Tag: โรคหัวใจ
-
การสวมบทบาทของ Christian Bale กลายเป็น ‘ช่วยชีวิต’ ผู้กำกับจากโรคหัวใจกำเริบ
หากใครเคยชมภาพยนตร์เรื่อง Batman Begins, American Psycho หรือ The Machinist คงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่รู้จักกับ Christian Bale ดาราชายผู้ทุ่มเททั้งชีวิตให้กับบทบาทที่ได้รับ Christian Bale นอกจากเขาจะเป็นนักแสดงที่เปลี่ยนแปลงรูปร่างตัวเองอย่างหนักเพื่อบทบาทแล้ว ล่าสุด ยังได้ช่วยชีวิตผู้กำกับภาพยนตร์จากโรคหัวใจเอาไว้ได้อีกด้วย! Christian Bale ในบท Bruce Wayne ทั้งนี้เมื่อเขาต้องมารับบทอดีตรองประธานาธิบดี Dick Cheney ในเรื่อง Vice เขาจำเป็นต้องเพิ่มน้ำหนักตัวเองแถมยังต้องศึกษาสิ่งที่เกี่ยวกับอาการของโรคหัวใจอีกด้วย เพราะว่าตัวละครที่ Bale รับบทแสดงนั้นป่วยด้วยโรคหัวใจ และเพื่อที่จะสามารถถ่ายทอดบทบาทออกมาให้ได้ถึงที่สุด และการกระทำของเขาก็ส่งผลถึงผู้กำกับของเรื่อง Vice อย่าง Adam McKay Chistian Bale ในบท Dick Cheney Adam McKay ผู้กำกับภาพยนตร์วัย 50 ปี ป่วยเป็นโรคหัวใจเมื่อช่วงเดือนมกราคมปี 2018 เขากล่าวว่าหากไม่ได้พบและพูดคุยกับ Christian Bale เขาคงต้องจบชีวิตลงเป็นแน่ McKay เล่าว่าหลังจากที่พวกเขาถ่ายทำภาพยนตร์กันเสร็จเขาก็เผยกับทีมงานว่าเขาเป็นโรคหัวใจ แต่แล้วเขาก็นึกถึงฉากการถ่ายทำเกี่ยวกับโรคหัวใจของ Christian Bale เขาจึงวิ่งไปทานยาและมุ่งไปโรงพยาบาล แพทย์บอกว่าโชคดีที่เขาทานยาแอสไพรินกันเอาไว้ทัน…
-
ภัยเงียบของคนเก่ง ชีวิตของ Ranjan Das ซีอีโอวัย 40 ดูแลสุขภาพดี แต่เสียชีวิตเพราะนอนน้อย
การที่หนึ่งคนจะประสบความสำเร็จในด้านหน้าที่การงานได้ จะต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจไปมากแค่ไหนกัน? และสิ่งที่ทุ่มลงไปนั้น กำลังตอบแทนหรือกำลังบั่นทอนชีวิตของเรากันอยู่… สิ่งที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ คือเรื่องราวของ Ranjan Das นักธุรกิจระดับผู้บริหารอายุน้อย ด้วยวัยเพียง 42 ปี แต่มีหน้าที่การงานและความรับผิดชอบที่ใหญ่โต ซึ่งเขาก็จัดการได้เป็นอย่างดีเสียด้วย Ranjan Das นั้นเป็นกรรมการผู้จัดการและผู้บริหาร ของบริษัทซอฟต์แวร์ SAP ประจำภูมิภาคอินเดีย และเขาก็เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อสุขภาพสูงมากๆ ออกกำลังกายเป็นประจำ เข้ายิมทุกวันและเป็นนักวิ่งมาราธอนตัวยง ไม่ดื่มเหล้าและไม่สูบบุหรี่… โดยในทุกๆ วันเขาจะออกวิ่งบนถนนเส้น Carter ย่าน Bandra ในเมืองมุมไบ แต่แล้วในวันหนึ่ง หลังจากที่กลับมาบ้านหลังออกกำลังกายเป็นประจำ เขาล้มลงจากหัวใจวายอย่างรุนแรง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา (ปี 2009) จากการเสียชีวิตของ Ranjan Das กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในบริษัทห้างร้านของอินเดียขึ้นมาทันที เนื่องจากว่าเขามีสุขภาพดีมากๆ เป็นนักกีฬาตัวท็อป แต่กลับเสียชีวิตกระทันหันได้อย่างไร หรือมีสาเหตุมาจากการทำงานหนัก? ทั้งนี้ จากการสืบประวัติการใช้ชีวิตของเขา Ranjan Das เคยให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ…
-
ผู้คุมขังเปิดใจ… ถ้าหากวันนั้นไม่ได้นักโทษแหกคุกช่วยเอาไว้ เขาอาจจะหมดลมหายใจไปแล้ว
สำหรับนักโทษแล้ว ผู้ที่เหมือนกับกุมชะตาชีวิตของพวกเขาเอาไว้อยู่ก็คือเหล่า ‘ผู้คุม’ ที่จะคอยควบคุมดูพฤติกรรมของนักโทษให้ถูกที่ถูกทาง ดังนั้นผู้คุมกับนักโทษจึงเหมือนเหมือนลิ้นกับฟันที่พร้อมจะกระทบกระทั่งกันตลอดเวลา แต่ใครจะไปคิดล่ะว่า ในอดีตจะเคยมีเรื่องราวของนักโทษที่ยอมเสี่ยงแหกคุกออกมาเพื่อออกมาช่วยชีวิตผู้คุมเกิดขึ้น และในตอนนี้ผู้คุมคนดังกล่าวก็ได้ออกมาพูดถึงเรื่องที่ว่านี้เป็นครั้งแรกแล้ว อ่านข่าวเก่าได้ที่>> กลุ่มผู้ต้องหารวมพลัง “แหกคุก” ออกมาช่วยชีวิตผู้คุมขัง ที่กำลังหมดสติอยู่ !!! โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2016 ที่เรือนจำ Parker County ในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อมีกลุ่มนักโทษกลุ่มหนึ่งได้สังเกตเห็นว่า Gary Grimm ผู้คุมที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเวลานั้นเกิดหมดสติลงด้วยอาการของโรคหัวใจกำเริบอย่างฉับพลัน Gary Grimm พวกเขาจึงตัดสินใจฝ่าลูกกรงออกมาเพื่อส่งเสียงขอความช่วยเหลือ แม้ว่าการกระทำของพวกเขาในครั้งนั้นจะทำให้เสี่ยงต่อการโดนเพิ่มโทษ หรือถูกทำร้ายก็ตาม แต่พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป และแล้วการกระทำของพวกเขาก็ประสบผลสำเร็จ เมื่อมีเจ้าหน้าที่วิ่งมาให้การช่วยเหลือผู้คุมคนนี้อย่างทันควัน และในที่สุด Gary ก็สามารถรอดพ้นความตายในครั้งนั้นมาได้ ด้วยความช่วยเหลือของนักโทษกลุ่มดังกล่าวนั่นเอง และในตอนนี้ผู้คุมชาวเท็กซัสวัย 52 ปี ก็อยากจะออกมาขอบคุณที่ในตอนนั้นกลุ่มนักโทษได้ช่วยชีวิตของเขาไว้ พร้อมทั้งยังทำให้เขาได้เห็นอีกมุมหนึ่งในตัวของเหล่านักโทษ “แทนที่พวกเขาจะปล่อยผมตายแล้วแย่งปืน หรือฆ่าผม หรือจับผมเอาไว้เป็นตัวประกันแล้วหลบหนีไป แต่พวกเขาก็ยังเห็นผมเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งมันสะเทือนอารมณ์ของผมมากเลยทีเดียว จริงๆ แล้วในตอนนั้นถ้าพวกเขาอยากจะทำร้ายผม สิ่งที่พวกเขาต้องทำทั้งหมดก็เพียงแค่นั่งอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไร…
-
สิ่งที่ผู้คนเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับ ‘การปั๊มหัวใจ’ ไม่ได้ช่วยทำให้หัวใจหยุดเต้นกลับมาตามปกติได้
ในนาทีชีวิต ที่ผู้ป่วยกำลังจะหมดลมหายใจลง เราก็เคยอาจจะเห็นอุปกรณ์ที่ชื่อว่า ‘เครื่องปั๊มหัวใจ’ ช่วยชีวิตของผู้คนมาแล้วมากมาย แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วเครื่องปั๊มหัวใจไม่สามารถทำให้หัวใจที่หยุดเต้นแล้วสามารถกับมาทำงานได้ อีกทั้งยังมีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับเจ้าเครื่องนี้เกิดขึ้นอย่างมากมาย และในวันนี้ทางเพจที่มีชื่อว่า 1412 Cadiology ก็ได้นำความจริงเกี่ยวกับเครื่องช่วยชีวิตอันนี้ มาให้หลายคนได้ทราบถึงความสามารถจริงๆ ของมันกัน ซึ่งบางทีสิ่งที่เราเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องนี้มาตลอด อาจจะเป็นสิ่งที่ผิดก็เป็นได้ และความจริงที่ว่านั้นจะเป็นอย่างไร ก็ไปเรียนรู้พร้อมๆ กันเลยดีกว่า เครื่องปั๊มหัวใจสามารถทำให้หัวใจที่หยุดเต้นแล้ว กลับมาเต้นอีกครั้งได้จริงหรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่จริง เพราะว่าหัวใจที่หยุดเต้นลงไปแล้ว ไม่ว่าจะใช้กระแสไฟฟ้าแรงสูงขนาดไหน ก็ไม่สามารถที่จะทำให้มันกลับมาเต้นได้อีกครั้งหนึ่ง แล้วทำไมคุณหมอจึงเอาไฟฟ้ามาช๊อคใส่คนไข้กันล่ะ ที่เราเห็นคุณหมอนำกระแสไฟฟ้ามาช๊อคใส่คนไข้ก็เพราะว่า ต้องการจะทำให้หัวใจที่เต้นเร็วเกินไปกลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากหัวใจที่เต้นเร็วเกินไป จะทำให้หัวใจไม่สามารถบีบเลือดออกไปได้นั่นเอง เต้นเร็วเกินไปแล้วเอาไฟฟ้ามาช๊อคใส่ทำไมอีก นั่นก็เป็นเพราะว่าสาเหตุหนึ่งที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีหัวใจเต้นเร็วเกินไป ก็คือไฟฟ้าลัดวงจรในหัวใจ และการที่เรานำไปไฟฟ้าไปช๊อคนั้น ก็เพื่อจะให้เซลล์ทุกเซลล์ในหัวใจถูกกระตุ้น และเข้าสู่ระยะพักฟื้นพร้อมกันทั้งหมด เหมือนการรีเซ็ตเพื่อทำงานใหม่พร้อมๆ กันก็ว่าได้ ถ้าอย่างงั้นก็แสดงว่าการรักษาผู้ป่วยที่หัวใจหยุดทำงาน การช๊อคหัวใจต้องรีบทำให้เร็วที่สุดล่ะสิ ถูกต้องครับ ซึ่งหากเป็นเหตุการณ์ที่ฉุกเฉินเราก็อาจจะใช้การกดหน้าอกบีบเลือดออกจากหัวใจซื้อเวลาไปก่อน และต้องทำการช๊อคหัวใจให้เร็วที่สุดแต่ไม่ใช่ลากเครื่องมาแล้วช๊อคไฟฟ้าทุกราย เราลากเครื่องมาเพื่อตรวจให้แน่ใจว่าหัวใจหยุดทำงานจากหัวใจเต้นเร็วเกินไปจริงรึเปล่า ถ้าใช่ถึงจะสามารถทำการช๊อคได้ …
-
ถ้าคนอ้วนกินช็อกโกแลต 5 ครั้งต่อสัปดาห์จะช่วยป้องกันไม่ให้พวกเขาเกิดโรคหัวใจวายได้
ช็อกโกแลตเป็นสิ่งที่หลายคนเข้าใจว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกับคนอ้วนยิ่งไม่ควรไปกินมันเพราะจะทำให้อ้วนมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม แต่งานวิจัยนี้ได้ออกมาลบล้างความเชื่อนั้นไปเพราะผลลัพธ์ออกมาแล้วว่า ถ้าคนที่มีน้ำหนักเกินปกติกินช็อกโกแลต 5 ครั้งต่อสัปดาห์จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคหัวใจวายได้ คนทั่วไปอาจทราบกันดีว่าคนที่มีน้ำหนักมากเกินไปมีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็น โรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ (หรือเรียกว่า CAD) จนอาจเกิดภาวะหัวใจวายขึ้นมาได้ แต่งานวิจัยก็ได้ออกมายืนยันแล้วว่าช็อกโกแลตสามารถช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องนี้ได้ ผลลัพธ์ดังกล่าวเกิดจากงานวิจัยศูนย์การแพทย์ของโรงพยาบาลในบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ทำการศึกษากับทหารผ่านศึกจำนวน 148,465 คนที่มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 64 ปี โดย 90 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ชาย ในตอนแรกผู้เข้ารับการวิจัยทุกคนไม่มีใครป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจเลย จากนั้นพวกเขาแต่ละคนก็ถูกแบ่งกลุ่มตามความถี่ในการกินช็อกโกแลตขนาด 28 กรัมต่อหนึ่งสัปดาห์ บางคนได้กิน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ บางคนได้กิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือบางคนไม่ได้กินเลย ผ่านไป 2 ปีครึ่ง กลุ่มตัวอย่างจำนวน 4,065 คนมีอาการป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ และจากการวิเคราะห์พบว่าคนที่มีน้ำหนักมากเกินค่ามาตรฐานและรับประทานช็อกโกแลต 5 ครั้งต่อสัปดาห์แทบจะไม่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคดังกล่าวเลย โดยเฉพาะกับคนที่บริโภคดาร์กช็อกโกแลต ผลลัพธ์อันน่าทึ่งนี้เชื่อว่าเกิดจากสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่มากในช็อกโกแล็ต จึงทำให้ลดคอเรสตอรอลที่ไม่ดีต่อร่างกายลงได้ทำให้ไม่เกิดปัญหาไขมันอุดตัน นอกจากนั้นสารประกอบ Flavanols ก็ช่วยลดความดันโลหิต ทำให้เลือดลมสูบฉีด และป้องกันสภาวะลิ่มเลือดได้อีกด้วย …
-
งานวิจัยเผย ‘การอกหัก’ ส่งผลกระทบต่อหัวใจร้ายแรงราวเหมือบกับหัวใจวายเลยทีเดียว!!
ใครหลายคนคงอาจเคยเจอกับอาการอกหัก โดยมักเกิดจากการสูญเสียคนรักไปไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม มันเป็นความรู้สึกราวกับว่าหัวใจได้แตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีใครอยากเผชิญอย่างแน่นอน แต่รู้หรือไม่ว่า การอกหักนั้นนอกจากจะส่งผลต่อจิตใจแล้วยังส่งผลต่ออวัยวะต่างๆ ในร่างกายเหมือนกับการหัวใจวายเลยทีเดียว มีคนอย่างน้อย 3,000 คนในสหราชอาณาจักรที่ต้องเผชิญกับที่เรียกกันในชื่อทางการแพทย์ว่า “โรคหัวใจสลาย” ในทุกๆ ปี ซึ่งแพทย์เผยว่า ตัวเลขจริงๆ อาจจะมากกว่านี้อีกหลายเท่า ซึ่งโรคหัวใจสลายนี้เป็นอาการที่เกิดขึ้นชั่วคราวของหัวใจที่มีภาวะความเครียด อย่างเช่น เกิดความผิดหวังอย่างรุนแรง สูญเสียคนรักอย่างกะทันหันหรือเรียกรวมๆ ได้จากอาการอกหัก ซึ่งอาการของโรคนี้ก็คือจะทำให้เจ็บแน่นหน้าอก หายใจเหนื่อยหอบ และหน้ามืด จนถึงปัจจุบันนี้ ทางการแพทย์ก็ยังสันนิษฐานได้เพียงว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นจะอยู่เพียงชั่วคราวและจะสามารถหายเป็นปกติได้ด้วยการใช้เวลาเยียวยา แต่ว่าได้มีนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Aberdeen ได้ค้นพบว่าโรคหัวใจสลายหรืออาการอกหักนี้จะทำให้หัวใจเกิดอ่อนแอลงอย่างถาวรเช่นเดียวกับโรคหัวใจวาย จากการศึกษาค้นคว้าผู้ที่มีอาการอกหัก 37 คนโดยใช้เวลาเฉลี่ย 2 ปีในการติดตามคนเหล่านี้โดยมีการวัดผลจากผลตรวจอัลตร้าซาวด์ และผลจากการจากตรวจ MRI ในหัวใจของพวกเขา พบว่าหัวใจของพวกเขามีความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการถูกหักอกที่เกิดขึ้น โดยผู้ป่วยเหล่านี้หลายคนจะมีอาการเหนื่อยง่าย และไม่สามารถออกกำลังกาย แม้ว่าทางแพทย์จะบอกว่าพวกเขาจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้โดยธรรมชาติ นักวิจัยได้กล่าวไว้ว่าผู้ที่มีอาการป่วยแบบนี้ควรได้รับยาฟื้นฟูเช่นเดียวกับผู้ที่มีหัวใจเสียหายจากอาการหัวใจวายเลยทีเดียว พวกเขาได้นำเสนองานวิจัยชิ้นนี้เมื่อวันที่ 11-12 พฤศจิกายน 2017 ที่ผ่านมาที่สมาคมวิทยาศาสตร์หัวใจประเทศสหรัฐอเมริกาที่รัฐแคลิฟอร์เนีย โดย ดอกเตอร์ Dana Dawson ผู้นำการวิจัยได้กล่าวเอาไว้ว่า…
-
ศิลปินใหญ่เอาชนะโรคร้าย และสร้างผลงานศิลปะจนเสร็จทันกำหนดในเวลา 2 ปีครึ่ง
บางครั้งการทำงานศิลปะสักชิ้นหนึ่ง อาจจะต้องใช้เวลาและความตั้งใจอย่างมากกว่าที่จะได้ผลงานศิลป์ที่สวยงามและมีคุณค่า ซึ่งผลงานของนาย Gabriel Gressie เองก็เช่นกัน เขาใช้เวลาถึง 2 ปีครึ่งในการสร้างภาพผลงานศิลปะชิ้นนี้ด้วยตัวเอง คุณพ่อวัย 58 ปี จากเมือง Stadskanaal ทางตอนเหนือของประเทศเนเธอแลนด์ ผู้หลงใหลในการวาดภาพและมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นศิลปินตั้งแต่เด็กๆ และยังคงฝึกฝนฝีมือการวาดภาพของเขาเรื่อยมาตั้งแต่นั้น Gabriel Gressie และผลงานของเขา คุณพ่อวัย 58 ปีบอกว่าภาพวาดแต่ละภาพนั้นต้องใช้เวลาการสร้างสรรค์ผลงานที่ค่อนข้างยาวนาน ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงไม่เคยสร้างผลงานการวาดภาพชิ้นใหญ่ๆ เลย จนกระทั่งเมื่อปี 2014 เขาได้รับงานจากลูกค้ารายหนึ่งผู้คลั่งไคล้ของเล่นโบราณให้วาดภาพขนาด 2×2 เมตร โดยกำหนดเสร็จภายในเดือนเมษายนปี 2017 คุณ Gabriel เริ่มเปลี่ยนอพาร์ทเม้นท์ที่เขาและลูกชายอาศัยอยู่ให้กลายเป็นที่ทำงาน และเริ่มลงมือวาดภาพชิ้นใหญ่นี้ การวาดภาพครั้งนี้เป็นงานที่ท้าทายสำหรับ Gabriel เพราะโดยปกติเขาใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมงในการวาดภาพที่มีขนาด 2 ตารางเซ็นติเมตร นาย Gabriel เริ่มลงมือร่างแบบตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งมาจากคอลเลคชั่นของเล่นที่เขาสะสม ผลงานการวาดภาพของเขาค่อยๆ ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ และกว่าจะได้ภาพของเล่นกออกมาแต่ละชั้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่แล้วในปี 2015 ระหว่างเวลากำหนดส่งงานใกล้เข้ามาถึง Gabriel ก็กลับป่วยกะทันหัน…
-
ตำนานมวยปล้ำ Ric Flair ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการโคม่าจากโรคหัวใจ
กลายเป็นข่าวร้ายของวงการมวยปล้ำอีกครั้ง หลังจากที่มีรายงานว่าตำนานอย่าง Ric Flair นักมวยปล้ำที่ถูกจารึกชื่อไว้ในหอเกียรติยศของ WWE ได้เข้าโรงพยาบาลด้วยอาการโคม่า และกำลังเตรียมตัวเข้ารับการผ่าตัด อตีดนักมวยปล้ำวัย 68 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนเมื่อเช้าวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา และจากการรายงานของ TMZ Report ดูเหมือนว่าอาการของเขานั้นจะอยู่ในขั้นอันตรายอีกด้วย มีรายงานว่าอตีดนักมวยปล้ำชื่อดังนั้นมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของหัวใจ จึงทำให้เขาต้องเข้ารับการรักษาตัวในครังนี้ และสำหรับความสุดยอดของตำนานผู้นี้ แฟนๆ มวยปล้ำหลายคนคงจะรู้กันเป็นอย่างดี ตลอดชีวิตบนผืนผ้าใบของเขา Ric Flair หรือที่แฟนๆ รู้จักกันในชื่อ The Nature Boy สามารถคว้าแชมป์มวยปล้ำรุ่นเฮฟวีเวทได้ถึง 16 สมัย ก่อนที่จะประกาศอำลาสนามเมื่อปี 2012 ที่ผ่านมา และถูกบันทึกชื่อในหอเกียรติยศของ WWE เมื่อปี 2008 ภาพนี้แฟนๆ มวยปล้ำรุ่นเก่าคงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และหลังจากที่รู้ข่าว บรรดานักมวยปล้ำชื่อดังต่างออกมาให้กำลังใจ และขอให้ Ric กลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง ทางด้าน Kurt Angle…
-
นักวิทยาศาสตร์ใช้ ‘ผักโขม’ พืชสวนครัวใกล้ตัว มาศึกษาการทำงานของเนื้อเยื่อหัวใจ!?
ในปัจจุบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว หลายๆ งานวิจัยทางการแพทย์ช่วยยื้อชีวิตให้กับมนุษย์เราได้อย่างคาดไม่ถึง และเร็วๆ นี้ก็มีงานค้นคว้าทางด้านพันธุวิศวกรรมที่น่าสนใจมากงานหนึ่ง เมื่อนักวิทยาศาตร์ได้นำพืชผักสวนครัวมาดัดแปลง เพื่อศึกษาการทำงานของเนื่อเยื่อหัวใจ ไม่แน่นะอาจช่วยให้การผ่าตัดหัวใจในอนาคตง่ายขึ้นอีกเยอะเลยทีเดียว เมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่าทีมวิจัยได้นำใบของผักโขมมาใช้ในการศึกษาการทำงานของเนื้อเยื่อหัวใจ ก่อนหน้านี้ได้มีการพยามจำลองโครงข่ายและเนื้อเยื่อของหัวใจด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติแต่ไม่สำเร็จ ดังนั้นการค้นพบครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะมันช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถทำงานวิจัยและศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเนื้อเยื่อของหัวใจได้ง่ายขึ้น ซึ่งปัจจุบันการศึกษาและงานวิจัยแนวนี้ยังมีอยู่น้อยมาก นี่เป็นภาพแสดงลำดับของการขจัดเซลพืชออกจากใบผักโขม ด้วยวิธีการที่เรียว่า decellularization วิธีนี้จะทำให้เหลือแต่เส้นใยและโครงสร้างของใบ ที่คล้ายกับเส้นเลือดในหัวใจมนุษย์แบบใสๆ เนื่องจากการลำเลียงสารอาหารในใบพืชนั้นคล้ายกับการลำเลียงเลือดของหัวใจของมนุษย์ ถึงแม้ว่าการลำเลียงสารเคมีภายในเนื้อเยื่อของสัตว์และพืชอาจจะไม่เหมือนกัน แต่โครงข่ายของท่อลำเลียงนั้นคล้ายกัน ในอตีดเคยมีการจำลองโครงสร้างนี้ขึ้นมาแล้ว แต่ว่ามีขนาดเล็กเกินไปทำให้ยากในการที่จะศึกษาเพื่อนำไปใช้ในการรักษา แต่ใบผักโขมนั้นมีขนาดใหญ่กว่าจึงทำให้มีความเหมาะสมมากกว่า ทีมวิจัยหวังว่าการค้นพบเทคโนโลยีนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการนำไปสร้างเนื้อเยื่อใหม่ สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ งานวิจัยชิ้นนี้กำลังจะถูกตีพิมพ์ลงนิตยสาร Biomaterials ในเดือนพฤษภาคมนี้ นักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน Worcester Polytechnic ได้บอกว่า “การพัฒนาครั้งนี้จะเป็นรากฐานของการศึกษาการทำงานที่เหมือนกันของเนื้อเยื่อพืชและสัตว์” ถึงเเม้ว่าระบบการขนส่งของเหลวของเซลสัตว์และพืชจะต่างกัน แต่โครงสร้างของเนื้อเยื่อทั้งสองมีลักษณะคล้ายคลึงกันมาก ในการทดลองเนื้อเยื่อหัวใจเทียมครั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ใส่ของเหลวที่คล้ายกับเซลเนื้อเยื่อของมนุษย์เข้าไปในผักโขม เป็นการศึกษาการทำงานของเส้นใยในใบที่ทำหน้าที่คล้ายเส้นเลือดของหัวใจมนุษย์ Glenn Gaudette ศาสตราจารย์ทางด้านพันธุวิศวกรรมของสถาบัน Worcester Polytechnic กล่าวว่า “เรายังมีงานที่ต้องทำอีกมาก แต่ตอนนี้มีแนวโน้มที่ใกล้ความจริงมากยิ่งขึ้น การนำพืชที่มีการเพาะปลูกอย่างยาวนานมาประยุกต์ใช้ในการศึกษาด้านวิศวกรรมเนื้อเยื่อช่วยให้เราสามารถแก้ปัญหาเรื่องข้อจำกัดของการศึกษาได้” นักวิทยาศาตร์เชื่อว่า ในวันข้างหน้าเทคนิคนี้จะสามารถนำไปช่วยการสร้างกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรงได้หรือฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหายจากหัวใจวายได้ เพื่อให้เห็นภาพชัดๆ…
-
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ อาการของคนอกหักนั้น คล้ายคลึงกับ’ การเป็นโรคหัวใจ’ !!!
สำหรับอาการอกหัก เราก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันเป็นอาการยังไงกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ก็คือไม่มีใครชอบมัน เพราะการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเอย ปวดหัวเอย ปวดหน้าอกตรงหัวใจเอยก็ตาม อาจจะเป็นเวลาวันสองวัน หรือไม่แน่อาจติดต่อกันเป็นเดือนเลยก็มี แต่ล่าสุดจากงานวิจัยของทางมหาวิทยาลัย Aberdeen แห่งประเทศสกอตแลนด์ได้แสดงให้เราเห็นว่า อาการอกหักนั้นจะอยู่ติดตัวกับเราไปนานเลยทีเดียว แม้ผ่านไปกว่า 4 เดือนก็ยังมีผลของอาการนั้นๆ อยู่!!!? ผลของอาการอกหัก สำหรับตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยก็กำลังศึกษาถึงเรื่องผลกระทบในระยะยาวของอาการอกหักอยู่ด้วยล่ะ โดยผู้นำทีมวิจัยหัวข้อนี้ก็คือ Dr. Dana Dawson ‘ความเชื่อเดิมของเราเชื่อว่าผลจากอาการอกหักนั้นสามารถควบคุมได้ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือพอระยะเวลาผ่านไป ผู้มีอาการอกหักก็ยังดูอ่อนแรง หรือมีอาการไม่อยากทำงานอยู่’ Dr. Dana กล่าว ‘สำหรับตอนนี้หลายๆ ปัจจัยก็ได้ชี้นำให้เราเชื่อไปในทิศทางที่ว่า อาการนี้ไม่สามารถรักษาได้ ขณะที่นักจิตวิทยาแนวหน้าหลายๆ คนก็เชื่อแบบนั้นเช่นกัน’ เธอกล่าวเสริม Dr. Dana Dawson อาการเครียดมากๆ แบบเฉียบพลันจะทำให้เกิดอาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจ หรือที่เรียกกันว่า ‘broken heart syndrome’ (โรคอกหัก) ซึ่งอาจเกิดได้จากการหย่าร้าง การสูญเสียความรัก และอุบัติเหตุ และอาการอกหักนั้น อาจทำให้ผู้อกหักรู้สึกเหมือนว่าตัวเองมีอาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจ แม้ว่าเลือดลมจะสามารถเดินได้อย่างปกติและไม่ได้มีโรคความดันก็ตามที!!! สำหรับตอนนี้เรื่องนี้ก็อยู่ในช่วงของการวิจัยอยู่นะจ๊ะ…
-
สำเร็จ!! นักวิทย์เพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์เป็น ‘หัวใจมนุษย์’ ได้เป็นครั้งแรก 20 วันก็เต้นเองได้แล้ว
‘หัวใจ’ เป็นอวัยวะสำคัญที่ร่างกายของคนเราจะขาดไปไม่ได้เลย ยิ่งถ้าใครมีความผิดปกติหรือโรคเกี่ยวกับหัวใจอยู่แล้ว คงจะรู้ดีกว่าการรักษาต่างๆ ย่อมมีความเสี่ยงและมีค่าใช้จ่ายสูงพอสมควร ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา วงการแพทย์ทั่วโลกก็ได้ให้ความสนใจในการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยต่างๆ มารักษาผู้ป่วยโรคหัวใจอยู่ตลอด และล่าสุดนี้ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นที่น่าพอใจเลยหละ เพราะนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการเพาะเลี้ยงเซลล์หัวใจมนุษย์ได้เป็นครั้งแรกของโลกได้สำเร็จแล้ว!! จากการรายงานของวารสาร Nature Communication พบว่าหัวใจดวงดังกล่าวนี้ มีขนาดเล็กจิ๋วประมาณ 1 ใน 3 ของปลายเข็มหมุด หรือมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางแค่ 0.5 มม. เท่านั้น แต่ความมหัศจรรย์คือการเต้นตุบตับได้เอง หลังจากเวลา 20 วัน นับตั้งแต่มันเริ่มกลายเป็นเซลล์หัวใจ ด้วยการนำสเต็มเซลล์ของมนุษย์ในส่วนของเยื่อผิวหนังมาเพาะในจานเพาะเลี้ยง และเลี้ยงด้วยออกซิเจนนั่นเองจ้ะทุกคน ^^ Kelvin Healy ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย California, Berkeley ผู้ร่วมงานวิจัยชิ้นนี้ยังกล่าวอีกด้วยว่า เทคโนโลยีนี้เป็นประโยชน์ต่อการคัดกรองตัวยาที่ส่งผลกระทบต่อหัวใจ หรือส่งผลกระทบต่อภาวะการตั้งครรภ์ ซึ่งทีมวิจัยได้ทดลองให้ยา thaidomide ที่เป็นอันตรายต่อตัวอ่อน แล้วพบว่ามันมีผลต่อความผิดปกติต่อเซลล์หัวใจจิ๋วนี่ด้วยเช่นกัน ซึ่งมันทำให้ช่องหัวใจตีบ การหดตัวและอาการเต้นผิดปกติ อ้ะลองชมคลิปกันดูหน่อย!! แหม่.. ก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีจริงๆ หวังว่าการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจจะดีวันดีคืนนะจ๊ะ ได้ช่องทางการทดลองยาที่สะดวกและใกล้เคียงความเป็นจริงแล้ว…
-
มาลองเช็คกันดูว่า คุณจะแยกอาการของคนที่เป็น “โรคหัวใจ” ออกหรือเปล่า!!!
โรคหัวใจเป็นหนึ่งในโรคที่คร่าชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมากในแต่ละปี เนื่องจากว่าเมื่อมีอาการกำเริบ น้อยคนนักจะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที และคนทั่วไปยังแยกไม่ออกอีกว่า ใครที่กำลังมีอาการของโรคหัวใจกันแน่ จึงทำให้การช่วยเหลือเป็นไปได้อย่างยากลำบาก Heart Foundation จึงทำวีดีโอขึ้นมา เพื่อให้คุณได้สำเร็จตัวเองว่า คุณแยกคนที่มีอาการของโรคหัวใจออกหรือเปล่า ไปลองชมกันเลย เพื่อนๆแยกออกกันหรือเปล่า เหมียวแยกไม่ออกเลยนะ โรคนี้มันน่ากลัวจริงๆ ลองฝึกสังเกตอาการผู้อื่นดูนะ เราอาจช่วยชีวิตของคนอีกหลายคนเลยก็เป็นได้ ที่มา HeartFoundationNZ