Tag: muslim’
-
ฮีโร่ชาวมุสลิม เข้าห้ามปรามกลุ่มวัยรุ่นมุสลิม 3 ราย ที่จ้องทำร้ายร่างกายชาวคริสต์ได้สำเร็จ!!
ฮีโร่ในการ์ตูน ในหนัง หรือในจินตนาการของเราสิ่งเหล่านั้นคงเป็นภาพของฮีโร่ที่เคยชินในการนิยามเอาไว้ แต่ไม่ได้แปลว่าในชีวิตจริงนั้นเราจะไม่ได้มีโอกาสเจอเลย เมื่อชายคนนี้ได้กลายเป็นฮีโร่ของใครหลายๆ คน Edris Nosrati หนุ่มมุสลิมวัย 35 ปี เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ฟังดูเหมือนเป็นคนทั่วไป แต่ความไม่ธรรมดาเกิดจากที่เขาจัดการกับกลุ่มวัยรุ่นชาวมุสลิมที่คอยรังควานชาวคริสต์ เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเวลากลางคืนขณะที่เขากำลังเดินกลับบ้าน ก็เจอกับกลุ่มวัยรุ่นในอาการเมามายเข้าไปรังควานด้วยภาษาอิสลามกับชายผิวขาวกับแฟนสาว และจ้องจะทำร้ายร่างกายชาวคริสต์ โดยที่เขาคิดว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องที่ไร้สาระมาก เมื่อเขาได้เข้าไปห้ามก็ถูกรังควานถามเช่นเดียวกัน หลังจากที่เขาตอบด้วยประโยคภาษาอารบิคก็ถูกต่อว่าอย่ามายุ่งกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งในตอนนั้นเขารู้สึกกลัวคนกลุ่มนี้เพราะไม่รู้ว่าจะเป็นผู้ก่อการร้าย ISIS หรือไม่ แต่เขาก็เลือกที่จะแอบตามคนเหล่านั้นไป และเพราะกลุ่มวัยรุ่นอิสลามจ้องที่จะทำร้ายผู้ร่างกายผู้อื่นอีก ระหว่างนั้นก็ได้โทรแจ้งตำรวจถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น จนมือถือแบตฯ หมด แต่ก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่ว่าสามคนนั้นได้มีการทำร้ายร่างกาย และถ่ายคลิปเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือของพวกเขาเองด้วย จนเมื่อตำรวจมาถึงสามคนนั้นกลับไหวตัวทัน ทำตัวเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น ในขณะที่ Faruq หนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นพยายามจะลบคลิป Edris ก็ได้สังเกตเห็นและพยายามเข้าไปแย่งมือถือมา ในจังหวะนั้นเขาก็โดนต่อยเข้าที่หน้าไปอย่างจัง สุดท้ายเขาจึงทำการล็อคคอ Faruq กดลงพื้นและแย่งมือถือมาได้ เมื่อตำรวจได้เห็นคลิปวิดีโอดังกล่าวก็ได้ทำการจับกุมชายทั้งสามทันที ผู้ต้องหา Mohmed และ Mohammed โดนตั้งข้อหาโจมตีสร้างความแตกแยกในเรื่องศาสนาจนทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายผู้อื่น ถูกจำคุก 3 ปีครึ่ง…
-
โลกออนไลน์ร่วมปกป้องชาวมุสลิม ‘ผู้ก่อการร้ายไม่มีศาสนา’ จากการถูกเหมารวมในด้านลบ
ไม่ว่าจะเกิดการก่อการร้ายที่ใดบนโลก สิ่งแรกที่จะถูกประณามเลยก็คือ ชาวมุสลิม รวมไปจนถึงศาสนาอิสลามทันที เพราะภาพลักษณ์ที่สื่อต่างๆ เปิดเผยให้ได้รับรู้นั้น จะถูกเชื่อมโยงกับศาสนาอิสลามและชาวมุสลิมทันที แต่ที่จริงแล้วชาวมุสลิมก็ไม่ได้เป็นผู้ก่อการร้ายไปซะหมด ชาวมุสลิมนั้นมักจะถูกมองในแง่ร้ายเสมอมา ทั้งนี้ในความจริงคือการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นส่วนมาก มักจะนำศาสนามาเป็นสิ่งบังหน้า อ้างศรัทธาต่างๆ ในอีกแง่มุมหนึ่ง #TerrorismHasNoReligion ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อปกป้องชาวมุสลิมผู้บริสุทธิ์ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายเลย มองในอีกแง่หนึ่งคือ ผู้ก่อการร้ายเป็นพวกไม่มีศาสนา ‘ใครก็ตามที่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ ผู้นั้นก็เท่ากับเข่นฆ่ามวลมนุษยชาติ’ ทางด้านชาวมุสลิมที่ไม่เกี่ยวข้อง ต่างก็ต้องการความสันติ การใช้ศาสนาและอุดมการณ์ความเชื่อมาเป็นข้ออ้างในการเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์นั้น เป็นยิ่งกว่าพวกขี้ขลาด แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ยังมีผู้คนที่เห็นต่างและเหมารวมว่าชาวมุสลิมทั้งหมดคือผู้ก่อการร้าย ชาวมุสลิมต่างต้องปกป้องในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้เป็นผู้กระทำ อย่างไรก็ตามขอให้ทุกท่านแสดงความคิดเห็นที่สุภาพไม่กระทบกระทั่งกันนะจ๊ะ เพราะยังไงเราก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ที่มา : unilad
-
คิขุอาโนเนะ!! สาวมุสลิมจับแฟชั่น Lolita มาผสมผสานให้เข้ากับผ้าคลุมหัวฮิญาบได้อย่างลงตัว
Lolita เป็นแฟชั่นการแต่งกายที่ได้รับความนิยมมากในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งแต่เดิมนั้นแฟชั่น Lolita ได้รับอิทธิพลจากเสื้อผ้าแบบวิกตอเรียน และเครื่องแต่งกายจากยุคโรโคโค โดยลักษณะเด่นของแฟชั่นสไตล์ Lolita จะเป็นชุดกระโปรงน่ารักๆ และประดับด้วยลูกไม้หรือโบว์นั่นเอง และนี่คือ Noor และ Alyssa สองสาวมุสลิมจากอังกฤษและอเมริกา ผู้ที่ได้ทำการผสมผสานเสื้อผ้าสไตล์ Lolita และผ้าคลุมหัวฮิญาบเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว ซึ่งพวกเธอได้รับแรงบันดาลใจมาจากแฟชั่น Lolita ของญี่ปุ่น และยังเห็นว่าแฟชั่นสไตล์นี้เป็นการแต่งกายที่ดูน่ารัก แถมชุดเหล่านั้นยังปกคลุมร่างกายอย่างมิดชิด โดยที่ไม่ขัดกับหลักความเชื่อที่พวกเธอนับถืออีกด้วย สวยน่ารักจริงๆ ฟรุ้งฟริ้งมาก เรียกได้ว่าเมื่อนำชุดเหล่านั้นมาประยุกต์เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้พวกเธอกลายเป็นสาวมุสลิม Lolita ได้แบบน่ารัก และสวยหวานมากที่สุดเลยล่ะ ที่มา : boredpanda