กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่กำลังสร้างความกังวลในหมู่นักวิทยาศาสตร์เลยครับ เมื่อไม่นานมานี้เอง องค์การบริหารมหาสมุทรศาสตร์และชั้นบรรยากาศ สหรัฐอเมริกา (NOAA) ได้ออกมาเปิดเผยว่า
พวกเขาได้ค้นพบว่าคลื่นความร้อนสามารถเกิดขึ้นใต้ทะเลได้ด้วย และมันก็กำลังทำให้มหาสมุทรร้อนขึ้นจนกลายเป็นอ่างน้ำร้อนอยู่ จนอาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ที่นั่นได้ไม่ยากเลยด้วย
โดยการค้นพบใหม่นี้ เกิดขึ้นจากการพัฒนาของเทคโนโลยี มันจึงอาจจะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมานานแล้วก็ได้
อย่างไรก็ตามด้วยภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน นักวิจัยได้พบคลื่นความร้อนบ่อยขึ้นทั่วโลก (คลื่นความร้อนในทะเลเกิดถี่ขึ้นถึง 50% ในช่วง 10 ปีมานี้) ดังนั้นที่ใต้น้ำเองก็คงจะเกิดปรากฏการณ์นี้บ่อยขึ้นเช่นกัน
ซึ่งนั่นถือเป็นสิ่งที่อันตรายมากเพราะจากการวิเคราะห์ แค่ที่ผิวน้ำคลื่นความร้อนก็อาจเพิ่มอุณหภูมิได้สูงถึง 5 องศาในเวลาสั้นๆ มากเกินกว่าที่สิ่งมีชีวิตในทะเลจะปรับตัวได้ทันแล้ว
แต่คลื่นความร้อนใต้น้ำยังอาจมีอันตรายได้สูงกว่าอีก เพราะบางครั้งมันก็ไม่สามารถตรวจพบได้จากผิวน้ำ จนทำให้กว่าเราจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ความเสียหายก็อาจจะรุนแรงถึงจุดที่ไม่สามารถกู้คืนแล้ว
และผลกระทบที่มนุษย์เริ่มจะได้รับกันแล้วก็อย่างเช่น การหายไปของประชากรกุ้งล็อบสเตอร์ใกล้ชายฝั่งทางตอนใต้ของนิวอิงแลนด์ หรือเหตุการณ์ปะการังฟอกขาวและการลดลงของปลาค้อดแอตแลนติกนั่นเอง
ที่มา
www.livescience.com/heat-waves-are-hitting-the-deep-ocean-floor-with-potentially-catastrophic-results
www.sciencealert.com/scientists-discover-intense-heatwaves-lurking-at-the-bottom-of-the-ocean
www.iflscience.com/scientists-have-found-heatwaves-at-the-bottom-of-the-ocean-and-thats-extremely-bad-news-68045