Tag: nasa
-
ผู้เชี่ยวชาญ NASA เสนอว่า จริงๆ แล้วมนุษย์ต่างดาวอาจเคยมาเยือนโลก แต่เราไม่รู้ตัว!!
เรื่องราวและปริศนาจากนอกโลกสำหรับวันนี้มีอยู่ว่า ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การ NASA ได้ออกมาเตือนว่า ครั้งหนึ่งมนุษย์ต่างดาวทรงปัญญาอาจเคยมาเยือนโลก แต่พวกเราแค่ไม่รู้ตัว โดย Silvano P. Colombano ผู้เชี่ยวชาญจาก NASA เชื่อว่ามนุษย์เราต้องพลาดบางอย่างไปแน่ๆ เกี่ยวกับการมาเยือนของมนุษย์ต่างดาว เพราะทฤษฎีและแนวคิดเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวในปัจจุบันนั้นแคบจนเกินไป Colombano เขียนอธิบายในรายงาน ถอดรหัสปัญญามนุษย์ต่างดาว เอาไว้ว่า… “ผมอยากจะชี้แจงว่ามนุษย์ต่างดาวทรงปัญญาที่เราคิดว่าจะได้เจอนั้น มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาไม่ได้มีร่างกายที่สร้างขึ้นจากคาร์บอนเป็นหลักอย่างเรา” เขายังเชื่ออีกว่ามนุษย์ต่างดาวนั้นมีวิถีการใช้ชีวิต ภูมิปัญญา และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่ามนุษย์หลายเท่านัก ซ้ำยังสามารถเดินทางข้ามดาวได้อย่างเชี่ยวชาญ เขากล่าวว่า “เราอาจต้องย้อนดูทฤษฎีต่างๆ กันใหม่ สำหรับเรื่องของการเดินทางข้ามดวงดาวนั้น บางที่อายุขัยของมนุษย์เราก็อาจไม่ได้เป็นอุปสรรคอีกต่อไป อีกอย่างมันเป็นไปได้ที่พวก ‘นักสำรวจ’ (มนุษย์ต่างดาว) จะเป็นสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาที่ตัวเล็กมากๆ จนเราไม่รู้สึกถึงการมาเยือน” นอกจากนี้ Colombano ยังเตือนให้เห็นถึงปัญหาในการพัฒนาเทคโนโลยีของชาวโลกอีกด้วยว่า… “ลองพิจารณาดูว่า ความเจริญของมนุษย์เริ่มขึ้นเมื่อ 10,000 ปีก่อน แต่วิทยาศาสตร์นั้นเพิ่งเริ่มพัฒนาเมื่อ 500 ปีที่ผ่านมานี้เอง ฉะนั้น เราไม่อาจคาดการณ์ถึงการวิวัฒนาการของเทคโนโลยีในภายภาคหน้าได้เลย ต่อให้เป็น 1,000 ปีข้างหน้า หรืออีก 6,000…
-
พบ “ร่องรอยสิ่งมีชีวิต” จากภาพถ่ายพื้นผิวดาวอังคาร มีทั้งสิ่งก่อสร้างและซากเอเลี่ยน
แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวนั้นถือเป็นเรื่องน่าสนใจทีเดียว เพราะเป็นสิ่งที่มนุษย์เราก็ยังไม่สามารถตอบได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามันมีอยู่จริงหรือไม่มีอยู่จริงกันแน่ หลายครั้ง มีข่าวคราวการปรากฏขึ้นของ UFO หรือ เอเลี่ยน ออกมามากมายทั่วโลกอินเทอร์เน็ต แต่นั่นก็ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดคือเรื่องจริงไม่ใช่ตัดต่อ เร็วๆ นี้เมื่อช่วงวันที่ 13 สิงหาคม 2018 ข่าวคราวที่ว่ามีแววจะพบ “มนุษย์ต่างดาว” ก็กลับมาอีกครั้งหลังจากมีคนพบว่าภาพถ่ายดาวอังคารที่ทางเว็บไซต์ Gigapan ได้เผยออกมาเมื่อปี 2015 นั้น มีบางอย่างดูคล้ายกับ “สิ่งก่อสร้าง” ปรากฏขึ้นในภาพ ภาพถ่ายดาวอังคาร และสิ่งที่ดูเหมือนสิ่งก่อสร้าง เชื่อกันว่าอาจเป็นฐานทัพของเอเลี่ยน แต่เรื่องราวนี้ก็ไม่ได้รับการสานต่อแต่อย่างใด ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างจริงๆ หรือว่าเป็นเพียงการก่อตัวของชั้นหินบนพื้นผิวดวงดาว ทางองค์การ NASA เองก็ไม่มีท่าทีจะสนใจเรื่องดังกล่าว ล่าสุดในวันที่ 27 สิงหาคม 2018 กลับมีเหตุให้ต้องหันมาสนใจเรื่องของเอเลี่ยนบนดาวอังคารอีกครั้งหลังมีคนพบว่าภาพถ่ายดาวอังคารจาก NASA นั้นเผยให้เห็นร่องรอยของสิ่งมีชีวิต เริ่มต้นจากนาย Steve Martin อดีตข้าราชการพลเรือนวัย 56 ปีจากเมืองเคนท์ ที่บังเอิญไปเห็นว่าในภาพถ่ายพื้นผิวดาวอังคารของ NASA นั้น มีภาพคล้ายกับสิ่งมีชีวิตปรากฏอยู่ในภาพ ภาพดังกล่าว Steve เชื่อว่ามองเห็นเหมือนกับ ตา ปาก…
-
สาวโพสต์ ‘ได้ฝึกงานกับ NASA’ ด้วยคำหยาบ มีคนมาเตือนดันไปด่าเขา สุดท้ายโดนไล่ออก!?
บางครั้งคนเราเมื่อดีใจมากๆ ก็อาจจะทำอะไรลงไปโดยที่ไม่คิด และการกระทำนั้นก็อาจจะส่งผลกระทบต่อชีวิตถึงขั้นร้ายแรงได้เลยทีเดียว เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ ที่ ‘หญิงสาว’ คนหนึ่งนามว่า Naomi H. โพสต์ทวิตเตอร์แสดงความดีใจอย่างสุดขีด หลังตัวเองได้รับเลือกให้เป็น ‘เด็กฝึกงาน’ ในองค์กร NASA ด้วยภาษาที่ค่อนข้างหยาบคาย เธอโพสต์ทวิตเตอร์ว่า “เห้ย พวกเอ็งอ่ะหุบปากไปดิ๊ ตอนนี้กรูได้รับเลือกให้เป็นเด็กฝึกงานของ NASA แล้วโว้ยยยย!!” ด้วยเหตุนี้เองก็มีชาวเน็ตท่านหนึ่ง เข้ามาเตือนด้วยความหวังดีถึงการโพสต์ดังกล่าวว่า “ระวังคำพูดหน่อยนะ” แต่แทนที่จะเจียมเนื้อเจียมตัวว่าตัวเองทำสิ่งที่ไม่ดีลงไป แต่กลับไปด่าคนที่มาเตือนกลับไปซะอย่างงั้น “ดูดปู๋และไข่ของกรูซะ กรูทำงานอยู่ NASA นะโว้ย!!” แต่เรื่องมันพีคตรงที่ว่า คนที่มาเตือนนั้นเป็นถึงตำนานวิศกรที่สร้างผลงานต่างๆ ไว้มากมายที่ NASA แถมยังเป็นส่วนหนึ่งของสภาอวกาศแห่งชาติ (National Space Council) ที่คอยควบคุมองค์กร NASA อีกด้วย!? “และผมอยู่ในสภาอวกาศแห่งชาติ ที่ควบคุมและกำกับ NASA อยู่” Homer Hickam ถือเป็นบุคคลผู้เป็นตำนานในด้านงานเกี่ยวกับวิศวกรรมจรวดเลยทีเดียว เขาเริ่มสร้างจรวดขึ้นในสวนหลังบ้านของตัวเอง ก่อนที่จะเข้าร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ…
-
14 ภาพที่แสดงให้เห็นว่า ‘มนุษย์’ ได้เปลี่ยนแปลงโลกนี้ไปมากน้อยขนาดไหน…
มนุษย์ ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้างผลกระทบให้กับโลกมากที่สุด เพราะปัจจุบันนั้นโลกของเราได้เปลี่ยนแปลงไปมากมาย จากนวัตกรรมต่างๆ ที่พัฒนาขึ้น หรือการทำฟาร์ม ทำการเกษตร การขุดหาทรัพยากรจากธรรมชาติเพื่อนำไปใช้งาน แต่บางครั้งเราอาจจะหลงลืมอะไรไปรึเปล่า เพราะทุกวันที่เราก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ กลับกลายเป็นว่าโลกของเราได้ถูกทิ้งเอาไว้อยู่เบื้องหลัง และนี่คือภาพถ่ายจากดาวเทียมของ NASA ที่เผยให้เห็นว่าทุกวันนี้มนุษย์ได้เปลี่ยนโลกไปแล้วมากมายแค่ไหน จะเป็นอย่างไรลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… 1. ป่าฝนที่ถูกกลืนกินโดยการทำเกษตรกรรมในบราซิล 2. การเจริญเติบโตของเมือง Cancún ในประเทศเม็กซิโก 3. การสร้างเกาะเทียมของดูไบ 4. การขุด ‘ทรายน้ำมัน’ ในรัฐอัลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา 5. การฟื้นฟูตัวเองในพื้นที่ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิล 6. ไฟป่าที่เกิดขึ้นโดยมนุษย์ ในประเทศนามิเบีย 7. แม่น้ำโคโลราโด ที่กำลังจะเหือดแห้งไป เพราะการสร้างเขื่อน 8. ทะเลสาบ Aral Sea ที่ในอดีตนั้นอุดมสมบูรณ์ แต่ปัจจุบันใกล้จะสูญสลายหายไป 9. ธารน้ำแข็งโคลัมเบีย…
-
นักวิทยาศาสตร์ วางแผนเปลี่ยนเส้นทางอุกกาบาตที่อาจจะชนโลกในปี 2135 ด้วยนิวเคลียร์
ในวันที่ 21 กันยายน ปี ค.ศ. 2135 นั้น มีโอกาส 1 ใน 2,700 ที่จะมีอุกกาบาต ขนาดราวๆ หมู่บ้านหนึ่งหมู่บ้าน พุ่งชนโลกด้วยความเร็วราวๆ 100,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อุกกาบาตลูกนี้มีชื่อว่า Bennu ซึ่งในปัจจุบันอยู่ห่างจากโลกไปราวๆ 87,000,000 กิโลเมตร แม้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่แลดูห่างใกล้จากชีวิตของเรา แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ได้เตรียมการรับมือกับอุกกาบาตลูกนี้ไว้แล้วเป็นอย่างดี ด้วยการออกแบบยานอวกาศที่จะสามารถขนขีปนาวุธนิวเคลียร์ขึ้นไปโจมตีอุกกาบาตใดๆ ก็ตามที่เข้ามาใกล้โลกของเรา ฝนดาวตกจำนวนมากเคยมองเห็นได้จากภาคกลางของรัสเซียในปี 2013 โปรเจ็กต์นี้มีชื่อว่า The Hypervelocity Asteroid Mitigation Mission for Emergency Response (ภารกิจการลดความรุนแรงของอุกกาบาตสำหรับการตอบสนองในภาวะฉุกเฉิน) หรือ HAMMER ซึ่งเป็นการร่วมมือกันของ NASA และ ห้องทดลองอาวุธแสงแห่งของกรมพลังงาน โดยแนวคิดการส่งยานอวกาศออกไปยังอวกาศในโปรเจ็กต์นี้ แบ่งออกเป็น 2 แบบที่จะนำยานอวกาศที่หนักราวๆ 8.8 ตันเข้าชนอุกกาบาตโดยตรง และแบบที่มีการขนขีปนาวุธนิวเคลียร์ขึ้นไป อย่างไรก็ตาม นักฟิสิกส์ David Dearborn จากห้องปฏิบัติการแห่งชาติ Lawrence Livermore กล่าวว่า “การใช้การพุ่งชนนั้นไม่ยืดหยุ่นเท่านิวเคลียร์เมื่อเราต้องการเปลี่ยนความเร็วและทิศทางของอุกกาบาตในเวลาสั้นๆ” ต้นแบบจรวด HAMMER และจรวดส่งตัว จากการวิจัย การที่จะเปลี่ยนทิศทางของอุกกาบาต Bennu…
-
Lonnie Johnson นักวิทยาศาสตร์จาก NASA ชายผู้อยู่เบื้องหลังปืนฉีดน้ำยี่ห้อดัง
ถ้าหากพูดถึงวันสงกรานต์ สิ่งหนึ่งที่ทุกๆ คนนึกถึงก็คงจะหนีไม่พ้นการได้พบปะสังสรรค์กับเหล่าญาติๆ และกิจกรรมเล่นน้ำนั่นเอง เจ้ากิจกรรมที่ว่านี้สร้างความสนุกสนานให้กับพวกเราได้ไม่น้อยเลยทีเดียวใช่ไหมล่ะ?? และถ้าหากพูดถึงการเล่นสาดน้ำแล้วล่ะก็ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือปืนฉีดน้ำนั่นเอง!! และวันนี้เราจะขอพาทุกคนมารู้จักกับชายผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบปืนฉีดน้ำยี่ห้อดังอย่าง Super Soaker ซึ่งขอบอกไว้ก่อนเลยว่าดีกรีของนักออกแบบผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว พบกับเรื่องราวอันน่าสนใจของคุณ Lonnie Johnson นักวิทยาศาสตร์จาก NASA และกองทัพสหรัฐผู้ให้กำเนิดเจ้าปืนฉีดน้ำยี่ห้อนี้!! ย้อนกลับไปเมื่อปี 1982 คุณ Lonnie Johnson ได้เริ่มต้นการออกแบบปืนฉีดน้ำกระบอกแรกของเขา ซึ่งอันที่จริงแล้วเขาไม่ได้ทำหน้าที่แค่ออกแบบเจ้าปืนฉีดน้ำนี้เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงปืน Nerf Gun ตลอดจนเครื่องแปลงพลังงานความร้อนอีกด้วย นอกจากเป็นนักออกแบบของเล่นแล้ว คุณ Johnson ยังทำงานในโครงการยานสำรวจกาลิเลโอของ NASA และโครงการเครื่องบินทิ้งระเบิด Stealth Bomber ของกองทัพสหรัฐอีกด้วย “ผมเริ่มต้นออกแบบ Super Soaker ครั้งแรกโดยใช้เวลาว่างของผม ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงาน หรือที่บ้าน หรือทุกๆ ที่ ซึ่งในตอนนั้นผมกำลังทำโครงการลับสุดยอดอย่าง Stealth Bomber ของทางกองทัพสหรัฐอยู่ด้วย” คุณ Johnson ให้สัมภาษณ์ นอกจากนี้นักออกแบบมากความสามารถของเรายังได้ให้สัมภาษณ์อีกว่า แต่เดิมนั้นเขาตั้งชื่อให้กับสิ่งประดิษฐ์ของเขาว่า The Drencher ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อมันเนื่องจากปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ ในตอนแรกคุณ Johnson…
-
ชาวโลกแบน เผยผ่านงานประชุมว่า “โลกแบน” ได้ยังไง พิสูจน์ด้วยหลักวิทย์ (แบบพวกเขา)
ใครๆ ก็ทราบดีว่าโลกที่เราอาศัยกันอยู่ทุกวันนี้มีทรงคล้ายผลส้ม ซึ่งสามารถอธิบายออกมาโดยหลักฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์ได้เป็นฉากๆ พร้อมทั้งหลักฐานอื่นๆ มากมาย เช่น ภาพจากอวกาศ ภาพขอบฟ้าบนท้องทะเล หรือกระทั่งลูกโลกจำลองที่สร้างขึ้นให้มันมีทรงกลม ดังนั้นหากมีใครมาบอกคุณว่าโลกไม่กลมล่ะก็ คุณคงเถียงสุดใจเลยใช่ไหมล่ะครับ แต่ก่อนจะเถียงช่วยอ่านบทความนี้ก่อนจะดีกว่า เพราะว่ากลุ่มคนจำนวนไม่น้อยได้ออกมาบอกว่าโลก “แบน” ณ รัฐนอร์ทแคโรไลนาได้มีงานประชุมที่ชื่อว่า Flat Earth International Conference เกิดขึ้น เป็นงานประชุมแถลงการณ์เกี่ยวกับทฤษฎีโลกแบน ที่มีผู้คนเข้าร่วมจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่าโลกที่เราอยู่นั้นแบน และทุกภารกิจท่องอวกาศนั้นเป็น “เรื่องโกหก” องค์การนาซา (NASA) และรัฐบาลโลกกำลังหลอกลวงพวกเราอยู่ หนึ่งในผู้บรรยาย Rob Skiba กล่าวว่า “ความเชื่อที่เชื่อกันมานานว่าโลกกลมนั้นกำลังซ่อนพระเจ้าที่แท้จริงอยู่” Skiba ก็ยังเชื่อว่าโลกมีลักษณะเหมือนกับที่ปรากฏในคำภีร์ไบเบิล และยังเชื่ออีกด้วยว่าองค์การนาซานั้นกำลังปิดบังความจริงที่ว่าโลกแบนอยู่ “ผมมีข้อสงสัยกับทุกสิ่ง และนั่นก็เป็นสิทธิ์ของผมด้วย” เขากล่าว Andrew Flintoff กล่าวว่า “หากคุณกำลังอยู่บนเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์แล้วบินฉวัดเฉวียนทำไมโลกถึงไม่เข้ามาใกล้คุณถ้ามันเป็นทรงกลมจริงๆ? ทำไมเวลาที่เราบินขึ้นไปบนอวกาศน้ำถึงยังนิ่งเฉย ทำไมถึงไม่ไหวเอนไปมา?” “และถ้าหากคุณยิงแสงเลเซอร์ออกไป 25 กิโลเมตร แล้วโลกเป็นทรงกลมจริงๆ คุณต้องมองไม่เห็นแสงเลเซอร์นั้นแต่คุณกลับมองเห็น” เขายังกล่าวถึงเรื่องการปิดบังความจริงอีกด้วยว่า “ตรงกึ่งกลางของโลกคือขั้วโลกเหนือ…
-
องค์กรอวกาศญี่ปุ่น JASA รับสมัครคนอยู่สถานีอวกาศจำลอง 14 วัน มีเงินให้ 100,000 อีก!!
หากใครที่อายุต่ำกว่า 55 ปี สุขภาพดีและกำลังหางานพาร์ตไทม์เงินแจ่มๆ ฟังทางนี้ เพราะล่าสุดบริษัท JAXA จากประเทศญี่ปุ่นกำลังมองหากลุ่มคนที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมงานกับพวกเขา แถมผลตอบแทนยังดีเกินคาด!! JAXA หรือ The Japan Aerospace Exploration Agency ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับการสำรวจอวกาศของญี่ปุ่น (คล้ายกับ NASA นั่นแหละ) ได้ประกาศรับชายหญิงที่มีอายุต่ำกว่า 55 ปี มีร่างกายแข็งแรงและสุขภาพจิตต้องดีเช่นกัน เพื่อที่จะเข้าทดสอบการจำลองใช้ชีวิตอยู่บนอวกาศนาน 14 วัน 13 คืน จุดประสงค์ในการทดสอบครั้งนี้ก็เพื่อจำลองสถานะการกดดันของมนุษย์เมื่อต้องไปอาศัยอยู่บนสถานีอวกาศเพียงคนเดียว ผู้ทดสอบนั้นต้องอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเพียงคนเดียวและห้ามติดต่อกับใคร ส่วนสถานที่ทดสอบนั้นจะจัดขึ้นที่ Tsukuba Space Center หากผ่านการคัดเลือก ผู้เข้าร่วมทดสอบนั้นจะได้รับผลตอบแทนเป็นเงิน 380,000 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยราว 110,000 บาท เอาเป็นว่าถ้าใครที่สนใจอยากจะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบนี้ก็สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ jcvn แต่สำหรับคนที่อยู่นอกประเทศญี่ปุ่นต้องเสียใจด้วยนะ เพราะเขาไม่เปิดรับคนที่ไม่ได้ถือสัญชาติญี่ปุ่นนั่นเอง ถ้าให้#เหมียวมู่ทู่ไปอยู่ล่ะก็คงจะอกแตกตายแน่เลย เพราะแค่ไม่ได้เล่นเน็ตเล่นมือถือแค่แปบเดียวก็จะตายแล้ว ที่มา rocketnews24
-
NASA เผยผลการสำรวจดาวอังคาร ล่าสุดพบ ‘น้ำสะอาด’ อยู่ภายใต้พื้นผิวของดวงดาว!!
ว่ากันว่าดวงดาวที่ใกล้ที่สุดที่มนุษย์จะสามารถย้ายไปอยู้ได้ก็คือดาวอังคารนั่นเอง คำพูดเหล่านั้นทุกวันนี้ก็ใกล้จะเป็นจริงขึ้นไปอีกก้าวแล้วเมื่อ ล่าสุด NASA ได้เปิดเผยผลการสำรวจดาวอังคารว่าพบน้ำสะอาด อยู่ภายใต้พื้นผิวของดวงดาวแล้ว นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าพวกเขาได้พบกับแหล่งน้ำในรูปแบบก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ใกล้กับพื้นผิวของดาวอังคาร ซึ่งอาจเป็นการค้นพบที่เป็นประโยชน์อย่างมหาศาลสำหรับภารกิจการสำรวจดาวอังคารในอนาคต การค้นพบที่ถูกตีพิมพ์ในหนังสือ “Science” นี้ นำโดย Colin Dundas จากการทีมสำรวจทางธรณีวิทยาของรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยการใช้เครื่องมือ HiRISE (High Resolution Imaging Science Experiment หรือ การทดลองทางวิทยาศาสตร์ด้วยภาพความละเอียดสูง) ซึ่งอยู่ภายในดาวเทียมสำรวจ พวกเขาพบแปดตำแหน่งพื้นผิวของที่ลาดชัน หน้าผา และร่องลึก ที่ได้ถูกน้ำกัดเซาะและเผยให้เห็นก้อนน้ำแข็ง ในบางพื้นที่ก้อนน้ำแข็งนั้นหนาถึงราว 100 เมตร โดยฝังอยู่ใต้ดินที่ลึกเพียง 2 ถึง 3 เมตร ยิ่งไปกว่านั้นน้ำแข็งดูเหมือนจะเรียงเป็นชั้นๆ ไม่ต่างกับชั้นตะกอนในโลก หมายความว่าแต่ละชั้นจะแสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยาที่แตกต่างกันของดาวอังคาร “สิ่งเหล่านี้ทำให้เราได้รู้รายละเอียดโครงสร้างแนวตั้งของแผ่นน้ำแข็งดาวอังคารมากขึ้น และแสดงให้เห็นว่ามันมีเพียงชั้นดินบางๆ ปกคลุมไว้เท่านั้น สิ่งที่สำคัญคือมันมีน้ำแข็งบนดาวอังคารที่ถูกฝังเอาไว้ตื้นๆ นี่ล่ะ” Dundas กล่าว แสงสะท้อนสีน้ำเงินคือบริเวณที่มีน้ำแข็งอยู่ แม้พวกเราจะรู้กันอยู่แล้วว่าบนดาวอังคารนั้นมีน้ำแข็งอยู่ใต้พื้นดิน แต่การค้นพบครั้งนี้ก็บอกพวกเราว่ายังมีน้ำแข็งบางส่วนที่อยู่ใกล้กับพื้นผิวของดาวอยู่ด้วย ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าถึงได้โดยภารกิจการสำรวจในอนาคตต่อๆ ไป เช่นรถสำรวจ European ExoMars ในช่วงต้นปี 2021 ซึ่งมีสว่านที่สามารถเจาะใต้พื้นผิวดาวได้ 2 เมตร…
-
17 เรื่องแปลกๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นกับร่างกายของคุณ หากออกไปอยู่ใน ‘อวกาศ’
เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เราเคยถามตัวเองกันไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเราขึ้นไปอยู่ในอวกาศ ก็คงจะมีแต่นักบินอวกาศที่เคยเดินทางไปและกลับมาให้คำตอบเราได้ และนี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายมนุษย์ เมื่อเราขึ้นไปอยู่ในอวกาศ และยังมีทฤษฎีเกี่ยวกับหลุมดำ เมื่อเราโดนดูดเข้าไปอีกด้วย 1. สายตาของคุณจะด้อยลงอย่างมาก อาการบกพร่องทางการมองเห็นจากความดันภายในกระโหลก หรือ VIIP เป็นอาการที่นักบินอวกาศเป็นกันมากที่สุดเมื่ออยู่ในอวกาศเวลานานๆ NASA ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการนี้ แต่ยังไม่พบคำตอบที่แน่ชัด โครงการไปดาวอังคารยังคงอยู่ภายใต้คำถาม ว่าจะช่วยนักบินอวกาศอย่างไรกับอาการนี้ 2. คุณอาจจะสูงขึ้นประมาณ 2-3 นิ้ว ถ้าคุณอยากจะสูงขึ้นอีก 2-3 นิ้ว การบินไปในอวกาศอาจจะช่วยคุณได้ชั่วคราว การที่ไม่มีแรงโน้มถ่วงนั้น จะทำให้กระดูกสันหลังยืดขึ้น จากผลตรวจอัลตราซาวด์ ก็ได้ยืนยันว่านักบินอวกาศนั้นสูงขึ้นจริงๆ 3. การโดนรังสี อาจจะส่งผลต่อสุขภาพของคุณ ในการเตรียมตัวภารกิจไปดาวอังคาร นักวิทยาศาสตร์ NASA ได้ศึกษาเกี่ยวกับรังสีที่มาสัมผัสร่างกายมนุษย์มาเป็นเวลานาน ชั้นบรรยากาศของดาวอังคารนั้น บางกว่าของโลกเรา จึงมีการป้องกันรังสีจากอวกาศต่ำกว่าโลก ดั้งนั้น เมื่อเรารู้เกี่ยวกับการป้องกันรังสีมากเท่าไร การที่มนุษย์จะไปดาวอังคารก็จะง่ายขึ้นมากเท่านั้น 4. เล็บของคุณอาจหลุดออกมา นักบินอวกาศจำนวน…
-
NASA พยายามตามหามนุษย์ต่างดาวด้วย “หุ่นยนต์สำรวจอวกาศ” ภายในปี 2069
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมาเว็บไซต์สื่อต่างประเทศได้รายงานว่าทาง NASA ได้ออกมาประกาศภารกิจสำรวจอวกาศแผนล่าสุดว่า พวกเขาเตรียมที่จะสำรวจหาสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในระบบสุริยะอื่น!! องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติมีแผนที่เตรียมจะส่งหุ่นยนต์สำรวจอวกาศขึ้นไปสำรวจระบบสุริยะจักรใกล้เคียงอย่าง Alpha Centauri ในปี 2069 เพื่อเป็นการฉลองการเหยียบดวงจันทร์ครบรอบ 100 ปี ระบบสุริยะจักร Alpha Centauri นั้นอยู่ห่างจากโลกของเราประมาณ 24.9 ล้านล้านไมล์ และประกอบไปด้วยดาวเคราะห์ 3 ดวงคือ Centauri A, Centauri B, และดาวที่ค้นพบล่าสุดเมื่อปี 2016 อย่างดาว Proxima Centauri นักวิทยาศาสตร์ของ NASA พบว่าดาว Proxima b ดาวเคราะห์ดวงเล็กๆ ที่โคจรรอบดาว Proxima Centauri นั้นมี habitable zone หรือเขตอาศัยอยู่ได้ ซึ่งมีอุณหภูมิพอเหมาะที่จะสามารถพบน้ำบนพื้นผิวได้ จากรายงานระบุว่าดวงดาวดังกล่าวนั้นมีปริมาณการปล่อยรังสีอัลตราไวโอเลตและรังสีเอกซ์ออกมาอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ที่นั่นจะต้องมีความสามารถในการทนต่อรังสีดังกล่าวนอกจากนี้นักดาราศาสตร์ยังเชื่อว่ามีดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ในระบบสุริยะแห่งนี้ที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เหมือนกับโลกของเราอีกด้วย การที่จะเดินทางไปถึงระบบสุริยะ Alpha Centauri ได้นั้นจะต้องมียายที่สามารถเดินทางได้อย่างน้อย 30 ล้านกิโลเมตรต่อชั่วโมง และถ้าหากว่าแผนการสำรวจนี้เกิดขึ้นจริงๆ จะต้องใช้เวลาในการเดินทางนานถึง 44 ปี เรียกได้ว่ากว่าจะถึงปลายทางก็ปี 2113…
-
Nasa ค้นพบดวงดาวใหม่กว่า 10 ดวง ที่มีคุณสมบัติมากพอจะเป็น “โลกใหม่” ให้เราอยู่ได้
หากว่าวันหนึ่งโลกของเราถึงกาลอวสานขึ้นมา คงไม่มีทางรอดอื่นนอกจากการย้ายไปอาศัยอยู่ที่ดาวดวงอื่น แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีการค้นพบดวงดาวที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ หรือดวงดาวที่มีลักษณะคล้ายเคียงโลกทุกประการเลย ทางด้าน NASA เองก็ไม่ได้นิ่งเฉย พวกเขายังคงคอยสอดส่องดูดวงดาวที่อยู่ห่างไกลออกไปจากโลกของเรา ด้วยความหวังว่าจะได้รู้ความลับของจักรวาลให้มากยิ่งขึ้น และค้นหาดวงที่อาจเป็นบ้านหลังที่สองสำหรับมนุษย์ได้ บริษัท Kepler ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ NASA นั้นมีหน้าที่สำรวจดวงดาวใหม่ๆ ที่ยังไม่ถูกค้นพบ จากข้อมูลของทาง Kepler ในปี 2009 ถึง 2013 บริษัทได้ทำการสังเกตดวงดาวที่คล้ายกับพระอาทิตย์เป็นจำนวนกว่า 145,000 ดวง ใกล้กับกลุ่มดาว Cygnus แม้ว่าดวงดาวเหล่านี้จะอยู่ไกลจากโลกมากกว่าหนึ่งร้อยปีแสง และดูจากเทคโนโลยีในปัจจุบันแล้ว มีโอกาสเพียงน้อยนิดที่มนุษย์จะได้เดินทางไปเยือนดวงดาวเหล่านั้น แต่การส่องมองก็ทำให้เรารู้ว่าดาวเหล่านั้นมีลักษณะคล้ายคลึงโลกแค่ไหน หรือมีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่หรือเปล่า ล่าสุดพวกเขาได้ออกมาประกาศว่า พวกเขาพบดวงดาวที่มีลักษณะคล้ายโลกกว่าหนึ่งร้อยดวง และ 10 ดวงจากจำนวนนั้น อาจกลายเป็น “บ้าน” ของมนุษย์ในอนาคตอันไม่ใกล้ไม่ไกล Susan Thompson นักวิทยาศาสตร์หญิงจาก Kepler บอกว่า “ถ้าอยากรู้จำนวนดวงดาวที่มีความคล้ายคลึงกับโลกของเราละก็ จากข้อมูลที่มีตอนนี้ ฉันสามารถบอกจำนวนชัดเจนได้แล้ว และเราจะค้นหาต่อไปว่ามีดาวดวงไหนบ้างไหม ที่เราอาจจะย้ายไปอยู่ได้” ในตอนนี้ หากนับรวมดวงดาวที่เพิ่งมีการค้นพบใหม่อีก 10 ดวง เราจะมีดวงดาวที่คล้ายๆ…
-
นวัตกรรมยางจาก NASA ผลิต ‘ยางไทเทเนียม’ ไม่ต้องแวะเติมลมบ่อยๆ บดลุยได้ทุกพื้นผิว!!
แม้มนุษย์เราจะสามารถเดินทางไปเหยียบดวงจันทร์ได้มาตั้งนานแล้ว แต่ทางองค์การ NASA ก็ยังคงไม่หยุดที่จะพัฒนาการสำรวจพื้นผิวบนนั้นกันต่อไป ซึ่งทำให้รถยนต์ที่ใช้ขับเคลื่อนบนนั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับภารกิจนี้ Lunar Rover คือรถคันแรกที่ใช้วิ่งบนดวงจันทร์และด้วยพื้นผิวที่ไม่เรียบเนียนทำให้ติดปัญหาในเรื่องของยางรถที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการพามันขับไปไกลๆ ได้ แต่ปัญหานี้กำลังจะหมดไปเมื่อพวกเขาได้คิดค้นยางรถแบบใหม่ที่ทำมาจากไทเทเนียม ยางชนิดใหม่สำหรับการสำรวจดวงจันทร์ ยางรถที่ใช้ในตอนแรกทำมาจากสปริงโลหะสามารถขับไปบนทางขรุขระได้ดีและซึมซับแรงกระแทกได้เหมือนกับยางแบบเติมลมทั่วไป แต่ว่าเมื่อใช้ไปซักพักยางประเภทนี้ก็จะมีการบิดเบี้ยวและไม่อาจกลับคืนทรงเดิมได้ NASA จึงได้คิดค้นยางชนิดใหม่นี้ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องนี้ ซึ่งวัสดุที่ใช้ในครั้งนี้ก็คือโลหะผสมนิกเกิลไทเทเนียม ทำให้ยางตัวใหม่มีความสามารถในการจดจำรูปร่างของตัวเองได้ คลิปสาธิตการทำงานของยางที่สามารถกลับคืนสภาพเดิมได้เสมอ ไม่ว่ามันต้องเจอกับพื้นผิวแบบไหน เมื่อมันเปลี่ยนรูปร่างไปก็จะกลับมากลมเหมือนเดิมอยู่ดี และที่พิเศษกว่านั้นก็คือมันไม่จำเป็นต้องเติมลมเหมือนยางที่เราใช้กันทั่วๆ ไปหรอกนะ และถ้านำยางชนิดใหม่นี้มาใช้ขับบนโลก พวกเขาก็บอกเลยว่ามันสามารถใช้ได้นานเป็นปีๆ และสามารถพารถคุณได้ไปในทุกที่แบบสบายๆ อีกด้วย ไม่หวั่นในทุกเส้นทางของการเดินทาง ไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจมีโอกาสได้ใช้ยางแบบนี้กับรถของเราด้วยก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็ไม่ต้องกลัวปัญหายางแตก ยางรั่วกันอีกแล้วล่ะนะ ที่มา: gizmodo , designboom
-
นักวิทย์ NASA แนะนำปลูกสับปะรดไว้ในห้องนอน ช่วยลดอาการ ‘กรน’ และช่วยให้หลับสบายขึ้น!!
ปัญหาการนอนกรนอาจจะเป็นหนึ่งในปัญหาสำหรับใครหลายๆ คน และแน่นอนว่าคนที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นคู่นอนของคุณนั่นเอง!! บางคนอาจจะพยายามหาหนทางในการแก้ปัญหาการนอนกรนนี้ไม่ว่าจะเป็นการไปพบแพทย์ หรือการใช้ยาแผนโบราณ แต่สำหรับใครที่ไม่มีเวลาไปพบแพทย์หรือมีเงินไม่พอที่จะหาน้ำมันสกัดจากเขากวางแม่ลูกอ่อนที่เป็นโรคเก๊ามาทานล่ะก็ วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยลดอาการกรนและช่วยเรื่องการหายใจระหว่างนอนหลับจากนักวิทยาศาสตร์ขององค์การ NASA มาฝากกัน!! วิธีการแก้ปัญหาการนอนกรนนี้คุณสามารถทำเองที่บ้านได้ง่ายๆ และที่สำคัญยังมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมากอีกด้วย โดยจากงานวิจัยพบว่าการปลูกต้นสับปะรดไว้ในห้องนอนนั้นจะช่วยลดเสียงกรนและทำให้การนอนหลับของคุณนั้นดีขึ้นอีกด้วย!! องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ NASA เจ้าของงานวิจัยชิ้นดังกล่าวเผยว่าต้นสับปะรดนั้นจะผลิตออกซิเจนออกมามากว่าพืชชนิดอื่นๆ ดังนั้นมันจึงมีส่วนช่วยในการนอนหลับและทำให้การนอนของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย โดยปรกติแล้วสับปะรดนั้นเป็นพืชที่เจริญเติบโตค่อนข้างช้า และมันจะใช้เวลามากถึง 21 ถึง 24 เดือนในการออกผลเล็กๆ บนส่วนยอด วิธีการปลูกสับปะรดในกระถางนั้นเราสามารถทำได้โดยการดึงจุกสับปะรดออก และนำใบตรงโคนจุกออกประมาณ 1-2 ใบ จากนั้นจึงนำไปแช่น้ำเพื่อให้รากออก โดยทิ้งไว้ประมาณ 2-3 วัน ก่อนที่จะนำไปปลูกลงในกระถาง นอกจากนี้ยังมีพืชอื่นๆ อีกเช่นกันที่ทาง NASA ได้แนะนำให้ปลูกไว้ในห้องนอนเพื่อช่วยทำให้สุขภาพของคุณดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นหมากเหลือง (Areca Palm) ที่มีส่วนช่วยในการลดพิษ หรือ ปาล์มสิบสองปันนา (Dwarf Date Palm) ที่ช่วยกำจัดสารไซลีนที่ปะปนมากับอากาศได้อย่างดีอีกด้วย (อ่านข่าวเก่า NASA เผย 10 ต้นไม้ที่ควรปลูกไว้ในห้องนอน…
-
นักดาราศาสตร์พบ ‘วัตถุรูปร่างยาว’ เดินทางผ่านช่องว่างระหว่างดาว เข้าสู่ระบบสุริยะของเรา
กลายเป็นข่าวที่ช็อกวงการดาราศาสตร์กันไปทั่ว เมื่อมีการค้นพบวัตถุประหลาดที่ไม่เคยพบเจอในระบบสุริยะของเรามาก่อน แถมยังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่สูงถึง 157,715 กิโลเมตรต่อชั่วโมง!? เจ้าวัตถุแปลกประหลาดนี้ถูกค้นพบเมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ระหว่างที่มันกำลังเคลื่อนที่ผ่านดวงอาทิตย์ ซึ่งต่อมาในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2017 ก็ได้มีการยืนยันว่าวัตถุดังกล่าวนั้น ไม่ใช่วัตถุที่อยู่ในระบบสุริยะของเราแต่ว่ามาจากระบบอื่น เนื่องจากวงโคจรที่ไม่เหมือนกับวัตถุในระบบสุริยะนั่นเอง ภาพจำลองการเดินทางของวัตถุลึกลับดังกล่าว ซึ่งเราจะเห็นว่าความเร็วของมันไม่ใช่เล่นๆ เลยล่ะ โดยการอัพเดตล่าสุดได้ฟันธงถึงลักษณะของมันว่า มันเป็นวัตถุทรงยาวที่ไม่เหมือนกับยานยูเอฟโอหรือวัตถุอื่นๆ ที่เราพบในอวกาศ ซึ่งวัตถุชนิดนี้นั้นมีความยาวอยู่ที่ 200 เมตร และมีความกว้าง 30 เมตร ภาพจำลองของวัตถุดังกล่าวโดย NASA ในส่วนของชื่อเรียกนั้นตอนแรกนักดาราศาสตร์เรียกมันว่า A/2017 U1 แต่หลังจากการยืนยันก็ได้มีการตั้งชื่อให้มันใหม่อย่างเป็นทางการว่า 1I Oumuamua 1I มาจากคำว่า 1st Interstellar Object หรือวัตถุจากช่องว่างระหว่างดวงดาวลำดับที่ 1 เพราะนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า วัตถุชิ้นนี้เป็นวัตถุจากช่องว่างระหว่างดวงดาว (Interstellar space) ชิ้นแรกที่มีการค้นพบ ส่วน Oumuamua เป็นภาษาฮาวายซึ่งแปลได้ว่า “ปฐมบทแห่งผู้ส่งสารจากแดนไกล” และสาเหตุที่ต้องใช้เป็นภาษาฮาวายนั่นก็เพราะมันถูกค้นพบโดยกล้องดูดาว Pan-STARRS ที่ตั้งอยู่บนหมู่เกาะฮาวายนั่นเอง ส่วนหลังจากนี้ ทางนักวิทยาศาสตร์คาดว่าหลังจากที่วัตถุดังกล่าวถูกแรงดึงดูดของดวงอาทิตย์ปรับวงโคจรแล้ว มันก็จะออกเดินทางไปยังกลุ่มดาว Pegasus…
-
NASA เผย 10 ต้นไม้ที่ควรปลูกไว้ในห้องนอน เพื่อช่วยให้สุขภาพชีวิตของคุณดีขึ้น
หลายคนอาจมีความเชื่อว่าการปลูกต้นไม้ไว้ในบ้านเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม แต่นั่นก็ไม่ใช่สำหรับทุกสายพันธุ์เพราะพืชบางขนิดหากปลูกเอาไว้ในห้องนอนก็จะสามารถช่วยให้สุขภาพชีวิตของเราดีขึ้นได้ เมื่อนักวิจัย Elle Decor และกลุ่ม The Joy of Plants จาก องค์กรนาซ่า และสถาบันต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องพืชและได้ออกมาบอกว่า มีต้นไม้อยู่ 10 สายพันธุ์ที่หากปลูกเอาไว้ในห้องนอนแล้วพวกมันจะช่วยให้สุขภาพของคุณดีขึ้น มีต้นอะไรกันบ้างเราไปดูกันเลย หมากเหลือง (Areca Palm) เป็นหนึ่งในตระกูลปาล์มที่มีต้นกำเนิดมาจากมาดากัสการ์ ช่วยลดมลพิษภายในห้องนอนของเราได้เป็นอย่างดี อีกทั้งมันยังปล่อยความชื้นไปในอากาศทำให้สามารถหายใจได้ง่ายยิ่งขึ้น เหมาะกับคนที่ป่วยเป็นไข้หวัดหรือไซนัสอย่างมาก ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera) องค์กรนาซ่าได้จัดให้ว่านหางจระเข้เป็นหนึ่งในต้นไม้ที่ช่วยฟอกอากาศได้ดีที่สุด ปล่อยออกซิเจนออกมาอยู่ตลอดแม้ในตอนกลางคืน ช่วยกำจัดสารเบนซีนและฟอร์มาลดีไฮด์ที่เป็นพิษต่อร่างกาย อากาศที่เราได้รับจึงมีความบริสุทธิ์มากอย่างแน่นอน อีกทั้งมันยังดูแลเก็บรักษาง่ายและมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย ตีนตุ๊กแกฝรั่ง (English Ivy) ต้นไม้ชนิดนี้สามารถพบเห็นได้ง่ายในช่วงวันคริสต์มาส ผู้วิจัยจากสถาบันโรคภูมิแพ้ หอบหืด และภูมิคุ้มกันในอเมริกาบอกว่ามันสามารถช่วยกำจัดฝุ่นราที่ลอยอยู่ในอากาศได้มากถึง 78 เปอร์เซนต์ในระยะเวลาเพียง 12 ชั่วโมง ปาล์มสิบสองปันนา (Dwarf Date…
-
เด็กน้อยวัย 9 ขวบ ขอสมัครตำแหน่ง ‘ผู้พิทักษ์จักรวาล’ องค์การนาซ่า ก็ยินดีตอบกลับให้!!
เรื่องราวน่ารักๆ ของหนุ่มน้อยผู้หนึ่งที่เขียนจดหมายถึงองค์การนาซ่า ว่าตัวเขาเองอยากเป็นผู้พิทักษ์จักรวาล ทำนองคล้าย Guardian of The Galaxy และที่สำคัญคือตัวเขาเองก็ได้รับจดหมายตอบกลับมาด้วย!! ชื่อของ Jack Davis หนุ่มน้อยวัย 9 ขวบกลายเป็ที่โด่งดัง หลังจากที่เขาเล่าถึงความต้องการของตัวเองให้องค์การอวกาศระดับโลกได้รับรู้ ซึ่งอันที่จริงแล้วตำแหน่งงานที่เจ้าหนูอยากทำนั่นก็คือ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่คุ้มครองดาวเคราะห์ ที่มีหน้าที่ในการช่วยตรวจสอบสารปนเปื้อนและสิ่งแปลกปลอมทางชีววิทยาต่างๆ ในการสำรวจอวกาศต่างหาก หนูน้อย Jack เล่าว่าตัวเขาเองนั้นมีคุณสมบัติที่พร้อมสำหรับตำแหน่งนี้ เพราะพี่สาวบอกว่าเขาเป็นมนุษย์ต่างดาว และตัวเขาเองก็เคยดูหนังเรื่อง Men in Black มาแล้ว นอกจากนี้เขายังบอกว่าการที่เขาเป็นเด็กนั้นจะทำให้เขาเข้าใจภาษาของพวกเอเลี่ยนได้ง่ายขึ้นอีกด้วย!! แต่ดูเหมือนว่าความฝันของเด็กน้อยคงต้องรอคอยอีกซักหน่อย เมื่อ Dr. James L. Green ผู้อำนวยการจากกองวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์ได้เขียนจดหมายอธิบายถึงลักษณะงาน และหวังว่าในอนาคตคงจะได้ร่วมงานกับเจ้าหนู “เรามักจะมองหานักวิทยาศาสตร์และวิศวะกรที่มีความสามารถมาร่วมงานกับเรา ฉันหวังว่าเธอจะตั้งใจเรียนและเราคงจะได้พบกันที่นาซ่าเร็วๆ นี้นะ” Dr. James เขียนไว้ในจดหมาย นอกจากนี้เด็กน้อยยังได้รับโทรศัพท์จากคุณ Jonathan Rall ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยดาวเคราะห์ ที่โทรมาร่วมแสดงความยินดีกับการสมัครงานของเจ้าหนู Jack อีกด้วย ทางด้านเพจเฟซบุ๊คอย่างเป็นทางการขององค์กร NASA ก็ได้โพสต์เล่าเรื่องราวสุดน่ารักนี้ด้วยเช่นกัน… …
-
NASA เปิดรับตำแหน่ง “ผู้พิทักษ์ดวงดาว” พร้อมค่าจ้างสูงลิ่ว เหล่ากาเดี้ยนพร้อมหรือยัง!!
การสำรวจอวกาศในปัจจุบันนั้นยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ โดยองค์กรชั้นนำอย่าง NASA ซึ่งเราก็รู้ดีว่าพวกเขาจะมุ่งเน้นไปที่การใช้หุ่นยนต์ลงไปสำรวจพื้นที่ต่างๆ ของดวงดาว แต่แล้วตอนนี้องค์กรดังกล่าวได้ขยับขยายหน้าที่ใหม่เพิ่มขึ้นมานอกจากการสำรวจ ทว่าเป็นการปกป้องดวงดาวแทน… งานดังกล่าวนี้เป็นการร่วมมือกันของ NASA และ ESA ซึ่งเป็นการเปิดรับงานแบบเต็มเวลาเป็นเงินมากกว่า 6 ล้าน 2 แสนบาทต่อปี ซึ่งสัญญาจ้างจะมีระยะเวลานานถึง 3-5 ปี แล้วแต่ผลงานในการทำงาน แม้ว่างานดังกล่าวจะเรียกว่าผู้พิทักษ์ดวงดาวก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้ความว่าเราจะต้องออกไปสู้รบกับเอเลี่ยนแต่อย่างใด ตำแหน่งดังกล่าวนั้นก็แค่ทำหน้าที่ปกป้องเพื่อให้มีสิ่งปนเปื้อนติดมากับหุ่นยนต์สำรวจหรือยานเท่านั้น… แต่ถึงจะบอกว่างานมีแค่นั้น มันก็ไม่ได้ง่ายหรอกนะ เพราะว่าความสามารถที่ทาง NASA ต้องการก็สูงพอสมควรเลยล่ะ เพราะอย่างน้อยคนที่มาสมัครต้องมีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมแบบกว้าง อย่างน้อย 1 ปีในตำแหน่งรัฐบาลพลเรือนระดับสูง… ไม่หมดเท่านั้นยังต้องมีใบปริญญาในสาขาวิทยาศาสตร์ ,วิศวกร หรือคณิตศาสตร์ ไม่ก็ต้องมีปริญญาที่สามารถเทียบเท่าที่กล่าวมาข้างต้นได้ ส่วนระยะเวลาการสมัครจะเปิดถึงแค่ 14 สิงหาคมนี้เท่านั้น และเมื่อผู้สมัครได้รับการรับเลือกจากองค์กรแล้ว พวกเขาจะให้บริษัทที่ชื่อว่า All Moonkind มาเป็นคนอธิบายถึงแผนงานรวมถึงขั้นตอนต่างๆ ในการทำงานนั่นเอง ใครสนใจก็สามารถลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมกันได้ที่ usajobs ที่มา dailymail
-
ปรากฎการณ์ Kessler Syndrome ภาวะเศษขยะนอกโลกมากขึ้น จนอาจอันตรายต่อโลกเรา…
เราคงเคยได้ยินการปล่อยจรวดหรือดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศมาบ่อยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เดี่ยวนี้ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้การนำสิ่งต่างๆ ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศและอวกาศได้ง่ายขึ้น แต่เราเคยคิดไหมว่าการที่เราได้ปล่อยจรวดและดาวเทียมขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศมากๆ เข้าจะเกิดการสะสมของ “ขยะอวกาศ” โดยปรากฎการณ์นี้นั้นเรียกว่า Kessler Syndrome ภาพจากคอมพิวเตอร์ที่วิเคราะห์ปริมาณขยะอวกาศที่มนุษย์สร้างขึ้น… ย้อนกลับไปในปี 1979 ภาวะ Kessler syndrome ถูกพูดถึงโดยนักวิทยาศาสตร์ Donald J. Kessler และเขายื่นข้อมูลดังกล่าวให้ NASA เพื่อพิจารณาถึงความสำคัญของเรื่องนี้ โดยภาวะ Kessler synrome นั้นกล่าวถึงสถานการณ์ความหนาแน่นของวัตถุในวงโคจรต่ำ ที่นานวันเข้าการสะสมของขยะอวกาศนั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อให้เกิดโอกาสการชนกันที่มากขึ้น ซึ่งนี้อาจจะทำให้การปล่อยยานอวกาศในรุ่นต่อๆ นั้นยากมากขึ้นเนื่องมาจากยานไม่สามารถฝ่าขยะอวกาศออกไปได้ หากเราปล่อยไว้ การสำรวจอวกาศในยุคถัดไปอาจจะทำได้ยากขึ้น นอกจากความหนาแน่นของขยะอวกาศแล้วยังเป็นเรื่องของ “ความเร็ว” ที่ขยะพวกนี้โคจรรอบโลกด้วยความเร็วมากกว่า 1,600 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอีกด้วย หนังเรื่อง Gravity แสดงให้เห็นถึงอันตรายของขยะอวกาศได้เป็นอย่างดี หลังจากที่ขยะอวกาศชนกันก็จะก่อให้เกิด “กลุ่มเมฆของเศษขยะขนาดเล็ก” แตกกระจายกันไปทั่วทุกทิศทางโดยมีความเร็วกว่า 32,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลองนึกสภาพว่าเจ้าเศษเล็กๆ เหล่านี้พุ่งชนเข้ากับยานอวกาศอยู่จะเกิดอะไรขึ้น แม้จะดูเล็กน้อยแต่ลองนึกสภาพว่าเศษซากกว่า 100 ชิ้นพุ่งตรงมาทิศเดียวกัน ด้วยความเร็วของเศษขยะอวกาศ มันสามารถที่จะเจาะทะลุเหล็กหนาได้ …
-
ชวนฟัง 5 เสียงประหลาดสุดลึกลับ ที่มนุษย์บันทึกมาได้จากห้วงอวกาศอันไกลโพ้น…
นอกจากโลกเราแล้ว ในอวกาศอันไกลโพ้นยังคงเต็มไปด้วยสิ่งลี้ลับและปริศนารอให้มนุษยชาติอย่างเราเข้าไปค้นหาคำตอบ ไม่ว่าจะเป็นดาวเคราะห์ อุกกาบาต หรือแม้กระทั่ง “เสียง” ในอวกาศที่ส่งผ่านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ถึงแม้จะเป็นเสียงในอวกาศ แต่ก็ถือเป็นข้อมูลล้ำค่าที่สามารถจะนำมาเป็นแหล่งอ้างอิงเพื่อใช้ในการศึกษาสิ่งต่างๆ ต่อไป #เหมียวปั๊ก เลยอยากมาแบ่งปัน 5 เสียงสุดแปลกประหลาดและน่ากลัว ที่บันทึกได้จากอวกาศอันไกลโพ้นที่บันทึกโดยเครื่องบันทึกเสียงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าให้ทุกคนลองฟังกัน เสียงคลื่นความถี่บนดาวเสาร์ เมื่อยานอวกาศ Cassini เข้าสู่วงโคจรดาวเสาร์เมื่อเดือนเมษายนปี ค.ศ.2002 ยานอวกาศเริ่มบันทึกสัณญาณเสียงแปลกๆ จากขั้วของดาวเสาร์ โดยคลื่นความถี่มีความสัมพันธ์กับลักษณะการปรากฏตัวของออโรร่าบนดาวเสาร์ โดยปกติแล้วมนุษย์นั้นไม่สามารถได้ยินคลื่นความถี่นี้ แต่ทาง NASA ได้ทำการแปลงคลื่นเสียง เพื่อให้มนุษย์สามารถได้ยิน บางทฤษฎีก็ได้สันนิษฐานว่า เสียงที่ได้จากการบันทึกนั้นดูมีความซับซ้อนและโทนเสียงเหมือนภาษาที่สิ่งมีชีวิตชั้นสูงไว้ใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน เสียงของอวกาศ ในปี(วรรค)ค.ศ.2012 หลังจากการเดินทางกว่า 35 ปี ยาน Voyeger 1 ได้กลายมาเป็นยานอวกาศลำแรกของมนุษย์ที่เดินทางข้ามไปมาระหว่างดวงดาว ในการเดินทางของ Voyeger 1 มันได้บันทึกเสียงของคลื่นแรงกระแทกจากพลังงานแสงอาทิตย์กับพลาสม่าในอวกาศ โดยปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อก๊าซที่ถูกไอออไนซ์เซชั่นรวมตัวกันและกระทบกับบรรยากาศชั้นนอกของดวงอาทิตย์ส่งเสียงออกไปกว่า 19.2 ล้านกิโลเมตร เสียงสัตว์ประหลาดจากอุกกาบาต เมื่อยานอวกาศ Rosetta ได้เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้กับอุกกาบาต 67/P Churyumov-Gerasimenko ในเดือนสิงหาคมปี ค.ศ.2014 มันได้บันทึกเสียงที่แปลกประหลาดและน่ากลัวไว้ได้…
-
นักออกแบบทำเค้ก “กาแล็กซี่” กับลวดลายสวยเพลินตา ต้อนรับกระแสค้นพบ “ระบบสุริยะใหม่”
จากกระแสข่าวล่าสุดที่ NASA เปิดเผยถึงการค้นพบระบบดาวเคราะห์ใหม่ที่มีความคล้ายคลึงกับโลกมากๆ ออกมา เรื่องนี้ก็เป็นที่พูดถึงกันพอสมควร แน่นอนว่าบางคนก็คงจะอินไม่น้อยกับกระแสข่าวนี้ ชาวเน็ตคนหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Pedagiggle ได้ออกมาโชว์เค้กกาแล็กซี่ที่ว่านี้ รวมถึงวิธีการทำคร่าวๆ ซึ่งน่าจะช่วยให้เข้ากับกระแสช่วงนี้ได้ดีเลยล่ะ ปกติแล้วเค้กทั่วไปจะทำแป้งเค้ก แล้วนำมาแต่งหน้าจากภายนอก แต่เขาสร้างความแตกต่างด้วยการทำให้แป้งเค้กนั้นมีลวดลายเฉพาะของตัวมันเอง ตั้งแต่ภายในตัวเค้กกันเลย เธอเล่าถึงวิธีการทำว่า เริ่มแรกเธอต้องทำแป้งแยกออกมาเพื่อเป็นส่วนดวงดาวต่างๆ จากนั้นก็ทำส่วนผสมของตัวเค้กแล้วนำไปอบก่อนราวๆ 10 นาที จากนั้นจึงค่อยเพิ่มดวงดาวต่างๆ ที่ทำแยกไว้เข้าไปข้างในตัวแป้งหลัก แล้วอบต่ออีกราวๆ 20 นาที สุดท้ายเธอตกแต่งเค้กด้วยน้ำตาลไอซิ่ง และน้ำตาลก้อนรูปต่างๆ และนี้ก็คือผลลัพธ์ที่ได้ ภาพนี้ก็เป็นส่วนนอกที่ตกแต่งเรียบร้อย นอกจากเค้กแล้วก็ยังมีคุกกี้ด้วยน่ะ แน่นอนว่ามาในธีมอวกาศเช่นกัน เรียกได้ว่าเข้ากับกระแสช่วงนี้เลยทีเดียว แถมยังน่ากินอีกตะหาก ที่มา boredpanda, Imgur
-
ฮือฮากันใหญ่ Nasa เผยภาพคล้าย “ช้อน” ถูกพบบนผิวดาวอังคาร คาดอาจมีสิ่งมีชีวิตอยู่จริงๆ
การค้นหาสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกยังคงเป็นภารกิจที่หน่วยงานหลายๆ แห่งให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก ซึ่งพวกเราเองก็ตั้งตารอและรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่มีการค้นพบบสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่ามีผู้ที่คลั่งไคล้เรื่องราวของมนุษย์ต่างดาว ค้นพบวัตถุหน้าตาคล้ายช้อนบนพื้นผิวดาวอังคารจากคลิปของยานสำรวจที่ Nasa ส่งขึ้นไปบนดาวอังคาร จนสร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก ตามรายงานบอกว่าการค้นพบวัตถุคล้ายช้อนครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่เป็นครั้งที่สองแล้วในรอบปีนี้ และนอกจากช้อนแล้ว ก่อนหน้านี้ทาง Nasa เองยังเคยค้นพบวัตถุหน้าตาคล้ายกับแหวนและถุงมือด้วย ซึ่งการค้นพบเหล่านั้นทำให้เกิดการคาดการณ์ไปต่างๆ นานาว่านี่อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกเราว่าเคยมีสิ่งมีชีวิตภูมิปัญญาอาศัยอยู่ที่นั่นจริงๆ หลังจากที่คลิปการค้นพบช้อนนี้ถูกเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ยูทูบ ก็สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ชาวเน็ตมากมาย เช่น M7CVZ “ว๊าว มันไม่น่าจะเป็นเรื่องธรรมชาติเลย” Haschel “Matt Damon เอาไปทิ้งไว้แน่ๆ” phillip Scarlett “Nasa รู้มาเป็นปีๆ แล้วว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่นอกโลก” แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีคนเชื่อว่ามันคือช้อนทั้งหมด และบางคนมองว่ามันอาจจะเป็นเพียงภาพลวงตาก็เป็นได้ “เรามองเห็นในสิ่งที่เราอยากเห็น บางคนยังเห็นหน้าของพระเจ้าในใบไม้ได้เลย บางคนก็มองเห็นเป็นมนุษย์ยืนอยู่บนดวงจันทร์ก็มี” หนึ่งในคอมเม้นจากยูทูบกล่าว ที่มา dailymail
-
NASA เผย 16 ภาพเทียบอดีต-ปัจจุบัน ของสถานที่บนโลก สะท้อนปัญหาภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป…
จากอดีตถึงปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่าสิ่งต่างๆ รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านช่อง สิ่งก่อสร้าง รวมไปถึง “ธรรมชาติ” ได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก นั่นอาจมีสาเหตุมาจากมันเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา และส่วนหนึ่งอาจมาจากการกระทำของมนุษย์ และเพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ธรรมชาติ รวมถึงสถานที่สำคัญหลายแห่งบนโลกใบนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน วันนี้เราจึงได้นำ 16 ภาพถ่ายเทียบความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ บนโลกจาก NASA ในช่วงไม่กี่ปีหลังมาให้ได้ชมกัน 1.ธารน้ำแข็ง Pedersen ในอลาสกา ในช่วงฤดูร้อนปี 1917 และฤดูร้อนปี 2005 2.ทะเลอารัล ในเอเชียกลาง ระหว่างเดือนสิงหาคม ปี 2000 และเดือนสิงหาคม ปี 2014 3.ธารน้ำแข็ง Carroll ในอลาสก้า ช่วงเดือนสิงหาคม ปี 1906 และเดือนกันยายน ปี 2003 4.สภาพของทะเลสาบ Powell ในอาริโซน่า และยูทาห์ ช่วงเดือนมีนาคม ปี 1999 และเดือนพฤษภาคม…
-
NASA ปล่อยภาพโปสเตอร์ใหม่ ‘เราต้องการคุณบนดาวอังคาร’ รองรับการขยายอาณานิคมของมนุษย์
ความฝันของมนุษย์ในการไปใช้ชีวิตอยู่ในอวกาศนั้นอาจไม่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไปแล้ว ซึ่งเราก็พอจะทราบกันอยู่ว่ามีการพยายามที่จะทำให้ดาวอังคารกลายเป็นที่อยู่อีกแห่งหนึ่งของมนุษยชาติ เพราะนักวิทยาศาสตร์หลายๆ ท่านเชื่อเลยล่ะว่า ในอดีตนั้นดวงดาวนี้เคยมีสภาพอากาศเหมือนโลกของเรามาก่อน เพื่อทำให้เรื่องนี้เป็นจริงมากยิ่งขึ้น ล่าสุดทาง NASA ก็ได้ปล่อยโปสเตอร์ตัวใหม่ออกมา เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนที่สนใจในอวกาศ จนกระทั่งเหล่าคนที่อยากไปอาศัยอยู่บนดาวอังคาร เพื่อเป็นการขยายอาณานิคมของมนุษยชาติในอนาคต และการที่เราจะทำแบบนั้นได้ ก็ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ มากมาย… ทำงานกะกลางคืนบนดาวอังคาร แน่นอนว่าอาณานิคมใหม่นั้นก็ต้องการอาหาร และนี่ก็คือการเพาะปลูกของชาวนาบนดาวอังคารล่ะ นักเซอร์เวย์ก็เป็นที่ต้องการเช่นกัน เพราะมีภูมิประเทศใหม่ๆ ให้ได้บันทึกมากมายเนื่องจากเป็นดวงดาวดวงใหม่ นักสำรวจก็ไม่น้อยหน้า เพื่อลงลึกในด้านรายละเอียดของพื้นที่นั้นๆ และที่สำคัญที่สุดก็คือ ความกล้าของพวกเขา!!! อาชีพครูและห้องเรียนบนดาวอังคารก็คือส่วนสำคัญ ในการผลิตประชากรรุ่นใหม่ขึ้นมา แน่นอนที่สุดว่าช่างเทคนิคต่างๆ เป็นที่ต้องการมากๆ โดยเฉพาะในด้านการติดต่อและสื่อสารกับโลก เพราะการเพิ่มขึ้นของประชากรในอาณานิคม ช่างประกอบและช่างเชื่อมเพื่อสร้างที่อยู่ก็เป็นอาชีพที่มีความสำคัญไม่แพ้ใครเลยล่ะ เห็นภาพเบาๆ เลยนะเนี่ยจากโปสเตอร์ชุดนี้ เด็กๆ หลายๆ คนที่มาเห็นอาจเกิดความฝันอยากเป็นนักบินอวกาศหรืออยากไปใช้ชีวิตบนดาวอังคารเลยก็ได้นะเนี่ย อิอิ ที่มา: mars.nasa.gov, Lifebuzz
-
เราจะอยู่แบบไหน ในภาวะโลกร้อน 100 ปีข้างหน้า จาก Gavin Schmidt นักวิทย์ฯ NASA
มาถึงตอนนี้หลายๆ คนคงตระหนักถึงเรื่องภาวะโลกร้อนกันแล้วล่ะ อย่างน้อยๆ ก็สภาพอากาศที่ร้อนขึ้นกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด แถมปี 2016 อาจจะเป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยถูกบันทึกมาในประวัติศาสตร์มนุษยชาติเลยก็ว่าได้ อ่านเพิ่มเติมที่นี่ ‘ภาวะโลกร้อนนี่ไม่มีทางหยุดได้หรอก’ Gavin Schmidt นักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับภูมิอากาศและผู้บบริหารแห่ง Goddard Institute of Space Studies แห่ง NASA ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ ภาวะโลกร้อน ‘และถึงแม้ว่าจะหยุดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็น 0 เลยก็ตามที (แน่นอนว่าตอนนี้มนุษย์ทำไม่ได้) ภาวะโลกร้อนก็จะไม่หยุดไปหลังจากที่เราทำลายมันมาอย่างต่อเนื่องนับร้อยๆ ปี สิ่งที่เราพอจะทำได้ก็คือชะลอกระบวนการเปลี่ยนแปลงจากภาวะโลกร้อนให้มนุษย์สามารถปรับตัวและรับกับความเปลี่ยนแปลงได้มากที่สุด’ เขากล่าว การที่จะควบคุมให้อุณหภูมิขึ้นไม่เกิน 1.5 องศาในระยะยาวที่นานาประเทศเคยเซ็นสนธิสัญญากันไว้เมื่อเร็วๆ นี้นั้น แทบจะไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย แต่ก็ถือว่าเป็นความพยายามที่ดีในระดับหนึ่งเช่นกัน ที่ต้องการที่จะควบคุมอุณหภูมิไว้ไม่ให้สูงขึ้นไปกว่านี้ ถึงแม้จะไม่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและเด็ดขาดมากก็ตาม ทีนี้ลองมาจินตนาการดูว่า โลกอีกหลายปีข้างหน้า ที่อุณหภูมิเพิ่มขึ้นอีกสัก 3 องศาเซลเซียสนั้น จะมีรูปร่างหน้าตาและสภาพเป็นอย่างไร แตกต่างกับโลกของเราตอนนี้หรือเปล่า!? ในกรณีนี้เราใช้อุณหภูมิเฉลี่ยจากทั้งโลกมาเป็นตัววัด นั่งหมายถึงมันไม่ได้ระบุถึงความเปลี่ยนแปลงในระดับพื้นที่ เพราะในระดับพื้นที่นั้นจะเปลี่ยนแปลงมาก-น้อย ไม่เท่ากัน บางพื้นที่อาจเปลี่ยนไปจนบ้าคลั่งเลยล่ะ ตัวอย่างเช่น อุณหภูมิของโซน Arctic…
-
การทำงานของทีมนักวิทยาศาสตร์ NASA ปี 1961 คำนวณด้วย ‘มือ’ ยุคที่ยังไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้
มาย้อนยุคกันหน่อยดีกว่า อิอิ ในสัมยก่อนที่การใช้คอมพิวเตอร์ยังไม่แพร่หลายมากนักหรือยังไม่มีนั้น แน่นอนว่าคงไม่มี Microsoft Powerpoint ไว้นำเสนอเรื่องราวต่าวๆ ให้คนได้เข้าใจกันง่ายๆ หรอกใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆๆ ยิ่งองค์กรใหญ่ๆ อย่าง NASA ที่ต้องส่งคนขึ้นไปบนอวกาศหรือปล่อยยานอวกาศนั้น แน่นอนว่าการนำเสนอต้องยิ่งใหญ่กว่าเป็นธรรมดา กระนั้น พวกเขาก็มีเพียงสมอง สองมือ หยาดเหงื่อ ชอล์ก และกระดานดำเท่านั้นล่ะในการทำงานของพวกเขา กับโจทย์คณิตศาสตร์และการคำนวนสุดหยั่งถึงที่ยากและยาวสุดๆ ภาพเหล่านี้ถูกถ่ายไว้เมื่อราวๆ ปี 1961 ที่อะไรต่อมิอะไรยังไม่สามารถหาได้โดยการค้นจาก Google อยากทราบอะไรก็ต้องริเริ่ม คำนวนกันเอาเองทั้งหมด สมัยก่อนคำว่า ‘Computer’ นั้น ไม่ได้แปลว่าคอมพิวเตอร์อย่างที่เรารู้กันในทุกๆ วันนี้หรอกนะจ๊ะ แต่เป็นชื่อของตำแหน่งที่คนจริงๆ เข้าไปทำ นั่นก็คือหน้าที่คิดคำนวณสมการต่างๆ ด้วยมือ และแน่นอนต้องทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อให้เกิดความรอบคอบมากที่สุด แถมภายในช่วงนั้นที่ไล่เลี่ยกัน พวกเขายังสามารถส่งนักบินอวกาศคนแรกขึ้นไปยังอวกาศได้ด้วยล่ะ!!! เห็นแบบนี้แล้วนับถือในความพยายามของพวกเขาจริงๆ เพราะแค่สมการแรก #จ่าสิบเหมียว ก็ตายสนิทแล้ววว T^T ที่มา: Boredpanda, rarehistory
-
เจ๋งโพดๆ!! ‘เด็กประถม’ ร่วมกันประกอบดาวเทียม ‘CubeSat’ และปล่อยขึ้นสู่วงโคจรได้สำเร็จ
เหล่าเด็กทั้งหลายนั้นมีความสามารถที่น่าทึ่งจนผู้ใหญ่บางคนถึงกับต้องตะลึงเลยทีเดียวล่ะ เพราะตอนนี้ได้มีการปล่อยดาวเทียมดวงแรกที่ออกแบบและสร้างเองโดยเด็กประถม ขึ้นสู่วงโคจรแล้ว!! เด็กนักเรียนชั้นประถมจากโรงเรียน St. Thomas More Cathedral ในรัฐ Virginia ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ประสบความสำเร็จในการเป็นเด็กประถมแห่งแรกของโลกที่สามารถช่วยกันประกอบและส่งดาวเทียมได้สำเร็จ เจ้าดาวเทียม ‘CubeSat’ ออกแบบและสร้างเองโดยฝีมือของพวกเขาถูกปล่อยขึ้นสู่วงโคจรที่ระดับ 400 กิโลเมตรเหนือพื้นโลก เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งโครงการนี้เด็กๆ ทั้งหลายได้รับการสนับสนุนจากองค์การ NASA ให้ความช่วยเหลือด้วยการส่งผู้เชี่ยวชาญมาช่วยแนะนำในเรื่องของการออกแบบและประกอบดาวเทียมด้วย โดยหลังจากที่ประกอบเสร็จก็ได้รับอนุญาตให้ส่งดาวเทียมจากสถานีอวกาศนานาชาติ เพื่อทำภารกิจเป็นดาวเทียมถ่ายภาพต่อไป… หลังจากนี้เด็กๆก็จะได้ร่วมเฝ้าติดตามตำแหน่งของเจ้า ‘CubeSat’ ที่จะทำหน้าที่ถ่ายภาพพื้นโลกส่งกลับมาทุก 30 วินาที โครงการนี้ใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 4 ปี และก็ออกมาเป็นผลสำเร็จอย่างงดงาม ลองไปชมคลิปจาก BBC ที่ข้างล่างนี้ได้เลย… ดาวเทียมดวงแรกของโลกที่เด็กประถมออกแบบและสร้างเอง ขึ้นสู่วงโคจรแล้ว เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาของโรงเรียนเซ็นต์ ธอมัส มอร์ คาธีดรัล ในรัฐเวอร์จิเนียของสหรัฐฯ ร่วมกันฉลองความสำเร็จที่ดาวเทียม “คิวบ์แซท” (CubeSat) ซึ่งพวกเขาออกแบบและสร้างขึ้นเอง ถูกปล่อยขึ้นสู่วงโคจรที่ระดับ 400 กิโลเมตรเหนือพื้นโลกได้สำเร็จแล้ว โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากองค์การนาซา ซึ่งส่งผู้เชี่ยวชาญมาช่วยแนะนำนักเรียนในการออกแบบและประกอบดาวเทียม…
-
รวมความงามจากไอจีของ Scott Kelly นักบินอวกาศที่ไปอยู่นอกโลก นานที่สุดในประวัติศาสตร์!!
เพื่อนๆหลายคนคงมีความใฝ่ฝันในตอนเด็กๆ ที่จะเป็นนักบินอวกาศ เพราะการได้ออกไปนอกโลกคงจะได้เห็นโลกจากมุมที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อยเลยทีเดียว Scott Kelly เป็นหนึ่งในคนที่น่าอิจฉาที่สุดในโลก เพราะอาชีพของเขาคือมนุษย์อวกาศ และถูกส่งตัวขึ้นไปให้ใช้บนอวกาศเป็นเวลากว่า 1 ปี เพื่อศึกษากลไกการทำงานของร่างกายมนุษย์ขณะที่อยู่ในอวกาศ และล่าสุดเขาก็เพิ่งกลับมาเหยีบพื้นโลกไม่นานมานี้เอง ขณะที่อยู่นอกอวกาศเขาก็ได้โพสท์รูปภาพลงโซเชียลมีเดียมากมาย จะสวยสดงดงามขนาดไหนนั้น เราลองไปดูพร้อมๆกันเลยย… ในขณะที่เขาใช้ชีวิตอยู่บนสถานีอวกาศแห่งชาติ เขาได้ถ่ายรูปภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจเก็บไว้ รูปภาพที่โพสต์โดย Scott Kelly (@stationcdrkelly) เมื่อ ก.ย. 19, 2015 เวลา 8:16am PDT และแน่นอน เขาทำงานหนักเกือบจะตลอดเวลาที่อยู่บนนั้น รูปภาพที่โพสต์โดย Scott Kelly (@stationcdrkelly) เมื่อ พ.ย. 11, 2015 เวลา 8:07am PST แต่พอหันกลับมาดูวิวนี้สิ เห็นแล้วแทบจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยใช่มั้ยล่ะ? รูปภาพที่โพสต์โดย Scott Kelly (@stationcdrkelly) เมื่อ ธ.ค. 26, 2015 เวลา…
-
เอาแล้วไง Nasa เผยคลิปเสียงลับจากภารกิจของ Apollo 10 เมื่อ 40 ปีที่แล้ว คล้ายเพลงบนดวงจันทร์!?
นี่เป็นเรื่องราวชวนขนลุกนิดๆ ล่ะ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ทางองค์การ Nasa ได้เปิดเผยเทปลับที่ไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนมาก่อน เป็นเทปเสียงที่บันทึกได้จากปฏิบัติการบนดวงจันทร์เมื่อนานมาแล้ว แต่ดันมีเสียงประหลาดติดเทปมาด้วย!? เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เผยแพร่คลิปเสียงจากองค์การ Nasa ในภารกิจ Apollo 10 บนดวงจันทร์เมื่อปี 1969 ซึ่งไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน เป็นเหตุการณ์ที่นักบินบนยานกำลังพูดคุยกันผ่านหูฟังบนแคปซูลที่โคจรรอบๆ ดวงจันทร์ แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยอยู่นั้นเอง กลับมีเสียงประหลาดแทรกเข้ามา คล้ายกับสัญญาณหรือดนตรีอะไรสักอย่าง นักบินอวกาศคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “นายได้ยินนั่นไหม? เสียงผิวปากวูวววววว” ด้านนาย Eugene Cernan อดีตนักบินอวกาศที่อยู่ในภารกิจนี้ และได้ยินเสียงประหลาดดังกล่าวได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมจำไม่ได้ว่านั่นมันทำให้ผมประหลาดใจได้มากพอจนต้องเก็บมาคิดหรือเปล่า มันอาจจะเป็นแค่เสียงวิทยุสื่อสารก็เป็นได้” แต่อย่างไรก็ตาม นาย Al Worden อดีตนักบินในภารกิจ Apollo 15 ไม่ได้เชื่อคำอธิบายของพวกเขาเท่าไหร่ เพราะเขาบอกว่านักบินอวกาศจะต้องถูกฝึกมาให้คุ้นกับเสียงบนอวกาศดีอยู่แล้ว แถมเขายังเชื่ออีกว่า หากเครื่องบันทึกเสียงสามารถบันทึกเสียงอะไรได้ก็ตามที่นั่น หมายความว่ามันมี “บางสิ่ง” อยู่ที่นั่นจริงๆ …
-
ทำไมเรายังไม่วาร์ป!! NASA ออกแบบยาน IXS Enterprise ที่มีต้นแบบมาจากยานใน Star Trek
หลายๆ ครั้งภาพยนตร์ก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจ จนก่อเกิดการพัฒนาเปลี่ยนแปลงในโลกความเป็นจริงได้นะ เหมือนอย่างงานออกแบบยานอวกาศลำนี้ยังไงล่ะ เมื่อไม่นานมานี้ทาง Nasa ได้เผยแพร่ภาพการออกแบบยาน IXS Enterprise ยานอวกาศที่มีลักษณะโค้งมน ที่ถูกออกแบบโดยนักออกแบบที่ชื่อว่านาย Mark Rademaker ออกมาให้ประชาชนได้เห็นและตื่นเต้นกัน นักวิทยาศาสตร์จาก Nasa และด็อกเตอร์ Harold White ได้นำเอาภาพยานอวกาศที่ถูกออกแบบนี้มาใช้ในงานนำเสนอ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนายานขั้นต่อๆ ไป ทั้งนี้นาย Mark Rademaker ยังเผยอีกว่านี่ไม่ใช่งานออกแบบยานอวกาศเวอร์ชั่นแรกของเขา เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยออกแบบมาแล้ว 1 เวอร์ชั่น แต่มีการนำกลับมาปรับแต่เพิ่มเติมรายละเอียดลงไป งานออกแบบของเขามีรายละเอียดที่สูงมากและใช้เวลาทำนานถึง 1,600 ชั่วโมง หรือประมาณ 2 เดือนกว่า เลยทีเดียว ไม่รู้ว่ายานลำนี้จะออกมาเป็นรูปเป็นร่างเมื่อไหร่นะ #เหมียวฟิ้นแอบลุ้นอยู่เหมือนกัน ที่มา flickr
-
คนไทยทำได้!! ทำความรู้จักน้องมิ้งค์ (ว่าที่)นักบินอวกาศหญิงคนแรกของไทย
นี่เป็นเรื่องราวที่ทำเอา#เหมียวฟิ้น รู้สึกตื่นเต้นมากๆ (แม้จะไม่ใช่เรื่องของตัวเองก็ตาม) เพราะว่าล่าสุดมีข่าวว่าสาวไทยคนหนึ่งกำลังจะได้ขึ้นไปเหยียบอวกาศ กลายเป็นตัวแทนคนไทยคนแรกที่ได้ขึ้นไปบนนั้นเลย!! หญิงสาวที่เหมียวกำลังพูดถึงอยู่ในขณะนี้มีชื่อว่า นางสาวพิรดา เตชะวิจิตร์ หรือน้องมิงค์ วัย 29 ปี ศิษย์เก่าจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในสาขาคอมพิวเตอร์ รุ่น 41 ปัจจุบันเธอเป็นนักวิจัย สวทน. และ (ว่าที่) มนุษย์อวกาศคนแรกของประเทศไทย ย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 น้องมิ้งค์ได้เคยไปแข่งขันในรายการแฟนพันธุ์แท้ตอน Apollo และเป็นผู้ชนะและได้มีโอกาศเข้าร่วมกับโครงการ “แอ๊กซ์ อพอลโล สเปซ อะคาเดมี” (AXE Apollo Space Academy) โดยโครงการนี้จะทำการคัดเลือกผู้มีความรู้ความสามารถจากจาก 62 ประเทศทั่วโลก มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 5 แสนคน แต่จะมีเพียง 23 คนเท่านั้นที่ผ่านการคัดเลือก และได้ออกไปท่องอวกาศ และน้องมิ้งค์ถือเป็น (ว่าที่) นักบินอวกาศหญิงไทยคนแรกที่จะได้ไปท่องอวกาศ บอกว่าเธอมีไอดอลที่เป็นนักบินอวกาศอยู่หลายคน หนึ่งในนั้นคือ “ยี โซฮยอน” ซึ่งเป็นนักบินอวกาศหญิงเหมือนกัน ทำให้เธออยากจะเป็นนักบินอวกาสหญิงแบบนั้นบ้าง และเมื่อวันที่ 15…
-
สภาพฐานลับของ NASA ถูกปล่อยทิ้งร้างเป็นทศวรรษ น้อยคนที่จะเห็นและไม่มีใครกลับไปอีก!!
NASA หนึ่งในองค์กรที่มีความก้าวหน้าในด้านของเทคโนโลยีอวกาศ ที่มักจะแสดงให้ชาวโลกได้ตื่นตาตื่นใจกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการส่งดาวเทียมไปโคจรรอบโลก และสำรวจดาวดวงอื่นๆ รวมไปถึงการส่งนักบินอวกาศไปสำรวจดาวเคราะห์อันห่างไกล ภาพที่เราได้เห็น ได้รับรู้ และได้สัมผัสนั้นคือความสำเร็จขององค์กร NASA ที่มีเยอะแยะมากมายหลายโครงการ แต่ก็ใช่ว่าทุกโครงการที่เกิดขึ้นจะสำเร็จเสมอไป ถ้าหากเกิดความล้มเหลว ทางองค์กรจึงจำเป็นที่จะต้องละทิ้งโครงการเหล่านั้นที่เคยคาดหวังว่ามันจะลุล่วงไป ซึ่งแต่ละอย่างนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย อย่างเช่น Santa Susana Field Laboratory โครงการขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 7,208 ไร่ ห่างจากย่านดาวน์ทาวน์ของเมือง Los Angeles ไป 48 กิโลเมตร เป็นฐานลับที่เคยยิ่งใหญ่ที่ช่วงค.ศ. 1948 ภายหลังในปีค.ศ. 1959 มันได้กลายมาเป็นภัยพิบัตินิวเคลียร์ครั้งแรกและครั้งที่ร้ายแรงที่สุดของอเมริกา ความล้มเหลวเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ประสบกับปัญหาไฟกระชากอย่างรุนแรงในชั่วข้ามคืนละปล่อยก๊าซกัมมันตรังสีออกสู่ชั้นบรรยากาศ เจ้าหน้าที่ก็พยายามที่จะแก้ไขปัญหาอย่างสุดความสามารถตลอดสัปดาห์ แต่ดูเหมือนว่ายิ่งแก้ไขก็ยิ่งทำให้มันแย่ลง เพราะเป็นการเพิ่มปริมาณสารกัมมันตรังสีให้มากขึ้นไปอีก . . ทางด้านเจ้าหน้าที่ Atomic Energy Commission เผยว่าองค์ประกอบของพลังงานล้มเหลวใน…
-
ทำสำเร็จ!! นักบินอวกาศสามารถปลูกดอกไม้ในอวกาศได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก!!
นี่เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของมนุษยชาติเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา นาย Scott Kelly หนึ่งในนักบินอวกาศของ Nasa ได้ทวีตภาพดอกบานชื่น (Zinnia) ที่ปลูกบนอวกาศได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก ทั้งนี้นาย Kelly ได้เผยว่าดอกบานชื่นที่เห็นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Veggie มันถูกปลูกในโรงเรือนเล็กๆ บนสถานีอวกาศ ที่ถูกนำไปติดตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 58 พวกเขาก็ได้ทำการทดลองปลูกผักหลายชนิดด้วยกัน ทั้งผักกาดหอม ผักสลัด และก็มาถึงดอกบานชื่น ทำให้นี่ถือเป็นดอกไม้และผักชุดแรกๆ ของโลก ที่ถูกปลูกในอวกาศเลยก็ว่าได้ ด้านนาย Trent Smith หัวหน้าโครงการของ Veggie ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “เราสูญเสียต้นไม้ไปสองต้นในระหว่างการปลูกครั้งแรก เพราะขาดแคลนน้ำ ทำให้เรามีความระมัดระวังมากขึ้นในการปลูกครั้งที่สอง และนี่ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของการเพาะปลูกบนอวกาศเลย” นาย Smith ยังกล่าวต่ออีกว่า “ดอกบานชื่นนั้นไวต่อแสงและสิ่งเร้ามาก มันจะเติบโตโดยใช้เวลาประมาณ 60-80 วัน” นอกจากนี้แล้วพวกเขายังวางแผนจะปลูกอะไรที่ยากกว่านี้อีก เช่นผักกาดขาวและมะเขือเทศ ซึ่งแน่นอนว่าการปลูกพืชผักกินเองได้ของนักบินอวกาศนั้น จะช่วยลดต้นทุนในการส่งอาหารขึ้นไปยังอวกาศ ทำให้นักบินสามารถดำรงชีวิตอยู่ในอวกาศได้นานขึ้น หรืออาจเดินทางได้ไกลขึ้น ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับมนุษยชาติในอนาคตนั่นเอง…
-
ใกล้ความจริงเข้าไปทุกที Nasa เตรียมแผนส่งคนขึ้นไปอยู่บนดาวอังคารภายใน 11 ปีนี้
เคยมีข่าวคราวแว่วๆ ออกมาว่า Nasa นั้นเตรียมที่จะส่งมนุษย์ขึ้นไปอยู่บนดาวอังคาร เพื่อขยายขอบเขตเผ่าพันธุ์มนุษย์ออกไปในอวกาศ และจัดตั้งอนานิคมของมนุษย์บนนั้น โดยพวกเขาวางแผนจะส่งคนขึ้นไปภายใน 10 ปีนี้ล่ะ หากใครที่เคยได้ชมภาพยนตร์ The Martian มาก็น่าจะจินตนาการออกได้ว่า การส่งมนุษย์ขึ้นไปอยู่บนดาวอังคารนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากแค่ไหน แต่นี่คือชีวิตจริง และ Nasa เองก็กำลังคิดค้นเทคโนโลยีเพื่อส่งมนุษย์ขึ้นไปบนนั้น Nasa ได้จัดตั้งโครงการ “Mars One” ขึ้นมาเพื่อวิจัยและส่งมนุษย์ขึ้นไปยังดาวอังคาร ที่ซึ่งเต็มไปด้วยความอ้างว้างและไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต โดยจะเป็นแผนนำร่องเพื่อถ่ายเทมนุษย์ไปอยู่ที่นั่นไปอนาคตนั่นเอง ซึ่งโครงการของพวกเขาน่าจะแล้วเสร็จในปี 2027 หรืออีกประมาณ 11 ปี ทั้งนี้ Nasa เองจะเริ่มต้นโครงการค้นหาผู้คนที่สมัครใจจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นภายในปีนี้ ซึ่งการไปจะเป็นการไปอยู่แบบถาวร พวกเขาจึงจำเป็นจะต้องฝึกฝนร่างกายให้สามารถเอาตัวรอดได้ในสภาวะแวดล้อมที่ยากลำบาก อย่างทะเลทรายหรือขั้วโลกเหนือ แต่พวกเขาก็ใช่ว่าจะไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกใดๆ เพราะเขาจะส่งเทคโนโลยี ที่อยู่อาศัยและอาหารขึ้นไปบนนั้นด้วย อีกทั้งยังมีแหล่งพลังงานจากแสงอาทิตย์ช่วยให้พวกเขามีไฟฟ้าใช้ มีใครสมัครใจอยากเป็นมนุษย์ดาวอังคารกลุ่มแรกในประวัติศาสตร์บ้างไหม? ที่มา buzzfeed
-
อ๊ะ ตอผุด!? คลิปสัมภาษณ์ Stanley Kubrick ยอมรับว่าการไปเหยียบดวงจันทร์มันไม่มีจริง
ย้อนไปกลับใปในช่วงยุคสมัยที่มนุษย์ริเริ่มและพยายามอย่างมากกับการที่จะออกไปสำรวจนอกโลก โดยมีจุดหมายเริ่มต้นเป็นที่ใกล้ๆ นั่นก็คือดวงจันทร์ บริวารที่มีระยะใกล้โลกมากที่สุด จนกระทั่งสหรัฐอเมริกาก็ได้พิสูจน์ให้คนทั้งโลกได้เห็นว่าสามารถไปเหยียบบนดวงจันทร์ได้แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้มีคนเชื่อไปซะทุกคน มีทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ เกิดขึ้นเยอะมาก พร้อมกับตั้งคำถามและข้อสังเกตของคลิปวิดีโอก้าวแรกของมนุษย์ที่ไปเหยียบบนดวงจันทร์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของแสงและเงา ความผิดปกติของธงที่นำไปปักบนดวงจันทร์ และอื่นๆ อีกมากมาย และบุคคลที่ได้ชื่อเสียงมากที่สุดจากการไปเหยียบดวงจันทร์เป็นคนแรกก็คือ Neil Armstrong ซึ่งภายหลังจากการเสียชีวิตของเขาประมาณ 15 ปี คลิปวิดีโอนี้ก็ถูกปล่อยออกมาเพื่อเปิดเผยเบื้องหลังว่าที่แท้จริงแล้วเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นถูกกำกับโดยรัฐบาลสหรัฐฯ และ NASA โดยที่ทางด้าน Stanley Kubrick ก็ออกมายอมรับว่านักทฤษฎีสมคบคิดนั้นถูกต้องแล้ว โดยภาพที่เห็นนั้นเป็นผลงานของผู้กำกับสารคดีชื่อดัง T. Patrick Murray อีกทั้งยังบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นถูกจัดฉากเพื่อสนองคำพูดของประธาณาธิบดี John F Kennedy ที่ต้องการจะแสดงให้ทั้งโลกได้เห็นพลังของสหรัฐอเมริกาภายใต้การปกครองของตน แต่สำหรับ T. Patrick Murray แล้วการสร้างภาพในการลงจอดบนดวงจันทร์นั้นถือว่าเป็นผลงานชื้นเอกของเขาเลยก็ว่าได้ อีกทั้ง Kubrick ยังกล่าวเสริมไว้ด้วยว่า ก่อนที่จะถ่ายทำนั้นเขาถูกยัดเยียดข้อมูลที่ผิดๆ…
-
สวยงามตระการตา!! Nasa เผยภาพความละเอียดสูงของภารกิจดวงจันทร์ 8,400 ภาพ ตามชมได้เลย
สำหรับมนุษย์โลกแล้วนี่ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจมากเลยล่ะ เพราะเมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติหรือ Nasa ได้ปล่อยภาพความละเอียดสูงของการปฏิบัติภารกิจบนดวงจันทร์ตั้งแต่นักบินไปจนถึงสภาพพื้นผิวบนดวงจันทร์มาให้เราได้ชมกันถึง 8,400 รูปทีเดียว!! ภาพที่ปล่อยออกมานี้ เป็นภาพจากการปฏิบัติภารกิจของนักบินอวกาศจากยาน Apollo 8 ที่ถูกถ่ายได้ด้วยกล้องติดหน้าอก Hasselblad ที่ติดตัวพวกเขาไปตลอดเวลานั่นเอง ทำให้เราสามารถเห็นทุกกิจกรรมได้เหมือนเราออกไปเดินบนดวงจันทร์กับพวกเขาเลย ยาน Apollo 8 ถูกส่งให้ขึ้นไปปฏิบัติภารกิจบนดวงจันทร์เมื่อช่วงคริสมาสต์อีฟปี 1968 และหลังจากนั้น 1 ปีพวกเขาก็กลับมายังโลก และ Neil Armstrong ก็กลายเป็นอีกก้าวสำคัญมนุษยชาติ หากใครยังไม่เต็มอิ่มแล้วล่ะก็ สามารถตามไปดูต่อกันได้ที่เว็บไซต์ flickr เลยนะจ๊ะ ที่มา metro
-
นักวิทย์ฯ จาก Nasa เผย พบร่องรอยคล้าย “ธารน้ำ” บนดาวอังคาร อาจมีสิ่งมีชีวิตอยู่ก็เป็นได้
กลายเป็นเรื่องฮือฮาไปทั่วโลกเลยทีเดียว เพราะเมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์จาก Nasa เปิดเผยต่อชาวโลกว่าพวกเขาได้ค้นพบของเหลวคล้าย “น้ำ” บนพื้นผิวของดาวอังคารเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นักวิทยาศาตร์ได้กล่าวไว้ในวารสาร Nature Geoscience ว่ายาน MRO ที่พวกเขาส่งขึ้นไปสำรวจดาวอังคารนั้น ได้พบลายเส้นดีดำขนาดยาวบนพื้นผิวของดาวอังคาร ที่มีส่วนประกอบที่เต็มไปด้วยเกลือซึ่งง่ายต่อการดูดซับความชื้นและช่วยถ่ายเทน้ำได้ดีบนพื้นผิวดาวอังคาร การค้นพบครั้งสำคัญนี้เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่บ่งชี้ว่า อาจมีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวดวงนั้นด้วย ทางด้านสถาบันเทคโนโลยีของจอร์เจียในสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาให้ความเห็นว่าการค้นพบร่องรายดังกล่าว ถูกพบครั้งแรกเมื่อปี 2010 โดยร่องรอยดังกล่าวเป็นร่องรอยที่เกิดจากผลึกเกลือบนดาวอังคาร ซึ่งเป็นเกลือแบบเดียวกันกับส่วนประกอบของน้ำเค็มบนดาวโลกนั่นเอง ไม่แน่ว่าเร็วๆนี้มนุษย์อาจได้พบกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ จากที่นั่นก็เป็นได้ ที่มา metro
-
NASA ได้เริ่มภารกิจฝึกฝน 6 ผู้กล้าบุกเบิกดาวอังคารแล้ว ที่ภูเขาไฟสุดกันดารในฮาวาย!!!
ภารกิจในการไปตั้งรกรากอยู่บนดาวอังคารอาจจะฟังดูสวยหรู แต่ที่จริงแล้วไม่หมูนะจ๊ะ เมื่อทาง Nasa ได้เริ่มภารกิจฝึกฝนเหล่า 6 ผู้กล้าที่จะขึ้นไปกันแล้วล่ะ และ แน่นอนการฝึกฝน…ขึ้นชื่อว่าการฝึกฝนนั้น ไม่ได้มีแต่เรื่องน่าอภิรมย์เสมอไป ทั้งลำบาก และน่าเบื่อสุดๆ เหมือนที่เราเคยเจอกันมานั่นแหละ แต่ก็นะ มันสำคัญน่ะสิทำไงได้!!? สถานที่ฝึก จำลองสถานการณ์ โดย เหล่าผู้กล้า ได้ถูกนำไปฝึกฝนในปล่องภูเขาไฟรกร้างที่ฮาวายเป็นเวลา 3 ปี โดยไม่มีการช่วยเหลือใดๆ ไม่ว่าจะเป็นอากาศก็ไม่สดชื่น อาหารที่มีจำกัดและหายาก และแน่นอนรวมถึงเรื่องพื้นที่ส่วนตัวด้วยล่ะ ลืมไปได้เลย ถ้าเกลียดใครล่ะก็ 3 ปีเป็นเวลาที่แย่มากๆ ในการต้องอยู่กับเขาแบบติดแจ แถมถ้าจะออกมาข้างนอก พวกเขาก็ต้องสวมชุดอวกาศกันด้วยโดยไม่มียกเว้น เป็นการทดสอบที่ทรหดสุดๆ ไม่ว่ากับใครก็ตาม… โดย ทีมของผู้กล้าที่จะไปบุกเบิกดาวอังคารนั้นประกอบด้วย นักอวกาศชาวฝรั่งเศส หมอชาวเยอรมัน และ นักบิน สถาปนิก นักข่าว และสุดท้ายนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับดิน โดยทั้ง 4 คนเป็นชาวอเมริกันทั้งสิ้น น่า ตื่นเต้นแทนพวกเขาเหมือนกันนะเหมียวว่า คือมันเป็นตั๋วเที่ยวเดียวไม่มีทางกลับ แน่นอนพวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไร คือ เป็นอะไรที่ต้องแกร่งสุดๆ ไปเลยล่ะ!!!…
-
NASA ค้นพบวัตถุประหลาดบนดาวอังคาร เผยให้เห็นลักษณะที่คล้ายคลึงกับปูหรือหอย!?
ในอวกาศอันกว้างใหญ่ ยังคงรอคอยให้มนุษย์ออกไปสำรวจและค้นหาไม่รู้จบ และเป็นรู้กันดีว่าตอนนี้ทาง NASA เองก็ได้ออกไปสำรวจดวงดาวเยอะแยะมากมาย แต่ที่น่าสนใจมากที่สุดก็คือ “ดาวอังคาร” ที่ยังเชื่อกันว่ามีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ และเมื่อไม่นานมานี้เองทาง NASA ได้จับภาพบริเวณพื้นผิวดาวอังคารและพบกับสิ่งที่ดูเหมือนกับจะมีชีวิต ลักษณะคล้ายเหมือนกับปูหรือหอย แต่ยังไม่อาจสรุปได้แน่ชัด Seth Shostack นักดาราศาสตร์อาวุโสและผู้อำนวยการศูนย์วิจัย SETI ได้กล่าวเอาไว้ว่า “สำหรับภาพที่เก็บมาได้นั้นมันทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากๆ เลยล่ะ เพราะไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวเคราะห์ที่แห้งแล้งเช่นนี้ คาดว่าน่าจะเป็นสัตว์ แต่อาจจะเป็นอย่างอื่นก็เป็นไปได้” และตลอดระยะเวลาที่ทำการสำรวจพื้นผิวดาวอังคารนั้น ก็ได้พบกับบางสิ่งบางอย่างที่ดูคล้ายคลึงกับสิ่งมีชีวิตบนโลกเยอะแยะมากมาย อย่างเช่นในภาพนี้จะเห็นเป็นลักษณะคล้ายๆ กับหน้ามนุษย์ พบซากโครงกระดูกของสิ่งมีชีวิตบางอย่าง รวมไปถึงกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ที่คล้ายกับไดโนเสาร์ สิ่งมีชีวิตที่น่าจะเป็นเจ้าตีนโต (ลิงขนาดยักษ์) เศษชิ้นส่วนบางอย่างที่สะท้อนแสงได้ (ภาพจากบริเวณเดียวกัน) จานบิน UFO หรือเปล่า? อิกัวนาบนดาวอังคาร สิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับแพะ และบางสิ่งที่มีลักษณะคล้ายกับนิ้วของมนุษย์ บนดาวเคราะห์ที่กว้างใหญ่กว่าโลกหลายเท่า ยังคงมีอีกหลายพื้นที่ที่ยังไม่ได้ทำการสำรวจ ไม่แน่ว่าซักวันหนึ่งเราอาจจะเจอกับสิ่งมีชีวิตที่ยังอาศัยอยู่บนดาวอังคารก็เป็นได้!? ที่มา : thechive
-
ชาวโลกฮือฮา กล้องจาก NASA จับภาพหญิงชุดดำได้บนดาวอังคาร!?
กลายเป็นประเด็นที่กำลังถกเถียงในหมู่นักวิทยาศาตร์อยู่ในขณะนี้เลย สำหรับภาพวัตถุประหลาดคล้ายหญิงสาวในชุดสีดำ ที่ถูกถ่ายได้โดยกล้องจากยาน Curiosity Rover จาก NASA บนดาวอังคาร ทำให้หลายๆคนเชื่อว่าอาจมีสิ่งมีชีวติอยู่บนนั้น ตามรายงานบอกว่าเว็บไซต์ UFO Sightings Daily ที่เกาะติดสถานการณ์เกี่ยวกับวัตถุต่างดาว ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า อาจมีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวดวงนั้น ซึ่งพวกเขายังเชื่อด้วยว่าวัตถุประหลาดนั่นอาจเป็นผู้หญิง เพราะสังเกตจากหน้าอกของเธอที่เห็นได้อย่างชัดเจน ความเห็นจากเว็บไซต์ UFO Sightings Daily บอกว่า “เรามองเห็นแขนสองข้าง ที่สีสว่างกว่าบริเวณอื่น และดูเหมือนศรีษะและมีผมที่ยาว บอกยากเหมือนกันว่านั่นคือสิ่งมีชีวิตหรือเป็นรูปปั้นที่มีมาแต่สมัยโปราณ อย่างไรก็ตาม” “หากสิ่งนั้นคือรูปปั้นจริง อาจถูกกัดเซาะโดยธรรมชาติไปแล้วก็ได้ และคงไม่เหลือมาจนถึกทุกวันนี้ มันมีความสูงอยู่ที่ราวๆ 8-10 เซ็นติเมตร มันดูเหมือนจริงมาก” แต่ถึงจะดูเหมือนจริงยังไงก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจาก NASA ว่าสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่ อาจเป็นเพียงเศษก้อนหินหรือสิ่งแปลกปลอมที่หลงเหลืออยู่บนดาวอังคารก็เป็นได้ ที่มา mirror
-
NASA เผยเสียงที่ส่งไปกับยานอวกาศ เพื่อทำการติดต่อสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตนอกโลก!!
NASA นั้นมีความพยามยามในการสร้างยานอวกาศเพื่อส่งออกไปสำรวจอวกาศตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และหนึ่งในโครงการยานสำรวจอวกาศที่ประสบความสำเร็จก็คือยานอวกาศ Voyager ที่เริ่มต้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1977 ยานอวกาศ Voyager 1 และ Voyager 2 จะทำหน้าที่ศึกษาระบบสุริยะชั้นนอก และในปัจจุบันยานอวกาศ Voyager ก็ได้รับหน้าที่ใหม่คือเป็นยานสื่อสารกับเครือข่ายอวกาศห้วงลึก ที่มีการบรรจุแผ่นเสียงทองคำติดไปด้วย ซึ่งในแผ่นเสียงนี้จะมีทั้งเสียงทักทายของมนุษย์แทบจะทุกภาษาเลยล่ะ (ภาษาไทยก็มีนะ) มีเสียงอื่นๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้นบนโลกไม่ว่าจะเป็นเสียงเครื่องจักรต่างๆ เสียงจากธรรมชาติบนโลก จะเล่นเสียงเหล่านี้ก็ต่อเมื่อมีโอกาสได้พบกับสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาอื่นๆ ในห้วงอวกาศนั่นเอง หากอยากจะรู้ว่ามีเสียงอะไรบ้าง ก็สามารถกดรับฟังกันได้ข้างล่างนี้เลยจ้า!! เสียงทักทายภาษาไทยจะเป็น “สวัสดีค่ะ สหายในธรณีโพ้น พวกเราในธรณีนี้ขอส่งมิตรจิตมาถึงท่านทุกคน” ที่มา : thechive
-
อย่างหลอน เหมียวชวนฟัง 11 เสียงแปลกๆจากอวกาศ จะหลอนหูแค่ไหนต้องฟัง
ในขณะที่คนส่วนใหญ่กำลังเพลิดเพลินไปกับความลึกลับของห้วงอวกาศ และตื่นตาตื่นใจกับภาพของดวงดาว กาแล็กซี่ และระบบสุริยะ แต่หลายๆคนกลับไม่เคยได้ฟังเสียงจากอวกาศเลย ใช่แล้ว อวกาศก็มีเสียงเหมือนกันนะ เชื่อหรือไม่ว่าในทางเทคนิคแล้ว เราสามารถได้ยินเสียงจากอวกาศได้ด้วยนะ เสียงเหล่านั้นเกิดจากการสั่นสะเทือนของแม่เหล็กไฟฟ้าในอวกาศ ที่ไหลมาเป็นคลื่น และเสียงเหล่านั้นก็ถูก NASA บันทึกเอาไว้และนำมาแปลงให้กลายเป็นเสียงที่มนุษย์สามารถรับรู้ได้แล้ว จะแปลกและหลอนหูขนาดไหนลองไปฟังกันเลย เสียงจากดาวเสาร์ เสียงจากดาวมิแรนดา ดาวเนปจูน เสียงจากดาวโลก เสียงจากดาวเสาร์ 2 เสียงจากดาวพฤหัสบดี เสียงจากดวงจันทร์ของดาวพฤหัสบดี เสียงจากวงแหวนของดาวยูเรนัส เสียงจากโลก 2 เสียงจากพระอาทิตย์ เสียงจากดาวยูเรนัส ….. ที่มา science-tech.damn
-
ความจริงอีกด้าน เบื้องหลังเหตุการณ์ ‘คนไทยป่วน NASA’ หรือคราวนี้ป่วนกันเอง!??
สวัสดีชาวเว็บเหมียวทุกทั่นนนน หลายคนคงจะได้ข่าวเรื่องคนไทยไปป่วนบนการถ่ายทอดสดภารกิจเดินทางไปยังดาวพลูโตของ NASA เมื่อคืนก่อนได้ใช่มะ… ซึ่งก็เป็นดราม่าร้อนทั่วโลกออนไลน์ไปแล้ว แต่…!! เดี๋ยวก่อน พอดีสายข่าวแมวเหมียวได้ข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ซึ่งทำให้ตั้งข้อสังเกตได้ว่าเรื่องนี้อาจจะมีอะไรซับซ้อนกว่าที่คิด และการเข้าชมช่องยูทูปนั้นอาจจะการจำกัด IP ให้แต่ละประเทศเข้าไปคุยได้ในห้องตนเอง ลองอ่านตรงนี้ดูครับ.. สรุปให้คร่าวๆ ก็มีการตั้งข้อสังเกตดังนี้ – ยอดวิวมันดูน้อยไปหน่อยสำหรับเหตุการณ์ระดับโลกแบบนี้ – คงมีการแบ่งแต่ละห้องเป็นตาม IP ซึ่งคนไทยน่าจะอยู่รวมแต่กับคนไทย – มีการตามสืบคนที่เหมือนเป็นฝรั่งที่ด่าคนไทย ก็พบว่าใช้ชื่อ Google+ เป็นชื่อคนไทยซะงั้น – ประเด็นนี้ไม่ได้โด่งดังในโลกออนไลน์ฝั่งตะวันตกมากนัก ตามที่เค้าสรุปเอาไว้ว่าแบบนี้ครัชชชชช เอาล่ะสิ เหตุการณ์นี้เริ่มจะกลับตาลปัตรแล้วรึเปล่า? เพราะตอนแรกทีเราคิดว่าเป็นเหตุการณ์คนไทยไปป่วนฝรั่งมังค่าจนเค้าเอือมระอา กลายเป็นคนไทยด่ากันเองเอามันส์ แล้วมาดราม่ากันเองงั้นเหรอ…? แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามารยาทการใช้งาน Social Network ในระดับโลกของคนประเทศเราหลายกลุ่มก็อยู่ในภาวะน่าเป็นห่วงจริงๆแหละ แม้เรื่องนี้จะออกมาอย่างที่เค้าสรุป ก็ไม่ได้หมายความว่าเราพ้นผิด เพราะสิ่งที่เราทำไม่ดี มันยังมีให้เห็น เป็นหลักฐานให้หลายคนอับอายอยู่มากทีเดียวนะฮะ!!!! ที่มา: เพื่อนในเฟซบุ๊ค ขอปกปิดให้เค้าล่ะกัน
-
Nasa มึนตึ้บ!! เจอคนไทยป่วนขณะถ่ายทอดสดยาน New Horizon ใน Youtube
วันนี้(14 ก.ค.) ถือเป็นอีกหนึ่งวันที่ประวัติศาสตร์โลกต้องบันทึกเอาไว้เลย เพราะว่าวันนี้จะเป็นวันที่ยานอวกาศ New Horizon ของ Nasa จะเข้าใกล้ดาวพลูโตมากที่สุดหลังจากที่ออกเดินทางจากโลกไปเมื่อ 9 ปีที่แล้ว เพื่อเก็บภาพของพื้นผิวดาวและขยายขอบเขตความรู้ของมนุษย์ และเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง ทางเว็บไซต์ Youtube ก็ได้ถ่ายทอดสดขณะที่ผู้บริหารของ Nasa ออกมาตอบคำถามผ่าน Live Chat ของ Youtube แต่ในขณะที่กำลังตอบคำถามอยู่นั้นเอง กลับมีคนไทยกลุ่มหนึ่งเข้าไปป่วนการตอบคำถาม ตัวอย่างก็เช่น – ทั้งโพสต์ข้อความที่ไม่เกี่ยวกับ Nasa – ถามถึงเรื่องสัพเพเห่ระอย่างตารางออกอากาศฟุตบอล – โพสต์รูปสุนัข – ฝากร้านแบบที่เรามักจะเห็นตาม IG ก็มีให้เห็นกัน เราลองไปดูภาพที่รวบรวมการกระทำต่างๆเหล่านี้มา ตอนนี้ก็มีหลายคน และสื่อต่างๆ เริ่มมาขอให้หยุดเล่นแบบนี้ได้แล้ว อย่างเช่นผัวอิเจี๊ยบ เพราะงานนี้มันเป็นเรื่องสำคัญของเค้า บางคนก็อยากจะได้ข้อมูลทางวิชาการ หรือสาระความรู้ด้านอวกาศ และคลายข้อสงสัยต่างๆนานา แต่พอโดนแบบนี้เข้า เอิ่ม….…