Tag: ไอซ์แลนด์
-
เศรษฐีฆ่าวาฬหายาก ออกมารับผิดชอบกับการกระทำ ‘สัญญาว่าจะฆ่าเพิ่มอีก 140 ตัว’!!
ในประเทศไอซ์แลนด์นั้น ‘การล่าวาฬ’ ถือเป็นประเพณีที่กระทำสืบเนื่องมาตั้งแต่โบราณ และปัจจุบันก็ยังคงมีให้เห็นกันอยู่ตลอดเป็นประจำทุกปี อย่างไรก็ตามประเพณีการล่าวาฬนี้ก็ถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่ทั่วโลกว่ามันเป็นสิ่งที่ควรกระทำหรือไม่ จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ให้ล่าเฉพาะที่นำมาบริโภคเท่านั้น แต่ไม่ได้ล่าเพื่อความสนุกเหมือนในอดีตอีกต่อไป และการล่าวาฬตัวนี้กำลังกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดกันอย่างแพร่หลายในโซเชียลต่างประเทศ กับกรณีของเศรษฐีชาวไอซ์แลนด์รายหนึ่งใช้ปืนใหญ่ยิงฉมวกใส่เจ้าวาฬยักษ์ที่มีความยาวถึง 20เมตร!! แต่ทว่ามันไม่ใช่วาฬธรรมดา เป็นพันธุ์ผสมระหว่างวาฬสีน้ำเงินกับวาฬฟิน ที่หาได้ยากมากๆ เรียกได้ว่าโอกาสที่จะเกิดการผสมข้ามสายพันธุ์ของวาฬสองชนิดนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะมีเพียง 1% เท่านั้น จากรายงานระบุว่าเจ้าวาฬตัวนี้ใช้ชีวิตแหวกว่ายไปในมหาสมุทรมานานกว่าหลายสิบปี และไม่เคยทำอันตรายให้กับสิ่งมีชีวิตอื่นเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายก็ต้องมาจบชีวิตลงโดยน้ำมือของมหาเศรษฐีขาวไอซ์แลนด์นามว่า Kristjan Loftsson เขาใช้ปืนใหญ่ยิงฉมวกที่มีขนาด 90 มิลลิเมตร เจาะเข้าไปในผิวหนังของเจ้าวาฬ และลากมันขึ้นมาบนฝั่งของกรุง Reykjavik ก่อนที่จะทำการแล่เจ้าวาฬตัวนั้น ภาพในระหว่างการแล่เนื้อวาฬถูกเผยแพร่สู่สายตาของประชาชนทั่วโลก กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงว่าการกระทำนี้เป็นสิ่งที่โหดร้าย อย่างไรก็ตามองค์กร International Find for Animal Welfare (IFAW) ก็ได้ออกมาให้ความเห็นว่าวาฬผสมนั้นเป็นวาฬที่หายากมาก และมันเป็นสัตว์ที่ถูกคุ้มครองโดยอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าห้ามล่าหรือทำร้ายมัน ขณะนี้พวกเขาก็กำลังจะดำเนินการเอาเรื่องมหาเศรษฐีให้ถึงที่สุด Sigursteinn Masson จากหน่วยงาน IFAW กล่าวว่า “เจ้าวาฬพันธุ์ผสมนี้เป็นสิ่งที่หายากมากๆ ทำให้การระบุว่ามันเป็นสายพันธุ์อะไรก็เป็นเรื่องที่ยากเช่นกัน”…
-
ดูบอลโลก ทำไมนามสกุลชาวสแกนดิเนเวียน ถึงลงท้าย ‘สั้นๆ’ คงไม่ใช่เพราะอะไรสั้นหรอกมั้ง!?
เออเนาะ ไม่เคยสังเกตกันเลยนะเนี่ย ถ้าเพื่อนๆ เป็นแฟนฟุตบอลกัน (หรือไม่ได้เป็นก็ตามแต่) หรืออาจจะเคยไปยังประเทศแถบยุโรปเหนือหรือทางสแกนดิเนเวียแล้วล่ะก็ จะรู้สึกว่าคำต่อท้ายพวกเขานั้นส่วนใหญ่แล้วมักจะมีคำว่า ‘son’ หรือ ‘สั้น’ กันทั้งนั้นเลยนะเนี่ย!!? และล่าสุดทางเว็ปไซต์พันทิป ก็ได้มีคนตั้งข้อสังเกตนี้ขึ้นมาและตั้งกระทู้ถามไถ่กันเกิดขึ้นของ สมาชิกหมายเลข 700359 และ dr-jackass ที่กล่าวถึงกรณีนี้ พร้อมยกตัวอย่างประกอบได้น่าสนใจเลยทีเดียว #จ่าสิบเหมียว คิดว่ามันเป็นเกร็ดความรู้เลยนะเนี่ย ลองมาช่วยวิเคราะห์กันดูเนาะ ฮ่าๆๆ จากกรณีนี้เราจะยกตัวอย่างชื่อนักเตะของประเทศไอซ์แลนด์ ส่วนมากขื่อจะลงท้ายด้วยคำว่า ‘สั้น’ หรือ ‘ซั่น’ แทบจะทั้งหมด คนสุดท้ายคนเดียวเท่านั้นที่มีคำว่า ‘เซ่น’ ซึ่งก็ไม่ค่อยแตกต่างออกไปมากนัก ทีนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็เลยเข้าไปหาความรู้มาล่ะ ในกรณีนี้นะชื่อของชาวเดนมาร์กซึ่งเป็นหนึ่งในชาวสแกนดิเนเวียจะสามารถเห็นได้ว่า… นามสกุลเค้ามีแต่ เซ่น เซ่น เซ่น ทั้งนั้นเลย อีกหนึ่งเคสจากชาวนอร์เวย์ ประเทศนอร์เวย์ก็ เซ่น อีกแล้ว และกรณีสุดท้ายจากชาวสวีเดน สวีเดนนี่ออกไปในทางไอซ์แลนด์ เพราะ สัน สัน กันเยอะมาก แต่สังเกตุคำอธิบายด้านหลังนั่นใช่ไหม… หลักๆ แล้วเราสามารถเห็นได้ชัดๆ…
-
การแก้ปัญหาวัยรุ่น “ติดเหล้า-ยาเสพติด” ของ “ไอซ์แลนด์” จากแย่สุด สู่ดีที่สุดในยุโรป!!
ต้องขอบอกเลยว่าปัญหาของยาเสพติด และอบายมุขต่างๆ นั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ที่หลายประเทศต่างก็พบเจอ โดยเฉพาะเหล่าวัยรุ่นทั้งหลายที่ถูกชักจูงโดยสิ่งมอมเมาได้ง่าย ซึ่งแต่ละประเทศก็จะมีวิธีการจัดการปัญหาที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่นประเทศไทยเราก็ออกกฎหมายไม่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลังเที่ยงคืน ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ไปเที่ยวร้านเหล้า ทั้งหมดนี้ก็เป็นหนึ่งในวิธีการจัดการกับปัญหาดังกล่าว แต่สำหรับวันนี้ เราจะมาพูดถึงวิธีการจัดการกับปัญหายาเสพติด และอบายมุข ให้พ้นจากกลุ่มวัยรุ่นของประเทศไอซ์แลนด์กัน ต้องขอบอกเลยว่ามันเจ๋งและน่าสนใจมากๆ เลยล่ะ ต้องขอบอกก่อนเลยว่าประเทศไอซ์แลนด์นั้นเป็นประเทศเล็กๆ ที่มีประชากรเพียง 335,000 คนเท่านั้น และหากย้อนกลับไปในปี 1997 ประเทศไอซ์แลนด์ถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรวัยรุ่นยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุดในทวีปยุโรป แต่ผ่านมา 20 ปี จนถึงตอนนี้ประเทศไอซ์แลนด์ถือเป็นประเทศที่มีประชากรวัยรุ่นยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์น้อยที่สุดในยุโรป โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรวัยรุ่นลดจาก 42% เหลือ 5% แล้วพวกเขาทำอย่างไร? แนวคิดการแก้ไขปัญหานี้มาจากชายชาวอเมริกัน ศาสตราจารย์วุฒิคุณ Harvey Milkman จากคณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัย Metropolitan State University of Denver ที่สังเกตเห็นถึงปัญหาว่าที่เด็กวัยรุ่นในปี 1992 ติดยา และติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กำลังพยายามค้นหาวิธีการที่จะทำให้สารเคมีในสมองเกิดการเปลี่ยนแปลง เขาเลยคิดเล่นๆ ขึ้นมาว่าหากพวกเขาได้รับแรงกระตุ้นอย่างเป็นธรรมชาติจากกิจกรมต่างๆ…
-
ไอซ์แลนด์อาจกลายเป็นประเทศแรกในยุโรปที่สั่งห้ามไม่ให้ทำการ ‘ขลิบอวัยวะเพศชาย’
การขลิบอวัยวะเพศชาย คือหนึ่งในวัฒนธรรมของชาวอิสลาม ชาวยิว และอีกหลายชนชาติเชื่อว่าเป็นการรักษาความสะอาดของอวัยวะเพศ แต่สำหรับประเทศไอซ์แลนด์นั้น คนส่วนมากไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ จึงทำให้เกิดร่างกฎหมายที่เป็นข้อพิพาทกันของคนจากสองฝ่าย ประเทศไอซ์แลนด์อาจจะกลายเป็นประเทศแรกในทวีปยุโรปที่จะสั่งห้ามไม่ให้มีการขลิบ เพราะตอนนี้ได้มีการยื่นร่างกฎหมายใหม่ที่บอกว่า หากใครที่ทำการขลิบโดยไม่ใช่วัตถุประสงค์ทางการแพทย์จะต้องถูกจำคุก 6 ปี ร่างกฎหมายดังกล่าวเกิดขึ้นมาเพราะพวกเขามองว่า การขลิบอวัยวะเพศชายก็ไม่ต่างกับการขลิบอวัยวะเพศหญิง (FGM) ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในหลายๆ ประเทศของยุโรป รวมถึงไอซ์แลนด์ที่แบนสิ่งนี้มาตั้งแต่ปี 2005 สิ่งนี้ได้รับความสนใจและแรงสนับสนุนจากหลายๆ ฝ่าย มีการพูดถึงว่าการขลิบคือการละเมิดสิทธิของเด็ก ซึ่งสอดคล้องกับบทบัญญัติข้อที่ 12 ของสหประชาชาติ (UN) อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของเด็กที่จะมีผลต่อการใช้ชีวิต อีกทั้งยังมีการพูดถึงเรื่องสุขภาพเอาไว้จากผู้ที่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายนี้ว่า “การขลิบอวัยวะเพศชายมักจะทำขึ้นที่บ้าน ซึ่งมันไม่ได้ปลอดเชื้อโรค และไม่ได้ทำโดยหมอแต่เป็นฝีมือของผู้นำศาสนา จึงมีความเสี่ยงอย่างมากที่เด็กอาจจะติดเชื้อหลายๆ อย่าง จนอาจเสียชีวิตได้เลย” ในโลกโซเชียลก็มีหลายๆ คนที่รู้สึกเห็นด้วยกับเรื่องนี้ “สิทธิของเด็กควรอยู่เหนือเสรีภาพทางศาสนาเสมอ” “ผมคิดว่าก่อนหน้านี้มีสิทธิมนุษยชนบางอย่างที่อยู่เหนือสิทธิทางด้านศาสนา ความเป็นมนุษย์คือสิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรก การคงอยู่ของศาสนาสำหรับคนที่นับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่งคือสิ่งที่ตามมาเป็นอันดับสอง” “ผมเห็นด้วยกับเรื่องนี้จริงๆ ถ้าคุณเลือกจะทำสิ่งนี้ตอนที่โตแล้ว คุณก็ไปทำเถอะ แต่ไม่ใช่การมาตัดมันออกไปโดยไม่ได้เกิดจากความยินยอม” อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งชาวมุสลิมและชาวยิวรู้สึกว่านี่อาจเป็นสิ่งที่แสดงออกถึงการต่อต้านพวกเขา ทำให้ชีวิตของพวกเขาที่อาศัยอยู่ในไอซ์แลนด์ต้องเปลี่ยนไปอย่างมาก อีกทั้งยังมีการโต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องของเสรีภาพทางศาสนา กลุ่มการประชุมผู้นำศาสนายิวในยุโรป…
-
18 เหตุผลที่คุณควรไปเยือน ‘ไอซ์แลนด์’ และย้ายไปอาศัยอยู่ที่นั่นตลอดไปปป…
ประเทศไอซ์แลนด์ คือหนึ่งในสถานที่ที่คนในบ้านเราอาจไม่ค่อยนิยมเดินทางไปเที่ยวกันมากเท่าไหร่นัก จึงอาจทำให้หลายๆ คนยังไม่รู้ว่าธรรมชาติและวัฒนธรรมของประเทศนี้มีความสวยงามไม่แพ้ที่อื่นเลยเหมือนกัน เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพและเข้าใจไปพร้อมๆ กันว่าที่นี่น่าอยู่มากขนาดไหน เราจึงชวนให้เพื่อนๆ ไปทราบถึง 18 เหตุผลที่จะบอกว่าคุณควรไปเที่ยวไอซ์แลนด์ซักครั้งหรือไม่ก็อาศัยอยู่ที่นั่นซะเลยยย 1. แช่น้ำอุ่นๆ ใน Blue Lagoon Blue Lagoon คือหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมของประเทศนี้ คุณจะได้ลงไปแช่น้ำที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุดีต่อสุขภาพ เยียวยาสุขภาพกายและสุขภาพใจไปพร้อมๆ กัน 2. เสื้อกันหนาวของชาวไอซ์แลนด์ เสื้อหนาวขนสัตว์แบบเฉพาะของชาวไอซ์แลนด์มีชื่อเรียกว่า Lopapeysa มีความเป็นเอกลักษณ์และจะช่วยให้คุณได้เข้าถึงบรรยากาศแบบไอซ์แลยด์ไปอีกขั้น ใครไปเที่ยวก็อย่าลืมหามาใส่กันซักตัวนะ 3. ภาพของแสงเหนือที่น่าหลงใหล หากคุณต้องการจะสัมผัสปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าจดจำแบบนี้ เราขอแนะนำให้ไปเที่ยวในช่วงฤดูหนาวของไอซ์แลนด์ (กลางเดือนกันยายน – กลางเดือนเมษายน) แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่รับประกันว่าคุณจะมีโอกาสได้เห็นมันอย่างแน่นอน ถือซะว่าเป็นการวัดดวงไปในตัวด้วยละกัน 4. ฮอตดอกจากร้าน Bæjarins Beztu Pylsur เรียกว่าเป็นร้านฮอตดอกเจ้าดังที่สุดในไอซ์แลนด์เลยก็ว่าได้ เพราะบางคนถึงกับบอกว่าฮอตดอกร้านนี้อร่อยที่สุดในโลกเลยจริงๆ หากใครอยากชิมก็คงต้องมีความอดทนซักเล็กน้อย เพราะคุณจะต้องยืนต่อคิวนานเป็นชั่วโมงๆ 5. ม้าสายพันธุ์ไอซ์แลนดิก ม้าสายพันธุ์นี้ขึ้นชื่อว่ามีความเป็นเอกลักษณ์มากที่สุดและยังเป็นมิตรต่อคนมากที่สุดในโลก อีกทั้งยังมีแผงคอที่น่ารัก สวยงามมากที่สุดอีกด้วย…
-
ช่างภาพใจกล้า เสี่ยงเข้าไปถ่ายรูปใน “ถ้ำน้ำแข็ง”แต่ภาพที่ได้ก็งดงามและคุ้มค่ายิ่ง
ถ้าเกิดมีคนบอกคุณว่าถ้ำน้ำแข็งนั้นข้างในสวยงามสุดๆ ถ้าได้ไปเห็นสักครั้งจะเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ไม่รู้ลืม แต่กลับกันมันก็อันตรายมากๆ จนถึงขั้นตายได้ เป็นคุณจะเลือกเข้าไปหรือรักษาชีวิตไว้? สำหรับ Matej Kriz ช่างภาพมากฝีมือกลับเลือกตอบอย่างไม่ลังเลว่า เขาจะเข้าไปข้างในเพื่อเก็บภาพประสบการณ์อันคุ้มค่านั้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจเดินทางไปยังถ้ำน้ำแข็งแห่งหนึ่งที่อุทยานแห่งชาติวัตนาโจคุล ในประเทศไอซ์แลนด์ ถ้ำธารน้ำแข็งแห่งนี้นั้นมีชื่อว่า Breidamerkurjokull ซึ่งมันเป็นถ้ำที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ และเป็นที่รู้จักกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ล่าสุดได้มีส่วนที่เป็นถ้ำในบริเวณนั้นละลายตัวลง ทำให้เราสามารถที่จะเข้าไปได้และที่สำคัญปลอดนักท่องเที่ยวด้วย Matej เล่าว่า เขารู้เรื่องของถ้ำดังกล่าวนี้ก็ตอนที่คนรู้จักมาบอกว่าพวกเขาค้นพบถ้ำแห่งใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าเดิมทีเขาเป็นคนที่ทำงานในพื้นที่นี้อยู่แล้ว ฉะนั้นเขาจึงมีความสัมพันธ์กับคนบริเวณนี้เป็นอย่างดีนั่นเอง เขาต้องขอบคุณความสวยงามและความมหัศจรรย์ในถ้ำแห่งนี้ เพราะมันทำให้เขาได้เปิดโลกใหม่ เพราะแสงที่สาดส่องลงมายังถ้ำนั้นทำให้ตัวถ้ำเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ราวกับเขากำลังอยู่ในโลกแฟนตาซีเลยทีเดียว งานนี้บอกเลยว่าดูแล้วอยากจะเดินทางไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง ด้วยสภาพของถ้ำที่เป็นน้ำแข็งทั้งหมดมันจึงเปราะบางมากๆ ทำให้เราไม่รู้ได้เลยว่ามันจะละลายหรืออาจจะพังลงมาตอนไหน และยิ่งถ้าไม่ระมัดระวัง เราอาจจะเกิดอันตรายในรูปแบบต่างๆ ได้ทุกเมื่อ ฉะนั้นมันจึงอันตรายมากๆ เพดานสวยงามราวกับเป็นถ้ำใต้ทะเล แสงเปลี่ยนถ้ำก็เปลี่ยน . ภาพนี้ดูราวกับโลกแฟนตาซีจริงๆ อย่างที่เขาว่าเลย . ทั้งกำแพงและเพดานมันทำให้เราดูเหมือนอยู่อีกโลกเลย . . แสงถือเป็นส่วนสำคัญจริงๆ…
-
รวมภาพสวยๆ จากแดนเหนือ ที่จะพิสูจน์ว่า Iceland เป็นประเทศที่น่าไปที่สุดในปี 2017
ประเทศไอซ์แลนด์นั้น อาจจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของใครหลายๆ คน เพราะนอกจากอากาศที่หนาวเย็นแล้ว ความสวยงามของธรรมชาติที่ประเทศนี้ก็ยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้หลั่งไหลเข้ามาในประเทศนี้อีกเช่นกัน และสำหรับบางคนที่อยากจะลองไปสัมผัสความสวยงามของประเทศนี้ล่ะก็ วันนี้เราก็มีภาพสวยๆ จากเว็บไซต์ This is Insider มาฝากกัน… ในปี 2015 มีรายงานว่าประเทศไอซ์แลนด์มีนักท่องเที่ยวมากถึง 1,289,140 คน แต่อย่างไรก็ตามกลับมีคนที่อาศัยอยู่ในเกาะแดนหนาวนี้เพียงแค่ 300,000 คนเท่านั้น และหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์อันขึ้นชื่อของประเทศไอซ์แลนด์ก็คือแสงเหนือ ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของที่นี่เลยทีเดียว ION Adventure Hotel หนึ่งในโรงแรมหรูที่เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนเพื่อชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ และแน่นอน สิ่งที่ห้ามพลาดสำหรับการมาเที่ยวที่ไอซ์แลนด์เลยก็คือ การลงไปแช่น้ำใน Blue Lagoon บ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งที่สวยงามและใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง และที่พลาดไม่ได้เลยสำหรับแฟนๆ ซีรีส์ดังอย่าง Game Of Throne นั่นก็คือ หมู่บ้าน Vik ที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำนั่นเอง ชายหาดดำในหมู่บ้าน Vik เมือง Mýrdalshreppur ทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ และสำหรับใครที่ชอบศึกษาเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติล่ะก็ เราขอแนะนำ LAVA พิพิธพันธ์ในเมือง Hvolsvöllur ที่จะมอบประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับแผ่นดินไหวและภูเขาไฟ…
-
สัมผัสกับ ‘สปาเบียร์สุดหรู’ แห่งแรกในไอซ์แลนด์ ได้ทั้งดื่มและนั่งแช่ งานนี้ฟินฟินฟิน!!
เมื่อปี 2014 ที่ผ่านมา เราเคยนำเสนอเรื่องราวเอาใจนักท่องเที่ยว และนักดื่ม เกี่ยวกับสปาร์เบียร์ในประเทศสาธารณรัฐเช็ก ที่มีอ่างเบียร์ให้คนได้ลงไปแช่กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และล่าสุดที่ประเทศไอซ์แลนด์ ก็จะขอมาเอาใจหนุ่มสาวนักดื่มด้วยเช่นกัน กับการให้คุณได้ลองสัมผัสกับ “สปาเบียร์” งานนี้บอกเลยว่าคุณจะได้ทั้งดื่ม และแช่เบียร์อุ่นๆ กันแบบฟินไปทั้งตัวแน่นอน ลองนึกถึงการดื่มเบียร์เย็นๆ ในขณะที่แชร์อยู่ในถังที่เต็มไปด้วยเบียร์อุ่นๆ ดูสิ…โอ้วววว นี่มันสวรรค์ชั้น 7 ชัดๆ วันที่ 7 กรกฎาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า ในตอนนี้ที่ประเทศไอซ์แลนด์ ได้ทำการเปิดสปาเบียร์ที่ให้นักท่องเที่ยวทั้งหลายได้ลงไปแช่กันแบบฟินๆ เป็นครั้งแรก โดยสปาเบียร์ดังกล่าว ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน Árskógssandur ทางตอนเหนือของประเทศไอซ์แลนด์ และแน่นอนว่าสปาเบียร์แห่งนี้ไม่ได้เปิดเพื่อเอาใจนักดื่มเพียงอย่างเดียวนะจ๊ะ เพราะมันมีข้อดีด้วย เช่น เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของผิวพรรณ รวมถึงเส้นผมอีกด้วย บอกเลยว่าหากคุณได้ไปสัมผัสกับบรรยากาศอันชวนฝันที่สปาเบียร์แห่งนี้ คุณจะต้องรู้สึกเพลิดเพลินและมีความสุขมากๆ แน่นอน เพราะการได้ดื่มเบียร์ของ Kaldi ที่เป็นที่รู้จักมานานกว่า 20 ปี พร้อมกับเอาตัวจุ่มในถังเบียร์ใหญ่ๆ มันต้องฟินเกินบรรยาย นอกจากนี้ คุณยังสามารถเพลิดเพลินอยู่ในถังขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเบียร์คนเดียวได้ หรือสามารถชวนเพื่อนมาร่วมวงได้ อีกทั้งยังได้สัมผัสกับวิวทิวทัศน์สวยๆ…
-
พาไปดูบ้านหลังน้อยผู้โดดเดี่ยว ตั้งอยู่บนเกาะ Elliðaey อันห่างไกลในประเทศไอซ์แลนด์…
สำหรับคนที่หลงใหลในธรรมชาติ และชื่นชอบการอยู่อย่างสันโดษ พวกเขามักเลือกที่จะยู่ห่างไกลจากตัวเมือง และความวุ่นวายที่มาคู่กับศิวิไลซ์ และที่เกาะ Elliðaey ในประเทศไอซ์แลนด์ที่ทำให้ชาวโลกต้องอึ้งไปตามๆ กัน เพราะไม่น่าเชื่อว่าบนเกาะที่ดูอ้างว้างแห่งนี้ จะมีบ้านของคนตั้งอยู่ด้วย แล้วมันจะเป็นบ้านของใครกันนะ? บนพื้นที่เกาะขนาด 278 ไร่ แทบจะไม่มีใครเชื่อว่าจะมีคนมาอาศัยอยู่ และไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ แล้วเป็นบ้านของใคร ทำให้ชาวบ้านบางคนก็ให้ข้อสันนิษฐานว่า เป็นพื้นที่ๆ ทางรัฐบาลไอซ์แลนด์ ได้มอบให้กับศิลปินนักร้องสาวชื่อดัง Bjork บางคนก็บอกว่าเป็นภาพตัดต่อ มันคงไม่มีบ้านหลังนี้อยู่จริงๆ หรอก ความจริงก็คือ ย้อนกลับไปเมื่อ 300 ปีก่อน เกาะแห่งนี้เคยมีครอบครัวอาศัยอยู่ด้วยกันทั้งหมด 5 ครอบครัว พวกเขาหาเลี้ยงชีพด้วยการจับปลา และล่านกพัฟฟิน จนกระทั่งในปี 1930 ครอบครัวที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้ ก็ได้ย้ายถิ่นทำมาหากินเข้าไปอาศัยอยู่ในเมืองไอซ์แลนด์กันหมด จนไม่มีใครมาอยู่อาศัยแถวนี้อีก ต่อมาในปี 1950 รัฐบาลไอซ์แลนด์ได้ค้นพบว่า บริเวณของเกาะ Elliðaey เป็นบริเวณที่สามารถหาปลาและล่านกพัฟฟินได้ดีที่สุด จึงทำให้มีการจัดตั้งสมาคมล่านกพัฟฟินขึ้น และทางสมาคมก็ได้สร้างบ้านไว้หลังหนึ่งบนเกาะแห่งนี้ เพื่อใช้สำหรับเป็นที่พักชั่วคราวของสมาชิกนั่นเอง ทฤษฏีที่ว่าเป็นบ้านของศิลปินสาว เป็นภาพโฟโต้ช็อป…
-
22 ภาพสุดอลังการของประเทศ “ไอซ์แลนด์” โลกแฟนตาซีที่สัมผัสได้ ในชีวิตจริง!!
ถ้าพูดถึงจุดมุ่งหมายในการท่องเที่ยวในยุโรป หลายคนอาจนึกถึงประเทศใหญ่ๆ อย่างอังกฤษ เยอรมันนี ฝรั่งเศส อิตาลี ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ยอดนิยมที่คนทั่วโลกอยากไปเยือนซักครั้งในชีวิต แต่ถ้าเพื่อนๆ เบื่อประเทศเหล่านั้นแล้ว วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปภาพสุดอลังกาลจากประเทศเล็กๆ ทางตอนเหนือของยุโรป ที่หลายคนอาจไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างประเทศ “ไอซ์แลนด์” ประเทศนี้ ไอซ์แลนด์เป็นประเทศเกาะเล็กๆ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมหาสมุทธแอตแลนติก ใกล้กับเกาะกรีนแลนด์ มีประชากรเพียงสามแสนคนเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีผู้อยู่อาศัยเบาบางที่สุดในโลก และด้วยปริมาณประชากรที่ไม่มากนี้เอง ทำให้รัฐบาลของไอซ์แลนด์สามารถพัฒนาคุณภาพประชาชนได้อย่างเต็มที่ จนได้รับตำแหน่งประเทศที่มีประชากรคุณภาพที่สุดในโลก และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ประเทศไอซ์แลนด์โดดเด่น ก็คือภูมิประเทศและธรรมชาติอันแสนงดงามนั่นเอง ไม่เชื่อลองไปชมภาพข้างล่างนี้สิ แล้วคุณจะอยากไปเยือนดินแดนแห่งนี้ซักครั้งแน่นอน จิ้งจอกขั้วโลก บ้านที่ปกคลุมด้วยต้นมอส ลำธารสุดตระการตา แม่น้ำน้ำแข็ง ภูเขาอันงดงาม แสงเหนือ ภูเขาน้ำแข็ง สายรุ้งเหนือภูเขาหน้าตาประหลาด จิ้งจอกตัวน้อย ปล่องภูเขาไฟ บ้านที่พบเห็นได้ทั่วไป ซากเครื่องบิน…
-
38 มหัศจรรย์รูปถ่ายจาก Iceland จะทำให้คุณอยากเก็บกระเป๋า แล้วบินไปทันที!!!
Iceland ประเทศที่ตั้งอยู่ในแถบมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือ ที่มีทั้งภูเขาไฟมากกว่าร้อยแห่งที่ยังคงคุกกรุ่นอยู่และธารน้ำแข็งที่ตั้งตระหง่านขนาดใหญ่อยู่ใจกลางทะเล มีสภาพอากาศเฉลี่ยอยู่ที่ 0-25 องศา ตามแต่ช่วงฤดูกาล ซึ่งจากทั้งที่ตั้งและภูมิอากาศนี้เอง ส่งผลให้ประเทศมีความเป็นเอกลักษณ์และไม่เหมือนกับที่อื่นๆบนโลก ถึงแม้จะดูเป็นประเทศเล็กๆที่เงียบสงบแต่มันก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ดึงดูดช่างภาพจากทั่วโลกให้มาเก็บภาพความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่นี่ เชื่อว่าหลายๆคนอยากจะลองไปเที่ยวให้ได้ซักครั้ง (รวมทั้งตัว #เหมียวบ็อบ เองด้วย) และแน่นอนว่า ภาพเหล่านี้มันจะกระตุ้นความอยากไปของทุกๆ คน ได้เป็นอย่างดี . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . …
-
จัดงานแต่งมันใช้เงินเยอะ คู่รักจึงตัดสินใจใช้เงินไปแต่งกันเงียบๆ วิวงามๆ ที่ “ไอซ์แลนด์” !!
หลายคนที่แต่งงานแล้วคงทราบดีกว่าการจัดงานแต่งงานนั้นเป็นเรื่องที่เข้าเนื้อเข้าตัวเลยทีเดียว เพราะเราต้องใช้เงินมากมายกับการเช่าสถานที่ ซื้อนู่นนั่นนี่มาประดับ ไหนจะเช่าชุด จ้างช่างภาพ โอ๊ย เยอะ มีหมื่นหมดหมื่น มีแสนหมดแสนอ่ะ แต่สำหรับคู่รักเจเรมี่และราเชลล์ พวกเขาก็ได้นั่งวางแผนงานแต่งงานเช่นเดียวกัน เหมือนกับคู่อื่นๆ ที่คิดว่าจะจัดยังไง ตกแต่งยังไง จะมีแขกคนไหนมาบ้าง แต่พอคิดไปคิดมาแล้วก็นึกได้ว่าเงินทั้งหมดที่เสียไปมันก็เยอะนะ หลังจากทั้งคู่นิ่งเงียบไป จู่ๆราเชลล์ก็ปิ๊งไอเดียว่า “ทำไมเราไปเอาเงินไปแต่งที่ไอซ์แลนด์นะ?” อีกสัปดาห์ถัดมา พวกเขาก็ออกรถไปเที่ยวรอบประเทศไอซ์แลนด์กันเลย ทั้งได้ปีนเขาท่ามกลางหิมะและภูเขาน้ำแข็ง ได้ไปเที่ยวน้ำตก ได้ไปป่าที่เต็มไปด้วยมอส เล่นกับม้า แช่น้ำพุร้อน ช่างเป็นการแต่งงานที่เต็มไปด้วยความสุขจริงๆ วันหนึ่งพวกเขาเดินทางไปที่โบสถ์เก่าๆ แล้วก็พบกับซากโบราณต่างๆ ซึ่งที่แห่งนี้เป็นที่เดียวที่รอดจากการถูกผลกระทบจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อนานมาแล้ว และที่นี่แหละ เป็นที่ที่เหมาะอย่างมากสำหรับคำปฏิญาณชีวิตคู่ของพวกเขา ไม่มีใครอยู่ที่นั่นแหละ พวกเขาปล่อยให้ธรรมชาติแถวนั้นเป็นพยานให้กับความรักของทั้งคู่ เจเรมี่สวมแหวนให้กับราเชลล์ และราเชลล์ก็มอบให้เช่นกัน ทั้งคู่จูบกัน กอดกัน แล้วกลับขึ้นรถ ออกไปผจญภัยกันต่อ ด้วยเงินที่มีเหลือเยอะมากจากการที่ไม่ต้องจัดงานแต่งแบบที่คนอื่นเขาจัดกัน พวกเขาจึงได้ออกไปเจอโลกกว้างแบบที่คู่รักคู่อื่นไม่อาจเจอได้ ภาพทั้งหมดนี้เป็นภาพที่ถ่ายโดยช่างภาพ Troy Moth ที่ติดตามพวกเขาไป…
-
‘Blue Lagoon’ ทะเลสาบน้ำร้อนในไอซ์แลนด์ ที่สวยงามราวกับในนิยาย ชวนให้คุณได้ไปสัมผัส
สำหรับประเทศไอซ์แลนด์ เพื่อนๆ หลายคนก็คงจะรู้กันดีอยู่แล้วว่า เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีสถานที่สวยงามทางธรรมชาติมากมาย เหมือนดังเช่น Blue Lagoon ทะเลสาบน้ำร้อนแห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็นสปารีสอร์ทที่มีชื่อเสียงระดับโลก แถมยังมีความสวยงามเป็นอย่างมาก จนทาง National Geographic ยกให้เป็น 1 ใน 25 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกเลยนะเหมียว หลายคนอาจจะคิดว่าภาพเหล่านี้มันสวยงามเกินจริงๆ เหมือนกับใช้โปรแกรม Photoshop มาตัดต่อเลยใช่ไหม แต่ความจริงแล้ว ไม่เลย…เพราะนี่คือสถานที่แสนวิเศษ ที่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ต่างหากละ Blue Lagoon เป็นทะเลน้ำร้อนที่เกิดขึ้นจากความร้อนใต้เปลือกโลกตั้งแต่ปี 1976 โดยมีขนาดกว้างกว่า 200 เมตรและยาวกว่า 2 กิโลเมตร ว้าว…ดูน้ำในทะเลสาบสิ เป็นสีฟ้าใสสวยงามมาก ซึ่งการที่น้ำในทะเลสาบมีลักษณะเป็นสีฟ้าใสแบบนี้ ทางผู้เชี่ยวชาญเขาได้ออกมาอธิบายว่า ในทะเลสาบมีสารประกอบทางเคมีที่สำคัญคือ ซิลิกา ซึ่งจะทำให้น้ำเป็นสีฟ้าใส แต่บางครั้งสีของน้ำก็มีสภาพเป็นสีเขียวอ่อน เนื่องจากความแตกต่างของสภาพอากาศนั่นเอง นอกจากนี้น้ำในทะเลสาบยังมีสารที่ช่วยรักษาโรคสะเก็ดเงินและโรคอื่นๆ ได้อีกด้วยนะ …
-
ชายหนุ่มวอนชาวเน็ตช่วยตามหา ‘ช่างภาพปริศนา’ กับภาพความงดงามระหว่างที่เขาขอแฟนแต่งงาน
ในช่วงเวลาสำคัญของชีวิตแต่ละช่วงนั้น หนึ่งสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือการถ่ายภาพเพื่อเก็บความทรงจำดีๆ เหล่านั้นเอาไว้ เผื่อว่าวันไหนจะได้กลับมาเปิดดูภาพนั้นอีกรอบ เพื่อระลึกถึงช่วงเวลาดีๆ ที่เคยเกิดขึ้นในชีวิต และไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก อย่างในกรณีของคู่รักที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ชีวิตคู่อย่างจริงจัง ที่เหมียวจะบอกคือช่วงจังหวะเวลาในการขอแต่งงานนั่นเอง หากใครมีเพื่อนฝูงหรือมีเงินซักหน่อยเพื่อจ้างช่างภาพมาเก็บภาพความประทับใจก็จะเป็นอะไรที่ดีมากเลยล่ะ ซึ่งสำหรับพ่อหนุ่ม Michael Kent จากประเทศอังกฤษ ได้ทำการคุกเข่าขอแฟนสาว Fiona Newlands แต่งงานในต่างแดนที่ประเทศไอซ์แลนด์ จึงไม่มีใครถ่ายรูปให้ Dear Internet. Last night I proposed to Fiona Newlands in Iceland. A random woman took our picture as it happened (we… Posted by Michael John Kent on Saturday, November 28, 2015 จนมีผู้หญิงรายหนึ่งเดินผ่านมา เขาจึงขอให้เธอช่วยถ่ายรูปช่วงเวลาสำคัญให้…
-
แฮ็กเกอร์ Anonymous ป่วนเว็บรัฐบาล “ไอซ์แลนด์” หลังมีการฆ่าปลาวาฬในประเทศ
ณ ตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักกลุ่มแฮ็กเกอร์ที่ชื่อว่า Anonymous ซึ่งบางคนก็เรียกเขาว่าป็นฮีโร่ บางคนก็บอกว่าเป็นศาลเตี้ย ซึ่งสิ่งที่เขาทำลงไปนั้นก็คือการแฮ็กเข้าไปยังฐานข้อมูลของประเทศต่างๆ ที่มีอะไรไม่ชอบมาพากล เพื่อเปิดโปงความไม่โปรงใสเหล่านั้น อย่างล่าสุดนี้ กลุ่ม Anonymous ก็ได้ทำการโจมตีแอคเคาท์ของกลุ่ม ISIS เป็นที่เรียบร้อย ไม่ใช่มีแค่เรื่องการเมืองและการทุจริตเพียงเท่านั้น เมื่อไม่นานมานี้ กลุ่ม Anonymous ได้ทำการบุกโจมตีเว็บไซต์ของรัฐบาลประเทศไอซ์แลนด์เพื่อให้ทางรัฐบาลออกมาแสดงความรับผิดชอบเกี่ยวกับการล่าปลาวาฬในประเทศ โดย Anonymous ได้ทำการโจมตีทุกเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อกับรัฐบาล ยกเว้นเว็บไซต์เกี่ยวกับหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ โดยที่เว็บไซต์เหล่านั้นถูกปิดเป็นเวลา 13 ชั่วโมงในวันที่ 27 พฤศจิกายนถึงวันที่ 28 ถึงแม้ว่ามติคณะกรรมการการล่าวาฬระหว่างประเทศเกี่ยวกับการยอมรับการล่าปลาวาฬเพื่อการค้ายังไม่ได้เป็นที่ตกลง แต่ก็ยังมีบริษัทในประเทศไอซ์แลนด์ที่ดำเนินการล่าปลาวาฬอยู่อย่างต่อเนื่อง ทาง Anonymous จึงได้แฮ็กเข้ามาเพื่อเตือนให้รู้ถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ พร้อมทั้งปล่อยคลิปออกมาด้วย เราไปชมกันเลย ที่มา thedodo
-
ชมความงามของ ‘ผาหินช้าง’ ขนาดยักษ์ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเล มองไกลๆ นึกว่าช้างจริงๆ เสียอีก
เหมียวเชื่อว่าบนโลกของเราใบนี้ ยังมีสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอีกมากมาย ที่มนุษย์หลายคนยังไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งบางทีสิ่งต่างๆ เหล่านั้น มันอาจจะมาช่วยสร้างรอยยิ้ม และสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้พบเห็นก็เป็นได้ และสิ่งที่เพื่อนๆ จะได้รับชมต่อไปนี้ เรียกได้ว่ามันสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ที่มีความสวยงามมากๆ เลยทีเดียว และสิ่งที่ว่าก็คือ ‘ผาหินช้าง’ ขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเลนั่นเอง ซึ่งผาหินช้างนี้ ตั้งอยู่บนเกาะ Heimaey ทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ เป็นโขดหินบะซอลท์ขนาดยักษ์ที่ก่อตัวขึ้นหลังจากเกิดภูเขาไฟยังไงละเหมียว นอกจากความใหญ่โตแล้ว มันยังมีความพิเศษที่ช่วยดึงดูดความสนใจให้กับผู้ที่ได้พบเห็นก็คือ รูปทรงที่ดูคล้ายกับช้าง ไม่ว่าจะเป็นตาเอย หรืองวงช้างเอย เรียกได้ว่าหากลองมองไกลๆ หลายคนอาจจะคิดว่ามันคือช้างตัวเป็นๆ เสียอีก และความแปลกนี่นี้เอง ที่ทำให้ ‘ผาหินช้าง’ กลายเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น แถมในแต่ละปียังสามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากอีกด้วย ที่มา : dailymail