Tag: โลงศพ
-
โมเมนต์บอกลาครั้งสุดท้าย “ผมรู้คุณไม่ได้ยินผมแล้ว แต่ผมรักคุณนะ” ปิดฉากรัก 60 ปี
“รักแท้” มีรูปร่างหน้าตาและความรู้สึกเป็นอย่างไร หากจะให้นิยามเป็นรูปแบบที่ตายตัวคงจะไม่ได้ เพราะทุกคนต่างผ่านเส้นทางความรักที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างจากเรื่องราวของคุณตา Bobby Moore โดยบอกเล่าผ่านภาพถ่ายของช่างภาพสายข่าว April Yurcevic Shepperd ด้วยการเป็นพยานประจักษ์ถึงตำนานความรักแท้ในครั้งนี้ “ในวันนี้ฉันได้เจอกับชายคนหนึ่ง ชายผู้แหลกสลาย ยืนอยู่ตรงหน้าสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต และนี่ก็คือความรักที่มีตัวตนของเขา เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้อง การย่างเท้าของเขาไม่มั่นคง แต่ความตั้งใจของเขายังแน่วแน่ ดวงตาจ้องมองมาที่ปลายทางใจกลางห้อง โลงศพเหล็กสีเทาวางอยู่ตรงนั้นภายใต้แสงสีนวลตา ครึ่งหนึ่งของโลกถูกเปิดเอาไว้ ตกแต่งไปด้วยโบและดอกไม้หลากสีสัน พร้อมกับเขียนคำว่า “ภรรยา” และ “แม่” เมื่อมาถึงปลายทางที่เขาตั้งใจ เขาก้มตัวและจูบริมฝีปากของเธอ ร่างกายอันอ่อนแอก็ยิ่งสั่นคลอน จนกระทั่งคำพูดอันสุภาพและอ่อนน้อมได้หลุดออกมาจากปากของเขา เขาพูดเพื่อให้เธอได้ยินเพียงคนเดียว และถูกพูดนับครั้งไม่ถ้วนในห้วงเวลาอันแสนสั้น แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พูดกับเธอ… “ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ยินผมอีกแล้ว แต่ผมรักคุณนะ” สิ้นสุดคำพูดของคุณตา น้ำตาก็เอ่อล้นไหลรินออกมา ตลอด 60 ปีที่ผ่านมา คุณยายอยู่เคียงข้างคุณตามาโดยตลอด แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ ยังไม่ใกล้เคียงเสียด้วยซ้ำ คุณตาจึงคว้าเก้าอี้มานั่งอยู่ข้างๆ โลง ในขณะที่ไม้ค้ำอยู่ทางด้านขวา และร่างของภรรยาอยู่ทางด้านซ้าย เขานั่งอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานานเกือบชั่วโมง เขาคว้ามือของภรรยาและลูบเบาๆ คล้ายกับว่าเขากำลังปลอบโยนเธออยู่…
-
หญิงสาวถูกฝังทั้งเป็นถึง 11 วันเพราะว่ามีคนแจ้งว่าเธอตายแล้ว น่าเสียดายที่สุดท้ายก็ไม่รอด
เพื่อนๆ เคยดูหนังที่พวกตัวเอกโดนฝังทั้งเป็นไหม อย่างเรื่อง Buried เป็นต้น เอาเข้าจริงๆ การที่จะรอดจากการโดนฝังทั้งเป็นนั้นต้องโชคดีพอสมควรเลย เพราะถ้าถูกฝังลึกเกินไปก็ไม่รอดแล้ว ไหนจะความแข็งของโลงศพ หรือปริมาณอากาศอีก จึงต้องถือว่าเป็นความโชคร้ายของ Rosangela Almeida dos Santos วัย 37 ปี หญิงสาวผู้ถูกฝังทั้งเป็นด้วยความผิดพลาดในโลงศพที่ถูกใส่ลงไปในโลงหินอีกชั้นกว่า 11 วัน ในบราซิล เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้คนที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ สุสานได้ยินเสียงตะโกนและกรีดร้องจากในโรงศพหิน แต่กว่าที่พวกเขาจะแจ้งเรื่อง และกว่าครอบครัวของเธอจะเดินทางมาทุบโลงศพเพื่อนำเธอออกมานั้น Santos ก็เสียชีวิตไปแล้ว “เธอพยายามจะเปิดโลงออก” คุณแม่ของ Santos วัย 66 ปี กล่าว โดยเธออธิบายว่าเมื่อเปิดโลงด้านในออก พวกเธอก็พบว่าร่างของ ลูกสาวเธอนั้นเต็มไปด้วยบาดแผลที่ไม่ได้มีมาก่อนตอนที่ฝัง พวกเธอเชื่อว่าแผลเหล่านั้นมาจากการดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดของ Santos ครอบครัวของเธอบอกอีกว่าตะปูของโลงศพ ถูกดันจากด้านในและในโรงก็มีรอยเลือดและรอยขีดข่วนเต็มไปหมด วีดีโอของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะถูกฝังนั้น Santos ที่มีร่างกายอ่อนแอตั้งแต่ 7 ขวบจนต้องทานยาอยู่เสมอๆ ได้หมดสติไปและถูกส่งเข้าโรงพยาบาล Hospital do Oeste ในเมือง Barreiras ที่บราซิล เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นประมาณหนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่วันหนึ่งเธอจะ “เสียชีวิต” จากอาการช็อกเหตุพิษติดเชื้อ…
-
ครอบครัวผวา!! เมื่อขาประหลาดโผล่มาอยู่บนโลงศพคุณปู่ แต่สัปเหร่อทำเหมือนไม่มีอะไร
แม้เราจะเป็นคนกลัวผีมากแค่ไหน ถ้าหากต้องอยู่ในสถานการณ์ที่คนในครอบครัวหรือคนที่เรารักจากไป เราก็คงไม่มีอารมณ์มากลัวหรอก ตรงข้ามเราอาจจะอยากให้ผู้ตายมาหาก็ได้… แต่สำหรับครอบครัวนี้ แม้จะเสียใจแค่ไหนกับการจากไปของคุณปู่ พวกเขาก็ต้องผวาอยู่ดี เมื่อมีเท้าประหลาดโผล่มาเหยียบโล่งศพของปู่ระหว่างการทำพิธีที่นิวเจอร์ซีย์ ในขณะที่ Sandra Butler กำลังทำพิธีฝังศพคุณพ่อ Cleveland Butler วัย 85 ปี ที่ Mount Holiness Memorial Park เธอก็เห็นเท้าประหลาดโผล่มาเหยียบโลงศพของพ่อ ทั้งนี้มีญาติของผู้เสียชีวิตคนหนึ่งได้ถ่ายภาพนั้นเอาไว้ เป็นภาพขาที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลาสติกและผ้า และวางอยู่บนโลงศพสีฟ้าที่ตกแต่งไปด้วยดอกไม้สีฟ้าและสีขาว Sandra บอกว่า “นี่เป็นสถานการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจเรามาก ครั้งแรกทุกคนกำลังอยู่ในอารมณ์เศร้าโศกเสียกับการจากไปของพ่อ แต่ต่อมาเราก็ต้องมาเจอกับภาพนี้” เท่านั้นยังไม่พอ ในขณะที่ทุกคนกำลังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ แต่สัปเหร่อที่ดำเนินการฝังศพกลับทำงานต่อไปอย่างสะทกสะท้าน สัปเหร่อไม่ได้บอกอะไรกับครอบครัวผู้เสียชีวิตเลยเกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาดนี้ พวกเขาจัดการกลบดินใส่หลุมศพ โดยไม่สนใจว่าญาติๆ จะตกใจแค่ไหน ซึ่งบางคนยังงงๆ อยู่ว่าทำไมสัปเหร่อถึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อมา Alonzo พี่ชายของ Sandra ได้ออกมาบอกว่าเขาโกรธสัปเหร่อมาก เนื่องจากพวกเขาไม่ได้ตรวจสอบขาประหลาดนั่นเลย และตอนนี้ทางครอบครัวก็ได้ตัดสินใจดำเนินการตามกฎหมายกับสัปเหร่อฝังศพแล้ว เขาให้เหตุผลว่า “เราตกใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะคนที่อยู่ในโลงไม่ใช่ใคร แต่เป็นคนที่เรารัก ถ้ามีอะไรผิดปกติก็ควรตรวจสอบ ไม่ใช่ปล่อยผ่าน และผมก็ไม่อยากให้ครอบครัวอื่นต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย” …
-
คำขอสุดท้ายของชายขี้เล่น ให้เขียนคำว่า ‘ไอ้งั่ง’ ติดข้างโลงศพ แล้วขับวนไปทั่วเมือง!!
ปกติก่อนเสียชีวิต ผู้คนมักจะมีคำขอสุดท้ายที่ฟังแล้วซึ้งจนน้ำตาร่วงไปตามๆ กัน ที่สำคัญคำขอเหล่านั้นมักจะมีความหมายกับผู้ตายหรือครอบครัว แต่มันก็ไม่แน่เสมอไป อย่าง John Micheal Stubbs กลับขอให้เขียนคำว่า “ไอ้งั่ง” ติดโลงศพของเขาแล้วขับวนไปให้ทั่วเมือง John อาศัยอยู่ในเมืองคาร์ไลล์ มณฑลคัมเบรีย ประเทศอังกฤษ เขาป่วยด้วยโรคมะเร็งมาเป็นเวลานาน จนเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2017 ด้วยวัย 64 ปี ด้วยเหตุนี้ทางครอบครัวจึงได้จัดงานศพให้ แต่ก่อนอื่นต้องทำตามคำขอสุดท้ายของเขาก่อน นั่นคือเขียนคำว่า “ไอ้งั่ง” ข้างโลงศพ แล้วขับไปรอบๆ เมือง Tracey Lazonby จากบริษัทรับจัดงานศพ Final Journey บอกว่า “ครอบครัวของ John มาหาเรา เพราะพวกเขาคิดการทำตามคำขอของผู้เสียชีวิตแบบนั้นคงจะทำไม่ได้ แต่เราบอกว่าสามารถจัดการให้พวกเขาได้” คำขอของเขานั้น เป็นการเลียนแบบมาจากฉากหนึ่งของซีรีย์ทีวีโชว์ League of Gentlemen เธอยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า “จริงๆ ก่อนหน้าที่เรามีคำขอสุดท้ายแบบแปลกๆ มากมาย แต่ไม่เคยเจอแปลกเท่านี้มาก่อน และเมื่อนำไปให้ร้านดอกไม้จัดการ พวกเขาก็บอกว่าไม่เคยเจอเคสแปลกๆ แบบนี้เหมือนกัน” …
-
การตกแต่งโลงศพจากประเทศกาน่า เพื่อบ่งบอกถึง ‘ไลฟ์สไตล์’ ของผู้ตายครั้งยังมีชีวิตอยู่…
‘โลงศพ’ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดในงานศพอย่างหนึ่ง และอาจจะเป็นสิ่งที่มีราคามากที่สุดในงานศพด้วยซ้ำไป จะเรียกได้ว่าเป็นบ้านหลังสุดท้ายที่เราจะต้องลงทุนซื้อเพื่อเข้าไปอยู่ในนั้นก็ได้เลยล่ะ ซึ่งลักษณะของโลงศพส่วนใหญ่นั้นจะมีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือไม่ก็เป็นทรงห้าเหลี่ยมยาวๆ ดูเรียบง่ายและเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ผู้ตายด้วย แต่สำหรับวัฒนธรรมของผู้คนที่อยู่ในตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศกาน่านั้น มีรูปแบบโลงศพที่แปลกและหลากหลายเหลือเกิน ด้วยวัฒนธรรมที่ว่าโลงศพควรจะสะท้อนถึงผู้ใช้ว่าตอนมีชีวิตอยู่เขาเป็นคนอย่างไร หรือทำอาชีพอะไร!? อย่างเช่นถ้าเป็นชาวประมงโลงศพก็จะเป็นรูปปลาอย่างที่เห็น และคนนี้อาจจะมีชื่อว่า Falcon หรือไม่ก็ Eagle บางคนอาจจะชื่นชอบเครื่องบินมากๆ ก็เลยนอนอยู่ในโลงเครื่องบิน ส่งผลให้การทำโลงศพในรูปแบบต่างๆ นี้ ถือว่าเป็นงานฝีมืออย่างหนึ่งเลยล่ะ คนนี้อาจจะเป็นเกษตรกร เพราะมีลักษณะคล้ายผลไม้ อาจจะเป็นคนเลี้ยงนกก็ได้นะ ตั้งแต่ที่โลงศพเหล่านี้ถูกนำไปเปิดเผยให้ชาวยุโรปได้รับรู้ ก็ทำโลงศพเหล่านี้ถูกนำไปจัดโชว์ในพิพิธภัณฑ์ Musée National d’Art Moderne ที่อยู่ในกรุงปารีสด้วยล่ะ . ร้านรับทำโลงศพ เปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วยนะ นอกจากจะทำเป็นโลงศพแล้วยังแกะสลักไม้ให้เป็นผลงานน่ารักๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวซื้อกลับไปเป็นของที่ระทึก เอ้ย ที่ระลึกด้วย . แหม่ มาเป็นถุงปุ๋ยเชียว . โลงศพขนาดจิ๋ว …
-
ปริศนาหญิงสาวถูกฝังทั้งที่ยังไม่ตาย… ความผิดพลาดของแพทย์-อุปทานหมู่-หรืออะไรกันแน่!?
นี่เป็นข่าวที่น่าเหลือเชื่อและโด่งดังมากๆ ในเว็บไซต์ Mirror เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เป็นเรื่องราวที่ลึกลับและยังหาคำอธิบายไม่ได้ กับกรณีหญิงสาวที่เหมือนจะฟื้นจากความตายหรือจะเป็นเพียงแค่อุปทานของแฟนหนุ่ม ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป..!? ตามรายงานบอกว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเมือง La Entrada ประเทศฮอนดูรัส โดยหญิงสาวรายนี้มีชื่อว่านาง Neysi Perez วัย 16 ปี (ซึ่งเธอกำลังตั้งท้องอยู่ด้วย) เกิดอาการหัวใจวายกะทันหัน เธอถูกนำส่งโรงพยาบาลทันที ซึ่งแพทย์ก็ช่วยชีวิตไม่ทัน ภายหลังตรวจสอบโดยละเอียดก็พบว่าเธอเสียชีวิตแล้วจริงๆ เมื่อทุกคนเข้าใจว่าเธอเสียชีวิตแล้วจึงนำเธอไปใส่ไว้ในโลงศพและเตรียมฝังแบบถาวร แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะในวันต่อมา แฟนหนุ่มของนาง Perez ก็ได้กลับไปเยี่ยมเธอที่สุสาน แต่ดันได้ยินเสียงประหลาดดังออกมาจากโลงศพ เขาจึงเรียกเจ้าหน้าที่แถวนั้นให้มาช่วยกันฟังด้วย จนมั่นใจว่าเสียงนั้นดังออกมาจากโลงศพของแฟนสาวที่เพิ่งตายไปเมื่อวาน ต่อมาเขาได้เรียกครอบครัวของนาง Perez ให้มาช่วยกันขุดโลงศพของเธอขึ้นมา ถึงได้เห็นว่าเธอยังไม่ตายจริงๆ ถือเป็นเรื่องปาฏิหาริย์มาก ด้าน Gladys Gutierrez พี่สาวของ Neysi กล่าวกับสื่อว่า “ฉันเคลื่อนตัวเธอออก เธอสำลักน้ำลายและเลือดออกมา เธอไม่ได้มีกลิ่นเหม็นเน่าเลย อุณหภูมิร่างกายปกติ” จากนั้นร่างของหญิงสาวได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน แต่มันก็สายเกินไปแล้ว หลังจากที่คุณหมอได้พยายามปลุกเธอขึ้นมาก็พบว่าเธอนั้นเสียชีวิตจริงๆ แล้ว (อีกครั้ง)…
-
สุดแปลก!! วัฒนธรรมงานศพของชาว ‘Ghana’ เนรมิตโลงศพแฟนซี เพื่อบ่งบอกลักษณะนิสัยของผู้ตาย
‘โลงศพ’ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดในงานศพอย่างหนึ่ง และอาจจะเป็นสิ่งที่มีราคามากที่สุดในงานศพด้วยซ้ำไป เปรียบได้ว่าเป็นบ้านหลังสุดท้ายที่เราจะต้องลงทุนซื้อเพื่อเข้าไปอยู่ในนั้น ซึ่งลักษณะของโลงศพส่วนใหญ่นั้นจะมีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือไม่ก็เป็นทรงห้าเหลี่ยมยาวๆ ดูเรียบง่าย แต่ในตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศกาน่านั้นมีรูปแบบโลงศพที่หลากหลายเหลือเกิน ด้วยวัฒนธรรมที่ว่าโลงศพควรจะสะท้อนถึงผู้ใช้ว่าตอนมีชีวิตอยู่เขาเป็นคนอย่างไร หรือทำอาชีพอะไร อย่างเช่น เป็นช่างทำรองเท้า ก็อาจจะมีโลงศพเป็นรูปรองเท้า แบบนี้ คนนี้อาจจเป็นจะมีชื่อว่าฟอลคอน หรืออีเกิ้ล และคนนี้อาจจะทำงานในสวนสัตว์ คนนี้เป็นเกษตรกร จึงส่งผลให้ในประเทศกาน่า ช่างที่รับทำโลงศพขึ้นมาโดยเฉพาะ และถือว่าเป็นงานฝีมืออีกอย่างหนึ่งด้วย เจ้าของโลงนี้ดูๆ แล้วน่าจะเป็นช่างซ่อมนะ ส่วนนี่ก็อาจจะเป็นนักล่าปู หอมหัวใหญ่กับปลา คงหนีไม่พ้นเกษตรกรกับประมงเป็นแน่ อันนี้เดาไม่ออกเลยว่าเป็นนักดับเพลิง พิธีการทำศพก็จะขึ้นอยู่กับศาสนาที่นับถือและความเชื่อของครอบครัวและตัวผู้ตาย ตัวอย่างเช่น การฝัง แฟนซีเข้าไปอีกแหน่ะ มะเขือเทศมาเป็นไร่เชียว อลังการงานสร้างมากกกกก โอ้โห ระดับมาสเตอร์พีซ บอกไว้เลยว่าค่าทำโลงนี่ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะ หลักแสนขึ้นไปเลยทีเดียว …
-
บริษัทในจีน ผลิต ‘ตุ๊กตายาง’ รูปร่างสวยงามเหมือนคนจริง สั่งวันนี้ พร้อมบรรจุใส่โลงศพ จัดส่งถึงบ้าน!!
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2559 ทางเว็บไซต์ Mirror ได้เผยภาพของตุ๊กตายางเด็กหญิงตัวหนึ่ง ที่มาในชุดเดรสสีดำ หน้าตาสวยน่ารัก ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัทเซ็กซ์ทอย ‘ShengYi’ ในมณฑลกวางตุ้ง ทางใต้ของประเทศจีน ซึ่งตุ๊กตายางตัวนี้ หากดูตามลักษณะภายนอกก็จะคล้ายๆ กับเด็กนักเรียนหญิงทั่วไป ที่มีอายุราว 15 ปี โดยยังมีน้ำหนักเท่ากับก้อนหิน 4 ก้อน และมีความสูงอยู่ที่ 71 เซนติเมตรเท่านั้น ทางบริษัทได้มีการออกแบบตุ๊กตา ให้มีลักษณะที่ดูเหมือนกับผู้หญิงจริงๆ มีเส้นผมยาว และเงางาม โดยจะเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มผู้ชาย และผู้ที่มีรสนิยมแปลกโดยเฉพาะเลยละ หนุ่มๆ สนใจมั้ยละ? ส่วนลูกค้า โดยเฉพาะหนุ่มๆ ที่สนใจ ก็สามารถขนาดตัว เลือกผม ผิวหนัง ดวงตาสีต่างๆ รวมไปถึงใบหน้า ซึ่งจะมีให้เลือกทั้งแบบสาวญี่ปุ่น และสาวยุโรปได้ถึง 10 รูปแบบด้วยกันเลยทีเดียว นอกจากนี้เจ้าตุ๊กตายังมีคุณสมบัติสุดพิเศษ ที่ยิ่งเพิ่มดีกรีความเหมือนคนเข้าไปจริงๆ นั่นก็คือ ทางบริษัทได้มีการออกแบบโดยใช้วัตถุดิบในการผลิตที่ปลอดภัย…
-
เกาหลีใต้ปิ๊งไอเดีย ผุดศูนย์บำบัดนอนในโลงศพ เพื่อลองสัมผัสและเผชิญหน้ากับความตาย
หลายคนอาจจะพอทราบมาบ้างแล้วว่า ปัญหาใหญ่ที่สังคมเกาหลีใต้กำลังเผชิญอยู่ หนึ่งในนั้นก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก ‘การฆ่าตัวตาย’ ดังนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้ ศูนย์การแพทย์ฮโยวอน แห่งกรุงโซล จึงได้ปิ๊งแนวคิดสุดแจ่ม ในการบำบัดคนที่ต้องการฆ่าตัวตาย เพื่อทำให้พวกเขาได้พิจารณาว่า ตนจะทำให้คนที่รักต้องเจ็บปวดขนาดไหน เมื่อพวกเขาเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองลง และที่สำคัญหากคุณได้เข้าเป็นหนึ่งในผู้บำบัด คุณจะได้สัมผัส และเผชิญหน้ากับความตายในชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งผู้ที่จะเข้าร่วมการบำบัดนั้นมีตั้งแต่วัยรุ่น ผู้ใหญ่ แม้กระทั่งผู้สูงวัยยังไงละเหมียว สำหรับวิธีการบำบัดนั้น ผู้เข้าร่วมจะต้องสวมชุดสีขาวเข้ามาอยู่ในห้องที่มีโลงศพไม้วางเรียงกันเป็นแถว โดยแต่ละคนจะนั่งลงในโลงของตน เพื่อฟังการบรรยายจากหัวหน้าศูนย์บำบัด เมื่อฟังเสร็จแล้วผู้บำบัดทุกคนจะนอนลงในโลง หลับตาลงและกอดภาพถ่ายที่จะใช้ในพิธีศพของตัวเอง พอเวลาผ่านไป แต่ละคนจะต้องเขียนสิ่งที่ตัวเองต้องการและคำสั่งลาถึงคนที่รักเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นผู้บำบัดจะต้องอ่านข้อความให้เพื่อนในกลุ่มฟัง และเมื่อเวลาแห่งความตายสิ้นสุดลง ทุกคนจะต้องลงไปนอนในโลงศพอีกครั้ง ก่อนที่จะมีทูตสวรรค์เดินเข้ามาปิดฝาโลงให้แก่พวกเขา หลังจากนั้นผู้บำบัดทุกคนจะทุกทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวราว 10 นาที ซึ่งจะเป็นเวลาที่พวกเขาได้พิจารณาชีวิตของตัวเองในมุมมองจากคนภายนอก เมื่อกิจกรรมสิ้นสุดลงหัวหน้าศูนย์บำบัดจะกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง และบอกกับผู้บำบัดว่า ‘คุณได้สัมผัสความรู้สึกราวกับว่าตายไปแล้ว แต่พวกคุณยังมีชีวิตอยู่ และจะต้องสู้ต่อไป’ ที่มา : kapook, odditycentral
-
คู่รักชาวสิงคโปร์ถ่ายพรีเวดดิ้ง ‘ธีมโลงศพ’ โดยมีแนวคิดที่ว่า ‘ความตายคือส่วนหนึ่งของชีวิต’
การเลือกสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้ง แน่นอนว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวส่วนใหญ่จะต้องเลือกสถานที่ที่โรแมนติกใช่ไหมล่ะ แต่กับคู่บ่าวสาวชาวสิงคโปร์ Jenny Tay and Darren Cheng คู่นี้ เขากลับเลือกสถานที่ถ่ายภาพพรีเวดดิ้งคู่กับโลงศพซะงั้น!! ไม่รู้ว่างานนี้จะเป็นไอเดียที่แปลก หรือสร้างสรรค์ดี เพราะคงไม่มีคู่รักคู่ไหนที่คิดจะถ่ายพรีเวดดิ้งคู่โลงศพแน่ๆ แต่บ่าวสาวคู่นี้กลับมองว่าภาพถ่ายคู่โลงศพ เป็นภาพที่แปลกใหม่ และมีความสวยงาม Jenny และ Darren ทำงานเกี่ยวกับธุรกิจด้านการจัดงานศพด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้นเขาจึงได้ปิ๊งไอเดียเหล่านี้ขึ้นมาจากงานที่ทำ อีกทั้งยังมีความคิดที่ว่า ‘ความตายคือส่วนหนึ่งของชีวิต’ อีกด้วย “ความตายคือส่วนหนึ่งของชีวิตทุกคน คนเอเชียมักจะมองว่าความตายเป็นเรื่องไม่ดี แต่เราหวังว่าการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งคู่โลงศพ จะทำให้คนเปิดใจเรื่องของความตายมากขึ้น” Darren กล่าว และถ้าหากถึงวันวิวาห์ของบ่าวสาวคู่นี้ Jenny ได้ตัดสินใจแล้วว่าเธอจะไม่นำภาพถ่ายเหล่านี้ไปตั้งในงานของเธอ เพราะเธอไม่อยากให้แขกคิดว่าทั้งคู่ไม่เคารพพวกเขายังไงล่ะ อันที่จริงภาพถ่ายพรีเวดดิ้งธีมโลงศพ ก็ดูแปลกตา และสร้างสรรค์ดีเหมือนกันนะ แถมยังไม่เหมือนใครอีกด้วย ที่มา : bbc