Tag: โรคมะเร็ง
-
เรื่องเล่าของ Damon Cole ตำรวจหนุ่ม “ฮีโร่ตัวจริง” ของเด็กๆ ที่ป่วยโรคมะเร็ง
ฮีโร่ไม่ได้มีแต่ในหนังหรือในการ์ตูนเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงก็มี “ฮีโร่” ให้เห็นได้มากมาย อย่างเช่นตำรวจหนุ่มจากเมืองฟอร์ตเวิร์ท ในรัฐเท็กซัสนามว่า Damon Cole คนนี้ ที่ได้ชื่อว่าเป็นซูเปอร์ฮีโร่ตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ เจ้าหน้าที่ Cole มักจะสวมชุดเป็นฮีโร่และออกปฏิบัติหน้าที่ บางครั้งเขาสวมเสื้อเกราะกันกระสุนที่มีโลโก้ของ ซูเปอร์แมน แล้วโชว์ให้เด็กๆ ดูพร้อมบอกว่า “จุ๊ๆ รู้แล้วอย่าบอกใครล่ะ” ปัจจุบันเขาไม่ได้ทำงานแล้ว เขาใช้เวลาไปกับการ ช่วยเหลือเด็กๆ ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ช่วยเสริมสร้างกำลังใจให้พวกเขาสามารถต่อสู้กับโรคร้ายนี้ได้อย่างถึงที่สุด เราไปฟังเรื่องราวของเจ้าหน้าที่ Cole ฮีโร่ขวัญใจเด็กๆ ให้มากขึ้นกันดีกว่า… เมื่อปี 2012 ขณะที่ Cole ทำงานเป็นตำรวจในสถานีตำรวจดัลลัส เขาก็เริ่มแต่งกายเป็นซูเปอร์แมนเพื่อออกงานต่างๆ รวมถึงการเข้าเยี่ยมผู้ป่วยในโรงพยาบาล . และเมื่อปี 2015 เขาในชุดซูเปอร์แมนได้ใช้เวลาวันหยุด พาเจ้าหนูอายุ 7 ขวบที่ป่วยโรคมะเร็งไปขับรถเที่ยวในรัฐอิลลินอยส์ บางครั้งเขาก็ไปเยี่ยมเด็กๆ ที่โรงเรียนด้วยชุดไอรอนแมน ฝึมือของเจ้าหน้าที่ Cole นั้นไม่ธรรมดาเลย เขาเปลี่ยนรถของเขาให้มีลวดลายซูเปอร์ฮีโร่เท่ๆ ได้อย่างสวยงาม อีกทั้งยังเนรมิตให้รถอีกคันกลายเป็น…
-
จารย์ตะโกน ‘ฮัลโหล’ ทุกครั้งก่อนสอน ด้วยเหตุผลพลังบวก ช่วยให้เขามีความสุขแม้ป่วยภายใน
ทุกๆ คนย่อมมีวิธีที่จะช่วยพลักดันชีวิตไปข้างหน้าที่ไม่เหมือนกัน บางคนอาจใช้วิธีเปลี่ยนความคิดตัวเอง หรือบางคนอาจจะเปลี่ยนการดำเนินชีวิตของตัวเองก็มี แต่อาจารย์ท่านที่เราจะกล่าวถึงในข่าวนี้ เขาใช้วิธีตะโกนว่า “ฮัลโหล” ทุกครั้งที่เขาเข้าสอนเพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนสนใจ และเป็นการสร้างพลังบวกให้กับชีวิตตัวเองด้วย เรื่องนี้มีมันเริ่มมาจาก Evan Dennis นักศึกษาหนุ่มอายุ 19 ปี จากมหาวิทยาลัย East Tennessee State University ได้ทวีตข้อความและวิดีโอรวบรวมการตะโกน “ฮัลโหล” ในแต่ละวันของ Dr.Chris Dula อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเขานั่นเอง วิดีโอรวบรวมการตะโกน “ฮัลโหล” ของ Dr.Chris Dula This is how @kryssdula my psychology professor, begins every class and I love it. He has a very inspiring story! Everyone RT this to get him…
-
หนุ่มต่อสู้โชคชะตาเอาชนะมะเร็งได้ 2 รอบ กลายมาเป็นนักเพาะกายสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น
สำหรับผู้ที่ผ่านโรคร้ายอย่างมะเร็งมาได้ ก็ต้องให้การยอมรับว่าพวกเขาเหล่านี้มีหัวใจที่แกร่งดั่งหินผาเลยทีเดียว รวมถึงหนุ่มนักเพาะกายรายนี้ ที่สามารถเอาชนะโรคมะเร็งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาถึง 2 ครั้งได้ และในตอนนี้เขาก็ได้เป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตให้กับผู้คนนับพันคน ผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ นั่นเอง นี่คือเรื่องราวของชายวัย 23 ปีชื่อว่า James Kearsley จากรัฐแทสเมเนีย ประเทศออสเตรเลีย ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวครั้งแรกในปี 2014 แต่เขาก็สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาเลวร้ายในชีวิตในครั้งนั้นมาได้ด้วยการรักษาแบบเคมีบำบัด ช่วงเวลาที่เข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด หลังจาก 5 เดือนของการบำบัดด้วยเคมี โรคมะเร็งก็ได้หายไปจากร่างกายของชายคนนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเมื่อร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้น เขาก็เริ่มฟื้นฟูกล้ามเนื้อทีี่หายไประหว่างที่ป่วยอยู่ให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้งหนึ่ง “หลังจากอาการต่างๆ บรรเทาลง ผมก็เริ่มกลับไปที่ยิมอีกครั้ง และในตอนนี้ผมก็อยากจะบอกทุกคนว่า ควรจะให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลร่างกายทั้งด้านกายภาพ รวมถึงจิตใจที่เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการรักษาตัว” “ตอนที่ผมยังอายุน้อยๆ ชีวิตของผมเกี่ยวข้องกับกีฬามาโดยตลอด แต่ว่าหลังจากที่ผมเรียนวิทยาลัยผมก็ไม่ได้ย่างก้าวไปในวงการนั้นอีกเลย” James กล่าว ดูดีขึ้นมาทันทีเลย James เริ่มเป็นคนโด่งดังในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก หลังจากที่เขาโพสต์ถึงความมานะบากบั่นในการต่อสู้กับสิ่งที่โรคมะเร็งได้ฝากเอาไว้กับร่างกายของเขา ซึ่งในระยะเวลาเพียงแค่ 16 เดือนเท่านั้นหลังจากที่การรักษาโรคมะเร็งสิ้นสุดลง เขาก็ลงแข่งขันประกวดเพาะกายครั้งแรกในเดือนกันยายน ปี 2015 ชีวิตของเขาดูเหมือนกำลังจะรุ่งโรจน์อีกครั้ง แต่แล้วก็มีโชคร้ายเกิดขึ้นกับ James อีกรอบหลังจากที่ทางแพทย์ได้วินิจฉัยว่าเขากลับมาเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวอีกครั้ง หลังจากที่ผ่านการประกวดมาเพียงแค่เดือนเดียว ทว่าเขาก็ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาที่ดูเหมือนจะกลั่นแกล้งเขา โดย…
-
‘ถ้าหนูจากไป แม่คงกลับมา’ จดหมายจากลูกสาวผู้ป่วยมะเร็ง ฝากถึงพ่อให้หยุดการรักษาเธอ
โรคมะเร็งเป็นโรคที่รุนแรงและยากที่จะเยียวยาได้ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูง จึงไม่ใช่ทุกคนที่จะหาเงินมาจ่ายตลอดการรักษาได้ เด็กหญิงวัย 7 ขวบนามว่า Zhang Jiaye ที่อาศัยอยู่ใกล้กับหมู่บ้านเจียมูซิ มณฑลเฮย์หลงเจียง จีนตะวันออกเฉียงเหนือได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคลูคีเมีย หรือมะเร็งเม็ดเลือดขาวตั้งแต่ปี 2016 และกำลังเข้ารับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาล เธอได้เขียนจดหมายสุดเศร้า ขอร้องให้หยุดการรักษาโรคมะเร็งของเธอ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการรักษานั้นสูงเกินกว่าที่พ่อของเธอจะจ่ายไหว ซึ่งพ่อของเธอมีหนี้สินกว่า 590,000 หยวน หรือราวๆ 2,900,000 บาท จากการรักษาถึง 18 ครั้ง ซ้ำแม่ยังทิ้งเธอไปในเดือนกรกฎาคมปี 2017 และติดต่อไม่ได้อีกเลย จดหมายที่เขียนโดย Zhang มีเนื้อหาว่า “พ่อ หนูเห็นพ่อร้องไห้วันนี้ หนูรู้ว่าพ่อเสียเงินไปมากกับค่ารักษาของหนูจนพ่อเงินหมด ส่วนแม่ก็ทิ้งพ่อไป ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหนู ถ้าหนูจากไป แม่คงจะกลับมา และพ่อก็จะมีความสุขอีกครั้งเหมือนเมื่อก่อน หนูไม่อยากรักษาอีกแล้ว กลับบ้านกันนะ” พ่อของเธอกล่าวหลังจากที่หมอวินิจฉัยลูกสาวของเขาว่าเป็นโรคลูคิเมียว่า “ผมรู้สึกราวกับว่าท้องฟ้าได้ถล่มลงมา” หลังจากนั้นจดหมายของ Zhang ฉบับนี้ก็ได้มีการเผยแพร่ไปบนอินเตอร์เน็ตจนทำให้ชาวเน็ตหลั่งไหลกันเข้ามาบริจาคเงินให้เป็นค่ารักษาพยาบาลของเธอเป็นจำนวนกว่า 600,000 หยวน หรือประมาณ 3,000,000 บาท …
-
หญิงแกร่งผู้อุทิศตนใช้เวลาร่วม 20 ปี รับเด็กที่ถูกทิ้งมาเลี้ยง แต่โชคชะตากลับตอบแทนด้วยโรคมะเร็ง
ว่ากันว่าชีวิตจริงของคนเรานั้นมันยิ่งกว่าละครซะอีก ทุกเรื่องราวทุกบททดสอบที่ต้องประสบพบเจออาจจะทำให้เรารู้สึกท้อแท้และเหนืิ่อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเราก็ต้องผ่านสิ่งเหล่านี้ไปด้วยดีและมันจะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นเพื่อใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ต่อไป ชีวิตของนาง Li Lijuan อดีตเศรษฐินีอายุ 43 ปี ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวชีวิตจริงที่ยิ่งกว่าละครของเธอ เรื่องราวเริ่มต้นมาจาก เธอเป็นนักธุรกิจหญิงไฟแรงที่อาศัยอยู่ที่มณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน เธอต่อสู้ชีวิต ตรากตรำทำงานหนักโดยเริ่มจากการค้าขายสินค้าหลากหลายชนิดตั้งแต่เสื้อผ้ายันแผ่นดีวีดี เธอแต่งงานตั้งแต่อายุ 17 ปี และค่อยๆ ตั้งตัวได้จนกลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากๆ เมื่อตอนอายุ 20 ปี แต่ชีวิตของเธอก็ต้องมาประสบกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งใหญ่ที่ทำให้เธอต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน แต่ความบาดเจ็บทางร่างกายของเธอมันเทียบไม่ได้เลยกับความชอกช้ำทางจิตใจเมื่อเธอได้รู้ข่าวหลังจากที่เธอออกจากโรงพยาบาลว่า สามีของเธอขายลูกชายแท้ๆ ของทั้งคู่เพื่อแลกเงินมาซื้อยาเสพติด เธอทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกชายได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ยอมแม้กระทั่งจ่ายเงินจำนวนประมาณ 40,000 บาท เพื่อซื้อลูกกลับมา และตัดสินใจหย่าขาดกับสามีทันที ช่วงชีวิตของเธอหลังจากที่ผ่านเรื่องราวร้ายๆ มา แทนที่จะสิ้นหวังกับความล้มเหลว เธอยืดอกลุกขึ้นสู้ด้วยพลังบวกในตัว เธอก็ได้เริ่มลงทุนทำธุรกิจใหม่ๆ แต่แล้ววันหนึ่งเธอได้ไปพบกับเด็กหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ริมถนนเพื่อขออาหารจากผู้คนที่ผ่านไปมาแถวนั้น เธอรู้สึกสงสารเจ้าหนูจับใจจึงได้รับเด็กหญิงมาเลี้ยง และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่เธอรับเอาเด็กยากไร้มาเลี้ยงภายในบ้านที่ชื่อว่า บ้านแห่งความเมตตา แต่ในปี 2008 เคราะห์กรรมของเธอก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อความพยายามอย่างหนักในการดูแลเด็กๆ เริ่มส่งผลร้ายให้กับร่างกายของเธอ เธอจำยอมต้องปิดเหมืองของตนเองลง และยังพบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและส่งผลให้เซลล์คุ้มกันบกพร่องไปด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะต้องประสบกับโรคร้ายและภาวะทางการเงินที่ติดลบจนต้องขายบ้านเพื่อรักษาตัวแต่หนทางของเธอก็ยังคงมืดมน…
-
เด็กสาวป่วยเป็นมะเร็งต้องมาอัดคลิปเต้นลงโซเชียลทุกวัน เพื่อหาเงินมารักษาค่าพยาบาล
ความเจ็บป่วยเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ยิ่งเป็นโรคที่ร้ายแรงจนสามารถคร่าชีวิตได้อย่างมะเร็งด้วยแล้ว การจะรักษาให้หายสามารถเป็นไปได้ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงตามมาด้วย และนั่นจึงทำให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งหาเงินค่ารักษาพยาบาลให้กับตนเอง ด้วยการเปิดสตรีมมิ่งทำกิจกรรมต่างๆ อย่างการ เต้นโชว์ วาดรูปโชว์ รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ อีกหลายอย่างเพื่อให้ผู้ชมมีความสุขที่ได้รับชม และเต็มใจจะบริจาคค่ารักษาให้แก่เธอ เด็กน้อยผู้โชคร้ายชาวจีนวัย 7 ปีชื่อว่า Liu Zinian จากมณฑลเหอหนาน ป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง และด้วยความที่ครอบครัวของเธอมีฐานะยากจน ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการรักษาโรคมะเร็ง แต่ด้วยความพยายามและมีใจรักในเสียงเพลงทำให้ Liu ไม่ยอมย่อท้อต่อชะตากรรมลุกขึ้นมาสู้กับอุปสรรคที่เธอเจอ โดยเธอได้ถ่ายทอดสดตัวเองขณะกำลังร้องเพลงและเต้นลงในโซเชียลมีเดียในประเทศจีน เพื่อจะหาเงินมาเป็นค่ายาให้กับตัวเอง โดยรูปภาพเหล่านี้ได้ถูกเผยแพร่ในวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นภาพระหว่างที่ Liu กำลังนอนรักษาตัวอยู่บนเตียงหลังจากเธอเพิ่งเข้ารับการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดหรือที่เรียกกันว่าคีโม และครั้งล่าสุดนี้ก็เป็นการรักษาครั้งที่ 11 สำหรับเธอแล้ว โรคมะเร็งของเด็กสาวคนนี้ถูกตรวจพบเมื่อประมาณปีที่แล้ว จากการสุ่มตัวอย่างเนื้อเยื่อในคอ หลังจากที่เธอเป็นไข้ และมีอุณหภูมิในตัวสูงถึง 39.5 องศาเซลเซียสติดต่อกันเป็นเวลาถึงสองวันเต็มๆ Wei Lihong แม่ของ Liu บอกว่าเธอจะเป็นคนเฝ้าไข้ลูกของเธอในเวลากลางคืน ที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยแพทย์เจิ้งโจว และสามีของเธอจะมาดูแลลูกในตอนกลางวัน สำหรับค่ารักษาพยาบาลที่ผ่านมาของ Liu…
-
คุณแม่สอนวิธีการเอาชีวิตรอดให้ลูกสาววัย 4 ขวบ ก่อนที่แม่จะถูก ‘มะเร็งร้าย’ พรากไป
มะเร็งเป็นหนึ่งในโรคร้ายที่สามารถคร่าชีวิตมนุษย์ได้จำนวนหลายล้านคนต่อปี และเป็นโรคที่หาทางรักษาได้ยากอีกทั้งยังเป็นได้ทุกช่วงอายุตั้งแต่เด็กจนถึงคนชรา ซึ่งในปัจจุบันทางการแพทย์ก็ได้หาวิธีการรักษาใหม่ๆ เพื่อให้เจ้าโรคมะเร็งนี้ไม่สามารถคร่าชีวิตของมนุษย์ได้อีกต่อไป แต่โรคมะเร็งก็ยังสามารถทำลายได้ทุกอย่าง อย่างเช่นเรื่องราวของครอบครัวของหนูน้อย Hana Chan วัย 5 ขวบที่ต้องสูญเสียแม่ผู้เป็นที่รักของเธอไปด้วยโรคมะเร็ง เรื่องราวเริ่มต้นมาตั้งแต่คุณ Chie แม่ของหนูน้อยได้แต่งงานกับ Shingo Yasutake เมื่อปี 2001 ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานคุณแม่ก็ได้ไปตรวจร่างกายเพื่อจะเตรียมตัวมีบุตร แต่ก็ต้องพบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งเต้านมระยะแรก เธอจึงรีบทำการรักษาเพื่อที่จะได้มีลูกดังที่ใจหมายปองไว้ และแล้วเรื่องมหัศจรรย์ก็ได้เกิดขึ้นหลังจากที่เธอคิดว่าหมดหวังที่จะมีลูกเนื่องจากโรคมะเร็งเต้านมที่เธอเป็นอยู่ ฟ้าได้ส่งเด็กน้อยมาอยู่ในครรภ์ของเธอ เพื่อเป็นสิ่งที่ทำให้คุณแม่จะมีชีวิตต่อไปเพื่อเด็กตัวน้อยๆ ที่เธอรอคอยมาทั้งชีวิต และสิ่งมหัศจรรย์ในชีวิตของเธอก็ได้กำเนิดขึ้นเป็นเด็กหญิงตัวน้อยๆ หน้าตาน่ารัก ผู้ที่มาทำให้ชีวิตของเธอมีความหมาย คุณแม่ได้เขียนในบล็อกส่วนตัวของเธอว่า “ลูกสาวของฉันคือสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดในชีวิตของฉัน ฉันรักเธอมากกว่าสิ่งใด และรักเธอมากกว่าชีวิตของฉัน” เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วหนูน้อย Hana ก็ได้เติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรักของพ่อและแม่ที่รักเธอยิ่งกว่าสิ่งใด แต่ข่าวร้ายก็ได้มาเยือนเมื่อหนูน้อยอายุได้ 9 เดือน คุณแม่ตรวจพบโรคมะเร็งที่กลับมาลุกลามอีกครั้งซึ่งในครั้งนี้เธอรู้ตัวว่า เธออาจจะไม่โชคดีเหมือนครั้งแรกที่เธอได้เจอกับมัน เมื่อรู้ตัวว่าชีวิตของเธออาจจะไม่ยืนยาวพอสำหรับที่จะดูแลลูกสาวของเธอจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้ เธอจึงใช้ช่วงเวลาชีวิตของเธอที่ยังมีอยู่ในการสอนให้ลูกสาวตัวน้อยเรียนรู้ชีวิตมาเรื่อยๆ จนหนูน้อยเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง ในช่วงระยะเวลา 4 ปีที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ เธอได้สอนให้หนู…
-
คุณแม่จัดตั้งองค์กรการกุศลให้แก่ลูกสาววัย 5 ขวบ ที่จากไปด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย
ก่อนหน้านี้เราเคยนำเสนอเรื่องราวของหนูน้อยวัย 5 ขวบจากมอเร่ ประเทศสก็อตแลนด์ที่ได้แต่งงานกับเพื่อนรักของเธอ (สามารถย้อนอ่านได้ที่นี่ CatDumb) ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ได้สร้างความซึ้งใจ และความประทับใจแก่ผู้คนทั่วโลกเป็นอย่างมาก เพราะในระหว่างที่หนูน้อย Eileidh Paterson กำลังเผชิญหน้ากับโรคมะเร็งต่อมหมวกไตในเด็ก (Neuroblastoma) ระยะสุดท้าย เธอได้เลือกแต่งงานกับ Harrison Grier เพื่อนสนิทวัย 6 ขวบ ก่อนที่จะจากโลกนี้ไปอย่างสงบ ล่าสุดทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า ภายหลังจากที่ Eileidh ได้เสียชีวิตไปในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาทางครอบครัวของหนูน้อยก็ได้ตัดสินใจที่จะตั้งองค์กรการกุศล Eileidh Rose Rainbow Trust ขึ้นมา เพื่อใช้ในการระดุมทุนช่วยเหลือครอบครัวอื่นๆ ที่ป่วยเป็นโรคเดียวกับ Eileidh อีกด้วย โดยในขณะนี้องค์กรดังกล่าวได้มีการจัดตั้งโครงการขึ้นมาทั้งหมด 2 โครงการด้วยกัน ได้แก่ Home from Home ซึ่งเป็นบ้านที่ให้ทางครอบครัวได้มาอยู่กับลูกของพวกเขาให้ได้นานที่สุด ส่วนโครงการที่สอง สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยให้พ่อแม่ที่มีลูกป่วยเป็นมะเร็งได้รับเงินทุน รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่ต้องการ หลังจากที่หนูน้อย Eileidh ได้อยู่ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต…
-
คุณแม่ยอมเสียสละชีวิตตัวเอง ไม่เข้ารับการรักษาโรคมะเร็ง เพื่อให้กำเนิดลูกน้อย
วันที่ 29 สิงหาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้เผยเรื่องราวสุดเศร้าของ Tasha Trafford วัย 33 ปี คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ได้ 16 สัปดาห์ ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งกระดูกอีวิงซาร์โคมา (Ewing’s sarcoma) ภายหลังจากที่เธอแต่งงานในปี 2012 ได้เพียงไม่นาน Tasha ต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการปวดหลัง ซึ่งเธอต้องไปพบแพทย์ และเข้ารับการทำเคมีบำบัดและฉายรังสีที่โรงพยาบาล Singleton อยู่เป็นประจำ จนให้เธอหายจากการเป็นโรคมะเร็งในอีก 2 ปีต่อมา แต่ทั้งนี้ ทางแพทย์ไม่สามารถบอกได้ว่ามะเร็งจะกลับมาอีกครั้งหรือไม่ ซึ่งทาง Tasha ก็พยายามที่จะใช้ชีวิตอย่างปกติให้ได้มากที่สุด ด้วยความหวังว่าจะมีลูก Tasha เคยใช้วิธีการแช่แข็งตัวอ่อนถึง 3 ครั้ง หลังจากหายจากการเป็นโรคมะเร็งแต่ทว่า 16 สัปดาห์ที่เธอตั้งครรภ์ Tasha ก็ได้รับข่าวที่น่าปวดใจว่ามะเร็งของเธอได้กลับมาอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้เธอต้องเผชิญกับทางเลือกว่า จะต้องยอมเสียลูกไปเพื่อเริ่มรักษาด้วยเคมีบำบัดอีกครั้ง หรือจะเก็บลูกเอาไว้ แต่ตัวเธอเองจะต้องเสียชีวิต ด้วยหัวอกของความเป็นแม่ Tasha ก็ได้ตัดสินใจที่จะรักษาลูกของเธอเอาไว้ ซึ่งเธอได้ออกมาเผยว่า “การทำอะไรที่อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ของฉัน ฉันไม่สามารถจินตนาการได้จริงๆ”…
-
แม่ใจสลาย บรรจงจูบลาลูกน้อยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เธอจะล่วงลับไปด้วยโรคมะเร็งสมอง
โรคมะเร็งมักเป็นมัจจุราชที่พรากคนที่รักไปจากคุณเสมอ แม้คุณจะพยายามเอาชนะมันอย่างยากลำบากแค่ไหนก็ตาม… เหมือนกับ Emma Giles ที่บรรจงจูบหัวของลูกสาวเพื่อบอกลาเธอเป็นครั้งสุดท้าย ภาพสุดท้ายของแม่ลูกคู่นี้ถูกถ่ายเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งถ่ายก่อนที่ Eva เด็กหญิงวัย 5 ขวบ จะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในเด็กชนิดที่หายาก ในภาพจะเห็นเด็กน้อยผู้กล้าหาญอยู่ในสภาพที่มีสายต่างๆ เต็มตัวไปหมด ดวงตาของได้ปิดลง โดยมีคุณแม่บรรจงจูบศีรษะพร้อมน้ำตาที่ไหลพรากด้วยความเสียใจ นี่คงเป็นความรู้สึกที่พ่อแม่หลายๆ คงจะเจ้าใจดี… Eva เป็นหนึ่งในเด็ก 40 คนต่อปีที่ป่วยเป็นโรค Diffuse Intrinsic Pontine Glioma (DIPG) ซึ่งเป็นมะเร็งในสมองที่ไม่สามารถรักษาได้ เด็กหลายคนที่ป่วยเป็นโรคนี้ร่างกายจะไม่สามารถขยับได้ จนกลายเป็นอัมพาต ในขณะที่หลายคนเสียชีวิตภายในหนึ่งปีหลังการวินิจฉัย ตอนนี้เป็นเวลากว่า 4 เดือนแล้ว ที่ Eva จากไป แต่ถึงอย่างนั้น Emma ผู้เป็นแม่ก็ยังคงเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ปกครองที่บริจาคเงินกับทีมวิจัยเพื่อที่จะหาทางรักษาโรค DIPG เพื่อเธอไม่อยากให้พ่อแม่คนอื่นๆ ต้องมาเสียใจเหมือนกับเธอและครอบครัว นอกจากนี้คุณแม่ยังได้แบ่งปันเรื่องราวของลูกสาวผู้กล้าหาญ ที่สู้กับมะเร็งร้ายจนวินาทีสุดท้ายของลมหายใจ… Eva จาก Herne Bay ใน Kent เสียชีิวิตเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2017 เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค DIPG เมื่อ 12…
-
หญิงชาวจีนมีก้อนเนื้อขนาดใหญ่เติบโตบนใบหน้า เป็นผลกระทบจากมะเร็งชนิดที่หายาก
ผลกระทบจากโรคมะเร็งนั้นสามารถแสดงออกได้หลายรูปแบบ โดยเฉพาะอาการผมร่วงที่เกิดจากการรักษา แต่สำหรับเธอคนนี้ เป็นมะเร็งชนิดที่หายาก ทำให้มีก้อนเนื้อขนาดใหญ่เติบโตบนใบหน้า เว็บไซต์ดัง Mirror รายงานว่า หญิงชาวจีนคนหนึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งนิวโรบลาสโตมา (Neuroblastoma) ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าบวมตั้งแต่ระยะเริ่มต้นของมะเร็ง เธอคนนี้อาศัยอยู่กับแม่ที่มีฐานะไม่ค่อยดีนักเป็นเวลาหลายสิบปีและไม่มีเงินสำหรับรักษาโรคมะเร็ง ส่งผลให้ใบหน้าของเธอได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง อาสาสมัครจากองค์กรพัฒนาเอกชนได้เข้าไปเยี่ยมหญิงสาวคนนี้ที่บ้าน เมื่อเห็นสภาพหน้าของเธอ ทุกคนก็ต้องแปลกใจว่าเธอรอดมาได้อย่างไร ทั้งๆ เป็นมะเร็งนิวโรบลาสโตมาเป็นเวลานานแล้ว จากการสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่า โรคมะเร็งชนิดนี้น่าจะถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม และก็มีวิธีการรักษาเท่าที่จะทำได้เพื่อบรรเทา จนทำให้อยู่รอดมาได้ถึงขนาดนี้ ทั้งนี้มีเพื่อนบ้านได้มอบเงินช่วยเหลือบางส่วน แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอต่อการรักษาอยู่ดี… อาสาสมัครบอกว่าหากปล่อยไว้นานกว่านี้ มันอาจจะทวีความรุนแรง จนแพทย์ในประเทศไม่สามารถรักษาได้ ต้องไปรักษาในต่างประเทศแทน สำหรับมะเร็งนิวโรบลาสโตมา มักจะพบในเด็กหรือทารก มันจะพัฒนาขึ้นเมื่อเซลล์ประสาทเฉพาะ (neuroblasts) ถูกปล่อยทิ้งไว้หลังจากการพัฒนาของทารกในครรภ์ ภาวะเช่นนี้มักจะเกิดขึ้นในต่อมหมวกไตที่อยู่เหนือไตหรือเนื้อเยื่อประสาทที่ผ่านไขสันหลังขึ้นไปยังลำคอ หน้าอก ท้อง หรือกระดูกเชิงกราน มีรายงานว่าในแต่ละปีจะมีเด็กประมาณ 100 คนในสหราชอาณาจักรที่เป็นโรคมะเร็งชนิดนี้ และมักจะพบในเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบ ที่สำคัญไม่มีใครทราบว่ามะเร็งชนิดนี้เกิดมีสาเหตุจากอะไร แต่คาดว่าน่าจะเกิดจากพันธุกรรม แม้ว่าในต่างประเทศจะมีการรักษามะเร็งนิวโรบลาสโตมาได้ แต่ก็ยังบอกไม่ได้ว่าหญิงชาวจีนคนนี้ได้รับการรักษาหรือเปล่า เพราะต้องใช้เงินไม่น้อยในการรักษา ที่มา ladbible
-
แม่ถูกวินิจฉัยเป็นโรคเครียดนานกว่า 2 ปี ก่อนจะมารู้ว่าเป็นมะเร็ง และอยู่ได้อีกแค่ 2 เดือน!!
เวลาป่วยหรือเป็นอะไรขึ้นมา การไปหาหมอนั้นถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด เพราะเมื่อรู้ว่าเป็นโรคอะไรแล้วก็ได้จะรักษาอย่างถูกวิธี แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้กลับตรงกันข้ามกับคุณแม่ท่านนี้ เธอถูกหมอวินิจฉัยผิดว่าเป็นโรคเครียดมานานกว่า 2 ปี ก่อนจะมารู้ทีหลังว่าเธอเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และจะอยู่ได้อีกแค่ 2 เดือนเท่านั้น Tina Locke เป็นผู้เสียหายจากการวินิจฉัยโรคผิด ทำให้เธอต้องทรมานจากการกระเพาะอาหารและหน้าอกเป็นเวลากว่า 2 ปี โดยถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคเครียด และไม่ได้รับการักษาที่ถูกต้อง ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา Tina ได้กินแค่ยาต้านอาการซึมเศร้าเพียงอย่างเดียว นอกนั้นเป็นการรักษาเกี่ยวกับความวิตกกังวลและอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง แต่การรักษาเหล่านี้ไม่ได้ใช่ช่วยให้เธอดีขึ้นเลย จนกระทั่งการตรวจสุขภาพครั้งล่าสุดกลับพบว่า เธอเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย โดยมะเร็งได้ลามไปยังต่อมน้ำเหลืองและช่องท้อง โอกาสรอดทางเดียวคือต้องไปรักษาภูมิคุ้มกันที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 13,000,000 บาท ทางด้าน Jason ผู้เป็นสามีบอกว่า “เธอไม่รับการตรวจอย่างจริงจัง เพราะดูจากภายนอกแล้วเธอดูสุขภาพดี ในขณะที่ Tina ก็ได้พยายามบอกให้หมอทำการตรวจซ้ำอย่างละเอียดหลายครั้งมาก” ทั้งหมดนี้เกิดจากความผิดพลาดของทางองค์กร NHS (ระบบดูแลสุขภาพแห่งชาติ) ดังนั้นตอนนี้ทางครอบครัวจึงได้เรียกร้องให้ NHS ออกมารับผิดชอบ และจะประท้วงจนกว่า Tina จะได้ไปรักษาที่เยอรมนี แต่การรักษาดังกล่าวนี้ไม่ได้หมายความว่าจะรักษาให้หายขาดได้ เพียงแต่จะยืดอายุเธอให้นานกว่า 2 เดือนเท่านั้นเอง ล่าสุดทาง NHS ออกมาปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากไม่ได้รับการอนุมัติจากสถาบันการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดของสหราชอาณาจักร แต่ทางครอบครัวได้ออกมาเรียกร้องให้ NHS…
-
เด็กน้อยผู้ประสบกับโรคร้าย พยายามต่อสู้อย่างที่สุด กับเวลาที่เหลือน้อยลงไปทุกที…
พบกับเรื่องราวการต่อสู้กับโรคมะเร็งนิวโรบลาสโตมาของเด็กชาย Bradley Lowery วัย 6 ขวบจากประเทศอังกฤษ ซึ่งแม้เด็กชายจะอายุน้อยมากๆ แต่เขาก็สามารถสู้กับโรคร้ายได้อย่างกล้าหาญ Bradley นั้นก็เหมือนกับเด็กปกติทั่วไปที่เกิดมามีสุขภาพแข็งแรง แต่แล้วเมื่อเขาอายุได้ 18 เดือน ก็ต้องพบว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งนิวโรบลาสโต ทว่าเด็กชายก็ไม่ยอมแพ้รวมถึงครอบครัวของเขาก็เป็นกำลังใจจนเด็กชายมีอายุอานามมาได้จนถึง 6 ขวบ!! แม้จะรู้ว่าตัวเองป่วย Bradley ก็ยังยิ้มได้!! ในช่วงเวลาที่เขาต้องสู้กับโรคร้ายนั้น มีครั้งหนึ่งที่ Bradley สามารถจะเอาชนะกับมะเร็งได้ เพียงแต่ว่าในปี 2016 โรคร้ายก็กลับมาหาเขาอีกครั้งและอาการในครั้งนี้ก็แย่กว่าเดิมเสียอีก ในช่วงเวลาที่เด็กชายต้องสู้กับมะเร็งนั้น เขาเป็นแฟนตัวยงของทีมฟุตบอล Sunderland และเป็นแฟนคลับนักเตะ Jermain Defoe นอกจากนั้นเขายังได้เป็นมาสคอตให้กับทีมอีกด้วย Bradley เป็นแฟนตัวยงของทีม Sunderland เลยล่ะ และก็ยังได้ลงไปเป็นมาสคอตคู่กับนักบอลขวัญใจของเขา Jermain Defoe พอถึงวันเกิดของเจ้าหนู Bradley เหล่านักฟุตบอลจากทีมโปรดอย่าง Jermain Defoe และ Vito Mannone ก็มาร่วมฉลองวันเกิดกับเขาด้วย ทว่าเมื่อไม่นานมานี้ ทีมแพทย์ของเด็กชายก็ได้บอกข่าวร้ายกับครอบครัวว่า โรคร้ายที่ลูกชายของพวกเขากำลังเผชิญอยู่ กำลังมีอาการที่แย่ลงเรื่อยๆ และทำร้ายสุขภาพของ Bradley…
-
สาวป่วยมะเร็งสมองอย่างโดดเดี่ยว ได้การ์ดให้กำลังใจ 33,000 ใบ เมื่อชาวเน็ตรับรู้เรื่องเธอ…
มีคนบอกว่า กำลังใจ นั้นเปรียบเหมือนยาวิเศษที่ช่วยให้ผู้ป่วยมีแรงที่จะต่อสูกับโรคร้ายได้ บางครั้งจากคนป่วยที่แทบจะลุกเดินไม่ได้แต่ถ้าหากได้รับกำลังใจที่ดีจากคนในครอบครัว ก็อาจทำให้อาการของพวกเขาดีขึ้นได้ เหมือนกับเด็กน้อยชาวเนเธอร์แลนด์ผู้นี้ ที่ป่วยเป็นมะเร็งสมองในระยะสุดท้าย เธอได้รับกำลังใจและคำอวยพรขอให้เธอกลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง จากผู้คนมากมายในประเทศ!! Sabine Wortelboer สาวน้อยชาวเนเธอร์แลนด์วัย 15 ปี เธอถูกวินิจฉัยว่ามีเนื้องอกในสมองชนิดพิเศษเมื่อปีที่แล้ว เรื่องราวของเธอได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างมากหลังจากที่พี่ชายและแม่ของเธอออกแคมเปญขอรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือเธอในสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นเธอจึงได้เดินทางไปยังเมือง Houston เพื่อเข้ารับการรักษา ในตอนแรกการรักษานั้นเป็นไปได้ด้วยดี แต่ทว่าในตอนหลังเธอกลับมีอาการแทรกซ้อนและโรคมะเร็งก็ดูจะรุนแรงขึ้น หลังจากนั้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Sabine เขียนเรื่องราวอาการของเธอและผลการทำ MRI สแกนผ่านทางเฟซบุ๊ก สาวน้อยบอกว่าทุกอย่างดูแย่มาก และเนื้องอกในสมองก็กำลังโตขึ้นเรื่อยๆ เธอบอกว่า “หลังจากผลของการสแกนออกมา ฉันตัดสินใจที่จะหยุดใช้ยาเพราะมันดูเหมือนจะไม่ได้ผลเลย ฉันขอบคุณทุกคนจริงๆ สำหรับครั้งสุดท้ายของฉัน คุณสามารถส่งการ์ดดอวยพรมาให้ได้นะ” และหลังจากนั้นเมื่อเมื่อเช้าวันอังคารที่ผ่านมา ก็ได้มีการ์ดอวยพรมากกว่า 33,000 ใบมาวางอยู่ที่หน้าประตูบ้านของเธอ จากการรายงานของสำนักข่าวท้องถิ่นบอกว่า กล่องสีแดงหลายกล่องถูกนำมาส่งไว้ที่หน้าบ้านของสาวน้อย ซึ่งในนั้นมีการ์ดจำนวนมากจนถึงขั้นต้องหาพนักงานเพื่อมาจัดการกับพวกมันเลยทีเดียว แม่ของสาวน้อยเชื่อว่าลูกสาวของเธอเหลือเวลาไม่มากแล้ว “เธอใช้เวลาส่วนมากเพื่อนอนพักผ่อน แต่เธอไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรมากนัก และตอนที่เธอตื่นมาก็ดูจะสดชื่นมากๆ ด้วย” คุณ Ilse แม่ของสาวน้อยกล่าว หลังจากที่ได้รับของขัวญดังกล่าว Sabine ได้โพสต์ข้อความสุดท้ายลงในเฟซบุ๊กของเธอ โดยเธอบอกว่า “ฉันคิดว่ามันถึงเวลาที่จะบอกลาแล้ว…
-
ครอบครัวทำตามคำขอสุดท้าย ของสาววัย 20 ปี ผู้ป่วยมะเร็งกระดูก “ขอตายแบบสวยที่สุด…”
ในโลกนี้มีคนจำนวนมากที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งต่างๆ บางคนก็เป็นในตอนที่อายุมาก หรือบางคนก็ป่วยตั้งแต่ยังเด็ก ที่สำคัญเรารู้ดีว่ามะเร็งเป็นโรคที่รักษาหายได้ยาก ยิ่งมันเข้าสู่ระยะสุดท้ายโอกาสรอดเรียกว่าแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ Racine Pregunta สาวสวยวัย 20 ปีจากประเทศฟิลิปปินส์คนนี้ก็ตกเป็นเหยื่อของโรคเช่นกัน เธอป่วยเป็นโรคมะเร็งกระดูกและเธอก็สู้กับมันจนวินาทีสุดท้าย แต่เธอก็รู้ว่าเธอจะไปไม่รอดแน่นอน เธอจึงตัดสินใจฝากคำขอสุดท้ายไว้กับพี่สาวของเธอก่อนที่เธอจะตายว่า ในตอนที่เธอตายขอให้ช่วยแต่งให้เธอสวยที่สุดในตอนที่อยู่ในโลงศพได้ไหม ด้วยเหตุนี้ Rolyn Pregunta พี่สาวของ Racine จึงจัดการให้ตามคำขอของน้องสาว ที่เอ่ยปากขอเธอเมื่อตอน 5 วันก่อนที่เธอจะสิ้นใจว่า เธออยากจะสวยที่สุดก่อนจากโลกใบนี้ไป นอกจากเธอจะขอให้ตัวเองดูสวยแล้ว เธอยังขอให้ช่างแต่งหน้าประจำตัวของเธอมาช่วยแต่งหน้าให้ และขอสวมใส่ชุดสีที่เธอชอบอย่างสีม่วง น้ำเงิน และเขียวมิ้นต์ และเมื่อวันงานพิธีศพมาถึงคำขอของเธอก็ได้รับการเติมเต็ม ซึ่งศพของเธอก็ถูกฝังไว้ใกล้ๆ กับหลุมศพของพ่อเธอนั่นเอง . แม้จะต้องจากไปก่อนวัยอันควร แต่ก็ถือว่าเธอได้สำเร็จคำขอสุดท้ายและไม่ได้จากไปอย่างเศร้าโศก หวังว่าในชาติหน้าเธอจะได้เกิดมาสวยเหมือนตอนที่เธอจากไปนะ… ที่มา dailymail
-
ครูใหญ่โกนผมต่อหน้าเด็กทั้งโรงเรียน ให้กำลังใจเด็กที่โดนเยาะเย้ยกับสิ่งที่เขาต้องเผชิญ…
การถูกเพื่อนล้อในวัยเด็กเพียงเพราะทำตัวแตกต่างจากคนอื่น มันเป็นสิ่งที่หลายๆ คนเคยเจอมากับตัว เพราะไม่ว่าเราจะทำอะไร พวกเขาก็มักจะเห็นเราเป็นตัวตลก โดยที่ไม่รู้เลยว่าเราทำไปเพราะอะไร เหมือนดังเช่นเรื่องราวของ Jackson Johnson เด็กนักเรียนวัย 11 ขวบ จากโรงเรียนมัธยมพีคิน ที่รัฐไอโอวา ประเทศสหรัฐอเมริกาคนนี้ เขามักจะถูกเพื่อนร่วมชั้นเยาะเย้ย และล้อเลียนเรื่องทรงผมอยู่เสมอ พวกเด็กๆ เหล่านั้นมักจะโกนออกมาดังๆ ว่า “Jackson เหมือนกับคนป่วยเป็นมะเร็ง” ทั้งที่จริงแล้วหนุ่มน้อยไม่ได้ป่วย เพียงแต่เขาได้ตัดสินใจโกนผมออกทั้งหมด เพื่อเป็นการให้กำลังใจคุณปู่ที่กำลังป่วยนั่นเอง หลังจากที่ได้ยืนเรื่องราวที่เด็กนักเรียนคนหนึ่งถูกล้อเลียน ทางด้าน Tim Hadley ครูใหญ่ของโรงเรียน จึงได้ตัดสินใจเรียกเด็กๆ ทั้งโรงเรียนเข้ามาประชุม เพื่อบอกให้พวกเขาได้รู้ถึงเหตุผลที่ Jackson ต้องโกนผมออกทั้งศีรษะ นอกจากนี้เขายังบอกให้หนุ่มน้อยขึ้นมาโกนหัวเขาต่อหน้าเด็กทั้งโรงเรียน เพื่อเป็นการให้กำลังใจ Jackson อีกด้วย “ณ ตอนนี้สมาชิกครอบครัวของผมหลายๆ คนต้องต่อสู้กับโรงมะเร็ง ดังนั้นเมื่อได้รู้เรื่องราวของ ผมจึงต้องเรียกเด็กๆ ทุกคนมาประชุม เพื่อบอกให้พวกเขารู้ในสิ่งที่เพื่อนกำลังเผชิญอยู่ และผมก็ต้องการให้กำลังใจกับทุกๆ คนที่กำลังต่อสู้กับโรคร้ายนี้” Tim กล่าว…
-
แฟนบอลตัวน้อย อยู่ได้อีกแค่ 1 เดือน ทีมฟุตบอลยักษ์ใหญ่พร้อมใจ มอบของขวัญคริสมาสต์สุดล้ำค่า…
โลกของเรานั้นยังมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา…แต่สำหรับหนูน้อย Bradley แล้ว นี่อาจเป็นเรื่องดีๆ ที่จะเกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของเขา Bradley Lowery หนูน้อยวัย 5 ขวบต้องเผชิญกับโรคมะเร็งต่อมหมวกไตมาตั้งแต่เกิด ทำให้เขาต้องเข้ารับการรักษามาอย่างต่อเนื่อง และต้องขอบอกเลยว่าเขาเป็นคอฟุตบอลตัวยงเลยล่ะ และทีมสุดโปรดของเขาก็คือทีมที่มีฉายาว่าแมวดำ Sunderland นั้นเอง เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทีม Sunderland ได้เปิดโอกาสให้หนูน้อย Bradley เดินลงสนามในฐานะมาสค็อตครั้งแรก ในเกมที่เปิดบ้านรับการมาเยือนของท็อฟฟี่สีน้ำเงิน Everton ถือเป็นการบอกให้ทั้งโลกรับรู้เรื่องราวของแฟนบอลตัวน้อยๆ คนหนึ่งที่กำลังต่อสู้กับโรคร้ายอย่างมะเร็งอยู่ จากนั้นไม่นานก็มีคนร่วมบริจาคเงินมากกว่า 31 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรักษาตัวที่ประเทศสหรัฐอเมริกาให้กับหนู Bradley นอกจากทีม Sunderland ที่อาสาเข้ามาทำหน้าที่ในการช่วยเหลือด้านการเงินแล้ว ทีม Everton เองก็ได้สมทบทุนช่วยมาอีก 9 ล้านบาท และเรื่องราวน่ารักๆ ยังไม่หมดลงแค่นี้ มีแฟนบอลมากมายเขียนการ์ดวันคริสต์มาสส่งไปที่บ้านของหนู Bradley เพื่ออวยพรให้เขาหายป่วยโดยเร็ว และขอให้มีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น มากกว่า 11,000 ใบเลยทีเดียว และเมื่อคืนที่ผ่านมาหนูน้อย Bradley ก็ถูกเชิญไปเป็นมาสค็อตนำทีมที่ตนรักเดินลงสนามอีกครั้งในเกมที่เปิดบ้านพบกับจ่าฝูงอย่างทีม…
-
นักเรียนกว่า 400 คน ร่วมกันมาร้องเพลงให้กับ ‘คุณครู’ ที่ตัดใจยอมแพ้ให้กับโรคมะเร็ง!!
ว่ากันว่าการรักษาโรคนั้นไม่ได้มีแค่การใช้ยา หรือเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์เท่านั้น แต่การเยียวยาจิตใจเองก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยรกษาอาการป่วยได้ด้วยเช่นกัน ยิ่งเป็นโรคร้ายแรงที่รักษาได้ยาก การรักษาสภาพของจิตใจเองก็เป็นอะไรที่สำคัญเหมือนกันนะ และในวันนี้เอง #เหมียวหง่าว ก็มีเรื่องราวสุดประทับใจของคุณครูที่ตัดใจยอมแพ้ให้กับโรคมะเร็งร้ายไปแล้ว นักเรียนและคุณครูในโรงเรียนคนอื่นๆ กว่า 400 คน ก็เลยตัดสินใจที่จะออกมาร้องเพลงเพื่อเป็นกำลังใจให้กับเขาที่หน้าบ้านซะเลย คุณ Ben Ellis เป็นคุณครูสอนอยู่ที่โรงเรียน Christ Presbyterian Academy ในเมือง Nashville รัฐ Tennessee มาตั้งแต่ปี 2008 และเมื่อปีที่ผ่านมาเขาเพิ่งถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งร้าย และเมื่อสัปดาห์ก่อนนี้เองเขาก็ตัดสินใจที่จะยอมแพ้ ยกเลิกการรักษาไป และเมื่อคุณ Nate Morrow คุณครูใหญ่ของโรงเรียน Christ Presbyterian ได้ให้สัมภาษณ์กับ BuzzFeed News ว่า เมื่อผู้บริหารของโรงเรียน ท่านประธาน Parker Atman ได้ทราบข่าวนี้ เขาก็รีบไปประกาศเสียงตามสายและพูดว่า “เราจะไปร้องเพลงให้คุณครู Ellis กัน” คุณ Morrow ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า คุณครู Ellis นั้นมักจะไปร้องเพลงขอบคุณพระเจ้าร่วมกับนักเรียนอยู่บ่อยๆ “เขาบอกว่าในช่วงเวลาเหล่านั้นเขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้เข้าไปอยู่ใกล้ๆ…
-
เพื่อนบ้านดี๊ดี!! รีโนเวทบ้านให้ฟรี หลังครอบครัวหนึ่งพาลูกสาวไปรักษามะเร็งที่อื่นนาน 2 เดือน
เคยได้ยินผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนบอกกันว่าเราสามารถซื้อบ้านราคาเท่าไหร่ก็ได้ ไม่ว่าจะถูกหรือแพง แต่เราไม่มีทางซื้อเพื่อนบ้านที่ดีได้นะ อย่างปัญหาที่ว่าบางคนซื้อบ้านหรูแต่มีเพื่อนบ้านแย่ๆ ก็ทำให้บ้านนั้นหมดราคาและไม่น่าอยู่ไปในทันที แต่กับครอบครัวตระกูล Cassidy ในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ครอบครัวของพวกเขาต้องย้ายออกจากบ้านไปเป็นเวลา 9 สัปดาห์เพื่อไปรักษาเนื้องอกหลังดวงตาของหนูน้อย Emily วัย 3 ขวบ ที่อาจเป็นอันตรายกับชีวิต การที่ครอบครัวของพวกเขาต้องพาลูกสาวเข้ารับการรักษาถือเป็นเรื่องที่ใหญ่และค่อนข้างซีเรียสกับครอบครัวของพวกเขามาก แต่ในที่สุดก็สามารถรักษาหายได้และพวกเขาก็ดีใจมากที่ได้กลับมายังบ้านอีกครั้ง แต่เหมือนกับพวกเขาถูกหวยยังไงยังงั้น เพราะเมื่อเปิดประตูบ้านออกมากลับพบว่าบ้านที่พวกเขาทิ้งไปนานกว่า 2 เดือน แทนที่จะมีฝุ่นจับและซอมซ่อ กลายเป็นบ้านสะอาดและสวยยิ่งกว่าเดิมสะอีก ครอบครัว Cassidy รู้สึกประหลาดใจมากที่บ้านของพวกเขาเหมือนกับได้รับการรีโนเวทใหม่ สืบไปสืบมาถึงได้รู้ว่าเป็นฝีมือของเพื่อนบ้านที่แสนดีนั่นเอง ในระหว่างที่พวกเขาไม่อยู่ กำแพงบ้านได้รับความเสียหาย หน้าต่างและหลังคาทรุดโทรม มีฝนสาดและเกิดเชื้อราขึ้นภายในบ้านหลายจุด เมื่อเพื่อนบ้านเห็นแบบนั้นจึงทนไม่ได้ เข้ามาช่วยซ่อมให้ ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อนบ้านยังช่วยดูแลสวนและทำห้องครัวกับห้องน้ำขึ้นมาใหม่หมด มันจะดีอะไรปานนั้น!? ทางด้าน Lucy แม่ของ Emily ได้แสดงความรู้สึกถึงเหตุการณ์นี้ว่า “มันน่าประหลาดใจมาก ฉันไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือบ้านของฉัน ตอนที่ฉันเดินเข้าไปฉันรู้สึกเหมือนหัวใจจะระเบิดออกมา มันงดงามมาก เหมือนกับบ้านตัวอย่างเลย” …
-
ครอบครัวเล่าเรื่องสุดซึ้ง ถึงหนูน้อย 7 ขวบที่เสียชีวิตจาก ‘มะเร็งสมอง’ เตือนให้คนตระหนักถึงภัยร้าย
และนี่คือเรื่องราวที่ถูกแชร์จาก ผู้ที่ใช้ชื่อว่า Taisce ซึ่งเป็นน้าของ Katherine King สาวน้อยที่ต้องจากไปด้วยโรคมะเร็งสมองในวัยเพียงแค่ 7 ขวบเท่านั้น ครอบครัวของเธอจึงบอกเล่าเรื่องเหล่านี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเธอ… ลาก่อน Katherine King การวิจัยเพื่อรักษามะเร็งสมองนั้นไม่ค่อยได้รับทุนสนับสนุนเท่ากับมะเร็งอื่นๆ และนั่นทำให้เด็กหลายคนผู้ป่วยเป็นโรคนี้ไม่สามารถรักษาตัวให้หายได้ เช่นเดียวกันกับ เด็กหญิงวัย 7 ขวบคนนี้ ชื่อ Katherine King เธอยอมจำนนต่อโรคร้ายนี้ในวันที่่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา พ่อแม่ของเธอก็จะเก็บเธอไว้ในความทรงจำตลอดไป และหวังว่าเรื่องราวที่แชร์นี้ จะทำให้หลายคนตระหนักถึงภัยของโรคมะเร็งสมอง และสนับสนุนทุนเพื่อการวิจัยรักษาโรคนี้อย่างจริงจังมากขึ้น เธอได้จากเราเร็วเกินไป สิ่งที่เธอก่อนที่จะจากไป ในวัยเพียง 7 ขวบ ยังมีสิ่งที่ให้ลองทำและประสบการณ์ดีๆอีกมากมาย เธอมีชีวิตที่สดใสมาตลอด 12 เมษายน 2557 (นี่เป็นรูปสุดท้ายก่อนที่เธอจะเจอกับโรคร้าย) จริงๆแล้วเธอควรจะได้ไปโรงเรียน 2 มิถุนายน 2015 (วันที่แพทย์วินิจฉัยว่า เธอมีเนื้องอกในสมอง และเธอต้องได้รับการผ่าตัด) และหมอบอกว่า เธอมีชีวิตได้อีกเพียง 9 เดือน เธอควรจะมีโอกาสได้มีแฟน…
-
พนักงานดับเพลิงนิวยอร์ก ร่วมสานฝันเด็กป่วยโรคมะเร็ง…. ‘ผมอยากเป็นนักดับเพลิงครับ’
‘นักผจญเพลิง’ คงเป็นอาชีพที่ใครหลายๆ คนใฝ่ฝันอยากจะเป็น เพราะอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ใครๆ ต่างก็มองว่าเป็นฮีโร่ เนื่องจากว่าพวกเขาพร้อมที่จะคอยให้ความช่วยเหลือเหล่าพลเมืองได้ทุกเวลา หนูน้อยวัย 3 ขวบ Trucker Dukes เองก็เช่นกัน เขามีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักผจญเพลิงเหมือนกับพ่อของเขา แต่โชคร้ายที่หนูน้อยคนนี้ดันมีสุขภาพร่างกายที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงเท่าไหร่นัก เจ้าหนู Trucker ป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมหมวกไตในเด็ก ทำให้เขาต้องเดินทางจากบ้านที่ Hawaii มารักษาตัวที่โรงพยาบาลใน New York อยู่เป็นประจำ ในวันเกิดครบรอบ 3 ปีของเจ้าหนู Trucker เขาได้ถูกเชิญให้ไปยัง สถานีดับเพลิงแห่งหนึ่งเพื่อสวมบทบาทเป็นนักผจญเพลิงดังที่เขาใฝ่ฝัน 1 วัน องค์กรช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ป่วย Ronald McDonald House ได้ทำการติดต่อไปยังกัปตัน James Grismer ที่เป็นหัวหน้านักผจญเพลิงของเมือง เพื่อช่วยให้ความฝันของเจ้าหนูน้อยเป็นจริง แน่นอนว่าเจ้าหนู Trucker นั้นชื่นชอบนักผจญเพลิงจนเรียกได้ว่าฝังเข้าไปอยู่ใน DNA เลยทีเดียว เพราะว่าพ่อของเขาก็เป็นนักผจญเพลิงที่ Hawaii ด้วย ตอนเจอกันครั้งแรก กัปตัน James เล่าว่า “เขาดูตื่นเต้นมาก เวลาที่เขามองมายังเหล่านักดับเพลิงสายตาของดูชื่นชมมากๆ หลังจากนั้นผมก็ก้มตัวลงไปอ้าแขนรับเขา เจ้าหนู…