Tag: ceo
-
CEO เกาหลี “ตบหน้า” พนักงาน ลงโทษที่ ‘แอบอ้าง’ เป็นผู้บริหารแล้วไปตอบคอมเมนต์
การทำงานในบริษัท หลายครั้งก็ต้องเสี่ยงต่อการถูกลงโทษหากเรามีพฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น ตัดเงินเดือน พักงาน หรือกระทั่ง ถูกตบหน้า อย่างเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบริษัทไอที K-Technology และ WeDisk ในประเทศเกาหลี เมื่ออดีตลูกจ้างคนหนึ่งได้เข้าไปตอบคอมเมนต์ออนไลน์โดยแอบอ้างตนว่าเป็น CEO หรือผู้บริหารบริษัท และด้วยความที่เป็นบริษัทไอที การจะหาว่าใครเป็นทำเรื่องนี้นั้นก็ไม่ยาก เพียงแค่แกะรอยจาก IP Address เท่านั้น และเมื่อพบตัวผู้กระทำผิด ผู้บริหารบริษัท Yang Jin-ho จึงเรียกตัวเขามาที่บริษัท และลงโทษลูกจ้างคนดังกล่าวด้วยการ ชกต่อย และ ตบหน้า ท่ามกลางสายตาพนักงานคนอื่นๆ พร้อมถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้ คลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าว ลงโทษจนกระทั่งชายผู้กระทำผิดยอมคุกเข่าขอโทษกับ CEO ของบริษัท แม้ว่าต้นเหตุของเรื่องจะเป็นความผิดของพนักงานคนนี้ แต่ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับเรื่องนี้ก็กล่าวว่า Yang นั้นเคยมีประวัติบังคับให้พนักงานชายไปย้อมผมสีแดงและเขียวเพื่อให้ตนเองหัวเราะ และยังเคยมีการบังคับให้พนักงานดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากโดยไม่อนุญาตให้ไปเข้าห้องน้ำ ทำให้หลายคนต้องอาเจียนออกมาบนโต๊ะ นอกจากนี้ Yang ยังชอบทารุณกรรมสัตว์อีกด้วย มีรายงานว่าเขาเคยใช้ธนูยิงไก่ และใช้ดาบซามูไรฟันคอพวกมันอีกด้วย ปัจจุบันอดีตพนักงานรายดังกล่าวต้องย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่เกาะห่างไกล เนื่องจากกลัวอิทธพลของ Yang และบริษัทที่มีมากในเมืองหลวง…
-
คุณแม่ซื้อรถให้ ‘คุณครู’ ของลูกสาว หลังรู้ว่าเธอต้องนั่งรถหลายต่อไปสอนทุกวัน!!
หากคุณได้รับการช่วยเหลือจากใครสักคน ย่อมต้องการที่จะตอบแทนคนผู้นั้นเป็นเรื่องธรรมดา… เช่นเดียวกันกับ CEO คนนี้ ที่อยากจะแสดงความขอบคุณต่อ ‘คุณครู’ ของลูกสาว หลังจากที่สืบทราบว่าคุณครูคนนี้จะต้องเดินทางขึ้นรถบัสหลายต่อเหลือเกินจนกว่าจะไปถึงที่ทำงานเพื่อสอนหนังสือให้กับลูกของเธอ ก็เลยตัดสินใจซื้อรถใหม่ป้ายแดงมอบเป็นของขวัญให้กับคุณครูซะเลย!! Courtney Adeleye CEO และผู้ก่อตั้งบริษัท The Mane Choice เป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม ได้ตัดสินใจช่วยเหลือคุณครูของลูกสาว หลังได้รู้จากสามีว่าเธอต้องเดินทางไปทำงานอย่างยากลำบาก เหตุการณ์ดังกล่าวถูกถ่ายคลิปวิดีโอเก็บเอาไว้ เผยให้เห็นถึงวินาทีสุดประทับใจเมื่อคุณครูได้เห็นรถคันใหม่ของตน “เอาจริงเหรอเนี่ย? คุณให้ฉันจริงๆ เหรอ? โอ้พระเจ้า ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย” คุณครูกล่าว หลังได้เห็นรถใหม่ “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย คุณเองก็คงไม่เชื่อแน่ๆ ว่าฉันจะรู้สึกอย่างไร” คุณครูกล่าวกับ Adeleye และสามี ที่นำรถยี่ห้อฟอร์ดโฟกัส มูลค่ากว่า 18,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (600,000 บาท) มามอบให้ คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกนำไปโพสต์ลงโซเชียลพร้อมกับแคปชั่นว่า “เธอสมควรได้รับมัน เธอเป็นคนที่น่ารัก และคุณจะต้องอยากเจอเธออย่างแน่นอน!!” Adeleye เล่าว่า “เมื่อสามีของฉันบอกว่า คุณครูที่สอนลูกสาวของเราหลายปีมานี้ ต้องขึ้นรถบัสหลายต่อมากเพื่อเดินทางไปสอนหนังสือในทุกๆ…
-
หนุ่มเดินไปทำงานวันแรก 35 กิโลฯ CEO เลยซื้อรถใหม่ให้ เพื่อตอบแทนความทุ่มเท!!
เรื่องราวดีๆ มักจะเกิดขึ้นกับคนดีๆ เสมอ… ขอแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับ Walter Carr ผู้อยู่อาศัยในรัฐแอลาบามา ประเทศสหรัฐอเมริกา และเขากำลังจะได้เป็นพนักงานในบริษัทที่ชื่อว่า Bellhops ที่เป็นบริษัทรับจ้างขนของ แต่ก่อนจะเริ่มงานวันแรก ชีวิตก็ต้องพบเจอกับความซวย เพราะรถของเขาเกิดพังขึ้นมาซะงั้น!! แต่แทนที่จะขอลางาน Walter กลับตัดสินใจที่จะเดินออกจากบ้านตอนเที่ยงคืน เป็นระยะทางกว่า 20 ไมล์ หรือราวๆ 32 กิโลเมตร เพื่อไปทำงานขนของให้กับลูกค้าชื่อว่า Jenny Hayden Lamey โชคดีที่เขาเดินไปได้แค่ 14 ไมล์ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาพบตัวเสียก่อน ทางตำรวจจึงช่วยพาเขาไปส่งที่ทำงาน จากรายงานของเว็บไซต์ CBS42 ระบถว่า “Walter ต้องเดินเป็นระยะทางอย่างน้อยกว่า 23 กิโลเมตร ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาพบเขาระหว่างทางตอน 4.00 น. และจะพาเขาไปส่งที่หมาย” “ระหว่างทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พูดคุยกับเขา ทำให้ทราบเรื่องราวต่างๆ เจ้าหน้าที่จึงเลี้ยงมื้อเช้ากับเขาเพื่อเป็นการปลอบใจ” “เมื่อไปถึงยังบ้านของครอบครัวของคุณ Lamey นาย Walter…
-
บริษัทจีนใจป้ำ แจกเงินโบนัสให้ CEO ที่นำพาให้บริษัทประสบความสำเร็จกว่า 50,000 ล้าน!!
การทำงานหนักแล้วได้รับผลตอบแทนย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่บริษัทต่างๆ ให้ความสำคัญกับพนักงาน…. เช่นเดียวกันกับ CEO ของบริษัทมือถือค่ายยักษ์ใหญ่ที่สุดของจีนอย่าง Xiaomi ที่ทำงานอย่างหนัก จนได้รับโบนัสที่มากที่สุดเป็นประวัติกาลของบริษัท คุณ Lei Jun CEO ของบริษัท Xiaomi ได้กลายเป็นคนที่สร้างความมั่งคั่งให้กับบริษัท จนกลายมาเป็นบริษัทสมาร์ตโฟนที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก เขาได้รับเงินมากกว่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 50,000 ล้านบาท เพื่อเป็นการตอบแทนในความสามารถของเขา โดยจำนวนเงินนี้เป็นส่วนหนึ่งของยอดขายที่บริษัททำได้ ทางบริษัท Xiaomi ได้บอกเหตุผลของการให้เงินก้อนใหญ่ก้อนนี้ว่า “เป็นรางวัลสำหรับการสนับสนุนของเขา” ซึ่งโบนัสที่ได้นี้ไม่ได้อยู่ภายใต้แผนการปฏิบัติงานใดๆ ในอนาคตของบริษัท และที่สำคัญคุณ Lei เองก็ทำงานอย่างหนักมาตลอดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมา และยังไม่มีรายงานว่าเขาเคยได้รับโบนัสมาก่อนเลยด้วย ในเดือนมิถุนายนบริษัท Xiaomi เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก ตอนนี้มีมูลค่าสูงถึง 70,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 2.3 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว นับว่าเป็นความสำเร็จที่สร้างขึ้นมาด้วยน้ำมือของตัวเอง การได้รับโบนัสมหาศาลขนาดนี้ก็ถือเป็นการตอบแทนที่คุ้มกับค่าเหนื่อยแล้วล่ะนะ ที่มา…
-
คุณแม่ครวญลูกโดนโจรขโมยของขวัญ งานนี้ซีอีโอ Razer จัดคีย์บอร์ดราคา 5,000 ให้เลย!!
แม้คริสต์มาสจะผ่านไปแล้ว แต่กระแสข่าวที่เป็นควันหลงของเทศกาลแห่งความสุขก็ยังไม่หมดไป เมื่อล่าสุดทาง CEO บริษัท Razer ได้ช่วยเหลือวันคริสต์มาสของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เกือบจะสูญเสียความทรงจำดีๆ ไปตลอดกาล Adela Courteille คุณแม่ชาวออสเตรเลียของเด็กน้อยคนดังกล่าวได้เล่าว่า เมื่อคืนก่อนวันคริสต์มาส บ้านของเธอได้ถูกโจรงัดเข้ามาพร้อมขโมยทรัพย์สินไปมากมาย ทั้งบัตรเครดิต โทรศัพท์ แล็ปท็อปและอื่นอีกๆ มากมายซึ่งในนั้นยังรวมถึงของขวัญวันคริสต์มาสของครอบครัวด้วย แต่ที่เจ็บปวดที่สุดคือของขวัญที่ถูกขโมยไปนั้น มันเป็นของขวัญที่ถูกเตรียมไว้ให้ลูกๆ Callum วัย 12 และ Chelsea วัย 18 เดือน ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้เด็กๆ เสียใจมาก โดยเฉพาะ Callum ที่อยากจะได้ของขวัญสุดๆ Adela ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “พวกโจรมาขโมยของหลายอย่างไปจากเรา ซึ่งพวกของใช้หรือเครดิตการ์ดไม่ก็โทรศัพท์มือถืออะไรทำนองนี้ฉันเข้าใจนะ แต่ของเล่นจำพวกตุ๊กตาเด็กๆ พวกเขาจะเอาไปทำไม โดยเฉพาะของขวัญลูกชายของฉัน Callum ซึ่งมันเป็นของขวัญที่แพงมากๆ โดยมันเป็นคีย์บอร์ดยี่ห้อ Razer อะไรนี่แหละ” ซึ่งเมื่อราวในครั้งนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ทาง Min-Liang Tan ผู้เป็น CEO บริษัท Razer หรือพูดง่ายๆ ก็คือเจ้าของแบรนด์เกมมิ่งเกียร์ที่ถูกขโมยไปได้ยินเรื่องเข้า เขาก็ไม่รอช้าหาทางติดต่อครอบครัวคุณแม่ชาวออสเตรเลียผู้นี้ทันที …
-
ชีวิตของ Jeff Bezos เศรษฐี 2.7 ล้านล้านบาท เจ้าของ Amazon ยังคงตื่นแต่เช้า-ล้างจานด้วยตัวเอง
สำหรับใครที่ชื่นชอบการซื้อของออนไลน์กันอยู่บ่อยๆ คงจะคุ้นชื่อเว็บไซต์ Amazon กันเป็นอย่างดี และคนที่อยู่เบื้องหลังของความสำเร็จนั้นก็คือ Jeff Bezos มหาเศรษฐีวัย 53 ปีผู้นี้นี่เอง ถึงแม้ว่าจะมีทรัพย์สินมากมายมาหาศาลและเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น The Washington Post หรือบริษัทด้านอวกาศอย่าง Blue Origin และมีทรัพย์สินมากถึง 900,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ Jeff Bezos นั้นยังคงใช้ชีวิตของเขาเหมือนกับคนธรรมดาและยังคงตื่นนอนในตอนเช้า พร้อมกับทำงานบ้านด้วยตัวเองอีกด้วย และวันนี้เราจะขอพาทุกคนไปรู้จักชีวิตอีกมุมหนึ่งของมหาเศรษฐีระดับโลกผู้นี้กัน… ในทุกๆ วันเขายังคงตื่นนอนในตอนเช้าและเริ่มต้นวันใหม่ด้วยอาหารเช้าที่มีประโยชน์ พร้อมกับ MacKenzie Bezos ภรรยาแสนสวยของเขา เขาจะแบ่งเวลาในตอนเช้าให้กับภรรยาและลูกๆ อีก 4 คน และ Jeff Bezos ไม่เคยมีประชุมในตอนเช้าเลย Jeff Bezos นั้นไม่ค่อยชอบที่จะประชุม โดยรายงานของเว็บไซต์ Recode ระบุว่าเขาประชุมกับผู้ถือหุ้นของ Amazon เพียงแค่ 6 ชั่วโมงต่อปีเท่านั้น!! และเมื่อไหร่ก็ตามที่มีการจัดประชุม จะต้องมีผู้เข้าร่วมการประชุมมากพอที่จะแบ่งพิซซ่า 2 ถาดได้ ซึ่งพนักงานของเขาเรียกกฎนี้ว่า “two-pizza…
-
ตามส่อง 8 แฟชั่นรองเท้าของเหล่าเศรษฐีไอทีระดับหมื่นล้าน พวกเขาจะใส่อะไรกันบ้างนะ!?
สำหรับเศรษฐีแห่งวงการไอทีระดับโลกทั้งหลาย พวกเราอาจจะติดภาพว่าเขาเหล่านั้นต้องแต่งตัวไม่ค่อยจะเป็น ดูจืดชืดเหมือนกับภาพสะท้อนของคนบ้าคอมพิวเตอร์ทั่วๆ ไป แต่จะบอกให้ว่าที่ Silicon Valley ไม่ได้มีแค่การแข่งขันด้านเทคโนโลยีเท่านั้น เพราะเหล่า CEO ของบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างก็มีความเป็นสนีกเกอร์อยู่ในตัวแทบทั้งนั้น เราไปชมกันเลยดีกว่าว่าใครจะชอบใส่รองเท้าแบรนด์ไหน และรุ่นไหนกันบ้าง Mark Zuckerberg จริงอยู่ที่การแต่งกายภายนอกของประธานบริษัทเฟซบุ๊ก จะดูเรียบง่ายและไม่หวือหวา แต่ในอีกแง่หนึ่งก็ดูเหมือนเจ้าตัวจะถูกอกถูกใจ Nike Flyknit Lunar 3 in Wolf Grey อยู่ไม่น้อย แต่น่าเสียดายที่รุ่นนี้เลิกผลิตไปแล้วถ้าใครอยากหามาใส่ตาม ก็คงต้องไปที่ตลาด Ebay เท่านั้นแหละ Satya Nadella CEO ประจำบริษัทไมโครซอฟท์ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งไปเมื่อปี 2014 ด้วยความที่มีหัวใจและแนวคิดแบบคนรุ่นใหม่อยู่แล้ว จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าตัวจะเลือกใส่ Lanvin Suede & Patent Leather Low-Top Sneaker แบรนด์ระดับไฮเอนด์สัญชาติฝรั่งเศส Sundar Pichai เจ้าของผลงาน…
-
ถ้าเกิด “แมว” ได้เป็นบอสในออฟฟิศของเรา เรื่องฮาๆ เหล่านี้ต้องเกิดขึ้นแน่นอน!! (ภาค 2)
หลายคนคงรู้จักนิสัยของแมวเป็นอย่างดี คงไม่ต้องอธิบายแล้วว่ามันมีนิสัยยังไงบ้าง วันนี้เหมียวจะพามาดูอีกขั้นของมันกัน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเกิดแมวกลายเป็น CEO ในบริษัทของเรา การ์ตูนนี้มีชื่อว่า The Adventures Of Business Cat วาดโดยศิลปิน Tom Fonder เป็นการเอาคาแร็กเตอร์ของแมวไปแทนที่บอสงานของเรา ซึ่งมันก็จะทำนิสัยแมวๆในออฟฟิศ เห็นแล้วก็รู้เลยว่ามันจริงเอามากๆ เราไปดูกันเลยดีกว่า… ถ้าใครยังไม่เคยอ่านภาคแรก ลองไปชมได้ที่ ถ้าเกิด “แมว” ได้เป็นบอสในออฟฟิศของเรา เรื่องเหล่านี้ต้องเกิดขึ้นแน่นอน!! เมื่อห้องของบอสรกสุดๆ แต่ดูเหมือนบอสจะชอบเหลือเกิ๊นน แถมมีแต่กล่องทั้งน้านนนน เมื่อบอสอยากจะเดินผ่านไปทักทายพนักงาน เมื่อบอสต้องเจรจาต่อรองธุรกิจกับคู่ค้า สุดท้ายก็ใช้มุกนี้ตลอด… เมื่อบอสส่งอีเมล์หาเลขา เมื่อบอสรู้สึกอยากจะนั่ง ก็นั่งมันดื้อๆ ตรงนั้นแหละ พอมุดไปอยู่ใต้ผ้าห่มทีไร บอสชอบคิดว่าตัวเองติดกับดักตลอด เฮ้ออ… พนักงานก็อาจจะเจอบอสได้ตามลิ้นชัก เวลาถ่ายเอกสารน่ะเหรอ!? อย่าหวังว่าจะเสร็จได้ง่ายๆ เมื่อมาถึงวันคริสต์มาสประจำปี บอสก็จะกลายเป็นแบบนี้แหละ สภาพเมื่อบอสป่วย จะเป็นเลขาฯ ได้ ต้องรู้จักวิธีตัดเล็บให้บอสด้วย…
-
บ.สวีเดนเปิดมิติใหม่แห่งการบริหาร ด้วยการไม่มี “หัวหน้า” และพนักงานทุกคนเท่ากัน
คุณคิดว่าในปัจจุบันการมี “หัวหน้า” หรือ “ผู้บริหาร” จะทำให้บริษัทต่างๆ พัฒนาและเดินหน้าได้อย่างรวดเร็วขึ้นหรือเปล่า? หลายคนอาจตอบว่า “ใช่” แต่นั่นไม่ใช่กับบริษัทซอฟท์แวร์จากประเทศสวีเดนบริษัทนี้ เพราะพวกเขาไม่มี “หัวหน้า” และเวลาจะทำอะไร พนักงานทั้ง 40 คน ก็จะมาตัดสินใจร่วมกัน บริษัทนี้มีชื่อว่า Crisp เป็นบริษัทผู้ให้คำปรึกษาด้านซอฟ์ทแวร์ พวกเขาโด่งดังขึ้นมาเนื่องจากการที่บริษัทของพวกเขาไม่มีหัวหน้า ทำให้การตัดสินใจทุกอย่างของบริษัท จะต้องผ่านการประชุมของพนักงานทั้งหมด 40 คน โดยในช่วงแรกพวกเขามีวัฒนธรรมองค์กรที่จะมีการเปลี่ยน CEO ของบริษัททุกๆ ปี แต่อยู่มาปีหนึ่ง พวกเขาก็มีความคิดว่า ทำไมพวกเราไม่ลอง “ยกเลิกหัวหน้าดูล่ะ?” หลังจากนั้นพวกเขาก็ตัดสินใจยุบตำแหน่งหัวหน้าและกระจายงานให้กับทุกๆ คน “พวกเราคุยกันว่า จะเป็นอะไรไหมถ้าเราไม่มี CEO คนต่อไป มันจะออกมาเป็นแบบไหน พวกเราก็เลยลงมือทำจริงๆ แล้วก็มีนั่งลิสต์กันว่าปกติแล้ว CEO ต้องทำอะไรบ้าง” Yassal Sundman หนึ่งในนักพัฒนาโปรแกรมของ Crisp กล่าว พอพวกเขาลองสำรวจหน้าที่ของ CEO กันดูแล้วก็พบว่า งานหลายๆ อย่างของ…
-
Amakusa Airline สายการบินญี่ปุ่นที่มีเครื่องลำเดียว แต่ทุ่มเททั้งใจ CEO ก็มาช่วยบริการด้วย!!
เมื่อพูดถึงกิจการทางด้านการคมนาคมอย่างธุรกิจการบิน ที่จะต้องรองรับผู้โดยสารเป็นจำนวนมากนั้น เรามักจะนึกถึงสายการบินใหญ่ๆ ที่เติบโตมาอย่างช้านาน มีระบบการทำงานที่แบ่งหน้าที่กันชัดเจน ตั้งแต่ระดับผู้บริหารที่คอยวางแผนต่างๆ ในออฟฟิศ ไปจนถึงพนักงานต้อนรับหน้าเคาท์เตอร์เช็คอิน Amakusa Airline สายการบินโลมายิ้มจากประเทศญี่ปุ่น แต่เราไม่เคยได้ยินเรื่องราวของสายการบินที่เล็กที่สุดในประเทศญี่ปุ่นมาก่อนเลย ไม่เคยรู้ระบบการทำงานที่แตกต่างไปจากสายการบินใหญ่ๆ เพราะพวกเขานั้นแทบจะไม่สามารถสู้ในเรื่องของการรองรับจำนวนผู้โดยสารได้มากมายเท่าไหร่ ทว่าหากคุณได้อ่านเรื่องราวของสายการบินนี้แล้ว คุณอาจจะรู้สึกถึงความอบอุ่นที่สายการบินนี้มอบให้ผู้โดยสารได้ก็คงจะไม่แปลกอะไรเลย สำหรับสายการบินที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่นนี้มีชื่อว่า Amakusa Airline (AMX) เป็นสายการบินในประเทศญี่ปุ่น แห่งจังหวัดคุมาโมโตะ เปิดให้บริการสำหรับผู้ที่จะเดินทางระหว่างเกาะ Amakusa ไปยังหัวเมืองใหญ่ต่างๆ และกำลังเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้นในขณะนี้ แต่ก่อนที่ทุกคนจะรู้จัก Amakusa Airline นั้นเมื่อประมาณ 7 ปีก่อน สายการบินนี้เกือบจะล้มละลายมาแล้ว เนื่องจากจำนวนเครื่องบินมีไม่เพียงพอต่อ บวกกับเกิดวิกฤติทางการเงิน จำนวนผู้โดยสารจึงลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัดตลอดระยะเวลา 4 ปีที่เพิ่งเปิดให้บริการ นั่นทำให้บริษัทนั้นไม่สามารถหากำไรมาจุนเจือในส่วนที่ขาดทุนได้ หนำซ้ำยังถูกผู้บริหารในเวลานั้น ลดต้นทุนแทบทุกอย่าง รวมไปถึงการลดจำนวนพนักงาน แม้จะมีการนำเสนอแนวทางเพื่อปรับปรุงก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป แต่ก็ถูกผู้บริหารปฏิเสธทุกแนวคิดจนหมดสิ้น ทำให้ทุกคนในบริษัทหมดกำลังใจที่จะทำงาน ถึงขั้นวางแผนลาออกเพื่อหางานใหม่ เพราะถ้าอยู่แบบนี้ต่อไป…
-
หนูน้อยวัย 7 ขวบ กับตำแหน่ง CEO บริษัทรีไซเคิล เพื่อช่วยลดขยะและอนุรักษ์โลกใบนี้!!
เรื่องราวของหนุ่มน้อย Ryan วัย 7 ปี ที่ทำการตั้งบริษัทรีไซเคิลเป็นของตัวเอง โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยโลก ลดขยะ และทำให้ผู้ใหญ่หลายๆ คนตระหนักในการดูแลสภาพแวดล้อมมากขึ้น ในรายการทอล์คโชว์ชื่อดังอย่าง The Ellen DeGeneres Show ได้เชิญเด็กน้อยคนนี้มาร่วมสัมภาษณ์ถึงบริษัทของเขา และจุดเริ่มต้นของความคิดที่แสนบรรเจิดนี้ เรื่องมันเริ่มต้นเมื่อปี 2012 ขณะที่หนูน้อย Ryan อายุได้ 3 ขวบ เขาเดินทางไปยังศูนย์รีไซเคิลใกล้บ้านเพื่อนำขวดเปล่าและกระป๋องเปล่าไปขึ้นเงิน เพื่อแลกกับค่าขนมเล็กน้อย หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นเจ้าหนู Ryan ก็สังเกตเห็นว่าคุณพ่อและคุณแม่ของเขาเดินถือถุงเปล่าเดินไปขอขวดพลาสติก และกระป๋องจากเพื่อนบ้านทุกคน เพื่อนำมาให้เขา จนในที่สุดก็ตัดสินใจก่อตั้งขึ้นมาเป็นบริษัท Ryan’s Recycling จนถึงตอนนี้ทางบริษัทก็ได้ทำการรีไซเคิลขวดและกระป๋องไปมากกว่า 200,000 ชิ้น แถมยังสร้างรายได้มากถึง 350,000 บาทแล้วด้วย!! แม้จะดูไม่เป็นรายได้ระดับล้านหรือสิบล้าน หรือประสบความสำเร็จเป็นเศรษฐีตั้งแต่วัยเยาว์ แต่ด้วยรายได้มากถึงหลายแสนในวัยเพียง 7 ขวบ เขาก็ถือว่าเป็นเด็กน้อยที่น่าจับตามอง โดยในอนาคต เขาหวังว่าจะนำเงินจำนวนนี้ไปซื้อรถเก็บขยะคันใหญ่ เพื่อช่วยให้การเก็บขยะมารีไซเคิลนั้นง่ายดาย และเพิ่มปริมาณมากยิ่งขึ้น และขยายธุรกิจของเขาเองให้ใหญ่โตกว่าเดิม…
-
แนวคิดจาก CEO บริษัทคาลบี้ เพราะการพัฒนาบุคลากรสำคัญกว่า การให้ทำโอทีจึงไม่จำเป็น…
พูดถึงในเรื่องของการทำหน้าที่การงานภายในบริษัทเอกชนต่างๆ ผู้บริหาร นายจ้างหรือหัวหน้าใหญ่ มักจะมอบหมายงานให้บุคลากรแต่ละแผนกทำอย่างแข็งขัน แบบชนิดที่ว่ายิ่งทำงานให้บริษัทมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดี เพราะนั่นหมายถึงปริมาณงานที่สามารถดำเนินการได้อย่างไม่สิ้นสุด แต่ทว่าแนวคิดดังกล่าวจะนำไปสู่การทำงานล่วงเวลา โดยในปัจจุบันไม่ว่าบริษัทไหนๆ ก็มีระบบดังกล่าวเข้ามาแล้ว อาจจะเป็นการทำงานที่เร่งด่วน หรืองานสะสมคั่งค้าง แต่มองในอีกมุมหนุึ่งของคนที่ต้องทำงานล่วงเวลา การทำงานแบบนี้ส่งผลดีหรือผลร้ายกับใครกันแน่ พวกเขาเต็มใจที่จะทำหรือไม่? บังคับให้ทำงานเกินเวลาโดยไม่นึกถึงจิตใจของพนักงานเลยรึเปล่า? ด้วยเหตุนี้เองทางด้านคุณ Akira Matsumoto ประธานบอร์ดบริหาร ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัทผลิตขนมในเครือคาลบี้ แห่งประเทศญี่ปุ่น ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวประเด็นการทำงานล่วงเวลาและมุมมองการบริหารงานของบริษัทไว้น่าสนใจมากเลยทีเดียว เนื่องจากตัวเขาเองนั้นมีแนวคิดที่แตกต่างจากการบริหารงานบริษัทอื่นๆ ที่ไม่ค่อยจะมองกัน นั่นก็คือการลงทุนกับปริมาณงานนั้น แทบจะเทียบกับการลงทุนพัฒนาศักยภาพของพนักงานไม่ได้เลย โดยเฉพาะในสังคมญี่ปุ่นที่มักจะมีภาพติดตาของเหล่าพนักงานบริษัททำงานหามรุ่งหามค่ำ กลับบ้านดึกดื่นเพราะต้องทำงานล่วงเวลา จนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับคุณ Akira Matsumoto แล้วเขากลับแย้งว่า ‘เลิกซะเถอะ กับการทำงานล่วงเวลาเนี่ย’ มุมมองของเขานั้น เล็งเห็นว่าถ้าหากให้พนักงานใช้เวลาไปกับการทำงานล่วงเวลาเพียงอย่างเดียว เวลาส่วนนั้นก็จะไม่เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาศักยภาพของพนักงานเลย เพราะนั่นคือเวลาว่างของพวกเขาหลังจากการเลิกทำงานตามเวลาปกติ คุณ Akira Matsumoto ไม่กังวลในเรื่องของการจ่ายค่าโอทีเลยแม้แต่น้อย มันเป็นเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น แต่สิ่งที่เขากังวลมากกว่าก็คือ ถ้าให้พนักงานทำโอทีบ่อยๆ ก็จะกลายเป็นคนที่ด้อยประสิทธิภาพไปเรื่อยๆ…
-
จดหมายจาก Tim Cook ถึงเหล่าพนักงาน ในวาระเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่ทุกคนควรได้อ่าน…
ก็มาถึงจุดจบกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วล่ะ สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกา กับว่าที่ประธานาธิบดีใหม่อย่างนาย Donald Trump ที่สามารถเอาชนะ Hillary Clinton ผู้สมัครเข้าชิงพรรคตรงข้าม Tim Cook ซีอีโอของ Apple ก็ได้ส่งอีเมล์ถึงพนักงานทุกๆ คนในบริษัทของเขาหลังจากเหตุการณ์นี้กันด้วยล่ะ Tim Cook ซีอีโอของ Apple ถึงทุกๆ คน… วันนี้ผมได้ยินเรื่องราวมากมายจากพวกคุณเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศเรา ในเชิงการเมืองนั้น ผู้สมัครแต่ละคนก็ได้รับเสียงสนับสนุนจากพอๆ กัน แต่ถึงเรื่องนี้จะจบไปแล้ว เรื่องราวนี้ก็ยังคงฝังความรู้สึกที่รุนแรงไว้ในจิตใจของพวกคุณอยู่ ที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือ ทีมงานของบริษัทเรานั้นก็มีมากมายหลากหลาย นั่นรวมถึงผู้สนับสนุนของพรรคการเมืองทั้งสองฝ่าย แต่ไม่ว่าเราแต่ละคนจะสนับสนุนหรือเชียร์ฝ่ายไหน หนทางเดียวที่บริษัทของเราจะสามารถก้าวผ่านสถานการณ์ย่ำแย่และเดินไปข้างหน้าได้นั้นก็คือการร่วมมือกันของทุกๆ คน อย่างที่ Dr. Martin Luther King, Jr. เคยพูดไว้เมื่อ 50 ปีก่อนว่า “ถ้าคุณบินไม่ได้ก็วิ่ง ถ้าวิ่งไม่ได้ก็เดิน ถ้าเดินไม่ได้ก็คลาน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการก้าวไปข้างหน้าแบบไม่หยุดนิ่ง” และผมเชื่อว่าคำพูดนี้สามารถใช้ได้กับทุกยุคสมัย หนทางเดียวที่จะทำให้บริษัทเราสามารถผลิตผลงานที่สุดยอดและพัฒนาตัวเองได้อย่างสม่ำเสมอนั้นก็คือการก้าวไปข้างหน้า แต่ผมก็ทราบเกี่ยวกับความกังวลของทุกๆ คนต่ออนาคตของประเทศ ผมก็อยากให้ทุกๆ คนแน่ใจว่าถึงแม้การเมืองจะเปลี่ยนไป แต่บริษัทของเรานั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลง…
-
CEO บริษัทขายอุปกรณ์ป้องกันตัวญี่ปุ่นโชว์แมน อัดคลิปทดสอบสินค้าลงเน็ต อะไรจะทุ่มเทปานน้าน!!
อย่างที่เราทราบกันดีว่า บริษัทจากประเทศญี่ปุ่นนั้นจะมีวัฒนธรรมองค์กรที่แตกต่างไปจากที่อื่นๆ ในโลก โดยเฉพาะผู้นำของบริษัทนั้น ต้องมีทั้งความสามารถ ความรับผิดชอบต่องานและสังคม รวมทั้งความทุ่มเทให้กับงานอีกด้วย ถ้าใครยังนึกภาพไม่ออกว่าพวกเขาเป็นยังไง วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักับสุดยอด CEO คนหนึ่งของญี่ปุ่น ที่ทุ่มเททั้งกายทั้งใจในการทำงาน จนบางทีก็สงสัยว่า ต้องทุ่มเทขนาดนั้นม้ายยย จะเป็นใคร ไปชมกันเลย คนทีเรากำลังจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักชื่อว่า Koichi Shiraishi เขาเป็น CEO ของบริษัท KSP Self-Defense & Security ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์ต่อต้านอาชญากรรมและการจราจลชื่อดังของญี่ปุ่น ฟังดูแล้ว สิ่งของที่พวกเขาขายนั้นแทบไม่ต่างจากอาวุธดีๆ นี่เอง ไม่ว่าจะเป็นกระบอกช็อตไฟฟ้า โล่ช็อตไฟฟ้า สเปรย์พริกไทย และอื่นๆ อีกมากมาย แม้จะดูอันตราย แต่พวกเขายืนยันว่าอุปกรณ์ของพวกเขาทุกชิ้น ไม่ได้มีความรุนแรงจนถึงชีวิต ด้วยเหตุนี้เอง คุณ Koichi Shiraishi จึงออกมาอัดคลิปทดสอบผลิตภัณฑ์ของเขาด้วยตนเอง (และใช้ตัวเองเป็นหนูทดลองด้วย) ว่าไม่มีอันตรายใดๆ ถึงตายนะจ๊ะ อ๊ะ ลองไปชมกันดูดีกว่า!! อันนี้เป็นคลิปทดสอบกระบองช็อตไฟฟ้า โอ้โห ทุ่มเทอะไรจะปานนั้น นอกจากกระบองช็อตไฟฟ้าแล้ว โล่ช็อตไฟฟ้าเค้าก็ทดสอบด้วยตนเองเช่นกัน ไปดูกัน…
-
สุดฮา เมื่อ CEO ของบริษัทแอบหลับในที่ทำงาน เหล่าพนักงานเลยจัดให้ซะสาส๊มใจเลยทีเดียว!!!
โตแล้วตรูจะหลับที่ไหนก็ได้…แต่บอกตามตรงว่าถ้าจะหลับในฐานะ CEO ของบริษัทแล้วล่ะก็ คุณทำไม่ได้ ฮร่าาาา เดี๋ยวจะหาว่า #จ่าสิบเหมียว ไม่เตือนนะเออ… สำหรับตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของเหล่าพนักงานบริษัทที่ร่วมกันแกล้งนี้จะเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆ Zeev Farbman ซีอีโอของบริษัทเว็บไซต์แชร์ภาพคนนี้คงหลาบจำไปอีกนานว่า ‘ไม่ควรหลับในที่ทำงานอย่างยิ่ง!!!’ เพราะล่าสุดเขาคงเหนื่อยล้าจากการทำงานเลยแอบงีบในที่ทำงานเสียเล็กน้อย เผอิญเหล่าลูกน้องตัวดีไปเจอเข้าให้ แอบแชะภาพเขาหลับในที่ทำงานมา และต่อจากนั้น…ความฮาก็เกิดขึ้น!!! นี่คือภาพที่ไม่ผ่านการปรับแต่งหรือตัดต่อใดๆ ภาพแรกซอฟต์ๆ เป็นยาสีฟันซะเลย ท่าพริ้วดีนัก ไปเป็นรางวัลออสการ์ อยู่ในงานเต้นรำ ฮาาาาาาา ซิเบ๊นยาาาาาาา!!! วาดฉันเหมือนสาวฝรั่งเศสของคุณสิแจ็ค แอร๊ยยยยย นักเต้นมือโปร ไปอยู่ในงานศิลป์ชิ้นเอกซะแล้ว ขอพรกันเร้วววววว ไปอยู่ในการ์ตูน พูดถึงเรื่องการไปอยู่ในงานศิลป์ -*- มาจุ๊บมั้ยล่ะเจ้าชาย >< แกจะรู้มั้ยนะ ฮร่าาาา อยู่ในเหตุการณ์สำคัญในอดีต เป็นคนใกล้ชิดเลยนะเนี่ย!!! …
-
สถิติชี้ ผู้คนแชร์เรื่องราวส่วนตัวของตัวเองลงใน Facebook น้อยลง!!!
ก็อย่างที่เราทราบกันเป็นอย่างดีว่า Facebook คือหนึ่งในโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก แต่กระนั้นผลรายงานล่าสุดจาก The Information และ Bloomberg กลับเป็นที่น่ากังวลเพราะสถิติแสดงให้เห็นว่าเหล่าผู้ใช้เริ่มแชร์เรื่องราวของตัวเองลงในเฟซบุ๊คน้อยลงเรื่อยๆ ในอดีตนั้นเรามักจะเห็นผู้คนมากมายแชร์ว่าตัวเองกำลังทำอะไร แชร์ภาพงานหมั้น หรือว่าคลอดลูก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ายอดแชร์ของเฟซบุ๊คจะลดลงมากเท่าไหร่นัก แต่จุดประสงค์ของผู้ใช้แตกต่างออกไป นั่นก็คือมักจะใช้แชร์วิดีโอและลิ้งค์จากเว็บไซต์ต่างๆ มากกว่าแต่ก่อน มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก CEO ของ Facebook และด้วยการที่ผู้คนเริ่มแชร์เรื่องราวของตัวเองน้อยลง ยิ่งการเข้ามาของโซเชียลมีเดียชื่อดังอื่นๆ ที่เป็นทางเลือกให้เล่นเช่น Snapchat ทำให้ผู้คนหันไปแชร์เรื่องราวของตัวเองลงในมีเดียอื่นๆ แทน และราวๆ ต้นปีที่ผ่านมานี้ยอดแชร์เรื่องราวส่วนตัวของ Facebook ก็ลดลงกว่าร้อยละ 15 เลยทีเดียว เราอาจจะไม่ค่อยได้สังเกต แต่ทาง Facebook ก็ได้จัดการกับเรื่องนี้โดยใส่ฟีเจอร์เพิ่มเติมอย่าง “On This Day,” หรือ “วันนี้เมื่อกี่ปีที่แล้ว คุณทำอะไรอยู่” นั่นเอง และได้ปรับอัลกอริธึ่มใหม่เพื่อให้คนเห็นแชร์ของเรื่องราวส่วนตัวมากกว่าจากวิดีโอและลิ้งค์จากเพจต่างๆ และมาตรการที่ใช้ล่าสุดเพื่อให้คนแชร์เรื่องราวของตัวเองมากขึ้นก็คือ Live Video นั่นเอง แต่ถึงกระนั้นโฆษกของทางเฟซบุ๊คก็ได้ออกมาประกาศว่า ‘ผู้คนยังคงแชร์เรื่องราวต่างๆ ในเฟซบุ๊คมากมายเหมือนเดิมและแข็งแกร่งเท่ากับปีก่อนๆ แค่เปลี่ยนจุดประสงค์ไปก็เท่านั้นแหละ’…
-
ตอนนั้น 30,000 ล้านของ Mark ทุ่มซื้อ Instagram ทุกคนว่าเขาคิดผิด แต่เขาก็พิสูจน์ให้เห็นว่าคิดถูก!!
เรียกได้ว่าตอนนั้นเป็นอะไรที่ดูบ้าและไร้เหตุผลอย่างมาก ในปี 2012 ที่ CEO ของ Facebook อย่าง Mark Zuckerberg ได้โชว์ความสามารถเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของเขา ก่อนที่จะเริ่มทำ IPO ด้วยการซื้อแอพพลิเคชั่นหนึ่งที่นักลงทุนคงคิดว่าไม่คุ้มค่าในตอนนั้น ด้วยราคา 1 พันล้านเหรียญ หรือตอนนี้ก็ราวๆ 34,000 ล้านบาท!!!!! กับสิ่งที่ได้มาคือ แอพพลิเคชั่นที่เหล่าผู้มาร่วม IPO กับบริษัทของเขาอาจจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ แถมมีระยะเวลาทำการมาแค่ 2 ปี มีทีมงานเพียงแค่ 13 คน… แอพพลิเคชั่นสำหรับแชร์ภาพที่ในตอนนี้เรารู้จักกันในนาม Instagram ที่เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาในแวดวงโซเชียลมีเดียได้สักพักหนึ่งแล้ว!!! สำหรับตอนนี้ก็คงไม่มีใครไม่รู้จัก Application นี้แล้วล่ะ!!! ณ ขณะนั้นมันเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายและสุดหยั่งถึงอย่างมาก?? อะไรกันที่เป็นแรงผลักดันให้ CEO ระดับโลกหันมาสนใจและซื้อกิจการของ Application ที่มีรายรับเป็น 0 (ในตอนนั้น) ทำให้เหล่าผู้ที่กำลังจะมาถือหุ้นของบริษัท เริ่มเกิดความไม่ไว้วางใจในตัวเขา หลายๆ คนเชื่อว่าหนุ่มน้อยผู้ชอบสวมเสื้อฮู้ด ในวัย 27 ปีนั้น มีลักษะนิสัยที่ห่าม ไม่คิด ไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อนตัดสินใจทำอะไรลงไป และที่สำคัญ…
-
เรื่องราวของ CEO Japan Airline ผู้สมถะ นั่งรถเมล์ไปทำงาน รับเงินเดือนน้อย แต่งตัวธรรมดา!!
คำว่า CEO (ซีอีโอ) มักจะเป็นคำเรียกของตำแหน่งอันใหญ่โตในบริษัททั้งหลาย ภาพลักษณ์ที่ติดตาเลยก็คือจะต้องเป็นผู้ที่ดูดีเนื่องจากเป็นถึงผู้บริหาร มีฐานะร่ำรวย และจะต้องเป็นผู้ที่ใช้ชีวิตสวยหรูอย่างที่หลายคนเฝ้าฝันถึง แต่กับ CEO ของสายการบิน Japan Airline กลับเป็นสิ่งตรงกันข้าม เขามีชื่อว่าคุณ Haruka Nishimatsu ได้ใช้ชีวิตภายใต้ปรัชญาอันเรียบง่าย เขาไม่ได้ทำตัวเป็นเจ้านายผู้เคร่งขรึม แต่ทำตัวเป็นผู้นำบริษัทที่ดี ยอมเสียสละเพื่อส่วนรวมของบริษัทก็เพื่ออนาคตที่แข็งแกร่งของสายการบิน ‘หากการบริหารจัดการเป็นเรื่องยุ่งยากและไกลตัว คล้ายกับว่าผู้คนเบื้องล่างกำลังรอป้อนคำสั่งมาจากฟ้าเบื้องบน ผมอยากจะให้พนักงานของผมได้หัดคิดด้วยตัวเองบ้าง’ ส่วนหนึ่งที่เขาได้ให้สัมภาษณ์กับ CBS News เขาเลือกที่จะนั่งรถเมล์ไปทำงาน แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่มีราคาไม่แพง ในระดับที่พนักงานของเขาเองก็มีสิทธิ์ซื้อมาใส่ อีกทั้งเลือกที่จะรับเงินเดือนน้อยกว่าในอัตราเงินเดือนของผู้บริหารทั่วไปด้วย มีครั้งหนึ่งเขาเคยตัดเงินเดือนตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาไล่พนักงานออก เนื่องจากผลกำไรที่ได้น้อยเกินกว่าที่คาดเอาไว้ เขาจึงนำเงินเดือนตัวเองไปเฉลี่ยแจกจ่ายเป็นเงินเดือนให้กับพนักงานแทน ภายใต้ความกดดันของพนักงานผู้น้อยในวัฒนธรรมของบริษัทส่วนมาก มักจะถูกกดขี่และใช้งานอย่างหนัก แต่กลับไม่ได้รับการตอบแทนเท่าที่ควรจะได้ ซึ่งทางด้านเหล่าผู้บริหารส่วนมากก็มักจะมีเงินเหลือกินเหลือใช้ มีของหรูหรามากมาย ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้คุณ Nishimatsu สร้างบรรยากาศและกำลังใจให้กับลูกน้องร่วมฝ่าฟันไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นร่วมรับประทานอาหารกับพนักงานในโรงอาหารเป็นประจำ ลงตรวจพื้นที่การทำงานด้วยตนเอง แบบชนิดที่ว่าเป็นเรื่องที่ยากมากๆ กับการที่จะได้เห็นผู้บริหารลงมาใกล้ชิดกับพนักงานขนาดนี้ อีกทั้งยังส่งผลดีในระยะยาวให้กับบริษัทด้วย …
-
CEO ชื่อดังตอบโต้นางแบบสาว “โซเซียลเน็ตเวิร์คไม่ได้โกหก เธอต่างหากที่โกหก”
ช่วงสัปดาห์ก่อนเราอาจได้ยินข่าวนางแบบโซเชียลเน็คเวิร์คชื่อดัง Essena O’Neill ได้ออกมาแฉวงการนางแบบโซเชียล ว่าไม่มีอะไรเป็นของจริง ทั้งหมดล้วนจัดฉากขึ้นมาทั้งนั้น (ข่าวเก่า) แต่ว่า James เจ้าของบริษัทโซเชียลเน็ตเวิร์คชื่อดัง Rise9 ได้ออกมาวิจารณ์นางแบบชื่อดังคนนี้ว่า “โซเชียลมีเดียสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่ผู้ใช้อยากให้เป็น การที่ทำให้ตัวเองไปอยู่ในจุดที่กดดันและไม่มีความสุข ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำและความตั้งใจของคุณเอง” เขาเชื่อว่า O’Neill กำลังโบ้ยความผิดไปให้ “เครื่องมือสื่อสารที่ดีที่สุดที่มนุษย์เคยมีมา” หลังจากที่เธอตัดสินใจทำอะไรผิดๆบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค “คุณรับโฆษณาเสื้อผ้าเหรอ? ก็คุณเลือกเอง คุณใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆในการหามุมสวยๆถ่ายเหรอ? คุณก็เลือกเองนิ คุณต้องใช้ชีวิตแบบจอมปลอมบนอินเตอร์เน็ตงั้นเหรอ? นั่นคุณก็เลือกเองทั้งนั้น” “การโทษโซเชียลมีเดียว่าเป็นสิ่งที่โกหกหลอกลวง นั่นยิ่งทำให้เห็นว่า คุณขาดความสามารถในการทำความเข้าใจตัวเองขนาดไหน แต่การที่คุณเริ่มลบของบนโซเชียลมีเดียทิ้งละก็ นั่นแปลว่าคุณเริ่มมาถูกทางแล้ว” ก็ถือว่าเป็นอีกมุมมองหนึ่งที่น่าสนใจจากคนที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการโซเชียลมีเดีย ทุกสิ่งทุกอย่างมีสองด้านเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้ประโยชน์ด้านไหนจากมันเนอะ ^^ ที่มา Wittyfeed
-
ชาวเน็ตปลื้ม CEO นกแอร์ออกจดหมายขอโทษ 2 หมื่นฉบับด้วยตนเอง หลังเกิดเหตุขัดข้องจนเครื่องดีเลย์!!!
เหตุขัดข้องเกิดได้ขึ้นทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะบริษัทเล็กหรือบริษัทใหญ่ แต่สิ่งที่วัดความเป็นมืออาชีพ คือการรับมือกับเหตุขัดข้องเหล่านั้นและวิธีการรักษาน้ำใจของลูกค้าต่างหาก บางบริษัทอาจะอ้างเหตุผลต่างๆนา แต่บางบริษัทก็ยอมรับข้อผิดพลาดและออกมาขอโทษอย่างจริงใจ จนเราต้องออกมาชื่นชมในความแมนของพวกจริงๆ อย่างเช่นสายการบินโลวคอสต์ในประเทศชื่อดังอย่าง Nok Air นี้ ได้ออกมาขอโทษผู้โดยสารกว่า 20,000 คนที่ได้รับผลกระทบจากการที่ระบบเชคอินของสายการบินล่มเมื่อวันที่ 12 สิงหาคมทีผ่านมา และที่น่าประทับใจยิ่งกว่านั้น CEO ของบริษัทอย่างคุณพาที สารสิน ได้ลงมือทำจดหมายขอโทษด้วยตนเอง เรียกได้ว่าได้ใจแฟนๆไปตามๆกัน First…All 20,000 passengers will get a written personalized apologies from Khun Patee Sarasin #nokair…That’s the first step! — จดหมายขออภัยผู้โดยสารทั้ง 20,000 คน ส่งตรงจากพี่ดุ๋งถึงผู้โดยสารทุกคนค่ะ Posted by Nok Air on 13 สิงหาคม 2015 เหมียวว่านี่แหละคือการใส่ใจลูกค้าอย่างแท้จริง แม้จะกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยได้ออกมาขอโทษ…
-
ทดสอบความแข็งแกร่งของกระจกกันกระสุน เพื่อความมั่นใจ CEO บริษัทขอลองเองเลย!!
เทคโนโลยีกระจกกันกระสุนที่ติดตั้งอยู่บนรถยนต์ของบุคคลสำคัญต่างๆ นั้นมีมานานแล้ว แต่เพื่อให้แน่ใจว่าคุณภาพของกระจกกันกระสุนนั้นสามารถป้องกันได้จริงๆ ก็ต้องทำการทดสอบกันก่อน ซึ่งทางบริษัท Texas Armoring Corporation (TAC) อยากจะให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพ CEO ก็เลยขอลงมาทดสอบด้วยตัวเองเลย!! สวัสดีครับ ผม Trent Kimball (คนขวา) ผู้บริหารและ CEO ของ TAC จะมาทดสอบคุณภาพกระจกกันกระสุนด้วยตนเอง เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในความปลอดภัย แนะนำตัวกันไปเรียบร้อยแล้ว เอาล่ะ!! พวกเราเข้าประจำที่ได้ แล้วกระจกกันกระสุนนี้จะป้องกันชีวิตของ CEO บริษัทได้หรือไม่ ตามมาลุ้นในคลิปกันได้เลยจ้า เสียวไส้มากขอบอก!! ที่มา : armoredvehicles
-
ยอด CEO ตุรกี แชร์เงินกว่า 27 ล้านเหรียญกับพนักงาน ด้วยแนวคิดที่น่าชื่นชมสุดๆ
นี่สิ ‘ผู้นำ’ ที่ไม่ได้เป็นแค่เจ้านาย และแน่นอนว่าเขาคงเป็นต้นแบบนายจ้างที่ทุกๆ คนตามหาอยู่อย่างแน่นอน…พบกับ Nevzat Aydin ผู้รั้งตำแหน่ง CEO แห่ง Yemeksepti.com เว็บไซต์ส่งอาหารสัญชาติตุรกี ซึ่งสิ่งที่เขาทำให้คนทั้งโลก ภาคธุรกิจ รวมถึงเหล่าพนักงานตาดำๆ ของเขาให้ต้องอ้าปากค้างก็คือ เมื่อเร็วๆ นี้ที่เขาได้ทำการขายบริษัทของเขาไปเป็นจำนวน 27 ล้านเหรียญ หรือราวๆ กว่า 90 ล้านบาท แล้วมอบทั้งหมดให้กับเหล่าพนักงานและผู้ร่วมงานของเขา!!! โฉมหน้าของ Nevzat Aydin ถ้าเฉลี่ยแล้วแต่ละคนก็จะได้รับเงินราวๆ คนละ 237,000 เหรียญ หรือราวๆ 7 ล้านบาทด้วยกัน โดยจะแบ่งให้กับทั้ง 114 คนที่เป็นพนักงานอยู่ร่วมสู้เคียงข้างเขามาตลอด ซึ่งเปอเซ็นต์แต่ละคนที่จะได้รับขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ทำงานร่วมกันมา ความสามารถ และแน่นอนศักยภาพของพวกเขา โดยได้ให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า ‘บริษัทนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน หลายๆ คนที่ทำงานร่วมกับผมมาใช้ทั้งความสามารถ พรสวรรค์ ความขยันขันแข็ง และประสบการณ์ของพวกเขา บริษัทเราจึงมีวันนี้ได้ บริษัทนี้จึงเป็นของทุกๆ คน’ ซีอีโอชื่อดังกล่าว ซึ่งปกติแล้วพนักงานจะได้รับเงินอยู่ราวๆ…