Tag: ในอดีต

เมื่อได้มองไปที่ปู่ย่าตายายหรือพ่อแม่ หลายคนอาจจะนึกถึงภาพที่พวกเขาเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เล็กจนโต หรือบางคนก็มองว่าท่านแก่ชราลงไปมาก ซึ่งจริงๆ แล้วเรามักจะลืมนึกว่าปู่ย่าตายายก็เคยมีช่วงเวลาสมัยที่ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นเหมือนกับเรานี่แหละ แถมบางคนยังใช้ชีวิตสุดคูลในแบบที่ลูกหลานเองก็คาดไม่ถึง เมื่อเป็นเช่นนี้ ชาวเน็ตหลายๆ คนจึงได้ร่วมใจกันแชร์ภาพของปู่ย่าตายายตัวเองในสมัยวัยเยาว์ผ่านเว็บไซต์ Boredpanda และนั่นก็ได้แสดงให้เราเห็นว่าคนรุ่นเก่าก็มีความเก๋าและความคูลไม่แพ้วัยรุ่นยุคนี้เลยนะจ๊ะ   ภาพของคุณยายในวัยสาวที่นั่งเซลฟี่อยู่บนหลังสิงโตเมื่อปี 1947   คุณยายสมัยยังสาวในช่วงต้นยุค 70   เมื่อคุณย่าได้ส่งภาพของคุณปู่สมัยยังเอ๊าะๆ มาให้หลานรัก   ภาพในปี 1926 ของคุณยายที่กำลังถ่ายรูปสุดชิคกับรถฮาเล่ย์คันโปรด   ภาพของคุณย่าในอดีตที่ทำให้หลานๆ พากันยิ้ม   คุณย่าสมัยยังสาวกำลังเล่นอยู่กับสุนัขคอร์กี้แสนรัก ถ้าเป็นสมัยนี้คงได้ไลก์จากหนุ่มรัวๆ   ป้าดดด!! สมัยเป็นสาวยายก็สวยแบบนี้แหละลูกเอ๊ยย   ความเป๊ะปังในอดีตมันมีอยู่จริง   หลานสาวที่ดูเหมือนจะภูมิใจกับความเท่ในตัวคุณยายสุดๆ   ในวันที่ 14 กันยายน 1959 คุณยายได้ถ่ายรูปกับนักบินอวกาศ John Glenn, Gus Grissom และ Alan Shepherd ด้วยนะ   ภาพนี้แหละที่ยายของฉันได้ส่งให้คุณตาดูระหว่างที่เขาไปทำสงครามในช่วงปี 1943  …

ปัจจุบันราคาตั๋วเครื่องบินมีราคาถูกลงมาจากแต่ก่อนเยอะมาก ไม่ว่าจะด้วยโปรโมชั่นของสายการบินโลว์คอส หรือจะเป็นการแข่งขันทางราคาตามกลไกตลาด แต่จะว่าไปแล้ว.. บรรยากาศบนเครื่องบินในอดีต และปัจจุบัน นับว่ามีความแตกต่างกันอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เราจะพาไปชมกันว่าในอดีตช่วงยุค 1940s – 1970s การบินในแต่ละไฟลท์ผู้โดยสารจะได้รับบริการยังไงกันบ้างนะ?     จริงๆ ก็ถือว่าดีนะที่สมัยนี้ห้ามสูบบุหรี่บนเครื่องแล้ว แต่ต้องบอกตรงๆ ว่าเห็นพ่อหนุ่มคนนี้แล้วรู้สึกทำไมมันเท่ชะมัด   ปัจจุบันถ้าอยากจะนอนเตียงก็คงต้องเลือกชั้นเฟิร์สคลาส หรือไม่ก็บิสซิเนสคลาส แต่ในอดีตไม่ต้องจ้า   ภาพจากสายการบิน Delta ในช่วงปี 1959   สมัยก่อนมีเตียงสองชั้นบนเครื่องบินด้วยนะเออ…   ด้วยจำนวนผู้โดยสารที่น้อยกว่า ก็ทำให้พนักงานสามารถดูแลทุกคนได้อย่างทั่วถึงและเต็มที่   หลายๆ สายการบินมักจะมีหมอนพิเศษคอยบริการให้เสมอ   หากยุคนี้เด็กๆ ได้นั่งจิ้มทัชสกรีนหลังเบาะ ยุคก่อนเด็กๆ ก็ได้รับความรู้โดยตรงจากนางฟ้าแสนสวยเช่นเดียวกัน   สมัยก่อนอาหารจะปรุงสดบนเครื่องบิน พร้อมทั้งเสิร์ฟถึงมือผู้โดยสารทันที   ภาพตัวอย่างอาหารที่ถูกเสิร์ฟบนสายการบิน British Airways ในช่วงยุค 60s   แม้แต่แฮมก็ถูกหั่นและพร้อมเสิร์ฟสดๆ ร้อนๆ เช่นกัน   แทนที่จะถูกเก็บไว้ในฟลอยด์และแช่เย็นไว้…

ดูเหมือนว่ายิ่งเรากำลังเข้าสู่ยุคสมัยใหม่มากเท่าไหร่ อะไรๆก็ดูผ่านไปไวมากขึ้นเท่านั้น ถ้าเราลองนึกย้อนไปเพียงแค่ 10 ปีก่อน มาเทียบกับปัจจุบัน จะพบว่าสังคมและวิถีชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมากๆ และภาพถ่ายทั้ง 25 รูปนี้ ซึ่งเป็นที่หาชมได้ยากทางประวัติศาสตร์ จะทำให้เพื่อนๆได้อินกับความรู้สึกที่ผูกติดอยู่กับเวลามากยิ่งขึ้นไปอีก หลายๆภาพยิ่งทำให้เราไม่อยากจะเชื่อเข้าไปอีก ว่ามันเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริงๆเหรอเนี่ย!!   1. ภาพการท่องเที่ยวในอดีต ที่ครั้งหนึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยว กำลังอาบแดดอยู่บนยอดปิรามิด เมืองกิซ่า   2. Walter Elias Disney และรอยยิ้มของเขา ในวันเปิดตัว Disneyland ครั้งแรก เมื่อปี 1955   3. หลายคนคงยังไม่เคยเห็น ห้องทานอาหารค่ำสุดหรูบนเรือ Titanic   4. ภาพของโครงเหล็ก และการก่อสร้างหอไอเฟลในช่วงแรก เมื่อปี 1888 ก่อนจะมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในปัจจุบัน   5. ร่างเงาของผู้เสียชีวิตโดยไม่ทันตั้งตัว จากเหตุการณ์ระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิม่า   6. ป้าย Hollywood เมื่อถูกมองมาจากในตัวเมือง ลอส แองเจลิส เมื่อปี…

ไม่มีใครรู้ว่าค่านิยมเรื่องความงามของผู้หญิงสมัยใหม่ ที่ถูกนิยามไว้ว่าจะต้องผอม สูง หุ่นดี มีผิวขาว (โดยเฉพาะในเอเชีย) ถูกใครบัญญัติขึ้น และมันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ถึงแม้ว่าปัจจุบันเทรนด์ผู้หญิงหุ่นอวบอึ๋ม มีบั้นท้ายอวบอิ่ม กำลังมาแรงในโลกตะวันตก แต่ตรงกันข้ามในฝั่งเอเชียอย่างเราๆ ที่ยังคงนิยมความงามที่ผูกไว้กับความผอมอยู่ และรู้หรือกันมั้ยล่ะว่า ในอดีตก็มีสินค้าชวนให้ผู้หญิงลดน้ำหนักเหมือนกัน แถมวิธีการโฆษณาของสินค้าเหล่านี้ไม่ได้มาแบบซอฟต์ๆ เตือนให้ลดน้ำหนักแบบอ้อมๆ เหมือนในปัจจุบันซะด้วย เราตามไปดูกันเลยดีกว่า กับโฆษณาชวนเชื่อจากสินค้าในอดีต ดูๆแล้วกะเล่นให้ผู้หญิงร่างอ้วนไม่มีที่ยืนในสังคมเลยเหรอเนี่ย??   1. โฆษณาชวนให้กินน้ำตาล 1 ช้อนชาก่อนทานอาหาร เพราะเชื่อว่ามันช่วยลดน้ำหนัก และทำให้กินได้น้อยลง   2. โฆษณาน้ำตาลลดน้ำหนัก แต่ชื่อของมันไม่น่าใช้เอาซะเลย (อ่านว่า เอดส์ – อีดส์)   3. “ผู้ชายคงไม่มองฉัน ถ้าไม่ลดน้ำหนักไปมากกว่า 135 ปอนด์”  โฆษณาซะคนอ้วนไม่มีที่ยืนในสังคมเลย T_T   4. โฆษณาสบู่ ที่การันตีว่าใช้แล้วไขมันลดลง แถมยังดูเด็กขึ้นอีก   5. การปลูกฝังค่านิยมความผอมในอดีต ไม่ว่าใครๆต่างกังวลในน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น   6. โฆษณาที่จะทำให้คนอ้วนรู้สึกผิด…

ว่ากันว่า ช่วงชีวิตที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ ก็คงหนีไม่พ้นช่วงเวลาในวัยเด็ก ที่เราเปรียบได้ดั่งต้นกล้าต้นน้อย พร้อมจะเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว และเติบโตขึ้นมาเป็นต้นไม้ใหญ่ในอนาคต แต่ถ้าหากเราย้อนอดีตกันไปในยุคที่ยังไม่มี คุณแม่สุดฮิป อาหารคลีนฟู๊ด หรือเครื่องมืออำนวยความสะดวกที่มากมายเหมือนปัจจุบัน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อละว่า ในอดีตเขามีวิธีการเลี้ยงดูเด็กกันแบบนี้จริงๆ เราไปพิสูจน์กันด้วยภาพถ่ายเก่าเก็บจาก Chris Wild ซึ่งมันช่างแตกต่างจากการเลี้ยงดูลูกน้อย ในสมัยนี้ซะเหลือเกิน!!!   มีไฟมั้ยพี่? เด็กตัวน้อยสองคนที่ทำท่าดูดบุหรี่เลียนแบบผู้ใหญ่ แหมยังเด็กอยู่เลยนะจ๊ะ   ทุกๆ วันเด็กๆ จะได้พักผ่อนในตู้ไม้แบบนี้ ในที่สถานรับเลี้ยงเด็ก East End of London   เด็กทารกตัวน้อยสองคน กำลังหัดใส่นวม อยู่ในบริเวณที่ทำขึ้นให้เหมือนสนามมวยขนาดจิ๋ว   เด็กๆ ถูกนำมาแขวนตากไว้ให้แห้ง แต่ดูท่าทางแล้วหนูๆ ไม่น่าจะแฮปปี้เท่าไหร่   เด็กกำลังรับการฉายแสง ที่ศูนย์อนามัยเด็กเล็ก ในลอนดอน เพราะเชื่อว่าเป็นวิธีรักษา ภาวะโลหิตจาง และป้องกันการติดเชื้อในทรวงอก ของเด็กๆ ในอดีต   เด็กทารกกำลังนอนเล่นอยู่ในกรงที่แขวนออกไปนอกหน้าต่าง ในอดีตเชื่อว่าวิธีนี้เด็กจะได้รับอากาศที่สดชื่นและบริสุทธิ์มากที่สุด (แอบเสียวกลัวเด็กตกนะเนี่ย)   เด็กๆ…

เราอาจไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสาเหตุใดถึงก่อให้เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมต่างๆ ขึ้นมา หลายๆ คนอาจคิดว่าเหล่าฆาตกรต่อเนื่อง มักจะมีปัจจัยหรือสาเหตุในการก่อเหตุที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งความเป็นจริงแล้วมันกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง บางคนอาจจะดูปกติทั่วไปเมื่อมาอยู่ในสังคม และในขณะที่บางคนก็อาจจะดูผิดปกติชอบเก็บตัวและชอบวางตัวอยู่นอกกรอบของสังคม แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เราไปดูคำพูดที่ออกจากปากของเหล่าฆาตกรต่อเนื่องที่เคยเป็นคดีดังในอดีตกันเลยดีกว่า เผื่อว่าจะช่วยให้เราได้เรียนรู้และเข้าถึงจิตใจของพวกเขาได้มากยิ่งขึ้น…   1.“ผมเกิดมาคู่กับปีศาจ” – H.H.Holmes ในช่วงปี 1893 ที่รัฐชิคาโก Holmes ได้ทำให้บ้านตัวเองเป็นเหมือนศูนย์รวมของการฆาตกรรมขึ้น โดยทำทีว่าเป็นเหมือนเกสเฮาส์ทั่วไป แต่เขาได้คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปมากกว่า 200 คน!!!   2. “ผมไม่เชื่อในพระเจ้า มนุษย์ หรือปีศาจ อะไรทั้งนั้น ผมเกลียดเผ่าพันธุ์มนุษย์ รวมถึงตัวผมเองด้วย” – Gary Ridgway ชายผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็นนักฆ่าแห่ง Green River ประจำรัฐยูทาห์ ในช่วงยุค 80s – 90s เขาได้สังหารผู้บริสุทธิ์ไปมากถึง 48 คน แต่กลับให้การสารภาพกับศาลว่าจำนวนผู้เสียชีวิตมีมากกว่านี้ถึง 2 เท่า!!!   3. “ขอให้เมียและลูกๆ ของเธอถูกข่มขืนอย่างหนักทางทวารนั่นแหละ!!!” – Aileen Wuronos…

เพิ่งจบกันไปหมาดๆ กับโอลิมปิกที่เมืองรีโอเดจาเนโร 2016 มีการแข่งขันกีฬามากมายทั้งที่ได้รับความนิยม และไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่…แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะวันนี้ #เหมียวบ็อบ จะพาไปรู้จักกับ 8 กีฬา ที่จะว่าไปแล้วมันก็ไม่แปลกหรอก แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าครั้งหนึ่งมันถูกเอามาแข่งเป็นจริงเป็นจังในรายการโอลิมปิกซะได้   1. แข่งชักกะเย่อ นึกว่าจะมีแต่ในกีฬาสีสนุกๆ ขำๆ แบบในบ้านเรา แต่เมื่อช่วงปี 1900-1920 มันเคยถูกบรรจุในการแข่งขันโอลิมปิกมาแล้ว เราคงสนุกน่าดูถ้าได้เห็นตัวแทนแต่ละประเทศมาแข่งดึงเชือกกันอย่างเอาเป็นเอาตาย และในภาพนี้คือทีมจากประเทศสหรัฐฯ เมื่อปี 1908 ที่จัดขึ้นที่เมืองลอนดอน   2. แข่งยิงเป้านกพิราบตัวเป็นๆ ถ้าปัจจุบันยังมีการแข่งขันนี้อยู่ รายการโอลิมปิกคงถูกประณามแน่ๆ เพราะมันเคยจัดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียวในปี 1900 ที่เมืองปารีส นกพิราบกว่าร้อยตัวจะค่อยๆ ถูกปล่อยออกมาเพื่อเป็นเป้าให้แก่นักกีฬายิงปืนทั้งหลาย (โถ่ววว น่าสงสารเจ้านกน้อยเป็นที่สุด T^T)   3. การแข่งขันปีนเชือก เป็นการแข่งขันที่ตัวแทนแต่ละประเทศจะต้องแข่งกันปีนเชือกด้วยมือเปล่า เพื่อขึ้นไปให้ถึงจุดเส้นชัยที่อยู่ข้างบน และนี่คือภาพของ Nikolaos Andriakopoulos นักกีฬาปีนเชือกจากกรีซ ที่กำลังจะคว้าเหรียญทอง เมื่อปี 1896 และการแข่งขันนี้ก็ถูกยกเลิกไปในที่สุดหลังจากปี 1932 นั่นเอง  …

การดัดผมให้เป็นลอน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแฟชั่นทรงผมเก๋ๆ ของผู้หญิง ซึ่งเป็นที่นิยมมาตั้งแต่สมัยอดีตกาล แล้วรู้กันหรือไม่ว่าก่อนที่เทคโนโลยีการดัดผมอันแสนง่ายดาย ที่มีแค่เครื่องดัดอันเดียวก็สามารถทำเองได้ที่บ้าน แต่กลับกันสาวๆในยุคสมัยก่อนต้องทุ่มทุนและเวลากันไปเท่าไหร่ กว่าจะได้ผมดัดสวยๆ ออกมา… เราไปชมภาพวิธีการดัดผมจากช่วงยุค 1920s – 1930s กันบ้างดีกว่า ซึ่งถือว่าเป็นยุคแรกเริ่มที่มีการนำเครื่องจักรไฟฟ้ามาใช้ในการดัดผม ภาพเหล่านี้อาจทำให้สาวๆ รู้สึกโชคดีสุดๆ ที่ได้เกิดมาในยุคสมัยที่ความสวยงามมาพร้อมกับความสะดวกสบายที่มากขึ้น   โฉมหน้าของเครื่องดัดผมในอดีต อาจจะไม่ค่อยต่างจากสมัยนี้สักเท่าไร แต่การจัดวางที่ต่างกันบ้างเล็กน้อย (บางคนบอกว่าดูๆ ไปแล้วอย่างกับหลุดมาจากในหนังคลาสสิคชื่อดังอย่าง “The Twilight Zone”)   ถึงมันจะดูพะรุงพะรังและน่ากลัว แต่ระบบการทำงานของมันก็แสนง่ายดาย เพียงแค่ใช้กระแสไฟฟ้าเป็นตัวเร่งให้เส้นผมเกิดความร้อนสูง ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่สามารถใช้ในการดัดผมได้อย่างดี   แต่ก่อนที่จะมีเจ้าเครื่องนี้ ช่างทำผมมักจะใช้วิธีการนำสารเคมีมากัดกร่อนเส้นผมให้หงิกงอ   แต่เห็นแบบนี้เจ้าเครื่องนี้ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เพราะบางทีมันอาจจะให้ความร้อนที่สูงจนเกินไป ทำให้เส้นผมไหม้ได้ เพราะฉะนั้นช่างทำผมจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา   และนี่คือหน้าตาของเจ้าเครื่องนี้ มีแต่สายไฟพะรุงพะรังอยู่เต็มไปหมด   แต่ก็ใช่ว่าเจ้าเครื่องนี้จะถูกยกเลิกไปซะทีเดียว เพราะในปัจจุบันยังคงมีการนำมาใช้อยู่ เพียงแต่มันถูกพัฒนาระบบให้มีความทันสมัยมากขึ้น และปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย   กว่าสาวๆ จะสวยได้นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน กรรมวิธีการเสริมสวยต่างๆ มักจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และเครื่องดัดผมนี่ก็ทำให้เราได้เรียนรู้เช่นกันว่า…

แฟชั่นแต่ละยุคสมัยย่อมมีเอกลักษณ์และความโดดเด่นที่แตกต่างกันไป เปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะวิถีชีวิต กระแสดนตรีโลก และวิธีคิดของผู้คนในช่วงเวลานั้นๆ วันนี้ขอพาย้อนอดีตไปในช่วงยุค 1960s กันซักหน่อย เค้าว่ากันว่าสำหรับสาวๆ ในยุคนั้นถ้าใครอยากเกิดละก็ต้องทำผมให้ฟู ยาว และใหญ่ ประมาณว่ายิ่งใหญ่ยิ่งดีนั่นเอง เราไปดูภาพในอดีตกันเลยดีกว่าว่าสาวๆ ในยุคนั้นเค้าจะนิยมชมชอบความอลังการบนหัวตัวเองกันจริงๆ รึเปล่านะ?   คุณแม่ผมฟู….   3 สาว ทรงผมเหมือนกันแถมยังแต่งตัวเหมือนกันอีก   เห็นทรงผมเจ๊คนนี้แล้วถึงกับตกใจ…ยอมแล้วว่ามันดูอลังการงานสร้างจริงๆ   ทรงผมฟูๆ ถ่ายคู่กับรถแบบเก๋ๆ   ในแต่ละวันเจ๊เค้าต้องใช้เวลากี่ชั่วโมงกันนะถึงจะทำผมเสร็จ   ต้องดูเซ็กซี่มากแน่ๆ ในยุคนั้น   หรือจะฟูๆ แบบนี้ก็ดูโก้เก๋ไปอีกแบบ   นี่ไม่ใช่แค่การวิ่งแข่งทั่วไปแต่ยังเป็นการแข่งขันในเรื่องของทรงผมอีกด้วย   ขอเดาเล่นๆ ว่าเจ๊คนนี้ต้องเป็นอาจารย์แน่ๆ   แล้วถ้าก่อนนอนล่ะ? เค้าต้องจัดการกับทรงผมกันยังไงนะ   “กว่าจะออกบ้านได้ก็ต้องใช้เวลาไป 3 ชั่วโมงในการทำผมนะคะ” เจ๊ไม่ได้กล่าวไว้   เชื่อแล้วว่าเป็นทรงผมยอดฮิตจริงๆ   หรือนี่คือวง สาว สาว สาว ในเวอร์ชั่นตะวันตกรึเปล่านะ?…

ถ้าใครจำได้ คราวก่อนเหมียวขาสั้น ได้เคยทำเรื่อง ป้ายโฆษณา ‘เหยียดเพศ’ ที่เหล่าแบรนด์ดัง ล้วนเคยใช้มาในอดีต… เมื่อวันก่อน วันนี้ #จ่าสิบเหมียว เลยขอสานต่อประเด็นนี้แบบเต็มๆ เลยนะ… เรียกได้ว่าช่วงนี้กระแสเรียกร้องความเท่าเทียมทั้งด้านทางเพศและเรื่องอื่นๆ ก็มีขึ้นมาเรื่อยๆ ล่าสุดเราก็ขอยกเรื่องของโฆษณาต่างๆ มาเป็นกรณีศึกษาแล้วกันเนาะ   โฆษณานี้ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ณ ขณะนี้ในต่างประเทศ   โฆษณานี้ได้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดก็เพราะว่าการโชว์หุ่นของหญิงสาวที่ดูเพอร์เฟ็คต์จนเกินไปและไม่น่าเชื่อ ทำให้หญิงสาวหลายๆ คนรู้สึกแย่กับหุ่นของตัวเอง บางคนก็ตีความว่าอาจทำให้ผู้หญิงอยากผอมด้วยวิธีการที่ผิดๆ หรือแท้จริงแล้วความผอมก็อาจไม่ได้เป็นการชี้วัดความสวยที่ถูกต้องก็เป็นได้ แต่ถ้าเพื่อนๆ ลองย้อนกลับไปดูโฆษณาในอดีตแล้ว จะรู้สึกว่าแค่นี้นี่ซอฟต์ไปเลยทีเดียว…   โฆษณาของ Heinz ใช่วงปี 1950 ที่เขียนไว้ว่า “Most husbands, nowadays, have stopped beating their wives …” หรือ ‘ผู้ชายในสมัยนี้ส่วนมากนั้น เลิกตบตีภรรยากันแล้ว…’ ดูรุนแรงจริงๆ และยังเป็นการบอกโดยนัยน์ว่าหน้าที่ของสาวๆ คือเอาใจและดูแลผู้ชายเท่านั้น   โฆษณาของ Chase & Sanborn, 1952 โชว์ภาพความรุนแรงของการทำร้ายร่างกายเพศหญิงภายในครอบครัว   Schlitz, 1952 ‘ไม่เป็นไรนะที่รัก…

สำหรับบ้านเราอาจจะฟังดูไม่ค่อยแปลกกันเท่าไหร่ แต่สำหรับสายตาของชาวต่างชาติแล้ว…มันแปลกสุดๆ ได้ยินละแทบอึ้งเลยทีเดียว!!! สำหรับประเทศอังกฤษก็ขึ้นชื่อเรื่องความหรูหรา และนั่นรวมไปถึงเรื่องอาหารด้วยล่ะ โดยเฉพาะฟิชแอนด์ชิพ หรือปลากับมันทอดเนี่ย แต่ใครจะไปรู้ว่าในสมัยก่อน ผู้คนในเมืองผู้ดีประเทศอังกฤษก็ทานงูกันด้วย กับเมนูที่นิยมที่สุด ‘ซุปงู’ !!!   ถ้าเพื่อนๆ ยังจินตนาการกันไม่ออกล่ะก็ว่าซุปงูเป็นยังไง…เห็นแล้วหายหิวอ่ะ   แถมมีการค้นพบสูตรการปรุงงู จากตำราอาหารราวๆ ปี 1700 ด้วยล่ะ   1. จับงูมาแบบเป็นๆ ถลกหนัง และตัดหัวของมันซะ 2. หั่นให้เป็นชิ้นๆ ไม่เกินชิ้นละ 2 นิ้ว แล้วนำมาต้มในน้ำเดือด 3. โรยพริกไทย เกลือและไวน์ขาว 4. ปรุงรสชาติด้วยเครื่องเทศตามใจชอบ ใส่หัวผักกาดหั่นเพิ่มลงไป ผักโขม และหัวหอม 5. ต้มให้เปื่อย 6. เสิร์ฟร้อนๆ พร้อมขนมปัง 7. ตกแต่งให้สวยงามด้วยเกล็ดขนมปังและมะนาว   ฟังดูแล้วเป็นซุปที่น่ากลัวมากๆ ว่ามั้ย!!?   ยิ่งมากไปกว่านั้น ในพวกสูตรทำขนมหวาน อย่างเค้กแต่งงาน ก็มีหลักฐานว่ามีการใส่ชิ้นส่วนของงูลงไปในเค้กด้วยล่ะ…