Tag: โรคภัย
-
นี่มันกาแฟหรือยาอายุวัฒนะเนี่ย!? 6 คุณสมบัติทางสุขภาพของกาแฟที่มีงานวิจัยพิสูจน์แล้ว
กาแฟเป็นของที่หลายๆ คนเลือกที่จะดื่มในเวลาง่วงๆ แต่ไม่สามารถนอนได้ ไม่ว่าจะขับรถ กำลังทำงาน อ่านหนังสือสอบ หรือเล่นเกม(!?) มันเป็นเครื่องดื่มที่เด็กๆ อาจจะบอกว่าขม แต่ก็ช่วยชีวิตการทำงานของผู้ใหญ่หลายๆ คนได้เป็นอย่างดี แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วกาแฟมีสมบัติมากกว่านั้น โดยเฉพาะในทางสุขภาพ วันนี้ #เหมียวศรัทธา จะพาทุกคนไปรู้จักกับ 6 คุณสมบัติทางสุขภาพของกาแฟมีงานวิจัยพิสูจน์แล้ว และเพื่อนๆ จะรู้ว่า กาแฟที่เราดื่มๆ กันนั้น แท้จริงแล้วมีอะไรมากกว่าที่เราคิด กาแฟจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคตับแข็งได้ นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิจัย Mario Negri ในอิตาลีพบว่าการบริโภคกาแฟสามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นตับแข็งได้มากถึง 50% กาแฟลดโอกาสในการเป็นโรคอัลไซเมอร์ และโรคพาร์คินสันได้ นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์วิจัยโรคอัลไซเมอร์ที่เมืองแทมปา รัฐฟลอริดาได้ทำการศึกษาเพื่อตรวจสอบผลกระทบของการดื่มกาแฟต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์ และผลการวิจัยพบว่าการดื่มกาแฟ 3 แก้วต่อวันสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ถึง 65% ส่วนนักวิจัยจาก สหพันธ์มหาวิทยาลัย Santa Catarina ประเทศบราซิลก็กล่าวว่าการดื่มกาแฟเป็นประจำสามารถช่วยป้องกันโรคพาร์คินสันได้ โดยจะทำให้ความเสี่ยงของการเป็นโรคดังกล่าวลดลงได้ถึง 20% กาแฟลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งได้ แม้จะมีความเชื่อที่ว่าการทานกาแฟอาจจะทำให้เป็นโรคมะเร็งได้แต่จากการวิจัยที่ดำเนินการโดยกรมการศึกษาทางคลินิกเพื่อสุขภาพที่มหาวิทยาลัยมิลาน และภาควิชาโรคระบาดวิทยาของสถาบัน Mario Negri ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าการบริโภคกาแฟนั้น แท้จริงแล้วสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมากได้…
-
งานวิจัยเผย คนที่ “นอนกรน” มีความเสี่ยงด้านปัญหาสุขภาพมากกว่าคนทั่วไป
การนอนกรนถือเป็นหนึ่งในอาการที่ไม่พึงประสงค์สำหรับคู่รักหลายๆ คู่เลยทีเดียว เพราะเจ้าเสียงที่ดังราวกับรถบรรทุกโอ่งวิ่งบนถนนลูกรังและเผลอทำโอ่งตกแตกมันช่างรบกวนการนอนหลับของเราจริงๆ เลยว่าไหม แต่การนอนกรนนั้นไม่ได้ส่งผลเสียกับคู่นอนของคุณเท่านั้น แต่นักวิจัยยังได้เผยอีกว่าผู้ที่นอนกรนนั้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคต่างๆ สูงกว่าคนทั่วไปอีกด้วย!! นักวิจัยจากโรงพยาบาล Henry Ford เผยว่าการนอนกรนนั้นจะทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจ โดยพวกเขาพบว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับความหนาของผนังหลอดเลือดแดง ความหนาของผนังหลอดเลือดนี้เป็นเหมือนสัญญาณของโรคหลอดเลือดตีบ ซึ่งจะทำให้การไหลเวียนของเลือดลำบากยิ่งขึ้น จนนำไปสู่ความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke นั่นเอง และไม่เพียงแค่ผู้ที่นอนกรนเท่านั้นที่จะมีความเสี่ยงที่ผนังหลอดเหลือดจะหนาตัวขึ้น แต่คนที่สูบบุหรี่ มีสภาวะน้ำหนักเกิน และมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของความดันรวมถึงคอเลสเตอรอลก็เข้าข่ายในความเสี่ยงเช่นกัน นายแพทย์ Robert Deeb หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่า “การกรนนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย ผู้ป่วยควรได้รับการรักษาเพราะอาจะมีความเสี่ยงหยุดหายใจขณะนอนหลับได้ รวมถึงความเสี่ยงของความดันโลหิตสูง และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือดเช่นกัน” จากการรายงานของสื่อต่างประเทศเผยว่า งานวิจัยชิ้นนี้เป็นผลงานชิ้นแรกที่มีแสดงให้เห็นหลักฐานของการนอนกรนและความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด จากการวิจัยดังกล่าวยังพูดถึงความเกี่ยวข้องกันระหว่างโรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ หรือ OSA ที่มีความสัมพันธ์กับปัญหาสุขภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน มะเร็ง หรือเสื่อมสมรรถภาพเพศ ทั้งชายและหญิงอีกด้วย นอกจากนี้งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Harvard ยังได้เผยอีกว่าโรคหยุดหายใจขณะนอนหลับนั้นมีความเกี่ยวข้องกับพัฒนาการการรับรู้ของผู้ที่มียีน Apolipoprotein E ที่จะทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์อีกด้วย ยังไม่หมดเพียงเท่านั้นการนอนกรนยังส่งผลกระทบถึงปริมาณออกซิเจนในเลือดที่ลดลงและทำให้ง่วงนอนตอนกลางวันอีกด้วย ศาสตราจารย์ Susan Redline จากสถาบันการแพทย์ของมหาวิทยาลัย Harvard กล่าวว่า “จากการศึกษาของเราพบหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าการนอนกรนนั้นมีส่งผลเสียต่อความเร็วในการประมวลผลและความจำ ซึ่งสามารถพยากรณ์ได้ว่ามันเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจที่ลดลง การรักษาอาการนอนกรนนั้นจะช่วยป้องกันความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อมด้วย”…