Tag: โศกนาฏกรรม
-
หนุ่มจีน “แกล้งตาย” หวังเอาเงินประกัน ภรรยาเชื่อสนิทใจ ฆ่าตัวตายตามพร้อมลูกๆ …
กลายเป็นโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าเมื่อชายชาวจีนคนหนึ่งได้ “แสร้งว่าเสียชีวิต” เพื่อให้ได้รับเงินประกัน แต่ผลสุดท้ายกลับกลายเป็นว่ามันทำให้เขาต้องสูญเสียคนที่เขารักไป ชายชาวจีนวัย 34 ปีนามว่า He ได้แสร้งว่าเสียชีวิตเพื่อรับเงินประกันแต่กลับไม่ได้บอกแผนการครั้งนี้ให้คนในครอบครัวได้ทราบ มีรายงานว่า He ได้ยืมรถยนต์คันหนึ่งมาเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2018 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พบว่ารถที่ He ยืมมานั้นได้พุ่งตรงลงไปยังแม่น้ำในเขตปกครองซินหัว แต่หลังจากทำการค้นหาในแม่น้ำในบริเวณที่เกิดเหตุก็ไม่มีใครพบร่างของ He เลยแม้แต่คนเดียว ชมคลิปข่าว สุดท้าย Dai ภรรยาวัย 31 ปีของ He กลับเชื่ออย่างหมดใจว่าสามีของตนได้ตายไปแล้ว ด้วยความโศกเศร้าเธอจึงตัดสินใจโยนลูกชายวัย 4 ขวบและลูกสาววัย 3 ขวบลงบ่อน้ำ ก่อนจะกระโดดน้ำ ฆ่าตัวตาย แต่ก่อนที่ Dai จะลงมือปลิดชีวิตของตนเองและลูกๆ ลง เธอได้เขียนข้อความเอาไว้ใน WeChat เธอเล่าว่าครอบครัวของ He นั้นมักมองว่าเธอเป็นหญิงที่ “ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย” อีกทั้งฝ่ายญาติของ…
-
เด็กชายวัย 13 ขวบ ถูกเพื่อนแกล้งที่โรงเรียน ‘โยนชีสใส่’ จนนำไปสู่การเสียชีวิต
บางครั้งจากเหตุกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนของเด็กๆ ที่ใครหลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่อง ‘ขำๆ’ มันอาจจะบานปลายจนกลายเป็นโศกนาฏกรรมก็เป็นได้ เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ที่เด็กชายวัย 13 ขวบ ถูกเพื่อนๆ กลั่นแกล้งโยนชีสใส่ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขา ‘แพ้’ มันอย่างรุนแรง จนนำไปสู่การเสียชีวิต!! Karanbir Cheema เด็กชายวัย 13 ปี อาศัยอยู่ในเขต Greenford กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เขามีอาการแพ้อาหารจำพวกข้าวสาลี, กลูเตน, และอาหารอื่นๆ ที่หาทานได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวันอย่างไข่ และถั่วต่างๆ ซึ่งมันจะทำให้เขาหายใจไม่ออกและมีผื่นขึ้นตามร่างกาย หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็อาจจะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ แม้จะรู้อย่างนั้นแต่เพื่อนๆ ของเขาในโรงเรียนไฮสคูล William Perkin Church พยายามที่จะกลั่นแกล้งเขา โดยการโยน ‘ชีส’ ใส่ และนั่นเองทำให้เขาเกิดอาการช็อก และเกร็งหายใจไม่ออก เจ้าหน้าที่ Kierin Oppatt ได้รับแจ้งว่ามีเหตุฉุกเฉิน มีผู้ป่วยแพ้อาหารอย่างรุนแรงที่โรงเรียน และเขาก็รีบเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบว่าเด็กชาย Karan กำลังนอนชักเกร็ง พยายามที่จะหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปอย่างยากลำบาก…
-
แม่ร่ำไห้…ลูกชายวัย 13 ปี “โดดตึกตาย” เพราะเลียนแบบตัวละครในเกม PUBG!!
เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นในประเทศจีน ที่ผู้เป็นแม่ต้องสูญเสียลูกชายวัย 13 ปีไปเนื่องจากเขาทำการกระโดดจากที่สูงจนตกลงมาเสียชีวิต เบื้องต้นแม่กล่าวโทษว่าเขาทำพฤติกรรมเลียนแบบตัวละครในเกม PUBG เกม PlayerUnknown’s Battlegrounds หรือ PUBG นั้นเป็นเกมยิงเอาชีวิตรอดที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่คนเล่นเกมในปัจจุบัน รวมถึงเด็กหนุ่มวัย 13 ปีคนนี้ก็ชื่นชอบการเล่นเกมนี้มากเช่นกัน โฆษณาเกม PUBG ในประเทศจีน ตามรายงานกล่าวว่าเด็กหนุ่มผู้เสียชีวิตนั้นได้กระโดดจากอพาร์ตเมนต์เมื่อราวเวลาตีหนึ่งของวันที่ 30 สิงหาคม 2018 หลังเล่นเกม PUBG บนเครื่อง iPad ฝ่าย Yu Lihua ผู้เป็นแม่ก็ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ลูกชายตนกระโดดลงมาจากอพาร์ตเมนต์ชั้น 4 เพราะต้องการรู้ว่าตนจะรอดชีวิตแบบตัวละครในเกมหรือไม่ เด็กหนุ่มผู้เสียชีวิตทราบภายหลังว่าชื่อ Xi Tianci เจ้าหน้าที่พบร่างศพของเขา 6 ชั่วโมงหลังเสียชีวิต ผลการชันสูตรพบว่า Xi Tianci น่าจะเสียชีวิตทันทีหลังตกลงสู่พื้น ฝ่าย Yu ผู้เป็นแม่ได้แต่ร่ำไห้และกล่าวโทษว่าเป็นเพราะเกมที่ทำให้ลูกชายของเธอต้องตาย “เกมนั่นแหละที่ทำให้ลูกฉันตาย ไม่มีเหตุผลอื่นอีกแล้ว” เธอกล่าว “เขาคิดถึงเกมนี้ตลอดแม้จะไม่ได้เล่นมันก็ตาม เขาต้องอยากรู้แน่ว่าเขาจะตกลงมาแล้วรอดชีวิตเหมือนในเกมหรือเปล่า” ในเกม PUBG หากตัวละครตกจากที่สูง…
-
ชมฉากของการ์ตูน Lilo & Stitch ที่เปลี่ยนไป หลังจากเกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรม 9/11
อย่างที่รู้กันดีว่าเหตุการณ์ 9/11 ถือเป็นหนึ่งใน ‘โศกนาฏกรรม’ ครั้งยิ่งใหญ่ มีผู้คนมากมายที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เกือบ 3,000 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 6,000 คน โศกนาฏกรรมในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมายทั่วโลก ส่งผลกระทบมากมายเป็นวงกว้าง และเพื่อนๆ รู้ไหมว่าจากเหตุการณ์นี้เองได้สร้างผลกระทบกับวงการภาพยนตร์การ์ตูนด้วย!? หลายๆ คนคงจะรู้จักกับการ์ตูนเรื่อง Lilo & Stitch ได้เป็นอย่างดี ในยุค 2000s ต้นๆ ถือเป็นหนึ่งในการ์ตูนที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของ Disney เลยก็ว่าได้ และจากผลของเหตุ 9/11 ก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องของการ์ตูนเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ในปี 2002 การ์ตูนเรื่อง Lilo Stitch มีฉากที่ Stitch ผองเพื่อนขับยานอวากาศผ่านเทือกเขาเพื่อหลบหนีตัวร้าย แต่ย้อนกลับไปปีก่อนหน้านี้ ก่อนจะเกิดเหตุ 9/11 ในฉากนี้จะเป็นฉากที่ Stitch และ Jumba ขโมยเครื่องบินเพื่อหลบหนีจากจอมปิศาจ Gantu ระหว่างที่ขับเครื่องบินก็มีการขับแบบโลดโผนโจนทยานในเมืองใหญ่ หลบตึกระฟ้าต่างๆ หรือแม้แต่กระทั่งมีการเฉี่ยวชนตึกก็มี …
-
รวม 20 “คำพูดสุดท้าย” ของกัปตัน ก่อนที่เครื่องบินของพวกเขาจะตกและพบกับหายนะ
เหตุการณ์เครื่องบินตกนั้นถือว่าเป็นอุบัติเหตุและโศกนาฏกรรมที่น่ากลัวที่สุดเลยก็ว่าได้ คงไม่มีใครอยากนั่งเครื่องบินแล้วต้องสัมผัสกับความรู้สึกที่เครื่องบินกำลังจะตกอย่างแน่นอน ความรู้สึกที่รู้ว่าตัวเองและผู้โดยสารคนอื่นๆ ต้องพุ่งลงโหม่งโลกอย่างคาดการณ์ไม่ได้นั้นมันเป็นเช่นไรกันแน่? หากเป็นคนคุณจะกลัวไหม และคุณจะทำอย่างไร เมื่อรู้ว่าเครื่องบินที่คุณนั่งกำลังจะตก? เว็บไซต์ TheChive ทำการรวบรวม คำพูดสุดท้ายสุดหดหู่ของกัปตัน ก่อนเครื่องบินของพวกเขาจะติตกลงสู่โลกอย่างน่าเศร้า จึงขอแปลมาให้ได้อ่านกันครับ… “บ้าจริง เครื่องบินเรากำลังจะตก เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน!!” 1 มิถุนายน 2009 – Air France “ห้องบังคับการถูกยิง!! พวกเราถูกยิง ผมพยายามหาวิธีช่วยอยู่” 7 พฤษภาคม 1964 – Pacific Airlines “ผมจับสัญญาณเรดาร์ของพวกคุณไม่ได้เลย” 30 มิถุนายน 1967 – Thai International “พวกเราจบเห่แล้วล่ะ” 5 มกราคม 1969 – Ariana Afghan Airlines “ขอโทษนะ พีต” 5 กรกฎาคม 1970 –…
-
ลุงปริศนาราดน้ำมัน “จุดไฟเผา” ร้านอาหาร นักแสดงตลกเกาหลีชื่อดัง เสียชีวิตคาที่…
เคราะห์ร้ายเกิดขึ้นได้อย่างไม่มีใครคาดคิด ใครจะรู้ว่าร้านอาหารที่เราเข้าไปรับประทานมื้อเย็นแสนสุข จะเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นได้ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ล่าสุดในเมืองกุนซัน จังหวัดชอลลาเหนือ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2018 ได้เกิดเหตุการณ์วางเพลิงร้านอาหารแห่งหนึ่งจนทำให้มีผู้เสียชีวิต และหนึ่งในนั้นคือ ดาราตลกชื่อดังในเกาหลี คิมแทโฮ (Kim Tae Ho) จากรายงาน คิมแทโฮ (Kim Tae Ho) นักแสดงตลกของประเทศเกาหลีได้เดินทางไปเล่นกีฬากอล์ฟการกุศลในเมืองกุนซัน หลังจากนั้นเขาจึงแวะเข้าร้านอาหารเพื่อดื่มสังสรรค์กับคนรู้จัก แต่ไม่นานก็พบว่ามีชายสูงวัยราว 50 ปี เดินเข้ามายังร้านด้วยอาการโวยวายพร้อมมีปากเสียงกับเจ้าของร้านอย่างหนักเรื่องบิลค่าใช้จ่ายบางอย่างที่ยังตกลงกันไม่ได้ จากเหตุทะเลาะวิวาทครั้งนี้ทำให้ชายสูงวัยคนดังกล่าวเกิดอารมณ์โมโหรุนแรง หยิบน้ำมันราดร้านอาหารและจุดไฟเผา ทำให้ลูกค้าต่างวิ่งหนีกันอลหม่าน คลิปวิดีโอเหตุวางเพลิงร้านอาหารดังกล่าว จากเหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 30 ราย และเสียชีวิตอีก 3 ราย หนึ่งในผู้เสียชีวิตก็คือนักแสดงตลกชื่อคิมแทโฮ ที่ถูกพบร่างหลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าไปคลี่คลายสถานการณ์ ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุวางเพลิงได้แล้วหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้สร้างความสะเทือนใจให้กับวงการบันเทิงของประเทศเกาหลีเป็นอย่างมาก คิมแทโฮ (Kim Tae Ho) คิมแทโฮนั้นมีชื่อเสียงมากในประเทศเกาหลี…
-
หนุ่มหูหนวก-ซึมเศร้า ถูกไฟฟ้าแรงสูงช็อตเสียชีวิต ขณะปีนลงเพราะอยากมีชีวิตอยู่ต่อ…
นับว่าเป็นเรื่องราวอันสุดแสนสะเทือนใจอย่างมาก เมื่อชายหนุ่มหูหนวกคนหนึ่ง ปีนขึ้นไปบนเสาไฟฟ้าแรงสูงเพื่อฆ่าตัวตาย แต่ขณะที่เขาเปลี่ยนใจกำลังจะปีนลง กลับถูกไฟฟ้าแรงสูงช็อตจนตกลงมาเสียชีวิต นาย Victor Jose Arroyo Gonzalez หนุ่มอายุ 20 ปีผู้มีปัญหาทางการได้ยิน ปีนขึ้นไปบนเสาไฟฟ้าแรงสูงใจกลางเมืองบาร์รังกิยา ในโคลอมเบีย พร้อมบอกว่าจะกระโดดลงมาเพื่อจบชีวิตตนเอง แต่เหตุการณ์ก็ดูเหมือนจะดีขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านในละแวกพากันออกมาช่วยกันหว่านล้อมให้ Gonzalez เปลี่ยนใจไม่ฆ่าตัวตาย ซึ่งก็เป็นผลสำเร็จ ขณะที่ Gonzalez ล้มเลิกการฆ่าตัวตายและกำลังจะปีนลงจากเสาไฟนั้น เขาก็บังเอิญไปสัมผัสเข้ากับสายไฟฟ้าแรงสูง ทำให้เกิดประกายไฟลุกวาบ ตามมาด้วยกลุ่มควันโขมงจากการไหม้ และแล้วร่างชายหนุ่มก็ร่วงหล่นลงมา ร่างกายไร้วิญญาณหล่นลงมาเกี่ยวกับสายไฟด้านล่าง ทำให้ตัวของเขาหมุนตลบจนกระทั่งถึงพื้นดิน ท่ามกลางสายตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกของประชาขน เมื่อตรวจสอบจุดที่ชายหนุ่มหล่นลงมาทำให้พบว่า เสียชีวิตคาที่ มีคนบอกว่านาย Gonzalez ปีนขึ้นไปบนเสาไฟฟ้าแล้วตะโกนออกมาว่า “ฉันจะฆ่าตัวตาย ฉันไม่อยากมีชีวิตอีกต่อไปแล้ว ฉันรับมือกับมันไม่ได้อีกแล้ว” ทำให้ภายหลังทราบว่านาย Gonzalez นั้นต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับโรคซึมเศร้ามากเป็นเวลานาน ซ้ำยังเคยปีนตึกสูงเพื่อฆ่าตัวตายมาแล้วอีกด้วย โรคซึมเศร้านั้นเป็นโรคทางจิตที่ค่อนข้างร้ายแรง หากผู้ป่วยไม่ได้รับการดูแลที่ดีจากหมอและคนรอบข้าง ก็มีโอกาสฆ่าตัวตายได้สูงมากๆ ที่มา: metro
-
สรุปการตายของน้อง Alfie เมื่อโรงบาลชนะคดี ถอดเครื่องช่วยหายใจ พ่อแม่ได้แต่ยืนหลั่งน้ำตา
นี่เป็นโศกนาฏกรรมของเด็กชายวัย 23 เดือนที่เสียชีวิตหลังจากใช้เวลากว่าหนึ่งปีในโรงพยาบาล และได้รับความสนใจอย่างมากจากทั้งผู้คนและสื่อมวลชน เด็กคนนี้มีชื่อว่า Alfie Evans เกิดมาในฐานะบุตรชายของ Tom Evans และ Kate James จาก Bootle ใน Merseyside เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2016 เด็กชายถูกส่งเข้าโรงพยาบาลเด็ก Alder Hey ในลิเวอร์พูลเมื่อเดือนธันวาคมปี 2016 หลังจากมีอาการชัก และต้องนอนเป็นรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แพทย์ที่วินิจฉัยอาการบอกว่าเขามีอาการระบบประสาทเสื่อมสภาพ แต่ก็ไม่สามารถระบุอาการอย่างชัดเจนได้ พ่อแม่ของ Alfie และโรงพยาบาลมีการโต้เถียงกันเกี่ยวกับอาการของเด็กน้อยเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี จนมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น ทางพ่อแม่ของเด็กนั้นต้องการที่จะนำตัวลูกชายไปรักษาที่กรุงโรมในอิตาลี เพราะโรงพยาบาลอิตาเลียนซึ่งเชื่อมโยงกับวาติกันได้แนะนำการดำเนินการเพื่อช่วยให้ Alfie หายใจและทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้ในอีก “ช่วงเวลาหนึ่ง” ส่วนทางโรงพยาบาลบอกว่า การรักษา Alfie ต่อในอิตาลีนั้น ไม่ได้เป็นการรักษาทางวิทยาศาสตร์ มีเรื่องของความเชื่อและสิ่งศักด์สิทธิ์มาเกี่ยวข้อง ไม่ใช่เรื่องที่ดี พวกเขาให้เหตุผลว่ามันทั้ง “ไร้ประโยชน์” “โหดร้าย” และยัง “ไร้มนุษยธรรม” จึงห้ามไม่ให้มีการย้ายโรงพยาบาลเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์…
-
‘นรกบนดิน’ ภาพอันน่าสลดใจของชาวซีเรีย หนีระเบิดล้างบางกลุ่มกบฎ ยอดเสียชีวิตพุ่งสูง 400 ราย
ปัจจุบัน ประเทศซีเรียยังคบประสบปัญหาสงครามกลางเมืองที่เกิดจากการที่ประชาชนจำนวนมากต่อต้านระบอบการปกครองของผู้นำคนปัจจุบัน ประธานาธิบดี Bashar al-Assad มายาวนานถึง 7 ปีและนั่นจึงทำให้เหล่าผู้ต่อต้านต้องเจอกับการโต้กลับของรัฐบาลทหารที่น่ากลัว ผู้นำของประเทศซีเรียตัดสินใจสั่งกองกำลังทางอากาศบุกเข้าโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มผู้ต่อต้านที่ตั้งอยู่ในเขต Eastern Ghouta ติดกับเมืองหลวง Damascus ที่มีผู้อยู่อาศัยมากกว่า 400,000 คน ซึ่งการโจมตีด้วยการทิ้งระเบิดครั้งนี้ไม่มีการแจ้งอพยพประชาชนแต่อย่างใด ภาพในพื้นที่ที่เกิดการทิ้งระเบิดครั้งนี้ เขตที่ระบายสีเขียว คือจุดที่เกิดการสูญเสียเป็นจำนวนมาก พื้นที่ดังกล่าวถูกควบคุมด้วยกลุ่มชาวอิสลาม แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้มีเพียงแค่ผู้ต่อต้านหรือผู้ก่อการร้าย เพราะยังคงมีประชาชนตาดำๆ อาศัยอยู่ไม่น้อยเลย การโจมตีในครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2018 และมีติดต่อกันมาเรื่อยๆ เป็นเวลานานกว่า 5 วัน โดยจากการรายงานของกลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนของซีเรียบอกว่าการทิ้งระเบิดดังกล่าวคร่าชีวิตประชาชนไปอย่างต่ำ 403 คน มีเด็กรวมอยู่ในนั้นถึง 95 คน ภาพของชายหนุ่มอุ้มศพของเด็กที่ตายไปไว้ในอ้อมแขน การช่วยเหลือกันของผู้คนในพื้นที่ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนในละแวกดังกล่าวและใกล้เคียงบาดเจ็บกันมากกว่า 1,500 คน ยังไม่รวมผู้ประสบภัยที่อาจจะถูกฝังอยู่ภายใต้ซากปรักหักพังจำนวนมาก ยอดการตายในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ เพียงวันเดียวก็สามารถคร่าชีวิตไปได้มากกว่า 50…
-
โศกนาฏกรรมอันเป็นเบื้องหลังเพลง Zombie ของ The Cranberries ที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน
เรื่องราวที่น่าเศร้านั้นสามารถเกิดขึ้นได้เสมอรอบตัวเรา โดยไม่มีใครทราบว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับใครและเมื่อไหร่ บางครั้งเหตุการณ์เลวร้ายก็อาจเกิดขึ้นโดยที่เราไม่คาดคิด จนทำให้เราตราตรึงกับภาพเหตุการณ์น่าเศร้าที่เกิดขึ้น เริ่มต้นปี 2018 มาไม่ทันไร ก็มีข่าวร้ายอันน่าเศร้าเกิดขึ้นเสียแล้ว เมื่อนักร้องสาวชาวไอริช Dolores O’Riordan นักร้องนำแห่งวง The Cranberries ได้เสียชีวิตในวัย 46 ปี ผลงานชิ้นสำคัญที่ทำให้ Dolores และ The Cranberries โด่งดังก็คือบทเพลงที่ชื่อว่า “Zombie” ที่ปล่อยออกมาในปี 1994 ซึ่งเพลงนี้ก็ได้กลายเป็นเพลงมีชื่อเสียงไปทั่วโลกที่แทบจะไม่มีใครไม่รู้จัก เพลง Zombie นอกจากจะเป็นเพลงที่ติดหูใครหลายๆ คนแล้ว เบื้องหลังของเนื้อหาในเพลงยังเป็นสิ่งที่น่าสนใจอีกด้วย เพราะที่มาที่ไปของมันนั้นเกิดจากโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นจริงในประเทศอังกฤษ แต่ก่อนที่เราจะลงลึกไปยังเบื้องหลังของบทเพลง เราไปฟังเพลง Zombie แบบเต็มๆ กันก่อนดีกว่า ในวันที่ 20 มีนาคม 1993 มีระเบิดถูกวางซ่อนไว้ในถังขยะ ในเมืองวอร์ริงตัน โดยชนกลุ่มน้อยชาวไอริช การระเบิดทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายสิบราย และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือมีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นเด็กชาย Tim Parry วัย 12 และ Jonathan Ball วัย 3…
-
เหตุการณ์ Sankebetsu ‘หมีโจมตีคน’ เมื่อปี 1915 ในญี่ปุ่น ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์
ความอันตรายของหมีนั้นมีอยู่มากมาย ทั้งกำลังขาที่รวดเร็วพอที่จะทำให้มนุษย์หมดโอกาสวิ่งหนีและกำลังแขนมากพอที่จะทำให้มนุษย์คอบิดกลับหลังด้วยการตะปบเพียงครั้งเดียว ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่ามนุษย์เราจะลืมความอันตรายของหมีไปกันอย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นวันนี้เราจึงนำเรื่องราวของเหตุการณ์หมีสีน้ำตาลโจมตีมนุษย์ที่ร้ายแรงที่สุดมาให้ชมกันเป็นอุทาหรณ์ ในฤดูหนาวปี 1915 ช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ที่หมู่บ้าน Sankebetsu Rokusen Sawa ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งทางตะวันตกของเกาะฮอกไกโดเข้าไปในหุบเขา 29 กิโลเมตร ต้องรับศึกกับหมีสีน้ำตาลยักษ์พันธุ์ Ussuri ที่ตื่นขึ้นจากจำศีลเร็วกว่าปกติ มันหิวโซและเริ่มที่จะออกหาอาหาร ด้วยความดุร้ายมันได้สังหารสิ่งมีชีวิตไปนับไม่ถ้วน ทั้งสัตว์ป่าและมนุษย์ เรื่องราวของมันถูกบันทึกไว้อย่างพิถีพิถันโดยคนในสมัยนั้น และทำให้เรื่องราวอันน่าเศร้ายังนี้คงอยู่มาถึงในปัจจุบัน ทุกอย่างมันเริ่มขึ้นในเช้าวันหนึ่งในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนในปีเดียวกัน เมื่อหมีสีน้ำตาลปรากฎตัวขึ้นที่หน้าประตูบ้านของครอบครัว Ikeda การปรากฎตัวครั้งแรกนั้นจบลงด้วยดีเพราะแม้ว่าหมีจะน่ากลัวแต่มันก็แค่มาขโมยข้าวโพดเล็กน้อยแล้วจากไป แม้ว่ามันจะดูเร็วเกินกว่าเวลาที่ปกติหมีจะออกจากจำศีล แต่การพบสัตว์ป่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกของหมู่บ้านที่เพิ่งจะสร้างเสร็จแห่งนี้ ช่างโชคร้ายที่หมีได้ปรากฎตัวออกมาอีกครั้งในวันที่ 20 พฤศจิกายน ทำให้หัวหน้าครอบครัว Ikeda ตัดสินใจเรียกลูกชายและชาวบ้านจากบ้านใกล้ๆ พวกเขายิงหมีบาดเจ็บได้ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึงอย่างนั้นหมีตัวนั้นก็สามารถหนีกลับเข้าป่าไปได้โดยทิ้งไว้แค่รอยเลือดเท่านั้น พวกชาวบ้านแกะรอยตามไปยังภูเขา Onishika แต่ไม่สามารถหาตัวหมีพบ พวกชาวบ้านที่เชื่อกันว่าหมีจะไม่กลับมาอีกเพราะพิษบาดแผลจากกระสุนปืน ทำให้พวกเขายกเลิกการค้นหาไป หลังจากนั้นไม่นานนักพวกเขาก็รู้ว่าคิดผิด หมีสีน้ำตาลกลับมาอีกครั้งในเช้าวันที่ 9 ธันวาคม ที่บ้านของตระกูล Ota ภายในบ้าน Abe Mayu ภรรยาของหัวหน้าตระกูล Ota กำลังดูแลเด็ก (ซึ่งไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือด) ชื่อ Hasumi Mikio มันได้เข้ามาโจมตีและฆ่าเด็กทิ้งกลางบ้าน หลังจากนั้นก็ลาก Mayu ออกมาจากบ้านในสภาพเละเทะ ร่างของเธอถูกพบและฝังไว้ใต้ต้นไม้และกองหิมะหลังจากนั้น กลุ่มค้นหาของชาวบ้านพบตัวหมีห่างเข้าไปในป่า 150 เมตร…
-
ย้อนอดีตโศกนาฏกรรมเครื่องบิน Luada Air ตกเสียชีวิตทั้งลำ กับด้านมืดอันหดหู่ใจของคนไทย
เชื่อว่าเด็กๆ หลายคนยุคใหม่หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า ในประเทศไทยเคยเกิดโศกนาฎกรรมทางด้านการบินครั้งหนึ่งที่สร้างความสะเทือนใจให้แก่ผู้คนในยุคนั้นเป็นอย่างมาก และเป็นอีกครั้งที่แสดงให้เห็นด้านมืดของคนไทยอันน่าหดหู่ เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2534 เมื่อเที่ยวบินที่ NG004 ของสายการบิน Lauda Air จากประเทศออสเตรีย ที่เดินทางมาจากฮ่องกงด้วยเครื่องบิน Boeing B-767-3Z9ER เครื่องบินกำลังจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเวียนนา ประเทศออสเตรีย ซึ่งภายในเครื่องบินลำนี้มีผู้โดยสารทั้งสิ้น 213 คนและลูกเรืออีก 10 คน หลังจากเครื่องบินขึ้นได้ไม่นานกัปตันชาวอเมริกัน Thomas J. Welch และผู้ช่วย Josef Thurner ชาวออสเตรียได้รับการสัญญาณภาพแจ้งเตือนว่า มีความผิดพลาดทางระบบที่อาจทำให้ระบบผันกลับแรงขับ (Thrust Reverser) ของเครื่องยนต์หมายเลข 1 แต่หลังจากตรวจสอบคู่มือแล้วพวกเขาตัดสินใจไม่ทำอะไร เพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา สุดท้ายขณะที่เครื่องบินกำลังบินอยู่เหนือบริเวณรอยต่อของจังหวัดอุทัยธานีกับจังหวัดสุพรรณบุรี ระบบผลักดันแรงขับที่เครื่องยนต์หมายเลข 1 ก็ทำงานขึ้นมากะทันหัน ทำให้เครื่องบินสูญเสียแรงยกจนฉีกแยกออกจากกันเป็นส่วนๆ กลางอากาศที่ความสูง 1,200 เมตร และตกที่บริเวณอุทยานแห่งชาติพุเตย จังหวัดสุพรรณบุรี ผลคือผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 223 คน รวมไปถึงกัปตันและนักบินผู้ช่วยเสียชีวิตทั้งหมดในทันที ทำให้อุบัติเหตุครั้งนี้ ถือว่าเป็นหายนะทางการเดินทางทางอากาศที่รุนแรงที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย…
-
ศิลปินติดป้ายโฆษณาแบรนด์เสื้อผ้า เผยให้เห็นเบื้องหลังแสนหดหู่ของอุตสาหกรรมแฟชั่นในบังคลาเทศ
เมื่อระบบทุนนิยมเติบโตมากขึ้น อุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูปก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เจ้าของบริษัทผู้ผลิตแบรนด์เสื้อผ้าต้องแข่งกันแสวงหากำไรให้ได้มากที่สุด โดยใช้วิธีการลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลง และพึ่งพาแรงงานราคาถูกในการตัดเย็บ “บังคลาเทศ” เป็นประเทศที่ผลิตเสื้อผ้าให้กับแบรนด์ดังมากมาย เช่น Zara, H&M ฯลฯ อีกทั้ง ยังมีฐานการผลิตเสื้อผ้าที่มีค่าแรงถูกที่สุดในโลก คนงานในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าได้รับค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน ทำให้พวกเขาต้องทำงานหนักแบบไม่ได้หยุดพัก ขณะที่ผู้บริโภคได้ใส่เสื้อผ้าที่มีคุณภาพ ทันสมัย และสวยงาม แต่หารู้ไม่ว่าความงามเหล่านั้นมันเต็มไปด้วยเบื้องหลังการผลิตที่แสนหดหู่และเลวร้าย อย่างไรก็ตาม ในปี 2013 ที่ผ่านมา โรงงานเสื้อผ้าในประเทศบังคลาเทศหลายแห่งได้เกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ เนื่องจากส่วนใหญ่โรงงานเหล่านี้ไม่ได้มาตรฐาน ส่วนเจ้าของโรงงานก็ไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องความปลอดภัย ดังนั้น จึงทำให้ผู้ใช้แรงงานได้เสียชีวิตไปมากถึง 1,134 คน ซึ่งก็นับเป็นโศกนาฏกรรมร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์แฟชั่นบังคลาเทศเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้ ศิลปินนามว่า Igor Dobrowolski จึงได้ตัดสินใจทำป้ายโฆษณาแบรนด์เสื้อผ้าไปติดไว้บนถนนในกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ เพื่อแสดงให้ผู้คนได้เห็นถึงเบื้องหลังอันแสนเลวร้าย และน่าสะพรึงกลัวของวงการอุตสาหกรรมแฟชั่นในบังคลาเทศ และนี่คือผลงานของเขา… . . . สำหรับใครที่ชื่นชอบผลงานขอเขา คุณสามารถเข้าไปติดตามเขาได้ทางเฟซบุ๊ก igor.dobrowolski.5 และอินสตาแกรม igordobrowolski ได้เลยจ้า ที่มา : boredpanda
-
10 เหตุการณ์สุดหดหู่กับการ “ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก” จนกลายเป็นโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้า!!
ตั้งแต่มีเฟสบุ๊กไลฟ์ ผู้คนก็มักจะถ่ายคลิปตัวเองลงโซเชียลกันมากขึ้น ซึ่งมีทั้งสิ่งที่น่าดูบ้างและไม่น่าดูบ้าง แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าผ่านเฟสบุ๊กไลฟ์ 1. พ่อชาวไทยไลฟ์แขวนคอตัวเองลูกสาววัย 11 เดือน โศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อนายวุฒิศักดิ์เกิดความหึงหวงและโกรธภรรยาที่เขาสงสัยว่ากำลังมีชู้ เขาจึงตัดสินพาลูกสาวเข้าไปในโรงแรมร้างก่อนจะทำการไลฟ์สดแขวนคอลูกจากนั้นก็แขวนคอตัวเองตาม โดยในขณะที่นายวุฒิศักดิ์นั้น ภรรยาก็ได้ดูการไลฟ์พอดีเลยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าไปช่วย แต่ก็ไม่ทันเพราะสามีและลูกได้เสียชีวิตไปก่อนที่ตำรวจจะไปถึง แม้ว่าก่อนหน้าที่ทางเฟสบุ๊กจะออกมาบอกว่าเรื่องแบบนี้อยู่เหนือการควบคุมของบริษัท แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วทางบริษัทได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการจับดูการไลฟ์สดตลอด 24 ชั่วโมง และจ้างพนักงานเพิ่มอีก 3,000 เพื่อคอยดูการไลฟ์การฆ่าตัวตาย ที่มา Source 1 | Source 2 | Source 3 2. เด็ก 15 ปีถูกข่มขืนโดยแก๊งวัยรุ่น ขณะที่มีคนดูการไลฟ์สดนั้น 40 คน นี่เป็นการไลฟ์ของกลุ่มวัยรุ่น 6 คน ที่กำลังรุมข่มขืนหญิงสาววัย 15 ปี แม้จะมีคนเข้าดูถึง 40 แต่ไม่มีใครแจ้งตำรวจสักคน จนกระทั่งญาติคนหนึ่งของหญิงสาวได้เปิดมาเจอไลฟ์นี้และนำไปบอกแม่ก่อนจะถึงหูตำรวจ ต่อมาตำรวจได้จับกุมตัวคนร้ายได้สองคน ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างหลบหนี อย่างไรก็ตามตำรวจจะนำตัวคนร้ายทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ ในขณะเดียวกันก็มีคนเรียกร้องให้ตำรวจตั้งข้อหากับคนดูไลฟ์ทั้ง 40 คนด้วย เนื่องจากพวกเขาเห็นเด็กถูกข่มขืนแต่ไม่แจ้งตำรวจ จึงถือเป็นการสนับสนุนคนร้ายอย่างหนึ่ง…
-
ญี่ปุ่นทำสไลด์เดอร์ยักษ์รูป ‘เรือไททานิค’ กำลังล่ม… กลายเป็นดราม่า ชาวเน็ตวิจารณ์เพียบ!!
หนึ่งในเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่คนทั่วโลกต้องเคยผ่านหูผ่านตามาก่อนก็คงจะหนีไม่พ้นเหตุการณ์ที่เรือเดินสมุทรขนาดยักษ์ที่ชื่อว่า ‘Titanic’ ล่มกลางทะเล ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสูงกว่า 1,500 คนเลยทีเดียว ซึ่งล่าสุดตอนนี้ก็กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเมามันส์กันในโลกโซเชียลของต่างชาติ เมื่อบริษัทญี่ปุ่นได้นำเอาโมเม้นท์ตอนเรือไททานิคจมไปทำของเล่นให้เด็กๆ เล่นกันอย่างสนุกสนาน เว็บไซต์ Daily Mail ได้นำเรื่องราวของกระแสความไม่พอใจที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์มารายงานให้พวกเราได้ทราบกัน หลังจากที่มีการแชร์ภาพของสไลด์เดอร์ยักษ์รูปร่างเรือไททานิคที่กำลังอับปาง เหลือส่วนหัวที่เอนเอียงขึ้นมาเหนือน้ำ เพื่อให้เด็กสามารถไถลตัวลงมาได้อย่างสนุกสนาน ซึ่งเจ้าสไลด์เดอร์เรือไททานิคนี้เป็นของเล่นของบริษัทที่ตั้งอยู่ในเมือง Shizuoka ประเทศญี่ปุ่น โดยทำไว้เพื่อให้เช่าไปใช้ในงานอีเว้นท์ต่างๆ แน่นอนว่าเมื่อมีทั้งคนชอบ ก็ต้องมีคนไม่ชอบ ผู้คนบางส่วนออกมาต่อว่าให้กับคนออกแบบว่าไร้รสนิยมสิ้นดี ที่นำเอาเรือไททานิคที่เป็นสัญลักษณ์ของโศกนาฏกรรมมาทำเป็นของเล่น แต่ก็มีบางส่วนที่ออกมาให้ว่า ‘มันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่’ นอกจากนี้ยังมีคนโยงเอาไปเปรียบเทียบกับเรื่องโฆษณาผงซักฟอกเหยียดผิวของจีน ที่ผู้หญิงจับคนดำยัดเข้าไปในเครื่องซักผ้าแล้วโผล่ออกมากลายเป็นชายจีนหน้าตาหล่อเหลา โดยมีนัยยะว่าชาวเอเชียนั้นเป็นพวกที่ทำอะไรทำนองนี้แบบไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรอยู่แล้วล่ะ อย่างไรก็ตามทางบริษัทเจ้าของสไลด์เดอร์ไททานิคนี้ก็ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ กับเรื่องดังกล่าว และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เมื่อประมาณ 6 ปีก่อนหน้านี้ก็มีสวนสนุกในประเทศ Switzerland ที่ให้บริการเครื่องเล่นสไลด์เดอร์ยักษ์รูปทรงเรือไททานิคกำลังจมอยู่แบบนี้เช่นกัน แต่สุดท้ายก็ถูกแบนไป เพราะถูกร้องเรียนจากกลุ่ม Switzerland’s Titanic Club ถึงแม้ว่าทางสวนสนุกจะออกมาชี้แจงว่า “เหตุการณ์ไททานิคเป็นเรื่องที่น่าเศร้าก็จริง แต่มันก็ผ่านไปนานแล้ว คนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เค้าก็คงทำใจได้แล้วล่ะ ไม่เห็นเป็นอะไรเลยหากเราจะคิดถึงเรือไททานิคในมุมสนุกๆ บ้าง” ก็เลยถูกตอกหน้ากลับไปแบบแรงๆ ว่า “หากหยิบยกเหตุการณ์รมแก๊สฆ่าชาวยิวมาในแบบสนุกๆ…
-
ตำรวจเผย รู้ตัว ‘มือปืน’ ที่ยิง Christina Grimmie แล้ว และไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าตัวตาย!?
กลายเป็นข่าวโศกนาฏกรรมที่ผู้คนให้ความสนใจไปทั่วทั้งสหรัฐและในหลายๆ ประเทศเลย สำหรับกรณีของนักร้องสาวเสียงดี Christina Grimmie จากเวที The Voice US เมื่อปี 2014 ที่ถูกมือปืนปริศนายิงจนเสียชีวิตหลังจากแสดงคอนเสิร์ตเสร็จ เกิดเหตุ Christina ออกแสดงคอนเสิร์ตที่ Plaza Live Theater ในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดาเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐ ในระหว่างที่กำลังแจกลายเซ็นให้กับแฟนๆ เธอกำลังถูกมือปืนปริศนายิงเข้า 5 นัด มี 1 นัดเข้าที่ศีรษะของเธอ จากนั้นพี่ชายของเธอก็เข้ามาสกัดจับคนร้าย แต่กลับดิ้นหลุดไปได้ และยิงตัวตายในที่สุด Christina ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน แต่ก็เสียชีวิตเพราะไม่สามารถทนพิษบาดแผลได้ ความคืบหน้าคนร้าย ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา ทางทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจในออร์แลนโดที่เข้ามาสืบสวนเรื่องนี้ได้จัดงานแถลงข่าว พวกเขายืนยันว่ามือปืนนั้นเป็นคนขาว ไม่ใช่คนในท้องถิ่น และยังมีแผนที่จะกลับบ้าน ไม่ใช่เตรียมฆ๋าตัวตายตั้งแต่แรก คงเพราะสถานการณ์เฉพาะหน้าตอนนั้น “ผู้ต้องสงสัยเดินทางไปทั่วเมืองออร์แลนโด เห็นได้ชัดว่าหลังจากการก่ออาชญากรรมครั้งนี้ เขามีแผนที่จะเดินทางกลับไปยังที่ที่เขาจากมา นักสืบของเรากำลังทำหน้าที่สืบสวนและตรวจสอบไปยังคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือของผู้ต้องสงสัย เพื่อดูว่าเขามีแรงจูงใจอะไรถึงได้ก่ออาชญากรรมครั้งนี้” ตัวจริงของคนร้าย ล่าสุดทางทวิตเตอร์ของสถานีตำรวจออร์แลนโด @OrlandoPolice ได้เผยแล้วว่า คนร้ายมีชื่อว่านาย Kevin James Loibl วัย 27 ปี จากเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัฐฟลอริด้า แต่ยังไม่มีการเผยสาเหตุว่าการก่อเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นจากอะไร มีความเห็นจากเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าผู้ต้องสงสัยน่าจะไม่รู้จัก Christina มาก่อน และพวกเขาไม่เชื่อว่าผู้ต้องสงสัยเคยติดต่อกับเธอผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ …
-
สลดใจ!! อุบัติเหตุรถแรลลี่พุ่งชนกลุ่มผู้ชม หนึ่งในนั้นคือคุณแม่ที่มีกำหนดคลอดในวันรุ่งขึ้น
เรื่องราวอันน่าเศร้าของผู้ที่ชื่นชอบความท้าทายที่มาพร้อมกับความเสี่ยงตลอดเวลา อย่างเช่นในกรณีของการแข่งรถยนต์ทางวิบาก หรือที่รู้จักกันว่ารถแรลลี่นั้น ทั้งผู้ชมและผู้เข้าแข่งขันจะต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้เกิดขึ้นที่แคว้น Galicia ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสเปน ในรายการแข่งขันรถยนต์วิบาก Rally de la Coruna เมื่อรถยนต์ Peugeot 206 XS เข้าโค้งมาด้วยความเร็วสูงแต่สูญเสียการควบคุมจึงพุ่งใส่กลุ่มผู้ชมเป็นจำนวนมากถึง 20 ราย ทางผู้จัดการแข่งขันได้สั่งยุติการแข่งขันในทันที เนื่องจากอุบัติเหตุดังกล่าวร้ายแรงเกินกว่าที่จะแข่งขันต่อ ซึ่งอุบัติเหตุในครั้งนี้ส่งผลทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นจำนวนมากและมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวน 6 ราย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือคุณแม่ที่กำลังตั้งท้อง Ana Cayazzo คือคุณแม่ที่ตั้งท้องได้ 9 เดือน เธอถูกชักชวนให้มาร่วมชมการแข่งขันรถแรลลี่โดยสามีของเธอ Miguel Caridad ซึ่งเป็นผู้ที่ชื่นชอบการแข่งขันประเภทนี้อยู่แล้ว แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็เสียชีวิตในโศกนาฏกรรมอันแสนเศร้านี้ ทั้งที่เธอเองก็มีกำหนดคลอดลูกในวันรุ่งขึ้น ตามรายงานระบุเอาไว้ว่ายังมีคุณแม่ตั้งท้องอีกรายที่เสียชีวิตเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามเหมียวขอแสดงความเสียใจกับอุบัติเหตุในครั้งนี้ด้วย ที่มา : mirror
-
เผยภาพสุดสะเทือนใจ ของเพื่อนๆเหยื่อ ‘เรือเซวอล’ เหลือกันแค่ 4 คน
เป็นเวลา 1 ปีกว่าแล้วหลังจากเกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมของเรือขนส่งสินค้าเซวอลของบริษัท ซองเฮจิน มารีนพลิกคว่ำนอกชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของของเกาหลีใต้ ทำให้เด็กนักเรียนที่โดยสารมาด้วยกว่า 304 คนเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว แม้เหตุการณ์จะผ่านมาได้สักพักแล้ว แต่ความเศร้าโศกเสียใจก็ยังไม่เคยได้จากไป กลายเป็นเรื่องยากจะทำใจของเด็กๆที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ที่จะต้องทนรับกับสภาพจิตใจอันย่ำแย่ ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา ก็ได้มีสมาชิกเว็บไซต์ Twitter ที่ชื่อว่า @calls_me_home ของเพื่อนร่วมชั้นที่รอดชีวิต ได้โพสต์ภาพของกลุ่มเพื่อนๆในชั้นเรียนก่อนและหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ที่ก่อนหน้านี้มีเพื่อนๆอยู่หลายคน แต่ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ 4 คนเท่านั้น สร้างความสะเทือนใจให้แก่ชาวเน็ตเป็นอย่างมาก ที่มา calls_me_home , kapook