กลายเป็นข่าวดังในต่างประเทศ ที่ชาวเน็ตหลายคนให้ความสนใจอยู่ตอนนี้เลยล่ะครับ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ประเทศเลบานอน ที่ตอนนี้กำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจอย่างหนัก จนทำให้สถานการณ์การเงินของประเทศถึงกับล่มสลาย
ประชาชนหลายคนไม่สามารถถอนเงินของตัวเองออกจากธนาคารได้ แม้จะมีความจำเป็นแค่ไหนก็ตาม เนื่องจากเป็นนโยบายของรัฐที่มีการจำกัดการถอนเงินของประชาชนเอาไว้ เพื่อเก็บเงินเอาไว้หมุนเวียนในระบบให้มากที่สุด
จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ประท้วงขึ้นบ่อยครั้ง รวมไปถึงการลงมือก่อเหตุ “ปล้นธนาคาร” เพื่อเอาเงินของตัวเองออกมา
อ่านข่าวเก่าได้ที่นี่ : ชายเลบานอนก่อเหตุ “ปล้นเงินตัวเอง” จากธนาคาร ประชาชนต่างยกย่องแม้เป็นอาชญากร
ล่าสุดก็เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้ขึ้นอีก โดยสำนักข่าวรายงานว่ามีหญิงสาวชาวเลบานอนรายหนึ่ง ลงมือใช้ “ปืนของเล่น” บุกปล้นธนาคารในเมืองเบรุต เอาเงินของตัวเองออกมาเพื่อเอาเงินไปใช้รักษาน้องสาวของตัวเองที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง
หญิงสาวผู้ก่อเหตุมีชื่อว่า Sali Hafiz โดยสื่อเปิดเผยว่าจำนวนเงินที่เธอปล้นออกไปนั้นมีมูลบค่า 13,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว ๆ 473,500 บาท และหลังจากที่ก่อเหตุเสร็จเธอก็มอบตัวกับตำรวจตรงนั้นเลย
Sali เปิดเผยว่า “ฉันไม่ได้บุกเข้าไปในธนาคารเพื่อเอาชีวิตใคร หรือจุดไฟเพื่อทำลายทรัพย์สิน แต่ฉันเข้ามาเพื่อทวงสิทธิของฉัน”
.
พร้อมกับยืนยันกับสื่อว่าปืนที่เธอใช้ก่อเหตุนั้น เป็นปืนของเล่นพลาสติก ที่ยืมมาจากหลาน ซึ่งแม่ของหลานก็คือน้องสาวของเธอที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แต่ทว่าไม่มีเงินเพียงพอที่จะจ่ายค่ารักษา
ด้วยความที่มันเหลือตัวเลือกอะไรไม่มาก เพราะรัฐบาลกำหนดให้เธอถอนเงินได้แค่เดือนละ 200 เหรียญฯ เท่านั้น (7,285 บาท)
ภาพน้องสาวและหลานสาวของ Sali
ชมคลิปวิดีโอรายงานข่าวได้ที่นี่
จากการให้สัมภาษณ์ของหนึ่งในพนักงานธนาคารที่ทำงานในวันเกิดเหตุ ก็ออกมาเปิดเผยว่า “สถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ เหมือนเป็นการเชื้อเชิญให้คนออกมาก่อเหตุแบบนี้กันมากขึ้น ตอนนี้ประเทศของเรากำลังล่มสลายแล้ว”
เรียบเรียงโดย #เหมียวหง่าว
ที่มา : reuters