เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะชอบ “หมาปั๊ก” เพราะหมาสายพันธุ์นี้มันช่างมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครเลย แต่เชื่อหรือไม่ว่าจากงานวิจัยของ Royal Veterinary College ในอังกฤษ
นักวิทยาศาสตร์ก็ถึงขั้นออกมาบอกว่าปั๊กไม่ควรถูกมองว่าเป็น “สุนัขทั่วไป” อีกต่อไป เพราะหมาสายพันธุ์นี้ต้องปัญหาสุขภาพที่ท่วมท้น ซึ่งสุนัขปกติไม่ควรจะเป็นเลย
โดยตั้งแต่ช่วงปี 2016 เป็นต้นมาทีมวิจัยได้ศึกษาสุนัขพันธุ์ปั๊ก 4,300 ตัว และพันธุ์ที่ไม่ใช่พันธุ์อีกปั๊กเกือบ 22,000 ตัว เพื่อเปรียบเทียบความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพและพบว่า
– ปั๊กมีโอกาสมีความผิดปกติทางสุขภาพตั้งแต่หนึ่งอย่างขึ้นไปสูงกว่าสุนัขพันธุ์อื่นถึง 1.86 เท่า
– มันเสี่ยงเป็นโรคทั่วไปสูงกว่าสุนัขพันธุ์อื่น 23 รายการ (จากทั้งหมด 40 รายการ)
– มันมีโอกาสเป็นโรคทางเดินหายใจอุดกั้นสูงกว่าสุนัขพันธุ์อื่น 54 เท่า
– มันเสี่ยงเป็นโรคโพรงจมูกตีบสูงกว่าปกติ 51 เท่า
– มีโอกาสเป็นแผลที่กระจกตาสูงขึ้น 13 เท่า
ความเสี่ยงที่ท่วมท้นเช่นนี้ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อมโยงโดยตรงกับการที่หมาปั๊กมีจมูกสั้น หนึ่งในวิวัฒนาการที่คาดกันว่าเกิดขึ้นจากการผสมพันธุ์สุนัขตามความชอบของคน เนื่องจากในอดีตปั๊กไม่ได้มีจมูกสั้นขนาดนี้
ดังนั้น นักวิจัยจึงตื่นว่าผู้ทมี่เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ อาจจำเป็นที่จะต้องดูแลมันอย่างใกล้ชิดเป็นอย่างมาก เพราะพวกมันมีความเสี่ยงหลายอย่างมาก จนไม่อาจใช้บรรทัดฐานการดูแลเดียวกับสุนัขทั่วไปได้อีกต่อไปแล้ว
ที่มา
cgejournal.biomedcentral.com/articles/10.1186/s40575-022-00117-6
www.iflscience.com/pugs-can-no-longer-be-considered-as-a-typical-dog-due-to-health-issues-says-study-63755