นับตั้งแต่ที่มนุษย์คิดค้นอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมาสำเร็จ หนึ่งในคำถามที่คงจะเคยผุดขึ้นมาในใจของหลายๆ คนสักครั้ง ก็คงจะไม่พ้น “จะเกิดอะไรขึ้นหากเกิดสงครามนิวเคลียร์จริงๆ”
ซึ่งคำตอบของคำถามนี้ก็อาจจะเปลี่ยนไปได้ตามปัจจัยตั้งแต่ใครรบกับใคร หรือเป็นการคำนวณในยุคไหน อย่างล่าสุดนี้เองนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศก็เพิ่งจะออกมาเปิดเผยผลการจำลองอันน่าสะพรึงกลัวใหม่เลยว่า
ต่อให้ประเทศแต่ 2 ประเทศทำสงครามนิวเคลียร์กัน ผลกระทบจากสงครามนั้นก็อาจจทำให้คนกว่า 5 พันล้านคน หรือกว่าครึ่งของมนุษย์ทั้งหมดบนโลก อาจจะต้องเสี่ยงกับความตายเลย
ในการจำลองนักวิจัยได้ อาศัยข้อพิพาททางภูมิรัฐศาสตร์ในพื้นที่แคชเมียร์ระหว่างอินเดียและปากีสถานเป็นแหล่งข้อมูลหลัก
โดยพวกเขาพบว่าหากทั้งสองประเทศเปิดฉากสงครามนิวเคลียร์กัน ไม่เพียงแต่คนรอบๆ พื้นที่รบจะถูกสังหารในพริบตาเท่านั้น
แต่การระเบิดยังอาจจะทำให้เกิดความหายนะต่อสภาพภูมิอากาศโลกอย่างมาก เนื่องจากมีเขม่าจากการรบรอบขึ้นไปบนฟ้าร่วม 47 ล้านตัน (หากคู่รบเป็นสหรัฐฯ และรัสเซีย ปริมาณเขม่าอาจมากถึง 150 ล้านตัน)
มันจะทำให้โลกจะเย็นลงอย่างรวดเร็ว ทำร้ายการเกษตรอย่างรุนแรง จนการผลิตอาหารทั่วโลกอาจลดลงตั้งแต่ 7-90% แล้วแต่ขนาดของความขัดแย้งเลย
แต่แม้การจำลองนี้จะแลดูเป็นฝันร้ายนักวิจัยก็ระบุไว้ด้วยว่ามันเป็นการยากที่เราจะข้อสันนิษฐานปฏิกิริยาของการเปลี่ยนแปลงของอาหารต่อผลกระทบของนิวเคลียร์ ตัวเลขที่เห็นจึงอาจยังคลาดเคลื่อนได้มาก
และแม้แต่ในสถานการณ์ที่แย่ที่สุด มันก็ยังมีภูมิภาคบางแห่งของโลกเช่นกันที่จะได้รับผลกระทบน้อยกว่าที่อื่นๆ
ซึ่งในหลายๆ กรณี ภูมิภาคที่จะได้รับผลกระทบต่อสงครามนิวเคลียร์น้อยที่สุดก็จะเป็นพื้นที่แถบ “ออสเตรเลีย” นั่นเอง
ที่มา
www.nature.com/articles/d41586-022-02219-4
futurism.com/nuclear-war-simulation-famine