Tag: โรงเรียน
-
คริสต์มาสแสนเศร้าในรัสเซีย เมื่อลุงซานต้า “เสียชีวิต” ต่อหน้าเหล่าเด็กๆ ในโรงเรียน
สำหรับเด็กๆ ชาวตะวันตกแล้ว การได้เจอคุณลุงซานต้าในวันคริสต์มาส คงจะเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขามีความสุขและสนุกสนานอย่างที่สุด แต่ล่าสุด เด็กๆ ในโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในเมืองเคเมโรโว ประเทศรัสเซีย กลับต้องประสบกับการสูญเสียอันน่าสลดใจ เมื่อซานตาคลอสของพวกเขา ล้มลงและสิ้นใจ ไปต่อหน้าต่อตา กลายเป็นคริสต์มาสแสนเศร้า เมื่อลุงซานต้าสิ้นใจลงต่อหน้าเหล่าเด็กๆ . . Valery Titenko นักแสดงวัย 67 ปีผู้มากประสบการณ์การแสดงละครเวทีของรัสเซีย และยังเป็นที่รักของคนในพื้นที่รวมถึงคนในวงการอย่างมากอีกด้วย โดยเมื่อทางโรงเรียนอนุบาลตั้งใจจะจัดงานฉลองคริสต์มาส จึงเชิญทีมนักแสดงของโรงละคร Kuzbass มาช่วยให้ความสนุกสนานกับเด็กๆ โดย Valery ก็เป็นหนึ่งในนักแสดงของทีม ภายหลังทราบว่า วันก่อนที่จะมีงานคริสต์มาสของโรงเรียน Valery นั้นมีอาการทางสุขภาพที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก มีอาการเจ็บหน้าอกและไม่ค่อยสบาย แต่เมื่อนึกถึงเด็กๆ แล้ว เขายินดีที่จะเข้าร่วมในบทบาทของ ซานตาคลอส Valery Titenko วัย 67 ปี เมื่อถึงงานฉลองคริสต์มาส ทุกคนก็แต่งตัวกันมาอย่างมีสีสัน โดย Valery นั้นเป็นซานตาคลอส ถือว่าเป็นคนสำคัญของงานเลยก็ว่าได้ บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนาน ก่อนที่มันจะสิ้นสุดลงพร้อมกันการสิ้นใจของ Valery…
-
ครูกวดวิชาในญี่ปุ่น ถูกจับกุมเพราะ “เลียหู” นักเรียน อ้างเป็นวิธีการจับโกหก!!
หลายครั้งที่เด็กนักเรียนมักโกหกคุณครูด้วยเหตุผลบางประการ นั่นทำให้ครูหลายคนต้องงัดมาตรการจับโกหกของตัวเองออกมาใช้ และครูคนหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นก็งัดไม้เด็ดออกมา เขาบอกว่าเขาสามารถจับโกหกเด็กนักเรียนได้เพียงแค่เขา เลียหู เด็กคนนั้น!!? คุณครูวัย 32 ปี Teruki Suira เป็นครูสอนในโรงเรียนกวดวิชา Shinsei ในจังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น เขากล่าวกับนักเรียนชายคนหนึ่งว่า “ครูจะรู้ทันทีว่าเธอโกหกหรือเปล่า ถ้าครูเลียหูของเธอ” และจากนั้นเขาก็ใช้มือทั้งสองข้างของเขาจับที่ไหล่ของนักเรียนชายวัย 14 ปีคนนี้แล้ว เริ่มเลียหูข้างขวาของนักเรียนทันที จากรายงาน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นราวเวลา 16.50 น. ของวันที่ 14 สิงหาคม และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้าจับกุมนาย Teruki ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2018 ที่ผ่านมา นาย Teruki กล่าวว่า… “ผมเลียหูเด็กก็จริง แต่นั่นเป็นหนึ่งวิธีการสอนเด็กให้อยู่ในลู่ทางที่ถูกต้องนะ” ล่าสุดคุณครูคนนี้ก็ยอมรับว่ามีการใช้วิธีเลียหูเด็กนักเรียนเพื่อจับโกหกจริง และกำลังอยู่ในขั้นตอนสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะเดียวกันชาวเน็ตที่รับรู้เรื่องราวดังกล่าวกลับเกิดอารมณ์ขันทันทีเมื่อรู้ว่าคุณครูคนนี้มีพฤติกรรมเลียนแบบตัวละครจากการ์ตูนเรื่อง JoJo’s Bizarre Adventure จินตนาการภาพได้จากคลิปการ์ตูนเรื่องนี้… วิธีจับโกหกของคุณครูคนนี้จะได้ผลจริงมั้ยไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือใครโดนเข้าไปเป็นต้องขนลุกกันแน่นอนเลยล่ะ……
-
คดีในโรงเรียน เมื่อนักเรียนนำคุกกี้ที่ผสม “เถ้ากระดูกคน” มาแบ่งให้เพื่อนร่วมห้องกิน!!
การกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนนั้นเกิดขึ้นเป็นประจำ โดยเฉพาะเด็กที่เริ่มเป็นวัยรุ่นซึ่งต้องการความบันเทิงและการมีอำนาจเหนือผู้อื่น โดยส่วนมาก รูปแบบของการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนจะมาในลักษณะของการทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ ซึ่งทางโรงเรียนก็มักจะมีวิธีรับมือกับพฤติกรรมดังกล่าว แต่ครั้งนี้กลับเป็นการกลั่นแกล้งในรูปแบบที่แปลกอย่างไม่มีใครคาดคิด เมื่อเด็กมัธยม 2 คนจากโรงเรียนมัธยม DaVinci Charter Academy ได้กลั่นแกล้งเพื่อนด้วย “ขนมคุกกี้” ฟังดูเหมือนไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแต่ที่จริงแล้วเบื้องหลังของขนมคุกกี้นี้แฝงการกลั่นแกล้งที่ “รุนแรง” เอาไว้ นักเรียน 2 คน (ไม่เผยชื่อ) จากโรงเรียนมัธยมในเมืองเดวิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้นำขนมคุกกี้ที่ตนทำขึ้นมาแบ่งให้กับเพื่อนๆ ในห้องได้ทาน โดยที่คุกกี้เหล่านี้ถูกทำขึ้นจาก “เถ้ากระดูก” ของคุณยาย พวกเขาได้นำมาแบ่งให้กับเพื่อนร่วมห้องจำนวน 9 คนได้ทาน ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบว่ามีสิ่งผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นกับร่างกายของนักเรียนที่ทานเข้าไป ขณะนี้เรื่องได้ถูกส่งต่อถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคดี โดยหลักฐานมีเพียงคำให้การของเด็กๆ เท่านั้น “จู่ๆ หญิงคนนี้เที่ยวไปบอกทุกคนว่าคุกกี้ที่เธอนำมาให้ทุกคนกินนั้นมีส่วนผสมของ ‘เถ้ากระดูกมนุษย์’ อยู่ด้วย” นักเรียนชายคนหนึ่งกล่าวกับ KTXL ขณะที่ทางโรงเรียนไม่มีการตอบสนองใดๆ ต่อเรื่องดังกล่าว รายงานจาก Business Insider ก็ได้ระบุว่า การบริโภคชิ้นส่วนหรือเศษเหลือใดๆ ก็ตามของมนุษย์ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ที่มีการกระทำดังกล่าวจะถูกเหมารวมว่าเป็น ฆาตกร…
-
เด็กสาว 4 ขวบ ปิ๊งไอเดีย สร้าง ‘ปุ่มกอด’ ขึ้นมา เพื่อคลาย ‘ความคิดถึงแม่’ เมื่ออยู่ห่างกัน
อย่างที่รู้กันดีว่า ‘การไปโรงเรียน’ ของเด็กๆ ในช่วงแรกๆ นั้นถือเป็นเรื่องที่ยากมาๆ เพราะจากเดิมที่พวกเขาต้องอยู่ติดกับพ่อแม่ตลอดเวลา แต่พอไปโรงเรียนแล้วจะต้องแยกกันย่อมเป็นความรู้สึกที่เด็กๆ จะรับมือได้ยากเป็นธรรมดา หรือฝั่งคนเป็นพ่อเป็นแม่เองก็อาจจะหนักกว่าเสียด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้เองแต่ละครอบครัวก็จะมีวิธีการในการจัดการกับความรู้สึกเหล่านี้ที่แตกต่างกันออกไป เช่นเดียวกันกับครอบครัวนี้ ที่ใช้วิธีสุดแสนจะน่ารักเพื่อทำให้ลูกของตัวเองรู้สึกอบอุ่นหัวใจ แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน Violet Orrick เด็กหญิงวัย 4 ขวบ ที่เพิ่งจะได้เข้าโรงเรียน และได้เผชิญประสบการณ์ที่ต้องห่างจากคุณแม่ Leanne Orrick วัย 38 ปีเป็นครั้งแรก เธอก็เลยปิ๊งไอเดีย ‘ปุ่มกอด’ ขึ้นมา เป็นการวาดปุ่มรูปหัวใจเล็กๆ ติดไว้ที่แขนของทั้งคู่ และเมื่อกดเมื่อไหร่ก็จะจินตนาการถึงอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นของกันและกัน เพื่อเยียวยาความเศร้าจากการอยู่ห่างกัน Violet กล่าวถึงปุ่มรูปหัวใจดังกล่าวว่า “หัวใจก็เปรียบเสมือนกับตัว M คือ Mummy ที่ตั้งอยู่บนตัว V คือ Violet” และทุกครั้งที่ Violet รู้สึกเหงาที่โรงเรียน เธอก็จะกด ‘ปุ่มกอด’ นี้ทุกครั้ง เพื่อรับรู้ถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดของคุณพ่อกับคุณแม่ ช่วยให้เธอผ่านช่วงเวลาที่อยู่โรงเรียนไปได้อย่างมีความสุข “ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากการที่ฉันเห็นรูปที่วาดบนแขนของลูกสาวเป็นรูปหัวใจ ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงวาดมัน…
-
โรงเรียนจีนลงโทษ “นักเรียนแอบใช้มือถือ” โดยให้ออกมา ‘ขว้างลงพื้น’ จนกว่าจะแตก…
ภายในโรงเรียนแต่ละแห่งก็จะมีมาตรการในการป้องกันไม่ให้นักเรียนมีการ ใช้โทรศัพท์มือถือขณะเรียน ที่แตกต่างกันไป โดยบางที่อาจจะตัดคะแนน หรือบางที่ก็อาจจะริบโทรศัพท์ไปเลย แต่สำหรับโรงเรียนมัธยมต้นแห่งหนึ่งในประเทศจีน มีวิธีการป้องกันและลงโทษนักเรียนที่ถูกจับได้ว่าใช้โทรศัพท์มือถือในห้องเรียนที่หนักหน่วงและโหดกว่าที่เคยเจอจากที่ไหนๆ เพราะหากนักเรียนคนใดที่ถูกจับได้ว่าแอบใช้มือถือขณะเรียนจะต้องออกมาหน้าห้องแล้ว ปาโทรศัพท์มือถือ เครื่องนั้นลงพื้นด้วยตัวเอง เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2018 ได้มีคลิปวิดีโอหนึ่งถูกเผยแพร่ออกมาบนโลกออนไลน์ เป็นคลิปวิดีโอการทำโทษเด็กนักเรียนที่แอบเล่นโทรศัพท์มือถือขณะเรียน ทำเอาชาวเน็ตต่างวิจารณ์กันกระหน่ำเกี่ยวกับคลิปดังกล่าว ภายในคลิป เป็นภาพเหตุการณ์การลงโทษนักเรียนที่แอบใช้มือถือขณะเรียนของโรงเรียนมัธยมต้นแห่งหนึ่งในหยงเซ่า มณฑลหูหนาน ประเทศจีน โดยมีการให้นักเรียนที่ถูกจับได้ออกมาปาโทรศัพท์มือถือลงพื้นด้วยตนเอง คลิปวิดีโอ นักเรียนปาโทรศัพท์มือถือลงพื้นเพราะถูกจับได้ว่าแอบใช้ในห้องเรียน ตามรายงานจาก The Paper คุณครูในคลิปวิดีโอที่ภายหลังทราบว่าสกุล Xiong บอกว่าเด็กนักเรียนขอขว้างโทรศัพท์มือถือด้วยตนเองหลังพบว่าตนเองทำผิด แต่ตามรายงานแล้วพบว่าคุณครู Xiong เป็นผู้ที่ “บังคับ” ให้นักเรียนทำแบบนั้น ซึ่งกระทรวงการศึกษาก็ชื่นชมที่คุณครูพยายามรักษากฏโรงเรียน แต่การลงโทษในครั้งนี้มีความรุนแรงเกินไป คุณครู Xiong จึงได้รับโทษโดยการถูกลดเงินเดือน นักเรียนขว้างโทรศัพท์มือถือลงพื้นด้วยตนเอง จนกว่าจะเสียหายตามสมควร . นักเรียนอีกคนหนึ่งก็ต้องทำเช่นเดียวกัน . แม้ว่าโรงเรียนดังกล่าวจะมีมาตรการป้องการใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างเรียนที่เข้มงวด แต่ก็มิได้มีบทลงโทษที่เหมาะสมชัดเจน หลังจากเหตุการณ์นี้ ทางโรงเรียนจึงได้ประกาศว่าจะหาทางจัดการกับปัญหานี้ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ส่วนชาวเน็ตที่พบเห็นเรื่องนี้ก็ต่างวิจารณ์กันไปหลากหลายความเห็น เช่น……
-
พาชม Mangyongdae โรงเรียนของชนชั้นนำแห่งเกาหลีเหนือ ซ้อมขับรถถัง-ซ้อมยิงปืน มีให้ครบ!!
มีเพียงไม่กี่โรงเรียนในโลกที่จะมีอุปกรณ์สื่อการเรียนการสอนทางด้านรถถังและเครื่องบินขับไล่ ไหนจะมาพร้อมกับเครื่องยิงระเบิด และโรงเรียน Mangyongdae Revolutionary School ก็เป็นเพียงโรงเรียนแห่งเดียวที่มีของที่กล่าวมาทั้งหมด โรงเรียน Mangyongdae แห่งนี้ก่อตั้งโดย คิม อิล-ซ็อง อดีตผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ผู้มีศักดิ์เป็นบิดาของ คิม จ็อง‑อิล และปู่ของ คิม จ็อง‑อึน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การศึกษาแก่เด็กกำพร้าผู้สูญเสียครอบครัวจากการต่อสู้ยึดครองอาณานิคมจากญี่ปุ่น จนกระทั่งพัฒนากลายมาเป็นโรงเรียนอันดับต้นๆ ของเกาหลีเหนือ และเป็นหนึ่งในสถาบันที่รวบรวมประชากรระดับสูงของประเทศเอาไว้ ภายในห้องเรียนจะประกอบไปด้วยอาวุธปืนขนาดเล็ก บางห้องจะมีรถถังพร้อมจำลองตีนตะขาบให้ขับ ซึ่งวิชาหลักที่จะต้องเรียนในหลักสูตรคือ ‘การยิงปืน’ โดยจะมีห้องซ้อมแยกออกมาโดยเฉพาะ การฝึกขับรถถังผ่านเครื่องจำลอง สำหรับนักเรียนชายที่เข้ามานั้น จะต้องผ่านการโกนหัวทั้งหมด ปรับทรงผมให้เป็นในรูปแบบทหารพร้อมทั้งรับเครื่องแบบที่ออกแบบโดย คัง พัน-ซ็อก ภรรยาของคิม อิล-ซ็อง เป็นชุดที่มีลักษณะไม่แตกต่างไปจากชุดทหาร และจะมีแถบเส้นสีแดงบนกางเกงเพื่อสื่อถึงสัญลักษณ์แห่งการปฏิวัติ ห้องซ้อมยิงปืน ในแต่ละวันจะมีการเรียนการสอน 6 คลาส แบ่งเป็นคลาสละ 45 นาที โดยครึ่งหนึ่งของหลักสูตรจะเป็นเรื่องของการเมือง คตินิยม…
-
โรงเรียนศิลปะการต่อสู้อินโดฯ “ขับรถเหยียบนักเรียน” ฝึกความอดทน สุดท้ายไร้ปาฏิหาริย์
(บทความมีภาพและเนื้อหาสะเทือนใจ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม) โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู่แห่งหนึ่งในอินโดนีเซีย ได้พยายามสร้างปาฏิหาริย์ด้วยการ ขับรถบรรทุกขนาดกลางเหยียบลงบนร่างของนักเรียน จนทำให้เกิดอาการบาดเจ็บและเสียชีวิตขึ้น ในพิธีเลื่อนชั้นของนักเรียนศิลปะการต่อสู้ จากระดับต่ำไปสู่ระดับที่สูงกว่านั้นได้มีการแสดงซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นการ “แสดงปาฏิหาริย์” ก็คงจะไม่ผิดเท่าใดนัก เพราะว่าทางโรงเรียนได้มีการใช้รถบรรทุกที่หนักพอจะทับร่างคนจนเละได้ มาขับและเหยียบทับร่างของนักเรียน 6 คนซึ่งนอนคว่ำหน้ากับพื้น ถ้าไม่บาดเจ็บเลยก็ถือได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ เด็กนักเรียนนอนเรียงกัน รอรถขับขึ้นมาเหยียบบนร่าง รถบรรทุกดังกล่าวเหยียบและหยุดค้างเอาไว้บริเวณคนที่ 1 และ 2 เมื่อรถบรรทุกขับลงไปแล้วนักเรียน 4 คนลุกขึ้นได้ แต่ทีมงานต้องรีบเข้ามาดูอาการอีก 2 คนที่ยังลุกไม่ขึ้น คลิปวิดีโอการแสดงปาฏิหาริย์ “ขับรถเหยียบตัว” ภายในคลิปจะเห็นได้ว่า เด็กนักเรียนคนที่ 4 มีการลุกขึ้นหลบระหว่างการแสดง คาดว่าไม่สามารถรับน้ำหนักของรถได้ไหว ส่วนนักเรียน 2 คนที่ลุกไม่ขึ้นหลังจากการแสดงจบ ทางโค้ชและผู้ปกครองก็ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายพบว่า นักเรียนคนแรก (คนที่รถเหยียบค้างไว้) เสียชีวิตขณะนำตัวส่งโรงพยาบาล ขณะเดียวกันเด็กนักเรียนคนที่สองบาดเจ็บสาหัส และยังอยู่ในอาการโคม่าอย่างมาก ความเชื่อเรื่องปาฏิหาริย์หากต้องเสี่ยงกับชีวิตคนแบบนี้ก็น่านำมาคิดดีๆ…
-
ครูสอนเพศศึกษาระดับประถม เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ซักถาม แต่ละข้อใสๆ ทั้งนั้น!?
ทุกวันนี้การให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม หากได้เรียนรู้ในสิ่งที่ถูกต้องตั้งแต่แรกก็จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับเด็กได้อีกทางหนึ่ง เรียนรู้ถึงสาเหตุและป้องกันก่อนที่จะเกิดปัญหาในภายหลัง แต่ก็ใช่ว่าในบางเรื่องจะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนได้ ด้วยวัยที่ยังไม่เหมาะสมเท่าไหร่ อาจจะได้ยินมาบ้างว่า คนเราจะทำอะไรกันยังไง ความรู้สึกมันเป็นแบบไหน สุดท้ายก็นึกไม่ออกอยู่ดี… มีเพื่อนสอนเพศศึกษาอยู่โรงเรียนประถม เธอเอาคำถามของเด็กมาปริ้นท์ให้อ่านแล้วก็…. ชาวทวิตเตอร์ @kimyoogyeom ได้ออกมาแชร์เรื่องฮาๆ จากความสงสัยของเด็ก เมื่อเพื่อนผู้เป็นครูสอนเพศศึกษาในโรงเรียนประถม ได้เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องเพศ คำถามแต่ละข้อก็ช่างจะบรรเจิด เกินกว่าที่ผู้ใหญ่สงสัยจริงๆ ถ้าคุณนอนจิ้มกันนานๆ จะทำให้เด็กคลอดออกมาตัวใหญ่มั้ย? เมื่อจู๋เข้าไปในจิ๋มแล้ว มันสอดเข้าไปแบบเงียบๆ หรือคลิกเข้ากลอนเหมือนกุญแจเสียบมั้ย? หนูรู้มาว่าการนอนจิ้มกันจะใช้เวลา 24 ชั่วโมง คำถามคือไม่เหนื่อยบ้างเหรอ? ไม่มีทางอื่นที่จะมีลูกได้เลยเหรอ? คุณมั่นใจได้ไงว่า จะมีใครสามารถเอาเด็กออกมาจากในนั้นได้? หนูมั่นใจว่าแม่ของหนูไม่เคยไปจิ้มใคร อาจจะเป็นพ่อของหนูรึเปล่า? จะดีกว่ามั้ยถ้าเปลี่ยนให้ผู้ชายตั้งท้องแทนผู้หญิง? อันนี้คือสุดติ่ง เราจะมีเซ็กส์กันไปทำไม… โอ๊ยยยยน่อ ก็เด็กมันสงสัยนี่เนาะ จะบอกยังไงดีล่ะเนี่ย คิดคำตอบเหมาะๆ กันได้มั้ย ฮร่าาา …
-
ต่อเนื่องดราม่า อร BNK48 ประเด็นน้องที่วิจารณ์โดนโอตะคุกคาม-ครูเรียกพบตัว
หลังจากที่มีดราม่าประเด็นการตอบคำถามใน Instagram ของ อร BNK48 ก็ทำให้เรื่องราวบานปลายจนผู้วิจารณ์คนหนึ่งถึงกับซวย ถูกอาจารย์ในโรงเรียนเรียกพบเลยทีเดียว เป็นที่เข้าใจได้ว่าเมื่อเราเป็นแฟนคลับหรือชื่นชอบศิลปินคนไหนมากๆ ก็ย่อมรู้สึกไม่ดีที่ศิลปินของเราถูกวิจารณ์ในแง่ลบ ล่าสุด น้องชาวเน็ตคนหนึ่งได้นำประเด็นการตอบคำถามเรื่องน้ำหนักของ “อร BNK48” มาวิจารณ์ลงบนเฟซบุ๊กของตนเองในแง่ที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของอร ซึ่ง “โอตะ” คนหนึ่งเห็นเข้า โอตะรายนี้จึงทำการ ฟ้องอาจารย์ที่โรงเรียนของคนวิจารณ์ ในโพสต์ของน้องมีข้อความประมาณว่า อรทำตัวไม่เหมาะสม หากไม่อยากตอบคำถามก็ไม่ควรตอบ จากนั้นโอตะรายหนึ่ง ก็นำเรื่องราวไปเล่าฟ้องอาจารย์ในโรงเรียนของน้องที่วิจารณ์อรอย่างออกรสออกชาติ ผลสุดท้าย น้องที่วิจารณ์อร BNK48 ถึงกับต้องออกมาโพสต์ขอโทษเหล่าโอตะทั้งหลาย เนื่องจากเจ้าตัวถูกอาจารย์ในโรงเรียนเรียกตัวเข้าพบเรียบร้อยแล้ว หลังเกิดเหตุการณ์นี้ ชาวเน็ตต่างมองว่านี่เป็นการกระทำเกินเหตุของแฟนคลับของ อร BNK48 ซึ่งชาวเน็ตก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงให้กำลังใจน้องคนดังกล่าว ขอให้อาจารย์มีวิจารณญาณมากพอ และเสนอเหตุผลสำหรับการต่อสู้ความผิดเท่านั้น ขอให้อาจารย์มีวิจารณญาณ มีแนะแนวทางการให้เหตุผลเอาไว้ พร้อมแนะนำให้แจ้งความหากใครมาบอกว่าผิดกฎหมาย เราเชื่อว่าผู้ใหญ่มีเหตุผลมากพอ สู้ๆ นะครับ เชื่อว่าผู้ใหญ่น่าจะมีเหตุผลมากพอ ที่มา:…
-
คุณแม่ปฏิบัติการณ์แอบอัดเสียง พบหลักฐานมัดตัวครูด่าลูก ‘ไอ้ขี้แพ้’ เพราะฝนคำตอบไม่เป็น
เด็กในวัยกำลังเรียนรู้ ควรได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป คุณสมบัติของคุณครูผู้สอนนั้นจะต้องมีพื้นฐานที่ดี รักเด็ก และดูแลเอาใจใส่อย่างถูกวิธี ซึ่งจะส่งผลดีทั้งตัวคุณครูและเด็กด้วย ทว่าคุณสมบัติของความเป็นครูนั้นไม่ได้มีอยู่ในตัวทุกคน แม้จะมีหน้าที่มาสอนเด็กก็ตาม หากแต่เด็กไม่รู้หรือทำตามในสิ่งที่ตัวเองต้องการไม่ได้ ก็ไม่ควรดุด่าและทำให้เด็กรู้สึกแย่ต่อหน้าเพื่อนๆ เด็กชาย Aaron Kandy Escotto ผู้เป็นแม่ของเด็กชาย Aaron สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของลูกชาย หลังจากที่ผลการเรียนของเขาเริ่มตกในเทอมที่ผ่านมา และมักจะกลับมาบ่นถึงเรื่องในโรงเรียน โดยโรงเรียนที่ว่านั้นก็คือ Banyan Elementary School ในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา คุณแม่มีความสงสัยเกี่ยวกับความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับลูกชาย แต่เนื่องจากเธอได้เข้าไปเรียนกับลูกไม่ได้ จึงได้เลือกใช้วิธี “ซ่อนเครื่องอัดเสียง” ไว้ในกระเป๋าของลูกชายแทน และแล้วความจริงก็ปรากฏเมื่อเธอได้ลองฟังเสียงที่แอบอัดไว้ พบว่าคุณครูด่าลูกชายของเธอว่า ‘ไอ้ขี้แพ้’ จากการที่ไม่รู้วิธีการฝนกระดาษคำตอบ “ไม่ใช่! นั่นไม่ใช่การฝน เธอเข้าใจมั้ยว่าการฝนคืออะไร อะไรคือการฝนคำตอบ การตอบแบบเขียนวงกลมคืออย่างหนึ่ง การตอบอีกอย่างคือการฝน” หนึ่งในประโยคที่คุณครูพูดกับเด็กชาย Aaron และจากคลิปเสียงนั้น พอจะเดาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเด็กชายได้ว่า เขาถูกเรียกไปหน้าห้องเรียน และคุณครูก็ถามกับเพื่อนๆ ในห้องว่า…
-
สุดภูมิใจ… ครอบครัวแฝด 5 เลี้ยงลูกให้ได้ดีทุกคน ส่งเรียนที่เดียวกัน และจบพร้อมกัน!!
ความสำเร็จสูงสุดของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ ก็คงจะไม่พ้นในวันที่สามารถส่งลูกเรียนจนรอดฝั่ง สำเร็จการศึกษาในระดับสูง มีความรู้และวิชาชีพติดตัวเพื่อเลี้ยงดูตัวเองได้ โดยส่วนใหญ่แล้ว มีลูกคนเดียวส่งเรียนจนจบก็ชื่นใจ มากที่สุดอาจจะเป็นแฝด 2 หรือ 3 แต่สำหรับคุณพ่อเซลล์แมน Jorge ผู้มีพื้นเพมาจากประเทศเม็กซิโก… และคุณแม่ Enna Diaz ดีใจหนักยิ่งกว่าใคร เพราะได้เห็นและรับรู้ว่าลูกแฝดทั้ง 5 คน เรียนจบพร้อมกันในมหาวิทยาลัยเดียวกันทั้ง 5 สาขา!! Enna, Maria, Emilio, George และ John Diaz ร่วมชักภาพสวมชุดครุยและหมวก พร้อมกับใบปริญญาหลังจากที่ร่ำเรียนภายในมหาวิทยาลัย University of North Texas ร่วมกับแฝดทั้ง 5 ในระยะเวลา 4 ปี โดยที่ผ่านมาแฝด 5 อายุ 21 ปีเท่ากันทุกคน ต่างเคยผ่านประสบการณ์ร่วมกันมาโดยตลอด ทั้งเข้าเรียนระดับชั้นประถมศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาในสถาบันเดียวกัน รวมไปถึงการเข้าร่วมงานพรอมพร้อมกันทั้ง 5 คนด้วย!!…
-
กฎโรงเรียน!! นักเรียนสาวถูกสั่ง “ถอดเสื้อชั้นใน” ก่อนเข้าสอบ โวยโดนเจ้าหน้าที่จ้องหน้าอก
หลายโรงเรียนก็จะมีกฎและข้อห้ามไว้สำหรับให้นักเรียนปฏิบัติ เพื่อความสงบเรียบร้อยของโรงเรียนและผู้คนในโรงเรียน แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ กฎของโรงเรียนกลับทำให้เหล่านักเรียนหญิงต้องเดือดร้อน โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในประเทศรัสเซีย มีกฎว่าห้ามนักเรียนมีโลหะติดตัวเข้าห้องสอบ นั่นหมายถึงโครงชุดชั้นในของนักเรียนหญิงด้วยเช่นกัน ทางโรงเรียนถึงกับจัดตั้งเครื่องสแกนตรวจหาโลหะพร้อมผู้คุมอีก 2 คนเพื่อคอยตรวจหาโลหะในร่างกายนักเรียนที่จะเข้าห้องสอบ แต่กฎดังกล่าวทำให้เด็กนักเรียนหญิงต้องผวาเมื่อนักเรียนสาววัย 17 ปีคนหนึ่งดันสวมชั้นในที่มีลวดทองแดงซึ่งทำให้เครื่องตรวจจับโลหะต้องส่งสัญญาณดัง เจ้าหน้าที่จึงสั่งให้เธอถอดเสื้อชั้นในออก มิฉะนั้นจะไม่ได้เข้าห้องสอบ เมื่อเธอถอดออกแล้วกลับพบว่าเสื้อชีฟอง (ผ้าบางมองทะลุได้ง่าย) ของเธอทำให้มองเห็นถึงเนื้อหนัง และที่ยิ่งกว่านั้นเธอพบว่าเจ้าหน้าที่ทั้งสองเอาแต่จ้องมองที่หน้าอกของเธออย่าไม่ละสายตา นั่นทำให้เธอรู้สึกถูกคุกคาม เรื่องราวถูกแชร์ผ่านโลกโซเชียลโดยน้องสาวของนักเรียนหญิงผู้เสียหายได้นำไปเล่าผ่านเฟซบุ๊ก เธออัปโหลดภาพพร้อมคำบรรยายว่า “นักเรียนหญิงสมัยนี้นอกจากจะห้ามนำมือถือเข้าห้องสอบแล้ว ยังห้ามใส่เสื้อในอีกด้วยนะ” เธอเล่าต่อว่า “เจ้าหน้าที่สองคนตรวจร่างกายพี่สาวของฉัน แล้วบังคับให้ถอดชั้นในออก เมื่อถอดแล้วกลับมาตรวจอีกครั้งด้วยเสื้อซีทรูซึ่งมองเห็นยันเนื้อด้านใน เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนกลับเอาแต่มองหน้าอกพี่สาวฉัน” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในโรงเรียนแห่งหนึ่งเมืองเนซนีกัมสก์ ซึ่งเป็นโรงเรียนอันดับ 10 ของสาธารณรัฐตาตาร์สถาน สหพันธรัฐรัสเซีย แต่ทางด้านนาย Ayziryak Ramazamova รองหัวหน้าหน่วยงานศึกษาธิการของเมืองเนซนีกัมสก์กลับออกมาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่ว่ามาทั้งหมด ขณะเดียวกัน Eduard Taymasov ผู้เป็นครูในโรงเรียนก็ชี้แจงว่าทางโรงเรียนมีกฎห้ามพกโลหะติดตัวอยู่แล้ว ซึ่งการถอดชุดชั้นในออกนั้นเป็นเรื่องปกติ แถมมีห้องแยกไว้สำหรับถอด ไม่ได้ถอดต่อหน้าผู้คน อย่างไรก็ตาม ทางด้านผู้เป็นแม่ของนักเรียนสาวผู้เสียหายก็ได้ทำการแจ้งและร้องเรียนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบหาข้อเท็จจริงต่อไป …
-
มาดูกันว่า… นักเรียนของโรงเรียนรัฐฯ ยากจน ประเทศฝรั่งเศส จะได้ทานอะไรเป็นมื้อกลางวัน?
ในขณะที่เมืองไทยกำลังถกเถียงเกี่ยวกับประเด็นอาหารกลางวัน ของเด็กนักเรียนระดับชั้นอนุบาล ต่างก็ต้องได้รับการแก้ไขกันให้ตรงจุดต่อไป แต่ด้วยสภาพอาหารกลางวันของเด็กๆ นั้นก็ทำให้รู้สึกแย่ได้ไม่น้อย หากมองออกไปข้างนอก ณ ต่างแดน คุณเคยสงสัยบ้างมั้ยว่า ถ้าหากเป็นโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล มีความขัดสนทางด้านการเงินบ้าง เด็กนักเรียนภายใต้การดูแลจะได้รับอาหารการกินเป็นอย่างไร เหมือนหรือแย่กว่าเด็กไทยรึเปล่า? ในช่วงหนึ่งของภาพยนตร์สารคดี Where to Invade Next บุกให้แหลก แหกตาดูโลก ที่ออกฉายไปเมื่อปี 2015 นั้น มีฉากที่เกี่ยวกับเรื่องของ ‘อาหารกลางวันของเด็กๆ’ ด้วย โดยที่โรงเรียนดังกล่าวเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ตั้งอยู่ในย่านเศรษฐกิจอันย่ำแย่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศฝรั่งเศส ในวันที่ไปนั้น เด็กๆ ได้กินแกะย่างกับไก่ราดคูสคูส Michael Moore ผู้กำกับและผู้ดำเนินสารคดี ได้พาไปดูสภาพของโรงอาหารในโรงเรียนเล็กๆ แห่งหนึ่งของฝรั่งเศส ซึ่งจะเห็นได้ว่า อาหารการกินนั้นดูดีมากๆ โดยที่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าเบื้องหลังของอาหารเหล่านี้ ยิ่งทำให้รู้สึกแปลกใจมากกว่าเดิม โรงเรียนรัฐบาลแห่งนี้ไม่ได้ตั้งอยู่ในย่านของคนรวย มีเงินใช้เหลือเฟือ นั่นหมายความว่าจะเป็นกลุ่มของประชาชนที่ยากจนเสียส่วนใหญ่ ที่ส่งลูกมาเรียน ถึงแม้จะเป็นโรงเรียนที่ยากจนที่สุด ตั้งอยู่ในเมืองยากจนที่สุดของประเทศฝรั่งเศส เชฟผู้รับผิดชอบมื้ออาหารกลาววันก็ยังใช้เงินซื้อวัตถุดิบน้อยกว่าโรงเรียนในสหรัฐฯ เสียอีก…
-
แฝดไม่มาถ่ายรูปลงหนังสือรุ่น แฝดอีกคนใช้สิทธิ์แทน ถ่ายรูปทีเดียวเป็น 2 คนไปเลย!!
ในระบบโรงเรียนของต่างประเทศนั้น จะมีวันที่เรียกว่า Picture Day การถ่ายรูปของเหล่านักเรียนของแต่ละชั้นปี เพื่อนำมาใส่เป็นทำเนียบรุ่นในแต่ละปีการศึกษา วันสำคัญขนาดนี้ หากใครพลาดไปก็คงรู้เสียใจไม่น้อยเลยล่ะ และเรื่องน่าเศร้าแบบนี้ก็เกิดขึ้นกับคู่แฝดจากรัฐเซาท์แคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อแฝดอีกคนดันมาป่วยในวันถ่ายรูป… Marcus และ Malcolm Williams เป็นฝาแฝดกัน เรียนอยู่ระดับชั้นเดียวกัน ซึ่ง Marcus ป่วยพอดิบพอดี ไม่อาจไปถ่ายรูปได้ แฝด Malcolm จึงใช้สิทธิ์คนหน้าเหมือน ขอถ่ายรูปแทนซะงั้น ฮร่าาาา… https://twitter.com/marcus6096/status/1003783839901192192 Marcus ถึงกับทวีตออกมาว่า ‘เขาเนียนมาถ่ายรูปเป็นเราทั้งสองภาพในวันถ่ายรูป ช่วงเรียนมัธยมปลายในตอนที่ผมกำลังป่วย’ บางคนที่อยู่ในโรงเรียนเดียวกันถึงกับบอกว่า เอาจริงๆ แล้วต้องใช้เวลานานถึง 2 ปี ถึงจะรู้ว่าทั้งสองคนเป็นฝาแฝดกัน รู้สึกเหมือนว่าเจอคนหน้าเดิมเดินสวนกันในโถงโรงเรียน แล้วพึ่งจะนึกได้ว่ามันคนละคนกันนี่หว่า!? “ถึงกับเบิกเนตรกันเลยทีเดียว ตอนได้เห็นภาพของทั้งคู่อยู่ด้วยกัน รู้สึกแบบว่าโอ้พระเจ้า ให้ตายสิ มีสองคนเหรอเนี่ย?” Malcolm คงไม่ใช่ X ใช่มั้ย? งั้นดูภาพจากเฟสบุ๊กแม่ของผมก็แล้วกัน ไม่ได้แต่งเรื่องขึ้นมาน้าาา…
-
ผู้ปกครองเดือด! ครูทำโทษตัดผมลูกสาวแหว่งจนไม่น่าดู นี่หรือทรงผมที่โรงเรียนต้องการ!!?
ปกติแล้ว ทางโรงเรียนส่วนใหญ่ก็จะมีกฎเรื่องของเครื่องแบบนักเรียนรวมไปถึง “ทรงผม” ของนักเรียนด้วย ซึ่งหากว่านักเรียนคนใดไม่ปฏิบัติตามก็อาจจะถูกทำโทษด้วยวิธีต่างๆ ได้ ใครเคยพบเจอมาก็คงรู้ดีว่าบางครั้งหากนักเรียนไว้ผมผิดระเบียบ ครูและอาจารย์ก็จะนำตัวเด็กนักเรียนไปทำโทษด้วยการ กล้อนผมหรืออาจจะตัดผมให้เลยก็เป็นได้ ซึ่งถ้าการลงโทษครั้งนั้นทำให้เด็กถูกระเบียบก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ครั้งนี้ จากโพสต์ของทางเพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ return เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2561 ได้เผยภาพนักเรียนหญิงที่ถูกคุณครูทำโทษด้วยการตัดผมท้ายทอยออก ทว่าการทำโทษครั้งนี้ดูจะเกินเหตุไปหน่อย . . . เมื่อพบว่า ผมของเด็กหญิงคนนี้ถูกคุณครูตัดเสียจนแหว่งจนดูไม่เรียบร้อย และดูเกินเหตุไปกว่าการทำให้เด็กนักเรียนมีทรงผมที่ถูกระเบียบ ทางผู้ปกครองเองก็ไม่พอใจอย่างมากหวั่นใจว่าเด็กจะมีประสบการณ์ที่ไม่ดีฝังใจ ถึงแม้ในโพสต์ต้นฉบับทางผู้ปกครองของนักเรียนหญิงที่ถูกก้อนผมแจ้งว่าได้ไปเจรจากับทางโรงเรียนและคุณครูมาเรียบร้อย และก็ได้รับคำขอโทษมาแล้ว แต่ชาวเน็ตที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ต่างก็หัวเสียกันเป็นจำนวนมาก . บ้างก็ว่าคุณครูทำเกินเหตุ ผู้ปกครองและเด็กควรได้รับมากกว่าคำขอโทษ บ้างก็ว่าทรงผมนั้นไม่ได้กำหนดผลการเรียนของเด็ก บ้างก็ว่าเด็กหญิงคนนี้ดูไม่น่าเป็นเด็กเกเรทำไมคุณครูถึงไม่เจรจาดีๆ ก่อน ในขณะเดียวกัน บางคนก็เห็นต่างว่า ทรงผมนั้นไม่ได้เกี่ยวกับผลการเรียน เพียงแต่ว่าการลงโทษในครั้งนี้ถือเป็นการสอนให้เด็กรู้จักอยู่ในกฎระเบียบในสังคม ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงอยู่เสมอ สำหรับเรื่องทรงผมนักเรียน อยากรู้เหมือนกันนะว่า ผู้อ่านทุกท่านคิดอย่างไรกันบ้าง? ที่มา: เฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ return via kapook
-
10 ความรู้ทาง “ชีววิทยา” ที่โรงเรียนสอนมานับศตวรรษ แต่มันดันผิด!!!
การศึกษาใครบอกว่าจะต้องมาจากโรงเรียนเท่านั้น ยิ่งนับวันวิทยาการยิ่งก้าวหน้า การศึกษาสิ่งต่างๆ จึงทำได้มากและลึกยิ่งขึ้น และนั่นทำให้บางครั้งความรู้ที่เราเรียนมาจากโรงเรียนอาจเป็นข้อมูลที่ เก่าและผิด ไปแล้วก็ได้ โดยเฉพาะวิชาชีววิทยาที่หลายคนชื่นชอบ (ยกเว้น #เหมียวโลลิ) ที่เนื้อหาของมันก็เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิต เช่น คนเราวิวัฒนาการมาจากลิง เป็นต้น ซึ่งก็เป็นความรู้ที่ผิดเช่นกัน เอาล่ะ งั้นวันนี้เราไปชมกันเลยดีกว่ากับ 10 ความรู้ทางชีววิทยาจากโรงเรียน ที่คนเรายังเชื่อว่ามันถูก… 1. มนุษย์วิวัฒนาการมาจากลิง ความเชื่อที่ว่ามนุษย์เราวิวัฒนาการมาจากลิงนั้นกลายเป็นข้อมูลที่ผิดไปเสียแล้ว ลิงในปัจจุบันต่อให้เหมือนกับคนเราขนาดไหน แต่ที่จริงแล้วมนุษย์เองก็มีบรรพบุรุษของเราอยู่จริงๆ เมื่อหลายล้านปีที่แล้ว เราเพียงแค่มีบรรพบุรุษร่วมกัน แต่ไม่ได้เปลี่ยนจากลิงเป็นมนุษย์แต่อย่างใด อ้างอิง: www.skeptic.com/downloads/top-10-evolution-myths.pdf 2. มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนยอดห่วงโซ่อาหาร กลุ่มนักวิจัยชาวฝรั่งเศสได้ช่วยกันจัดลำดับห่วงโซ่อาหารใหม่ มนุษย์กลับกลายเป็นว่าไม่ได้อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อีกต่อไปแล้ว เพราะการจะอยู่บนยอดของห่วงโซ่อาหารได้นั้น ต้องกินเฉพาะเนื้อสัตว์ที่อยู่ต่ำกว่าลงไปเท่านั้น แต่พฤติกรรมการกินของมนุษย์ที่กินทั้งเนื้อสัตว์และพืชนั้นถือว่าไม่ได้อยู่บนยอดของห่วงโซ่อาหาร อ้างอิง: http://www.pnas.org/content/110/51/20617 3. หมากับแมวตาบอดสี เป็นความเชื่อกันมายาวนานนับแต่การทดลองในปี 1915 ว่าหมาและแมวนั้นมองเห็นเพียงสีขาว-ดำ แต่ปัจจุบันการทดลองครั้งใหม่ได้ทำให้ทราบว่า พวกมันก็มองเห็นไม่ต่างกับมนุษย์เพียงแค่จะบอดสีแดงหรือไม่ก็เห็นสีแดงได้น้อยที่สุด แต่พวกมันไม่ได้มีปัญหากับสีอื่นเลย อ้างอิง: http://www.todayifoundout.com/index.php/2012/01/both-cats-and-dogs-can-see-color/ 4. มนุษย์มีสัมผัสเพียงแค่ 5…
-
โรงเรียนจีนรุกหน้า ติดตั้งกล้องภายในห้อง เพื่อสังเกตสีหน้านักเรียนและใช้ประเมินพฤติกรรม…
ไม่แน่ใจว่าการที่มีกล้องวงจรปิดภายในห้องเรียนนั้น จะช่วยทำให้นักเรียนมีความตั้งใจเรียนเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ และอาจจะช่วยลดปัญหาของเด็กนักเรียนงีบหลับไม่ตั้งใจเรียน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง… Hangzhou No. 11 Middle School โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นในเมืองหางโจว กลายเป็นโรงเรียนแห่งแรกที่ดำเนินการติดตั้งระบบสมาร์ทคลาสรูม ภายใต้ระบบการจัดการและเฝ้าสังเกตการณ์ผ่านกล้องตรวจจับใบหน้า . โดยระบบดังกล่าวถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ในการประเมินพฤติกรรมของนักเรียน ที่อาจจะส่งผลต่อการเรียนในขณะนั้น ระบบกล้องอัจฉริยะนั้นสามารถตรวจจับอารมณ์บนใบหน้ารายบุคคลได้ เช่น โกรธ รำคาญ ตื่นตกใจ และมีความสุข จากนั้นระบบจะนำข้อมูลมาวิเคราะห์และแยกแยะตามประเภทอารมณ์ที่เกี่ยวข้องเป็น 6 หมวด อ่าน เขียน ฟัง ยืน ยกมือ แม้แต่แอบงีบก็มีเช่นกัน นอกจากระบบจะทำการรายงานผลเป็นรายวันแล้ว คุณครูประจำชั้นยังสามารถตักเตือนนักเรียนรายคนได้ จากการประเมินพฤติกรรมโดยรวมในแต่ละครั้งว่า ใครตั้งใจเรียนหรือไม่ตั้งใจเรียน… “ระบบที่พัฒนาขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูงมากพอที่จะจับภาพการแสดงออกทางสีหน้าภายในห้องเรียนได้ อีกทั้งระบบฐานข้อมูลสามารถนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนของทั้งห้อง และที่แน่นอนก็คือ เป็นวิธีที่ได้ผลสำหรับการเช็กชื่อเข้าเรียน” หนึ่งในเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนกล่าวกับสื่อจีน เหตุเพราะนอกเหนือจากการเฝ้าดูพฤติกรรมนักเรียนแล้ว การเรียนในแต่ละครั้งจะต้องมีการเช็กชื่อ หากนักเรียนคนไหนขานตอบรับ ระบบก็จะทำการเช็กชื่อลงในฐานข้อมูลให้เสร็จสรรพ . ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า ระบบดังกล่าวจะช่วยพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนในประเทศจีนได้หรือไม่ …
-
แจ็กพอต!! คุณลุงโดดตึกหนีจากชั้น 3 หลังบังเอิญป๊ะ “เจ้าหนี้” ในงานปฐมนิเทศหลาน!!
เรื่องราวของการเป็นหนี้นอกระบบยังเป็นสิ่งที่น่ากลัวในสังคมปัจจุบัน เนื่องจากการทวงหนี้ด้วยวิธีการโหดร้าย เช่น ข่มขู่ทำร้ายร่างกาย ยังเป็นวิธียอดนิยมที่คอยหลอนลูกหนี้นอกระบบทั้งหลายให้ต้องหนีหากไม่มีเงินจ่าย เช่นรายงานข่าวจาก สำนักข่าวไทย เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2561 นั้นเป็นตัวอย่างหนึ่งของการเป็นหนี้นอกระบบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งครุ ได้จับกุมตัว นายนพดล โชคอนันต์วณิชย์ วัย 30 ปีในโทษฐานที่เข้าไปทวงหนี้กับลูกหนี้ในลักษณะข่มขู่ ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ เนื่องจากเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2561 นายนพดลได้พาลูกของตนไปเข้าร่วมปฐมนิเทศนักเรียนใหม่ในโรงเรียนแห่งหนี่ง แล้วบังเอิญพบกับ นายเช้า ฟองธูป วัย 57 ปี ลูกหนี้ซึ่งก็พาหลานของตนเองมาปฐมนิเทศเช่นกัน นายเช้ายืมเงินไปจำนวน 25,000 บาทเป็นเวลา 2 ปีแล้วแต่ยังไม่ชดใช้คืน ทั้งนี้ลูกและหลานของทั้งสองฝ่ายบังเอิญอยู่ร่วมชั้นและร่วมห้องกันอีกด้วย ครั้นพองานปฐมนิเทศสิ้นสุดลง นายนพดลก็เข้ามาทวงเงินกับนายเช้าพร้อมขู่ว่าหากไม่คืนเงินจะใช้มีดแทง ทำให้นายเช้าเกิดกลัวขึ้นมา จึงหนีโดยการกระโดดลงมาจากตึกชั้น 3 จนบาดเจ็บสาหัส หลังจากนายนพดลถูกจับกุมตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าจะมีการดำเนินคดีกับนายนพดลในข้อหาการทวงถามหนี้โดยวิธีการข่มขู่ ซึ่งจะต้องจำคุกไม่เกิน 5 ปีและปรับไม่เกิน 5…
-
‘วิชาแห่งชีวิต’ ในโรงเรียนมัธยม ฟักไข่ไก่และเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ ก่อนจะกลายมาเป็นอาหาร…
ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปีที่ผ่านมา โรงเรียนมัธยมการเกษตรและป่าไม้ Izumo ในจังหวัดไซตามะ ได้ทำการเปิดสอนวิชาแห่งชีวิต หลักสูตรระยะเวลา 6 เดือน ที่จะให้นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับการฟักไข่และเลี้ยงไก่ ก่อนที่จะนำมาทำเป็นอาหารเพื่อรับประทาน โดยเมื่อปีที่แล้ว วิชาดังกล่าวได้เริ่มเปิดสอนเมื่อเดือนตุลาคม โดยการนำไข่ไก่จำนวน 60 ฟองมาเตรียมไว้ในเครื่องฟักไข่ โดยมีอาจารย์คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ทั้งการล้างไข่ การจัดวางไข่ไว้ในถาด รวมไปถึงการควบคุมความชื้นและอุณหภูมิในเครื่องฟัก และ 3 สัปดาห์ต่อมา เหล่านักเรียนจะต้องมาคอยสังเกตการณ์ไข่เหล่านี้ เพื่อให้มั่นใจว่าไข่แต่ละฟองอยู่ในสภาพแวดล้อมที่พร้อมจะฟักออกมาได้ และเมื่อฟักออกมาเป็นตัวได้สำเร็จ นักเรียนแต่ละคนก็จะต้องเลี้ยงไก่ตัวนั้นให้ดี โดยที่รู้อยู่แล้วว่าท้ายที่สุดจะต้องนำมันมาทำเป็นอาหาร… นักเรียนจะต้องรับผิดชอบการเจริญเติบโตของไก่ทั้งหมด ตั้งแต่การให้อาหาร เปลี่ยนน้ำเป็นประจำ ควบคุมอุณหภูมิให้ไก่ พร้อมกับบันทึกทำรายงานการเจริญเติบโตของมันไปด้วย แต่ด้วยความใกล้ชิดก็แปรเปลี่ยนมาเป็นความผูกพัน ยิ่งเลี้ยงดูมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยง แม้จะรู้ผลตอนท้ายหลังจบคอร์สก็ตาม… บางรายพยายามไม่ใกล้ชิดกับไก่มากนัก ด้วยเหตุผลข้างต้น อย่างเช่น Arakawa Yumesui หนึ่งในนักเรียนที่เรียนคอร์สดังกล่าวในปีที่แล้ว… เธอกล่าวกับสำนักข่าว Nippon TV ว่า เธอไม่กล้าที่จะตั้งชื่อให้ไก่เพราะกลัวผูกพันกับมัน ถึงกระนั้น…
-
เด็กชายชาวญี่ปุ่นขู่จะแทงพนักงานในโรงเรียน เพราะบังคับให้ใส่ชุดนักเรียนราคาแพง
ดูเหมือนว่าการแต่งกายไปโรงเรียนนั้น จะเป็นปัญหาในหลายๆ ประเทศมากกว่าที่คิด ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะมีข่าว เด็ก 7 ขวบโดนทำโทษเพราะ “ทรงผมไม่เหมาะสม” จากครูที่ “ย้อมผมสีชมพู” กันไป คราวนี้ก็มีข่าว เด็กชายชาวญี่ปุ่นขู่จะแทงพนักงานในโรงเรียน เพราะโดนบังคับให้ใส่ชุดนักเรียนราคาแพงอีก เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อโรงเรียนประถมศึกษา Taimei ซึ่งตั้งอยู่ในย่านชอปปิงสุดหรูของ Ginza ได้ออกนโยบายให้นักเรียนทุกคนในโรงเรียนต้องแต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบนักเรียนที่ผลิตโดยแบรนด์แฟชั่นชั้นนำของอิตาลี Giorgio Armani เดิมทีแล้วราคาชุดนักเรียนของญี่ปุ่นนั้นก็ค่อนข้างที่จะสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยหากจะซื้อชุดนักเรียนครบทุกฤดูในโรงเรียนปกติ ผู้ปกครองบางครั้งอาจมีค่าใช้จ่ายมากถึง 100,000 เยน (ราวๆ 30,000 บาท) เลยทีเดียว ดังนั้นการตัดสินใจของโรงเรียน Taimei จึงไม่ค่อยจะเป็นที่พอใจของชาวญี่ปุ่นสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับเด็กชายวัย 14 ปีผู้กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมต้นในจังหวัด Tochigi จากการเปิดเผยข้อมูลของตำรวจ เด็กหนุ่มได้ทำการเขียนข้อความขู่ลงบนอินเตอร์เน็ตว่า “(โรงเรียนประถมศึกษา Taimei) ควรปล่อยให้นักเรียนแต่งตัวมาเรียนตามปกติ ถ้าพวกมันไม่ทำผมจะออกไปจะแทงพวกมันด้วยมีดเอง” แม้จะดูเหมือนข้อความล้อเล่น แต่ด้วยความเป็นห่วงในความปลอดภัยของคนในโรงเรียน อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียน Taimei จึงตัดสินใจแจ้งเรื่องนี้กับทางตำรวจ ซึ่งต่อมาสามารถสืบสาวกลับไปยังเด็กหนุ่มผู้เป็นคนเขียนข้อความได้ เด็กหนุ่มให้การรับสารภาพโดยบอกว่าทำไปเพราะเขาคิดว่า “มันเป็นเรื่องที่ผิดที่จะสั่งให้เด็กสวมเครื่องแบบที่มีราคาแพงทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นเพียงเด็กประถมเท่านั้น” ดูเหมือนว่าทางโรงเรียนจะมีการยื่นฟ้องต่อนักเรียนหนุ่มที่กระทำผิดในข้อหาเกี่ยวกับการคุกคาม แต่ในขณะนี้ดูเหมือนว่าคดีจะปิดลงไปด้วยดีแล้ว อย่างไรก็ตามจากกระแสที่เกิดขึ้นนั้น คาดว่าโรงเรียนประถม Taimei อาจจะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเรื่องนโยบายการแต่งกายเป็นแน่ โดยเฉพาะจากชาวอินเตอร์เน็ตของญี่ปุ่น…
-
เหล่านักเรียนร่วมแรงร่วมใจเหวี่ยง จนกลายเป็นการ “กระโดดเชือก” พร้อมกัน 120 เส้น!!
การออกกำลังกายด้วยการ กระโดดเชือก เป็นทั้งเรื่องง่ายและเรื่องยากสำหรับแต่ละคน เพราะใช่ว่าเราจะมีทักษะในด้านนี้ติดตัวกันมาตั้งแต่แรก หากแต่มันขึ้นอยู่กับการฝึกฝนและการจับจังหวะของการกระโดดให้ดี ในขณะที่หลายๆ คนยังคิดว่าการกระโดดเชือกเป็นเรื่องยากอยู่ แต่สำหรับนักเรียนในโรงเรียนแห่งนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะพวกเขาได้รับการฝึกฝนมาโดยตลอด จนทำให้สามารถกระโดดหลบเชือกที่เหวี่ยงมาพร้อมกันถึง 120 เส้นได้เลยทีเดียว เด็กหนุ่มทำการกระโดดเชือกกว่า 120 เส้น ที่เพื่อนๆ เป็นคนเหวี่ยง นี่คือผลงานของโรงเรียนมัธยม Huaying ในเมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน ในวันที่ 13 เมษายน 2018 ที่ผ่านมา เมื่อนักเรียนจำนวน 240 คนร่วมกันเหวี่ยงเชือกจำนวน 240 เส้น โดยมีนักเรียนคนหนึ่งเป็นคนกระโดดหลบเชือกเหล่านั้น เด็กหนุ่มสวมหมวกนิรภัยพร้อมกับทำการกระโดดเชือก 120 เส้นได้มากถึง 158 ครั้ง ซึ่งในตอนแรกนักเรียนตั้งเป้าว่าจะทำให้ได้ 200 ครั้ง และก่อนหน้านี้ในตอนที่ซ้อมกันก็ได้มากถึง 187 ครั้ง คลิปการกระโดดเชือก 120 เส้น คนโดดว่าเก่งแล้ว คนเหวี่ยงนี่เผลอๆ อาจจะยิ่งกว่า Shi Kaihong คุณครูพละศึกษาของโรงเรียน…
-
เด็ก 7 ขวบโดนทำโทษจากเหตุ “ทรงผมไม่เหมาะสม” จากครูที่ “ย้อมผมสีชมพู”
เวลาใกล้ๆ ช่วงเปิดเทอมนั้น ในบ้านเราก็มักที่จะมีการถกเถียงกันเรื่องทรงผมนักเรียนออกมาให้เห็นกันเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นทำไมต้องตัดผม หรือทำไมไม่ยกเลิกผมทรงนักเรียนไปเลย… เรื่องเหล่านี้นั้น เป็นประเด็นถกเถียงกันมาอย่างยาวนาน และดูเหมือนว่าจะเป็นประเด็นไปอีกหลายปีเช่นกัน แต่เชื่อไหมล่ะว่าเรื่องผมไม่เหมาะสมอะไรแบบนี้จะไม่ได้มีแต่เพียงในบ้านเรา แถมเรื่องในครั้งนี้ยังเกิดขึ้นในอังกฤษ ประเทศที่เราคิดว่าเด็กๆ จะมีอิสระในการไว้ทรงผมที่ต้องการเลยด้วย เรื่องราวครั้งนี้เกิดขึ้นกับ Lucian Smith เด็กหนุ่มวัยเจ็ดขวบ ผู้ถูกลงโทษจากครูโรงเรียน Templars Academy ในเมืองวิทแธม มณฑลเอสเซ็กซ์ ประเทศอังกฤษ เนื่องจากเขาไปโรงเรียนในสภาพทรงผมกันลายสุดเฟี้ยว พ่อของเขา Darren Smith และแม่ Stephanie Harman กล่าวว่าพวกเขาคิดว่าผมของลูกจะยาวทันเวลาที่เขากลับมาจากช่วงวันหยุดอีสเตอร์ เลยปล่อยให้เขาตัดผมแบบนี้ แต่สุดท้ายมันก็ยาวไม่ทัน การลงโทษที่ลูกชายของพวกเขาได้รับเป็นการกักบริเวณ ซึ่งนั่นหมายความว่า Lucian จะไม่สามารถใช้เวลาพักร่วมกับเพื่อนๆ ของเขาได้ ซึ่งแม้พ่อแม่ของเขาจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่มากนัก เรื่องที่พ่อแม่ของ Lucian รับไม่ได้จริงๆ คือคุณครูผู้ที่ลงโทษ Lucian นั้น ก็ย้อมผมของตัวเองเป็นสีชมพูเหมือนกันต่างหาก “นี่เป็นกรณีของคำกล่าวที่ว่า ‘ทำตามที่ฉันพูดไม่ใช่อย่างที่ฉันทำ’ ชัดๆ ถ้าคุณรับงานเป็นครู คุณก็ต้องเป็นแบบอย่าง และรับผิดชอบต่อกฎของคุณเอง คุณไม่สามารถบอกเด็กๆ ให้ทำสิ่งหนึ่ง ในขณะที่คุณกำลังทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกันได้ นี่มันการหลอกลวงชัดๆ” Darren กล่าว…
-
เมื่อเด็กชายออทิสติก นำเครื่องอัดเสียงใส่กระเป๋าไปโรงเรียน ทำให้ครูถูกไล่ออกถึง 2 คน!!
เรื่องราวของเด็กชาย Camden Davis วัย 12 ปี จากรัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา ผู้เข้าเรียนในโรงเรียน Hope Academy ตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยสถานศึกษาแห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับสอนนักเรียนผู้ที่มีความต้องการเป็นพิเศษ จากคำโปรโมทหน้าเว็บไซต์ของโรงเรียนกล่าวถึง “การให้กำลังใจ ความสัมพันธ์เชิงบวก และจดจำความสำเร็จของนักเรียน” Camden Davis วัย 12 ปี โรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษ Hope Academy Camden เป็นเด็กที่ป่วยเป็นโรคออทิสติกอย่างหนัก และ Milissa ผู้เป็นแม่ของเขาก็ได้พาเข้าเรียนที่ Hope Academy แห่งนี้โดยหวังว่าทางโรงเรียนจะช่วยสนับสนุนและเข้าใจสิ่งแวดล้อม ที่จะผลักดันให้ลูกชายสามารถเรียนรู้ในทางของตัวเองได้ อย่างไรก็ตาม คุณแม่เริ่มสังเกตเห็นสัญญาแห่งความเครียดในตัว Camden หลังจากที่กลับมาจากโรงเรียน และนั่นทำให้เธอรู้ได้ว่าจะต้องมีอะไรผิดปกติแล้วแน่ๆ โดยปกติแล้วลูกชายจะมีความสุขและสดใสอยู่เสมอ จนช่วงหลังลูกชายเริ่มมีความฉุนเฉียวและปัสสาวะบนเตียงอยู่บ่อยครั้ง คุณแม่พยายามติดต่อไปยังทางผู้บริหารของโรงเรียน แต่กลับไร้วี่แววใดๆ ในวันหนึ่ง คุณแม่ตัดสินใจที่จะแอบใส่เครื่องบันทึกเสียงไว้ในกระเป๋าของลูกชาย เพื่อที่จะค้นหาต้นเหตุที่ทำให้ลูกชายรู้สึกไม่สบายใจ อย่างที่เขาไม่สามารถระบายออกมาเองได้ แล้วก็ได้พบกับความจริงที่ว่า…
-
เกิดเหตุยิงปืนในโรงเรียนที่ฟลอริด้า ในวันเดินรณรงค์ต่อต้านการใช้อาวุธปืน มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย
เมื่อเช้าวันศุกร์ที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา หน่วย S.W.A.T. ของฟลอริด้าได้รับการแจ้งเหตุชายคนหนึ่งเปิดฉากยิงปืนในโรงเรียนมัธยมปลาย Forest ที่เมือง Ocala รัฐฟลอริด้า และเข้าจับกุม Sky Bouche ผู้ต้องสงสัยวัย 19 ปีซึ่งในปัจจุบันไม่ใช่นักเรียนของโรงเรียนไปอยู่ในความดูแลของตำรวจ Sky Bouche ผู้ต้องสงสัยวัย 19 ปี ตามรายงานที่ได้รับจากนายอำเภอ Billy Woods เหตุการณ์ครั้งนี้ ส่งผลให้มีนักเรียนวัย 17 ปีคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าจนต้องมีการพาเขาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยทางอำเภอได้ทำการเตือนประชาชนให้อยู่ห่างจากพื้นที่และแจ้งให้พ่อแม่ให้มาพบลูกในสถานที่อื่นเป็นที่เรียบร้อย ทางตำรวจเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรของโรงเรียนได้ยินเสียงปืนดังใน เวลา 8:39 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น เขาได้ทำการแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บ และเข้าทำการจับกุมผู้ต้องสงสัยภายในเวลาเพียงสามนาที Woods กล่าวว่านี่เป็นการยิงโดยเจตนา แต่จะไม่อาจบอกได้ว่าผู้ต้องสงสัยเข้าไปในโรงเรียนได้อย่างไร หรือว่ารู้จักกับเหยื่อหรือไม่ “แม้ว่าเราจะได้ข้อสรุปโดยรวมแล้ว แต่เรื่องนี้ก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องสอบสวนกันต่อไป” Woods กล่าวกับผู้สื่อข่าวในที่ประชุมแถลงข่าว “มีรายละเอียดมากมายที่เรายังไม่รู้” เหตุการณ์ยิงปืนในโรงเรียนครั้งนี้ยังเกิดขึ้นในระหว่างการเดินรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงโดยการใช้อาวุธปืนพอดี และเป็นวันครบรอบ 19 ปี เหตุการณ์การสังหารหมู่ที่โรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์อีกด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ จึงทำให้มีการยกเลิกการเดินรณรงค์ในบริเวณนั้นทั้งหมดอย่างช่วยไม่ได้ไป ที่มา cnn, foxnews, independent
-
ครูสั่งห้ามนำโทรศัพท์เข้าห้องสอบ นักเรียนเลยพกเครื่องเล่นแผ่นเสียงเข้ามาเลย!!
ลูกเล่นตุกติกของกลโกงข้อสอบนั้น มีทุกยุคทุกสมัยเสียจริง ตั้งแต่วิธีการจดโน้ตเล็กๆ เก็บในกระดาษใบน้อย การบอกข้อที่ถูกต้องผ่านโค้ดลับต่างๆ สารพัดวิธีที่คนอยากจะโกงข้อสอบนั้นสุดจะคิดได้… ยิ่งในสมัยนี้ เทคโนโลยีทำให้สะดวกสบายมากขึ้น และการมาของสมาร์ทโฟนที่สามารถใช้ค้นหาข้อมูลตามที่ต้องการได้ ก็ไม่แปลกที่จะถูกสั่งห้ามใช้ ห้ามพกเข้าห้องสอบไปตามระเบียบเพื่อป้องกันการโกง อีกหนึ่งเหตุผลที่มักจะใช้อ้างก็คือ ใช้โทรศัพท์เพื่อฟังเพลงระหว่างทำข้อสอบ Eric Saueracker คุณครูชาวแคนาดาท่านนี้ ก็รู้ในความต้องการของนักเรียนเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่อาจไว้ใจได้ว่าจะแอบใช้หาคำตอบกันหรือเปล่า ก็เลยสั่งห้ามไม่ให้พกเข้าห้องสอบ เพื่อให้การสอบวิชาฟิสิกส์นั้นเป็นไปตามที่หวังไว้ แต่แล้วนักเรียนคนหนึ่งก็ทำให้เขาปวดใจกับวิถีโบราณ เพราะดันนำเครื่องเล่นแผ่นเสียงเข้าห้องสอบแทนนี่สิ! ในขณะที่นักเรียนคนอื่นๆ นำ แผงกั้นมาวางไว้หน้าตัวเองเพื่อกันคนอื่นลอกคำตอบ แต่หมอนี่ดันใช้เครื่องเล่นแผ่นเสียงเปิดเพลงของ Kanye West อัลบั้ม The College Dropout ตลอดเวลาที่ทำข้อสอบเลย ฮร่าาาา ทางด้านนาย Eric คุณครูผู้สอนให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “ในระหว่างการทำข้อสอบมิดเทอมของวิชาฟิสิกส์ คำตอบในข้อสอบมีในอินเทอร์เน็ต เพราะฉะนั้นก็ต้องห้ามนำโทรศัพท์เข้าห้องสอบ…. ผมพูดติดตลกไปว่า สามารถนำเครื่องเล่นเทปหรือซีดีเข้ามาได้ หากอยากจะฟังเพลง แล้วก็มีนักเรียนคนหนึ่งถามว่านำเครื่องเล่นแผ่นเสียงเข้ามาได้รึเปล่า?” “ผมก็คิดว่าทำไมจะไม่ได้ล่ะ เจ้านี่มันหัวหมอชะมัดผมก็บอกไปว่าโอเคไม่มีปัญหา แล้วเขาก็เอาเครื่องเล่นแผ่นเสียงมาจริงๆ ลากสายยาว…
-
นศ.ได้อีเมลเตือน ให้ระวังเสือในพื้นที่ กะตอบเอาฮา ‘นั่นมันแม่ผมเอง’ เผลอส่งให้ทั้งคณะ!?
เรื่องของภัยอันตรายเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายแรงขึ้น หน่วยงานต่างๆ ก็ต้องทำการแจ้งเตือนให้ประชาชนคนทั่วไปรับทราบล่วงหน้าเสียก่อน… แต่ทว่าความหวังดีนั้น กลับกลายเป็นการเล่นตลกของเด็กหนุ่มนักศึกษาไปได้เสียนี่ เมื่อทางมหาวิทยาลัยร่อนอีเมลเตือนภัยสัตว์ป่าในพื้นที่มหาวิทยาลัย แล้วดันไปตอบกลับด้วยข้อความเหมือนตอบแชตซะงั้น Caleb Diaz Caleb Diaz วัย 23 ปี จากมหาวิทยาลัย Southern Oregon University หนึ่งในนักศึกษาที่ได้รับอีเมลแจ้งเตือนจากคณะ โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับเสือพูม่าหลุดเข้ามาในบริเวณใกล้เคียงมหาวิทยาลัย หากพบเห็นให้โทรเรียก 911 ในทันที “ในวันศุกร์ช่วงบ่ายๆ เราได้อีเมลแจ้งเตือนเกี่ยวกับเสือพูม่า แล้วผมกับรูมเมทก็มองหน้ากันเหมือนกับว่า มันดูคล้ายหญิงแก่ๆ ไม่ใช่สัตว์หรอก” Diaz ให้สัมภาษณ์กับทาง Buzzfeed เขาก็เลยเล่นมุกตลกตบกลับไป ทำการตอบกลับอีเมลนั้นโดยไม่คิดอะไร เพราะคิดว่ามันส่งได้สำเร็จ “ผมไม่ได้คิดว่าข้อความนั้น จะถูกส่งไปทั่วทั้งคณะเลย” ‘นั่นคือแม่ของผมเอง’ ใจความสั้นๆ ที่ถูกส่งไปทั่วทั้งคณะ… เขาคิดเอง เออเองว่าระบบจะทำการบล็อกไม่อนุญาตให้นักศึกษาส่งอีเมลตอบกลับไปทั่วทั้งคณะ และคิดว่าน่าจะมีผู้ดูแลระบบคอยจัดการอยู่ ซึ่งหลังจากร่อนอีเมลตอบกลับไปแล้ว ก็ไม่ได้รับอีเมลใดๆ เพิ่มเติม ทั้งตัวเขาและเพื่อนรูมเมทอีกคน แต่พอในเช้าวันถัดมา…
-
คุณครูฉาว มีความสัมพันธ์เกินเลยกับศิษย์วัย 13 สำเร็จความใคร่ให้ทั้งในและนอกโรงเรียน…
ข่าวคราวฉาวภายในแวดวงการศึกษาของต่างประเทศ มักจะเกิดขึ้นให้เห็นอยู่บ่อยๆ อย่างกรณีที่คุณครูล่วงละเมิดทางเพศเด็กนักเรียน โดยทั่วไปจะมองว่าต้องเป็นคุณครูผู้ชาย แต่เดี๋ยวนี้กลับกลายเป็นคุณครูผู้หญิงแทน… โดยที่ผู้ก่อเหตุก็คือนาง Brittany Zamora วัย 27 ปี คุณครูสอนชั้นประถม 6 ของโรงเรียน Las Brisas Academy ในเมือง Goodyear รัฐแอริโซนา ถูกกล่าวหาและจำนนด้วยหลักฐานข้อความในโทรศัพท์ระหว่างคุณครูและนักเรียนชายวัย 13 ปี ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า ผู้ปกครองของเด็กพบข้อความตอบโต้ระหว่างสองฝ่ายในโทรศัพท์ของลูกชาย และนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่เกินเลยระหว่างครูและศิษย์ และเธอก็ถูกจับกุมในวันที่ 22 มีนาคม 2018 และต้องให้การเพื่อต่อสู้ในชั้นศาล Brittany Zamora วัย 27 ปี เธอยอมรับสารภาพว่า ใช้ปากสำเร็จความใคร่ให้ลูกศิษย์ทั้งในและนอกสถานศึกษา นั่นก็คือในห้องเรียนและในรถยนต์ส่วนตัวมาตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2018 และเคยมีเพศสัมพันธ์ทั้งหมด 3 ครั้งด้วยกัน นอกเหนือจากการส่งข้อความในเชิงชู้สาวระหว่างสองฝ่าย Zamora ได้ทำการส่งรูปภาพเปลือยและภาพสวมชุดลายลูกไม้ไปให้ลูกศิษย์รายนี้ ซึ่งทางด้านลูกศิษย์ได้เปิดเผยว่านี่คือจุดเริ่มต้นที่เธอเริ่มคุกคาม แต่ทว่าเขาก็ยอมรับว่าส่งภาพเปลือยของตัวเองเพื่อตอบกลับเช่นกัน …
-
เด็กอึ้งครึ่งโรงเรียน หลังพบว่าครูคณิตฯ ในโรงเรียนนั้นเป็น “ดาราหนังโป๊ดาวรุ่ง”
จินตนาการไม่ออกเลยว่า เด็กๆ ในโรงเรียนจะอึ้งกันขนาดไหน เมื่อพวกเขาพบว่า คุณครูสอนคณิตศาสตร์ของพวกเขาเป็นดาราหนังโป๊!? เมื่อเด็กนักเรียนในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งพบว่า Scott Sherwood ครูสอนคณิตศาสตร์วัย 50 ปีของพวกเขา แอบไปเป็นดาราหนังโป๊ Scott มีภาพถ่ายวาบหวิวออกมามากมาย อีกทั้งยังมีการแสดงหนังอย่างว่าด้วยฉายา Aaron Cage อีกด้วย เด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งได้เข้าพบวิดีโอของ Aaron Cage ในเว็บไซต์ยูทูบ และเธอก็เข้าไปแสดงความคิดเห็นว่า “ชายคนนี้เป็นครูสอนคณิตฯ ของฉัน ชื่อจริงๆ ของเขาคือ Scott Sherwood กลัวแล้ววว” โรงเรียน Peacehaven ในเมือง Peacehaven มณฑล East Sussex ประเทศอังกฤษ หลังจากที่ Scott ออกมายอมรับว่าสิ่งที่เขาทำเป็นเพียงงานอดิเรกเท่านั้น เด็กๆ ในโรงเรียนก็เริ่มเผยแพร่ภาพวาบหวิวของคุณครูคณิตศาสตร์ท่านนี้กันอย่างแพร่หลาย จนกระทั่งฝ่ายผู้ปกครองนักเรียนเริ่มพากันเป็นกังวล เนื่องจากทางโรงเรียนไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งตัวของ Scott เองก็ไม่ได้มาทำงานเลยตั้งแต่มีข้อกล่าวหานี้เกิดขึ้น ผู้เป็นแม่ของนักเรียนรายหนึ่งกล่าวว่า โรงเรียนห้ามนักเรียนในการพูดถึงเรื่องครูสอนคณิตฯ…
-
เรื่องราวอันแสนอบอุ่นหัวใจ ของโรงเรียนที่มีเพียง ‘ครูหนึ่งคนกับลูกศิษย์อีกหนึ่งคน’
ภาพของโรงเรียนที่อยู่ในความทรงจำของเรา คือภาพของสถานที่ที่เต็มไปด้วยเด็กๆ ทำกิจกรรมกันอย่างสนุกสนาน มีคุณครูคอยช่วยอบรมสั่งสอน ให้ความรู้ในหลากหลายวิชา แต่โรงเรียนแห่งหนึ่งในประเทศจีนนั้นจะต่างจากที่เราเห็นมาโดยตลอด จนได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “โรงเรียนที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก” เลยก็ว่าได้ ที่นี่คือโรงเรียนประถม Youcheng Primary School ตั้งอยู่ในส่วนลึกของทิวเขา Taihang เขตมณฑลเหอนาน ประเทศจีน ซึ่งแตกต่างจากโรงเรียนอื่นๆ ตรงที่มีคุณครูเพียงคนหนึ่ง และนักเรียนแค่หนึ่งคนเท่านั้น คุณครูและลูกศิษย์ที่เหลือกันแค่สองคนในโรงเรียน Xu Zefang ชายวัย 54 ปีคืออาจารย์เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของโรงเรียน และเขาได้สอนนักเรียนเพียงแค่คนเดียวนั่นคือเด็กน้อยวัย 11 ปีที่มีชื่อว่า Xu Jiaqi Zefang นั้นเริ่มสอนในโรงเรียนแห่งนี้ตั้งแต่ปี 1982 ซึ่งในตอนช่วงยุค 90s นั้น โรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนอยู่มากกว่า 100 คนและมีคุณครูถึง 9 คน แต่พอวันเวลาผ่านไป ภาครัฐมีการจัดแผนพัฒนาขึ้นมาทำให้เกิดโรงเรียนแห่งใหม่ใจกลางเมืองด้านล่างหุบเขา ทำให้ผู้ปกครองในหมู่บ้านตัดสินใจส่งลูกๆ ของตัวเองไปเรียนในที่แห่งนั้น เพื่อให้ได้รับการศึกษาที่ดีกว่าเดิม ถึงอย่างนั้นเด็กน้อย Jiaqi ก็เลือกที่จะอยู่ ด้วยเหตุผลที่ทำให้หลายๆ…
-
คุณแม่ใจสลายหน้าโลงศพลูกชาย ที่จบชีวิตตัวเองเพราะถูกล้อเป็นไบเซ็กชวล
ในช่วงชีวิตของเด็กวัยกำลังเติบโต ต้องเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวมากมาย แต่การไม่เปิดใจยอมรับรวมไปถึงก้าวก่ายชีวิตของผู้อื่นด้วยวาจาและการกระทำ อาจส่งผลขั้นร้ายแรงต่อจิตใจจนนำไปสู่ความตาย… เรื่องราวของเด็กชาย Andrew Michael Leach วัย 12 ปี จากรัฐมิสซิสซิปปี ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้เลือกจบชีวิตของตนเอง จากความทุกข์ทรมานที่ถูกล้อเลียนจากรสนิยมทางเพศของเขา และผู้เป็นแม่ไม่อาจทำใจยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ภาพโลงศพของเด็กชาย Andrew Michael Leach เหยื่อของการถูกกลั่นแกล้ง สู่การจบชีวิตตนเอง Cheryl Hudson ผู้เป็นแม่ได้ทำการโพสต์รูปภาพโลงศพของลูกชาย เพื่อให้ผู้อื่นได้รับรู้ว่าผลของการกลั่นแกล้ง ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิตผู้อื่นมากแค่ไหน… ข้อความจากจดหมายลาตายเผยให้รู้ได้ว่า Andrew เลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง หลังจากถูกล้อเลียนในโรงเรียน Southaven Middle School ต้องเจอความทุกข์ทุกวันและต้องคอยหลบซ่อนอยู่ในห้องน้ำ จนไม่กล้าออกไปเรียน Andrew และคุณแม่ Cheryl Hudson ทางด้าน Matt Leach ผู้เป็นพ่อเผยว่า เพื่อนร่วมห้องได้ทำการทรมานจิตใจเขาทางวาจา เมื่อรู้ว่าลูกชายของเขาเป็นไบเซ็กชวล (รักร่วมสองเพศ) “เขาพยายามดิ้นรนค้นหาเกี่ยวกับการปรับตัวทางเพศในตัวเอง จนกระทั่งรับรู้ได้ว่าตัวเองเป็นไบเซ็กชวลจากข้อมูลในโรงเรียน ผมคิดว่านั่นคือสาเหตุที่ทำให้เกิดการถูกล้อและกลั่นแกล้ง”…
-
สองมาตรฐานมีจริงหรือ… เมื่อคุณครูหญิง เป็นผู้คุกคามทางเพศนักเรียน กระแสบอกให้ผ่อนปรน
ในต่างประเทศมักจะมีข่าวฉาวเกิดขึ้นระหว่างนักเรียนและคุณครูอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งอัตราส่วนระหว่างผู้ชายและผู้หญิงเป็นผู้กระทำนั้นอาจไม่เท่ากันอย่างที่เป็นข่าวใหญ่โต… แต่สำหรับในคดีความที่เกิดขึ้นระหว่างฝ่ายคุณครูผู้หญิงกับนักเรียนชาย กระแสสังคมกลับมีทีท่าแสดงออกต่อผู้กระทำความผิดแตกต่างจากฝ่ายชายมากน้อยแค่ไหน? Stephanie Peterson อย่างเช่นในกรณีของนาง Stephanie Peterson (ข่าวเก่า) ชาวเน็ตต่างออกมาให้ความคิดเห็นในเชิงตลกอย่างเช่น “เราควรจะปล่อยเด็กชายผู้โชคร้ายรายนี้นะ เพราะกำลังเข้ารับผ่าตัดข้อมือจากการใช้งานอย่างหนัก” และข้อความอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน เป็นที่น่าตกใจ เมื่อกระแสสังคมที่แสดงทัศนคติต่อกรณีแบบนี้ มองว่าไม่น่าเป็นปัญหาใหญ่อะไรหากมีความสัมพันธ์ล่วงเกินกับคุณครูสาวที่มีความดึงดูดทางเพศสูง จากผลการศึกษาในปี 2013 พบว่าผู้หญิงเป็นผู้ลงมือกระทำล่วงเกินทางเพศเด็ก ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ คิดเป็นอัตราส่วน 19% โดยใช้ผลประโยชน์จากความเชื่อใจของเหยื่อ “ผู้กระทำการล่วงเกินทางเพศที่เป็นผู้หญิงมักถูกมองข้ามจากการรับรู้ของคนในสังคม เนื่องจากสังคมไม่คิดว่าผู้หญิงจะสามารถเป็นผู้กระทำความผิดได้เช่นเดียวกับผู้ชาย” ผลสรุปจากการศึกษากล่าวทิ้งท้าย… Alexandria Vera คุณครูภาษาอังกฤษถูกตัดสินจำคุก 10 ปี จากการคลุกคลีกับศิษย์วัย 13 ปี ความสองมาตรฐานจะเกิดขึ้นทั้นที เมื่อพบว่าคุณครูผู้หญิงใช้ตำแหน่งหน้าที่ล่วงเกินเด็ก แตกต่างจากผู้ชายที่ถูกเปิดเผยจากการกระทำเดียวกัน ผู้คนส่วนมากมักจะรู้สึกรังเกียจและโกรธชังเหล่าเฒ่าหัวงูเพศชาย ไม่ว่าจะมีอายุในช่วงไหนก็ตาม ที่ถูกจับได้ว่าล่วงเกินเด็ก แต่เมื่อสลับเพศของผู้กระทำความผิด ผู้คนบางส่วนกลับมองว่านักเรียนไม่ได้ตกเป็นเหยื่อแต่อย่างใด Haeli Way คุณครูจากรัฐเท็กซัสถูกไล่ออกจากโรงเรียน หลังมีเรื่องอื้อฉาวกับนักเรียนวัย…
-
สิ่งที่เหลืออยู่ของเหยื่อเหตุกราดยิงวัย 14 ในช่วงมัธยมต้นปี 2 และวันสุดท้ายในชีวิต
เหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ณ โรงเรียน Marjory Stoneman Douglas High School เมือง Parkland รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งใหญ่ที่ทำให้ทั่วทั้งโลกตื่นตัวกับปัญหาทางด้านจิตวิทยาและกฎหมายการครอบครองปืน นอกเหนือจากข้อมูลของผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตแล้ว หนึ่งในผู้ปกครองของผู้เสียชีวิต Lori Alhadeff ผู้เป็นแม่ของ Alyssa Alhadeff วัย 14 ปี ได้เปิดเผยถึงเรื่องราวหลังจากเกิดเหตุ ที่เหลือเพียงบาดแผลลึกในจิตใจ กับสิ่งของของลูกสาวที่ทิ้งไว้ดูต่างหน้า นาง Lori นั่งอยู่ภายในห้องนอนของลูกสาวพร้อมกับเสื้อสเวตเตอร์ของเธอ และข้าวของเครื่องใช้ในช่วงชีวิตการเรียนชั้นมัธยม ทั้งตำราเรียน กระดาษโน๊ต หวี ปากกามาร์กเกอร์ พร้อมทั้งแผ่นมาร์กหน้าและน้ำยาทาเล็บของลูกสาว . คุณแม่เปิดเผยว่า ในวันก่อนเกิดเหตุลูกสาวของเธอกำลังเคลียร์ห้องนอน เพื่อจัดแจงอุปกรณ์ไปโรงเรียน จนกระทั่งในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ลูกสาวของเธอก็ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ทุกวันนี้ คุณแม่นอนหลับได้เพียงวันละไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น เพราะยังคงคิดว่าลูกสาวยังอยู่กับเพื่อนที่โรงเรียน และหวังว่าเธอจะกลับมา……
-
ครูสาววัย 26 ปี ถูกจับฐานส่งภาพนู้ดให้ลูกศิษย์ พร้อมเลี้ยงต้อยด้วยสมุนไพรมหัศจรรย์…
เป็นเรื่องเป็นราวที่ชวนปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่ไม่น้อยเลย เมื่อกล่าวถึงคุณครูผู้มีหน้าที่บ่มเพาะสั่งสอนนักเรียนให้มีความรู้ตามระบบการศึกษา แต่ทว่าในกรณีนี้กลับเลยเถิดไปไกลกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก… เมื่อวันพุธที่ 28 กุมภาพันธ์ 2018 เว็บไซต์ Fox News และ Dailymail ได้รายงานข่าวการจับกุมตัวคุณครูสาว Stephanie Peterson วัย 26 ปี ในเมือง New Smyrna Beach รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา Stephanie Peterson วัย 26 ปี อดีตคุณครูสอนวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมต้น โดยที่ต้นเหตุของเบาะแสของการเข้าจับกุมนั้น เริ่มต้นมาจากที่ลูกศิษย์ชั้นเกรด 8 (เทียบเท่าชั้น ม.2) ได้สารภาพกับพ่อแม่ว่าคุณครูสาวรายนี้จะแวะมารับที่บ้านช่วงเวลา 23.00 น. เป็นประจำ และจะใช้เวลาอยู่ร่วมกันแบบส่วนตัวร่วมชั่วโมง ก่อนจะส่งกลับบ้านในช่วงเวลา 01.00 น. หรือ 02.00 น. และนอกเหนือจากนั้น เธอก็ได้ส่งรูปภาพนู้ดของเธอเองให้กับลูกศิษย์ พร้อมกับจะส่งกัญชาให้เขาได้นำไปใช้เสพอีกด้วย ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ชี้แจงเอาไว้ว่า คุณครูวิทยาศาสตร์สาวรายนี้เริ่มมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกศิษย์ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2017…
-
เด็กสาวต้องเข้ารับการศัลยกรรม หลังถูกกลั่นแกล้งเพียงเพราะเธอมีหูที่ยื่นยาวกว่าคนอื่น
การกลั่นแกล้งในโรงเรียนเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ผู้ใหญ่หลายๆ คนมักจะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่เด็กหยอกกันเล่นๆ แต่การกลั่นแกล้งหลายๆ ครั้งไม่ได้อยู่ในขอบเขต เด็กที่ถูกแกล้งหลายคนอาจถึงขั้นที่มีความคิดอยากจะฆ่าตัวตายเลยด้วยซ้ำ อย่างกรณีนี้ก็เช่นกัน Bella Harrington เด็กสาววัย 11 ขวบ ต้องเข้ารับการศัลยกรรม เนื่องจากถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียนเพียงเพราะเธอมีหูที่ยื่นยาวออกมา ลักษณะคล้ายหูของเอลฟ์เท่านั้นเอง Bella อาศัยอยู่รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา เธอบอกกับพ่อแม่ของเธอว่าหูที่ยื่นออกมามากเกินไปของเธอ ทำให้เธอตกเป็นเป้าของการกลั่นแกล้งจากเด็กคนอื่นๆ ในโรงเรียน Sabrina Harrington แม่ของเธอได้ให้สัมภาษณ์ว่า “พวกเด็กๆ คนอื่นชอบล้อเลียนเธอมากๆ ว่าเธอมีหูเอลฟ์” ส่วน Bella ได้กล่าวเพิ่มว่า “พวกเด็กคนอื่นๆ ล้อหนูมาตลอด ชี้มาที่หูของหนูแล้วก็พูดประมาณว่าดูนี่สิๆ และตอนนี้หนูถูกล้อมากกว่าเดิมอีก หนูเลยอยากที่จะเปลี่ยนมัน” และเธอเสริมอีกว่า “หนูคิดว่าตอนนี้มันยื่นออกมายาวเกินไปแล้ว” Dr. Joe Niamtu คุณหมอผู้ซึ่งเป็นคนดำเนินการผ่าตัดได้บอกว่าหูที่ยื่นยาวแบบนั้นมันจะเกิดขึ้นประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ของประชากรและยังบอกว่าที่ผ่านมามีคนไข้เด็กหลายรายที่เลือกมาทำศัลยกรรม และส่วนมากสิ่งที่เด็กๆ อยากแก้ไขก็เพราะว่าสิ่งนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาถูกกลั่นแกล้ง คุณหมอกล่าวว่า “พวกเรายินดีที่จะรักษาให้เด็กๆ ก่อนที่พวกเขาจะเข้าโรงเรียน ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่จะเห็นผมทำศัลยกรรมให้กับเด็กอายุ 4 หรือ 5 ขวบ” “และเหตุผลที่อยากศัลยกรรมส่วนมากคือการถูกกลั่นแกล้งหรือถูกเปรียบเทียบ ซึ่งมันสามารส่งผลต่อจิตใจรวมถึงไปถึงผลกระทบกับความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ในตัวเองด้วย”…
-
หนุ่มบอกให้เปลี่ยนคำว่า “โรงเรียน” เป็น “มดลูก” รัฐจะได้มาสนใจเรื่องกฎหมายปืนบ้าง
จากเหตุการณ์กราดยิงที่โรงเรียนใน รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้มีกลุ่มคนจำนวนมากออกมาแสดงความเป็นเกี่ยวกับกฎหมายการพกพาอาวุธของอเมริกากันอย่างมากหน้าหลายตา อย่างไรก็ดีด้วยความที่ว่าทางรัฐบาลสหรัฐ ยังไม่มีแผนการในการเปลี่ยนแปลงกฎหมายข้อที่ว่าทำให้มีชาวเน็ตมากมายไม่พอใจในเรื่องนี้ แต่ในบรรดาความเห็นเหล่านั้นมีความเห็นหนึ่งอันที่โดดเด่นกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด Let’s rename ‘school’ as ‘uterus’ so maybe Republican lawmakers will want to do something about the children dying inside them. — Nathan G (@nwg83) 15 กุมภาพันธ์ 2561 นี่คือความเห็นของผู้ใช้ทวิตเตอร์ Nathan G ที่มีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขากล่าวว่า “เราน่าจะเปลี่ยนคำว่า ‘โรงเรียน’ เป็น ‘มดลูก’ เสียนะ เผื่อว่าบางทีฝ่ายนิติบัญญัติของพรรครีพับลิคกันจะอยากออกมาทำอะไรสักอย่างกับเด็กที่ตายข้างในนั้น” ที่มาของข้อความด้านบนนี้มีที่มาจากกฎหมายเกี่ยวการห้ามทำแท้งที่มีผลบังคับใช้ในหลายๆ รัฐในสหรัฐอเมริกาแล้ว เพราะว่าเป็นกฎหมายที่มีความเกี่ยวข้องกับเด็กเช่นกันกับโรงเรียน แน่นอนว่าข้อความอันทรงพลังของเขาก็ได้กลายเป็นกระแสในโลกอินเตอร์เน็ตไปอย่างรวดเร็ว และมีคนมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อความของเขาเป็นจำนวนมาก ผู้ใช้ทวิตเตอร์ RCD ตอบข้อความของเขาด้วยภาพที่สะท้อนหลายๆ…
-
โค้ชทีมฟุตบอลเอาตัวเข้าบัง เพื่อช่วยชีวิตเด็กนักเรียนจากเหตุกราดยิงในฟลอริด้า
ในวันวาเลนไทน์ที่เพิ่งผ่านมานี้มีเรื่องสะเทือนใจเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา อดีตนักเรียน Nikolas Cruz ก่อเหตุใช้ปืนไรเฟิล AR-15 ยิงกราดในโรงเรียน Marjory Stoneman Douglas High School รัฐฟลอริด้า เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 17 ราย ผู้เสียชีวิตไม่ได้มีแต่นักเรียนเท่านั้น แม้แต่คุณครูภายในโรงเรียนก็กลายเป็นเหยื่อด้วยเช่นกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นเองก็มีโค้ช Aaron Feis รวมอยู่ด้วย Aaron Feis ผู้เป็นทั้งโค้ชและผู้รักษาความปลอดภัย Feis เป็นโค้ชทีมฟุตบอลและผู้รักษาความปลอดภัยภายในโรงเรียน และเขาเองก็ถูกยิงในเหตุการณ์นั้นเช่นกัน แต่จากคำบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์ เขาไม่ได้ถูกยิง แต่ตั้งใจเอาตัวเองเข้าไปบังกระสุนปืนให้นักเรียนต่างหาก โดยขณะที่นักเรียนคนหนึ่งกำลังหนีจากหนุ่มที่ถือปืน เขาเห็นว่านักเรียนคนนั้นไม่สามารถหนีพ้นวิถีของปืนได้แน่ๆ ก็เลยใช้ตัวเองเป็นโล่เพื่อให้นักเรียนสามารถหนีไปได้อย่างปลอดภัย แต่ตัวเขาเองนั้นต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากที่การเสียสละตัวเองของเขาได้เผยแพร่ออกไป คนจำนวนมากก็ทวีตเพื่อสรรเสริญถึงความดีและระลึกถึงการจากไปของเขา นี่คือโฉมหน้าของโค้ช Aaron Feis วีรบุรุษที่บาดเจ็บจากการเข้าปกป้องนักเรียนในเหตุยิงปืน เขาเป็นที่รักของนักเรียนที่รู้จักเขาทุกคน ขอให้ทุกคนช่วยส่งกำลังใจไปให้เขาด้วย โค้ช Aaron Feis เป็นคอยปกป้องผู้อื่นเสมอมา วันนี้เขาได้เสียสละร่างกายของตัวเองเพื่อปกป้องนักเรียน มันต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากในการเผชิญหน้ากับมือปืนที่บ้าคลั่ง โค้ช Feis เป็นวีรบุรุษอเมริกัน แทนที่จะพูดถึงมือปืน เรามาให้เกียรติวีรบุรุษ…
-
นร. หนุ่มจากเหตุยิงในโรงเรียน สละชีวิตตัวเองกั้นประตู เพื่อให้คนอื่นๆ ได้หนีออกไป
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมาเกิดเหตุใช้ปืนยิงกราดในโรงเรียนในรัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา จนมีผู้เสียชีวิต 17 คน กลายเป็นข่าวน่าสลดใจไปทั่วโลก ท่ามกลางความสูญเสียที่เกิดขึ้นนั้น ยังมีเรื่องราวความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของเด็กหนุ่มชคนหนึ่งอยู่ด้วย แม้ว่าสุดท้ายเขาจะเสียชีวิตไป แต่การกระทำของเขาช่วยเหลือเพื่อนนักเรียนคนอื่นได้เป็นจำนวนมากเลยทีเดียว Peter Wang ผู้เสียชีวิตอย่างวีรบุรุษในเหตุการณ์กราดยิงในรัฐฟลอริด้า นักเรียนคนดังกล่าวชื่อ Peter Wang เด็กชายเอเชียน-อเมริกันวัย 15 ปี ตอนที่เกิดเหตุยิงปืนเขาเอาตัวเองเข้าเสี่ยงภัยโดยการกั้นประตูให้คนอื่นได้วิ่งหนีออกไปได้สะดวกยิ่งขึ้น ทว่าท้ายที่สุดแล้วตัวเขาเองก็ไม่รอดชีวิตกลับมา ญาติสนิทของเขา Aaron Chan เองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย เขาเล่าว่า Wang ที่อยู่ในชุดเจ้าหน้าที่ฝึกหัด เปิดประตูให้กับเพื่อนนักเรียนคนอื่นโดยที่ไม่ห่วงตัวเองเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มห่วงเพียงแต่ความปลอดภัยของเพื่อนๆ เท่านั้น ส่วนตัว Chan เองทำได้เพียงแต่วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เขาได้เห็นญาติสนิทมีชีวิตอยู่ เขาเข้ารับการฝึกฝนเป็นเจ้าหน้าที่ฝึกหัด (Reserve Officers’ Training Corps) ซึ่งปฎิบัติหน้าที่คล้ายคลึงกับตำรวจ เพื่อนสนิทของเด็กหนุ่มตั้งแต่เมื่อสมัยยังเล็ก Gabriel Ammirata ก็บอกว่า Wang เป็นคนที่อัธยาศัยดี มีความเป็นมิตร ทั้งยังมีนิสัยขี้เล่น และที่สำคัญที่สุดก็คือเขาเป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่งเลย เด็กหนุ่มเป็นหนึ่งในเหยื่อจำนวนทั้งหมด…
-
ไทม์ไลน์อดีตนักเรียนใจเหี้ยม บุกยิงกราดในโรงเรียนฟลอริดา เสียชีวิต 17 บาดเจ็บอีก 50 ราย…
เกิดเหตุน่าสลดเมื่ออดีตนักเรียนหนุ่มพกอาวุธปืนและระเบิดควัน บุกเข้าไปในโรงเรียน Marjory Stoneman Douglas High School ในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 หลังจากหน่วย SWAT เข้าควบคุมเหตุการณ์ได้แล้ว ผลประเมินความเสียหายมีผู้เสียชีวิต 17 คน บาดเจ็บอีก 50 คน เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 14.25 น. โดยในช่วงก่อนเกิดเหตุเล็กน้อย นักเรียนในโรงเรียนได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น นักเรียนจึงเดินออกจากห้องเรียนไปยังจุดรวมตัวตามที่ได้ฝึกซ้อมมา แต่กลับพบว่ามีคนเข้ามากราดยิงปืนในทางเดิน และไล่เข้าไปยิงนักเรียนในห้องเรียนอื่นๆ นักเรียนบางส่วนเข้ามาหลบภัยในห้องเรียน นักเรียนบางส่วนถูกยิงและได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่เหลือก็วิ่งหนีกันแบบไม่คิดชีวิต นักเรียนกลุ่มหนึ่งเข้ามาซ่อนตัวภายในห้องเรียน บางคนก็เข้าไปซ่อนตัวในตู้ และอีกส่วนหนึ่งก็วิ่งหนีออกไปนอกโรงเรียนได้ทันเวลา แต่พวกเขาก็ยังได้ยินเสียงยิงปืนดังอย่างต่อเนื่องทำให้ทุกคนตื่นกลัวอย่างมาก นักเรียนจำนวนมากที่ติดอยู่ภายในโรงเรียนเริ่มติดต่อกับภายนอกผ่านทางการโทรศัพท์และทางโซเชียลมีเดียเพื่อให้ตนเองรู้สึกสบายใจ บ้างก็โพสต์ในทวิตเตอร์ และอีกส่วนก็ส่งข้อความคุยกับทางบ้านของตัวเอง นักเรียนอีกส่วนหนึ่งวิ่งหนีออกไปข้างนอกโรงเรียนได้ นักเรียนส่วนมากที่ติดอยู่ภายในโรงเรียนพยายามติดต่อโลกภายนอกผ่านทางโซเชียลมีเดีย นักเรียนคนหนึ่งที่หลบภัยอยู่ในห้องเรียนใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปวิดีโอเหตุการณ์ตอนนั้นเอาไว้ จะเห็นได้ว่านักเรียนต่างก็หวาดกลัวจึงหมอบลงต่ำเพื่อหลบผู้ก่อเหตุร้าย แต่ก็ยังคงมีเสียงปืนดังอย่างต่อเนื่องทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนอยู่ในสนามรบอยู่ตลอดเวลา คลิปวิดีโอจากนักเรียนที่ติดอยู่ในโรงเรียน (หากชมคลิปวิดีโอไม่ได้ คลิกที่นี่) JUST IN…
-
พนักงานพาเด็กข้ามถนน ‘ลาออก’ หลังโดนทางการห้ามไฮไฟว์กับเด็กระหว่างทำงาน
ในช่วงเดือนที่ผ่านมาทางโรงเรียนบางแห่งในประเศอังกฤษได้มีคำสั่งห้ามไม่ให้คนดูแลความปลอดภัยทางข้ามถนน หรือที่คนอังกฤษมักเรียกกันว่า ‘Lollipop Man’ (เพราะเหมือนชายถืออมยิ้มยักษ์) ทำท่าไฮไฟว์ (แปะมือ) กับเด็กๆ เพราะกลัวว่าจะทำให้เกิดอันตรายบนท้องถนนได้ เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อหลายฝ่ายทั้งตัวผู้ดูแลความปลอดภัยเองและผู้ใช้ท้องถนนเช่นกัน ในครั้งนี้ผู้ดูแลความปลอดภัยในโรงเรียนแห่งหนึ่งถึงกับตัดสินใจลาออกเพราะข้อห้ามนี้ เนื่องจากมันทำให้เขาทำงานอย่างไม่มีความสุข Bryan Broom ชายแก่ Lollipop Man ของโรงเรียน Kirk Ella St Andrew’s Community Primary School ชายที่ขอลาออกก็คือ Bryan Broom อายุ 77 ปี เขาทำงานเป็นคนดูแลความปลอดภัยทางข้ามถนนให้กับโรงเรียน Kirk Ella St Andrew’s Community Primary School ในชุมชน Hull เขตยอร์กชาย ประเทศอังกฤษมา 20 ปีแล้ว เขาเป็นที่รักของทั้งผู้ปกครองและเด็กๆ ในชุมชน เวลาที่เขาทำงานก็มีบ้างที่จะทำท่าไฮไฟว์เพื่อทักทายเด็กๆ ที่ข้ามถนนไปมา จนเมื่อไม่นานมานี้ทางสภาโรงเรียนได้มีระเบียบออกมา ห้ามไม่ให้คนดูแลความปลอดภัยทางข้ามถนนไฮไฟว์กับเด็ก เนื่องจากมีคนร้องเรียนว่าการกระทำของเขานั้นดูเหมือนการคุกคามเด็กเล็ก หลังจากมีระเบียบใหม่ออกมาเขาก็ถูกทางสภาเรียกไปตักเตือนอยู่บ่อยครั้ง จนเขารู้สึกว่าทำงานไม่มีความสุขเหมือนแต่ก่อนแล้ว…
-
ดราม่าหนัก!! คุณครูโรงเรียนที่ญี่ปุ่นใช้กรรไกรตัดผมนักเรียนกว่า 44 คนเพราะยาวเกินไป
สำหรับโรงเรียนบางโรงเรียน ก็อาจจะมีกฎระเบียบในเรื่องของการแต่งกายรวมถึงทรงผม ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นนั้นเรื่องของทรงผมถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆ เราอาจจะเคยได้ยินเรื่องคุณครูที่สั่งให้ย้อมผมเป็นสีดำในประเทศนี้ และเรื่องของทรงผมก็ได้กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่มีคุณครูของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ตัดผมให้แก่นักเรียนที่มีความยาวของเส้นผมเกินกว่าที่ระเบียบกำหนดไว้ถึง 44 คน ในระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา!! ตามรายงานกล่าวเอาไว้ว่า คุณครูที่กระทำการดังกล่าวคือคุณครู 6 คน ของโรงเรียนมัธยม Mizuhashi จังหวัดโทะยะมะ ที่ใช้กรรไกรตัดผมเด็กนักเรียนกว่า 44 คนที่มีผมยาวเกินไปและแสดงให้เห็นถึงการต่อต้านระเบียบวินัยเรื่องการแต่งกายของโรงเรียน ซึ่งการตัดผมในลักษณะนี้ ทางโรงเรียนกล่าวเอาไว้ว่าได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2017 และกระทำมาอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนมกราคม 2018 ที่ผ่านมา โดยทางโรงเรียนจะมีการตรวจเช็กระเบียบการแต่งกายรวมถึงเรื่องทรงผมในทุกๆ เดือน และนักเรียนที่ดูมีเส้นผมยาวเกินกว่าที่กำหนดจะได้รับคำเตือนให้ไปตัดผม แต่ถ้ายังไม่ปฏิบัติตามก็จะเป็นหน้าที่ของคุณครูในการตัดผมให้แก่นักเรียนเหล่านี้ ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคุณครูคนไหนที่ผ่านการฝึกตัดผมมาแล้วบ้าง แต่ทางสื่อก็ได้สันนิษฐานว่า ทรงผมที่นักเรียนได้รับอาจจะไม่ใช่ทรงผมที่พวกเขาถูกใจที่สุด แต่อาจจะเป็นทรงผมที่ตัดเพื่อให้สั้นพอที่จะไม่ผิดระเบียบของโรงเรียนเท่านั้น ซึ่งในเรื่องนี้ทางโรงเรียนก็ได้อ้างว่า พวกเขาได้รับการอนุญาตจากนักเรียนก่อนที่จะมีการตัดผมเกิดขึ้น แต่ทางสื่อของประเทศญี่ปุ่นก็ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เด็กๆ จะสามารถพูดอะไรได้หากคนที่มีอำนาจเหนือกว่าพวกเขาอย่างคุณครู เดินตรงมาหาพร้อมกับมีกรรไกรอยู่ในมือ ต่อมาทาง Yasuhiro Nakada คุณครูใหญ่ของโรงเรียนดังกล่าวก็ได้ออกมาให้คำแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น จากนี้ไปเราจะมีทีมผู้บริหารคอยตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก” เมื่อข่าวนี้ได้แพร่ออกไป ก็ได้มีชาวเน็ตญี่ปุ่นจำนวนมากออกมาวิพากษ์วิจารย์ถึงกรณีที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียนแห่งนี้อย่าง “นี่เป็นเรื่องจริงๆ เหรอ นี่เรายังอยู่ในยุคเก่าอยู่ใช่ไหมเนี่ย จุดประสงค์ของกฎข้อนี้คืออะไรกัน?” “คุณครู…
-
โรงเรียนในญี่ปุ่นสนับสนุน LGBT เปิดให้นักเรียนแต่งยูนิฟอร์มไม่ตรงเพศกำเนิดได้
ปัจจุบันโลกของเราเปิดรับกระแส LGBT หรือก็คือกลุ่มคนที่เพศไม่ตรงเพศกำเนิดมากกว่าแต่ก่อนมาก ล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมาทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ของประเทศเรา ก็อนุญาตให้บัณฑิตที่เป็นกลุ่มรักร่วมเพศแต่งชุดบัณฑิตผู้หญิงมารับปริญญาได้แล้ว ในประเทศญี่ปุ่นเองก็มีความเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนกลุ่ม LGBT เช่นกัน โดยโรงเรียน Kashiwanoha Middle School ได้อนุญาตให้นักเรียนชั้นมัธยมต้นทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศใด แต่งกายชุดนักเรียนของผู้ชายหรือผู้หญิงมาโรงเรียนก็ได้ โรงเรียนที่ว่านี้อยู่ในเมืองคาชิวะ จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น มีจุดเริ่มต้นมาจากโรงเรียน Kashiwanoha Elementary School ที่เปิดเมื่อปี 2012 โดยมีการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนในชั้นประถมศึกษาเท่านั้น ในปีนี้นักเรียนกลุ่มแรกที่เข้าเรียนก็กำลังจะจบชั้นประถมศึกษา และเพื่อรองรับนักเรียนเข้ามาเรียนในชั้นมัธยมศึกษาต่อ จึงได้สร้างโรงเรียนมัธยม Kashiwanoha Middle School ขึ้นมา ความพิเศษของโรงเรียนนี้ก็คือการให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาและชั้นมัธยมศึกษา ใช้สระว่ายน้ำและโรงอาหารร่วมกันและยังข้ามไปใช้ตึกเรียนร่วมกันด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้กับนักเรียนประถมก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปในระดับมัธยมนั่นเอง แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือทางโรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนที่กำลังจะเข้าศึกษาในระดับมัธยม ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็สามารถเลือกใส่ชุดนักเรียนของอีกเพศหนึ่งได้ตามความสบายใจของนักเรียนเองเลย ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการสนับสนุนแนวคิดเรื่องการเปิดรับ LGBT ที่มีมากขึ้นนั่นเอง ในตอนแรกทางโรงเรียนอยากจะให้นักเรียนแต่งชุดอะไรมาเรียนก็ได้ด้วยซ้ำ ทว่าทางด้านผู้ปกครองกว่า 90 เปอร์เซ็นต์มีความต้องการให้ลูกของตนสวมใส่ชุดนักเรียน ทางโรงเรียนจึงทำตามความต้องการนั้นนั่นเอง บุคลากรที่โรงเรียนเองก็พยายามเลือกชุดที่ดูเป็นกลางมากที่สุดเพื่อไม่ให้ชุดดูค่อนไปทางเพศใดเพศหนึ่งมากเกินไป จึงไม่ได้ใช้ชุดนักเรียนกะลาสีที่มีความเป็นผู้หญิง และชุดเสื้อแจ็คเก็ตคอตรงที่ดูมีความเป็นผู้ชาย สุดท้ายจึงเลือกใช้เสื้อเชิ๊ตสีขาวแล้วสวมทับด้วยแจ็คเก็ตแทน นักเรียนสามารถเลือกที่จะใส่กางเกงสแล็กหรือกระโปรงได้ตามใจชอบ และก็สามารถเลือกที่จะผูกคอเสื้อด้วยเนกไทหรือโบว์ก็ได้เช่นกัน แม้ว่าโรงเรียนบางแห่งจะให้นักเรียนหญิงผูกเนกไทได้อยู่แล้ว แต่ไม่เคยมีโรงเรียนไหนอนุญาตให้ผู้ชายผูกโบมาก่อนเลย ทางโรงเรียนหวังว่ากฎระเบียบการแต่งกายแบบใหม่นี้จะช่วยลดช่องว่างระหว่างเพศ และเพิ่มความสบายใจในการแต่งตัวให้กับนักเรียนทุกคนได้ พวกเขาจะได้มาโรงเรียนด้วยความรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้นด้วย…
-
เด็กๆ ถูกสั่งห้าม ‘ไฮไฟว์’ กับคุณตาผู้พาข้ามถนน หวั่นอาจทำให้เกิดปัญหาจราจรตามมา…
การ ‘ไฮไฟว์’ หรือก็คือการแปะมือกันของคนสองคน เป็นสิ่งที่ผู้ดูแลความปลอดภัยบนท้องถนนหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งทำกับเด็กๆ มานานแล้ว แต่ล่าสุดหัวหน้าของเขาก็มีคำสั่งห้ามให้เด็กๆ ทำแบบนี้ ก็เพื่อความปลอดภัยของเด็กเองและคุณตาด้วย จึงเป็นเหตุทำให้ผู้ปกครองและเด็กๆ ทักท้วงกันใหญ่เลย… Colin Spencer ชายวัย 83 ปี ทำหน้าที่เป็นคนดูแลให้เด็กๆ มา 14 ปีแล้ว เขาทำงานให้โรงเรียน St. George’s CE Primary ในชุมชน Heaviley ของเมือง Stokeport ประเทศอังกฤษ โดยปกติแล้วเขาจะไฮไฟว์กับเด็กๆ เพื่อเป็นการทักทายและให้กำลังใจพวกเขานั่นเอง Colin Spencer คุณลุงใจดีของเด็กๆ ผู้มีฉายาว่า ‘Lolly’ ทว่าเมื่อไม่นานมานี้หัวหน้าของเขามีคำขอร้องไม่ให้เด็กๆ และผู้ปกครองทำไฮไฟว์กับคุณตาอีกเด็ดขาด เนื่องจากเกรงว่ามันจะทำให้คุณตาและเด็กๆ ไม่สนใจท้องถนนจนอาจเกิดอุบัติเหตุได้ คุณตาเล่าว่า “ผมบอกกับผู้จัดการว่าผมทำแบบนี้มาตั้ง 14 ปีแล้ว แล้วเด็กๆ ก็ชอบมันมากด้วย แต่เธอบอกว่าผมควรจะหยุดทำแบบนั้นเพราะมันเป็นการก่อกวนสมาธิของผมและเด็กๆ เวลาข้ามถนน” เขามีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้เด็กๆ เวลาข้ามถนน เมื่อผู้ปกครองได้ทราบข่าวนี้พวกเขาก็รู้สึกไม่พอใจเช่นกัน…
-
ไปดีฝ่า!! ผอ.สั่งอพยพนักเรียนกว่า 400 คน หลังมีงูหลุดออกมาจากห้องแล็บของโรงเรียน
เราอาจจะเคยโรงเรียนหลายแห่งที่มีความจำเป็นต้องปล่อยให้นักเรียนกลับบ้านก่อนเวลา เนื่องมาจากเหตุด้านสภาพอากาศ ภัยพิบัติต่างๆ แต่ว่าคงจะไม่มีใครเคยพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ เมื่อมีโรงเรียนแห่งหนึ่งจำเป็นต้องยกเลิกการเรียนการสอนเด็กๆ กว่า 400 คน เนื่องจากมีงูหลุดออกมาจากห้องแล็บวิทยาศาสตร์ซะอย่างงั้น โรงเรียนที่เกิดเหตุในครั้งนี้ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่โรงเรียนมัธยม Brentwood ในรัฐมิสซูรี ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อมีงูสายพันธุ์ โบอา คอนสตริกเตอร์ ชื่อว่า Boe ที่อยู่คู่โรงเรียนมามากกว่า 20 ปี เกิดอยากเปลี่ยนทัศนียภาพหนีออกจากกรงขังหายไปอย่างไร้ร่องรอย การหายไปของเจ้า Boe ในครั้งนี้ส่งผลให้ Dr. Brian Lane ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว เป็นห่วงในความปลอดภัยของเด็กๆ เขาจึงตัดสินใจส่งนักเรียนจำนวน 400 คนกลับบ้านทันที ผู้อำนวยการโรงเรียนที่ปล่อยเด็กกลับบ้าน นอกจากนี้ทางสื่อ KTVI St. Louis ยังรายงานอีกด้วยว่า การหายไปของงูตัวนี้ไม่มีคุณครู หรือนักเรียนได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด และการอพยพครั้งนี้ก็เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ปฏิบัติการค้นหาเจ้า Boe ได้เริ่มต้นขึ้นด้วยความร่วมมือกันระหว่างศูนย์ควบคุมสัตว์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยมีการใช้เครื่องมือพิเศษอย่าง กล้องถ่ายภาพความร้อนร่วมด้วย และในที่สุดพวกเขาก็พบเจ้า Boe ซ่อนตัวอยู่ภายใต้พื้นบอร์ด พร้อมทั้งพันตัวเองเอาไว้กับท่ออันหนึ่ง จึงได้ช่วยกันนำตัวงูขึ้นมาได้อย่างสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ไปแอบทำไมตรงนั้นล่ะ ในตอนนี้เจ้างูตัวดังกล่าวได้กลับคืนสู่กรงขังอย่างปลอดภัย…
-
ครูสอนคณิตฯ สุดฮอต ร้อนแรงจนความหนาวก็ทำอะไรพี่แกไม่ได้ ชาวเน็ตตกหลุมรักระนาว!!
การเรียนในห้องเรียนนั้นค่อนข้างน่าเบื่อ จึงต้องอาศัยคุณครูมาช่วยทำให้เด็กสนใจการเรียนมากขึ้น แต่นอกจากเทคนิคการสอนที่สนุกสนานแล้ว ถ้าได้ครูหน้าตาดีมาสอน วิชานั้นจะดูน่าเรียนขึ้นเยอะเลย ถ้าใครคิดแบบนี้เหมือนกันน่าจะอยากมาเรียนกับคุณครู Robert Ligtvoet คุณครูรูปหล่อหุ่นเฟิร์มคนนี้จะมาทำให้ชั้นเรียนของคุณเร่าร้อนจนคุณตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาเลยทีเดียว ครูหนุ่มวัย 28 ปีคนนี้นอกจากจะรับงานสอนหนังสือแล้วเขายังทำงานเป็นนายแบบอีกด้วย นอกจากนี้ยังรักการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจเลย เวลาเข้าไปส่องรูปในอินสตาแกรมของเขาจึงมีแต่รูปน่าดูน่าชมทั้งน๊านนน พอครูคนนี้เข้ามาสอนทีไรต้องแย่งกันยกมือตอบตลอด คุณครูเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยว และก็เป็นคนรักธรรมชาติด้วย หน้าตาดีแล้วยังจิตใจดีอีก ดูเหมือนว่าครูจะชอบสัตว์น้ำเป็นพิเศษนะ เราก็ชอบ มองแล้วเพลินตาจริงๆ อิอิ หูยภาพใต้ผิวน้ำน่าดูมาก รู้สึกชุ่มฉ่ำหัวใจ นอกจากจะรักสัตว์แล้วคุณครูก็ชอบท่องเที่ยวแล้วถ่ายรูปมาฝากด้วย เห็นความงดงามแบบนี้ก็เคลิ้มเลย ไม่ว่าจะไปเที่ยวไหนคุณครูก็จะเอาสูทคู่ใจติดไปด้วยเสมอ มันทำให้เขาดูเร่าร้อนในทุกสภาพอากาศ ปกติไม่ชอบผู้ชายใส่สูทเท่าไหร่นะ แต่คนนี้ยอมยกใจให้ไปเล้ย เอ้ะ คุณครูใส่สูทเป็นชุดนอนเหรอ ทำไมตื่นเช้ามาเป็นชุดนี้เลย บางอารมณ์ครูก็อยากเป็นเงือกเซ็กซี่ดูบ้าง ซี้ดดด คุณครูไม่ได้หุ่นดีอย่างเดียวนะ ยังแข็งแรงมากด้วย ปกป้องเราได้ทุกสถานการณ์แน่นอน ถ้าซานตาคลอสใส่สูทก็คงจะหน้าตาเป็นแบบนี้แหละ หน้าหล่อไงล่ะ ฮ่าๆๆๆ เดี๋ยวววว ทำไมคุณครูตกผู้ชายล่ะ คุณครูชอบผู้ชายรึเปล่า!?…
-
ลูกน้อยสองคนถูกทิ้งให้อยู่กับร่างไร้วิญญาณของพ่อที่ตายเพราะหัวใจวายตลอดทั้งวัน
คุณแม่ร้อนใจ ลูกสาวสองคนของเธอต้องอยู่กับศพของคุณพ่อที่หัวใจวายตายทั้งวัน เนื่องจากทางโรงเรียนไม่ยอมติดต่อไปหาเธอ ทำให้เธอไม่รู้ว่าที่บ้านเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติขึ้น เธอหวังว่าจะไม่มีครอบครัวไหนต้องเจอเรื่องแบบนี้อีก ครอบครัว Daykin อาศัยอยู่ที่เมืองฮาลิแฟ็กซ์ เขตเวสยอร์กชายร์ ประเทศอังกฤษ Helen Daykin ผู้เป็นแม่ต้องเดินทางไกลไปทำงานนอกสถานที่ค่อนข้างบ่อย สามี Chris Daykin จึงมักจะรับหน้าที่ดูแลรับส่งลูกสาวสองคนไปโรงเรียนอยู่เสมอ ครอบครัว Daykin แต่ในปี 2016 ที่ผ่านมาเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เนื่องจากตอนนั้น Helen จำเป็นต้องเดินทางไปทำงานที่กรุงลอนดอน แต่สามีของเธอเกิดหัวใจวายเสียชีวิตไปในตอนกลางคืน ทำให้ลูกสาวทั้งสองคนต้องอยู่กับร่างไร้วิญญาณของคุณพ่อทั้งวัน เนื่องจากเด็กสาวทั้งสองคนไม่ได้ไปโรงเรียนในวันถัดมา ทางโรงเรียนจึงได้พยายามติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ของคุณพ่อแล้ว แต่คุณพ่อเสียชีวิตไปแล้วจึงไม่สามารถรับโทรศัพท์ได้ จากคำบอกเล่าของสำนักข่าว ฺBBC แต่พอทางโรงเรียนพอติดต่อคุณพ่อไม่ได้ พวกเขาก็ไม่ได้พยายามติดต่อไปหาคุณแม่แต่อย่างใด คุณแม่ Helen Daykin และลูกสาวสองคนปัจจุบันอายุ 3 และ 5 ปี ตอนหัวค่ำของวันเดียวกันกับที่เด็กสาวไม่ได้ไปโรงเรียน คุณยายของพวกเธอก็ผ่านมาเห็นว่าไฟในบ้านนั้นมืดสนิทและยังมีนมวางทิ้งไว้หน้าประตูด้วย เธอสังหรณ์ใจว่าคงจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นจึงโทรแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบดูให้ หลังจากตำรวจบุกข้าไปในบ้านจึงพบว่าคุณพ่อเสียชีวิตอยู่ในห้องนอนตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ทางด้านคุณแม่นั้นได้โทรหาสามีตั้งแต่ตอนเช้าวันนั้นแล้ว แต่คิดว่าเขาคงไม่รับสายเพราะส่งลูกไปโรงเรียนอยู่ และทางโรงเรียนก็ไม่ได้ติดต่ออะไรมาจึงคิดว่าทุกอย่างปกติดี แต่เมื่อเวลา 20.00 น. ตอนที่เธอกำลังนั่งรถไฟอยู่…
-
เด็กหญิงชาวจีนวัย 11 ขวบ ตกเป็นทาสกามของยามที่โรงเรียน จนตั้งท้องได้ 5 เดือน
เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2018 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า นักเรียนสาววัย 11 ปีผู้หนึ่งพบว่าตัวเธอเองกำลังตั้งท้อง หลังจากถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียนข่มขืน เหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้เกิดขึ้นกับเด็กหญิง Lele (นามสมมุติ) นักเรียนสาวจากมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน หลังจากที่เธอเริ่มรู้สึกอึดอัดตามร่างกาย ก่อนที่จะเข้าตรวจในคลินิกใกล้บ้านและพบว่าตัวเองกำลังตั้งท้องนาน 5 เดือน เด็กหญิง Lele อาศัยอยู่กับคุณแม่ที่มีอาการป่วยทางจิตและพี่สาวของเธอ จากการคำให้การของคุณ Zhang Jun พี่เขยของเธอกล่าวว่า สาวน้อยถูกนาย Liu เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียนล่วงละเมิดทางเพศเธอครั้งแรกเมื่อตอนที่เธออายุได้เพียงแค่ 9 ขวบ พี่เขยของเด็กหญิงเล่าว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนดังกล่าว ได้ฉุดตัวของสาวน้อยเข้าไปในชั้นใต้ถุนอาคาร ในระหว่างที่เธอกำลังเล่นกับเพื่อนๆ ที่สนามเด็กเล่น ก่อนที่จะลงมือข่มขืนเธอ พร้อมกับขู่ว่าจะฆ่าคนในครอบครัวของเธอ ถ้าหากเด็กหญิงเอาเรื่องนี้ไปบอกกับคนอื่น เป็นเวลามากกว่า 2 ปี ที่เด็กหญิง Lele ตกเป็นทาสกามของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนี้ โดยที่นาย Liu เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวัย 50 ปีที่ตกเป็นผู้ต้องหา ได้ทำงานที่โรงเรียนดังกล่าวมาเป็นเวลากว่า 5 ปี ทางด้านอาจารย์ Chang Chunkui คุณครูใหญ่ของทางโรงเรียน ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับพนักงานคนนี้ว่า “เขาไม่ใช่คุณครูของโรงเรียน…
-
เรื่องราวอบอุ่นหัวใจ เมื่อครูฝึกสอนช่วยให้นักเรียนขี้อาย ค้นพบตัวเองและมีความกล้ามากขึ้น
กลายเป็นเรื่องราวให้ชาวเน็ตได้อบอุ่นหัวใจกันเลยทีเดียว หลังจากที่ครูฝึกสอนชาวมาเลเซียผู้หนึ่ง ได้ช่วยให้นักเรียนคนหนึ่งของเธอ ได้พบกับโลกใบใหม่หลังจากที่เขาเป็นคนขี้อายเอามากๆ คุณ Amymistika ได้เล่าเรื่องราวของเธอผ่านทางทวิตเตอร์ ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนั้นได้รับควานิยมจากชาวเน็ตอย่างมาก โดยมีคนรีทวีตมากกว่า 67,000 ครั้ง ครูฝึกสอนสาวเล่าว่าถึงการพบกันครั้งแรกระหว่างเธอ และ Yip Kah Shzen นักเรียนขี้อายจากโรงเรียนที่เธอฝึกสอนนานกว่า 4 เดือนว่า “ในตอนแรกฉันได้ฝึกสอนนักเรียนห้องคิง ซึ่งฉันจำพวกเขาได้ไม่หมดหรอก และเด็กคนนี้ก็เป็นคนที่เงียบกว่านักเรียนคนอื่นมาก” คุณครูฝึกสอนเล่าผ่านทวิตเตอร์ของเธอ คุณครูฝึกสอน เริ่มให้นักเรียนในห้องของเธอแนะนำตัวทีละคน และ Kah Shzen ก็ทำให้เธอแปลกใจอย่างมาก หลังจากที่เขาไม่กล้าที่จะแนะนำตัว และเอาแต่ก้มมองที่พื้น และถึงแม้ว่าคุณครูฝึกสอนจะพยายามแค่ไหน เด็กหนุ่มก็ยังไม่ยอมแนะนำตัว จนทำให้คุณครูต้องถามชื่อของเขาจากเพื่อนร่วมชั้นแทน และเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอเข้ามาสอนในชั้นเรียน คุณครูสาวก็จะพบว่า Kah Shzen นั้นเอาแต่นั่งเงียบๆ และจ้องไปที่โต๊ะของเขา คุณครูฝึกสอนได้ย้ายเด็กหนุ่มมานั่งหน้าชั้น เพื่อที่เธอจะได้ดูแลเขาอย่างใกล้ชิด วันหนึ่งในชั่วโมงเรียนคณิตศาสตร์ Kah Shzen ลืมนำเครื่องคิดเลขและหนังสือเรียนมา แต่เมื่อถูกคุณครูถามเขาก็เอาแต่นั่งเงียบไม่ยอมพูดเหมือนเดิม “เขาเอาแต่จ้องโต๊ะ และอาจารย์คนอื่นก็ไม่สนใจเขาเลย เพราะเขาไม่พูดกับใคร” เพื่อนรวมโต๊ะของเด็กชายบอกกับคุณครู ครู Amy คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องหากจะไม่สนใจเขาเหมือนคุณครูท่านอื่นๆ…
-
โรงเรียนอนุบาลในจีนให้เด็กๆ ได้เรียนอนาโตมีด้วยการผ่าหมูสดๆ ให้เด็กดูเลย
ที่โรงเรียน อนุบาลเหอเป่ย์ ในมณฑลเหอเป่ย์ ประเทศจีน ได้มีการสอนให้นักเรียนได้รู้จักเรื่องร่างกายและความเป็นความตายผ่านการผ่าหมูทั้งตัวให้เห็นกันจะๆ ในเมือง Badong County มณฑลเหอเป่ย์ มีเด็กนักเรียนอนุบาลราว 600 คน กำลังรับชมชายชุดขาวใส่หมวกและผู้ช่วยอีก 2 คน กำลังชำแหละหมูตัวโตสดๆ และนำเอาเครื่องในหมูออกมาโชว์ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนชี้แจงว่ากิจกรรมดังกล่าวให้ประโยชน์ใน 2 แง่ด้วยกัน ในแง่แรกคือการสร้างบรรยากาศวันตรุษจีนให้กับโรงเรียน ซึ่งเป็นปกติที่วันตรุษจีนจะต้องชำแหละหมูทั้งตัวเพื่อนำมาทำอาหารเลี้ยงฉลอง ส่วนในแง่ที่สองก็คือ เพื่อสอนให้เหล่าเด็กๆ รู้จักกับร่างกายในเชิงอนาโตมี เพื่อเป็นรากฐานในการศึกษาของเด็กๆ ในอนาคต ภาพบรรยากาศในงานจะเป็นอย่างไร เชิญรับชมได้ตามคลิปด้านล่างนี้ ชาวเน็ตเองเมื่อเห็นจึงได้ออกมาวิจารณ์ว่าบทเรียนเหล่านี้มันดูจะป่าเถื่อนเกินไปหน่อยสำหรับเด็กอนุบาล ผู้อำนวยการโรงเรียนจึงออกมากล่าวว่า เด็กๆ จะไม่มีการซึมซับเรื่องการทรมานสัตว์แน่นอน อีกอย่างก็คือก่อนจะมีกิจกรรมนี้ ทางโรงเรียนได้แจ้งพ่อแม่ของเด็กๆ ก่อน และก็ได้รับการอนุญาตแล้ว อันที่จริงแล้ว การชำแหละหมูโชว์เด็กๆ แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกในชนบทของประเทศจีน อย่างไรก็ตาม หมูที่ชำแหละในงานนั้นก็ถูกนำมาทำเป็นอาหารแจกพ่อแม่ผู้ปกครอง รวมถึงเด็กๆ เนื่องจากเป็นการเลี้ยงฉลองเทศการฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึงนั่นเอง แต่ละที่ก็มีวิธีการสอนเด็กๆ ที่แตกต่างกันไป แต่การผ่าหมูสดๆ ให้เห็นอย่างนี้ ก็ไม่แน่ใจว่าจะส่งผลอย่างไรกับเด็กๆ ก็คงต้องรอการพิสูจน์กันต่อไปละนะ ที่มา: Medium
-
‘จนกว่าชีวิตจะหาไม่’ คุณย่าวัย 76 เข็นหลานชายพิการไปโรงเรียนร่วม 4 ปี ตกวันละ 24 กิโลฯ!!
ในช่วงบั้นปลายชีวิตของคนทั่วไป ช่วงวัยชราของผู้สูงอายุนั้นจะต้องพึ่งพาการดูแลจากลูกหลาน หรือถ้าหากไม่มีใครคอยอยู่ดูแล ก็ต้องพยายามใช้ชีวิตของตัวเองเท่าที่จะสามารถทำได้… แต่สำหรับคุณย่า Shi Yuying วัย 76 ปี จากเขตกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของประเทศจีน กลับต้องใช้แรงกายของตัวเองพาแรงใจเดินไกลถึงวันละ 24 กิโลเมตร!! นั่นก็เป็นเพราะว่าคุณย่าจะต้องพาหลานชายวัย 9 ขวบ ที่ไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนด้วยตัวเองได้ ไปส่งถึงโรงเรียนในทุกๆ วัน… นี่คือเส้นทางที่ทั้งสองจะต้องเดินทางผ่านเป็นประจำ โดยที่ Jiang Haowen ผู้เป็นหลานชายของคุณย่านั้น ถูกวินิจฉัยพบว่าประสบกับกลุ่มโรคสมองพิการ (Cerebral Palsy) มาตั้งแต่อายุ 2 ขวบ อันเป็นกลุ่มอาการของผู้ป่วยเด็กที่มีความพิการอย่างถาวรของสมอง ส่งผลทำให้ไม่สามารถสั่งการร่างกายได้อย่างที่ควรจะเป็น ที่ร้ายแรงไปยิ่งกว่านั้นก็คือ ทางพ่อแม่ของเด็กชายต่างแยกทางกันตอนที่เขามีอายุได้เพียง 4 ขวบ ฝั่งแม่ก็ไปแต่งงานมีครอบครัวใหม่ ส่วนคุณพ่อนั้นก็ต้องออกไปทำงานต่างเมืองเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัวตัวเอง แต่ถึงแม้จะประสบกับความทุกข์ยากขนาดไหน คุณย่าเองก็มีพลังความคิดทางด้านบวก เพื่อให้หลานชายที่เธอดูแลอยู่ได้รับการศึกษาที่สมวัย ‘ตราบใดที่ฉันยังมีเรี่ยวแรง, ฉันก็จะทำแบบนี้ต่อไป จนกว่าชีวิตจะหาไม่’ คุณย่ากล่าว ก่อนหน้านั้นคุณย่าใช้วิธีพาหลานซ้อนจักรยานไปส่งที่โรงเรียนทุกวัน…
-
โรงเรียนอนุบาลไต้หวัน ทำป้ายชื่อแปลงผักเด็กนักเรียน แต่เฮ้ย… ชาวเน็ตร่วมขยี้ฮากระจุย!!
โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในไต้หวัน มีวิชาที่ให้เด็กนักเรียนได้ปลูกผักในแปลงผักของห้อง จากนั้นก็ให้ดูแลผักของตัวเองเพื่อส่งอาจารย์ นอกจากจะเป็นการปลูกฝังให้เด็กรู้จักรับผิดชอบผักของตนเองแล้ว ยังทำให้เด็กเรียนรู้วิชาการเกษตรอีกด้วย แต่จะทำอย่างไรให้คุณครูหรือเด็กนักเรียน สามารถจำได้ว่านั่นเป็นผักของใคร ซึ่งโรงเรียนบางแห่งอาจจะใช้วิธีทำแบบจำลองแปลง เขียนใส่ตารางในกระดาษ หรือวิธีอื่นๆ แต่โรงเรียนนี้ ก็ใช้วิธีการติดภาพบนหลุมผักของแต่ละคน… แต่ เฮ้ยยยยยยย มันคุ้นๆ ไหม ชาวเน็ตหลายคนก็เหมือนกับคุณ เมื่อได้เห็นภาพนี้ต่างก็พากันคิดไปในทางเดียวกันแทบทั้งหมด ว่าแปลงผักเหล่านี้มันไม่ดูละม้ายคล้ายแปลงผัก แต่มันดันเหมือนกับ “ป้ายหลุมศพ” ในสุสานซะงั้น งานนี้เลยทำให้ภาพดังกล่าวกลายเป็นกระแสไวรัล แล้วแชร์กันต่อด้วยความสนุกสนานเฮฮา… ยัง ยังไม่พอ ยังมีคอมเมนต์ต่างๆ ที่ทำให้ภาพนี้ฮาขึ้นไปใหญ่ คนนี้บอกว่า… พวกเขาน่าจะใส่ตัวเลขวันที่ปลูกลงไปด้วยนะ (ลองคิดว่ามันมีตัวเลขบนป้ายด้วยสิ โถ้วววววว) อีกหนึ่งคอมเมนต์ที่ร่วมฮากับชาวเน็ต ตอนแรกก็รู้สึกเศร้าใจคิดว่าเป็นเด็กนักเรียนเกาหลีเหนือ จนกระทั่งได้อ่านแคปชั่น…… บางคนก็พูดถึงโรงเรียนของตัวเองด้วย ตอนเด็กที่โรงเรียนอนุบาลของฉัน ครูจะให้ทุกคนมีสัญลักษณ์เป็นสัตว์ประจำตัว แต่มันดันโชคร้ายตรงที่ ฉันได้ควายเป็นสัตว์ประจำตัวซะงั้น (ฮ่าๆ) อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้มีแต่คอมเมนต์ในเชิงเฮฮาเท่านั้น เพราะหลายคนก็ร่วมวิเคราะห์กันจริงๆ จังๆ บ้างก็พูดถึงประเด็นวัฒนธรรม หรือประเด็นในเรื่องการมองโลกที่ต่างกันของเด็กและผู้ใหญ่กันเลยทีเดียว …
-
สุดยอดคุณครูผู้เสียสละ สอนหนังสือบนภูเขาอันห่างไกล ส่งเด็กๆ ถึงฝั่งฝันมาร่วม 40 ปี
ผู้ที่ได้ชื่อว่า “ครู” นั้นจะเป็นผู้ที่นำความรู้และการศึกษามาให้กับเด็กๆ ที่เป็นลูกหลานของใครบ้างก็ไม่รู้ ดังนั้น ครูจึงเป็นเสมือนผู้ให้ ที่หารู้ไม่ว่าความรู้ที่คุณครูให้นั้นจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ก่อประโยชน์ให้คนๆ หนึ่งได้ตั้งแต่เด็กจนโต เรื่องราวที่จะนำเสนอต่อไปนี้คือเรื่องราวของผู้ที่ทำหน้าที่ครูผู้สอนถึงแม้ตนเองจะเลยอายุเกษียณแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมาสอนเด็กๆ ในโรงเรียนบนภูเขาอันแสนห่างไกล เพื่อให้เด็กๆ ที่นั่นได้รับการศึกษา มีความรู้ที่จะสามารถนำไปใช้เลี้ยงดูชีวิตตนเองได้ ชายผู้นี้ชื่อว่า Tan Zeguang ผู้ที่ทำการสอนที่โรงเรียนอนุบาลของหมู่บ้าน Gaoshan ในเทศบาลนครฉงชิ่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ซึ่งทำการสอนมาแล้วรวม 40 ปี โรงเรียนแห่งนี้อยู่อย่างจากเมืองทืี่ใกล้ที่สุดราว 5 กิโลเมตร สำหรับ Tan Zeguang แล้ว นอกจากการสอน เขายังต้องดูแลชีวิตประจำวันของเด็กๆ ด้วย เมื่อ 40 ปีที่แล้ว มีเด็กที่เขาเคยสอนกว่า 500 คน แต่ทุกวันนี้เด็กๆ มักเลือกที่จะเข้าไปเรียนในเมือง เขาจึงมีเด็กนักเรียนน้อยลง แต่ด้วยวัยที่เข้าสู่ช่วงเกษียณแล้ว การมีครูอีก 2 มาช่วยสอนนั้นถือเป็นช่วยแบ่งเบางานของเขาได้ดีทีเดียว เขามองผู้ปกครองมารับลูกที่โรงเรียน Tan Zeguang กวาดลานที่โรงเรียน นี่คือภาพถ่ายอดีตนักเรียนของเขา บางเวลาเขากับเด็กๆ…
-
ครูใหญ่แยกสนามเด็กเล่นระหว่าง “เด็กจน” กับ “เด็กรวย” ถูกชาวเน็ตวิจารณ์อย่างหนัก
กลายเป็นกระแสวิพากย์วิจารณ์อย่างหนักหลังจากที่อาจารย์ใหญ่จากโรงเรียนประถม Wednesbury Oak จากประเทศอังกฤษที่ออกนโยบาย “ไม่จ่าย ไม่ได้เล่น” และกีดกันไม่ให้เด็กๆ ที่ผู้ปกครองไม่ได้จ่ายเงินค่าสนับสนุนเล่นเครื่องเล่นในสนามเด็กเล่น ถึงแม้ว่าทางด้านคุณ Maria Bull อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนดังกล่าวจะออกมาชี้แจงภายหลังว่า เด็กนักเรียนที่จ่ายเงินสนับสนุนแล้วสามารถชวนเพื่อนคนอื่นๆ ที่ผู้ปกครองไม่ได้จ่ายเงินเข้ามาเล่นด้านในสนามเด็กเล่นนี้ได้ก็ตาม นโยบายดังกล่าวได้ทำการเรียกเก็บเงินจำนวน 6 ปอนด์หรือประมาณ 260 บาทเพื่อเป็นการสนับสนุนโครงการกิจกรรมของเด็กๆ โดยเด็กที่จ่ายเงินแส้วสามารถเข้ามาเล่นในสนามเด็กเล่นนี้ได้ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยทางคุณ Maria เผยว่าจำนวนเงินดังกล่าวนั้นจะถูกนำไปใช้ในการซื้ออุปกรณ์เครื่องเล่นต่างๆ อย่างเช่นลูกฟุตบอล ลูกรักบี้ หรือเชือกกระโดด เป็นจำนวน 15 ปอนด์หรือประมาณ 650 บาทต่อสัปดาห์ หลังจากที่มีการรายงานข่าวเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว ทางโรงเรียนก็ได้รับกระแสวิพากย์วิจารณ์จากผู้ปกครองอย่างมาก และทางด้านสมาคมผู้ปกครองก็ได้ออกมาเรียกร้องที่จะจ่ายเงินแทนเด็กนักเรียนที่ผู้ปกครองไม่ได้จ่ายเงิน เพื่อแก้ปัญหาการแบ่งแยกในโรงเรียน แต่อย่างไรก็ตามทางด้านอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนก็ได้ออกมาโต้ข้อกล่าวหาดังกล่าวพร้อมกับบอกว่าจำนวนเงินดังกล่าวนั้นไม่ได้มากจนเกินไป และผู้ปกครองทุกคนก็สามารถจ่ายได้ “ทางโรงเรียนถูกโจมดีจากผู้ปกครองอย่างหนัก เราขอร้องให้บริจาคเพียงแค่ 6 ปอนด์ต่อปีเท่านั้น สำหรับทำกิจกรรมให้พวกเด็กๆ และฉันคิดว่าทุกคนน่าจะจ่ายได้” อาจารย์ใหญ่ของทางโรงเรียนกล่าว หลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวได้กลายเป็นข่าว ก็ได้มีผู้คนจำนวนมากที่ให้ความสนใจและเข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้และนี่คือบางส่วนของความคิดเห็นจากโลกออนไลน์ “การศึกษาเป็นเรื่องที่ฟรี และการเล่นก็ควรเป็นหนึ่งในนั้น ลองนึกภาพเด็กที่ไม่ได้เล่นของเล่นเพราะพ่อแม่พวกเขาไม่สามารถจ่ายเงินได้ดูสิ” ส่วนชาวเน็ตท่านนี้ก็แสดงความเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไร้สาระ แต่ก็มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่โรงเรียนนี้เท่านั้น เพราะที่โรงเรียนของลูกเธอเองก็มีเหมือนกัน…
-
อิหร่านแบนภาษาอังกฤษ ไม่ให้สอนในโรงเรียนประถมเพราะถือเป็นวัฒนธรรมจากตะวันตก!?
ภาษาอังกฤษนั้นถือได้ว่าเป็นภาษาสากลในการใช้ติดต่อสื่อสารกับนานาประเทศ ดังนั้น หลายๆ ประเทศกำหนดให้มีการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียน แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้นในประเทศอิหร่าน เพราะผู้นำระดับสูงหลายคนเห็นว่าการสอนภาษาอังกฤษนั้นถือเป็นการเปิดโอกาสให้ชาติตะวันตก บุกรุกทางวัฒนธรรม ดังเช่นที่นาย Ayatollah Ali Khamenei ได้กล่าวไว้ว่า “ไม่ใช่เป็นการปิดกั้นการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เพียงแต่มันจะทำให้วัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาให้เด็กๆ และวัยรุ่นซึมซับมากขึ้น” นาย Mehdi Navid-Adham รัฐมนตรีกระทรวงการศึกษากล่าวเพิ่มเติมว่า “การสอนภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการในโรงเรียนประถมนั้นถือว่าผิดกฎหมายและข้อบังคับ เนื่องจากโรงเรียนประถมจะต้องปูพื้นฐานวัฒนธรรมของอิหร่านให้แก่นักเรียนเสียก่อน” นาย Khamenei ยังกล่าวอีกว่า “ชาวตะวันตกใช้วิธีการง่ายๆ แต่ได้ผลดีเช่นการเผยแพร่วัฒนธรรมให้แก่เด็กๆ และเยาวชน แทนการล่าอาณานิคม” จากนั้นหนึ่งสัปดาห์จึงเกิดการประท้วงขึ้นเพื่อต่อต้านรัฐบาลอิหร่าน มีจำนวนผู้เสียชีีวิต 22 ราย และถูกจับมากกว่า 1,000 ราย การเดินขบวนประท้วงแพร่กระจายไปมากกว่า 80 เมืองและแถบชนบทในอิหร่าน ทำให้คนหนุ่มสาวและชนชั้นแรงงานออกมาแสดงถึงความไม่พอใจต่อภาครัฐในเรื่องการฉ้อราษฎร์บังหลวง ภาวะตกงาน และการขยายความเหลื่อมล้ำทางสังคม ไม่ว่าประเทศไหนการศึกษาก็ถือว่าจำเป็น โดยเฉพาะความรู้ที่มิได้มีอยู่แต่ในประเทศของตน ภาษาอังกฤษจึงเป็นกุญแจที่จะเปิดออกไปสู่ความรู้เหล่านั้นได้ ที่มา: Dailymail
-
เจ้าเหมียว ผอ. แวะไปโรงเรียนทุกเช้าเป็นประจำ เข้าไปทักนักเรียนตลอด ไม่เคยขาดเลย…
สำหรับหลายๆ คน การตื่นนอนแต่เช้า และสลัดขี้ตาแต่งตัวออกไปโรงเรียนให้ทันก่อน 8 โมงเช้าอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แน่ๆ เลยใช่ไหมล่ะ!? แต่ทว่าสำหรับเจ้าเหมียวน้อยตัวนี้แล้ว การมาโรงเรียนให้ทันเข้าแถวนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย แถมในทุกๆ วันมันยังมาก่อนเวลาเข้าแถวตั้ง 1 ชั่วโมงอีกด้วย!! เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่คุณครูประจำชั้นได้ลืมลูกบอลเอาไว้ที่ห้องเรียนของเธอ และบังเอิญว่าเจ้าเหมียวตัวนี้ก็ดันมาเจอเข้าพอดี และนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมามันก็กลายเป็นหนึ่งในนักเรียนคนสำคัญของห้องเรียนไปเลยทันที ทางโรงเรียนตั้งชื่อให้กับมันว่าแซมบ้า และในทุกๆ วันเจ้าเหมียวจะมาที่ห้องเรียนดังกล่าวในตอนเช้า มันไม่เคยขาดเรียนเลยแม้แต่ครั้งเดียวและที่สำคัญยังไม่เคยมาสายเกิน 7 โมงเช้าอีกด้วย!! “มันชอบเข้ามานั่งอยู่บนโต๊ะเรียน และขึ้นมานอนอยู่บนหนังสือของพวกเรา” หนึ่งในนักเรียนของโรงเรียนมัธยม Westbrook ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว และนอกจากความน่ารักน่าชังของเจ้าเหมียวแล้ว ซิมบ้าเองก็ยังเป็นขวัญใจของเหล่านักเรียนในโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ ถึงขั้นเป็นแรงบันดาลใจในการจัดงานนิทรรศการศิลปะของทางโรงเรียนเลยทีเดียว ไปชมความน่ารักของเจ้าเหมียวได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… ที่มา awwtopia
-
คุณพ่อร่อนจดหมายถึงผอ. กรณีกีดกันเด็กจากกิจกรรมที่กำหนดเพศ จิกกัดว่าล้าหลัง..
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2017 ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้พ่อคนหนึ่งรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เพราะลูกสาวของเขาถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่านั่นเป็นกิจกรรมสำหรับเด็กผู้ชายเท่านั้น!? เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเล็กๆ ในเขต Wongarbon ประเทศออสเตรเลีย เด็กสาวที่ชื่อว่า Ruby Callghan วัย 12 ปี ถูกบีบให้ต้องทำกิจกรรมที่เธอไม่ชอบ เพราะทางโรงเรียนแบ่งแยกเอาไว้ว่านี่คือกิจกรรมสำหรับผู้หญิง ในขณะที่กิจกรรมที่เด็กสาวต้องการจะทำมีไว้ให้เด็กผู้ชายเท่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นได้สร้างความไม่พอใจให้กับ Stephen พ่อของเธออย่างมาก เขาจึงตัดสินใจส่งจดหมายไปให้ทางโรงเรียน วันต่อมาเขาส่งจดหมายและโพสต์รูปสิ่งที่เขาเขียนลงไปในโลกโซเชียล จดหมายที่พูดถึงความไม่พอใจเรื่องที่ลูกสาวตัวเองถูกแบ่งแยก และกีดกันจากการทำกิจกรรมที่โรงเรียนกำหนดให้ว่า “มีไว้สำหรับเด็กผู้ชายเท่านั้น” เนื้อความของจดหมายที่คุณพ่อเขียนแบบคร่าวๆ คือ “ถึงผู้อำนวยการโรงเรียน ผมต้องการให้คุณตระหนักถึงปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นกับลูกสาวผมที่เรียนอยู่เกรด 6 เมื่อวานเธอออกบ้านไปเป็นปี 2017 แต่ตอนเย็นเธอกลับมาเหมือนอยู่ในปี 1968 เพราะกิจกรรมที่ทางโรงเรียนกำหนดให้” “เด็กผู้หญิงต้องฝึกการแต่งหน้าทำผมอยู่ในห้องสมุด ขณะที่เด็กผู้ชายได้ออกไปดูงานและทำกิจกรรมในโรงงาน Bunnings“ “ช่วยตรวจดูในโรงเรียนให้หน่อยได้มั้ยว่ามีความบกพร่องในเรื่องของมิติเวลา หรือมีเครื่องย้อนเวลาซ่อนเอาไว้อยู่หรือเปล่า” “ผมขอให้คุณแก้ไขการแบ่งแยกเพศที่เกิดขึ้นนี้ซะ ไม่ให้มันเกิดขึ้นกับลูกสาวผมหรือเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ อีก” “ด้วยความเคารพ.. Stephen Callaghan” เขาอธิบายว่า ลูกสาวต้องการเป็นวิศวกร…
-
แบบนี้ก็มี… “โรงเรียนสอนให้เมียเชื่อฟังผัว” เปิดสอนในจีน สร้างค่านิยมกดขี่ผู้หญิง-โดนสั่งปิด!!
วัฒนธรรมการเหยียดเพศในประเทศจีนยังคงมีอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ด้วยความที่คนบางกลุ่มยึดติดกับการให้ผู้หญิงตกเป็นเบี้ยล่างของผู้ชาย และพวกเขาก็ถึงกับเปิดโรงเรียนขึ้นมาสอนเรื่องแบบนั้นเลยทีเดียว โรงเรียนแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตฟุชุน มณฑลเหลียวหนิง ก่อตั้งเป็นโรงเรียนสอนวัฒนธรรมของจีน และเน้นไปในเรื่องของการให้ผู้หญิงยอมทำตามผู้ชายทุกอย่าง ไม่ว่าสามีของเธอจะบอกว่าอะไร พวกเธอตอบได้แค่ “ค่ะ” เท่านั้นและต้องลงมือทำทันที ในคลิปวิดีโอที่ถูกถ่ายระหว่างการเรียนการสอนภายในสถาบันแห่งนี้ เผยให้เห็นฉากหนึ่งที่ผู้สอนย้ำกับนักเรียนหญิงทุกคนในนั้นว่าการอยู่ร่วมกันกับสามีของพวกเธอคือ “จงพูดให้น้อย แต่ทำงานให้มากกว่าเดิม” นักเรียนทุกคนถูกบังคับให้ฝึกตื่นตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง เพื่อมาทำงานบ้าน ทำอาหารให้กับสามีและครอบครัว โดยจะมีครูฝึกคอยกำกับดูแลอยู่ข้างๆ คลิปการเรียนการสอนให้ผู้หญิงตกเป็นเบี้ยล่างของผู้ชาย ทุกคนถูกขัดเกลาด้วยความเชื่อหลายๆ อย่าง เช่นห้ามสู้กลับเวลาที่โดนสามีทุบตี การมีเซ็กซ์กับผู้ชายมากกว่า 3 คนในชีวิตจะทำให้พวกเธอตาย หรือแม้แต่การซื้ออาหารจากข้างนอกมาแทนการทำอาหารให้สามีตัวเองเป็นสิ่งที่ผิดหลักคุณธรรม นอกจากนั้นการเสพสื่อทางเพศก็นับเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์สำหรับพวกเธอ ในคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นถึงหญิงสาวคนหนึ่งที่คุกเข่าก้มลงกับพื้นเพื่อขอโทษที่เคยดูหนัง 20+ มาก่อน และบอกว่าเธอจะกลับบ้านไปลบให้หมด ซึ่งทุกคนในคลาสเรียนต่างเห็นด้วยและปรบมือให้กับสิ่งที่เธอทำ โรงเรียนแห่งนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 2011 จนกระทั่งวันที่ 3 ธันวาคม 2017 ทางการของจีนได้สั่งปิดสถาบันดังกล่าว เนื่องจากขัดกับนโยบายคำสอนปัจจุบันในเรื่องของ “หลักคุณค่าของคนในสังคม” เพราะการเรียนการสอนของที่นี่แสดงให้เห็นถึงการบังคับให้ผู้หญิงตกเป็นเบี้ยล่างของผู้ชายอย่างชัดเจน นับว่าเป็นการเหยียดเพศที่รุนแรงมาก วัฒนธรรมที่สืบทอดต่อกันมาย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย…
-
ผอ.โรงเรียนส่งจดหมายถึงผู้ปกครอง เพื่อให้พวกเขาเข้าใจลูกๆ แม้จะได้คะแนนสอบเท่าไหร่ก็ตาม
หลายๆ คนที่เป็นหนึ่งในแก๊งเด็กหลังห้องคงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับกระดาษซองขาวๆ ที่จ่าหน้าซองเป็นชื่อของคุณพ่อคุณแม่ และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณกลับมาถึงบ้านพร้อมกับเห็นเจ้ากระดาษซองนี้อยู่บนโต๊ะกินข้างล่ะก็… ไม่อยากจะนึกภาพต่อจากนั้นเลยทีเดียวใช่ไหมล่ะ แต่บางครั้งจดหมายจากทางโรงเรียนนั้นก็ไม่ได้น่ากลัวเสมอไปหรอก อย่างเช่นจดหมายของโรงเรียนมัธยมจากประเทศสิงคโปร์ที่ส่งถึงผู้ปกครองนักเรียนทุกคนก่อนที่การสอบจะเริ่มต้นขึ้น!! ชาวเน็ตรายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า saraboulos ได้โพสต์ภาพของจดหมายฉบับดังกล่าวลงบนโลกออนไลน์ ซึ่งข้อความในจดหมายดังกล่าวนั้นได้บอกกับผู้ปกครองให้เข้าใจในตัวลูกๆ ของพวกเขา พร้อมกับบอกว่าพวกเด็กๆ อาจจะทำบางอย่างได้ดีมากกว่าการสอบ และในโลกนี้ก็ไม่ได้มีแค่อาชีพหมอ ทนาย และวิศวกรเท่านั้น “แด่เหล่าผู้ปกครองที่รัก… การสอบของลูกๆ คุณจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ฉันรู้ว่าคุณกำลังกังวลกับคะแนนสอบของพวกเด็กๆ แต่ได้โปรดจำไว้ว่าในบรรดานักเรียนที่สอบเหล่านี้ บางคนอาจเป็นศิลปินที่ไม่จำเป็นต้องเข้าใจในวิชาคณิตศาสตร์ หรือบางคนที่อยากจะเป็นนักลงทุนนั้นก็อาจะไม่ต้องสนใจในวิชาประวัติศาสตร์หรือวรรณกรรม เรามีเด็กบางคนที่เป็นนักดนตรีที่คะแนนวิชาเคมีไม่ได้จำเป็นอะไรกับชีวิต เรามีเด็กบางคนที่เป็นนักกีฬาที่ความแข็งแกร่งทางร่างกายสำคัญกว่าคะแนนวิชาฟิสิกส์ ถ้าหากว่าพวกเขาทำคะแนนในวิชาต่างๆ เหล่านี้ได้ดีนั้นก็เป็นเรื่องที่เยี่ยม แต่ถ้าหากว่าพวกเขาทำได้ไม่ดีล่ะก็ อย่าพรากความมั่นใจและความภูมิใจของพวกเขาไป และบอกลูกๆ ว่ามันก็แค่การสอบไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต เราอยากให้พวกคุณบอกเขาว่าไม่ว่าพวกเขาจะได้กี่คะแนนคุณก็ยังคงรักพวกเขาและจะไม่ตัดสินพวกเขาจากคะแนนสอบ ได้โปรดบอกกับพวกเขาแบบนี้ อย่าให้คะแนนสอบมาทำลายความฝันและความสามารถของพวกเขา ได้โปรดอย่าคิดว่ามีแต่หมอกับวิศวกรเท่านั้น ที่จะมีความสุขบนโลกใบนี้ได้” ข้อความบางส่วนจากจดหมายของทางโรงเรียน และนี่คือจดหมายฉบับนั้น ข้อความจากจดหมายเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่พ่อแม่หลายๆ คนควรพูดปลอบใจพวกเด็กๆ เวลาที่พวกเขาทำเรื่องบางเรื่องไม่ได้ และอย่างที่ทางโรงเรียนบอกไม่ได้มีแค่บางอาชีพเท่านั้นที่จะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ ที่มา inspiremore
-
โรงเรียนสั่งรื้อรูปปั้นบาทหลวง เพราะมีรูปร่างสื่อไปในเชิงล่วงละเมิดทางเพศกับเด็ก!?
รูปปั้นส่วนใหญ่ถูกสร้างมาจากต้นแบบของใครคนหนึ่งที่มีไว้ให้คนรุ่นหลังระลึกถึงสิ่งดีๆ ที่เขาคนนั้นเคยได้ทำไว้และเอาเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิต แต่บางครั้งความหมายและความตั้งใจของผู้ปั้นก็อาจผิดเพี้ยนไปจากที่คิด เช่นเดียวกับผลงานรูปปั้นนี้ที่ตั้งอยู่ในประเทศออสเตรเลีย รูปปั้นดังกล่าวได้ถูกนำเสนอในข่าวท้องถิ่น 7 News ของนคร Adelaide หลังจากที่รูปปั้นนี้ถูกพูดถึงว่าเป็นสิ่งที่สื่อถึงการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็ก รูปปั้นที่ดันไปสื่อถึงการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็ก รูปปั้นถูกตั้งเอาไว้ในโรงเรียนชายล้วน Blackfriars Priory เป็นภาพของบาทหลวง Martin de Porres ผู้ให้การช่วยเหลือเด็กยากไร้จำนวนมากในช่วงศตวรรษที่ 16 กำลังยื่นขนมปังให้กับเด็ก แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่เห็นกลับสื่อออกมาในอีกรูปแบบหนึ่งที่ต่างออกไปอย่างมาก วันต่อมาผู้อำนวยการของโรงเรียนจึงได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “รูปปั้นดังกล่าวถูกปั้นขึ้นในเวียดนาม มีไว้เพื่อสื่อถึงการทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของนักบุญผู้ช่วยเหลือเด็กๆ ยากจน” เขาพูดต่อว่า “ในตอนแรกที่มีการร่างภาพเอาไว้ในกระดาษ เราไม่เห็นเลยว่ารูปปั้นนี้จะสามารถสื่อออกมาในลักษณะการล่วงละเมิดทางเพศได้ จนกระทั่งเราได้เห็นเมื่อถูกปั้นเสร็จแล้วและนำมาตั้งไว้ในโรงเรียน” อย่างไรก็ตามทางโรงเรียนก็ได้ออกมาขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นและได้คลุมรูปปั้นนั้นเอาไว้ก่อนที่จะถูกรื้อออกไปเพื่อการซ่อมแซมและแก้ไขกลับมาใหม่ให้ตรงตามสิ่งที่ต้องการจะสื่อออกมาจริงๆ ทางโรงเรียนได้นำผ้ามาคลุมเอาไว้ เห็นแค่ขาแบบนี้จะยิ่งทำให้คิดหรือเปล่านะ? หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ทำการรื้อถอนรูปปั้นออกไป หวังว่าพวกเขาจะไม่ได้นำรูปปั้นไปซ่อมแค่ตรงขนมปังหรอกเนาะ คราวหน้าคราวหลังก็คงต้องตรวจสอบสิ่งต่างๆ กันให้ดี เพราะไม่งั้นมันอาจผิดจากจุดประสงค์ของเราไปก็ได้ ที่มา: buzzfeed
-
คุณแม่เตือนชาวเน็ต หยุดส่งลูกป่วยไปโรงเรียนเสียที เพราะอาจเกิดอันตรายกับเด็กคนอื่นๆ ได้!
ในตอนที่เด็กไม่สบายพ่อแม่บางคนจะให้ลูกได้นอนอยู่บ้านพักผ่อน แต่กับพ่อแม่บางคนกลับปล่อยให้ลูกได้ไปโรงเรียนตามปกติ ซึ่งการปล่อยให้เด็กที่ป่วยอยู่ไปโรงเรียนเล่นกับเเพื่อนๆ ก็อาจทำให้เด็กคนอื่นๆ ติดเชื้อได้ และเรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำให้คุณแม่ชาวแคนาดาที่มีชื่อว่า Maria Jordan MacKeigan รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เธอคนนี้ได้โพสต์ลงในนเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2017 เพื่ออธิบายความรู้สึกของตัวเอง หลังจากที่ลูกสาวผู้ป่วยเป็นออทิสติกของเธอ Jordan Grace ได้ไปติดไข้หวัดมาจากเพื่อนในโรงเรียนและด้วยความที่เธอมีภูมิคุ้มกันต่ำจึงทำให้เด็กน้อยถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลในทันที โพสต์ของ Maria บอกว่าลูกสาวของเธอได้ติดเชื้อหวัดมาจากเด็กคนอื่นๆ ในโรงเรียน ทำให้ลูกสาวผู้ป่วยเป็นออทิสติกและมีภูมิคุ้มกันต่ำ จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล Grace ลูกสาวของเธอที่ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เธอรู้สึกไม่ดีเวลาที่พ่อแม่คนอื่นๆ ปล่อยให้ลูกที่กำลังป่วยของตนเองมาโรงเรียน เพียงเพราะว่ามีงานหลายอย่างต้องทำ แทนที่จะดูแลลูกๆ ของตัวเองเป็นอันดับแรก เพราะเด็กต้องการการเอาใจใส่และความอบอุ่นจากผู้ปกครอง อย่าลืมว่าโรงเรียนไม่ใช่สถานดูแลเด็ก อีกอย่างที่เธอบอกให้ทุกคนได้คำนึงถึงก็คือการปล่อยให้เด็กป่วยมาโรงเรียน เท่ากับว่าเป็นการทำให้เด็กคนอื่นๆ ต้องเสี่ยงกับอาการป่วยนั้นๆ ไปด้วย และอาจเป็นหนักเหมือนกับลูกสาวของเธอเลยก็ได้ ลูกสาวที่น่ารักของเธอป่วยเป็นออทิสติกและมีภูมิคุ้มกันต่ำตั้งแต่กำเนิด . คนเป็นแม่ย่อมรักลูกของตัวเอง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอออกมาโพสต์แบบนี้และต้องการให้พ่อแม่ทุกคนหยุดความคิดที่จะปล่อยให้ลูกที่กำลังป่วยไปโรงเรียน ต้องย้ำว่าลูกสาวของเธอในตอนแรกมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดี แต่เข้าโรงพยาบาลหลังจากได้รับเชื้อหวัดจากเด็กในโรงเรียน หลายๆ คนที่เข้ามาอ่านโพสต์ของเธอก็รู้สึกเห็นด้วยกับความคิดนี้ …
-
เด็กหนุ่มวัย 15 ถูกไล่กลับบ้าน หลังถักเปียผมสุดเฟี้ยวไปโรงเรียน คุณแม่งงทำไมผู้หญิงทำได้?
กลายเป็นกระแสสังคมกันพอสมควร หลังเด็กหนุ่มคนหนึ่งถูกโรงเรียนสั่งให้กลับบ้านทันทีเนื่องจากทรงผมที่เขาทำมานั้น มันขัดกับข้อตกลงของทางโรงเรียน ด้านผู้เป็นแม่จึงเกิดคำถามมากมายขึ้นในใจทันทีจากเหตุการณ์ดังกล่าว… Trisha Jukes คุณแม่ลูกสองวัย 34 ปี เล่าว่าเธอได้รับโทรศัพท์จากลูกชายของเธอ Jordan Waterfield วัย 15 ปี ซึ่งเขาโทรมาด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดมากๆ โดยเขาบอกกับเธอว่าเขาถูกอาจารย์สั่งให้กลับบ้าน ส่วนสาเหตุที่ทำให้เขาถูกไล่กลับนั้น มันเกิดขึ้นจากการที่ทรงผมของ Jordan ไม่เหมาะสม โดย Trisha ผู้เป็นแม่ก็ตั้งคำถามกับทางโรงเรียนว่ามันผิดตรงไหน ทั้งๆ ที่ผมทรงนี้ผู้หญิงก็ยังทำได้ แถมยังบอกว่าตนส่งลูกเรียนมาปีที่ 4 แล้วยังไม่เคยมีปัญหาอะไรเลยจนกระทั่งตอนนี้ ทางด้านอาจารย์จากโรงเรียน RSA Academy ในประเทศอังกฤษก็ได้ออกมาชี้แจงว่า เขาได้ส่ง Jordan กลับบ้านจริงด้วยเหตุหลักคือทรงผมมันสุดโต่งเกินไป ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมผู้หญิงถึงทำได้ส่วนเขาถึงถูกส่งกลับก็เพราะว่า ทรงผมของเขามันสั้นเกินไปนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ทางด้าน Trisha ก็ได้เข้าไปต่อรองกับคณะอาจารย์ของโรงเรียนเพื่อให้ลูกของเธอได้กลับเข้าคาบเรียนอีกครั้ง โดยเธอบอกว่าเธอไม่ยอมให้ลูกต้องสูญเสียการเรียนไปหนึ่งวันเพราะเพียงแค่เรื่องของทรงผม อย่างไรก็ตาม Jordan นั้นก็ได้อนุญาตให้กลับเข้าไปเรียนต่อได้หลังจากเกิดเหตุไม่กี่ชั่วโมง แต่ผู้ปกครองหรือ Trisha ยังต้องมีการกลับเข้าไปหารือกับคณะอาจารย์อีกครั้งเพื่อหาข้อตกลงในเรื่องทรงผมของลูกชายนั่นเอง… ทรงผมไม่เกี่ยวกับการเรียน แต่ไว้ให้มันพอดีๆ ไม่ดูเฟี้ยวฟ้าวเกินก็น่าจะดีกว่านะ แล้วเพื่อนๆ คิดว่าไงกับเรื่องราวในครั้งนี้ลองมาแชร์กันดูนะ …
-
วัยรุ่นที่เคยผ่าน “ค่ายดัดนิสัยติดอินเตอร์เน็ต” เผยภายในนั้น คือการทรมานขั้นรุนแรง!!
การเสพย์ติดโลกอินเตอร์เน็ตนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหาที่มากขึ้นเรื่อยๆ ในหลายๆ พื้นที่รวมถึงประเทศจีนด้วยเช่นเดียวกัน และหนึ่งในมาตรการที่พวกเขาใช้แก้ปัญหาที่ว่านี้ก็คือการอบรมพิเศษสำหรับเด็กที่ติดอินเตอร์เน็ต แต่ดูเหมือนว่าผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ หลังจากที่มีการเผยแพร่ภาพการฝึกในค่ายดังกล่าวออกมา นักเรียนผู้หนึ่งที่เคยผ่านค่ายบำบัดอาการติดอินเตอร์เน็ตของสถาบัน Yuzhang Shuyuan เล่าว่าในสถาบันดังกล่าวนั้นคุณครูจะควบคุมพวกเขาอย่างเข้มงวด และเฆี่ยนพวกเขาด้วยแส้มากกว่า 30 ครั้ง พร้อมกับขังให้อยู่ในห้องเล็กๆ เป็นเวลานานกว่า 1 สัปดาห์ ค่ายอบรมดังกล่าวตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน ในเมืองหนานชาง มลซลเจียงซี ซึ่งผู้ปกครองที่มีความต้องการอยากจะนำลูกๆ มาบำบัดอาการติดอินเตอร์เน็ตนั้นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงินกว่า 150,000 บาทสำหรับการเข้าค่ายนานกว่า 6 เดือน ในประเทศจีน อาการติดอินเตอร์เน็ตนั้นถือเป็นความผิดปรกติของร่างกาย และกำลังเพิ่มมากขึ้นในหมู่วัยรุ่น โดยเด็กๆ ที่มีอาการดังกล่าวจะละเลยการเข้าสังคม ไม่ใส่ใจคนรอบข้างและสนใจแต่โลกออนไลน์ ในการโฆษณาของสถาบันดังกล่าวได้อ้างว่าพวกเขาสามารถช่วยให้เด็กๆ หลุดพ้นจากการเสพติดอินเตอร์เน็ตได้ด้วยหลักปรัชญาจีนโบราณของขงจื๊อ และมันจะช่วยทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น ภาพโปรโมทของสถาบันดังกล่าวได้เผยให้เห็นนักเรียนของที่นี่ในชุดประจำชาติของจีน ที่กำลังอ่านวรรณกรรมคลาสสิคและกำลังฝึกการเขียนตัวอักษร แต่ในความเป็นจริงแล้วจากคำบอกเล่าของเด็กนักเรียนที่ใช้ชื่อว่า Shan Ni Ma Da Wang สถาบันแห่งนี้มีโหดร้ายกว่าที่เห็นในภาพมาก Shan Ni Ma Da Wang อดีตนักเรียนที่ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องประสบการณ์อันโหดร้ายในสถาบันแห่งนี้ ในโพสต์บนโลกออนไลน์ของหญิงสาวคนดังกล่าวเผยว่า เธอถูกแม่ของตัวเองหลอกให้เข้ามารับการรักษาที่สถาบันแห่งนี้ในปี 2014…
-
รวมภาพเหล่าคุณครูสุดเจ๋ง ที่ควรจะได้รับรางวัล ‘ครูดีเด่น’ ถ้าได้เรียนด้วยสักครั้งคงจะมีความสุขน่าดู
คุณครูคือผู้ให้ความรู้ในวิชาต่างๆ ในโรงเรียน โดยปกติแล้วเราก็จะเห็นครูในลุคที่เป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ก็มีคุณครูไม่น้อยเลยที่คิดนอกกรอบจนกลายมาเป็นคุณครูสุดจ๊าบประจำโรงเรียน ซึ่งเราก็หวังว่าอยากให้มีคุณครูแบบนี้อยู่ทั่วโลกเพื่อที่การเรียนหนังสือสำหรับเด็กๆ จะได้ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ในวันนี้เราจะพาทุกคนไปชมภาพของคุณครูสุดคูลจากทั่วทุกมุมโลกที่อาจทำให้คุณยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว ซึ่งจะเป็นจริงอย่างที่ว่าไหมมาลองพิสูจน์กันเลย คุณครูช่วยเหล่าเด็กๆ ที่กำพร้าด้วยการก่อตั้งชมรม “สุภาพบุรุษ” เพื่อให้เรียนรู้การจับมือ การสร้าง Eye Contact คุณครูศิลปะที่พิสูจน์แล้วว่าศิลปะเกิดขึ้นได้ทุกที่ ภาพคุณครูสุดฮาในสมุดภาพประจำปีของโรงเรียน ถ่ายกันทุกปีเลยทีเดียวจนเป็นธรรมเนียมไปเลย ครูสอนคณิตตีลังกาเอามือยืนแทนเท้าเพื่อสาธิตจำนวนเลขที่กลับกัน คุณครูคนนี้ใส่ชุดเดิมมาถ่ายรูปกว่า 40 ปี วินเทจจริงๆ ลุง เมื่อโรงเรียนเปลี่ยนเวลาคาบแรกจาก 9 โมงมาเป็น 7 โมงคุณครูคนนี้เลยใส่ชุดนี้ประท้วงซะเลย ครูคนนี้สาธิตการสวมถุงเท้าเพราะว่าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้สอนเด็กๆ เรื่องวิธีการใช้ถุงยางอนามัย นักเรียน: ช่วยรับปลาโลมาตัวนี้แทนคำตอบที่ผิดไปด้วยเถอะ คุณครู: เพราะว่าปลาโลมาแสนน่ารักตัวนี้ทำให้ทุกคนได้คะแนนเพิ่ม 4 คะแนน เมื่อคุณครูสุดแนวแต่งตัวเหมือนซีรีส์เรื่อง Magnum Pi มาถ่ายรูป คุณครูที่ส่งจดหมายถึงผู้ปกครองโดยบอกว่าการบ้านนั้นไม่มีประโยชน์ รูปที่น่าจะเท่ที่สุดในสมุดรวมภาพประจำปี …
-
อดีตสมาชิกวง AKB48 ออกมาพูดถึงกรณีย้อมผมดำในโรงเรียน เพราะเคยถูกบังคับเช่นกัน
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เราได้พูดถึงกรณีของหญิงสาววัย 18 ปีจากโอซาก้ารายหนึ่ง ที่ถูกทางโรงเรียนบังคับให้ย้อมผมสีดำ ซึ่งถ้าหากเธอไม่ยอมทำตามกฎเธอจะไม่มีสิทธิ์ได้กลับเข้ามาเรียนอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม สาวรายนี้ก็ได้ยื่นเรื่องต่อศาลแขวงโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เพื่อฟ้องค่าเสียหายกว่า 2.2 ล้านเยน (ราวๆ 640,000 บาท) ขณะที่ทางการโอซาก้ารวมถึงโรงเรียนมัธยมก็ได้พยายามที่จะคัดค้านศาลให้ยกเลิกคดีนี้ ทางด้านโรงเรียนก็ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า การย้อมผมสีดำเป็นกฎของทางโรงเรียน ต่อให้เป็นนักเรียนต่างชาติที่มีผมสีบลอนด์ก็จะต้องย้อมผมให้เป็นสีดำอยู่ดี (คุณสามารถอ่านเรื่องราวย้อนหลังได้ที่นี่ : เด็กนักเรียนญี่ปุ่นยื่นฟ้องหน่วยงานรัฐ เพราะบังคับให้ย้อมผมสีดำ ทั้งที่ผมสีน้ำตาลโดยกำเนิด) ประเด็นนี้ได้กลายเป็นที่พูดถึง และได้รับความสนใจในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก ถึงขนาดทำให้ Sayaka Akimoto ลูกครึ่งสาวชาวฟิลิปปินส์-ญี่ปุ่น อดีตสมาชิกแห่งวง AKB48 ได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความเห็นผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวของเธอเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา Sayaka Akimoto อดีตสมาชิกวง AKB48 โดยเธอได้แบ่งปันประสบการณ์ของเธอ ในฐานะที่เคยเป็นนักเรียนมัธยมปลายของญี่ปุ่นที่ไม่ได้มีสีผมดำตามธรรมชาติว่า “ตอนที่ฉันอยู่โรงเรียนมัธยม ฉันก็ถูกบังคับให้ย้อมผมสีดำอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าฉันจะไม่อยากทำก็ตาม แต่สุดท้ายฉันก็จำใจยอมย้อมผมให้เป็นสีดำ และเมื่อฉันไปทำผมสีดำ พ่อของฉันก็พูดว่า…’นั่นผมสีอะไรของเธอ?’ ซึ่งเวลาที่เขาไปโรงเรียนของฉัน เขามักจะพูดว่า…
-
Gordon Ramsey มอบโอกาสให้ผู้เข้าแข่งขันหนุ่มใน MasterChef ให้ได้เรียนทำอาหารแบบฟรีๆ
หากใครเป็นแฟนคลับรายการทำอาหารชื่อดังอย่าง MasterChef ที่จัดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา ก็จะต้องรู้จักกับเชฟชื่อดังอย่าง Gordon Ramsey แน่นอน ชายผู้ที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการคนนี้ได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่น่าประทับใจเป็นอย่างมาก เมื่อเขามอบโอกาสให้ผู้เข้าแข่งขันวัย 19 ปีที่ชื่อว่า Gabriel Lewis ได้เข้าไปเรียนทำอาหารอย่างจริงจังในมหาวิทยาลัย Johnson & Wales ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังด้านการสอนทำอาหาร และเขาจะเป็นคนรับผิดชอบค่าเล่าเรียนทั้งหมด เชฟจากรายการดังผู้มอบโอกาสให้กับเด็กหนุ่ม เรื่องราวนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนเดือนมีนาคมปี 2017 ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กหนุ่มได้เริ่มเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย Johnson & Wales ในเมืองเดนเวอร์ แต่เทปบันทึกภาพการแข่งขันได้ถูกนำออกมาฉายในช่วงหลังเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เด็กที่มีความพยายามและทักษะที่ดีควรได้รับการฝึกฝนที่ดีเช่นเดียวกัน คลิปสัมภาษณ์เชฟชื่อดังหลังจากที่เขามอบโอกาสให้กับผู้เข้าแข่งขัน ในรายการ Gordon ได้พูดถึงความสามารถอันน่าทึ่งที่เด็กคนนี้มีและเขาเชื่อว่าหากได้รับการฝึกฝนเด็กหนุ่มจะต้องมีอนาคตที่ก้าวไกลอย่างมากแน่นอน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขามอบข้อเสนอนี้ให้ เพื่อแลกกับการได้เรียนฟรี Lewis จะต้องติดต่อกลับมาเพื่อคุยเรื่องเกรดกับผู้ที่มอบโอกาสให้อยู่เรื่อยๆ Lewis ได้พูดถึงการได้เข้าไปแข่งขันในรายการว่า “กรรมการทุกคนคือครูที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตของผม ทำให้ได้รับประสบการณ์ที่มีค่า ได้เรียนรู้ และสามารถนำมาพัฒนาตัวเองต่อไปได้” หลังจากรายการในตอนนี้ได้ออกอากาศไป ทุกคนที่เรียนด้วยกันก็ถึงกับตกใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าเพื่อนร่วมห้องเคยออกรายการทำอาหารและได้รับโอกาสอันสุดวิเศษ Lewis เล่าว่าตอนที่เขาเรียนมัธยมปลาย เขาเคยไปทัศนศึกษาที่มหาวิทยาลัย Johnson & Wales มาแล้วครั้งหนึ่ง…
-
ไปชมกันว่า “อาหารกลางวัน” ของเด็กในโรงเรียนแต่ละประเทศจะเป็นอย่างไรกันบ้าง
ในตอนที่เราเป็นเด็กเวลาไปโรงเรียนตอนพักเที่ยงเราก็จะได้กินอาหารที่ทางโรงเรียนเตรียมเอาไว้ให้ ซึ่งอาจทำให้หลายคนจดจำมาได้จนถึงตอนนี้ ซึ่งหน้าตาของอาหารที่เราต้องเจอในแต่ละวันก็จะไม่ได้แตกต่างกันมาก แล้วหน้าตาของอาหารกลางวันประเทศอื่นๆ หน้าตามันจะเป็นอย่างไร จะดูคล้ายกับที่เราเคยกินตอนเด็กหรือเปล่า? เราไปดูกันเลยว่าแต่ละประเทศมีอาหารกลางวันเป็นแบบไหนกันบ้าง เกาหลีใต้ อาหารกลางวันของที่นี่เรียกว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดมื้ออาหารได้เลย โดยจะแบ่งช่องใหญ่ไว้สำหรับใส่ข้าวและซุป นอกนั้นเป็นผักผลไม้หรืออาหารทะเล ซึ่งส่วนใหญ่อาหารที่เด็กได้กินก็จะเป็นซุปฟักทองมันฝรั่ง สลัดแตงกวาและแครอท หรือของขึ้นชื่ออย่างกิมจิ นอกจากนั้นหากเด็กคนไหนตัวเล็กกว่าปกติพวกเขาก็จะให้เด็กได้กินน้ำมันปลาที่ผ่านการคำนวนมาแล้วอีกด้วย ญี่ปุ่น ดูแล้วมีความคล้ายคลึงกับของเกาหลีอยู่บ้างที่เพิ่มมาจริงๆ ก็คือนมกล่อง เด็กญี่ปุ่นไม่สามารถห่อข้าวมากินเองได้จนกว่าจะขึ้นมัธยมปลายและการกินข้าวเที่ยงจะไม่ได้ไปกินที่โรงอาหารแต่จะมีมาเสิร์ฟให้กินในห้องเรียนแทน อังกฤษ มันฝรั่งทอด แครอทมาพร้อมกับโจ๊กและสลัดกับผลไม้ ของหวานจะเป็นวาฟเฟิลราดช็อกโกแลต แต่ก็มีหลายโรงเรียนที่มีงบไม่พอทำให้ต้องแจกอาหารฟาสต์ฟู้ดแทน ถึงอย่างนั้นเด็กๆ ก็ชอบกินกันนะ สหรัฐอเมริกา นี่คืออาหารกลางวันในรัฐเวอร์จิเนียซึ่งความเป็นจริงจะแตกต่างกับอาหารที่เด็กอเมริกันส่วนใหญ่กิน เพราะพวกเขานิยมฟาสต์ฟู้ดกันมากกว่า หรือไม่งั้นพ่อแม่ก็จะห่อข้าวให้ ตุรกี เป็นอาหารที่บำรุงสมองอย่างแท้จริงเพราะเต็มไปด้วยผลไม้และธัญพืชจากขนมปังข้าวไรย์ ถั่ววอลนัท และเครื่องดื่ม Kefir ที่ทำมาจากนมวัว ฝรั่งเศส อาหารกลางวันของประเทศนี้ค่อนข้างที่จะเป็นมื้อใหญ่และพวกเขาจะให้เวลา 1 ถึง 2 ชั่วโมงในการรับประทาน นอกจากนั้นเด็กๆ ยังสามารถกลับไปกินข้าวที่บ้านระหว่างพักได้…
-
หนุ่มน้อยวัย 11 ใส่ชุดทหารไปโรงเรียนทุกวัน เพื่อสนับสนุนพี่ชายแต่กลับโดนเพื่อนกลั่นแกล้ง
หากคุณคิดถึงคนที่คุณรักเพราะต้องอยู่ห่างไกลกันด้วยภาระหน้าที่หรืออะไรก็ตาม หลายคนอาจจะทำสิ่งที่พิเศษที่สุดให้กับพวกเขา และ Isaiah Picklesimer นักเรียนเกรดห้าวัย 11 ปี จากเมืองชาร์ลอตต์ ในมลรัฐนอร์ทแคโรไล ประเทศสหรัฐอเมริกา คนนี้ก็จะทำแบบนั้นเช่นกัน ในวันที่ 11 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา (วันครบรอบ 16 ปีเหตุการณ์ 911) Isaiah ได้ตัดสินใจสวมชุดเครื่องแบบทหารไปโรงเรียน เพื่อสนับสนุน Aaron Picklesimer ผู้เป็นพี่ชายที่กำลังเตรียมตัวปฏิบัติหน้าที่อยู่ในกองทัพเรือสหรัฐ แต่ทว่าหนุ่มน้อยกลับถูกเพื่อนร่วมชั้นกลั่นแกล้งซะงั้น แถมยังถูกมองว่าเป็นตัวตลกอีกด้วย “ผมรักเขา และผมก็จะสนับสนุนเขา เขาเป็นฮีโร่ของผม ผมคิดถึงพี่ชายมาก และผมก็ต้องการที่จะสวมใส่ชุดเครื่องแบบนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนเขา” Isaiah กล่าว แม้ว่าหลายคนอาจจะเห็นถึงความตั้งใจที่แสนบริสุทธิ์ของ Isaiah แต่สำหรับเพื่อนนักเรียนร่วมชั้นกลับไม่คิดเช่นนั้น แถมยังมองหาโอกาสที่จะล้อเลียนเขาอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ Isaiah ยังได้ออกมาเผยอีกว่า “เพื่อนบางคนรังแกผม มันทำร้ายความรู้สึกของผมมาก พวกเขาบอกว่าชุดของผมคือชุดนอน และมองว่าผมเป็นตัวตลก ซึ่งผมก็ได้บอกพวกเขาไปว่าเธอไม่เข้าใจหรอก ฉันกำลังพยายามสนับสนุนพี่ชายอยู่” ทางด้าน Mellanie…
-
เปิดวาร์ป 10 สุดยอดคุณครูดีงาม ที่จะทำให้เราอยากกลับไปเรียนหนังสืออีกครั้ง!!
บางครั้งการตั้งใจเรียนอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายๆ คน เพราะนอกจากการขาดแรงบันดาลใจแล้ว ความยากของบางวิชานั้นก็ชวนให้ไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ซะเหลือเกิน และนอกจากสภาพแวดล้มในห้องแล้ว คุณครูเองก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยกระตุ้นความสนใจเรียนของพวกเราได้ และวันนี้เราก็ได้นำภาพของ 10 คุณครูจากเว็บ Bright Side ที่จะทำให้เราอยากกลับไปเรียนหนังสืออีกครั้งหนึ่งมาฝากกัน แต่ละคนจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นไปชมกันเลย… 10. Dejinay หนึ่งในคุณครูสาวที่รักในการดูแลสุขภาพ ถ้าหากสังเกตดีๆ จะเห็นว่าหุ่นของเธอนั้นช่างเป๊ะจริงๆ นอกจากนี้เธอยังมีความตั้งใจในการสอน โดยการตกแต่งห้องเรียนเพื่อทำให้เด็กๆ มีความสนใจในการเรียนเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย 9. Nicholas Ferroni อาจารย์ผู้ใจดีที่มีความตั้งใจอย่าแน่วแน่ เขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนหลายๆ คน “เมื่อตอนที่ผมเป็นเด็ก ผมมีความฝันที่อยากจะเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ นักปรัชญา และนักจิตวิทยา นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงอยากเป็นครู” Nicholas กล่าว 8. Michael Bonner คุณ Bonner เติบโตมาจากครอบครัวที่ยากจน เขาจึงเข้าใจถึงความสำคัญของเงินทุนสำหรับการศึกษาเป็นอย่างดี และจากความพยายามของเขาและเหล่านักเรียนจึงทำให้ทางโรงเรียนได้รับเงินสนับสนุนจาก Ellen DeGeneres พิธีกรชื่อดังมากกว่า 800,000 บาทเลยทีเดียว 7. Patrice Brown คุณครูอีกท่านที่มีหุ่นเป๊ะ และนอกจากนี้เธอยังเป็นคุณครูที่ใจดีและรักเด็กนักเรียนของเธอ แถมยังเป็นที่ชื่นชอบของผู้ปกครองท่านอื่นๆ อีกด้วย 6. Vin Wick นอกจากจะเป็นนายแบบแล้ว…
-
นักเรียนญี่ปุ่นถีบ-กระชากคอเสื้ออาจารย์ หลังโดนยึดแท็บเลต กลายเป็นประเด็นร้อนแรง!!
สำหรับโรงเรียนในประเทศญี่ปุ่นหลายๆ แห่งแล่ว พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักเรียนเป็นเรื่องที่ไม่สามารถปล่อยให้เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการแอบงีบหลับหรือการกลั่นแกล้งกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคลิปวิดีโอความรุนแรงที่เกิดขึ้นในห้องเรียนของโรงเรียนมัธยมปลายฟุกุโอะกะ ถึงได้กำลังเป็นกระแสอย่างหนักอยู่ในตอนนี้ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อโรงเรียนนี้อนุญาตให้นักเรียนใช้แท็บเล็ตเพื่อช่วยในการเรียนรู้ แต่มีเด็กคนหนึ่งกลับใช้มันเปิดหนังดูในห้องซึ่งเป็นสิ่งที่ออกจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เมื่ออาจารย์วัย 23 ปีที่กำลังทำการสอนอยู่เห็นเข้าจึงได้ตักเตือนเด็กคนนั้นอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดเมื่อคำเตือนของเขาใช้ไม่ได้ผล ก็เลยยึดเอาแท็บเล็ตของเด็กคนนั้นมาแทน สิ่งที่เขาทำลงไปสร้างความไม่พอใจให้เด็กหนุ่มคนนั้นอย่างมาก เขาจึงเดินเข้าไปหาคุณครูเพื่อหวังจะเอาแท็บเล็ตคืนมา แต่อาจารย์คนนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรและยิ่งทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกโมโหมากยิ่งกว่าเดิม ถึงขนาดที่ว่าเขาถีบไปที่หลังครูคนนั้นถึง 4 ครั้งด้วยความแรงที่มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เพื่อนร่วมห้องคนอื่นกลับนั่งหัวราะและให้กำลังใจกับสิ่งที่เขาได้ทำ ปล่อยลูกถีบใส่อาจารย์ขณะที่คนอื่นๆ ก็นั่งหัวเราะกัน ยิ่งไปกว่านั้นคือเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อครู และอาจจะชกต่อยไปแล้วถ้าหากว่าอาจารย์คนนั้นไม่ได้ส่งเสียงร้องประท้วงออกมาซะก่อน กระชากคอเสื้อจนอาจารย์ต้องส่งเสียงร้องออกมาก่อนที่จะถูกต่อย คลิปวิดีโอนักเรียนถีบอาจารย์ คลิปดังกล่าวมียอดวิวรวมกันกว่า 1.2 ล้านครั้งทั้งในญี่ปุ่นเองและจากหลายๆ ประเทศทั่วโลก ถึงแม้ชื่อคลิปจะเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่เชื่อว่าชาวต่างชาติที่ไม่เข้าใจภาษานี้ก็พอจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นนี้โรงเรียนเลือกที่จะไม่แจ้งความกับตำรวจ เพราะเห็นว่าครูคนนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกายอะไร แต่การตัดสินใจของโรงเรียนและคลิปที่เผยแพร่ออกมาก็สร้างความไม่พอใจให้กับชาวเน็ตอย่างมาก “เป็นความผิดของเด็กลงมือและนักเรียนคนอื่นที่นั่งหัวเราะอยู่ ทางโรงเรียนควรรายงานเรื่องนี้ให้กับตำรวจ” “ผู้ปกครองของเด็กคนนั้นคงจะเป็นยากูซ่า” “นี่ไม่ควรที่จะรายงานตำรวจหรอ? นักเรียนมัธยมควรได้เข้าใจว่าความรุนแรงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ปล่อยให้เด็กถูกจับไปเลย!!” “ลืมเรื่องที่ตำรวจจะมาจับเด็กคนนี้ไปเลย เพราะแม้แต่นักเรียนคนอื่นที่ไม่ลงมือทำอะไรก็สมควรถูกต่อว่าเหมือนกัน มันหมดยุคสมัยที่ลูกศิษย์จะเคารพอาจารย์ไปนานแล้ว” …
-
โรงเรียนสอนเขียนโปรแกรมญี่ปุ่นสุดเจ๋ง ให้นักเรียนได้เรียนพร้อมกับ “เมด” แสนสวย!!
เมื่อพูดถึงศูนย์รวมที่เรียนพิเศษในญี่ปุ่นแล้วละก็ ใจกลางกรุงโตเกียวก็คงจะเป็นเมืองอันดับต้นๆ ที่ผู้คนหรือใครที่ต้องการศึกษาเรื่องอะไรก็ตามเดินทางไปแน่นอน แต่สำหรับโรงเรียน MadeInMaidFamily โรงเรียนสอนเขียนโปรแกรมในย่านชิบูย่านั้นจะมีอะไรที่พิเศษกว่าชาวบ้านนิดหน่อยตรงที่ คนที่จ่ายคอร์สมาเรียนจะได้เจอกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนสุดพิเศษโดยเป็นสาวๆ ใส่ชุดเมดน่ารักๆ มากล่าวต้อนรับ ‘ยินดีต้อนรับกลับบ้าน’ ฟังดูแล้วก็อาจจะเหมือนเมดคาเฟ่หน่อยๆ โดยพวกเธอจะเข้าร่วมเรียนกับนักเรียนที่จ่ายเงินมาเรียนในคลาสละ 1 คน นอกจากนั้นเมดทุกคนจะเรียกเพื่อนร่วมคลาสว่า “เซนไป” หรือก็คือรุ่นพี่นั่นเอง ฟังดูชุ่มชื่นหัวใจไหมล่ะ ด้านเจ้าของ MadeInMaidFamily ก็บอกว่าเขาต้องการจะดึงดูดกลุ่มลูกค้าผู้ชายและคนที่ชื่อชอบน้องเมดอยู่แล้ว ฉะนั้นแค่เปลี่ยนจากคาเฟ่เมดเพื่อความบันเทิง ให้กลายเป็นชั้นเรียนกับน้องเมด เท่านี้ทุกอย่างก็ลงตัวสุดๆ แล้ว ใครมาเรียนก็มีความสุข พวกเธอล้วนยิ้มแย้มแจ่มใสกันทุกคน ทุกคนก็ต่างพากันพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กัน โดยเฉพาะกับน้องเมด…น้องชื่ออะไรเหรอครับ น่ารักใช่ไหมล๊าา แต่จุดประสงค์หลักจริงๆ คือเขาไม่อยากให้คนที่มาเป็นเมดต้องมาเต้นโชว์ หรือวาดรูปบนไข่เจียวเพียงอย่างเดียว แต่อยากให้พวกเธอได้ความรู้เรื่องการเขียนโปรแกรมที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดตอนนี้กลับไปใช้จริงๆ ด้วย เพราะคนจะทำอาชีพพวกนั้นได้ต้องเป็นวัยรุ่นสาวช่วงอายุ 20 เท่านั้น แต่การมีความรู้กลับไปมันย่อมดีกว่าจริงไหม? มีที่นั่งเรียนพิเศษสำหรับน้องเมดโดยเฉพาะด้วยนะ นอกจากให้ความบันเทิงกับทุกคนในคลาสแล้ว ยังให้ความรู้ตัวเองด้วย ฉะนั้นใครที่สนใจก็สามารถที่จะแวะไปเข้าชั้นเรียนกับน้องเมดได้ที่ร้าน MadeInMaidFamily ในย่านชิบูย่าได้เลย ค่าเรียนก็ไม่แพงมากตก 3 ชั่วโมงต่อ 600 บาทเท่านั้น…
-
เด็กหนุ่มวัย 15 จบชีวิตตัวเอง หลังกลายเป็นเหยื่อการกลั่นแกล้ง ถึงขั้นถูกขู่ข่มขืนแม่..!?
อีกหนึ่งประเด็นเกี่ยวกับการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียน จนนำมาซึ่งความสูญเสียของครอบครัวรายัต ชาวอินเดียผู้อาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษ โดยเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2017 เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานเรื่องราวของ ‘แบรนดอน รายัต’ เด็กหนุ่มวัย 15 ปี ที่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง หลังจากตกเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งอย่างหนักที่โรงเรียน ครอบครัวรายัตกับภาพของลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัว แม้ว่าภาพลักษณ์ภายนอกของแบรนดอน จะดูเป็นปกติทุกอย่าง ทว่าคนรอบตัวกลับไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่า เขามีพฤติกรรมสะสมความเครียดมาโดยตลอด และพยายามหาเรื่องบ่ายเบี่ยงไม่อยากไปโรงเรียน… ย้อนไปเมื่อปี 2015 ตัวเขาต้องทนกับภาพแวดล้อมที่ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่นัก หลังเลิกรากับแฟนสาวเขาก็ตกเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งอย่างหนักนับตั้งแต่นั้นมา ถึงขนาดที่ว่าครั้งหนึ่งแบรนดอนยอมโกนผมตัวเอง เพื่อให้กลุ่มเด็กเกเรยอมรับและเลิกกลั่นแกล้งเขาเสียที ครั้งหนึ่งในวิชาคอมพิวเตอร์ เคยมีเพื่อนร่วมชั้นเผยภาพหน้าบ้านของเขาจากกูเกิลแมพส์ พร้อมกับขู่ว่าจะบุกไปข่มขืนแม่ของเขาถึงที่บ้าน (ในภายหลังเพื่อนคนนี้ก็อ้างว่าเป็นการอำกันขำๆ) ภาพจากข้อความส่วนหนึ่งระหว่างแบรนดอน กับเพื่อนที่เคยขู่ว่าจะบุกไปข่มขืนแม่ถึงบ้าน ตลอดเวลาที่ผ่านมาคนใกล้ตัวไม่เคยสังเกตเห็นความร้าวระทมในใจของแบรนดอน จนกระทั่งในเดือนเมษายน ปี 2015 แบรนดอนได้เอ่ยเป็นนัยๆ ว่าตนไม่อยากไปโรงเรียนอีกแล้ว อีกทั้งยังมีอาการเครียดจัดจนสติแตก และคุณหมอก็ได้วินิจฉัยว่าเขาประสบภาวะความเครียดเฉียบพลัน “เขาต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกกลั่นแกล้ง และสิ่งเหล่านี้ก็วนเวียนอยู่หัวของแบรนดอนไม่เคยหายไปไหน ความเศร้าทุกอย่างทำให้ชีวิตเขาดูแย่ลง เพราะยิ่งเขาโตขึ้น ก็ยิ่งมีสาวๆ มารุมล้อม และฉันคิดว่านี่อาจเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้เพื่อนรุ่นเดียวกันรู้สึกอิจฉา”…
-
นักเรียนมัธยมพากันแปะ “โพสต์อิทให้กำลังใจ” ไปทั่วโรงเรียน หลังเกิดเหตุเด็กฆ่าตัวตาย
การฆ่าตัวตายอาจเกิดขึ้นได้ในทุกสังคม ดังนั้นการป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะเราก็คงไม่อยากให้มีใครต้องจากไปโดยที่ยังไม่ได้เตรียมใจเอาไว้หรอก เหมือนกับโรงเรียนมัธยม Walnut Hills ในสหรัฐอเมริกา ที่มีเด็กในโรงเรียนเพิ่งฆ่าตัวตายไปในวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา ทำให้ทั้งโรงเรียนต่างเศร้าโศกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่ใช่ว่านักเรียนทุกคนจะหดหู่กันไปซะหมด เพราะเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีก นักเรียนจึงมีชมรมชื่อว่า Be Happy ขึ้นมา ไล่แปะกระดาษโพสต์อิทไปทั่วโรงเรียน เพื่อให้กำลังใจทุกคนและเป็นการรำลึกถึงผู้ที่จากไป ล็อกเกอร์ของเด็กที่ตายไป นักเรียนที่เดินผ่านไปมาช่วยกันแปะโพสต์อิทเพื่อรำลึกถึงเขาคนนั้น มีการตกแต่งล็อกเกอร์ไปในบางส่วน ภาพเหล่านี้ถูกถ่ายโดยนักเรียนคนหนึ่ง และนำมาโพสต์ไว้ในโซเชียลมีเดีย เหตุผลที่ภาพเหล่านี้ออกจะเบลอๆ หน่อย เพราะว่าเขาถ่ายเอาไว้ขณะที่กำลังเดินไปเรียน โพสต์อิทยังคงมีแปะอยู่ในทุกที่ . Walnut(ชื่อโรงเรียน) ยังคงต้องการคุณ จงเข้มแข็งเข้าไว้ จากโพสต์ของเขาก็เกิดเป็นกระแสชาวเน็ตมากมาย เข้ามาแสดงความคิดเห็นถึงการกระทำดังกล่าวนี้ “นี่คงเป็นเรื่องที่สายเกินไปหน่อยว่ามั้ย? เพราะหากว่าคนในโรงเรียนสนับสนุนกันอย่างนี้ตั้งแต่แรก เขาคนนั้นอาจยังมีชีวิตอยู่ก็ได้” “การฆ่าตัวตายเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากมาก โดยเฉพาะในวัยรุ่นนี้ ฉันหวังว่าคำพูดเหล่านี้ที่คุณมอบให้กันและกัน จะช่วยให้ใครคนหนึ่งพบกับวันที่ดียิ่งขึ้น แม้ว่าการจากไปของเขาช่วยให้เกิดผลกระทบที่ดีได้ยาก แต่ก็จงคิดในแง่บวกกันเข้าไว้นะ!!” “เรื่องราวนี้เป็นการให้กำลังใจที่ดีมาก ในตอนที่ฉันอายุเท่าคุณ ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าตัวฉันเองหดหู่และปลีกตัวออกมาจากสังคม ไม่มีใครพูดอะไรหรือแม้แต้รับรู้ได้เลย และฉันก็เคยเป็นเด็กที่คิดว่าตัวเองแย่และแตกต่างกับคนอื่นมาก่อน สู้ต่อไปนะ พวกคุณทำในสิ่งที่ยอดเยียมมากๆ แล้ว”…
-
อดีตผู้อำนวยโรงเรียนในอังกฤษ ถูกสั่งจำคุก 16 เดือน หลังสั่งซื้อตุ๊กตายางเด็กมาจากจีน!!
เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2017 เว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า David Turner อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนวัย 72 ปี จากเมือง Ramsgate มณฑลเคนต์ ประเทศสหราชอาณาจักร ถูกตัดสินให้จำคุกเป็นเวลานาน 16 เดือน ภายหลังจากที่เขาได้สั่งซื้อตุ๊กตายางเด็กมาจากประเทศจีน ในเดือนพฤศจิกายนเมื่อปีที่ผ่านมา โดยนำเข้าผ่านทางสนามบิน Stansted แต่ถูกสกัดจับเอาไว้ได้เสียก่อน จากการรายงานระบุเพิ่มเติมว่า เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่จากสำนักงานอาชญากรรมแห่งชาติของอังกฤษ (NCA) ได้เข้าตรวจค้นบ้านของนาย David และได้พบตุ๊กตา Sex Doll จำนวน 2 ตัว ทางด้าน NCA ก็ได้ออกมาเผยว่า นาย David ได้เปิดดูเว็บไซต์ขายสินค้าเกี่ยวกับตุ๊กตายางเด็ก นอกจากนี้ยังพบอีกว่า เขาได้ดาวน์โหลดภาพอนาจารของเด็กมามากกว่า 34,000 ภาพอีกด้วย โดยภาพของเด็กกลุ่ม A จำนวน 138 ภาพนั้น เป็นภาพเกี่ยวกับการทารุณกรรมเด็กที่มีความรุนแรงมาก ส่วนภาพในกลุ่ม B มีจำนวน…
-
เด็กชาย 9 ขวบ เดินข้ามภูเขาสองลูกไปโรงเรียนทุกวัน แม้จะเป็นนักเรียนเพียงคนเดียวก็ตาม…
บางครั้งอุปสรรคของการศึกษาก็อาจจะมาในรูปที่หลายคนคาดไม่ถึง อย่างเช่นในเรื่องของระยะทาง หลายๆ ครั้งที่เรามักจะเห็นข่าวของเหล่าเด็กที่ต้องขาดโอกาสทางการศึกษาไป เพียงเพราะว่าพวกเขาอยู่ห่างไกลจากสถานศึกษา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเด็กๆ อีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่ยอมแพ้กับอุปสรรคเหล่านี้ พวกเขายังคงหาทางมาโรงเรียนให้ได้ถึงแม้ว่าเส้นทางนั้นจะยากลำบากเพียงไหน เหมือนกับเจ้าหนูน้อยจากประเทศจีนคนนี้!! พบกับเรื่องราวของ หลี่เจี้ยนเวิ่น และเรื่องราวการเดินทางฝ่าอุปสรรคเพื่อทำตามความฝัน เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2017 เป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรกของโรงเรียนในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ของโรงเรียนประถมต้าเหยียนต้ง อำเภอหลิวเฉิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ทางตอนใต้ของประเทศจีน โดยหนูน้อยวัย 9 ขวบ ต้องออกเดินจากบ้านของเขาไปตามถนนหนทางเพียงลำพัง เพื่อไปเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ เขาจะต้องใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เพื่อเดินตามเส้นทางผ่านภูเขาถึง 2 ลูก เจ้าหนูบอกว่า “การเดินป่าสำหรับผมนั้นไม่ใช่เรื่องยากและน่ากลัวสักเท่าไหร่ เพราะความใฝ่ฝันของผมก็คือการได้เรียนหนังสือ และวันหนึ่งผมหวังว่าจะได้มีโอกาสไปได้ไกลกว่านี้” เส้นทางระหว่างการไปโรงเรียนของหลี่เจี้ยนเวิ่น หมู่บ้านของเจ้าหนูน้อยนั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง โดยในหมู่บ้านดังกล่าวมีผู้คนอาศัยอยู่เพียงแค่ 360 คนเท่านั้น และหลังจากจบภาคเรียนเมื่อปีก่อน นักเรียนชั้น ป.3 ของที่นี่ก็ทยอยไปเรียนที่อื่นจนหมด เหลือแค่เด็กชายหลี่ที่อยู่ชั้น ป. 1 ซึ่งเป็นนักเรียนเพียงคนเดียวของโรงเรียนแห่งนี้ หลี่เจี้ยนเวิ่นนักเรียนเพียงคนเดียวของโรงเรียนแห่งนี้ . คุณครูปุ้นซิง อาจารย์เพียงคนเดียวของโรงเรียนประถมแห่งนี้…
-
ไปดูระบบการศึกษาของเนเธอร์แลนด์ อีกประเทศที่ประสบความสำเร็จด้านการปฏิรูปการศึกษา
ระบบการศึกษาแต่ละประเทศก็จะมีความแตกต่างกันไปบ้าง เพื่อทำให้ตนเองก้าวสู่ความเป็นหนึ่งในการให้ความรู้กับเยาวชนทั้งหลาย ซึ่ง เนเธอร์แลนด์ ก็ถือได้ว่าอยู่ในระดับต้นๆ ของเรื่องนี้เลยทีเดียว ปัญหาในเรื่องของการเมืองที่ยาวนานไม่ได้สร้างผลกระทบให้กับความตั้งใจที่จะพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศแต่อย่างใด เพราะหลังจากเรื่องนั้นจบลงรัฐบาลก็ได้มุ่งเป้ามาที่การสร้างความเท่าเทียมให้กับทั้งโรงเรียนรัฐและเอกชน เพื่อการศึกษาที่ดีในทุกที่ทั่วประเทศ การศึกษาที่ดีไม่ถือว่าเพียงพอ เพราะจุดประสงค์ของพวกเขาก็คือทำให้มันอยู่ในระดับดีเยี่ยม จึงใส่ใจให้กับทุกสิ่งที่เป็นส่วนประกอบของการเรียนการสอน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน คุณครู หรือทางโรงเรียนเองก็ตาม ความเป็นอิสระถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะเป็นแกนหลักให้เด็กสามารถเรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้อย่างเต็มที่ คุณครูสามารถใช้วิธีการสอนได้ตามที่ตนถนัด และเรื่องของการบริหารก็จะปล่อยให้ทางโรงเรียนเป็นคนจัดการโดยที่รัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงใดๆ ถึงอย่างนั้นการพัฒนาก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอาจารย์ที่จะจะต้องมีประสิทธิภาพในการถ่ายทอดความรู้และทำให้เด็กมีแรงจูงใจกับการเรียนการสอน จึงได้เกิดวิธีการให้ครูผู้สอนสังเกตการณ์การเรียนการสอนของครูผู้สอนคนอื่นๆ และนำมาพัฒนาการเรียนการสอนของตัวเอง หรือแม้แต่การเข้าไปดูการสอนของอีกท่านเพื่อเป็นการชี้แนะและแนะนำให้เป็นไปในทางที่ดีมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นวิธีการที่สามารถสร้างได้ทั้งประสิทธิภาพและความสัมพันธ์ระหว่างกันได้อย่างดีเยี่ยม มองว่าคุณครูทุกคนก็เปรียบเสมือนทีมเดียวกันที่จะช่วยกันผลักดันให้ก้าวต่อไป ผู้อำนวยการวิทยาลัยไทลิงเกนในเนเธอร์แลนด์ ได้พูดว่า “แน่นอนว่าความสำคัญอย่างแรกของการเป็นครูคือความเชี่ยวชาญในเรื่องที่สอน และอย่างที่สองคือการเปิดรับเพื่อพัฒนาตนเองให้สามารถเข้าถึงนักเรียนได้ดีที่สุด เพราะว่าเรื่องที่สอนเป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายทอดทักษะความรู้” นอกจากนั้นกระทรวงศึกษาธิการของประเทศก็ได้จัดตั้งโปรแกรม School ann Zet ขึ้นเพื่อให้คุณครูในแต่ละภาควิชาที่แตกต่างกัน เข้ามาพูดถึงแผนการสองในอนาคตของตัวเองทุกเดือน และปรึกษาร่วมกันเพื่อให้มีผลสัมฤทธิ์ทางสอนและการเรียนรู้อย่างแท้จริง และแม้ว่าวิชาจะแตกต่างกัน แต่วิธีการหรือแนวทางการสอนก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาการสอนของตัวเองได้อีกด้วย เป็นทั้งการรับความรู้และการให้คำแนะนำในเวลาเดียวกัน คลิปวิดีโอที่มาและการจัดการระบบการศึกษาในเนเธอร์แลนด์ จากวิธีการของระบบดังกล่าวทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าพวกเขานั้นสนใจที่จะพัฒนาศักยภาพในตัวบุคคลทั้งหมด เพราะว่าในขณะที่นักเรียนเป็นผู้รับ อาจารย์เองก็เป็นตัวกลางที่จะถ่ายทอดความรู้ให้กับนักเรียนอย่างมีประสิทธิภาพอีกเช่นเดียวกัน และอิสระที่เท่าเทียมกับการช่วยเหลือกัน…
-
หมดกัน… หนุ่มตั้งใจมาสอบใบขับขี่ แต่ต้องสอบตกทันที เพราะดันคาดเข็มขัดนิรภัยไม่เป็น
การฝึกขับรถอาจจะดูเป็นรื่องที่ยากเย็นแสนเข็น แต่สำหรับบางคนแล้วยังมีบางอย่างที่ยากกว่าการบังคับพวงมาลัยหรือการถอยเข้าซองอีกนะ เหมือนกับชายหนุ่มคนนี้ หลังจากที่ร่ำเรียนและผ่านการทดสอบทฤษฎีการขับและกฎจราจรต่างๆ เป็นที่เรียบร้อย จนมาถึงเวลาที่จะต้องลงสนามทดสอบการขับจริง… แต่จู่ๆ ความฝันที่จะได้ใบขับขี่ของหนุ่มจีนผู้นี้ ก็ดูเหมือนจะห่างไกลออกไป เพราะพี่แกดั๊นคาดเข็มขัดนิรภัยไม่เป็นซะนี่!! โถ่!! นี่มันฝันร้ายชัดๆ ต้องคาดยังไงเนี่ย? คลิปวิดีโอจากกล้องในรถเผยให้เห็นภาพของผู้รับการทดสอบใบขับขี่รายหนึ่ง ที่กำลังวุ่นอยู่กับการหาวิธีคาดเข็มขัดนิรภัยของเขา และกว่าจะเขาจะหาจุดลงตัวได้ก็เล่นไปเกือบๆ นาที งานนี้ทำเอาอาจารย์สอนขับรถถึงกับปาดเหงื่อเลยทีเดียว… และหลังจากที่คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์ ก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตอย่างมาก โดยมีผู้เข้าชมและเอาใจช่วยให้หนุ่มคนนี้เอาชนะเข็มขัดนิรภัยกว่า 2 ล้านครั้ง เฮ้อ… ได้ซักที เดี๋ยวๆ มันใช่ไหมเนี่ย?? ทางด้านอาจารย์สอนขับรถได้บอกว่า หนุ่มนิรนามผู้นี้ไม่เคยนั่งหน้าพวงมาลัยมาก่อน และนี่ก็เป็นการขับรถครั้งแรกของเขาก็เลย อาจจะเกิดอาการสับสนว่าเข็มขันนิรภัยนั้นควรจะไปอยู่ตรงไหน ด้วยเหตุผลของความรู้ขั้นพื้นฐานในการขับขี่ การคาดเข็มขัดนิรภัยเป็นสิ่งที่ผู้เข้ารับการทดสอบจะต้องรู้ ทางด้านกรรมการผู้ตัดสินใจจึงคิดว่า จะเป็นการดีกว่าที่ปรับให้เขาสอบตก แล้วค่อยมารับการทดสอบใหม่เมื่อมีความพร้อมมากกว่านี้ เห็นแบบนี้แล้วทางโรงเรียนขับรถ ก็คงจะต้องเพิ่มบทเรียน เกี่ยวกับการคาดเข็มขัดซะแล้วล่ะมั้ง ที่มา ladbible
-
14 เหตุผลดีๆ ที่ทำให้ “ระบบการศึกษาฟินแลนด์” ได้รับยกย่องว่าดีที่สุดในโลก
ถ้าหากให้เดาชื่อของประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องของคุณภาพการศึกษาแล้ว เชื่อว่าชื่อของประเทศฟินแลนด์คงจะผุดขึ้นมาในหัวของหลายๆ คนอย่างแน่นอน เพราะอาจจะเคยได้ยินหรือได้เห็นกันมาบ้างว่าที่นี่นั้นดียังไง… และทางเว็บไซต์ brightside ได้รวบรวม 14 เหตุผลดีๆ ที่จะช่วยยืนยันว่าระบบการศึกษาของฟินแลนด์นั้นยอดเยี่ยมจริงๆ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นไปชมกันเลย… 1. ทุกๆ อย่างที่นี่ฟรี!! อย่างที่หลายๆ คนเคยทราบกัน การศึกษาของประเทศนี้ฟรี!! และไม่เฉพาะค่าเทอมเท่านั้นแต่ยังรวมถึงค่าบริการต่างๆ อย่างเช่นการไปทัศนศึกษาและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในการเรียนอีกด้วย นอกจากนี้นักเรียนที่อยู่ห่างจากโรงเรียนเกิน 2 กิโลเมตรก็ยังมีรถรับส่งฟรีอีกด้วย โดยในแต่ละปีพวกเขาจะจัดสรรงบประมาณ 12.2% จากงบประมาณทั้งหมดของประเทศเพื่อการศึกษา 2. เด็กๆ สามารถมีอิสระได้แบบที่เขาต้องการ เด็กๆ ทุกคนสามารถเลือกกิจกรรมและการเรียนได้ตามที่พวกเขาสนใจและตามความสามารถของตนเอง นอกจากนี้พวกเขายังมีคุณครูที่จะคอยให้ความรู้และความเข้าใจอย่างใกล้ชิด นั่นหมายความว่าบางวิชาที่ไม่น่าสนใจสำหรับพวกเขา เด็กๆ สามารถเลือกทำกิจกรรมอย่างอื่นได้ อย่างเช่นการอ่านหนังสืออื่นๆ ที่ไม่ใช่ตำรารเรียน หรือการเรียนเย็บผ้าได้ 3. ที่นี่จะไม่มีการตัดเกรดจนกว่าเด็กๆ จะขึ้นป. 3 ระบบการคิดคะแนนผลการเรียนของที่นี่จะมีด้วยกัน 10 คะแนน โดยพวกเขาจะไม่มีการให้เกรดเด็กๆ จนกว่าพวกเขาจะขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และสำหรับการให้คะแนนเกรด ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 1 จะมีเพียงคำว่า “พยายามอีกนิด”…
-
นักเรียนป.4 ชาวจีน เขียนเรียงความหัวใจอันแตกสลาย ถูกครูทำร้ายนานนับปี จนเก็บไปฝัน
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2560 เว็บไซต์ต่างประเทศได้เปิดเผยเรื่องราวอันน่าสะเทือนใจของนักเรียนชั้นประถมปีที่ 4 รายหนึ่งในเมืองส่านซี ประเทศจีน ที่ได้ออกมาระบายถึงประสบการณ์ความเจ็บปวดที่ได้รับจากคุณครูในโรงเรียน และภายหลังจากที่เรื่องราวของหนูน้อยรายนี้ ได้ถูกนำไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ของจีน ก็ได้กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง และได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นอย่างมาก จากการรายงานระบุว่า ก่อนหน้านี้คุณแม่ของหนูน้อยรายดังกล่าว ได้พบกับเรียงความฉบับหนึ่งที่ลูกสาวของเธอได้เขียนระบายถึงความเจ็บปวดที่เธอได้รับในห้องเรียน โดยในเรียงความที่เธอเขียน เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวที่สะเทือนหัวใจคนเป็นแม่อย่างมาก เพราะเธอนั้นมักจะถูกคุณครูดุด่า และทำโทษ แม้จะเป็นความผิดพลาดเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับการให้อภัยจากคุณครูเลย… และนี่คือข้อความส่วนหนึ่งที่เธอได้เขียนระบายออกมา… “เป็นเวลา 4 ปีแล้วที่หนูเรียนกับครู หนูจำได้ว่าครั้งแรกที่ถูกครูตี เป็นวันที่ 5 ของวันแรกที่เปิดเรียน คุณครูขว้างหนังสือใส่หน้าหนู และทำหน้าตาดุใส่หนู และตั้งแต่นั้นมาก็ทำให้หนูรู้สึกกลัวครูมาก หนูพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะเป็นเด็กดีในสายตาของครู แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ใจคิด หนูมักจะถูกคุณครูดุด่าอยู่เสมอ ทั้งๆ ที่ไม่รู้เหมือนกันว่าหนูทำผิดอะไร หนูมักจะฝันว่าถูกคุณครูทำร้าย หัวใจของหนูกำลังสั่นสะเทือน น้ำตากำลังไหล และมือสั่น ทำไมโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเอาซะเลย ทำไมหนูถึงต้องแบกรับกับความเจ็บปวดมากมายเหลือเกิน” สำหรับเรียงความระบายความในใจนี้ ถูกค้นพบในวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา…
-
โรงเรียนนำ ‘คติพจน์’ ของนักเรียนเกย์สองคนออกจากหนังสือรุ่น ส่งผลให้เกิดดราม่าตามมา
หนังสือรุ่นที่จะเก็บความทรงจำของเราไว้ เราก็อยากที่จะเขียนอะไรสักอย่างลงไปทิ้งท้ายไว้ให้เพื่อนๆ ในรุ่นได้เก็บไว้เป็นความทรงจำ ดูแล้วอิสระทางความคิดในหนังสือรุ่น ถ้าไม่ละเมิดกฎหมายก็ที่ไม่น่าถูกปิดกั้นกับเรื่องแบบนี้ แต่กลับเกิดขึ้นในประเทศอเมริกาที่เรียกว่าเป็นประเทศเสรี และไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป… เพราะว่านักเรียนสองคนที่มีชื่อว่า Joey Slavinsky และ Thomas Swartz ศึกษาจบจากโรงเรียนมัธยม Kearney รัฐเนแบรสกา ประเทศอเมริกา ได้ทำการเขียนคติพจน์ทิ้งท้ายไว้ให้เพื่อนๆ ของเขาได้อ่านในหนังสือรุ่น คติพจน์ที่ Joey เขียนเอาไว้ก็คือ “แน่นอนว่าฉันแต่งตัวดี ฉันก็ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ในตู้เสื้อผ้าโดยที่ไม่ได้อะไรเลย” และของ Thomas คือ “ถ้า Harry Potter สอนอะไรบางอย่างให้กับเรา คงจะไม่มีใครควรได้ใช้ชีวิตอยู่ในตู้เสื้อผ้า” (ซึ่งข้อความดังกล่าวเหมือนการส่งข้อความของเหล่า LGBT ที่ไม่ควรจะต้องเก็บตัวเอาไว้ แต่ควรจะได้รับการยอมรับและสามารถเปิดตัวให้คนอื่นๆ รู้ได้ โดยที่เราภาคภูมิใจและคนอื่นไม่ควรรังเกียจ) คติพจน์ที่เขาคิดขึ้นมาและอยากให้คนอื่นได้อ่าน แต่เมื่อเขาทั้งสองลองเปิดหาสิ่งที่ตนเองได้เขียนไว้นั้นก็พบว่าในหนังสือตรงช่องของพวกเขานั้นมีเพียงรูปและความว่างเปล่า นั่นหมายความว่าทางโรงเรียนได้นำเอาคติพจน์ของทั้งคู่ออกไป คลิปวิดีโอข่าวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากประโยคที่ดูแปลกๆ นั้น คำว่าตู้เสื้อผ้าที่เขาต้องการสื่อก็คือสิ่งที่พวกเขาต้องปกปิดเอาไว้นั่นหมายถึงการที่พวกเขาเป็นเกย์นั่นเองซึ่งพวกเขาได้เสริมว่า “ฉันสบายใจที่ฉันเป็นอย่างนี้ แต่สิ่งที่รู้สึกคือที่นี่ดึงสิ่งนั้นออกไปจากตัวฉัน” จากสิ่งที่เกิดขึ้นทางผู้อำนวยการโรงเรียนก็ได้ออกมาบอกว่า “นั่นคือความพยายามในการปกป้องนักเรียนของเรา คติพจน์ที่เป็นการโจมตีนักเรียนคนอื่นหรือกลุ่มอื่นจะไม่ถูกเผยแพร่ แต่อย่างไรก็ตามนี่คือการกระทำที่ผิดพลาดของโรงเรียนในการตักเตือน”…
-
เด็ก 7 ขวบ ได้สติ๊กเกอร์ “ฟันหลุด” จากโรงเรียน ทั้งๆ ที่โดนต่อยเข้าหน้าจนหลุดออกมา!?
ความปลอดภัยคือสิ่งที่สำคัญในการใช้ชีวิต หากที่ใดเรารู้สึกว่าไม่ปลอดภัยเราก็คงจะไม่สบายใจที่จะอยู่ในที่นั้น อย่างกรณีนี้เมื่อเด็กรู้สึกว่าตัวเองไม่ปลอดภัยและกลัวที่จะอยู่ต่อ พ่อแม่จึงได้ช่วยโดยการพาเขาออกมา Chris Turner พ่อของ Dylan เด็กชายวัย 7 ปีที่ถูกเด็กในโรงเรียนแกล้งมาเป็นระยะเวลาถึงสองปี ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2017 เขาถูกต่อยเข้าใบหน้าถึงสามครั้งจนทำให้ฟันหลุดออกมา แต่ทางโรงเรียนกลับให้สติ๊กเกอร์ที่มีความหมายว่า “ฟันหลุดในวันนี้” แทน!? หลังจากเหตุการณนี้จึงทำให้ผู้อำนวยการโรงเรียนประถม Helmshore ประเทศอังกฤษ เร่งทำการตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง จากทั้งหมดนั้นจึงทำให้ Chris ได้นำลูกชายทั้งสองคนของเขาออกจากโรงเรียนเพราะว่าเกิดความกลัวที่จะโดนรังแก และรู้สึกไม่ปลอดภัยหากยังเรียนที่นี่ต่อ เขาได้เล่าว่า “ผมและแม่ของเด็กถูกเรียกไปที่โรงเรียน เมื่อถึงที่นั่น ก็ต้องพบกับลูกของเรา กำลังเดินกลับไปที่ห้องเรียนกับเด็กที่เป็นคนที่ทำร้ายลูกผม ในสภาพที่ตัวสั่นเสียขวัญพร้อมกับสติ๊กเกอร์ฟันหลุดที่ว่า” สำหรับฟันที่หลุดออกมานั้น ได้รับการยืนยันโดยทันตแพทย์ว่าหลุดออกมาโดยแรงกระแทก ไม่ใช่เป็นการหลุดออกมาตามธรรมชาติ เมื่อเขาถามทางโรงเรียนว่าจะทำอย่างไรเพื่อรับประกันได้ว่าเด็กจะไม่ถูกรังแกอีก คำแนะนำที่ได้รับก็คือการให้เด็กผู้เคราะห์ร้ายออกจากที่นี่ไป เนื่องจากตอนนี้ไม่มีเวลามากพอที่จะย้ายเด็กไปโรงเรียนใหม่ทันก่อนเปิดเทอม สิ่งที่พวกเขาทำำได้ตอนนี้คือการร้องเรียนไปยังกรรมการโรงเรียนที่จัดการกับเรื่องนี้ได้ ครูใหญ่ Christine Myers ได้ออกมาพูดว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นได้เข้าที่ประชุมเพื่อทำการค้นหาสาเหตุและตรวจสอบต่อไป กระบวนการต่างๆ กำลังดำเนินตามขั้นตอน” …
-
3 โรงเรียนในอเมริกา รื้อฟื้นการลงโทษแบบ “ตีเด็ก” กลับมาใช้ หวังลดพฤติกรรมก้าวร้าว
หลายๆ คนอาจเคยผ่านมาในยุคของการทำโทษที่โรงเรียน อย่างการยืนคาบไม้บรรทัดหน้าห้อง หรือการถูกหักคะแนน และสิ่งที่ถูกยกเลิกไปแล้วในหลายๆ ที่อย่างการตีเด็ก ซึ่งเราต่างก็จดจำความเจ็บในเวลานั้นได้กันบ้าง ถึงแม้จะได้มีการยกเลิกไปแล้วแต่ก็ได้มีโรงเรียน 3 แห่งในรัฐ Texas ประเทศอเมริกา ได้นำการลงโทษทางร่างกายหรือการตีเด็กนั้นกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งนั่นก็คือโรงเรียนในเครือของ Three Rivers Schools District ที่เปิดสอนตั้งแต่เด็กอายุ 4 ถึง 18 ปี นโยบายนี้จะลงโทษโดยการตีด้วยไม้พายขนาดเล็กกับเด็กที่ไม่เชื่อฟัง และจะตีเพียงครั้งเดียวต่อหนึ่งพฤติกรรมที่ผิด เมื่อผู้ปกครองนำลูกมาเข้าเรียนก็จะสามารถเลือกได้ว่าให้ลูกได้รับการลงโทษแบบนี้หรือไม่ การลงโทษนั้นเพื่อที่จะให้เด็กได้อยู่ในกรอบของการเชื่อฟัง ซึ่งโรงเรียนบอกได้เลยว่าการที่ลงโทษด้วยไม้พายเพียงแค่นั้นถือว่าน้อยไปสำหรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมทั้งในโรงเรียนและการใช้ชีวิตในภายภาคหน้า Andrew Amaro ผู้ประสานงานด้านพฤติกรรมของโรงเรียน คิดว่าจากประสบการณ์นั้นมันจะเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ เขาได้พูดว่า “ผมสามารถรับรู้ได้ในทันที ถ้าหากผมมีปัญหากับครู มีพฤติกรรมหยาบคาย หรือฝ่าฝืนกฎ ผมก็จะถูกผู้อำนวยการตี” Mary Springs ผู้ดูแลอิสระของนักเรียนของโรงเรียนทั้ง 3 แห่งนี้ก็ได้กล่าวเสริมว่า “เราลองดูที่จำนวนข้อเรียกร้องในเรื่องระเบียบวินัยที่เกิดขึ้นเทียบกับปีก่อน และจำนวนที่ต้องลงโทษด้วยการตี ซึ่งหากมันทำให้ข้อเรียกร้องในเรื่องนั้นมันลดลงได้ นั้นก็ถือเป็นสิ่งที่ดี” การลงโทษทางร่างกายได้ถูกนิยามเอาไว้โดย สมาคมนักจิตวิทยาโรงเรียนแห่งชาติ ว่า “คือการเจตนาลงโทษให้เกิดความเจ็บปวดหรือความไม่สะดวกสบายทางกายให้กับนักเรียน ตั้งใจให้เด็กได้รับประสบการณ์ความเจ็บผ่านทางร่างกาย…
-
หนุ่มรักบี้อาสาเป็นคู่ให้สาวป่วยมะเร็ง ออกงานเต้นรำที่โรงเรียน เพื่อเติมเต็มความฝันให้เธอ
งานเลี้ยงเต้นรำของโรงเรียน ถือเป็นในกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเด็กสาวหลายๆ คน รวมไปถึง Hannah Rye หญิงสาววัย 15 ปีที่ใฝ่ฝันเอาไว้ว่าอยากจะไปร่วมงานเลี้ยงเต้นรำสักครั้งในชีวิต หลังจากที่เธอป่วยเป็นมะเร็งระยะที่สาม สำหรับ Hannah เธอได้เข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นมะเร็งกระดูกอีวิงซาร์โคม่า (Ewing Sarcoma) ชนิดหายาก ที่เกิดขึ้นในกระดูกหรือเนื้อเยื่ออ่อนนุ่ม เมื่อตอนปี 2015 ซึ่งในขณะนั้นเธออายุเพียง 13 ปี Hannah ได้เข้ารับการรักษาเป็นระยะเวลาเพียง 6 เดือน แต่ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2017 เธอก็ได้รับข่าวที่น่าเศร้าว่า มะเร็งได้กลับมาอีกครั้ง ในเวลานี้ โรคมะเร็งที่เธอเป็นไม่สามารถที่จะรักษาได้อีกต่อไป ซึ่งทางแพทย์ก็ได้เผยว่า Hannah เหลือเวลาอยู่บนโลกนี้น้อยเต็มที ซึ่งหลังจากที่ทางผู้บริหารโรงเรียนได้รับรู้เรื่องราวของเธอ พวกเขาก็ได้ตัดสินใจเลื่อนการจัดงานเลี้ยงเต้นรำของโรงเรียนให้เร็วขึ้น เพื่อให้ Hannah ได้มีความสุขเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต อย่างไรก็ตาม Hannah ได้เป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกในองค์กรการกุศลที่ชื่อว่า Kick for Kids ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ Trent…
-
โรงเรียนอนุบาลเยอรมัน ออกแบบอาคารให้เป็น ‘แมว’ น่ารักซะจนอยากจะส่งลูกๆ ไปเรียนเลย
การไปโรงเรียนอนุบาลอาจจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับเด็กๆ วัยเริ่มเรียน และคนที่เคยผ่านประสบการณ์เหล่านั้นมาคงจะเข้าใจกันเป็นอย่างดี แต่โรงเรียนอนุบาลแห่งนี้อาจทำให้ลูกน้อยของพวกคุณอยากไปโรงเรียนทุกวันก็ได้นะ… โรงเรียนอนุบาล Die Katze ในหมู่บ้าน Wolfartsweier ประเทศเยอรมนีแห่งนี้ มีการออกแบบรูปทรงอาคารที่สวยงามและสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับเหล่าเด็กๆ โดยเฉพาะในส่วนของตัวอาคารเรียนที่เป็นรูปแมวเหมียวสุดน่ารัก ผลงานการออกแบบอาคารดังกล่าวเป็นฝีมือของคุณ Tomi Ungerer และคุณ Ayla-Suzan Yndel โรงเรียนอนุบาลแห่งนี้จะช่วยมอบความสุขให้กับพวกเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี พวกเขาจะรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เข้าไปในท้องของเจ้าเหมียวยักษ์เพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งภายในนั้นจะมีพื้นที่เพียงพอสำหรับเด็กๆ ประมาณ 100 คน อาคารรูปแมวที่ช่วยดึงดูดความสนใจของเด็กๆ ในเชิงสถาปัตยกรรม การออกแบบดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความสนุกและความสนใจในการเรียนรู้ของพวกเด็กๆ ได้ ตัวอาคารจะที่มีลักษณะเป็นรูปแมวเหมียวตัวรน้อยกำลังหมอบอยู่ช่วยทำให้มันดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น หน้าต่างบานกลมๆ ด้านหน้าสองบานนอกจากจะใช้ประโยชน์ในการรับแสงและถ่ายเทอากาศแล้ว มันยังช่วยให้ตัวอาคารดูคล้ายกับแมวจริงๆ และภายในยังมีห้องต่างๆ เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และทำกิจกรรมอย่างเช่น ห้องเรียน ห้องทำกิจกรรม ห้องครัว และห้องโถง ในส่วนของภายใน ก็ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม เพื่อสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ ทางออกด้านหลังที่เป็นกระดานลื่นคล้ายกับหางของเจ้าเหมียว โรงเรียนของเราน่าอยู่จริงๆ เลยนะเนี่ย เห็นแล้วอยากกลับไปเป็นเด็กจริงจริ๊ง ที่มา mymodernmet
-
โรงเรียนในอังกฤษออกกฎยิบย่อย แค่ดูนาฬิกาในห้องเรียน มีโทษหนักถึงขึ้นพักการเรียน!!
ใครที่เคยผ่านวัยเรียนมาคงจะคุ้นเคยกับกฎต่างๆ ของโรงเรียนเป็นอย่างดี ซึ่งแม้จะมีกฎมากมายแต่นั่นก็เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยนั่นเอง แต่สำหรับโรงเรียน Merchants’ Academy ในเมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษ กลับออกกฎใหม่ที่เข้มงวด เรียกว่า Behaviour for Learning ที่มีความยิบย่อยและมีบทลงโทษเกินกว่าเหตุ จนทำให้ผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย กฎดังกล่าวมีข้อห้ามอย่างเช่น ห้ามเคาะโต๊ะ ห้ามใส่รองเท้าที่ขัดเงาเกินไป ห้ามใส่ที่คาดผมสีฉูดฉาด และห้ามดูนาฬิกาเวลาเรียน ไม่งั้นจะถูกทำโทษอย่างหนัก Petula Peacock หนึ่งในผู้ปกครองที่รับไม่ได้กับกฎเหล่านี้ ได้ออกมาแสงความคิดเห็นว่าเธอกังวลเรื่องการเรียนของลูกชาย หลังโดนพักการเรียนเพียงเพราะชวนเพื่อนเล่นในห้อง ตามกฎใหม่ระบุว่า ใครที่เล่นในห้องเรียนจะถูกจับแยกตัวจากเพื่อนๆ ในห้อง นั่นหมายความว่าต้องขาดเรียนถึง 5 บท ไม่ให้มีเวลาพักเที่ยง ไม่ได้เลิกเรียนก่อน 15 นาที ที่สำคัญอาจจะถูกสั่งพักการเรียนตั้งแต่ทำผิดครั้งแรก Peacock บอกว่า “มันยุติธรรมแล้วหรอ? เด็กต้องขาดเรียนบทเรียนที่สำคัญไป ฉันได้รับข้อความจากทางโรงเรียนแค่ครั้งเดียว และไม่มีคำอธิบายอื่นๆ เลย” เธอบอกอีกว่า “ฉันพยายามเลี้ยงลูกอย่างดีและเขาก็เป็นคนดี แต่การลงโทษแบบนี้เท่ากับว่าทางโรงเรียนตำหนิว่าฉันเลี้ยงลูกไม่ดีจนทำให้เกิดปัญหา” ไม่ใช่แค่ลูกชายของ Peacock เท่านั้น แต่มีข่าวว่านักเรียนกว่า 100 คน ก็ถูกพักการเรียนในสัปดาห์เดียวกันนี้เหมือนกัน ทาง Nick Short ครูใหญ่ของโรงเรียนได้ปฏิเสธทุกคำเรียกร้องของผู้ปกครอง โดยอ้างว่าจำเป็นต้องลงโทษไปตามกฎที่ทางโรงเรียนเพิ่งจะเปลี่ยนใหม่นี้…
-
ตามติดชีวิตใน ‘Le Rosey’ โรงเรียนหรูเก่าแก่ที่ได้สมญานามว่า ‘School of Kings’
เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากๆ เมื่อเราได้เห็นสถานที่สวยงามและหรูหราต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชายหาดที่สวยหรือโรงแรมสุดหรูระดับ 5 ดาว และวันนี้เราก็ได้นำอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความหรูหรา และน่าสนใจมาฝากกัน นั่นก็คือ โรงเรียน Le Rosey ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ หนึ่งในโรงเรียนที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลก Le Rosey โรงเรียนที่ได้ชื่อว่า “School of Kings” ที่นี่เริ่มต้นการเรียนการสอนมาตั้งแต่ปี 1880 นอกจากนี้ในบริเวณของโรงเรียนยังเต็มไปด้วยปราสาทอีกมากมายของผู้ก่อตั้งโรงเรียน ที่นี่เปิดสอนทั้งในฤดูร้อน และฤดูหนาว . ในฤดูหนาว เหล่านักเรียนจะได้ฝึกเล่นกีฬาต่างๆ อย่างเช่นสกี หรือไอซ์ฮอกกี้ ส่วนหน้าร้อนก็จะมีกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ มากมายให้เหล่านักเรียนได้เพลิดเพลินอย่างเช่นการว่ายน้ำ และพายเรือ ในวันปกติ โรงเรียนจะเข้าตอน 7 โมงเช้า พวกเด็กๆ จะเริ่มทำความสะอาดห้องและทานอาหารเช้า จากนั้นจึงเริ่มเรียนตั้งแต่ 8 โมงถึง 3 โมงครึ่ง ส่วนในช่วงพักกลางวันนั้นจะมีช็อกโกแลตร้อนๆ ไว้รอพวกเขา และจากนั้นตอน 4 โมงเย็นถึง 1 ทุ่ม จะเป็นช่วงเวลาทำกิจกรรม เด็กๆ สามารถเลือกเล่นกีฬาหรืออะไรก็ได้ที่พวกเขาสนใจ…
-
โรงเรียนอนุบาลในรัสเซีย สร้างเหมือนปราสาทในเทพนิยาย ให้เด็กๆ เพลิดเพลินไม่มีสิ้นสุด
ก็รู้กันอยู่แล้วว่าเด็กๆ ส่วนใหญ่ไม่ชอบไปโรงเรียน ดังนั้นผู้ปกครองจึงต้องรวมมือกันทำทุกอย่างเพื่อให้หนูๆ รักการไปโรงเรียนให้ได้!! และคงไม่มีเด็กคนไหนโชคดีไปกว่านักเรียนอนุบาล 150 คน ในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ที่ได้ไปเรียนในโรงเรียนที่เหมือนปราสาทในเทพนิยายแห่งนี้แล้วล่ะ ในทุกๆ วัน แทนที่เด็กอนุบาลเหล่านี้จะได้ไปโรงเรียนอนุบาลทั่วไป แต่พวกเขาจะได้เข้าไปโลดแล่นใน Castle of Childhood ซึ่งเป็นปราสาทในชีวิตจริง ที่ให้เด็กๆ ได้เพลิดเพลินกับของเล่นในจิตนาการหรือเล่นเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายได้ตามต้องการ Castle of Childhood ขึ้นชื่อว่าเป็นโรงเรียนอนุบาลที่สวยที่สุดในโลก เพราะในโรงเรียนเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจมากมาย มีปราสาทที่เต็มไปด้วยสีสันสวยงาม มีพื้นที่ให้เล่นอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ยังมีชิงช้า สไลด์เดอร์ มีบ้านของเล่นหลายหลัง มีสนามฟุตบอล ลานวิ่งเล่นและสวนดอกไม้ เรียกได้ว่ามีทุกอย่างที่เด็กๆ ชอบ เพื่อให้เด็กๆ เพลิดเพลินไปกับความสนุกตลอดเวลา โรงเรียนอนุบาลในฝันแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณ Lenin State Farm และได้เปิดทำการไปแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2013 Pavel Grudinin ผู้อำนวยการได้ไอเดียนี้มาหลังจากที่ได้ไปเยี่ยมชมปราสาท Neuschwanstein ของประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดปราสาทเจ้าหญิงนิทราของดิสนีย์แลนด์ด้วย Grudinin…
-
เด็กหนุ่ม 10 ขวบ ถูกเพื่อนๆ รังแก กลุ่มบิ๊กไบค์ 200 กว่าคัน ขับไปส่งถึงหน้าโรงเรียนเลย!!
เป็นปัญหาของทุกโรงเรียนทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ที่มักจะมีเด็กๆ จับกลุ่มกันรังแกเพื่อนคนอื่น ถึงแม้ว่าดูเผินๆ อาจจะเหมือนเป็นเรื่องเล็ก แต่อันที่จริงแล้วถือว่าเป็นปัญหาที่ใหญ่มากเลยล่ะ เช่นเดียวกับ Xander เด็กหนุ่มวัย 10 ขวบลูกชายของ Katie Laybolt ซึ่งคุณแม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าเด็กๆ ทุกคนในโรงเรียนประถม Harbourside ในแคนาดา มักจะรวมตัวกันกลั่นแกล้งลูกชายของเธอเป็นประจำ “มันเป็นอะไรที่บ้ามาก เกือบทุกวันลูกชายของฉันจะกลับบ้านมาพร้อมกับสภาพถูกรังแก แถมยังมีเด็กคนอื่นใช้คำพูดไล่ให้เค้าไปตายด้วย” ด้วยความไม่สบายใจคุณแม่ก็ได้พยายามประสานงานกับทางโรงเรียน และผู้ปกครองของเด็กคนอื่นๆ ทว่ากลับไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย เธอจึงลองติดต่อกลุ่มเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Defenders of Children ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่จัดตั้งขึ้นจากกลุ่มไบค์เกอร์เพื่อลดปัญหาการกลั่นแกล้งที่เกิดขึ้นในโรงเรียน ชาวไบค์เกอร์ก็ได้ให้ความร่วมมืออย่างดี พวกเขารีบติดต่อสมาชิกเครือข่ายในท้องถิ่นให้รวมตัวปฏิบัติภารกิจเพื่อช่วยเหลือหนุ่มน้อย Xander ทันที เช้าวันต่อมาพวกเขาก็ได้ยินเสียงรถบิ๊กไบค์กว่า 200 คัน มาจอดรออยู่หน้าบ้าน พวกเขาไม่ใช่แก๊งค์อันธพาลหรือนักเลงหัวโต แต่พวกเขาคือขบวนคาราวานที่จะพาหนุ่มน้อย Xander ไปประกาศศักดาถึงหน้าโรงเรียน Xander Rose ดูเท่สุดๆ เมื่อเขามาโรงเรียนโดยมีไบค์เกอร์กว่า 200 ชีวิตตามมาส่ง Mike Basso หนึ่งในสมาชิกกลุ่มให้สัมภาษณ์ว่า…
-
ผอ.สนับสนุน กลุ่มนักเรียนสาวรวมตัวประท้วงอย่างสันติ หลังถูกตำหนิเพราะใส่ขาสั้น!?
เรียกได้ว่ากำลังเป็นประเด็นบนโลกโซเชียลที่ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกตะวันตก เรื่องราวของนักเรียนสาว Sophie Harris วัย 14 ปี หลังจากถูกติติงเรื่องใส่ขาสั้นมาโรงเรียน โดยเมื่อวันอังคารที่ 30 พฤษภาคม 2017 เธอได้ใส่กางเกงขาสั้นและเสื้อกล้ามไปโรงเรียน Trafalgar Middle School ทว่าเธอกลับถูกคุณครูชายในโรงเรียนว่ากล่าวตักเตือน โดยให้เหตุผลว่า “การใส่เสื้อกล้าม และกางเกงขาสั้น อาจก่อให้เกิดการยั่วยุทางสายตากับนักเรียนชายได้” ประเด็นดังกล่าวสร้างความรู้สึกไม่สบายใจให้แก่กลุ่มนักเรียนหญิงในโรงเรียนแห่งนี้เป็นจำนวนมาก และนำมาสู่ประเด็นคำถามที่ว่า “ถ้าการแต่งตัวของผู้หญิงมันทำให้นักเรียนชายเกิดอารมณ์ได้ มันก็ต้องเป็นปัญหาของตัวผู้ชายเองสิ” แน่นอนว่านักเรียนหญิงทุกคนในโรงเรียนแทบจะไม่เห็นด้วยกับเหตุผลที่ไม่ให้พวกเธอใส่ขาสั้นมาโรงเรียน จนนำมาซึ่งการประท้วงอย่างสันติวิธี ด้วยการรวมตัวกันใส่กางเกงขาสั้น และเสื้อยืด หรือเสื้อกล้าม ตามแต่วิถีแฟชั่นของสาวๆ แต่ละคน “พวกเขาอ้างว่าการแต่งตัวแบบที่หนูแต่ง มันผิดกฎของโรงเรียน พวกเราเลยตั้งใจที่จะรวมกลุ่มกันประท้วงแต่ไม่ใช่เพราะอยากจะเอาชนะหรอกนะ แต่เราอยากจะเรียกร้องความเสมอภาค และความเท่าเทียมกัน” Sophie ให้สัมภาษณ์ ชุดที่เธอใส่ไปโรงเรียนในวันนั้น… Sabine Edney หนึ่งในนักเรียนสาวผู้เข้าร่วมการประท้วงได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ CBC ว่า “เรายอมรับว่าทุกสังคมต้องมีกฎ เพื่อการบริหาร และการจัดการ แต่ว่ากฎนั้นมันควรจะเป็นกฎที่ตั้งอยู่บนความเสมอภาคอย่างเท่าเทียม” ไม่ใช่แค่กลุ่มนักเรียนสาวในโรงเรียนเท่านั้น ที่เห็นด้วยกับการออกมาประท้วงอย่างสันติวิธี…
-
ชาวเน็ตรุมสาปส่ง เมื่อเห็นคลิปวิดีโอที่คุณครูใช้วิธีสุดโหด จัดการกับเด็กน้อยที่กำลังร้องไห้
การลงโทษที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ นอกจากจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แล้วยังเป็นผลเสียกับตัวเด็กอีกด้วย บางครั้งการทุบตีพวกเขาอย่างรุนแรงแทนที่จะทำให้พฤติกรรมดีขึ้น อาจจะกลายเป็นการสร้างบาดแผลในใจให้พวกเขาแทน และเมื่อไม่นานมานี้ในประเทศจีนได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ การลงโทษนักเรียนอย่างโหดร้ายทารุณอย่างมาก เมื่อคุณครูได้ทำการลากเด็กไปกับพื้น หลังจากที่เธอไม่ยอมเข้าห้องเรียน คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา จากการรายงานของเว็บไซต์ Peoples Daily ภายในคลิปเผยให้เห็นเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในโรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศ Huachen ที่มลฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน โดยหลังจากที่เด็กน้อยร้องไห้งอแงไม่ยอมเข้าห้องเรียน คุณครูประจำชั้นของเธอจึงได้ใช้วิธีการที่รุนแรงในการพาตัวสาวน้อยกลับเข้าห้องเรียน โดยเขาจับที่ผมของเด็กน้อยและลากเธอไปกับพื้น สร้างความสลดใจให้กับผู้ที่เห็นเหตุการณ์อย่างมาก และนี่คือคลิปวิดีโอดังกล่าว เด็กน้อยร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด เธอเอาแต่ร้องว่า “หนูอยากกลับบ้าน” ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ตะโกนถามครูสาวว่า “คุณทำอย่างนั้นกับเธอไม่ได้นะ” และได้คำตอบกลับจากคุณครูว่า “มันไม่ใช่เรื่องของคุณ เธอเป็นลูกสาวฉันทำไมจะทำไม่ได้” ซึ่งเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนได้ออกมาอธิบายถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า สาวน้อยได้ออกไปทานข้าวเที่ยงกับแม่ของเธอด้านนอก แต่เมื่อถึงเวลาเรียนเธอกลับไม่อยากเข้าห้องเรียนและร้องไห้อยู่นาน จนทำให้คุณแม่ต้องจัดการกับลูกสาวตามที่เราได้เห็นในคลิปวีดีโอ หลังจากนั้นชาวเน็ตก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อการกระทำของคุณแม่ท่านนี้อย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยและบอกว่าการกระทำของเธอนั้นไม่เหมาะสม หลังจากนั้นสาวน้อยถูกส่งตัวไปตรวจร่างกายยังโรงพยาบาลและไม่พบอาการบาดเจ็บใดๆ และทางโรงเรียนก็ได้ออกมาขอโทษต่อการกระทำที่ไม่เหมาะสมนี้ อา.. โชคดีจริงๆ นะเนี่ยที่เด็กน้อยไม่เป็นอะไร แต่ #เหมียวเวจจี้ คิดว่าคุณครูน่าจะมีการแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้นะ ที่มา dailymail
-
คุณแม่ส่งอีเมลถามคุณครู ถึงสาเหตุของการบ้านที่เยอะเกินไป จนทำให้ลูกเธอเครียด…
เชื่อแน่ว่าเด็กๆ หลายคนเมื่อได้ยินคำว่าการบ้าน หรือรายงาน ในช่วงประมาณ 10 นาทีสุดท้ายก่อนหมดชั่วโมง ความฝันถึงเรื่องสนุกหลังเลิกเรียนคงจะพังทลายลงมาอย่างแน่นอน แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ การมีการบ้านเนี่ยก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่เหมือนกัน แต่สิ่งที่มันทำให้พวกเราๆ ที่เคยเป็นเด็กกันมาก่อนต้องร้องโอดโอย ก็คือการบ้านที่เยอะต่างหากล่ะ เมื่อไม่นานมานี้มีเรื่องฮือฮาอย่างมากบนโลกออนไลน์ เมื่อคุณแม่ท่านหนึ่งได้ทำการส่งอีเมลหาคุณครูของลูกสาวเธอ เพื่อสอบถามถึงเหตุผลที่ลูกของเธอได้รับการบ้านที่มากเกินไป จนต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงในทุกคืนเพื่อสะสางงานที่ได้รับมอบหมายจากคุณครู… Bunmi Laditan คุณแม่ของสาวน้อย Maya วัย 10 ขวบ จากเมือง Quebec ประเทศแคนาดา เธอได้ทำการส่งอีเมลถึงอาจารย์ของลูกสาวเธอถึงสาเหตุที่ลูกสาวต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการทำการบ้านทุกคืน โดยบางส่วนของข้อความในอีเมลบอกว่า “ลูกของฉันดูแย่ลงมากจากจำนวนของการบ้านที่เธอได้รับในปีนี้ เธอดูเครียดมากและเริ่มมีอาการป่วยที่เห็นได้ชัด เช่น อาการเจ็บหน้าอก เธอตื่นนอนตอนตี 4 และกังวลกับงานที่เธอได้รับ” นอกจากนี้คุณแม่ยังได้บอกกับคุณครูของลูกเธออีกว่า เธอได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญแล้ว และพวกเขาเห็นว่าควรที่จะมีการลดจำนวนการบ้านของเด็กลง เพื่อให้เด็กได้ใช้เวลาหลังเลิกเรียนกับครอบครัวบ้าง นี่คือข้อความในอีเมลที่คุณ Bunmi ส่งไปยังคุณครูของลูกสาวเธอ โดยหลังจากนั้น Bunmi ได้แชร์ภาพของอีเมลฉบับนี้พร้อมทั้งข้อความของเธอผ่านทางเฟซบุ๊กว่า“มีใครช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมว่าลูกสาวของฉันอยู่ใช้เวลากว่า 8 ชั่วโมงที่โรงเรียนแล้ว แต่ทำไมเธอยังต้องใช้เวลาอีก 2-3 ชั่วโมงต่อคืนที่บ้านเพื่อทำการบ้านอีก เวลาของครอบครัวนั้นไม่สำคัญหรือ?? เวลาที่จะให้เด็กได้พักผ่อนนั้นไม่สำคัญด้วยใช่ไหม?? หรือเธอควรจะเป็นคนบ้างานตั้งแต่อายุ 10 ขวบงั้นหรือ??” นอกจากนี้ข้อความในเฟซบุ๊กของคุณแม่ยังบอกอีกว่าเด็กก็เหมือนผู้ใหญ่นั่นแหละ พวกเขาก็ต้องการเวลาพักหรืออยู่กับครอบครัวเหมือนกัน …
-
เปิดตัวโรงเรียน Witcher School สานฝันเป็นนักปราบมาร จอมขมังเวทย์ในชีวิตจริง!!
สำหรับใครที่ได้ลองเล่นเกม RPG สุดเทพอย่าง The Witcher แล้วติดใจจนเฝ้าฝันอยากจะเป็นนักล่าอสูรเหมือนกับตัวเอกอย่าง Geralt of Rivia ก็ได้แต่คิดว่ามันคงเป็นจริงไม่ได้ แต่ทว่าตอนนี้คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้ว เพราะ Witcher School ได้เปิดตัวในโลกแห่งความจริงแล้ว!! โรงเรียนนักปราบมารแห่งนี้เปิดตัวขึ้นที่ประเทศโปแลนด์ โดยบริษัทเอเจนซี่ที่ชื่อ 5 Żywiołów Agencja ซึ่งตัวโรงเรียนจะใช้ปราสาท Grodziec และ Moszna เป็นที่ตั้งของโรงเรียน สำหรับโรงเรียนแห่งนี้จะมีหลักสูตรที่ผู้เข้าเรียนจะต้องศึกษาเป็นระยะเวลา 3 วันด้วยกัน และนักเรียนก็จะต้องสวมบทบาทเป็นตัวละครของตัวเองในโลกของ The Witcher จริงๆ ระหว่างที่เข้าเรียน ส่วนหลักสูตรวิชาที่ต้องเรียนก็จะประกอบด้วยวิชาสำคัญต่างๆ ที่จำเป็นในการล่าปีศาจเหมือนกับในเกมเป๊ะๆ ซึ่งจะประกอบด้วย 1. คาถาเวทย์มตร์และน้ำยาวิเศษ 2. ทักษะการเอาตัวรอด 3. ทักษะการฟันดาบ 4. ทักษะการยิงธนู 5. เกมและวัฒนธรรมของโลก The Witcher 6. สิ่งลี้ลับและวิธีการต่อสู้กับพวกอสูรต่างๆ 7. สมุนไพรและการฝึกสมาธิ . .…
-
คุณแม่ไอเดียเจ๋ง ใส่จิตนาการลงไปในมื้อกลางวัน จนเกิดเป็น “ข้าวกล่องลูกชายสุดน่ารัก”
จะดีแค่ไหนถ้ามีข้าวกล่องอร่อยๆ ฝีมือคุณแม่ที่ใส่จินตนาการลงไปในเมนู ทำให้อาหารแบบเดิมๆ ดูน่าทานขึ้นมาได้ มีทั้ง ข้าวปั้น ไก่ทอด แซนวิช ซูชิ เกี๊ยวซ่า และอีกมากมายที่คุณแม่ตั้งใจจัดเตรียมใส่กล่องในลูกๆ ไปทานที่โรงเรียน? ในบทความนี้#เหมียวหน่าอยากนำเสนอไอเดีย “ข้าวกล่องสุดน่ารักของลูกชาย” ที่เกิดจากความรักความใส่ใจและไอเดียสุดบรรเจิดจากสมาชิกเว็บไซต์พันทิปที่ใช้นามแฝงว่าคุณ Hello Minnie มั่นใจเลยว่ามันจะทำให้ลูกของคุณไม่เบื่ออาหารกลางวันอย่างแน่นอน คุณ Hello Minnie ได้เล่าว่าเธอและลูกชายอาศัยอยู่ที่ออสเตรเลีย โดยทางโรงเรียนของลูกชายมีกฎว่าให้เตรียมข้าวมาเองจากที่บ้าน เพื่อเน้นให้เด็กช่วยเหลือตัวเองแถมยังเป็นการส่งเสริมความอบอุ่นภายในครอบครัวอีกด้วย เมนูแรกคือข้าวไก่น้ำผึ้ง มีแครอท แตงกวา ผลไม้แช่แข็ง และผักต่างๆ ข้าวคลุกไข่แดง เห็ดผัดซีอิ๊ว ไส้กรอก ผักโขม บล็อคโคลี่ มะเขือเทศลูกเล็ก กีวี่ น่าอร่อยสุดๆ ข้าวคลุกซีอิ๊ว เกี๊ยวซ่า ชีส ผักโขม บล๊อคโคลี่ กีวี่ ส้ม สารอาหารครบถ้วนจริงๆ ซูชิอโวคาโด ซูชิเต้าหู้ สลัดปูอัดแตงกวา มะเขือเทศลูกเล็ก ผักโขม และแอปเปิล บะหมี่หมูแดง ข้าว เกี๊ยวทอด ชีส และลูกพีช…
-
เมื่อลูกชายไปโรงเรียนสาย คุณพ่อก็ไม่อยากให้สายมากกว่านี้ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เลยลูก!!
ปกติแล้วถ้าเรารู้ตัวว่าไปโรงเรียนสาย เราก็คงจะหาเหตุผลอ้างกับครูไปว่าแอบเล่นเกมจนนอนดึกบ้าง ต้องช่วยแม่ทำงานบ้านตอนเช้าเลยมาสายบ้าง อะไรก็ว่ากันไป แต่สำหรับเด็กหนุ่มจากยูเครนคนนี้ ทันทีที่คุณพ่อรู้ตัวว่าเขาต้องไปโรงเรียนสาย คุณพ่อเขาก็จัดการแก้ปัญหาด้วยการขับเฮลิคอปเตอร์คู่ใจ ไปส่งลูกถึงหน้าโรงเรียนมันซะเลย วีไอพีสุดๆ โดยสำนักข่าว Metro ได้รายงานว่าเรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นที่เขต Lypky ของเมืองเคียฟ ประเทศยูเครน เป็นภาพของคุณพ่อที่กำลังลงจอดฮ. รุ่น The Robinson R22 Beta บริเวณหน้าโรงเรียน ไม่น่าแปลกใจที่ครอบครัวนี้จะสามารถขับฮ. มาส่งลูกถึงโรงเรียนได้ เพราะนักข่าวได้ไปสืบประวัติและพบว่าเด็กคนดังกล่าวเป็นลูกชายของอดีตรัฐมนตรีกระทรวงกีฬา แห่งประเทศยูเครน Andrey Palchevskii หลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวแพร่สะพัดอยู่บนโลกออนไลน์ หลายกระแสก็บอกว่าคุณพ่อสปอยล์เด็กมากจนเกินไป บางคนก็กล่าวหาว่าภาพดังกล่าวเป็นการจัดฉากขึ้น ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งก็บอกว่า ‘อย่าอิจฉาไปเลย ก็ครอบครัวเขามีฐานะพอที่จะทำอะไรแบบนี้ได้ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือ?’ ถ้าเปรียบง่ายๆ ย่าน Lypky ก็คือย่านคนมีตังค์ของยูเครนเค้าล่ะ คล้ายๆ กับ Beverly Hills อะไรทำนองนั้น บอกตรงๆ ว่าเราก็อิจฉาเหมือนกัน ถ้าตอนเด็กๆ พ่อเราขับฮ.ไปส่งที่โรงเรียนแบบนี้ได้ คงเป็นอะไรที่เฟี้ยวฟ้าวน่าดูเลย ที่มา: Metro
-
ผู้ปกครองโวยโรงเรียน สร้างกฎแปลกๆ ให้นักเรียนเข้าห้องน้ำได้แค่วันละ 2 เวลาเท่านั้น!?
เป็นเรื่องปกติสามัญทั่วไปที่โรงเรียนจะต้องมีกฏ มาคอยควบคุมให้นักเรียนอยู่ในระเบียบ อย่างไทยเราก็คงเป็นเรื่องของทรงผม จนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครเข้าใจว่ามันไปเกี่ยวข้องอะไรกับการเรียน… และล่าสุดสำนักข่าว Metro ได้รายงานว่า ผู้ปกครองเด็กนักเรียนจากโรงเรียน Bedale High School ต่างพากันแสดงความไม่พอใจ หลังโรงเรียนออกกฎอนุญาตให้เด็กๆ พักเข้าห้องน้ำได้แค่วันละ 2 ครั้งเท่านั้น! Bedale High School จากเมือง North Yorkshire โดยทางโรงเรียนได้ให้เหตุผลว่า สาเหตุที่ออกกฎให้นักเรียนพักเข้าห้องน้ำได้แค่ระหว่างเวลา 11.05 – 11.25 น. และ 12.25 – 12.45 น. เพราะนอกเหนือจากเวลานี้ นักเรียนไม่ควรมีสิทธิ์เข้าไปยังบริเวณตึกใหญ่ (ที่ตั้งของห้องน้ำ) ซึ่งเด็กคนไหนที่มีความจำเป็นจริงๆ จะต้องมีใบสั่งแพทย์มายืนยันก่อนพักเข้าห้องน้ำนอกเวลาทุกครั้ง! ผู้ปกครองคนหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์ว่า ‘เป็นกฎที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนเด็กนักเรียนมากที่สุด กับการที่ไม่อนุญาตให้ลูกๆ ของเราเข้าห้องน้ำได้ตามเวลาที่ต้องการ’ แต่นอกเหนือจากเรื่องของเวลาแล้ว ทางโรงเรียนก็ได้ออกมาชี้แจงว่า เป็นการควบคุมไม่ให้ห้องน้ำกลายเป็นแหล่งมั่วสุมของนักเรียน และลดปัญหาความรุนแรงจากการกลั่นแกล้ง ที่มักจะเกิดขึ้นในบริเวณดังกล่าว ซึ่งผู้ปกครองฝ่ายที่เห็นด้วยก็ให้เหตุผลว่า ‘ที่โรงเรียนทำไปเพื่อแก้ปัญหาลูกๆ ของคุณที่ชอบทำตัวเกเรไปแกล้งคนอื่นยังไงล่ะ สาเหตุมันก็เริ่มมาจากเด็กๆ กลุ่มนี้ เพราะฉะนั้นเป็นหน้าที่ของผู้ปกครองที่ต้องช่วยกันดูแลเด็กให้ดี เพื่อลดปัญหาดังกล่าว’ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวิธีนี้จะใช้แก้ปัญหาตามที่เค้าอ้างได้จริงมั้ยน้อ……
-
โปรตุเกสออกกฎหมายให้โรงอาหารสาธารณะ ต้องมีมื้ออาหารมังสวิรัติเป็นทางเลือกเพิ่ม!!
ปัจจุบันผู้คนมักจะหันมาดูแลสุขภาพของตนเองกันมากขึ้น หลายคนที่อยากมีรูปร่างที่ดี ก็พากันออกกำลังกาย รวมถึงการเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพอย่างอาหารมังสวิรัติ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และในขณะเดียวกันที่ประเทศโปรตุเกสในตอนนี้ มีการออกกฎหมายหมายบังคับให้โรงอาหารสาธารณะทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นในเรือนจำ โรงพยาบาล และโรงเรียน และตามสถานที่สาธารณะต่างๆ ที่มีการประกอบอาหารให้กับบุคลากร เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า กฎหมายการบังคับให้โรงอาหารสาธารณะทั่วประเทศเพิ่มทางเลือกอาหารมังสวิรัติ ได้รับการอนุมัติโดยเสียงข้างมากจากรัฐสภาไปเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า โรงอาหารในโรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล เรือนจำ และอาคารสาธารณะอื่นๆ จะต้องเพิ่มตัวเลือกการบริโภคอาหารที่ปลอดจากเนื้อสัตว์ และถ้าหากทุกอย่างดำเนินการไปได้ด้วยดี กฎหมายอาจมีผลได้ภายในเวลาเพียง 2 หรือ 6 เดือน ขณะเดียวกันหากมีปริมาณอาหารที่ไม่เพียงต่อสำหรับการบริโภค โรงอาหารสามารถยกเลิกมื้ออาหารมังสวิรัติได้ สำหรับการออกกฎหมายดังกล่าว ได้ถูกริเริ่มโดย Associação Vegetariana Portuguesa (สมาคมมังสวิรัติโปรตุเกส) ที่ได้เป็นผู้รวบรวมคำร้องมากกว่า 15,000 ฉบับ ซึ่งทางรัฐสภาของประเทศก็ได้มีการปรึกษาหารือในเรื่องดังกล่าว เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทางด้าน Nuno…
-
7 โรงเรียนในฝันจากทั่วโลก ที่พ่อแม่เห็นแล้ว อาจจะอยากส่งลูกเข้าไปเรียนในทันที!!
ลองย้อนกลับไปในสมัยที่เรายังเป็นนักเรียน หลายคนอาจจะไม่อยากไปโรงเรียน เพราะบรรยากาศมันชวนให้น่าเบื่อซะเหลือเกิน แต่สำหรับ 7 โรงเรียนจากแต่ละประเทศทั่วโลกที่เราได้นำมาให้ชมในวันนี้ นอกจากจะเน้นในเรื่องของการเรียนการศึกษาแล้ว พวกเขายังให้ความสำคัญกับสถานที่ภายในโรงเรียนอีกด้วย งานนี้จึงทำให้เด็กนักเรียนทั้งสนุกไปกับการเรียน และได้เห็นสิ่งแปลกตาที่น่าสนใจภายในโรงเรียนมากมาย ว่าแล้วก็ไปรับชมกันดีกว่าว่าโรงเรียนแต่ละแห่งมาจากที่ไหนกันบ้าง 1.โรงเรียนอนุบาล Kaushik ประเทศจอร์เจีย หากเด็กๆ ที่ไม่ชอบการไปโรงเรียน ได้เห็นโรงเรียนอนุบาล Kaushik (Kindergarten Co-Pilots) ในเมือง Rustavi จากประเทศจอร์เจียแห่งนี้ละก็ รับรองว่าจะต้องอยากไปโรงเรียนจนไม่อยากกลับบ้านแน่นอน เพราะในปี 2012 โรงเรียนแห่งนี้ นอกจากมอบความรู้ให้กับเด็กๆ แล้ว ยังช่วยสร้างความสุขให้กับพวกเขา โดยการนำเครื่องบินปลดประจำการ รุ่น Yakovlev Yak-42 ของสายการบิน Georgain Airways มาสร้างสรรค์ให้กลายเป็นห้องเรียนแสนสนุกอย่างที่เห็น… ภายในห้องเรียนจะเต็มไปด้วยอุปกรณ์การเรียนการสอน รวมโต๊ะ เก้าอี้ที่ถูกนำมาจัดไว้ในเครื่องบินอย่างสวยงาม และนอกจากจะเป็นห้องเรียนแล้ว สิ่งที่ทำให้เด็กๆ ตื่นตามากที่สุดก็คือ พวกเขาสามารถเรียนรู้ และเล่นทุกอย่างภายในเครื่องบินได้อย่างใจฝัน เพราะมันมีปุ่มบนแผงวงจรที่ใช้ควบคุมเครื่องบินกว่า 1,500 ที่เด็กๆ สามารถทดลองกดเล่นได้ ทำให้เด็กๆ ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ…
-
จากเด็กเร่ร่อน ถูกกล่าวหาเป็น “พ่อมด” ในวันนั้น ตอนนี้หนูน้อยพร้อมจะไปโรงเรียนแล้ว!!
เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่สุดสลดใจจนทำให้เราต้องถามหาคำว่า ‘มนุษยธรรม’ กันใหม่เลยทีเดียว เมื่อสาวใจบุญได้เข้าไปช่วยเหลือเด็กน้อยคนหนึ่ง ที่เหน็ดเหนื่อย ไร้เครื่องสวมใส่ และเดินเตร็ดเตร่อยู่กลางถนน ภาพนี้ถูกแชร์กันอย่างแพร่หลายเมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน เมื่อ Anja Ringgren Lovén ผู้ก่อตั้ง African Children’s Aid Education and Development Foundation ที่ทำงานช่วยเหลือเด็กๆ ในแอฟริกาได้ไปเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เธอสลดใจเป็นอย่างมาก เด็กคนนี้ถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อมด ถูกทำร้ายและปล่อยปะละเลยจนเธอต้องเข้ามาช่วยทำอะไรสักอย่าง ‘มันดูไร้สาระมากๆ เด็กๆ นับพันคนถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อมดแม่มด เราเห็นมาหมดทั้งเด็กที่ถูกทรมานให้ยอมรับ เด็กที่ต้องเสียชีวิต และเด็กที่มีอาการหวาดกลัวจนถึงที่สุด’ Anja Ringgren กล่าว หลังจากเธอรับเลี้ยงเด็กที่น่าสงสารคนนี้ อาการของหนูน้อยก็ดีขึ้นจนสามารถออกไปเล่นร่วมกับลูกของเธอได้ เธอตั้งชื่อให้เด็กคนนี้ว่า Hope ซึ่งแปลว่าความหวัง เธอได้ช่วยชีวิตเด็กๆ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อมดทุกคน ซึ่งถ้าหากไม่ช่วย พวกเขาต้องถูกทรมานหรือบางครั้งอาจถึงแก่ชีวิตได้ และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ Hope หนูน้อยจากไนจีเรียจะได้ไปโรงเรียนครั้งแรก ซึ่งจากตอนนั้นถึงตอนนี้ก็ผ่านมาได้หนึ่งปีแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเด็กหน้าตาไร้เดียงสาคนนี้ ครั้งหนึ่งเคยถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อมดมาก่อน ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้น…
-
เหมียวนักบำบัด ‘Raul’ (อีกแล้ว) อยู่ประจำโรงเรียนประถม มีแฟนคลับเด็กน้อยเพียบ!!
ก่อนหน้านี้เราเคยนำเสนอเรื่องราวของเจ้าเหมียวทักซิโด้ ผู้มอบความสุข และรอยยิ้ม เพื่อเยียวยาจิตใจอันเศร้าหมองของผู้ป่วยในโรงพยาบาลกันมาแล้ว (ลิ้งค์ข่าวเดิม) คราวนี้เราจะพาไปรู้จัักกับเจ้า ‘Raul’ แมวเหมียวตัวน้อยที่มีหน้าที่เป็นผู้บำบัดให้กับนักเรียนวัยประถม และครูบาอาจารย์ทุกคน ประจำโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง เรียกง่ายๆ ว่ามันเข้ามายึดโรงเรียนนี้ได้อย่างสำเร็จแล้วนั่นเอง! โฉมหน้าของเจ้า ‘Raul’ ผู้เป็นทั้งครูใหญ่ นักบำบัด ภารโรง ผอ. คือมันเป็นหมดเลยว่างั้นเถอะ และที่สำคัญมันยังมีบัตรพนักงานประจำตัวอีกด้วยนะ “เดิมทีฉันเลี้ยงมันไว้ที่บ้านอยู่แล้ว มีวันหนึ่งเพื่อนครูด้วยกันได้เสนอให้ฉันเอามันมาร่วมสอนด้วย ตอนแรกฉันก็คิดว่ามันเป็นไอเดียที่แปลกมากแหละค่ะ แต่พอได้พามันมาที่โรงเรียนแห่งนี้จริงๆ แล้วถึงได้พบว่ามันเป็นวิธีที่เวิร์คมากเลย และมันก็ช่วยสร้างประโยชน์ให้ผู้คนมากมายที่นี่” Sarah Morr เจ้าของเหมียวเล่า บางทีเด็กๆ ก็มานั่งอ่านหนังสือให้มันฟัง หากจะกล่าวว่า Raul คือแมวที่มีความอดทนมากที่สุดก็คงจะไม่ผิด เพราะมันสามารถช่วยทำให้เด็กที่มีสมาธิสั้น ใจเย็นลงได้ และดูเหมือนมันจะสนใจกับทุกสิ่งอย่างที่เด็กๆ มากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไร มันก็มักจะมาคอยอยู่ให้กำลังใจเคียงข้างเด็กๆ เสมอ นอกจากจะคอยเป็นกำลังใจให้แล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าเหมียวตัวนี้มีพลังวิเศษที่ส่งผลต่อจิตใจในหลายๆ ด้าน เช่น ในชั่วโมงการอ่านนอกเวลาเรียน เจ้าเหมียวก็ช่วยทำให้เด็กๆ มีความกล้าที่จะอ่านหนังสือมากขึ้น…
-
พาชมโรงเรียนสอนแอร์โฮสเตสในจีน เส้นทางสู่การเป็นนางฟ้าสายการบิน ที่ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ
พูดถึงอาชีพแอร์โฮสเตสแล้ว สำหรับสาวๆ ในประเทศโลกที่สองหรือโลกที่สาม ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า แอร์โฮสเตสคืออาชีพในฝันของพวกเธอเลยทีเดียว เพราะด้วยค่าตอบแทนที่สูงหากเทียบกับอาชีพอื่นๆ และด้วยการวางตัวของสายอาชีพนี้ที่มีความสง่างามอยู่เสมอ เหมือนดั่งนางฟ้าที่มีตัวตนจริงๆ จึงทำให้หลายๆ คน พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของอาชีพนี้ให้ได้ และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมโรงเรียนสอนแอร์โฮสเตสแห่งหนึ่งในประเทศจีน เพื่อเรียนรู้ทักษะที่สำคัญก่อนจะไปสอบคัดเลือก และกว่าจะไปถึงจุดนั้นของชีวิต เส้นทางของพวกเธอไม่ได้ง่ายเลยจริงๆ โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนสอนสำหรับการเป็นแอร์โฮสเตสในเมืองลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน โดยจะสอนทักษะ เทคนิค กิริยามารยาท และการวางตัวสำหรับการเป็นแอร์โฮสเตส โดยทางโรงเรียนจะสอนทั้งการยืน การเดิน การยิ้ม และปรับบุคลิกภาพของผู้เรียนให้เหมาะสมกับการเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ทักษะการเดินถือว่าเป็นเรื่องสำคัญของผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ จะต้องมีท่าการเดินที่ดูสง่า การจับมืออย่างไรให้มีความสวยงาม เรียนรู้จัดท่าทางการนั่ง การย่อตัวเพื่อเก็บของ ก็เป็นสิ่งที่แอร์โฮสเตสต้องทำเป็นประจำ แน่นอน ท่าย่อของพวกเธอก็ต้องสง่างามอย่างมีระดับเช่นกัน ส่วนวิธีการฝึกยิ้มของสถาบันแห่งนี้ จะให้ผู้เข้าเรียนคาบหลอดเอาไว้ อื้อหือ ไม่ธรรมดาจริงๆ สำหรับการจะเป็นแอร์โฮสเตสได้ แต่ด้วยค่าตอบแทนที่สูงขนาดนี้ ก็เชื่อว่ายังมีสาวๆ อีกหลายคน ยอมลำบาก เพื่อทำตามฝันของพวกเธออย่างแน่นอน…
-
#ถ้าโรงเรียนเวทมนตร์อยู่ไทย แฮชแท็กที่เอาเอกลักษณ์แบบไทยๆ มายำใส่โลกเวทมนตร์
เรียกได้ว่าช่วงนี้กระแสแฮร์รี่กำลังมาแรงเป็นอย่างมาก เนื่องจากภาพยนตร์ “สัตว์มหัสจรรย์และถิ่นที่อยู่” เพิ่งเข้าไป ทำเอาเหล่ามักเกิลอย่างเราคิดถึงบรรยากาศโลกเวทมนตร์นี้อีกครั้ง ไปๆ มาๆ ตอนนี้กลายเป็นกระแสที่โด่งดังในทวิตเตอร์ไปซะแล้ว เมื่อเกิดแฮชแท็ก #ถ้าโรงเรียนเวทมนตร์อยู่ไทย ที่ให้ประชาชนคนไทยออกมาแสดงไอเดียว่าถ้าเกิดว่ามีโรงเรียนเวทมนตร์เหมือนในแฮร์รี่จริงๆ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพื่อนที่อยากเป็นพ่อมดแม่มดก็ลองเอาสิ่งเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้นะ จะได้อินขึ้นกว่าเดิม อิอิ ซาาา ยาาา คัซซซ ซาาาา เห็นภาพเลยทีเดียว มีอยู่ทุกที่จริงๆ มันใช่เลย ของเราเฮี้ยนกว่าตรงที่ไม่รู้จะมาจองเวรเมื่อไหร่ แถมมีทุกวัดด้วยนะ อีกซักแป๊บคงบินแล้วล่องหนได้ นาคีอีกแล้ว 5555 ช็อปให้กระจายเลย มันอยู่ในสายเลือด ล้อชื่อพ่อคือเรื่องปกติ ถ้าหวดจริงจะมีคนกล้อไปผูกผ้ามั้ย สาาาาาธุ ยอมให้เสพเลย อ้าว ไม่ใช่โอบาม่าเหรอ ใช่ทุกคำที่พูด อันนี้เจ๋งมาก เชื่อมโยงได้ดี …
-
ต้นทุนชีวิตที่ต่างกัน… 15 เส้นทาง “ไปโรงเรียน” สุดโหดจากทั่วโลก แม้ลำบากแต่ไม่ท้อถอย
ว่ากันว่าโอกาสทางการศึกษาคือสิ่งที่ทำให้มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีอีกหลายชีวิตที่กว่าจะเข้าถึงการศึกษาได้ พวกเขาต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย ไม่เพียงแค่เรื่องเงินๆ ทองๆ เท่านั้น แต่ยังหมายถึง “การเดินทาง” อีกด้วย ถ้าเพื่อนๆ ยังนึกไม่ออกว่าพวกเขาต้องพบกับความยากลำบากขนาดไหน ตาม #เหมียวอ๊อดโด้ ไปชม 5 เส้นทาง “ไปโรงเรียน” สุดโหดจากทั่วโลก ที่เห็นแล้วต้องนับถือใจพวกเขาจริงๆ 1.โรงเรียนประถม Bango จากหมู่บ้าน Gulu ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน นักเรียนส่วนมากต้องเดินทางผ่านช่องเขาแคบๆ เป็นระยะเวลากว่า 5 ชั่วโมงเพื่อมาโรงเรียน แน่นอนว่า พวกเขาจะต้องอยู่โรงเรียนตลอดสัปดาห์ และจะได้กลับบ้านช่วงวันหยุดเท่านั้น 2. เด็กนักเรียนจากหมู่บ้าน Zhang Jiawan ในมณฑลเสฉวนประเทศจีน ต้องปีนป่ายบันไดไม้บนหน้าผา ที่ไม่มีหลักประกันความปลอดภัยใดๆ เพื่อไปโรงเรียนทุกๆ สัปดาห์ และพวกเขาต้องอาศัยอยู่ที่โรงเรียนตลอดสัปดาห์ กว่าจะได้กลับบ้านก็แค่ช่วงเสาร์อาทิตย์เท่านั้น 3. เด็กๆ จากหมู่บ้านแถบเทือกเขาหิมาลัย ต้องเดินฝ่าน้ำแข็งและหิมะเพื่อไปเรียนที่โรงเรียนในเมือง Zanskar ไม่ต้องบอกคงพอคาดคะเนความยากลำบากของพวกเขาได้ 4. เด็กๆ จากหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมือง Lebak ประเทศอินโดนีเซียต้องปีนป่ายข้ามสะพานไม้ที่ชำรุดอย่างหนักจนน่าหวาดเสียวเป็นอย่างยิ่ง เพื่อข้ามแม่น้ำในระหว่างทางไปโรงเรียน…
-
ชมอดีตโรงเรียนของกองทัพนาซี สถานที่ที่ใช้ปลูกปั่นสร้างความเกลียดชังในอดีต…
เมื่อเรามองย้อนกลับไปในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่ชาวโลกไม่อยากจดจำ โดยเฉพาะชาวเยอรมัน ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องราวของ ‘อดอล์ฟ ฮิตเลอร์’ ผู้นำเผด็จการทหารที่จงเกลียดจงชังชาวยิว จนกลายมาเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อันแสนโหดร้ายมาแล้ว และวันนี้ #เหมียวบ็อบ จะขอพาเพื่อนๆกลับไปย้อนชม สภาพโรงเรียนร้างที่อดีตมันเคยถูกใช้สำหรับเป็นโรงเรียนของเด็กๆที่อยู่ในกองทัพนาซี แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งที่เขาปลูกฝัง นั่นก็คืออุดมการณ์การเหยียดเชื้อชาติที่มีต่อชาวยิว ซึ่งภาพถ่ายทั้งหมดนี้ถูกนำมาเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ Dailymail โดยช่างภาพชาวเยอรมณี Jan Bommes วัย 41 จากเมือง Kiel เราตามไปดูกันเลยว่า อดีตสถานที่ๆใช้เพื่อปลูกฝังความเกลียดชัง ปัจจุบันจะมีสภาพเป็นเช่นไร นี่คือห้องเรียนที่ในอดีตเมื่อช่วงปี 1930 – 1940 เด็กๆทุกคนจะเข้ามานั่งอย่างพร้อมเพรียงกัน พร้อมกับฟังการบรรยายจากอาจารย์ที่ปลุกปั่นให้พวกเขาเกลียดชังชาวยิว โรงเรียนแห่งนี้ถือว่าเป็นอีกสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ยังหลงเหลืออยู่ของพรรคนาซี หลังจากที่สงครามจบลง โรงเรียนแห่งนี้ยังคงถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสถานที่ประชุมสำหรับกลุ่มคอมมิวนิสต์ของเยอรมันตะวันออก และปัจจุบัน ถึงแม้ว่ามันจะถูกทิ้งให้ร้างมาอย่างยาวนาน แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาจัดการกับมัน สิ่งของทุกอย่างยังคงอยู่เหมือนเดิม ทิ้งร่องรอยการใช้งานในอดีตไว้ ในยุคนั้น พรรคนาซีได้สร้างโรงเรียนขึ้นมาทั้งหมด 38 แห่ง และที่แห่งนี้คือโรงเรียนที่ใหญ่ที่สุด ปัจจุบันมีเพียงแค่โรงอาหารเก่าเท่านั้น ที่ถูกนำมาใช้เป็นโรงยิม และสถานที่สำหรับออกกำลังกาย …
-
เด็กๆ รัสเซีย ต้องพกขวานระหว่างเดินไปโรงเรียน เพื่อป้องกันหมาป่าและหมีมาทำร้าย!!
รัสเซียนอกจากจะเป็นประเทศที่มีผู้นำที่เฉียบขาดอย่าง ‘วลาดิเมียร์ ปูติน’ แล้ว บ่อยครั้งที่ประชาชนในประเทศมักจะมีเรื่องราวที่มันทำให้เรารู้สึกว่า มันโหดสัสรัสเซีย และนี่ก็เป็นอีกเรื่องราวหนึ่งที่เกิดขึ้นจริงในประเทศที่ความโหดสัสเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเด็กๆที่นี่ต้องพกขวาน หรืออาวุธไปโรงเรียนทุกวัน เพื่อป้องกันอันตรายจากหมาป่า หรือหมีป่า ที่อาจจะกำลังซุ่มโจมตีอยู่ระหว่างทางก็เป็นได้ ซึ่งเรื่องราวนี้เกิดขึ้นในหมู่บ้าน Verkhny Nugush เด็กๆทุกคนที่นี่ต้องไปเดินทางเท้าไปเรียนเป็นประจำทุกวันที่หมู่บ้านใกล้ๆกัน Galiakberovo เป็นระยะทางกว่า 10 กิโลฯ ที่เด็กๆจะต้องเดินฝ่าป่าเขา และหิมะอันหนาวเหน็บ เพื่อไปโรงเรียนเป็นประจำทุกวัน เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้มีจำนวนชาวบ้านอาศัยอยู่เพียงแค่ 60 ครัวเรือน ทำให้โรงเรียนประจำหมู่บ้านต้องถูกปิดตัวลงไป เด็กๆทุกคนจึงจำเป็นที่จะต้องเดินเท้าไปเรียนที่หมู่บ้านใกล้ๆแทน คุณแม่คนหนึ่งกล่าวว่า “โดยเฉพาะช่วงตอนเลิกเรียน เมื่อเด็กๆกำลังจะเดินกลับบ้าน มักจะมีหมาป่า ไม่ก็หมี โผล่มาให้เห็นอยู่เป็นประจำ มีครั้งหนึ่งพวกมันมากันเยอะมาก เด็กๆต่างก็กลัว มีแค่ฉันและผู้ปกครองคนอื่นๆที่ต้องช่วยกันไล่มันออกไป” และนั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมเด็กๆต้องพกอาวุธไปด้วยตลอดเวลา Rustam Sharipov ผู้ใหญ่บ้านประจำตำบล Burzyansky ก็ได้ออกมากล่าวว่า ตนเคยขอร้องทางโรงเรียนให้ช่วยรองรับรถบัสสำหรับรับส่งเด็กๆมาแล้ว แต่เนื่องจากความห่างไกล และความทุรกันดาร ทำให้รถบัสไม่สามาถเข้ามาได้ ผู้ปกครองต่างก็หวังว่าเมื่อไหร่จะมีรถบัสคอยรับส่งซักที รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมของรัสเซีย ก็ได้ออกมายืนยันเช่นเดียวกันว่า บริเวณหมู่บ้าน Bashkortostan นี้เองที่มีจำนวนประชากรหมาป่า มากกว่าพื้นที่ใดๆในประเทศ…
-
คนขับรถบัสหญิง เสี่ยงชีวิตช่วยเด็กติดอยู่ใน “รถโรงเรียน” ที่กำลังลุกเป็นไฟ!!
Reneita Smith เธอคือพนักงานขับรถของโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในแมรี่แลนด์ นอกจากนี้เธอยังเป็นฮีโร่อีกด้วย เนื่องจากว่าเธอได้เสี่ยงชีวิตตัวเองเข้าไปช่วยเด็กกว่า 20 คนในรถบัสที่กำลังติดไฟ Mark Brady โฆษกของหน่วยฉุกเฉินได้เล่าว่าเขาได้รับรายงานว่ามีรถบัสรับส่งนักเรียนกำลังเกิดเพลิงไหม้ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งถ้าเห็นภาพจากกล้องติดหน้ารถยนต์แล้วเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมากๆ แต่เมื่อเขาไปถึงที่เกิดเหตุ ก็ได้พบกับเด็กนักเรียน 20 ชีวิตอยู่นอกรถบัสโดยได้รับความช่วยเหลือจากคนขับรถบัสที่เธอสามารถตั้งสติแล้วช่วยเหลือทุกคนออกมาได้ ซึ่งตอนนี้กำลังหาสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้อยู่ Fall Kabir หนึ่งในผู้ปกครองเด็กได้ไปยังที่เกิดเหตุหลังทราบข่าวก็ได้เขียนยกย่องการกระทำของคนขับรถบัสคันนี้ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวของเธออีกด้วย ผู้ปกครองคนนี้ได้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าคนขับรถคนนี้ได้พยายามลุยเข้าไปในรถแล้วพาเด็กออกมา “ทีละคน” คนครบ 20 คนก่อนที่รถจะลุกไหม้จนเสียหายหนัก อีกทั้ง Reneita Smith คนขับรถผู้เป็นฮีโร่คนนี้ก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันมีลูกสองคน ฉันเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ดีว่ารักและห่วงลูกมากแค่ไหน การช่วยเหลือเด็กๆ คืองานของฉัน” ถือเป็นเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของคนขับรถหญิงท่านนี้ เธอคือฮีโร่ที่แท้จริง ที่มา distractify
-
14 ภาพสุดฮา เมื่อพ่อแม่ถ่ายเด็กๆ ก่อน-หลังไปโรงเรียนวันแรก สภาพแต่ละคนนะ!!!
คุณยังจำความรู้สึกในวัยเด็กได้หรือเปล่า!? ความรู้สึกที่ต้องไปโรงเรียนครั้งแรก มันช่างเป็นอะไรที่น่าดีใจมาก หรือไม่ก็คงทรมานสุดๆ เลย แต่หากคุณจำความรู้สึกและบรรยากาศเหล่านั้นไม่ได้ล่ะก็ งั้นลองมาดูภาพของเด็กๆ เหล่านี้หน่อยเป็นไง? แน่นอนว่าการไปโรงเรียนนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายกับเด็กมาก แต่มันก็เป็นเรื่องฮาๆ ให้เหล่าพ่อแม่ได้หัวเราะกันไม่หยุดเลยล่ะ เหล่าพ่อแม่ในต่างประเทศจึงพร้อมใจกันถ่ายภาพของลูกชายและลูกสาวของตัวเองในวันแรกก่อนไปโรงเรียน และถ่ายอีกทีตอนที่พวกเขากลับบ้าน เพื่อดูปฏิกิริยาของพวกเขา จะฮาแค่ไหนลองไปชมกันเลย 1. ท้อแท้อะไรขนาดนั้นล่ะลูก 2. เดินแทบไม่เป็น 3. มีเด็กอยู่สองแบบ…ที่ชอบและไม่ชอบ 4. บางคนก็ถึงกับสลบ 5. วันแรกที่ไปโรงเรียน VS วันที่สองของการไปเรียน 6. ไม่ไปได้ไหมแม่? 7. หนูนี่เหวอไปเลยแม่ 8. คร่อกZZzzzz 9. ตายแป็บ 10. ไม่อ๊าวววว 11. ฮรืออออ จะอยู่บ๊านนนน!! 12. หลับต่อดีกว่า…
-
15 โรงเรียนสุดเจ๋ง ที่ทั้งบรรยากาศ และการเรียนการสอน แตกต่างได้อย่างสร้างสรรค์
โรงเรียนกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับเด็กๆ ทั่วโลก เพราะนอกจากจะต้องตื่นเช้าเพื่อไปนั่งเรียนในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ก็หาความน่าตื่นเต้นไม่เจอเลย นอกจากเวลาพักที่เปิดโอกาสให้ได้เล่นกับเพื่อนๆ และนี่คือ 15 โรงเรียนทั่วโลกที่รวบรวมโดยเว็บไซต์ BrightSide ซึ่งแน่นอนว่านอกจากบรรยากาศที่พิเศษกว่าโรงเรียนทั่วไปแล้ว หลักสูตรและการเรียนการสอนย่อมแตกต่างอย่างแน่นอน… 1. โรงเรียนลอยน้ำ Makoko เมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย เป็นโรงเรียนที่ดูเรียบง่ายตั้งอยู่บนผืนน้ำ และสามารถปรับระดับกับน้ำขึ้นน้ำลงได้อย่างดี และรับมือกับสภาพอากาศที่เลวร้ายได้อีกด้วย ที่โรงเรียนแห่งนี้ไม่มีการจำกัดอายุของนักเรียน และพื้นที่ทั้งหมดเป็นได้ทั้งห้องเรียน และสนามเด็กเล่น ในเวลาเดียวกัน 2. โรงเรียนในลูกบาศก์ เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เป็นโรงเรียนที่มีห้องเรียนขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วยนักเรียนชั้นมัธยมปลายมากกว่า 1,100 คน!! และการเรียนการสอนก็ดำเนินไปในโดมกระจกแห่งนี้ มีการแบ่งโซนต่างๆ สำหรับการเรียนแยกเป็นกลุ่มๆ ด้วยพื้นที่วงกลมที่นักเรียนนั่งเรียนกันแบบสบายๆ ส่งผลให้เกิดบรรยากาศที่ช่วยให้นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างสนุกสนาน 3. โรงเรียนที่นักเรียนสามารถจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง ในออสเตรเลีย นอกจากรูปทรงและการดีไซน์ของตึกที่ดูมีสีสัน นักเรียนที่นี่ยังได้รับโอกาสในการจัดการแผนการเรียนของตัวเอง ซึ่งจะมีผู้ปกครองและคุณครูมาช่วยดูแลอีกที อีกทั้งนักเรียนยังสามารถนำเสนอหลักสูตรการสอนใหม่ๆ เพื่อพัฒนาความรู้และความสะดวกสบายให้ตัวเองได้อีกด้วย และที่สำคัญนักเรียนที่นี่จะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น 4. โรงเรียนฝึกประสบการณ์จริง ในรัฐโรดไอแลนด์ ประเทศสหรัฐฯ จุดเด่นของโรงเรียนนี้คือ นักเรียนจะได้เรียนรู้ในสิ่งที่พวกเขาชอบหรือมีใจรักโดยตรงจากผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ที่ทำงานในสาขานั้นๆ…
-
เด็กออทิสติก เขียนจดหมายซึ้งถึงทางการ ‘อยากเรียนโรงเรียนที่มีเพื่อน’ แต่ไม่มีโอกาสนั้น…
โรงเรียนที่ไม่มีการทำร้ายรังแกกัน… โรงเรียนที่มีคนที่พร้อมจะเป็นเพื่อนกับเรา…. ปัญหาการไปโรงเรียนของเด็กๆ นั้น ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนก็มักจะเจอปัญหา เช่น ปัญหาการอยู่ร่วมกับเพื่อน ปัญหาค่าใช้จ่าย การเดินทาง และอื่นๆ อีกมากมาย Kevin Egan เป็นเด็กออทิสติกและสมาธิสั้น วัย 11 ปี จาก Essex เขาพยายามที่จะเรียนในโรงเรียนปกติ แต่แล้วก็ต้องกลับมาร้องให้ทุกครั้ง เพราะไม่มีใครคุยกับคุยด้วย เขาจึงอยากไปเรียนที่โรงเรียน Endeavour ซึ่งเป็นที่มีสิ่งที่เขาต้องการ แต่แล้วก็เกิดปัญหาอีก โดยทางหน่วยงานด้านการขนส่งขนส่ง ที่คอยไปรับไปส่งเด็กจากไปบ้านไปโรงเรียน ส่งจดหมายมาหาครอบครัวของเขาว่า ‘ไม่สามารถไปรับ ไปส่ง Kevin ได้ เพราะว่า บ้านไปอยู่ไกลจากโรงเรียนถึง 30 กิโลเมตร’ ในขณะที่แม่ของเธอยินที่จะจ่ายเพิ่มเป็นเงินราว 3,500 บาท แต่ทางสภาก็ตอบกลับมา ‘ถ้าเราให้โอกาส Kevin หนึ่งคน เด็กคนอื่นๆ ก็จะทำตามอีก และจะเกิดปัญหาตามมา’ โดยเสนอให้ Kevin ย้ายไปที่โรงเรียน Harlow Fields เนื่องจากใกล้กับบ้านของเขามากกว่า และเป็นโรงเรียนที่เหมาะกับเด็กทีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้อย่างเขาด้วย แต่ก็ไม่เป็นดังที่คาดคิด… และเมื่อลองไปเรียนที่นั่นประมาณ…
-
ล้ำมากๆ!! และนี่คือ 18 คุณครูตัวอย่าง ที่ก้าวข้ามการสอนแบบเดิมๆ ไปสู่ระดับที่เจ๋งขึ้น
ต้องขอบอกเลยว่าทุกวันนี้ โลกของเรานั้นพัฒนาไปรวดเร็วมาก ทั้งทางด้านเทคโนโลยี และวัฒนธรรมต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังมีในเรื่องของการศึกษาที่ต้องเปลี่ยนบทเรียนและวิธีการสอนให้เข้ากันได้กับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปด้วย แต่วันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเหล่าคุณครูที่ต้องขอบอกเลยว่าพวกเขาได้ก้าวข้ามการสอนแบบเดิมๆ ไปสู่เลเวลใหม่แล้ว จะเป็นอย่างไรกันบ้าง ลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… 1. คุณครูที่ทำรายชื่อมาให้นักเรียน แต่ช่างน่าสงสารคุณครูที่ชื่อก็จำย๊ากยาก เจเดน อายดีน ไอเดน ไอแดน 2. ตื่นเช้าเดินเข้าห้องมา ก็จะพบกับเหตุการณ์ประจำวันที่คุณครูวาดไว้บนกระดาน (เลิศ!!) 3. แต่งชุดไททันเพื่อสอนวิชาอนาโตมี 4. ให้นักเรียนนั่งถกกันไป ส่วนคุณครูเรอะ มานั่งถ่ายรูปกับไฟท้ายของนักเรียน ฮร่า (ดูเหมือนจะเป็นการเรียนการสอนของระดับปริญญาโทนะ) 5. ใช้มีมเป็นตัวช่วยในการสอน เอาซะฮาเลย (เมื่อพระอาทิตย์ถึงจุดจบจะเป็นอย่างไรน่ะเหรอ? ถ้าฉันตายฉันจะพาพวกเธอไปด้วยยย หึๆ) 6. ตื่นมาเรียนตอน 7 โมงเช้า แล้วพบว่าอาจารย์ใส่ชุดนอนมาสอนทุกวัน -*- 7. เป็นการออกข้อสอบที่ต้องขอบอกเลยว่านักเรียนทั้งหลายจะต้องร้องจ๊ากกก เลยทีเดียว…
-
พาส่อง 9 อาคารเรียนสุดอลังการ จากโรงเรียนในอเมริกา เห็นแล้วก็อยากไปเรียนสักครั้งหนึ่ง!!
มีงานวิจัยเผยออกมาว่า การที่ห้องเรียนหรือตึกเรียนถูกออกแบบมาอย่างสวยงาม จะทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนขอนักเรียนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ (อ้างอิง) ด้วยเหตุนี้เองทำให้หลายๆ โรงเรียน (ที่มีกำลังทรัพย์) ต่างออกแบบตึกเรียนให้ออกมาสวยงามเพื่อดึงดูดเหล่านักเรียนให้มาเรียน และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 9 อาคารเรียนสุดอลังกาลดาวล้านดวงในอเมริกา ที่เห็นแล้วอยากเข้าไปเรียนซักครั้งหนึ่ง!! จะน่าเรียนขนาดไหน ไปชมกันเลย! โรงเรียน Diamond Ranch High School ในเมือง Pomona รัฐ California ความเจ๋งของตึกเรียนโรงเรียนนี้คือ บางตึกถูกสร้างขึ้นบนหน้าผา ซึ่งดูแล้วไม่น่าสร้างได้เป็นอย่างยิ่ง ตึกทรงปิรามิดจาก Ramon Cortines School of Performing Arts โรงเรียนแห่งนี้ยังมีตึกทรงโค้งสุดเจ๋งแบบนี้ด้วย โรงเรียน The Amino Lenox Charter High School ใน Inglewood รัฐ California โรงเรียน The Youngker High School ใน Buckeye…
-
เฮ้ย เอ็งแน่ว่ะ!! นักเรียนชายใส่กระโปรงเนื่องจากอากาศร้อน ครูห้ามไม่สน เพราะมันเย็นดี
อากาศร้อนๆ ใครๆ ก็อยากแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสบายๆ ไม่อึดอัด แต่บางทีเราก็เลือกแบบนี้ไม่ได้ด้วยสิ เช่น หากเราอยู่ในที่ทำงาน หรือโรงเรียน เราก็ต้องแต่งตัวสุภาพ หรือชุดที่ทางสถาบันกำหนด งานนี้ โรงเรียนที่ต้องใส่กางเกงขายาว นักเรียนก็คงแย่หน่อยนะ เช่นเดียวกับโรงเรียน Longhill High School ในเมือง Brighton ประเทศอังกฤษ ที่อยู่ดีๆ นักเรียนชาย 4 คน ใส่กางเกงขาสั้นมาในวันอังคาร ซึ่งเป็นกางเกงพละของโรงเรียน โดยพวกเค้าอ้างว่า “วันนี้มันร้อนมากเลยครับครู เราทนใส่กางเกงขายาวไม่ได้จริงๆ” Michael Parker, Kodi Ailing, George Boyland และ Jesse Stringer ใส่กระโปรงมา ทั้งๆ ที่ทางโรงเรียนไม่อนุญาต แต่การใส่กางเกงพละมาเรียนในช่วงเวลาปกติที่ไม่ใช่คาบพละนั้น ขัดกับนโยบายของโรงเรียน พวกเค้าทั้ง 4 จึงถูกจับแยกตัวออกมา และให้กลับไปเปลี่ยนกางเกงทันที พอกลับมาปุ๊บ แทนที่จะใส่กางเกง ไม่ค่ะ!! ใส่กระโปรงมาเลยจ้าาา หนักกว่าเดิมอีก และก็ใส่แบบนี้มาทั้งอาทิตย์นั้นซะเลย แม้ว่าคุณครูหลายท่านจะเตือน…
-
เจ้าเหมียวบอดี้การ์ด ออกมานั่งรอคอยกับหนุ่มน้อยทุกเช้า เพื่อรอส่งเขาขึ้นรถไปโรงเรียน…
ในช่วงนี้เรามักจะเจอเรื่องราว รวมไปถึงเหตุการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นทั้งในสังคมไทย รวมไปถึงที่ต่างประเทศบ่อยเหลือเกิน ซึ่งนั่นก็ทำให้หลายๆ คน อาจคิดว่าบนโลกของเราใบนี้ จะมีเรื่องราวดีๆ หลงเหลืออยู่อีกหรือไม่? ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบอกเลยว่า มีสิ!! เพราะในวันนี้เหมียวขี้อ้อนจะขอมาเล่าเรื่องราวดีๆ ของแมวเหมียว กับหนุ่มน้อยเพื่อนรัก ที่จะมาทำให้ทุกคนได้ยิ้ม และมีความสุขตามเมื่อได้อ่านเรื่องสุดประทับใจของพวกเขา เมื่อไม่นานมา ผู้ใช้ที่ชื่อว่า insta1234 จากเว็บไซต์ Reddit ได้เผยเรื่องราวน่ารักน่าเอ็นดูของแมวเหมียวตัวหนึ่ง ที่มักจะออกมายืนอยู่นอกบ้านในตอนเช้าทุกๆ วัน เพื่อมารอส่งลูกชายของเขาขึ้นรถไปโรงเรียน เจ้าเหมียวผู้ทำตัวเป็นเหมือนบอดี้การ์ดตัวน้อย นั่งเฝ้าจับตาดูหนุ่มน้อยทุกฝีก้าว และมันก็จะไม่ยอมลุกไปไหน จนกว่าเพื่อนรักจะขึ้นรถไปโรงเรียนได้อย่างปลอดภัย และไม่เพียงแค่ยืนส่งขึ้นรถเท่านั้นนะจ๊ะ เพราะหลังจากที่หนุ่มน้อยกลับมาจากโรงเรียน เจ้าเหมียวก็มายืนรอต้อนรับเขาอยู่หน้าประตูอีกด้วย แม้ว่าในช่วงเวลานั้นจะเป็นฤดูหนาว และมีหิมะตก เจ้าเหมียวก็จะออกไปยืนเป็นเพื่อนหนุ่มน้อยอยู่ดี น่ารักจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวน่ารักๆ และสุดแสนจะประทับใจระหว่างเพื่อนรักต่างสายพันธุ์ ที่ได้มาสร้างรอยยิ้มให้กับผู้คนไปทั่วโลกโซเชียลเลยก็ว่าได้ ใครไม่ยิ้มตามก็บ้าแว้วววววว เห็นหรือยังละว่าแมวเหมียวก็สามารถเป็นเพื่อนที่ดีของคุณได้เหมือนกันนะ ^^ ที่มา : lovemeow
-
ติดตามชีวิต 3 หนุ่มน้อยใน Eton College สุภาพบุรุษโรงเรียนชายล้วน ที่หรูสุดในอังกฤษ!!
เมื่อไม่นานมานี้ #เหมียวเลเซอร์ ได้หยิบยกภาพบรรยากาศภายในโรงเรียนชายล้วนที่ดีที่สุดจากประเทศอังกฤษมาให้ชมกัน นั่นก็คือ Eton College หรือวิทยาลัยอีตัน (คลิกชมที่ลิงค์นี้) และจากที่ได้เปรยไปว่าสถาบันการศึกษาแห่งนี้ดูดีมากจนน่าเหลือเชื่อ จะเห็นได้จากบุคลิกการแต่งกายของเหล่านักเรียนนั้นมีความเป็นผู้ดีสุดๆ แล้วบรรยากาศการเรียนข้างในนั้นจริงๆ จะดีอย่างที่เราคิดกันหรือไม่ ถ้าอยากรู้แล้วล่ะก็ มาติดตามกันได้เลย ทางสถานีโทรทัศน์ BBC ได้จัดทำรายการที่ติดตามชีวิตของนักเรียนในแต่ละสถาบันของอังกฤษในซีรีส์ My Life ติดตามชีวิตนักเรียนในสถาบันต่างๆ ซึ่งในคราวนี้จะเป็นของวิทยาลัยอีตัน โดยมีหนุ่มวัยมัธยมต้น 3 คนที่ได้รับทุนเข้ามาศึกษาในรั้วอีตันแห่งนี้ หนุ่มน้อยทั้งสามของเรามีชื่อว่า Fara, James และ Theo ได้รับทุนเข้าเรียนในระดับ Year 9 หรือเท่าเทียบ ม.3 ในบ้านเรา Fara เองได้เล่าไว้ว่าการได้เข้าเรียนที่นี่คือความใฝ่ฝันของแม่ เพราะอยากจะให้ลูกได้เข้าเรียนสถาบันที่ดีที่สุดในประเทศ และเขาก็สามารถสอบชิงทุนตามที่แม่หวังเอาไว้ได้ James นั้นมีเชื้อสายจีน โดยพ่อแม่ย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ การสอบทุนนั้นเกิดขึ้นด้วยความเบื่อของ James เอง ลองทำการสมัครชิงทุน และแล้วก็สอบผ่านมาได้ ซึ่งถ้าหากไม่ได้ทุนนี้มา เขาก็คงไม่ได้เรียนที่นี่ เพราะค่าเทอมแพงมาก…
-
เปิดตัว “โรงเรียนแม่มดพ่อมดอิลเวอร์เมอร์นี” แห่งอเมริกา พร้อมประวัติอันยาวนาน!!
สำหรับคนที่เป็นแฟนๆ แฮร์รี่แล้ว ก็คงรอคอยการกลับมาของภาพยนตร์ Fantastic Beasts ที่กำลังจะเข้าโรงในปลายปีนี้ ซึ่งในภาคนี้จะเป็นการเล่าย้อนไปในอีกยุค โดยเล่าเรื่องราวของตัวละคร “นิวท์” ผู้เขียนหนังสือสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ ถ้าใครติดตามโลกเวทมนตร์ตลอดก็คงจะรู้ว่าโรงเรียนพ่อมดแม่มดนั้นไม่ได้มีแค่ฮอกวอตส์ เพราะในภาคถ้วยอัคนี เราได้เห็นโรงเรียนเพื่อนบ้านที่มาจากต่างประเทศด้วยอย่าง เดิร์มสแตรงก์ (เหมือนจะยังไม่เปิดเผยสถานที่ แต่คาดว่าตั้งอยู่แถวไซบีเรียหรือบัลแกเรียหรือทางเหนือของยุโรป) โบซ์บาตงของฝรั่งเศส และยังมีของญี่ปุ่นชื่อว่ามาโฮโทะโคะโระ แต่เมื่อเรื่องราว Fantastic Beasts เกิดขึ้นที่อเมริกา ก็ต้องมีเรื่องราวของโรงเรียนพ่อมดแม่มดที่นั่นเช่นกัน ซึ่งวันนี้ก็เปิดตัวไปแล้วกับโรงเรียน “อิลเวอร์เมอร์นี” ทางเว็บไซต์ Pottermore ได้ลงเรื่องราวเกี่ยวกับโรงเรียนแห่งนี้ไว้แล้ว คาดว่าน่าจะมีส่วนสำคัญในภาพยนตร์ด้วย เราไปชมคลิปกันก่อนเลย โรงเรียนเวทมนตร์แห่งอเมริกาเหนืออันยิ่งใหญ่แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่สิบเจ็ด ตั้งอยู่ที่จุดสูงสุดของภูเขาเกรย์ล็อค และซ่อนตัวจากการมองเห็นของคนธรรมดาด้วยเวทมนตร์อันทรงพลังหลากหลายแบบ ที่บางครั้ง ก็ปรากฏออกมาในรูปของวงเมฆหมอก แน่นอนว่าใน “โรงเรียนพ่อมดแม่มดอิลเวอร์เมอร์นี” ก็มีการคัดสรรบ้านเช่นเดียวกันกับฮอกวอตส์ แต่จะมีบางกฎที่แตกต่างกันไปบ้าง โดยเฉพาะเรื่อง “ไม้กายสิทธิ์” โดยมีการอธิบายไว้ว่า… “โรงเรียนจะไม่อนุญาตให้เด็กนักเรียนถือไม้กายสิทธิ์จนกว่าจะเดินทางถึงอิลเวอร์เมอร์นี ยิ่งไปกว่านั้น จะต้องฝากไม้กายสิทธิ์ไว้ที่โรงเรียนอิลเวอร์เมอร์นีระหว่างช่วงปิดภาคเรียน และกฎหมายจะอนุญาตให้ถือไม้กายสิทธิ์นอกบริเวณโรงเรียนได้ก็ต่อเมื่อพ่อมดหรือแม่มดมีอายุครบสิบเจ็ดปีแล้ว” และบ้านก็จะแบ่งเป็น 4 บ้านเหมือนกับฮอกวอตส์ ได้แก่ แวมปัส เป็นตัวแทนของร่างกาย ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นนักรบ งูยักษ์ เป็นตัวแทนของจิตใจ…
-
บรรยากาศภายใน Eton College โรงเรียน “ท่านลอร์ด” แห่งอังกฤษ กลิ่นอายแฮร์รี่มาเต็ม!!
ในบรรดาสถาบันการศึกษานั้นมีทั้งระบบเปิดและระบบปิด รวมไปถึงการแยกระหว่างหญิงล้วนและชายล้วนด้วย คราวนี้ #เหมียวเลเซอร์ อยากจะพาทุกท่านไปชมบรรยากาศสถาบันการศึกษาชายล้วนที่ประเทศอังกฤษซะหน่อย ว่าจะคล้ายคลึงกับแถวๆ บ้านเรารึเปล่า Eton College (วิทยาลัยอีตัน) เป็นโรงเรียนประจำระดับชั้นมัธยมชื่อดังแห่งวินเซอร์ ประเทศอังกฤษ ก่อตั้งโดยพระเจ้าเฮนรีที่ 6 แห่งอังกฤษ เป็นโรงเรียนหลวงแต่ใช้ระบบเอกชน รับเฉพาะนักเรียนชายตั้งแต่อายุ 12-18 ปี รวมๆ แล้วจะมีนักเรียนประมาณทั้งสิ้น 1,300 คน . วิทยาลัยอีตันเป็นหนึ่งในโรงเรียนในระบบปิด มีการแบ่งบ้านให้นักเรียนได้อยู่ด้วยกัน มีการเรียนการสอนในแบบสมัยนิยม ซึ่งนอกเหนือจากการเรียนวิชาความรู้พื้นฐานแล้ว เหล่านักเรียนที่นี่จะต้องเรียนรู้เรื่องมารยาทและบุคลิกภาพด้วย เพื่อให้นักเรียนที่นี่มีคุณภาพเพรียบพร้อมทั้งด้านวิชาการและด้านภาพลักษณ์ จนทำให้โรงเรียนแห่งนี้กลายมาเป็น ‘โรงเรียนผู้ดีที่สุดในโลก’ บรรยากาศภายในโรงเรียนจะเป็นอย่างไรนั้น เรามาชมกันเลยดีกว่า . . . . . . . . . พระมหากษัตริย์ไทย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นศิษย์เก่าวิทยาลัยอีตันแห่งนี้ วิทยาลัยอีตันแห่งนี้มีศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงมากมายหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าชายวิลเลียม…
-
ศิลปินสุดเกรียน หลังรู้ว่า ร.ร.ประถมตั้งชื่อบ้านเหมือนตัวเอง เลยไปพ่นสีแต่งกำแพงให้!!
อันนี้เป็นเหตุการณ์ฮาๆ ของศิลปินท่านหนึ่งชื่อว่า Banksy ได้ก่อไว้ เริ่มจากได้มีโรงเรียนแห่งหนึ่งชื่อว่า Bridge Farm Primary School ในเมือง Bristol ได้ให้นักเรียนประถมแข่งกันตั้งชื่อบ้าน และชื่อที่ถูกคัดเลือกก็ได้แก่ Brunel, Blackbeard, Cabot และ Banksy หลังจากศิลปินคนนี้ได้รู้ข่าว เขาก็อาศัยช่วงเวลากลางคืนในการแอบไปพ่นสี เพื่อเป็นการ “ขอบคุณ” ซึ่งตอนนั้นก็เป็นช่วงปิดเทอมพอดี พอวันเปิดเทอม เด็กๆ และครูก็ได้มาเห็นภาพอยู่ตรงกำแพง เห็นแล้วอึ้งกันทุกคน ซึ่งก่อนหน้านี้ภาพบนกำแพง เป็นภาพของเด็กกำลังเอาไม้ตีฮูล่าฮูปน่ารักมุ้งมิ้งธรรมดา เขาก็เลยจัดการเปลี่ยนให้เป็นเด็กตียางที่กำลังติดไฟ อะไรจะโหดปานน้านนนนนน . นอกจากนี้เขายังทิ้งจดหมายไว้ด้วยว่า “เรียน โรงเรียน Bridge Farm School, ขอบคุณสำหรับจดหมายและใช้ชื่อผมในการตั้งชื่อบ้าน ได้โปรดรับรูปนี้ไป แต่ถ้าคุณไม่ชอบก็สามารถใส่ของเพิ่มก็ได้ ผมมั่นใจว่าคุณครูจะไม่ว่าอะไร และโปรดจำไว้ว่าการให้อภัยนั้นมันง่ายกว่าการขออนุญาต ด้วยรัก จาก Banksy” แหม่ เรียกได้ว่าเป็นผลงานที่เฟี้ยวสมชื่อจริงๆ และชอบทำอะไรแปลก เป็นประจำ ถ้าใครยังจำดิสนีย์แลนด์เวอร์ชั่นหลอนๆ ได้ ก็ผลงานของเขานี่แหละ ที่มา colossal
-
หนุ่ม ม.ปลาย แอบวาดรูปเพื่อนร่วมรุ่นทั้ง 411 คน เป็นความทรงจำดีๆ ในโอกาสจบการศึกษา
คุณยังจำความรู้สึกในวันเรียนจบมัธยม และจะต้องแยกย้ายจากเพื่อนๆ ในห้องกันได้หรือไม่ แน่นอนว่ามันเป็นวันแห่งความทรงจำดีๆ อีกวันหนึ่ง ที่ทำให้เรารู้สึกประทับใจทุกครั้งเมื่อได้คิดถึง และเหมียวขี้อ้อนเชื่อว่า เพื่อนๆ หลายคน ก็คงอยากจะเก็บความทรงจำดีๆ ของเพื่อนในห้องเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปรวม เขียนความรู้สึกที่มีต่อกันลงในสมุดไดอารี่ หรือบางคนก็ลงทุนให้เพื่อนเขียนลงบนเสื้อนักเรียนเลยก็มี เรียกได้ว่าแต่ละคนก็มีวิธีเก็บความทรงจำดีๆ ในแบบที่ต่างกันออกไป เช่นเดียวกับ Phillip Sossou ชายหนุ่มที่จบจากโรงเรียน Latin High School ในบอสตัน สหรัฐอเมริกา คนนี้ เขาก็อยากมีภาพความทรงจำดีๆ ของเพื่อนร่วมชั้นเหมือนกัน แต่วิธีการสร้างความทรงจำของเขาเนี่ยสิ ดูเหมือนจะแปลก และไม่เหมือนใครเอาซะเลย Sossou อยากจะส่งต่อ และเก็บความรู้สึกดีๆ ให้กับเพื่อนของเขาทุกคน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจวาดภาพพอร์ตเทรตของเพื่อนทั้งชั้นกว่า 411 คนซะเลย โอ้วววว ดูเหมือนเขาจะรักเพื่อนมากเลยนะเนี่ย . Sossou นำภาพของเพื่อนๆ แต่ละคนมาวางไว้ข้างผนังซึ่งเป็นทางเดินไปห้องเรียน และแน่นอนว่าเมื่อเพื่อนๆ ของเขาได้เห็นทุกคนต่างก็ทึ่งไปตามๆ กันเลยละ . …
-
พาไปชมความน่ารักของ “โรงเรียนผู้ใหญ่” ที่ต้องมีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไปถึงจะเรียนได้
พวกเราคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ไม่มีใครแก่เกินเรียน” ใช่ไหม? ประโยคนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกินเลยนะ เพราะแม้ว่าคุณจะอายุมากจนผมหงอก ผิวหนังไม่ได้เต่งตึงหรือสายตาเริ่มยาวกว่าตอนหนุ่มสาว คุณก็สามารถกลับมาสวมชุดนักเรียนได้ แถมยังดูน่ารักยิ่งกว่าคนหนุ่มสาวอีกนะ วันนี้#เหมียวฟิ้นจะพาเพื่อนๆ ไปชม “โรงเรียนผู้ใหญ่” ในเทศบาลเมืองพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี โรงเรียนแห่งนี้เป็นแหล่งรวบรวมนักเรียนสูงอายุ ที่จะเปิดสอนให้แก่เหล่านักเรียนที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊กของคุณ นราธิป สาครวงศ์วัฒนา พร้อมกันนี้ยังมีข้อความด้วยว่า “วันนี้ผมมีโอกาศได้ยินคำพูดคำหนึ่งว่า ‘ลูกๆดีใจที่ได้พาพ่อแม่ไปซื้อชุดนักเรียน และจะได้พาพ่อ-แม่ไปส่งที่โรงเรียน’” “รับสมัครนักเรียนอายุไม่น้อยกว่า 55ปี ณ.ห้องงานพัฒนาชุมชน เทศบาลเมืองพิบูลมังสาหาร ไม่มีหมดเขตจ้า” นี่ไม่ใช่โรงเรียนผู้สูงวัยแห่งแรกนะ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อช่วงปลายปี 2558 ก็เคยมีการเปิดตัวโรงเรียนผู้สูงอายุที่จังหวัดลำปางมาแล้ว ขอบอกว่าน่ารักไม่แพ้กันเลยทีเดียว ทั้งนี้ โรงเรียนผู้สูงอายุมีขึ้นเพื่อให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพร่างกาย อารมณ์ สังคมและจิตใจที่ดี รวมไปถึงมีความรู้ สามารถดูแลตนเองและทำประโยชน์เพื่อสังคมได้ด้วยนะ ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาภาวะผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นในสังคมได้ดีทีเดียวล่ะ . . . . . .…
-
หาเรื่องผิดคนแล้ว!! เด็กนักเรียนโดนรังแก แต่โชคร้ายที่เขาดันเป็นมวย MMA ซัดกลับซะน่วม
นี่คือคลิปที่กำลังโด่งดังอยู่ในสื่อสังคมออนไลน์ของต่างประเทศอยู่ในขณะนี้เลย สำหรับคลิปวิดีโอการกลั่นแกล้งกันของเด็กเกเรในโรงเรียน ที่ดันเลือกคู่ต่อสู้ผิด เลยเจอเอาคืนกันลงไปนอนกองกับพื้นเลย เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่ถูกถ่ายได้ในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง ในคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นภาพของเด็กผู้ชายตัวสูงเดินเข้าไปหาเรื่องเด็กผู้ชายสองคน ตอนแรกเขาทำทีเป็นเดินชนไหล่ของพวกเขา แต่เด็กทั้งสองเลือกที่จะไม่ตอบโต้ ก่อนที่จะหมดความอดทนเพราะถูกผลักไหล่ หนึ่งในเด็กทั้งสองจึงถอดกระเป๋าออกจากหลังและตั้งท่าการ์ดเตรียมพร้อมต่อสู้ทันที ในทีแรกเด็กชายที่ถูกรังแกเป็นฝ่ายปล่อยหมัดซ้ายก่อน จากนั้นก็โยกหลบหมัดไปมา ก่อนที่ทั้งคู่จะล้มลงไป และเด็กชายที่ถูกแกล้งก็ประเคนหมัดรัวๆ เข้าที่ศรีษะของคนที่มาหาเรื่อง จากนั้นก็จบด้วยท่าล็อคแขนแบบมวย MMA ก่อนที่คนอื่นๆ จะเข้ามาดึงเขาออกไปก่อนที่แขนของเด็กคนนั้นจะหัก หลังจากที่คลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลายทีเดียว เช่น “ถ้าผมเห็นเด็กคนนี้เดินมาบนทางเท้า ผมจะข้ามถนนทันที” “เด็กคนนี้โชว์ให้เราเห็นหมดเลย!! เขาปล่อยหมัดขวาแบบมวยสากล จากนั้นก็เตะซ้ายแบบมวยไทย จากนั้นก็ทุ่มตัวเขาลงแบบมวย MMA ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนตัวเขาแบบยิวยิตสู” ชมคลิปเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย พวกชอบแกล้งคนอื่นมันต้องเจอแบบนี้!! ที่มา dailymail , KINGBANG
-
งานชวนหิวก็มา!! แชร์สูตร “โตเกียว” ขนมยอดฮิตในวัยเรียน สอดไส้หมู ไส้กรอก และไข่ อร่อยฟินเฟร่อ
ในสมัยที่ยังเป็นเด็กนักเรียน เชื่อว่าไม่มีใครหรอกที่ไม่เคยทาน “โตเกียว” และด้วยความที่โตเกียวเป็นขนมที่มีรสชาติอร่อย และราคาถูก ดังนั้นมันจึงกลายเป็นขนมยอดฮิตที่สุดในโรงเรียน วันนี้เราก็เลยได้สูตรการทำโตเกียวเด็ดๆ จาก คุณพิม (สมาชิกหมายเลข 3128333 และเพจ pimmytasty) ที่ได้ดัดแปลงสูตรมาจากคุณ BlackPiano มาให้เพื่อนๆ ได้ลองไปทำทานกัน บอกเลยว่าหากได้ลองทานแล้ว ภาพตอนสมัยเป็นเด็กนักเรียน จะหวนกลับเข้ามาชวนให้คิดถึงอย่างแน่นอน แหม!! แค่เห็นภาพก็ชวนให้น้ำลายไหลจะแย่อยู่แล้ว ถึงเวลาที่ต้องไปลงมือทำแล้วสินะเมี๊ยวววววว ส่วนผสมแป้ง -แป้งสาลีเอนกประสงค์ 60 g (อย่าลืมร่อนแป้งกันก่อนน้า) -น้ำตาล 2 ช้อนชา -ผงฟู 1 ช้อนชา -เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา -ไข่ไก่ 1 ฟอง -น้ำผึ้ง 1 + 1/2 ช้อนโต๊ะ (ถ้าไม่มีใช้น้ำตาลแทนได้ แต่ถ้าเป็นน้ำผึ้งจะหอมกว่าจ้า) -น้ำสะอาด หรือ น้ำปูนใส 40 g (น้ำปูนใสจะช่วยให้ขนมกรอบ…
-
โรงเรียนสอนภาษาไอเดียเจ๋ง ทำ “เส้นสีบอกทาง” ไปที่ห้อง เหมือนกับอยู่โลกอนาคต!!
ปัจจุบันนี้สถานที่ประกอบการก็ต้องทำออกมาให้น่าดึงดูด ดังนั้นการออกแบบภายในจึงเป็นเรื่องจำเป็น ไว้เว้นแม้แต่โรงเรียนสอนภาษาด้วย สถาปนิกชื่อว่า Emil Dervish ได้ทำการออกแบบโรงเรียนสอนภาษาแห่งหนึ่งชื่อว่า Underhub ที่เมือง Kiev ประเทศยูเครน โดยได้แรงบันดาลใจมาจากสถานีรถไฟใต้ดินลอนดอน แต่เขาก็เอามาปรับปรุงใหม่โดยให้เส้นมันหนาขึ้น พร้อมกับเพิ่มสีสันเข้าไปอีก แต่ละเส้นนั้นก็จะมีชื่อของสถานีในลอนดอนเพื่อนำนักเรียนไปยังจุดหมายซึ่งก็คือห้องเรียน เช่น Westminster, Piccadilly, และ Paddington และเมื่อนักเรียนเดินไปถึงห้องเรียน ก็จะมีจุดสิ้นสุดอยู่บนประตู นั่นก็หมายความว่าถึงที่หมายแล้ว ถือเป้นไอเดียที่ดีมากๆ เลยในการทำให้นักเรียนรู้สึกสนุกไปกับการออกแบบภายในที่ดูเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยลูกเล่นมากมาย เห็นแล้วก็อยากไปเรียนเลยนะเนี่ย ที่มา designyoutrust
-
ดุเดือด!! คุณครูชาวจีนถูกนักเรียนรุมเตะและต่อย หลังมีปากเสียงไม่ยอมส่งข้อสอบ
ประเด็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียนนั้นมักจะเกิดขึ้นให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ซึ่งสาเหตุหลักๆ ก็มาจากการใช้ความรุนแรงนั่นแหละ อาจจะเริ่มจากฝ่ายครูก่อนหรือไม่ก็ฝ่ายนักเรียนก่อน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ควรที่จะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลย คลิปวิดีโอสั้นๆ นี้เกิดขึ้นที่ประเทศจีน ณ โรงเรียนมัธยม Fanji High School มณฑลอานฮุย เป็นเหตุการณ์ที่เกิดในห้องเรียนระหว่างคุณครูสอนภาษาอังกฤษกับนักเรียนชายรายหนึ่ง เกิดมีปากเสียงกัน อันเนื่องมาจากไม่ยอมส่งข้อสอบให้ ความรุนแรงเริ่มทวีมากขึ้นหลังจากที่คุณครูจับล็อคคอของนักเรียนชายคนดังกล่าว เพื่อนร่วมชั้นเรียนจึงเกิดบันดาลโทสะเข้าปะทะกับคุณครูอย่างรุนแรง ทั้งเตะและต่อย เอาเก้าอี้ฟาดครู รวมกันแล้วประมาณ 5 คนได้!! แต่ครูท่านนี้ก็ไม่ยอม ยืนต่อว่าและเข้าไปตบหน้านักเรียนกลับ กลายเป็นว่าทำให้ความรุนแรงภายในห้องเรียนนี้ไม่มีทางจบสิ้นได้โดยง่าย หลังจากที่คลิปถูกแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ครูใหญ่ของโรงเรียนถูกสั่งพักงานทันที และทางกระทรวงศึกษาธิการจะเข้ามาสอบสวนเหตุการณ์ความรุนแรงต่อไป (#เหมียวเลเซอร์ เองว่าเหตุการณ์นี้ไม่น่าจะใช้ความรุนแรงเลย จนมันบานปลายไปได้ถึงขนาดนี้) ที่มา : ahscb, unilad
-
นักเรียนสาวนิวซีแลนด์ถูกสั่งห้ามใส่กระโปรงสั้น เพราะรบกวนสายตาครูและนักเรียนชายคนอื่น!!
เชื่อว่าสาวๆ หลายๆ ท่านชอบใส่กระโปรงที่มีความยาวไม่มากนัก อาจเป็นเพราะการใส่กระโปรงยาวๆ ทำให้พวกเธอรู้สึกร้อน แต่บางครั้ง การใส่กระโปรงสั้นก็อาจสร้างปัญหาให้คนอื่นได้เช่นกัน!! รองครูใหญ่ Cherith Telford แห่งโรงเรียนมัธยมปลาย Henderson ในเมือง Auckland ได้เรียกนักเรียนหญิงกว่า 40 คนเข้ามาประชุม และบอกให้พวกเธอ ใส่กระโปรงให้อยู่ในระดับคลุมหัวเข่า เธอให้เหตุผลว่า คำสั่งนี้มีเพื่อให้นักเรียนหญิง “ปลอดภัย” และป้องกันไม่ให้เด็กชายเกิด “ความคิด” ขึ้นมา และสร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับครูและพนักงาน “ผู้ชาย” ในโรงเรียนอีกด้วย ซึ่งหลังจากนั้นทางโรงเรียนก็ได้เพิ่มกฎข้อนี้เข้าไป โดยนักเรียนหญิงทุกคนต้องใส่กระโปรงยาวกว่าหัวเข่าเท่านั้น ไม่มีสูงกว่า หากผู้ปกครองท่านใดต้องการนำลูกมาเข้าเรียน ก็ต้องตระหนักถึงกฎข้อนี้แล้ว และไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้ อย่างไรก็ตามเมื่อมีกฎนี้ขึ้นมา ก็มีนักเรียนหญิงบางส่วนออกมาแสดงความเห็นว่า นี่เป็นการแบ่งแยกทางเพศหรือไม่ เพราะเหมือนเป็นการบอกโดยนัยว่า ร่างกายของผู้หญิงนั้น รบกวนผู้อื่น แหม ถ้าครูนิวซีแลนด์มาสอนในมหาลัยประเทศไทยคงจะต้องมีสติหลุดกันบ้างล่ะ เพราะกระโปรงนักศึกษาแต่ละที่นั้น สั้นสะเทือนใจจริงๆ คิดเหมือนกันอ๊ะป่าวเพื่อนๆ อิอิ ที่มา metro
-
ตามติดชีวิตใน “West Point” โรงเรียนเตรียมทหารสหรัฐ ที่ใครๆ ก็ใฝ่ฝันอยากเข้าเรียน!!
“West Point” หรือชื่อเต็มก็คือ The United States Military Academy เป็นสถาบันเตรียมทหารในสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ก่อตั้งเมื่อปี 1802 จนมาถึงตอนนี้ก็ร่วม 200 ปีแล้ว West Point ได้ผลิตบุคลากรที่เปลี่ยนแปลงโลกนี้เอาไว้มากมายเช่นนายพล George S. Patton หรือว่าจะเป็นประธานาธิบดีคนที่ 34 ของสหรัฐฯ Dwight D. Eisenhower นักเรียนที่นี่จะได้รับทุนการศึกษาแบบเต็มรูปแบบ แลกเปลี่ยนกับการไปเป็นทหารประจำในกองทัพ ซึ่งเมื่อจบการศึกษาแล้วก็จะได้รับยศร้อยตรี แน่นอนว่านักเรียนต้องทำร่ายกายให้แข็งแรงตลอดเวลา ซึ่งเราจะได้เห็นเหล่านักเรียนวิ่งออกกำลังกายรอบๆ ในตอนเช้า 7 โมง ภายในก็จะมีรูปปั้นที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเหล่านักเรียน เช่นรูปปั้นของ George Washington ประธานาธิบดีคนแรก โรงเรียนแห่งนี้ก่อตั้งเมื่อปี 1802 และคนที่จะสมัครเข้ามาได้ต้องมีอายุระหว่าง 17 – 23 ปีเท่านั้น รูปปั้นของอดีตประธานาธิบดี Eisenhower ก็สูงเด่นเป็นสง่า เพราะเขาเป็นหนึ่งในนักเรียนช่วงปี 1911 – 1915 แต่ละห้องเรียนจะมีนักเรียนเพียงแค่ 20 คน และนี่คือห้องเรียนวิชากฎหมายธุรกิจ…
-
โรงเรียนอนุบาลถูกวิจารณ์ยับ หลังมีภาพจัดงานวันเกิดให้เด็กแบบสุดเสื่อม มีเลียครีมบนแก้ม และใช้ปากส่งขนม
เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในเมืองจางฮั่ว ประเทศไต้หวัน ถูกบรรดาผู้ปกครองวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังจากที่ได้เห็นภาพของบรรดาเด็กนักเรียนทั้งหญิงและชาย มีการแสดงพฤติกรรมออกมาในทางที่ไม่เหมาะสม ภายในงานวันเกิดของเด็กนักเรียนคนหนึ่ง ที่ทางโรงเรียนได้จัดงานให้ จากภาพเราจะเห็นได้ว่า เด็กนักเรียนชายคนหนึ่งกำลังเลียครีมไปที่แก้มของเด็กผู้หญิง ส่วนอีกภาพจะเป็นเด็กผู้หญิงกำลังคาบลูกเชอรี่ในปาก แล้วส่งต่อให้เด็กผู้ชายอีกคน งานนี้เมื่อภาพดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก ซึ่งทางโรงเรียนก็ได้ออกมาขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมอ้างว่า ทำไปเพื่อสอดแทรกในเรื่องการสอนเพศศึกษา ทั้งนี้จากกรณีดังกล่าว คาดว่าพฤติกรรมที่เด็กๆ ได้แสดงออกมานั้น เป็นความตั้งใจของครูผู้จัดงาน ที่ได้ยุยงส่งเสริมให้เด็กๆ แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมออกมาเช่นนี้ ที่มา : shanghaiist
-
‘Fuji Kindergarten’ โรงเรียนอนุบาลสุดล้ำในญี่ปุ่น ที่ใครๆ ก็อยากส่งลูกเข้าไปเรียนมากที่สุด
โรงเรียน เรียกได้ว่าเป็นเหมือนกับบ้านหลังที่สองของเด็กๆ ซึ่งการที่พ่อแม่ส่งลูกๆ เข้าเรียนที่โรงเรียนนั้น ก็เพื่อต้องการที่จะให้ลูกมีความรู้ มีเพื่อนที่ดี และสามารถเข้าสังคม และอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ได้ ซึ่งถ้าหากว่าคุณได้ลองส่งลูกเข้าเรียนในโรงเรียนที่เราจะมาแนะนำให้รู้จักละก็ คุณจะต้องอยากส่งลูกเข้าเรียนแน่นอน เพราะนอกจากพวกเขาจะได้ความรู้แล้ว เด็กๆ ยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีอิสระอีกด้วย และนี่ก็คือ Fuji Kindergarten โรงเรียนอนุบาลในประเทศญี่ปุ่น ที่ถูกสร้างและออกแบบขึ้นมาในปี 2007 โดยตัวอาคารจะมีลักษณะคล้ายวงแหวน บริเวณตรงกลางเป็นลานสนามขนาดกว้าง ส่วนบนหลังคาจะเป็นทางเดินแบบนี้… ซึ่งผู้ที่ได้ทำการออกแบบโรงเรียนแห่งนี้ก็คือสถาปนิกชาวญี่ปุ่นนามว่า Takaharu Tezuka ยังไงละเหมียว Takaharu ต้องการที่จะให้เด็กๆ ทำกิจกรรมได้อย่างสนุกสนานตามแบบที่พวกเขาต้องการ ดังนั้นเขาจึงได้ทำการออกแบบอาคารแห่งนี้ขึ้นมา โดยให้เด็กๆ สามารถวิ่งเล่นได้อย่างอิสระ และปลอดภัย ภายในโรงเรียนจะมีขนาดที่กว้างใหญ่ ที่ทำให้เด็กๆ สามารถวิ่ง ปีนเล่น หรือกระโดดได้ตลอดทั้งวันโดยที่ไม่มีผนังมากั้นขวาง สำหรับโรงเรียนแห่งนี้ เป็นโรงเรียนอนุบาล ที่มีระบบการศึกษาที่เน้นการกระตุ้นพัฒนาการของเด็ก อีกทั้งยังสอนให้เด็กรู้จักมีระเบียบ เข้าสังคมได้ และรู้จักมารยาทในสังคมอีกด้วย…
-
เรื่องสุดประทับใจ… ชายอินเดียใจบุญ เปิดโรงเรียนข้างถนน สอนเด็กยากไร้ให้ได้ดีมากว่า 15 ปี
ในโลกยุคปัจจุบัน การศึกษาถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากไม่มีการศึกษาที่ดีถึงระดับหนึ่งแล้ว การใช้ชีวิตในภายภาคหน้า ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม การจะผ่านการศึกษานั้น ก็ต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งทำให้เด็กยากไร้หลายคน ต้องพลาดโอกาสในการศึกษาไปอย่างน่าเสียดาย และเมื่อไม่มีการศึกษา การจะพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ก็อาจเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว เรื่องดังกล่าวทำให้ Kamal Parmar เจ้าของโรงงานแห่งหนึ่งในประเทศอินเดียรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก และนั่นเป็นแรงบันดาลใจ ให้เขาทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่และน่ายกย่องขึ้นมา เขาเล่าว่า เมื่อสิบห้าปีก่อน เขาเห็นเด็กจากสลัมแถวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังเดินทางกลับมาจากโรงเรียน เด็กกลุ่มนั้นดีใจมากที่สอบผ่าน เขาจึงเขาไปสอบถาม และเขาก็ต้องพบกับความจริงที่น่าตกใจว่า เด็กกลุ่มนั้น ไม่มีใครอ่านออกเขียนได้ซักคนเลย เขารู้สึกว่าเขาต้องทำบางอย่างกับเรื่องนี้แล้ว เขาเริ่มจากการคุยกับเด็กเกือบ 400 คนในสลัมแถวบ้านของเขา เขาพบว่ามีเด็กเพียง 4-5 คนเท่านั้นที่อ่านหนังสือออก ดังนั้นเขาจึงชวนเด็กเหล่านั้น ให้มาที่บ้านของเขาทุกๆ เย็น เพื่อเรียนหนังสือเบื้องต้น โดยเขาใช้ที่บริเวณข้างบ้าน สร้างเป็นห้องเรียนข้างถนนขึ้นมา เริ่มแรกเขามีนักเรียนเพียง 15 คนเท่านั้น เขาพยายามสอนทุกอย่างที่เขารู้ให้กับเด็กสลัมผู้ยากไร้ เหล่านั้น และทุกๆ เย็น พวกเขาจะทำอาหารมาเลี้ยงเด็กๆ ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี เขาก็มีนักเรียนเพิ่มขึ้นมาอีกหลายสิบคนเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น…
-
เรื่องน่ารู้ของระบบโรงเรียนและนักเรียนญี่ปุ่น ที่อนิเมะมีส่วนคล้าย แต่ก็ไม่ได้เหมือนทั้งหมด!?
หากใครก็ตามที่ติดตามทั้งสื่อการ์ตูนมังงะและอนิเมะของญี่ปุ่น ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของตัวละครวัยนักเรียน มักจะเห็นได้ว่าชีวิตในโรงเรียนนั้นดูสดใส สมวัยการเรียนรู้ มีความสนุกสนานในห้องเรียน เข้าร่วมกิจกรรมกับชมรม ใช้เวลาร่วมกับเพื่อนๆ ในก๊วน แต่ในทางกลับกัน ชีวิตของนักเรียนญี่ปุ่นจริงๆ กลับตรงกันข้าม กิจกรรมต่างๆ ที่มีในการ์ตูนมังงะและอนิเมะ แทบจะไม่มีหรือมีน้อยมาก เพราะส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนมากกว่า จึงทำให้มีเวลาบันเทิงเริงรมณ์น้อย อีกทั้งยังมีกฏข้อบังคับทั่วไปอีก 1. ห้ามขับรถไปโรงเรียน ที่ห้ามขับรถไปโรงเรียนก็อันเนื่องมาจากเหตุผลทางด้านความปลอดภัยของนักเรียน ส่วนใหญ่นักเรียนก็จะขี่จักรยานไปโรงเรียนหรือเดินเท้า ถ้าหากว่าระยะทางจากบ้านไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก หรือถ้าหากว่าไกลๆ หน่อย ก็อาศัยระบบขนส่งมวลชนเช่น รถบัสหรือรถไฟ อีกทั้งโรงเรียนส่วนใหญ่จะมีนโยบายให้นักเรียนยืนอยู่บนขนส่งมวลชน เพื่อเว้นที่ว่างไว้ให้กับผู้อื่นที่ต้องการนั่งมากกว่า 2. ห้ามทำกิจกรรมบางอย่างในที่สาธารณะ เฉกเช่นเดียวกันกับประเทศไทย เมื่อใส่ชุดนักเรียนแล้วพฤติกรรมที่ไม่สุภาพจะส่งผลร้ายแรงต่อชื่อเสียงของโรงเรียนเป็นอย่างมาก ซึ่งพฤติกรรมที่ไม่สุภาพในญี่ปุ่นนั้นก็จะเป็น การอ่านหนังสือในขณะที่กำลังเดิน การเคี้ยวหมากฝรั่ง เป็นต้น 3. ต้องสวมใส่เครื่องแบบ เหมือนๆ กับโรงเรียนในประเทศไทย ที่นักเรียนทุกคนจะต้องสวมใส่เครื่องแบบตามที่โรงเรียนกำหนด แต่ของที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีหลายชุด ทั้งนี้ก็เพื่อให้เหมาะสมกับตามสภาพฤดูกาลมีครบ 3 แบบ คือ ชุดฤดูร้อน…
-
เด็กหนุ่มตัดสินใจมอบดอกไม้ให้สาวทั้งโรงเรียน เพราะอยากให้ผู้หญิงทุกคนมีความสุขในวันวาเลนไทน์!!
เทศกาลแห่งความรักหวานมุ้งมิ้ง โลกนี้กลายเป็นสีชมพู วาเลนไทน์เดย์ ใครมีคู่ก็สวีทหวานกันไป ส่วนใครที่ไม่มีก็ไม่ต้องน้อยใจไป อย่างน้อยเราก็มีความรักรออยู่ที่บ้าน (โลกสวยแป๊บ) ว่าแต่มันก็กลายมาเป็นประเพณีมอบของขวัญสื่อรักให้แก่กันและกันไปทั่วโลก ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้บอกรักใครซักคน Hayden Godfrey วัย 17 ปี และวัยรุ่นมักจะเป็นวัยที่มีการเซอร์ไพรส์มากที่สุด โดยหนุ่มวัย 17 ปี Hayden Godfrey นักเรียนจาก Sky View High School จาก Smithfield รัฐ Utah ก็เกิดความคิดดีๆ ที่จะมอบให้กับสาวๆ ทั้งโรงเรียนในช่วงวันวาเลนไทน์ คุณแม่ของเขา Erin บอกว่าย้อนไปในช่วงวัยประถม เขารู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาแตกสลาย ไม่ใช่เพราะว่าอกหัก แต่เป็นการที่ได้เห็นสาวๆ เดินกลับบ้านมือเปล่าในวันวาเลนไทน์ ‘เขาอยากให้ผู้หญิงทุกคนได้รับรู้ถึงความสุข’ และมาในปีนี้ เขาอยากจะแสดงให้เห็นถึงความสุขและความอ่อนโยน ทำการซื้อดอกคาเนชั่นกว่า 900 ดอก เพื่อให้แน่ใจว่านักเรียนหญิงทุกคนในโรงเรียนจะได้รับดอกไม้ติดมือกลับบ้านไปในวันวาเลนไทน์ …
-
โรงเรียนประถมญี่ปุ่นกับคอนเซ็ป ‘ช่วงทานอาหารกลางวันก็คือช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้’
ระบบการศึกษาที่ดี ย่อมหล่อหลอมให้เยาวชนเป็นอนาคตที่ดีของชาติได้ เพราะฉะนั้นการให้ความรู้และความถูกต้องกับเด็กๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ ร่วมปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีให้ตั้งแต่ยังเล็กๆ ทั้งนี้หนึ่งในประเทศที่มีคุณภาพอย่างญี่ปุ่นนั้นจึงให้ความสำคัญทุกจุด ไม่เว้นแม้แต่เวลารับประทานอาหารกลางวันของนักเรียน โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนประถมขนาดเล็กในจังหวัดไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น การเตรียมอาหารกลางวันของโรงเรียน จะนำวัตถุดิบมาประกอบอาหารทั้งจากฟาร์มภายในของโรงเรียน และวัตถุดิบท้องถิ่นจากนอกโณงเรียน สำหรับฤดูกาลเพาะปลูกก็จะแตกต่างกันไป อย่างในตอนนี้ทำการปลูกมันฝรั่ง และมันฝรั่งเหล่านี้จะมาเป็นวัตถุดิบหลักในอาหารกลางวันของเด็กๆ มีการแบ่งหน้าที่ชัดเจนมาก สำหรับมันฝรั่งที่ปลูกไว้ นักเรียนจะเป็นผู้ที่เก็บมา และส่งให้กับโรงครัว ภายในโรงครัวเองก็จะมีพ่อครัวแม่ครัวรับช่วงต่อปรุงอาหาร ซึ่งจะมีทั้งหมด 5 คนด้วยกัน เตรียมอาหารสำหรับนักเรียน 720 คน ภายในเวลา 3 ชั่วโมง เมื่อมื้อกลางวันเสร็จเรียบร้อยก็จะนำมาวางเรียงไว้ แยกเป็นแต่ละชั้นปี แต่ละห้อง รอเวลาให้นักเรียนมารับไปรับประทาน สำหรับนักเรียนเองก็ต้องมีการเตรียมตัวก่อนที่จะไปรับอาหารกลางวัน โดยแต่ละคนจะมีผ้ารองโต๊ะ แก้วน้ำ ตะเกียบและแปรงฟันเป็นของตัวเอง อีกทั้งจะต้องสวมผ้าคลุมกันเปื้อนพร้อมกับหมวกเก็บผมให้เรียบร้อย และมีการตรวจเช็คสุขภาพก่อน มีใครป่วยบ้าง สวมใส่ชุดเรียบร้อยมั้ย ล้างมือหรือยัง เมื่อทุกอย่างพร้อมก็เข้าแถวเรียงหนึ่งไปรับอาหารกลางวันจากโรงครัว ทุกครั้งที่เข้ามารับอาหารกลางวัน…
-
เปิดให้เล่นแล้ว “MARVEL Avengers Academy” มาสร้างโรงเรียนฝึกฮีโร่กันเถอะ!!
หลังจากปล่อยตัวอย่างมานานแล้ว คราวนี้ถึงเวลาที่เกม MARVEL Avengers Academy ได้เปิดตัวให้ทุกคนได้โหลดมาเล่นเสียที มีทั้งระบบ iOS และ Android เหมาะสำหรับคนรักฮีโร่เป็นอย่างยิ่ง ในเกม MARVEL Avengers Academy นี้จะให้คุณสวมบทบาทเป็นผู้อำนวยการควบคุมโรงเรียนฝึกฮีโร่ (แต่บางตัวก็ไม่ใช่ฮีโร่) ซึ่งคุณก็ต้องทำภารกิจไปเรื่อยๆ เป็นเกมแนวรอนับเวลาถอยหลัง เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาเล่นเกมนานๆ ในเกมคุณจะได้พบกับตัวละครมากมายอย่างกัปตันอเมริกา ไอรอนแมน โลกิ เพื่อต่อกรกับตัวร้ายอย่างไฮดร้า คุณต้องหมั่นฝึกฮีโร่ให้แข็งแกร่งอยู่เสมอ นอกจากนี้คุณยังสามารถอัพเกรดฮีโร่ของคุณจาก 1 ดาว เป็น 2 ดาว และ 3 ดาวได้ตามลำดับ ซึ่งความเก่งและชุดก็จะเท่มากยิ่งขึ้น แต่ยังไม่ทราบว่าอนาคตจะมีดาวเยอะกว่านี้รึเปล่า ระบบหลักๆ ของเกมก็คือคุณต้องสั่งฮีโร่ให้ไปทำภารกิจในมหาลัยฯแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นสั่งให้ไอรอนแมนบินเล่น สั่งให้โลกิไปเที่ยวบาร์ ซึ่งทั้งหมดก็จะได้รางวัลตอบแทนเป็นเงินและค่าประสบการณ์ และการที่คุณจะได้ฮีโร่ตัวใหม่มานั้นก็ต้องเอาฮีโร่ที่มีไปทำภารกิจก่อน ถึงจะปลดล็อกตัวใหม่ได้ ถือเป็นระบบที่น่าสนใจ หลังจากที่เหมียวได้ลองเข้าไปเล่นแล้วจะมาบอกเล่าให้ฟังแล้วกันว่าน่าเล่นแค่ไหน ซึ่งที่พูดไปทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง เพราะยังเล่นไปได้ไม่ไกลมากนัก ข้อดี – เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาเล่น เราสามารถสั่งฮีโร่ให้ทำงาน เลือกงานที่ใช้เวลานานๆ ได้…
-
ระบุตัวตนของเราในโลก Harry Potter ผ่านหมวกคัดสรรบ้านได้แล้วที่ Pottermore
สำหรับแฟนๆ พ่อมดน้อย Harry Potter ที่ถึงแม้ว่าฉบับนิยายและภาพยนตร์จะปิดฉากไปได้อย่างสวยงาม แต่ก็ยังคงมีเรื่องราวอีกมากมายให้เราได้ติดตามกันผ่านเว็บไซต์ Pottermore ซึ่งเป็นการขยายจักรวาลให้กว้างขึ้นไปอีก หมวกคัดสรรจากภาพยนตร์ Harry Potter ภาคแรก ในเว็บไซต์ Pottermore ได้ทำการเปิดในส่วนของ ‘หมวกคัดสรร’ เพื่อคัดเลือกนักเรียนเข้าบ้านต่างๆ ภายในโรงเรียน Hogwarts อันเลื่องชื่อ ที่ได้รับการดีไซน์ใหม่ ใช้งานง่ายขึ้น อีกทั้งได้รับการรับรองจาก J.K. Rowling ด้วยนะ ขอบอก!! พิธีการคัดสรรบ้านมาถึงแล้ว สำหรับใครที่ต้องการอยากจะรู้ว่าตัวเองจะได้ไปอยู่ในบ้านไหน จะต้องทำการสมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซต์เสียก่อน เมื่อสมัครและทำการยืนยันเรียบร้อยแล้ว ให้เลือกเข้าไปตอบคำถามกับหมวกคัดสรรได้เลย แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า สามารถทำได้ครั้งเดียวเท่านั้น คำตอบสุดท้ายของหมวกคัดสรร คือสิ่งที่คู่ควรกับคุณแล้ว เมื่อเข้ามาแล้ว จะมีคำถามที่เกี่ยวข้องกับตัวตนของเราหลายข้อ ให้เลือกตอบให้ตรงกับลักษณะบุคลิกของเรา จะได้ไม่มาเสียใจภายหลังนะจ๊ะ ยินดีด้วยเจ้าเหมียว เอ็งได้ไปอยู่บ้าน Hufflepuff นอกจากจะมีการคัดสรรเข้าบ้านแล้ว ยังมีการตอบคำถามเพื่อให้ไม้กายสิทธิ์เลือกคุณด้วย เอาล่ะ!!…
-
พาทัวร์โรงเรียนโยธินบูรณะแห่งใหม่ ยิ่งใหญ่อลังการอย่างกับห้างก็มิปาน!!
มีข่าวออกมาได้หลายปีแล้วว่า โรงเรียนโยธินบูรณะ จะมีการย้ายไปเปิดที่ใหม่ ที่จากเดิมตั้งอยู่บริเวณแยกเกียกกาย เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เป็นแถวสะพานพระราม 7 ด้วยเหตุผลเพราะว่าที่ดินเดิมถูกเวนคืนเพื่อสร้างเป็นรัฐสภาแห่งใหม่ ทั้งนี้ โรงเรียนโยธินบูรณะแห่งใหม่นี้จะมีกำหนดสร้างเสร็จในปีการศึกษา 2559 ซึ่งก็ใกล้เข้ามาทุกทีๆ แล้ว วันนี้แอดเหมียวเลยจะพาทุกๆ คนไปชมโรงเรียนแห่งนี้ทั้งด้านนอกและด้านในโรงเรียน มีสนามขนาดกว้าง ห้องเรียนใหม่ หรือแม้กระทั่งบันไดเลื่อน แอดเหมียวมองเผินๆ นึกว่าห้างใหม่เลยนะเนี๊ยะ ด้านนอกอาคาร มีบันไดเลื่อน สนามฟุตบอลขนาดใหญ่ เพื่อรองรับกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มีลิฟท์โดยสาร อู้หูววว นี่โรงเรียนหรือห้างกันเนี๊ยะ ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างมากๆ ที่มา ร.ร.โยธินบูรณะ , conancnt , lawansuwannarat , mnpimmada
-
J.K. Rowling เผยชื่อและรายละเอียดเกี่ยวกับ 3 โรงเรียนเวทมนตร์แห่งใหม่ และมันฟังดูเยี่ยมสุดๆ !!!
ก็เรียกได้ว่าหากินได้เรื่อยๆ เลยทีเดียวกับซีรีย์ชุดพ่อมดน้อย Harry Potter นี้ และล่าสุดผู้เขียน J.K. Rowling ก็ได้ออกมาเผยเรื่องราวใหม่ๆ ในเว็บไซต์ Pottermore ของเธอด้วยล่ะ!!! เกี่ยวกับโรงเรียนพ่อมดแม่มดเพิ่มเติมกว่า 3 แห่ง พร้อมรายละเอียดยิบย่อย ทั้งในประเทศญี่ปุ่น แถบแอฟริกา และบราซิล ซึ่งน่าตื่นเต้นสุดๆ สำหรับแฟนๆ ของซีรีย์ชุดนี้ เว็บไซต์ส่วนตัวของเธอ Pottermore หลังจากที่แฟนๆ เข้าเช็คเว็บไซต์นี้กันมาหลายเดือน สุดท้ายก็มีอะไรคืบหน้าขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ เมื่อ J.K. ได้ออกมาเผยถึงเรื่องราวใหม่ๆ ของโรงเรียนเวทมนตร์ทั้ง 3 แห่ง!!! Mahoutokoro โรงเรียนพ่อมดแม่มดของประเทศญี่ปุ่น และ Castelobruxo ของประเทศบราซิล และสุดท้าย Uagadou แห่งทวีปแอฟริกา Mahoutokoro โรงเรียนพ่อมดและแม่มดที่มีรูปร่างของนักเรียนเล็กที่สุดในบรรดาโรงเรียนทั้งหลาย ตั้งอยู่ที่เกาะ Minami Iwo Jima พอนักเรียนเข้าไปเรียนเป็นครั้งแรกก็จะได้ชุดที่ไซส์จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามขนาดตัว แถมมีสีสันก็จะเพิ่มขึ้น พอได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ด้วย Castelobruxo แห่งบราซิล ซ่อนเร้นอยู่ในป่าฝนรกทึบ นักเรียนสวมใส่ชุดสีเขียวสด และโรงเรียนแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องสมุนไพรและสัตว์วิเศษเป็นอย่างมาก…
-
ภารโรงที่โรงเรียนกวาดหิมะเป็นรูปต่างๆ หวังให้เด็กๆ มีความสุขในวันที่อากาศหนาวสุดขั้ว!!
อากาศหนาวๆ แบบนี้ เป็นใครก็ไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไหร่หรอก เพราะว่ามันทำอะไรก็ลำบากไปหมด แต่แล้วการหาความสุขในหน้าหนาวก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไร เมื่อได้มีภารโรงของโรงเรียนแห่งหนึ่งชื่อว่าคุณ Semen Bukharin นอกจากเขาจะทำหน้าที่เก็บกวาดใบไม้หรือหิมะแล้ว เขายังเป็นศิลปินชั้นเยี่ยมอีกด้วยนะ เขาได้เปลี่ยนพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะ โดยใช้ไม้กวาดและเสียมในการวาดลวดลายลงไป ซึ่งแต่ละภาพที่เขาวาดออกมานั้นเป็นสิ่งที่เด็กๆ ชอบทั้งสิ้น โรงเรียนที่เขาอยู่นั้นเป็นโรงเรียนแห่งหนึ่งในรัสเซียชื่อว่า Izhevsk ซึ่งปกติเขาก็ชอบวาดรูปลงบนกระดาษทั่วไปอยู่แล้ว แต่การวาดลงบนหิมะนั้นเป็นเรื่องที่มีคุณค่าสำหรับเขามากๆ เขาบอกว่าชอบเวลาที่เห็นเด็กๆยิ้มตอนที่เห็นภาพวาดของเขา และนี่ก็คือผลงานที่คุณลุงได้สร้างขึ้นมา เรียกได้ว่าคุณลุงท่านมีจิตใจที่อ่อนโยนมากๆ สามารถมอบความสุขให้กับเด็กๆ ได้ถึงแม้ว่าจะเป็นวันที่หนาวมากแค่ไหนก็ตาม ที่มา boredpanda
-
พาไปส่องอาหารกลางวันของโรงเรียนในประเทศเกาหลี ลองทายกันซิว่าอะไรมาบ่อยที่สุด!?
เรื่องปากท้องเป็นเรื่องใหญ่ หากปล่อยให้ท้องร้องจนหิวก็คงไม่ดีแน่ เพราะจะไม่มีแรงทำอะไรเลย แถมยังชวนหงุดหงิดอีกต่างหาก เพราะฉนั้นอาหารการกินจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยเด็กกำลังโตเนี่ย ต้องกินให้ครบทุกมื้อ ในระบบโรงเรียนเรามักจะมีอาการตื่นเต้นและลุ้นสุดๆ ในช่วงอาหารกลางวันนี่แหละ วันนี้จะได้กินอะไร ของอร่อยที่เราคาดหวังเอาไว้รึเปล่า? แต่ทว่าคราวนี้เหมียวจะขอพาไปส่องอาหารกลางวันจากเกาหลีแทน ดูซิว่านักเรียนที่นู่นเขาจะได้กินอะไรกันบ้าง กิมจิ – สลัดแฮม – ปลาหมึกซุปเต้าหู้ – ข้าว – ขนมปังรูปปลาคาร์พ ข้าวกล้อง, ไข่นกกระทาและปลาราดซอสเผ็ด – วุ้นเส้นและผักห่อสาหร่ายทอด – กิมจิ – ซุปเนื้อถั่วงอกและกะหล่ำปลี กิมจิ – โยเกิร์ตบลูเบอร์รี่ – ปลากะตักและกุ้งทอด – แตงกวาและกระเทียม – แกงซอส – ข้าว กิมจิ – เครื่องดื่มโยเกิร์ต – ไข่ – ขนมปังอัลมอนด์ – ซอสเผ็ด…
-
4 นักแสดงสาวสุดฮอตจากฮอร์โมน กับภาพงานกิจกรรมของโรงเรียน ที่คุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อน
เรามักจะเห็นภาพของเหล่านักแสดงจากซีรีย์สุดฮอตเรื่อง ฮฮร์โมน วัยว้าวุ่น กับบทบาทที่พวกเขาได้รับกันจนคุ้นตา ไม่ว่าจะเป็นคาแรกเตอร์ในการแสดง รวมไปถึงเสื้อผ้าหน้าผม และเหมียวก็เชื่อว่ายังมีอีกหลายคน ที่ยังไม่เคยเห็นบทบาทนอกจอกับชีวิตจริงของพวกเขา และในวันนี้เราจึงได้นำภาพของ 4 สาวสุดฮอต นักแสดงจากเรื่องฮอร์โมน กับภาพในงานกิจกรรมของโรงเรียนมาให้ได้ชมกัน มาดูกันว่าพวกเธอทำกิจกรรมอะไรกันบ้าง 1.ฟรัง นรีกุล เกตุประภากร คฑากรงานกีฬาสีของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาด้วยนะ สวยน่ารักมาก 2.แพรว นฤภรกมล ฉายแสง ส้มส้มคนสวยมีดีกรีเป็นถึงดรัมเมเยอร์ โรงเรียนบอสโกพิทักษ์ แถมยังได้ถือป้ายงานโรงเรียนอีกด้วย 3.ต้าเหนิง กัญญาวีร์ สองเมือง งานกิจกรรม โรงเรียนสตรีศึกษา จังหวัดร้อยเอ็ด ใสชุดไทยแล้วสวยใส น่ารักฝุดๆ 4.แพรวา ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ ด้านซ้ายเป็นหลีดจตุรมิตร ปี 2012 ส่วนภาพด้านขวาเป็นหลีดสีชมพู งานกีฬาสี satit sport 2012 จ้า…
-
ดึงสติหน่อย!! เหล่าคณะจากนิคมอุตสาหกรรมไปบริจาคของให้โรงเรียนบนดอย แต่ดูเหมือนจะไปปาร์ตี้แทน
ในพื้นที่ห่างไกล ประสบกับปัญหาความขาดแคลนสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ก็มักจะมีกลุ่มหรือคณะอาสาที่คอยไปบริจาคสิ่งของและมอบความช่วยเหลือให้เป็นประจำกันทุกปี ซึ่งถ้ามองผิวเผินก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าการไปบริจาคสิ่งของให้กับผู้ยากไร้เดี๋ยวนี้เริ่มจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว สืบเนื่องจากกระทู้พันทิป ไปให้… หรือไปเที่ยว?? – มาบริจาค… หรือมาเพิ่มภาระ?? โดยคุณ jingparko ที่ตั้งประเด็นหัวกระทู้เป็นคำถามขึ้นมาทันที กับการไปบริจาคสิ่งของแท้จริงแล้วมาเป็นภาระของเจ้าของสถานที่รึเปล่า? ซึ่งในครั้งนี้เป็นการออกทริปบริจาคบริจาคของให้กับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านหมันขาว อ.ด่านซ้าย จ.เลย ทั้งคณะมีทั้งหมด 12 คน มีทั้งครูและนักเรียนอาชีวะ ช่วยกันสอนทำข้าวเกรียบฟักแม้วให้กับชาวบ้าน และทำอาหารเย็น โกโก้ร้อน แจกขนมให้กับเด็ก ๆ อีกทั้งบริจาคเครื่องถ่ายเอกสารและเครื่องปรุงรสให้โรงเรียนด้วย จนกระทั่งมีกลุ่มผู้บริจาคอีกคณะหนึ่ง ประมาณ 20 คน มาจากนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ พอถึงช่วงเวลา 5 โมงเย็นก็เริ่มมีการเปิดเพลงเสียงดังไปทั่วบริเวณ ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าน่าจะเป็นการแสดงรอบกองไฟให้เด็กๆ ได้ชม แต่ทว่ามันไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด เพราะเสียงเพลงที่ดังขึ้นเป็นการเปิดเพลงเพื่อร้องคาราโอเกะ และกองไฟที่ก่อก็เป็นกองไฟเพื่อทำการปิ้งย่างอาหาร ไหนจะลำบากครู ตชด. ที่ต้องช่วยไปวิ่งหาของที่ต้องการมาให้อีก เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างมาก เพราะช่วงเวลานั้นเป็นเวลานอนของเด็กๆ และไม่มีการเก็บอุปกรณ์ใดๆ…
-
ทางเลือกการศึกษา!! หนุ่มจากสถาบัน MIT ลาออกมาตั้งวิทยาลัยเอง เรียนก่อน จ่ายทีหลัง!!
นับว่าเป็นอีกปัญหาหนึ่งของการศึกษาในระดับที่สูงๆ อย่างการเรียนในระดับอุดมศึกษา (ทั้งมหาวิทยาลัยและวิทยาลัย) นั้นจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากๆ จนทำให้เหล่านักเรียน นักศึกษาต้องหันหน้าเข้าหาแหล่งเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (ในประเทศไทยก็คือ กยศ.) ซึ่งสำหรับที่ต่างประเทศก็มีเช่นเดียวกัน แต่ทว่าด้วยค่าเทอมที่สูงลิบ ค่ากิน ค่าอยู่ก็แพง รวมไปถึงหนี้จากการกู้ยืมเพื่อการศึกษาก็มีจำนวนสูงเช่นกัน โดยหนึ่งในนักศึกษาจากสถาบัน MIT – Jeremy Rossman เขาก็ประสบกับปัญหาหนี้จากการกู้ยืมเพื่อการศึกษานี้ เพียงระยะเวลาที่เป็นนักศึกษาผ่านไปแค่ 9 เดือน (ค่าเทอม ค่าความเป็นอยู่) ก็ปาเข้าไปแล้วประมาณ 1.6 ล้านบาท (44,720 ดอลลาร์) เขาจึงตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่มีใครคิดว่าจะทำได้มาก่อน นั่นก็คือการลาออก และไปตั้งวิทยาลัยของตัวเอง เขาไม่ได้ก่อตั้งเพียงคนเดียว ยังมี Ashu Desai เป็นผู้ร่วมก่อตั้งด้วย พวกเขาตั้งชื่อว่า The Make School (โรงเรียนแห่งการสร้าง) โดยให้นิยามคือเป็นระบบ Anit-College (ต่อต้านระบบวิทยาลัยแบบเก่า) โดยจะเป็นสถานที่เรียนสำหรับผู้ก่อตั้งเองและเหล่านักพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วย ความแตกต่างของวิทยาลัยแห่งนี้ก็คือ…
-
ดราม่าร้อน!! ลูก ผอ. ถ่ายพรีเวดดิ้ง ใช้นักเรียนหมอบเป็นพรอพประกอบ จนรร.ต้องแถลง
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นมามีผู้ใช้เว็บไซต์ dek-d ได้โพสต์เรื่องราวที่ได้ไปเจอมา เกี่ยวกับการถ่ายภาพงานแต่งงานที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นงานของลูกของผู้อำนวยการโรงเรียน โดยประเด็นที่กลายเป็นดราม่าก็คือมีการใช้นักเรียนเป็นพรอพในการถ่ายภาพ หลังจากนั้นก็ได้มีผู้ปกครองของเด็กออกมาโวยว่ามันสมควรหรือไม่ที่ให้ลูกของเขาไปทำอะไรแบบนี้ ภาพที่เผยแพร่ออกไปเป็นลักษณะเหมือนเด็กนักเรียนกำลังก้มกราบลูกผู้อำนวยการอยู่ หลังจากที่ภาพนี้ถูกแชร์ไปอย่างมาก ก็เกิดเป็นกระแสในทางลบขึ้นมา และมีคอมเม้นต์จำนวนมากที่ไม่เห็นด้วย หลังจากนั้นทางโรงเรียน ก็ได้ออกแถลงการมาเพื่อชี้แจงในกรณีนี้ ซึ่งทางโรงเรียนบอกว่านี่ไม่ใช่การหมอบกราบ แต่เป็นการให้นักเรียนเรียงเป็นรูปหัวใจและดอกไม้เพื่อการถ่ายภาพให้เกิดความสวยงามเท่านั้น แต่สุดท้ายก็ยังมีเสียงวิจารณ์ในแง่ลบออกมาเรื่อยๆเกี่ยวกับกรณีนี้ เพราะว่ามันไม่อยู่ในการเรียนการสอน และไม่ทราบว่าการที่ให้นักเรียนออกมานั้นเป็นเวลาไหน ที่มา kapook, dek-d
-
น่าร๊าก!! เด็กอนุบาลถูกครูจับได้ว่าเอา “แมว” มาโรงเรียน บอกกลัวแมวอด ไม่มีข้าวกิน
เด็กกับสัตว์เลี้ยงก็เปรียบเสมือนเพื่อนซี้ของกันและกัน หากเพื่อนตกอยู่ในความยากลำบาก มีหรือนิ่งเฉยไม่ยอมช่วยเหลือได้อย่างไร อย่างเรื่องราวที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์ iVader รายงานว่า มีเด็กชายจากโรงเรียนประตูชัย จังหวัดอยุธยาคนหนึ่ง แอบพกแมวใส่กระเป๋ามาที่โรงเรียนด้วย ก่อนจะถูกครูจับได้ ในโพสไม่ได้บอกสาเหตุว่าทำไม เด็กคนนี้ถึงต้องเอาแมวมาโรงเรียน แต่เหมียวแอบไปอ่านเจอในกลุ่มคนรักแมว เขาบอกว่า เด็กคนนี้แอบเอาแมวมาโรงเรียน เพราะกลัวแมวอยู่บ้านแล้วไม่มีข้าวกิน จึงพามาเลี้ยงที่โรงเรียนด้วย ฮั่นแน่ โดนจับได้แล้วทำหน้าจ๋อยเลยสิ ก็คนมันรักนี่หน่า จะปล่อยให้อยู่บ้านได้ไง เจ้าเหมียวก็เลยตามมาด้วยแบบงงๆ อยู่ในนี้ไปก่อนน้า เดี๋ยวตอนเย็นจะพากลับบ้าน น่ารักเชียว ใครเคยมีประสบการณ์การแอบเอาสัตว์เลี้ยงไปโรงเรียนบ้าง ลองเอามาแชร์กันหน่อยสิ ว่าป่วนขนาดไหน อิอิ ที่มา iVader
-
ชาวเน็ตวิจารณ์ขรม หลังหลุดภาพนักเรียนมัธยมกราบเท้าต้อนรับ ผอ.ใหม่!!
เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง หลังมีภาพพิธีการต้อนรับผู้อำนวยการคนใหม่ของโรงเรียนชายล้วนแห่งหนึ่ง ซึ่งในพิธีมีนักเรียนชายราว 10 คนถือพานดอกไม้กราบเท้าผู้อำนวยการคนดังกล่าว โดยชาวเน็ตหลายคนได้วิจารณ์ว่า โรงเรียนเป็นสถานที่ที่สอนให้คนทุกเท่าเทียมกัน การกราบถือว่าเป็นพิธีการที่ไม่เหมาะสม เพราะเป็นการแสดงให้เห็นถึงการแบ่งชนชั้น แต่บางส่วนก็กล่าวว่า การกราบครูบาอาจารย์ถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีการวิพากษ์วิจารณ์ สำหรับเหมียว เหมียวก็คิดว่าการกราบเท้ามันออกจะเกินไปซักนิด ทำความเคารพกันตามสมควรก็พอแล้ว แล้วเพื่อนๆละคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง ลองเสนอกันเข้ามาดูนะเหมียว ที่มา ซักที่บนอินเตอร์เน็ตนี่แหละ ไม่ต้องรู้หรอก
-
ความถนัดภาษาอังกฤษของประเทศไทยครองบ๊วยอันดับสามของเอเชีย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลที่ไม่ว่าประเทศไหนๆ ต่างก็ยอมรับและใช้เป็นภาษากลางในการติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติ และก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าภาษาอังกฤษก็ได้ระบุเป็นหนึ่งในวิชาที่ต้องเรียนรู้ผ่านการศึกษาขั้นพื้นฐาน จะว่าไปแล้วการเรียนภาษาอังกฤษในระบบการศึกษาของประเทศไทยนั้นมีตั้งแต่ระดับอนุบาลยันไปจนถึงระดับอดุมศึกษากันเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเรียนกันตั้งแต่เด็กยันโต ไม่ว่าจะเรียนในระดับไหนก็หนีภาษาอังกฤษไม่พ้นอยู่ดี แต่เหตุใดภาษาอังกฤษของคนไทยกลับรั้งท้ายของเอเชีย จากผลสำรวจของสถาบันสอนภาษาอังกฤษ อีเอฟ (Education First) ได้เปิดเผยความถนัดทางด้านภาษาอังกฤษของประชาชนในประเทศต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก พบว่าประเทศไทยตกมาอยู่อันดับที่ 62 จากทั้งหมด 70 ประเทศ ซึ่งถ้าเทียบกันในเอเชียแล้ว ประเทศไทยเป็นที่สามนับจากอันดับสุดท้าย เหนือกว่ากัมพูชาและมองโกเลียเพียงสองประเทศเท่านั้น แต่ถ้าเทียบในสัดส่วนระดับโลกก็เหนือกว่ากาตาร์ คูเวต อิรัก แอลจีเรีย ซาอุดีอาระเบีย และลิเบีย ทั้งนี้ทางอีเอฟได้เปิดเผยอีกว่า ระบบการศึกษาของไทย (ระบบโรงเรียน) สอบไม่ผ่านในทุกหัวข้อที่ประเมิน ถึงแม้จะใช้งบทางการศึกษาสูงถึง 31% ของงบประมาณรายปี แต่กลับมีทักษะทางด้านภาษาอังกฤษต่ำ โดยสัดส่วนงบประมาณนี้สูงกว่าทุกประเทศที่ทำการสำรวจซะอีก จากกรณีนี้เหมียวเองก็ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เกิด จนถึงป่านนี้ก็พออ่านออกเขียนได้ ทั้งนี้ก็มาจากการเรียนรู้ด้วยตนเองส่วนหนึ่ง และการเรียนรู้ผ่านระบบการศึกษาส่วนหนึ่ง มาคิดๆ ดูแล้วคนไทยก็เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็กจนโตเลยนะ ทั้งผ่านครูชาวไทย…
-
พ่อแม่สุดเว่อร์ จ้างแม่บ้านมาทำอาหารให้ลูกทานถึงหน้าประตูโรงเรียน ด้านชาวเน็ตจีนแห่วิจารณ์ยับ
เวลาที่ลูกๆ ไปโรงเรียน พ่อแม่บางคนก็อาจจะไปส่งลูกด้วยตัวเอง บางคนที่ไม่ค่อยมีเวลาก็อาจจะจ้างรถรับจ้างมาส่งลูก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาๆ ทั่วไปที่พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะทำกันอยู่แล้ว แต่สิ่งเหล่านี้ใช้ไม่ได้กับผู้ปกครองเด็กนักเรียนหญิงชาวจีนรายหนึ่ง จากเมืองอู่ฮั่น ที่ดูเหมือนจะเลี้ยงลูกของตนราวกับเป็นลูกเทวดา เพราะนอกจากพวกเขาจะลุงทุนจ้างคนขับรถมารับส่งลูกของตนแล้ว ยังจ้างรถคันใหญ่มาจอดหน้าประตูโรงเรียน เพื่อให้ลูกออกมานอนพักในช่วงพักกลางวันอีกด้วย ยัง ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะนอกจากจะจ้างรถบ้านมาให้ความสะดวกสบายแก่ลูกของตนแล้ว พวกเขายังจ้างแม่บ้านมาคอยทำอาหารทั้งในมื้อเช้า มื้อกลางวัน และช่วงพักเบรกถึงหน้าประตูโรงเรียนกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทราบ ก็ได้สั่งให้ย้ายรถและข้าวของอุปกรณ์ไปทำที่ถนนบริเวณอื่น เพราะกีดขวางทางเข้า ออกของโรงเรียน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล เพราะคนเหล่านั้นดูเหมือนจะไม่ยอมไปไหน ส่วนแม่บ้านก็ยังทำอาหารต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พยายามบังคับให้เธอหยุดทำครัว แต่เธอก็ดื้อดึงและทำอาหารต่อจนเสร็จ ก่อนที่จะเก็บข้าวของและขับรถออกไป และเมื่อภาพเหล่านี้ถูกโพสต์ลงบนโลกโซเชียลของจีน ชาวเน็ตจีนต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมในการกระทำของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ แถมยังต่อว่าว่าเป็นการเอาเปรียบเด็กคนอื่นๆ อีกด้วย ที่มา : dailymail
-
ผู้ปกครองจีนสุดทน แฉโรงเรียนทำอาหารสกปรกให้ของลูกๆ กิน ทั้งขึ้นรา ทั้งวางกับพื้น!!
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า เหล่าผู้ปกครองของนักเรียนชาวจีนได้ออกมาแฉภาพถ่ายการเตรียมอาหารกลางวันของบริษัทผู้ผลิตอาหารกลางวันให้โรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตเฉียวชาน นครหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน จากภาพดังกล่าวแสดงให้เห็นชิ้นเนื้อที่ถูกวางไว้เรี่ยราดกับพื้น ภาชนะที่ใส่อาหารและเขียงที่ใช้ทำอาหารมีราขึ้นเต็มไปหมด อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียหรืออาหารเป็นพิษได้ แถมยังมีแมลงตกลงไปในภาชนะที่ใส่น้ำจิ้มอีกด้วย นอกจากนี้แล้วเหล่าผู้ปกครองยังพบอีกว่ามีไข่ไก่ที่ทางบริษัทผู้ผลิตอาหารกลางวันให้นักเรียน นั้นมีหลายฟองที่แตกแล้ว ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วห้อง ตามรายงานบอกว่าทางโรงเรียนแห่งนี้ ต้องการให้นักเรียนได้ทานอาหารที่มีประโยชน์ จึงได้จ้างบริษัทผู้ผลิตอาหารกลางวันเพื่อให้ทำข้าวกล่องเมื่อช่วงวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่ด้วยความสกปรกทำให้เหล่าผู้ปกครองไม่อาจนิ่งเฉย จึงได้ถ่ายภาพอาหารเหล่านั้นมาเผยแพร่ในโลกออนไลน์ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อเข้าตรวจสอบเรื่องราวดังกล่าว ทางโฆษกของโรงเรียนได้ออกมาแสดงความเห็นว่า พวกเขาเองก็รู้สึกตกใจไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าทางผู้ผลิตอาหารจะทำอาหารได้สกปรกขนาดนี้ ส่วนทางด้านผู้ผลิตอาหารได้แสดงความเห็นว่า ปัญหาแมลงตกลงไปในอาหารนั้นเป็นปัญหาที่พบได้บ้าง แต่ไม่มีผลกระทบใดๆ ทั้งนี้ได้มีการตัดสินจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า รูปแบบในการผลิตอาหารนั้นมีความสกปรกจริง ซึ่งพวกเขามีความผิดในฐานไม่รักษาความสะอาดของอาหารและภาชนะให้ได้ตามมาตรฐาน ส่วนทางด้านโรงเรียนเองก็มีความผิดฐานปล่อยปละละเลยเช่นกัน ที่มา dailymail
-
โรงเรียนดังในชัยภูมิเงินเหลือ ติดแอร์รัวๆบันไดทางขึ้นตึก แถมวางหลอดไฟถี่ๆ ชาวเน็ตสงสัยทุจริต !!??!
กลายเป็นประเด็กนร้อนบนโลกอินเตอร์เน็ต หลังมีการเผยแพร่ภาพอาคารของโรงเรียนดังโรงเรียนหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ ติดแอร์บริเวณบันไดทางเดินขึ้นตึก แถมยังมีการติดตั้งหลอดไฟแบบถี่ๆ จนเกินความจำเป็นอีกด้วย เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเพจ ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ได้รายงานว่าเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 27 ตุลาคม 2558 ว่าโรงเรียนสตรีชัยภูมิ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ใช้เงิน 44 ล้าน สร้างอาคารสี่ชั้น พร้อมทั้งติดบันไดทางเดิน และมีติดตั้งหลอดไฟมากจนผิดสังเกต และดูเหมือนจะมีการทุจริตในการประมูลสร้างอาคารอีกด้วย เมื่อข่าวนี้เผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย อื้อหือ กินกันแบบไม่เนียนเลยนะเนี่ย ใครเขาเอาแอร์บ้านไปติดอาคารขนาดใหญ่กัน หวังว่าจะมีหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบในเร็วนะครับ แล้วเพื่อนๆละ คิดเห็นอย่างไรกับข่าวนี้บ้าง ลองเสนอกันเข้ามาดูนะฮะ ที่มา ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน
-
โรงเรียนไทยกับการเช็คอิน ชื่อสถานที่สุดฮาที่ไม่ได้กล่าวของชื่อโรงเรียนโดยตรง จะเอาฮาไปไหน!!
จะว่าไปแล้วเนี่ยการเช็คอินตามสถานที่ต่างๆ เพื่อบอกให้เพื่อนๆ ของเราได้รู้ว่าเราอยู่ที่ไหนก็เป็นสิ่งที่ดีนะ จะได้ตามไปหากันได้ถูก แต่ทีนี้ถ้าให้พูดถึงการเช็คอินสถานที่เดิมบ่อยๆ ก็อาจจะรู้สึกเบื่อ มันไม่เร้าใจ อยากจะให้คนอื่นได้ทายชื่อสถานที่นั้นๆ ลองมาดูชื่อโรงเรียนกันเถอะ มันจะมีซักกี่ที่ที่เรารู้จัก!? มาเริ่มกันที่โรงเรียนรัฐบาลกันก่อนเลย จะเห็นได้ว่ามีการขึ้นต้นชื่อโรงเรียนรัฐบาลชื่อดังตามสถานที่ต่างๆ ตามมาด้วยลักษณะชี้เฉพาะของแต่ละโรงเรียน โรงเรียนรัฐบาลมีไปแล้ว จะขาดโรงเรียนเอกชนไปได้อย่างไร!? โรงเรียนมีเยอะแยะมากมาย ว่าแล้วก็ลองค้นหาสถานที่ด้วยคำว่า ‘โรงเรียนชื่อดัง’ ดูซิ คราวนี้ลองมาในส่วนของ โรงเรียนสตรีล้วน และ โรงเรียนชายล้วน กันบ้าง จะว่าไปโรงเรียนไทยก็ใช่ย่อยนะ ไปไกลและยกระดับเป็นโรงเรียนไฮโซเวิล์ดคลาสกันเลยทีเดียว แหม๊!! ก็ช่างจะคิดชื่อกันได้ จะเอาฮากันไปถึงไหนเนี่ย ฮ่าฮ่า ถ้าเป็นคนในพื้นที่ก็คงจะเดาออก แต่บอกเลยว่าคนนอกพื้นที่เดาได้ยากมากกกก เรียบเรียงโดย CatDumb.com
-
หมดปัญหา!! คุณพ่อสุดเจ๋ง เปิดโรงเรียนสอนทำผมให้ลูกสาวสำหรับคุณพ่อมือใหม่!!
เชื่อว่าคุณพ่อแทบทุกคนต้องเคยประสบกับปัญหานี้ เมื่อลูกสาวกำลังจะไปโรงเรียน แต่ทรงผมก็ยังไม่ได้ทำ คุณแม่ก็ดั๊นไม่อยู่ จะปล่อยให้ลูกไปโรงเรียนด้วยหัวกระเซอะกระเซิงก็ไม่ใช่ที่ สุดท้ายก็ต้องทำผมทรงเห่ยๆ เท่าที่กระทาชายคนหนึ่งจะทำได้ให้ลูกสาวไปโรงเรียน ปัญหานี้จะหมดไปแล้ว เมื่อมีคุณพ่อผู้เข้าอกเข้าใจปัญหานี้เป็นอย่างดี ได้เปิดคลาสสอนทำผมเบื้องต้นให้กับคุณพ่อมือใหม่ทั่วโลก!!! โดยในชั้นเรียน จะมีการสอนทำผมหางม้า ถักเปีย และมัดเป็นมวยผม แน่นอน เหล่าคุณพ่อก็อยากให้ลูกทำผมสวยๆไปโรงเรียน แม้ว่าวันนั้น คุณแม่จะไม่อยู่ทำให้ก็ตาม พวกเขาจึงต้องลงมือทำเอง ซึ่งผลลัพธ์ของคลาสแรกก็ออกมาดีมาก คุณพ่อหลายๆคนสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว แถมบางคนยังซื้อชุดทำผมกลับบ้านไปด้วยนะ นีแหละคุณพ่อยุคใหม่ ต้องทำเป็นทุกอย่าง แม้กระทั่งทำผมให้ลูก จะมารอคุณแม่อย่างเดียวก็คงจะไม่ทันการณ์ เห็นแบบนี้แล้ว มีคุณพ่อคนไหนอยากไปเรียนดูบ้างมั้ย อิอิ ที่มา Viralnova
-
หนุ่มฮีโร่ถูกยิงถึงเจ็ดนัด หลังจากที่ปกป้องเพื่อนร่วมชั้นจากมือปืนที่ก่อเหตุภายในชั้นเรียน!!
เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นอีกครั้งในสหรัฐอเมริกา กับการก่อเหตุอาชญากรรมบุกเข้าไปยิงนักศึกษาภายในวิทยาลัย Umpqua Community College ในเมือง Roseburg รัฐ Oregon จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น มีผู้ถูกยิงอย่างน้อย 10 ราย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือพ่อหนุ่ม Chris Mintz ที่รับลูกกระสุนเข้าร่างถึง 7 นัด และต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนหลังจากที่เขาพยายามปกป้องเพื่อนร่วมชั้นและไล่ล่าตามตัวมือปืน Derek Bourgeois ลูกพี่ลูกน้องได้กล่าวเอาไว้ว่า ‘เขา (Chris Mintz) คงไม่มีทางที่จะปล่อยให้เหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นแน่นอน’ ซึ่งหลังจากที่พยายามไล่ล่ามือปืนก็ทำให้เขาถูกยิงถึง 7 นัด โชคดีที่ไม่โดนอวัยวะสำคัญของร่างกาย แต่ก็ทำให้รับบาดโดนยิงเข้าที่ขาทั้งสองข้าง และหวังว่าจะพักฟื้นกลับมาเป็นปกติภายในเร็ววัน นี่ไม่ใช่เป็นครั้งแรกที่มีการยิงในโรงเรียนหรือวิทยาลัย ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดเป็นครั้งที่ 45 แล้วภายในปีนี้ ผู้ก่อเหตุก็คือนาย Chris Harper Mercer โดยที่เริ่มจากการถามศาสนาของเหยื่อก่อนที่จะเปิดฉากยิง ซึ่งภายหลังก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มา : metro
-
น่าประทับใจสุดๆ!! โลกออนไลน์แชร์คลิปสาว ม.ปลาย รำไทยทั้งโรงเรียน งานนี้พร้อมเพรียงสุดๆ
กลายเป็นคลิปที่มีคนแชร์กันมากที่สุดในวันสองวันมานี้เลย สำหรับคลิปของสาวๆ ม.ปลายจากโรงเรียนสตรีราชินูทิศ จังหวัดอุดรธานี ที่พากันออกมารำฟ้อนกันกลางสนามหน้าโรงเรียนอย่างพร้อมเพรียง เกิดเป็นภาพกิจกรรมที่น่ารักและสวยงาม คลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊ Chaichon Thaichon เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา เผยให้เห็นภาพของนักเรียนหญิงช่วงชั้น ม.5 และ ม.6 ที่พากันออกมาร่ายรำ แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะเหล่าคุณครูในโรงเรียนก็พากันแต่งชุดนักเรียนและออกมารำด้วยเช่นกัน และนี่คือโฉมหน้าของเหล่าคุณครูที่เนียนไปกับนักเรียนล่ะ แหม่นี่เหมียวเกือบแยกไม่ออกเลยนะเนี๊ยะ ชมคลิปได้ที่ด้านล่าง นางรำทั้งโรงเรียน…… Posted by Chaichon Thaichon on 24 กันยายน 2015 กิจกรรมดีๆ แบบนี้ เหมียวเห็นแล้วชื่นใจเลย อยากให้โรงเรียนทั่วประเทศมีอะไรน่ารักๆ แบบนี้ให้เราได้ชมกันด้วยนะจ๊ะ ที่มา Chaichon Thaichon
-
สุดเวทนา น้องๆ ในโรงเรียนบ้านแม่แพหลวง ไม่มีอาหารดีๆ กิน เพราะเส้นทางอันยากลำบาก!!
อนาคตของชาติขึ้นอยู่กับการดูแลเด็กๆ ในวันนี้หากพวกเขาได้รับในสิ่งที่พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ก็จะส่งผลดีต่อชาติเช่นกัน แต่เรามักจะเห็นว่าโรงเรียนภายในเมืองส่วนใหญ่นั้น เด็กๆ ทุกคนมีทุกอย่างพร้อม มีอาหารการกินที่ดี แต่กลับกินทิ้งขว้าง ในโรงเรียนอันแสนห่างไกล เส้นทางที่ยากลำบากทำให้โรงเรียนบ้านแม่แพหลวง ในอำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ไม่อาจมีอาหารดีๆ เลี้ยงนักเรียนได้ครบทุกมื้อ ซึ่งทางเพจของโรงเรียนได้ทำการโพสต์คลิปวิดีโอของน้อง อภิชาติ นักเรียนชั้นอนุบาล 1 ที่กำลังเอร็ดอร่อยกับเส้นหมี่ปลากระป๋องใส่ลูกชิ้น อภิชาติ นักเรียนชั้นอนุบาล1 รร.บ้านแม่แพหลวง สำหรับเด็กพวกนี้แค่ต้มเส้นหมี่ใส่ปลากระป๋อง(แต่วันนี้มีลูกชิ้นด้วย) พวกเค้า… Posted by Ban Mae Pae Luang School on Saturday, September 6, 2014 ข้อความดังกล่าวที่โพสต์นั้นมาจากคุณครูภายในโรงเรียน กล่าวเอาไว้ว่าช่วงนี้หน้าฝน ทำให้การเดินทางมายังโรงเรียนนั้นลำบากมากๆ จึงเป็นเหตุทำให้ไม่มีอาหารดีๆ เลี้ยงเด็กๆ ได้ ต่างกับโรงเรียนในเมืองอื่นๆ ที่มีอาหารดีๆ เลี้ยงนักเรียนทุกมื้อ อย่างไรก็ตามเหมียวขอเป็นกำลังใจให้คุณครูสู้ต่อไป เป็นเรือที่คอยส่งเด็กๆ ให้ถึงฝั่งฝันด้วยนะ ที่มา : Ban Mae…
-
ผู้ปกครองเงิบ ลูกของตนโดนครูลงโทษ เพราะใส่กางเกงนักเรียนสีดำผิดเฉด!?!?!
การลงโทษแบบมึนๆของครูบาอาจารย์ สงสัยจะไม่ได้เกิดขึ้นแต่ที่ประเทศไทยซะแล้ว หลังจากโรงเรียนมัธยมในอังกฤษลงโทษนักเรียน เนื่องจากใส่กางเกงผิดเฉด!!! เหล่าผู้ปกครองถึงกับเงิบไปเลย เมื่อได้ยินข่าวว่า ลูกๆของพวกเขาที่กำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียน Prestatyn High School ถูกลงโทษเนื่องจากใส่กางเกงสีดำผิด”เฉด” โดยผู้ปกครองของเด็กคนหนึ่งกล่าวว่า “วันหนึ่งลูกชายฉันส่งข้อความมาบอกว่า ‘ผมโดนกักบริเวณ’ ฉันสงสัยว่าเขาโดนลงโทษเรื่องอะไร และเขาบอกว่าเรื่องสีกางเกง” “ตอนแรกก็ไม่มีใครว่าอะไรเกี่ยวกับเครื่องแบบของเขา ครูคนอื่นก็ให้ผ่าน จนกระทั่งครูคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วบอกว่า สีแบบนี้ไม่ได้” “ฉันเลยโทรไปคุยกับคนในโรงเรียน เขาบอกว่า สีกางเกงลูกชายของฉันไม่ดำพอ ฉันคงพอเข้าใจได้นะ ถ้าหากมันเป็นสีเทา เพราะมันอาจมีหลายเฉด แต่สีดำมันจะไปมีปัญหาได้ยังไง” แบบนี้ก็มีด้วยแฮะ อย่างน้อยเราก็พอดีใจได้ว่า ประเทศเราไม่ใช่ประเทศเดียวที่มีการลงโทษแบบแปลกๆนะฮะ 555 ที่มา metro
-
ช่างภาพเดินทางไปเก็บภาพความแตกต่างต่างของ ‘สนามเด็กเล่น’ จากโรงเรียนต่างๆ ทั่วโลก
นี่คือผลงานภาพถ่ายของ ‘Jame Mollison’ ช่างภาพชื่อดัง ผู้ที่ได้ออกเดินทางไปเก็บภาพบรรยากาศ ‘สนามเด็กเล่น’ ของโรงเรียนจากหลายๆ ประเทศทั่วโลก ซึ่งภาพทั้งหมดนี้ จะแสดงให้เราได้เห็นถึงความแตกต่างของวัฒนธรรม สังคม และความเป็นอยู่ของเด็กๆ ในแต่ละประเทศได้อย่างชัดเจน เช่น การทำกิจกรรมต่างๆ ในช่วงเวลาพักของเด็กๆ รวมไปถึงเครื่องเล่น หรือสนามหญ้า ก็มีความแตกต่างกันอีกด้วย ถ้าอย่างนั้นเราลองไปชมผลงานทั้งหมดของเขากันเลยดีกว่า 1.โรงเรียน Valley View ประเทศเคนย่า 2.โรงเรียน Aida Boys School, West Bank 3.โรงเรียน Dechen Phodrang ประเทศภูฏาน 4.โรงเรียน Holtz High ประเทศอิสราเอล 5.โรงเรียน Inglewood ในแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐเมริกา 6.โรงเรียนประถม Kroo Bay, Sierra Leone 7.โรงเรียน Shohei Elementary ในเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น…
-
ฮือฮา!! หนุ่มใหญ่ “คุกเข่าง้อแฟน” หน้าโรงเรียน สร้างความแตกตื่นให้นักเรียนและผู้ปกครอง
กลายเป็นเรื่องโกลาหลเมื่อหนุ่มใหญ่คุกเข่าบริเวณหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง สร้างความแปลกใจต่อนักเรียนและผู้ที่พบเห็น คลิปวิดีโอเหตุการณ์นี้ได้โพสต์ขึ้นโดยผู้ใช้เฟสบุค อ่อนด๋อย บาบียอง โฟร์คซอง โสเหร่ เป็นคลิปเหตุการณ์ของชายผู้หนึ่ง สวมเสื้อสีน้ำเงิน กางเกงสามส่วน นั่งคุกเข่าอยู่หน้าโรงเรียน โดยผู้ถ่ายคลิปนี้ได้เล่าว่าชายผู้นี้นั่งคุกเข่าง้อแฟนอยู่ตรงนี้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว มีท่าทางเหมือนใกล้จะหมดแรง ร่างกายสั่นเทา และไม่รู้ว่าแฟนของเจ้าตัวหายไปไหน ง้อแฟนหน้าโรงเรียนแทนที่จะซึ้งแต่กายเป็นแตกตื่น Posted by อ่อนด๋อย บาบียอง โฟร์คซอง โสเหร่ on 25 สิงหาคม 2015 งานนี้เรียกได้ว่าสร้างความแตกตื่นให้กับผู้พบเห็นอย่างมาก แทนที่จะกลายเป็นการง้อแฟน แต่แฟนกลับไม่ออกมาเจอซะงั้น ที่มา อ่อนด๋อย บาบียอง โฟร์คซอง โสเหร่
-
รวม 11 สัตว์เลี้ยง ที่ท่าทางชื่นชอบการไปโรงเรียนเป็นที่ซู๊ด!!
โรงเรียนเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความสดใสและน่ารักของเด็กๆ แต่จะเป็นอย่างไร หากเหล่าสัตว์เลี้ยงของเรา ต้องไปโรงเรียนบ้าง จะน่ารักขนาดไหน ไปชมกันเลย ขอบคุณสำหรับข้าวกล่องนะครับแม่ รถนักเรียนมารับแล้ววว ไปโรงเรียนกันเถอะะะ เดี๋ยวจะโชว์ให้ดูเองว่าเราเจ๋งขนาดไหน วิชาแคลคูลัสชั้นต้องได้เต็มเท่านั้น!!! ดีใจจังได้มีเพื่อนใหม่ด้วย เย้ ปิดเทอมนี้ได้ติวเตอร์ส่วนตัวแล้ว จะได้เจอสาวที่แอบชอบแล้ว อิอิ เป็นไงชุดนักเรียนใหม่ สวยมั้ยคะ แว่นใหม่ของฉันเอง อยากอวด อยาดอวด ชั่วโมงที่ชอบที่สุดคือชั่วโมงพักกลางวันนี่แหละ จริงมั้ยละ แหม แต่ละตัวท่าทางตั้งใจเรียนจริงๆ เอ๊ะหรือว่า มีจุดประสงค์แอบแฝงในการไปโรงเรียนกันแน่นะ อิอิ ที่มา Distractify
-
ตบนี้ถึงสรยู๊ทธ!! ชาวเน็ตแห่แชร์คลิป รอง ผอ. ตบหัวเด็กนักเรียนกลางสนาม เพราะประท้วงค่า SMS
เรื่องของวงการศึกษา ครูและนักเรียนมีดราม่ากันให้เห็นบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องนำมาเป็นข่าวเนื่องจากเหตุการณ์รุนแรงจนถึงทำร้ายร่างกายกลางที่สาธารณะเลยล่ะ เมื่อชาวเน็ตแชร์คลิปประธานนักเรียนออกมาเป็นตัวแทนเพื่อประท้วงค่า SMS ที่โรงเรียนเรียกเก็บ เพื่อนำไปใช้ในการทำระบบแจ้งเตือนทางโทรศัพท์ เด็กนักเรียนหลายคนสงสัยว่าทำไมมีการเก็บเงินเยอะนัก และเดือดร้อนถึงทางนักเรียนกับผู้ปกครอง ทางเด็กนักเรียนจึงรวมตัวประท้วงขอคำชี้แจง และเกิดเหตุการณ์แบบในคลิปนี้…. #รองผอตบกระบาลลั่น นักเรียนโคราชประท้วงค่า SMS !!!โรงเรียนเสิงสาง บ้านบัวหลวง ตำบลเสิงสาง อำเภอเสิงสางจังหวัดนครราชสีมาCREDIT : www.facebook.com/PagPratchayanon********************************************************ขอบคุณคลิปแนะนำจาก Peak Newworld(วันศุกร์ 21 สิงหาคม 2558)อยากดู คลิปอีก คลิก Like ===> เจ้าพ่อ คลิปเด็ด <=== Posted by เจ้าพ่อ คลิปเด็ด on Friday, August 21, 2015 ล่าสุด มีคำอธิบายจากสมาชิกเฟซบุ๊คบางคนที่ช่วยออกมาเล่าเรื่องราวของเหตุการณ์ว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้น… หวังว่าเรื่องนี้จะออกไปถึงสื่อใหญ่โดยเร็ว และทางเหมียวจะคอยติดตามหาข้อมูลเพิ่มเติมมาลงให้ทุกคนได้รับทราบหากมีอะไรคืบหน้าครับ…
-
และนี่คือจดหมาย ‘ลาโรงเรียน’ จากเด็กนักเรียนตัวน้อยๆ ที่ใครอ่านแล้วต้องเผลอยิ้มแน่ๆ
มีเรื่องราวน่ารักๆในแวดวงการศึกษาไทยมาอีกแล้ว เมื่อล่าสุดได้มีการเผยแพร่ภาพในเฟซบุ๊คกลุ่ม ชมรมครู ค.ศ.1 แห่งประเทศไทย ถึงจดหมายลาของเด็กนักเรียน ที่เขียนออกมาได้อย่างจริงใจเป็นที่สุด เนื้อความคร่าวๆก็คือ…. เด็กจำเป็นต้องลาเพื่อไปดูแลยายป่วย จนกว่าป้าจะกลับมาจากต่างประเทศ จึงกลับมาเรียนอีกครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้น่ารักก็ลองอ่านดูสิครับ . อย่างไรก็ตาม กลับมีคอมเมนท์ออกมาถึงความ เหมาะสม vs ไม่เหมาะสม ในจดหมายลาฉบับนี้ ตัวอย่างเช่น… – ภาษาดูซื่อและจริงใจมากเลยค่ะ แต่ไม่ถูกแบบแผน – เด็กก็คือเด็กครับอาจารย์ ฝึกบ่อยๆเดียวก็ดีเองครับ ยังดีที่ยังเขียนมาบอกให้รู้สื่อสารได้ใจความครับ – ในความเป็นจริงของชีวิตเด็กซื่อใสบริสุทธิ์ ดีแล้วที่เขียนเป็นบทความมา ถ้าสมมุติไปว่าเด็กเขียนไม่มีรูปแบบ เด็กจะไม่เขียนอีกเลย …ความคิดเห็นส่วนตัวครับ – 555 ภาษาหนอ ภาษาไทยมันยากไปใช่ไหม ลูกถึงเขียนผิดเขียนถูก แฟนเว็บเหมียวล่ะครับ อ่านจดหมายของเด็กนักเรียนคนนี้แล้วรู้สึกยังไงบ้าง คิดว่าน่ารักดี หรือไม่เหมาะสมไปหน่อย คอมเมนท์กันมาได้จ๊ะ ที่มา: Ruangrote Glinhom
-
สายโหดมาเอง!! ผู้ปกครองเอือมถนนหน้าโรงเรียนไม่มีทางม้าลาย เลยลงมือพ่นเองแบบ DIY
การข้ามถนนบนทางม้าลายหรือสะพานลอย เป็นสิ่งที่เราทุกคนถูกพร่ำสอนและปลูกฝังกันมาตั้งแต่เด็กเพื่อความปลอดภัยจากอุบัติเหตุบนท้องถนนและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณชุมชนหรือพื้นที่มีคนพลุกพล่าน เช่น โรงเรียน ทางม้าลายถือว่ามีความสำคัญต่อความปลอดภัยของเด็กๆ จึงถือไม่แปลกที่ถนนใกล้โรงเรียนจะมีทางม้าลายไว้บริการ แต่ความแปลกของทางม้าลายหน้าโรงเรียนมันได้เกิดขึ้นแล้วกับเคสนี้น่ะสิฮะพี่น้อง!! ถ้าสังเกตภาพดูดีๆ เราจะเห็นทางม้าลาย DIY จากฝีมือผู้ปกครองนักเรียนในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ลงมือพ่นเองเป็นตัวอักษรว่า ‘ม้าลาย’ ซึ่งมูลเหตุก็มาจากการประท้วงเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ที่ปรับปรุงผิวจราจรมาประมาณ 3 เดือนแล้ว แต่ไม่มีการตีเส้นทางม้าลาย ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่มีจุดสังเกตและขับรถด้วยความเร็ว แถมยังมีรถสัญจรหนาแน่นทั้งช่วงเช้าและบ่าย ซึ่งตรงกับเวลาที่ลูกหลานของผู้ปกครองและชาวบ้านแถวนั้นต้องเข้า-ออกบริเวณโรงเรียน ทำให้ข้ามถนนลำบาก โดยก่อนการประท้วงนี้จะเกิดขึ้น ทางผู้ปกครองและชาวบ้านก็ได้มีการแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบแล้ว แต่ไม่มีการแก้ไขใดๆ จึงได้ออกมา DIY พ่นถนนตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 แบบนี้ล่ะจ้ะ มาฟังความอีกข้างจากนายบรรลือศักดิ์ วุฒิ ผู้อำนวยการสำนักการช่าง เทศบาลนครสุราษฎร์ธานีกันบ้าง ใจความว่าทางการได้รับแจ้งตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคมแล้ว แต่มีปัญหากับผู้รับเหมา เรื่องสีที่ไม่ได้มาตรฐาน กรรมการจึงไม่ตรวจรับและเรื่องอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ทำให้ไม่ได้ตีเส้นจราจร แต่เรื่องนี้ก็จบลงด้วยดีเพราะทางการได้รีบประสานงานกับสำนักงานทางหลวงชนบทขอยืมสีและเครื่องจักรมาตีเส้นทางม้าลายข้ามถนนให้เสร็จเรียบร้อยภายในวันที่โดน DIY นั่นเอง ปรบมือ!!…
-
มาดู “อนุบาลแพนด้า” แห่งแรกในจีน สถานที่ที่น่ารักที่สุดในจักรวาล!!
วัยเด็กถือเป็นวัยที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่มากเป็นพิเศษ ไม่ใช่เฉพาะคนเท่านั้นนะ หมีแพนด้าก็ต้องมีด้วยเหมือนกัน สถานบันวิจัย Chengdu ในประเทศจีนจึงได้สร้างสถานที่แห่งหนึ่งขึ้นมา สถานที่แห่งนี้เหมือนเป็นการเตรียมอนุบาลให้กับเจ้าหมีแพนด้าน้อยที่เพิ่งเกิดมา นอกจากความน่ารักที่เราจะได้เห็นแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังดูแลลูกแพนด้าเป็นอย่างดี เนื่องจากประชากรแพนด้าในตอนนี้ลดลง จึงจำเป็นต้องมีสถานที่ที่ดูแลพวกมันเป็นพิเศษ นึกภาพตอนคุณแม่แพนด้าคาบลูกมาส่งที่โรงเรียนแล้วก็น่ารักไปอีกแบบนะ อิอิ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ panda.org.cn ที่มา boredpanda
-
เฟี้ยวโคตร!! มาดูนร. ชาย ม. 3 อัดคลิปรำประกอบเพลง ‘ใจนักเลง’ ส่งครูที่โรงเรียน
‘รำไทย’ เป็นหนึ่งในศิลปวัฒนธรรมไทยที่มนุษย์ผู้เกิดและเติบโตในเมืองไทย ร่วมใจกันสืบสานกันมาอย่างยาวนาน ทั้งการจัดแสดงในโอกาสต่างๆ หรือการเรียนการสอนในวิชานาฏศิลป์ของโรงเรียน ซึ่งถ้าใครเคยมีโอกาสได้เรียนรำไทยเมื่อครั้งวัยละอ่อน ก็คงรู้กันดีว่าเราต้องเรียนเรื่องนาฏยศัพท์ หรือการใช้ท่ารำในการสื่อความหมายแทนคำพูดออกไป โดยส่วนใหญ่ก็จะได้หัดรำกับเพลงไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวด เช่น เพลงในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เพลงเชิญพระขวัญ หรือเพลงรำแม่บท แต่เหมียวอยากจะบอกว่าการเรียนรำไทยในปัจจุบันนี่ไม่ได้มีแต่เพลงสมัยโบราณชวนง่วงอีกแล้วล่ะ เพราะน้องๆ มัธยมยุคนี้ เค้ารำประกอบเพลงสตริงสุดอินเทรนด์กันแล้วจ้ะ มีคลิปเต็มยูทู้บเลยด้วย!! และนี่ก็เป็นคลิปล่าสุดของกลุ่มน้องผู้ชายล้วนๆ ที่กำลังเรียนอยู่ในระดับชั้น ม.3/3 โรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการ ได้ออกมารำประกอบเพลง ‘ใจนักเลง เวอร์ชั่นคุณสงกรานต์’ เพื่อส่งคุณครู แค่จั่วหัวคลิปก็เฟี้ยวแล้ว มาดูลีลาการร่ายรำของน้องเค้าดีกว่า!! แหม่… ตอนจัดโซนเป็นวงนี่น่ารักจริงๆ ใครที่สนใจติดตามต่อขอเชิญที่ลิงก์นี้ได้เลยจ้ะ มีเด็ดๆ อีกหลายโรงเรียน และก็หลายเพลงด้วย ^^ ที่มา Peerapat Harileartrat, ภาพปลากรอบจากเน็ต
-
“เพื่อนเก่า” ระหว่างผู้พิพากษากับจำเลยกลับมาพบกันกลางศาล งานนี้มีร้องไห้!!
อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เส้นทางชีวิตของแต่ละคนอาจจะมีพลิกผันไปตามกาลเวลา บางคนได้ดิบได้ดีมีหน้าที่การงานใหญ่โต แต่บางคนก็ไม่อาจทำตามความฝันของตัวเองได้ เรื่องราวของนาย Arthur Booth วัย 49 ถูกจับในข้อหาลักทรัพย์ การปล้น การหลบหนีเจ้าหน้าที่และอื่นๆ อีกหลายข้อหา จากนั้นก็ถูกนำตัวมาขึ้นศาลเพื่อตัดสินความผิดที่เขาได้กระทำลงไป หลังจากที่ได้พบกับผู้พิพากษาหญิง Mindy Glazer เธอจดจำเขาได้ว่าเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกันมาก่อนในระหว่างที่เรียนอยู่ในโรงเรียน Nautilus Middle School เธอทักเขาว่า “เคยเรียนที่ Nautilus รึเปล่า?” ทำให้ Arthur ถึงกับต้องปล่อยร้องไห้โฮออกมาเลย และเธอก็กล่าวต่อว่า “เขาเป็นเด็กที่ดีนะ ฉันเคยเล่นฟุตบอลกับเขาด้วย แต่ดูตอนนี้สิ เกิดอะไรขึ้นกับเขา?” “ที่น่าเสียใจก็คือเราต่างก็โตขึ้นตามอายุ หวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดีนะ” ที่มา : NewsTV