Tag: โรงพยาบาล

  • สาวฮ่องกงข้ามถนนไม่ระวัง ถูก “แท็กซี่ชน” ไปกองกับพื้น แต่โชคดีที่ไม่เจ็บสาหัส

    สาวฮ่องกงข้ามถนนไม่ระวัง ถูก “แท็กซี่ชน” ไปกองกับพื้น แต่โชคดีที่ไม่เจ็บสาหัส

    การจะข้ามถนนที่มีรถวิ่งอยู่ขวักไขว่นั้นจำเป็นจะต้องดูซ้ายขวาอย่างระมัดระวังและรอบคอบ มิฉะนั้นก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้ และถ้าโชคไม่ช่วยก็อาจทำให้เราต้องบาดเจ็บสาหัส     อย่างเช่นนักเรียนหญิงชาวฮ่องกงในเหตุการณ์ต่อไปนี้ เธอวิ่งข้ามถนนโดยไม่ระมัดระวังขณะที่รถแท็กซี่ก็พุ่งมาด้วยความเร็วเช่นกัน นั่นทำให้เธอถูกรถชนเข้าอย่างจังจนตัวเธอเกยขึ้นมาบนกระโปรงหน้ารถและกระแทกเข้ากับกระจกหน้ารถ จากนั้นจึงร่วงไปนอนกองกับพื้น แต่ไม่นานนักเธอก็ลุกขึ้นอย่างใจเย็น และเดินออกไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น   ชมคลิป    เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2018 ที่ถนน Po Tung บนเกาะฮ่องกง นักเรียนหญิงคนนี้เดินออกมาโดยไม่ระแวดระวังรถที่กำลังวิ่ง   กล้องของรถแท็กซี่จึงถ่ายติดภาพที่พุ่งชนเข้ากับร่างของนักเรียนหญิงดังกล่าว   แม้ว่าหลังจากนั้น นักเรียนหญิงในคลิปจะลุกเดินออกไปอย่างนิ่งๆ แต่ภายหลังมีรายงานว่าเด็กคนนี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล Tseung Kwan O Hospital เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่ขา เจ้าหน้าที่สืบสวนชั้นสูง Jacky Chan ก็ออกมากล่าวว่าให้คนขับแท็กซี่เพิ่มความระมัดระวังขณะขับผ่านย่านผู้คนและทางเดินข้ามถนน อาจกระทำได้โดยการลดความเร็วลง อีกทั้งยังกล่าวกับคนเดินเท้าด้วยว่าให้มีสติและระมัดระวังอยู่เสมอ พยายามมองไฟสัญญาณจราจรและที่สำคัญเลยก็คือ “อย่าเล่นโทรศัพท์มือถือหรือจดจ่อกับอะไรที่ไม่ใช่ถนน”   ที่มา: The Straits Times, CAP9UCAM9U และ nextshark

  • หนุ่มซ่า เจออุบัติเหตุ ‘ปางตาย’ ยังไม่ทันออกจาก รพ. เลย เล่น Tinder ล่อสาวซะแล้วเฮ้ย!!!

    หนุ่มซ่า เจออุบัติเหตุ ‘ปางตาย’ ยังไม่ทันออกจาก รพ. เลย เล่น Tinder ล่อสาวซะแล้วเฮ้ย!!!

    ปกติแล้วคนที่เจ็บป่วยปางตายและกำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนั้นมักจะมุ่งความสนใจไปยังครอบครัวและคนรอบข้าง …แต่ไม่ใช่สำหรับหนุ่มที่ชื่อว่า Joe คนนี้ Joe ชายหนุ่มจากรัฐเวอร์จิเนีย หลังประสบอุบัติเหตุถูกก้อนฟางน้ำหนักรวม 3,000 ปอนด์ (1,360 กิโลกรัม) ทับร่างจนสภาพปางตาย ทำให้เขาต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากมีกระดูกหักหลายส่วน แต่โชคดีที่เขายังรอดชีวิต แถมยังกลับมาซ่าบนโลกออนไลน์ได้อีกต่างหาก   Joe ผู้ถูกทับด้วยกองฟางหนัก 680 กิโลกรัม 2 ก้อนทับร่างจนสาหัส   “ผมน่าจะตายไปแล้ว ตอนนี้ผมยังงงอยู่เลยว่าผมรอดได้อย่างไร โชคดีจริงๆ”   Joe บอกว่าการรักษาตัวของเขาใช้เวลายาวนาน ซึ่งผ่านความเจ็บปวดมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังถือว่าโชคดีที่รอดชีวิต   “ถึงจะเจ็บก็ไม่เป็นไร เพราะความเจ็บคือความรู้สึก การที่ผมได้รู้สึกอีกครั้งแปลว่าผม ยังไม่ตาย!!”   ที่พีกที่สุดก็คือ ยังไม่ทันออกจากโรงพยาบาลเลย Joe ก็เปิดแอปฯ Tinder ซะแล้ว!! ปล. Tinder คือแอปพลิเคชันสำหรับหาเพื่อนคุยและออกเดต (หรืออาจมากกว่านั้น)   แถม Joe ยังเขียนบรรยายโปรไฟล์ Tinder ของตัวเองแบบโคตร “เรียล” ว่า……

  • หนุ่มจีนเดือด “ทำร้าย” แพทย์หลังปฏิเสธ ‘ผ่าตัดทำคลอด’ ภรรยาให้ทันตามฤกษ์ที่ดูไว้

    หนุ่มจีนเดือด “ทำร้าย” แพทย์หลังปฏิเสธ ‘ผ่าตัดทำคลอด’ ภรรยาให้ทันตามฤกษ์ที่ดูไว้

    เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2018 ได้เกิดเหตุทำร้ายร่างกาย หลังแพทย์ปฏิเสธที่จะทำคลอดก่อนกำหนดให้กับหญิงสาวชาวจีน ทำให้ผู้เป็นสามีของหญิงตั้งครรภ์เข้าจู่โจมนายแพทย์ด้วยอารมณ์โมโห   เหตุการณ์เกิดขึ้นในโรงพยาบาล Peking University First Hospital กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน แพทย์ผู้เคราะห์ร้ายนามว่า He ถูกชายสกุล Zheng วัย 46 ปีเข้าทำร้ายร่างกายเนื่องจากแพทย์ปฏิเสธที่จะผ่าตัดทำคลอดภรรยาของนาย Zheng ตาม “ฤกษ์” ที่ทางครอบครัวกำหนดไว้   นายแพทย์ Zhan แพทย์อีกรายที่ร่วมการทำคลอดก็ออกมาอธิบายบนเว็บไซต์ Weibo ว่า ที่ต้องปล่อยให้คนไข้คลอดบุตรด้วยวิธีธรรมชาตินั้นก็เพราะเห็นว่าปลอดภัยและ ไม่จำเป็น จะต้องใช้วิธีการผ่าตัด ขณะเดียวกัน นายแพทย์ He ผู้ถูกทำร้ายร่างกายก็มีกระดูกหักหลายจุด หากชมภาพจากกล้องวงจรปิดจะพบว่า Dr. He ถูกชกแต่เตะที่ศีรษะและท้องหลายครั้ง     ลองชมคลิปเหตุการณ์ดังกล่าว    ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2018 นาย Zheng ผู้ก่อเหตุก็ถูกคุมตัวอยู่ที่สถานีตำรวจเนื่องจากคดีทำร้ายร่างกายในครั้งนี้ ส่วนหญิงวัย 19…

  • โดนจวกยับ! นางแบบสาวถ่ายเซลฟี่คู่กับพ่อที่ “นอนตาย” อยู่ในโรงพยาบาลเรียก ‘ยอดไลก์’

    โดนจวกยับ! นางแบบสาวถ่ายเซลฟี่คู่กับพ่อที่ “นอนตาย” อยู่ในโรงพยาบาลเรียก ‘ยอดไลก์’

    สำหรับนางแบบหรือว่าคนดังบนโลกอินเทอร์เน็ตแล้ว ยอดไลก์ คงเป็นสิ่งที่สำคัญกับพวกเขาอย่างมาก แต่จะสำคัญยิ่งกว่าการไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิตเชียวหรือ? นางแบบสาวชาวเซอร์เบียนามว่า Jelica Ljubicic ถูกวิจารณ์อย่างแพร่หลายหลังจากที่เธอถ่ายรูปเซลฟี่ตนเองคู่กับพ่อของเธอซึ่ง นอนเสียชีวิต อยู่บนเตียงในโรงพยาบาล เธอโพสต์รูปภาพเซลฟี่ดังกล่าวลงบนโลกโซเชียลพร้อมข้อความว่า “หลับให้สบาย” ประกอบด้วยรูปอีโมจิต่างๆ แต่ภายหลัง เมื่อเธอถูกวิจารณ์อย่างหนักเธอจึงลบภาพนั้นออก     จากภาพที่เห็น เธอทำหน้าตาเศร้าหมองขณะที่ถ่ายภาพตนเองพร้อมกับร่างของพ่อที่นอนหลับตาอยู่ข้างๆ ซึ่งสื่อในพื้นที่รายงานว่า พ่อของ Jelica นั้นเสียชีวิตขณะที่เธอกำลังถ่ายรูปพอดี นอกจากนี้ใต้ภายเธอยังเขียนเพิ่มว่า “พวกเราต่อสู้ร่วมกันมาอย่างถึงที่สุด แต่นี่ไม่ใช่ความตั้งใจของพวกเรา พวกเรากำหนดไม่ได้หรอกว่าเราจะมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานขนาดไหน” “เขาจากพวกเราไปในวัย 67 ปี ขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง ฉันซาบซึ้งและดีใจมากที่ได้เป็นลูกและมีคุณเป็นพ่อ ขอบคุณที่เลี้ยงเรามาอย่างถูกทาง หลับให้สบายนะคะ พ่อจะอยู่ในหัวใจพวกเราเสมอ” เธอเขียนไว้ใต้ภาพ   Jelica Ljubicic   Jelica Ljubicic   ลองมาชมตัวอย่างคอมเมนต์ในภาพดังกล่าว ลองดูว่าเธอโดนจวกขนาดไหน มีคอมเมนต์หนึ่งในภาพของเธอบอกว่า “นี่แสดงให้เห็นถึงความรักที่เธอมีให้พ่อของเธอ ขณะที่พ่อของเธอตาย เธอยกกล้องขึ้นมาถ่ายเซลฟี่” อีกคอมเมนต์บอกว่า “คนไม่ปกติเท่านั้นแหละถึงทำแบบนี้ได้” และอีกหนึ่งคอมเมนต์บอกว่า “สิ่งที่ได้เห็นและอ่านอยู่นี้ เป็นความจริงอย่างนั้นเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลย โลกใบนี้คงสิ้นหวังเสียแล้วล่ะ”…

  • คุณพ่อชาวอังกฤษ กระโดดน้ำ “หัวกระแทก” พื้นสระ เจ็บสาหัส อาจเดินไม่ได้ตลอดชีวิต…

    คุณพ่อชาวอังกฤษ กระโดดน้ำ “หัวกระแทก” พื้นสระ เจ็บสาหัส อาจเดินไม่ได้ตลอดชีวิต…

    ใครจะเชื่อว่าเพียงการว่ายน้ำใน สระว่ายน้ำ ก็สามารถทำอันตรายให้กับคนๆ หนึ่งได้อย่างรุนแรง จนชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล Keith Dungait คุณพ่อลูกสองชาวอังกฤษ ประสบอุบัติเหตุจนอาจไม่สามารถเดินได้อีกต่อไป หลังจากเดินทางไปเข้าร่วมปาร์ตี้สละโลดของเพื่อนที่เกาะในประเทศสเปน ภายในงาน Keith ได้มีการลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำ และจังหวะที่เขากระโดดดิ่งตัวลงน้ำนั้น ศีรษะของเขาไปกระแทกเข้ากับพื้นของสระอย่างรุนแรง ทำให้เขาต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว     อาการของ Keith ปัจจุบันอยู่ในภาวะคงที่ แต่ทีมแพทย์ไม่แน่ใจว่าคุณพ่อวัย 41 ปีคนนี้จะยังสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้งหรือไม่ Christina ผู้เป็นภรรยาเดินทางจากนอร์ทัมเบอร์แลนด์มายังสเปนเพื่อดูแลสามีที่โรงพยาบาลอย่างใกล้ชิด ซึ่งเธอเองหวั่นใจอย่างมากว่าอุบัติเหตุครั้งนี้จะทำให้สามีต้องเสียชีวิต “ฉันคิดว่าเขาจะตายเสียแล้ว แต่เขาก็ถูกช่วยเอาไว้ เพื่อนๆ และทีมแพทย์ที่อยู่ตรงนี้ทุกคนได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้” เธอกล่าว     Keith หมดสติขณะศีรษะกระแทกกับพื้นของสระว่ายน้ำ เพื่อนๆ ของเขาจึงช่วยพาตัวออกมาแล้วทำการปฐมพยาบาลกันเองก่อนจะนำตัวส่งให้กับทางโรงแรมในเมืองปัลมาของเกาะมาจอร์กา ในช่วงดึกของวันที่เกิดเหตุ Keith มีอาการโคมา กระดูกสันหลังแตกเป็นเสี่ยงและมีอาการบวมในสมอง     ปัจจุบัน Keith สามารถพูดคุยได้ หลังจากตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องสแกนเอ็กซ์เรย์แล้วพบว่าปอดของเขาปกติดีไม่มีน้ำขังอยู่ภายใน ซ้ำยังมีการวางแผนจัดงานวันเกิดของเขาที่โรงพยาบาลอีกด้วย ล่าสุดเขาสามารถขยับแขนตัวเองขึ้น-ลงได้ สามารถพูดคุยกับภรรยา Mickey และ Jeannie ผู้เป็นพ่อและแม่ของเขาได้ แต่ยังไม่สามารถขยับอวัยวะตั้งแต่ช่วงสะโพกลงไปได้…

  • เจ้าสาวใจแกร่ง แม้จระเข้กัด “แขนขาด” ก็ต้องเข้าพิธีวิวาห์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าให้ได้!!

    เจ้าสาวใจแกร่ง แม้จระเข้กัด “แขนขาด” ก็ต้องเข้าพิธีวิวาห์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าให้ได้!!

    ถ้าการแต่งงานคือความใฝ่ฝัน อุปสรรคใดๆ ก็ไม่อาจขัดขวางพิธีแห่งความสุขนี้ได้ คู่รักชายหญิงคู่หนึ่งได้ออกไปล่องเรือแคนูที่แม่น้ำแซมบีซีและเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีอุบัติเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น ฝ่ายหญิงถูก จระเข้ งับเข้าที่แขนจนขาด     Jamie Fox เจ้าบ่าวชาวอังกฤษและเจ้าสาว Zanele Ndlovu อดีตนักกีฬาเทนนิสทีมชาติ ได้ไปล่องเรือแคนูที่แม่น้ำแซมบีซีบริเวณด้านบนของน้ำตกวิกตอเรีย และแล้วจระเข้ก็โจมตีขึ้นมาจากด้านล่าง เนื่องจากเรือแคนูที่เป็นแบบเป่าลม เมื่อจระเข้งับมันจึงแฟบลง นั่นทำให้ฝ่ายหญิง Zanele ถูกกัดบาดเจ็บรุนแรงที่แขนซ้าย แถมยังต้องสูญเสียแขนขวาไปเลยอีกด้วย Jamie พยายามช่วยเหลือเธอแต่ขณะนั้นเธอเสียเลือดจำนวนมาก จนเขาคิดว่าวันนั้นเข้าต้องเสียเจ้าสาวของเขาไปเสียแล้ว     ชายหนุ่มพยายามหาอะไรมารัดแผลแล้วพาเธอไปส่งยังโรงพยาบาล ทีมแพทย์ผ่าตัดจึงเข้ามาช่วยเธอไว้ได้ทัน แต่นั่นก็ทำให้เธอต้องเสียแขนขวาไปเกือบทั้งหมด แต่นั่นไม่ทำให้เธอพลาดการเข้าร่วมพิธีวิวาห์ของเธอที่ตั้งใจจะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วัน แถมทางโรงพยาบาลยังอนุญาตให้ใช้โบสถ์ของโรงพยาบาลเพื่อดำเนินพิธีวิวาห์ได้อีกด้วย     มีท่านอธิบดีมาเป็นประธานในงานพิธีวิวาห์ของทั้งสอง   เมื่อเธอเซ็นชื่อจดทะเบียน ทั้งโบสถ์ก็กังวานไปด้วยเสียงปรบมือจากญาติๆ และผองเพื่อน   Jamie สวมแหวนแต่งงานให้กับ Zanele ที่มือข้างซ้ายแทน   แขกที่เข้าร่วมงานกล่าวว่า “มันเป็นเรื่องราวความรักที่น่าจดจำอย่างยิ่ง พวกเขาแสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขารักกันขนาดไหน ถึงจระเข้จะกัด ก็ไม่สามารถขัดขวางได้” ส่วนตัวของ Jamie ฝ่ายสามีเองก็กล่าวชมภรรยาใจแกร่งคนนี้ว่า “ผมภูมิใจในตัวเธอมากจริงๆ…

  • เผ็ดเจียนตาย!! หนุ่มวัย 24 ทานพริกที่เผ็ดที่สุดในโลกในงานแข่ง จนปวดหัวต้องเข้าโรงบาล

    เผ็ดเจียนตาย!! หนุ่มวัย 24 ทานพริกที่เผ็ดที่สุดในโลกในงานแข่ง จนปวดหัวต้องเข้าโรงบาล

    เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมามีชายวัย 34 ปีคนหนึ่งต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการ “ปวดหัวฟ้าผ่า” (Thunderclap Headaches) หลังจากที่เขาทานพริกที่ได้ชื่อว่าเผ็ดที่สุดในโลกภายในงานแข่งขันทานอาหาร พริกชนิดนี้มีชื่อว่า Carolina Reaper ซึ่งมีการวัดความเผ็ดไว้ที่ 1,569,300 สโกวิลล์ (หน่วยวัดความเผ็ด) เทียบกับพริกขี้หนูของประเทศไทยที่มีความเผ็ดอยู่ที่ 15,000 – 30,000 สโกวิลล์ เรียกได้ว่าเผ็ดนรกแตกกันเลยทีเดียว     ทางโรงพยาบาลบอกว่าชายคนดังกล่าวมีอาการจี้ขึ้นสมอง และปวดคอทันทีที่ทานพริกชนิดนี้เข้าไป และมีอาการปวดหัวต่อเนื่องไปอีกหลายวัน จนกระทั่งในที่สุดก็ทนไม่ไหวและต้องเข้าปรึกษากับโรงพยาบาล ทางทีมแพทย์ยังบอกอีกด้วยว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบว่าการทานพริกจะสามารถทำให้มีการปวดหัวแบบนี้ได้ Dr. Kilothungan Gunasekaran จากภาควิชาอายุรศาสตร์ ศูนย์การแพทย์บาสเซ็ต ในนิวยอร์ก กล่าวว่า “ชายอายุ 34 ปีที่ไม่มีประวัติโรคร้ายแรง ถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินเพราะอาการปวดศีรษะรุนแรงขึ้น อาการของเขาประกอบด้วยอาการน้ำลายแห้ง แต่ไม่มีอาการอาเจียน และปวดหัวเป็นพักๆ ทันทีหลังจากที่เขากิน Carolina Reaper หนึ่งในพริกที่เผ็ดที่สุดในโลก”     ผู้ป่วยบอกแพทย์ว่าเขาไม่มีอาการรู้สึกเสียวซ่า หรืออ่อนแอใดๆ รวมทั้งไม่ได้มีอาการพูดไม่ชัดหรือการสูญเสียการมองเห็นชั่วคราว แม้ว่าจะมีความดันสูงเล็กน้อยที่ 134/69 ก็ตาม การสแกนเผยให้เห็นหลอดเลือดแดงหลายเส้นในสมองของเขามีการหดตัว ซึ่งถือว่าเข้าข่าย กลุ่มอาการ RCVS (Reversible cerebral vasoconstriction syndrome) ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่หลอดเลือดในสมองจะหดตัวลงชั่วคราวเป็นพักๆ    …

  • ความสะเพร่าของโรงพยาบาล ทำให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาตครึ่งตัว ไม่เยียวยาและไม่รับผิดชอบ…

    ความสะเพร่าของโรงพยาบาล ทำให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาตครึ่งตัว ไม่เยียวยาและไม่รับผิดชอบ…

    โรงพยาบาลเปรียบได้เหมือนดั่งความหวังสุดท้าย ที่จะทำให้ร่างกายของคนเรากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง แต่ก็ยังคงมีในบางกรณีที่การรักษากลับทำให้ชีวิตของผู้ป่วยย่ำแย่ลงกว่าเดิม เรื่องราวของผู้ป่วยหญิงวัยรุ่นอายุ 15 ปี จากฮ่องกง ที่มีอาการปวดหัว ปวดคอ และรู้สึกว่าร่างกายด้านขวามีความอ่อนแรงผิดปกติ และเริ่มต้นเข้ารับคำแนะนำทางด้านการรักษากับทางโรงพยาบาล United Christian Hospital ในวันที่ 31 ตุลาคม 2017     จากนั้นในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2017 แพทย์ได้วินิจฉัยว่าเธอประสบกับอาการไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน อาจจะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งหรือเซลล์ประสาททั้งหมดที่ได้รับความเสียหาย และได้รับการรักษาด้วยสเตอรอยด์ในทันที แต่กลับไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ     แพทย์จึงแนะนำให้รับการรักษาด้วยวิธี Plasmapheresis (การฟอกเลือด) กระบวนการรักษาที่จะนำพลาสมาที่เป็นพิษออกจากร่างกาย ทำให้สะอาดหมดจนก่อนจะนำกลับเข้าสู่ ระบบการไหลเวียนเลือดในร่างกายอีกครั้ง ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2017 เธอเข้ารับการรักษาด้วยวิธีดังกล่าว และหลังจากที่แพทย์ได้ทำการสวมสายสวนหลอดเลือดไปที่ลำคอ เธอเกิดอาการช็อกส่งผลทำให้เลือดไหลไปกองอยู่ที่บริเวณหน้าอก     ทางทีมแพทย์ได้ทำการเอกซเรย์ และทำให้ครอบครัวของผู้ป่วยมั่นใจว่ายังอยู่ในระดับที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตามทีมแพทย์ได้ตัดสินใจย้ายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล Queen Elizabeth Hospital เพื่อรับการรักษาเลือดที่สะสมค้างอยู่ในบริเวณหน้าอกแทน ในขณะที่ทีมแพทย์ทีมใหม่จะทำการเจาะเส้นเลือดดำของผู้ป่วย กลับพบว่าเส้นเลือดแดงของเธอได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง จากการสวมสายสวนหลอดเลือดที่คอจากโรงพยาบาลแห่งแรก…

  • พ่อแม่สุดช็อก หลังรู้ความจริงว่าลูกเป็นเด็กกำพร้า กับ 7 ปีที่ทำใจเชื่อว่าเสียชีวิตไปแล้ว…

    พ่อแม่สุดช็อก หลังรู้ความจริงว่าลูกเป็นเด็กกำพร้า กับ 7 ปีที่ทำใจเชื่อว่าเสียชีวิตไปแล้ว…

    สำหรับคนที่เป็นพ่อคนแม่คนแล้ว ลูกๆ ของพวกเขาเปรียบเสมือนได้กับแก้วตาดวงใจ ที่รวบรวมความสุขของพวกเขาเอาไว้ แต่ก็ด้วยความโชคร้ายทำให้พ่อแม่บางคนต้องเสียลูกไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลก ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องเต็มไปด้วยความโศกเศร้าที่ยังอยู่ในหัวใจของพวกเขาเหล่านี้ ทว่าก็มีพ่อแม่คู่หนึ่งที่ได้มีโอกาสกลับมาเลี้ยงดูลูกของพวกเขาอีกครั้ง หลังจากที่คิดว่าเสียชีวิตไปแล้วถึง 7 ปี แต่แท้จริงแล้วเด็กคนนี้กลับต้องไปอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า และพวกเขาก็คงจะไม่รู้เลยถ้าหากไม่มีความผิดพลาดบางอย่างเกิดขึ้น!!     โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้เริ่มขึ้นที่เมืองวอลโกกราด ประเทศรัสเซียตั้งแต่ปี 2011 เมื่อมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้นที่โรงพยาบาลในเมืองวอลโกกราด ทว่าเด็กคนนี้กลับมีร่างกายที่ไม่แข็งแรงนัก และคุณหมอก็ได้บอกกับพ่อแม่ว่าเธอคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ อีกทั้งยังบอกพ่อแม่ให้ทำใจกับการจากไปของเด็กคนนี้เอาไว้ซะ คุณแม่ผู้ให้กำเนิดจึงเกิดความเสียใจเป็นอย่างมาก จนกระทั่งในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเซ็นชื่อสละสิทธิ์ในตัวของเด็กคนนี้ และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐในการดูแลต่อไป ทว่าในอีก 5 วันหลังจากที่มีการเซ็นสละสิทธิ์นี้ พ่อแม่คู่นี้ก็คิดว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องนักอีกทั้งยังคิดว่าถึงจะมีเวลาใช้ร่วมกันอย่างน้อยนิดแต่อย่างไรก็น่าจะใช้ร่วมกันอย่างมีค่าที่สุด พวกเขาจึงกลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อจะรับลูกน้อยกลับมาอยู่ในอ้อมอก     แต่เมื่อกลับไปถึงโรงพยาบาลทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าพวกเขามาช้าเกินไป เพราะว่าทารกคนนั้นได้เสียชีวิตไปก่อนหน้าที่พวกเขาจะมาถึงแล้ว สิ่งนี้ได้ยินสร้างความเสียใจให้แก่พวกเขาเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรชีวิตก็ยังคงต้องดำเนินต่อไปและพวกเขาก็ดำเนินชีวิตไปข้างหน้าเฉกเช่นสิ่งที่ควรจะเป็น ก่อนที่พวกเขาจะเพิ่งได้รู้ว่าเด็กคนนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ในปี 2017 ที่ผ่านมา ซึ่งถ้าไม่มีการผิดพลาดของระบบเกิดขึ้น พ่อแม่คู่นี้ก็คงไม่มีทางได้รู้ว่าลูกของพวกเขายังคงมีชีวิตอยู่ และได้อยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า Volgograd มาเป็นเวลาถึง 7 ปีเต็มๆ     โดยเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา เมื่อหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลางรัสเซีย (Federal Bailiff Service) ได้รับเอกสารจากผู้บริหารแสดงให้เห็นว่ามีคู่รักคู่หนึ่งที่ติดหนี้รัฐเป็นเงินจำนวน 230,000…

  • โรงบาลมีเครื่องทำคีโมไม่พอ คุณลุงก็เลยไปประมูลซื้อมาจาก eBay แถมได้ราคาถูก

    โรงบาลมีเครื่องทำคีโมไม่พอ คุณลุงก็เลยไปประมูลซื้อมาจาก eBay แถมได้ราคาถูก

    เครื่องมือทางการแพทย์คือสิ่งที่จำเป็นและยังคงมีปัญหาในเรื่องของความขาดแคลนกับหลายๆ โรงพยาบาลทั่วโลก ด้วยงบประมาณที่มีอยู่จำกัดและราคาที่ค่อนข้างสูงของเครื่องมือเหล่านั้น เพราะอย่างนั้นเองผู้ป่วยคนนี้จึงตัดสินใจยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าว เขาคนนี้มีชื่อว่า Steve Brewer วัย 62 ปี อาศัยอยู่ในเมือง Peterborough ประเทศอังกฤษ เขาป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้มาตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งเขาต้องเจอกับปัญหาในเรื่องเครื่องมือที่จะใช้ในการรักษาอาการป่วยของเขามาโดยตลอด   Steve ชายผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งมานานกว่า 3 ปี   ทางโรงพยาบาล Peterborough City Hospital บอกกับเขาว่า สถานพยาบาลแห่งนี้ไม่สามารถทำการซื้อเครื่องปั้มสามสูบไว้สำหรับการจ่ายยาให้คนไข้ได้ เพราะราคาของมันแพงจนเกินไป เครื่องหนึ่งมีราคาอยู่ที่ประมาณ 166,000 บาท Steve เล่าว่าในตอนที่เขามาทำคีโมครั้งแรก พยาบาลบอกกับเขาว่าที่นี่ไม่มีเครื่องปั้มที่เพียงพอสำหรับคนไข้ ซึ่งเขารู้ดีว่าเครื่องปั้มสามสูบนั้นจะสามารถส่งตัวยารักษาเข้าสู่ร่างกายคนไข้ได้เร็วกว่าปั้มปกติ ทำให้ใช้เวลาในการรักษาแต่ละครั้งน้อยลงไปประมาณ 30 ถึง 40 นาทีเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นเจ้าเครื่องนี้ก็เปรียบได้กับเครื่องที่จะช่วยต่อชีวิตให้กับคนไข้ได้มากขึ้น 1 ชั่วโมงครึ่งต่อการรักษา นับว่าเป็นผลลัพธ์ที่ทุกคนต้องการอย่างแท้จริง   เครื่องปั้มสามสูบที่ช่วยในเรื่องของการรักษา   เขาบอกว่าได้มาทำคีโมกับทางโรงพยาบาลถึง 25 ครั้ง ซึ่งมันก็ช่วยในการยับยั้งโรคเอาไว้ได้ในระดับหนึ่ง และเจ้าเครื่องปั้มสามสูบก็นับว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อทางโรงพยาบาล ต่อเขา และต่อคนไข้คนอื่น…

  • นั่งเล่นเกมยาว 20 ชั่วโมง วันต่อมาถึงกับต้องเรียกรถพยาบาล เพราะท่อนล่างขยับไม่ได้แล้ว

    นั่งเล่นเกมยาว 20 ชั่วโมง วันต่อมาถึงกับต้องเรียกรถพยาบาล เพราะท่อนล่างขยับไม่ได้แล้ว

    ยุคนี้เป็นยุครุ่งเรืองของวงการเกมเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะมีคนเล่นเกมจำนวนมากทั้งบนโทรศัพท์มือถือและบนเครื่องเล่นประเภทต่างๆ เมื่อไม่นานมานี้เกมออนไลน์ก็ถูกบรรจุลงเป็นกีฬาแข่งขันซึ่งเรียกว่า eSports ด้วย ในทางกลับกันการที่มีคนเล่นเกมเพิ่มเป็นจำนวนมากก็ทำให้ควบคุมพฤติกรรมการเล่นได้ยากด้วย อย่างปัญหาที่แก้ไม่หายมาตลอดหลายปีนี้ก็คือปัญหาติดเกมนั่นเอง ล่าสุดก็มีชายจีนติดเกมมาก เล่นเกมยิงยาวข้ามวันไม่ยอมลุกไปไหนจนร่างกายท่อนล่างชาไปเลย     ชายนิรนามคนดังกล่าวเข้าไปเล่นเกมในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่แห่งหนึ่งในแถบ Jiaxing มณฑล Zhejiang เขาเริ่มเล่นเกมตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมาจนถึงเวลาช่วงบ่ายของวันถัดมาเลยทีเดียว ในช่วงบ่ายวันที่ 28 มกราคมขณะที่เขากำลังจะพักจากการเล่นเกมไปเข้าห้องน้ำ เขาถึงเพิ่งรู้ตัวว่าร่างกายช่วงล่างของเขาชาจนไม่มีความรู้สึกอะไรเลย เขาจึงลุกขึ้นยืนเองไม่ได้ เพื่อนที่เล่นเกมอยู่ข้างๆ กันเห็นดังนั้นจึงเรียกรถพยาบาลเข้ามาช่วยเหลือทันที เพื่อนคนหนึ่งของเขาให้สัมภาษณ์ว่า “ดูเหมือนว่าเขาจะสูญเสียความรู้สึกช่วงล่างไปทั้งหมด เขาขยับขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย พวกเราก็เลยจำเป็นต้องเรียกรถพยาบาลมา”     จากคลิปวิดีโอจะเห็นได้ว่าชายที่ใส่เสื้อกันหนาวสีน้ำตาลไม่สามารถลุกขึ้นยืนเองได้ เขาต้องให้เพื่อนและหน่วยกู้ภัยช่วยพยุงตัวลงไปนอนบนเปล แม้ว่าเด็กหนุ่มจะไม่ระบุว่าเกมที่เขาเล่นในวันนั้นเป็นเกมอะไร แต่ก็เห็นได้ชัดว่าปัญหาติดเกมในประเทศจีนนั้นค่อนข้างรุนแรงมากเลยทีเดียว เมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งมีข่าวว่าเด็ก 10 ขวบจากประเทศจีนโอนเงินจำนวน 150,000 หยวน (ประมาณ 743,000 บาท) จากบัญชีของแม่ไปเติมเกมส์ทั้งหมดเลย แม้ว่านั่นจะเป็นเงินเก็บก้อนสุดท้ายที่แม่ของเขาเอาไว้รักษาโรคมะเร็งให้เขาเองก็ตาม (อ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ )     ทางประเทศจีนเองก็เคยพยายามออกมาแก้ไขปัญหาเด็กติดเกมแล้ว โดยจัดทำค่ายอบรมแบบทหารขึ้น ซึ่งอ้างว่าจะใช้การอบรมทางด้านจิตวิทยาผสมผสานกับการฝึกร่างกายเพื่อให้เด็กเลิกติดเกมให้ได้ ทว่าค่ายอบรมนั้นก็ถูกกระแสตีกลับว่ามีการใช้ความรุนแรงเกินเหตุ เมื่อปี 2017…

  • คุณหมอจีนตายในหน้าที่ ระหว่างดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินกว่า 40 ราย ภายในกะดึกคืนเดียว…

    คุณหมอจีนตายในหน้าที่ ระหว่างดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินกว่า 40 ราย ภายในกะดึกคืนเดียว…

    เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศจีน เมื่อมีนายแพทย์วัยกลางคนเสียชีวิตลงจากการที่เขา รักษาคนไข้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาทั้งคืน ซึ่งคนไข้ที่เขาได้ช่วยเหลือนั้นมีจำนวนมากถึง 40 คนเลยทีเดียว โดยนายแพทย์คนดังกล่าวมีชิ่อว่า Guo Qingyuan วัย 43 ปี ซึ่งเขาได้รับหน้าที่เป็นแพทย์ประจำห้องฉุกเฉินกะกลางคืน ในคืนวันอังคารที่ 24 มกราคมที่ผ่าน และในคืนนั้นเองก็ได้มีคนไข้หลั่งไหลเข้ามาให้เขารักษาอย่างมากมาย     จนทำให้เช้าวันรุ่งขึ้นร่างกายของนายแพทย์ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เมื่อเขามีอาการเจ็บแน่นที่หน้าอก มีอาการใจสั่น และหายใจติดขัด เขาจึงตัดสินใจยุติการรักษา และขณะที่เขากำลังเข้าสู่ขั้นตอนเข้ารับการรักษาอยู่นั้น ปรากฏว่านายแพทย์ Guo ได้ทรุดตัวลงอย่างไม่มีใครคาดคิด นั่นจึงทำให้เขาต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างฉุกเฉิน แต่ก็ไม่ทันการณ์เพราะว่าหลังจากที่เขาเข้ารับการรักษาเพียง 4 ชั่วโมง เขาก็เสียชีวิตในที่สุด     สำหรับนายแพทย์ Guo นั้นเป็นพ่อของลูกๆ ของเขา 2 คนซึ่งคนเล็กสุดนั้นมีอายุได้เพียงแค่ 5 เดือนเท่านั้น ซึ่งภรรยาของเขาก็เป็นหมอเช่นเดียวกัน จากการรายงานของสื่อ Xining Evening News โดยในคืนก่อนที่เขาจะเสียชีวิตนั้น นายแพทย์ Guo ได้รักษาผู้ป่วยจำนวน 40 คน หลังจากนั้นเขาก็อยู่ต่อเกินเวลางานอีกกว่า 3 ชั่วโมงเพื่อจะส่งมอบคนไข้ให้กับหมอที่มาทำหน้าที่ต่อจากเขา และทำให้ร่างกายของเขาอ่อนเพลีย…

  • หนุ่มแต่งตัวเหมือนหมอ พร้อมหลอกทุกคนในโรงพยาบาลเพื่อที่จะตรวจภายในให้กับผู้หญิง

    หนุ่มแต่งตัวเหมือนหมอ พร้อมหลอกทุกคนในโรงพยาบาลเพื่อที่จะตรวจภายในให้กับผู้หญิง

    พวกเราหลายๆ คนอาจเคยมีความคิดที่ว่าอยากจะปลอมตัวเป็นคนคนหนึ่ง เพื่อหาโอกาสทำในสิ่งที่เราอยากจะทำ หรือประกอบอาชีพที่เราวาดฝันเอาไว้ ซึ่งชายหนุ่มคนหนึ่งในประเทศรัสเซียก็คงตั้งใจเอาไว้แบบนั้นเหมือนกัน เขาจึงทำเนียนปลอมตัวเป็นหมอหลอกคนทั้งโรงพยาบาลซะเลย ชายคนนี้มีชื่อว่า Anton Yarin ชายผู้ปลอมตัวเป็นหมอในโรงพยาบาล Pervouralsk city และสามารถทำให้ทุกคนเชื่อสนิทใจไปหลายวันเลยว่าเขาคือหมอประจำโรงพยาบาลแห่งนี้จริงๆ   กล้องวงจรปิดจับภาพ Anton ชายผู้ปลอมตัวเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาล   จากการรายงานข่าวของ UNILAD เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2018 เล่าว่า Anton สมัครงานเข้ามาในตำแหน่งช่างประปา ก่อนที่เขาจะสวมบทบาท แต่งชุดขาวออกไปหลอกคนไข้และหมอคนอื่นๆ ว่า เขาเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนรีแพทย์ การผ่าตัด และด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉิน สวมบทเป็นนรีแพทย์ก็คงทำให้หลายๆ คนเริ่มมองเห็นแล้วว่าจุดประสงค์เขาไปในทิศทางใด ซึ่งการปลอมตัวของเขาก็เป็นไปได้ด้วยดี เข้าตรวจคนไข้ราวกับเป็นหมอจริงๆ ซะอย่างนั้น   ในคลิปเผยให้เห็นว่าเขากำลังเรียกเด็กสาวคนหนึ่งเข้าคิวรอรับการตรวจ   ที่น่าตกใจก็คือ ในตอนแรกไม่มีใครผิดสังเกตเลยว่าเขาไม่ใช่หมอจริงๆ ส่วนหนึ่งต้องชื่นชมในความสามารถอันแนบเนียน อ้างว่าตัวเองเป็นแพทย์คนใหม่ที่จะเข้ามาประจำ และ Anton ก็เคยเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลแห่งนี้มาก่อน เขาจึงพอจำชื่อของแพทย์ทุกคนได้เป็นอย่างดี Nikolay Shaydurov หัวหน้าแพทย์ประจำโรงพยาบาล บอกว่า Anton เดินไปรอบโรงพยาบาลด้วยความมั่นใจ…

  • ผู้โดยสารชั้นธุรกิจโดน “ตัวเรือด” กัดบนเครื่องบินกว่า 150 ครั้ง จากลอนดอนสู่เคปทาวน์

    ผู้โดยสารชั้นธุรกิจโดน “ตัวเรือด” กัดบนเครื่องบินกว่า 150 ครั้ง จากลอนดอนสู่เคปทาวน์

    การเดินทางอันแสนทรมานนี้เกิดขึ้นกับคุณ Mike Gregory นักธุรกิจหนุ่มชาวอังกฤษที่ถูกตัวเรือดกัดระหว่างการเดินทางจากกรุงลอนดอนไปยังเมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ “ร่างกายของผมมีรอยอยู่มากมายทั้งตรงเอวและมือ ผมคิดว่าผมน่าจะถูกกัดมากกว่า 120 ถึง 150 ครั้ง” นักธุรกิจหนุ่มเล่าประสบการณ์การเดินทาง 7 ชั่วโมงที่แสนทรมานของเขา   ตัวเรือด แมลงตัวเล็กๆ ที่เล่นงานนักธุรกิจหนุ่มท่านนี้   ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาพร้อมกับรอยแดงระหว่างโดยสารเครื่องบินของสายการบิน British Airways ซึ่งหลังจากที่ได้พบคุณหมอ ก็สามารถยืนยันได้ว่ารอยแดงดังกล่าวนั้นเป็นฝีมือของพวกตัวเรือดที่อยู่บนเครื่องบิน คุณ Gregory ได้ทำการแจ้งไปยังสายการบินดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และทางสายการบินก็ได้แจ้งกับชายหนุ่มว่าพวกเขาได้จัดการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยการจัดการพวกตัวเรือดในเครื่องบินลำดังกล่าว พร้อมกับออกมาขอโทษต่อเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว     “ทางเราได้ทำการติดต่อไปยังคุณ Gregory เพื่อเป็นการขอโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตลอดการบินมากกว่า 280,000 เที่ยวบินใน 280 เส้นทาง การพบตัวเรือดนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่พบได้ยากมาก แต่อย่างไรก็ตามเราได้ทำการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” โฆษกของทาง British Airways แถลง อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้โดยสารจากสารการบินดังกล่าวถูกตัวเรือดกัด แต่ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ครอบครัวชาวแคนาดาครอบครัวหนึ่งก็ถูกตัวเรือดกัดในระหว่างเดินทางจากเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ไปยังกรุงลอนดอนเช่นกัน     แผลที่มือของคุณ Gregory หลังจากการถูกตัวเรือดกัด   กระเป๋าเดินทางอาจจะเป็นหนึ่งในหนึ่งช่องทางที่ทำให้พวกตัวเรือดสามารถเดินทางจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งได้ แต่อย่างไรก็ตามการพบตัวเรือดบนเครื่องบินนั้นถือว่าเป็นกรณีที่พบเห็นได้น้อยมาก   ที่มา businessinsider

  • พยาบาลสาวถูกปรับกว่า 240,000 บาท เพราะเธอจอดรถผิดที่เพื่อไปดูแลผู้ป่วย

    พยาบาลสาวถูกปรับกว่า 240,000 บาท เพราะเธอจอดรถผิดที่เพื่อไปดูแลผู้ป่วย

    เมื่อเรามีรถยนต์ส่วนตัวเป็นของตัวเองและขับไปยังสถานที่ต่างๆ บ่อยครั้งที่เราก็มักจะหงุดหงิดกับการหาที่จอดรถไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นที่ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร หรือกระทั่งที่ทำงานก็ตาม และแล้วเรื่องการจอดรถก็ได้สร้างปัญหาใหญ่ขึ้นให้กับพยาบาลสาวคนหนึ่ง เมื่อเธอถูกใบสั่งจากการจอดรถเป็นเงินกว่า 5,500 ปอนด์ (ประมาณ 240,000 บาท) บาท ทั้งๆ ที่เธอกำลังปฏิบัติงานช่วยชีวิตของผู้ป่วยอยู่ในขณะนั้น…   หน้าตาของ Victoria Slayford พยาบาลที่โดนค่าปรับดังกล่าว   โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นกับพยาบาลสาวลูกหนึ่งชื่อว่า Victoria Slayford วัย 38 ปี ที่ทำงานเป็นระยะเวลายาวนานถึง 12 ชั่วโมงต่อวันในตำแหน่งพยาบาลกุมารเวชศาสตร์ ที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยครอยดอน ทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งในขณะที่เธอกำลังทำงานอยู่นั้น เธอก็บอกว่าผู้ดูแลที่จอดรถก็เดินเข้ามาหาเธอพร้อมมอบใบสั่งให้กว่า 80 ใบในข้อหา ‘จอดรถในที่ห้ามจอด’ แม้ว่าเธอจะมีใบอนุญาตพนักงานก็ตาม “ใบสั่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการที่ฉันทำงานล่วงเวลาและอยู่กับผู้ป่วย มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากที่ฉันต้องมาเจอกับเรื่องนี้ แม้ว่าฉันพยายามจะช่วยชีวิตของผู้คนอยู่ก็ตาม” Slayford กล่าว โดยเธอบอกเอาไว้ว่า ที่ทำงานของเธอมีที่จอดรถสำหรับพนักงานที่ค่อนข้างจะจำกัด และมักจะเต็มเสมอเมื่อในเวลาที่เธอต้องไปทำงาน นอกจากนี้เธอยังบอกอีกด้วยเธอต้องวนหาที่จอดเป็นเวลานานอยู่บ่อยๆ จนในที่สุดก็ต้องยอมไปจอดที่จอดรถสาธารณะที่มีค่าจอดถึง 15 ปอนด์ (ประมาณ 650 บาท) ต่อวันเลยทีเดียว   โดนปรับทีเป็นแสน   แม้ว่าบัตรพนักงานจะทำให้เธอได้ลดราคามาอยู่ที่ 10…

  • หนุ่มแสดงความรักมั่น ขอสาวผู้ป่วยมะเร็งเต้านมแต่งงานในโรงพยาบาล ก่อนเธอเสียชีวิต

    หนุ่มแสดงความรักมั่น ขอสาวผู้ป่วยมะเร็งเต้านมแต่งงานในโรงพยาบาล ก่อนเธอเสียชีวิต

    โรคมะเร็งเป็นโรคร้ายชนิดหนึ่ง ผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งจะมีการแบ่งเซลล์ผิดปกติ จนเกิดเป็นเนื้องอกร้ายในร่างกาย และอาจลุกลามไปยังส่วนต่างๆ จึงถือว่าเป็นโรคที่น่ากลัวที่สุดโรคหนึ่ง ที่พรากชีวิตคนจำนวนไม่น้อยไปจากโลกใบนี้ หากป่วยเป็นมะเร็งระยะร้ายแรงแล้ว ผู้ป่วยมักจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานนัก แต่ถ้าได้รับกำลังใจที่ดีพอ อาจจะเป็นแรงผลักดันให้ผู้ป่วยมีชีวิตรอดได้นานราวกับปาฏิหาริย์ก็ได้ เจ้าบ่าวและเจ้าสาวคู่นี้ อาจจะเป็นตัวอย่างที่ดีของเหตุการณ์ดังกล่าว   David และ Heather Mosher   เจ้าสาว Heather Mosher ป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมชนิดทริปเปิ้ลเนกาทีฟ แต่เธอมีชีวิตรอดได้ยาวนานกว่าที่หมอคาดการณ์ไว้ เนื่องจากเธอได้รับกำลังใจอันล้นหลามจากคนรัก David Mosher ทั้งคู่พบกันในชั้นเรียนสวิงแดนซ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2015 หลังจากนั้นทั้งสองก็หลงรักกันหัวปักหัวปำ กลายเป็นคู่รักที่ตัวติดกันตลอดเวลาเลยทีเดียว ดังที่ David เล่าว่า “หลังจากเราพบกันแล้ว ก็เหมือนว่าเราแยกจากกันไม่ได้เลย” แต่เรื่องราวรักหวานชื่นของทั้งคู่ก็ดำเนินมาได้ไม่นาน เพราะเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2016 แพทย์ก็ได้แจ้งข่าวร้ายกับพวกเขาว่า แฟนสาวป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านม     ถึงแม้จะรู้ว่าแฟนสาวป่วยเป็นโรคมะเร็ง แต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดจะปล่อยให้เธอต่อสู้กับโรคนี้เพียงลำพัง เขาตัดสินใจขอหมั้นเธอในวันเดียวกันที่เธอรู้ข่าวว่าเป็นมะเร็งเลย เขาเล่าว่า “เธอไม่รู้มาก่อนว่าผมจะขอหมั้นคืนนั้น แต่ผมอยากให้เธอรู้ว่า เธอจะไม่ต้องต่อสู้กับโรคนี้คนเดียว” จากนั้นเขาจึงขอเธอแต่งงานอย่างโรแมนติกบนรถม้าดังที่ชายหนุ่มเล่าว่า “ผมจัดเตรียมรถม้าไว้สำหรับเราสองคนแล้ว ในคืนนั้นระหว่างที่เรากำลังนั่งรถม้าไปในถนนที่มีเพียงแสงไฟ ผมก็ขอเธอหมั้นทันทีเลย” ทว่าข่าวร้ายเรื่องโรคมะเร็งเต้านมยังไม่จบสิ้น ห้าวันหลังจากเขาขอเธอหมั้นแล้ว…

  • โรงพยาบาลไทยไปไกลแล้ว สื่อนอกชงข่าว ‘บริการฟอกจู๋’ กำลังได้รับความนิยมสูง

    โรงพยาบาลไทยไปไกลแล้ว สื่อนอกชงข่าว ‘บริการฟอกจู๋’ กำลังได้รับความนิยมสูง

    หลังจากที่กลายเป็นกระแสฮือฮาสำหรับท่านชายในบ้านเราเกี่ยวกับเพิ่มความขาวกระจ่างให้น้องชายในคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งในประเทศไทย ล่าสุดเรื่องราวดังกล่าวกลายเป็นข่าวโด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศแล้ว!! เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2018 ที่ผ่านมาเว็บไซต์ Independent ได้รายงานเรื่องราวดังกล่าวว่าโรงพยาบาลเลอลักษณ์ผู้เป็นเจ้าของการรักษานี้กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง และคาดว่าจะมีลูกค้าชายมากกว่า 3-4 รายต่อวันเลยทีเดียว     ทางด้านคุณบัณฑิตา วัฒนศิริ ผู้จัดการแผนกผิวพรรณและเลเซอร์ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว AFP ว่า “มีผู้คนมากมายเข้ามาถามเกี่ยวกับบริการดังกล่าว เราต้องทำอย่างระมัดระวังเพราะบริเวณดังกล่าวนั้นเป็นจุดที่บอบบางมากที่สุดจุดหนึ่งของร่างกาย” นอกจากนี้ทางด้านผู้จัดการยังได้เผยอีกว่ากลุ่มลูกค้าที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับบริการดังกล่าวนั้นมีอายุอยู่ระหว่างช่วง 22 ถึง 55 ปี     โดยอัตราค่าบริการต่อ 5 ครั้งนั้นอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท แต่อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช้บริการเสริมความงามจุดซ่อนเร้นที่ทางโรงพยาบาลเปิดให้บริการครั้งแรก ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยเปิดให้บริการทำจิ๋มแบบ 3 มิติ ซึ่งจะเป็นการฉีดไขมันเข้าไปเพื่อให้น้องสาวของคุณผู้หญิงมีความอวบอิ่มมากขึ้น โดยราคาค่าบริการนั้นอยู่ที่ประมาณ 48,000 บาทต่อคอร์ส     อย่างไรก็ตามทางด้านแพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ์ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง จากกระทรวงสาธารณะสุขก็ได้ออกมากล่าวถึงกรณีการใช้เลเซอร์บริเวณอวัยวะเพศชายว่า บริเวณดังกล่าวนั้นมีความอ่อนไหวและมีเส้นเลือดอยู่มาก และการทำเลเซอร์นั้นอาจจะทำให้เกิดแผลและติดเชื้อได้ ดังนั้นผู้บริโภคควรพิจารณาและศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ     ที่มา independent

  • คุณหมอเขียน “ชื่อ” และ “หน้าที่” ของตัวเองบนหมวกคลุมผม เกิดกระแสเปลี่ยนแปลงในวงการแพทย์

    คุณหมอเขียน “ชื่อ” และ “หน้าที่” ของตัวเองบนหมวกคลุมผม เกิดกระแสเปลี่ยนแปลงในวงการแพทย์

    เมื่อเราต้องทำงานร่วมกับคนจำนวนมากที่แทบไม่รู้จักกันเลย เวลาเราต้องประสานงานหรือว่าช่วยงานกัน จึงทำให้การเรียกหรือระบุตัวคนเป็นเรื่องยาก เพราะว่าเราคงไม่สามารถจำชื่อคนทุกคนในเวลาอันสั้นได้ จากปัญหาดังกล่าว ทำให้หมอคนหนึ่งในเมืองซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เกิดความคิดสุดประหลาดขึ้นมาว่า หากเขาเขียนชื่อและตำแหน่งงานของตนเองลงบนหมวกคลุมผม เวลาที่ทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงาน คนอื่นจะได้รู้ว่าเขาชื่ออะไร ทำงานส่วนไหน   Dr. Rob Hackett   คุณหมอ Rob Hackett เขามักจะมีปัญหาเวลาที่ต้องทำงานกับคนอื่นในห้องผ่าตัด เพราะหมอแทบทุกคนจะใส่หน้ากากอนามัย และหมวกคลุมผม จนแยกไม่ออกเลยว่าใครเป็นใคร มีหน้าที่อะไรบ้าง ซึ่งเวลาที่หมอแต่ละคนต้องการให้คนช่วยงาน พวกเขาก็จะเสียเวลามานั่งคิดนั่งจำว่าหมอคนนั้นชื่ออะไร เป็นหมอเชี่ยวชาญด้านใด จนอาจทำให้การผ่าตัดล่าช้าโดยใช่เหตุ     เขาบอกว่า “เมื่อคุณต้องทำงานในโรงพยาบาลหลายแห่ง ร่วมกับคนหลายร้อยคน ผมบอกเลยว่าผมไม่รู้เลยว่าคนกว่า 3 ใน 4 นั้นชื่ออะไรบ้าง และเวลาจะเรียกให้ช่วยงานกันก็จะรู้สึกกระอักกระอ่วนแปลกๆ” เขาเลยเขียนว่า “Rob วิสัญญีแพทย์” ลงบนหมวกคลุมผมของเขา ทีนี้แพทย์ทุกคนก็จะรู้แล้วว่าเขาทำหน้าที่อะไร และเรียกให้ช่วยงานได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลามาแยกว่าคนนั้นเป็นหมอด้านไหน     หลังจากนั้นเพียง 6 เดือน ไม่น่าเชื่อว่าไอเดียนี้ของเขา กลายเป็นที่ยอมรับกันอย่างเป็นสากล และมีคนนำไปทำตามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ในประเทศออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร…

  • โรงพยาบาลในจีนให้เด็กเล่น ROV ขณะ “ขลิบกระปู๋” ได้ แถมมอบส่วนลดสุดพิเศษหากได้คะแนนสูง

    โรงพยาบาลในจีนให้เด็กเล่น ROV ขณะ “ขลิบกระปู๋” ได้ แถมมอบส่วนลดสุดพิเศษหากได้คะแนนสูง

    เมื่อการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กผู้ชายรู้สึกหวาดกลัว ด้วยเหตุนี้ ทางคลินิกบางแห่งในประเทศจีน จึงได้ปิ๊งไอเดียสุดแหวกแนวที่จะช่วยทำให้เด็กรู้สึกผ่อนคลายนั่นก็คือ การอนุญาตให้เล่นเกมบนมือถือได้ในขณะเข้ารับการผ่าตัดขลิบจู๋!!     เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 สำนักข่าวเดลีเมล์มีรายงานว่า คลินิกเอกชนสามแห่งในประเทศจีนได้เสนอส่วนลดสุดพิเศษในการผ่าตัดขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศเด็กชาย สำหรับคนที่สามารถเล่นเกม “King of Glory” หรือ  “ROV” จนได้คะแนนสูงถึงเกณฑ์ที่คลินิกตั้งไว้ และยิ่งไปกว่านั้น หากผู้เข้ารับการผ่าตัดคนไหนสามารถทำคะแนนได้สูงสุดก็จะได้รับการผ่าตัดแบบฟรีๆ ไปเลย โดยโปรโมชั่นส่วนลดค่าผ่าตัดนี้ได้เริ่มต้นขึ้นในช่วงฤดูพักร้อนของจีน ซึ่งโดยรวมแล้วกินเวลานานถึง 2 เดือนเลยทีเดียว     จากการรายงานระบุว่า ก่อนหน้านี้ทั่วโลกออนไลน์ของจีนได้มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอของเด็กชายคนหนึ่ง ที่กำลังเล่นเกมสุดฮิตอย่าง ROV บนมือถือ ขณะที่เข้ารับการผ่าตัดขลิบอวัยวะเพศ ซึ่งคลิปดังกล่าวก็ได้กลายกระแสไวรัลไปทั่วโลกออนไลน์ ทั้งยังถูกทางเว็บไซต์ข่าวต่างๆ ของจีนนำไปตีข่าวอย่างรวดเร็ว     ภาพของหนูน้อยกำลังนอนเล่นเกมอยู่บนเตียงอย่างชิวๆ โดยในขณะนั้นทางแพทย์กำลังทำการผ่าตัดขลิบกระปู๋ให้กับเขา   อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากคลินิกทั้ง 3 แห่งแล้ว ยังรวมไปถึงโรงพยาบาล Guigang Wuzhou ในมณฑลกว่างซีจ้วง, โรงพยาบาล Jiangjin Ren’ai ในฉงชิ่ง และโรงพยาบาล Baotou Jiuzhou Urology…

  • ชาวอินเดียประท้วง เด็กกว่า 60 เสียชีวิตใน 5 วัน ตำรวจคาดอ็อกซิเจนหมดเพราะไม่จ่ายบิล!?

    ชาวอินเดียประท้วง เด็กกว่า 60 เสียชีวิตใน 5 วัน ตำรวจคาดอ็อกซิเจนหมดเพราะไม่จ่ายบิล!?

    เมื่อโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศอินเดีย ทำเด็กเสียชีวิตกว่า 64 ราย จนนำไปสู่การประท้วงในท้องถิ่น โดยภายหลังการสอบสวนนั้นคาดว่าเกิดขึ้นเพราะไม่มีออกซิเจนจ่ายให้กับคนไข้ เนื่องจากไม่ยอมจ่ายเงินที่ค้างชำระให้แก่บริษัทอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์     เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2560 ทางเว็บไซต์ Metro มีรายงานว่า ทางรัฐบาลของประเทศอินเดียได้สั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐอุตตรประเทศ เข้าตรวจสอบ และเฝ้าจับตาสถานการณ์ของทางโรงพยาบาล Baba Raghav Das Medical College Hospital อย่างต่อเนื่อง เหตุเกิดขึ้นภายหลังจากที่โรงพยาบาลดังกล่าว ได้ทำคนไข้เด็กกว่า 64 ราย (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กแรกเกิด) เสียชีวิตพร้อมๆ กันในช่วงเวลา 5 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้หลังจากการสืบสวนเบื้องต้นทางโรงพยาบาลได้ถูกตั้งข้อกล่าวหาเอาไว้ว่า สาเหตุที่ทำเด็กต้องจบชีวิตอย่างน่าสลด อาจเป็นเพราะระบบส่งออกซิเจนของโรงพยาบาลถูกตัดขาด เพราะไม่ยอมจ่ายค่าค้างชำระให้กับบริษัทผู้จัดจำหน่าย     นอกจากนี้ ยังมีการเผยภาพเหตุการณ์อันน่าสะเทือนใจของผู้เป็นพ่อแม่เด็ก ที่กำลังพากันร้องไห้หลังจากที่ลูกของตนเสียชีวิต ขณะเดียวกันก็ได้มีพ่อแม่อีกหลายๆ คนได้ออกมาประท้วงโรงพยาบาลแห่งนี้ เพื่อเรียกร้องหาความยุติธรรม     อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก็ได้ออกมายอมรับว่า ระบบส่งออกซิเจนเกิดเหตุขัดข้องจริง แต่ทั้งนี้มันไม่ใช่สาเหตุทั้งหมดที่ทำให้เด็กเสียชีวิต เพราะส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเด็กป่วยเป็นโรคไวรัสสมองอักเสบ รวมถึงความผิดพลาดในการทำคลอดอีกบางเคสด้วย…

  • ร้านส่ง “มิลค์เชค” ไกลกว่า 600 กิโลให้หญิงใกล้ตาย เพื่อให้เธอมีความสุขกับของโปรดครั้งสุดท้าย…

    ร้านส่ง “มิลค์เชค” ไกลกว่า 600 กิโลให้หญิงใกล้ตาย เพื่อให้เธอมีความสุขกับของโปรดครั้งสุดท้าย…

    หากเราอยากกินโน่นกินนี่มันก็คงไม่ยากที่เราจะขับรถไปกิน หรือถ้าไม่มีรถเราก็อาจนั่งรถประจำทางหรือโทรสั่งมากินได้ที่บ้าน แต่สำหรับเธอคนนี้นั้นมันเป็นสิ่งที่ยากเหลือเกินเมื่อมันอยู่ห่างออกไปไกลและเธอก็ไม่สามารถจะไปกินได้ด้วยตัวเอง นี่คือเรื่องราวของหญิงสาวชาวอเมริกันที่มีชื่อว่า Emily Pomeranz ผู้ป่วยโรคมะเร็งตับอ่อนพร้อมกับคำขอสุดท้ายของเธอที่จะได้กินมิลค์เชคจากร้านโปรดก่อนที่เธอจะจากไปอย่างน่าเศร้า เธอนั้นเติบโตในเมือง Cleveland Heights รัฐโอไฮโอ ซึ่งที่นั่นมีร้านอาหารชื่อว่า Tommy’s ที่มีชื่อเสียงความอร่อยจากอาหารและมิลค์เชค นอกจากนั้นร้านนี้ยังเป็นร้านโปรดของเธออีกด้วย     Sam Klein เพื่อนของเธอได้เข้าไปเยี่ยมเธอที่สถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน และได้ถามว่าเธอต้องการอะไรบ้างไหม เขาจะได้ไปหามาให้ เธอได้ตอบกลับมาว่าเธอต้องการหมวกเบสบอล เขาจึงได้นำมาให้ในวันถัดมาและถามอีกว่า เธอยังต้องการอะไรอีกไหม เธอจึงตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “ฉันหวังว่าฉันจะได้กินมอคค่ามิลค์เชคจากร้านโปรดอีกสักครั้ง” อย่างที่รู้ว่าเธอคงไม่สามารถไปด้วยตนเองได้ ด้วยความเป็นเพื่อนจึงได้ตัดสินใจส่งอีเมล์ไปถามที่ร้านว่าจะมีทางไหนมั้ยที่จะทำให้เธอสมหวังด้วยระยะทางที่ไกลจากร้านถึง 600 กิโลเมตร มายังรัฐเวอร์จิเนีย ที่เธอพักอยู่     ไม่กี่วันผ่านไป Tommy Fello เจ้าของร้านก็ได้ติดต่อกลับมาว่า “ได้ เราจะหาทางให้เอง” จากการหาข้อมูลทางร้านจึงได้ส่งพัสดุที่บรรจุให้อย่างดีมาและเมื่อเปิดออกก็พบว่านั่นคือมิลค์เชคที่เธอต้องการนั่นเอง มันเป็นสิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน โดยเฉพาะเธอที่รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และได้แบ่งกันกินกับครอบครัวของเธอ Sam ได้บอกอีกว่า เธอเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนที่เจอฟังในทุกๆ วัน สิ่งนั้นก็ทำให้ทุกคนยิ้มได้มากแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเมื่อเธอต้องจากไปเมื่ออาทิตย์ก่อน โดยทิ้งความทรงจำอันสวยงาม เสียงหัวเราะและความสุขไว้ให้กับเพื่อนๆ และครอบครัวของเธอ “ถึงอย่างไร…

  • มันร้ายนัก!! เจ้าเหมียวปีนเข้ารถตู้ ชะตากรรมชายหนุุ่มก็เปลี่ยนไป เพราะถูกเสกให้เป็นทาส

    มันร้ายนัก!! เจ้าเหมียวปีนเข้ารถตู้ ชะตากรรมชายหนุุ่มก็เปลี่ยนไป เพราะถูกเสกให้เป็นทาส

    ถ้าหากพูดถึงเรื่องความเจ้าเล่ห์แล้ว เจ้าเหมียวคงเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่หลายๆ คนจะต้องนึกถึงแน่นอน และเจ้าตัวนี้ก็เช่นกัน มันเริ่มแผนการหาทาสมนุษย์โดยการเข้ามาออดอ้อนชายหนุ่มผู้หนึ่ง และพยายามทำให้เขากลายเป็นทาสของมัน!! “เจ้าเหมียวปีนขึ้นมาบนรถตู้ของผม เพื่อต้องการความอบอุ่น มันทำเหมือนกับว่า เฮ้พวก!! ฉันเลือกนายแล้ว” ชายหนุ่มกล่าว   Jefferson แมวเหมียวตัวร้ายที่แอบมาอาศัยบนหลังรถตู้   เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในวันที่อากาศหนาวมากวันหนึ่ง คุณ Jon เล่าถึงการพบกันครั้งแรกของเขากับเจ้าเหมียวว่า“ผมทำงานที่โรงพยาบาล Veterans ในเมือง Detroit วันหนึ่งระหว่างที่ผมกำลังรอรับผู้ป่วยอยู่นั้น จู่ๆ เจ้า Jefferson ก็ออกมายืนด้านนอกและส่งสายตาให้ผม”   วินาทีที่เจ้าเหมียวกำลังเผชิญกับอากาศหนาวด้านนอก   และในระหว่างที่คุณ Jon กำลังรับส่งผู้ป่วยของเขา เจ้าเหมียวก็เริ่มปฏิบัตการของมันทันที Jefferson กระโดดขึ้นมาบนรถตู้เพื่อหาที่อุ่นๆ หลบหนาว และดูเหมือนว่าปฏิบัติการขั้นแรกของมันจะสำเร็จ ชายหนุ่มเริ่มมองหาอาหารให้กับมัน “ผมให้อาหารมันเป็นเนื้ออบแห้งและเอามันมานั่งที่ตักผม” อากาศด้านนอกหนาวมาก และชายหนุ่มก็ไม่อยากปล่อยให้เจ้าแมวต้องทนกับสภาพอากาศแบบนั้น     เจ้า Jefferson นั่งบนตักของคุณ Jon ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่สนใจแผนหาทาสแล้ว แค่ขอที่อุ่นๆ กับอาหารก็คงพอใจแล้วสินะ ฮ่าๆ   คุณ Jon และแฟนสาวพาเจ้าเหมียวไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย พวกเขาไม่พบไมโครชิปในตัวของเจ้าเหมียวเลย แต่สำหรับส่วนที่เหลือนั้นเจ้าแมวก็มีสุขภาพในเกณฑ์ที่แข็งแรงดี ตอนนี้มันมีแค่อาการหิวเท่านั้น “หลังจากที่อยู่กับพวกเรามาประมาณ 2 สัปดาห์…

  • Paulo Machado หนุ่มบราซิล ที่ใช้ชีวิตในโรงพยาบาลนานที่สุดในโลกถึง 45 ปี!!!

    Paulo Machado หนุ่มบราซิล ที่ใช้ชีวิตในโรงพยาบาลนานที่สุดในโลกถึง 45 ปี!!!

    แค่คิดภาพเล่นๆ ว่าเราต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแค่ 2-3 วัน หรือมากสุดๆ ก็ 1 เดือน แค่นี้ก็รู้สึกสยองกันแล้วใช่ไหมล่ะ แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่าในโลกนี้ยังมีคนที่ต้องนอนโรงพยาบาลรักษาตัวนานเป็นปีๆ จนคุณคิดไม่ถึงเลยล่ะ   นี่คือเรื่องราวของนาย Paulo Henrique Machado ชาวบราซิลวัย 46 ปี เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลนานที่สุดในโลก นานแค่ไหนน่ะเหรอ!? ก็ตั้งแต่ที่เขาเกิดได้เพียง 2 วันนั่นแหละ และปัจจุบันเขายังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลเลยด้วยนะ     ที่เขาต้องนอนโรงพยาบาลนานขนาดนั้นก็เพราะว่าเขาป่วยเป็นโรคโปลิโอตั้งแต่เกิด ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้เอง ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา จะเดินทางไปไหนมาไหนไกลๆ ก็ไม่ได้เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อนอกโรงพยาบาล   โดยตลอดระยเวลาที่เขาอาศัยอยู่ในโรงพยาบาล เขามีโอกาสได้ออกไปนอกโรงพยาบาล 50 ครั้ง นอกนั้นก็ทำได้เพียงสำรวจพื้นที่ต่างๆ ภายในอาคารเท่านั้น     นาย Paulo กล่าวว่า “ผมสำรวจทั้งระเบียงข้างบนและข้างล่าง เข้าไปในห้องของเด็กคนอื่นๆ ที่อยู่ที่นี่ นั่นคือวิธีที่ผมสำรวจ ‘จักรวาล’ ของผม สำหรับผมแล้ว การเล่นฟุตบอลหรือของเล่นธรรมดาๆ ไม่ใช่ทางเลือกของผม มันต้องใช้จินตนาการมากกว่านั้น”   นอกจากตัวเขาที่อาศัยอยู่ในโรงพยาบาลมาตลอดแล้ว ยังมี…

  • โปรตุเกสออกกฎหมายให้โรงอาหารสาธารณะ ต้องมีมื้ออาหารมังสวิรัติเป็นทางเลือกเพิ่ม!!

    โปรตุเกสออกกฎหมายให้โรงอาหารสาธารณะ ต้องมีมื้ออาหารมังสวิรัติเป็นทางเลือกเพิ่ม!!

    ปัจจุบันผู้คนมักจะหันมาดูแลสุขภาพของตนเองกันมากขึ้น หลายคนที่อยากมีรูปร่างที่ดี ก็พากันออกกำลังกาย รวมถึงการเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพอย่างอาหารมังสวิรัติ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และในขณะเดียวกันที่ประเทศโปรตุเกสในตอนนี้ มีการออกกฎหมายหมายบังคับให้โรงอาหารสาธารณะทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นในเรือนจำ โรงพยาบาล และโรงเรียน และตามสถานที่สาธารณะต่างๆ ที่มีการประกอบอาหารให้กับบุคลากร     เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า กฎหมายการบังคับให้โรงอาหารสาธารณะทั่วประเทศเพิ่มทางเลือกอาหารมังสวิรัติ ได้รับการอนุมัติโดยเสียงข้างมากจากรัฐสภาไปเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า โรงอาหารในโรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล เรือนจำ และอาคารสาธารณะอื่นๆ จะต้องเพิ่มตัวเลือกการบริโภคอาหารที่ปลอดจากเนื้อสัตว์ และถ้าหากทุกอย่างดำเนินการไปได้ด้วยดี กฎหมายอาจมีผลได้ภายในเวลาเพียง 2 หรือ 6 เดือน ขณะเดียวกันหากมีปริมาณอาหารที่ไม่เพียงต่อสำหรับการบริโภค โรงอาหารสามารถยกเลิกมื้ออาหารมังสวิรัติได้     สำหรับการออกกฎหมายดังกล่าว ได้ถูกริเริ่มโดย Associação Vegetariana Portuguesa (สมาคมมังสวิรัติโปรตุเกส) ที่ได้เป็นผู้รวบรวมคำร้องมากกว่า 15,000 ฉบับ ซึ่งทางรัฐสภาของประเทศก็ได้มีการปรึกษาหารือในเรื่องดังกล่าว เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทางด้าน Nuno…

  • “Ron” อดีตแมวจรจัดที่ถูกชุบเลี้ยงใหม่ จนกลายเป็นเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือสัตว์ตัวอื่นๆ

    “Ron” อดีตแมวจรจัดที่ถูกชุบเลี้ยงใหม่ จนกลายเป็นเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือสัตว์ตัวอื่นๆ

    แม้เราจะเห็นภาพของแมวอยู่ในบทบาทจอมเหวี่ยง จอมวีน ซุกซน และหยิ่งยโสมานักต่อนัก แต่อย่างน้อยบนโลกใบนี้ก็ยังมีแมวที่อ่อนโยน และน่ารักอยู่นะ เช่นเดียวกับเรื่องราวของ “Ron” เจ้าเหมียววัย 6 เดือนแสนน่ารักตัวนี้ ในอดีตมันคือแมวจรจัดธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง แต่ปัจจุบันมันกลายเป็นแมวฮีโร่ไปซะแล้ว เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มันเห็นสัตว์ตัวอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บ หรือหวาดกลัว เจ้า Ron ก็มักจะเข้าไปปลอบใจเพื่อนอยู่เสมอ     ย้อนกลับไปก่อนที่ Ron จะกลายมาเป็นเหมียวผู้ปลอบสัตว์ มันเคยเป็นแมวจรจัดที่ไม่มีใครสนใจ จนในที่สุดก็ได้รับความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลสัตว์ พร้อมๆ กับลูกแมวอีก 3 ตัว และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เจ้า Ron กลายเป็นแมวเหมียวผู้มีหน้าที่เยียวยาสัตว์ตัวอื่นๆ     ทางด้าน Jen Weston หนึ่งในเจ้าของโรงพยาบาลสัตว์ Northfield Veterinary ได้เผยว่า พวกเขาเคยรักษาเจ้าแมวตัวหนึ่งที่มีนิสัยก้าวร้าวมาก มันไม่ยอมเข้าใกล้ใครเลย ทำให้สัตว์แพทย์ไม่สามารถรักษาได้ จนกระทั่งได้เจอกับ Ron เพียงไม่กี่นาทีมันก็เปลี่ยนไป แถมยังยอมเล่นกับเจ้า Ron อีกด้วย ที่สำคัญสัตว์แพทย์ในโรงพยาบาลได้สังเกตเห็นว่า เวลาที่สัตว์ตัวอื่นๆ อยู่ใกล้เจ้า…

  • ปริศนาฆาตกรรมในโรงพยาบาลญี่ปุ่น คนไข้ได้รับสารแปลกปลอมในถุงน้ำเกลือ ยังหาคนร้ายไม่ได้..!!

    ปริศนาฆาตกรรมในโรงพยาบาลญี่ปุ่น คนไข้ได้รับสารแปลกปลอมในถุงน้ำเกลือ ยังหาคนร้ายไม่ได้..!!

    กลายมาเป็นข่าวที่สะเทือนใจเป็นอย่างมากในขณะนี้เลยก็ว่าได้ เมื่อคุณตาวัย 88 ปีท่านหนึ่ง ถูกพบเสียชีวิตอยู่บนเตียงโรงพยาบาลเอกชนในเมืองโยะโกะฮะมะ ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 20 กันยายนที่ผ่าน ซึ่งประเด็นนี้กลายเป็นข่าวใหญ่โต เพราะมันไม่ใช่การเสียชีวิตทั่วไปตามอายุขัย แต่พบว่าเป็นการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล!!     จากการตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นแล้วพบว่า มีสารแปลกปลอมปนเปื้อนอยู่ในถุงน้ำเกลือของคุณตา ซึ่งสารประเภทที่ว่าก็คือ สารซักฟอก ซึ่งจัดอยู่ในสารลดแรงตึงผิว โดยตามปกติแล้วในถึงน้ำเกลือจะไม่มีสารชนิดนี้อยู่แน่นอน   พยาบาลเปลี่ยนถุงน้ำเกลือครั้งสุดท้ายในวันที่ 19 กันยายน ช่วงเวลา 22.00 น.   เมื่อย้อนเหตุการณ์กลับไปช่วงก่อนที่คุณตาจะเสียชีวิต พยาบาลได้เปลี่ยนถุงน้ำเกลือครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 19 กันยายน เวลาประมาณ 22.00 น. ต่อมา… จนกระทั่งเวลา 04.00 น. ของวันถัดมา เสียงเตือนอัตราการเต้นของหัวใจต่ำก็ดังขึ้น พยาบาลจึงรีบขึ้นมาดูอาการ แต่กลับพบว่าคุณตาเสียชีวิตแล้ว   ประเภทของสารที่ถูกพบปนเปื้อนอยู่ในถุงน้ำเกลือ   จากเหตุการณ์ข้างต้น ยังไม่สามารถสรุปตัวคนร้ายได้ เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กที่ไม่มีกล้องวงจรปิด อีกทั้งโรงพยาบาลปิดทำการในเวลา 21.00 น. บุคคลภายนอกจึงไม่สามารถเข้ามาได้  (เปลี่ยนถุงน้ำเกลือในช่วงเวลา 22.00 น.)…

  • โรงพยาบาลใช้เครื่อง VR มาให้เด็กผ่าตัดเล่นระหว่างพักฟื้น เพื่อช่วยให้สภาพจิตใจเธอดีขึ้น

    โรงพยาบาลใช้เครื่อง VR มาให้เด็กผ่าตัดเล่นระหว่างพักฟื้น เพื่อช่วยให้สภาพจิตใจเธอดีขึ้น

    หากใครที่เคยป่วยหนักจนถึงขั้นต้องเข้ารับการผ่าตัดละก็ คงทราบกันดีว่านอกจากจะต้องสู้กับความรู้สึกเจ็บจากบาดแผลแล้วหลังผ่าตัดแล้ว ยังต้องต่อสู้กับความเบื่อหน่ายที่เรากำลังเฝ้ารอวันที่จะหายและออกจากโรงพยาบาลซักที และนี่คือเรื่องราวของสาวน้อย Abrielle วัย 8 ขวบ เมื่อเธอตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วมีความรู้สึกคลื่นไส้ ปวดท้องอย่างบอกไม่ถูก พอถึงเช้าวันต่อมาสาวน้อยกลับไม่รู้สึกดีขึ้น แถมยังเจ็บปวดมากกว่าเดิม Renata คุณแม่ของหนูน้อยจึงรีบพาเธอไปโรงพยาบาลทันที เมื่อคุณหมอวินิจฉัยแล้วปรากฏว่า ไส้ติ่งของเธออักเสบจนเกิดการรั่วไหล “มันแย่มากเลยค่ะ…คุณหมอบอกว่าตลอดระยะเวลา 20 ปีที่เค้าทำงานด้านนี้มา เคสของเธอถือว่าเป็นเคสที่ค่อนข้างร้ายแรงมากๆ เลยค่ะ ชีพจรของเธอเต้นสูงถึง 200 ครั้งต่อนาที ระดับออกซิเจนก็ลดลงมากกว่า 40% เป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆ เลยค่ะ” คุณแม่กล่าว   หลังจากได้รับการรักษาหนูน้อยต้องเฝ้าดูอาการ และติดตามผลอยู่ที่โรงพยาบาลนานถึง 12 วัน   แล้วจะมีวิธีไหนบ้างที่ไม่ทำให้ หนูน้อยวัย 8 ขวบ รู้สึกเบื่อกับช่วงเวลา 12 วันนี้?   “เราเล่นเกมเศรษฐี และไพ่ Uno กันจนเบื่อเลยล่ะค่ะ อีกทั้ง Abbie ก็ชอบตื่นมาดูการ์ตูน Spongebob ในทุกๆ เช้า” คุณแม่กล่าว แต่ถึงกระนั้น มันก็ไม่เพียงพอต่อความอยากเล่นอย่างสนุกสนานของลูกสาววัย…

  • คุณแม่ “คลอดลูกด้วยตัวเอง” หน้าประตูโรงพยาบาล ระหว่างสามีกำลังเอารถไปจอด!!!

    คุณแม่ “คลอดลูกด้วยตัวเอง” หน้าประตูโรงพยาบาล ระหว่างสามีกำลังเอารถไปจอด!!!

    ผู้หญิงเวลาจะแข็งแรงก็แข็งแรงจนน่าเหลือเชื่อเลยล่ะ บางทีผู้ชายอย่างเราก็มีโมเม้นต์ที่ทึ่งอยู่เหมือนกัน อันนี้ไม่ได้พูดถึงเรื่องพลังกำลังแบบว่างัดข้ออะไรกันนะ แต่หมายถึงแข็งแรงในแบบที่ผู้หญิงเป็น และสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต่างให้ความเคารพก็คือการที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องแบกท้องที่มีเด็กอยู่ข้างใน เป็นความรู้สึกที่ผู้ชายไม่สามารถเข้าใจได้จริงๆ อีกทั้งความเจ็บปวดในการคลอดอีก   คุณแม่คนนี้เธอมีชื่อว่า Jessica Stubbins เธอได้สร้างเรื่องราวที่ทำให้ใครหลายคนตะลึงกันไปเลย หลังมีคลิปที่เธอได้ทำคลอดด้วยตัวเองหน้าประตูโรงพยาบาล   เธอได้ลูกสาว ตั้งชื่อลูกว่า Lucy และตอนนี้เด็กน้อยก็มีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์เป็นอย่างดี   ทั้งคู่ให้สัมภาษณ์กับรายการ Good Morning Britain ว่าไม่คิดมาก่อนว่าลูกจะคลอดวันนี้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ขนาดที่ว่าสามี Tom คิดไม่ถึง ซึ่งตอนที่ภรรยาคลอด เขายังไปหาที่จอดรถอยู่เลย   ภาพวงจรปิดได้เผยภาพคุณแม่เดินเข้ามาในประตูแล้วก็หยุด เพราะว่าเธอดูเหมือนจะไม่ไหว แล้วหลังจากนั้นก็คลอดเด็กออกมาทันทีและเร็วมากๆ คุณพ่อเดินเข้ามายังพูดไม่ออกเลย แล้วก็พูดแต่ว่า “ผมขอโทษๆ” หลังจากที่เธอคลอดลูกออกมา ก็ได้มีพยาบาลมาช่วยเธอในการพาไปที่ห้องเพื่อทำให้ถูกวิธีและตัดสายสะดือ   พยาบาลที่ได้เข้าไปช่วยเหตุการณ์ในวันนั้นได้เล่าว่าเธอกำลังจะเดินไปที่รถเพื่อไปเอาอาหาร แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง ก็เลยเข้าไปดูก็พบทั้งคู่ เธอก็เลยรีบหาอะไรมาห่อเด็ก ก่อนที่จะพาไปห้องพยาบาล   สุดท้ายทั้งคู่ก็ปลอดภัย ถือเป็นเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความสุดยอดของคนเป็นแม่จริงๆ ด้วยความเคารพจากใจ ที่มา Good Morning Britain

  • ช่างก่อสร้างแอบซ่อน “ตัวการ์ตูน” ในไซต์งานทุกวัน ให้เด็กในโรงพยาบาลข้างๆ ได้หาเล่น!!!

    ช่างก่อสร้างแอบซ่อน “ตัวการ์ตูน” ในไซต์งานทุกวัน ให้เด็กในโรงพยาบาลข้างๆ ได้หาเล่น!!!

    นี่คือเรื่องราวของ Jason Haney คนงานก่อสร้างผู้มีจิตใจอ่อนโยน จากการที่เขาได้ทำอะไรบางอย่าง เพื่อให้เด็กๆ ในโรงพยาบาลได้มีความสุข แม้ว่าเขากำลังทำงานอยู่ก็ตาม Haney กับลูกสาวของเขาได้ช่วยกันทำป้ายคัตเอาท์ตัวการ์ตูน Waldo ขนาด 8 ฟุตเพื่อที่จะเอาไปซ่อนตามจุดต่างๆ ในไซต์ก่อสร้างที่คุณพ่อทำงานอยู่ ซึ่งถัดไปนั้นก็คือโรงพยาบาลเด็ก Memorial Children’s Hospital ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง South Bend รัฐ Indiana   . .   เวลาที่เด็กๆ หาเจอว่าเขาซ่อนไว้ที่ไหน เขาก็จะเปลี่ยนจุดซ่อนไปเรื่อยๆ แล้วให้เด็กๆ ไปโพสต์เวลาเจอในกลุ่มเฟซบุ๊กที่เขาได้สร้างไว้ .   และตอนนี้พ่อลูกคู่นี้ก็กำลังจะเริ่มทำคัตเอาท์อันใหม่เป็นรูปมินเนี่ยนเพื่อให้เด็กๆ ได้ตามหากันต่อไป . .   ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้เด็กๆ ที่อยู่ในโรงพยาบาลได้มีรอยยิ้มจากการได้มองหาตัวการ์ตูนและเป็นการสร้างกำลังใจให้กับหนูๆ ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลด้วย ที่มา boredpanda

  • ออกสำรวจโรงพยาบาลร้างอายุร้อยกว่าปี ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่พักรักษาตัวของ “ฮิตเลอร์” มาก่อน

    ออกสำรวจโรงพยาบาลร้างอายุร้อยกว่าปี ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่พักรักษาตัวของ “ฮิตเลอร์” มาก่อน

    คงจะไม่มีใครที่ไม่รู้จักชื่อของ Adolf Hitler ผู้นำของนาซีที่ก่อให้เกิดสงคราม การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และความสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้ แต่ถึงจะเป็นผู้นำจอมเผด็จการอันแข็งแกร่ง แต่เขาก็มีมุมที่อ่อนแออยู่เหมือนกัน     เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เปิดเผยแฟ้มภาพของโรงพยาบาลร้าง Beelitz-Heilstätten ในกรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของประเทศเยอรมนี ที่ถูกก่อตั้งมาตั้งแต่เมื่อปี 1898     สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่พักพิงและรักษาตัวของ Adolf Hitler ผู้นำนาซีผู้เหี้ยมโหดเมื่อปี 1916 ในตอนนั้น Hitler ได้รับบาดแผลที่ขาจากสงครามแม่น้ำซอมม์ (เป็นสงครามที่ทำให้ผู้คนล้มตายหลายแสนคนภายในวันเดียว)     โรงพยาบาล Beelitz-Heilstätten เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้นำเผด็จการเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเขา แต่หลังจากที่สงครามสงบลง โรงพยาบาลแห่งนี้ก็ยังคงดำเนินการรักษาผู้คนมาเรื่อยๆ แต่กลับมาถูกทิ้งร้างเมื่อถึงช่วงยุค 90 ที่ผ่านมา     โถงทางเดินที่เคยมีหมอและพยาบาลเดินกันให้วุ่น บัดนี้เหลือเพียงทางเดินที่เต็มไปด้วยเศษหินเศษทรายชวนวังเวง เตียง ประตูหน้าต่างเต็มไปด้วยสนิม ตามกำแพงมีแต่ภาพกราฟฟิตี้เลอะเทอะเต็มไปหมด แถมกลิ่นของยาฆ่าเชื้อก็ยังคงตลบอบอวลอยู่ในห้องผ่าตัด   . . . . . . . . . . . . . .…

  • รับชม 24 ปฏิกิริยาสุดฮาของเหล่าสัตว์เลี้ยง เมื่อพวกมันรู้ตัวว่าต้องไปหาหมออีกแล้ว!?

    รับชม 24 ปฏิกิริยาสุดฮาของเหล่าสัตว์เลี้ยง เมื่อพวกมันรู้ตัวว่าต้องไปหาหมออีกแล้ว!?

    เพื่อนๆ รู้สึกดีไหมเวลาที่ต้องไปหาหมอ? รู้สึกตื่นเต้นบ้างมั้ยที่ต้องไปหาหมอฟัน? แน่นอนว่าคำตอบส่วนใหญ่ต้องลงเอยด้วยคำว่า ‘ไม่อยากไปเลย’  เพราะทั้งเสียเวลา เสียเงิน แถมยังต้องรับรู้ความจริงว่าเราป่วยเป็นอะไรอีกต่างหาก เจ้าสัตว์เลี้ยงของเราก็เช่นกัน แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามบางทีเราอาจจำเป็นต้องฝืนใจมันบ้างเล็กน้อยเพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีของตัวมันเอง #เหมียวบ็อบ ขอพาไปดูปฏิกิริยาสุดฮาจากเหล่าสัตว์เลี้ยงน่ารักที่รู้ตัวว่า ‘นี่…ฉันต้องไปพบหมออีกแล้วเหรอ?’ หน้าตามันจะเป็นยังไงเราไปดูกันเลย   1. ถ้าเจ้าหมาน้อยพูดได้คงบอกว่า ‘เกลียดจริงๆ เวลาหมอเอาปรอทวัดไข้ เสียบเข้ามาในตรูด T^T’   2. ไม่เอานะ หนูไม่อยากลงไปหาหมอเลย   3. ‘เดี๋ยวนะ จำได้ว่าที่นี่คือโรงพยาบาลที่เคยมานี่นา โถ่วว…’   4. ยืนทำหน้าละห้อยเมื่อถึงเวลาต้องเข้าไปในห้องตรวจ   5. ทำหน้าเหวอเมื่อจำได้ว่าที่นี่มันโรงพยาบาลนี่หว่า   6. เมื่อตัวหนึ่งเริ่มรู้ตัวว่ากำลังจะถูกพาไปโรงพยาบาล แต่อีกตัวกำลังงงอยู่   7. คุณหมออย่ารุนแรงกับผมนะครับ   8. โถ่วว เจ้ามนุษย์ทำไมถึงพาเหมียวมาที่นี่นะ เหมียวไม่อยากตรวจ   9. รวมกันเราอยู่แยกหมู่เราโดนจับฉีดยาแน่ๆ   10. บางทีมันอาจจะคิดว่าการทำเป็นไม่มองไม่สนใจอาจช่วยพวกมันได้   11. เจ้ามนุษย์มองไม่เห็นหรอก ฉันซ่อนตัวเองไว้แล้ว…เมี๊ยยวว…

  • ดีไซเนอร์แคนาดา ออกแบบ ‘ชุดคนไข้’ สวยๆชิคๆ เพื่อให้คนป่วยมีกำลังใจมากขึ้น!!!

    ดีไซเนอร์แคนาดา ออกแบบ ‘ชุดคนไข้’ สวยๆชิคๆ เพื่อให้คนป่วยมีกำลังใจมากขึ้น!!!

    พูดถึงโรงพยาบาล คงไม่มีอยากเข้าโรงบาลหรอกใช่มั้ย แต่ที่ต้องเข้าเพราะมันมีเหตุให้ต้องเข้าเสียมากกว่า เมื่อต้องเข้าโรงพยาบาลเราอาจจะรู้สึกว่า อะไรๆก็ดูแย่ไปเสียหมด ไหนจะต้องใส่ชุดของโรงพยาบาลอีก เฮ้อออ  แต่อย่าเพิ่งหมดหวังไป เพราะมีโครงการดีดีอย่าง Ward+Robes ที่จะมาทำให้ชุดโรงพยาบาลอันแสนจะน่าเบื่อกลายเป็นชุดที่ไม่ว่าใครก็ต้องอยากใส่แน่นอน   นักออกแบบหลายคนได้ร่วมกับมูลนิธิ Starlight Children ในประเทศแคนาดาซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ได้ออกแบบชุดโรงพยาบาลให้กับเด็กที่ป่วย โดยโครงการ Ward+Robes ได้เปิดตัวที่โรงพยาบาลใน Ontario และพวกเขาก็หวังว่าจะมีโอกาสได้ทำกับโรงพยาบาลอื่นๆในประเทศต่างๆด้วย  (ส่วนใครที่สนใจก็สามารถเข้าร่วมได้ที่นี่เล้ยยยย)   Ward+Robes ได้ให้ ‘โอกาศที่จะเป็นตัวเอง’ ของพวกเขา ด้วยการเปลี่ยนชุดโรงพยาบาลที่น่าเบื่อให้เป็นชุดชิคๆ   “การใส่ชุดของโรงพยาบาลมันเหมือนอยู่ในโรงพยาบาล” เด็กหญิงคนหนึ่งบอก “…ซึ่งมันไม่มีอะไรดีเลย”   หญิงสาวอีกคนบอกว่า “เมื่อไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าที่ต้องการ มันก็เหมือนกับการไม่ได้เป็นตัวของตัวเองนั่นแหละ”   และนี่คือเสือผ้าที่โครงการนี้ออกแบบ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเด็กๆ   และก็อย่างที่เห็นเนี่ยและ พวกเขาดูน่ารักและมีความสุข   “เมื่อผมเห็นชุดที่ทาง Ward+Robes ออกแบบให้ ผมเห็นเด็กและวัยรุ่นต่างมีกำลังใจขึ้น อย่างที่พวกเค้าไม่เคยได้รับมาก่อน” เด็กคนหนึ่งพูด   พวกเค้าออกแบบเสื้อผ้าที่หลากหลาย ซึ่งดูเหมือนเด็กๆก็ชอบไม่ใช่น้อยเลย   ย้ำกันอีกครั้งนะคะว่า… Ward+Robes เป็นการร่วมมือกันระหว่างมูลนิธิ Starlight Children และนักออกแบบท้องถิ่น  …

  • ลองไปชม 22 เมนูเด็ดจากโรงพยาบาลทั่วโลก น่ากินแค่ไหนถามใจเธอดู!!?

    ลองไปชม 22 เมนูเด็ดจากโรงพยาบาลทั่วโลก น่ากินแค่ไหนถามใจเธอดู!!?

    เมื่อพูดถึงอาหารของโรงพยาบาล แน่นอน เรามักจะนึกถึง ข้าวต้ม หรือ อาหารที่มีรสชาติจืดชืด ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หลายๆคนไม่ชอบโรงพยาบาลเลยก็ว่าได้ แต่!! อาหารจากโรงพยาบาลก็ไม่ได้จืดชืดไปซะทุกที่อย่างที่เราคิดกันหรอกนะ วันนี้ #เหมียวขี้ส่อง จะพามาดูอาหารจากโรงพยาบาลต่างประเทศ หน้าตาอาหารจะเป็นอย่างไร จะน่าทานแค่ไหน ไปดูกันเลยจ้าาาา   1. แคลิฟอร์เนีย (สหัรฐอเมริกา) เสริฟเป็นเบอร์เกอร์กับเฟรนฟรายซ์มาเลยจ้าาา ไม่เหลือแน่555   2. ซิดนีย์ (ออสเตรเลีย) ของที่นี่มาเป็นอาหารคลีนกันเลยจ้า มีซุปฟักทอง, แอปริคอทผสมไก่ และมันบด   3. โปแลนด์ เมนูนี้อาจดูจืดๆ แต่ก็จัดว่าน่าลองนะจ๊ะ มีขนมปัง,ไส้กรอกและผักดอง   4.ริชมอนด์ (แคนาดา) เห็นแว็บแรกนึกว่าอาหารโรงแรม แต่นี่อาหารโรงพยาบาลนะจ๊ะ เสริฟข้าวมากับเนื้อผัดเปรี้ยวๆ,บอคชอย และเมล่อน   5.เอสโตเนีย เสริฟคาวตบด้วยของหวานจ้าาา มันบด กะหล่ำปลีดอง และขนมอบชิ้นเล็กๆ น่าทานไปอีกกกก   6. Huddinge (สวีเดน) แกงกะหรี่ของโปรดใครบ้าง เสริฟคู่กับไก่…

  • ตำรวจอัลบาเนียทำเซอร์ไพรซ์ แต่งตัวเป็น “ฮีโร่” ไปให้กำลังใจเด็กๆ ที่โรงพยาบาล!!

    ตำรวจอัลบาเนียทำเซอร์ไพรซ์ แต่งตัวเป็น “ฮีโร่” ไปให้กำลังใจเด็กๆ ที่โรงพยาบาล!!

    วัยเด็กเป็นวัยที่ต้องการกำลังใจและแรงสนับสนุนเป็นอย่างมาก ในการทำสิ่งต่างๆ หรือแม้กระทั่งยามที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนคนอื่น เนื่องจากในวันที่ 1 มิถุนายนเป็นวันเด็กสากล ซึ่งทางตำรวจในประเทศอัลบาเนียจึงตัดสินใจที่จะทำเซอร์ไพรซ์เด็กๆ ด้วยการแต่งตัวเป็นซุปเปอร์ฮีโร่เหมือนที่เราดูในหนัง แล้วก็ออกไปหาเด็กๆ ที่โรงพยาบาล เพื่อให้กำลังใจเด็กเหล่านั้น   อีกทั้งการเปิดตัวก็ไม่ธรรมดาด้วย เพราะโรยตัวมาจากหลังคา เราไปชมภาพความประทับใจนี้กันเลย . . . . . . . . . .   แนะนำให้ดูคลิปด้วย อลังการงานสร้างมากๆ   ดูแล้วช่างเป็นตำรวจที่ใจดีจริงๆ ทุกคนดูรักเด็กมากๆ ที่มา boredpanda

  • นวัตกรรมเปลี่ยนโลก “วีลแชร์แบบยืน” ช่วยให้ผู้ป่วย-ผู้พิการ ทำกิจกรรมต่างๆ ได้มากขึ้น!!

    นวัตกรรมเปลี่ยนโลก “วีลแชร์แบบยืน” ช่วยให้ผู้ป่วย-ผู้พิการ ทำกิจกรรมต่างๆ ได้มากขึ้น!!

    ลองจินตนาการถึงภาพผู้ป่วยสักคนหนึ่งที่ต้องนั่งวีลแชร์ไปไหนมาไหน จะลุกจะเดินก็ลำบาก หากมีอุปกรณ์หรือเครื่องอำนวยความสะดวกที่ดีกว่าแค่การนั่งเฉยๆ อยู่บนเก้าอี้ก็คงจะดีไม่น้อย #เหมียวฟิ้นเชื่อว่าปัญหาเหล่านั้นน่าจะถูกแก้ไขในเร็ววันนี้แล้วล่ะ เพราะเมื่อไม่นานมานี้เราได้ไปเจอเข้ากับคลิปๆ หนึ่ง เป็นการโชว์นวัตกรรมวีลแชร์จากสหรัฐ ที่ทำให้ผู้ป่วยสามารถลุกขึ้นยืนได้ด้วย เพราะนี่คือ “วีลแชร์แบบยืน” ยังไงล่ะ     มันเป็นวีลแชร์รุ่นต้นแบบที่มีการคิดค้นและวิจัยโดยทีมแพทย์และวิศวะกรผู้เชี่ยวชาญในเมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตา ประเทศสหรัฐอเมริกา ความพิเศษของวีลแชร์ตัวนี้คือมันสามาถดันที่วางแขนขึ้นมา และปรับให้ผู้ป่วยสามารถลุกขึ้นยืนได้ขณะนั่งอยู่บนวีลแชร์ แถมยังสามารถเคลื่อนที่ไปไหนมาไหนได้ในท่ายืนด้วย แจ่มแมวไปเลย!     และเนื่องจากวีลแชร์ตัวนี้สามารถปรับระดับได้ ทำให้ผู้ป่วยหรือผู้พิการสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้มากขึ้น แถมมันยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและฟื้นฟูอาการปวดเมื่อยเพราะนั่งนานเกินไปได้ด้วย     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลยจ้า This amazing wheelchair prototype is helping its users stand upright. (via INSIDER) โพสต์โดย Upworthy บน 17 พฤษภาคม 2016 สำหรับคนที่ชมคลิปไม่ได้ สามารถ กดเบาๆที่นี่ เพื่อรับชมได้เลยครับ   เห็นแล้วดูจะเป็นอุปกรณ์ที่น่าใช้มากเลยนะ คงมีประโยชน์ไม่น้อยสำหรับผู้ที่เดินเหิรไม่สะดวกแน่ๆ…

  • คำขอร้องจากสามีก่อนตาย ขอกุมมือภรรยาเป็นครั้งสุดท้าย แม้จะทำได้แค่นอนเตียงข้างกัน…

    คำขอร้องจากสามีก่อนตาย ขอกุมมือภรรยาเป็นครั้งสุดท้าย แม้จะทำได้แค่นอนเตียงข้างกัน…

    เมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง เราอาจจะย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมามากมาย รู้สึกเสียดายในสิ่งที่ต้องการจะทำ แต่ก็ไม่อาจย้อนเวลาไปได้….     Jim Minnini วัย 58 ปีก็เป็นหนึ่งในผู้โชคร้านที่ประสบกับโรคมะเร็งปอด แม้ว่าจะเข้ารับการรักษามากแค่ไหนแต่อาการก็กลับแย่ลงเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าเวลาของเขาใกล้จะหมดลงทุกที และสิ่งสุดท้ายที่เขาขอก็คือเขาต้องการที่จะอยู่กับ Cindy ภรรยาสุดที่รักอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย     ย้อนกลับไปช่วงที่เขาเข้ารับการรักษามะเร็งใหม่ๆ ภายหลังเพียงแค่วันเดียว Cindy ก็ประสบกับอาการหัวใจวายจนต้องรีบไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลในเมือง Brockville รัฐ Ontario ประเทศแคนาดา เพื่อให้ทั้งสองได้มีช่วงเวลาด้วยกันอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย แพทย์ผู้รักษา Cindy จึงได้ทำการย้ายเธอมาที่ Kingston General Hospital โรงพยาบาลที่ Jim จะมีชีวิตอยู่เป็นวันสุดท้าย ถึงแม้ว่าเธอยังไม่รู้สึกตัว แต่ก็ถือว่าเป็นการกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งของคู่รักที่ไม่อาจแยกจากกันได้ตลอดระยะเวลา 24 ปีที่ผ่านมา     ภายหลังจากที่คำขอร้องของ Jim เป็นจริง เขากุมมือภรรยาไว้อย่างนั้นจนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของเขาหมดลงภายในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ซึ่ง Cindy เองตอนนี้ก็กลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้านแล้ว และ Chris ผู้เป็นลูกชายกล่าวเอาไว้ว่า ‘เหมือนพ่อพยายามที่จะยื้อร่างกายของตัวเองเอาไว้ เขาจะไม่ยอมจากไปโดยที่ไม่ได้ร่ำลาแม่เสียก่อน’…

  • สาวใต้โวย!! โรงพยาบาลติดฉลากยาผิด ให้ลูกชายกิน “คาลาไมน์” จนต้องเข้าโรงพยาบาล

    สาวใต้โวย!! โรงพยาบาลติดฉลากยาผิด ให้ลูกชายกิน “คาลาไมน์” จนต้องเข้าโรงพยาบาล

    เจ็บไข้ได้ป่วยทีไรก็ต้องไปหาหมอเพื่อรับการรักษาหรือรับยามากินที่บ้าน แต่เราคงต้องเพิ่มการระมัดระวังอีกสักหน่อยก่อนกินยาแล้วล่ะ เพราะโรงพยาบาลบางแห่งมีการจ่ายยาหรือติดฉลากยาผิดด้วยนะเออ!?   เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 21 เมษายนที่ผานมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Alover Bah จากอำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาสได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเธอเพื่อให้เป็นอุทาหรณ์แก่ผู้อื่น โดยเล่าว่าเธอได้พาลูกชายตัวน้อยวัยไม่ถึง 1 ขวบดี ไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเพื่อตรวจร่างกายหลังจากที่มีอาการปอดบวม     จากนั้นเธอก็ได้รับยาเพื่อเอากลับไปให้ลูกน้อยกินที่บ้าน แต่หลังจากที่เธอให้ลูกชายกินยาขยายหลอดลมก่อนนอน (ตามที่ฉลากเขียนเอาไว้) ลูกชายของเธอกลับมีอาการตัวสั่น เธอจึงหยิบกระปุกยามาดูและแกะฉลากออก   ปรากฏว่าตัวยาตัวนั้นกลับไม่ใช่ยาขยายหลอดลมอย่างที่เข้าใจ แต่เป็นคาลาไมน์ซึ่งเป็นตัวยาแก้ผดผื่นสำหรับภายนอก!? ทำให้เธอตกใจมากและรีบพาลูกชายเข้าแอดมิทกับโรงพยาบาลเป็นการด่วน     หลังจากนั้นเพื่อนๆ ของเธอก็เข้ามาถามไถ่อาการของลูกน้อย พร้อมทั้งสนับสนุนให้เธอฟ้องร้องกับทางโรงพยาบาลเพื่อเรียกค่าเสียหายอีกด้วย       อ่านโพสต์เต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย อุทาหรเตือน ทุกท่าน …..วันนี้ชันพาลูกชาย มา รพ แห่งหนึ่ง เพื่อมาตรวจ ผลตรวจหมอบอกว่าเป็นปอดบวม เลยให้พ่นยา 2 ครั้ง แล้… Publicado por Alover Bah em Quarta, 20 de abril…

  • สื่อนอกรายงาน คุณแพทย์นัวหมัดกันกลางโรงพยาบาลในอาร์เจนตินา มีผู้บาดเจ็บกว่า 20 ราย

    สื่อนอกรายงาน คุณแพทย์นัวหมัดกันกลางโรงพยาบาลในอาร์เจนตินา มีผู้บาดเจ็บกว่า 20 ราย

    กลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกทีเดียวสำหรับกรณีที่มีกลุ่มแพทย์กลุ่มหนึ่งในประเทศอาร์เจนตินา ตะลุมบอนกันกลางโรงพยาบาล หลังมีความเห็นเกี่ยวกับการขึ้นเงินเดือนไม่ตรงกัน!?   เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mirror ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอของกลุ่มแพทย์ในโรงพยาบาลซาน มาร์ติน เมืองลาปลาตา ประเทศอาร์เจนตินา ที่ทะเลาะกันอย่างหนักหน่วงจนต้องใช้ความรุนแรง   ตามรายงานบอกว่าในช่วงแรกมีกลุ่มแพทย์ถกเถียงกันอยู่กลางโรงพยาบาล แต่หลังจากที่พวกเขามีปากเสียงกันก็เริ่มมีแพทย์เข้ามามุงดูเรื่อยๆ กว่า 150 คน จากเหตุการณ์ตะลุมบอนครั้งนั้นทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 20 ราย   ชมคลิปเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย   ทั้งนี้หลังจากที่มีการสอบสวนพบว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากการที่เจ้าหน้าที่สหภาพสาธารณสุขรู้สึกเห็นด้วยกับการขึ้นเงินเดือนบุคลากรทางการแพทย์ 15% แต่ทางสมาคมวิชาชีพแพทย์เห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จึงเกิดการทะเลาะและใช้กำลังอย่างที่เห็นในคลิปวิดีโอ   เป็นแพทย์น่าจะคุยกันดีๆ หน่อยนา ที่มา mirror , Daily@011

  • แนวคิดเจ๋งๆ ของโรงพยาบาลในแคนาดา ที่อนุญาตให้เหล่าสัตว์เลี้ยง เข้ามาเยี่ยมผู้ป่วยได้ถึงเตียง!!!

    แนวคิดเจ๋งๆ ของโรงพยาบาลในแคนาดา ที่อนุญาตให้เหล่าสัตว์เลี้ยง เข้ามาเยี่ยมผู้ป่วยได้ถึงเตียง!!!

    เป็นแนวคิดที่ดีและน่ารักมากๆ สำหรับโรงพยาบาล Juravinski ใน Ontario ประเทศแคนาดา ที่คุณหมออนุญาตให้เหล่าสัตว์เลี้ยงสามารถเข้ามาเยี่ยมผู้ป่วยได้ถึงเตียงเลยทีเดียว!!! สำหรับโปรแกรมการนำเหล่าสัตว์เลี้ยงเข้ามาเยี่ยมนี้ชื่อว่า Zachary’s Paws ที่ริเริ่มโดย Donna Jenkins ที่รักษาหลานของเธอด้วยการใช้เหล่าสัตว์เลี้ยงมาช่วยบำบัดอาการมะเร็งต่อมน้ำเหลืองของเขา และเชื่อมั้ยล่ะว่ามันได้ผลมาก   โดยเฉพาะเหล่าผู้ที่ป่วยหนัก สัตว์เลี้ยงของพวกเขาเป็นที่ต้องการอย่างยิ่ง   โปรแกรมนี้ชื่อว่า Zachary’s Paws เพื่อเป็นเกียรติแก่ Zachary ที่ริเริ่มเอาแนวคิดสัตว์เลี้ยงบำบัดมาช่วย   Donna Jenkins กล่าวว่า ‘พอผู้ป่วยได้เจอกับสัตว์เลี้ยงของพวกเขา ก็จะรู้สึกสดชื่นขึ้น เครียดและรู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลง นั่นส่งผลดีต่อการรักษามากๆ ‘   ในหลายๆ เคสเลยล่ะที่เหล่าสัตว์เลี้ยงทำให้ผู้ป่วยหายและกลับบ้านได้เร็วขึ้น   เหมือนเป็นการเติมเต็มส่วนที่ขาดหายให้กับเหล่าคนไข้ในโรงพยาบาล   ราวกับเป็นการช่วยเบี่ยงเบนเอาความคิดออกไปจากอาการป่วย และความเจ็บปวด ถึงแม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ตาม   ซึ่งทางโรงพยาบาลอนุญาตให้มาเยี่ยมคนไข้ได้ 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์แหละ   แต่ก็นั่นแหละ ไม่มีใครจะเคร่งครัดเรื่องเวลากันสักเท่าไหร่หรอก ฮร่าาา   มากไปกว่านั้น เหล่าสัตว์เลี้ยงก็รู้สึกดีใจเช่นกันเมื่อได้พบเจ้านายของมัน อิอิ   ลองมาชมคลิปเกี่ยวกับโรงพยาบาลนี้ได้ที่นี่ เออเนาะ จะว่าไปแล้วเวลาเราเลี้ยงสัตว์เลี้ยง พวกมันก็เข้ามาอยู่ในชีวิตของเราราวกับเป็นครอบครัวแท้ๆ…

  • โรงพยาบาลแคนาดาออกนโยบาย ให้คนไข้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปได้ เพราะช่วยให้อาการป่วยดีขึ้นจริงๆ!?

    โรงพยาบาลแคนาดาออกนโยบาย ให้คนไข้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปได้ เพราะช่วยให้อาการป่วยดีขึ้นจริงๆ!?

    เวลาที่เราป่วยหรือไม่สบายจนต้องเข้าโรงพยาบาล สิ่งที่จะทำให้เราหายได้เร็วขึ้น (นอกเหนือจากยา) ก็คือกำลังใจของคนรอบข้างล่ะนะ แต่หากกำลังใจของบางคนไม่ใช่จากมนุษย์ด้วยกัน แต่เป็นเหล่าสัตว์เลี้ยงตัวน้อยล่ะ พวกเขาจะสามารถเจอพวกมันที่โรงพยาบาลได้หรือไม่?     ด้วยไอเดียนี้เอง ทางโรงพยาบาล Juravinski hospital ในเมืองออนตาริโอ ประเทศแคนาดา จึงได้ออกนโยบายใหม่ ที่อนุญาตให้คนไข้สามารถนำเอาสัตว์เลี้ยงมาที่โรงพยาบาลได้     นโยบายที่ว่านี้ถูกคิดค้นโดยนาง Donna Jenkins ผู้บริหารของโรงพยาบาลแห่งนี้ เธอบอกว่าเธอได้แรงบันดาลใจมาจาก Zachary หลานชายวัย 25 ปี ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง     Jenkins ให้สัมภาษณ์ว่า “ในขณะที่ Zachary อยู่ที่โรงพยาบาลหลายสัปดาห์และป่วยหนัก หลังจากที่มีการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ เขาขอร้องกับเราว่าอยากจะเจอหน้าสุนัขของเขาที่ชื่อ Chase เราเลยแอบพามันเข้าไปยังห้องไอซียู”     นาง Jenkins ยังบอกอีกว่า “เมื่อ Zachary รู้ตัวว่าเขาอาจจะไม่รอดจากการต่อสู้กับโรคร้าย เขาได้ขอร้องกับฉันให้เริ่มโครงการนี้ เราเลยเริ่มโครงการนี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 กันยายน ปี 2015” และในที่สุดพวกเขาก็ตั้งชื่อโครงการนี้ว่า Zachary’s Paws…

  • สองหนุ่มคลิป Damn Daniel บริจาครองเท้า Vans ที่ได้รับตลอดชีพให้กับเด็กๆ ในโรงพยาบาล!!

    สองหนุ่มคลิป Damn Daniel บริจาครองเท้า Vans ที่ได้รับตลอดชีพให้กับเด็กๆ ในโรงพยาบาล!!

    หากยังจำกันได้กับเรื่องราวของสองหนุ่มวัย 14 กับ 15 Josh Holz และ Daniel Lara ผู้ผลิตวลีเด็ด ‘Damn Daniel’ จนดังข้ามคืนไปทั่วโลก ถึงกับถูกเชิญไปออกรายการทอล์กโชว์ชื่อดังของอเมริกา โดยที่ Daniel ได้รับรองเท้า Vans สีขาวที่ส่งตรงมาจากบริษัทเอง ไปใส่ฟรีตลอดชีพด้วย!!       และด้วยเหตุนี้เอง Josh Holz และ Daniel Lara สองคู่หูดูโอ้ จึงมีความคิดที่อยากจะนำสิ่งเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการบริจาคให้กับเด็กๆ ที่เป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล Loma Linda University Children’s Hospital ในแคลิฟอร์เนีย       ทั้งสองใช้เวลาในการเยี่ยมผู้ป่วยร่วมหลายชั่วโมง และนำรองเท้า Vans สีขาวคู่ใหม่หลายร้อยกล่องนำมามอบให้กับผู้ป่วยเด็กแต่ละคนอย่างทั่วถึง อีกทั้งยังมอบหมวก สติ๊กเกอร์ และถุงเท้าที่ได้รับการสนับสนุนมาจากบริษัทผลิตรองเท้าโดยตรงอีกด้วย     หนึ่งในผู้ป่วยของโรงพยาบาล Lili Verdugo วัย 15…

  • ตำรวจรวบตัวแล้ว แม่ใจร้ายแทงลูกพึ่งคลอด 14 แผล แถมฝังทั้งเป็น เพราะกลัวสามีรู้ว่าท้อง!!?

    ตำรวจรวบตัวแล้ว แม่ใจร้ายแทงลูกพึ่งคลอด 14 แผล แถมฝังทั้งเป็น เพราะกลัวสามีรู้ว่าท้อง!!?

    อื้อหืออออ ถ้าจะเรียกว่าแม่ใจร้ายเฉยๆ ก็คงธรรมดาเกินไปสำหรับคุณแม่คนนี้ ที่จัดการฆ่า – ฝังศพลูกตัวเองซะเรียบร้อย เพราะกลัวสามีจะรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง!!? จากกรณีที่ชาวบ้านในละแวกได้พบตัวทารกเพศชายแรกเกิดถูกฝังดินอยู่ที่บริเวณป่ายูคาลิปตัส มีแผลถูกทิ่มแทงตามร่างกายถึง 14 จุดด้วยกัน!!! จึงได้นำตัวไปส่งโรงพยาบาล   ภาพของเด็กทารก   ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ทำการจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ คือนางแดง  (นามสมมุติ) อายุ 42 ปี ผู้เป็นแม่นั่นเอง ซึ่งรับสารภาพว่าเป็นผู้กระทำการทั้งหมดแต่โดยดีหลังถูกเจ้าหน้าที่จับตรวจดีเอ็นเอ และเค้นสอบจนยอมรับ   ภาพของเด็กหลังถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล   นอกจากนี้คุณแม่ยังได้ให้การต่อไปว่า ตนเป็นผู้ลงมือก่อเหตุดังกล่าวทั้งหมดด้วยตัวเอง เพราะกลัวว่าสามีของตนจะรู้ ซึ่งก่อนหน้านี้สามีของเธอไม่ได้รู้ว่าเธอตั้งครรภ์ เพราะโดยปกติเป็นคนอ้วนอยู่แล้ว จนอายุครรภ์ครบ 9 เดือน แล้วลูกเกิดหลุดออกมาขณะเข้าห้องน้ำ ตนเข้าใจว่าเสียชีวิตแล้วจึงได้ใช้ไม้ทิ่มแทงทั่วตัวเพื่อให้แน่ใจ แล้วนำไปฝังดินในภายหลัง   พอได้ฟังข่าวนี้แล้ว #จ่าสิบเหมียว รู้สึกสะเทือนใจจริงๆ ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนั้น แม้แต่สัตว์ยังรักลูกของมัน เรียกว่าคุณแม่ใจร้ายก็คงน้อยไปแล้วล่ะคนนี้… ที่มา: Kapook, เดลินิวส์

  • จิตใจทำด้วยอะไร!! ตำรวจอินเดียเร่งหาคนร้าย ‘ข่มขืนแม่เพิ่งคลอด’ ถึงเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล

    จิตใจทำด้วยอะไร!! ตำรวจอินเดียเร่งหาคนร้าย ‘ข่มขืนแม่เพิ่งคลอด’ ถึงเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล

    เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 ทางสำนักข่าว Dailymail ได้เผยภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล Brahm Shakti Sanjeevani ชานกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย จากภาพเราจะเห็นชายรายหนึ่ง กำลังเดินเข้าไปในห้องไอซียู โดยที่ไม่มีใครสนใจเขาเลยแม้แต่น้อย และที่สำคัญชายรายนี้ยังได้ไล่เปิดม่านกั้นของคนไข้ เพื่อกระทำบางสิ่งบางอย่าง…     ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า ชายคนดังกล่าวได้อ้างตัวกับยามว่าเป็นแพทย์ จากนั้นเขาก็ได้เดินเข้าไปในห้องพักของคนไข้ ซึ่งเป็นห้องของคุณแม่เพิ่งผ่าตัดทำคลอดได้ไม่นาน จากนั้นก็ลงมือก่อเหตุข่มขืนเหยื่อถึงเตียงในห้องไอซียู ในขณะที่ผู้ป่วยเตียงอื่นๆ กำลังนอนหลับ     หลังภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ลงบนโลกออนไลน์ ทางด้านญาติของเหยื่อผู้โชคร้าย ก็ได้ออกมาเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เกิดจากความละเลยในด้านความปลอดภัยของทางโรงพยาบาล อีกทั้งในขณะเกิดเหตุก็ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดอยู่ในห้องไอซียูเลย     อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กำลังตามจับตัวผู้ก่อเหตุ โดยอาศัยภาพใบหน้าจากกล้องวงจรปิดเป็นเบาะแส งานนี้เหมียวขี้อ้อนก็ต้องขอประณามการกระทำอันชั่วร้ายของชายรายนี้ และขอให้ตำรวจสามารถจับกุมตัวของเขาให้ได้เร็วไว ที่มา : dailymail

  • คนงานตกถังสารละลายเดือดแต่รอดตายมาได้ บริษัทขอให้ทำการุณยฆาตเพราะไม่อยากจ่าย

    คนงานตกถังสารละลายเดือดแต่รอดตายมาได้ บริษัทขอให้ทำการุณยฆาตเพราะไม่อยากจ่าย

    หนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้ลูกน้องของบริษัทอยู่ทำงานไปนานๆ ก็คือการเอาใจใส่พนักงาน การดูแลยามที่พนักงานลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เช่นในกรณีของคนงานภายในโรงงานจากยูนนานที่ประสบกับอุบัติเหตุตกลงไปในถังสารละลายเดือดจัดๆ ร่างกายถูกลวกแทบทั้งตัว แต่รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด     Yuan Longhua วัย 38 ปี คนงานในโรงงานเครือ CQC Group เกิดพลัดตกลงไปในบ่อสารละลายเดือดจัดหลังจากที่ทำงานต่อเนื่องยาวนานกว่า 13 ชั่วโมง ในวันที่ 1 สิงหาคม 2558 โดยที่เขารอดชีวิตมาได้ แต่จะต้องทำการตัดขาขวาทิ้ง และเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยทางบริษัทเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด   แต่หลังจากเดือนตุลาคมเป็นต้นมาทางบริษัทเริ่มมีทีท่าที่เปลี่ยนไป จากที่เคยจ่ายค่ารักษาให้ ก็เริ่มจ่ายช้า ไม่ตรงเวลา จนถึงขั้นไม่ยอมจ่าย ทำให้อาการทรุดลงต่อเนื่อง อีกทั้งยังทำการโน้มน้าวทางครอบครัวให้ทำการหยุดรักษาและทำการุณยฆาต โดยจะชดเชยให้หลังจากที่เขาเสียชีวิตแทน     ทางด้านน้องชายของนาย Yuan เปิดเผยว่าหลังจากที่พี่ชายของตนประสบอุบัติเหตุ ไม่เคยเห็นหน้าเจ้านายเลย ได้แต่ติดต่อผ่านตัวแทนบริษัท ซึ่งหลังจากที่บริษัทไม่ยอมจ่ายค่ารักษา ทางครอบครัวต้องจ่ายเองเพื่อยื้อชีวิตเขาเอาไว้ แม้แต่กระทั่งแพทย์ผู้ดูแลเองก็ยังบอกเลยว่าบริษัทนี้ กระทำในสิ่งที่แย่มากๆ ปัดปัญหาทิ้งแบบไม่ใยดีต่อชีวิตลูกน้องเลย ที่มา : shanghaiist

  • สุดเจ๋ง!! ชม 11 ไอเดียตกแต่ง “โรงพยาบาล” ในวันคริสต์มาสโดยใช้ของต่างๆที่หาได้ในนั้น

    สุดเจ๋ง!! ชม 11 ไอเดียตกแต่ง “โรงพยาบาล” ในวันคริสต์มาสโดยใช้ของต่างๆที่หาได้ในนั้น

    เมื่อคุณคิดถึงโรงพยาบาลแล้ว เราก็คงได้กลิ่นที่เต็มไปด้วยยาหรืออะไรก็ไม่รู้อบอวนไปหมด แล้วถ้าเมื่อถึงเทศกาลแห่งความสุขอย่าง “คริสต์มาส” ล่ะ ที่โรงพยาบาลจะทำอะไรกันบ้างนะ โรงพยาบาลบางแห่งที่เมืองนอกก็ได้มีการประดับตกแต่งให้เข้ากับเทศกาลด้วย ซึ่งแต่ละอย่างที่เขาทำออกมานั้นก็เจ๋งมากๆ เพราะไม่ใช่เพียงแค่ติดไฟหรือต้นคริสต์มาสมาติดเท่านั้น เขายังเอาอุปกรณ์ต่างๆมาประยุกต์อีกด้วย วันนี้เหมียวจะพาทัวร์โรงพยาบาลที่เมืองนอกในเทศกาลคริสต์มาส หวังว่าเพื่อนๆ คงจะชอบกันนะ   1. เอาถุงมือมาแปะเป็นต้นคริสต์มาส   2. หรือจะเอามาเป่าเลยก็ได้ ดูแปลกไปอีกแบบ   3. เอาขวดยามาห้อนตรงพวงดอกไม้   4. ขวดเก็บตัวอย่างอึก็ไม่เว้น   5. พี่กระดูกของเราก็อยากแจมด้วย   6. ขวดยาก็เอามาเป็นไฟเก๋ๆ ได้   7. อันนี้อาจจะดูหลอนไปนะ   8. ถุงเลือกรูปถุงเท้า น่ารักมากกก   9. หรือจะเอาถุงยางมาทำเป็นต้นคริสต์มาสก็เก๋ดี   10. สัญญาณชีพจรประดับผนัง   11. เด็กน้อยในถุงเท้า น่ารักมากก   ถือเป็นไอเดียที่น่ารักมากๆเลย ถ้าบ้านเรามีเทศกาลแบบนี้บ้างก็คงจะดีเนอะ ที่มา boredpanda

  • ตำรวจรวบหนุ่มมะกัน หลังย่องเข้าโรงพยาบาลขโมย “สมอง” เพื่อนำไปขายต่อใน eBay !?

    ตำรวจรวบหนุ่มมะกัน หลังย่องเข้าโรงพยาบาลขโมย “สมอง” เพื่อนำไปขายต่อใน eBay !?

    eBay ถือเป็นเว็บไซต์ที่มีสินค้าหลายแสนชิ้นให้คุณได้เลือกซื้อ ตั้งแต่ซากกระเบือยันเรือรบเลยทีเดียว แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าจะมีสมองมนุษย์ให้เราเลือกซื้อด้วย!?   เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่านาย David Charles วัย 23 ปี ได้แอบย่องเข้าไปยังพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางการแพทย์อินดีแอนา ในโรงพยาบาลประสาทเซ็นทรัลอินเดียนา เพื่อขโมยทรัพย์สินกลายอย่าง ทั้งแต่เครื่องวัดคลื่นไฟฟ้า กล้องจุลทัศน์ ไปจนถึงสมองของมนุษย์     นาย Charles ถูกตำรวจจับกุมเมื่อเดือนธันวาคมปี 2013 หลังจากที่เขาขโมยขวดโหลที่บรรจุสมองไว้ภายในกว่า 6 โหล และขายมันในเว็บไซต์ eBay ในราคา 400 ปอนด์ หรือประมาณ 21,528 บาท ซึ่งบนสินค้านั้นมีเลขรหัสอยู่ ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถตามตัวได้อย่างไม่ยากเย็น   เจ้าหน้าที่สืบสวนบอกว่าหลักฐานอย่างหนึ่งที่ทำให้พวกเขาสามารถตามตัวนาย Charles ได้ก็เพราะว่า เขาดันทิ้งเศษกระดาษที่มีรอยนิ้วมือเปื้อนเลือดของเขาไว้ที่ด้านหลังของพิพิธภัณฑ์นั่นเอง     ทั้งนี้นาย Charles ได้ถูศาลสั่งจำคุกเป็นเวลา 1 ปีและแน่นอนว่าถูกสักห้ามเข้าใกล้กับพิพิธภัณฑ์ด้วยเช่นกัน   อยู่ดีไม่ว่าดี ไปเอาสมองของคนอื่นมาขายซะนี่ ที่มา metro

  • ขโมยลูกคนอื่นหายไป 4 ปี หาตัวจนเจอขอซื้อเด็กในราคา 2 ล้านบาท แม่แท้ๆ ยืนยันไม่ขาย!!

    ขโมยลูกคนอื่นหายไป 4 ปี หาตัวจนเจอขอซื้อเด็กในราคา 2 ล้านบาท แม่แท้ๆ ยืนยันไม่ขาย!!

    เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆ ในเรื่องของความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว โดยปกติแล้วหากเด็กที่เกิดมานั้นก็ต้องอยู่กับแม่แท้ๆ ของตัวเอง แต่ทว่าในกรณีนี้ตัวเด็กกลับถูกขโมยไปจากโรงพยาบาลขอนแก่นเมื่อ 4 ปีก่อน หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยทั้งตัวเด็กและผู้ที่ลักพาตัวเด็ก     จนกระทั่งมีเบาะแสพิรุธจากสูติบัตรของเด็กรายหนึ่งที่คุณปู่พามาสมัครเข้าโรงเรียนใน จ.ชัยภูมิ ตรวจสอบแล้วคือเด็กที่ถูกลักพาตัวไปเมื่อ 4 ปีก่อน จึงนำไปสู่การจับกุมตัวนางอัญชุลี ชิดขุนทด อายุ 32 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ โดยสารภาพว่าตนเองแท้งลูก แต่อยากมีลูก จึงทำการขโมยตัวเด็กตอนที่แม่แท้ๆ ของเด็กเผลอไปให้สามีของตน โดยโกหกสามีอีกว่าเป็นลูกแท้ๆ อีก     ทั้งนี้เธอเองก็ได้ยอมรับผิดทั้งหมด แต่ด้วยความผูกพันที่เลี้ยงดูเด็กมาตลอด เมื่อพ้นโทษจะขอซื้อเด็กจากแม่แท้ๆ ในราคา 2 ล้านบาท เพื่อที่จะนำมาเลี้ยงดูเอง แต่ทางด้านน.ส.กัลย์สุดา สำแดง อายุ 30 ปี ผู้เป็นแม่ของเด็ก ไม่ยินยอมที่จะรับเงินดังกล่าว เพราะไม่อยากขายลูกกิน อีกทั้งเป็นลูกของตนเองแท้ๆ แต่กลับกลายไปเป็นลูกของคนอื่น     สภาพของความเป็นแม่นั้นตกไปอยู่กับผู้ที่ขโมยไป เนื่องจากเด็กเติบโตมากับผู้ที่ขโมย ทางด้านนักสังคมสงเคราะห์และนักจิตวิทยา ก็แนะนำว่าอาจจะต้องใช้เวลาถึง 2 ปีเพื่อให้เด็กได้ปรับตัว…

  • ตำรวจสุดเงิบ ช่วยกันทุบกระจกรถ เพราะเห็นทารกถูกทิ้งอยู่ในรถเพียงลำพัง แต่ที่แท้คือ ‘ตุ๊กตา’

    ตำรวจสุดเงิบ ช่วยกันทุบกระจกรถ เพราะเห็นทารกถูกทิ้งอยู่ในรถเพียงลำพัง แต่ที่แท้คือ ‘ตุ๊กตา’

    เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2558 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้รายงานถึงเรื่องราวสุดเงิบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย โดยพวกเขาได้พบเห็นเด็กทารกคนหนึ่งนอนหลับอยู่ในรถยนต์ ที่จอดอยู่หน้าโรงพยาบาล งานนี้ทั้งคู่เลยช่วยกันทุบกระจกรถจนแตกยับ เพื่อช่วยทารกออกมา แต่จากการรายงานพบว่า เด็กทารกที่เห็นแท้จริงแล้วคือตุ๊กตาเด็ก ซึ่งเป็นของ ‘Janaih Rattray’ เด็กหญิงวัย 10 ขวบ ผู้ที่ได้ทิ้งตุ๊กตาเอาไว้ในรถ เพราะเธอและพี่สาวได้เข้าไปทำธุระในโรงพยาบาลนั่นเอง     ก่อนที่จะเกิดเหตุสุดเงิบนี้ มีพลเมืองดีได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีคนลืมทารกไว้ในรถ และแน่นอนว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเรื่อง พวกเขาจึงรีบเข้ามาช่วยเหลือในดันใด พร้อมกับทุบกระจกรถจนแตก ก่อนที่จะทราบภายหลังว่าเด็กทารกที่เห็น แท้จริงคือ ‘ตุ๊กตา’     เมื่อครอบครัวของเด็กหญิงวัย 10 ขวบกลับมาที่รถ พวกเขาก็พบว่าสภาพของรถพังยับเยิน ก่อนที่จะเห็นกระดาษโน้ตที่ทิ้งข้อความเอาไว้ว่า ‘ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย’     ส่วนทางด้านพี่สาวของ Janaih ได้เผยว่า ‘ไม่แปลกเลยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าใจผิดคิดว่ามันเป็นตุ๊กตา เพราะเจ้าตุ๊กตาตัวนี้มันค่อนข้างที่จะเหมือนทารกจริงๆ’ เป็นเหมียว เหมียวก็คิดว่าคือเด็กทารกจริงๆ เหมือนกัน ก็ดูสิ…เหมือนคนขนาดนี้ เป็นใครใครก็ต้องเข้าใจผิดกันเป็นธรรมดา ^^ ที่มา : metro

  • พาไปชมภาพถ่ายของเหล่าผู้ป่วยจากโรงพยาบาลจิตเวช

    พาไปชมภาพถ่ายของเหล่าผู้ป่วยจากโรงพยาบาลจิตเวช

    เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้เปิดเผยเรื่องราวของช่างภาพรายหนึ่งที่ชื่อว่า Laura Hospes เธอได้เดินทางไปถ่ายภาพคนไข้ที่โรงพยาบาลจิตเวชแห่งหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยบุคคลที่มีอาการเศร้าซึม, จิตตก และเบื่ออาหาร จนถึงขั้นพยายามฆ่าตัวตายด้วย   เธอเริ่มต้นถ่ายภาพคนไข้ภายในโรงพยาบาล เพื่อเผยให้เห็นชีวิตของคนๆหนึ่งที่ต้องผ่านการบำบัดในโรงพยาบาลจิตเวช ผลที่ได้ก็คือ ภาพถ่ายที่สวยงามและสื่อให้เห็นถึงอารมณ์และความรู้สึกผ่านดวงตาและท่าทางของพวกเขา   Laura ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ในตอนแรก ฉันถ่ายภาพเพื่อตัวของฉันเอง เพื่อจัดการกับอารมณ์ของฉันเองและใช้โอกาสนี้ในการแสดงออกถึงผลงานผ่านหน้ากล้องของฉัน ฉันไม่ได้เก่งเรื่องการอธิบายเรื่องความรู้สึกเท่าไหร่ ฉะนั้นแทนที่ฉันจะแสดงมันออกมา ฉันเลยโชว์มันให้เห็นผ่านภาพถ่ายของฉันเลย”   นอกจากนี้ Laura ยังอธิบายอีกว่าการถ่ายภาพของเหล่าคนไข้ครั้งนี้ มันช่วยเธอได้มากทีเดียว เพราะมันทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลง และมันน่าจะช่วยให้ผู้คนที่ตกอยู่ในสภาวะใกล้เคียงกันนี้ ระลึกถึงตนเองได้บ้าง       อันที่จริงแล้วผลงานของ  Laura ไม่ได้มีเพียงเท่านี้นะ หากใครอยากชมเพิ่มเติมสามารถตามไปดูกันต่อได้ที่ laurahospes เลยนะจ๊ะ

  • สุดซึ้ง โรงพยาบาลมะกันยอมแหกกฎสาธารณสุข ให้คู่รักวัย 90 นอนพักห้องเดียวกันได้

    สุดซึ้ง โรงพยาบาลมะกันยอมแหกกฎสาธารณสุข ให้คู่รักวัย 90 นอนพักห้องเดียวกันได้

    เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ CBS News ได้เผยแพร่เรื่องราวซึ้งๆของคู่รักรุ่นตายายคู่หนึ่งในรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล Piedmont Fayette Hospital ทำให้ทั้งคู่ต้องนอนแยกห้องกัน   คุณตาและคุณยายมีชื่อจริงว่า Tom และ Arniesteen Clark วัย 96 และ 92 ปี ทั้งคู่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันมานานกว่า 68 ปี และแทบจะไม่มีเวลาไหนเลยที่พวกเขาต้องแยกจากกัน จะมีก็แต่ช่วงที่คุณตาต้องไปรับใช้ชาติและประจำการอยู่ที่เกาหลีเมื่อสมัยหนุ่มๆเท่านั้น   ด้วยความผูกพันธ์ที่มีมานาน ทั้งคู่จึงขอร้องให้ทางโรงพยาบาลย้ายพวกเขามาอยู่ห้องเดียวกัน แต่เนื่องจากเป็นการขัดต่อกฎสาธารณสุขของรัฐจอร์เจีย ทำให้ทางโรงพยาบาลไม่มั่นใจ แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็อนุญาตให้ทั้งคู่นอนในห้องเดียวกัน   หลังจากที่ทั้งคู่ได้ย้ายมาพักอยู่ในห้องเดียวกัน ทั้งคุณตาและคุณยายก็ดูจะมีความสุขมากกว่าเดิม ซึ่งพยาบาลภายในโรงพยาบาลก็อดไม่ได้ที่จะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพในขณะที่ทั้งคู่กำลังนอนกุมมือกันอย่างน่ารักน่าชัง ทำให้ชาวเน็ตรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของความรักของพวกเขาไปด้วยเลย ที่มา cbsnews , kapook