบนั้นไว้ในใจดูนะ แล้วมาอ่านเรื่องซึ้งๆ ของ 2  คนนี้กัน…     นี่เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มม.ปลาย คนหนึ่งที่ชื่อว่านาย Swift Myers วัย 18 ปี เขาเข้ารับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล The Children’s Hospital at Saint Francis รัฐโอกลาโฮมา สหรัฐอเมริกา เนื่องจากป่วยเป็นมะเร็งในกระดูก     เขาต้องเจอกับอาการป่วยย่อยๆ ถึง 6 ครั้ง และในครั้งที่ 7 ก็ถึงกับทำให้เขานอนหมดสติอยู่ที่โรงพยาบาล คุณหมอที่ดูแลอาการของนาย Swift กล่าวว่าอาการของเขาไม่สู้ดีนักเพราะมีอาการแทรกซ้อนถึง 4 ครั้งใน 1 สัปดาห์ เขาอาจจะจากเราไปเมื่อไหร่ก็ได้     แต่หลังจากที่นาย Swift นอนหมดสติไป 10 วัน เขาก็ฟื้นขึ้น และทันทีที่ได้สติเขาก็ขอ Abbi Ruicker แฟนสาวที่เขาคบมานานกว่า 2 ปี…

  • ผลวิจัยชี้ ‘เด็กดูดนิ้ว แทะเล็บ’ มีประโยชน์ลดโอกาสเป็นภูมิแพ้ แต่ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป

    ผลวิจัยชี้ ‘เด็กดูดนิ้ว แทะเล็บ’ มีประโยชน์ลดโอกาสเป็นภูมิแพ้ แต่ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป

    พฤติกรรมอย่างหนึ่งของเด็กๆ ที่เรามักจะเห็นคือ พวกเขาชอบดูดนิ้ว หรือกัดแทะเล็บ ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นปัญหาที่พ่อแม่ได้พยายามแก้ไข เพราะกลัวว่า การเอามือเข้าปากนั้น อาจจะมีเชื้อโรคติดมา และทำให้เป็นภูมิแพ้ได้ แต่ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์พบว่า เด็กที่ชอบดูดนิ้วหรือแทะเล็บนี้ มีโอกาสเป็นภูมิแพ้ได้น้อยกว่าเด็กที่ไม่มีพฤติกรรมแบบนี้ซะอีก นักวิจัยจากประเทศนิวซีแลนด์ ได้ศึกษาพฤติกรรมของเด็กกว่า 1,000 คน ที่อยู่ในวัยเด็กตอนปลาย โดยศึกษาพฤติกรรมเกี่ยวกับช่องปาก และปัญหาโรคภูมิแพ้     ในการวิจัยนั้น ได้ทำโดยการหากรณีตัวอย่างจากคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ที่อยู่ในวัย 13 และ 32 ปี แล้วก็ย้อนไปดูในวัยเด็กว่า พวกเค้าเหล่านี้มีพฤติกรรมชอบดูดนิ้วหรือแทะเล็บหรือไม่ ผลการวิจัยพบว่า เด็กที่ชอบดูดนิ้วหรือแทะเล็บนั้นมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้เพียง 40% ส่วนเด็กที่ทั้งดูดทั้งแทะนั้น มีโอกาสลดลงไปอีกคือ 35% ในขณะที่ไม่ทำเลย มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ถึง 45 % เลยทีเดียว     การวิจัยนี้สามารถนำไปปรับใช้กับเด็กที่ชอบเล่นสกปรกหรือเล่นหรือเล่นกับสัตว์เลี้ยง แต่เด็กในเมืองอาจจะต้องเสี่ยงกับโรคภูมิแพ้มากหน่อย  เพราะมีกลิ่นหนูหรือกลิ่นแมลงซึ่งเป็นมลพิษทางอากาศ และเด็กอาจสูดดมเข้าไปได้   แต่แม้ว่าการวิจัยจะออกมาเป็นแบบนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่า พ่อแม่จะสนับสนุนให้เด็กทำพฤติกรรมแบบนี้ได้ เพราะบางทีอาจมีเชื้อโรคติดมากับมือด้วย ที่สำคัญหากดูดนิ้วนานเกินไป อาจทำให้มีปัญหาในช่องปากเมื่อฟันแท้ขึ้น     เพื่อนๆ คิดยังไงกับการวิจัยนี้บ้างเอ่ย แต่…

  • บริษัทผลิตตุ๊กตาคิดต่าง… ทำตุ๊กตาหัวโล้นสำหรับเด็กป่วย พวกเธอจะได้มีเพื่อน

    บริษัทผลิตตุ๊กตาคิดต่าง… ทำตุ๊กตาหัวโล้นสำหรับเด็กป่วย พวกเธอจะได้มีเพื่อน

    ของเล่นที่เด็กผู้หญิงชื่นชอบส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นตุ๊กตาล่ะนะ เพราะทั้งน่ารัก สดใส ผมสลวย หน้าตาเหมือนเพื่อนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แต่ถ้าเด็กคนนั้นเป็นเด็กที่มีอาการป่วยบางอย่างล่ะ พวกเธอจะยังอยากได้ตุ๊กตาเหล่านั้นอยู่อีกไหม?   ปัญหานี้เกิดขึ้นกับนาง Meredith Bailey คุณแม่ที่มีลูกสาววัย 4 ขวบ ป่วยเป็นโรคผมร่วง เธอพยายามจะหาตุ๊กตามาให้ลูกสาวได้เล่นเป็นเพื่อนเธอ แต่ไม่ว่าจะตุ๊กตาตัวไหนๆ มันก็ทำให้ลูกสาวของเธอรู้สึกแตกต่างและน้อยเนื้อต่ำใจที่ตนเองไม่มีผมเหมือนอย่างตุ๊กตา   แต่ถือเป็นโชคดีมากที่เมื่อไม่กี่วันก่อนนาง Bailey ได้ไปเดินห้างสสรพสินค้าแห่งหนึ่งแล้วเจอเข้ากับตุ๊กตาจากบริษัท American Girl อยู่บนตู้โชว์ แต่สิ่งที่ทำให้เธอเซอ์ไพรซ์ก็คือตุ๊กตาเหล่านั้นไม่มีผมเลย เมื่อเธอลองขยับเข้าไปอ่านข้อความบนกล่องนั่นจึงเห็นข้อความว่า “เราภูมิใจนำเสนอ ตุ๊กตา Truly Me แบบไร้เส้นผม ที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี มีให้เลือกหลากหลายโทนสี”   นั่นทำให้คุณแม่ Bailey ไม่ลังเลที่จะซื้อมันมาให้กับลูกสาวของเธอ ซึ่งลูกสาวของเธอก็ดีใจเอามากๆ ที่จะได้มีตุ๊กตาที่เหมือนกับตัวเอง ทำให้เธอไม่รู้สึกแปลกแยกอีกต่อไป ต่อมาคุณแม่รายนี้ก็ได้เขียนจดหมายขอบคุณโรงงานผลิตตุ๊กตา โดยมีข้อความบางส่วนกล่าวว่า   “ฉันสนับสนุนบริษัทผลิตตุ๊กตาของคุณมาโดยตลอด ฉันยังมีตุ๊กตาของบริษัทนี้ที่ซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อปี 1988 อยู่เลย ซึ่งลูกสาวของฉันก็ชอบมันมาก ฉันมีความสุขมากที่ได้เห็นว่าลูกสาวของฉันก็มีตุ๊กตาเป็นของตัวเองเช่นกัน” “ตุ๊กตาเหล่านี้ถูกวางอยู่บนชั้นในห้างแบบไม่ได้หลบมุมแต่อย่างใด แต่พวกมันถูกวางไว้ให้ทุกคนได้เห็นชัดเจน โดยเฉพาะลูกสาวของฉัน ที่แปลกใจว่าทำไมเขาไม่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้” นับว่าเป็นความเสี่ยงอยู่ไม่น้อยที่บริษัทตุ๊กตาผลิตตุ๊กตาหัวโล้นออกมาแบบนี้ เพราะเป็นสินค้าที่เจาะกลุ่มลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจงมาก แต่ก็ขอชื่นชมในความคิดแหวกแนวนะ เหล่าเด็กๆ ที่ป่วยอยู่จะได้มีเพื่อนเล่นยังไงล่ะ…

  • ดูไปขนลุกไป 21 ภาพรูสุดสยึมกึ๋ย ที่จะทำให้คุณรู้ตัวว่า เป็นโรค ‘กลัวรู’ หรือไม่!?

    ดูไปขนลุกไป 21 ภาพรูสุดสยึมกึ๋ย ที่จะทำให้คุณรู้ตัวว่า เป็นโรค ‘กลัวรู’ หรือไม่!?

    อื้อหืออออ คอนเท้นท์นี้ต้องบอกตรงๆ ว่าหนักหนามาก ทำไปขนลุกไปเลยนะเนี่ย วันนี้จะพาเพื่อนๆ มารู้จักกับ Trypophobia หรือเอาง่ายๆ โรคกลัวรูนั่นเอง จากที่เหมียวเลเซอร์ได้เคยทำบทความเอาไว้ รู้จักกับโรคกลัวรู ‘Trypophobia’ มันคืออะไร ทำไมถึงเป็นกันเยอะ? ใครอยากจะรู้ว่ามันเป็นยังไงลองตามไปอ่านกันได้ แต่ที่ #จ่าสิบเหมียว เอามาให้ชมวันนี้เพื่อทดสอบจริงๆจังๆ ว่าคุณน่ะเข้าข่ายโรคกลัวรูกับชาวบ้านเค้าหรือไม่ และถ้าดูทั้ง 21 ภาพนี้แล้วล่ะก็ยังรู้สึกสบายๆ อยู่นะ บอกเลยว่าเพื่อนๆ ผ่านแล้วล่ะ ฮร่าาา   เริ่มมีอาการเบาๆ กันบ้างรึยัง??   แค่ม้วนกระดาษเองนะเนี่ยยย อิอิ   ขนมก้อนนึง   เริ่มรู้สึกปั่นป่วนท้องไส้แล้วสิ -*-   เส้นพาสต้า   อึ๋ยยยยย ฟองน้ำเฉยๆ นะเนี่ย   เดี๋ยวๆๆๆๆ ทำไมขนเริ่มลุก   ลิ้นน้องแมวรู้สึกยังไงบ้าง??   อ่อกกกกกกกกกก   อันนี้ยังโอเค อิอิ   ชิวๆ   ม่ายยยยยยย…

  • สองพี่น้องป่วยเป็นโรคประหลาด เป็นอัมพาตชั่วคราวหลังตะวันตกดินแบบหาสาเหตุไม่ได้!!

    สองพี่น้องป่วยเป็นโรคประหลาด เป็นอัมพาตชั่วคราวหลังตะวันตกดินแบบหาสาเหตุไม่ได้!!

    ดวงอาทิตย์ส่งผลกระทบต่อชีวิตคนเรามากน้อยแค่ไหนกัน? อย่างที่รู้ๆ กันก็คือความสว่างสำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปทุกอย่างก็ยังคงดำเนินต่อไป แต่สำหรับสองพี่น้องชาวปากีสถานคู่นี้ ชีวิตของพวกเขาขึ้นอยู่กับดวงอาทิตย์แทบทั้งสิ้น เหมือนดั่งสวิตช์เปิดปิดยังไงยังงั้นเลย     สองพี่น้อง Mohammad Shoaib วัย 13 ปี และ Abdul Rasheed วัย 9 ปี จากประเทศปากีสถาน ประสบกับโรคประหลาดที่ไม่สามารถหาสาเหตุได้เลย อาการของทั้งสองจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อหลังพระอาทิตย์ตกดินลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ร่างกายของทั้งสองจะเป็นอัมพาตชั่วคราว ไม่สามารถขับตัวได้ ราวกับถูกกดปุ่มปิดการทำงานไปเลย     ทางด้านคุณพ่อ Mohammad Hashim เชื่อว่าลูกชายทั้งสองของเขานั้นได้รับพลังงานจากพระอาทิตย์ ซึ่งถ้าไร้แสงแดดพวกเขาก็จะไม่มีแรง ถึงแม้ว่าลูกชายทั้งสองจะไม่รู้สึกกลัวหรือกังวลใดๆ แต่สำหรับผู้เป็นพ่อนั้นเขารู้สึกเจ็บปวดแทนลูกชายเหลือเกิน     ทางด้านนายแพทย์ Javed Akram จากสถาบัน Pakistan Institute of Medical Sciences (PIMS) กล่าวถึงกรณีนี้ว่าเป็นเคสแรกที่ค้นพบอาการป่วยประหลาดนี้ เป็นอาการที่พบเจอได้ยากมากๆ และคงจะไม่มีแพทย์คนไหนเคยพบเคยเจอแบบนี้มาก่อนเลยด้วย     อาการที่ว่าก็คือ…

  • ‘แว่นตาบอดสี’ เทคโนโลยีที่ทำให้หนุ่มคนนี้ มองเห็น ‘สีสันอย่างแท้จริง’ เป็นครั้งแรก…

    ‘แว่นตาบอดสี’ เทคโนโลยีที่ทำให้หนุ่มคนนี้ มองเห็น ‘สีสันอย่างแท้จริง’ เป็นครั้งแรก…

    นี่ถือเป็นเรื่องราวที่น่าดีใจ สำหรับบุคคลที่มีอาการตาบอดสีล่ะ เพราะเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีสมาชิกเว็บไซต์ Imgur ที่ใช้ชื่อว่า Brammerz เป็นเด็กหนุ่มวัย 17 ปี ซึ่งเขาเป็นคนตาบอดสี เขาได้รับของขวัญวันเกิดสุดเซอร์ไพรซ์จากพ่อแม่ เป็นแว่นตาสำหรับคนตาบอดสี ที่จะช่วยให้ผู้สวมใส่มองเห็นสีสันต่างๆ ได้เป็นปกติ     เมื่อสวมใส่แว่นเข้าไป ก็ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ และดีใจจนบอกไม่ถูก เพราะได้เห็นสภาพแวดล้อมในสีสันที่มันควรจะเป็น “โอ้พระเจ้า นี่มันน่าอัศจรรย์มาก”     นี่คือหน้าตาของแว่นสำหรับคนตาบอดสีล่ะ ตัวเลนส์จะเคลือบสารแบบพิเศษ ที่คอยกรองความยาวคลื่นแสง ที่ก่อให้เกิดปัญหาตาบอดสี ช่วยเพิ่มอัตราสัญญาณต่อคลื่นรบกวนของคลื่นแสงที่เข้ามายังดวงตา ทำให้เห็นสีบางสีชัดขึ้นนั่นเอง   ตอนนี้ดูเหมือนนาย Brammerz จะสามารถมองกระดานทดสอบวัดการมองเห็นสีสันได้แล้ว เขาสามารถแยกเฉดสีเข้มหรืออ่อนได้ แถมเขายังยกตัวอย่างภาพบ้านจากการ์ตูนเรื่อง Up มาให้เพื่อนๆ ในโลกออนไลน์ได้เห็นถึงความแตกต่าง ในตอนที่ใส่แว่นกับไม่ใส่แว่น .   ปัจจุบัน แม้แว่นตาแบบนี้จะเริ่มมีขายกันทั่วไป แต่ก็ใช่ว่าจะได้รับความนิยมมาก เพราะเป็นสินค้าเฉพาะบุคคล บางคนใส่แล้วอาจจะมองไม่เห็นสีเช่นเดิมก็ได้ สำหรับแว่นตาบอดสีนั้นมีราคาเริ่มต้นที่ 349 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 12,000 บาท ถือว่ามีราคาค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว ใครที่สนใจรายละเอียดลองเข้าไปชมที่เว็บไซต์ของ EnChroma…

  • เจ้า Freya อยู่ในสถานสงเคราะห์นานมาก มีผู้คนมาดูใจนับหมื่น แต่ไม่รับไปเลี้ยงซักที

    เจ้า Freya อยู่ในสถานสงเคราะห์นานมาก มีผู้คนมาดูใจนับหมื่น แต่ไม่รับไปเลี้ยงซักที

    ถ้าจะให้มองโดยผิวเผินแล้วสุนัขพันธุ์พิตบูลส่วนใหญ่มักจะถูกมองว่าเป็นสุนัขที่มีความดุร้าย ไม่เหมาะแก่การนำไปเลี้ยง นั่นก็อาจจะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ยังมีพิตบูลอีกหลายตัวที่น่ารักมากไม่ได้ดุร้ายอย่างที่เราคิด     และเจ้า Freya ก็เป็นหนึ่งในนั้นมันเป็นสุนัขพันธ์ุ สแตฟเฟอร์ดไชร์ บูล เทอร์เรียร์ อายุ 6 ขวบ ถูกช่วยเหลือมาจากข้างถนนโดยองค์กร Freshfields Animal Rescue ได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด จากที่เคยเป็นสุนัขจรจัดจนกระทั่งมีอาการที่ดีขึ้น มันมีเพื่อนในเฟสบุ๊กมากถึง 700 คนเลยล่ะ และมีผู้คนมาดูใจราว 18,000 ครอบครัว แต่ก็ยังไม่มีใครรับมันไปเลี้ยงเลย อีกทั้งล่าสุดนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็ตรวจพบว่ามันประสบกับโรคลมชักด้วย เกรงว่าจะหาบ้านถาวรให้กับมันไม่ได้     Kate Jones วัย 35 ปี ผู้จัดการของสถานสงเคราะห์บอกว่ามันอยู่ที่นี่มานานหลายปีแล้ว และทุกๆ ครั้งที่มีคนมาดูมันแต่ไม่รับไปเลี้ยง นั่นก็ทำให้เธอรู้สึกใจสลายเพราะรู้สึกสงสารมันมาก และในทุกๆ ปีจะต้องอัพเดทอายุของมันบนเว็บไซต์ยิ่งทำให้รู้สึกหวั่นว่าเจ้า Freya จะหาบ้านไม่ได้     เพราะ Freya นั้นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษอีกทั้งยังต้องได้รับการตรวจเลือดทุกๆ 3 เดือน แต่ความน่ารักของมันนั้นก็ไม่ได้ต่างไปจากสุนัขตัวไหนๆ เลยล่ะ ‘เราจะรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากถ้าได้เห็นเจ้า…

  • สาวอังกฤษป่วยนาน 11 ปี เพราะถูกแมลงปริศนากัด วิงวอนอยากฆ่าตัวตายทุกๆ วัน

    สาวอังกฤษป่วยนาน 11 ปี เพราะถูกแมลงปริศนากัด วิงวอนอยากฆ่าตัวตายทุกๆ วัน

    เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้เปิดเผยเรื่องราวชวนสลดใจของ Kirsty หญิงสาววัย 23 ปี จากมณฑลเคนต์ ประเทศอังกฤษ ที่นอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาล เพราะถูกแมลงปริศนากัดเข้าที่หลังของเธอตั้งแต่ตอนอายุ 12 ทำให้เธอต้องวนเวียนอยู่โรงพยาบาลนับตั้งแต่นั้นมา     ตามรายงานบอกว่า Kirsty มีอาการป่วยเรื้อรังมาตลอด 11 ปีที่ผ่านมา ทั้งปวดเนื้อปวดตัวและมีอาเจียน มันทำลายชีวิตความเป็นอยู่ของเธอในแบบที่ไม่ควรจะเป็น อาการของเธอแย่ลงขึ้นเรื่อยๆ ในเดือนที่ผ่านมา เธอต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลบ่อยถึง 4 ครั้งทีเดียว     ทางด้าน Theresa คุณแม่ของ Kirsty ได้กล่าวว่าเธอรู้สึกลำบากใจมากเพราะลูกสาวเอาแต่อ้อนวอนให้พาเธอไปฉีดยาฆ่าตัวตายซะ “Kirsty แย่ลงเรื่อยๆ เธอไม่สามารถรับยาเพราะอาเจียน เธอพยายามแล้ว แต่เธออ่อนแอและอยากจะตาย”     ตลอดระยะเวลาการรักษาตัว 7 ปีที่ผ่านมาผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ได้กล่าวว่า Kirsty อาจเป็นโรค SLE (โรคแพ้ภูมิตัวเอง) แต่สุดท้ายคุณหมอจากโรงพยาบาล Guy’s Hospital ก็ได้ออกมายืนยันว่าไม่ใช่อย่างที่คิด   ชมคลิปสุดสะเทือนใจได้ที่ด้านล่างเลย…

  • ญาติๆ ขอความช่วยเหลือ Sexy Pancake นางแบบสาวประเภทสอง ป่วยเป็นมะเร็งอวัยวะเพศระยะที่ 3

    ญาติๆ ขอความช่วยเหลือ Sexy Pancake นางแบบสาวประเภทสอง ป่วยเป็นมะเร็งอวัยวะเพศระยะที่ 3

    หากใครยังจำกันได้ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ในโลกออนไลน์ได้มีนางแบบสาวประเภทสองคนหนึ่งที่โด่งดังมาก เธอคือ Sexy Pancake หรือ นิวัฒน์ แสงหม้อ      ที่เธอโด่งดังจนกลายเป็นที่รู้จักของชาวเน็ตก็เพราะว่าเธอมักจะถ่ายภาพในชุดเซ็กซี่ๆ กับสถานที่ตามธรรมชาติ จนชาวเน็ตสนุกสนานเฮฮาไปกับภาพของเธอ     ล่าสุดเธอป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล เบื้องต้นทางด้านแอดมินเพจ Sexy Pancake 2 ได้เล่าอาการของเธอให้ฟังว่า แพนเค้กมีอาการป่วยตั้งแต่ต้นเดือนเมษา มีอาการปัสสาวะเป็นเลือด แม้จะกินยาแต่อาการก็ไม่ดีขึ้น     จากนั้นเธอก็มีอาการแย่ลงเรื่อยๆ จนต้องเข้าโณงพยาบาลในอำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น เมื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดจึงพบว่าเธอเป็นมะเร็งที่อวัยวะเพศ เนื่องมาจากการอั้นปัสสาวะนานๆ และแต๊บ (เก็บอวัยวะเพศ) อยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดอาการอักเสบ     แม้ว่าจะนอนพักรักษาตัวมาได้สักระยะแล้ว แต่อาการของเธอก็ไม่ดีขึ้น แถมเจ้าตัวยังไม่ทานอาหารและยาตามที่หมอสั่งด้วย ทำให้อาการของเธอทรุดลงมาก       ทั้งนี้หมอแล็บแพนด้า นักเทคนิคการแพทย์ชื่อดังในโลกออนไลน์ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับอาการของแพนเค้กไว้ว่า เนื่องจากแพนเค้กต้องมีการแต๊บหรือใช้สก๊อตเทปพันไว้รอบอวัยวะเพศทุกครั้งที่ถ่ายภาพ ทำให้อวัยวะเพศเกิดอาการอักเสบและติดเชื้อจนลุกลามกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ “คุณแพนเค้กเป็นมะเร็งที่อวัยวะเพศครับ” แพนเค้กเขาเป็นเน็ตไอดอลที่ชอบถ่ายรูปสนุกสนานเฮฮาตามทุ่งนา เอะอะแต่งหญิง และเวล… โพสต์โดย หมอแล็บแพนด้า บน 2 พฤษภาคม…

  • สยอง!! หนุ่มจีนป่วยมีเนื้องอกยักษ์ในช่องท้อง ใหญ่ยิ่งกว่าหญิงตั้งครรภ์!?

    สยอง!! หนุ่มจีนป่วยมีเนื้องอกยักษ์ในช่องท้อง ใหญ่ยิ่งกว่าหญิงตั้งครรภ์!?

    เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมทีผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าชายชาวจีนวัย 33 ปีรายหนึ่ง ได้เข้าไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลทหารในมณฑลเฉินตู ประเทศจีน เนื่องจากมีหน้าท้องที่ขยายใหญ่ออกมา คล้ายกับหญิงตั้งครรภ์     เมื่อเห็นดังนั้นทางโรงพยาบาลจึงได้ทำตรวจร่างกายอย่างละเอียดและพบว่าชายคนนี้มีก้อนเนื้องอกขนาดใหญ่เจริญเติบโตอยู่ภายในช่องท้องของเขา แถมยังมีน้ำหนักมากถึง 15 กิโลกรัมเลยทีเดียว     ตามรายงานบอกว่าชายชาวจีนรายนี้ได้สังเกตเห็นว่าหน้าท้องของเขาใหญ่ขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 2004 แต่ไม่ได้ไปพบแพทย์ในทันที และปล่อยให้เวลาล่วงเลยจนเนื้องอกใหญ่ถึงขนาดนี้     ศัลยแพทย์ของทางโรงพยาบาลเห็นดังนั้นจึงตัดสินใจพาเขาเข้ารับการผ่าตัดเป็นเวลาทั้งสิ้น 6 ชั่วโมง หลังจากผ่าตัดเสร็จแล้ว ทางทีมแพทย์จะต้องเฝ้าสังเกตอาการของชายหนุ่มอย่างใกล้ชิดต่อไป   หนุ่มๆ คนไหนที่มีหน้าท้องโตผิดปกติก็อย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองเป็นโรคอ้วนเพียงอย่างเดียว ลองหาเวลาไปตรวจเช็คร่างกายและออกกำลังกายบ้างนะจ๊ะ ที่มา shanghaiist

  • ผู้ป่วยทางสภาพจิตในอินโดนีเซียนับพัน ถูกจับขังในหมู่บ้านอันห่างไกลสภาพไม่ต่างจากคุก

    ผู้ป่วยทางสภาพจิตในอินโดนีเซียนับพัน ถูกจับขังในหมู่บ้านอันห่างไกลสภาพไม่ต่างจากคุก

    ผู้ป่วยไม่ว่าจะทั้งสภาพร่างกายหรือจิตใจ ต่างก็ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม ทว่าหากผู้ป่วยทางสภาพจิตนั้นไม่ได้รับการดูแลที่ดีเท่ากับผู้ป่วยทางสภาพร่างกาย และมักจะถูกเลือกปฏิบัติอยู่บ่อยครั้ง จะส่งผลทำให้ป่วยหนักทั้งร่างกายและจิตใจได้     ภาพอันน่าเศร้าของผู้ป่วยทางจิตในประเทศอินโดนีเซียเหล่านี้ถูกเปิดเผยโดยองค์กรสิทธิมนุษยชน Human Right Watch พร้อมกับรายงานยาวเหยียดถึง 74 หน้า มาในชื่อ ‘Living in Hell: Abuses against People with Psychosocial Disabilities in Indonesia’     สะท้อนให้เห็นถึงการลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ของประเทศอินโดนีเซีย โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยทางจิตนั้นมีคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่ ครอบครัวไม่อาจดูแลได้     ซึ่งทางรัฐบาลเองก็ไม่ได้ใส่ใจคุณภาพชีวิตประชาชนหรือชาวบ้านตัวเล็กๆ เลยแม้แต่นิดเดียว อีกทั้งยังโทษว่าเป็นความผิดของการผิดประเพณีมีลูกด้วยกันระหว่างพี่กับน้องและการขาดสารไอโอดีนที่ทำให้เกิดความบกพร่องดังกล่าว     ตามรายงานกล่าวว่ามีผู้ป่วยทางจิตถูกกักขังในสภาพที่ไม่ต่างจากคุกมากกว่า 19,000 ราย จากยอดผู้ป่วยทางสภาพจิต 57,000 รายจากทั่วประเทศอินโดนีเซีย โดยหนึ่งในผู้ป่วยที่ถูกกักขังนานที่สุดคือ 15 ปี แล้วก็พบว่าปัญหาที่ทำให้เกิดเรื่องดังกล่าวนั้นคือขาดสวัสดิการทางด้านการรักษาสุขภาพจิต ขาดบุคลากรจิตแพทย์ และการให้ข้อมูลที่ถูกต้องในการดูแลรักษาผู้ป่วย     ถ้าหากปล่อยไว้เป็นแบบนี้ต่อไป อัตราผู้ป่วยทางจิตก็จะมีเพิ่มมากขึ้น ต้องเร่งทำการแก้ไขโดยด่วยที่สุด…

  • รู้จักกับ ‘Dyslexia’ โรคบกพร่องทางการอ่าน และเผยภาพความรู้สึกของคนเป็นโรคนี้!!

    รู้จักกับ ‘Dyslexia’ โรคบกพร่องทางการอ่าน และเผยภาพความรู้สึกของคนเป็นโรคนี้!!

    หลายคนอาจจะเคยได้ยินเชื่อโรค ‘ดิสเล็กเซีย’ กันมาบ้างแล้ว บางคนอาจจะรู้จักในชื่อโรคอ่านหนังสือไม่ออก ซึ่งความจริงแล้วไม่ถึงกับอ่านไม่ออกหรอก แต่มีความบกพร่องทางการอ่านเท่านั้น ซึ่งคนที่มีอาการมักจะสะกดคำไม่ได้ อ่านไม่ได้ เนื่องจากการมองเห็นตัวอักษรนั้นสลับตำแหน่งไปมาตลอด ความจริงแล้วโรคดิสเล็กเซีย (Dyslexia) ถือเป็นความผิดปกติด้านการเรียนรู้ (Learning Disorder) อย่างหนึ่งเลย อาจทำให้บางคนไม่สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้เหมือนคนทั่วไป เด็กหลายคนก็อาจจะประสบปัญหานี้ แต่ผู้ปกครองไม่ทราบ และคิดว่าลูกเราอาจจะไม่เก่งจริงๆ จนบางทีส่งผลให้ลูกเราไม่สามารถเรียนร่วมชั้นกับเพื่อนๆได้ เพราะไม่สามารถทำงาน ทำการบ้าน หรือเรียนแบบเดียวกับเพื่อนได้นั่นเอง     นอกจากนี้ยังส่งผลต่อไปเรื่อยๆ ถึงขั้นว่าทำให้เด็กกลายเป็นเด็กเกเรไปเลย เนื่องจากไม่สามารถรวมกลุ่มกับเพื่อนได้ ดังนั้นหลายที่จึงมีการรณรงค์ให้ผู้ปกครองตรวจสอบเด็กๆ ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการอ่านและการเขียนอยู่รึเปล่า เพราะอาจเข้าข่ายดิสเล็กเซียก็เป็นได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเด็กจะไม่สามารถเรียนรู้อะไรเลยได้ ถ้าเด็กมีความถนัดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และผู้ปกครองสามารถดึงศักยภาพของเด็กคนนั้นขึ้นมาได้ จะทำให้เด็กกลายเป็นอัจฉริยะไปเลยก็ได้นะ     นี่เหมียวไม่ได้พูดเอาเวอร์นะ เพราะมันมีตัวอย่างจริงๆ และบุคคลเหล่านั้นเราก็รู้จักกันเป็นอย่างดี โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ dyslexia.com ได้รวบรวมรายชื่อคนดังที่เป็นโรคนี้ มีตั้งแต่ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, ลีโอนาโด ดวินชี, ปีกัสโซ่, หรือจะเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอย่าง จอร์จ วอร์ชิงตัน ก็เป็นโรคนี้กันทั้งนั้น จากทั้งหมดนี้มีทั้งนักวิทยาศาสตร์ ศิลปิน นักการเมือง ซึ่งถ้าเรามองดูแล้วก็จะรู้ว่าพวกเขานั้นใช้ความพยายามในการเรียนรู้มากกว่าคนปกติ…

  • เอาล่ะจุ้ย!! องค์การอนามัยโลกเผย ถุงยางบางยี่ห้อ อาจมีสารเคมีอันตรายที่เป็นสารก่อมะเร็ง!?

    เอาล่ะจุ้ย!! องค์การอนามัยโลกเผย ถุงยางบางยี่ห้อ อาจมีสารเคมีอันตรายที่เป็นสารก่อมะเร็ง!?

    ในความเข้าใจของคนทั่วไป (รวมถึงเหมียว) คงเข้าใจกันว่ามะเร็งนั้นเกิดจากการสูบบุหรี่ ได้รับสารเคมี หรือกินของไหม้ๆ ทำให้เกิดเป็นมะเร็งในร่างกายของเราได้ แต่ล่าสุดมีการรายงานจากต่างประเทศว่า การสวมถุงยางบางยี่ห้อ ก็อาจทำให้เรากลายเป็นมะเร็งได้เช่นกัน เห้ย มันอะไรกันเนี๊ยะ!!     เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่าองค์การอนามัยโลกได้ออกมาเตือนผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากยางบางยี่ห้อ ว่าอาจมีส่วนผสมของสารเคมีอันตรายที่ก่อให้เกิดมะเร็งก็เป็นได้   เจ้าสารก่อมะเร็งที่ว่านี้ยังถูกพบในจุกนมเด็ก, ถุงมือยาง และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มียางเป็นส่วนประกอบ ทางด้านศาสตราจารย์ Hans Kromhout ได้เข้าร่วมการประชุมที่ประเทศฝรั่งเศสได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า “มันถูกค้นพบในถุงมือ ขวดนมเด็กและจุกนมปลอม”     นอกจากนี้เขายังเสริมอีกว่า “มันได้รับการยืนยันเมื่อไม่นานมานี้ ว่าฝุ่นควันบนท้องถนนที่เกิดจากเศษยางเวลารถวิ่งผ่านไปผ่านมา เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสารก่อมะเร็ง ซึ่งนี่อาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ลำดับถัดไปจากการสูบบุหรี่นั่นเอง”     แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่มีรายงานว่ายางชนิดไหนกันแน่ที่ทำให้เกิดอันตราย อาจจะต้องติดตามความเคลื่อนไหวต่อไปล่ะ ที่มา metro

  • สะพรึงมาก!! หนุ่มบังคลาเทศป่วยเป็นโรคประหลาด ค่อยๆ กลายร่างเป็นต้นไม้!?

    สะพรึงมาก!! หนุ่มบังคลาเทศป่วยเป็นโรคประหลาด ค่อยๆ กลายร่างเป็นต้นไม้!?

    เชื่อว่าใครที่เคยเล่นเกมหรือดูหนังไซไฟเกี่ยวกับโลกหลังการล่มสลายมาเยอะๆ คงจะเห็นว่ามีโรคประหลาดมากมายถูกแต่งขึ้นตามแต่จินตนาการ เพื่อให้ผู้เล่นหรือผู้ชมรู้สึกสะพรึงกลัวกับโรคร้ายต่างๆ ในอนาคต แต่แอดเหมียวอยากจะบอกว่าโรคเหล่านั้นกำลังเกิดขึ้นจริงแล้วล่ะ     เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เปิดเผยเรื่องราวของนาย Abul Bajandar หนุ่มชาวบังคลาเทศวัย 25 ปี ที่ได้ฉายาว่าเป็น “มนุษย์ต้นไม้” เขาต้องทนทุกข์ทรมานกับโรคประหลาดที่ชื่อว่า Epidermodysplasia Verruciformis     โรคที่ว่านี้ถือเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ยาก ซึ่งใครที่เป็นโรคนี้จะมีอาการผิดปกติของผิวหนัง ทำให้มีสิ่งแปลกปลอมคล้ายกับรากไม้งอกออกมาจากมือและเท้าของเขา ทำให้ทีมแพทย์แห่งโรงพยาบาล Dhaka Medical College and Hospital ต้องประชุมกันและหาทางรักษาให้แก่เขาเป็นการเร่งด่วน     ทั้งนี้ทางพ่อแม่ของนาย Abul ได้กล่าวว่าลูกชายของเขาต้องมีชีวิตอย่างยากลำบาก เพราะหลังจากที่เขาเริ่มมีสิ่งนั้นงอกออกมาจากมือ ก็ทำให้ลูกชายของเขาถูกไล่ออกจากงานทันที แถมยังเป็นที่น่ารังเกียจของเพื่อนบ้านในละแวกนั้นด้วย     ก่อนหน้านี้นายแพทย์ชาวอเมริกันท่านหนึ่งเคยศึกษาเรื่องนี้และพบว่าสาเหตุที่ทำให้มนุษย์มีสิ่งแปลกปลอมนี้งอกออกมาเป็นผลมาจากไวรัสที่ชื่อว่า Human Pappiloma Virus (HPV) ซึ่งเป็นชนิดที่ร้ายแรงที่สุด และทีมแพทย์บอกว่าเขาต้องทำการผ่าตัดเอาเจ้าสิ่งนั้นออกจากร่างกายอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง        …

  • เฮ็ดให้มันสุกก่อนบ่?? แพทย์พบพยาธิยาวกว่า 6.2 เมตร ในหนุ่มจีนผู้ชอบกินเนื้อดิบ

    เฮ็ดให้มันสุกก่อนบ่?? แพทย์พบพยาธิยาวกว่า 6.2 เมตร ในหนุ่มจีนผู้ชอบกินเนื้อดิบ

    เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่า หนุ่มจีนวัย 38 ปีรายหนึ่ง ผู้มีพฤติกรรมชอบกินเนื้อวัวดิบเกิดอาการปวดท้อง อาเจียน และเบื่ออาหาร จนต้องเข้าพบแพทย์เป็นการด่วน ถึงได้รู้ว่ามีพยาธิตัวตืดความยาวถึง 6.2 เมตร อาศัยอยู่ในท้องของเขา!!   ตามรายงานบอกว่าหนุ่มจีนรายนี้ได้เข้าไปพบแพทย์อยู่บ่อยครั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่ทุกครั้งเขาก็ได้กลับมาเพียงยาแก้ปวดเท่านั้น และไม่ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงว่าเป็นอะไรกันแน่     แต่ดูเหมือนว่าครั้งล่าสุดนี้เขาจะมีอาการมากกว่าทุกๆ ครั้ง แพทย์จึงให้เขาลองกินยาถ่ายดู ผลปรากฏว่ามีพยาธิตัวตืดวัว (Taenia saginata) ออกมาจากท้องของเขา เมื่อนำมาวัดแล้วมีขนาดยาวถึง 6.2 เมตรทีเดียว     โดยสาเหตุของอาการปวดท้องและเจ้าพยาธินี้เกิดจากการที่ชายหนุ่มมักจะชอบกินเนื้อดิบๆ ทำให้พยาธิเจริญเติบโตอยู่ในลำไส้ของเขา แต่หลังจากที่หนุ่มจีนรายนี้เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องถึง 3 เดือน ก็ทำให้เขากลับมามีร่างกายที่สมบูรณ์อีกครั้ง และน้ำหนักก็กลับมาเป็นปกติแล้วด้วย     ใครจะกินอะไรก็ระวังๆ หน่อยนะ เนื้ออะไรที่มันยังไม่สุกดีก็อย่างเพิ่งรีบไปกินล่ะ แล้วก็อย่าลืมกินยาถ่ายพยาธิด้วยนะพวกเธอ ที่มา metro

  • น่าสงสาร คุณแม่ชาวอินเดียให้กำเนิดลูกน้อยที่มีศีรษะเพียงครึ่งเดียว และดวงตาที่ปูดโปน

    น่าสงสาร คุณแม่ชาวอินเดียให้กำเนิดลูกน้อยที่มีศีรษะเพียงครึ่งเดียว และดวงตาที่ปูดโปน

    เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เผยแพร่ภาพสุดสะเทือนใจ ของเด็กน้อยชาวอินเดียรายหนึ่ง ที่เกิดมามีศีรษะเพียงครึ่งเดียว และมีดวงตาที่ปูดโปนกว่าปกติ     ตามรายงานบอกว่านาง Savita Rani วัย 32 ปีในเขต Uttar Pradesh ทางตอนเหนือของอินเดียได้ให้กำเนิดลูกน้อยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แต่หลังจากที่ทำการคลอดลูกน้อยได้สำเร็จ เธอก็กลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วทั้งเมืองเลยทีเดียว เพราะลูกของเธอนั้นมีหน้าตาที่แปลกประหลาดกว่าคนอื่นๆ จนได้รับฉายาว่า “เด็กมหัศจรรย์”     แต่แล้ว แม้หลายคนจะชื่นชม แต่เรื่องราวก็กลับเศร้าจนได้ ด้วยความไม่สมบูรณ์ของร่างกาย ทำให้เด็กน้อยเสียชีวิตใน 2 วันต่อมา   ทางด้านคุณหมอ Kusum Lata วัย 30 ปี ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากนิสัยการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้องและผิดปกติของแม่ระหว่างตั้งครรภ์”     นอกจากนี้คุณหมอ Lata ยังแนะนำด้วยว่าคุณแม่ทั้งหลายควรจะพาตัวเองมาตรวจสุขภาพบ่อยๆ เพื่อจะได้ตรวจเช็คครรภ์และสุขภาพของคุณ และรับคำแนะนำจากคุณหมอได้อย่างถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์แบบผิดปกติเช่นนี้   ใครที่กำลังจะได้เป็นคุณแม่ หรือวางแผนจะมีลูก ควรจะศึกษาให้เยอะๆ นะ…

  • ทำความรู้จักกับเจ้า Cuba สุนัขที่ไม่ผ่านการโฟโต้ช็อป แต่มันเหมือนถูกตัดต่อมาก!!

    ทำความรู้จักกับเจ้า Cuba สุนัขที่ไม่ผ่านการโฟโต้ช็อป แต่มันเหมือนถูกตัดต่อมาก!!

    ถ้าใครเคยใช้ฟังก์ชั่นการถ่ายภาพพาโนราม่าในมือถือก็คงจะทราบดีว่ามันถ่ายยากมาก คุณต้องถ่ายนิ่งๆ ทำให้ตรงที่สุด เพื่อที่จะได้ภาพที่สวยงามตามที่ตัวเองหวัง แต่ถ้าถ่ายไม่ดี ผลที่ออกมาก็จะเป็นแบบนี้   แต่วันนี้เหมียวจะพามารู้จักกับสุนัขตัวหนึ่งที่ดูผ่านๆ แล้วมันเหมือนผ่านโปรแกรมอะไรสักอย่างทำให้ภาพออกมาเป็นแบบนี้ แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้ผ่านโปรแกรมอะไรมาเลย เจ้าสุนัขตัวนี้มีชื่อว่า Cuba เป็นหนึ่งในสุนัขทั้งหมด 16 ตัวที่ถูกพบว่าเป็นโรค “short spine syndrome” โรค short spine syndrome หรือโรคกระดูกสันหลังสั้นนั้นเป็นโรคที่หาพบได้ยากมาก สุนัขที่เป็นโรคนี้ ส่วนอาการก็ตามชื่อเลย สุนัขจะมีลักษณะลำตัวสั้นกว่าปกติ เหมือนอย่างเจ้า Cuba ตัวนี้     เป็นที่น่ายินดีที่มันสามารถใช้ชีวิตเหมือนสุนัขปกติทั่วไปได้ มันมีสุขภาพที่ดีและมีความสุขกับบ้านของมัน ที่มา boredpanda

  • โรคร้ายทำให้เขาต้องออกจากงาน จนกระทั่งค้นพบความสุขอีกครั้งนั่นคือการ “วาดภาพ”

    โรคร้ายทำให้เขาต้องออกจากงาน จนกระทั่งค้นพบความสุขอีกครั้งนั่นคือการ “วาดภาพ”

    ก่อนที่เขาคนนี้จะกลายมาเป็นนักวาดภาพมืออาชีพ เขาถูกวินิจฉัยโรคว่าเป็นโรคภูมิต้านทานต่อตนเองที่มีชื่อว่า Ankylosing Spondylitis ซึ่งมันก็เหมือนกับโรคทั่วไปที่คุณไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคุณเป็น จนกระทั่งอาการมันกำเริบขึ้นมาจนคุณป่วย และไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนปกติ โรคนี้ทำให้เขามีปัญหากับข้อต่อและเส้นเอ็น จนกระทั่งต้องลาออกจากงานเพราะไม่สามารถเดินได้ และเขาต้องเก็บตัวอยู่กับบ้านเป็นเวลา 5 เดือนด้วยกัน จากการที่เขาต้องประสบกับโรคร้ายนี้ ทำให้เขาหันหน้าเขาสู่ผลงานด้านศิลปะ เพื่อต้องการที่จะหาจุดประสงค์และความหมายเกี่ยวกับการวาดในช่วงเวลาที่ต้องต่อสู้กับโรคเหล่านี้ อย่างเช่นผลงานล่าสุดของเขาที่มีชื่อว่า “Off the Grid” เขาได้ผสมผสานระหว่างความรักในงานศิลปะและการเดินทางออกมาเป็นภาพอันงดงามระหว่างภาพวิวและภาพของใบหน้าคน ภาพวาดเหล่านี้เป็นสิ่งที่เตือนความจำเขาให้เขารู้สึกกล้าเผชิญกับความยากลำบากและการเดินทางตามเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีค่าและมีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นการลดความเครียดจากอาการต่างๆ และตอนนี้กำลังเดินทางไปสู่การเยียวยาที่ดี   และภาพเหล่านี้ก็คือตัวอย่างผลงานของเขา เราไปชมกันเลย     ติดตามผลงานของเขาได้ที่ beaubernierfrank.com | Instagram | Tumblr | Facebook ที่มา boredpanda

  • นักวิจัยเผยวิธีเอาชนะโรคกลัวแมงมุมได้ภายในสองนาที ‘ถ้ากลัวมัน ก็เข้าไปอยู่กับมันซะเลยสิ’

    นักวิจัยเผยวิธีเอาชนะโรคกลัวแมงมุมได้ภายในสองนาที ‘ถ้ากลัวมัน ก็เข้าไปอยู่กับมันซะเลยสิ’

    สัตว์โลกที่ทำให้หลายๆ คนถึงกับขนลุกขนพองผยองเดชมานักต่อนัก มันก็คือ ‘แมงมุม’ นั่นเอง ด้วยจำนวนขาที่มีมากว่าสี่ บางตัวก็ขายาวเป็นก้าง มีหนวด บางตัวก็อ้วนตุ๊บขาเป็นปล้อง แถมยังมีขนตามตัวอีก อี๋!! แค่นึกภาพก็สยองจะแย่แล้วววววว     แล้วความกลัวแมวมุมเหล่านี้ คุณเคยคิดที่จะเอาชนะมันบ้างรึเปล่า? ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นซะเหลือเกิน ทั้งนี้นักวิจัยจากภาควิชาจิตวิทยาคลินิก มหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัม ได้เสนอทางเลือกอันสุดแสนจะวิเศษที่จะทำให้คุณสามารถเอาชนะความกลัวแมงมุมได้ภายในสองนาทีเท่านั้น     แต่การที่จะเอาชนะมันในระยะเวลาอันแสนสั้นนี้ กลับกลายเป็นวิธีการที่ดูเหมือนจะทรมานเสียมากกว่า ดั่งสุภาษิต ‘หนามยอกเอาหนามบ่ง’ กลัวแมงมุม ก็ต้องไปอยู่กับแมงมุมภายในห้องเดียวกัน ซึ่งนักวิจัยก็เชื่อว่าการกระทำแบบนี้ภายในเวลาสองนาที กับการนำตัวกระตุ้นความกลัวเข้าไปด้วย จะช่วยทำให้เกิดการต่อสู้กับความกลัว     โดยที่สองนักวิจัย Marieke Soeter และ Merel Kindt ได้ทำการทดลองกับผู้ที่มีอาการกลัวแมงมุม 45 ราย ไปขังเดี่ยวพร้อมกับแมงมุมทารันทูล่า พร้อมกับให้ยา Propranolol หรือ Placebo เพื่อลดความเครียดและกดดันของผู้ทดสอบ     ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือบางคนอาการกลัวแมงมุมหายไปในทันที ในขณะบางส่วนก็ยังคงมีอาการกลัวแมงมุมอยู่ โดยอาศัยระยะเวลาผ่านไปประมาณปีกว่าๆ ความกลัวแมงมุมก็เริ่มหายไป  …

  • ตำรวจงง? สาวอังกฤษเป็นภูมิแพ้ Wi-Fi ถูกพบเสียชีวิตคาต้นไม้ในโรงเรียน แต่กลับไม่พบเอกสารยืนยันโรค

    ตำรวจงง? สาวอังกฤษเป็นภูมิแพ้ Wi-Fi ถูกพบเสียชีวิตคาต้นไม้ในโรงเรียน แต่กลับไม่พบเอกสารยืนยันโรค

    เทคโนโลยี Wi-Fi นั้นช่วยให้คนเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น แต่ใครจะคิดล่ะว่าเจ้าเทคโนโลยีนี้สามารถฆ่าคนได้ด้วย?   เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้เปิดเผยเรื่องราวของวัยรุ่นสาว Jenna Fry วัย 15 ปี ที่ต้องทนกับอาการปวดหัวและมีปัญหากระเพาะปัสสาวะ เพราะเธอป่วยเป็นโรคภูมิแพ้กระแสไฟฟ้า (Electro-Hypersensitivity)     แต่แล้วในช่วงเวลา 16.20 นาฬิกาของวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา ก็มีคนพบศพของเธอห้อยตัวลงมาจากต้นไม้ในโรงเรียน Brooke Woods ประเทศอังกฤษ พ่อแม่ของเธออย่าง Charles Newman และ Debra Fry กล่าวว่าพวกเขาได้นำเอาอินเตอร์เน็ตและเราท์เตอร์ Wi-Fi ออกจากบ้านแล้ว เพราะรู้ว่าเป็นอันตรายกับลูก   แต่มันกลับถูกใช้ภายในโรงเรียนของเธอ ซึ่งแน่นอนว่าแทบจะทุกโรงเรียนก็มีการติดตั้งอินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว และนั่นเองทำให้พ่อแม่ของเธอเชื่อว่ามันคือสาเหตุที่ทำให้ลูกสาวของพวกเขาเสียชีวิต     ทั้งนี้แม่ของเธอได้กล่าวต่อไปว่าลูกสาวของเธอมักจะกักตัวอยู่คนเดียวในห้อง ไม่ใช่เพราะว่าเธอทำตัววุ่นวายในห้องเรียนหรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แต่เธอมักจะพาตัวเองออกไปข้างนอกเพื่อหาที่ทำงานสงบๆ ของเธอเอง   คุณแม่ของ Jenna ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เธอเชื่อว่าลูกสาวของเธอไม่ได้พยายามฆ่าตัวตาย เธอเชื่อว่าลูกสาวเพียงแค่ผิดหวังกับโรงเรียนของเธอเท่านั้น  …

  • เหมียวสยอง!! ชวนมารู้จักโรค Cherubism ความผิดปกติที่ทำให้ขากรรไกรบวมเป่ง

    เหมียวสยอง!! ชวนมารู้จักโรค Cherubism ความผิดปกติที่ทำให้ขากรรไกรบวมเป่ง

    แม้ว่าทุกวันนี้เทคนิคทางการแพทย์จะก้าวไกลแค่ไหน แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ยังคงมีโรคหลายชนิดที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ อย่างเช่นโรคความผิดปกติทางพันธุกรรมอย่าง Cherubism ที่ส่งผลให้ผู้ป่วยมีใบหน้าส่วนล่างที่บวมเป่ง     โรค Cherubism ถูกพบครั้งแรกเมื่อปี 1933 โดย Dr. W.A Jones เป็นชาวแคนาดา โดยเขาค้นพบโรคนี้ในชาวรัสเซีย 3 คนซึ่งทั้งหมดเป็นพี่น้องกัน ทั้งหมดมีอาการบวมเล็กน้อยที่กระดูกขากรรไกร แต่หลังจากเข้ารับการผ่าตัด จากนั้น 1 ปีต่อมาอาการนั้นก็หายไป     ผู้ป่วยที่เป็นโรค Cherubism จะมีอาการให้เห็นในส่วนล่างของใบหน้า ที่จะบวมออกมาอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากกระดูกในช่องปากจะมีพังผืดเกาะเต็มไปหมด เกิดเนื้อเยื่อและซีสต์ขนาดใหญ่     แต่เพื่อนๆ ไม่ต้องกลัวไป เพราะโรคนี้ไม่ได้พบเห็นได้บ่อยนัก เพราะมันจะติดต่อเฉพาะทางพันธุกรรมเท่านั้น และบันทึกทางการแพทย์ยังระบุว่าโรคนี้เกิดขึ้นเพียง 200 เพียงครั้งจากทั่วโลก     แม้ปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีที่ก้าวไกล แต่ก็ยังไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ 100% หากรายไหนอาการหนัก อาจจะต้องทำการปลูกถ่ายกระดูกใหม่เลยทีเดียว         ที่มา mdig , notjustafunnyface , kapook

  • Jason Padget จากอดีตเสือผู้หญิง โดนชกที่หัว ตื่นมาอีกทีกลายเป็นอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์!?

    Jason Padget จากอดีตเสือผู้หญิง โดนชกที่หัว ตื่นมาอีกทีกลายเป็นอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์!?

    เรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อของชายวัย 44 ปี จากเมือง Tacoma รัฐ Washington ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาผู้นี้มีชื่อว่า Jason Padget ซึ่งปัจจุบันนี้เขากลายมาเป็นพ่อหนุ่มอัจฉริยะทางด้านคณิตศาสตร์แบบที่ว่าหาได้ยากมากๆ     แต่เหตุการณ์ที่ทำให้เขาเป็นอัจฉริยะได้นั้นกลับไม่ใช่มาจากการศึกษาในตอนแรก เพราะในอดีตที่ผ่านมาของ Jason ไม่เคยสนใจที่จะเรียนหนังสือเลย ลาออกจากโรงเรียน มีนิสัยเกเร แถมยังเป็นเสือผู้หญิงตัวพ่ออีกต่างหาก โดยย้อนกลับไปในปีค.ศ. 2002 ระหว่างที่เขาเพิ่งออกมาจากผับ จู่ๆ ก็มีโจร 2 คนพุ่งเข้ามาทำร้ายเขาทั้งชกและเตะไปที่หัวของเขาอย่างจังและซ้ำอยู่หลายครั้ง ก่อนที่จะหลบหนีไป     แพทย์ได้ทำการตรวจร่างกายของเขาและบอกว่า บริเวณศรีษะได้รับการกระทบกระเทือนนิดหน่อย ไม่จำเป็นต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล รับยาแล้วก็ไปพักที่บ้านได้     หลังจากพักฟื้นได้ซักพักเขาก็เริ่มมองเห็นรูปทรงเรขาคณิตแบบซับซ้อนกับทุกสิ่งทุกอย่าง สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาดได้ แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงสมการต่างๆ ของรูปทรงเหล่านี้ เป็นเพราะว่าเขาไม่ได้เรียนรู้มาก่อน และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ Jason ตัดสินใจเรียนทางด้านคณิตศาสตร์และฟิสิกส์อย่างจริงจัง     ทั้งนี้ก็ได้มีการตรวจสอบสมองของ Jason อย่างละเอียดอีกครั้งก็พบว่า สมองของเขาได้รับการกระตุ้นอยู่ 2 ส่วนจากการถูกทำร้ายในคืนนั้นที่เปลี่ยนชีวิตของเขาไปอย่างสิ้นเชิง นั่นก็คือส่วนคำนวณด้านคณิตศาสตร์และส่วนของจินตนาการภาพ โดยอาการแบบนี้เรียกว่า…

  • ศิลปินวาดภาพอธิบาย “คำด่า” ที่ไม่เหมาะสม นำไปสู่การลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์

    ศิลปินวาดภาพอธิบาย “คำด่า” ที่ไม่เหมาะสม นำไปสู่การลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์

    ทุกวันนี้เราจะเห็นการคอมเม้นต์ในข่าวต่างๆนานา ซึ่งบางคอมเม้นต์ก็เน้นไปในทางคำด่า ซึ่งผู้เคราะห์ร้ายในข่าวนั้นบางทีก็กลายเป็นสิ่งที่ให้คนในเน็ตได้ระบายอารมณ์ออกมา แทนที่จะเข้าไปให้กำลังใจ ศิลปินท่านหนึ่งชื่อว่า Katarzyna Babis เป็นนักเรียนศิลปะชาวโปแลนด์จึงตัดสินใจที่จะวาดการ์ตูนชุดหนึ่งขึ้นมาเพื่อสะท้อนปัญหาเหล่านี้โดยอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น เขากล่าวว่า “เพื่อนของผมเคยมีประสบการณ์เหล่านี้มาแล้ว และผมก็ต้องการจะช่วยพวกเขา ผมต้องการที่จะเปลี่ยนเพื่อนสังคมออนไลน์ให้กลายเป็นบางสิ่งที่มีความหมาย และเพื่อให้รู้ว่าคุณก็ไม่ใช่คนเดียวที่กำลังประสบปัญหานี้”   “มีคนข่มขืนเธอคนนี้เหรอ!? หน้าแบบนี้ควรจะขอบคุณนะ” การข่มขืนไม่ใช่เรื่องน่ายินดี การทำเรื่องราวอันน่าสะเทือนใจเกี่ยวกับข่มขืนให้กลายเป็นเรื่องน่าขำ ยิ่งทำให้ผู้ร้ายไม่รู้สึกผิด และกลายเป็นว่าเหยื่อกลายเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว อย่าช่วยคนร้ายด้วยการสร้างค่านิยมนี้เลย เพราะมันจะส่งผลร้ายต่อเหยื่ออีกมากมาย   “ตั้งสติไว้ ใช้เวลาทำงานไป เดี๋ยวโรคซึมเศร้าก็จะหายไปเอง” โรคซึมเศร้าหรือภาวะซึมเศร้า ไม่ใช่อาการของอารมณ์เบื่อๆ ไม่มีแรงทำอะไร แต่โรคซึมเศร้าคืออาการป่วยชนิดหนึ่งที่รบกวนการทำงานของสมอง ซึ่งเป็นโรคที่ต้องการการรักษาทางการแพทย์ ไม่ควรที่จะเอามาพูดว่าคนอื่นที่เศร้าซึ่งเกิดจากอารมณ์   “อย่าทำตัวเหมือนผู้หญิงหน่อยเลย” คำว่า ผู้หญิง ไม่ควรที่จะเอามาใช้เป็นด่าเลย ผู้ชายเป็นเพศที่มองได้หลากหลายมุม การที่เราเห็นคุณพ่อเลี้ยงลูกนั้นถือเป็นเรื่องปกติ เราควรยินดีที่ได้เห็นผู้ชายทำหน้าที่นั้นด้วย และการใช้คำว่าผู้หญิงเป็นคำด่า ถือเป็นการเหยียดเพศอีกทางหนึ่ง   “อย่าทำตัวเป็นผู้แพ้หน่อยเลย” ไม่ใช่เฉพาะผู้หญิงเท่านั้นกลายเป็นเหยื่อ ผู้ชายก็ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงและข่มขืนได้เหมือนกัน และสังคมส่วนมากจะมองคนเหล่านี้ว่าเป็น Looser หรือ ผู้แพ้ การขอความช่วยเหลือคือเรื่องที่กล้าหาญ ไม่ใช่เรื่องที่แสดงถึงความอ่อนแอ   “ผ้าพันคอโคตรเกย์เลยว่ะ” คำว่า “เกย์”…

  • Rene Campbell สาวนักเพาะกายกล้ามล่ำบึก เพราะการมีกล้ามมันทำให้เธอมั่นใจมากขึ้น!!

    Rene Campbell สาวนักเพาะกายกล้ามล่ำบึก เพราะการมีกล้ามมันทำให้เธอมั่นใจมากขึ้น!!

    โดยปกติทั่วไปแล้วเพศหญิงหรือหญิงสาวมักจะมาคู่กับความงามบนเรือนร่าง หุ่นผอมเพรียวหรือไม่ก็อวบอั๋นเจ้าเนื้อ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับนิยามความงามของแต่ละคน แต่สิ่งหนึ่งที่มักจะคู่กับชายหนุ่มกำยำร่างใหญ่นั่นก็คือ ‘กล้าม’ กลับไปอยู่กับเธอคนนี้แทน!!     Rene Campbell วัย 38 ปีผู้นี้ คือหนึ่งในหญิงสาวนักเพาะกายที่มีกล้ามอันล่ำบึกและหนักแน่น เนื่องจากว่าเธอเป็นบุคคลที่ประสบกับโรคไบกอร์เร็กเซีย (Bigorexia) เป็นโรคทางจิตชนิดหนึ่งที่คิดว่าตัวเองมีขนาดเล็กเกินไปและไม่มีความกำยำล่ำสัน ไม่พอใจรูปร่างตัวเอง     เธอได้เปิดเผยว่าจากการที่เธอพยายามเพาะกายให้ดูแข็งแรงมีกล้ามเนื้อนั้น ทำให้เธอมีความมั่นเพิ่มมากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เธอเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ยอมออกไปไหนเลย เนื่องจากไม่มั่นใจในตัวเอง     แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ต้องมีความอดทนและมีระเบียบวินัยที่สูงมาก จะต้องทำการฝึกฝนและทำการเพาะร่างกายอย่างถูกต้อง การดูแลรักษาสุขภาพ และการควบคุมอาหารในปริมาณที่พอเหมาะ จนในที่สุดเธอก็ทำได้สำเร็จตามที่หวังเอาไว้     จะว่าไปแล้วเหมียวรู้สึกกลัวยังไงไม่รู้แฮะ ยังทำใจให้รู้สึกชินกับผู้หญิงมีกล้ามใหญ่ๆ แบบนี้ไม่ได้ ฮ่าฮ่า!! แต่ก็ยินดีกับเธอที่ค้นพบตัวตนของตัวเองได้สำเร็จ ส่วนใครที่ยังไม่รู้ตัวตนของตัวเองก็ขอให้เจอภายในเร็ววันนะจ๊ะ   ดูกล้ามเนื้ออันหนาแน่นนั่นสิ ยิ่งกว่าผู้ชายซะอีกแหนะ!! ที่มา : unilad

  • [เหมียวระวังภัย] เตือนคนที่คิดจะทำเมนู “ไข่แดงหมักซอส” ทำไม่สะอาดมีสิทธิ์เข้าโรงหมอได้!!

    [เหมียวระวังภัย] เตือนคนที่คิดจะทำเมนู “ไข่แดงหมักซอส” ทำไม่สะอาดมีสิทธิ์เข้าโรงหมอได้!!

    กำลังกลายเป็นเมนูยอดฮิตสำหรับสาวๆ อยู่ในขณะนี้เลย สำหรับเมนู ไข่แดงหมักซอส เมนูที่ส่งตรงจากญี่ปุ่น สามารถทำได้ง่ายๆ แค่นำไข่แดงไปหมักกับซอสต่างๆ ไว้ 1 คืน จากนั้นก็นำมาโป๊ะข้าวสวยร้อนๆ เท่านี้ก็อร่อยได้ง่ายๆ แล้ว   แต่หากใครคิดอยากจะทำเมนูที่ว่านี้ก็ต้องดูกันดีๆ ก่อนนะ เพราะหากคุณทำไม่สะอาดพอ อาจมีสิทธิ์เข้าโรงพยาบาลได้แบบง่ายๆ เหมือนกัน โดยมีกรณีตัวอย่างออกมาให้เราได้เห็นกันแล้ว   เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้มิผู้ใช้เฟซบุ๊คสาวรายหนึ่ง โพสต์ข้อความลงในกรุ๊ป ครัวในบ้านอาหารทำเอง โดยเล่าเหตุการณ์ที่ตัวเธอได้ทดลองทำไข่แดงหมักซอสดู แต่ปรากฏว่าหลังจากทานเข้าไปเกิดอาการไข้ขึ้นสูงจนต้องเข้าโรงพยาบาล เลยอยากจะออกมาเตือนชาวเน็ตที่กำลังคิดจะทำเมนูนี้ว่าให้ระมัดระวังตัวหน่อย   หลังจากนั้นไม่นานเฟซบุ๊คเพจ Drama-addict ก็ได้ออกมาพูดถึงประเด็นดังกล่าวว่าเมนูนี้เป็นเมนูของชาวญี่ปุ่นที่ไข่ไก่จะมีความสดและสะอาดมากกว่าไข่ไก่ในไทย และไข่ไก่ในบ้านเรามีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อแบคทีเรียอย่าง ซามอนเนลา อาจส่งผลให้ท้องเสียขั้นรุนแรงได้   หากใครอยากทำเมนูไข่แดงหมักซอสบ้าง ก็แนะนำว่าให้ทำความสะอาดไข่ไก่ให้ดีหรือไม่ก็ซื้อไข่ไก่ที่ได้รับการพาสเจอร์ไรซ์มาแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อจากแบคทีเรียนั่นเอง   ที่มา Drama-addict , ครัวในบ้านอาหารทำเอง

  • หญิงสาวป่วยเป็นมะเร็งผิวหนังจนต้องตัดปลายจมูก และปลูกถ่ายใหม่จากหนังบนศีรษะของเธอ!!

    หญิงสาวป่วยเป็นมะเร็งผิวหนังจนต้องตัดปลายจมูก และปลูกถ่ายใหม่จากหนังบนศีรษะของเธอ!!

    โรคร้ายอย่างมะเร็งถ้าหากว่ามันเกิดขึ้นแล้วก็คงจะหาทางรักษาให้หายขาดยาก เว้นเสียแต่ว่าจะต้องทำการผ่าตัดกำจัดเนื้อร้ายออกไป อย่างในกรณีของหญิงสาวที่ชื่อว่า Bree Towner วัย 28 ปีรายนี้ เธอถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งผิวหนังที่เรียกว่า Basal cell carcinoma     ทั้งนี้เนื้อร้ายนั้นเกิดขึ้นบนบริเวณใบหน้ารวมไปถึงปลายจมูกของเธอด้วย เธอจึงต้องรับการผ่าตัดหลายต่อหลายครั้ง ทำให้เกิดรอยแผลเย็บเต็มใบหน้า จนเธอเป็นโรคซึมเศร้า ไม่กล้าที่จะส่องกระจกมองตัวเอง รวมไปถึงคิดที่จะฆ่าตัวตายด้วย แต่ทั้งนี้เธออยู่ได้เพราะกำลังใจจากคนรอบข้างและบุคคลในครอบครัว     ซึ่งระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนกรกฎาคม เธอต้องต่อสู้ทั้งโรคร้ายและคำนินทาต่างๆ มากมาย เพราะใบหน้าของเธอมีความผิดปกติไปมาก จนกระทั่งเธอได้รับการศัลยกรรมผ่าตัดทำปลายจมูกขึ้นมาใหม่จากหนังศีรษะของเธอเอง!!       สุดท้ายแล้วเธอยังคงพบกับปัญหาอีกเพราะเนื่องจากผิวหนังบนปลายจมูกที่ทำมาใหม่นั้นเป็นของผิวหนังศีรษะ ส่งผลทำให้มีเส้นผมเกิดขึ้นตามปกติ และจะต้องทำการผ่าตัดอีกครั้งเพื่อลดขนาดจมูกและกำจัดขนออกไป ที่มา : metro, karar

  • เจ้า Shakes เหมียวน้อยอายุ 8 สัปดาห์ที่เกิดมาพร้อมกับโรคระบบประสาท แต่ไม่ย่อท้อต่อชีวิต!!

    เจ้า Shakes เหมียวน้อยอายุ 8 สัปดาห์ที่เกิดมาพร้อมกับโรคระบบประสาท แต่ไม่ย่อท้อต่อชีวิต!!

    ชีวิตแต่ละชีวิตนั้นเลือกเกิดไม่ได้ ซึ่งอาจจะเป็นความโชคร้ายที่เกิดมาพร้อมกับความไม่ปกติ อย่างเช่นน้องเหมียวน้อย Shakes จากเมืองมุมไบ ประเทศอินเดียตัวนี้ มันมีอายุเพียงแค่ 8 สัปดาห์เท่านั้น และทนทุกข์ทรมานกับโรคระบบประสาทที่ติดตัวมันไปตลอดชีวิต     เรื่องราวของน้องเหมียว Shakes ถูกบอกเล่าผ่านคลิปวิดีโอโดย World For All องค์กรพิทักษ์สัตว์จากมุมไบ โดยที่อาการของน้องนั้น ย่ำแย่มากๆ ประสบกับโรค Feline Cerebellar Hypoplasia ที่ทำน้องไม่สามารถควบคุมระบบประสาทได้ ส่งผลให้ร่างกายมีการสั่นตลอดเวลา   และเจ้า Shakes จะต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิตของมัน   ถึงแม้ว่าจะแย่แค่ไหนก็ตาม น้องเหมียว Shakes ยังคงใช้ชีวิตตามปกติเหมือนกับแมวทั่วไป ที่มีทั้งความน่ารักและความซนประสาแมวเด็ก   แต่สิ่งเดียวที่น้องยังขาดก็คือความรักที่จริงใจโดยไม่มีเงื่อนไข   ปัจจุบันน้องเหมียว Shakes ยังคงเป็นแมวจรอยู่ หวังว่าจะได้พบบ้านอันแสนอบอุ่นในเร็วๆ วันนี้นะ SHAKESThis is the story of amazing SHAKES! 🙂 Posted by…

  • มะเร็งร้ายพรากชีวิตภรรยาไปจากอ้อมแขนของสามี หลังจากแต่งงานกันได้เพียง 6 สัปดาห์!!

    มะเร็งร้ายพรากชีวิตภรรยาไปจากอ้อมแขนของสามี หลังจากแต่งงานกันได้เพียง 6 สัปดาห์!!

    จุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตคู่ และเป็นความฝันอันสูงสุดของผู้หญิงที่จะได้ใส่ชุดเจ้าสาวในวันแต่งงาน ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้     เรื่องราวของ Courtney Webb วัย 27 ปี ที่ได้พบกับความสุขที่ดีที่สุดในชีวิตกับการได้แต่งงานกับแฟนหนุ่ม Bill ที่คบหาดูใจกันมานานมากถึง 11 ปี โดยเชื่อว่าความรักที่เกิดขึ้นกับทั้งสองคือความรักที่แท้จริงเปรียบเป็นดั่งคู่ชีวิตของกันและกัน   และในที่สุดความฝันก็เป็นจริง ทั้งสองก็ได้แต่งงานกันในที่สุด ผู้ร่วมงานและเจ้าบ่าว เจ้าสาว ต่างก็มีความสุขเป็นอย่างมาก แต่ภายหลังจากที่เริ่มต้นชีวิตคู่แต่งงานกันได้เพียง 6 สัปดาห์เท่านั้น ความสูญเสียก็มาเยือนอย่างไม่คาดฝัน     มะเร็งร้ายได้พรากชีวิต Courtney ไปจาก Bill ซึ่งในตอนนี้เขากลายมาเป็นพ่อม่ายที่สูญเสียสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตไป โดยเขากล่าวเอาไว้ว่า ‘เธอซบที่หน้าอกของผมและเผลอหลับอยู่ภายใต้อ้อมแขนของผมเป็นประจำเหมือนกับหลายครั้งที่ผ่านมา’   ‘แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งไหน เพราะเธอไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว และผมไม่รู้ว่าผมจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร โดยที่ไม่มีเธอ แต่ผมยังคงจดจำวันที่เรามีความสุขที่สุดได้อยู่เสมอ’     Courtney เสียชีวิตภายในบ้านของครอบครัวเธอ หลังจากที่ต่อสู้กับโรคมะเร็งร้ายมาอย่างยาวนานถึง 8 เดือนด้วยกัน โดยที่มะเร็งร้ายก่อตัวขึ้นจากไต ก่อนที่จะลุกลามเข้าสู่กระแสเลือด ตับ และหัวใจของเธอ    …

  • หญิงสาววัย 19 ปี ถูกข่มเหงเนื่องจากปานที่มีทั่วตัว แต่เธอยืนหยัดที่จะสู้กับมัน!!

    หญิงสาววัย 19 ปี ถูกข่มเหงเนื่องจากปานที่มีทั่วตัว แต่เธอยืนหยัดที่จะสู้กับมัน!!

    ในวัยเด็กถ้าหากว่าเราถูกเพื่อนล้อหรือถูกตำหนิจากความแปลกและแตกต่างของสภาพร่างกาย จะกลายมาเป็นปมด้อยที่ฝังลึกอยู่ในใจตลอดกาล เช่นเดียวกับ Ciera Swaringen หญิงสาวที่มาพร้อมกับรอยปานทั่วตัวตั้งแต่กำเนิด เธอเกิดมาพร้อมกับสภาวะผิดปกติทางผิวหนังที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากมากๆ จากโอกาสที่จะเกิดขึ้นกับเด็ก 1 ใน 500,000 ราย ทำให้ผิวหนังของเธอเต็มไปด้วยปานทั่วตัว!! คุณหมอผู้ดูแลเธอก็กล่าวเอาไว้ว่า โชคดีที่ปานเหล่านี้ไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำการกำจัดออกไปได้เช่นกัน แน่นอนว่าชีวิตของเธอจะต้องพบเจอกับการถูกข่มเหง ดูถูกถากถางสารพัด อันเนื่องมาจากรอยปานที่สร้างความแตกต่างให้กับเธอ ‘วันหนึ่งฉันจำได้ว่า ตอนที่กำลังนั่งอยู่บนรถโรงเรียน ฉันได้ยินเสียงหัวเราะมาจากเด็กผู้ชายและเรียกฉันว่าเป็นหมาลายจุด มันทำให้ฉันรู้สึกเสียความมั่นใจมากและรู้สึกแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ’ ไม่ว่าจะเป็นช่วงวัยเด็กและวัยรุ่น สิ่งแรกที่เหล่าผู้ชายทั้งหลายจะหลุดปากออกมาก็คือ ‘เธอดูสกปรกเหลือเกิน ไปอาบน้ำซะไป’ ถึงแม้ว่าจะโดนดูถูกมามากมายแค่ไหน เธอก็ไม่สนใจและไม่แคร์คำเหล่านั้นเลย เพราะได้กำลังใจจากคุณแม่ที่กล่าวเอาไว้ว่า ‘รอยปานของหนูก็คือรอยจูบจากนางฟ้า’ เป็นประโยคที่สร้างความมั่นใจให้เธอตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ภายหลังจากที่เธอเริ่มทำโปรเจคการวิจัยเกี่ยวกับสภาพปานที่เกิดขึ้นบนผิวหนังของเธอ ก็พบว่ายังมีผู้คนอีกมากมายที่เป็นเหมือนกัน เธอจึงไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป และอยากจะไปเข้าร่วมการสัมมนาทางวิชาการเกี่ยวกับโรคนี้ด้วย เพราะจะได้พบและพูดคุยกับผู้คนที่มีลักษณะเหมือนกับเธอนั่นเอง ที่มา : buzzfeed

  • ภัยของโรคคลั่งผอม เปลี่ยนจากสาวสวยกลายมาเป็นคนซูบผอมน้ำหนักเพียงแค่ 18 กิโลกรัม

    ภัยของโรคคลั่งผอม เปลี่ยนจากสาวสวยกลายมาเป็นคนซูบผอมน้ำหนักเพียงแค่ 18 กิโลกรัม

    ค่านิยมความงามของหญิงสาวปัจจุบันที่ว่าจะต้อง ‘ผอม’ ทำให้เกิดการลดน้ำหนักแบบหนักหน่วง จนนำไปสู่วิธีที่ผิดๆ อย่างเช่นการอดอาหาร และเมื่อสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่ยอมกินอะไรเลย ร่างกายไม่ได้รับสารอาหาร จึงกลายมาเป็นโรคที่น่ากลัวอย่างเช่นโรคคลั่งผอม (Anorexia) แบบนี้ หญิงสาวนามว่า Rachel Farrokh จาก California เป็นหนึ่งในผู้ที่ประสบกับโรคคลั่งผอมมาเป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปีแล้ว ปัจจุบันเธอมีน้ำหนักตัวเพียงแค่ 40 ปอนด์ (ประมาณ 18 กิโลกรัม) เท่านั้น เธอเล่าเอาไว้ว่าตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เธอพยายามรักษาโรคคลั่งผอมมาโดยตลอด แต่ในตอนนี้กำลังอยู่ในภาวะที่จะอยู่หรือตาย ทางโรงพยาบาล Colorado Hospital พร้อมที่จะช่วยเหลือเธออย่างเต็มที่ ติดตรงที่เธอไม่มีเงินไปรับการรักษา เธอต้องการความช่วยเหลือทางด้านการเงินอย่างเร่งด่วน เพื่อที่จะไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา ซึ่งในปัจจุบันสามีของเธอเป็นผู้ดูแล ต้องลาออกจากงานเพื่อมาดูแลเธออย่างใกล้ชิด ทางด้านครอบครัวก็ประสบความย่ำแย่เช่นเดียวกัน ทางด้านสามีของเธอ Rod Edmonson ก็เผยว่าหลายโรงพยาบาลไม่รับเธอเข้ารักษาเนื่องจากมีน้ำหนักตัวที่ผอมเกินไป และเกรงว่าจะก่อหนี้สินให้กับทางโรงพยาบาลที่จะต้องแบกรับเอาไว้หลังจากรับรักษาแล้ว ดังนั้นเขาจึงคิดหาทางออกด้วยการระดมทุนผ่านเว็บไซต์ gofundme เพื่อนำเงินไปรักษาโรคร้ายให้กับภรรยาเป็นจำนวน 1 แสนดอลลาร์ และล่าสุดนี้ระดมทุนได้เกือบ 2 แสนดอลลาร์แล้ว หากไม่ได้รับการบริจาคช่วยเหลือจากน้ำใจที่หลั่งไหลมาจากทั่วโลก…

  • คุณพระคุณเจ้า!! หนุ่มมะกันสุดแปลก มีกล้ามแขนล่ำเท่าป็อปอาย!?

    คุณพระคุณเจ้า!! หนุ่มมะกันสุดแปลก มีกล้ามแขนล่ำเท่าป็อปอาย!?

    หากใครยังจำการ์ตูนในสมัยเด็กอย่าง ป็อปอาย ได้ล่ะก็ คุณก็คงจะจำเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเขาได้ดี อย่างเช่นการกินผักโขมเพื่อเพิ่มพลัง หรือกล้ามแขนที่โตผิดปกติล่ะนะ แต่เชื่อหรือไม่ว่าในชีวิตจริงของเราเอง ก็มีคนที่มีกล้ามแขนแบบในการ์ตูนด้วยนะเออ   วันนี้เหมียวจะพาไปรู้จักกับ Jeff Dabe พ่อหนุ่มแชมป์งัดข้อ รัฐมินนิโซตา ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีแขนใหญ่กว่า 19 นิ้ว และเดินทางไปคว้าแชมป์การแข่งงัดข้อจากทั่วประเทศมาแล้วมากมาย   สาเหตุที่นาย Dabe มีแขนที่ใหญ่ผิดปกติแบบนี้ไม่ได้เกิดจากการออกกำลังกายแบบผิดๆแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเขาเป็นโรค Gigantism และ Acromegaly ที่เป็นความผิดปกติจากโกรท ฮอร์โมน(Growth hormone) ที่ทำให้อวัยวะบางส่วนเจริญเติบโตแบบผิดปกตินั่นเอง   นาย Dabe ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ขอบคุณการแข่งขันงัดข้อโลก ตอนนี้ผมกำลังแข่งกับคนจากทั่วทั้งอเมริกาเลย มันสนุกมากที่ได้เดินทางไปตามสถานที่ต่างๆที่ปกติแล้วเราจะไม่ค่อยได้ไปกัน ผมทำได้ดีสำหรับการงัดข้อ แต่ด้วยขนาดแขนของผมมักจะทำให้คู่ต่อสู้รู้สึกช็อคในวินาทีแรกที่เห็นมัน”   คลิ๊กชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลยจ้า   แม้จะเกิดความผิดปกติทางร่างกาย แต่นาย Dabe ก็ไม่ย่อท้อ และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นจุดเด่นของตัวเอง เหมียวล่ะชื่นชมจริงๆเล้ย   ที่มา uproxx