อัจฉริยะอายุน้อยผู้เคยโด่งดังตัดสินใจนั่งขอเงินพ่อแม่ไปวัน ๆ หลังค้นพบว่าการนั่งอยู่เฉย ๆ และไม่ทำอะไรเลยคือกุญแจแห่งความสุขของชีวิต…
นี่คือเรื่องราวของ จางซินหยาง หนุ่มจีนวัย 28 ปี ผู้เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะตั้งแต่เด็ก
ซินหยางเรียนจบปริญญาตรีตั้งแต่อายุเพียงแค่ 13 ปี จากนั้นเขาก็เริ่มเรียนปริญญาเอกตอนอายุ 16 ปี ความเก่งกาจของเขาทำให้เขาได้รับการขนานนามว่าเป็น “นักศึกษาที่อายุน้อยที่สุดในจีน”
เห็นแบบนี้แล้วทุกคนคงเดาอนาคตซินหยางออกว่าเขาคงจะไปอยู่บริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก และชีวิตคงจะประสบความสำเร็จสุด ๆ แต่ความจริงแล้วกลับไม่เป็นแบบนั้นเลยค่ะ
เพราะหลังจากที่เขาเรียนจบ ซินหยางเลือกที่จะไม่ทำอะไรเลยและใช้เงินของพ่อแม่แทน
ในปี 2011 เขาได้ทำการต่อรองกับพ่อแม่ให้ซื้อแฟลตในปักกิ่งราคา 2 ล้านหยวน (ประมาณ 10 ล้านบาท) ให้เขา หากพ่อแม่ไม่ซื้อเขาจะไม่เรียนปริญญาเอกต่อ
ด้วยความที่พ่อแม่มีเงินไม่มากพอพวกเขาจึงเลือกที่จะทำงานอย่างหนักเพื่อเช่าแฟลตให้กับซินหยางแทน และโกหกซินหยางว่าพวกเขาซื้อมันมาให้ซินหยาง ชายหนุ่มให้สัมภาษณ์ว่า
“พวกเขาอยากให้ผมอยู่ในปักกิ่งมากกว่าใคร พวกเขาควรพยายามอย่างหนักเพื่อสิ่งนี้สิ”
ในปี 2019 ซินหยางสามารถคว้าปริญญาเอกมาได้ตามที่พ่อแม่ต้องการ จากนั้นเขาก็เข้ามาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยในเมืองหนิงเซี่ยหุย และลาออกจากนั้นอีก 2 ปีให้หลัง
หลังลาออกความคิดของซินหยางเปลี่ยนไปทันที เขาไม่มีงานประจำ มีแค่เงินไม่กี่พันหยวนในบัญชี ยังคงอาศัยอยู่ในห้องเช่าในเซี่ยงไฮ้ ทำงานฟรีแลนซ์และพึ่งเงินพ่อแม่
เขาบอกอีกว่า “พวกเขาติดหนี้ผม แฟลตที่พวกเขาไม่เคยซื้อให้ผม มูลค่าตอนนี้มันพุ่งไปมากกว่า 10 ล้านหยวนแล้ว”
และอย่างที่บอกค่ะว่าในตอนนี้ซินหยางมองว่า “การนั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไรเลยคือกุญแจแห่งความสุขของชีวิต”
แน่นอนว่าหลังจากบทสัมภาษณ์และเรื่องราวของเขาเผยแพร่ออกไปก็มีผู้คนมากมายเข้ามาคอมเมนต์วิจารณ์และเรียกเขาว่า “การล่มสลายของอัจฉริยะ” เลยทีเดียว
เรียบเรียงโดย #เหมียวนานะ