Tag: marriage
-
ครูสาวโรงเรียนคาธอลิกถูกไล่ออก หลังแต่งงานกับเพศเดียวกัน อ้างขัดหลักความเชื่อ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้มีคนเปิดรับและให้การสนับสนุนกลุ่ม LGBT หรือก็คือกลุ่มผู้มีความหลากหมายทางเพศมากขึ้น จึงมีหลายประเทศอนุญาตให้คนกลุ่มนี้แต่งงานกันได้แล้ว ที่รัฐไมอามีประเทศสหรัฐอเมริกาก็ให้กลุ่มรักร่วมเพศแต่งงานกันได้ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา แต่พอครูสาวในรัฐนั้นแต่งงานกับคู่รักเพศเดียวกัน เธอก็ถูกทางโรงเรียนไล่ออกเพราะเรื่องนี้ทันที โดยอ้างว่าขัดต่อความเชื่อของคาธอลิก อดีตครูสาว Jocelyn Morffi สาว Jocelyn Morffi อาศัยอยู่ในรัฐไมอามี ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอสอนหนังสือให้นักเรียนเกรด 1 (เทียบเท่าชั้นประถมศึกษาปีที่ 1) ในโรงเรียนคาธอลิก Saints Peter and Paul Catholic School มา 7 ปีแล้ว เธอเป็นคุณครูที่มีความสามารถและมีจิตใจดี เมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งแต่งงานกับคู่รัก Natasha Hass ที่หาด Florida Keys ในรัฐฟลอริด้า ทั้งคู่มีความสุขกันมาก แต่เมื่อเธอกลับมาทำงานทางโรงเรียนก็ไล่เธอออกโดยไม่บอกเหตุผล เธอเพิ่งแต่งงานกับคู่รักไปเมื่อไม่นานนี้ เธอจึงโพสต์เล่าเรื่องราวลงในโซเชียลมีเดียว่า “เมื่อสุดสัปดาห์นี้ฉันเพิ่งแต่งงานกับคู่ชีวิตไป แต่โชคร้ายที่การแต่งงานครั้งนี้ทำให้ฉันถูกไล่ออก ในสายตาของพวกเขาฉันเลือกคู่ชีวิตที่ไม่ตรงตามความเชื่อของคาธอลิก …” โพสต์ของครูสาวหลังจากเธอโดนไล่ออก นอกจากตัวเธอเองแล้ว ผู้ปกครองหลายคนก็ได้รับจดหมายแจ้งข่าวจากทางโรงเรียนถึงการไล่ครูสาวออกเช่นกัน ผู้ปกครองส่วนมากรู้สึกไม่พอใจเลยกับการตัดสินใจของทางโรงเรียน เพราะในจดหมายไม่ได้แจ้งเหตุผลที่หนักแน่นพอให้ไล่เธอออก ในจดหมายมีใจความว่า…
-
หนุ่มญี่ปุ่นรอว่าที่เจ้าสาวป่วยโคม่ากว่า 8 ปี ในที่สุดเธอก็ตื่นมาราวปาฏิหาริย์ และได้แต่งงานกัน
ในโลกนี้มีคู่รักหลายคู่ที่ต้องพรากจากกันไปด้วยโรคร้าย ในหลายกรณีก็ไม่ได้ถึงกับตายจากกันไปเสียทีเดียว แต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็นอนเป็นเจ้าชายหรือเจ้าหญิงนิทราไม่สามารถพูดคุยกันต่อไปได้ ชายญี่ปุ่นคนนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าความรักของเขานั้นเป็นสิ่งที่มั่นคง ด้วยการรอคอยแฟนสาวที่นอนโคม่าอยู่นานถึง 8 ปีเต็ม ฟ้าคงจะเห็นถึงความรักแท้จริงของชายหนุ่มจึงได้สร้างปาฏิหาริย์ให้หญิงสาวหายดีดังเดิม จนในที่สุดทั้งคู่ได้แต่งงานกันตามที่ตั้งใจไว้ Nashiji Hisashi และแฟนสาว Makahara Mai Nakashiji Hisashi และ Nakahara Mai รู้จักกันเมื่อปี 2005 พวกเขาคบกันในฐานะคู่รักและรักกันดีเรื่อยมา พอคบกันได้ 2 ปีทั้งคู่ก็มั่นใจแล้วว่านี่แหละคือคู่ชีวิตของตัวเอง จึงได้วางแผนแต่งงานในเดือนมีนาคม 2007 ทว่า 3 เดือนก่อนงานแต่ง Mai ก็เริ่มมีอาการเจ็บป่วยอย่างรุนแรง แฟนหนุ่มจึงพาเธอไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลทันที แต่รักษาตัวได้เพียงแค่ 3 วันอาการของเธอก็ทรุดหนักอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้นเธอก็เกิดอาการหัวใจวาย ทางโรงพยาบาลรีบส่งตัวเธอไปรักษายังโรงพยาบาลใหญ่อีกแห่งทันที แม้ว่าแพทย์จะช่วยชีวิตของเธอเอาไว้ได้ แต่เธอก็กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไป แม้ว่าหญิงสาวจะไม่สามารถขยับร่างกายได้แล้ว มันก็ไม่ได้มีผลต่อความรักของชายหนุ่มที่มีต่อเธอเลยแม้แต่น้อย เขายังคงเข้ามาเยี่ยมเธอทุกวัน วันละ 3 ชั่วโมงก่อนไปทำงาน และก็ใช้เวลาทั้งวันหยุดอยู่เป็นกำลังใจให้เธอด้วย…
-
เมนต์ยังไงให้ได้ปั๋ว.. สาวไปเมนต์ฮาๆ ในเฟซบุ๊กหนุ่ม อีกอาทิตย์นึงแต่งงานกันเฉย!!
เวลาเราจะไปตอบโพสต์บนโซเชียลมีเดียของผู้อื่น เราควรจะดูบริบทให้ดีว่าโพสต์นั้นจริงจังหรือว่าโพสต์เอาฮา ไม่งั้นอาจจะได้สามีแบบงงๆ เหมือนสาวคนนี้ที่ไปตอบโพสต์รับสมัครภรรยาในเฟสบุ๊กของเพื่อนแบบเอาฮา แต่หนุ่มกับเอาจริงจนได้แต่งงานกันเฉยเลย เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อหนุ่มไนจีเรีย Chidimma Amedu ตัดสินใจว่าเขาถึงวัยที่ควรจะแต่งงานสักที จึงได้ประกาศรับสมัครสาวมาแต่งงานด้วยอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 ธันวาคม 2017 แต่แทนที่เขาจะประกาศทางเว็บไซต์หาคู่ เขากลับโพสต์ประกาศลงในเฟสบุ๊กของตัวเอง โพสต์มีใจความว่า “ผมคิดว่าตัวเองถึงวัยที่ควรจะแต่งงานแล้ว ตอนนี้ผมไม่อยากเสียเวลารออีกต่อไป ถ้าใครสนใจกรุณาส่งข้อมูลส่วนตัวเข้ามาสมัครเป็นเจ้าสาวของผม ผู้ที่เหมาะสมที่สุดจะได้แต่งงานกับผมในวันที่ 6 มกราคม 2018 ปิดรับสมัครตอนเที่ยงคืนวันท่ี 31 ธันวาคม 2017 นี่ผมเอาจริงนะครับ ใครมาไม่ทันอย่าเสียดายล่ะ” รูปจากงานแต่งงานของ Chidimma Amedu และ Sophy Ijeoma สาวช่างแต่งหน้า Sophy Ijeoma ซึ่งเป็นเพื่อนกับเขาบนเฟซบุ๊กก็ผ่านมาเห็นพอดี เธอคิดว่าเขาคงจะโพสต์ตลกๆ ไปแบบนั้นแหละ จึงตอบคอมเมนต์ไปว่า “ฉันสนใจนะ ส่งข้อความมาคุยกันดูสิ 555” จริงๆ แล้วเธอกับเขาเป็นแค่เพื่อนบนเฟซบุ๊กกันเท่านั้น ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกันเลย ชายหนุ่มรู้จักกับเธอตอนที่เธอไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวในงานแต่งงานของเพื่อนเขา แต่พอเห็นเธอมาโพสต์แบบนี้เขาก็สนใจในตัวเธอไม่น้อยเลย เขาตอบคอมเม้นต์เธอว่า “ผมพร้อมจะแต่งงานกับคุณกว่า 60 เปอร์เซ็นต์แล้วล่ะ” แล้วก็ตอบคอมเม้นต์ของเพื่อนอีกคนหนึ่งว่า “ตอนนี้ผมสนใจ Sophy Ijeoma อยู่” คอมเมนต์ในเฟซบุ๊กที่ฝ่ายสาวไปตอบโพสต์ของหนุ่ม…
-
พบกับชุดเจ้าสาวสุดหวิว เทรนด์ใหม่สำหรับเจ้าสาวใจกล้า ใครหุ่นดีใส่แล้วต้องปังแน่นอน!!
ในงานแต่งงานตามแบบฉบับของศาสนาคริสต์นั้น เจ้าสาวมักจะสวมใส่ชุดกระโปรงยาวฟูฟ่องสีขาวบริสุทธิ์ และหมวกคลุมผมสีขาวบริสุทธิ์เช่นกัน จนกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้วว่าชุดเจ้าสาวควรต้องเป็นเดรสสีขาวเท่านั้น แต่ในปัจจุบันที่แฟชั่นเข้ามามีบทบาทในการแต่งตัวมากขึ้น เจ้าสาวบางคนก็ไม่อยากยึดติดอยู่กับประเพณีเดิมๆ จึงได้ดัดแปลงชุดเจ้าสาวตามสไตล์ที่ตัวเองชอบดูบ้าง บางคนก็นำชุดไปย้อมไปเป็นสีต่างๆ ที่ไม่ใช่สีขาวก็มี และเทรนด์ของชุดเจ้าสาวก็ไม่ได้หยุดแต่เพียงเท่านั้น ตอนนี้ได้มีชุดเจ้าสาวรูปแบบใหม่ออกมาแล้วซึ่งฉีกทุกกฎของชุดเจ้าสาวสุดเรียบร้อยทิ้งไปเลย ชุดเจ้าสาวแบบใหม่ที่ว่านี้ ตัดเย็บโดย Pronovias แบรนด์ชุดเจ้าสาวและชุดราตรีจากสเปน มันเป็นชุดเจ้าสาวแบบจั๊มสูทแนบเนื้อ ที่มีเนื้อผ้าแบบซีทรูสุดเซ็กซี่ และประดับด้วยลวดลายดอกไม้สีขาวตามส่วนต่างๆ ของชุด นางแบบ Cristina Pedroche สวมชุดเจ้าสาวแบบใหม่ของ Pronovias นางแบบที่ Pronovias เลือกมาช่วยทำให้ชุดเจ้าสาวรูปแบบใหม่นี้มีชีวิตชีวาขึ้นมา ก็คือสาวสวย Cristina Pedroche เธอสวมชุดนี้โชว์ในวันสิ้นปี 2017 ที่ผ่านมา ตอนที่เธอสวมชุดเจ้าสาวซีทรูนี้ ดูเหมือนกับว่าเธอไม่ได้ใส่อะไรอยู่อย่างไรอย่างนั้นเลย แต่ก็ไม่ได้ดูโป๊เปลือยแต่อย่างใด เพราะลวดลายดอกไม้บนชุดได้ช่วยปกปิดส่วนสำคัญบนร่างกายไว้มิดชิดพอสมควร เรียกได้ว่าสวมแล้วดูเซ็กซี่เผ็ดร้อน ละลายใจชายหนุ่มจริงๆ ตามคำบอกเล่าจาก โพสต์ในอินสตาแกรมของ Pronovias ชุดเจ้าสาวจั๊มสูทนี้ประดับประดาไปด้วยคริสตัลกว่า 200 เม็ด ที่ช่วยทำให้ชุดนี้ดูสวยงามมีลูกเล่น และยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับตัวชุดด้วย นอกจากนี้ชุดนี้ยังใช้เวลาทำกว่า 244 ชั่วโมงเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามชุดเจ้าสาวสุดเซ็กซี่นี้จะต้องใช้ความกล้าในการสวมใส่สักนิด เพราะคุณจะรู้สึกเหมือนเดินในชุดวันเกิดอยู่ตลอดเวลา ไม่เฉพาะต่อหน้าเจ้าบ่าวเท่านั้น แต่ต่อหน้าคนที่มาร่วมงานแต่งทั้งหมดด้วย…
-
หนุ่มแสดงความรักมั่น ขอสาวผู้ป่วยมะเร็งเต้านมแต่งงานในโรงพยาบาล ก่อนเธอเสียชีวิต
โรคมะเร็งเป็นโรคร้ายชนิดหนึ่ง ผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งจะมีการแบ่งเซลล์ผิดปกติ จนเกิดเป็นเนื้องอกร้ายในร่างกาย และอาจลุกลามไปยังส่วนต่างๆ จึงถือว่าเป็นโรคที่น่ากลัวที่สุดโรคหนึ่ง ที่พรากชีวิตคนจำนวนไม่น้อยไปจากโลกใบนี้ หากป่วยเป็นมะเร็งระยะร้ายแรงแล้ว ผู้ป่วยมักจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานนัก แต่ถ้าได้รับกำลังใจที่ดีพอ อาจจะเป็นแรงผลักดันให้ผู้ป่วยมีชีวิตรอดได้นานราวกับปาฏิหาริย์ก็ได้ เจ้าบ่าวและเจ้าสาวคู่นี้ อาจจะเป็นตัวอย่างที่ดีของเหตุการณ์ดังกล่าว David และ Heather Mosher เจ้าสาว Heather Mosher ป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมชนิดทริปเปิ้ลเนกาทีฟ แต่เธอมีชีวิตรอดได้ยาวนานกว่าที่หมอคาดการณ์ไว้ เนื่องจากเธอได้รับกำลังใจอันล้นหลามจากคนรัก David Mosher ทั้งคู่พบกันในชั้นเรียนสวิงแดนซ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2015 หลังจากนั้นทั้งสองก็หลงรักกันหัวปักหัวปำ กลายเป็นคู่รักที่ตัวติดกันตลอดเวลาเลยทีเดียว ดังที่ David เล่าว่า “หลังจากเราพบกันแล้ว ก็เหมือนว่าเราแยกจากกันไม่ได้เลย” แต่เรื่องราวรักหวานชื่นของทั้งคู่ก็ดำเนินมาได้ไม่นาน เพราะเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2016 แพทย์ก็ได้แจ้งข่าวร้ายกับพวกเขาว่า แฟนสาวป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านม ถึงแม้จะรู้ว่าแฟนสาวป่วยเป็นโรคมะเร็ง แต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดจะปล่อยให้เธอต่อสู้กับโรคนี้เพียงลำพัง เขาตัดสินใจขอหมั้นเธอในวันเดียวกันที่เธอรู้ข่าวว่าเป็นมะเร็งเลย เขาเล่าว่า “เธอไม่รู้มาก่อนว่าผมจะขอหมั้นคืนนั้น แต่ผมอยากให้เธอรู้ว่า เธอจะไม่ต้องต่อสู้กับโรคนี้คนเดียว” จากนั้นเขาจึงขอเธอแต่งงานอย่างโรแมนติกบนรถม้าดังที่ชายหนุ่มเล่าว่า “ผมจัดเตรียมรถม้าไว้สำหรับเราสองคนแล้ว ในคืนนั้นระหว่างที่เรากำลังนั่งรถม้าไปในถนนที่มีเพียงแสงไฟ ผมก็ขอเธอหมั้นทันทีเลย” ทว่าข่าวร้ายเรื่องโรคมะเร็งเต้านมยังไม่จบสิ้น ห้าวันหลังจากเขาขอเธอหมั้นแล้ว…
-
เรื่องราวของทนายผู้ต่อสู้เพื่อ ‘ความรัก’ จนทำให้การแต่งงานข้ามเชื้อชาติในอเมริกาถูกกฎหมาย!!
ย้อนไปในอดีตนั้น ในบางประเทศจะมีธรรมเนียมหรือกฎหมายที่ห้ามไม่ให้คนต่างชาติหรือคนต่างสีผิวแต่งงานกัน เนื่องจากมีแนวคิดเรื่องการเหยียดเชื้อชาติและสีผิวอยู่นั้นเอง แต่ในปัจจุบันเราสามารถแต่งงานกับคนที่มีความแตกต่างกันได้อย่างอิสระ ไม่ว่าเราจะมีความแตกต่างกันทางสัญชาติ อายุ สีผิว หรือภาษาก็ตาม แม้แต่คนเพศเดียวกันก็ยังสามารถแต่งงานกันได้เลย ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณผู้ชายคนหนึ่ง ที่ลุกมาต่อสู้เพื่อสิทธิเหล่านี้อย่างนาย William Marutani จนทำให้การแต่งงานข้ามเชื้อชาติและสีผิว สามารถทำได้ถูกต้องตามกฎหมาย William Marutani William Marutani เป็นทนายของกลุ่มประชาชนชาวญี่ปุ่นอเมริกัน ที่อาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา เขามีจิตใจรักคุณธรรม และมักจะยืนหยัดต่อสู้เคียงข้างผู้ที่ควรจะได้รับความยุติธรรมเสมอ ในคดีของ Milfred และ Richard Loving คู่รักข้ามสีผิวจากรัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาเองก็เช่นกัน ชายผิวขาวและหญิงผิวสีถูกจับเมื่อปี 1958 เพราะว่าพยายามจะแต่งงานกัน แต่กฎหมายในขณะนั้นไม่ยอมให้คนผิวสีแต่งงานกับคนผิวขาว วันที่ 10 เมษายน 1967 นาย Marutani จึงได้ช่วยสู้คดีในศาลให้ทั้งคู่ได้แต่งงานกัน ทั้งที่ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลย เราเริ่มการต่อสู้ในศาลโดยการโต้เถียงว่าคำว่า ‘คนผิวขาว’ นั้นหมายถึงอะไรกันแน่ ซึ่งเมื่อดูตามกฎหมายแล้วพบว่าคนผิวขาวคือคนที่มีเชื้อสายคอเคเชียนบริสุทธิ์ ส่วนคนอื่นๆ ที่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของเชื้อสายอื่นอยู่ในตัวถือว่าเป็นคนผิวสี จากนั้นเขาจึงโจมตีต่อว่า ตามประวัติศาสตร์แล้ว ยุโรปถูกรุกรานบ่อยครั้ง คนส่วนมากในรัฐเวอร์จิเนียจึงไม่น่าจะถือว่าเป็นคนผิวขาว และวิธีการจะพิสูจน์ว่าเป็นคนผิวขาวแท้จริงหรือไม่ ก็ทำได้ยากด้วย นอกจากนี้กฎหมายยังบอกอีกว่า…