Tag: ไมเกรน
-
พอกันทีกับไมเกรน!! อาหาร 7 ประเภทที่ทำให้เกิดอาการปวดหัว ถ้าไม่อยากปวดต้องลด
ในปัจจุบันก็มีผู้คนจำนวนมากที่กำลังทนทุกข์ทรมานกับโรคไมเกรนที่ในขณะนี้ก็ยังไม่มีใครทราบสาเหตุที่มาที่แน่ชัดของการเกิดโรคนี้ ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญก็ได้มีการยอมรับว่าอาการปวดหัวอย่างรุนแรงนั้นอาจเกิดมาจากยาที่ได้รับเข้าไปนั้นส่งผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ หรือการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ แต่อีกหนึ่งเหตุผลก็คือพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อความรู้สึกได้เช่นกัน จากหลายงานวิจัยกล่าวว่าประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของคนทั้งหมดที่ป่วยเป็นโรคไมเกรนนั้นมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงจากการเลือกรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ 1. ชีสที่ใช้เวลาบ่มนาน ชีสที่ผ่านกระบวนการบ่มเป็นเวลานานอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการของโรคไมเกรนเนื่องจากมีระดับของสาร Tyramine สูง เช่นเชดด้าชีส สวิสชีส บลูชีสและพาเมซานชีส แต่ก็มีชีสบางประเภทที่มีระดับของ Tyramine ต่ำเนื่องจากเป็นชีสสด เช่นอเมริกันชีส ครีมชีสและริคอตต้าชีส ส่วนมอสซาเรลลาชีสนั้นมีทั้งประเภทที่บ่มด้วยเวลานานและไม่นาน จึงควรตรวจสอบที่ฉลากของชีสก่อนที่จะซื้อมารับประทาน 2. ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวนั้นมีกรดมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระดับกรดเบสในกระแสเลือดได้ และยังเพิ่มโอกาสในการเกิดอาการปวดหัวจากโรคไมเกรนอีกด้วย บางงานวิจัยกล่าวว่า 11 เปอร์เซ็นต์ของคนที่มีอาการปวดหัวรายงานว่าเกิดจากการรับประทานผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว นอกจากนั้นผลไม้เหล่านี้ยังมีสาร Tyramine และ Histamine ที่สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพหากร่างกายของคุณได้รับสารเหล่านั้นมากเกินไป 3. ของเย็น ถ้าคุณชอบทานไอศกรีมหรือดื่มน้ำเย็นอย่างรวดเร็วในขณะที่ร่างกายของคุณนั้นมีอุณหภูมิสูงจากการออกกำลังกายหรืออยู่ในอากาศที่ร้อนเกินไป คุณอาจมีอาการปวดหัวอย่างหนัก ซึ่งอาจมีระยะเวลาประมาณ 25-60 วินาที หรืออาจนานถึง 1-2 นาทีเลยทีเดียว 4. กลูเต็น กลูเต็นเป็นโปรตีนที่พบอยู่ในธัญพืชเช่นแป้ง ข้าวสาลี ข้าวไรย์…
-
นักวิทย์แนะวิธีการคาดคะเนการเกิด ‘ไมเกรน’ ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ เพื่อรับมือได้ทันท่วงที
อาการปวดหัวไมเกรน คือหนึ่งในสิ่งที่มีคนประสบปัญหานี้กันอยู่ค่อนข้างมาก มันจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน และมีประสาทที่ไวต่อเสียงหรือแสงจนทำให้ต้องนอนพักอยู่บนเตียงแทบจะตลอด หรือหนักกว่านั้นอาจถึงขั้นเข้าห้องฉุกเฉินกันเลย ลักษณะของอาการที่ว่ามานั้นอาจทำให้หลายๆ คนรู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกินที่ผิดปกติ แต่ไมเกรนเฉียบพลันบางครั้งไม่ได้เกิดจากสาเหตุเหล่านั้นเสมอไป เมื่อได้มีการศึกษาใหม่ที่บอกว่ามันอาจเกิดจากสาเหตุที่ใกล้ตัวมากกว่านั้น นี่คือ การศึกษา ของดอกเตอร์ Tim Houle จากโรงพยาบาล Massachusettes General ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกตีพิมพ์ในวารสาร Headache เมื่อเขาและผู้วิจัยในทีมพบว่าเมื่อไหร่ที่เรามีความเครียด วันต่อมาเราจะเกิดอาการปวดหัวขึ้น โดยความเครียดที่ว่านั้นไม่ใช่แบบธรรมดาทั่วไป แต่มันคือความเครียดขั้นรุนแรง พวกเขาได้ทำการวิจัยกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 95 คน โดยต้องเป็นคนที่มีอาการปวดหัวเรื้อรังและสามารถเก็บข้อมูลได้ตลอดช่วงเวลากว่า 4,195 วัน โดยจะเก็บข้อมูลระดับความเครียดในแต่ละวันและดูว่ามีวันไหนที่เกิดอาการปวดหัวขึ้นบ้าง จากการบันทึกผลรายงานว่า กลุ่มตัวอย่างต้องเจอกับอาการปวดหัวถึง 1,613 วัน คิดเป็น 38 เปอร์เซ็นต์ของระยะเวลาทั้งหมด ซึ่งโดยรวมแล้วคนเหล่านั้นจะบันทึกผลว่ามีความเครียดอยู่ในระดับน้อยถึงปานกลาง แต่เมื่อไหร่ที่พวกเขารู้สึกว่าตนเองมีความเครียดเพิ่มสูงขึ้น ในวันต่อมาพวกเขาก็จะเกิดอาการปวดหัว ดอกเตอร์ Houle บอกว่า “เราทราบดีว่าบางคนมีความเสี่ยงที่จะถูกอาการดังกล่าวเข้าโจมตีมากกว่าคนอื่นๆ แต่เรายังไม่สามารถคาดเดาความเสี่ยงในแต่ละระดับที่เพิ่มสูงขึ้นภายในตัวบุคคลได้อย่างแม่นยำ การศึกษาในครั้งนี้จึงเป็นตัวสาธิตที่บอกว่ามีความเป็นไปได้ที่เราจะคาดการณ์การโจมตีล่วงหน้าของไมเกรนในคนที่มีอาการปวดหัวในแต่ละราย” หลังจากนี้พวกเขาจะยังคงวิจัยให้มากยิ่งขึ้น…
-
งานวิจัยเผย!! คนที่ปวดหัวไมเกรน อาจมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง
อาการปวดหัวไมเกรนอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ กับหลายคน แต่ถ้าหากเจ้าอาการที่ว่านั้นไม่ได้รุนแรงจนถึงขั้นที่ทำให้คุณไม่สามารถลุกไปไหนได้ หรือหนักจนถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล่ะก็ เราก็มักจะไม่สนใจและปล่อยปละละเลยกันใช่ไหมล่ะ แต่!! อย่าเพิ่งชะล่าใจไปเพื่อนรัก บางครั้งการปวดหัวไมเกรนธรรมดาๆ นั้นก็อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้นะเออ!! ผลงานวิจัยชิ้นล่าสุดจากประเทศเดนมาร์กเผยว่า ผู้ป่วยที่มีอาการปวดหัวไมเกรนนั้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป โดยทำการศึกษาจากสถิติผู้ป่วยไมเกรนมากกว่า 50,000 รายและผู้ป่วยที่ไม่มีอาการปวดหัวมากกว่า 500,000 รายตลอดระยะเวลา 19 ปี โรคหลอดเลือดสมองหรือ Stroke นั้นจะทำให้สมองขาดเลือดซึ่งสาเหตุมาจากผู้ป่วยหัวใจวาย 49 เปอร์เซ็นต์ และผู้ป่วยที่มีก้อนเลือดที่บริเวณขาและปอด 59 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 25 เปอร์เซ็นต์คือผู้ป่วยที่มีอาการหัวใจเต้นผิดปรกติ และดูเหมือนว่างานนนี้หนุ่มๆ จะต้องระวังกันมากเป็นพิเศษแล้ว เพราะผลการศึกษาดังกล่าวยังเผยอีกว่า เพศชายที่มีอาการปวดหัวไมเกรนนั้นมีความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองมากกว่าคนทั่วไปถึง 12 เท่า คุณหมอ Kasper Adelborg ผู้ทำการศึกษาครั้งนี้อธิบายว่าอาการบีบเกร็งของหลอดเลือดที่ผิดปรกตินั้นไม่เพียงแค่ทำให้เกิดอาการไมเกรนเท่านั้น และอาการดังกล่าวยังเพิ่มโอกาสของการเกิดโรคหลอดเลือดในสมองอีกด้วย นอกนี้การใช้ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตอรอยด์ หรือ Non-steroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDs) เพื่อแก้อาการปวดหัวไมเกรน ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจวายอีกด้วย เนื่องจากยาชนิดนี้จะทำให้เลือดแข็งตัวผิดปรกติ…
-
สาวปวดหัวหนัก หมอวินิจฉัยเป็นไมเกรน 14 ครั้ง แต่สุดท้ายจากไปเพราะ “เนื้องอกในสมอง”
อาการผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเรานั้น แม้ว่าบางทีอาจจะดูไม่รุนแรงสาหัสเท่าไหร่ แต่น้อยคนนักที่จะทันสังเกตเห็นว่า นี่แหละคือสัญญาณเตือนภัยก่อนที่จะเกิดโรคร้ายตามมา และนี่ก็ถือเป็นอีกอุทาหรณ์ที่เราอยากจะนำเสนอให้ทุกคนได้ตระหนักถึงสุขภาพตัวเองอีกครั้ง ‘Stephanie Dickson’ สาววัย 24 ปี ผู้มีอาการปวดหัวอย่างผิดปกติ เธอได้เข้าพบแพทย์มาแล้วมากถึง 14 ครั้ง ด้วยอาการดังกล่าว และทุกครั้งหมอกลับวินิจฉัยความปวดนั้นมาจากอาการไมเกรน!? Stephanie Dickson ก่อนหน้านี้เธอมีอาการปวดบริเวณคอ รู้สึกเจ็บหัวหลายต่อหลายครั้ง และมีอาการเวียนหัวตลอดเวลา 9 เดือน ทุกครั้งที่เธอเข้าพบแพทย์ คุณหมอได้ทำการจ่ายยาแก้ปวด และยาลดภาวะความเครียดให้เธอมาโดยตลอด โดยคุณหมอวินิจฉัยได้ว่าเธอเป็น ‘ไมเกรน’ ทว่าคืนวันหนึ่งหลังจากที่เธอกลับจากการเข้ารับการรักษาได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ครอบครัวของเธอก็ต้องพบว่าเธอได้เสียชีวิตลงอย่างน่าสลดใจ บนที่นอนของเธอเอง ภาพถ่ายของเธอและเพื่อนสนิท “พวกเราทุกคนเสียใจกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น มันไม่ควรจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ ประวัติการเข้าพบแพทย์ของเธอชี้ชัดว่าเธอต้องการรักษาอาการดังกล่าวให้หาย แต่กลับได้รับการรักษาผิดวิธี” Aberdour เพื่อนสนิทของเธอให้สัมภาษณ์ เพราะจากผลการวินิจฉัยหลังเธอเสียชีวิตพบว่า เจ้าตัวจากโลกนี้ไปด้วยโรคเนื้องอกในสมอง ซึ่งช่วยพิสูจน์ให้เห็นว่าโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคนที่อายุยังน้อยเช่นกัน จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้กลุ่มเพื่อน และครอบครัวของเธอได้ร่วมกันก่อตั้งมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเนื้องอกในสมอง อีกทั้งยังต้องการให้ทุกคนตระหนักถึงปัญหาสุขภาพที่เราอาจะมองข้ามโดยไม่รู้ตัวด้วยเช่นกัน “แม้ว่าตอนนี้พวกคุณหลายคนอาจจะยังดูเหมือนแข็งแรงอยู่ แต่เราไม่รู้เลยว่าลึกๆแล้วร่างกายเราเผชิญกับโรคร้ายโดยที่เราไม่รู้ตัวรึเปล่า เพราะฉะนั้นด้วยความที่ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ฉันขอเตือนทุกคนเลยว่า ถ้าคุณรู้สึกผิดปกติอย่างต่อเนื่อง ให้รีบเข้าพบแพทย์…