หลายคนคงทราบถึงข่าวที่บริษัทประกันภัยชื่อดังอย่าง สินมั่นคงประกันภัย เกี่ยวกับกรณีประกันโควิด-19 ที่ผ่านมา หลังศาลฯ ได้มีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ
ล่าสุดทางสินมั่นคงประกันภัยได้ประกาศแผนฟื้นฟูกิจการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยในตอนนี้สินมั่นคงได้ทำการแจกแจงแผนฟื้นฟูของทางบริษัทเพื่อนำเงินมาจ่ายให้กับเจ้าหนี้ หลายคนคงจะงงใช่ไหมล่ะว่าแผนฟื้นฟูนี้คืออะไร ลองมาทำความเข้าใจได้ในบทความนี้กันเลย
แผนฟื้นฟูกิจการสินมั่นคงประกันภัยนี้เหล่าเจ้าหนี้ต้องทำการพิจารณาโหวตรับแผน เพื่อให้ทางบริษัทได้ดำเนินการชำระค่าสินไหมโควิดตามแผนที่วางไว้
หากเจ้าหนี้พิจารณารับแผนก็จะได้รับชำระหนี้อยู่ 2 ส่วน
– ส่วนที่ 1
เจ้าหนี้จะได้รับการชำระหนี้ด้วยเงินสด 15% ของหนี้เงินต้นภายในเวลา 45 วัน นับจากวันที่ได้รับเงินจากผู้ลงทุนตรงนี้เนี่ย เจ้าหนี้จะได้รับเงินพร้อมกันโดยไม่ต้องรอคิวเลยล่ะ และยังมีโอกาสได้รับเพิ่มหากผู้ลงทุนเพิ่มเงินทุนด้วยล่ะ
– ส่วนที่ 2
เจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้ส่วนที่เหลือเป็นหุ้นบุริมสิทธิ ภายในเวลา 60 วันนับจากวันที่ได้รับเงินจากผู้ลงทุน
ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิที่จะได้รับเงินปันผลและมีสิทธิออกเสียงเท่าหุ้นสามัญ และมีสิทธิพิเศษที่จะได้รับเงินปันผลพิเศษจากการฟ้องร้องคดีศาลปกครองมูลค่า 43,587 ล้านบาท
หากสินมั่นคงประกันภัยชนะคดีและได้ค่าเสียหายตามคำฟ้อง บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการชนะคดีมาจ่ายให้กับเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ
ซึ่งจะทำให้เจ้าหนี้โควิดมีโอกาสได้รับเงินที่เหลือครบเต็มทุนประกันเลยล่ะ ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่ามีโอกาสสูงที่จะได้รับเงินปันผลพิเศษนี้ด้วย เพราะข้อกฎหมายที่ใช้ในการยื่นฟ้องค่อนข้างมีน้ำหนัก
ทางสินมั่นคงประกันภัยมองว่า การที่เจ้าหนี้โหวตรับแผนเป็นช่องทางเดียวที่ทำให้เจ้าหนี้ได้รับเงินคืนเร็วที่สุด
และเจ้าหนี้สามารถมั่นใจได้เลยว่าจะได้รับเงินแน่นอนตามกำหนดเวลา เพราะส่วนนี้อยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และศาลฯ
เอ… แล้วถ้าเราไม่เลือกโหวตรับแผนล่ะจะเป็นยังไง?
ทางสินมั่นคงประกันภัยอธิบายว่า หากเจ้าหนี้ไม่พิจารณารับแผนจะต้องทำการต่อคิวยื่นขอชำระหนี้จากกองทุนประกันวินาศภัย และอาจใช้เวลาในการได้เงินนานถึง 56 ปีเลยล่ะ
เพราะทางกปว. ต้องนำเงินมาชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ 14 บริษัทที่ปิดตัวไประหว่างปี 2552-2565 ซึ่งยังมียอดค้างชำระอีก 55,350 ล้านบาท
ในขณะที่กปว.มีเงินอยู่ประมาณ 5,145 ล้านบาท (รายได้ของกปว.ประมาณ 1,370 ล้านต่อปี) ดังนั้นเจ้าหนี้ของสินมั่นคงประกันภัยก็ต้องไปรอต่อคิวอีกนานมากกว่าจะได้เงินเลยทีเดียว
ซึ่งพอเทียบกับอัตราเงินเฟ้อในอนาคตอีก 50 ปีข้างหน้า 100,000 บาทในเวลานั้น จะมีมูลค่าเท่ากับ 5,000-10,000 บาทในวันนี้ เพราะค่าของเงินที่เล็กลงทุกปี
และเจ้าหนี้ต้องเริ่มกระบวนการยื่นคำขอทวงหนี้ใหม่ และอาจจะต้องส่งผลตรวจ RT-PCR ตัวจริง
กรณีเอกสารไม่ครบถ้วนต้องต่อคิวใหม่ หรือมีโอกาสไม่ได้รับชำระหนี้อีกด้วยนะ
อยากให้ทุกคนศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนโหวต
ลองเลือกดูว่าทางไหนที่จะทำให้เราได้รับผลประโยชน์สูงสุดและรวดเร็วที่สุด
ติดตามรายละเอียดอื่นๆ ได้ที่: https://www.smk.co.th/newsdetail/3054