เราอาจจะคุ้นเคยกับประโยคที่ว่า “คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้” ซึ่งประโยคนี้ไม่ได้ใช้กับมนุษย์เท่านั้น แต่สัตว์ก็เป็นแบบนี้เช่นกัน เพิ่มเติมคือ พวกมันจำเป็นต้องอาศัยความเมตตาจากมนุษย์
น้องเยลโล่ เป็นตัวอย่างของเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับน้องเยลโล่ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมิถุนายน คุณนุ้ยได้พบกับลูกแมวจรจัดตัวหนึ่ง อายุประมาณ 2 เดือน ซึ่งดูเหมือนว่ามีคนจงใจนำน้องมาปล่อยทิ้งไว้ในรั้วบ้านของเธอ
สภาพน้องแมวคือ น้องนอนหมดสติ ผอมโซ มอมแมม มีรอยเขี้ยวสุนัขกัดบริเวณกระดูกไขสันหลัง 2 จุด แต่แผลแห้งแล้ว ขาหลังน้องเหยียดตรงทั้ง 2 ข้าง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่ปกติ
คุณนุ้ยรีบอุ้มน้องแมวไปหาสัตวแพทย์ ซึ่งหลังจากได้รับการช่วยเหลือทางการแพทย์เพียงไม่นาน น้องแมวก็กลับมามีสติอีกครั้ง และเมื่อน้องเริ่มขยับตัว ทุกคนก็พบว่าน้องไม่สามารถใช้งานขาหลังทั้ง 2 ข้างได้
เวลาที่น้องเดิน จะดูคล้ายกับตัวอีที ที่แขนหน้าจะยาวๆ คุณนุ้ยเลยตั้งฉายาให้น้องว่า แมวอีที พร้อมกับตั้งชื่อน้องว่า เยลโล่
สำหรับผลตรวจทางการแพทย์ พบว่า กระดูกน้องหักบริเวณหน้าอก 1 จุด และกระดูกไขสันหลังส่วนปลายอีก 1 จุด แต่เป็นจุดเล็กๆ ซึ่งคุณหมอไม่แนะนำให้ผ่าตัด เนื่องจากน้องยังเล็กมาก และรอยร้าวดังกล่าวก็สามารถประสานเองได้
ส่วนสาเหตุหลักๆ ที่น้องเดินไม่ได้ มาจากระบบประสาทที่ถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง คุณหมอให้รักษาตามอาการ กินยาระบบประสาทและทำกายภาพบำบัด
คุณนุ้ยพยายามรักษาน้องตามที่คุณหมอแนะนำ ควบคู่กับการรักษาด้วยวิธีฝังเข็ม ซึ่งอาการน้องก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่น้องยังมีปัญหาในเรื่องการขับถ่าย เพราะน้องไม่สามารถฉี่เองได้ คุณนุ้ยต้องบีบช่วยทุกๆ 3-4 ชม.
นับตั้งแต่วันแรก คุณนุ้ยดูแลเยลโล่ด้วยความรัก ความเอาใจใส่เสมอ โดยเลี้ยงน้องแบบระบบปิด ให้น้องนอนในห้องที่มีเตียงนุ่มๆ แถมเปิดแอร์ให้ด้วย ต่อให้น้องอยู่ห้องตัวเดียว เธอก็จะเปิดแอร์ให้มัน
แม้ว่าเยลโล่จะมีความบกพร่องทางร่างกาย แต่จิตใจของน้องแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะหลังจากได้รับความรักจากคุณนุ้ย น้องก็กลายเป็นแมวที่มีนิสัยร่าเริง ขี้เล่น และไม่อายที่จะเรียกร้องความสนใจ
กิจวัตรประจำวันของน้องเยลโล่คือ ออกไปส่องนก กลิ้งไปกลิ้งมาบนหญ้าหน้าบ้าน พอสายๆ ก็จะเดินเข้าบ้านเอง แต่ถ้าเข้าไม่ได้ น้องก็จะนั่งรอหน้าประตู เหมือนกับภาพด้านล่างนี้
ปัจจุบันเยลโล่มีสุขภาพดีขึ้นมาก ขนสวย อารมณ์ดี น้องไม่ดุ ไม่เคยกัดทาส และไม่ค่อยชอบให้บีบฉี่นานๆ เพราะรู้สึกไม่สบายตัว ดังนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณนุ้ยบีบฉี่ให้น้องนานเกินไป น้องก็จะเตือนด้วยการบ่นพึมพำ หรือไม่ก็เลียมือเธอ
หลายคนถามว่าแมวที่มีความบกพร่องแบบนี้ เลี้ยงยากมั้ย? คำตอบคือ มันอาจจะไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของคนรักแมว เพียงแค่ต้องดูแลน้องเป็นพิเศษและคอยช่วยเหลือในสิ่งที่น้องทำเองไม่ได้
ส่วนเรื่องอื่นๆ เยลโล่ไม่ได้ด้อยไปกว่าแมวทั่วไปเลย มันทั้งขี้เล่น ชอบเล่นกระดาษลัง เล่นหนูยัดไส้ และมีหมอนเน่าที่น้องหวงมากๆ
เพื่อนๆ สามารถติดตามความน่ารักและการผจญภัยของเยลโล่ได้ที่เพจ เยลโล่ แมวอีที
.
.
.
.
ที่มา เยลโล่ แมวอีที
ติดตาม CatDumb ได้ในช่องทางอื่นๆ
Website: www.CatDumb.com
Youtube: www.youtube.com/c/CatDumbTV-Youtube
Instagram: www.instagram.com/catdumbnews/
TikTok: www.tiktok.com/@CATDUMBtv