Tag: ไวกิ้ง
-
คู่รักตัดสินใจแต่งงานตามขนบธรรมเนียมของ ‘ชาวไวกิ้ง’ ดั้งเดิม เป็นครั้งแรกในรอบ 1,000 ปี!!
งานแต่งงานถือเป็นงานที่ใครหลายคนอาจจะมีโอกาสได้จัดมันเพียงครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น นั่นต้องทำให้แน่ใจว่างานนี้จะต้องประทับใจและตราตรึงหัวใจของเราไปตลอดชีวิต เช่นเดียวกันกับคู่รักชาวนอร์เวย์คู่นี้ ที่ตัดสินใจแต่งงานกันตามขนบธรรมเนียมประเพณีของชาว ‘ไวกิ้ง’ แบบดั้งเดิม ที่มีการล่องเรือยาว ใช้นักบวชนอกศาสนา หรือแม้แต่พิธีการสละเลือด!? Elisabeth และ Rune Dalseth สองคู่รักได้ตัดสินใจจัดงานแต่งงานตามธรรมเนียมของชาวไวกิ้งที่เคยทำกันอย่างเป็นปกติเมื่อราวๆ 1,000 ปีก่อน ทั้งคู่ได้ทำการเปลี่ยนรถแต่งงานให้กลายเป็นเรือยาวสองลำแบบโบราณ และแต่งงานกันที่ทำเลสาบ พร้อมกับแต่งกายแบบชาวไวกิ้งดั้งเดิม มีการใช้ประเพณีแบบเดิมแทบจะทุกอย่าง ทั้งการใช้เลือดของหมูมาป้ายที่ใบหน้าของตัวเอง เพราะเลือดนั้นเปรียบเสมือนตัวแทนของพระเจ้าของชาวไวกิ้งนั่นเอง จากนั้นก็จะมีการเต้นรำกันพร้อมกับร้องเพลงของชาวนอร์ส ไปพร้อมกับแขกที่เข้ามาร่วมงาน Elisabeth เล่าว่า “พวกเราเต้นรำกันในเพลงที่บรรพบุรุษของเราเคยเต้นรำกันเมื่อหลายพันปีก่อน” สองคู่รักเป็นหนึ่งในกลุ่มนักฟื้นฟูวัฒนธรรมของชาวไวกิ้ง ที่มีสมาชิกกว่า 6,000 คน ในประเทศนอร์เวย์ พวกเขาตั้งชื่อลูกตามราชาและฮีโร่ที่เป็นตำนานของชาวไวกิ้งอย่าง Ragnar Lothbrok ทางด้าน Elisabeth เจ้าสาวเล่าว่า “Rune เป็นคนที่เปิดโลกใหม่ให้กับฉัน และมันใช้เวลาเพียงไม่นาน ฉันก็เริ่มรู้สึกหลงใหล และวิถีของชาวไวกิ้งก็ซึมลึกเข้าไปในหัวใจของฉัน” เนื่องจากว่า Rune เปิดบริษัทเกี่ยวกับการแปรรูปไม้ ก็เลยทำให้การสร้างเรือยาวสองลำนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไปนัก…
-
ลูกสาวมีงานเลี้ยงธีมยุคกลาง ไม่อยากเป็นเจ้าหญิง ขอเป็น ‘ไวกิ้ง’ ผ่าทุกภาพลักษณ์ความนิยม!!
ทุกวันนี้เราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า เด็กๆ สมัยใหม่ยังคงยึดติดกับภาพลักษณ์เกี่ยวกับเพศอยู่หรือไม่ โดยในแง่ของเจ้าชาย เจ้าหญิง ที่จะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาว่าใคร เพศอะไร มีความสำคัญกับประวัติศาสตร์อย่างไร… อย่างในเรื่องของลูกสาววัย 7 ขวบของนาย Dan Snow พิธีกรรายการประวัติศาสตร์ ที่กำลังเตรียมแต่งตัวไปร่วมงานเลี้ยงธีมยุคกลางที่โรงเรียน เด็กส่วนใหญ่เลือกจะแต่งตามลักษณะเพศของตัวเอง เช่นเด็กชายเป็นอัศวิน เด็กหญิงจะเป็นเจ้าหญิง… สำหรับลูกสาว Zia แล้ว เธอกลับมีความคิดที่แตกต่างออกไป เธออยากจะแต่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพเรือสแกนดิเนเวียนสุดเจ๋ง หรือ นักรบไวกิ้งหญิง The Red Girl โดยมีการอ้างอิงถึงเหตุกาณ์ในช่วงศตวรรษที่ 12 ช่วงสงครามไอริช Cogad Gáedel re Gallaib – War of the Irish with the Foreigners นักรบไวกิ้งหญิงผู้เกรียงไกร ไม่เพียงแค่เธอแต่งตัวเป็นนักรบไวกิ้งแล้ว เธอยังร่วมแชร์ความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ให้กับเพื่อนคนอื่นๆ ด้วย เพราะคุณพ่อได้สอนเธอว่า มีนักรบหญิงมากมายที่เสียสละเข้าร่วมสงครามในศตวรรษที่ 10…
-
วิทยาศาสตร์พิสูจน์ความจริงของชาว ‘ไวกิ้ง’ กับการพา ‘แมวเหมียว’ ขึ้นเรือทุกครั้งที่ออกไปพิชิตโลก
พวกเราเคยได้ยินคำพูดที่ว่าแมวคิดจะครองโลกกันใช่ไหม แน่นอนว่าบางคนอาจจะคิดว่ามันก็แค่เรื่องล้อเล่น แต่หลังจากอ่านบทความนี้แล้วเพื่อนๆ อาจจะต้องเปลี่ยนความคิดก็ได้ เพราะแมวมันคิดจะครองโลกจริงๆ นะ มันถึงกับขึ้นเรือตาม “ไวกิ้ง” ไปปล้นสะดมเลยทีเดียว จากการศึกษา DNA ของแมวโบราณนักวิทยาศาสตร์สามารถตรวจสอบได้ว่า มีการเลี้ยงแมวอยู่ในเขตตะวันออกและอียิปต์ตั้งแต่ประมาณ 1 แสน 5 หมื่นปีก่อน เมื่อตามรอยการเลี้ยงแมวบ้านไปเรื่อยๆ พวกเขาก็พบว่าแม้แต่พวกไวกิ้งก็มีการเลี้ยงแมวไว้ในบ้านด้วยเช่นกัน ซึ่ง DNA ของสายพันธุ์ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยนั้น ถูกพบในกว่าสามสิบแหล่งโบราณคดีทั่วทั้ง ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา น่าเสียดายที่เราไม่มีหลักฐาน ที่บอกว่าแมวในสมัยก่อนหน้าตาต่างจากปัจจุบันอย่างไร นักวิจัยตรวจสอบโดยมุ่งเน้นไปที่ DNA ที่ส่งผ่านจากแม่สู่ลูกเท่านั้น พวกเขาพบว่าแมวป่าที่มาจากตะวันออกกลาง และแมวป่าที่อยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตะวันออก มี DNA mitochondrial ที่คล้ายกัน หรือก็คืออาจจะมาจากเชื้อสายเดียวกันก็เป็นได้ จากการวิจัยยังพบอีกว่า การเพิ่มจำนวนอย่างมหาศาลของแมวเลี้ยงนั้นน่าจะเกิดขึ้นถึงสองครั้งในประวัติศาสตร์ ครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นเพราะสิ่งที่คุ้นเคยกันดี แมวป่าได้เข้ามาในพื้นที่เกษตรกรรมเพราะไปล่าพวกหนูที่กัดกินเมล็ดพืชในแถบนั้น พวกเกษตรกรที่เห็นความมีประโยชน์เหล่านั้นจึงได้เริ่มเลี้ยงพวกแมวที่เข้ามาในพื้นที่ มาล่าหนูอยู่ดีๆ ได้ทาสเฉยเลย สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือหลังจากนั้นหลายพันปี ก็มีการเกิดการเพิ่มจำนวนของแมวเลี้ยงขึ้นมาอีกครั้ง สาเหตุของครั้งที่สองมาจาก คนเดินทะเลในสมัยโบราณเช่นชาวเรือและชาวไวกิ้งรับเอาแมวมาเลี้ยงบนเรือของพวกเขา เป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก ทำไมพวกคนเหล่านี้ถึงต้องการแมวบนเรือของพวกเขาที่ต้องใช้ในการเดินทางระยะยาวแบบนั้น? ที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลมากในการพาแมวขึ้นมาบนเรือ เนื่องจากแมวสามารถกำจัดพวกหนูในเรือได้ ทำให้หนูไม่ขยายพันธุ์จนล้นเรือ และเรือจะได้ไม่โดนพวกหนูเหล่านั้นแทะจนเป็นรูรั่ว…
-
ประวัติศาสตร์อันยาวนานของ “ดาบไวกิ้ง” ตัวแทนแห่งมูลค่า และสัญลักษณ์แห่งอำนาจ…
ดาบยาว (Longsword) หรือสปาตาร์ (Spatha) ไม่ได้เป็นเพียงแค่อาวุธที่น่าเกรงขามเท่านั้น แต่มันยังใช้ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์อันทรงคุณค่า และมักจะถูกรังสรรค์ขึ้นมาโดยช่างตีดาบผู้มากฝีมือ ในบรรดาดาบที่ยังถูกเก็บไว้จนทุกวันนี้ มักจะแฝงไปด้วยเรื่องราวของวัฒนธรรม ศิลปะ สงคราม พิธีกรรมทางศาสนา ประเพณีการฝังศพ กฎหมาย รวมถึงความเกี่ยวข้องทางด้านภาษีด้วย!! ในระหว่างการครองราชย์ของกษัตริย์ชาร์เลอมาญ Charlemagne (ค.ศ. 768 – 814) ดาบยาวพร้อมฝักมีมูลค่าเท่ากับ 7 เหรียญ Solidus ซึ่งเป็นสกุลเงินในเวลานั้น จากการอ้างอิงภายใน Lex Ribuaria ซึ่งเป็นชุดของกฎหมายโบราณจากศตวรรษที่ 7 ที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องการจ่ายภาษีของผู้คนในยุคสมัยนั้น การจ่ายภาษีในยุคดังกล่าว มักจะถูกจ่ายด้วยสิ่งของ อย่างเช่น ‘ดาบ’ แทนสกุลเงิน ดังนั้นมูลค่าของสินค้าจะถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า ที่น่าสนใจคือดาบที่ไม่มีฝัก จะมีมูลค่าเพียง 3 Solidus เท่านั้น แสดงให้เห็นว่ามูลค่าของดาบขึ้นอยู่กับฝักนั่นเอง ราคานี้เมื่อเปรียบเทียบกับสัตว์ ก็เปรียบได้กับม้าที่มีสุขภาพแข็งแรง จะมีราคาเท่ากับ 7 Solidus ในขณะที่วัวสุขภาพดีมีราคาเพียง 1 Solidus เท่านั้น ในช่วงแรก…
-
เด็กประถมจัดพิธีส่งร่างแบบไวกิ้งให้ ‘ปลาทองประจำห้อง’ สู่สวรรค์ชั้นวาลฮาลลา!!
เป็นเรื่องที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า เมื่อวันที่สัตว์เลี้ยงสุดที่รักของเราจากไป ด้วยความผูกพันธ์ และความทรงจำดีๆ ที่เคยมีให้กันมา เราก็อยากจะจัดพิธีศพให้กับเพื่อนซี้ต่างสายพันธุ์ของเราอย่างสมเกียรติ เช่นเดียวกับกลุ่มนักเรียนจากโรงเรียนประถม Papdale จากหมู่เกาะออร์กนีย์ ประเทศสกอตแลนด์ เมื่อสองปลาทองประจำห้องเรียนของพวกเขาได้เสียชีวิตลง เด็กๆ ไม่เลือกที่จะเอามันไปทิ้งลงในชักโครก แต่พวกเขาเลือกที่จะจัดพิธีอำลาให้กับมันในสไตล์ของชาวไวกิ้งแทน สองปลาทองผู้จากไปมีนามว่า ‘Bubbles’ และ ‘Freddy’ เดิมทีสองปลาทองเป็นของขวัญที่คุณครูประจำชั้นได้มอบให้เด็กทุกคนช่วยกันดูแล ทว่าช่วงที่สองปลาทองเสียชีวิตดันเป็นช่วงสัปดาห์ที่นักเรียนกำลังเรียนเรื่องไวกิ้งพอดี อะไรมันจะเหมาะเจาะได้พอดีขนาดน๊านน ‘พวกมันจะกลายเป็นวิญญาณน้อยลอยอยู่ที่วาลฮัลลา เราจะจดจำมันไปตลอดครับ’ เด็กนักเรียนคนหนึ่งกล่าว เด็กๆ ต่างก็ช่วยกันตัดกระดาษ พับเรือ และตกแต่งให้สวยงาม ก่อนที่จะนำเอาศพของปลาทองเพื่อนร่วมรุ่นไปลอยบนน้ำ ตามแบบวิถีชาวไวกิ้ง ‘พวกเราตื่นเต้นมากเลยฮะตอนที่เห็นเรือกำลังไหม้ เรารู้ว่ามันจากเราไปแล้ว และเราก็ได้เห็นมันไปอยู่ในที่ๆ มันอยากจะไป ตอนนี้พวกมันจะได้ไปอยู่ที่วาลฮาลลา มีพระเจ้าของชาวไวกิ้งคอยปกปักรักษาไว้’ เด็กนักเรียนกล่าว ‘เด็กทุกคนดูจะเซ็งมากเลยค่ะ หลังจากที่เจ้าปลาทองจากไป แต่การจัดพิธีศพแบบชาวไวกิ้งช่วยทำให้พวกเขาได้เห็นมุมมองในแง่บวกของเรื่องนี้ แน่นอนว่าพวกเราจะคิดถึงมันไปตลอดกาล’ คุณครูประจำชั้นเล่า เด็กๆ ต่างออกมายืนไว้อาลัยส่งวิญญาณปลาทองขึ้นสู่สวรรค์ชั้นวาลฮัลลา ตอนนี้วิญญาณปลาทองก็คงกลายเป็นนักรบไวกิ้งอยู่บนสวรรค์แล้วล่ะ… น่ารักจริงจริ๊งง ที่มา: TheChive
-
บรรยากาศงานเทศกาล Up Helly Aa สืบสานตำนานไวกิ้งจนเมือง Lerwick ลุกเป็นไฟ!!
เมื่อกล่าวถึงประเทศสก็อตแลนด์ เพื่อนๆ หลายคนก็คงจะถึงถึงเรื่องราวของเหล่านักรบไวกิ้ง ที่เป็นเลือกเนื้อเชื้อไขของชาวสก็อต ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเทศกาลสุดเจ๋งที่จัดขึ้นในประเทศ Scotland เป็นประจำทุกปี!! โดยจะจัดขึ้นหลังจากวันคริสต์มาสผ่านพ้นไปแล้ว 24 วัน และเมื่อวันอังคารล่าสุดของเดือนมกราคามที่ผ่านมา บรรยากาศในเมือง Lerwick นั้นดูครึกครื้นเป็นอย่างมาก เทศกาล Up Helly Aa จะทำให้เมืองทั้งเมืองลุกเป็นไฟ ด้วยขบวนของเหล่านักรบไวกิ้งที่ออกมาเดินขบวนกันเพื่อสืบสานตำนานของยอดนักรบที่อยู่ในประวัติศาสตร์ของชาว Shetland ผู้เข้าร่วมงานจะทำการสวมชุดเป็นนักรบไวกิ้งออกมาทานอาหารที่ร้านใกล้บ้านเพื่อเตรียมพร้อมก่อนที่จะเริ่มงานเทศกาล Guizer Jarl และลูกทีม ที่เป็นผู้นำเหล่านักรบในการเดินขบวนพาเหรด กำลังเตรียมตัวก่อนจะเริ่มออกขบวน พวกเขาเป็นตัวหลักในการเดินขบวนในทุกๆ ปี อาหารเช้าดีๆ นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ เด็กหนุ่มกำลังนั่งรอเวลาขบวนเริ่ม ขบวนเริ่มต้นแล้ว!! Guizer Jarl และลูกทีมของเขาจะเป็นคนที่ถูกคัดสรรโดยคณะกรรมการที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเมื่อ 15 ปี ก่อน พวกเขามีหน้าที่ในการเลือกคนที่จะมาเป็น Guizer Jarl ในทุกๆ ปี …
-
ปลาที่เลี้ยงไว้ในห้องน้ำของสาวน้อยเสียชีวิต เธอเลยจัดงานศพแบบไวกิ้งให้อย่างยิ่งใหญ่…
ถึงเราจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า การเกิด-แก่-เจ็บ-ตาย นั้นเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่เกิดขึ้นกับทุกๆ สิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ แต่เราก็ทำใจยอมรับความจริงเรื่องความสูญเสียไม่ได้อยู่ดี สิ่งที่พอจะทำได้ก็แค่ดูแลเค้าให้ดีที่สุดจนถึงวันที่เค้าจากไปก็เท่านั้นเอง เหมือนกับเรื่องราวของเจ้า Peeping Tom ปลาที่ถูกเลี้ยงไว้ในโถที่อยู่ในห้องน้ำของ Laura Psutka ซึ่งมันก็ใช้ชีวิตอยู่ในนั้นมาหลายปี เฝ้ามองคนทั้งเข้ามาอาบน้ำและกระทำกิจต่างๆ แต่ตอนนี้มันได้เสียชีวิตลงแล้วล่ะ… เจ้า Peeping Tom เสียชีวิตตอนอายุได้ 4 ปี Laura กล่าวว่า ‘ทอมไม่ได้เป็นแค่ปลาที่ถูกเลี้ยงไว้ในห้องน้ำ แต่เป็นสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งที่ได้รับความรักความผูกพันจากพวกเรา’ Laura เลยจัดพิธีศพแบบไวกิ้งให้กับเจ้าปลาตัวจิ๋วซะเลย เรือบรรทุกศพของมันชื่อว่า S.S. Boobies เพราะเจ้า Tom ชอบแอบดูคนอาบน้ำ และนั่นก็คือเคล็ดลับที่ทำให้มันอายุยืนล่ะ ฮ่าๆๆ ลาก่อนนะเจ้าทอม เราจะคิดถึงนาย T^T เป็นพิธีศพที่ยิ่งใหญ่จริงๆ สำหรับเจ้าปลาตัวจ้อยตัวหนึ่ง ก็หวังว่าแกจะมีความสุขในชีวิตหลังความตายน้าาา และแน่นอนทุกๆ คนที่นี่จะคิดถึงแกเสมอ… ที่มา: Buzzfeed
-
ไว้อาลัยแก่การจากไปของปลาน้อยที่เลี้ยงไว้ จัดพิธีงานศพให้สมศักดิ์ศรีแบบชาวไวกิ้ง!!
เมื่อความรักและความผูกพันเริ่มก่อตัวขึ้น จึงเป็นอะไรที่ยากพอสมควรกับการที่จะต้องทำใจเมื่อมีการจากลากันไป อย่างคนและสัตว์เลี้ยงเนี่ย เป็นอะไรที่มองข้ามไม่ได้เลย บางคนอาจจะเจอประสบการณ์ตรงมาบ้างแล้ว กรณีของเจ้าปลาน้อย Peeping Tom ที่ได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้กับเจ้านาย chilly911 มาด้วยกันตลอดระยะเวลา 6 ปีครึ่งอยู่ภายในโหลเลี้ยงปลาใสในห้องน้ำ แล้วจู่ๆ วันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เจ้าปลาน้อยต้องจากไป อันเนื่องมาจากคุณพ่อของเธอได้ทำการย้ายโหลออกไปจากตำแหน่งเดิม โดยที่ไม่โดนแสงแดด จนกระทั่งเธอกลับมาจากการทำงานในวันถัดมา ก็พบสภาพที่มันลอยแอ้งแม้งไปแล้ว เจ้าปลาน้อยสิ้นใจเพราะขาดแสงแดด จากนั้นเธอก็เลยคิดวิธีจัดงานศพให้กับเจ้าปลาน้อย Peeping Tom อย่างสมศักดิ์ศรี โดยการนำพิธีจัดงานศพสไตล์ไวกิ้งมาใช้ ทำเรือลำเล็กขนาดพอตัวและมีความแข็งแรง เรือลำนี้ถูกตั้งชื่อว่า SS Boobies เพราะว่าเจ้าปลาน้อย Tom ชอบหน้าอกมากๆ (ตอนที่มันยังมีชีวิตนั้นก็อยู่ในโหลที่ตั้งอยู่ในห้องน้ำ) โดยเธอบอกว่านั่นคือเหตุผลที่ทำให้เจ้าปลามีอายุที่ยืนยาวโดยการดูมนุษย์อาบน้ำ เรือพร้อมแล้ว ได้เวลาบรรจุร่าง จงไปสู่สุขคตินะ แล้วเราจะคิดถึงนาย ที่มา : thechive, chilly911
-
รู้จักกับสุนัขพันธุ์ ‘สวีดิช วาลฮุนด์’ เตี้ยล่ำน่ารัก สไตล์หมาป่ารวมร่างกับคอร์กี้!!
นอกจากเหมียวจะนำเสนอในเรื่องของหมา แมว น่ารักๆ เยอะแยะมากมายแล้ว คราวนี้เอาใจคนรักสุนัขกันบ้าง กับเรื่องราวของสายพันธุ์สุนัขที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักซักเท่าไหร่ เอาล่ะ!! ลองนึกภาพของเจ้าสนุัขคอร์กี้ตัวเตี้ยน่ารักมา 1 ตัว กับหมาป่าผู้น่าเกรงขาม อีก 1 ตัว นี่คือคอร์กี้ และนี่ก็คือ หมาป่า นำทั้งสองตัวมารวมร่างกัน!! จึงออกมาเป็น ‘สวีดิช วาลฮุนด์’ สำหรับความเป็นมาของเจ้า สวีดิช วาลฮุนด์ (Swedish Vallhund) หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า Västgötaspets เป็นสายพันธุ์ของสุนัขที่หายากมากๆ เกือบจะสูญพันธุ์ในช่วงปีค.ศ. 1940 โดยต้นกำเนิดมาของพวกมันนั้น มาจากประเทศสวีเดน เชื่อกันว่ามาจากช่วงยุคไวกิ้งประมาณ 1,000 ปีที่แล้ว โดยสุนัขสวีดิช วาลฮุนด์ นั้นมักจะถูกนำทำหน้าที่ในการต้อนปศุสัตว์และสัตว์อื่นๆ เป็นสุนัขเฝ้าบ้านระวังภัย แต่ ณ ปัจจุบันด้วยความหายากของสุนัขพันธุ์นี้ ก็ได้กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงไปแล้ว …
-
รวม 7 ความเข้าใจผิดๆที่ส่งต่อกันมาเนิ่นนาน วันนี้ต้องถูกแก้ไข!!!
บนโลกอินเตอร์เน็ตที่ข่าวสารและความรู้ต่างๆสามารถแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว บางครั้งก็มีข้อมูลเท็จหลุดออกไปบ้าง ทำให้หลายๆคน ทึกทักเอาเองว่า เรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง วันนี้เหมียวจึงพาไปดู 7 ความเชื่อผิดๆที่เชื่อกันมาอย่างเนิ่นนาน พร้อมกับข้อเท็จจริง ว่าที่จริงแล้ว เรื่องเหล่านั้น เป็นอย่างไรกันแน่ ว่าแล้วก็ไปชมกันเลย ความเชื่อ : ชาวไวกิ้งต้องสวมหมวกเขาสัตว์ ความจริง : ภาพชาวไวกิ้งสวมเขาสัตว์เพิ่งโผล่มาช่วงยุคปลายศตวรรษที่ 18 ในละครโอเปร่าของ Richard Wegner ความเชื่อ : ร่างกายจะใช้เวลาย่อยหมากฝรั่ง 7 ปี ความจริง : แม้ว่าส่วนประกอบมันจะไม่ได้เปลี่ยนไป แต่มันไม่มีทางอยู่ในร่างกายได้ถึง 7 ปีแน่นอน ความเชื่อ : ฉี่สามารถล้างพิษแมงกระพรุนได้ ความจริง : เอาน้ำเกลือหรือน้ำร้อนมาล้างน่าจะดีกว่าเยอะ ความเชื่อ : ในภาวะปกติ สมองเราทำงานแค่ 10 เปอร์เซ็นเท่านั้น ความจริง : ถ้า 90 เปอร์เซ็นของสมองไม่ได้ทำงานล่ะก็ เราจะนอนเอ๋อน้ำลายยืดอยู่แน่ๆ ความเชื่อ : น้ำโคล่าหนึ่งกระป๋องสามารถละลายตะปูทั้งอันได้…