เหตุการณ์นี้ จะเป็นอุทาหรณ์สำหรับใครหลาย ๆ คนเลยล่ะครับ ว่าต้องมีสติและระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นอาจจะเจอแบบเดียวกันได้
เรื่องของเรื่องก็คือมีหญิงสาวรายหนึ่ง เข้าแจ้งความกับตำรวจ หลังโดนพนักงานขายที่บูทคลินิกเสริมความงามในห้างฯ นำมือถือไปโหลดแอปฯ กู้เงิน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายคอร์สเสริมความงาม เป็นจำนวนกว่า 21,200 บาท โดยไม่ได้แจ้งรายละเอียดให้ทราบ ทำให้เธอกลายเป็นหนี้โดยที่ไม่รู้ตัว
– หญิงสาวเล่าว่าในวันเกิดเหตุ ได้ไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แล้วพอผ่านที่บูทเสริมความงามก็มีพนักงานขายเดินเข้ามาชาร์จ
– เธอบอกว่าตอนแรกไม่สนใจและบ่ายเบี่ยง แต่ท้ายที่สุดก็ทนลูกตื๊อไม่ไหวจึงปล่อยไหลตามน้ำไป
– พนักงานขายพาไปนั่งที่บูท ก่อนจะบอกให้เธอถอดแมสก์ออกเพื่อขอดูสภาพผิวหน้า มีการสอบถามเบื้องต้นเล็กน้อย
– พอสอบถามเสร็จก็แจ้งว่าหน้าของเธอมีกระและฝ้า สนใจคอร์สรักษาไหม? แล้วก็พูดถึงสรรพคุุณของคอร์สเสริมความงามคลินิก
– แต่ทว่าหญิงสาวไม่ได้สนใจจะฟัง เพราะตั้งใจว่าจะไม่ซื้ออยู่แล้ว
– แต่ทว่าอยู่ ๆ พนักงานรายหนึ่งก็ถามว่าเธอมีบัญชีธนาคารอะไรบ้าง? แล้วก็หยิบโทรศัพท์ไปโหลดแอปฯ แอปฯ หนึ่งมา (เป็นแอปฯ เกี่ยวกับสินเชื่อเงินกู้) พร้อมกับขอบัตรประชาชน และเอกสารแสดงรายได้เพื่อไปกรอกข้อมูล
– ซึ่งขณะนั้นพนักงานขายไม่ได้แจ้งว่ามันคือแอปฯ สินเชื่อ และเธอก็เข้าใจว่ามันคือการลงทะเบียนเพื่อรับโปรโมชันจากทางแอปฯ ของคลินิก
– พนักงานแจ้งกับเธอว่าสักพักจะมีเงินจำนวน 21,200 บาท โอนเข้ามาที่บัญชี ตัวเธอเองก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนเงินจำนวนดังกล่าวโอนเข้ามาจริง พนักงานก็เลยหยิบโทรศัพท์ของเธอไปเข้าแอปฯ แล้วก็โอนเงินออกไปยังบริษัทของคลินิกทันที โดยที่ไม่แจ้งรายละเอียดใด ๆ เลย
– จากนั้นพนักงานก็นำเอกสารขายคอร์สมาให้เซ็นชื่อ และพับใส่ซองสีขาว พอเปิดดูทีหลังก็พบว่าในซองมีใบเสร็จรับเงิน และกิ๊ฟวอยเชอร์
– ก่อนจะกลับพนักงานแจ้งว่าสามารถนำเอกสารนี้มาแสดง เพื่อเข้าคอร์สที่คลินิกได้ภายใน 2 ปี ส่วนค่าใช้จ่าย “สามารถผ่อนจ่ายได้” แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นการผ่อนจ่ายกับแอปฯ กู้เงิน!?
– เวลาผ่านไป 1 เดือน มีข้อความแจ้งเข้ามา และเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรมาทวงถาม ทำให้เธอตกใจมาก และงงว่าไปเป็นหนี้ตอนไหน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเงินจำนวนดังกล่าวนั้น เป็นยอดที่โอนออกจากบัญชีไปให้กับทางคลินิก
– เธอก็เลยโทรไปถามคลินิก ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันคืออะไร? และขอให้โอนเงินคืน จะได้เอาไปปิดยอดหนี้ แต่ทางคลินิกชี้แจงว่า “ไม่สามารถโอนคืนให้ได้ เนื่องจากว่าได้มีการตกลงซื้อคอร์สไปแล้ว”
– หญิงสาวบอกว่า ระหว่างที่โทรคุยกับคลินิก มีเสียงแทรกเข้ามาว่า “โตขนาดนี้แล้ว ไม่รู้ได้ไงว่าแอปฯ นี้เป็นแอปฯ กู้เงิน” พร้อมกับมีการท้าให้ไปแจ้งความ
– เธอเปิดเผยว่าพฤติกรรมของพนักงานขายนั้นมันเข้าข่ายหลอกลวง ไม่มีการชี้แจงรายละเอียดใด ๆ กับลูกค้า หากทราบตั้งแต่แรกว่าจะต้องกู้เงินเป็นหนี้ 20,000 บาท เพื่อมาจ่ายค่าเสริมความงาม คงไม่ยินยอมตั้งแต่แรก
– ล่าสุดเธอเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจแล้ว เบื้องต้นตำรวจลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และจะนัดผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง
เรียบเรียงโดย #เหมียวหง่าว
ที่มา : https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7349130
https://www.thairath.co.th/news/society/2545006